Professional Documents
Culture Documents
ทักษะชีวิต
หนวยที่ 1-7
REV22-5850
Facebook สรุปทุกวิชามสธ by B
ฉบับปรับปรุงใหมสุด
ทักษะการคิด
REV22-5850
ความคิดการคิดเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นในสมองที่ใช้สัญลักษณ์หรือภาพแทนสิ่งของเหตุการณ์หรือสถานการณ์ต่างๆ โดยการจัดระบบความรู้
ข้อมูล ข่าวสารซึ่งเป็นประสบการณ์เดิมกับประสบการณ์ใหม่หรือสิ่งเร้าใหม่ที่เป็นไปได้ทั้งในรูปแบบธรรมดาและแบบสลับซับซ้อน ผลจากการ
จัดระบบสามารถแสดงออกได้หลากหลายลักษณะการฝึกการคิดจัดเป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนและพัฒนาได้ โดยการคิดจะเกิดขึ้นได้จําเป็น
ต้องอาศัยองค์ประกอบและปัจจัยหลายประการที่ส่งผลต่อการเกิดความคิด
องค์ประกอบของการคิด
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความคิดมนุษย์
1. พื้นฐานทางครอบครัว (เป็นปัจจัยหลัก)
2. พื้นฐานความรู้
3. ประสบการณ์ชีวิต
4. การทํางานของสมอง
5. วัฒนธรรม
6. จริยธรรม
7. การรับรู้
8. สภาพแวดล้อม
9. ศักยภาพทางการเรียนรู้
10. ประสาทรับรู้
http://forum.eduzones.com/topic/12848
ประโยชนของการคิด ในศตวรรษที่ 21
• การคิด ทําให้มนุษย์สามารถดํารงชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัย
• การคิดก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของมนุษย์ Facebook สรุปทุกวิชามสธ by B
• การคิดมีความสําคัญต่อการเรียนรู้ การจดจําและระลึกได้
• การคิดเป็นกระบวนการทางจิตใจ ก่อให้เกิดจินตนาการและช่วยเยียวยาจิตใจ
• การคิดทําให้สามารถสังเกตพฤติกรรมของผู้อื่นและนําไปใช้ประโยชน์ได้
• การคิดทําให้สามารถทํากิจกรรมเพื่อผู้อื่นและสังคมได้
คุณค่าของการคิดของมนุษย์
1. ความคิดกําหนดการแสดงออกของมนุษย์ สิ่งที่มนุษย์แต่ละคนคิดจะเป็นตัวกําหนดความเป็นบุคคลนั้นๆ
2. ความคิดทําให้มนุษย์รู้จักจัดการ เช่น ต้องการอาหารก็ไม่ใช้วิธียื้อแย่ง โดยการประกอบอาชีพและนําเงินไปแลกมาแทน
3. ความคิดทําให้มนุษย์รู้จักประดิษฐ์สิ่งที่งดงาม เช่น การเขียนภาพวาด การแกะสลัก การเล่นดนตรี ฯลฯ
4. ความคิดทําให้รู้จักการดําเนินชีวิต
5. ความคิดของมนุษย์ทําให้โลกเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงครั้งสําคัญของโลกมีดังต่อไปนี้
- คลื่นลูกที่หนึ่ง : สังคมเกษตรกรรม
- คลื่นลูกที่สอง : สังคมอุตสาหกรรม
- คลื่นลูกที่สาม : สังคมเทคโนโลยีสารสนเทศ Facebook สรุปทุกวิชามสธ by B
- คลื่นลูกที่สี่ : สังคมแห่งการเรียนรู้
ทักษะการคิดขั้นพื้นฐาน
ทักษะการคิดขั้นสูง
มิติการในชีวิตประจําวันของมนุษย์
• มิติด้านข้อมูลเนื้อหาที่ใช้ในการคิด
• มิติด้านคุณสมบัติด้านการเอื้ออํานวยต่อการคิด
• มิติด้านทักษะการคิด
• มิติด้านลักษณะการคิด
• มิติด้านกระบวนการคิด
• มิติด้านการควบคุมและประเมินการคิดของตนเอง
1. การคิดสรางสรรค (Creative thinking) ห
มายถึง กระบวนการคิดในรูป
แบบใหมๆ ความสามารถในการรับรูความคิดใหม ๆ และนวัตกรรมโดย
แยกออกจากความคิดทฤษฎีกฎและขั้นตอนการทํางาน มันเกี่ยวของกับ
การวางสิ่งตางๆดวยกันในรูปแบบใหมและจินตนาการ ความคิด
สรางสรรคมักเรียกกันวา "การคิดนอกกรอบ"
2. การคิดเชิงวิเคราะห (Analytical thinking) หมายถึง กระบวนการคิดใน
รายละเอียด ความสามารถในการแยกแยะสวนตางๆออกเปนสวนพื้น
ฐาน หรือสวนยอยๆ เพื่อตรวจสอบและวิเคราะหความเชื่อมโยง หรือ
ความสัมพันธของสวนประกอบตางๆ เปนการคิดในเชิงตรรกะทีละขั้น
ตอนเพื่อแบงระบบขอมูลขนาดใหญออกเปนสวน ๆ เพื่อมาวิเคราะหหา
สาเหตุ หรือเปาหมายที่ตองการ
3. การคิดเชิงอยางมีเหตุผล (Critical thinking) หมายถึง กระบวนการคิด
โดยใชวิจารณญาณหรือการตัดสินอยางมีเหตุผลรอบดาน โดยใชเหตุผล
ในการวิเคราะหประเด็น รวมทั้งการรวบรวมขอมูลตางๆรอบดาน การ
สํารวจองคประกอบอื่น ๆ ที่อาจมีอิทธิพลตอขอสรุป เพื่อตรวจสอบ
พิจารณา ตัดสินและประเมินความถูกตอง หรือสิ่งที่เปนประเด็นในขณะ
Facebook สรุปทุกวิชามสธ by B
นั้นๆ ใหแมนยํา
การฝึกทักษะการคิดเชิงบวก เป็นกลวิธีที่จําเป็นต้องได้รับการฝึกฝนโดยฝึก
บันได 5 ขั้นของการคิดเชิงบวก
มองโลกให้กว้างและเปิดใจ โดยขจัดการคิดเชิงลบและต้องปรับเปลี่ยนมุมมอง
ชีวิตสุขใช้แนวทางการคิดที่หลากหลาย ฝึกผ่อนคลายความรู้สึกเชิงลบ ใช้
แนวทางของพุทธศาสตร์และเทคนิคอื่นร่วมในการฝึกฝน
ประโยชน์ของการคิดบวก
1. เมื่อเจอปัญหาและสถานการณ์เลวร้าย สามารถหามุมมองที่ดีและผ่านไปได้
2. ทําให้มองกว้างและเปิดใจยอมรับสิ่งต่างๆได้ง่าย
3. ทําให้มีพลังเชิงสร้างสรรค์ทํางานได้หลากหลาย
4. คนคิดบวกเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ทําให้มีเครือข่ายหลากหลาย
5. คนที่มีความคิดบวกมักมองข้ามปัญหาเล็กน้อย ทําให้เผชิญหน้ากับปัญหาที่
สําคัญได้ ซึ่งจะพุ่งความสนใจในการแก้ไขปัญหาได้สําเร็จ
ข้อเสียของการคิดบวก
เป็นการใช้ชีวิตที่มองเพียงด้านเดียวทําให้มองโลกในแง่ดีเกินไปอาจตกเป็น
เหยื่อของคนที่คิดไม่ดี การคิดบวกจนเคยชินทําให้ขาดภูมิคุ้มกันหากเกิดเหตุ
ไม่คาดฝันอาจจะทําให้เสียใจ และรับมือไม่ทัน
https://dol.thaihealth.or.th/Media/Index/6075a694-a84d-e711-80e0-00155da1b02a
การคิดลบ หมายถึง การตัดสินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยังไม่เกิดขึ้นหรือการปฏิบัติต่อบุคคลในทางที่ไม่สร้างสรรค์ เช่น การมีอคติต่อบุคคลรอบ
ตัวการลําเอียง หรือขาดความยุติธรรมที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง การมีความโกรธแค้น อาฆาต พยาบาท
ลักษณะของคนคิดลบหรือมองโลกในแง่ร้าย
> ไม่เคยให้เครดิตตัวเองเวลา ที่ประสบความสําเร็จมองว่าเป็นเรื่องบังเอิญ , ไม่ให้อภัยใครง่ายๆ, หวาดระแวงคนอื่นไม่ไว้ใจใครและมักเห็น
แก่ตัว ,อิจฉาเวลาเห็นคนอื่นได้ดี โดยคนคิดลบมักจะเป็นคนที่มีแนวโน้มที่จะคิด 3 เรื่องต่อไปนี้
1. เหยียดผิว รูปร่าง ศาสนาและเชื้อชาติ คนคิดลบมักจะตีความจากสิ่งที่เห็นภายนอก
2. ตั้งแง่กับทุกสิ่งที่พบ
3. วิตกกังวลเกินเหตุ มักจะกลัวไปซะทุกอย่าง
ประโยชน์ของการคิดลบ
• คาดการณ์ถึงสิ่งที่เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและนําไปสู่การไม่ประมาท
• คนคิดลบส่วนมากมักมองโลกตามความเป็นจริงมากกว่าคนคิดบวก
• ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้อีกทางหนึ่ง เช่น การคิดว่าอาหารที่ขายตามโรงอาหารมีสารพิษตกค้าง จึงระมัดระวังการรับประทานอาหาร
โทษของการคิดลบ
• ทําให้มองอย่างเป็นปัญหาอุปสรรคมีข้อจํากัดมากมาย
• การคิดลบมักเกิดอย่างอัตโนมัติ เกิดจากความรู้สึกว่าตนเองมีปมด้อย Facebook สรุปทุกวิชามสธ by B
• ทําให้เป็นคนโกรธ เครียดแค้น และไม่พอใจตลอดเวลา
• การคิดลบมากๆ ทําให้เป็นคนหวาดระแวง
ความคิดเห็น VS ข้อเท็จจริง
มีความแตกต่างกันความคิดเห็นเป็นเพียงแค่ความเชื่อบางครั้งอาจไม่มีหลักฐานหรือข้อเท็จจริงมารองรับ จึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็น
สิ่งที่ดีหรือไม่ดี เช่น การยืนยันว่าโลกหลังความตายมีจริง ส่วนข้อเท็จจริงเป็นความเชื่อหรือความคิดเห็นที่สามารถพิสูจน์ความจริงได้อย่าง
ชัดเจน เช่น ข้อเท็จจริงว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกทุกวัน
การอ้างเหตุผล
:ไม่ชัดเจนเกิดจากการใช้คําอย่างผิดความหมาย
• การใช้คําย้อมสี เป็นคําที่เราความรู้สึกและสร้างอารมณ์ร่วมมาเป็นคําที่ใช้แสดงความคิดเห็นซึ่ง
แสดงการตีค่าบางสิ่งบางอย่าง เช่น ดี ชั่ว สวย ขี้เหร่
การพิจารณาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ
1. การพิจารณาลักษณะร่วม เป็นการค้นหาสาเหตุพิจารณาจากลักษณะร่วมในชุดของข้อมูลต่างๆที่นํามาซึ่งผลเหมือนกัน
2.การพิจารณาลักษณะที่แตกต่าง เป็นการค้นหาสาเหตุพิจารณาจากลักษณะที่แตกต่างกันในชุดของข้อมูลที่กําลังทําความเข้าใจ ในปรากฏการณ์
ที่คาดว่าจะเป็นสาเหตุ ซึ่งลักษณะที่ต่างกันเหล่านั้นนํามาซึ่งผลที่แตกต่างอาจมีความเป็นไปได้ข้อมูลที่แตกต่างนั้นเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ที่เป็น
ผล เพจสรุปทุกวิชามสธ by B
3. การพิจารณาลักษณะร่วมประกอบและลักษณะที่แตกต่าง เป็นการหาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลในปรากฏการณ์ที่คาดว่าจะเป็นเหตุกับ
ปรากฏการณ์ที่คาดว่าจะเป็นผล โดยพิจารณาทั้งสองลักษณะร่วมและลักษณะที่แตกต่างประกอบกัน
4. การพิจารณาส่วนที่เหลือ เป็นการค้นหาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุโดยตัดปรากฏการณ์ที่ทราบรายละเอียดอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่สาเหตุออกไป
คงเหลือไว้เพียงปรากฏการณ์ที่ยังไม่ทราบแน่ชัดพิจารณาต่อ
5. การพิจารณาความผันแปรร่วม เป็นการพิจารณาความผันแปรระหว่างข้อมูล ที่คาดว่าเป็นเหตุและผลร่วมกัน
ทักษะการใช้เหตุผลเบื้องต้นในชีวิตประจําวันที่สําคัญ
1. ทักษะเพื่อการคัดกรองหลักฐานหรือข้อเท็จจริง เป็นทักษะหรือวิธีการพิจารณาชุดข้อมูลอ้างอิงที่นํามาใช้เป็นเหตุผลสนับสนุนความคิดว่ามีความ
ถูกต้องและน่าเชื่อถือ ประเภทของหลักฐาน แบ่งเป็น หลักฐานโดยตรงและหลักฐานโดยอ้อม
หลักการพิจารณาหลักฐาน
• พิจารณาว่าหลักฐานที่นํามาใช้สนับสนุนการใช้เหตุผลเป็นหลักฐานประเภทใด เช่น เป็นหลักฐานทางตรง/ทางอ้อม
• ความถูกต้องและความเป็นรูปธรรมของหลักฐาน โดยหลักฐานที่นํามาใช้ต้องสามารถพิสูจน์ความถูกต้องให้เห็นได้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม
• นํ้าหนักความน่าเชื่อถือของหลักฐาน
• ความสัมพันธ์ระหว่างหลักฐาน หากมีหลักฐานสนับสนุนหลายชิ้นในกระบวนการอ้างอิงต้องพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างหลักฐานแต่ละชิ้นว่า
เกี่ยวข้องเป็นเหตุผลซึ่งกันและกันหรือไม่
• หากจําเป็นต้องนําหลักฐานจากการตีความของผู้อื่นมาใช้ในการสนับสนุนกระบวนการอ้างเหตุผล ต้องตรวจสอบภูมิหลังของผู้นั้นอย่างละเอียด
โดยพิจารณาความรู้ความสามารถในการตีความของบุคคลนั้นประกอบ
2. ทักษะการใช้เหตุผลเพื่อประเมินคุณค่า มีขั้นตอนการประเมินดังนี้
• กําหนดขอบเขตหรือบริบทที่ต้องการประเมินคุณค่า
• ค้นหาเกณฑ์การประเมินคุณค่า
• ประเมินคุณค่า
• สรุปผลการประเมินคุณค่า Facebook สรุปทุกวิชามสธ by B
(สามารถอ่านตัวอย่าง เพิ่มเติมได้ในหน้า 2-28, 2-28)
3. ทักษะการใช้เหตุผลเพื่อแก้ปัญหา
1. ทําความเข้าใจที่มาลักษณะของปัญหาที่ต้องการจะแก้ไข
2. ระบุขอบเขตของปัญหา
3. ค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา
4. เลือกแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม
5. สรุปผลการแก้ปัญหา
ทักษะการใช้เหตุผลเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและข่าวสาร การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
Facebook สรุปทุกวิชามสธ by B
แนวคิดเรื่องการแสวงหาความรู้
• การแสวงหาความรู้อย่างไม่เป็นระบบ เกิดความสงสัยของมนุษย์และมีการแสวงหาความจริง
• การนิรนัยและการอุปนัย
• วิธีการทางวิทยาศาสตร์ เป็นวิธีการแสวงหาความรู้ความจริงของมนุษย์ที่ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทําให้เกิดความน่าเชื่อถือ
และนําไปสู่การวิจัยอย่างเป็นระบบ
• การวิจัย เป็นการแสวงหาความรู้ความจริงโดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เป็นเหตุเป็นผลและมีกระบวนการศึกษาค้นคว้าอย่างเป็น
ระบบ เพจสรุปทุกวิชามสธ by B
การเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
1. การเรียนรู้เป็นบ่อเกิดของความรู้ ความคิดและปัญญา
2. การเรียนรู้เปรียบเป็นขุมทรัพย์ในตน
3. การเรียนรู้คือชีวิต
4. การเรียนรู้เป็นวัฒนธรรมและวิถีชีวิต
การเรียนรู้ตามวิถีไทยแบบเดิม
> อิงแนวทางในพุทธศาสนาโดยเน้นการพัฒนาคนทั้งรายบุคคลและกลุ่มคน เป็นการบูรณาการความรู้และปฏิบัติ คุณธรรมจริยธรรมเพื่อการ
อยู่ร่วมกันในสังคม หลักการสําคัญของการเรียนรู้หรือการสร้างคุณลักษณะของผู้ใฝ่รู้ ในพุทธศาสนา คือ หลัก “พหูสูต” (สุ จิ ปุ ลิ)
สุ : การฟัง รวมถึงการรับข้อมูลข่าวสารจากแหล่งต่างๆ เช่น การฟังบรรยาย
จิ : การคิดเป็น รู้จักคิดพิจารณาไตร่ตรอง
ปุ : การซักถามหาความรู้หาคําตอบเพื่อให้กระจ่างชัดเจน
ลิ : การจดบันทึก
การเรียนรู้ในโลกของการเปลี่ยนแปลง
แหล่งการเรียนรู้ประเภทองค์การสารสนเทศ
Facebook สรุปทุกวิชามสธ by B
ความฉลาดรู้เรื่องสารสนเทศ สื่อและดิจิทอล
เทคโนโลยีดิจิทอลมีพัฒนาการจากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่เชื่อมโยงการทํางานเป็นเครือข่าย สะท้อนความ
ซับซ้อนและความท้าทายของโลกยุคดิจิทัล
Facebook สรุปทุกวิชามสธ by B
เทคโนโลยีดิจิทัลที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงโลก
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1416976
ความฉลาดรู้เรื่องสารสนเทศ สื่อและดิจิทอล
> เป็นทักษะในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย ความฉลาดรู้สําคัญสามด้านโดยมีแนวคิด ความเหมือน ความแตกต่าง จุดเน้นและความเชื่อมโยง
บูรณาการกันเป็นองค์รวม เนื่องจากความฉลาดรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งย่อมไม่เพียงพอในโลกปัจจุบัน จําเป็นต้องบูรณาการและรวบรวมความฉลาดรู้
เป็นความฉลาดรู้ชุดเดียวกัน เพื่อพัฒนาบุคคลให้มีสมรรถนะที่จําเป็น ในสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ใหม่ในโลกยุคดิจิทัล และพัฒนาเป็น
พลเมืองดิจิทัล
ทักษะการเป็นพลเมืองดิจิทัล
https://www.healthymediahub.com/media/detail/ความฉลาดทางดิจิทัล-(DQ:-Digital-Intelligence)
การประเมินสารสนเทศและสื่อ
ข่าวลวง
Facebook สรุปทุกวิชามสธ by B
บุคลิกภาพ มนุษย์สัมพันธ์และการสร้างความสัมพันธ์ภายในสังคม
บุคลิกภาพภายใน
> หมายถึง ลักษณะของบุคคลแต่ละบุคคลที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้แต่แก้ไขได้ยาก เช่น ความรู้สึกนึกคิด ความเชื่อมั่นในตนเอง อารมณ์
ที่มั่นคง สติปัญญา ทัศนคติและความสนใจในสิ่งต่างๆ เพจสรุปทุกวิชามสธ by B
บุคลิกภาพภายนอก
ความสําคัญของบุคลิกภาพ
1. ประสิทธิภาพการปฎิบัติงาน ถ้าบุคคลมีแรงจูงใจ ก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความพยายามที่จะดําเนินงานไปสู่ความสําเร็จได้
2. การกําหนดทิศทางการดําเนินงาน ได้แก่
> บุคคลที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สูง ใช้กลยุทธ์ที่มีความหลากหลายและมีแนวคิดความแปลกใหม่ของผลผลิต
> บุคลิกภาพแบบกล้าได้กล้าเสีย บุคคลประเภทนี้มักจะยอมลงทุนกล้าเผชิญกับความล้มเหลว
> บุคคลที่มีความระมัดระวังรอบคอบ มักไม่ลงทุนกับสิ่งแน่นอนและจะทํางานด้วยความรู้สึกมั่นคง
3. ความน่าเชื่อถือ บางคนจะมีบุคลิกภาพบางด้าน เช่น บุคคลที่รักษาคําพูด อารมณ์มั่นคงมีเหตุผล จะเป็นที่ยอมรับต่อผู้คนรอบข้าง
และสังคม
การนําความสําคัญของบุคลิกภาพไปใช้ในประเด็นต่างๆ เช่น การยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล, การตระหนักในเอกลักษณ์
ของบุคคล , การคาดหมายพฤติกรรม, ความมั่นใจ, การปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นๆ, การยอมรับของกลุ่ม และความสําเร็จ
องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อบุคลิกภาพ
การพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อการสร้างความสัมพันธ์ในสังคม
ปัญหาของการให้สามารถพัฒนาบุคลิกภาพในการปรับบุคลิกภาพ
• เป็นคนที่มีอาการเคร่งเครียด ขาดความยืดหยุ่นบุคคลกลุ่มนี้ไม่พร้อมที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ทั้งสิ่งดีและไม่ดีที่เข้ามาในชีวิต
• มีอาการเจ็บป่วยทางกาย
• ไม่มีสมรรถภาพในการดําเนินชีวิต เช่นอาจจะเป็นคนที่ล้มละลาย ทําให้ไม่มีจิตใจที่จะพัฒนาตัวเอง
ประโยชน์ของการพัฒนาบุคลิกภาพ
1. ความสามารถในการรับรู้และเข้าใจสภาพเป็นจริงอย่างถูกต้อง
Facebook สรุปทุกวิชามสธ by B
2. การแสดงอารมณ์ในลักษณะและขอบเขตที่เหมาะสม
3. ความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม
4. ความสามารถในการทํางานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวม
5. ความรักและความสนใจในเพศตรงข้าม
6. ความสามารถในการพัฒนาตน
มนุษย์สัมพันธ์กับการสร้างความสัมพันธ์และความสําคัญในสังคม
การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในสังคม
> การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้นภายในสังคมได้นั้น ต้องเริ่มจากการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว โดยหากบุคคล
ในครอบครัวมีความสัมพันธ์กันอย่างอบอุ่นจะส่งผลถึงต่อสุขภาพจิตที่ดีของทุกคนในบ้านกลายเป็นพื้นฐานการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
ในสังคมโดยรวม การเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัวที่มีประสิทธิภาพของสังคมต้องประกอบด้วย
1. ด้านร่างกายและจิตใจ คือ เป็นบุคคลที่เข้มแข็ง มีจิตใจมุ่งมั่น สุขภาพจิตดี มองโลกในแง่ดี
2. ด้านสติปัญญา มีความเฉลียวฉลาดทันคน มีความมั่นใจและเชื่อมั่นในตนเอง มีความคิดสร้างสรรค์
3. ด้านอารมณ์ มีความสามารถในการตระหนักรู้ถึงความรู้สึกของตนเอง บริหารจัดการอารมณ์ของตนเองและกล้าที่จะตัดสินใจ
ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัว
• การชื่นชมคุณค่าบุตรหลานและสมาชิกในครอบครัว
• การที่สมาชิกมีเวลาอยู่ร่วมกัน มีกิจกรรมหลายอย่างด้วยกัน
• การเต็มใจร่วมทุกข์ร่วมสุขกันในครอบครัว
• การติดต่อสื่อสารระหว่างสมาชิกในครอบครัว
• การมีศรัทธาต่อศาสนาร่วมกัน
• การที่สมาชิกใช้สมรรถนะที่ตนมีจัดการกับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัว
การสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลทั่วไป
> จะต้องมีความเข้าใจความเหมือนกันและความต่างกันของคนและความต้องการของคนทั่วไป อาจจะนํามาใช้ในการสร้างความสัมพันธ์ที่
ดีกับบุคคลทั่วไปในการทํางานมีวิธีการที่สําคัญดังนี้
1.ความจริงใจและไมตรีจิต
2. การแสดงออกถึงความเป็นมิตรและสามารถรับฟังเรื่องราวต่างๆ
3. ความอ่อนน้อมถ่อมตน
4. การให้ความสําคัญและการให้เกียรติซึ่งกันและกัน
5. การแสดงออกถึงความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือ
6. การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
ในส่วนของการทํางานหาดอยู่ในตําแหน่งของผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้บังคับบัญชา อ่านเพิ่มเติมในเรื่องของการเป็นตัวอย่างที่ดีมีความ
อดทนอดกลั้นและควบคุมอารมณ์ตนเองได้ โดยต้องชื่นชมและยินดีกับความสําเร็จของผู้อื่นรวมทั้งให้ความช่วยเหลือเป็นกําลังใจและ
สนับสนุนแก่เพื่อนร่วมงาน เพจสรุปทุกวิชามสธ by B
Facebook สรุปทุกวิชามสธ by B
6 การจัดการอารมณ์ ความเครียดและปัญหาทางอารมณ์
อารมณ์เป็นกระบวนการที่มีความซับซ้อนและมีความเป็นสากล โดยเป็นกระบวนการที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกเพื่อรับมือกับสถานการณ์ใน
แต่ละช่วงเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอารมณ์ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายจิตใจ และการแสดงพฤติกรรมในหลักหลาย
ลักษณะตามภาวะอารมณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เพจสรุปทุกวิชามสธ by B
องค์ประกอบของอารมณ์
1. สิ่งเร้าที่เข้ามากระตุ้นอารมณ์
2. การประเมินทางปัญญา
3. ปฏิกิริยาตอบสนองทางร่างกาย
Facebook สรุปทุกวิชามสธ by B
4. การแสดงออกทางพฤติกรรม
5. พฤติกรรมตามเป้าหมาย
ชนิดของอารมณ์
ผลของอารมณ์ที่มีต่อตนเองและผู้อื่น
• ผลต่อร่างกาย อารมณ์ส่งผลโดยตรงต่อการตื่นตัวทางสรีระ
ภายในร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยระบบประสาทสัมผัสที่มี
ผลต่อการเกิดพฤติกรรม โดยอารมณ์จะส่งผลถึงร่างกายอาจเป็น
สาเหตุก่อให้เกิดการเจ็บป่วย เช่น อารมณ์เครียด
• ผลของอารมณ์ต่อความจําและการเรียนรู้
• ผลของอารมณ์ต่อกระบวนการรู้คิด
• ผลของอารมณ์ต่อพฤติกรรม
• ผลของอารมณ์ต่อสัมพันธภาพกับผู้อื่น เช่น พฤติกรรมก้าวร้าว
พูดจาเสียงดัง มีผลกระทบทําให้เข้าสังคมได้ลําบาก
ความเครียดเป็นสภาวะทางอารมณ์ ที่ส่งผลให้เกิดความกดดันและเป็นปัญหาทางสุขภาพจิตที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย จิตใจ และ
พฤติกรรมบุคคลจึงควรรู้จักวิธีการจัดการความเครียด โดยแนวทางการจัดการความเครียดมีดังนี้
•แนวทางในการปฏิบัติตนเพื่อลดความเครียด
- การดูแลร่างกายของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ
- การมีกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ความเพลิดเพลิน
- การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- การฝึกหายใจเข้าออกช้าๆโดยใช้กระบังลม
- การปรับวิธีคิดให้ถูกต้องเพื่อลดความคิดที่เป็นผลร้ายต่อสุขภาพ
ปัญหาสุขภาพจิตที่ก่อให้เกิดโรคภัย ที่มาจากความเครียด เช่น โรคซึมเศร้า, ภาวะหมดไฟในการทํางาน และโรคไบโพล่าร์
การจัดการปัญหาทางอารมณ์และการส่งเสริมสุขภาพจิต
การให้ความช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาทางอารมณ์และสุขภาพจิตสามารถทําได้โดย
1. การสังเกตพฤติกรรมของบุคคล สังเกตการเปลี่ยนแปลงของการแสดงออกทางด้านจิตใจและพฤติกรรม
2. การช่วยเหลือด้วยเทคนิคการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องต้น โดยการพูดคุยถามไถ่และรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความเข้าอกเข้าใจ เพื่อให้ผู้
ที่มีปัญหารับรู้ได้ว่าเขายังมีคนที่มีคนอยู่เคียงข้างและอยู่อย่างเข้าใจ โดยอาศัยการมีสัมพันธาพดี การฟังอย่างใส่ใจการสะท้อนความรู้สึกและ
การทวนซํ้าเพื่อให้การสนทนานั้นมีประสิทธิภาพ
3. การส่งต่อเพื่อขอความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมจากหน่วยงานดูแลด้านปัญหาทางอารมณ์และสุขภาพจิตของภาครัฐหรือเอกชน
การจัดการข้ามวัฒนธรรม
7 วัฒนธรรม คือ ความคิดรวบยอดของสังคมที่ตกผลึกจากองค์ประกอบต่างๆหล่อหลอมถ่ายทอดกันมารุ่นสู่รุ่น โดยไม่ใช่สิ่งที่
เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแต่เกิดจากการเรียนรู้ การแบ่งปัน การส่งผ่าน โดยมีค่านิยม ทัศนคติ และบรรทัดฐานคอยกลั่นกรอง
และบ่งชี้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ผิด และสิ่งใดเป็นสิ่งที่ถูกต้องสมควรทํา
วัฒนธรรมสามารถแยกย่อยลงไปได้อีกขึ้นอยู่กับระดับความคิดของมนุษย์แบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ
1. กระบวนการคิดระดับปัจเจกบุคคล หมายถึง ความคิดของบุคคลเพียงคนเดียว เช่น รสนิยมความชื่นชอบ ทัศนคติส่วนตัว
2. ระดับความคิดของกลุ่ม หมายถึง วัฒนธรรมของผู้คนในกลุ่มเดียวกันที่มีขนาดใหญ่หรือเล็กก็ได้เช่น วัฒนธรรมไทย วัฒนธรรมหมู่บ้าน โดย
วัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้ามวัฒนธรรม คือ
> วัฒนธรรมระดับชาติ เป็นความคิดรวบยอดซึ่งแสดงออกมาเป็นลักษณะประจําชาติแต่ละชาติ บนพื้นฐานของค่านิยมความเชื่อศาสนาทัศนคติ
> วัฒนธรรมย่อย เป็นกลุ่มวัฒนธรรมขนาดเล็กแฝงตัวอยู่ในกลุ่มวัฒนธรรมขนาดใหญ่ เช่นกลุ่มชาวพุทธในประเทศสหรัฐอเมริกา
> วัฒนธรรมองค์กร เป็นค่านิยม ความคิดรวบยอดที่กําหนดทิศทางการบริหารงานในการทํางานร่วมกัน
3. ระดับความคิดที่เป็นสากล กระบวนการคิดของมนุษย์ที่มีลักษณะร่วมกันโดยทั่วไปเป็นความคิดสากล เช่น การหัวเราะเมื่อมีความสุข
องค์ประกอบของวัฒนธรรม
ลักษณะของวัฒนธรรม B 1. วัฒนธรรมเป็นคุณค่าร่วมกันของสังคม
Da 2. วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ Facebook สรุปทุกวิชามสธ by B
3. วัฒนธรรมมีระบบโครงสร้างแบบแผน
B 4. วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่สั่งสมกันมารุ่นต่อรุ่น
พื้นฐานวัฒนธรรมไทยที่มีผลต่อการทํางาน
• พื้นฐานทางด้านความเชื่อ : การทําบุญบริษัท , การตั้งศาล, การใช้เครื่องรางของขลังในการเรียกลูกค้า
• พื้นฐานทางด้านการเมืองการปกครอง : เช่น ในสมัยสุโขทัยใช้การปกครองแบบพ่อปกครองลูก แนวคิดเรื่องความเป็นคนของผู้ปกครองเป็นผลผลิต
จากหลักการปกครองแบบ ทศพิธราชธรรม ตามความเชื่อทางศาสนา
• พื้นฐานทางด้านภาษา : ภาษาไทยแบ่งชนชั้นของการใช้ภาษาตามความเหมาะสมแต่ละคน เช่น ภาษาที่ใช้พูดกับผู้อาวุโส ภาษาที่ใช้พูดกับพระ
• พื้นฐานทางด้านค่านิยม มารยาทและทัศนคติ
• พื้นฐานทางด้านการศึกษา เกิดปัญหา สมองไหลหลังจากคนเก่งในประเทศไปทํางานในประเทศที่ได้รายได้สูงและ เจริญกว่า
• พื้นฐานทางด้านโครงสร้างทางสังคม เพจสรุปทุกวิชามสธ by B
ลักษณะการทํางานของสังคมไทยในปัจจุบัน
> สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความยืดหยุ่นสูงไม่ชอบการประทะ ใช้หลักการประนีประนอมและเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ชอบการทํางานเป็นทีมมากกว่าการ
แข่งขัน มักใช้เส้นสายในระบบอุปถัมภ์เป็นเครื่องมือในการต่อรองกับอํานาจที่สูงกว่า ให้ความสําคัญกับการใช้เส้นสายความสัมพันธ์เชิงเครือญาตพี่
น้องมากกว่าความสามารถในการบริหารที่แท้จริง ผู้ชายและผู้หญิงสามารถทํางานได้ในตําแหน่งระดับใกล้เคียงกันโดยไม่มีการแบ่งแยกเพศ
วัฒนธรรมข้ามชาติ
คือ การติดต่อระหว่างวัฒนธรรมสองวัฒนธรรมขึ้นไป บนพื้นฐานของแนวคิดว่ามนุษย์มีจุดร่วมทางแนวคิดที่เหมือนกันเป็นสากล และมีแนวคิด
เฉพาะของแต่ละวัฒนธรรมแตกต่างกันออกไป
ปัญหาที่เกิดจากทัศนคติการติดต่อข้ามวัฒนธรรม
1. ทรรศนะที่เห็นว่าวัฒนธรรมตัวเองถูกต้องที่สุด
2. การเหมารวมและการด่วนสรุป
3. อคติและการเหยียดหยาม เช่น การเหยียดสีผิวและการเหยียดชาติพันธ์ุ , การเหยียดเพศ, การเหยียดอายุ , การเหยียดศาสนาและ
ความเชื่อ และภาวะการเข้าสู่วัฒนธรรมใหม่
ทักษะการจัดการข้ามวัฒนธรรม
การจัดการข้ามวัฒนธรรม เป็นการเรียนรู้ความแตกต่างทางวัฒนธรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกลุ่มหรือองค์กรที่มีวัฒนธรรมที่แตก
ต่างกัน เพื่อลดอคติ ลดช่องว่างทางความคิด เสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกันเพื่อให้การทํางานเป็นไปได้อย่างราบรื่น
พฤติกรรมเชิงลบในการจัดการข้ามวัฒนธรรม
1. การฉ้อโกงและการคอรัปชั่น
2. การให้ และ รับสินบน
3. ปัญหาสิทธิมนุษยชน
4. การทําลายสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ
5. การดําเนินธุรกิจโดยไม่คํานึงถึงจริยธรรม
Facebook สรุปทุกวิชามสธ by B
แอดมินกําลังใจให้เสมอนะคะ