Professional Documents
Culture Documents
Suparat Jit All
Suparat Jit All
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาผลิตภัณฑอุตสาหกรรมเกษตร)
ปริญญา
พัฒนาผลิตภัณฑอุตสาหกรรมเกษตร พัฒนาผลิตภัณฑ
สาขา ภาควิชา
เรื่อง ผลของซาวโดและสภาวะการอบตอคุณภาพของขนมปงปราศจากกลูเตน
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตรรับรองแลว
เรื่ อง
ผลของซาวโดและสภาวะการอบต่อคุณภาพของขนมปั งปราศจากกลูเตน
โดย
เสนอ
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เพื่อความสมบูรณ์แห่งปริ ญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเกษตร)
พ.ศ. 2558
สุภรัตน์ จิตรรักษ์บารุ ง 2558: ผลของซาวโดและสภาวะการอบต่อคุณภาพของขนมปั งปราศจากกลูเตน
ปริ ญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเกษตร) สาขาพัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
เกษตร ภาควิชาพัฒนาผลิตภัณฑ์ อาจารย์ที่ปรึ กษาวิทยานิพนธ์หลัก: รองศาสตราจารย์นนั ทวัน เทอดไทย,
Ph.D. 88 หน้า
/ /
ลายมือชื่อนิสิต ลายมือชื่ออาจารย์ที่ปรึ กษาวิทยานิพนธ์หลัก
Suparat Jitrakbumrung 2015: Effect of Sourdough and Baking Condition on Quality of Gluten Free Bread.
Master of Science (Agro-Industrial Product Development), Major Field: Agro-Industrial Product
Development, Department of Product Development. Thesis Advisor: Associate Professor Nantawan
Therdthai, Ph.D. 88 pages.
Gluten-free bread has been developed for people suffering from celiac disease. Nonetheless, the lack of
gluten may deteriorate the quality of the bread. This study aimed to develop gluten-free bread with decreased
glycemic index, compared with the wheat flour bread by using rice flour with sourdough and various baking
conditions. Sourdough was added into the rice flour dough for 0.0, 7.5, 15.0, 22.5 and 30 g sourdough/ 100 g dough.
The dough was baked by hot air baking, hot air - microwave combined baking and microwave - infrared combined
baking. According to the study, the pH value of rice dough bread was decreased (P ≤ 0.05) from 5.05 ±0.01 to 3.97 ±
0.02 when the sourdough addition was increased from 0.0 to 30.0 g sourdough/ 100g dough. G' and G'' of dough were
decreased. After baking, the addition of sourdough could increase specific volume and moisture content of the rice
bread. In all baking conditions, addition of sourdough (up to 30.0 g sourdough/ 100 g dough) decreased the hardness
of the rice bread from 12.38 ±0.61 to 1.78 ±0.06 N. The springiness and cohesiveness of the rice bread significantly
(P ≤ 0.05) increased. However, the chewiness of the rice bread significantly decreased. The addition of sourdough
affected crust and crumb color significantly (P ≤ 0.05). Moreover, addition of sourdough up to 30 g sourdough/ 100 g
dough could reduce glycemic index from 76.24 ±0.66 to 67.64 ±0.30. Comparing among all baking conditions, rice
bread baked by the microwave - infrared combined baking had the maximum specific volume with the lowest
moisture content, hardness and chewiness. In addition, the rice bread with 22.5 g sourdough/ 100 g dough had the
lowest glycemic index (Avg GI = 54 ± 1.15). Using storage at 4๐C for 7 day, hardness of the bread was increased,
whereas, moisture content, springiness, cohesiveness and chewiness were decreased. However, total plate count and
yeast & mold were in the standard range. Therefore, addition of 22.5 g sourdough/100 g dough and microwave
(360 W) – infrared (720 W) combined baking - should be applied for gluten free bread to reduce baking time, with
similar texture to the hot air baking. In addition, the bread had the highest specific volume and lowest glycemic index.
/ /
Student’s signature Thesis Advisor’s signature
กิตติกรรมประกาศ
สุ ภรัตน์ จิตรรักษ์บารุ ง
พฤศจิกายน 2558
(1)
สารบัญ
หน้ า
สารบัญ (1)
สารบัญตาราง (2)
สารบัญภาพ (3)
คานา 1
วัตถุประสงค์ 3
การตรวจเอกสาร 4
อุปกรณ์และวิธีการ 19
อุปกรณ์ 19
วิธีการ 21
ผลและวิจารณ์ 29
สรุ ปและข้อเสนอแนะ 62
สรุ ป 62
ข้อเสนอแนะ 63
เอกสารและสิ่ งอ้างอิง 64
ภาคผนวก 72
ภาคผนวก ก วิธีการวิเคราะห์คุณภาพทางกายภาพ 73
ภาคผนวก ข วิธีการวิเคราะห์คุณภาพทางเคมี 76
ภาคผนวก ค วิธีการวิเคราะห์คุณภาพทางประสาทสัมผัส 81
ภาคผนวก ง วิธีการวิเคราะห์คุณภาพทางจุลินทรี ย ์ 83
ภาคผนวก จ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (ขนมปัง) 85
ประวัติการศึกษาและการทางาน 88
(2)
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้ า
1 คุณสมบัติของอะมิโลสและอะมิโลเพกติน 7
2 ส่ วนผสมที่ใช้ในการเตรี ยมโดขนมปั ง 22
3 ค่าความเป็ นกรด-ด่างของโดขนมปั งแป้ งข้าว 29
4 ปริ มาตรจาเพาะและปริ มาณความชื้นของขนมปั งแป้ งข้าวที่อบด้วยลมร้อน 34
5 ปริ มาตรจาเพาะและปริ มาณความชื้นของขนมปั งแป้ งข้าวที่อบด้วยลมร้อนร่ วมกับ
ไมโครเวฟ 35
6 ปริ มาตรจาเพาะและปริ มาณความชื้นของขนมปั งแป้ งข้าวที่อบด้วยไมโครเวฟ
ร่ วมกับอินฟราเรด 36
7 ค่าเนื้อสัมผัสของขนมปั งแป้ งข้าวที่อบด้วยลมร้อน 39
8 ค่าเนื้อสัมผัสของขนมปั งแป้ งข้าวที่อบด้วยลมร้อนร่ วมกับไมโครเวฟ 40
9 ค่าเนื้อสัมผัสของขนมปั งแป้ งข้าวที่อบด้วยไมโครเวฟร่ วมกับอินฟราเรด 41
10 ค่าสี เปลือกและเนื้อในของขนมปังแป้งข้าวที่อบด้วยลมร้อน 43
11 ค่าสี เปลือกและเนื้อในของขนมปังแป้งข้าวที่อบด้วยลมร้อนร่ วมกับไมโครเวฟ 44
12 ค่าสี เปลือกและเนื้อในของขนมปั งแป้ งข้าวที่อบด้วยไมโครเวฟร่ วมกับอินฟราเรด 45
13 ค่าดัชนีไกลซีมิกของขนมปั งแป้งข้าว 47
14 คะแนนความชอบเฉลี่ยของขนมปังที่ปริ มาณซาวโดต่างกันที่อบด้วยลมร้อน
195๐C เป็ นเวลา 30 นาที 48
15 ค่า Total crystallinity และดัชนีไกลซีมิกของขนมปังแป้งข้าว 50
16 ปริ มาณความชื้นของขนมปั งแป้งข้าวระหว่างการเก็บ (ร้อยละฐานแห้ง) 52
17 ค่าความแข็ง (นิวตัน) ของขนมปังแป้งข้าวระหว่างการเก็บ 54
18 ค่าอัตราความสัมพันธ์ของความแข็ง (นิวตัน) ของขนมปั งแป้ งข้าวระหว่างการเก็บ 55
19 ค่าความยืดหยุน่ ของขนมปั งแป้ งข้าวระหว่างการเก็บ 56
20 ค่าความสามารถในการรวมตัวของขนมปั งแป้ งข้าวระหว่างการเก็บ 57
21 ค่าความยากในการเคี้ยว (นิวตัน) ของขนมปั งแป้ งข้าวระหว่างการเก็บ 58
22 คุณภาพด้านจุลินทรี ย ์ (จุลินทรี ยท์ ้ งั หมด) ของขนมปังแป้ งข้าวระหว่างการเก็บ (cfu/g) 60
23 คุณภาพด้านจุลินทรี ย ์ (ยีสต์ รา) ของขนมปังแป้งข้าวระหว่างการเก็บ (cfu/g) 61
(3)
สารบัญภาพ
ภาพที่ หน้ า
1 กรรมวิธีการผลิตขนมปังแป้ งข้าว 23
2 Elastic modulus (G') และ Viscous modulus (G'') ของโดขนมปังแป้งข้าวกับปริ มาณ
ซาวโด (SD) ที่ต่างกัน 31
3 Viscosity ของโดขนมปั งแป้ งข้าวกับปริ มาณซาวโด (SD) ที่ต่างกัน 31
4 ภาพตัดขวางของขนมปังเปรี้ ยวแป้งข้าวที่มีปริ มาณซาวโดในระดับต่างๆ
(0 – 30 กรัม/100 กรัมโด) (a) 0 กรัม/100 กรัมโด, (b) 7.5 กรัม/100 กรัมโด,
(c) 15.0 กรัม/100 กรัมโด, (d) 22.5 กรัม/100 กรัมโด และ (e) 30.0 กรัม/100 กรัมโด 38
1
ผลของซาวโดและสภาวะการอบต่ อคุณภาพของขนมปังปราศจากกลูเตน
คานา
ผลิ ต ภัณ ฑ์ ข นมปั ง ถื อ เป็ นอาหารหลัก ทั่ว โลกและมี แ นวโน้ม การบริ โภคที่ เ พิ่ ม มากขึ้ น แต่ มี
ผูบ้ ริ โภคประมาณร้อยละ 1 ของประชากรโลก (Minarro et al., 2012) ที่มีการแพ้กลูเตนโดยป่ วยเป็ นโรค
ซี ลิแอค (celiac) ซึ่ งผูป้ ่ วยนั้นไม่สามารถบริ โภคอาหารที่มีกลูเตนเป็ นองค์ประกอบ ดังนั้นจึงไม่สามารถ
บริ โภคขนมปังจากข้าวสาลี ข้าวไรซ์ ข้าวบาร์เลย์และข้าวโอ๊ตได้ (Novotni et al., 2012)
โรคซี ลิแอค (celiac) เป็ นอาการผิดปกติเกี่ ยวกับการดู ดซึ มอาหารของลาไส้ ซึ่ งผูป้ ่ วยจะมีอาการ
ถ่ายอุจจาระบ่อย อุจจาระเหลว เป็ นฟอง สี ซีด มีอาการของโลหิ ตจาง ซู บซี ด (Torbica et al., 2010) การรัก-
ษาของโรคนี้คือ การไม่รับประทานอาหารที่มีกลูเตนตลอดชี วิต เพื่อป้ องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรค
ดังกล่าว (Gallagher et al., 2003) ส่ งผลให้ตลาดของอาหารปราศจากกลูเตนเติบโตอย่างรวดเร็ วทัว่ โลกใน
ปี พ.ศ. 2014 คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดทัว่ โลกสู งถึง 500 ล้านเหรี ยญสหรัฐฯ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจานวน
ผูป้ ่ วยจากโรคซีลิแอคมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (บงกช, 2555)
ขนมปั งทัว่ ไปมีค่าดัชนีไกลซี มิก (glycemic index) สู ง ทาให้ยอ่ ยได้เร็ ว จึงบริ โภคได้บ่อยและ
นาไปสู่ โรคอ้วนและโรคเบาหวาน ปั จจุบนั คนไทยเป็ นโรคเบาหวาน 4.7 ล้านคน (สานักนโยบายและ
ยุทธศาสตร์ สานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุ ข, 2558) ขณะที่ทวั่ โลกมีผปู ้ ่ วยโรคเบาหวานจานวนประ-
มาณ 382 ล้านคน (ชัชลิต, 2556) การใช้ซาวโด (sourdough) สามารถช่วยปรับปรุ งกลิ่นรส เนื้ อสัมผัสและ
สามารถลดค่าดัชนีไกลซีมิกของขนมปังขาวได้ (Novotni et al., 2012)
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาผลของปริ มาณซาวโดที่มีต่อลักษณะคุณภาพของโดและขนมปังแป้งข้าว
2. เพื่อศึกษาสภาวะการอบที่มีต่อลักษณะและคุณภาพของขนมปั งแป้งข้าว
3. เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ขนมปังแป้งข้าวระหว่างการเก็บ
4
การตรวจเอกสาร
1. ข้ าว
ข้าวเจ้า Oryza sative L. มีตน้ กาเนิ ดในเอเชี ยตะวันออกเฉี ยงใต้ มีดว้ ยกันหลายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์
อินดิคา (O. sative indica) ซึ่งปลูกมากในแถบมรสุ ม ซึ่งมีฝนตกชุกและแสงแดดเพียงพอ และ พันธุ์ จาปอ-
นิคา (O. sative japonica) ที่ปลูกในพื้นที่เขตอบอุ่น (กล้าณรงค์ และ เกื้อกูล, 2543) ซึ่ งข้าวเจ้าแต่ละสาย
พันธุ์ เมื่อนามาหุ งจะมีความนุ่ม เหนี ยว ที่แตกต่างกัน เนื่ องจากปริ มาณอะมิโลส (Amylose) ที่มีอยูใ่ นแต่
ละพันธุ์ไม่เท่ากัน โดยปริ มาณอะมิโลสสามารถแบ่งกลุ่มข้าวเจ้าได้เป็ น 3 กลุ่ม (สานักวิจยั และพัฒนาข้าว,
2555) ได้แก่
2. แป้ งข้ าว
2.1 กรรมวิธีการผลิตแป้งข้าว
2.1.3 การผลิตแป้งวิธีผสม
2.2 ลักษณะและองค์ประกอบของแป้งข้าว
ตารางที่ 1 คุณสมบัติของอะมิโลสและอะมิโลเพกติน
2.2.1 อะมิโลส
สารประกอบเชิ งซ้อนเหล่ า นี้ จะไม่ ล ะลายน้ า โดยที่ อะมิ โลสจะพันเป็ นเกลี ย วล้อมรอบสารประกอบ
อินทรี ย ์ นอกจากนี้อะมิโลสที่รวมตัวกับไอโอดีนจะให้สีน้ าเงิน ซึ่ งใช้เป็ นลักษณะเฉพาะที่บ่งบอกถึงแป้ ง
ที่มีองค์ประกอบของอะมิโลส (พรวีนสั , 2544)
2.2.2 อะมิโลเพกติน
อะมิโลเพกติ นเป็ นพอลิ เมอร์ เชิ งกิ่ งของกลู โคส ส่ วนที่ เป็ นเส้ นตรงของกลู โคส
เชื่ อมต่อกันด้วยพันธะ α-1,4-glucosidic linkage และส่ วนที่เป็ นกิ่งสาขาที่เป็ นพอลิเมอร์ กลูโคสสายสั้นมี
DP อยูใ่ นช่วง 10 ถึง 60 หน่วย เชื่ อมต่อกันด้วยพันธะ α-1,6-glucosidic linkage อะมิโลเพกตินมีน้ าหนัก
โมเลกุลประมาณ 1,000 เท่าของอะมิโลส คือ ประมาณ 107 ถึง 109 ดาลตัน และมีอตั ราในการคืนตัวต่า
เนื่องจากอะมิโลเพกตินมีลกั ษณะโครงสร้างเป็ นกิ่ง (กล้าณรงค์ และเกื้อกูล, 2543) อะมิโลเพกตินมีความ
สาคัญมากกว่าอะมิโลส ทั้งทางด้านโครงสร้าง หน้าที่ และการนาไปใช้ ดังนั้นเมื่อมีอะมิโลเพกตินเพียง
อย่างเดียวสามารถรวมตัวสร้างเม็ดแป้ งได้ ปริ มาณอะมิโลสและอะมิโลเพกตินที่แตกต่างกันส่ งผลทาให้
สมบัติของแป้งแตกต่างกันด้วย (นันทพร, 2546)
2.3 สมบัติของแป้งข้าว
3. ขนมปังปราศจากกลูเตน
จิตธนา (2537) ศึกษาการทาขนมปั งจากแป้ งข้าวเจ้าล้วน พบว่า แป้ งข้าวเจ้าผสมกัม, แป้ งข้าวเจ้า
ผสมกลู เตนผง และแป้ งข้าวเจ้าผสมกัมเสริ มด้วยกลูเตนผง สามารถใช้ผลิตขนมปั งแป้ งข้าวล้วนได้ โดย
สู ตรแป้ งข้าวเจ้าผสมกัม มีแป้ งข้าวเจ้า 100 กรัม, ยีสต์ 1.5 กรัม, เกลือ 1.5 กรัม, น้ าตาล 7.5 กรัม, น้ ามันพืช
6.0 กรัม, น้ า 80 มิลลิลิตร และกัมที่ใช้คือ ไฮดรอกซีโพรพิลเมทิลเซลลูโลส (HPMC) 2.5 กรัม สาหรับสู ตร
ของแป้ งข้าวเจ้าผสมกลูเตนผง ปรับจากสู ตรแรกโดยใช้เนยขาว 3.0 กรัมแทนน้ ามัน และใช้กลู เตนผง
30 กรัม โดยไม่ใส่ กมั และแป้ งข้าวเจ้าผสมกัมเสริ มด้วยกลูเตนผงใช้สูตรแรก แต่เปลี่ยนน้ ามันเป็ นเนยขาว
3.0 กรัม และเพิ่มกลูเตนผง 5.0 กรัม จะได้ขนมปั งแป้ งข้าวเจ้าที่มีลกั ษณะคล้ายกับขนมปั งจากแป้ งสาลี
ซาวโด (sourdough) เกิดจากการหมักด้วย Lactic acid bacteria (LAB) หรื อยีสต์ผสมกับแป้ งและ
น้ า จะมีปริ มาณ Lactic acid bacteria ในซาวโดที่เจริ ญเติบโตเต็มที่หลังกระบวนการหมัก > 108 cfu/g และ
พบยีสต์ในปริ มาณที่ต่ากว่า (Ehrmann and Vogel, 2005) โดยสามารถแบ่งซาวโดได้ 3 ประเภท ได้แก่
ประเภทที่ 1 จะถูกผลิตด้วยเทคนิคแบบดั้งเดิม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และต้องมีการผลิตอย่างต่อเนื่ อง เพื่อ
รักษาให้จุลินทรี ยท์ ี่อยู่ภายในซาวโดให้มีสภาพที่พร้ อมใช้งาน (แสดงให้เห็ นจากกิ จกรรมการเผาผลาญ
อาหารที่สูง) ทาการหมักที่อุณหภูมิห้อง (20 - 30๐C) และมีค่า pH เท่ากับ 4 ต่อมาเป็ นประเภทที่ 2 ส่ วน
ใหญ่เป็ นโดที่ถูกปรับให้เป็ นกรด ซึ่ งจะใช้เวลาในการหมัก 2 – 5 วัน ที่อุณหภูมิ > 30๐C (เพื่อเพิ่มความเร็ ว
ในการปรับโดให้เป็ นกรด) และจะมีค่า pH < 3.5 หลังจาก 24 ชัว่ โมงในการหมัก ซึ่ งจุลินทรี ยจ์ ะส่ งผลต่อ
กิจกรรมการเผาผลาญอาหาร เมื่อเจริ ญเติบโตอยูใ่ นระยะสุ ดท้ายของ stationary phase และประเภทที่ 3
เป็ นซาวโดในแบบผงแห้งที่หมักโดยเชื้อจุลินทรี ยเ์ ริ่ มต้นที่กาหนดไว้ (Gobbetti et al., 2008) ซึ่ งผลิตภัณฑ์
12
ขนมปั งแป้ งเปรี้ ยว (sourdough bread) เป็ นขนมปั งที่ผา่ นกระบวนการหมักด้วยยีสต์และ Lactic
acid bacteria ทาให้ขนมปั งฟู และได้รสชาติออกเปรี้ ยว เป็ นขนมปั งเก่าแก่ที่มีกาเนิ ดมาตั้งแต่สมัยอียิปต์
โบราณช่ วงประมาณ 1,500 ปี ก่ อนคริ สตกาล ความแปลกใหม่ของขนมปั งชนิ ดนี้ เป็ นสู ตรที่ เกิ ดขึ้นด้วย
ความบังเอิญ จากการที่ทิ้งส่ วนผสมของแป้ ง น้ า และนม ไว้ในที่โล่งอุณหภูมิปกติ จากนั้นแบคทีเรี ยและ
ยีสต์ที่ปะปนอยู่ใ นอากาศได้ลงไปในส่ วนผสม (มานิ ตา, 2551) เกิ ดการหมักบางส่ วน (fermentation
starter) ทาให้เกิ ดการย่อยสลาย ซึ่ งแบคที เรี ยได้ย่อยน้ าตาลเปลี่ ยนเป็ นกรดแลคติก ทาโดยการนาแป้ ง
บางส่ วนมาหมักกับน้ าและ Lactic acid bacteria ก่อน (Diowksz and Ambroziak, 2006) แล้วจึงนาไปผสม
รวมกับแป้ งส่ วนที่เหลื อ ขนมปั งประเภทนี้ จะมี ความเหนี ยวนุ่ มและมี กลิ่ นรสที่ เฉพาะตัว นอกจากนั้น
กระบวนการหมักธรรมชาติที่เกิ ดขึ้นนี้ ก่อให้เกิ ดก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ข้ ึน และเมื่อนวดส่ วนผสมจะ
เกิดฟองคาร์บอนไดออกไซด์ ทาให้ส่วนผสมเต็มไปด้วยรู อากาศเล็กๆ ช่วยให้ขนมปังฟูและนุ่มได้
Novotni et al. (2012) ได้ศึกษาการใช้ซาวโดจาก lactic acid bacteria (LAB) ในขนมปั งที่
ปราศจากกลูเตน ที่ระดับร้อยละ 0 - 30 โดยพบว่า ผลิตภัณฑ์ขนมปั งที่ปราศจากกลู เตนทัว่ ไปจะมีคุณค่า
13
5. กระบวนการอบ
5.1 การอบโดยใช้ลมร้อน
5.2 การอบโดยใช้ไมโครเวฟ
เคลื่ อนที่ ผ่านไป ทาให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้ นเร็ วกว่าการให้ความร้ อนด้วยวิธีการทัว่ ไป (ไพศาล และรุ่ งนภา,
2552) ความร้อนจะเกิ ดขึ้นภายในอาหารโดยตรง โดยเริ่ มเกิ ดขึ้นภายใต้ผิวด้านนอก อัตราและระดับของ
การให้ความร้อนขึ้นกับความลึกและความหนาแน่นของอาหาร และความสามารถของอาหารในการทาให้
เกิดความร้อนขึ้น เนื่ องจากพลังงานไมโครเวฟเปลี่ยนไปเป็ นความร้อนและอาหารดูดซับไว้ ทาให้อาหาร
ไม่มีการปนเปื้ อนของรังสี
5.3 การอบโดยใช้อินฟราเรด
6. ค่ าดัชนีไกลซีมิก
ค่าดัชนี ไกลซี มิก (glycemic index) หรื อ GI เป็ นหน่วยวัดผลของคาร์ โบไฮเดรตต่อระดับน้ าตาล
ในเลือด คาร์ โบไฮเดรตจะแตกตัวในระหว่างกระบวนการย่อยอาหารทาให้กลู โคสเข้าสู่ ระบบไหลเวียน
โลหิ ตอย่างรวดเร็ ว เรี ยกว่ามีค่า GI สู ง ส่ วนคาร์ โบไฮเดรตที่แตกตัวอย่างช้าๆ ค่อยๆให้กลูโคสเข้าสู่ ระบบ
ไหลเวียนโลหิ ตอย่างสม่าเสมอ เรี ยกว่ามีค่า GI ต่า สาหรับคนส่ วนใหญ่อาหารที่มีค่า GI ต่ามีประโยชน์ต่อ
สุ ขภาพอย่างยิ่ง ซึ่ งค่าดัชนี ไกลซี มิกต่าแสดงให้เห็นถึ งอัตราการย่อยอาหารและดูดซึ มคาร์ โบไฮเดรตของ
อาหารที่ชา้ กว่า ดัชนีไกลซี มิกที่ต่ากว่ามีผลถึงความต้องการอินซู ลินที่ต่ากว่า และอาจควบคุมกลูโคสและ
ของเหลวในเลือดในระยะยาวได้ดีข้ ึน (Novotni et al., 2012)
Novotni et al. (2012) ได้ศึกษาการใช้ซาวโดจาก lactic acid bacteria (LAB) ในขนมปั งที่
ปราศจากกลูเตนจากแป้งข้าว, แป้งข้าวโพด, แป้ งมันฝรั่งและแป้ งบัควีท (buckwheat flour) อบด้วยลมร้อน
190๐C เป็ นเวลา 30 นาที ที่ระดับซาวโดร้อยละ 15 – 22.5 ทาให้ค่าดัชนีไกลซี มิกในเลือดลดลงจาก 68 ±7
เหลือ 52 ±3
7. การเสื่ อมคุณภาพของขนมปัง
อุปกรณ์ และวิธีการ
อุปกรณ์
1. วัตถุดิบ
1.1 แป้งข้าว (อะมิโลส ร้อยละ 23.04, ขนาด 100 เมช) ตราเพชรพานทอง ประเทศไทย
1.2 โปรตีนจากถัว่ เหลือง (Pro 500A) ตรา วิคกี้ เอนเตอร์ ไพรซ์ จากัด ประเทศไทย
1.3 ยีสต์แห้งชนิดผง ตรา บรักกีมาน ประเทศเบลเยีย่ ม
1.4 น้ าตาลทราย ตรา มิตรผล ประเทศไทย
1.5 เกลือป่ น ตรา ปรุ งทิพย์ ประเทศไทย
1.6 เนยจืด ตรา อลาวรี่ ประเทศไทย
1.7 Hydroxypropyl methylcellulose (HPMC ; Methocel K4M) ตรา วิคกี้ เอนเตอร์ ไพรซ์
จากัด ประเทศไทย
1.8 หัวเชื้อซาวโด ตรา King Arthur Flour ประเทศสหรัฐอเมริ กา
3.1 คุณภาพทางกายภาพ
3.1.3 เครื่ อง X-ray Diffactometer รุ่ น Bruker AXS Model D8 Discover ประเทศ
สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
3.2 คุณภาพทางเคมี
3.3 คุณภาพทางจุลินทรี ย ์
3.3.1 อาหารเลี้ยงเชื้อ
3.3.2 เครื่ องแก้วในการวิเคราะห์คุณภาพทางจุลินทรี ย ์
3.3.3 ตูอ้ บลมร้อน ยีห่ ้อ Binder รุ่ น FD-115 ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
3.3.4 เครื่ องฆ่าเชื้อภายใต้ความดัน (Autoclave-steam sterilizer) ยีห่ อ้ Tuttnauer
รุ่ น 3850M ประเทศสหรัฐอเมริ กา
วิธีการ
1. การเตรียมขนมปัง
นาแป้ งข้าว 200 กรั มและน้ า 100 กรั ม ผสมให้เข้ากัน เติ มหัวเชื้ อซาวโดลงไป (อัตราส่ วน
แป้ง : หัวเชื้อซาวโด = 2 : 1) ผสมให้เข้ากัน แล้วนาไปบ่มที่อุณหภูมิ 25°C ความชื้นสัมพัทธ์ ร้อยละ 95 จน
ได้ค่า pH เท่ากับ 4 ±0.05 (Novotni et al., 2012) นาไปเติมในโด (dough) ตามระดับที่กาหนดไว้
แป้งข้าว โปรตีนจากถัว่ เหลือง ยีสต์ น้ าตาลทราย เกลือ HPMC ผสมแป้งข้าว 200 กรัม กับ
น้ า 100 กรัม และซาวโดตั้งต้น
2.1 คุณภาพของโด
3.1 การอบแบบลมร้อน
คุณภาพทางกายภาพของขนมปัง
- ค่าเนื้อสัมผัสของเนื้อขนมปั ง
20 มิลลิเมตรต่อนาที ที่ deformation ร้อยละ 60 นาส่ วนเนื้ อขนมปั งบริ เวณใจกลางแผ่นขนมปั ง มาทาการ
วัดค่า โดยใช้ตวั อย่างขนาด 15x15x15 มิลลิเมตร ทาการวัดค่าเนื้ อสัมผัสจานวน 20 ซ้ า (Barrett et al.,
2000) บันทึกผลเป็ นค่าความแข็ง (นิวตัน), ความยืดหยุน่ , ความสามารถในการรวมตัวกันและความยากใน
การเคี้ยว (นิวตัน) (ภาคผนวก ก)
- ปริ มาตรจาเพาะของขนมปัง
ตามวิธีของ Osella et al. (2005) ด้วยเครื่ อง X-ray Diffractometer วัดที่ 5-30๐ และใช้
ความเร็ วที่ 0.5๐/นาที โดยวิเคราะห์ค่า crystallinity ของพีค ที่ 17๐ และ 20๐ จากนั้นคานวณหา total
crystallinity โดยใช้สมการที่ 2 (ภาคผนวก ก)
คุณภาพทางเคมีของขนมปัง
- ปริ มาณความชื้น
- ค่าดัชนีไกลซีมิก
การทดสอบทางประสาทสัมผัส
นาขนมปั ง เปรี้ ยวแป้ ง ข้า วที่ ผ่า นการเตรี ย มและอบที่ ส ภาวะต่ า งๆมาเก็ บ ในถุ ง พลาสติ ก ชนิ ด
polyethylene (PE) ที่ปิดสนิทที่อุณหภูมิ 4๐C เป็ นเวลา 7 วัน จากนั้นทาการสุ่ มตัวอย่างขนมปั งวันที่ 0, 1, 3,
5 และ 7 มาตรวจสอบคุณภาพ ดังนี้
- วัดค่าเนื้ อสัมผัส
5. วิเคราะห์ ข้อมูลทางสถิติ
6. สถานที่ทาวิจัย
7. ระยะเวลาในการทาวิจัย
ผลและวิจารณ์
จากการศึกษาผลของการซาวโด ที่ 0.0, 7.5, 15.0, 22.5 และ 30.0 กรัม/100 กรัม โด ต่อ
viscoelastic properties ของโด พบว่า การเพิ่มระดับซาวโดส่ งผลให้ค่าความเป็ น elastic modulus หรื อ
storage modulus (G') และ viscous modulus หรื อ loss modulus (G'') ของโดขนมปั งในทุกช่วงความถี่
(frequency) มีค่าลดลง แสดงว่าการเพิ่มซาวโดในปริ มาณ 0 – 30 กรัม/100 กรัม โด ลงในโดขนมปั งมีผล
ต่อคุณสมบัติความเป็ น viscoelasity ซึ่ งการลดลงของค่า elastic modulus (G') แสดงให้เห็นถึงความอ่อน
นุ่มของโดที่เพิม่ ขึ้น เนื่องจากการเสี ยสภาพของโปรตีนและเป็ นผลเนื่องมาจากโพลีเปบไทด์โมเลกุลเล็กที่
เกิ ดขึ้นในระหว่างการหมัก และยังแสดงให้เห็ นถึ งความยืดหยุ่นของโดที่ ลดลงอีกด้วย ดังนั้นการลดลง
ของค่า elastic modulus (G') และ viscous modulus (G'') อาจมีความสัมพันธ์กบั ความสามารถในการอุม้ น้ า
ที่ลดลง เนื่ องจากการย่อยของโปรตีน (protein hydrolysis) ซึ่ งเกิ ดจากกรดอินทรี ยแ์ ละเอนไซม์ที่ปลด-
ปล่อยออกมาระหว่างการหมักซาวโด (Mert et al., 2014) อย่างไรก็ตาม การเพิ่มความถี่สูงขึ้น ทาให้ค่า
viscosity ของโดทุกระดับปริ มาณซาวโดมี ค่าลดลงอย่างคงที่ แสดงว่าโดขนมปั งมีค่าความหนืดลดลงเมื่อ
เพิ่มความถี่ให้สูงขึ้น (ดังภาพที่ 2 และ 3) ซึ่ ง viscoelastic properties ของโดจากแป้ งข้าวที่เติมซาวโดอยู่
ในช่วงเดียวกันกับโดของแป้ งขนมปั งปราศจากกลูเตนทัว่ ไป (Korus te al., 2015) ดังนั้นสู ตรโดจากแป้ ง
ข้าวในการวิจยั ครั้งนี้มีความเหมาะสมต่อการทาขนมปั ง
31
100000
0%SD G'
0%SD G"
G' and G'' (Pa)
7.5%SD G'
10000 7.5%SD G"
15%SD G'
15%SD G"
22.5%SD G'
22.5%SD G"
30%SD G'
30%SD G"
1000
0.1 1 Frequency (Hz) 10 100
ภาพที่ 2 Elastic modulus (G') และ Viscous modulus (G'') ของโดขนมปังแป้งข้าวที่มีปริ มาณซาวโด
(SD) ที่ต่างกัน
100000
0%SD
7.5%SD
10000 15%SD
Viscosity (Pa.s)
22.5%SD
30%SD
1000
100
0.1 1 Frequency (Hz) 10 100
ไมโครเวฟ 360 W ร่ วมกับอินฟราเรด 720 W เป็ นเวลา 24 นาที และอบด้วยไมโครเวฟ 360 W ร่ วมกับ
อินฟราเรด 1150 W เป็ นเวลา 22 นาที แสดงให้เห็นว่า การอบด้วยลมร้อนและอินฟราเรดที่กาลังสู งสุ ดทา
ให้ขนมปังมีปริ มาตรจาเพาะสู งสุ ด โดยมีค่าเท่ากับ 1.59 ซม.3/กรัม เนื่องจากการอบด้วยความร้อนสู งอย่าง
รวดเร็ ว ทาให้เกิดแรงดันไอสู งและในการอบขนมปั งเกิดการขยายตัวได้เร็ วกว่าการอบด้วยอุณหภูมิต่าแต่
ใช้เวลานาน ดังนั้น การอบด้วยไมโครเวฟร่ วมกับอินฟราเรดสามารถช่วยลดระยะเวลาในกระบวนการลง
ได้โดยที่ปริ มาตรจาเพาะของขนมปังที่ได้ยงั คงใกล้เคียงสภาวะเดิม
เมื่ อเปรี ย บเที ย บวิธี ใ นการอบขนมปั ง แป้ ง ข้า ว พบว่า ขนมปั ง แป้ ง ข้าวที่ อบด้วยลมร้ อ น
ร่ วมกับไมโครเวฟและการอบด้วยไมโครเวฟร่ วมกับอินฟราเรด มีค่าความแข็ง ความยากในการเคี้ยวสู ง
กว่าขนมปั งแป้ งข้าวที่อบด้วยลมร้ อน แสดงให้เห็ นว่าการอบแบบไมโครเวฟเป็ นการให้ความร้ อนจาก
ภายในสู่ ภายนอกทาให้น้ าในขนมปั งระเหยออกไปมากกว่าการอบด้วยลมร้ อนเพียงอย่างเดี ยว ค่าความ
แข็งของขนมปั งที่ได้จึงสู งกว่า (นิธิยา, 2544) ซึ่ งสอดคล้องกับผลการวิเคราะห์ปริ มาณความชื้ นในตารางที่
5 และ 6 แสดงว่า ขนมปั งที่ผา่ นการอบด้วยไมโครเวฟจะมีเนื้อใน (crumb) ที่แห้งกว่าขนมปั งที่ผา่ นการอบ
ด้วยลมร้อน
(d) (e)
39
40
ตารางที่ 8 ค่าเนื้อสัมผัสของขนมปังแป้งข้าวที่อบด้วยลมร้อนร่ วมกับไมโครเวฟ
40
41
ตารางที่ 9 ค่าเนื้อสัมผัสของขนมปังแป้งข้าวที่อบด้วยไมโครเวฟร่ วมกับอินฟราเรด
41
42
43
44
ตารางที่ 11 ค่าสี เปลือกและเนื้อในของขนมปังแป้งข้าวที่อบด้วยลมร้อนร่ วมกับไมโครเวฟ
44
45
ตารางที่ 12 ค่าสี เปลือกและเนื้อในของขนมปั งแป้ งข้าวที่อบด้วยไมโครเวฟร่ วมกับอินฟราเรด
45
46
ตารางที่ 13 ค่าดัชนีไกลซีมิกของขนมปังแป้งข้าว
ระดับการเติมซาวโด K
สภาวะการอบ GI
(กรัม/100 กรัม โด) (นาที-1)
อบด้วยลมร้อน 0.0 0.14 ±0.02a 74.13 ±0.36b
ที่ 190๐C 15.0 0.11 ±0.04b 72.85 ±0.18c
เป็ นเวลา 35 นาที 30.0 0.07 ±0.01d 69.50 ±0.10e
อบด้วยลมร้อน 190๐C 0.0 0.07 ±0.03d 76.24 ±0.66a
ร่ วมกับ ไมโครเวฟ 600 W 15.0 0.06 ±0.01de 75.65 ±0.47b
เป็ นเวลา 18 นาที 30.0 0.03 ±0.04e 71.49 ±0.50d
อบด้วยไมโครเวฟ 360 W 0.0 0.08 ±0.02c 72.27 ±0.48cd
ร่ วมกับ อินฟราเรด 2150 W 15.0 0.06 ±0.01de 70.56 ±0.86e
เป็ นเวลา 20 นาที 30.0 0.03 ±0.03f 67.64 ±0.30f
48
49
2.6 ผลของซาวโดและสภาวะการอบต่อโครงสร้างผลึกของแป้งและค่าดัชนีไกลซีมิกในขนมปัง
แป้งข้าว
เมื่ อ น าโดที่ เ ติ ม ซาวโด 22.5 กรั ม /100 กรั ม โด มาอบที่ ส ภาวะต่ า งๆและศึ ก ษาการ
เปลี่ยนแปลงสมบัติของแป้ งในขนมปั งแป้ งข้าว พบว่า การอบด้วยไมโครเวฟร่ วมกับอินฟราเรดและการ
อบด้วยลมร้อนร่ วมกับไมโครเวฟให้ค่า total crystallinity ของขนมปั งแป้ งข้าวสู งสุ ด (ตารางที่ 15) แสดง
ว่าการอบดังกล่าวทาให้โครงสร้างของแป้ งขนมปั งมีความเป็ นผลึกมาก ส่ วนการอบด้วยลมร้อนจะให้ค่า
total crystallinity ต่าที่สุด แสดงว่าการอบดังกล่าวทาให้แป้ งในขนมปั งมีความเป็ นผลึกน้อย เนื่องจากใช้
เวลานานในการอบ มี ก ารสู ญ เสี ย ความชื้ น ช้ า และน้ อ ยระหว่ า งการอบ ท าให้ เ กิ ด เจลาติ ไ นเซซั น
(gelatinization) อย่างสมบรู ณ์ โครงสร้าง crystallinity จึงน้อย ในทางตรงกันข้าม การลดเวลาในการอบ
โดยใช้ไมโครเวฟร่ วมกับลมร้อนที่ระดับกาลังสู ง ทาให้เกิดโครงสร้าง crystalline มาก อย่างไรก็ตามการ
อบด้วยไมโครเวฟที่ 360 วัตต์ ร่ วมกับอินฟราเรดที่กาลังสู งเวลาน้อย ส่ งผลทาให้ crystallinity ลดลง
เมื่อศึกษาค่าดัชนีไกลซี มิกของขนมปั งแป้ งข้าวพบว่า ค่าดัชนี ไกลซี มิก (GI) ของขนมปั งที่
เติมซาวโด 22.5 กรัม/100 กรัม โด และอบด้วยไมโครเวฟร่ วมกับอินฟราเรดมีแนวโน้มลดลงมากที่สุดเมื่อ
เทียบกับสภาวะการอบอื่น โดยค่า GI ของขนมปั งแป้ งข้าวที่ใช้จากการทดลองนี้ สอดคล้องกับงานวิจยั
ของ Novotni et al. (2012) ที่ศึกษาการเติมซาวโดร้อยละ 15.0 – 22.5 แล้วทาให้ค่า GI ลดลงจาก 68 ± 7
เป็ น 52 ± 3 ดังนั้นจากการศึกษาครั้งนี้ พบว่า การอบด้วยไมโครเวฟร่ วมกับอินฟราเรดสามารถช่วยลดค่า
ดัชนีไกลซี มิกของขนมปั งได้มากที่สุด โดยมี ค่าดัชนีไกลซี มิกต่า (Avg GI < 55) การศึกษาครั้งนี้ พบว่า
crystallinity มีความสัมพันธ์กบั ค่าดัชนีไกลซี มิกในขนมปั ง เมื่อเกิด crystallinity ในขนมปั งมากส่ งผลให้
แป้ งสามารถย่อยได้ยาก ค่าดัชนีไกลซีมิกจึงลดลง
50
ตารางที่ 15 ค่า Total crystallinity และดัชนีไกลซีมิกของขนมปังแป้งข้าว
50
51
เวลาที่ใช้ในการเก็บรักษา (วัน)
ตัวอย่างและสภาวะการอบ
0 1 3 5 7
ตัวอย่างควบคุม* 45.50 ±0.27a 44.06 ±0.09c 44.31 ±0.09bc 44.40 ±0.17b 42.84 ±0.17d
190๐C 35 นาที 48.84 ± 0.30a 48.23 ±0.11b 47.54 ±0.32c 47.74 ±0.08c 47.48 ±0.21c
อบด้วยลมร้อน
195๐C 30 นาที 48.55 ±0.39a 48.38 ±0.44a 48.38 ±0.27a 48.38 ±0.06a 47.69 ±0.14b
200๐C 25 นาที 48.69 ±0.3a 48.21 ±0.44ab 48.47 ±0.07a 48.27 ±0.14ab 47.87 ±0.07b
190๐C + 180 W 22 นาที 44.82 ± 0.1a 44.34 ±0.12b 44.66 ±0.08ab 44.58 ±0.11c 41.86 ±0.14d
อบด้วยลมร้อนร่ วมกับไมโครเวฟ 190๐C + 360 W 20 นาที 39.87 ±0.63a 39.39 ±0.64a 38.88 ±0.84a 37.62 ±0.27b 37.35 ±0.24b
190๐C + 600 W 18 นาที 30.13 ±0.38a 30.05 ±0.28a 30.20 ±0.32a 29.94 ±0.09a 29.79 ±0.73a
360 W + 720 W 24 นาที 38.62 ±0.7a 38.43 ±0.37a 38.54 ±0.1a 37.79 ±0.55a 37.85 ±0.18a
อบด้วยไมโครเวฟร่ วมกับอินฟราเรด 360 W + 1150 W 22 นาที 38.44 ±0.35a 38.50 ±0.19a 38.42 ±0.17a 37.68 ±0.30b 37.53 ±0.01b
360 W + 2150 W 20 นาที 36.27 ±0.13a 35.86 ±0.17a 34.91 ±0.28b 34.29 ±0.19c 34.20 ±0.34c
52
53
3.2 ผลของซาวโดและสภาวะการอบต่อคุณภาพเนื้อสัมผัสของขนมปังแป้งข้าวระหว่างการเก็บ
เมื่ อศึก ษาค่ า อัตราความสัมพันธ์ ของขนมปั งแป้ งข้าวระหว่า งการเก็ บ พบว่า อัตราความ
สัมพันธ์ดา้ นความแข็งของขนมปั งแป้ งข้าวระหว่างการเก็บมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับการเก็บที่ 0 วัน
ในทุกสภาวะการอบ โดยการอบด้วยไมโครเวฟ 360 W ร่ วมกับอินฟราเรด 720 W เป็ นเวลา 24 นาที ให้ค่า
อัตราความสัมพันธ์ของขนมปั งแป้ งข้าวสู งสุ ด (ตารางที่ 18) แสดงว่าขนมปั งแป้ งข้าวดังกล่าวเกิด staling
มาก
54
ตารางที่ 17 ค่าความแข็ง (นิวตัน) ของขนมปังแป้งข้าวระหว่างการเก็บ
เวลาที่ใช้ในการเก็บรักษา (วัน)
ตัวอย่างและสภาวะการอบ
0 1 3 5 7
ตัวอย่างควบคุม 9.29 ±0.56c 13.11 ±1.14bc 12.75 ±1.11b 15.82 ±1.38b 22.70 ±1.01a
190๐C 35 นาที 4.31 ±0.40e 11.64 ±1.09d 13.34 ±0.77c 16.98 ±1.85b 20.67 ±1.00a
อบด้วยลมร้อน
195๐C 30 นาที 4.43 ±0.17e 12.04 ±0.82d 14.59 ±0.59c 17.92 ±0.82b 23.02 ±1.81a
200๐C 25 นาที 3.28 ±0.20e 13.81 ±0.86d 14.48 ±0.93c 15.27 ±0.60b 23.80 ±1.42a
190๐C + 180 W 22 นาที 3.22 ±0.12e 18.09 ±0.62d 20.37 ±2.93c 21.57 ±1.67b 23.66 ±1.71a
อบด้วยลมร้อนร่ วมกับไมโครเวฟ 190๐C + 360 W 20 นาที 2.81 ±0.08e 14.95 ±3.41d 21.79 ±1.64c 26.11 ±2.65b 31.90 ±1.77a
190๐C + 600 W 18 นาที 4.37 ±0.09e 14.15 ±1.19d 28.88 ±3.99c 52.82 ±2.99b 56.31 ±2.75a
360 W + 720 W 24 นาที 2.72 ±0.10e 13.37 ±1.46d 32.74 ±1.59c 33.06 ±2.26b 43.48 ±2.16a
อบด้วยไมโครเวฟร่ วมกับอินฟราเรด 360 W + 1150 W 22 นาที 5.29 ±0.23e 13.49 ±0.50d 25.63 ±1.05c 32.76 ±1.15b 38.42 ±2.23a
360 W + 2150 W 20 นาที 3.13 ±0.11e 14.22 ±2.83d 26.73 ±1.60c 29.58 ±2.39b 35.44 ±1.70a
54
55
ตารางที่ 18 ค่าอัตราความสัมพันธ์ของความแข็ง (นิวตัน) ของขนมปั งแป้ งข้าวระหว่างการเก็บ
55
56
ตารางที่ 19 ค่าความยืดหยุน่ ของขนมปังแป้งข้าวระหว่างการเก็บ
เวลาที่ใช้ในการเก็บรักษา (วัน)
ตัวอย่างและสภาวะการอบ
0 1 3 5 7
ตัวอย่างควบคุม 0.89 ±0.08a 0.59 ±0.02b 0.38 ±0.03d 0.50 ±0.05c 0.50 ±0.04c
190๐C 35 นาที 1.02 ±0.03a 0.55 ±0.13c 0.54 ±0.03d 0.40 ±0.06e 0.64 ±0.05b
อบด้วยลมร้อน
195๐C 30 นาที 1.00 ±0.01a 0.51 ±0.02e 0.57 ±0.04d 0.60 ±0.09c 0.63 ±0.02b
200๐C 25 นาที 0.91 ±0.07a 0.47 ±0.05b 0.51 ±0.03b 0.51 ±0.05b 0.52 ±0.06b
190๐C + 180 W 22 นาที 1.00 ±0.01a 0.57 ±0.07c 0.74 ±0.08b 0.63 ±0.06c 0.46 ±0.09d
อบด้วยลมร้อนร่ วมกับไมโครเวฟ 190๐C + 360 W 20 นาที 1.01 ±0.01a 1.01 ±0.02a 0.67 ±0.07b 0.71 ±0.09b 0.67 ±0.09b
190๐C + 600 W 18 นาที 1.00 ±0.03a 1.01 ±0.01a 0.77 ±0.05b 0.80 ±0.04b 0.80 ±0.07b
360 W + 720 W 24 นาที 1.00 ±0.02a 1.00 ±0.02a 0.60 ±0.10d 0.70 ±0.03c 0.79 ±0.04b
อบด้วยไมโครเวฟร่ วมกับอินฟราเรด 360 W + 1150 W 22 นาที 1.00 ±0.01a 1.00 ±0.01a 0.68 ±0.05c 0.61 ±0.06d 0.77 ±0.06b
360 W + 2150 W 20 นาที 1.03 ±0.02a 1.03 ±0.02a 0.67 ±0.08c 0.62 ±0.08c 0.75 ±0.04b
56
57
ตารางที่ 20 ค่าความสามารถในการรวมตัวของขนมปังแป้ งข้าวระหว่างการเก็บ
เวลาที่ใช้ในการเก็บรักษา (วัน)
ตัวอย่างและสภาวะการอบ
0 1 3 5 7
ตัวอย่างควบคุม 0.68 ±0.05a 0.23 ±0.02b 0.18 ±0.02c 0.21 ±0.03bc 0.24 ±0.01b
190๐C 35 นาที 0.70 ±0.02a 0.20 ±0.04bc 0.21 ±0.01b 0.20 ±0.02bc 0.17 ±0.02c
อบด้วยลมร้อน
195๐C 30 นาที 0.67 ±0.03a 0.17 ±0.02c 0.24 ±0.02b 0.14 ±0.02c 0.17 ±0.03c
200๐C 25 นาที 0.60 ±0.03a 0.21 ±0.01b 0.23 ±0.01b 0.19 ±0.01c 0.24 ±0.04b
190๐C + 180 W 22 นาที 0.74 ±0.01a 0.23 ±0.03b 0.16 ±0.04c 0.18 ±0.02c 0.24 ±0.03b
อบด้วยลมร้อนร่ วมกับไมโครเวฟ 190๐C + 360 W 20 นาที 0.77 ±0.01a 0.62 ±0.03b 0.11 ±0.03c 0.15 ±0.04c 0.11 ±0.03c
190๐C + 600 W 18 นาที 0.69 ±0.02a 0.68 ±0.02a 0.16 ±0.07b 0.18 ±0.03b 0.20 ±0.04b
360 W + 720 W 24 นาที 0.77 ±0.02a 0.69 ±0.07b 0.11 ±0.02d 0.12 ±0.03d 0.22 ±0.03c
อบด้วยไมโครเวฟร่ วมกับอินฟราเรด 360 W + 1150 W 22 นาที 0.67 ±0.03a 0.68 ±0.03a 0.14 ±0.03b 0.13 ±0.03b 0.16 ±0.03b
360 W + 2150 W 20 นาที 0.75 ±0.03a 0.70 ±0.02b 0.16 ±0.02cd 0.12 ±0.05d 0.16 ±0.03b
57
58
ตารางที่ 21 ค่าความยากในการเคี้ยว (นิวตัน) ของขนมปังแป้งข้าวระหว่างการเก็บ
เวลาที่ใช้ในการเก็บรักษา (วัน)
ตัวอย่างและสภาวะการอบ
0 1 3 5 7
ตัวอย่างควบคุม 5.60 ±0.55a 1.77 ±0.28c 0.86 ±0.17d 1.69 ±0.35c 2.65 ±0.22b
190๐C 35 นาที 3.04 ±0.30a 1.33 ±0.57c 1.52 ±0.16c 1.41 ±0.41c 2.23 ±0.20b
อบด้วยลมร้อน
195๐C 30 นาที 2.97 ±0.14a 1.05 ±0.10c 1.99 ±0.25b 1.48 ±0.46c 2.44 ±0.55b
200๐C 25 นาที 1.79 ±0.21b 1.41 ±0.28c 1.74 ±0.22b 1.45 ±0.07c 2.96 ±0.35a
190๐C + 180 W 22 นาที 2.40 ±0.08a 2.34 ±0.29a 2.41 ±0.84a 2.49 ±0.25a 2.54 ±0.56a
อบด้วยลมร้อนร่ วมกับไมโครเวฟ 190๐C + 360 W 20 นาที 2.18 ±0.08b 9.32 ±2.04a 1.62 ±0.41b 2.86 ±1.00b 2.35 ±0.62b
190๐C + 600 W 18 นาที 3.02 ±0.04b 9.62 ±0.53a 3.75 ±2.21b 7.82 ±1.58a 8.73 ±2.12a
360 W + 720 W 24 นาที 2.09 ±0.05c 9.27 ±1.67a 2.15 ±0.46c 2.89 ±0.89c 7.34 ±0.87b
อบด้วยไมโครเวฟร่ วมกับอินฟราเรด 360 W + 1150 W 22 นาที 3.55 ±0.27c 9.11 ±0.54a 2.43 ±0.66c 2.70 ±0.94c 4.78 ±1.49b
360 W + 2150 W 20 นาที 2.40 ±0.14c 10.20 ±1.90a 2.82 ±0.54bc 2.25 ±1.30c 4.38 ±0.74b
58
59
เวลาที่ใช้ในการเก็บรักษา (วัน)
ตัวอย่างและสภาวะการอบ
0 1 3 5 7
ตัวอย่างควบคุม* < 10 (est.) < 10 (est.) 6.7x101 8.0x101 3.0x102
190๐C 35 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) 1.5x101 4.0x101 3.0x102
อบด้วยลมร้อน
195๐C 30 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) 1.0x101 1.0x101 2.0x101
200๐C 25 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) 7.7x101
190๐C + 180 W 22 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) 7.0x101
อบด้วยลมร้อนร่ วมกับไมโครเวฟ 190๐C + 360 W 20 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) 2.0x101 2.0x101 4.6x102
190๐C + 600 W 18 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) 4.0x101 5.0x101 1.1x102
360 W + 720 W 24 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) 1.0x101 1.5x101 3.0x101
อบด้วยไมโครเวฟร่ วมกับอินฟราเรด 360 W + 1150 W 22 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) 2.0x101 2.0x101 3.0x102
360 W + 2150 W 20 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) 3.3x101 3.7x101
หมายเหตุ est. คือ ผลการตรวจนับจานวนแบคทีเรี ย <10 โคโลนี ต่อ อาหาร 1 กรัม (โดยประมาณ),
*ตัวอย่างควบคุม คือ ตัวอย่างที่ไม่ใส่ ซาวโด (0 กรัม/100 กรัม โด) อบด้วยลมร้อนที่ 190๐C 35 นาที
60
61
ตารางที่ 23 ปริ มาณยีสต์และรา (cfu/g) ของขนมปังแป้งข้าวระหว่างการเก็บ
เวลาที่ใช้ในการเก็บรักษา (วัน)
ตัวอย่างและสภาวะการอบ
0 1 3 5 7
ตัวอย่างควบคุม < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) 1.0X101
190๐C 35 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) 1.0X101
อบด้วยลมร้อน
195๐C 30 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) 1.5X101
200๐C 25 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) 1.5X101
190๐C + 180 W 22 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) 3.0X101 3.0X101
อบด้วยลมร้อนร่ วมกับไมโครเวฟ 190๐C + 360 W 20 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) 1.0X101
190๐C + 600 W 18 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.)
360 W + 720 W 24 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.)
อบด้วยไมโครเวฟร่ วมกับอินฟราเรด 360 W + 1150 W 22 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.)
360 W + 2150 W 20 นาที < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.) < 10 (est.)
หมายเหตุ est. คือ ผลการตรวจนับจานวนแบคทีเรี ย <10 โคโลนี ต่อ อาหาร 1 กรัม (โดยประมาณ)
*ตัวอย่างควบคุม คือ ตัวอย่างที่ไม่ใส่ ซาวโด (0 กรัม/100 กรัม โด) อบด้วยลมร้อนที่ 190๐C 35 นาที
61
62
สรุปและข้ อเสนอแนะ
สรุ ป
ให้ลดเวลาการอบลงได้ และส่ งผลให้ปริ มาตรจาเพาะสู งขึ้น ค่าความสว่าง (L*) ของเนื้ อขนมปั งเพิ่มขึ้นแต่
ค่าความยากในการเคี้ยวลดลง
ดัง นั้น การใช้ซ าวโดระดับ 22.5 กรั ม/100 กรั ม โด และอบด้วยไมโครเวฟ 360 W ร่ วมกับ
อินฟราเรด 720 W ทาให้ประหยัดเวลาในการอบจาก 35 นาที เหลือ 24 นาที ขนมปั งที่ได้มีเนื้ อสัมผัส
ใกล้เคี ย งกับ การอบด้วยลมร้ อน แต่ มี ค่า ปริ มาตรจาเพาะสู ง กว่า และมี ค่า ดัชนี ไ กลซี มิ ก อยู่ในระดับ ต่ า
(น้อยกว่า 55) ซึ่ งจะเป็ นประโยชน์ต่อผูร้ ักสุ ขภาพและผูป้ ่ วยโรคซี ลิแอค
ข้ อเสนอแนะ
เอกสารและสิ่ งอ้างอิง
กล้าณรงค์ ศรี รอต และ เกื้อกูล ปิ ยะจอมขวัญ. 2550. เทคโนโลยีของแป้ ง. พิมพ์ครั้งที่ 2. สานักพิมพ์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ , กรุ งเทพฯ.
นันทพร สมัครรัตน์. 2546. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดนัทแป้ งข้ าวหอมมะลิทดแทนแป้ งสาลีพซิ ซ่ าแช่ เยือก
แข็ง. วิทยานิพนธ์ปริ ญญาโท. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ , กรุ งเทพฯ.
65
ไพศาล วุฒิจานงค์ และ รุ่ งนภา พงศ์สวัสดิ์มานิต. 2552. หลักการแปรรู ปผลิตภัณฑ์ดว้ ยเทคนิค-
ใหม่. น. 208-229. ใน รุ่ งนภา พงศ์สวัสดิ์มานิต, บรรณาธิ การ. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ใน
อุตสาหกรรมเกษตร. สานักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ , กรุ งเทพฯ.
สุ พตั รา โพธิเศษ. 2548. การเปลีย่ นแปลงทางเคมี กายภาพ และเคมีเชิงฟิ สิ กส์ ของแป้ งข้ าวในการ
ผลิตแป้ งแผ่น. วิทยานิพนธ์ปริ ญญาโท, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ , กรุ งเทพฯ.
AOAC. 2000. Official Methods of Analysis. 17th ed. Association of Official Analytical Chemists.
Gaithersburg, Md, USA.
Arendt, E.K., S. Renzetti and F.D. Bello. 2009. Dough microstructure and textural aspects of gluten-
free yeast bread and biscuits. pp. 107-129. In E. Gallagher., eds. Gluten-Free Food Science
and Technology. Blackwell, UK.
BAM. 2002. Food and Drug Administration Bacteriological Analytical Manual. 8th ed., AOAC
Internation, USA.
Barrett, A.H., A.V. Cardello, L. mair, P. Maguire, L.L. Lesher, M. Richardson, J. Briggs and I.A.
Taub. 2000. Textural optimization of shelf-stable bread: Effect of glycerol content and
dough-forming technique. Cereal Chemistry. 77(2): 169-176
Brandt, M.J. 2007. Sourdough product for convenient use in baking. Food Microbiology. 24:
161-164
Czuchajowaska, Z. and Y. Pomeranz. 1989. Differential scanning calorimeter, water activity and
moisture content in crumb center and near crust zone of bread during storage. Cereal
Chemisty. 66: 305-309.
Demirkesen, I., B. Mert, G. Sumnu and S. Sahin. 2010. Rheological properties of gluten free bread
formulation. Journal of Food Engineering. 96: 295-303
68
Diowksz, A. and W. Ambroziak. 2006. Sourgough, pp. 365–380. In Y Hui, (eds.). Bakery Products:
Science and Technology. Blackwell. Ames, IA, USA.
Ehrmann, M. A. and R.F. Vogel. 2005. Molecular taxonomy and genetics of sourdough lactic acid
bacteria. Trends in Food Science & Technology. 16: 31-42
Eliasson, A.C and K. Larsson. 1993. Bread, p. 342. In A.C. Eliasson and K. Larsson (eds.).
Cereal in Breadmaking. Marcel Dekker, Inc., NY.
Falade, A.T., M.N. Emmambux, E.M. Buys and J.R.N. Taylor. 2014. Improvement of maize bread
quality through modification of dough rheological properties by lactic acid bacteria
fermentation. Journal of Cereal Science. 60: 471-476.
Froncisco, J., G. Zearagoza, M.E.S. Pardo, A.O. Moreno and L.A.B. Perez. 2010. In vitro starch
digestibility and expected glycemic index of pound cakes baked in two-cycle microwave-
toaster and conventional oven. International Journal of Food Sciences and Nutrition.
61: 680-689
Gallagher, E., T. R. Gormley and E. K. Arendt. 2003. Crust and crumb characteristics of gluten free
breads. Journal of Food Engineering. 56: 153-161.
Gobbetti, M., M.D. Angelis, R.D. Cagno and C.G. Rizzello. 2008. Sourdough/Lactic acid bacteria, pp.
267–283. In K. Elke and F.D. Bello, (eds.). Gluten-Free Cereal Products and Beverages.
Academic Press. Burlington, MA, USA.
Goni, I., A.A. Garcia and C.F. Saura. 1997. A starch hydrolysis procedure to estimate glycemic index.
Nutrition Research. 17: 427-437.
69
Keskin, S.O., G. Sumnu and S. Sahin. 2004. Bread baking in halogen lamp-microwave combination
oven. Food Research International. 37: 489-495.
Kopec, A., M. Pysz, B. Borczak, E. Sikora, C.M. Rosell, C. Collar and M. Sikora. 2011. Effects of
sourdough and dietary fibers on the nutritional quality of breads produced by bake-off
technology. Journal of Cereal Science. 54: 499-505.
Lhomme, E., S. Orain, P. Courcoux, B. Onno and X. Dousset. 2015. The predominance of
Lactobacillus sanfranciscensis in French organic sourdoughs and its impact on related bread
characteristics. International Journal of Food Microbiology. 213: 40-48
Korus, J., M. Wictczak, R. Ziobro and L. Juszczak. 2009. The impact of resistant starch on
characteristics of gluten-free dough and bread. Food Hydrocolloids. 23: 988-995.
Korus, J., T. Witczak, R. Ziobro and L. Juszczak. 2015. Linseed (Linum usitatissimum L.) mucilage as
a novel structure forming agent in gluten-free bread. LWT – Food Science and Technology.
62: 257-264.
Mahasukhonthachat, K., P. A. Sopade and M. J. Gidley. 2010. Kinetics of starch digestion in sorghum
as affected by particle size. Journal of Food Engineering. 96: 18-28.
Maria, E.S., O. Alicia, M. Rosalva and N. Hugo. 2007. In vitro starch digestibility and predicted
glycemic index of microwaved and conventionally baked pound cake. Plant Food for Human
Nutrition. 62: 99 – 105.
Marston, K., H. Khouryieh and F. Aramouni. 2016. Effect of heat treatment of sorghum flour on
the functional properties of gluten-free bread and cake. LWT – Food Science and
Technology. 65: 637-644
70
Marti, A., L. Torri, M. Crisiraghi, L. Franzetti, S. Limbo, F. Morandin, L. Quaglia and M.A. Pagani.
2014. Wheat germ stabilization by heat-treatment or sourdough fermentation: Effect on dough
rheology and bread properties. LWT – Food Science and Technology. 59: 1100-1106
Mert, I.D., O.H. Campanella, G. Sumnu and S. Sahin. 2014. Gluten free sourdough bread prepared
with chestnut and rice flour. pp. 239-242. In Proceedings of the 9th Baltic Conference on
Food Science and Technology. 8-9 May 2014, LLU, Jelgava, Latvia.
Minarro, B., E. Albanell, N. Aguilar, B. Guamis and M. Capellas. 2012. Effect of legume flours on
baking characteristics of gluten-free bread. Journal of Cereal Science. 56 (2): 476-481.
Montanari, C., E. Bargossi, R. Lanciotti, F. Chinnici, F. Gardini and G. Tabanelli. 2014. Effect of two
different sourdoughs on the characteristics of Pandoro, a typical Italian sweet leavened baked
good. LWT – Food Science and Technology. 59: 289-299
Moroni, A.V., F.D. Bello, E. Zannini and E.K. Arendt. 2011. Impact of sourdough on buckwheat flour,
batter and bread: Biochemical,rheological and textural insights. Journal of Cereal Science.
54: 195-202.
Novotni, D., N. Cukelj, B. Smerdel, M. Bituh, F. Dujmic and D. Curic. 2012. Glycemic index and
firming kinetics of partially baked frozen gluten-free bread with sourdough. Journal of
Cereal Science. 55: 120-125.
Osella, C.A., H.D. Sanchez, C.R. Carrara, M.A.d.l. Torre and M.P. Buera. 2005. Water redistribution
and structural changes of starch during storage of a gluten-free bread. Starch J. 57: 208-216.
71
Rizzello, C.G., J.A. Curiel, L. Nionelli, O. Vincentini, R.D. Cagno, M. Silano, M. Gobbetti and R.
Coda. 2014. Use of fungal proteases and selected sourdough lactic acid bacteria for making
wheat bread with an intermediate content of gluten. Food Microbiology. 37: 59-68
Shittu, T.A., A.O Raji. and L.O Sanni. 2007. Bread from composite cassava-wheat flour: I. Effect of
baking time and temperature on some physical properties of bread loaf. Food Research
International. 40: 280-290.
Sumnu, G. 2001. A review on microwave baking of foods. International Journal of Food Science
and Technology. 36: 117-127
Summu G., S. Sahin and M. Sevimli. 2005. Microwave, infrared and infrared-microwave combination
baking of cakes. Journal of Food Engineering. 71: 150-155.
Therdthai, N. 2014. Fermentation. pp. 325-334. In W. Zhou., ed. Bakery Products Science and
Technology. Wiley Blackwell, UK.
Torbica, A., M. Hadnadev and T. Dapcevic. 2010. Rheological, textural and sensory properties of
gluten-free bread formulations based on rice and buckwheat flour. Food Hydrocolloids. 24
(6-7): 626-632.
Torrieri, E., O. Pepe, V. Ventorino, P. Masi and S. Cavella. 2014. Effect of sourdough
at different concentrations on quality and shelf life of bread. LWT - Food Science and
Technology. 56: 508-516.
72
ภาคผนวก
73
ภาคผนวก ก
วิธีการวิเคราะห์คุณภาพทางกายภาพ
74
วิธีการวิเคราะห์ คุณภาพทางกายภาพ
3. การวิเคราะห์ค่าเนื้อสัมผัส
4. การวิเคราะห์ปริ มาตรจาเพาะ
5. การวิเคราะห์การเลี้ยวเบนรังสี เอกซ์
ด้วยเครื่ อง X-ray Diffractometer รู ปแบบการวัด วัดที่ 5-30๐ และใช้ความเร็ วที่ 0.5๐/นาที โดยค่า
crystallinity ของพีค ที่ 17๐ และ 20๐ โดยใช้ตวั อย่างหลังจากการอบ จากนั้นนาตัวอย่างไปบดเพื่อลดขนาด
และนาไป freeze dry ประมาณ 6 ชัว่ โมงก่อนการนาไปวิเคราะห์
ภาคผนวก ข
วิธีการวิเคราะห์คุณภาพทางเคมี
77
วิธีการวิเคราะห์ คุณภาพทางเคมี
1. การวิเคราะห์ค่าความเป็ นกรด-ด่าง
2. การวิเคราะห์ปริ มาณความชื้น
(W – W )
ปริ มาณความชื้น (ร้อยละของน้ าหนัก) =
w -w
3. การวิเคราะห์ค่าดัชนีไกลซีมิก
1. บดตัวอย่างผ่านตะแกรง 20 เมซ
2. ชัง่ ตัวอย่าง 0.5 กรัม ใส่ ลงในขวดรู ปชมพูข่ นาด 250 มิลลิลิตร
3. เติม artificial saliva 1 มิลลิลิตร และเติมเอนไซม์ pepsin ใน 0.02 M HCL (pH = 2) จานวน 5
มิลลิลิตร ภายในเวลา 15-20 วินาที
4. นาไปบ่มในอ่างควบคุมอุณหภูมิ 37๐C ที่มีการเขย่า 85 รอบต่อนาที เป็ นเวลา 30 นาที
5. ปรับ pH ให้เป็ นกลางด้วย 0.02 M NaOH จานวน 5 มิลลิลิตร
6. เติม acetate buffer จานวน 25 มิลลิลิตร และเติมเอนไซม์ pancreatin ใน acetate buffer จานวน 25
มิลลิลิตร
7. นาไปบ่มในอ่างควบคุมอุณหภูมิ 37๐C ที่มีการเขย่า 85 รอบต่อนาที วัดปริ มาณน้ าตาลกลูโคสด้วย
glucometer ที่เวลา 0, 10, 20, 30, 45, 60, 90, 120, 150, 180, 210 และ 240 นาที
8. นาข้อมูลที่ได้ไปคานวณหาอัตราการย่อยแป้ งและประเมินค่าดัชนีไกลซีมิก ดังนี้
= A V
W
1. บดตัวอย่างผ่านตะแกรง 20 เมซ
2. ชัง่ ตัวอย่าง 0.1 กรัม ใส่ ลงในหลอดทดลอง ขนาด 16 x 120 มิลลิเมตร
3. เติม ethanol จานวน 0.2 มิลลิลิตร เขย่าด้วยเครื่ อง vortex mixer
4. เติมเอนไซม์ α-amylase จานวน 3 มิลลิลิตร นาไปบ่มในอ่างควบคุมอุณหภูมิ 100๐C เป็ นเวลา
12 นาที และเขย่าทุกๆ 4 นาที
5. เติม sodium acetate buffer จานวน 4 มิลลิลิตร ตามด้วย amyloglucosidase 0.1 มิลลิลิตร เขย่า
หลอดทดลองด้วยเครื่ อง vortex mixer
6. นาไปบ่มในอ่างควบคุมอุณหภูมิ 50๐C เป็ นเวลา 30 นาที
7. ปรับปริ มาตรให้เป็ น 100 มิลลิลิตร แล้วเขย่าให้เข้ากัน
8. นาไปหมุนเหวีย่ งที่ความเร็ วรอบ 3000 รอบ ที่อุณหภูมิ 25๐C 10 นาที
9. ดูดเอาส่ วนใสของสารละลายจากหลอดหมุนเหวีย่ งใส่ ลงในหลอดทดลอง 0.1 มิลลิลิตร
10. เติมสารละลาย GOPOD 3 มิลลิลิตร นาไปบ่มในอ่างควบคุมอุณหภูมิ 50๐C เป็ นเวลา 20 นาที
11. นาไปวัดค่าการดูดกลืนแสงที่ความยาวคลื่น 510 นาโนเมตร โดยมีตวั อย่างควบคุม คือ
D-glucose standard นาค่าที่ได้มาคานวณหาอัตราการย่อยแป้ ง ดังนี้
V
ปริ มาณอัตราการย่อยแป้ ง; DS =
W S ( -M)
จากนั้นนาข้อมูลอัตราการย่อยแป้ งมาสร้างสมการความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับอัตราการย่อย
แป้งตามสมการ the modified first order kinetic ดังนี้
Dt D D ( exp[ t])
D t
AU exp [D t exp( t)]
t
(( )( ))
avg
ภาคผนวก ค
วิธีการวิเคราะห์คุณภาพทางประสาทสัมผัส
82
รหัส
คุณลักษณะ
xxx xxx xxx xxx xxx
สี ของเปลือกขนมปัง
สี ของเนื้ อขนมปั ง
กลิ่นหมัก
ความนุ่ม
รสหวาน
รสเปรี้ ยว
ความชอบโดยรวม
ข้ อเสนอแนะ...................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
ขอบคุณที่ให้ความร่ วมมือ
83
ภาคผนวก ง
วิธีการวิเคราะห์คุณภาพทางจุลินทรี ย ์
84
1. ชัง่ ตัวอย่างอาหาร 10 กรัม ด้วยวิธี aseptic technique ใส่ ในถุงสาหรับเครื่ องตีปั่น จากนั้นเติม
phosphate buffer ปริ มาตร 90 มิลลิลิตร
2. นาตัวอย่างในข้อ (1.) ไปตีปั่นด้วยเครื่ อง stomacher เป็ นเวลา 60 วินาที
3. นาตัวอย่างในข้อ (2.) มาเจือจางครั้งละ 10 เท่า โดยใช้ phosphate buffer จนได้ตวั อย่างที่มี
ความเจือจางเหมาะสม
4. เตรี ยมอาหารเลี้ยงเชื้อ plate count agar แล้วนาไปฆ่าเชื้ อที่อุณหภูมิ 121°C เป็ นเวลา 15 นาที
5. เตรี ยมจานเพาะเชื้ อโดยฆ่าเชื้อด้วยการอบที่อุณหภูมิ 180°C เป็ นเวลา 2 ชัว่ โมง
6. ปิ เปตตัวอย่างปริ มาตร 1 มิลลิลิตร ลงในจานเพาะเชื้อ จากนั้นเทอาหารเลี้ยงเชื้อที่มีอุณหภูมิ
45°C ถึง 55°C ลงในจานเพาะเชื้อ ผสมให้เข้ากันแล้วตั้งทิ้งไว้จนอาหารแข็งตัว
7. นาไปบ่มโดยคว่าจานเพาะเชื้อที่อุณหภูมิ 37°C เป็ นเวลา 48 ชัว่ โมง
1. ชัง่ ตัวอย่างอาหาร 10 กรัม ด้วยวิธี aseptic technique ใส่ ในถุงสาหรับเครื่ องตีปั่น จากนั้นเติม
phosphate buffer ปริ มาตร 90 มิลลิลิตร
2. นาตัวอย่างในข้อ (1.) ไปตีปั่นด้วยเครื่ อง stomacher เป็ นเวลา 60 วินาที
3. นาตัวอย่างในข้อ (2.) มาเจือจางครั้งละ 10 เท่า โดยใช้ phosphate buffer จนได้ตวั อย่างที่มี
ความเจือจางเหมาะสม
4. เตรี ยมอาหารเลี้ยงเชื้อ potato dextrose agar แล้วนาไปฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 121°C เป็ นเวลา 15
นาที
5. เตรี ยมจานเพาะเชื้ อโดยฆ่าเชื้อด้วยการอบที่อุณหภูมิ 180°C เป็ นเวลา 2 ชัว่ โมง
6. ปิ เปตตัวอย่างปริ มาตร 1 มิลลิลิตร ลงในจานเพาะเชื้อ จากนั้นเทอาหารเลี้ยงเชื้อที่มีอุณหภูมิ
45°C ถึง 55°C ลงในจานเพาะเชื้อ ผสมให้เข้ากันแล้วตั้งทิ้งไว้จนอาหารแข็งตัว
7. นาไปบ่มโดยหงายจานเพาะเชื้อที่อุณหภูมิ 25°C เป็ นเวลา 120 ชัว่ โมง
85
ภาคผนวก จ
มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (ขนมปัง)
86
1. ขอบข่ าย
2. บทนิยาม
3. คุณลักษณะทีต่ ้ องการ
3.1 ลักษณะทัว่ ไป
ต้องมีรูปทรงที่ดีตามลักษณะของขนมปั งนั้น ไม่ไหม้เกรี ยม หากมีการตัดเป็ นแผ่นต้องมี
ความหนา ใกล้เคียงกัน ขอบเรี ยบ ไม่เป็ นขุย หากมีส่วนประกอบอื่นในเนื้อแป้ งต้องเป็ นไปตามที่ระบุไว้ที่
ฉลาก การทดสอบให้ทาโดยการตรวจพินิจ
3.2 ลักษณะเนื้อสัมผัส
ต้องมีเนื้อภายในเหนียวนุ่ม ยืดหยุน่ และไม่แห้งหรื อแข็งกระด้าง ส่ วนผิวด้านนอกต้อง
เป็ นไปตามลักษณะเฉพาะของขนมปั งนั้น การทดสอบให้ทาโดยการตรวจพินิจและชิม
3.3 สี
ต้องมีสีดีตามธรรมชาติของขนมปั งและส่ วนประกอบที่ใช้
87
3.4 กลิ่นรส
ต้องมีกลิ่นรสที่ดีตามธรรมชาติของขนมปั งและส่ วนประกอบที่ใช้ ไม่มีกลิ่นรสอื่นที่ไม่พึง
ประสงค์ เช่น กลิ่นอับ กลิ่นหื น
3.6 วัตถุเจือปนอาหาร
หากมีการใช้สีและวัตถุกนั เสี ย ให้ใช้ได้ตามชนิดและปริ มาณที่กฎหมายกาหนด
การทดสอบให้ปฏิบตั ิตาม AOAC หรื อวิธีทดสอบอื่นที่เทียบเท่า
3.7 จุลินทรี ย ์
ประวัติการศึกษา และการทางาน