Professional Documents
Culture Documents
การศึกษาเทคนิคการแสดงเดี่ยวแซกโซโฟนในบทเพลง Fantasia Mov
การศึกษาเทคนิคการแสดงเดี่ยวแซกโซโฟนในบทเพลง Fantasia Mov
โดย
นายพงศกร แก้วนาพันธ์
เสนอ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธิติ ปัญญาอินทร์
กิตติกรรมประกาศ
พงศกร แก้วนาพันธ์
ผูว้ ิจยั
ข
ปี การศึกษา : 2563
บทคัดย่อ
การวิจยั นี้มีวตั ถุประสงค์ เพื่อวิเคราะห์บทเพลงและศึกษาเทคนิคการแสดงเดี่ยวในบทเพลง Fantasia
Mov.I by Heitor Villa – Lobos ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ โดยการศึกษาข้อมูลจากการศึกษาฐานข้อมูล
การวิจยั และวิทยานิ พนธ์ รวมถึงสัมภาษณ์ผูเ้ ชี่ ยวชาญ เพื่อให้ได้ขอ้ มูลที่มีความน่าเชื่ อถือ โดยมี ขอบเขต
การศึกษาคือ การศึกษาวิเคราะห์บทเพลงในเชิงทฤษฎีดนตรี แบบแผน สังคีตลักษณ์ของบทเพลงรวมถึงการ
วิเคราะห์ตีความเทคนิคการแสดงเดี่ยวและแนวทางการฝึ กซ้อมแซกโซโฟน เพื่อหาปัญหาที่จะเกิดขึ้นในบท
เพลง Fantasia Mov.I by Heitor Villa – Lobos และหาแนวทางในการแก้ไข และวิธีการซ้อมของบทเพลง
พร้อมเสนอแนะแบบฝึ กหัดที่จะช่วยทาให้การบรรเลงนั้นเป็ นไปได้อย่างราบรื่ น และสามารถพัฒนาทักษะที่
จาเป็ นในบทเพลงได้
จากผลการศึกษาบทเพลงของ Heitor Villa – Lobos พบว่าบทเพลงมีอารมณ์และสี สันที่หลากหลาย
อีกทั้งการบรรเลงช่วงต่างๆ นั้นจะมีเทคนิคการบรรเลงที่ผวู ้ ิจยั ใช้ในการบรรเลงแทรกอยูใ่ นบทเพลงทั้งหมด
7 เทคนิค คือ ทังกิง, เลกาโต, เตนูโต, แอคเซินท์, ซตัคคาโต, ทริ ล และนอกจากเทคนิคแล้ว ยังต้องอาศัยแนว
ทางการฝึ กซ้อมบทเพลงที่ดีร่วมด้วย เพื่ อทาให้บทเพลงมีความไพเราะมากยิ่งขึ้น ได้แก่ วิเคราะห์ภาพรวม
ของบทเพลง ตีความเทคนิคที่ใช้ในการบรรเลงในแต่ละช่วง ฝึ กซ้อมบทเพลงตามช่วงตอนที่ได้วิเคราะห์ไว้
เก็บรายละเอียดในการบรรเลงทั้งหมด ใช้เครื่ องกากับจังหวะร่ วมด้วยเสมอ และใช้การฝึ กซ้อมด้วยความคิด
และความจาโดยไม่ใช้เครื่ องดนตรี
ทั้งนี้ ผูว้ ิจยั ได้ศึกษาประวัติของผูป้ ระพันธ์ และประวัติของบทเพลง เรี ยนรู ้วางแผนสาหรั บการ
เตรี ยมการแสดงทั้งหมดจนถึงการปฎิบตั ิจริ ง ทั้งยังเป็ นการเผยแพร่ บทเพลงแซกโซโฟนที่มีความแปลกใหม่
ในด้านการนาเสนอความคิดในการพัฒนาโมทีฟที่พฒั นาขึ้นเรื่ อยๆในบทเพลงได้อย่างสวยงาม
ค
สารบัญ
เนื้อหา หน้ า
กิตติกรรมประกาศ ......................................................................................................................................... ก
บทคัดย่อ ........................................................................................................................................................ ข
สารบัญ ........................................................................................................................................................... ค
สารบัญตัวอย่าง ...............................................................................................................................................ง
บรรณานุกรม ................................................................................................................................................33
ภาคผนวก......................................................................................................................................................34
ง
สารบัญตัวอย่าง
1
บทที่ 1
บทนา
1.1 ความเป็ นมาและความสาคัญของปัญหา
ดนตรี คลาสสิ ค (Classical Music) หมายถึง ดนตรี แบบแผนในยุคดนตรี ใดๆ เพลงที่มีไวยากรณ์
เสี ยงประสานและกระบวนแบบที่มีหลักการ มีความเป็ นอมตะต่างกับดนตรี สมัยนิ ยมและเพลงสมัย นิ ยม
ดนตรี คลาสสิ คถือเป็ นศิลปะชั้นสู งที่มีความประณี ตงดงามละเอียดอ่อนทั้งด้านการประพันธ์ การแสดง การ
จะเข้าใจดนตรี คลาสสิ คอย่างลึกซึ้ งนั้นจาเป็ นต้องมีการศึกษาทั้งหลักการทางวิชาการและหลักการทางศิลปะ
บทเพลงคลาสสิ คแบ่งได้หลากหลายประเภทตามเงื่อนไขต่างๆ ลักษณะการบรรเลงก็มีหลากหลายเช่นการ
บรรเลงเป็ นวงใหญ่วงขนาดเล็กการบรรเลงคู่หรื อการบรรเลงเดี่ยวเครื่ องดนตรี ที่นามาใช้ในการบรรเลง
ดนตรี คลาสสิ คนั้นก็ใช้เครื่ องดนตรี คลาสสิ คด้วยเช่นกัน(ณัชชา พันธุ์เจริ ญ,2552:69)
แซกโซโฟน (Saxophone) เป็ นเครื่ องเป่ าลมไม้ประเภทลิ้นเดี่ยว ถูกประดิษฐ์ข้ ึนโดยช่างทาเครื่ อง
ดนตรี ชาวเบลเยี่ยม อดอล์ฟ แซกซ์ (Adolphe Sax) ในปี ค.ศ. 1840 โดยการนาเครื่ องดนตรี โบราณชนิดหนึ่ ง
ชื่อโอพิไคร (ophicleide) มาดัดแปลง ทาเป็ นตัวแซกโซโฟนซึ่งทาจากทองเหลือง และนาปากเป่ า ของ คาลิ
เน็ต มาใส่ ซ่ ึงเป็ นเครื่ องลมไม้ ดังนั้น แซกโซโฟนจึงได้เสี ยงที่ดุดนั แข็งแรง มาจากเครื่ องทองเหลือง และได้
ความอ่อน หวาน สดใส และได้จดทะเบียนลิขสิ ทธิ์ ที่กรุ งปารี ส ใน ปี ค.ศ. 1845 ตระกูลแซกโซโฟนเป็ น
ตระกู ล ใหญ่ เ ช่ น เดี ย วกับ คลาริ เน็ ต มี ข นาดต่ า งๆ ถึ ง 8 ขนาดด้ว ยกัน แต่ นิ ย มใช้ ใ นปั จ จุ บัน 4 ชนิ ด
ประกอบด้วยแซกโซโฟนโซปราโน, แซกโซโฟนอัลโต้, แซกโซโฟนเทเนอร์และบาริ โทนแซกโซโฟน
การแสดงดนตรี (Recital) หมายถึง การแสดงเดี่ยว การแสดงดนตรี คนเดียวโดยไม่มีนักดนตรี อื่น
ร่ วมเล่นเป็ นวงแต่มกั มีนักดนตรี บรรเลงประกอบ การแสดงดนตรี เป็ นการแสดงงานศิลปะอีกอย่างหนึ่ งที่
ต้องมีข้ นั ตอนการผลิตผลงานความแตกต่างระหว่างการแสดงดนตรี กบั การแสดงผลงานศิลปะอย่างอื่ นคือ
ขั้นตอนสุ ดท้า ยในการนาเสนอผลงาน การแสดงดนตรี ไ ม่ มี ชิ้ น งานที่ ส ามารถมองเห็ น หรื อ จับ ต้อ งได้
ช่วงเวลาที่นาเสนอผลงานจึงมีความสาคัญมากเพราะเป็ นการตัดสิ นคุณภาพผลงานซึ่งก็คือช่วงเวลาที่ทาการ
แสดงดนตรี การเตรี ยมตัวจึงเป็ นเรื่ องสาคัญมาก การฝึ กซ้อมการแก้ปัญหาในการฝึ กซ้อม ปั จจุบนั ดนตรี
คลาสสิ คเริ่ มเป็ นที่นิยมมากขึ้นในประเทศไทยและมีนักดนตรี คลาสสิ คเพิ่มมากขึ้นจึงทาให้เกิดการแสดง
ดนตรี คลาสสิ คมากขึ้นตามไปด้วยบทเพลงที่ประพันธ์เพื่อบรรเลงโดยแซกโซโฟนนั้นในแต่ละยุคสมัยต่างมี
การใช้เทคนิคที่แตกต่างกันไปไม่วา่ จะเป็ นบทเพลงที่ประพันธ์เพื่อ แซกโซโฟนหรื อบทเพลงที่ได้นามาเรี ยบ
แรงใหม่ (ณัชชา พันธุ์เจริ ญ,2552:309)
2
1.2 วัตถุประสงค์ในการวิจยั
1.2.1 เพื่อวิเคราะห์บทเพลง Fantasia Mov.I by Heitor Villa-Lobos
1.2.2 เพื่อศึกษาเทคนิคการแสดงเดี่ยวแซกโซโฟนในบทเพลง Fantasia Mov.I by Heitor Villa-
Lobos
1.3 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.3.1 สามารถนาข้อมูลที่ได้จากการวิจยั มาพัฒนาความรู ้และทักษะในการบรรเลงแซกโซโฟน
1.3.2 ได้รับความรู ้เกี่ยวกับทฤษฎีดนตรี ตะวันตกในบทเพลง Fantasia Mov.I by Heitor Villa-Lobos
1.3.3 ได้ทราบถึงเทคนิคการแสดงเดี่ยวแซกโซโฟนในบทเพลง Fantasia Mov.I by Heitor Villa-
Lobos
1.4 ขอบเขตของการวิจยั
การศึกษาเทคนิ คการแสดงเดี่ยวแซกโซโฟนครั้งนี้ ผูว้ ิจยั ได้เลือกบทเพลง Fantasia Mov.I จากนัก
ประพันธ์เพลงชาวบราซิล ไฮเตอร์ วิลลา-โลบอส (Heitor Villa-Lobos) โดยศึกษาเนื้ อหาเกี่ยวกับเทคนิ คใน
การแสดงเดี่ยว วิธีการซ้อม การวิเคราะห์โครงสร้างของบทเพลง เพื่อพัฒนาด้านทักษะในการบรรเลงแซก-
โซโฟนของตน ในระยะเวลาตลอดภาคเรี ยนที่ 2
1.5 นิยามศัพท์เฉพาะ
บทที่ 2
2.1.1 ประวัติของบทเพลง
ไฮเตอร์ วิลลา-โลบอส (Heitor Villa-Lobos) เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2430 ที่เมืองรี โอเดจาเนโร
ประเทศบราซิล เป็ นหนึ่งในนักแต่งเพลงในทวีปอเมริ กาใต้ที่มีชื่อเสี ยงที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรี ในฐานะ
นักแต่งเพลงเขามีชื่อเสี ยงในการสร้างเพลงที่แสดงถึงอิทธิพลทางดนตรี และพื้นบ้านในประเทศบราซิล
2.1.3 ประวัติแซกโซโฟน
แซกโซโฟน (Saxophone) เป็ นเครื่ องดนตรี ในตระกูลเครื่ องลมไม้ เกิดขึ้นเมื่อร้ อยกว่าปี ที่ ผ่า นมา
โดย Antoine-Joseph Sax หรื อ Adolphe Sax (23 พ.ย. 2357 - 7 ก.พ. 2437) นักดนตรี เป่ าฟลุตและคลาริ เนต
ชาวฝรั่งเศส ด้วยเหตุน้ ี คาว่า “Sax” ซึ่งเป็ นชื่อของผูค้ ิดค้นจึงปรากฏอยู่ในชื่อของเครื่ องดนตรี ชนิ ดดังกล่าว
นักประดิษฐ์เครื่ องดนตรี ชนิ ดนี้ เกิดในตระกูลผูผ้ ลิตเครื่ องดนตรี มีโรงงานประดิษฐ์เครื่ องดนตรี โดยเฉพาะ
เครื่ องลมไม้และเครื่ องทองเหลืองอยูท่ ี่เมือง Dinant และ กรุ งบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ขณะ Adolphe Sax
อายุ 25 ปี เขาได้ยา้ ยถิ่นฐานไปอยูป่ ารี สพร้อมกับเปิ ดร้านประดิษฐ์และซ่ อมเครื่ องดนตรี และเริ่ มสร้างเครื่ อง
ดนตรี ชนิ ดใหม่ข้ ึนในเวลานั้น จนกระทัง่ ปี พ.ศ. 2389 เครื่ องดนตรี แซ็กโซโฟนจึงสร้างเสร็ จสมบูรณ์พร้อม
กับได้รับการจดสิ ทธิบตั ร (Horwood, Wally,1992)
ตระกูลแซกโซโฟนเป็ นตระกูลใหญ่ มีถึง 8 ชนิ ดด้วยกัน แต่นิยมใช้ในปั จจุบนั มี 4 ชนิ ดด้วยกัน
ประกอบด้วย โซปราโน แซกโซโฟน,อัลโต้ แซกโซโฟน,เทเนอร์ แซกโซโฟนและบาริ โทน แซกโซโฟน
ในบรรดา 4 ชนิ ดที่ กล่าวมานี้ โซปราโน แซกโซโฟนเป็ นแซกโซโฟนที่มีเสี ยงความถี่เสี ยงสู งที่สุด ตาม
ด้วยอัล โต้ แซกโซโฟน เทเนอร์ แซกโซโฟนและสุ ดท้ายที่ ต่ าคือบาริ โทน แซกโซโฟน (June 28, 1846:
Parisian Inventor Patents Saxophone)
โซปราโน แซกโซโฟน (Soprano Saxophone) เป็ นแซกโซโฟนที่ มี ข นาดเล็ก น้ า หนัก เบาและมี
ความถี่ ย งั ไม่ สู ง ที่ สุ ด มี ข นาดเล็ ก และน้ า หนัก เบา จึ ง สามารถถื อ ไว้ใ นมื อ ได้ง่ า ยโดยไม่ จ าเป็ นต้อ งใช้
สายสะพายแซกโซโฟนก็ได้ โซปราโน แซกโซโฟนไม่เหมาะสมสาหรับผูท้ ี่ตอ้ งการหัดเล่นแซกโซโฟน
ใหม่ ๆ เนื่องจากมีความยากในการคุมเสี ยงมากกว่าแซกโซโฟนอัลโต้และเทเนอร์ ในวงประเภทเครื่ องเป่ ามี
ระดับเสี ยงเท่ากับเครื่ องดนตรี คลาริ เน็ตและทรัมเป็ ต
อัลโต้ แซกโซโฟน (Alto Saxophone) เป็ นแซกโซโฟนที่ค่อนข้างเหมาะสาหรับผูเ้ ริ่ มต้น เนื่ องจาก
เป็ นแซกโซโฟนที่เป่ าง่ายกว่าโซปรา แซกโซโฟนและมีน้ าหนักเบากว่าเทเนอร์ แซกโซโฟน อัลโต้ แซก-
โซโฟนสามารถเป่ าได้ในดนตรี หลาย ๆ สไตล์ไม่วา่ จะเป็ นสไตล์คลาสสิ ก, ป็ อป, แจ็ส แต่นกั ดนตรี คลาสสิ ก
จะนิ ยมใช้แซกอัลโต้ในการเล่นมากกว่าการใช้แซกโซโฟนชนิ ดอื่น ๆ รวมถึงการเล่นดนตรี แบบแตรวง ,
คอนเสิ ร์ตหรื อมาร์ ชชิ่งแบรนด์ก็เช่นกัน ถือเป็ นเครื่ องที่ใช้แทนไวโอลิน-วิโอล่าในวงประเภทเครื่ องเป่ า อัล-
โต้แซกโซโฟนจึงเป็ นแซกโซโฟนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเอเชีย
เทเนอร์ แซกโซโฟน (Tenor Saxophone) เป็ นแซกโซโฟนที่ถูกใช้มากในการเล่นดนตรี แนวแจ็ส แต่
ก็สามารถเล่นดนตรี แบบอื่น ๆ ได้เหมือนกัน เสี ยงของแซกเทเนอร์จะมีลกั ษณะแบบนุ่ม ๆ อ้วน ๆ ระดับเสี ยง
6
ดนตรี ในศตวรรษที่ 20 เป็ นดนตรี ที่เรี ยกกันหลายชื่ อ เช่น ดนตรี อีเลคโทรนิ คส์ ดนตรี สมัยหใม่
ดนตรี ปั จ จุ บ ัน และดนตรี ร่ วมสมัย (Contemporary Music) ดนตรี ในศตวรรษนี้ เป็ นดนตรี ที่ มี ค วาม
เปลี่ ย นแปลงก้า วรุ ดหน้า ไปจากศตวรรษกก่ อ นๆ อย่า งเห็ นได้ชัดเจนทั้ง นี้ เนื่ องมาจากผลของการเกิ ด
สงครามโลก ครั้งที่ 1 ที่ไม่มีใครหยุดยั้งความแตกแยกที่ เกิ ดขึ้นทุกที่ ความไม่เข้าใจกัน มองกันในแง่ ร้าย
ความเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่ไม่เคยเป็ นมาก่อนเช่นนี้ เป็ นผลให้ขาดความเชื่ อมัน่ ในกันและกัน จึงทุมเท
ความคิดให้กบั เครื่ องมือ เครื่ องจักร แทนการใช้มนุษย์ อันเป็ นผลให้เปลี่ยนแปลงไปสู่ การปฏิวตั ิอุสาหกรรม
อย่างสมบรู ณ์ สังคมในยุคนี้ จึงมีความต้องการศิลปะแขนงต่าง ๆ ในรู ปแบบที่แตกต่างไปจากสังคมยุคก่อน
ๆ สิ ลปิ นทั้งหลายต่างสร้างสรรค์ผลงานให้ออกไปจากกรอบเดิม หรื อทฤษฎีเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพ
ของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป (ณรุ ทธ์ สุทธจิตต์,2546)
ความเปลี่ยนแปลงในทางดนตรี ของคีตกวีในศตวรรษนี้ ก็คือ มีความคิดที่จะทดลอง แสวงหาทฤษฎี
ใหม่ ระบบเสี ยงต่างๆใหม่ โดยใช้วิชาการแขนงอื่น เช่น คณิ ตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ปรัชญา
โดยเฉพาะปรัชญาของซี กโลกตะวันออก เข้ามาเป็ นวัตถุดิบ เข้ามาเป็ นแนวคิดสร้างสรรค์ผลงานดนตรี
ออกมา ลักษณะการนาศาสตร์แขนงอื่นๆเข้ามามีส่วนในการสร้างสรรค์ผลงานดนตรี ได้มีมาก่อนศตวรรษนี้
แล้ว แต่เป็ นการนาศาสตร์ ในสาขาศิลปะเหมือนๆ กัน เช่น นาแนวคิดจากบทกวีนิพนธ์ของกวีอเกสาคัญๆ
สถาปัตยกรรม และจิตรกรรมของศิลปิ นที่มีชื่อเสี ยง มาเป็ นวัตถุดิบในการสร้างผลงานทางดนตรี
ดนตรี ในศตวรรษนี้ กล่าวได้ว่า เปลี่ยนแปลงจากดนตรี แบบแผนที่ เคยประพันธ์กันมา มาสู่ ระบบ
ใหม่ หรื อที่ เรี ย กว่า “New Music” ลัก ษณะหนังที่ สังเกตได้อย่างชัดเจนก็คือ จะไม่ไ ด้ฟั งเสี ยงดนตรี ที่ดัง
กระหึ่ มด้วยพลังเสี ยงของเครื่ องดนตรี เองเป็ นจานวนมากๆ เหมือนในศตวรรษที่ 19 และได้ลม้ เลิกระบบ
บันไดเสี ยงกับคีตลักษณ์ของดนตรี ในศตวรรษก่อนๆ โดยการสร้างสรรค์ผลงานดนตรี ที่ไม่มีคีตลักษณ์ และ
ไมยึดมัน่ ในคีตลักษณ์เดิม อย่างไรก็จาม คีตลักษณ์ที่สร้างขึ้นใหม่น้ ี ก็ยงั ไม่เป็ นที่แพร่ หลายมากเท่ากับคี ต
7
5. ซตัคคาโต (Staccato)
“ซตัคคาโต” คานี้ มาจากภาษาอิตาเลียน หมายถึง ให้เล่นเสี ยงสั้น หรื อเสี ยงขาด (ณัชชา โสคติยานุ
รักษ์, 2547, หน้า 294) ดังนั้น ซตัคคาโต จึงเป็ นการกาหนดให้ผบู ้ รรเลงเล่นเสี ยงโน้ตให้ส้ นั กว่า ค่าโน้ตที่
บันทึก แต่ไม่ตอ้ งเน้นเสี ยง เทคนิคซตัคคาโต มีเครื่ องหมายเป็ นจุด ( . ) เขียนกากับไว้ตรงกึ่งกลางของหัว
โน้ต การบรรเลงเทคนิคซตัคคาโต จะใช้วิธีเดียวกับเทคนิคทังกิง แตกต่างกันตรงที่เสี ยงโน้ตจากเทคนิค
ซตัคคาโตจะต้องขาดจากโน้ตตัวข้างเคียง จะไม่ต่อกันเหมือนเทคนิคทังกิง ลักษณะของลิน้ ในการใช้เทคนิค
ซตัคคาโต จะเหมือนกับในขณะที่พูดคาว่า “ดิ๊ด” โดยบริ เวณด้านบนส่ วนหน้าของลิ้นจะขึ้นไปแตะด้านล่าง
ของลิ้นแซกโซโฟน แล้วคงไว้อย่างนั้น ยังไม่ตวัดลิ้นกลับมาที่เดิม จนกว่าจะถึงจังหวะของโน้ตตัวถัดไป ซึ่ง
การบรรเลงเทคนิ คซตัคคาโตด้วยวิธีน้ ี ใช้กบั โน้ตที่กากับด้วยเครื่ องหมายซตัคคาโตเพียงเครื่ องหมายเดียว
ไม่มีเครื่ องหมายอื่นเข้ามาร่ วมด้วย
6. มาร์คาโต (Marcato)
“มาร์คาโต” เป็ นเทคนิคที่กาหนดให้ผบู ้ รรเลงเน้นเสี ยงให้ดงั มากกว่าโน้ตตัวอื่นเล็กน้อยเช่นเดียว
กับเทคนิคแอคเซินท์ แต่แตกต่างกันตรงที่ค่าของโน้ตที่ทาการเน้นเสี ยง กล่าวคือ ค่าของโน้ตที่เน้นเสี ยงด้วย
เทคนิคแอคเซินท์จะมีความยาวเท่ากับค่าโน้ตที่บนั ทึก ในขณะที่ค่าของโน้ตที่เน้นเสี ยงด้วยเทคนิคมาร์คาโต
จะสั้นกว่าค่าโน้ตที่บนั ทึก หรื ออีกนัยหนึ่ง การใช้เทคนิคมาร์คาโต ก็คือ การใช้เทคนิคแอคเซินท์ร่วมกับ
เทคนิคซตัคคาโตนัน่ เอง
เครื่ องหมายมาร์คาโต มีลกั ษณะเป็ นหัวลูกศรชี้ข้ ึน ( ^ ) เขียนกากับไว้ดา้ นบนของตัวโน้ตเท่านั้น ซึ่ง
คาว่า มาร์คาโต มาจากภาษาอิตาเลียน แปลว่า เน้น (ณัชชา โสคติยานุรักษ์, 2547, หน้า 179) และอาจ เนื่อง
ด้วยเครื่ องหมายมาร์ คาโตที่มีลกั ษณะคล้ายหน้าจัว่ หลังคา จึงพบว่ามีการเรี ยกเทคนิคมาร์คาโตด้วย
7. ทริ ล (Trill)
“ทริ ล” เป็ นภาษาอังกฤษ แปลว่า การออกเสี ยงรัว มีเครื่ องหมายเป็ นอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์เล็ก
ได้แก่ อักษรที (t) และอักษรอาร์ (r) เขียนติดกัน นอกจากนี้ อาจมีการเขียนเส้นคลื่น ต่อหลังตัวอักษร tr ซึ่ง
ถึงแม้วา่ จะมีเส้นคลื่นหรื อไม่มีเส้นคลื่นก็ตาม ก็ไม่มีความแตกต่างกันในการบรรเลง (นพพร ด่านสกุล,
2543, หน้า 84) โดยเทคนิคทริ ล เป็ นการเล่นโน้ตสองตัวสลับกันไปมาอย่างรวดเร็ว จัดเป็ นเทคนิคการใช้
โน้ตประดับ ชนิดหนึ่ง (ณัชชา โสคติยานุรักษ์, 2547, หน้า 320) โดยโน้ตสองตัวที่นามาเล่นสลับกัน จะเป็ น
โน้ตที่บนั ทึก สลับกับโน้ตที่มีระดับเสี ยงสู งกว่าซึ่งอยูต่ ิดกันตามลาดับขั้นในบันไดเสี ยงนั้น ๆ หรื อหาก
10
ผูป้ ระพันธ์ตอ้ งการ ให้โน้ตที่มีระดับเสี ยงสูงเป็ นโน้ตนอกบันไดเสี ยง ก็จะเขียนเครื่ องหมายทริ ลร่ วมกับ
เครื่ องหมายแปลงเสี ยง (Accidental)
จากการสารวจเทคนิคในการบรรเลงที่เหมาะสมที่ใช้ในการบรรเลงบทเพลง Fantasia for Tenor
Saxophone ในท่อนที่หนึ่ง มีท้ งั หมด 7 เทคนิค ได้แก่ ทังกิง, เลกาโต, เตนูโต, แอคเซินท์, ซตัคคาโต, ทริ ล
ซึ่งสามารถจาแนกเทคนิคต่าง ๆ ได้เป็ น 2 ระดับขั้น คือ เทคนิคขั้นพื้นฐาน เทคนิค ขั้นกลาง
เทคนิคขั้นพื้นฐาน เป็ นเทคนิ คที่นกั แซกโซโฟนปฏิบตั ิกนั ได้โดยทัว่ ไป ได้แก่ ทังกิง, เลกาโต, เตนู
โต, แอคเซินท์, ซตัคคาโต และ โดยเทคนิคขั้นพื้นฐานเหล่านี้ ถือว่าเป็ นเทคนิคที่ง่าย สามารถปฏิบตั ิ ได้โดย
ไม่ตอ้ งใช้การฝึ กฝนเท่าใดนัก
เทคนิคขั้นกลาง เป็ นเทคนิคที่ตอ้ งใช้การฝึ กซ้อมมากกว่าเทคนิคขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ทริ ล เทคนิคนี้
นักแซกโซโฟนจาเป็ นต้องมีการแบ่งการซ้อมในแต่ละห้อง ที่มีการใช้เทคนิคดังกล่าวออกเป็ นส่วน ๆ อย่าง
เฉพาะเจาะจง นอกจากนี้ ก่อนการซ้อมจาเป็ นต้องมีการ ศึกษาถึงการใช้นิ้ว และการวางปาก เพื่อให้การ
บรรเลงเกิดความต่อเนื่อง ราบรื่ น และเป็ นธรรมชาติ
2.2 ทฤษฎีด้านดนตรีที่เกีย่ วข้ อง
2.2.1 ทฤษฎีดนตรีตะวันตก
ผูว้ ิจยั ได้อา้ งอิง จากหนังสื อ “ทฤษฎีดนตรี ตะวันตก (Western Music Theory)” พิมครั้ งที่ 3 พ.ศ.
2564 โดย รองศาสตราจารย์ ดร.วิบูลย์ ตระกูลฮุน้ มีวตั ถุประสงค์หลักเพื่อใช้เป็ นคาอธิบายและคาบรรยาย
ให้แก่นักเรี ยน นักศึกษาและผูอ้ ่านที่สนใจสามารถทาความเข้าใจได้ด้วยตนเอง หนังสื อเล่นนี้ ประกอบ 3
ส่ วนหลัก ได้แก่ เนื้ อหา แบบฝึ กหัด และคาเฉลยในภาคผนวกท้ายเล่ม จะช่วยให้เข้าใจประพเด็นต่างๆ ได้ดี
ยิง่ ขึ้น นอกจากนี้ การจัดวางเนื้อหาในแต่ละบทครอบคลุมเนื้อหาในประเด็นที่เกี่ยวเนื่ องกัน
1. การวิเคราะห์ส่วนประกอบหลักของเพลง
2. การวิเคราะห์ประโยคเพลง
3. การวิเคราะห์สังคีตลักษณ์
1. ความจาที่เกิดขึน้ จากกล้ามเนื้อ
ํ อยๆให้เกิดความเคยชินเป็ นความจาที่ไม่
ความจาที่เกิดขึ้นจากกล้ามเนื้อนั้นเกิดจากการกระทาซ้าๆบ่
มัน่ คงเกิดขึ้นจากการจาการเคลื่อนไหวของนิ้วมือแขนข้อศอกและอิริยาบทต่างๆของร่ างกายในขณะฝึ กซ้อม
ํ แ้ สดงหลายคนอาจหลงผิดเพราะความจา
เกิดจากการที่กล้ามเนื้ อจดจาการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นอย่างซ้าๆผู
ลักษณะนี้ แทบไม่มีความแม่นยาเมื่อเทียบกับความจาที่เกิดขึ้นจากการคิดวิเคราะห์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ อผู ้
แสดงมี อาการตื่ นเต้นหรื อประหม่ าความจาที่ เกิ ดขึ้นจากกล้ามเนื้ ออาจหายไปโดยง่ ายในขณะแสดงเมื่ อ
เหตุการณ์ดงั กล่าวเกิดขึ้นก็ยากที่ผูแ้ สดงจะสามารถกลับมาบรรเลงให้ต่อเนื่องไปได้ตวั อย่างเช่นเมื่อบรรเลง
บทเพลงไปได้ระยะหนึ่ งและมีอาการประหม่าเกิดขึ้นผูแ้ สดงคนนั้นๆมักจะสะดุดหรื อหยุดจนต้องกลับไป
เริ่ มต้นบทเพลงใหม่และเมื่อบรรเลงไปถึงบริ เวณเดิมก็สะดุดหรื อหยุดอีกสิ่ งที่ควรทาคือต้องบรรเลงต่อไป
ข้างหน้าให้ได้อย่าย้อนกลับหรื อถอยหลัง
2. ความจาที่เกิดขึน้ จากการจาเสียง
3. ความจาที่เกิดจากการจาภาพ
การจาลักษณะนี้สามารถแบ่งออกเป็ น 2 ประเภท
4. ความจาที่เกิดจากการวิเคราะห์
2.3 กรอบแนวคิดงานวิจัย
จากการพิ จ ารณาขั้น ตอนข้า งต้น ทั้ง หมด ผู ้วิ จัย ได้น ามาสร้ า งกรอบแนวคิ ด และขั้น ตอนการ
ดาเนินงานวิจยั ของการศึกษาเทคนิคการแสดงเดี่ยวแซกโซโฟนในบทเพลง Fantasia Mov.I by Heitor Villa-
Lobos
วิเคราะห์บทเพลง
คัดเลือกบทเพลง นาเสนองานวิจยั
นาเสนอเทคนิคการ
แสดงเดี่ยว
16
บทที่ 3
วิธีการดาเนินวิจัย
ในการดาเนินงานวิจยั เรื่ อง การศึกษาเทคนิคการแสดงเดี่ยวแซกโซโฟนในบทเพลง Fantasia Mov.I
by Heitor Villa-Lobos มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผวู ้ ิจยั ได้ศึกษาและเข้าใจถึงตัวบทเพลงนี้ และได้ทราบถึงวิธีการ
ซ้ อ ม เทคนิ ค ในการบรรเลง รวมถึ ง การตี ค วามโครงสร้ า งของบทเพลงเพื่ อ ให้ แ สดงออกมาอย่ า งมี
ประสิ ทธิ ภาพ สาหรับวิธีการดาเนิ นวิจยั ผูว้ ิจยั ได้ศึกษา โดยเริ่ มจากการเก็บรวบรวมข้อมูลจากลุ่มกบุคคล
เป้ าหมายซึ่ งเป็ นผูม้ ีความรู ้ทางดนตรี ตะวันตก โดยใช้แบบสัมภาษณ์เป็ นเครื่ องมือ ในงานวิจยั แล้วจึงนา
ข้อมูลมาทาการวิเคราะห์
3.1 กลุ่มบุคคลเป้าหมาย
การวิจยั ในครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจยั เชิงคุณภาพ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายคือ คณาจารย์ผเู ้ ชี่ยวชาญ ภาควิชา
ดนตรี ศึกษา คณะครุ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จานวน 2 คน และ ภาควิชาดนตรี สากล คณะมนุษย์
ศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จานวน 1 คน ได้แก่
1. อาจารย์ ณัฐพล อาสว่าง
2. อาจารย์ กชพร อู่ไพบรู ณ์
3. อาจารย์ วีระศักดิ์ งามวงศ์รณชัย
ผูว้ ิ จัย ได้ใ ช้โ น้ต เพลง Fantasia Mov.I จากเว็บ ไซต์ IMSLP ย่อ มาจาก International Music Score
Library Project ซึ่ งเป็ นโครงการห้องสมุดโน้ตเพลงนานาชาติ หรื อมีอีกชื่อหนึ่ งว่า ห้องสมุดดนตรี เปตรุ ชชี
(Petrucci Music Library) ตั้งตามชื่อของออตตาเวียโน เปตรุ ชชี (ค.ศ. 1466 – 1539) ผูจ้ ดั พิมพ์โน้ตดนตรี ชาว
อิตาลี เป็ นโครงการจัดตั้งห้องสมุดดนตรี ออนไลน์ เพื่อเผยแพร่ โน้ตดนตรี ที่เป็ นสาธารณสมบัติ
3.5 ขั้นตอนการทาวิจัย
หลังจาก ขั้นตอนการเก็บข้อมูล ผูว้ ิจยั ได้ทาการศึกษาต่อโดยการนาข้อมูลที่ได้รวบรวมไว้เบื้องต้น
มาวิเคราะห์เพื่อใช้สาหรับการวิเคราะห์โครงสร้างของบทเพลงและฝึ กซ้อมเพื่อแสดงเดี่ยว โดยแบ่งขั้นตอน
ดังนี้
2) นาข้อมูลที่ได้จากการศึกษามาใช้วิเคราะห์เพื่อให้ได้วิธีการแสดงที่เหมาะสมและเป็ นไป
ตามวัตถุประสงค์ของงานวิจยั
3) ตีความและวิเคราะห์บทเพลง Fantasia Mov.I by Heitor Villa-Lobos
4) ฝึ กซ้อมแซกโซโฟนโดยนาข้อมูลที่ได้จากการรวบรวม ตีความ และวิเคราะห์ไว้ มาปรับ
ใช้เป็ นแนวทางในการแสดงเดี่ยว
5) สังเกตข้อบกพร่ องและปั ญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการฝึ กซ้อม รวมทั้งหาแนวทางในการ
แก้ไขข้อบกพร่ องและปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เพื่อให้การฝึ กซ้อมมีคุณภาพและเป็ นประโยชน์ต่อการทาวิจยั
(2) การนาเสนอเทคนิคในการบรรเลงและแนวทางการแสดงเดี่ยวบทเพลง
Fantasia Mov.I by Heitor Villa-Lobos
บทที่ 4
ผลการวิจัย
การวิจยั เรื่ อง การศึกษาเทคนิคการแสดงเดี่ยวแซกโซโฟนในบทเพลง Fantasia Mov.I by Heitor
Villa-Lobos ผูว้ ิจยั ขอนาเสนอผลในการวิจยั โดยมีท้ งั หมด 2 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 เพื่อวิเคราะห์บทเพลง Fantasia Mov.I by Heitor Villa-Lobos
ตอนที่ 2 เพื่อศึกษาเทคนิคการบรรเลงเดี่ยวแซกโซโฟนในบทเพลง Fantasia Mov.I by Heitor Villa-
Lobos
1. การวิเคราะห์ บทเพลง
บทประพันธ์เพลง Fantasia by Heitor Villa-Lobos มีท้ งั หมด 3 ท่อน โดยผูว้ ิจยั ได้นามาศึกษา 1
เพลง Fantasia Mov.I มีอตั ราความเร็วอยูท่ ี่ โน้ตตัวขาวเท่ากับ 112 bpm ซึ่งถือว่าเป็ นอัตราความเร็ว
ที่มีจงั หวะเร็ ว ก่อนที่จะลดอัตราความเร็ วในช่วงธีมหลักของเพลง หรื ออยูป่ ระมาณ โน้ตตัวขาวเท่ากับ 56
bpm จะเป็ นค่าความเร็วประมาณ Allegretto และ Largo ในช่วงธีมหลักของเพลง
21
2.5 ช่ วงหางเพลง
ช่วงหางเพลงหรื อเรี ยกอีกอย่างว่า “โคดา” (Coda) เป็ นช่วงสุดท้ายของเพลง ผูว้ ิจยั จึงจบบทเพลงด้วย
ความเข้มของเสี ยงที่ดงั โดยไม่มีการลดความเข้มของเสี ยง ก่อนจะสัญญาณกับ Accompaniment เพื่อบรรเลง
โน้ตตัวสุดท้าน เป็ นอันจบบทเพลงท่อนที่ 1 Anime
บทที่ 5
5.1 ความมุ่งหมายของการวิจัย
1. เพื่อวิเคราะห์บทเพลง Fantasia Mov.I by Heitor Villa-Lobos
2. เพื่อศึกษาเทคนิคการแสดงเดี่ยวแซกโซโฟนในบทเพลง Fantasia Mov.I by Heitor Villa-Lobos
5.2 วิธีการดาเนินวิจยั
การวิจยั เรื่ อง การศึกษาเทคนิ คการแสดงเดี่ยวแซกโซโฟนในบทเพลง Fantasia Mov.I by Heitor
Villa-Lobos ผูว้ ิจยั ได้กาหนดจุดมุ่งหมายในการวิจยั ตามลาดับขั้นตอนดังนี้
5.2.1 กลุ่มบุคคลเป้าหมาย
5.2.2 เครื่ องมือที่ใช้ในงานวิจยั
5.2.3 การสร้างเครื่ องมือในการวิจยั
5.2.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล
27
5.3 สรุปผลการวิจัย
จากการวิจยั ครั้งนี้ ผูว้ ิจยั ขอสรุ ปเป็ น 2 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 เพื่อวิเคราะห์ บทเพลง Fantasia Mov.I by Heitor Villa-Lobos
จากผลวิเคราะห์บทเพลง Fantasia Mov.I by Heitor Villa-lobos ผูว้ ิจยั ได้ผลว่า บทเพลงนี้ มีสังคีต
ลักษณ์แบบโซนาตา มีความยาวจานวน 125 ห้อง มีอตั ราความเร็ วที่เร็ ว ซึ่ งจะเป็ นค่าความเร็ วประมาณ
Allegretto ก่อนจะลดอัตราความเร็ วลงเป็ น Largo ในช่วงกลางเพลง มีอตั ราจังหวะซ้อนและอัตราจังหวะ
ธรรมดา เป็ นพื้นผิวแบบมีเสี ยงร่ วม ที่มีเสี ยงสอดแทรกประกอบช่วยให้ทานองมีความไพเราะมากขึ้น
โดยเริ่ มตอนนาเสนอในห้อง 1 – 5 เป็ น Sequence ไล่เสี ยงลงไปในทิศทางเดียวกัน จากนั้นเป็ นช่วง
เชื่อมระหว่างทานองหลักที่ 1 เข้าสู่ ทานองหลักที่ 2 ในห้อง 6 – 36 โดยการพัฒนาโมทีฟไปเลื่อยๆ ต่อด้วย
ช่วงเชื่ อมกลับที่เชื่ อมทานองหลักที่ 2 ให้กลับเข้าสู่ ทานองหลักที่ 1 ในห้อง 69 - 96 มีช่วงเชื่ อมระหว่าง
ทานองหลัก ก่ อนเข้า ห้องที่ 77 และมีการพัฒนาทานองในระหว่างห้องที่ 77 – 96 และ นั้นจนกลับเข้า สู่
ทานองหลักที่ 2 ช่วงสรุ ป ห้องที่ 97 - 117 และจบท่อนด้วยช่วงหางเพลง ห้องที่ 118 – 125 บทเพลงนี้ ส่วน
ใหญ่ จ ะใช้ ก ารเน้ น เสี ยงเพื่ อ ให้ ค วามเข้ ม ของเสี ยงออกมาชั ด เจนและมี ก ารไล่ เ รี ยงโน้ ต ของ
Scale,Mode,Octave Range,Arpeggio ตลอดทั้งบทเพลง
29
5.4 อภิปรายผล
ผลการวิจยั เรื่ อง การศึกษาเทคนิคการแสดงเดี่ยวแซกโซโฟนในบทเพลง Fantasia Mov.I by Heitor
Villa-Lobos สามารถสรุ ป และอภิปรายได้ดงั นี้
1. ผูว้ ิจยั ได้ทาการศึกษาและวิเคราะห์เรื่ องสังคีตลักษณ์ของบทเพลงเป็ นอันดับแรก เพื่อให้รู้ถึงลาดับ
ความสาคัญของบทเพลง จากนั้นจึงวิเคราะห์บทเพลงในเรื่ อง บันไดเสี ยง อัตราความเร็ว อัตราจังหวะ พื้นผิว
ของบทเพลง แล้วเริ่ มวิเคราะห์บทเพลงโดยละเอียดตามจุดประสงค์และเริ่ มหาแนวทางการฝึ กซ้อม การรบร
รเลง และเทคนิ คต่างๆ แล้วจึงเริ่ มซ้อม โดยซ้อมย้าหลายๆ รอบในอัตรจังหวะที่ชา้ ก่อนแล้วจึงค่อยๆ เร่ งขึ้น
เพื่อที่จะได้วิธีการซ้อมที่มีประสิ ทธิภาพมาก และได้วิธีการบรรเลงที่มีประสิ ทธิลผลมากในท้ายที่สุด โดย
ผูว้ ิจยั แบ่งบทเพลงเป็ นช่วงสั้นๆ โดยในแต่ละวันที่ทาการฝึ กซ้อม ควรตั้งเป้ าหมายให้แน่ชดั และหาโอกาส
31
5.5 ข้ อเสนอแนะ
5.5.1 ข้อเสนอแนะในการนาไปใช้
การวิจัยครั้ งนี้ เป็ นการเผยแพร่ ค วามรู ้ ค วามเข้าใจเกี่ ยวกับทักษะการแสดงเดี่ ย วแซก
โซโฟนในบทเพลง Fantasia Mov.I by Heitor Villa-Lobos เพื่ อ เป็ นประโยชน์ ต่ อ การพัฒ นา
เทคนิคการบรรเลงแซกโซโฟน
การวิจยั ครั้งนี้ เหมาะสาหรับผูท้ ี่มีความสนใจในการบรรเลงแซกโซโฟนและมีความรู ้
ความเข้าใจเกี่ยวกับการบรรเลง เพื่อสามารถนาเทคนิคการบรรเลงและการฝึ กซ้อมไปใช้ให้เกิด
ประสิ ทธิภาพสู งสุ ด
งานวิจยั นี้สามารถนาไปใช้เป็ นประโยชน์ต่อผูท้ ี่สนใจศึกษาเพลงจากยุคเดียวกันไม่วา่ จะ
เป็ นด้านการศึ กษาทฤษฎี ดนตรี ทฤษฎี การวิเคราะห์ดนตรี ประวัติศาสตร์ ดนตรี รวมถึ งการ
ประพันธ์บทเพลง
32
บรรณานุกรม
ณัชชา พันธุ์เจริ ญ. (2560). สังคีตลักษณ์ และการวิเคราะห์ (พิมครั้งที่ 6). กรุ งเทพฯ: สานักพิมพ์เกศกะรัต.
ณัชชา พันธุ์เจริ ญ. (2554). พจนานุกรมศัพท์ ดุริยางคศิลป์ (พิมครั้งที่ 4). กรุ งเทพฯ: สานักพิมพ์เกศกะรัต.
ณัชชา โสคติยานุรักษ์. (2547). พจนานุกรมศัพท์ ดุริยางคศิลป์ (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุ งเทพฯ: สานักพิมพ์
แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ณรุ ทธ์ สุ ท ธจิ ต ต์ . (2557). สั ง คี ต นิ ย ม: ความซาบซึ ้ ง ในดนตรี ตะวั น ตก (พิ ม พ์ ค รั้ งที่ 2). กรุ งเทพฯ:
แอคทีฟพริ้ นท์.
ธีรพล หลิว. (2560). การตีความและฝึ กซ้ อมในบทเพลงเปี ยโนโซนาตา หมายเลข 23 ลาดับที่ 57
ของเบโทเฟน. (วิทยานิพนธ์ดุริยางคศาสตรมหาบัณฑิต). ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยรังสิ ต.
เหมรั ฐ รั ง ศรั ณ ย์. (2559). การศึ ก ษาการแสดงเดี่ ย วกี ต าร์ คลาสสิ ค ระดั บ ปริ ญญามหาบั ณ ทิ ต ศึ ก ษา.
(วิทยานิพนธ์ดุริยางคศาสตรมหาบัณฑิต). กรุ งเทพ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ณัฐอร เลาหวงศ์เพียรพุฒิ. (2555). การแสดงเดี่ยวแซ็กโซโฟน โดยณัฐอร เลาหวงศ์ เพียรพุฒิ.
(วิทยานิพนธ์ศิลปกรรมศาตร์มหาบัณฑิต). กรุ งเทพ: จุฬาลงกนณ์มหาวิทยาลัย.
ปรัชญา เขมนาค. (2558). การแสดงเดี่ยวโอโบ ระดับมหาบัณทิตศึกษา Graduate Oboe Recital.
(วิทยานิพนธ์ศิลปะศาตรมหาบัณทิต). นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหิดล.
ภาวไล ตันจันทร์พงศ์. (2555). การสร้ างความมั่นใจสาหรั บการแสดงเดี่ยว. วารสารดนตรี รังสิ ต,7(1), 40-47.
วิบูลย์ ตระกูลฮุน้ . (2564). ทฤษฎีดนตรี ตะวันตก (พิมครั้งที่ 3). กรงเทพฯ: ธนาเพรส.
อภิชยั เลี่ยมทอง. (2555). หลักการสาคัญสาหรั บการฝึ กซ้ อมดนตรี เพื่อประสิ ทธิ ภาพสูงสุด. วารสาร
ดนตรี รังสิ ต, 7(1), 29-39.
Appleby, David P. 1988. Heitor Villa-Lobos: A Bio-Bibliography. New York: Greenwood Press.
ISBN 0-313-25346-3.
Butler, James Dale. 1994. "Heitor Villa-Lobos: The Compositional Use of the Saxophone in Orchestral,
Chamber, and Solo Repertoire". DMA treatise. Austin: University of Texas at Austin.
Horwood, Wally (1992) [1983]. Adolphe Sax, 1814–1894: His Life and Legacy ((Revised edition) ed.).
Herts: Egon Publishers. ISBN 978-0-905858-18-0.
Peppercorn, Lisa M. 1996. The World of Villa-Lobos in Pictures and Documents. Aldershot, Hampshire,
England: Scolar Press; Brookfield, Vermont: Ashgate Publishers. ISBN 1-85928-261-X.
Gabel, D and Villmow, M. (2012). Understanding And Teaching Woodwind Instruments. New York:
Oxford University Press.
Van Regenmorter, Paula J. 2009. "Brazilian Music for Saxophone: A Survey of Solo and Small Chamber
Works". DMA diss. University of Maryland, College Park.
34
ภาคผนวก
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63