Professional Documents
Culture Documents
ความถี่ของคลื่นแสงที่แตกต่างกันนั้นขึ้นอย่่กับความเร็วในการสั่นสะเทือน
ถ้าหากคลื่นแสงยิ่งมีความสั่นสะเทือนมากก็จะยิ่งมีความถี่มากแต่
ความยาวคลื่นก็จะยิ่งน้อย โดยแสงที่เรามองเห็นได้น้ันเป็ น
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าที่มีความถี่ในระดับที่ดวงตาของมนุษย์สามารถมองเห็น
ได้ ซึง
่ ปกติแล้วแสงจะเคลื่อนที่ในสุญญากาศด้วยความเร็ว 299,792,458
เมตรต่อวินาที
จำำแนกวัตถุตำมกำรส่องผ่ำนของแสงได้ดังนี้
• วัตถุโปร่งใส คือวัตถุท่ียอมให้แสงส่องทะลุผ่านได้โดยง่าย
• วัตถุโปร่งแสง คือวัตถุท่ียอมให้แสงผ่านไปได้เพียงบางส่วน
• วัตถุทึบแสง คือวัตถุท่ีไม่ยอมให้แสงผ่านไปได้เลย
สมบัติพ้ ืนฐำนของแสงได้แก่
• ความเข้ม (ความสว่างหรือแอมพลิจ่ด) ซึ่งปรากฏแก่สายตามนุษย์ใน
ร่ปความสว่างของแสง
• ความถี่ (หรือความยาวคลื่น) ซึง
่ ปรากฏแก่สายตามนุษย์ในร่ปสีของ
แสง
• โพลาไรเซชัน (มุมการสั่นของคลื่น) ซึ่งโดยปกติมนุษย์ไม่สามารถรับร้่
ได้
แสงคืออะไร?
คร่าวคร่าว..
แสง
จากวิกพ
ิ ีเดีย สารานุกรมเสรี
แสงมีคุณสมบัติทวิภาวะ กล่าวคือ
1. แสงเป็ นคลื่น : แสงเป็ นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ า โดยที่ระนาบการสั่นของ
สนามแม่เหล็กตั้งฉากกับระนาบการสั่นของสนามไฟฟ้ า และตั้งฉาก
กับทิศทางการเคลื่อนที่ของคลื่น และแสงก็มก ี ารเลี้ยวเบนด้วย ซึ่ง
การเลี้ยวเบนก็แสดงคุณสมบัติของคลื่น
2. แสงเป็ นอนุภาค : แสงเป็ นก้อนพลังงานมีค่า
พลังงาน E = hf โดยที่ h คือค่าคงตัวของพลังค์ และ f คือความถี่ของ
แสง เรียกอนุภาคแสงว่าโฟตอน
[แก้]รังสีแม่เหล็กไฟฟ้ าที่มองเห็นได้
[แก้]ความเร็วของแสง
บทความหลัก: อัตราเร็วของแสง
นั กฟิ สิกส์หลายคนได้พยายามทำาการวัดความเร็วของแสง การวัด
แรกสุดที่มีความแม่นยำานั้ นเป็ นการวัดของ นั กฟิ สิกส์ชาวเดนมาร์ก Ole
Rømer ในปี ค.ศ. 1676 เขาได้ทำาการคำานวณจากการสังเกตการ
เคลื่อนที่ของดาวพฤหัสบดี และ ดวงจันทร์ไอโอ ของดาวพฤหัสบดี โดย
ใช้กล้องด่ดาว เขาได้สังเกตความแตกต่างของช่วงการมองเห็นรอบของ
การโคจรของดวงจันทร์ไอโอ และได้คำานวณค่าความเร็วแสง
227,000 กิโลเมตร ต่อ วินาที (ประมาณ 141,050 ไมล์ ต่อ วินาที)
หรือค่าประมาณ 3x10 ยกกำาลัง 8== อ้างอิง ==
[แก้]การหักเหของแสง
เมื่อลำาแสงวิ่งผ่านเข้าส่่ตัวกลางจากสุญญากาศ หรือวิ่งผ่านจาก
ตัวกลางหนึ่ งไปยังอีกตัวกลางหนึ่ ง แสงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ความถี่ แต่เปลี่ยนความยาวคลื่นเนื่ องจากความเร็วที่เปลี่ยนไป ใน
กรณี ท่ีมุมตกกระทบของแสงนั้ นไม่ต้ ังฉากกับผิวของตัวกลางใหม่ท่ี
แสงวิ่งเข้าหา ทิศทางของแสงจะถ่กหักเห ตัวอย่างของปรากฏการณ์
หักเหนี้ เช่น เลนส์ต่างๆ ทั้งกระจกขยาย คอนแทคเลนส์ แว่น
สายตา กล้องจุลทรรศน์ กล้องส่องทางไกล
[แก้]สีและความยาวคลื่น
ความยาวคลื่นที่แตกต่างกันนั้ น จะถ่กตรวจจับได้ด้วยดวงตา
ของมนุ ษย์ ซึ่งจะแปลผลด้วยสมองของมนุ ษย์ให้เป็ นสีต่างๆ ใน
ช่วง สีแดงซึ่งมีความยาวคลื่นยาวสุด (ความถี่ตำ่าสุด) ที่มนุ ษย์มอง
เห็นได้ ถึงสีม่วง ซึ่งมีความยาวคลื่นสั้นสุด (ความถี่ส่งสุด) ที่มนุ ษย์
มองเห็นได้ ความถี่ท่ีอย่่ในช่วงนี้ จะมีสส้
ี ม, สีเหลือง, สี
เขียว, สีน้ ำาเงิน และ สีคราม
[แก้]หน่วยวัดแสง
หน่วยที่ใช้ในการวัดแสง
ความจ้า (brightness) หรือ อุณหภ่มิ(temperature)
ความสว่าง (illuminance หรือ illumination)
(หน่ วย SI: ลักซ์ (lux))
ฟลักซ์ส่องสว่าง (luminous flux) (หน่ วย SI: ล่
เมน (lumen))
ความเข้มของการส่องสว่าง (luminous intensity) (หน่ วย
SI: แคนเดลา (candela))
นอกจากนี้ ยังมี:
ความสุกใสของแสง (brilliance) หรือ แอมปลิ
จ่ด (amplitude)
สี (color) หรือ ความถี่ (frequency)
โพลาไรเซชั่น (polarization) หรือ มุมการแกว่งของคลื่น
(angle of vibration)
[แก้]หน่วย SI ของกำรวัดแสง
หน่วย SI ของแสง
ตั
ว
ปริมำณ หน่วย SI หมำยเหตุ
ย่
อ
พลังงานของการ
จ่ล (joule) J
ส่องสว่าง
ล่เมน (lumen)
อาจเรียกว่า กำาลัง
หรือ แคนเดลา · ส
ฟลักซ์ส่องสว่าง (L l ของความสว่าง
เตอเรเดียน (can
uminous flux) m (Luminous
dela ·
power)
steradian)
ความเข้มของการ
แคนเดลา (cande
ส่องสว่าง (Lumin cd
la)
ous intensity)
cd
ความเข้มของ แคนเดลา/ตาราง อาจเรียกว่า ความ
/
ความสว่าง (Lumi เมตร (candela/s หนาแน่ นของความ
m
nance) quare metre) 2 เข้มการส่องสว่าง
[แก้]ด่เพิ่ม
คุณสมบัติของแสง
กำรเดินทำงแสงเป็นเส้นตรง
ในตัวกลางที่มีค่าดัชนี การหักเห (refractive index ; n) ของแสงเท่า
กัน แสงจะเดินทางเป็ นเส้นตรงโดยค่า n สามารถหาได้จากสมการ 2.1
(2.1)
โดยที่ คือ ความเร็วของแสงในส่ญญากาศ
คือ ความเร็วของแสงในตัวกลางนั้นๆ
ตั
ค่
อ
ว
ำ
1
เพ
า
2.
ดั
ก
แ
ช
1.
ก
4
ล
ช
เส้
ก้
1.
ร
5
า
2
นี
ำ
น้
นใ
1.
ว-
5
ศ
ก
ง
ำ
ย
3
1.
ำ ตำรำงที่ 2.2 ค่าดัชนี การหักเหโดยปกติของตัวกลางต่างๆ
แ
3
9
ร
สง
หั
กำรสะท้
กเ อน
ห การสะท้อนของแสงสามารถแบ่งออกได้เป็ น 2 ลักษณะ คือ
» กำรสะท้อนแบบปกติ (Regular reflection) จะเกิดขึ้นเมื่อ
แสงตกกระทบกับวัตถุท่ีมีผิวเรียบมันวาวดังร่ปที่ 2.2