Professional Documents
Culture Documents
อนุลักษณ จันทรคำ
ปรับปรุงครั้งที่ 3
ปรับปรุงครั้งที่ 3 ดวงรัตน ริยอง I อนุลักษณ จันทรคำ
พยาธิใบใม
(ปรับปรุงครั้งที่ 3)
ดวงรัตน ริยอง
อนุลักษณ จันทรคํา
หนังสือเลมนี้ไดรับการสนันสนุนจาก
โครงการตํารา คณะแพทยศาสตร
พ.ศ. 2563
พยาธิใบไม
ISBN 978-616-565-710-5
พิมพ์ครั้งที่ 1 มกราคม 2560
พิมพ์ครั้งที่ 2 มิถุนายน 2561 (ฉบับปรับปรุง)
พิมพ์ครั้งที่ 3 มกราคม 2563 (ฉบับปรับปรุง)
จํานวนพิมพ์ 100 เล่ม ราคาเล่มละ 300.- บาท
สงวนสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์
ข้อมูลบรรณานุกรมห้องสมุด
ดวงรัตน์ ริยอง
พยาธิใบไม้ (ปรับปรุงครั้งที่ 3). -- เชียงใหม่ : คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2563
232 หน้า : ภาพประกอบ, ตาราง
1. พยาธิใบไม้.
I.อนุลักษณ์ จันทร์คํา, ผู้แต่งร่วม.
II. พยาธิใบไม้ (ปรับปรุงครั้งที่ 3)
592.48
ISBN 978-616-565-710-5
คํานํา
โรคติดเชื้อพยาธินับว่าเป็นปัญหาสําคัญทางสาธารณสุขสําหรับประชากร
ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีอุปนิสัยในการบริโภคอาหารที่สุก ๆ ดิบ ๆ หรือไม่ถูก
สุ ข ลั ก ษณะ กลุ่ ม พยาธิ ที่ พ บได้ บ่ อ ยตามลั ก ษณะรู ป ร่ า งได้ แ ก่ พยาธิ ตั ว กลม
(nematodes), พยาธิตัวตืด (cestodes หรือ tapeworm) และพยาธิใบไม้
(trematodes หรือ fluke) ซึ่งพยาธิใบไม้ตับจัดเป็นสาเหตุสําคัญที่ก่อให้เกิด
ปัญหาทางด้านสาธารณสุขของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ประมาณการว่ามีผู้ป่วย
ด้วยโรคพยาธิใบไม้ตับไม่น้อยกว่า 8 ล้านคนในประเทศ
ในส่วนของพยาธิใบไม้นั้น การติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ (Opisthorchis) มี
ความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งท่อน้ําดี โดยพบว่ามีอัตราของการเกิดมะเร็งท่อ
น้ําดีสูงในผู้ป่วยที่อาศัยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความชุก
ของการติดพยาธิใบไม้ตับสูงกว่าพื้นที่อื่นของประเทศไทย นอกจากนี้องค์ก าร
อนามัยโลก (World Health Organization) ได้จัดลําดับพยาธิใบไม้ที่ก่อให้เกิด
โรคพยาธิใบไม้เลือดเป็นโรคในเขตร้อนที่มีความสําคัญเป็นลําดับที่สองรองจากโรค
มาลาเรีย ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจของประชากรโลก
มากกว่า 200 ล้านคน ใน 76 ประเทศ
ในเนื้อหาของตําราเล่มนี้ได้บรรยายถึงองค์ความรู้ของพยาธิใบไม้ในแง่ต่าง ๆ
อาทิ ลักษณะทางกายรูปวิทยา วงจรชีวิต การแพร่กระจายทางภูมิศาสตร์ พยาธิ
สภาพและอาการของโรค การวินิจฉัย การรักษา การป้องกันโรค การศึกษาวิจัย
ทางภูมิคุ้มกันของโฮสต์ ระบาดวิทยาของพยาธิเพื่อการเฝ้าระวังและป้องกันการ
ติดเชื้อ การศึกษาอณูชีววิทยาถึงระดับพันธุกรรมและวิวัฒนาการชาติพันธุ์ของ
พยาธิ การพัฒนาวัคซีน และการนําสารสกัดที่ได้จากสมุนไพรมาใช้เป็นยาฆ่า
พยาธิใบไม้อันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจ
ii
ตําราพยาธิใบไม้เล่มนี้ได้จัดทําขึ้นเพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอนด้าน
ปรสิตให้กับนักศึกษาในระดับปริญญาตรี ที่ครอบคลุมเนื้อหาในรายวิชาปรสิต
วิทยาสําหรับนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ (พ.ปร. 221), ปรสิตวิทยาสําหรับนักศึกษา
เทคนิคการแพทย์ (พ.ปร. 331), ปรสิตวิทยาสําหรับนักศึกษาเภสัชศาสตร์ (พ.ปร.
242), และนัก ศึก ษาแพทย์ (พ.วพ. 218, พ.วพ. 219, พ.วพ. 311) รวมทั้ง
นักศึกษาบัณฑิตศึกษา ระดับปริญญาโทและปริญญาเอก (พ.ปร. 702) และให้
ความรู้กับผู้สนใจทั่วไปทางด้านปรสิตในประเทศไทย ซึ่งผู้นิพนธ์ได้ศึกษาค้นคว้า
จากตําราและวารสารทางวิชาการทั้งในประเทศและนอกประเทศ รูปแบบการ
นําเสนอมีเนื้อหา ภาพจริงสวยงาม ซึ่งผู้นิพนธ์ได้บันทึกด้วยตัวเองและได้รับความ
อนุเคราะห์มา รวมทั้งมีคําอธิบายที่ถูกต้องเพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจเนื้อหาได้ดี
และรวดเร็วยิ่งขึ้น
ผู้นิพนธ์หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ตําราที่ได้เรียบเรียงขึ้นนี้จะเป็นประโยชน์แก่
นักศึกษา นักวิจัย และผู้ที่สนใจเกี่ยวกับพยาธิใบไม้ที่มีความสําคัญทางการแพทย์
เพื่อจะนําไปใช้ศึกษา ค้นคว้า และอ้างอิงต่อไปในอนาคต
สารบัญ
บทที่ 1 บทนําและการจัดแบ่งกลุ่มพยาธิใบไม้
การจัดกลุ่มตามหลักอนุกรมวิธาน 1
การจัดกลุ่มแบบง่าย 5
ระบบต่าง ๆ ของพยาธิใบไม้ 9
รูปร่างลักษณะไข่และตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ 16
ดวงรัตน ริยอง
บทที่ 2 พยาธิใบไม้ปอด
Paragonimus heterotremus 27
Paragonimus westermani 37
ดวงรัตน ริยอง
บทที่ 3 พยาธิใบไม้ตบั
Opisthorchis viverrini 48
Opisthorchis felineus 61
Clonorchis sinensis 63
Dicrocoelium dendriticum 66
Eurytrema pancreaticum 71
Fasciola hepatica 76
Fasciola gigantica 76
ดวงรัตน ริยอง
บทที่ 4 พยาธิใบไม้ลําไส้
Fasciolopsis buski 100
Gastrodiscoides hominis 108
Echinostoma malayanum 116
Echinostoma ilocanum 119
iv
5. PARAMPHISTOMATIDAE
6. ECHINOSTOMATIDAE
7. HETEROPHYIDAE
8. LECITHODENDRIIDAE
9. SCHISTOSOMATIDAE
การจัดแบ่งกลุ่มพยาธิใบไม้ตามหลักอนุกรมวิธาน โดยพยาธิใบไม้จัดอยู่ใน
class trematoda แบ่งเป็น 3 order ได้แก่
Order 1 Monogenea พยาธิกลุ่มนี้มีวิวัฒนาการที่ด้อยที่สุด ส่วนใหญ่เป็นปรสิต
ภายนอก (ectoparasite) ของสัตว์เลือดเย็นที่อาศัยอยู่ในน้ํา สัตว์ครึ่ง
บกครึ่งน้ําและสัตว์เลื้อยคลาน เช่น ปลา กบ เต่า เป็นต้น ในวงจรชีวิต
ไม่ต้องการโฮสต์สื่อกลาง ส่วนล่างของลําตัวพยาธิตัวเต็มวัยมีอวัยวะ
เกาะ ติดโฮสต์เรียกว่า opisthaptor ส่วนหัวมีอวัยวะเกาะติดขนาด
เล็กเรียกว่า prohaptor
Order 2 Aspidobothrea พยาธิกลุ่มนี้เป็นปรสิตภายใน (endoparasite) ของ
หอย ปลา เต่า เป็นต้น พยาธิตัวเต็มวัยไม่มี oral sucker แต่มีอวัยวะ
เกาะติดด้านท้องขนาดใหญ่และแบ่งเป็นห้อง ๆ
Order 3 Digenea พยาธิเป็นปรสิตภายในร่างกายของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
รวมทั้งคน มีวงจรชีวิตแบบซับซ้อนอาศัยโฮสต์สื่อกลางอย่างน้อย 1 ชนิด
พยาธิใบไม้กลุ่มนี้มีการสืบพันธุ์ 2 แบบคือ ระยะตัวเต็มวัย (adult) ที่
อาศัยอยู่ในโฮสต์เฉพาะได้แก่ สัตว์มีกระดูกสันหลังจะมีการสืบพันธุ์
แบบอาศัย เพศ (sexual reproduction) โดยมีก ารผสมพัน ธุ ์แ ละ
ออกไข่ ส่วนระยะตัวอ่อน (immature) ที่อาศัยอยู่ในพืชและสัตว์ชนิด
ต่าง ๆ เช่น พืชน้ํา กุ้ง หอย ปู ปลาน้ําจืด มีการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัย
เพศ (asexual reproduction)
พยาธิ ตั ว เต็ ม วั ย มี รู ป ร่ า งคล้ า ยใบไม้ ลํ า ตั ว แบนด้ า นท้ อ ง ลั ก ษณะเป็ น
bilateral symmetry มีอวัยวะเกาะติดอยู่ทางส่วนหัวเรียกว่า oral sucker และ
บทนํา การจัดแบ่งกลุ่มพยาธิใบไม้ 3
(g) Schistosome
พยาธิตัวผู้มีลักษณะเด่น คือ มีร่องยาวที่ด้านท้อง (gyneco-
pholic canal) สําหรับให้พยาธิตัวเมียอาศัยอยู่ กลุ่มนี้ ได้แก่
พยาธิใบไม้เลือด
การจั ด หมวดหมู่ ข องพยาธิ ใ บไม้ ส ามารถจั ด แบ่ ง แบบ family ตามหลั ก
อนุกรมวิธานดังนี้ (ตารางที่ 1.1)
1. Family Schistosomatidae Poeche, 1907
พยาธิใบไม้เลือด: Schistosoma mansoni,
Schistosoma japonicum, Schistosoma haematobium,
Schistosoma mekongi, Schistosoma intercalatum
2. Family Paragonimidae Dollfus, 1939
พยาธิใบไม้ปอด: Paragonimus westermani,
Paragonimus heterotremus
3. Family Opisthorchiidae Braun, 1901
พยาธิใบไม้ตับ: Opisthorchis viverrini,
Opisthorchis felineus, Clonorchis sinensis
4. Family Heterophyidae Odhner, 1914
พยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดเล็ก: Heterophyes heterophyes,
Metagonimus yokogawai, Haplorchis spp.
5. Family Fasciolidae Railliet, 1895
พยาธิใบไม้ตับ: Fasciola hepatica, Fasciola gigantica
พยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดใหญ่: Fasciolopsis buski
6. Family Paramphistomatidae Fischoeder, 1901
พยาธิใบไม้ลําไส้: Gastrodiscoides hominis,
Watsonius watsoni
บทนํา การจัดแบ่งกลุ่มพยาธิใบไม้ 5
PHYLUM PLATYHELMINTHES
CLASS TREMATODA
ORDER DIGENEA
Schistosoma japonicum
Schistosoma haematobium
Schistosomatida Schistosoma mansoni
Schistosoma mekongi
Paragonimidae Paragonimus westermani
Paragonimus heterotremus
Opisthorchis viverrini
Opisthorchiidae Opisthorchis felineus
Clonorchis sinensis
Heterophyes heterophyes
Heterophyidae Metagonimus yokogawai
Haplorchis taichui
Fasciola hepatica
Fasciolidae Fasciola gigantica
Fasciolopsis buski
Gastrodiscoides hominis
Paramphistomatidae Watsonius watsoni
Dicrocoelium dendriticum
Dicrocoeliidae Eurytrema pancreaticum
Echinostoma malayanum
Echinostoma ilocanum
Echinostomatidae Echinostoma revolutum
Episthmium caninum
Hypoderaeum conoidium
Lecithodendriidae Phaneropsolus bonnei
Prosthodendrium molenkampi
Nanophyetidae Nanophyetus salmincola
Nanophyetus salmincola
schikhobalowi
บทนํา การจัดแบ่งกลุ่มพยาธิใบไม้ 7
(* ชนิดที่มีความสําคัญทางการแพทย์ในประเทศไทย)
8 พยาธิใบไม้
oral sucker
genital sucker
ventral sucker
oral sucker
pharynx
esophagus
caecum
excretory bladder
excretory pore
(a) (b)
excretory bladder
excretory pore
(c)
รูปที่ 1.3 ระบบขับถ่ายของพยาธิใบไม้ (a) กระเพาะขับถ่ายเป็นรูปตัว Y (b) กระเพาะ
ขับถ่ายเป็นรูปตัว V (c) กระเพาะขับถ่ายเป็นรูปตัว I (ภาพวาดจากตัวอย่างจริง; วาดโดย
ดวงรัตน์ ริยอง)
14 พยาธิใบไม้
uterus
การผสมพันธุ์ (fertilization)(1,6,10)
การที่พยาธิใบไม้มีอวัยวะทั้งสองเพศอยู่ในตัวเดียวกัน ทําให้สามารถผสม
พันธุ์ในตัวเองได้ โดยจะเกิดในกรณีที่มีพยาธิอยู่เพียงลําพังตัวเดียวและพยาธินั้นมี
ท่อเปิดของอวัยวะเพศผู้และเพศเมียร่วมกัน แต่โดยปกติแล้วมักผสมพันธุ์กับ
พยาธิตัวอื่น
ในการผสมพันธุ์เชื้ออสุจิที่สร้างจากอัณฑะของอวัยวะเพศผู้จะถูกส่งผ่านมา
ตามท่ออสุจิไปเก็บไว้ที่ seminal vesicle ซึ่งจะฉีดส่งผ่านเข้าไปในมดลูกของ
พยาธิอีกตัวหนึ่งไปเก็บไว้ที่ seminal receptacle อสุจิส่วนเกินจะไหลออกไป
ทาง Laurer’s canal ส่วนเซลล์ไข่ (ovicyte) ที่สร้างจากรังไข่จะส่งมาตามท่อรัง
ไข่เข้าสู่ ootype เพื่อผสมกับเชื้ออสุจิใน ootype หลังการปฏิสนธิจะมี vitelline
cells มาห่อหุ้มและมีสารหลั่งจาก Mehlis’ gland มาช่วยในขบวนการสร้างเปลือก
ไข่ จากนั้นไข่จะเคลื่อนไปสู่มดลูกและปล่อยออกทาง genital opening
รูปร่างลักษณะไข่และตัวอ่อนของพยาธิใบไม้
ไข่ (egg)(1-3,8,10)
พยาธิใบไม้ทุกชนิดออกลูกเป็นไข่ (oviparous) เปลือกไข่ (egg shell) เรียบ
โปร่งแสง ส่วนมากมีสีเหลืองน้ําตาลจนถึงสีน้ําตาล ไข่ของพยาธิแต่ละชนิดมีขนาด
และรูปร่างแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่มีฝาปิด (operculum) พยาธิตัวอ่อนจะฟัก
ตัวออกทางฝาไข่ (รูปที่ 1.5)
ยกเว้นไข่พยาธิใบไม้เลือดที่ไม่มีฝาพยาธิตัวอ่อนจะฟักตัวออกจากไข่โดย
การแตกออกของเปลือกไข่
บทนํา การจัดแบ่งกลุ่มพยาธิใบไม้ 17
(b)
operculum operculum
unembryonated
egg
egg
shell
miracidium
operculum
(c)
(a)
รูปที่ 1.5 ไข่พยาธิใบไม้ (a) Fasciola spp. (b) Dicrocoelium dendriticum (c)
Opisthorchis spp. (ภาพวาดจากตัวอย่างจริง; วาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
18 พยาธิใบไม้
oral sucker
ventral sucker
fork-tailed
i
oral sucker
ventral
sucker
excretory
bladder
cyst wall
วงจรชีวิต(1-3,7,13)
วงจรชี วิ ต โดยทั่ ว ไปของพยาธิ ใ บไม้ ค่ อ นข้ า งซั บ ซ้ อ นเรี ย กว่ า digenea
หมายถึงมีโฮสต์อย่างน้อย 2 ชนิดที่สําคัญในวงจรชีวิตได้แก่
- โฮสต์เฉพาะ (definitive host) ที่พยาธิอาศัยอยู่และมีการสืบพันธุ์แบบ
อาศัยเพศ ได้แก่ สัตว์มีกระดูกสันหลัง
- โฮสต์สื่อกลาง (intermediate host) ที่พยาธิอาศัยอยู่และมีการสืบพันธุ์
แบบไม่อาศัยเพศ
พยาธิใบไม้ทุกชนิดมีโฮสต์สื่อกลางตัวที่ 1 เป็นหอย ส่วนโฮสต์สื่อกลางตัวที่
2 จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของพยาธิอาจเป็นพืชน้ํา กุ้ง หอย ปู ปลาน้ําจืด
ส่วนพยาธิใบไม้เลือดมีโฮสต์สื่อกลางเพียงชนิดเดียวเท่านั้นคือหอย
โดยทั่วไปตัวเต็มวัยของพยาธิใบไม้อาศัยอยู่ในอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของโฮสต์
คือ คนและสัตว์มีกระดูกสันหลังอื่น ๆ หลังการผสมพันธุ์พยาธิจะปล่อยไข่ออกมา
ในอวัยวะที่พยาธิอาศัยอยู่ จากนั้นไข่จะออกสู่ภายนอกร่างกายโฮสต์โดยปะปน
ออกมากับอุจจาระ เสมหะหรือปัสสาวะ เมื่อไข่ตกลงสู่น้ํา ไข่บางชนิดที่มีไมราซิ-
เดียมเจริญเต็มที่จะฟักออกมาทันทีบางชนิดจะฟักหลังจากถูกหอยน้ําจืดกินเข้าไป
หรือบางชนิดต้องใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์จึงจะเจริญเป็นไมราซิเดียม
หลังจากฟักออกจากไข่แล้วไมราซิเดียมจะว่ายอยู่ในน้ําและไชเข้าสู่หอยเจริญ
เป็นสปอโรซิสต์ จากนั้นจะเจริญเป็นระยะต่าง ๆ แล้วแต่ชนิดของพยาธิเช่น เจริญ
ต่อไปเป็นรีเดียและเซอร์คาเรีย
เมื่ อ เซอร์ ค าเรี ย เจริ ญ เต็ ม ที่ จ ะออกจากหอยว่ า ยอยู่ ใ นน้ํ า เพื่ อ หาโฮสต์
สื่อกลางตัวที่ 2 ที่เหมาะสมเช่น พืชน้ํา กุ้ง ปู ปลาน้ําจืด หลังจากนั้นจะไชเข้า
โฮสต์สื่อกลางตัวที่ 2 แล้วสลัดหางทิ้งและสร้างถุงซิสต์เจริญเป็นเมตาเซอร์คาเรีย
ซึ่งเป็นระยะติดต่อ เมื่อคนหรือสัตว์มีกระดูกสันหลังซึ่งเป็นโฮสต์เฉพาะมากินเมตา-
เซอร์คาเรียเข้าไปเมตาเซอร์คาเรียจะออกจากถุงซิสต์บริเวณส่วนต้นของลําไส้เล็ก
แล้วเดินทางไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของโฮสต์เพื่อเจริญเป็นตัวเต็มวัยต่อไป (รูปที่ 1.8)
22 พยาธิใบไม้
โฮสตเฉพาะ Adult
คน สุนัข แมว
เสือ แพะ แกะ
กวาง ลิง
วัว ควาย Egg
Miracidium
Cercaria
รูปที่ 1.8 วงจรชีวิตโดยทั่วไปของพยาธิใบไม้ (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล;
ถ่ายรูปโดยดวงรัตน์ ริยอง)
บทนํา การจัดแบ่งกลุ่มพยาธิใบไม้ 23
สําหรับพยาธิใบไม้เลือดมีวงจรชีวิตที่แตกต่างจากพยาธิใบไม้กลุ่มอื่นคือ
พยาธิใบไม้เลือดเป็นพยาธิที่มีเพศผู้และเพศเมียแยกกัน แต่ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่
ด้วยกันเป็นคู่ ในหลอดเลือดดําภายในอวัยวะต่าง ๆ ของโฮสต์เฉพาะ หลังจาก
ผสมพันธุ์กันแล้วพยาธิเพศเมียจะปล่อยไข่ที่มีลักษณะเป็นไข่ไม่มีฝาปิด (non-
operculated egg) ออกมากับอุจจาระหรือปัสสาวะของโฮสต์เมื่อไข่ได้สัมผัสน้ํา
ไมราซิเดียมในไข่ซึ่งเจริญเติบโตเต็มที่จะฟักออกจากไข่และไชเข้าสู่โฮสต์สื่อกลาง
คือ หอยชนิดต่าง ๆ แล้วเจริญไปเป็นสปอโรซิสต์รุ่นที่ 1 และสปอโรซิสต์รุ่นที่ 2
จากนั้นเจริญต่อไปเป็นเซอร์คาเรียได้เลยโดยไม่ผ่านรีเดีย เซอร์คาเรียของพยาธิ
ใบไม้เลือดจะมีหางสองแฉก ออกจากหอยจะว่ายน้ําเป็นอิสระเพื่อคอยไชเข้าสู่
โฮสต์เฉพาะแล้วเจริญเป็นตัวเต็มวัยเลย โดยไม่ต้องเจริญผ่านเมตาเซอร์คาเรีย
ดังนั้นในวงจรชีวิตของพยาธิใบไม้เลือดจึงมีโฮสต์สื่อกลางเพียงตัวเดียวคือหอยซึ่ง
เป็นระยะติดต่อสําคัญ
บทสรุป
การจัดแบ่งกลุ่มพยาธิใบไม้ที่สําคัญทางการแพทย์สามารถจัดหมวดหมู่โดย
เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
(1) การจัดกลุ่มตามหลักอนุกรมวิธาน
(2) การจัดกลุ่มแบบง่าย ตามอวัยวะที่ตัวเต็มวัยของพยาธิอาศัยอยู่
ประกอบด้วย 4 กลุ่มใหญ่คือ พยาธิใบไม้ปอด พยาธิใบไม้ตับ
พยาธิใบไม้ลําไส้และพยาธิใบไม้เลือด
พยาธิใบไม้ประกอบด้วยระบบต่าง ๆ ได้แก่ ระบบผนังลําตัวและกล้ามเนื้อ
ระบบทางเดินอาหาร ระบบขับถ่าย ระบบประสาท และระบบสืบพันธุ์ วงจรชีวิต
ของพยาธิใบไม้ประกอบด้วยโฮสต์อย่างน้อย 2 ชนิดคือโฮสต์เฉพาะและโฮสต์
สื่อกลาง
24 พยาธิใบไม้
เอกสารอางอิง
1. Beaver PC, Juing RC, Cupp EW. Clinical parasitology. 9th ed.
Philadelphia: Lea and Febiger; 1984
2. นิมิตร มรกต, เกตุรัตน์ สุขวัจน์. ปรสิตวิทยาทางการแพทย์: โปรโตซัวและ
หนอนพยาธิ. พิมพ์ครั้งที่ 2. เชียงใหม่: โครงการตํารา คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2546.
3. วันชัย มาลีวงษ์, ผิวพรรณ มาลีวงษ์, นิมิตร มรกต. ปรสิตวิทยาทาง
การแพทย์: โปรโตซัวและหนอนพยาธิ. ขอนแก่น: โรงพิมพ์คลังนานา
วิทยา; 2544.
4. ประยงค์ ระดมยศ, สุวณี สุภเวชย์, ศรชัย หลูอารีย์สุวรรณ. ตําราปรสิต
วิทยาทางการแพทย์. กรุงเทพฯ: เมดิคัล มีเดีย; 2539.
5. Zaman V, Keong LA. Handbook of medical parasitology. 3rd ed.
Singapore: KC Ang Publishing; 1994.
6. Miyazaki I. Helminthic zoonoses. International medical
foundation of Japan. Fukuoka: Shukosha Printing; 1991.
7. Markell E, John DT, Krotoshi WA. Markell and Voge’s Medical
parasitology. 8th ed. Philadelphia: Saunders Company; 1999.
8. Brown HW. Basic clinical parasitology. New York: Appleton-
Century-Crofts; 1975.
9. Neva FA, Brown HW. Basic clinical parasitology. 6th ed. Connecti-
cut: Appleton & Lange; 1994.
10. Bogitsh BJ, Cheng TC. Human parasitology. 2nd ed. USA:
Academic Press; 1998.
11. Malek EA. Snail-transmitted parasitic diseases. 2 vols. Boca
Raton (FL): CRC Press; 1980.
12. Roberts LS, Janovy J. Gerald D. Schmidt & Larry S. Roberts’
Foundations of parasitology. 5th ed. USA: Times Mirror Higher
Education Group, Inc; 1996.
13. Belding DL. Textbook of parasitology. 3rd ed. New York:
Appletion-Century-Crofts; 1965.
2
พยาธิใบไมปอด (Lung flukes)
ดวงรัตน ริยอง
Paragonimus heterotremus
Chen et Hsia, 1964
ประวัติและการกระจายทางภูมิศาสตร์
Paragonimus heterotremus พบครั้งแรกในเนื้อเยื่อปอดหนูที่มณฑล
กวางสีและยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี พ.ศ. 2507 โดย Chen และ
Hsia(14) ต่อมาในปี พ.ศ. 2510 มีรายงานพบในแมวและสุนัขที่อําเภอเมือง จังหวัด
นครนายก โดย Miyazaki และ Vajrasthira(15)
ในปี พ.ศ. 2471 ศ.นพ.เฉลิม พรมมาส(16) ได้รายงานผู้ป่วยโรคพยาธิใบไม้ปอด
ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยผู้ป่วยมีภูมิลําเนาอยู่ในอําเภอหล่มสัก จังหวัด
เพชรบูรณ์ ต่อมามีรายงานพบในคนที่ประเทศไทยและสปป.ลาว มากขึ้น(17,18)
โรค
โรคพยาธิใบไม้ปอด (Paragonimiasis)
กายรูปวิทยา
พยาธิตัวเต็มวัย(12,13,19)
มีขนาดใหญ่ (6-8×11-14 มิลลิเมตร) ลําตัวหนามาก รูปร่างคล้ายเมล็ด
กาแฟ เมื่อดูสด ๆ มีสีชมพู ผิวหนังมีหนามเล็ก ๆ ทั่วตัว oral sucker มีขนาดใหญ่
กว่า ventral sucker ประมาณ 2 เท่า vitellaria เป็นแขนงย่อยอยู่ 2 ฟากลําตัว
ทอดไปตามลําไส้ที่แยกเป็นสองแขนงปลายตันบริเวณกลางลําตัวมีรังไข่เป็นแขนง
ย่อย 1 อัน และมีมดลูกขนาดเล็กขดไปมา อัณฑะอยู่ส่วนท้ายลําตัวมีลักษณะเป็น
แขนง 1 คู่ มีขนาดใหญ่กว่ารังไข่ (รูปที่ 2.1)
28 พยาธิใบไม้
oral sucker
caecum
ventral
sucker
ovary
testes
(a) (b)
รูปที่ 2.1 ตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้ปอด Paragonimus heterotremus (a) ภาพถ่าย (b)
ภาพวาด (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่างจริง ถ่ายรูปและ
วาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้ปอด 29
ไข่(12,13,19)
มีขนาดใหญ่ (40-55×77-80 ไมโครเมตร) รูปร่างกลมรีสีเหลืองทอง เปลือกไข่
หนาสม่ําเสมอ ยกเว้นบริเวณส่วนท้ายจะมีความหนากว่าส่วนอื่น ๆ (irregular
thickness) มีฝาใหญ่เห็นชัดเจนส่วนที่อยู่ข้างฝาจะนูนเด่นเรียกว่าไหล่ (shoulder)
ภายในไข่ยังไม่เจริญเป็นตัวอ่อน (unembryonated egg) (รูปที่ 2.2)
operculum
shoulder
egg shell
yolk
irregular
thickness
(a) (b)
รูปที่ 2.2 ไข่พยาธิใบไม้ปอด Paragonimus heterotremus (a) ภาพถ่าย (b) ภาพวาด
(ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่างจริง ถ่ายรูปและวาดโดยดวง
รัตน์ ริยอง)
30 พยาธิใบไม้
วงจรชีวิต(12,13,19)
พยาธิตัวเต็มวัยอาศัยอยู่ในปอดของโฮสต์เฉพาะได้แก่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
เช่น คน สุนัข แมว เสือโดยอาศัยอยู่เป็นคู่หรือมากกว่าในถุงซิสต์ในเนื้อปอด เมื่อ
พยาธิออกไข่ภายในเนื้อปอดไข่จะออกจากถุงซิสต์ปะปนมากับเสมหะของโฮสต์
หรือหากโฮสต์กลืนเสมหะลงไปในท้องอาจจะตรวจพบไข่ในอุจจาระได้ ไข่ที่ออกมา
ยังเจริญไม่เต็มที่ต้องตกลงในน้ําหรือพื้นดินที่มีความชื้น จึงจะมีการเจริญเติบโต
เป็นไมราซิเดียมภายในเวลา 2 สัปดาห์
จากนั้นไมราซิเดียมจะฟักออกจากไข่ว่ายเป็นอิสระอยู่ในน้ําเพื่อไชเข้าสู่หอย
น้ําจืดที่เป็นโฮสต์สื่อกลางตัวที่ 1 ได้แก่ หอยใน family Assimineidae, Poma-
tiopsidae และ Thiaridae (หอยเจดีย์) แต่จากการทดลองพบว่าหอย Neotricula
aperta (β-race) และหอย Oncomelania spp. สามารถเป็นโฮสต์กึ่งกลางตัวที่
1 ได้ จากนั้นไมราซิเดียมจะเจริญเติบโตต่อไปเป็นสปอโรซิสต์ รีเดียแม่ รีเดียลูก
และเซอร์ ค าเรี ย ตามลํ า ดั บ ซึ่ ง เป็ น เซอร์ ค าเรี ย แบบหางเล็ ก และสั้ น (micro-
cercous cercaria)
เซอร์คาเรียจะออกจากหอย ไชเข้ากุ้ง(20,21) หรือปูน้ําจืดเช่น ปูน้ําตก ปูหิน
(22,23)
ซึ่งเป็นโฮสต์สื่อกลางตัวที่ 2 ระยะนี้จะมีการสร้างผนังซิสต์และเจริญเป็นเม
ตาเซอร์คาเรียซึ่งเป็นระยะติดต่ออยู่ในเนื้อ เหงือก และอวัยวะภายในของปูเมื่อ
โฮสต์เฉพาะกินปูดิบที่มีเมตาเซอร์คาเรียเข้าไปพยาธิจะออกจากซิสต์ บริเวณลําไส้
เล็กไชทะลุลําไส้เข้าสู่ ช่องท้อง ไชเข้ากล้ามเนื้อหน้ าท้องและบริ เวณใกล้ เคีย ง
จากนั้นจะไชกลับเข้าช่องท้องอีกครั้งโดยไชทะลุกระบังลมผ่านเยื่อหุ้มปอด และใน
ที่สุดจะเข้าสู่เนื้อปอดเจริญเป็นตัวเต็มวัยอยู่เป็นคู่ ๆ โดยสร้างถุงมาหุ้มตัวไว้ (รูปที่
2.3)
พยาธิใบไม้ปอด 31
โฮสตเฉพาะ Adult
คน
สุนัข
แมว
เสือ
Egg
Miracidium
โฮสตสื่อกลางตัวที่ 2: ปู
โฮสตสื่อกลางตัวที่ 1: หอย
Sporocyst I, II
Redia I, II
Metacercaria
Cercaria
Cercaria
รูปที่ 2.3 วงจรชีวิตของพยาธิใบไม้ปอด Paragonimus heterotremus (ภาพถ่ายเป็น
การบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ถ่ายรูปโดยดวงรัตน์ ริยอง)
32 พยาธิใบไม้
ระบาดวิทยา(12,19)
โรคพยาธิใบไม้ปอดมีรายงานใน 39 ประเทศ มีหอยมากกว่า 45 ชนิดเป็น
โฮสต์ สื่ อ กลางตั ว ที่ 1 โรคพยาธิ ใ บไม้ ป อดเป็ น โรคที่ ติ ด ต่ อ จากสั ต ว์ ม าสู่ ค น
นอกจากคนแล้วยังมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ เป็นโฮสต์สะสมเชื้อเช่น สุนัข
แมว เสือ เป็นต้น อุปนิสัยของคนในการชอบกินอาหารดิบ ๆ หรือปรุงไม่สุกด้วยปู
หรือกุ้ง เช่น ส้มตําปู กุ้งเต้น สัตว์บางชนิดที่เป็นโฮสต์พาราทีนิค เช่น สุกร หนู กิน
เมตาเซอร์คาเรียของพยาธิใบไม้ปอดเข้าไปแต่ไม่เจริญเป็นตัวเต็มวัยแต่ยังคงเป็น
ระยะตัวอ่อนในเนื้อสัตว์ คนอาจเป็นพยาธินี้ได้เมื่อรับประทานเนื้อสัตว์ดิบ ๆ ที่มี
ตัวอ่อนระยะติดต่อเมตาเซอร์คาร์เรียของพยาธินี้อยู่
พยาธิสภาพและอาการ(13,18,24-26)
พยาธิ ส ภาพของโรคพยาธิ ใ บไม้ ป อดขึ้ น อยู่ กั บ จํ า นวนพยาธิ ใ นผู้ ป่ ว ย
ระยะเวลาการเป็นโรคและอวัยวะที่พยาธิไปอาศัยอยู่ โดยสารพิษที่ขับออกจากตัว
พยาธิ ห รื อ ภาวะภู มิ แ พ้ ข องผู้ ป่ ว ยจะมี ผ ลหรื อ เป็ น สาเหตุ สํ า คั ญ ที่ ทํ า ให้ เ กิ ด
พยาธิสภาพต่าง ๆ ในโฮสต์ สามารถแบ่งลักษณะการเกิดพยาธิสภาพได้เป็น 2
ลักษณะ ดังนี้
1. พยาธิสภาพในปอด
การที่พยาธิอาศัยอยู่และมีการเคลื่อนที่ภายในปอดจะมีผลทําให้เนื้อปอดใน
บริเวณนั้นตาย มีเลือดออกและมีการอักเสบ ซึ่งต่อมาจะมีพังผืด (fibrosis) เกิด
ล้อมรอบบริเวณนั้นกลายเป็นถุงหุ้มตัวพยาธิ (worm cyst) มีลักษณะเป็นก้อนสี
ขาวโดยทั่วไปมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-4 เซนติเมตร ซึ่งภายในอาจพบพยาธิ
ได้ 1-2 ตัว หรือมากกว่าหรืออาจไม่มีตัวพยาธิ หลังจากพยาธิโตเต็มที่และออกไข่
ผนังหุ้มซิสต์จะแตกออกปล่อยไข่และสารต่าง ๆ ออกทางหลอดลมทําให้ผู้ป่วยไอมี
เสมหะ และมีการอักเสบของหลอดลม (bronchitis) นอกจากนี้อาจมีการติดเชื้อ
แบคทีเรียแทรกซ้อน ทําให้เกิดปอดอักเสบ (bronchopneumonia and intersti-
tial pneumonia) บางครั้งซิสต์ที่มีผนังหนาไม่แตกออกจะมีหินปูนมาเกาะทําให้
แข็งเป็นก้อนนูนได้
พยาธิใบไม้ปอด 33
หรือมีความพิการทางระบบประสาท จากรายงานการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคพยาธิ
ใบไม้ปอดพบว่าประมาณร้อยละ 5 ของผู้ป่วยที่มีพยาธิในสมองจะตายจากเลือด
ออกในสมองภายใน 2 ปี หลังจากเป็นโรค
การป้องกัน(12,13,19)
1. กินอาหารที่ปรุงสุกดีแล้ว โดยเฉพาะอาหารประเภทปูและกุ้ง
2. ไม่บ้วนเสมหะหรือถ่ายอุจจาระลงในแหล่งน้ําหรือทุ่งนาเพื่อป้องกัน
ไม่ให้ไข่พยาธิเจริญเป็นตัวอ่อนเข้าสู่หอยและปูได้
3. ในแหล่งที่มีการระบาดของพยาธิควรระวังการดื่มน้ําในแหล่งน้ําต่าง ๆ
ที่อาจมีการปนเปื้อนของเมตาเซอร์คาเรียได้
4. ให้การรักษาผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อโดยทันทีเพื่อฆ่าและทําลายพยาธิตัว
เต็มวัย
5. ให้สุขศึกษาแก่ประชาชนโดยเน้นให้รู้จักระมัดระวังการติดเชื้อพยาธินี้
Paragonimus westermani
(Kerbert, 1878) Braun, 1899
ประวัติและการกระจายทางภูมิศาสตร์
พบ Paragonimus westermani ครั้งแรกในปอดของเสือที่สวนสัตว์เมือง
อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ในปี พ.ศ. 2421 โดย Kerbert ต่อมาในปี
พ.ศ. 2423 มีรายงานพบพยาธินี้ในชาวโปรตุเกสที่อาศัยอยู่ในเกาะไต้หวัน(20,40)
ประเทศไทยมีรายงานการติดเชื้อพยาธิชนิดนี้ในคน แต่ยังไม่เคยได้ตัวพยาธิชนิดนี้
จากคน แหล่งที่พบพยาธินี้ ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น เกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน
อินเดีย และประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่น ประเทศฟิลิปปินส์(37,41)
และไทย(24,42-45)
โรค
โรคพยาธิใบไม้ปอด (Paragonimiasis)
กายรูปวิทยา(12,13,19)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีขนาดใหญ่ (4-6×7-12 มิลลิเมตร) ลําตัวหนามากรูปร่างคล้ายเมล็ดกาแฟ
เมื่อดูสด ๆ มีสีน้ําตาลแดงผิวหนังมีหนามเล็ก ๆ ทั่วตัว oral sucker มีขนาด
ใกล้เคียงกับ ventral sucker มี vitellaria เป็นแขนงย่อยอยู่ 2 ฟากลําตัวตั้งแต่
ระดับคอหอยไปจนถึงส่วนท้าย(44) บริเวณกลางลําตัวมีรังไข่เป็นแขนงจํานวน 6
กลีบ (lobes) มีมดลูกขนาดเล็กขดไปมาอัณฑะมีลักษณะเป็นแขนง 2 อัน ขนาดไม่
เท่ากันมีขนาดใหญ่กว่ารังไข่เล็กน้อยและอยู่ขนานกันทางส่วนท้ายลําตัว (รูปที่ 2.4)
ไข่(12,13,19)
มีขนาดใหญ่ (48-60×90-118 ไมโครเมตร) รูปร่างกลมรี สีเหลืองทองเปลือก
ไข่ส่วนท้ายจะหนากว่าส่วนอื่น ๆ มีฝาใหญ่เห็นชัดเจนส่วนที่อยู่ข้างฝาจะนูนเด่น
38 พยาธิใบไม้
oral sucker
intestine
ventral
sucker
ovary
testes
(a) (b)
รูปที่ 2.4 ตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้ปอด Paragonimus westermani (a) ภาพถ่าย (b)
ภาพวาด (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่างจริง ถ่ายรูปและ
วาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้ปอด 39
2. ovary (ขนาด-รูปราง)
P. westermani: P. heterotremus
แขนงใหญ 6 กลีบ: แขนงเล็ก-ละเอียด
3. testes (ขนาด)
P. westermani: P. heterotremus
เล็ก: ใหญ
บทสรุป
พยาธิ ใ บไม้ ป อดที่ พ บในประเทศไทยส่ ว นใหญ่ เ ป็ น ชนิ ด Paragonimus
heterotremus เนื่องจากการตรวจหาเมตาเซอร์คาเรียจากปูที่เป็นโฮสต์สื่อกลาง
ตัวที่ 2 ในธรรมชาติพบเมตาเซอร์คาเรียชนิด Paragonimus heterotremus
ค่อนข้างสูงในส่วนของการวินิจฉัยโรคพยาธิใบไม้ปอด พยาธิใบไม้ปอดได้มีการ
พัฒนาการวินิจฉัยทั้งทางอิมมิวโนวิทยาและทางอณูชีววิทยาหลายวิธีเช่น
- ELISA
- Immunoblot
- PCR-restriction fragment length polymorphism (PCR-RFLP)
- Multiplex PCR
- Pyrosequencing และ real-time fluorescence resonance energy
transfer polymerase chain reaction (real-time FRET PCR) ร่วมกับ
melting curve analysis
พยาธิใบไม้ปอด 41
เอกสารอางอิง
1. Roberts LS, Janovy J. Gerald D. Schmidt & Larry S. Roberts’
Foundations of parasitology. 5th ed. USA: Times Mirror Higher
Education Group; 1996.
2. Blair D, Xu ZB, Agatsuma T. Paragonimiasis and the genus
Paragonimus. Adv Parasitol 1999;42:113-222.
3. Blair D. Paragonimiasis. In: Rafael T and Bernard F, editors.
Digenetic Trematodes. Advances in Experimental Medicine and
Biology. Vol. 766. New York: Springer Science+Bussiness Media;
2014. p. 115-52.
4. Nawa Y, Thaenkham U, Doanh PN, Blair D. Helminth-trematode:
Paragonimus westermani and Paragonimus species. In:
Motarjemi Y, Moy G, Todd E, editors. Encyclopedia of Food
Safety. Oxford: Elsevier; 2014. p. 179-88.
5. Doanh PN, Shinohara A, Horii Y, Habe S, Nawa Y, Le NT. Descrip-
tion of a new lung fluke species Paragonimus vietnamensis
sp. nov. (Trematoda; Paragonimidae), found in northern Vietnam.
Parasitol Res 2007;101:1495-501.
6. Chen HT. Some new Chinese paragonimid trematodes: with
notes on certain technical problems in the study of the
group. Acta Sci Nat Univ Sunyatseni 1962;3:58-64.
7. Sanpool O, Intapan PM, Thanchomnang T, Janwan P, Laymani-
vong S, Sugiyama H, Malewong W. Morphological and molecu-
lar identification of a lung fluke, Paragonimus macrochis
(Trematoda, Paragonimidae), found in central Lao PDR and its
molecular phylogenetic status in the genus Paragonimus.
Parasitol Int 2015;64: 513-8.
8. Miyazaki I, Vajrasthira S. On a new lung fluke, Paragonimus
bangkokensis sp. nov. in Thailand (Trematoda: Troglotrema-
tidae). Jpn J Med Sci Biol 1967;20:243-9.
42 พยาธิใบไม้
48. Doanh NP, Tu AL, Bui TD, Loan TH, Nonaka N, Horii Y, et al.
Molecular and morphological variation of Paragonimus
westermani in Vietnam with records of new second interme-
diate crab hosts and a new locality in a northern province.
Parasitol 2016;143:1639-46.
49. Yokogawa M. Studies on the biological aspects of the larval
stages of Paragonimus westermanii, especially invasion of the
second intermediate hosts. The National Institute of Health
1952;501-16.
3
พยาธิใบไมตับ (Liver flukes)
ดวงรัตน ริยอง
พยาธิใบไม้ตับเป็นกลุ่มพยาธิที่ระยะตัวเต็มวัยอาศัยอยู่ในทางเดินน้ําดีและ
ถุงน้ําดีของสัตว์มีกระดูกสันหลังได้แก่ สัตว์ปีกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรวมทั้งคน
การจัดแบ่งกลุ่มพยาธิใบไม้ตับ
พยาธิใบไม้ตบั มีหลายชนิด จัดอยู่ใน 3 family ดังนี้
1. Family Opisthorchiidae
- Opisthorchis viverrini
- Opisthorchis felineus
- Clonorchis sinensis
2. Family Dicrocoeliidae
- Dicrocoelium dendriticum
- Eurytrema pancreaticum
3. Family Fasciolidae
- Fasciola hepatica
- Fasciola gigantica
48 พยาธิใบไม้
FAMILY OPISTHORCHIIDAE
Braun, 1901
พยาธิใบไม้ใน family Opisthorchiidae เป็นกลุ่มพยาธิใบไม้ตับที่มีขนาด
เล็กรูปร่างเรียว ลําตัวบางใส ลําไส้เป็นท่อปิดตามยาวซึ่งอาจมีความยาวถึงหรือไม่
ถึงส่วนท้ายของลําตัว อัณฑะและรังไข่อยู่ส่วนท้ายของลําตัวมดลูกขดอยู่กลางตัว
vitelline glands อยู่สองข้างช่วงกลางลําตัว ไข่มีขนาดเล็กฝาเห็นชัดภายในไข่มี
ตั ว อ่ อ นระยะไมราซิ เ ดี ย ม ที่ เ จริ ญ เต็ ม ที่ แ ล้ ว พยาธิ ที่ สํ า คั ญ ในกลุ่ ม นี้ ไ ด้ แ ก่
Opisthorchis viverrini, Opisthorchis felineus และ Clonorchis sinensis
โดยชนิดที่พบมากและสําคัญที่สุดของประเทศไทย คือ O. viverrini
Opisthorchis viverrini
Poirier, 1886
ประวัติ
มีรายงานพบในคนครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2451 ที่ประเทศเวียดนาม(1) แต่
วินิจฉัยเป็น O. felineus ในประเทศไทยพบพยาธิชนิดนี้ในคนครั้งแรกในปี พ.ศ.
2458 ที่ จังหวัดเชียงใหม่ โดย Leiper(2) ได้วินิจฉัยตัวพยาธิที่ได้จากศพว่าเป็น O.
felineus และในปี พ.ศ. 2470 ศ.นพ.เฉลิม พรมมาส(3) ได้รายงานพบพยาธิ O.
felineus กว่า 1,000 ตัว ในท่อน้ําดีของศพชายไทยอายุ 17 ปี จากจังหวัดร้อยเอ็ด
ต่อมาปี พ.ศ. 2496-2498 Sadun(4) ได้มีการศึกษาวิจัยพยาธิใบไม้ตับโดย
ละเอียด และสรุปว่าพยาธิใบไม้ตับที่พบในประเทศไทยคือ O. viverrini โดยพบ
พยาธิชนิดนี้ชุกชุมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด ประมาณว่าประชากรใน
ภาคนี้มีการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับมากกว่า 3.5 ล้านคน(5) O. viverrini เป็นพยาธิ
ใบไม้ตับที่มีความสําคัญมากที่สุด และก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสาธารณสุขทําให้
พยาธิใบไม้ตับ 49
เกิดโรคพยาธิใบไม้ตับและมีผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคแทรกที่สําคัญคือ มะเร็งท่อน้ําดี
(cholangiocarcinoma) เป็นจํานวนมาก
การกระจายทางภูมิศาสตร์
O. viverrini จัดเป็นพยาธิที่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขในประเทศไทย
สปป.ลาว กั ม พู ช า และเวี ย ดนามตอนใต้ (6) ประเทศไทยพบมากบริ เ วณภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ มีการประมาณผู้ติดเชื้อกว่า 8 ล้านคนในประเทศไทย ซึ่ง
มากกว่าในประเทศอื่น ๆ(7) จากการสํารวจใน 15 จังหวัดแถบภาคตะวันออกเฉียง-
เหนือของไทยในปี พ.ศ. 2509 พบผู้ป่วยเป็นโรคพยาธิใบไม้ตับโดยพบมากที่สุด
คือร้อยละ 22 ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ และพบน้อยที่สุดร้อยละ 10.1 ที่จังหวัดสุรินทร์(8)
และปี พ.ศ. 2523-2524 นายแพทย์สมพร พฤกษราชและคณะสํารวจพยาธิใบไม้
ตับทั่วประเทศไทยพบพยาธิใบไม้ตับมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือคิดเป็น
ร้อยละ 34.6(9)
เมื่อเร็ว ๆ นี้มีการศึกษาถึงสภาพการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศของโลก
ต่อการแพร่กระจายของพยาธิ O. viverrini ในประเทศไทยโดย ดร.อภิพร สุวรรณ
ไตรย์ และคณะฯ รายงานการแพร่กระจายของพยาธิชนิดนี้ภายใต้สภาพภูมิ-
อากาศที่เปลี่ยนแปลงในอนาคตในปี พ.ศ. 2593 และพ.ศ. 2613 พบว่าภูมิอากาศ
ที่ เ หมาะสมมากที่ สุ ด อยู่ ใ นภาคตะวั น ออกเฉี ย งเหนื อ และภาคเหนื อ ส่ ว นใน
ภาคใต้พบพยาธิได้น้อยที่สุด(10)
โรค
โรคพยาธิใบไม้ตับ (Opisthorchiasis)
กายรูปวิทยา(11-13)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีขนาดเล็กประมาณ (2-3×5-10 มิลลิเมตร) รูปร่างคล้ายใบหอก โดยทาง
ด้ า นหั ว (anterior) มี ลั ก ษณะยาวเรี ย วแต่ ด้ า นท้ า ย (posterior) มี ลั ก ษณะ
50 พยาธิใบไม้
oral sucker
ventral sucker
uterus
vitelline
glands
ovary
testes
(a) (b)
รูปที่ 3.1 ตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้ตับ Opisthorchis viverrini (a) ภาพถ่าย (b) ภาพวาด
(ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่างจริง ถ่ายรูปและวาดโดย
ดวงรัตน์ ริยอง)
52 พยาธิใบไม้
operculum
shoulder
miracidium
knob
(a) (b)
จากนั้นเซอร์คาเรียจะไชออกจากหอยว่ายอยู่ในน้ํา และไชเข้าไปอยู่ใต้เกล็ด
และเหงือกของปลาในตระกูลปลาตะเพียน (cyprinoid) ซึ่งเป็นโฮสต์สื่อกลางตัวที่
2 ได้แก่ ปลาแม่สะแด้ง ปลาขาว ปลาตะเพียนทราย ปลาแก้มช้ํา ปลาขาวน้อย
ปลากระสูบและปลาสร้อย ซึ่งเป็นปลาที่มีเกล็ดทั้งสิ้น ระยะนี้ตัวอ่อนพยาธิมีการ
สร้างผนังซิสต์และเจริญเป็นระยะติดต่อเมตาเซอร์คาเรียซึ่งอาศัยอยู่ตามเกล็ดหรือ
ครีบและอยู่ในเนื้อปลา จากการศึกษาวิจัยโดยการจับปลาจากหลายจังหวัดทาง
ภาคตะวั น ออกเฉี ย งเหนื อ ของประเทศไทย พบว่ า เมตาเซอร์ ค าเรี ย ของ O.
viverrini จากปลา 6 ชนิดคือ Cyclocheilichthys armatus, Puntius orphoides,
Hampala dispar, Henicorhynchus siamensis, Osteochilus hasselti
พยาธิใบไม้ตับ 53
โฮสตเฉพาะ Adult
คน
สุนัข
แมว
Egg
(miracidium)
Cercaria
รูปที่ 3.3 วงจรชีวิตของพยาธิใบไม้ตับ Opisthorchis viverrini (ภาพถ่ายเป็นการบันทึก
จากกล้องดิจิตอล; ถ่ายรูปโดยดวงรัตน์ ริยอง)
54 พยาธิใบไม้
พยาธิสภาพ
การที่พยาธิดูดเกาะในท่อทางเดินน้ําดีและพยาธิมีการปล่อยสารบางอย่าง
ออกมา (excretory-secretory products) ทําให้เกิดการระคายเคืองต่อทางเดิน
น้ําดี ซึ่งจะเกิดขึ้นมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับจํานวนพยาธิและระยะเวลาที่เป็นโรค
พยาธิสภาพที่พบคือท่อน้ําดีและถุงน้ําดีหนาตัวขึ้นโดยมีการเพิ่มจํานวนเซลล์ของ
เยื่อบุผิว (hyperplasia) มีเม็ดเลือดขาว mononuclear cell และ eosinophil
แทรกตัวเข้ามา มีพังผืด (fibrosis) เกิดขึ้น มีการเพิ่มจํานวนของเยื่อบุผิวท่อน้ําดี
มากขึ้นเรื่อย ๆ ทําให้เกิดการอุดตันของท่อน้ําดีโดยเฉพาะท่อน้ําดีบริเวณขั้วตับ เกิด
การคั่งของน้ําดีในตับและมีการโป่งพองของท่อน้ําดีกลายเป็นถุงน้ําขนาดต่าง ๆ กัน
ในส่วนถุงน้ําดี (gall bladder) มีการขยายตัวและหนาตัวขึ้นอย่างมาก(26)
น้ําดีที่คั่งอยู่มีสีขาวขุ่น เรียกว่า white bile นอกจากนี้ยังเกิดนิ่วได้บ่อย(27) บางครั้ง
อาจพบไข่หรือตัวเต็มวัยของพยาธิอยู่ภายในก้อนนิ่วด้วย การอักเสบของท่อน้ําดี
และถุงน้ําดี (ascending cholangitis & cholecystitis) เกิดได้บ่อยจากเชื้อใน
ลําไส้และอาจทําให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด (septicemia) ถึงตายได้
การอั ก เสบซ้ํ า แล้ ว ซ้ํ า อี ก ก่ อ ให้ เ กิ ด โรคแทรกซ้ อ นที่ สํ า คั ญ คื อ ตั บ แข็ ง
(cirrhosis) ตับวาย (liver failure) และมะเร็งท่อน้ําดี (cholangiocarcinoma)
โดยเชื่อว่าสารก่อมะเร็งกลุ่ม nitrosamine ที่พบมากในปลาร้า อาจมีส่วนร่วมกับ
การก่อความระคายเคืองต่อท่อทางเดินน้ําดีที่เกิดจากพยาธิใบไม้ตับ ทําให้เกิด
มะเร็งท่อน้ําดี(8) จากการวิจัยพบว่า O. viverrini จัดเป็นสารก่อมะเร็งธรรมชาติที่
สําคัญ และสามารถกระตุ้นให้เกิดโรคทางทางเดินน้ําดีหลายโรค รวมทั้งมะเร็งท่อ
น้ําดี(28)
พยาธิใบไม้ตับ 57
อาการ(1,29,30)
แบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้
1. ระยะแรก
ผู้ป่วยยังไม่มีอาการ แต่พบไข่ของพยาธิได้จากการตรวจอุจจาระ โดยต้อง
แยกออกจากไข่พยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดเล็ก (minute intestinal fluke) อื่น ๆ
ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันด้วย
2. ระยะที่ปรากฏอาการ
2.1 อาการเล็กน้อย เป็นอาการที่ไม่จําเพาะเจาะจง (non-specific) เช่น
ท้ อ งอื ด แน่ น ท้ อ ง เจ็ บ บริ เ วณใต้ ช ายโครงด้ า นขวา ใต้ ลิ้ น ปี่ ปวดหลั ง
อ่อ นเพลีย รู้สึก ร้อ นบริเ วณท้อ ง โดยอาการร้อ นที่ท้อ งหรือ หลัง นี้เ ป็น
ลักษณะพิเศษที่พบได้ในผู้ป่วยโรคพยาธิใบไม้ตับ(8) การตรวจวินิจฉัยอาจไม่
พบสิ่งผิดปกติหรือพบตับโตเล็กน้อย
การตรวจอุจจาระอาจพบไข่ของพยาธิน้อยกว่า 1,000 ฟองต่ออุจจาระ
1 กรัม ซึ่งอาจจะต้องใช้การตรวจพิเศษเช่น gastroscope หรือ upper GI
study ช่วยในการวินิจฉัย โดยในการวินิจฉัยโรคต้องนึกถึงโรคกระเพาะ
อาหาร และโรคพยาธิเส้นด้าย (Strongyloidiasis) ด้วย
2.2 อาการปานกลาง เกิดในผู้ป่วยที่เป็นมานานแล้ว และไม่ได้รับการรักษา
ที่ถูกต้องอาจตรวจพบตับและถุงน้ําดีโต การตรวจอุจจาระอาจพบไข่ของ
พยาธิใบไม้ตับระหว่าง 1,000-3,000 ฟอง ต่ออุจจาระ 1 กรัม
2.3 อาการรุนแรง ผู้ป่วยอาจมีอาการดีซ่าน (jaundice) ได้เป็นครั้งคราว
ทางเดินของน้ําดีมีการอุดตันบางส่วนทําให้เกิด relapsing cholecystitis
การตรวจอุจจาระอาจพบไข่พยาธิหรือไม่พบก็ได้ แต่จะตรวจพบได้ในน้ําดี
ในระยะนี้การตรวจอุจจาระพบไข่พยาธิมากกว่า 30,000 ฟอง ต่ออุจจาระ
หนัก 1 กรัม หรืออาจพบน้อยกว่าหรือไม่พบเลยถ้าหากมีการอุดตันของ
ทางเดินน้ําดี
58 พยาธิใบไม้
3. โรคพยาธิใบไม้ตับระยะรุนแรงและมีโรคแทรก
ผู้ป่วยอาจจะมีอาการของภาวะที่มีการอุดตันของท่อน้ําดีอย่างถาวร มี
อาการดีซ่าน (obstructive jaundice) ปัสสาวะสีเข้มแต่อุจจาระสีซีด คัน
ตามตัว สามารถคลําพบตับและถุงน้ําดีที่มีขนาดโตมากได้ มีไข้ต่ํา ๆ เบื่อ
อาหาร ผอม ท้องบวม (ascites) และเท้าบวม (edema)
3.1 มะเร็งท่อน้ําดี
พบร่วมกับการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ(31) และพบว่าร้อยละ 60 ของ
มะเร็งตับในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นมะเร็งท่อน้ําดี การวินิจฉัยทําได้
โดยวิธีใช้คลื่นเสียง (ultrasonography) ซึ่งอาจให้ผลบวกปลอม (false
positive) ได้สูงถึงร้อยละ 10
3.2 ตับแข็ง
มีอ าการท้อ งมาน (ascites) แขนขาบวม (edema) สัด ส่ว นของ
albumin ต่อ globulin ในร่างกายเปลี่ยนไป
3.3 Sepsis and septicemia
เกิดจากมีการอุดตันของท่อน้ําดีนาน ๆ ต่อมามีการติดเชื้อในกระแส
เลือดและมีการกระจายของเชื้อไปทั่วร่างกาย
3.4 Liver failure
เป็นระยะท้ายของโรคที่ตับไม่สามารถทํางานได้ ผู้ป่วยมีอาการทาง
สมอง (hepatic encephalopathy) ส่วนใหญ่มักเสียชีวิต
พยาธิใบไม้ตับ 59
การวินิจฉัย(11-13)
1. ตรวจอุจจาระเพื่อหาไข่หรือตัวพยาธิ โดยอาจพบตัวพยาธิได้หลังจากกิน
ยาขับพยาธิ การแยกชนิดออกจากไข่พยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดเล็กทําได้ยากเมื่อดู
ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ธรรมดา จึงมักให้การวินิจฉัยว่าเป็นไข่ของ O. viverrini ไว้
ก่อน อย่างไรก็ตามหากย้อมไข่ด้วยสารละลายโปตัสเซียมเปอร์มังกาเนต จะ
สังเกตเห็นลายบนผิวของเปลือกไข่(32) หรือในงานวิจัยที่ศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์
อิเล็กตรอนชนิดส่องกราด (scanning electron microscope) จะพบลายบน
เปลือกไข่ เป็นรูปตาข่ายคล้ายเปลือกผลแตง (muskmelon pattern)(32-34) ซึ่ง
ต่างจากไข่พยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดเล็กที่มีผิวของเปลือกไข่เรียบ
การศึกษาของ ผศ.ดร.ชัยรัตน์ ตัณทราวัฒน์พันธ์ และคณะในปี พ.ศ. 2557
ได้พัฒนาวิธี PCR ร่วมกับการเรียงลําดับนิวคลีโอไทด์แบบสังเคราะห์อย่างรวดเร็ว
(pyrosequencing) ของยีน 28S rDNA พบสามารถจําแนกระยะต่าง ๆ คือ ไข่
เซอร์คาเรีย และเมตาเซอร์คาเรียของ O. viverrini, C. sinensis, Haplorchis
taichui, Haplorchis pumilio และ Stellantchasmus falcatus ออกจากกันได้
(35)
การรักษา(38,39)
praziquantel เป็นยาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดให้ครั้งละ 25 มิลลิกรัมต่อ
น้ําหนักตัว 1 กิโลกรัม กิน 3 ครั้ง หลังอาหารเย็นหรือก่อนนอน อัตราหายร้อยละ
100 หรือใช้ในขนาด 40-50 มิลลิกรัมต่อน้ําหนักตัว 1 กิโลกรัม กินเพียงครั้งเดียว
อัตราหายร้อยละ 90 ถึง 100 ไข่พยาธิจะหมดไปจากอุจจาระภายใน 1 สัปดาห์
หลังได้รับยา ส่วนยา mebendazole(40) ในขนาด 30 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน
นาน 3-4 สัปดาห์ และ albendazole(41) ในขนาด 400 มิลลิกรัม กินวันละ 2 ครั้ง
นาน 3-7 วัน มีอัตราหายร้อยละ 89 ถึง 94 และ ร้อยละ 40 ถึง 63 ตามลําดับ
การป้องกันและควบคุม(11-13)
1. ปรับปรุงระบบสุขาภิบาล การสร้างและการใช้ส้วมอย่างถูกสุขลักษณะ ให้
ความรู้และสุขศึกษาแก่ประชาชนให้มองเห็นถึงความสําคัญของโรค ให้
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารโดยเฉพาะไม่กินอาหารประเภทปลา
น้ําจืดมีเกล็ดดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ เช่น ปลาร้า ปลาเจ่า ก้อยปลา รวมไปถึง
ไม่ให้เลี้ยงสุนัขและแมวด้วยปลาสุก ๆ ดิบ ๆ
2. กําจัดโฮสต์สื่อกลางเช่น หอยน้ําจืดหรือทําลายเมตาเซอร์คาเรียในปลาโดย
การฉายรังสีหรือการแช่แข็งปลา
3. ตรวจอุจจาระหาผู้ที่เป็นพยาธิและให้การรักษาโดยทันทีทุกคน เพื่อตัด
วงจรชีวิตของพยาธิ
การควบคุ ม และป้ อ งกั น ที่ ไ ด้ ผ ลจะต้ อ งมี ก ารผสมผสานระหว่ า งการให้
สุขาภิบาล และการให้ยารักษาผู้ป่วย(42,43)
พยาธิใบไม้ตับ 61
Opisthorchis felineus
(Rivolta, 1884) Blanchard, 1895
ประวัติ
เป็น European liver fluke ที่มีรายงานพบในคนครั้งแรกที่ประเทศไซบีเรีย
ในปี พ.ศ. 2435 ต่อมาพบในทวีปยุโรป(44) เช่น ประเทศอิตาลี แอลบาเนีย กรีซ
ฝรั่งเศส ทวีปเอเชียเช่น ประเทศตุรกีและไซบีเรีย(42) และประเทศในแถบยุโรป
ตะวันออก โดยมีแหล่งระบาดสําคัญที่ประเทศรัสเซียและคาซัคสถาน
กายรูปวิทยา(11-13)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีขนาดยาว (2-3×7-12 มิลลิเมตร) รูปร่างคล้ายกับ O. viverrini แต่มี
ลักษณะแตกต่างกันเล็กน้อยที่ (1) หลอดอาหารสั้นกว่า (2) vitelline follicles
62 พยาธิใบไม้
Clonorchis sinensis
(Cobbold, 1875) Looss, 1907
โรค
โรคพยาธิใบไม้ตับ (Clonorchiasis)
ประวัติ
พบในคนครั้งแรกในปี พ.ศ. 2418 จากผู้ป่วยชาวจีนวัย 20 ปีที่เสียชีวิตใน
ประเทศอินเดีย(22,45) โดยพบพยาธิตัวเต็มวัยในท่อน้ําดีต่อมาพบมากในประเทศ
แถบเอเชียตะวันออกได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน เกาะไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น
ฮ่องกง และเวียดนาม(45-49) ในสาธารณรัฐประชาชนจีนคาดว่ามีผู้ติดเชื้อพยาธิชนิด
นี้มากกว่า 15 ล้านคน(50)
กายรูปวิทยา(11-13,45)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีขนาด (3-5×10-25 มิลลิเมตร) (รูปที่ 3.4) มีลักษณะคล้ายกับ O. viverrini
แต่แตกต่างกันที่ (1) oral sucker ใหญ่กว่า ventral sucker เล็กน้อย (2) vitelline
glands เป็นฝอยละเอียดกระจายทั้งสองฟากข้างลําตัว (3) อัณฑะเป็นแขนงส่งไป
ถึงสองฟากข้างลําตัว
ไข่(11-13)
มีรูปร่างลักษณะคล้ายไข่ O. viverrini(34) มีขนาด (16×25 ไมโครเมตร)
วงจรชีวิต(45)
คล้ายกับ O. viverrini แต่ต่างกันตรงชนิดของหอยและปลาที่เป็นโฮสต์สื่อ
กลางตัวที่ 1 และ 2 ตามลําดับ จากการศึกษาในประเทศเวียดนาม พบเมตาเซอร์-
64 พยาธิใบไม้
คาเรียของพยาธิชนิดนี้ในปลาที่จับจากแหล่งเก็บน้ําทางตอนเหนือของประเทศ
ปลาที่พ บเมตาเซอร์ค าเรีย มากคือ Toxabramis houdemeri, Hemiculter
leucisculus, Cultrichthys erythropterus และ Culter recurvirostris โดยพบ
3.9-65.7 เมตาเซอร์คาเรียต่อปลา 1 ตัว พบเมตาเซอร์คาเรียในปลา Toxabra-
mis houdemeri บริเวณครีบหางมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับส่วนหัวและลําตัว(51)
oral sucker
ventral sucker
uterus
vitelline
glands
testes
(a) (b)
รูปที่ 3.4 ตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้ตับ Clonorchis sinensis (a) ภาพถ่าย (b) ภาพวาด
(ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่างจริง ถ่ายรูปและวาดโดย
ดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้ตับ 65
พยาธิสภาพและอาการ การวินิจฉัยและการรักษา
เช่นเดียวกับ O. viverrini(14,45)
FAMILY DICROCOELIIDAE
Odhner, 1910
เป็นกลุ่มพยาธิใบไม้ตับที่มีขนาดเล็กถึงปานกลางรูปร่างเรียวยาว มีอัณฑะ
อยู่ทางด้านหน้าของรังไข่ ไข่มีขนาดเล็กเปลือกหนามีสีน้ําตาล ภายในไข่มีตัวอ่อน
ไมราซิ เ ดี ย มที่ เ จริ ญ เต็ ม ที่ แ ล้ ว พยาธิ ที่ สํ า คั ญ ในกลุ่ ม นี้ ไ ด้ แ ก่ Dicrocoelium
dendriticum และ Eurytrema pancreaticum
66 พยาธิใบไม้
Dicrocoelium dendriticum
(Rudolphi, 1818) Looss, 1899
ชื่อสามัญ
พยาธิใบไม้รปู หอก (lancet fluke)
โรค
Dicrocoeliasis
ประวัติ
มีรายงานพบพยาธิชนิดนี้ในคนที่ประเทศรัสเซียและทวีปยุโรป เอเชียและ
แอฟริกา(14,45)
กายรูปวิทยา(11-13)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีรูปร่างและขนาดใกล้เคียงกับ C. sinensis(52) รูปร่างคล้ายใบหอก ขนาด
(1.5-2. 5×5-15 มิลลิเมตร) มีอัณฑะ 2 ก้อน ลักษณะเป็นกลีบ อยู่เหนือรังไข่ที่
เป็นก้อนกลม มดลูกขดไปมาอยู่บริเวณครึ่งล่างลําตัว vitelline follicles อยู่
บริเวณกึ่งกลางลําตัวทั้งสองด้าน (รูปที่ 3.5)
ไข่(11,12)
มีขนาด (23-30×38-45 ไมโครเมตร) เปลือกหนาสีน้ําตาลเข้ม มีฝาใหญ่เห็น
ชัดไม่มีไหล่ไม่มีปุ่ม (รูปที่ 3.6) เมื่อปนออกมากับอุจจาระใหม่ ๆ ไข่พยาธิมีตัวอ่อน
ระยะไมราซิเดียมอยู่ภายในไข่
พยาธิใบไม้ตับ 67
oral sucker
ventral sucker
testes
ovary
uterus
with eggs
(a) (b)
รูปที่ 3.5 ตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้ตับ Dicrocoelium dendriticum (a) ภาพถ่าย (b)
ภาพวาด (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่างจริง ถ่ายรูปและ
วาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
68 พยาธิใบไม้
operculum
miracidium
egg shell
(a) (b)
วงจรชีวิต(11-13,45)
ตัวเต็มวัยอาศัยอยู่ในท่อน้ําดีภายในตับของโฮสต์เฉพาะ ไข่พยาธิปะปน
ออกมาในอุจจาระแปดเปื้อนตามพื้นดินและใบหญ้า หลังจากนั้นหอยบก (land
snail) กินไข่ พยาธิ ซึ่งมีไมราซิเดียมอยู่ภายใน ไมราซิเดียม จะออกจากไข่เจริ ญ
เติบโตไปเป็นระยะสปอโรซิสต์ เจริญต่อไปเป็นรีเดียแม่ รีเดียลูกและเซอร์คาเรีย
ในปอดของหอย ขณะเดียวกันหอยจะสร้างเมือกขึ้นมาหุ้มเซอร์คาเรียกลายเป็น
ก้อนเมือกซึ่งมีลักษณะกลม (slime ball) จากนั้นจะถูกขับออกมาอยู่ตามพื้นดิน
และใบหญ้าขณะที่หอยคืบคลานไปมา(53)
เมื่อมด Formica fusca (Netro ant) ซึ่งเป็นโฮสต์สื่อกลางตัวที่ 2 มากิน
ก้อนเมือกเข้าไป เซอร์คาเรียจะเจริญเติบโตเป็นเมตาเซอร์คาเรียซึ่งเป็นระยะ
ติดต่อในช่องท้องกลางลําตัวของมด เมื่อโฮสต์เฉพาะกินมดเข้าไปเมตาเซอร์คาเรีย
พยาธิใบไม้ตับ 69
จะออกจากซิสต์บริเวณลําไส้เล็กส่วนต้นเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยในท่อน้ําดีของ
ตับภายในเวลา 6-7 สัปดาห์ และสามารถผลิตไข่ได้ในอีก 1 เดือนต่อมา ส่วนใหญ่
คนจะได้รับระยะติดต่อของพยาธิโดยบังเอิญกินมดเข้าไปโดยตรงหรืออาจติดไป
กับผักหรือผลไม้ (รูปที่ 3.7) บางครั้งอาจได้รับพยาธิจากการกินตับสัตว์เข้าไปโดย
ไม่มีการติดเชื้อจาก metacercaria แต่สามารถตรวจพบไข่พยาธิในอุจจาระได้
(false parasitosis)
ระบาดวิทยา(11-13)
พบพยาธิ ใ นสั ต ว์ กิ น พื ช หลายชนิ ด โดยพบมากในแกะ แถบทวี ป ยุ โ รป
แอฟริกาเหนือ เอเชียตอนเหนือและตะวันออก อเมริกาเหนือและใต้ มีรายงานพบ
ในคนทั้งในทวีปยุโรป เอเชียและอเมริกา แต่ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อหลอก (false
parasitosis) จากการที่คนกินตับแพะหรือแกะดิบ ๆ ที่มีพยาธิตัวเต็มวัยอยู่ภายใน
เมื่อตรวจอุจจาระจึงอาจพบไข่พยาธิได้
พยาธิสภาพและอาการ(11-13)
มี อ าการคล้ า ยคลึ ง กั บ พยาธิ ส ภาพที่ เ กิ ด จาก Clonorchiasis หรื อ
Fascioliasis ยกเว้นไม่มีการทําลายของผนังลําไส้และเซลล์ตับ ถ้ามีพยาธิมากจะมี
ผลต่อท่อน้ําดี บางรายพบมีภาวะเลือดเป็นพิษ (septicemia)(54)
การวินิจฉัย(11,12)
ตรวจอุจจาระเพื่อหาไข่พยาธิ
การรักษา(11-13)
ให้ยา praziquantel โดยรักษาเช่นเดียวกับ O. viverrini นอกจากนี้มี
รายงานว่า ยา bithionol ใช้ได้ผลดีเช่นกัน(22)
70 พยาธิใบไม้
โฮสตเฉพาะ Adult
คน กวาง
แพะ แกะ
วัว ควาย
Egg
(miracidium)
Cercaria
รูปที่ 3.7 วงจรชีวิตของพยาธิใบไม้ตับ Dicrocoelium dendriticum (ภาพถ่ายเป็น
การบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ถ่ายรูปโดยดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้ตับ 71
การป้องกัน(11,12)
รับประทานอาหารที่สะอาดและปรุงอาหารด้วยความร้อนให้สุกก่อน
Eurytrema pancreaticum
(Janson, 1889) Looss, 1907
ประวัติ
เป็นพยาธิใบไม้ที่พบในท่อตับอ่อนในสัตว์จําพวกแพะ แกะ วัว ควาย ใน
หลายประเทศแถบเอเชียเช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศรัสเซีย ฮ่องกง
และญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังพบได้ในประเทศบราซิล(22,52) มีรายงานพบพยาธิชนิดนี้ใน
ผู้ป่วยจากฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีนและญี่ปุ่น
กายรูปวิทยา(11-12)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีลักษณะคล้าย D. dendriticum แต่ตัวอ้วนกว่า มีขนาด (5-8×8-16
มิลลิเมตร) ตัวแบนยาว ผิวลําตัวมีหนาม oral sucker ใหญ่กว่า ventral sucker
มาก (รูปที่ 3.8)
72 พยาธิใบไม้
ไข่(8,9)
คล้ายกับไข่ของ D. dendriticum ไม่สามารถแยกจากกันได้
oral sucker
ventral
sucker
testes
ovary
(a) (b)
วงจรชีวิต(52)
เมื่อหอยบก (land snail: Bradybaena spp.) ซึ่งเป็นโฮสต์สื่อกลางตัวที่
1 กินไข่พยาธิที่ปนออกมากับอุจจาระเข้าไป (รูปที่ 3.9) ไมราซิเดียมซึ่งอยู่ภายใน
ไข่จะออกจากไข่เจริญเติบโตไปเป็นสปอโรซิสต์ รีเดียแม่ และรีเดียลูก ซึ่งภายในมี
เซอร์คาเรียอยู่มากมายเซอร์คาเรียจะถูกขับออกมาจากหอยมาเกาะติดกับใบหญ้า
เมื่อถูกตั๊กแตน (Conocephalus spp.) ซึ่งเป็นโฮสต์สื่อกลางตัวที่ 2 กินเข้าไป
เซอร์คาเรียจะออกมาในลําไส้ของตั๊กแตนเข้าสู่ช่องว่างในลําตัวเจริญต่อไปเป็นเม
ตาเซอร์คาเรียซึ่งเป็นระยะติดต่อ เมื่อโฮสต์เฉพาะกินตั๊กแตนเข้าไปเมตาเซอร์-
คาเรี ย จะออกจากซิ ส ต์ เ จริ ญ เติ บ โตเป็ น ตั ว เต็ ม วั ย และอาศั ย อยู่ ใ นท่ อ ตั บ อ่ อ น
(pancreatic duct) ต่อไป
พยาธิสภาพและอาการ(11-13,45)
ทําให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของท่อตับอ่อนซึ่งต่อมาทําให้เกิดการขยายตัว
และหนาตั ว ของผนั ง ท่ อ เมื่ อ มี ก ารอั ก เสบเรื้ อ รั ง เป็ น เวลานานอาจทํ า ให้ เ กิ ด
pancreatic cirrhosis อาการต่าง ๆ อาจพบภาวะโลหิตจาง น้ําหนักลด เนื่องจาก
คนมีพยาธิจํานวนไม่มากอาการที่รุนแรงจึงไม่ปรากฏชัดเจนนัก
การวินิจฉัย(11,12) ตรวจหาไข่ในอุจจาระ
การรักษา(11,12) ให้ยา praziquantel โดยรักษาเช่นเดียวกับ O. viverrini
การป้องกัน(11,12) ไม่รับประทานตั๊กแตนดิบ ๆ
โฮสตเฉพาะ Adult
คน
แพะ แกะ
วัว ควาย
Egg
(miracidium)
Cercaria
รูปที่ 3.9 วงจรชีวิตของพยาธิใบไม้ตับ Eurytrema pancreaticum (ภาพถ่าย
เป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ถ่ายรูปโดยดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้ตับ 75
สรุป
พยาธิใบไม้ตับใน family Opisthorchiidae และ family Dicrocoeliidae
จัดเป็นกลุ่มพยาธิใบไม้ตับที่มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มีรูปร่างเรียวยาว ลักษณะ
โดยทัวไปของตัวเต็มวัยค่อนข้างคล้ายคลึงกัน แต่มีลักษณะแตกต่างกันอย่าง
เด่นชัด ที่การจัดเรียงตัวของอัณฑะและรังไข่ พยาธิใน family Opisthorchiidae
มีระบบสืบพันธุ์อยู่ส่วนท้ายของลําตัวโดยรังไข่จะอยู่หน้าอัณฑะ ส่วนพยาธิใน
family Dicrocoeliidae มีระบบสืบพันธุ์อยู่ส่วนหน้าของลําตัวโดยอัณฑะจะอยู่
หน้ารังไข่ (รูปที่ 3.10)
testes
ovary
ovary
testes
FAMILY FASCIOLIDAE
Railliet, 1895
เป็นพยาธิใบไม้ที่มีขนาดใหญ่ ลําตัวแบน oral sucker และ ventral sucker
อยู่ใกล้กันตรงส่วนหัวผิวหนังปกคลุมด้วยหนามเล็ก ๆ จํานวนมาก รังไข่เป็นแขนง
มดลูกสั้นขดไปมาอยู่ระหว่างรังไข่กับ ventral sucker ไข่มีขนาดใหญ่ฝาขนาด
เล็กเห็นไม่ชัดเจน เมื่อไข่ออกมาใหม่ ๆ ยังไม่มีตัวอ่อนไมราซิเดียมอยู่ภายใน ปกติ
เป็นปรสิตของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ชนิดที่มีรายงานพบในคนได้แก่ Fasciola
hepatica และ Fasciola gigantica(22,45)
operculum
egg shell
yolk cell
(a) (b)
รูปที่ 3.11 ไข่พยาธิใบไม้ตับ Fasciola spp. (a) ภาพถ่าย (b) ภาพวาด (ภาพถ่ายเป็น
การบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่างจริง ถ่ายรูปและวาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
78 พยาธิใบไม้
oral sucker
intestine
ventral sucker
uterus
testes
(a) (b)
รูปที่ 3.12 ตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้ตับ Fasciola gigantica (a) ภาพถ่าย (b) ภาพวาด
(ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่างจริง ถ่ายรูปและวาดโดย
ดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้ตับ 79
วงจรชีวิต(45,59,60)
พยาธิตัวเต็มวัยอยู่ในท่อน้ําดีใหญ่ของตับสัตว์ที่กินหญ้าเป็นอาหารเช่น
แพะ แกะ วัว ควาย ไข่พยาธิปนออกมากับอุจจาระตกลงไปในน้ํา ใช้เวลาประมาณ
9-15 วัน ไมราซิเดียมจะฟักออกจากไข่ว่ายอยู่ในน้ําเพื่อไชเข้าโฮสต์สื่อกลางตัวที่
1 คือ หอยในสกุล Lymnaea spp. ในประเทศไทยคือ Radix rubiginosa
(= Lymnaea rubiginosa)(61,62) เมื่อเข้าสู่หอยไมราซิเดียมจะมีการเจริญเติบโต
ไปเป็นสปอโรซิสต์ รีเดียแม่ รีเดียลูกและเซอร์คาเรียตามลําดับ หลังจากนั้นเซอร์-
คาเรียจะออกจากหอยแล้วว่ายน้ําไปเกาะอยู่ตามพืชน้ําหรืออยู่เป็นอิสระในน้ํา
เมื่อเกาะอยู่กับพืชน้ําเซอร์คาเรียจะสลัดหางทิ้งแล้วสร้างผนังมาหุ้มตัวเป็น
ซิสต์กลม ๆ เรียกว่าเมตาเซอร์คาเรียซึ่งเป็นระยะติดต่อ พืชน้ําที่สําคัญได้แก่
ผักบุ้ง ผักกระเฉด แห้ว กระจับ สายบัว ผักตบชวา เมื่อคนหรือสัตว์ซึ่งเป็นโฮสต์
เฉพาะดื่มน้ําหรือกินพืชน้ําดิบ ๆ ที่มีเมตาเซอร์คาเรียอยู่ จะได้รับระยะติดต่อเข้า
ไป เมตาเซอร์คาเรียจะถูกย่อยและออกจากซิสต์ที่ลําไส้เล็กส่วนต้น ไชทะลุผนัง
ลําไส้ผ่านช่องท้องเข้าสู่เนื้อตับ สู่ท่อน้ําดีใหญ่แล้วเจริญเป็นตัวเต็มวัย พยาธิตัว
เต็มวัยมีอายุประมาณ 11 ปี ในแกะ 9-12 เดือนในวัว ควาย และ 9-13 ปี ในคน
(รูปที่ 3.14)
ระบาดวิทยา(11,12)
พบได้ทั่วไปโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเลี้ยงแกะมาก มีรายงานผู้ป่วยโรค
Fascioliasis มากกว่า 40 ประเทศทั่วทวีปยุโรป ละตินอเมริกา เอเชีย แอฟริกา
เหนือ และพบผู้ป่วยมากกว่าร้อยละ 50 อาศัยอยู่ในทวีปยุโรป การติดเชื้อในคน
ไทยมีรายงานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 จนถึงปัจจุบัน โดยในช่วงแรกมีรายงานพบเฉพาะ
ผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อ F. gigantica เท่านั้น ส่วนใหญ่พบพยาธิอยู่นอกตับ(11,63-65)
82 พยาธิใบไม้
โฮสตเฉพาะ Adult
คน
แพะ แกะ Egg
วัว ควาย
Miracidium
Cercaria
รูปที่ 3.14 วงจรชีวิตของพยาธิใบไม้ตับ Fasciola gigantica (ภาพถ่ายเป็นการ
บันทึกจากกล้องดิจิตอล; ถ่ายรูปโดยดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้ตับ 83
การรักษา(11,12)
แบ่งการรักษาเป็น 2 ลักษณะคือ การผ่าตัดและการรักษาด้วยยา การผ่าตัด
จําเป็นในรายที่มีภาวะแทรกซ้อน แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะตอบสนองต่อการรักษา
ด้วยยาฆ่าพยาธิได้ดี ยาที่นิยมใช้ในการรักษาโรค Fascioliasis(74) ได้แก่
- Bithionol 30-50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน แบ่งให้ 3 ขนาด วันเว้นวัน
นาน 15 วัน
- Triclabendazole(75) เป็นยาใหม่ในกลุ่ม benzimidazole ขนาด
10-12 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน โดยให้วันละครั้งหรือแบ่งให้วันละ 2
เวลา เพียงวันเดียว
- Praziquantel 40 มิลลิกรัม/กิโลกรัม กินครั้งเดียว แต่มีรายงานว่า
praziquantel มีประสิทธิภาพในการรักษา Fascioliasis ไม่ค่อยดี
นัก(76,77)
ดร.นรินทร์ ช่างกลึงเหมาะ และคณะ ปีพ.ศ. 2559 ได้รายงานว่า recom-
binant mature FgCatL1G (rmFgCatL1G vaccine) เป็นวัคซีนที่ได้พัฒนาขึ้น
เพื่อใช้รักษาโรคที่เกิดจากพยาธิ F. gigantica ซึ่งจากการทดลองในหนูพบว่ามี
ประสิทธิภาพดีและคาดว่าในอนาคตจะได้ทําการพัฒนาในสัตว์ใหญ่ต่อไป(78)
การป้องกัน(11,12)
ไม่รับประทานพืชน้ําดิบ ดื่มน้ําที่สุกสะอาด ควรให้ยารักษาสัตว์เลี้ยงพวก
วัว ควาย แพะ แกะ เพื่อตัดวงจรชีวิตของพยาธิ นอกจากนั้นควรมีการกําจัดหอย
น้ําจืดที่เป็นโฮสต์สื่อกลาง
86 พยาธิใบไม้
บทสรุป
เอกสารอางอิง
1. Verbun P, Bruyant L. La douve du chat Opisthorchis felineus
(RIV) existe au Tonkin et sobserve chez 1’homme. Arch
Parasitol 1908; 12:125-34.
2. Leiper RT. Notes on the occurrence of parasites presumably
rare in man. J Roy Army Med Corps 1915;24:569-75.
3. Prommas C. Report of a case of Opisthorchis felineus in Siam.
Ann Trop Med Parasitol 1927;21:9-10.
4. Sadun EH. Studies on Opisthorchis viverrini in Thailand. Am J
Hyg 1955;62:81-115.
5. Wykoff DE, Harinasuta C, Juttijudata P, Winn MM. Opisthorchis
viverrini in Thailand. The life cycle and comparison with O.
felineus. J Parasitol 1965;51:207-14.
6. Sithithaworn P, Andrews RH, Nguyen VD, Wongsaroj T, Sinuon
M, Odermatt P, et al. The current status of opisthorchiasis and
clonorchiasis in the Mekong Basin. Parasitol Int 2012;61:10-6.
7. Sripa B, Bethony JM, Sithithaworn P, Kaewkes S, Mairiang E,
Loukas A, et al. Opisthorchiasis and Opisthorchis-associated
cholangiocarcinoma in Thailand and Laos. Acta Trop 2011;120:
158-68.
8. Harinasuta C. Opisthorchiasis in Thailand: A review. Proceedings
of the Fourth Southeast Asian Seminar on Parasitology and
Tropical Medicine, Schistosomiasis and other Snail-Transmitted
Helminthiasis Manila, 24-27 February 1969. p. 253-64.
9. สมพร พฤกษราช, เชาวลิต จิระดิษฐ์, อเนก สถิตย์ไทย, ทวีศักดิ์ สีดลรัศมี,
สุมิตร กิจวรรณี. การศึกษาหาความชุกชุมและความรุนแรงของโรคหนอน
พยาธิลําไส้ในชนบทประเทศไทย พ.ศ. 2523-2524. วารสารโรคติดต่อ
2525;8:245-69.
88 พยาธิใบไม้
พยาธิใบไม้ลําไส้มีระยะตัวเต็มวัยเป็นปรสิตเกาะอาศัยอยู่ที่ผนังลําไส้ของ
โฮสต์ พยาธิใบไม้ลําไส้มีมากมายหลายชนิดทั้งพยาธิของคนและสัตว์ โดยพยาธิ
บางชนิ ด สามารถอยู่ ได้ ทั้ ง ในคนและสั ต ว์ อย่ า งไรก็ ต ามพยาธิใ บไม้ ลํา ไส้ ไม่ ไ ด้
ก่อให้เกิดพยาธิสภาพที่รุนแรงมาก เมื่อเทียบกับพยาธิใบไม้กลุ่มอื่น โดยทั่วไปมัก
ทําให้เกิดอาการระคายเคืองและอุดตันลําไส้(1)
การจัดแบ่งกลุ่มพยาธิใบไม้ลําไส้ สามารถแบ่งพยาธิใบไม้ลําไส้ออกเป็น 2 กลุ่ม
ตามขนาดของตัวเต็มวัยและไข่(2,3) ดังนี้
Family Heterophyidae
Haplorchis taichui เชียงใหม่ อุดรธานี สปป.ลาว
หนองคาย ฟิลิปปินส์
Haplorchis pumilio เชียงใหม่ อุดรธานี สปป.ลาว
ขอนแก่น ฟิลิปปินส์
Haplorchis yokogawai อุดรธานี อินโดนีเซีย
ฟิลิปปินส์
Stellantchasmus falcatus เชียงใหม่ ฟิลิปปินส์
Centrocestus caninus เชียงใหม่ เชียงราย
Family Lecithodendriidae
Phaneropsolus bonnei อุดรธานี หนองคาย อินโดนีเซีย
มาเลเซีย
สปป.ลาว
Phaneropsolus spinicirrus กาฬสินธุ์
Prosthodendrium อุดรธานี หนองคาย อินโดนีเซีย
molenkampi สปป.ลาว
Family Plagiorchiidae
Plagiorchis harinasutai ภาคตะวันออกเฉียง
เหนือของไทย
100 พยาธิใบไม้
Fasciolopsis buski
(Lankester, 1857) Odhner, 1902
ชื่อสามัญ
พยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดยักษ์ (The giant intestinal fluke) ถือเป็นพยาธิใบไม้
ลําไส้ขนาดใหญ่ที่สุดในลําไส้คน
โรค
โรคพยาธิใบไม้ลําไส้ (Fasciolopsiasis)
ประวัต(2,4,5)
ิ
พบครั้งแรกโดย Busk ในปี พ.ศ. 2386(6) จากการตรวจศพ (autopsy)
กะลาสีเรือชาวอินเดียที่ตายในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พบพยาธิตัวเต็มวัย
บริเวณลําไส้เล็กส่วน duodenum ในประเทศไทยมีรายงานพบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.
2484 โดย ศ.นพ. สวัสดิ์ แดงสว่างและ ศ.นพ. มนตรี มงคลสมัย พบในผู้ป่วยเด็ก
ชายชาวไทยอายุ 6 ปี จากจังหวัดธนบุร(7,8)
ี
พยาธิใบไม้ลําไส้ 101
การกระจายทางภูมิศาสตร์(2,4,5)
มี ก ารระบาดบริ เ วณทางตอนใต้ ข องสาธารณรั ฐ ประชาชนจี น เอเชี ย
ตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ สําหรับประเทศไทยมีรายงาน
การระบาดบริเวณภาคกลาง(9) โดยเฉพาะอําเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
กายรูปวิทยา(1,2,4,5)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีขนาดใหญ่ (8-20×20-75 มิลลิเมตร) ลําตัวค่อนข้างแบนมีความหนา
ประมาณ 2 มิลลิเมตร รูปร่างเหมือนใบไม้รูปรี ผิวหนังมีหนามเล็ก ๆ รอบตัว ส่วนหัว
ไม่มีรอยคอด (cephalic cone) ทางด้านหัวมี oral sucker (เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5
มิลลิเมตร) มีขนาดเล็กกว่า ventral sucker (ขนาด 2-3 มิลลิเมตร) ประมาณ 4-6
เท่า ทางเดินอาหารที่ต่อจาก oral sucker ประกอบด้วย คอหอย (pharynx) และ
หลอดอาหาร (esophagus) จากนั้นแยกเป็นลําไส้ปลายตัน 2 อัน อยู่สองข้างลําตัว
ไม่แตกกิ่งก้านเป็นแขนง (รูปที่ 4.1)
อวัยวะสืบพันธุ์ประกอบด้วย อัณฑะ มีลักษณะเป็นแขนงย่อย 1 คู่ เรียงตาม
ความยาวของลําตัวทางด้านท้าย รังไข่เป็นแขนงย่อย 1 อัน อยู่กึ่งกลางความยาว
ของลําตัวทางด้านขวา รังไข่จะเชื่อมต่อกับ ootype ที่ถูกล้อมรอบด้วย Mehlis’
glands และยังเชื่อมต่อกับ vitelline ducts ที่ต่อกับ vitelline glands ขนาด
เล็กกระจายอยู่ด้านข้างลําตัวตั้งแต่ ventral sucker ลงไปจนถึงปลายสุดของลําตัว
มดลูกมีลักษณะเป็นท่อขดไปมาอยู่ระหว่างรังไข่และ ventral sucker
โดยทั่วไปตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้ลําไส้ F. buski มีรูปร่างลักษณะค่อนข้าง
คล้ายคลึงกับพยาธิใบไม้ตับ F. gigantica(1,10) แต่มีลักษณะแตกต่างกันหลายจุดที่
สามารถใช้ในการวินิจฉัยแยกออกจากกันได้ดังนี้ (รูปที่ 4.2)
102 พยาธิใบไม้
oral sucker
ventral sucker
uterus
intestine
ovary
testes
vitelline
glands
(a) (b)
operculum
yolk cell
egg shell
(c)
รูปที่ 4.1 ตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดใหญ่ Fasciolopsis buski (a) ภาพถ่าย (b)
ภาพวาด (c) ไข่ (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่างจริง
ถ่ายรูปและวาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้ลําไส้ 103
ไข่(2,4)
มีขนาดใหญ่ (80-85×130-140 ไมโครเมตร) รูปร่างกลมรีคล้ายไข่ไก่ มี
เปลือกบางสีเหลืองปนน้ําตาลและมีฝาเล็ก ๆ เห็นไม่ชัด มี yolk cell อยู่ภายในไข่
(รูปที่ 4.1)
วงจรชีวิต(1,6,11-13)
พยาธิตัวเต็มวัยเกาะอาศัยอยู่ที่ผนังลําไส้เล็กส่วน duodenum และ
jejunum ของคนและสุกรซึ่งเป็นโฮสต์เฉพาะหลังการผสมพันธุ์จะปล่อยไข่ออกมา
กับอุจจาระโดยพยาธิตัวเมีย 1 ตัว สามารถออกไข่ได้ประมาณ 13,000-26,000
ฟองต่อวัน โดยเฉลี่ย 16,000 ฟองต่อวัน
เมื่อไข่ตกลงไปในน้ําจะใช้เวลาประมาณ 3-7 สัปดาห์ ภายในไข่จะมีการ
เจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนไมราซิเดียมจากนั้นไมราซิเดียมจะฟักออกจากไข่ว่ายอยูใ่ น
น้ําและไชเข้าหอยน้ําจืดซึ่งเป็นโฮสต์สื่อกลางตัวที่ 1 เจริญเติบโตเป็นสปอโรซิสต์
รีเดียแม่ รีเดียลูกและเซอร์คาเรีย โดยใช้เวลาการเจริญเติบโตในหอยประมาณ 4
สัปดาห์ จากนั้นเซอร์คาเรียจะออกจากหอยไปเกาะอยู่ตามพืชน้ําซึ่งเป็นโฮสต์
สื่อกลางตัวที่ 2 ระยะนี้มีการสร้างผนังซิสต์และเจริญเป็นระยะติดต่อเมตาเซอร์คา-
เรีย หากโฮสต์เฉพาะมากินพืชน้ําก็จะได้รับระยะติดต่อนี้เข้าไป เมื่อเมตาเซอร์-
คาเรียลงสู่กระเพาะอาหารจะถูกน้ําย่อยในกระเพาะอาหารย่อย cyst wall แล้ว
ตัวอ่อนจะออกมาจาก cyst ที่ลําไส้ส่วน duodenum และเจริญเป็นตัวเต็มวัย
อาศัยอยู่ในลําไส้เล็กต่อไป (รูปที่ 4.3)
ระบาดวิทยา(2,4,5)
พบการติดเชื้อ F. buski บ่อยในคนและสุกร ในสาธารณรัฐประชาชนจีน
เกาะไต้หวัน บอร์เนียว สุมาตรา ประเทศไทย เวียดนาม อินเดีย บังคลาเทศ และ
มาเลเซีย(14) ในประเทศไทยมีการระบาดบริเวณภาคกลางแถบลุ่มแม่น้ําเจ้าพระยา
ที่มีน้ําขังตลอดปี มีพืชน้ํามากและมีการเลี้ยงสุกรเช่น อยุธยา สุพรรณบุรี อ่างทอง
และนครปฐม
พยาธิใบไม้ลําไส้ 105
โฮสตเฉพาะ Adult
คน สุกร
Egg
Miracidium
Cercaria
รูปที่ 4.3 วงจรชีวิตของพยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดใหญ่ Fasciolopsis buski (ภาพถ่าย
เป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ถ่ายรูปโดยดวงรัตน์ ริยอง)
106 พยาธิใบไม้
FAMILY PARAMPHISTOMATIDAE
Fischoeder, 1901
พยาธิใน family นี้มีลักษณะเด่น คือ มี ventral sucker ขนาดใหญ่อยู่
ส่วนท้ายสุดของลําตัว พยาธิในกลุ่มนี้มีหลายชนิดแต่ที่ทําให้เกิดโรคในคน ได้แก่
1. Gastrodiscoides hominis
2. Watsonius watsoni พยาธิชนิดนี้มีความสําคัญน้อยมาก
Gastrodiscoides hominis
(Lewis and McConnell, 1876) Leiper, 1913
โรค
Gastrodiscoidiasis
ประวัติ
รายงานพบครั้งแรกโดย Lewis และ McConnell ในปี พ.ศ. 2419(1) จาก
การตรวจศพชาวพื ้น เมือ งรัฐ อัส สัม ประเทศอิน เดีย ต่อ มาในปี พ.ศ. 2456
Stephen และ Leiper บรรยายซ้ําใหม่ ชื่อพยาธิหมายถึง “ท้องรูปจาน”(6) ใน
พยาธิใบไม้ลําไส้ 109
การกระจายทางภูมิศาสตร์
มีการระบาดมากใน รัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย และมีรายงานพบในส่วนอื่น ๆ
ของประเทศอินเดีย เมียนมา ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์
และคาซัคสถาน(1,6) นอกจากนี้พบรายงานผู้ป่วยในประเทศไนจีเรีย(27)
กายรูปวิทยา(1,2,4,6,28)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีขนาดใหญ่ (5-8×8-14 มิลลิเมตร) ผิวคลุมลําตัวเรียบไม่มีหนาม มีลักษณะ
แตกต่างจากพยาธิตัวอื่นคือ มีรูปร่างคล้ายหยดน้ําหรือน้ําเต้าลําตัวแบ่งออกเป็น
2 ส่วน ส่วนหัวเรียวมีรูปร่างเหมือนกรวย (anterior conical portion) ส่วนท้าย
มีลักษณะกลมคล้ายจาน (posterior discoidal portion) (รูปที่ 4.4)
มี oral sucker ขนาดเล็กอยู่ทางส่วนหัว ventral sucker ขนาดใหญ่อยู่
ส่วนท้ายลําตัวมีอัณฑะ 1 คู่ รูปร่างเป็นกลีบ (lobe) เรียงกันอยู่หน้ารังไข่รูปกลม
ที่อยู่บริเวณกลางลําตัว มดลูกขดไปมาอยู่ตั้งแต่ทางแยกของลําไส้ลงมาจนถึง 2
ใน 3 ของลําตัว มี vitelline follicles 2 กลุ่ม เรียงตัวอยู่ทางด้านข้างของลําตัว
ไข่(2,4,5)
มีขนาดใหญ่ (60-70×150-170 ไมโครเมตร) มีรูปร่างคล้ายรูปสี่เหลี่ยม
ขนมเปียกปูน มีฝาปิด ลักษณะคล้ายไข่ของ F. buski แต่หัวท้ายค่อนข้างเรียวกว่า
วงจรชีวิต(1,6)
G. hominis เป็นพยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ในลําไส้ใหญ่บริเวณ
caecum และ ascending colon ของโฮสต์เฉพาะ เช่น คน และพบได้บ่อยใน
สุกร นอกจากนั้นยังมีรายงานพบพยาธิในลิง ค่างและหนู อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน
ยังไม่ทราบวงจรชีวิตที่แน่ชัด แต่จากการทดลองพบว่าโฮสต์สื่อกลางตัวที่ 1 เป็น
110 พยาธิใบไม้
oral sucker
suctorial
caecum
ventral
sucker
(a) (b)
รูปที่ 4.4 ตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดใหญ่ Gastrodiscoides hominis (a)
ภาพถ่าย (b) ภาพวาด (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่าง
จริง ถ่ายรูปและวาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้ลําไส้ 111
พยาธิสภาพและอาการ(6,31)
พยาธิตัว เต็ม วัย ในคนเกาะอาศัย ผนัง ลํา ไส้ใ หญ่บ ริเ วณ caecum และ
ascending colon ทําให้มีบาดแผลในบริเวณที่เกาะ(32) เกิดการอักเสบและมีการ
ลอกตัวออก (desquamation) ของผนังลําไส้ หรืออาจทําให้ผนังลําไส้เปื่อยเน่า
ตาย (necrosis) โดยทั่วไปโฮสต์มักไม่แสดงอาการ แต่ในบางรายผู้ป่วยอาจมีอาการ
ท้องร่วง ถ่ายเหลวเป็นมูกและอาจพบอาการบวมที่หน้าและขา มีภาวะซีด พบเม็ด
เลือดขาวในปริมาณสูง (leucocytosis) มีอุจจาระปนมากับปัสสาวะเนื่องมาจากมี
แผลไชทะลุของลําไส้ (jejuno-ileo-caecal fistula) และมีแผลไชทะลุลําไส้กับ
กระเพาะปัสสาวะและช่องคลอด (jejuno-ileo-vesicovaginal fistula) ซึ่งเป็น
พยาธิส ภาพที่ต รวจพบ ในศพผู้ป่ว ยชาวไทยรายหนึ่ง ที่เ สีย ชีวิต ลัก ษณะอื่นที่
ตรวจพบ ได้แก่ มีก้อนเนื้องอกที่ต่อมน้ําเหลือง (lymphosarcoma) ของลําไส้
การวินิจฉัย(2,4)
ตรวจอุจจาระเพื่อหาไข่พยาธิที่มีลักษณะเหมือนไข่ของ F. buski แต่แคบ
กว่าและมีสีเขียวแกมน้ําตาล(5)
การรักษา(16,32)
ยา praziquantel 15 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ให้กินครั้งเดียว แต่อาจพบอาการ
ข้างเคียงเช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องและปวดเมื่อยตามตัวที่ไม่รุนแรงและ
หายไปภายใน 48 ชั่วโมง นอกจากนี้พบรายงานการให้ยา mebendazole 100
มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง นาน 3 วัน พบจํานวนพยาธิลดลงแต่ไม่หมดไป และให้ยา
ซ้ําอีก 3 วัน(33)
การป้องกัน(2,4,5)
ยังไม่มีการศึกษาแต่คาดว่ามีระยะติดต่อคือเมตาเซอร์คาเรีย เกาะอยู่ตาม
พืชน้ํา ดังนั้นควรรับประทานพืชผักที่ต้มสุกดีแล้วและดื่มน้ําสะอาด
112 พยาธิใบไม้
FAMILY ECHINOSTOMATIDAE
Poche, 1926
พยาธิใน family นี้เรียกว่า Echinostomes เป็นพยาธิที่อาศัยอยู่ในลําไส้
เล็กของคนและสัตว์มีกระดูกสันหลัง พยาธิตัวเต็มวัยมีขนาดลําตัวปานกลาง ผิว
ลําตัวปกคลุมด้วยหนามเล็ก ๆ มีลักษณะเด่นคือ มีลําตัวยาว ส่วนหัวมีคอเป็นรูป
เกือกม้า (head collar) และมีหนาม 1-2 แถว รอบ ๆ oral sucker เรียกว่า collar
spines(9) ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าหนามที่ปกคลุมลําตัวส่วนอื่น ๆ
การกระจายทางภูมิศาสตร์
พยาธิกลุ่มนี้พบว่ามีการกระจายอยู่ในประเทศที่อยู่ในทวีปเอเชียตะวันออก
และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน เกาะไต้หวัน เกาหลี
อินเดีย (รัฐสุลาเวสี) ญี่ปุ่น เมียนมา ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์(10,34)
และสปป.ลาว(35,36) มีรายงานพบในคนมากกว่า 20 species ประกอบด้วย 8
genera (Echinostoma, Echinochasmus, Acanthoparyphium, Artyfechino-
stomum, Episthmium, Himasthla, Hypoderaeum และ Isthmiophora)(37)
นอกจากนี้ยังพบรายงานผู้ป่วยจํานวนมากของ Echinostomiasis ในคน
จากประเทศญี่ปุ่น (Echinostoma cinetorchis, Echinostoma hortense
และ Echinostoma japonicum), อินเดีย (Echinostoma malayanum และ
Paryphostomum sufrartyfex) แ ล ะ ไ ท ย (Echinostoma malayanum,
Echinostoma ilocanum, Echinostoma revolutum, Episthmium caninum,
Hypoderaeum conoideum และ Echinostoma echinatum)(38-43)
โรค
Echinostomiasis
พยาธิใบไม้ลําไส้ 113
กายรูปวิทยา(1,9,34)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีขนาดปานกลาง ลําตัวยาว ส่วนหัวมีคอเป็นรูปเกือกม้า (head collar,
collar spines) ประกอบด้วยหนามแหลมขนาดใหญ่ 1-2 แถว ล้อมรอบ oral
sucker ทางด้านหลังและด้านข้าง oral sucker ขนาดเล็กกว่า ventral sucker
(รูปที่ 4.5) ทางเดินอาหารประกอบด้วย ช่องปาก คอหอย หลอดอาหารค่อนข้าง
ยาวและลําไส้ปลายตัน 2 อัน ที่ไปสิ้นสุดบริเวณส่วนท้ายของลําตัว มีอัณฑะ 1 คู่
อยู่เรียงแถวตามยาวหรืออยู่เยื้องกันที่ส่วนท้ายลําตัว รังไข่อยู่กลางหรือด้านข้าง
ของลําตัวและอยู่หน้าอัณฑะ มีมดลูกขดอยู่ทางหน้าของลําตัวโดยมี vitelline
follicles กระจายอยู่สองข้างของลําตัว การจําแนกชนิดของ Echinostomes ใน
อดีตใช้วิธีทางกายรูปวิทยา โดยใช้จํานวนและการกระจายของ collar spines(44)
แต่ปัจจุบันใช้วิธีทางอณูชีววิทยาร่วมด้วย(36)
ไข่(2,4,5)
มีขนาดใหญ่และมีขนาดแตกต่างกันไปแล้วแต่ชนิด ไข่มีเปลือกบางและมีฝา
ขณะออกมาใหม่ ๆ ยังไม่เจริญเต็มที่ (unembryonated egg) ภายในไข่ยังไม่มี
ไมราซิเดียม (รูปที่ 4.5)
วงจรชีวิต(9,45)
พยาธิในกลุ่มนี้มีวงจรชีวิตที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน ตัวเต็มวัยที่อาศัยอยู่ใน
ลําไส้เล็กมีการผสมพันธุ์และปล่อยไข่ (unembryonated egg) ออกมากับอุจจาระ
เมื่อไข่ตกลงไปในน้ําภายในเวลาประมาณ 10 วัน ภายในไข่จะมีการเจริญต่อเป็น
ไมราซิเดียม จากนั้นไมราซิเดียมจะไชเข้าหอยน้ําจืดมีฝาซึ่งเป็นโฮสต์สื่อกลางตัวที่
1 เจริญเติบโตเป็นสปอโรซิสต์ รีเดียแม่ รีเดียลูกและเซอร์คาเรีย
จากนั้ น เซอร์ ค าเรี ย จะไชออกจากหอยเข้ า สู่ โ ฮสต์ สื่ อ กลางตั ว ที่ 2 และ
เจริญเติบโตไปเป็นเมตาเซอร์คาเรียซึ่งเป็นระยะติดต่อ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับชนิดของ
พยาธิ เมื่อโฮสต์เฉพาะกินโฮสต์สื่อกลางตัวที่ 2 โดยไม่ทําให้สุกก่อน เมตาเซอร์-
114 พยาธิใบไม้
คาเรียจะสามารถเจริญไปเป็นตัวเต็มวัย และอาศัยอยู่ในลําไส้เล็กของโฮสต์เฉพาะ
ต่อไป (รูปที่ 4.6)
oral sucker
collar
spines
ventral
sucker
(c)
รูปที่ 4.5 ตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดใหญ่กลุ่ม Echinostomes (a) ภาพถ่าย (b)
ภาพวาด (c) ไข่ (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่างจริง
ถ่ายรูปและวาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้ลําไส้ 115
โฮสตเฉพาะ Adult
คน สุนัข
หนู และ
Egg
สัตวปก
Miracidium
Cercaria
รูปที่ 4.6 วงจรชีวิตของพยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดใหญ่กลุ่ม Echinostomes (ภาพถ่าย
เป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ถ่ายรูปโดยดวงรัตน์ ริยอง)
116 พยาธิใบไม้
พยาธิสภาพและอาการ(1)
โดยทั่วไปพยาธิกลุ่ม Echinostomes ไม่ทําให้เกิดโรคหรือพยาธิสภาพที่
รุนแรง แต่อาจทําให้เกิดการอักเสบบริเวณที่มีพยาธิเกาะ หากมีจํานวนพยาธิใน
ลําไส้น้อยมักไม่ปรากฏอาการ แต่ถ้ามีพยาธิจํานวนมากอาจก่อให้เกิดอาการทาง
ลําไส้เช่น ปวดท้อง ท้องร่วง มีเม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิล (eosinophil) สูง
อาจพบอาการบวมและมีภาวะซีดได้ นอกจากนี้อาจพบอาการปวดตรงกระบังลม
หน้าท้อง ปวดท้องบริเวณลิ้นปี่ (epigastric) ตามมาด้วยท้องเสีย อ่อนเพลีย เบื่อ
อาหารและทุพโภชนาการ(37)
การวินิจฉัย(2,4,5)
ตรวจอุจจาระเพื่อหาไข่ของพยาธิ แต่อาจจะแยกจากไข่พยาธิชนิดอื่นได้
ยาก วินิจฉัยจากพยาธิตัวเต็มวัยจะได้ผลแน่นอนกว่า
การรักษา(2,4,5)
ให้ยา praziquantel 40 มิลลิกรัม/กิโลกรัม เพียงครั้งเดียวหลังอาหารเย็น
หรือก่อนนอน หรือขนาด 25 มิลลิกรัม/กิโลกรัม วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น(46)
หรืออาจให้ยา niclosamide ได้(45)
การป้องกัน(2,4,5)
กินหอย ปลาและลูกอ๊อดที่ปรุงสุกแล้ว
Echinostoma malayanum
Leiper, 1911
ประวัต(2,4)
ิ
E. malayanum เป็นพยาธิใบไม้ลําไส้ของคนและหนู พบครั้งแรกในปี
พ.ศ. 2454 โดย Leiper จากชาวทมิฬ ในประเทศมาเลเซีย ในปี พ.ศ. 2456
Odhner ได้อธิบายถึงรูปร่างลักษณะของพยาธิตัวนี้ นอกจากนี้ยังพบที่ชายแดน
พยาธิใบไม้ลําไส้ 117
oral sucker
collar
spines
ventral sucker
intestine
uterus with
eggs
ovary
testes
vitelline
glands
(a) (b)
รูปที่ 4.7 ตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดใหญ่ Echinostoma malayanum (a)
ภาพถ่าย (b) ภาพวาด (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่าง
จริง ถ่ายรูปและวาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้ลําไส้ 119
Echinostoma ilocanum
(Garrison, 1908) Odhner, 1911
ประวัต(2,4)
ิ
Echinostoma ilocanum เป็นพยาธิใบไม้ลําไส้ของคน หนู และสุนัข
Garrison เป็นคนแรกที่พบพยาธินี้จากนักโทษในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
ในปี พ.ศ. 2450 ในปี พ.ศ. 2482 Sandground และ Prawirohardjo พบพยาธินี้
ในคนในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในปี พ.ศ. 2482 Sandground ได้พบ
พยาธินี้ใน Lanteng Agung จากคนที่กินหอยดิบหรือไม่สุก ในประเทศไทย
ศ.ประยงค์ ระดมยศ และคณะได้รายงานไว้เป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2525 จากการ
ถ่ายพยาธิผู้ป่วยที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน 253 ราย พบ E. ilocanum
10 ราย เป็นชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และอุดรธานี
โดยรายที่พบพยาธิมากที่สุดถึง 109 ตัว(43)
กายรูปวิทยา(2,4,34)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีลําตัวยาวเรียวขนาด (0.8-1.9×5-1.5 มิลลิเมตร) มีหนามเล็ก ๆ คลุมลําตัว
ส่วนหน้าไปจนถึง ventral sucker ปลอกคอมีหนามแหลมจํานวน 49-51 อัน
เรียงรอบ 2 แถว oral sucker มีขนาดเล็กในขณะที่ ventral sucker มีขนาด
ใหญ่เป็นรูปถ้วย อยู่ค่อนไปทางส่วนหัว มีอัณฑะ 1 คู่ ลักษณะเป็นกลีบลึก อยู่เรียง
กันในแนวดิ่ง ก้อนบนอยู่ระดับ 2/3 ของลําตัว vitelline glands เป็น follicle
กระจายอยู่สองฟากของ 3/4 ของด้านท้ายลําตัว (รูปที่ 4.8)
ไข่(2,4)
มีขนาดใหญ่ (53-76×94-137 ไมโครเมตร) สีน้ําตาลแกมเหลือง เปลือกบาง
เรีย บ มีฝ า ปลายข้า งหนึ่ง มีตุ่ม เล็ก ๆ ภายในยัง ไม่เ ป็น ตัว อ่อ นไมราซิเ ดีย ม
(unembryonated egg)
120 พยาธิใบไม้
oral sucker
collar spines
ventral
sucker
uterus
ovary
testes
vitelline glands
(a) (b)
วงจรชีวิต(2,4,5)
คล้ายกับวงจรชีวิตในกลุ่ม Echinostomes โฮสต์สื่อกลางตัวที่ 1 เป็นหอย
น้ําจืดชนิด Gyraulus convexiusculus พบในประเทศฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
ในขณะที่หอยน้ําจืดชนิด Gyraulus prashadi และ Hippeutis umbilicalis
เป็นโฮสต์สื่อกลางตัวที่ 1 ในประเทศฟิลิปปินส์
โฮสต์สื่อกลางตัวที่ 2 คือหอย Gyraulus convexiusculus, Gyraulus
prashadi, Viviparus burranghina, Viviparus javanica, Viviparus rudipellis,
Thiara asperata, Bulinus hungerfordianus, Planorbis umbilicatus,
Pila conica, Pila ampullacea, Pila luzonica, Lymnaea (Radix)
rubiginosa และ Lymnaea (Radix) peregra
Echinostoma revolutum
(Froelich, 1802) Looss, 1899
ประวัต(2,4)
ิ
E. revolutum เป็นพยาธิใบไม้ลําไส้ของคนและสัตว์ปีก พบครั้งแรกจาก
หญิงในเกาะไต้หวันในปี พ.ศ. 2472 โดย Anazawa และมีรายงานในประเทศ
ญี่ปุ่นและเกาหลี ในประเทศไทยพบครั้งแรกโดย ศ.ดร.มนูญ ไพบูลย์ และคณะใน
ปี พ.ศ. 2509(38)
กายรูปวิทยา(2,4,34)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีลําตัวยาวเรียวขนาด (0.8-2.5×8-22 มิลลิเมตร) มีหนามคลุมตลอดลําตัว
ปลอกคอมีหนามแหลมจํานวน 37 อัน oral sucker มีขนาดเล็กอยู่เกือบปลาย
สุด ventral sucker มีขนาดใหญ่รูปถ้วยอยู่กึ่งกลางลําตัว มีอัณฑะเป็นก้อนกลมรี
หรือเป็นกลีบตื้น 2 ก้อนอยู่ส่วนท้ายของลําตัว vitelline follicle อยู่ด้านหน้า
122 พยาธิใบไม้
Episthmium caninum
(Verma, 1935) Yamaguti, 1958
ประวัต(2,4)
ิ
E. caninum เป็นพยาธิใบไม้ลําไส้ของสุนัขในเกาะ Hainan พบครั้งแรก
โดย Verma ในปี พ.ศ. 2478 มีรายงานครั้งแรกในผู้ป่วยจํานวน 3 ราย ในประเทศ
ไทย โดย ศ.ประยงค์ ระดมยศ และคณะ(2,4)
พยาธิใบไม้ลําไส้ 123
กายรูปวิทยา(2,4,34)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีรูปทรงคล้ายผลมะละกอ ขนาด (0.35-0.8×0.77-1.5 มิลลิเมตร) มีหนาม
คลุมตลอดลําตัว ปลอกคอมีหนามแหลมจํานวน 24 อัน ventral sucker มีขนาด
ใหญ่อยู่ที่ 1/4 ของลําตัว มดลูกสั้นมีไข่อยู่ประมาณ 1-7 ฟอง อัณฑะรูปร่างกลม
ใหญ่ 2 ก้อน ขนาดต่างกันอยู่ชิดกันเรียงกันตามยาว รังไข่ค่อนข้างกลมอยู่คอ่ นไป
ทางซ้ายเล็กน้อย อยู่ระหว่าง ventral sucker และอัณฑะก้อนแรก vitelline
follicles อยู่ทางด้านข้างทั้งสองข้าง โดยเริม่ จากระดับ genital pore ไปจนถึง
ปลายสุดของตัว
ไข่(2,4)
มีรูปรี ขนาด (56-96×85-102 ไมโครเมตร) ปลายข้างหนึ่งมีฝา สีน้ําตาล
ปนเหลือง ไข่ที่ออกมากับอุจจาระภายในยังไม่เป็นตัวอ่อนไมราซิเดียม
วงจรชีวิต(2,4,5,28)
คล้ายกับวงจรชีวิตของพยาธิในกลุ่ม Echinostomes หอยซึง่ เป็นโฮสต์สอื่
กลางตัวที่ 1 ได้แก่ Segmentina nitidella โฮสต์สอื่ กลางตัวที่ 2 คือหอย
Lymnaea (Radix) japonica, Planorbis compressus, Segmentina nitidella
และ Viviparus malleatus, ลูกอ๊อดของ Rana nigromaculata และ Hippeutis
(Helicorbis) cantori
Hypoderaeum conoideum
(Bloch, 1782) Dietz 1908
ประวัต(2,4)
ิ
H. conoideum เป็นพยาธิใบไม้ลําไส้อยู่ในลําไส้เล็กของสัตว์ปกี เช่น เป็ด
ไก่ ห่าน และหงส์ มีรายงานในคนเป็นครั้งแรกในประเทศไทยโดย ศ.ดร.มนูญ
ไพบูลย์ และคณะ ในปี พ.ศ. 2507(39) และ Yokogawa ในปี พ.ศ. 2508(40)
124 พยาธิใบไม้
กายรูปวิทยา(2,4,25)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีลําตัวยาวเรียว แบน ขนาด (1.5×8 มิลลิเมตร) มีหนามคลุมมองเห็นได้
ชัดเจนเริ่มจากบริเวณส่วนหัวลงมาถึง ventral sucker ปลอกคอมีหนามแหลม
จํานวน 47-53 อัน ventral sucker มีขนาดใหญ่รูปถ้วยอยู่ 1/4 ของลําตัวอยู่ใกล้
กับ oral sucker มีหลอดอาหารสั้น แต่ลําไส้ยาวจนเกือบถึงท้ายลําตัว
vitelline glands กระจายอยู่ส องฟากของลํา ตัว ตั้ง แต่ร ะดับ ventral
sucker ไปจนถึงท้ายลําตัว อัณฑะรูปร่างเป็นไส้กรอกสั้น 2 ก้อนเรียงกันตามยาว
อยู่ตรงระดับ 3/4 ของลําตัว รังไข่อยู่เหนืออัณฑะ มดลูกเป็นท่อขดวนไปมาแต่สั้น
กว่าของ E. malayanum (รูปที่ 4.9)
ไข่(2,4)
มีรูปรีขนาดใหญ่ (45-71×84-126 ไมโครเมตร) สีเหลืองปนน้ําตาลใส เปลือก
บางเรียบ ปลายข้างหนึ่งมีฝา
วงจรชีวิต(2,4,5)
คล้ายกับวงจรชีวิตในกลุ่ม Echinostomes (ตารางที่ 4.2) หอยซึ่งเป็นโฮสต์
สื่อกลางตัวที่ 1 คือ Indoplanorbis exustus โฮสต์สื่อกลางตัวที่ 2 ได้แก่ หอย
Lymnaea (Radix) rubiginosa, Lymnaea stagnalis, Lymnaea palustris,
Planorbis oculans และลูกอ๊อดของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ํา
พยาธิใบไม้ลําไส้ 125
oral sucker
collar spines
ventral sucker
uterus
ovary
testes
vitelline glands
(a) (b)
รูปที่ 4.9 ตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดใหญ่ Hypoderaeum conoideum (a)
ภาพถ่าย (b) ภาพวาด (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่าง
จริง ถ่ายรูปและวาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
126 พยาธิใบไม้
Family Echinostomatidae
Echinostoma Echinostoma Echinostoma Hypoderaeum
malayanum ilocanum revolutum conoideum
1. ตัวเต็มวัย
ขนาด (size) 2.5×5-10 0.8-1.9×5-9.5 0.8-2.5×8-22 1.5×8
มิลลิเมตร มิลลิเมตร มิลลิเมตร มิลลิเมตร
หนามคลุมลําตัว
มีหนามคลุมลําตัว มีหนามคลุมลําตัว มีหนามคลุมทั่วตัว มีหนามคลุมตั้งแต่ส่วนหัวถึง
(cuticular spines) ส่วนหน้า ส่วนหน้า Ventral sucker
จํานวนหนามแผงคอ
43 - 45 49 - 51 37 47 - 53
(collar spines)
2. ไข่ (ขนาด) 76-90×120-137 53-76×94-137 45-71×84-126 45-71×84-126
ไมโครเมตร ไมโครเมตร ไมโครเมตร ไมโครเมตร
3. วงจรชีวิต
ที่อยู่ปกติในโฮสต์ ลําไส้เล็ก
โฮสต์เฉพาะ คนและหนู คน หนูและสุนัข คนและสัตว์ปีก คนและสัตว์ปีก
โฮสต์สื่อกลางตัวที่ 1 หอย Lymnaea
หอย Lymnaea spp. และหอยน้ําจืดอีกหลายชนิด
spp.
โฮสต์สื่อกลางตัวที่ 2 หอย Lymnaea หอย Lymnaea หอย Lymnaea หอย Lymnaea spp., หอยน้าํ
spp., หอยน้ําจืด spp., หอยน้ําจืด spp., หอยน้ําจืด จืดหลายชนิด, ลูกอ๊อด
หลายชนิด, ลูกอ๊อด หลายชนิด หลายชนิด, ลูกอ๊อด
การติดต่อ กินโฮสต์สอื่ กลางตัวที่ 2 ที่มีระยะติดต่อเมตาเซอร์คาเรีย
4. แหล่งระบาด มาเลเซีย อินเดีย ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐ ไทย
สาธารณรัฐ สาธารณรัฐ ประชาชนจีน ญี่ปุ่น
ประชาชนจีน ประชาชนจีน เกาหลี ไทย
อินโดนีเซีย ไทย อินโดนีเซีย ไทย
พยาธิใบไม้ลําไส้ 127
FAMILY HETEROPHYIDAE
Odhner, 1914
Haplorchis taichui
(Nishigori, 1924) Witenberg, 1930
โรค
Haplorchiasis
ประวัติ
Haplorchis taichui ได้ถูกพบครั้งแรกโดย Nishigori ในปี พ.ศ. 2467(53)
ที่เกาะไต้หวันซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการตั้งชื่อว่า Monochotrema taichui ตาม
สถานที่ที่พบพยาธิครั้งแรก คือ Taichu ของเกาะไต้หวัน ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น
H. taichui พยาธิชนิดนี้เป็นพยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดเล็กพบได้ในคน แมว สุนัขและ
นกกระสา
การกระจายทางภูมิศาสตร์
มีรายงานพบพยาธิในประเทศต่าง ๆ ของทวีปเอเชียได้แก่ ประเทศไทย
ฟิลิปปินส์ เกาะไต้หวัน ตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศอียิปต์
ในประเทศไทยมีรายงานพบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2514 โดย Manning และคณะ(54)
จากการผ่าศพในโรงพยาบาลจังหวัดอุดรธานี ต่อมามีรายงานพบพยาธิตัวเต็มวัย
ในผู้ป่วยจากอุดรธานี หนองคาย น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัยและเชียงใหม่(55)
กายรูปวิทยา(1)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีขนาดเล็ก (0.43-0.51×0.88-1.16 มิลลิเมตร) รูปร่างคล้ายหยดน้ํา
ลักษณะเด่นของพยาธิชนิดนี้คือ ประมาณกึ่งกลางลําตัวทางด้านท้อง มีอวัยวะ
เรียกว่า ventral sucker และ genital sucker รวมกันเป็น ventrogenital sac
(genital-ventral sucker apparatus, ventro-genital sucker complex) อยู่
ทางส่วนขวาของลําตัวพยาธิ ในส่วนของ ventral sucker มีส่วนของ ventral
และ dorsal lip โดยมีส่วนของ medial notch แยกจากกัน ส่วนของ ventral lip
พบว่ามีหนามขนาดเล็กเรียกว่า sclerite (รูปที่ 4.10) และหนามในส่วนกลางโค้ง
ขนาดความยาวประมาณ 19 ไมโครเมตร จํานวน 13-14 อัน(56,57) หรือ 12-18
พยาธิใบไม้ลําไส้ 129
oral sucker
ventral sucker
with spines
ovary
testes
(c)
รูปที่ 4.10 ตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดเล็ก Haplorchis taichui (a) ภาพถ่าย (b)
ภาพวาด (c) ไข่ (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่างจริง
ถ่ายรูปและวาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้ลําไส้ 131
พยาธิชนิดนี้มีระบบสืบพันธุ์ทั้งสองเพศอยู่ภายในตัวเดียว (hermaphrodite)
อวัยวะสืบพันธุ์ของทั้งสองเพศอยู่รวมกลุ่มที่ส่วนท้าย (posterior) ของลําตัว ต่ํา
กว่าระดับของรูเปิดอวัยวะสืบพันธุ์ซึ่งอยู่ประมาณ กึ่งกลางลําตัวทางด้านท้อง
อวั ย วะสืบ พั น ธุ์ เ พศผู้ (61) ประกอบด้ ว ยอั ณ ฑะ 1 ก้ อ น มี รู ป ร่ า งกลม อยู่
กึ่งกลางตามความกว้างของลําตัวในส่วนท้าย มีความยาวประมาณ 0.169 มิลลิเมตร
ความกว้าง 0.156 มิลลิเมตรและความหนา 0.13 มิลลิเมตร จากนั้นมีท่อนําอสุจิ
(vas efferens) เป็นท่อเดี่ยวออกจากส่วนบนของอัณฑะ อวัยวะส่วนนี้เป็นอวัยวะ
ที่สังเกตเห็นได้ยาก ต่อจากอัณฑะมีท่อนําอสุจิผ่านมาทางด้านซ้ายของรังไข่ ไป
เปิดออกที่ส่วนท้ายสุดของที่พักน้ําอสุจิ (seminal vesicle) ซึ่งอยู่ที่ส่วนล่างของ
ventral sucker ไปทางด้านซ้ายของลําตัว ที่พักน้ําอสุจิมีรอยคอดตรงกลางทําให้
แบ่งส่วนที่พักน้ําอสุจิออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนขวาหรือส่วนหน้า ขนาดประมาณ
0.09×0.07 มิลลิเมตร และส่วนซ้ายหรือส่วนหลัง ขนาดประมาณ 0.046×0.036
มิลลิ เ มตร (59) ในส่ วนขวามี ขนาดใหญ่ ก ว่าส่วนซ้ายและส่วนขวา มีก ารเปลี่ย น
รูปร่างให้แคบลงเป็นต่อมลูกหมาก (tubular prostate duct) ซึ่งเป็นท่อที่โค้งไป
ทางส่วนท้องของพยาธิเป็นท่อฉีดอสุจิ (ejaculatory duct) ซึ่งเปิดออกสู่ genital
sinus พยาธิชนิดนี้ไม่มีอวัยวะส่วน cirrus หรือ cirrus sac
อวั ย วะสื บ พั น ธุ์ เ พศเมี ย (63) ประกอบด้ ว ยรั ง ไข่ 1 ก้ อ น รู ป ร่ า งกลม อยู่
ส่วนท้ายของลําตัวหลังต่อจาก ventral sucker และอยู่เยื้องไปทางด้านขวาของ
ตัวพยาธิ มีความยาว 69 ไมโครเมตร และความกว้าง 77 ไมโครเมตร หรือเส้น
ผ่ า นศู น ย์ ก ลาง 0.065 มิ ล ลิ เ มตร (59) นอกจากนี้ ใ นระบบสื บ พั น ธุ์ เ พศเมี ย ยั ง
ประกอบด้วย ถุงเก็บอสุจิ (seminal receptacle) ซึ่งอยู่ด้านขวาของร่างกาย
พยาธิในระดับเดียวกับ รังไข่หรืออาจอยู่หลังรังไข่เล็กน้อย ถุงเก็บอสุจิเป็นอวัยวะ
ที่มีรูปร่างเป็นวงกลมขนาดความยาวประมาณ 57 ไมโครเมตร และความกว้าง
ประมาณ 61 ไมโครเมตร หรือมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.107 มิลลิเมตร(59)
ภายในมีอสุจิอยู่และถ้าพยาธิยังมีชีวิตจะเห็นอสุจิมีการเคลื่อนไหวได้
132 พยาธิใบไม้
ตัวเต็มวัยและอาศัยอยู่ในลําไส้เล็กของโฮสต์เฉพาะ ภายหลังจากที่โฮสต์เฉพาะกิน
เมตาเซอร์คาเรียเข้าไปในระยะแรก พยาธิจะออกจากซิสต์ โดยอาศัยน้ําย่อย
ทริปซิน (รูปที่ 4.11) อย่างไรก็ตามในระยะเวลา 4 ชั่วโมงแรกหลังออกจากซิสต์
ขนาดของพยาธิและรูปร่างของพยาธิยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในระยะนี้พยาธิจะมี
oral sucker คอหอย ventral sucker อัณฑะและรังไข่ ต่อมาพยาธิมีการเจริญ-
เติบโตมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีการเจริญของอวัยวะที่สมบูรณ์ ภายหลังจากที่โฮสต์
เฉพาะกินเมตาเซอร์คาเรียเข้าไปประมาณ 48 ชั่วโมง สังเกตเห็นรังไข่ชัดเจนและ
มดลูกมีลักษณะเป็นขด อยู่ประมาณ 2-3 ขด ในรายที่มีการเจริญเร็วพบว่าที่พัก
น้ําอสุจิมีการเจริญในระยะนี้ด้วย
ในวันที่ 4 หลังจากที่โฮสต์เฉพาะกินเมตาเซอร์คาเรียพบว่าอัณฑะมีขนาด
ใหญ่ขึ้น โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 120 ไมโครเมตร ที่พักน้ําอสุจิเริ่มมีรอย
คอดตรงกลาง รังไข่และที่พักน้ําอสุจิมีขนาดใหญ่ และสามารถเห็นไข่ที่ยังเจริญไม่
เต็มที่ 2-3 ฟองในมดลูก นอกจากนี้ยังพบว่ามี vitellaria เจริญเต็มที่อยู่สองข้าง
ของลําตัว
วันที่ 5-6 หลังจากที่โฮสต์เฉพาะกินระยะเมตาเซอร์คาเรีย พยาธิมีอวัยวะ
ต่าง ๆ เจริญเกือบสมบูรณ์ ทั้งที่พักน้ําอสุจิและถุงเก็บอสุจิมีตัวอสุจิอยู่เต็ม ใน
มดลูกมีไข่ตั้งแต่ 50 ฟองขึ้นไป มีเปลือกสีเหลืองน้ําตาล
วันที่ 7-9 หลังจากที่โฮสต์เฉพาะกินระยะเมตาเซอร์คาเรีย พยาธิมีการเจริญ
เป็นพยาธิตัวเต็มวัยที่สมบูรณ์ ไข่ในมดลูกมีจํานวนมาก โดยมีไข่จํานวน 2-3 ฟอง
อยู่ใน genital sinus
พยาธิใบไม้ลําไส้ 135
โฮสตเฉพาะ Adult
คน สุนัข
แมว และ
Egg
สัตวกินปลา
Miracidium
Cercaria
ระบาดวิทยา(2,4,5)
พบได้ ใ นประเทศแถบทวี ป เอเชี ย และเอเชี ย ตะวั น ออกเฉี ย งใต้ ได้ แ ก่
ประเทศไทย ฟิลิปปินส์ เกาะไต้หวัน สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศอียิปต์
โดยเฉพาะประเทศไทยพบมากในพื้นที่ที่นิยมบริโภคปลาดิบเช่น ภาคตะวันออก
เฉียงเหนือและภาคเหนือ(65,66) การสํารวจความชุกของหนอนพยาธิในประชากร
ตัวอย่างที่เป็นผู้ใหญ่ 681 คน ที่อาศัยใน 16 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ของประเทศไทย รายงานโดย ศ. ประยงค์ ระดมยศ และคณะ (2537)(65) โดยการ
ให้ยาถ่ายพยาธิ praziquantel 40 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และเก็บอุจจาระเพื่อตรวจหา
พยาธิตัวเต็มวัย H. taichui ร้อยละ 7.8 (53/681) ในจํานวนตัวอย่างอุจจาระ 53
คน โดยพบในเพศชาย (41 คน) มากกว่าเพศหญิง (12 คน) และในปี พ.ศ. 2541
ศ.ประยงค์ ระดมยศ และคณะ(66) ได้ทําการตรวจหาพยาธิตัวเต็มวัยในอุจจาระ
ในประชากรตัวอย่าง 431 คนที่อาศัยใน 16 จังหวัดในภาคเหนือและภาคกลาง
(น่า น แพร่ อุต รดิต ถ์ พิษ ณุโ ลก เพชรบูร ณ์ พิจ ิต ร สุโ ขทัย กํ า แพงเพชร
นครสวรรค์ ตาก ลําปาง พะเยา เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลําพูน) พบว่า
H. taichui มีความชุกสูงที่สุดคือร้อยละ 63.11 โดยพบในเกือบทุกจังหวัดที่สํารวจ
ยกเว้นจังหวัดพิจิตร
มีรายงานการศึกษาการติดเชื้อ H. taichui ทางตอนใต้ของประเทศ
ฟิลิปปินส์ โดย Belizario และคณะ (2548)(57) ซึ่งทําการตรวจอุจจาระประชากร
242 คน ด้วยวิธี Kato-Katz หรือวิธีตรวจเข้มข้นฟอร์มาลิน-อีเทอร์ พบความชุก
ของไข่พยาธิร้อยละ 36 (87/242) พบการติดเชื้อในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
โดยแบ่งเป็นเพศชาย 51 คน (ความชุกร้อยละ 41.8) และเพศหญิง 36 คน (ความ
ชุกร้อยละ 30.0) แต่ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติระหว่างเพศใน
การติดเชื้อพยาธิ ประชากรตัวอย่างมีการติดเชื้อตั้งแต่อายุ 19 เดือนจนถึง 73 ปี
โดยเฉลี่ย 27.2 ปี การติดเชื้อมากที่สุด (ร้อยละ 55.3) ในกลุ่มประชากรช่วงอายุ
15 ถึง 30 ปี รองลงมาคือช่วงอายุ 31 ถึง 45 ปี ซึ่งทั้งสองช่วงนี้คิดรวมเป็นร้อย
ละ 62 ของประชากรทั้งหมดหกกลุ่มที่ทําการศึกษา นอกจากนี้พบความชุกการ
ติดเชื้อร้อยละ 16.7 ของเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี ประชากรตัวอย่างจํานวนมาก
พยาธิใบไม้ลําไส้ 137
ส่วนพยาธิสภาพนอกลําไส้มีรายงานจากประเทศฟิลิปปินส์ พบพยาธิตัว
เต็มวัยและไข่ในหัวใจทําให้เกิดภาวะหัวใจวาย ไข่บางส่วนมีเนื้อพังผืดมาล้อมรอบ
และมีหินปูนจับ โดยเฉพาะบริเวณลิ้นหัวใจไมตรัล (mitral valve) ที่มีลักษณะ
แข็งตัว (sclerosed) นอกจากนี้ยังพบในกล้ามเนื้อหัวใจด้วย ผู้ป่วยที่มีพยาธิจํานวน
มากอาจทําให้เกิดลําไส้อักเสบเป็นส่วน ๆ ได้ (segmental enteritis) โดยอาจเป็น
มากถึงมีลําไส้ทะลุได้ โดยพบผู้ป่วยลักษณะดังกล่าวที่จังหวัดลําปาง(71)
การวินิจฉัย(2,4,5)
1. การตรวจหาไข่พยาธิ H. taichui ในอุจจาระ ทําได้โดยการตรวจพบไข่
พยาธิในอุจจาระ อาจแยกได้ยากจากพยาธิที่มีไข่รูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกัน ซึ่ง
ได้แก่ไข่พยาธิใบไม้ตับ O. viverrini และไข่พยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดเล็กชนิดอื่น
อย่างไรก็ตามมีรายงานตรวจหาไข่พยาธิใบไม้ตับและไข่พยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดเล็ก
ออกจากกันได้โดย ศ.ดร.นพ.คม สุคนธสรรพ์ และคณะ (2542)(72) โดยใช้วิธีการ
ตรวจอุจจาระด้วยวิธีเข้มข้นฟอร์มาลิน-อีเทอร์(73) และย้อมไข่ด้วยสารละลายด่าง
ทับทิมร้อยละ 1 และปรับปรุงวิธีการโดยสมศักดิ์ เปียงใจ และคณะ (2543)(74)
วิธีการดังกล่าวมีขั้นตอนดังแสดงในแผนภูมิที่ 4.1
มีการพัฒนาวิธีทางด้านอณูชีววิทยา เพื่อใช้ในการจําแนกระยะต่าง ๆ ของ
พยาธิใบไม้ที่มีไข่รูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกันเช่น การศึกษาของ ผศ.ดร.ชัยวัฒน์
ตัณทราวัฒน์พันธ์ และคณะ (2557)(75) ได้พัฒนาวิธี PCR ร่วมกับการเรียงลําดับ
นิวคลีโอไทด์แบบสังเคราะห์อย่างรวดเร็ว (pyrosequencing) ของยีน 28S rDNA
พบว่าสามารถจําแนกระยะต่าง ๆ คือ ไข่ เซอร์คาเรีย และเมตาเซอร์คาเรียของ
พยาธิใบไม้ O. viverrini, C. sinensis, H. taichui, H. pumilio และ S. falcatus
ได้
พยาธิใบไม้ลําไส้ 141
- ดูดน้าํ ที่อยูดานบนทิ้ง
นําไปตรวจหาไขพยาธิภายใตกลองจุลทรรศน
Heterophyes heterophyes
(Siebold, 1852) Stiles and Hassall, 1900
โรค
Heterophyiasis
ประวัติและการกระจายทางภูมิศาสตร์
พบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2394(1) โดย Bilharz จากการผ่าศพพบพยาธิใน
ลําไส้ของเด็กชายชนพื้นเมืองชาวอียิปต์ ในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์พบพยาธิชนิด
นี้ได้บ่อยในบริเวณสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ําไนล์ มีรายงานพบในประเทศอียิปต์ ตุรกี
อิ ส ราเอล ญี่ ปุ่ น เกาหลี ตอนใต้ ข องสาธารณรั ฐ ประชาชนจี น เกาะไต้ ห วั น
ฟิลิปปินส์ สเปน กรีก และโมรอคโค(85) นอกจากคนแล้วยังพบในสุนัข แมว และ
นกกินปลา(86,87) ในประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานพบพยาธิชนิดนี้ในคน
กายรูปวิทยา(2,4,11)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีขนาดเล็ก (0.3-0.7×1.0-1.8 มิลลิเมตร) รูปร่างเรียว ส่วนหัวเรียวกว่า
ส่วนท้าย ผิวลําตัวปกคลุมด้วยหนามลักษณะคล้ายเกล็ด (scale-liked spines)
โดยจะพบมากบริเวณส่วนหัว (anterior part) oral suckerอยู่เกือบปลายสุด
146 พยาธิใบไม้
oral sucker
ventral sucker
genital sucker
uterus with
eggs
ovary
testes
(a) (b)
รูปที่ 4.13 ตัวเต็มวัยของพยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดเล็ก Heterophyes heterophyes (a)
ภาพถ่าย (b) ภาพวาด (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่าง
จริง ถ่ายรูปและวาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
148 พยาธิใบไม้
โฮสตเฉพาะ Adult
คน สุนัข
แมว และ Egg
สัตวกินปลา
Miracidium
Cercaria
รูปที่ 4.14 วงจรชีวิตของพยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดเล็ก Heterophyes heterophyes
(ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ถ่ายรูปโดยดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้ลําไส้ 149
ระบาดวิทยา
คนติดเชื้อพยาธิจากการกินปลาที่ปรุงไม่สุก ในธรรมชาติพบพยาธิชนิดนี้ได้
ในแมว สุนัข สุนัขจิ้งจอกและสัตว์กินปลา ไม่มีรายงานพบพยาธิชนิดนี้ในประเทศ
ไทย
พยาธิสภาพและอาการ(2,4,5)
พยาธิชนิดนี้มีขนาดเล็ก ตัวเต็มวัยเกาะติดอยู่กับมิวโคซา (mucosa) ของ
ลําไส้ พยาธิสภาพจะขึ้นอยู่กับจํานวนพยาธิ ถ้ามีพยาธิไม่มากจะมีการอักเสบ
เพียงเล็กน้อยและผู้ป่วยไม่แสดงอาการอะไร แต่ถ้ามีพยาธิจํานวนมากจะทําให้มี
การอักเสบระคายเคืองมาก พยาธิสภาพที่สําคัญเกิดจากตัวพยาธิไชเข้าไปในเยื่อบุ
ลําไส้ หรืออาจเข้าไปในหลอดเลือดทําให้ไข่พยาธิมีโอกาสที่จะเข้าไปในระบบ
หมุนเวียนโลหิตและเข้าสู่อวัยวะต่าง ๆ(88,89) เช่น ปอด ตับ หัวใจ สมองและไขสัน-
หลัง ทําให้เกิดการอุดตัน (embolism) อาจทําให้เกิดอาการรุนแรงของโรคได้
การวินิจฉัย(2,4,5)
ตรวจอุจจาระเพื่อหาไข่พยาธิ ที่อาจวินิจฉัยแยกจากไข่พยาธิที่มีลักษณะ
คล้ายกันได้ยาก แต่หากพบพยาธิตัวเต็มวัยจะสามารถวินิจฉัยได้ง่ายและแน่นอน
กว่าจากรูปร่างลักษณะเฉพาะของพยาธิ
การรักษา(1,34)
praziquantel 15-25 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ให้กินเพียงครั้งเดียวก่อนนอน
หรือใช้ niclosamide (Yomesan®) ที่ให้ผลรักษาได้ดีเช่นกัน โดยให้ในขนาด 4
เม็ด (เม็ดละ 0.5 กรัม) วันละครั้ง วันเว้นวัน จํานวน 3 ครั้ง หรือเลือกใช้ tetra-
chloroethylene
150 พยาธิใบไม้
การป้องกัน(2,4,5)
1. ไม่รับประทานปลาดิบและไม่ให้อาหารแก่สุนัขและแมวด้วยปลา
ที่ปรุงไม่สุก
2. ถ่ายอุจจาระลงในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ
Stellantchasmus falcatus
Onji et Nishio, 1915
ประวัติและการกระจายทางภูมิศาสตร์
มีรายงานการพบครั้งแรกในแมว เมื่อปีพ.ศ. 2458 โดย Onji และ Nishio(90)
ส่วนในคนมีรายงานพบในประเทศญี่ปุ่น(91,92) เกาะฮาวายของสหรัฐอเมริกา(93)
เกาหลี(94) กัมพูชา(95) สปป.ลาว(96) และเวียดนาม(97) ส่วนในประเทศไทยพบใน
ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(53,98,99)
พยาธิใบไม้ลําไส้ 151
กายรูปวิทยา(2,4,100,101)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีขนาดเล็ก (0.484×0.246 มิลลิเมตร) รูปร่างเรียวคล้ายกระสวย มีหนาม
ปกคลุมผิวตลอดลําตัว oral sucker ขนาด (41×50 ไมโครเมตร) อยู่เกือบปลาย
สุดส่วนหัว มีคอหอยสั้นขนาด (29×21 ไมโครเมตร) ลําไส้แยกเป็น 2 แขนง ยาว
ไปตามด้านข้างถึงขอบหน้าอัณฑะ ventral sucker มีขนาดเล็ก มีอัณฑะรูปไข่ 2
ก้อน (ก้อนขวามีขนาด 117×74 ไมโครเมตร: ก้อนซ้ายมีขนาด 114×63 ไมโคร-
เมตร) อยู่สองข้างลําตัว รังไข่มีขนาด (58×69 ไมโครเมตร) 1 อันอยู่ทางด้านขวา
ของลําตัวระหว่าง ventral sucker และอัณฑะ มี vitelline follicles เป็นก้อน
จํานวนมากอยู่ถึงปลายท้ายลําตัว(95)
ไข่(2,4)
รูปกลมรีขนาดเล็ก (22.5×11.4 ไมโครเมตร) รูปร่างลักษณะคล้ายไข่ O.
viverrini แต่มีผิวเรียบกว่า เมื่อมองดูด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่อง
กราดพบว่าไม่มีลายบนเปลือกไข่
วงจรชีวิต(2,4,5)
มีว งจรชีว ิต คล้า ยคลึง กับ Heterophyid flukes ชนิด อื ่น โดยมีโ ฮสต์
สื่อกลางตัวที่ 1 เป็นหอย Stenomelania newcombi, Thiara granifera และ
Tarebia granifera mauiensis(102,103) โฮสต์สื่อกลางตัวที่ 2 คือ ปลา Mugil
cephalus(3,102), Mugil dussumieri, Anabas testudineus, Liza menada,
Acanthogobius flavimanus และ Dermogenys pusillus
มีรายงานพบเมตาเซอร์คาเรียของ S. falcatus ในปลากระบอก Chelon
macrolepis พบความชุกของเมตาเซอร์คาเรีย 177 ตัว/ปลา 1 ตัว เมตาเซอร์-
คาเรียมีขนาด 220×168 ไมโครเมตร(95) ส่วนในสปป.ลาว พบเมตาเซอร์คาเรียที่
หางปลา Xenentodon canciloides(96)
152 พยาธิใบไม้
FAMILY LECITHODENDRIIDAE
(Luhe, 1901) Odhner, 1910
Phaneropsolus bonnei
Lei-Kian Joe, 1951
ประวัติ
รายงานพบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2494 โดย Lie-Kian-Joe(6) ซึ่งพบพยาธิใน
ศพที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ส่วนประเทศไทยมีรายงานพบครั้งแรกที่
จังหวัดอุดรธานี เมื่อปี พ.ศ 2513(108) โดย Manning และคณะ พบพยาธิในลําไส้
เล็กของผู้ป่วย
กายรูปวิทยา(2,4,109)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีขนาดเล็ก (300-500×450-850 ไมโครเมตร) รูปร่างกลมรีคล้ายหยดน้ํา
ผิวมีหนามรอบตัว oral sucker มีขนาดใหญ่อยู่เกือบปลายหัว ventral sucker
อยู่ 1/3 ของลําตัว ลําไส้ปลายตัน 2 อัน แต่สั้นมาก โดยสิ้นสุดที่ระดับ 1/4 ของ
ลําตัวส่วนบน อัณฑะรูปไข่มี 2 ก้อน ขนาดใหญ่กว่า ventral sucker อยู่ 2 ฟาก
ลําตัว ค่อนไปทางด้านหัวในระดับเดียวกับ ventral sucker รังไข่ มี 1 ก้อน อยู่
เหลื่อมซ้อนเล็กน้อยกับอัณฑะ
พยาธิใบไม้ลําไส้ 157
วงจรชีวิต(2,4)
ยังไม่ทราบวงจรชีวิตที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาคาดว่าพยาธิตัวเต็มวัยที่
อาศัยอยู่ในลํ าไส้ เล็ กของโฮสต์ เฉพาะคือ คนและลิงจะปล่อยไข่พยาธิ ออกมา
พร้ อ มกั บ อุ จ จาระ เมื่ อ ไข่ ต กลงสู่ น้ํ า ไมราซิ เ ดี ย มจะไชเข้ า สู่ ห อย (Bithynia
spp.)(110) เช่น Bithynia (Digoniostoma) siamensis goniomphalos ซึ่งเป็น
โฮสต์สื่อกลางตัวที่ 1 และเจริญเติบโตเป็นสปอโรซิสต์ รีเดียแม่ รีเดียลูกและ
เซอร์คาเรียในที่สุด
เซอร์คาเรียจะไชออกจากหอยเข้าสู่โฮสต์สื่อกลางตัวที่ 2 คือ ตัวอ่อน
แมลงปอ (naiad) ที ่ม ีชื ่อ เรีย กว่า แมงระกํ า หรือ อิเ หนี ้ย ว ชนิด ที ่สํ า คัญ คือ
Orthetrum sabina, Trithemis pallidinervis, Crocothemis servilia และ
Brachythemis contaminata คนได้รับพยาธินี้โดยการกินตัวอ่อนแมลงปอที่
ปรุงไม่สุก
พยาธิสภาพและอาการ(2,4)
ยังไม่มีรายงานอาการและพยาธิสภาพของโรคที่เกิดจากพยาธินี้
158 พยาธิใบไม้
การวินิจฉัย(2,4,5)
ตรวจอุจจาระเพื่อหาไข่พยาธิที่มีรูปร่างคล้ายไข่ O. viverrini แต่เมื่อหยด
น้ํายาไอโอดีนจะเห็นก้อนสีน้ําตาลภายในไข่ (iodophilic body) การตรวจอุจจาระ
เพื่อหาตัวพยาธิและอาศัยรูปร่างลักษณะของตัวพยาธิประกอบจะสามารถให้การ
วินิจฉัยได้แม่นยํามากขึ้น
oral sucker
vitellaria
testes
uterus
with eggs
excretory bladder
(a) (b)
รูปที่ 4.15 ตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้ลําไส้ขนาดเล็ก Phaneropsolus bonnei (a) ภาพถ่าย
(b) ภาพวาด (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่างจริง ถ่ายรูป
และวาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้ลําไส้ 159
การรักษา(2,4,5)
praziquantel 15-25 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ครั้งเดียวก่อนนอน
การป้องกัน(1,2,8)
1. กินอาการที่ปรุงจากตัวอ่อนแมลงปอที่สุกดีแล้ว
2. ถ่ายอุจจาระลงในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ
Phaneropsolus spinicirrus
Kaewkes, Elkins, Haswell-Elkins and Sithithaworn, 1991
ประวัติ
รศ.ดร.ศศิธร แก้วเกษ และคณะ ได้พบและรายงานพยาธิชนิดนี้ในคนเป็น
ครั้งแรกในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2543 ในจังหวัดกาฬสินธุ(2,4)
์
กายรูปวิทยา(2,4)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีขนาดเล็ก (0.651×0.502 มิลลิเมตร) รูปร่างรี ผิวมีหนามคลุมตลอดตัว
ยกเว้นบริเวณ oral sucker, ventral sucker และ genital pore oral sucker
อยู่ปลายหน้าสุดต่อมาคือคอหอยและหลอดอาหาร ลําไส้สั้นอยู่ด้านหน้าของตัว
ventral sucker อยู่กึ่งกลาง อัณฑะรูปไข่หรือกลมอยู่ทางด้านข้างใกล้กับส่วน
ปลายของลําไส้ มีรังไข่ vitelline follicles มี 2 กลุ่มขนาดเท่า ๆ กันกลุ่มละ 6-9
อัน อยู่ทางด้านข้างเหนืออัณฑะ มดลูกขดเป็นเกลียวอยู่ครึ่งหลังของตัว excretory
bladder ขนาดใหญ่รูปตัว V
ไข่(2,4)
รูปไข่ ขนาด (27-33×13-16 ไมโครเมตร) ผิวเรียบ ข้างหนึ่งมีฝา ขอบของ
ไข่อาจมองไม่เห็น
160 พยาธิใบไม้
วงจรชีวิต(2,4,5)
ยังไม่มีรายงาน
Prosthodendrium molenkampi
Lei-Kian Joe, 1951
ประวัติ
Lei-Kian Joe พบพยาธิในคนเป็นครั้งแรกที่ประเทศอินโดนีเซีย(111) ในปี
พ.ศ. 2494 สําหรับประเทศไทยมีรายงานพบพยาธิในคน ค้างคาว (Scotophilus
kuhlii) และหนู (Rattus rattus) ในปี พ.ศ. 2514 ที่จังหวัดอุดรธานี และ
หนองคาย(112) ในปี พ.ศ. 2527(113) และ 2537(65) ศ.ประยงค์ ระดมยศ และคณะ
รายงานการพบพยาธิชนิดนี้ประมาณร้อยละ 19.4 ของประชากรในภาคตะวันออก-
เฉียงเหนือที่ตรวจพบไข่พยาธิใบไม้ตับในอุจจาระ
กายรูปวิทยา(2,4,108)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีขนาดเล็ก (410-770×550-920 ไมโครเมตร) รูปร่างกลมรีหรือยาวรีมี
หนามเล็ก ๆ ปกคลุมตลอดตัว oral sucker และ ventral sucker มีขนาดใกล้เคียง
กัน ลําไส้ปลายตันแต่สั้นมากโดยแยกเป็น 2 แขนงยาว และไปสิ้นสุดบริเวณเหนือ
อัณฑะ อัณฑะมี 2 ก้อน มีลักษณะกลม หรือรูปไข่อยู่สองฟากลําตัวระดับเดียวกับ
ventral sucker มีรังไข่ 1 อัน ลักษณะเป็นแขนงอยู่ระหว่างอัณฑะ มดลูกอยู่ครึ่ง
ลําตัวส่วนล่าง vitelline follicles มีขนาดเล็กอยู่รวมกันเป็นกระจุก ๆ ละ 12-30
เม็ด อยู่ด้านข้างเหนือลําไส้ทางส่วนหัว excretory bladder เป็นรูปตัว V รูปร่าง
ลักษณะโดยทั่วไปของ P. molenkampi ค่อนข้างคล้ายคลึงกับ P. bonnei แต่มี
ลักษณะเด่นที่สามารถใช้แยกจากกันได้ คือ (1) ขนาดและการจัดเรียงตัวของ
vitelline follicles (2) รูปร่างของรังไข่ (3) ลักษณะและรูปร่างของ excretory
bladder (รูปที่ 4.16)
พยาธิใบไม้ลําไส้ 161
ไข่(2,4)
มีขนาดเล็ก (10-13×22-29 ไมโครเมตร) รูปร่างคล้ายกับไข่ของพยาธิ O.
viverrini และ P. bonnei มาก แต่มีขนาดเล็กกว่า และเมื่อดูด้วยกล้องจุลทรรศน์
อิเล็กตรอนแบบส่องกราด จะไม่พบลายบนเปลือกไข่
วงจรชีวิต(2,4,5)
ยังไม่ทราบวงจรชีวิตที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาของ Manning และคณะ(110)
คาดว่าคล้ายกับ P. bonnei โดยมีหอยน้ําจืด Bithynia goniomphalos เป็น
โฮสต์สื่อกลางตัวที่ 1 และตัวอ่อนของแมลงปอเป็นโฮสต์สื่อกลางตัวที่ 2
พยาธิสภาพและอาการ(2,4)
ยังไม่มรี ายงานอาการและพยาธิสภาพของโรคที่เกิดจากพยาธินอี้ ย่างเด่นชัด
การวินิจฉัย(2,4,5)
ตรวจอุจจาระเพื่อหาไข่พยาธิที่มีรูปร่างคล้ายไข่ O. viverrini แต่เมื่อหยด
น้ํายาไอโอดีนจะเห็นก้อนสีน้ําตาล (iodophilic body) ภายในไข่
การป้องกัน(2,4,5)
กินอาหารทีป่ รุงจากตัวอ่อนแมลงปอที่สุกดีแล้ว และถ่ายอุจจาระลงส้วมที่
ถูกสุขลักษณะ
162 พยาธิใบไม้
oral sucker
vitellaria
testes
ovary
uterus
with eggs
excretory
bladder
(a) (b)
FAMILY PLAGIORCHIIDAE
(Luhe, 1910) Ward, 1917
Plagiorchis harinasutai
Radomyos, Bunnag, Harinasuta, 1989
ประวัติ
ในปี พ.ศ. 2532 ศ. ประยงค์ ระดมยศ และคณะ(46) ได้รายงานพบพยาธิ
ชนิดนี้เป็นครั้งแรกในผู้ป่วย 4 ราย จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
และต่อมามีรายงานพบผู้ป่วยเพิ่มอีก 1 ราย จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเช่น
เดียวกัน(65) ส่วนใหญ่พบภายหลังจากการให้ยา praziquantel เพื่อฆ่าพยาธิใบไม้
ตับ
กายรูปวิทยา(2,4)
พยาธิตัวเต็มวัย
มีขนาดเล็ก (0.61×1.87 มิลลิเมตร) รูปร่างแบนรี มีหนามเล็ก ๆ ปกคลุมทั่ว
ผิวลําตัว มี oral sucker อยู่เกือบปลายสุดทางด้านหัว คอหอยเป็นกล้ามเนื้อเห็น
ได้ชัด ลําไส้ปลายตันแยกเป็น 2 แขนงยาวเกือบถึงส่วนท้ายลําตัว ventral sucker
อยู่กลางลําตัวค่อนไปทางส่วนหัว อัณฑะ 2 ก้อน มีลักษณะกลมหรือรูปไข่เรียงตัว
ตามแนวยาวลําตัว รังไข่อยู่ระหว่างอัณฑะอันแรกและ ventral sucker มี
164 พยาธิใบไม้
บทสรุป
มีรายงานพบพยาธิใบไม้ลําไส้หลายชนิดที่เกิดจากการกิน (foodborne
intestinal flukes) ในคนซึ่งมีอาหารหลากหลายอย่างเป็นแหล่งของการติดเชื้อ
พยาธิดังกล่าวเช่น ปลาน้ําจืด พืชน้ํา ตัวอ่อนแมลงปอ นอกจากนี้พยาธิใบไม้ลําไส้
ยังมีแหล่งสะสมเชื้อในสัตว์หลายชนิดทําให้พยาธิยังคงมีอยู่ในธรรมชาติ อาการ
ทางคลินิคที่เกิดจากการติดเชื้อในคนขึ้นอยู่กับจํานวนของพยาธิ การวินิจฉัยการ
ติ ด เชื้ อ พยาธิ ใ บไม้ ลํ า ไส้ แ ต่ ล ะชนิ ด โดยการตรวจหาไข่ ใ นอุ จ จาระทํ า ได้ ย าก
เนื่องจากไข่ของพยาธิในกลุ่มนี้มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันมากและคล้ายกับไข่พยาธิ
ใบไม้ตับ Opisthorchis viverrini
พยาธิใบไม้ลําไส้ 165
เอกสารอางอิง
1. Beaver PC, Juing RC, Cupp EW. Clinical parasitology. 9th ed.
Philadelphia: Lea and Febiger; 1984.
2. นิมิตร มรกต, เกตุรัตน์ สุขวัจน์. ปรสิตวิทยาทางการแพทย์: โปรโตซัวและ
หนอนพยาธิ. พิมพ์ครั้งที่ 2. เชียงใหม่: โครงการตํารา คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2546.
3. Wongsawad C, Phalee A, Noikong W, Chuboon S, Nithikathkul
C. Co-infection with Opisthorchis viverrini and Haplorchis
taichui detected by human fecal examination in Chomtong
district, Chiang Mai Province, Thailand. Parasitol Int 2012;61:56-9.
4. ประยงค์ ระดมยศ, สุวณี สุภเวชย์, ศรชัย หลูอารีย์สุวรรณ. ตําราปรสิต
วิทยาทางการแพทย์. กรุงเทพฯ: เมดิคัล มีเดีย; 2539.
5. วันชัย มาลีวงษ์, ผิวพรรณ มาลีวงษ์, นิมิตร มรกต. ปรสิตวิทยาทาง
การแพทย์: โปรโตซัวและหนอนพยาธิ. ขอนแก่น: โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา;
2544.
6. Malek EA. Snail-transmitted parasitic diseases Vol. II. Boca
Raton, Florida: CRC Press; 1980.
7. สวัสดิ์ แดงสว่าง, มนตรี มงคลสมัย. รายงานคนไข้เด็กรายหนึ่งเป็นโรค
พยาธิใบไม้ลําไส้. จ พ ส ท 2484;24:453-65.
8. Daengsavang S, Mangalasmaya M. A record of some cases of
human infestation with Fasciolopsis buski occurring in Thailand.
Ann Trop Med Parasitol 1941;35:43-4.
9. Roberts LS, Janovy J. Gerald D. Schmidt & Larry S. Roberts’
Foundations of parasitology. 5th ed. USA: Times Mirror Higher
Education Group; 1996.
10. Bogitsh BJ, Cheng TC. Human parasitology. 2nd ed. New York:
Academic Press; 1998.
11. Barlow CH. The life cycle of the human intestinal fluke
Fasciolopsis buski (Lankester). Am J Hyg Monogr Ser 1925;4:1-
98.
166 พยาธิใบไม้
34. Markell E, John DT, Krotoshi WA. Markell and Voge’s Medical
parasitology. 8th ed. Philadelphia: Saunders company; 1999.
35. Chai JY, Sohn WM, Yong TS, Eom KS, Min DY, Hoang EH, et al.
Echinostome flukes recovered from humans in khammouane
province Lao PDR. Korean J Parasitol 2012;50:269-72.
36. Noikong W, Wongsawad C, Chai JY, Saenphet S, Trudgett A.
Molecular analysis of echinostome metacercariae from their
second intermediate host found in a localised geographic
region reveals genetic heterogeneity and possible cryptic
speciation. PLoS Negl Trop Dis 2014;8:e2778.
37. Chai JY. Echinostomes in humans. In Fried B, Toledo R, eds.
The Biology of Echinostomes. New York, USA: Springer; 2009.
p. 147-83.
38. มนูญ ไพบูลย์, จําลอง หะริณสุต, สนาม ถิระจันทรา. รายงานการพบ
พยาธิใบไม้ลําไส้เอคิโนสโตมา รีวอลูตัม ในคนในประเทศไทย. จ พ ส ท
2509;49:83-92.
39. มนูญ ไพบูลย์, ปรีชา เจริญลาภ, จําลอง หะริณสุต. รายงานการพบพยาธิ
ใบไม้ลําไส้เอคิโนสโตมา มาลายานัมและไฮโปเดอเรียมโคนอยเดียม ใน
ประเทศไทย. จ พ ส ท 2507;47:720-31.
40. Yokogawa M, Harinasuta C, Charoenlarp P. Hypoderaeum
conoideum (Bloch, 1872) Dietz, 1909. A common intestinal
fluke in man in the northeast Thailand. Jpn J Parasitol
1965;14:148-53.
41. Rim HJ. Echinostomiasis. CRC Handbook Series in Zoonoses,
Section C: Parasitic zoonoses (Trematode Zoonoses), Vol.III.
Boca Raton, Florida: CRC Press; 1982.
42. Sornmani S. Echinostomiasis in Thailand: a review. Proceedings
of the Fourth Southest Asian Seminar on Parasitology and
Tropical Medicine: Schistosomiasis and Other Snail
Transmitted Helminthiasis. Southeast Asian J Tropl Med Public
Health 1969;5:171-5.
พยาธิใบไม้ลําไส้ 169
oral
sucker testes
ventral
sucker
male
ovary
gynecophoric canal
female
Schistosoma japonicum
(Katsurada, 1904)
ประวัต(3,5)
ิ
Schistosoma japonicum ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในปี พ.ศ. 2390 โดยแพทย์
ชาวญี่ปุ่นชื่อ Rujii ต่อมามีการพบไข่ของพยาธิชนิดนี้ในอวัยวะต่าง ๆ รวมทั้งใน
อุจจาระผู้ป่วย และพบพยาธิตัวเมียใน portal vein ในปี พ.ศ. 2447 Katsurada
เป็นผู้ตั้งชื่อพยาธิใบไม้เลือดนี้ว่า Japonicum ซึ่งวงจรชีวิตได้ถูกศึกษาจนสําเร็จใน
ปี พ.ศ. 2457 โดย Miyagawa และ Miyairi กับ Suzuki
ชื่อสามัญ
พยาธิใบไม้เลือด (blood flukes)
โรค
Schistosomiasis japonica หรือ Schistosomiosis หรือ Bilharziasis
กายรูปวิทยา
พยาธิตัวเต็มวัย(2,3,5)
ตั ว ผู้ มี ข นาดประมาณ (12-20×0.5-0.55 มิ ล ลิ เ มตร) มี ผิ ว เรี ย บ (non-
tuberculated cuticle) มีอัณฑะ 6-8 อันเรียงตัวกันเป็นแถวเดียว intestinal
reunion อยู่ส่วนล่างของลําตัว (รูปที่ 5.2a, b)
ตัวเมียมีขนาดประมาณ (12-28×0.3 มิลลิเมตร) รังไข่อยู่กึ่งกลางลําตัว
มดลูกยาว มีไข่อยู่ประมาณ 50-100 ฟอง (รูปที่ 5.2c, d)
พยาธิใบไม้เลือด 181
oral sucker
ventral sucker
testes
(a) (b)
ovary
(c) (d)
รูปที่ 5.2 ตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้เลือด Schistosoma japonicum (a, c) ภาพถ่ายตัวผู้
และตัวเมีย (b, d) ภาพวาดตัวผู้และตัวเมีย (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล;
ภาพวาดจากตัวอย่างจริง ถ่ายรูปและวาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
182 พยาธิใบไม้
ไข่(2,4)
มีขนาดประมาณ (65-103×50-72 ไมโครเมตร) ลักษณะเหมือนรูปไข่มีตุ่ม
เล็ก ๆ อยู่ด้านข้าง (lateral knob) และมีตัวอ่อนเรียกว่าไมราซีเดียมซึ่งเจริญเต็มที่
อยู่ภายใน (รูปที่ 5.3)
เซอร์คาเรีย(2,3,5)
ลําตัวมีขนาดประมาณ (100-161×40-66 ไมโครเมตร) ส่วนหางมีขนาด
ประมาณ (140-160×20-35 ไมโครเมตร) ปลายหางแยกเป็นสองแฉกยาว (50×70
ไมโครเมตร) (รูปที่ 5.4)
วงจรชีวิต(3-6,8)
พยาธิ ตั ว ผู้ แ ละตั ว เมี ย จะอยู่ กั น เป็ น คู่ ๆ ในหลอดเลื อ ดดํ า superior
mesenteric vein ซึ่งเป็นที่อยู่เฉพาะของ S. japonicum (รูปที่ 5.5) ไข่ที่ออกมา
จะมีไมราซีเดียมที่ยังเจริญไม่เต็มที่อยู่ภายในจะใช้เวลาประมาณ 6-7 วันในการ
ทะลุผ่านหลอดเลือดและผนังของลําไส้ออกมาอยู่ในลําไส้เล็กและผ่านออกมากับ
อุจจาระเมื่อไข่ตกลงสู่น้ําไมราซีเดียมจะฟักตัวออกจากไข่แล้วว่ายน้ําเข้าไปใน
โฮสต์สื่อกลาง คือ หอยสกุล Oncomelania ชนิดต่าง ๆ เช่น Oncomelania
hupensis (สาธารณรัฐประชาชนจีน), Oncomelania nosophora (ญี่ปุ่น),
Oncomelania formosana (เกาะไต้หวัน), Oncomelania quadrasi (ฟิลิปปินส์)
และ Oncomelania lindoensis (อินโดนีเซีย)
ไมราซีเดียมจะไชเนื้อเยื่อของหอยแล้วเจริญต่อไปเป็นสปอโรซิสต์รุ่นที่หนึ่ง
หรือสปอโรซิสต์แม่ ซึ่งจะผลิตสปอโรซิสต์รุ่นที่สองหรือสปอโรซิสต์ลูก สปอโรซิสต์
รุ่นที่สองนี้จะผลิตเซอร์คาเรียที่มีหางเป็นสองแฉกเรียกว่า เซอร์คาเรียหางส้อม
(forked-tail cercaria) ซึ่งเป็นระยะติดต่อใช้เวลาเจริญเติบโตในหอยประมาณ
1-2 เดือน หลังจากนั้นเซอร์คาเรียจะออกจากหอย ว่ายอยู่ในน้ําและคอยไชเข้าสู่
คนและสัตว์ต่อไป เมื่อคนหรือสัตว์มาแช่น้ําหรือลงเล่นน้ําเซอร์คาเรียจะเข้ามา
พยาธิใบไม้เลือด 183
เกาะที่ผิวหนังเพื่อหาตําแหน่งที่เหมาะสมต่อการไชเมื่อพบมันจะไชเข้าผิวหนัง
แล้วสลัดหางทิ้ง จากนั้นจะไชทะลุหนังกําพร้าภายใน 1-30 วินาที
egg shell
miracidium
lateral knob
(a) (b)
รูปที่ 5.3 ไข่พยาธิใบไม้เลือด Schistosoma japonicum (a) ภาพถ่าย (b) ภาพวาด
(ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่างจริง ถ่ายรูปและวาดโดยดวง
รัตน์ ริยอง)
184 พยาธิใบไม้
oral sucker
ventral sucker
fork tailed
(a) (b)
รูปที่ 5.4 เซอร์คาเรียพยาธิใบไม้เลือด Schistosoma japonicum (a) ภาพถ่าย (b)
ภาพวาด (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่างจริง ถ่ายรูปและ
วาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้เลือด 185
โฮสตเฉพาะ: คน
Worms
migrate
from liver
to superior
mesenteric
vein
Fork-tail
cercaria Egg
โฮสตสื่อกลาง: หอย
Miracidium
Sporocyst
พยาธิสภาพและอาการ(2,3,5,10,13,14)
พยาธิสภาพเกิดมากที่สุดในตับและลําไส้ โดยโรคพยาธิใบไม้เลือดที่เกิดจาก
พยาธิใบไม้เลือด S. japonicum จะมีความรุนแรงมากกว่าที่เกิดจากพยาธิใบไม้
เลือดชนิดอื่น ๆ ทั้งนี้อาจมีสาเหตุมาจากการที่ตัวเมียของพยาธิใบไม้เลือด S.
japonicum สามารถผลิตไข่ได้มากกว่า ทําให้ไข่เหล่านี้ไปตกค้างที่ตับและลําไส้
ได้มากกว่า โดยพยาธิสภาพที่สําคัญของโรค มีดังต่อไปนี้
1. Katayama fever
เกิดจาก immune complexes ซึ่งก่อตัวมาจากการจับกันระหว่าง
แอนติบอดีกับแอนติเจนจากตัวเต็มวัยและไข่ของพยาธิ
2. Schistosomal granuloma หรือ Pseudotubercle
เซลล์ชนิดต่าง ๆ เช่น lymphocyte, plasma cells, macrophages,
eosinophils, mast cells และ fibroblasts จะมาล้อมรอบไข่พยาธิที่
ตกค้างอยู่ตามเนื้อเยื่อ และอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะในตับและลําไส้ ซึ่งเป็น
สาเหตุหลักของพยาธิสภาพของอวัยวะนั้น ๆ
3. Hepatosplenic schistosomiasis
พยาธิสภาพที่ตับและม้ามจะมีอาการตับโต ซึ่งเกิดจากการเพิ่มจํานวน
ของ vascular endothelium การก่อตัวของ granulomas และการเพิ่ม
จํานวนของ fibrous tissue ม้ามโตโดยมีสาเหตุมาจากแรงดันในหลอด
เลือดดําในม้ามเพิ่มขึ้น
4. Intestinal schistosomiasis
เกิดพยาธิสภาพที่ลําไส้จะรุนแรงตามจํานวนไข่พยาธิ เนื้อเยื่อรอบ ๆ ไข่
จะมีการอักเสบและเกิดเป็นฝีเล็ก ๆ มากมายบริเวณลําไส้และตับ เมื่อฝีแตก
จะเกิดเป็นแผลและมีการอักเสบตามมา ระยะนี้ผู้ป่วยจะถ่ายอุจจาระเป็น
มูกเลือด ปวดท้อง เบื่ออาหาร น้ําหนักลด ตับโต กดเจ็บ ตรวจอุจจาระพบ
ไข่ได้ง่าย อาการต่าง ๆ เหล่านี้จะอยู่นาน 3-4 สัปดาห์ ก็จะลดลงและหายไป
188 พยาธิใบไม้
การรักษา(2,3,17)
โดยการทํ า ลายตัว เต็ม วัย และไข่ข องพยาธิด ้ว ยยา praziquantel 40
มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน ให้กินเพียงครั้งเดียวโดยแบ่งเป็น 2 มื้อ
การป้องกัน(2,3,18)
1. รักษาผู้ป่วยทุกคนทันที
2. หลีกเลี่ยงไม่สัมผัสกับแหล่งน้ําที่คาดว่าจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์หอยที่เป็น
โฮสต์สื่อกลาง
3. สวมรองเท้าบูธ เมื่อลงในแหล่งน้ํา
4. หากพบหอยที่เป็นโฮสต์สื่อกลางควรทําลายและมีการเฝ้าระวัง
5. ในโครงการสร้างเขื่อนจะต้องศึกษาสํารวจหอยที่เป็นพาหะ เพื่อเป็น
ข้อมูลในการป้องกันการระบาดของโรคพยาธิใบไม้เลือด
6. ให้การศึกษาและแนะนําให้ถ่ายอุจจาระลงส้วม
190 พยาธิใบไม้
Schistosoma haematobium
(Bilharz, 1852)
ประวัต(3,5)
ิ
Schistosoma haematobium มีประวัติยาวนานนับพันปีในบริเวณลุ่ม
แม่น้ําไนล์ พยาธิถูกพบครั้งแรกใน mesenteric veins ของผู้ป่วยพื้นเมืองกรุง
ไคโร ประเทศอียิปต์โดย Bilharz ในปี พ.ศ. 2394 จากนั้นเขาได้แสดงให้เห็นว่า
พยาธิชนิดนี้ เป็นสาเหตุของภาวะปัสสาวะปนเลือด (hematuria) โดยตรวจพบไข่
ซึ่งมีหนามตรงปลายในน้ําปัสสาวะของผู้ป่วย พยาธิใบไม้เลือด S. haematobium
พบได้ในหลายประเทศของทวีปแอฟริกา เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ และแหล่งเล็ก ๆ
บางแห่งในเอเชียใต้
ชื่อสามัญ
พยาธิใบไม้เลือด (blood flukes)
โรค
Schistosomiasis haematobium หรือ Bilharziasis หรือ Vesical
schistosomiasis
กายรูปวิทยา
พยาธิตัวเต็มวัย(3,5)
ตั ว ผู้ มี ข นาดประมาณ (10-15×0.75-1 มิ ล ลิ เ มตร) ผิ ว มี ลั ก ษณะเป็ น ตุ่ ม
ละเอียด (finely tuberculated) มีอัณฑะ 4-5 อัน เรียงกันเป็นกลุ่ม intestinal
reunion อยู่บริเวณกลางของลําตัว (รูปที่ 5.6a, b)
ตั ว เมี ย มี ข นาดประมาณ (20-26×0.25-1 มิ ล ลิ เ มตร) รั ง ไข่ อ ยู่ บ ริ เ วณ
ส่วนล่างของลําตัว มดลูกยาว มีไข่อยูประมาณ 10-100 ฟอง (รูปที่ 5.6c, d)
พยาธิใบไม้เลือด 191
ไข่(3,5)
มีขนาด (83-187×40-70 ไมโครเมตร) ลักษณะรูปร่างยาวรี มีหนามหนึ่ง
อันอยู่ด้านท้าย (terminal spine) และมีไมราซีเดียมซึ่งเจริญเต็มที่อยู่ภายใน (รูป
ที่ 5.7)
เซอร์คาเรีย(3,5)
คล้ายกับระยะเซอร์คาเรียของพยาธิใบไม้เลือด S. japonicum
วงจรชีวิต(2,3,5)
คล้ายกับพยาธิใบไม้เลือดชนิดอื่น ๆ พยาธิตัวเต็มวัยอาศัยอยู่ในร่างแห
หลอดเลือดดําบริเวณกระเพาะปัสสาวะและเชิงกราน (vesical and pelvic
venous plexuses) หอยที่เป็นโฮสต์สื่อกลางคือ หอยในสกุล Bulinus spp. (รูปที่
5.8)
ระบาดวิทยา(2,3,19)
คนเป็ น โฮสต์ ที่ สํ า คั ญ ของพยาธิ ใ บไม้ เ ลื อ ด S. haematobium ในถิ่ น
ระบาดบางแห่งของประเทศอียิปต์ อูกานดา(20) เอธิโอเปีย(21) และคองโก(22)
ประชากรทั้งชุมชนล้วนมีการติดเชื้อพยาธิชนิดนี้ อัตราการเป็นโรคเพิ่มมากขึ้น
และเป็นไปอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้เนื่องจากมีการแพร่กระจายของหอยที่เป็นโฮสต์
สื่อกลาง
พยาธิสภาพและอาการ(2,3,5,6)
S. haematobium เป็นพยาธิใบไม้เลือดชนิดเดียว ที่เป็นสาเหตุของอาการ
ทางระบบปัสสาวะ โดยทั่วไป S. haematobium จะทําให้เกิดภาวะการติดเชื้อที่
ไม่รุนแรงคือมักไม่ปรากฏอาการของโรคหรืออาจมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ
แต่จะไม่มีความเจ็บปวด
192 พยาธิใบไม้
oral sucker
ventral sucker
testes
(a) (b)
egg
ovary
(c) (d)
รูปที่ 5.6 ตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้เลือด Schistosoma haematobium (a, c) ภาพถ่าย
ตัวผู้และตัวเมีย (b, d) ภาพวาดตัวผู้และตัวเมีย (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้อง
ดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่างจริง ถ่ายรูปและวาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้เลือด 193
egg shell
miracidium
terminal spine
(a) (b)
รูปที่ 5.7 ไข่พยาธิใบไม้เลือด Schistosoma haematobium (a) ภาพถ่าย (b)
ภาพวาด (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจากตัวอย่างจริง ถ่ายรูปและ
วาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิสภาพที่สําคัญของโรคมีดังนี้
1. ไข่ของพยาธิใบไม้เลือด S. haematobium จะทําให้เกิดแผล granuloma
ที่ผนังของกระเพาะปัสสาวะและท่อไตอาจเป็นสาเหตุของการอุดตันของ
ทางเดินปัสสาวะ และมะเร็งของกระเพาะปัสสาวะได้
2. Immune complexes ที่เกิดขึ้นจะไหลเวียนอยู่ในกระแสโลหิต อาจไป
ตกค้างและจับอยู่ที่ไต ทําให้เกิดโรค glomerulonephritis, nephrotic
syndrome, amyloidosis และ pyelonephritis
194 พยาธิใบไม้
โฮสตเฉพาะ: คน
Worms
migrate
from liver
to vesical
and pelvic
venous
plexuses
Fork-tail
cercaria Egg
โฮสตสื่อกลาง: หอย
Miracidium
Sporocyst
นอกจากนั้นการที่พยาธิตัวอ่อนไชเข้าผิวหนังจนเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัย
นั้น อาจจะทําให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง มีลมพิษ ผื่นคัน จากนั้นประมาณ
10 สัปดาห์ต่อมา ผู้ป่วยอาจมีอาการเบื่ออาหาร ปวดศีรษะ ปวดหลังและแขนขา
มีไข้ เมื่อพยาธิวางไข่ใหม่และตรวจพบไข่ในปัสสาวะ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะ
อ่อนเพลีย มีไข้ อยากถ่ายปัสสาวะ และปวดบริเวณท้องน้อย
ระยะสุ ด ท้ า ย เมื่ อ เนื้ อ เยื่ อ มี ก ารซ่ อ มแซมและเกิ ด มี แ ผลเป็ น ผู้ ป่ ว ยจะ
อ่อนเพลียมาก เบื่ออาหาร ผอมแห้ง มีอาการปวดมากขณะถ่ายปัสสาวะ ซึ่งจะ
ถ่ายบ่อยแต่มีปริมาณน้อย ในที่สุดอาจถ่ายออกมาเฉพาะเลือดและหนองจํานวน
เล็กน้อยโดยไม่สามารถควบคุมได้
การวินิจฉัย(2,3,5)
การวินิจฉัยที่แน่นอน คือการตรวจพบไข่ในน้ําปัสสาวะหรือใน aspirates
หรือ biopsy ที่ได้จากกระเพาะปัสสาวะหรือลําไส้ตรงอาจตรวจพบไข่ในอุจจาระ
ได้เช่นกัน
1. อาการและอาการแสดงตามพยาธิสภาพของโรค ซักประวัติผู้ป่วยมา
จากถิ่นระบาดของโรค
2. การตรวจหาไข่พยาธิในปัสสาวะ อาจใช้วิธี urine sedimentation
หรือ urine filtration
3. ตรวจหาไข่พยาธิจาก aspirates หรือ biopsy จากกระเพาะปัสสาวะ
หรือลําไส้ตรง ซึ่งอาจนํามาตรวจโดยวิธี compression technique
หรือ tissue sectioning
4. ตรวจน้ํ า เหลื อ ง โดยวิ ธี ท างภู มิ คุ้ ม กั น วิ ท ยาแบบต่ า ง ๆ ที่ ใ ช้ จ ะมี
ความจําเพาะต่อพยาธิใบไม้ทั้งกลุ่ม คือไม่จําเพาะต่อชนิดใดชนิดหนึ่ง
วิธีนี้จะมีประโยชน์ในผู้ป่วยที่แสดงอาการของโรคในขณะที่ไข่ยังไม่
ปรากฏให้ตรวจพบได้
196 พยาธิใบไม้
การรักษา(2,3)
ยา praziquantel 40 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน ให้กินเพียงครั้งเดียว โดยแบ่ง
เป็น 2 มื้อ
การป้องกัน(2,3)
เช่นเดียวกับพยาธิใบไม้เลือด S. japonicum
Schistosoma mansoni
(Sambon, 1907)
ประวัต(3,5)
ิ
Bilharz พบไข่ซึ่งมีหนามหนึ่งอันอยู่ด้านข้างเป็นครั้งแรกในพยาธิใบไม้เลือด
ซึ่งได้มาจากผู้ป่วยที่เสียชีวิต ณ กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ Sonsino กับ Manson
พบว่าไข่พยาธินี้เป็นชนิดที่ต่างไปจากไข่ซึ่งมีหนามอยู่ตรงปลาย ต่อมาในปี พ.ศ.
2450 Sambon ได้ตั้งชื่อ species ของพยาธิใบไม้เลือดนี้ขึ้นใหม่เป็น Mansoni
พยาธิใบไม้เลือด S. mansoni พบได้ในหลายประเทศของทวีปแอฟริกา
บางส่วนของในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ บางประเทศและเกาะบางแห่งในอเมริกาใต้
และอินดีสตะวันตก
ชื่อสามัญ
พยาธิใบไม้เลือด (blood flukes)
โรค
Schistosomiasis mansoni หรือ Intestinal bilharziasis
พยาธิใบไม้เลือด 197
กายรูปวิทยา(2,3,5)
พยาธิตัวเต็มวัย
ตั ว ผู้ มี ข นาดประมาณ (6-13×1 มิ ล ลิ เ มตร) ผิ ว มี ลั ก ษณะเป็ น ตุ่ ม หยาบ
(grossly tuberculated) intestinal reunion อยู่บริเวณส่วนบนของลําตัว มี
อัณฑะ 4-13 อันเรียงกันเป็นกลุ่ม (รูปที่ 5.9)
ตัวเมีย มีขนาดประมาณ (7-17×0.25 มิลลิเมตร) รังไข่อยู่บริเวณส่วนบน
ของลําตัว มดลูกสั้น มีไข่อยู่ประมาณ 1-2 ฟอง (รูปที่ 5.9)
ไข่(3,5)
มีขนาดประมาณ (115-175×45-70 ไมโครเมตร) ลักษณะรูปร่างยาวรี มี
หนามหนึ่งอันอยู่ด้านข้าง (lateral spine) และมีไมราซีเดียมซึ่งเจริญเต็มที่อยู่
ภายใน (รูปที่ 5.10)
เซอร์คาเรีย(3,5)
คล้ายกับระยะเซอร์คาเรีย ของพยาธิใบไม้เลือด S. japonicum
วงจรชีวิต(2,3,5)
S. mansoni มีวงจรชีวิตคล้ายคลึงกับ S. japonicum แต่แตกต่างกันตรง
ชนิดของหอยที่เป็นโฮสต์สื่อกลางคือ หอย Biomphalaria spp. (Biomphalaria
glabrata) นอกจากนี้หอย Biomphalaria straminea เป็นโฮสต์สื่อกลางที่พบ
ทางทวีปอเมริกาใต้ แคริบเบียนรวมทั้งทางตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน
(เซิ่นเจิ้นและแถบลุ่มแม่น้ํา Zhujiang)(23) นอกจากนี้พยาธิตัวเต็มวัยจะอาศัยอยู่ที่
inferior mesenteric veins (รูปที่ 5.11)
198 พยาธิใบไม้
oral sucker
ventral sucker
male female
male
testes
testes
female
(a) (b)
รูปที่ 5.9 ตัวเต็มวัยพยาธิใบไม้เลือด Schistosoma mansoni (a) ภาพถ่ายตัวผู้และตัว
เมีย (b) ภาพวาดตัวผู้และตัวเมีย (ภาพถ่ายเป็นการบันทึกจากกล้องดิจิตอล; ภาพวาดจาก
ตัวอย่างจริง ถ่ายรูปและวาดโดยดวงรัตน์ ริยอง)
พยาธิใบไม้เลือด 199
egg shell
miracidium
lateral spine
(a) (b)
โฮสตเฉพาะ: คน
Worms
migrate
from liver
to inferior
mesenteric
veins
Fork-tail
cercaria Egg
โฮสตสื่อกลาง: หอย
Miracidium
Sporocyst
ระบาดวิทยา(2,3)
การระบาดส่วนใหญ่ มีสาเหตุมาจากคนถ่ายอุจจาระลงในแหล่งน้ํา การย้าย
ถิ่นฐานของคนที่ติดเชื้อ การทดน้ําและการขยายระบบชลประทาน ในถิ่นระบาด
เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุให้การแพร่กระจายของโรคเพิ่มมากขึ้น
ในปี พ.ศ. 2559 จากการตรวจอุ จ จาระและปั ส สาวะของประชากรใน
ประเทศซู ดาน จํ านวน 2,433 ราย โดยแบ่ งเป็ นผู้ ชาย 1,195 ราย และผู้ หญิ ง
1,238 ราย พบว่ามีอัตราการติดเชื้อพยาธิใบไม้เลือด S. mansoni อยู่ที่ร้อยละ
27.4(24) ในขณะที่ประเทศมาลีมีรายงานพบว่ามีการติดเชื้อพยาธิใบไม้เลือด S.
mansoni ร้อยละ 5.4 และพยาธิใบไม้เลือด S. haematobium ร้อยละ 8.7(25)
พยาธิสภาพและอาการ(2,3)
พยาธิสภาพและอาการของโรคที่เกิดจาก S. mansoni จะคล้ายคลึงกับ S.
japonicum แต่จะเกิดอาการที่ลําไส้ใหญ่มากกว่า มีรายงานพบการไชบริเวณ
ผิวหนัง (cutaneous schistosomiasis) ในประเทศบราซิล โดยมีสาเหตุจาก S.
mansoni(26)
การวินิจฉัย(2,3)
วิธีการตรวจแบบต่าง ๆ เหมือนกันกับ S. japonicum มีรายงานการตรวจ
พยาธิ S. mansoni โดยวิธี PCR (polymerase chain reaction) ในผู้ป่วย 70 ราย
พบว่าให้ผลบวก 68 ราย ในผู้ป่วยที่เป็น chronic intestinal schistosomiasis(27)
การรักษา(2,3)
ยา praziquantel 40 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน ให้กินเพียงครั้งเดียว โดย
แบ่งเป็น 2 มื้อ
มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพรไทย โดย น.สพ.ดร.นรินทร์ ปริยวิชญภักดี
และคณะปี พ.ศ. 2559 ได้นําสารสกัดจากมะหาด (Artocarpus lakoocha,
Puag-Haad) มาทดสอบกับพยาธิ S. mansoni ที่ความเข้มข้น 250, 500 และ
202 พยาธิใบไม้
Schistosoma mekongi
(Voge, Bruckner and Bruce, 1978)(3,5)
ประวัต(3,6)
ิ
มีรายงานการพบผู้ป่วยรายแรกจากสปป.ลาว ที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้เลือด
ชนิด Japonicum-like โดยพบไข่พ ยาธิจ ากการตัด ชิ้น เนื้อ ตับ (biopsy) ของ
นักศึกษาชาวลาวที่อาศัยอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ต่อมาพบว่าที่สปป.ลาว
โดยเฉพาะที่เกาะโขง ซึ่งอยู่ในแม่น้ําโขงบริเวณตอนใต้ของสปป.ลาว และทางตอน
เหนือของประเทศกัมพูชา เป็นถิ่นระบาดของโรคและมีหอย Lithoglyphopsis
aperta เป็นโฮสต์สื่อกลาง ปัจจุบันพบอยู่ในสปป.ลาว ประเทศกัมพูชา และไทย
ชื่อสามัญ
พยาธิใบไม้เลือด (blood flukes)
โรค
Schistosomiasis mekongi หรือ Bilharziasis
พยาธิใบไม้เลือด 203
กายรูปวิทยา(3,6)
พยาธิตัวเต็มวัย
ลักษณะตัวผู้และตัวเมียเหมือนกับ S. japonicum ทุกประการแต่ขนาด
เล็กกว่า(29) (ตารางที่ 5.1) ตัวผู้มีขนาดประมาณ (10-18×0.5-0.55 มิลลิเมตร) ผิว
เรียบ มีอัณฑะประมาณ 7 อันเรียงกันเป็นแถว intestinal reunion อยู่บริเวณ
ด้านล่างของลําตัว
ตัวเมียมีขนาดประมาณ (14-20×0.3 มิลลิเมตร) มีรังไข่อยู่บริเวณกึ่งกลาง
ของลําตัว มดลูกยาว มีไข่อยู่ประมาณ 120-130 ฟอง
ไข่(2,5)
มีลักษณะคล้ายกับไข่ของ S. japonicum แต่มีขนาดเล็กกว่าคือประมาณ
(62-97×50-76 ไมโครเมตร) ลักษณะรูปร่างค่อนข้างกลม มีปุ่มเล็ก ๆ อยู่ด้านข้าง
(lateral knob) และมีไมราซีเดียมซึ่งเจริญเต็มที่อยู่ภายใน
เซอร์คาเรีย(2,5)
คล้ายกับระยะเซอร์คาเรียของพยาธิใบไม้เลือด S. japonicum
วงจรชีวิต(3,6)
S. mekongi มีวงจรชีวิตคล้ายกับพยาธิใบไม้เลือดชนิดอื่น ๆ ตัวเต็มวัย
อาศัยอยู่ที่ superior mesenteric veins และ portal veins หอยที่เป็นโฮสต์
สื่อกลางคือ N. aperta
ระบาดวิทยา(3,6)
นอกจากคนแล้วยังมีสุนัขที่เป็นโฮสต์สะสมเชื้อของ S. mekongi จากการ
สํารวจทางตอนใต้ของสปป.ลาว โดยวิธี Kato-Katz technique (KK) และวิธี
formalin-ethyl acetate concentration technique (FECT) พบว่ามีอัตรา
204 พยาธิใบไม้
พยาธิสภาพและอาการ(3,6)
ลักษณะการติดเชื้อพยาธิใบไม้เลือด S. mekongi จะคล้ายกับพยาธิใบไม้
เลือด S. japonicum แต่ความรุนแรงของโรคจะน้อยกว่า
การวินิจฉัย(3,6)
วิธีการตรวจแบบต่าง ๆ เหมือนกันกับ S. japonicum
การรักษา(2,3,6)
ยา praziquantel 40 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน ให้กินเพียงครั้งเดียว โดยแบ่ง
เป็น 2 มื้อ
การป้องกัน(2,3,6)
เช่นเดียวกับ S. japonicum
พยาธิใบไม้เลือดของสัตว์(2,3,5,6)
การรักษา
ให้กินแอนติฮีสตามิน หรือทาคาลาไมน์โลชั่น
Schistosome cercarial dermatitis แบ่งออกเป็น 3 ประเภทตาม
ลักษณะของพยาธิที่เป็นสาเหตุ ดังนี้
1. Avian schistosome cercarial dermatitis ชนิดน้ําจืด
มีสาเหตุมาจากเซอร์คาเรียของพยาธิใบไม้เลือดของสัตว์ปีกเช่น สกุล
Trichobilharzia, Gigantobilharzia และ Ornithobilharzia โฮสต์สื่อ
กลางที่เป็นพาหะของโรคได้แก่ หอยน้ําจืดในสกุล Lymnaea, Stagnicola,
Physa, Planorbis, Polypylis และ Chilina พบในสหรัฐอเมริกา แคนาดา
เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เวลส์ แอนซัลวาดอร์ คิวบา อาร์เจนตินา
เมียนมา ไทย มาเลเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้
และมลรัฐอลาสกาของสหรัฐอเมริกา
2. Avian schistosome cercarial dermatitis ชนิดน้ําเค็ม
มีสาเหตุมาจากเซอร์คาเรียของพยาธิใบไม้เลือดของสัตว์ปีกเช่นสกุล
Microbilharzia และ Gigantobilharzia โฮสต์สื่อกลางที่เป็นพาหะของ
โรคได้แก่ หอยน้ําเค็ม ซึ่งพบได้ในหลาย ๆ มลรัฐของสหรัฐอเมริกา
3. Mammalian schistosome cercarial dermatitis
มีสาเหตุมาจากเซอร์คาเรียของพยาธิใบไม้เลือดตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
โฮสต์สื่อกลางที่เป็นพาหะได้แก่ หอยน้ําจืด เช่น Schistosoma spindale
(หอย Indoplanorbis), Schistosoma bovis (หอย Bulinus), Schistoso-
ma mattheei (หอย Bulinus), Schistosoma incognitum (หอย
Lymnaea), Heterobilharzia americana (หอย Lymnaea), Orien-
tobilharzia turkestanica (หอย Lymnaea) และ Orientobilharzia
harinasutai (หอย Lymnaea) พบในประเทศมาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย
อิหร่าน อิตาลี และสหรัฐอเมริกา
พยาธิใบไม้เลือด 207
ระบาดวิทยา(2,3)
พยาธิใบไม้เลือดในสัตว์ที่เป็นสาเหตุสําคัญและมีรายงานในประเทศไทย คือ
1. Schistosoma spindale เป็นปรสิตของโค กระบือและสัตว์กินหญ้า
ทํ า ให้ เ กิ ด ผิ ว หนั ง อั ก เสบในคนได้ รุ น แรงที่ สุ ด โฮสต์ สื่ อ กลางคื อ หอย
Indoplanorbis exustus พบที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
2. Orientobilharzia harinasutai พบในควาย โฮสต์สื่อกลางคือหอย
Lymnaea (Radix) rubiginosa พบที่ภาคใต้ของประเทศไทยไข่พยาธิ
มีรูปร่างคล้ายไข่ของ S. mansoni
3. Trichobilharzia maegrathi พบในเป็ด โฮสต์สื่อ กลางคือ หอย
Lymnaea (Radix) rubiginosa พบที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
4. Schistosoma incognitum พบในหนู หนูพุกใหญ่ (Bandicota
indica), หนูท้องขาว (Rattus rattus) และ Rattus argentiventer
โฮสต์สื่อกลางคือหอย Lymnaea (Radix) rubiginosa พบที่ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ
การวินิจฉัย(3)
1. ประวัติการสัมผัสกับแหล่งน้ําที่สงสัย
2. มีเม็ดผืน่ คันตามผิวหนัง
3. ตรวจพบเซอร์คาเรียจากหอยในแหล่งน้ํานั้น ๆ
การรักษา(3)
รักษาตามอาการของโรค
การป้องกัน(3)
1. หลีกเลี่ยงไม่สัมผัสกับแหล่งน้ําที่คาดว่าจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของหอยพาหะ
2. สวมรองเท้าบูธยาง
208 พยาธิใบไม้
บทสรุป
พยาธิใบไม้เลือดเป็นปรสิตที่มีความสําคัญทั่วโลก มีความสําคัญที่สุดใน
บรรดาพยาธิใบไม้ทั้งหมด เพราะทําให้เกิดพยาธิสภาพมาก การรักษา การควบคุม
และกําจัดได้ยาก พยาธิใบไม้เลือดที่ทําให้เกิดโรคในคนมี 4 ชนิด คือ
1. Schistosoma japonicum
2. Schistosoma haematobium
3. Schistosoma mansoni
4. Schistosoma mekongi
สําหรับประเทศไทยพยาธิที่เป็นสาเหตุของโรคพยาธิใบไม้เลือดคือ
Schistosoma mekongi เนื่องจากมีการพบหอย Neotricula aperta β-strain
ที่แม่น้ํามูล Neotricula aperta γ-strain ที่แม่น้ําโขงและจังหวัดหนองคาย
พยาธิใบไม้เลือด 209
เอกสารอางอิง
1. Steinmann P, Keiser J, Bos R, Tanner M, Utzinger J. Schisto-
somiasis and water resources development: systematic
review, meta-analysis, and estimates of people at risk. Lancet
Infect Dis 2006;6:411-25.
2. นิมิตร มรกต, เกตุรัตน์ สุขวัจน์. ปรสิตวิทยาทางการแพทย์: โปรโตซัวและ
หนอนพยาธิ. เชียงใหม่: โครงการตํารา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย-
เชียงใหม่; 2539.
3. ประยงค์ ระดมยศ, สุวณี สุภเวชย์, ศรชัย หลูอารีย์สุวรรณ. ตําราปรสิต
วิทยาทางการแพทย์. กรุงเทพฯ: เมดิคัล มีเดีย; 2539.
4. Beaver PC, Jung RC, Cupp EW. Clinical parasitology. 9th ed.
Philadelphia: Lea and Febiger; 1984.
5. Bogitsh BJ, Cheng TC. Human parasitology. 2th ed. New York:
Academic Press; 1998. p. 229-48.
6. Markell E, John DT, Krotoshi WA. Markell and Voge’s Medical
parasitology. 8th ed. Philadephia: Saunders company; 1999.
7. Sun T. Parasitic disorders; pathology, diagnosis, and manage-
ment. 2th ed. Baltimore: Williams & Wilkins; 1999.
8. Despommier DD, Gwadz RW, Hotez PJ. Parastic diseases. 3rd
ed. USA: Springer-Verlag; 1997. p. 108-38.
9. Song LG, Wu XY, Sacko M, Wu ZD. History of schistosomiasis
epidemiology, current status, and challenges in China: on the
road to schistosomiasis elimination. Parasitol Res 2016;115:
4071-81.
10. Lei ZL, Zhang LJ, Xu ZM, Dang H, Xu J, Lv S, et al. Endemic
status of schistosomiasis in People's Republic of China in
2014. Zhongguo Xue Xi Chong Bing Fang Zhi Za Zhi 2015;27:
563-9.
11. Sinuon M, Tsuyuoka R, Socheat D, Odermatt P, Ohmae H,
Matsuda H, et al. Control of Schistosoma mekongi in
Cambodia: results of eight years of control activities in the
210 พยาธิใบไม้
บทสงทาย
พยาธิ ใ บไม้ ที่ มี ค วามสํ า คั ญ ทางการแพทย์ มี อ ยู่ ห ลายชนิ ด ถู ก
จําแนกตามอวัยวะที่พยาธิตัวเต็มวัยอาศัยอยู่ในโฮสต์ คือ พยาธิใบไม้ปอด
พยาธิใบไม้ตับ พยาธิใบไม้ลําไส้ และพยาธิใบไม้เลือด โดยพยาธิใบไม้ตับ
ก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสาธารณสุขมากที่สุดในประเทศไทย ทั้งนี้ไม่ได้
หมายความว่า ประเทศไทยให้ความสําคัญกับโรคที่เกิดจากพยาธิใบไม้
น้อยเกินไป แต่หากเป็นเพราะขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับชีววิทยา
ของพยาธิใบไม้แต่ละชนิด ดังนั้นองค์ความรู้และความเข้าใจพื้นฐานที่
ถูกต้องเกี่ยวกับกายรูปวิทยา วงจรชีวิต การแพร่กระจายทางภูมิศาสตร์
การก่อโรค พยาธิสภาพ การวินิจฉัย ระบาดวิทยา โฮสต์สะสมเชื้อ และ
การรักษานั้น มีความสําคัญอย่างยิ่งต่อการควบคุมและกําจัดโรคพยาธิ
ใบไม้ที่เกิดขึ้นได้
นอกจากนี้ ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยทางภูมิคุ้มกันของโฮสต์และ
ทางด้านอณูชีววิทยาต่อพยาธิใบไม้ ซึ่งเทคนิคทางอณูชีววิทยานั้นมีความ
ไวและความจําเพาะสูง จึงมีการนํามาใช้ในการตรวจวินิจฉัยในผู้ป่วยที่ติด
เชื้อพยาธิใบไม้ และยังเป็นประโยชน์ด้านอื่นเช่น การศึกษาระบาดวิทยา
ของพยาธิเพื่อการเฝ้าระวังและป้องกันการติดเชื้อ การศึกษาถึงระดับ
พั น ธุ ก รรมและวิ วั ฒ นาการชาติ พั น ธุ์ ข องพยาธิ และนอกจากนั้ น ยั ง มี
การศึกษาถึงการพัฒนาวัคซีนเพื่อใช้ในการป้องกันการติดเชื้อพยาธิใบไม้
ในสัตว์ และการนําสารสกัดที่ได้จากสมุนไพรมาใช้เป็นยาฆ่าพยาธิใบไม้
ผู้ นิ พ นธ์ ห วั ง เป็ น อย่ า งยิ่ ง ว่ า ตํ า ราที่ ไ ด้ เ รี ย บเรี ย งขึ้ น นี้ จ ะเป็ น
ประโยชน์ แ ก่ นั ก ศึ ก ษา นั ก วิ จั ย และผู้ ที่ ส นใจเกี่ ย วกั บ พยาธิ ใ บไม้ ที่ มี
ความสําคัญทางการแพทย์ เพื่อจะนําไปใช้ประโยชน์ต่อไปในอนาคต
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดวงรัตน์ ริยอง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุลักษณ์ จันทร์คํา
ดรรชนี
Acanthogobius flavimanus 151
Acantopsis thiemmedhi 155
Acetabulum 3,4,9
Allergic reaction 106
Amblyrhynchichthys truncatus 153
Amphistome 4,167
AMS II method 188
Amyloidosis 193
Anabas testudineus 151,153
Anterior 8,49
Anterior conical portion 109
Anterior part 146
Antibody 44,59,84,90,144
Apical papilla 18
Aplocheilus panchax 153
Ascending colon 109,111
Ascending cholangitis & cholecystitis 56
Aspidobothrea 1,2
Aspirates 195
Avian schistosome cercarial dermatitis 96,206
Barbodes altus 153
Barbodes gonionotus 153
Barbonymus altus 153
Barbonymus gonionotus 153
Barbonymus schwanenfeldii 153
Bandicota indica 188
Bell’s filtration technique 202
Benzimidazole 85,144,173
Bilharziasis 145,179,190,196,206,207
Biomphalaria 179,197,204
Biomphalaria glabrata 197
Biomphalaria straminea 197
Biopsy 202,204
ดรรชนี 215
Birth pore 18
Bithionol 69,85
Bithynia spp. 61,62,67,157
Bithynia funiculata 61
Bithynia goniomphalos 161
Bithynia infata 62
Bithynia siamensis goniomphalos 61,88,157
Bithynia striatula var japonicas 65
Blood fluke 7,8,177,178,180,190,196,202
Brachythemis contaminata 157
Brackish water snail 146
Bronchitis 32
Bronchopneumonia 32
Bulinus 179,191,204,206
Bulinus hungerfordianus 121
Caecum 11,12,28,109,110,111
Cardiopulmonary schistosomiasis 201
Cercaria dermatitis 205
Cerebral hemorrhage 33
Cerithidea cingulata 146,150
Chilina 206
Cholangiocarcinoma 49,56,87,91
Chronic intestinal schistosomiasis 201
Ciliated cell 11
Circular fiber 9
Cirrhinus jullieni 54,153,154
Cirrus sac 14,15,131
Class 1,2,6,7
Clonorchis sinensis 4,6,7,47,48,59,63,64,65,75,92
137,140,171
ประวัติ 63
กายรูปวิทยา 63
ไข 63
วงจรชีวิต 63
Colon 106,167
216 พยาธิใบไม้
Digenea 1-3,6,7,21,173,174
Digenetic flukes 1
Digestive system 11
Distome 3
Desquamation 111
Duodenum 100,104,106,108
Echinostome 3,112-117,121-124,168
Echinostoma ilocanum 6-8,10,97,99,112,119,
120,126,168
ประวัติ 119
กายรูปวิทยา 119
ไข 119
วงจรชีวิต 121
Echinostoma malayanum 6-8,35,44,97,99,112,
116,118,126,169
ประวัติ 116
กายรูปวิทยา 117
ไข 117
วงจรชีวิต 117
Echinostoma revolutum 6,7,8,97,99,112,121,126
ประวัติ 121
กายรูปวิทยา 121
ไข 122
วงจรชีวิต 122
Echinostomatidae 2,5-7,97,99,112,126,169
Ejaculatory duct 14,131
ELISA 34,40,59,84,85,90,94,144,188
Embolism 149
Embryonated egg 18
Encephalitis 33
Encystation 19
Eosinophil 56,116,187
Eosinophilic granuloma 34
Eosinophil-neutrophil infiltration 138
218 พยาธิใบไม้
Epilepsy 33
Episthmium caninum 6-8,97,99,112,122
ประวัติ 122
กายรูปวิทยา 122
ไข 123
วงจรชีวิต 123
Esomus metallicus 153,155
Esophagus 11,12,101
Eurytrema pancreaticum 5-7,47,65,71-75
ประวัติ 71
กายรูปวิทยา 71
ไข 72
วงจรชีวิต 73
พยาธิสภาพและอาการ 73
การวินิจฉัย 73
การรักษา 73
การปองกัน 73
Excretory bladder 11,13,132,157-160,
161,162
Excretory capillary 11
Excretory granule 133
Excretory pore 11,13,129
Excretory-secretory products 56
Excretory system 11
Facial palsy 33
Far eastern schistosomiasis 179
Fasciola spp. 17,18,77,83,96
Fasciola gigantica 4-8,35,44,47,76,78,79,
80,82,86,92-95,100,103
กายรูปวิทยา 76
ไข 77
วงจรชีวิต 81
ระบาดวิทยา 81
ดรรชนี 219
พยาธิสภาพและอาการ 83
การวินิจฉัย 84
การรักษา 85
การปองกัน 85
Fasciola hepatica 4-,8,47,76,86,92-94,100
กายรูปวิทยา 76
ไข 77
วงจรชีวิต 81
ระบาดวิทยา 81
พยาธิสภาพและอาการ 83
การวินิจฉัย 84
การรักษา 85
การปองกัน 85
Fasciolidae 1,4,6,7,47,96,98,100
Fascioliasis 69,76,81,83-85,93,94,100
Fasciolopsis buski 4,6,7-9,96-98,100,102,103,
105,108,109,111,165-167
ประวัติ 100
กายรูปวิทยา 101
ไข 104
วงจรชีวิต 104
ระบาดวิทยา 104
พยาธิสภาพและอาการ 106
การวินิจฉัย 107
การรักษา 107
การปองกัน 107
Female 178,198
Fibrosis 32,56,84
Flame cell 132,133
Fork-tailed cercaria 19,20,177,182,184,185,194,
200
Formalin-ethyl acetate concentration technique 106,203
Formica fusca 69,71
220 พยาธิใบไม้
Ganglion 11
Gasterostomata 1,3
Gasterostome 3
Gastrodiscoides hominis 5-8,96,98,108-110,167
ประวัติ 108
กายรูปวิทยา 109
ไข 109
วงจรชีวิต 109
พยาธิสภาพและอาการ 111
การวินิจฉัย 111
การรักษา 111
การปองกัน 111
Genital opening 9,14,16,127
Genital pore 123,159,171
Genital sucker 9,10,127-129,146,147
Genus 7,25,41,71,92,152,169,
Gigantobilharzia 220,221
Globular 14
Glomerulonephritis 193
Gonotyle 9,127
Granuloma 34,187,193
Grossly tuberculated 197
Gynecophoric canal 4,177,178
Hampala dispar 52,54,61,153,155
Hampala macrolepidota 54,153
Haplorchis pumilio 9,59,97,99,127,154
Haplorchis taichui 6-8,59,90,97,98,99,127,
128-130,135,139,145,153,
165,170-173
ประวัติ 128
กายรูปวิทยา 128
ไข 133
วงจรชีวิต 133
ระบาดวิทยา 136
ดรรชนี 221
พยาธิสภาพและอาการ 138,140
การวินิจฉัย 140
การรักษา 144
การปองกัน 140
Haplorchis yokogawai 97,99,170
Head collar 112,113,117
Helminthes 1,6,7
Helicorbis coenosus 110
Helisoma trivolvis 122
Hematuria 179,190
Hemoptysis 34
Henicorhynchus siamensis 52,153,155
Hepatic encephalopathy 58
Hepatopancreas 18
Hepatosplenic schistosomiasis 187
Hermaphrodite 14,131
Heterobilharzia americana 206
Heterophyidae 2,5,8,105,107,137,183,184,
186-188
Heterophyes heterophyes 4,6-8,97,145,147,148,162,186
ประวัติ 145
กายรูปวิทยา 145
ไข 146
วงจรชีวิต 146
ระบาดวิทยา 149
พยาธิสภาพและอาการ 149
การวินิจฉัย 149
การรักษา 149
การปองกัน 150
Hippeutis (Helicorbis) cantori 123
Hippeutis umbilicalis 121
Holostome 3
Hypoderaeum conoidium 6-8,97,99,112,122,123,
125,126,168
222 พยาธิใบไม้
ประวัติ 123
กายรูปวิทยา 124
ไข 124
วงจรชีวิต 124
Immunoblot 34,40,44,188
Immune complexes 187,193
Immunodiagnosis 59,91,102
Indirect haemagglutination test 34,44,188
Indoplanorbis exustus 117,122,124,207
Inferior mesenteric veins 197,200
Infinite paralysis 33
Inflammation 106
Integumentary 9
Intermediate host 21,43,45,46,88,89,93,167,
168,169,175
Intestinal flukes 7,8,96,97,100,127,164
Intestinal schistosomiasis 179,180,187,201
Intestine 38,78,102,103,118
Intestinal reunion 177,180,190,197,203
Intestinal sac 19
Iodophilic body 158,161
Jacksonian seizure 33
Jejuno-ileo-vesicovaginal fistula 111
Jejuno-ileo-caecal fistula 111
Jejunum 104,106,108
Katayama fever 179,187
Kato thick smear technique 188,203
Knob 50,52
Labiobarbus burmanicus 54,155
Labiobarbus leptocheilus 54,155
Labiobarbus siamensis 54,154
Labiobarbus spilopleura 54,154
Lateral spine 197,199,204
Lateral knob 182,183,203,204
Lecithodendriidae 2,5-7,98,99,127,156
ดรรชนี 223
Leucocytosis 111
Life cycle 87,89,165,166,170,175
Lithoglyphopsis aperta 202
Liver flukes 5,7,47,61,76,87,90,91,93,94
Liza menada 151
Liza subviridis 157
Longitudinal fiber 9
Lung flukes 5,7,25
Lymnaea attenuata 122
Lymnaea (Bullastra) cumingiana 117,118
Lymnaea palustris 124
Lymnaea (Radix) japonica 123
Lymnaea (Radix) ollula 122
Lymnaea (Radix) peregra 121
Lymnaea (Radix) rubiginosa 81,93,117,121,122,124,222
Lymnaea stagnalis 122,124
Lymnaea (Radix) swinhoei 122
Lymphosarcoma 111
Male 178,198
Mammalian schistosome cercarial dermatitis 206
Mansoni’s intestinal schistosomiasis 179
Meningoencephalitis 33
Metabolites 1067,
Metagonimus yokogawai 4,6,8,97
Miracidium 18,22,31,52,53,68,70,74,78,
82,105,130,135,148,183,185,
188,193,194,199,200
Mitochondria 79,92,93,189
Monoclonal antibody 43,44,59,84,90,94
Monogenea 1,2
Monoplegia 33
Monostome 3
Mucosa 138,149
Mugil capito 150
Mugil cephalus 146,150,151
Mugil dussumieri 151
224 พยาธิใบไม้
Muscular system 9
Mystacoleucus atridorsalis 54,154,155
Mystacoleucus Marginatus 154
Naiad 156,157
Nanophyetus salmincola 5,6
Necrosis 111,138
Neotricula aperta 30,180,203
Neotricula aperta β-stain 204,208
Neotricula aperta γ-stain 204,208
Nephrotic syndrome 193
Nerve trunk 11
Netro ant 69
Niclosamide 116,144,149
Non-operculated egg 178
Non-tuberculated cuticle 180
Notopterus notopterus 154
Oblique fiber 9
Occipital lobe 34
Oncomelania 30,179,182,186,204
Oncomelania formosana 182
Oncomelania hupensis 182
Oncomelania lindoensis 182
Oncomelania nosophora 182
Oncomelania quadrasi 182
Ootype 14,16,101,132
Operculum 16,17,23,29,52,68,77,102,
114,130
Opisthorchiidae 1,4,6,7,47,48,75,174
Opisthorchis felineus 4-7,47,48,61,62,87
ประวัติ 61
กายรูปวิทยา 61
ไข 62
วงจรชีวิต 62
พยาธิสภาพและอาการ 62
การวินิจฉัย 62
ดรรชนี 225
การรักษา 62
Opisthorchis viverini 4-8,47,48,50-54,61,75,86-91,
97,146,164,165,171,172
ประวัติ 48
กายรูปวิทยา 49
ไข 50
วงจรชีวิต 50
ระบาดวิทยา 55
พยาธิสภาพและอาการ 56,57
การวินิจฉัย 59
การรักษา 60
การปองกัน 60
Oral sucker 2-4,9-12,19,20,27,28,37-39,
50,51,63,64,67,71,72,76,78,
100-102,109, 110,112,114,
117-121,124,125,129,130,
133,134,146,147,151,156,
158-163,181,184,192,198
Oriental schistosomiasis 179
Orientobilharzia harinasutai 206,207
Orientobilharzia turkestanica 206
Order 1-3,6,7
Orthetrum sabina 157
Osteochilus hasselti 52,54,154,155
Osteochilus vittatus 54,154,155
Ovary 14,15,28,38,39,51,67,72,75,
102,118,120,125,130,147,
162,178,178,181,192
Oviduct 132
Oviparous 16
Paragonimidae 1,4,6,7,41
Paramphistomatidae 2,4,6,7,96,98,108
Paragonimus africanus 25
Paragonimus bangkokensis 35,41
226 พยาธิใบไม้
Paragonimus ecuadorensis 25
Paragonimus harinasutai 28,37,35,45
Paragonimus heterotremus 4-7,12,25-29, 31,34,35,39,
40,42-44
ประวัติ 27
กายรูปวิทยา 27
ไข 29
วงจรชีวิต 30
ระบาดวิทยา 32
พยาธิสภาพและอาการ 32
การวินิจฉัย 34
การรักษา 35
การปองกัน 36
Paragonimus macrorchis 25,26,35,41
Paragonimus mexicanus 25
Paragonimus miyazakii 25
Paragonimus ohirai 26
Paragonimus peruvianus 26
Paragonimus siamensis 35
Paragonimus skrjabini 26
Paragonimus uterobilateralis 26
Paragonimus vietnamensis 26,41
Paragonimus westermani 4-7,26,34,37-39,41,
45,46
ประวัติ 37
กายรูปวิทยา 37
ไข 37
วงจรชีวิต 40
ระบาดวิทยา 40
พยาธิสภาพและอาการ 40
การวินิจฉัย 40
การรักษา 40
การปองกัน 40
ดรรชนี 227
Paragonimiasis 25,27,33,37,41-45
Paralaubuca barroni 154
Paralaubuca harmandi 154
Paralysis 33
PCR (polymerase chain reaction) 34,35,40,44,59,90,137,140,
143,172,173,189,201,210
Penetration gland 18
Pharynx 19,101,177
Phaneropsolus bonnie 5-8,90,92,98,99,127,156,
158-160,172,175
Phylum 1,6,7
Physa gyrina 122
Physa oculans 122
Physastra hungerfordiana 118,169
Pirenella coninca 146,150
Planorbis 206
Pleural effusion 34
Polyclonal antibody 84
Polypylis 206
Praziquantel 35,45,60,69,73,85,91,94,
107,111,116,136,143,144,
149,159,163,167,176,189,
196,201,202,205,210
Prosostomata 1,3
Prosthodendrium molenkampi 5-8,14,15,98,99,127,131,160,
162,175
Poropuntius deauratus 154
Portal veins 180,186,203
Posterior 8,49,109,131
Pulmonary paragonimiasis 33,42
Puntius brevis 54,61,153-155
Puntius gonionotus 54,153
Puntius leiacanthus 54,154,155
Puntius orphoides 52,61,153,154
Puntius partipentazona 54
Puntioplites proctozystron 54,143,154,155
228 พยาธิใบไม้
ประวัติ 180
กายรูปวิทยา 180
ไข 182
เซอรคาเรีย 182
วงจรชีวิต 182
ระบาดวิทยา 186
พยาธิสภาพและอาการ 187
การวินิจฉัย 188
การรักษา 189
การปองกัน 189
Schistosoma mansoni 4,6-8,179,196,198,199,
200,208,211
ประวัติ 196
กายรูปวิทยา 197
ไข 197
เซอรคาเรีย 197
วงจรชีวิต 197
ระบาดวิทยา 201
พยาธิสภาพและอาการ 201
การวินิจฉัย 201
การรักษา 201
การปองกัน 202
Schistosoma mattheei 206
Schistosoma mekongi 4,6-8,208,209,211
ประวัติ 202
กายรูปวิทยา 202
ไข 202
เซอรคาเรีย 202
วงจรชีวิต 202
ระบาดวิทยา 202
พยาธิสภาพและอาการ 205
การวินิจฉัย 205
230 พยาธิใบไม้
การรักษา 205
การปองกัน 205
Schistosoma spindale 206,207
Schistosomal hematuria 179
Schistosomiasis haematobia 190
Schistosomiasis japonica 179,180
Schistosomatidae 2,4,7,177
Schistosome 4,206
Scotophilus kuhlii 160
Segmentina spp. 108
Segmentina nitidella 123
Segmental enteritis 140
Semisulcospira libertine 32
Sloughing 138
Species 7,25,26,41,42,44,92,112,
170,171,174,196,210
Shell gland 132
Shoulder 29,52,130
Sporocyst 18,22,31,53,70,74,82,105,
135,148,185,194,200
Stagnicola 206
Stenomelania newcombi 151
Subarachnoid hemorrhage 34
Suborder 1,3
Superior mesenteric veins 182,185,186,203
Swimmer’s itch 205
Systomus orphoides 54,154
Tarebia granifera mauiensis 151
Taxonomic classification 1,7
Terminal spine 191,193,204
Testes 14,15,28,38,39,51,64,67,
72,75,78,102,103,118,120,
125,130,147,158,162,178,
181,192,198
Tetrachloroethylene 149
ดรรชนี 231