Professional Documents
Culture Documents
การรักษาด้วยความร้อนลึกแบบคลื่นสั้น
(Shortwave diathermy therapy, SWD)
ผศ.ดร.ปริญญา เลิศสินไทย
ภาควิชากายภาพบาบัด มหาวิทยาลัยนเรศวร
วัตถุประสงค์
เมื่อสิ้นสุดการเรียนการสอนเรื่องการรักษาด้วยการบาบัดด้วยคลื่นสั้น (SWD) นิสิตกายภาพบาบัด
จะต้องสามารถ
1. อธิบายหลักการพื้นฐานของการสร้างคลื่น คุณสมบัติ ชีวฟิสิกส์ ผลในการรักษาของคลื่นสั้น (SWD)
ได้อย่างถูกต้อง
2. อธิบายข้อบ่งชี้ (Indication) ข้อควรระวัง (Precaution) และ ข้อห้ามใช้ (Contraindication) ของ
คลื่นสั้น (SWD) ได้อย่างถูกต้อง
3. อธิบายเทคนิควิธีการรักษา และ การตั้งค่าตัวแปรรักษาของคลื่นสั้น (SWD) ได้อย่างถูกต้อง
4. คานวณระดับพลังงานของคลื่นสั้น ได้ทั้งแบบปล่อยพลังงานต่อเนื่อง (Continuous SWD, CSWD)
และ แบบปล่อยพลังงานเป็นช่วง (Pulsed SWD, PSWD)
5. เปรียบเทียบวิธีการ ผลการรักษา และ ข้อบ่งใช้ ระหว่าง CSWD และ PSWD ได้
6. เลือกหัวส่งพลังงาน (Electrodes) และ แสดงวิธีการรักษาด้วยคลื่นสั้น (SWD) ในการรักษาผู้ป่วย
ประเภทต่างๆได้อย่างถูกต้อง และ เหมาะสมกับพยาธิสภาพของผู้ป่วยได้
7.บอกความแตกต่างของ Superficial heat, SWD, MWD และ US ได้
ผู้ที่มีบทบาทสาคัญ ๆ เกี่ยวข้องกับการเกิดความร้อนลึกแบบคลื่นสั้นที่น่าสนใจคือ
ใน ปี ค.ศ. 1890 Professor Arsene D’ Arsonval เป็นบุคคลแรกที่ได้ค้นพบว่า เมื่อใช้กระแสไฟฟ้า
สลับที่มีความถี่เกินกว่า 5,000 รอบ/วินาที กระตุ้นกล้ามเนื้อจะเกิดการหดตัว ของกล้ามเนื้อน้อยมากและ
ความถี่เพิ่มขึ้นจนถึง 10,000 รอบ/วินาที กล้ามเนื้อก็จะไม่มีการหดตัวเกิดขึ้นให้เห็นเลย (Lehmann JF,1990)
ใน ปี ค.ศ. 1907 Franz Nagel Schmidt ได้ แ สดงให้ เ ห็ น ว่ า กระแสไฟฟ้ า ที่ มี ค วามถี่ สู ง (high
frequency current) สามารถก่อให้เกิดความร้อนในเนื้อเยื่อของร่างกายได้ และเป็นบุคคลแรกที่นาคาว่า
“Diathermy” มาใช้ (ศรีวรรณ ปัญติ, 2541)
ใน ปี ค.ศ. 1928 Schliephake และคณะ ได้เริ่มนาการเกิดความร้อนลึ กแบบคลื่นสั้ นมาใช้รั ก ษา
ผู้ป่วยเป็นครั้งแรกต่อมาได้มีการนาความถี่ของคลื่นสั้นมาใช้ในการรักษาทางการแพทย์ โดยเครื่องมือในการ
ผลิตคลื่นสั้น (shortwave diathermy SWD) ได้ถูกกาหนดให้มี 3 แถบความถี่ คือ 13.56 MHz (22.12 m),
27.12 MHz (11.06 m) ,และ 40.68 MHz (7.50 m) แต่แถบคลื่นความถี่ 27.12 MHz ซึ่งมีความยาวคลื่ น
11.06 เมตร เป็นที่นิยมในการนามาใช้รักษามากที่สุด เนื่องจากมีความกว้างของแถบมากที่สุด เพื่อให้เกิดความ
ร้อนภายในเนื้อเยื่อส่วนลึกของร่างกาย และมีการแทรกสอดคลื่นน้อยจึงนิยมใช้กัน (Prentice WE,1998; Al-
Mandel MM, 2008; Robertson V,2009)
การคานวณความยาวคลื่น (wavelength) ของ Electromagnetic spectrum หาได้จากสูตรของ
Maxwell Law โดยกาหนดให้ค่า Velocity (C) เท่ากับ 3 x 108 m/s (Lehmann JF,1990)
V=fxL
L = 3x108 / 27.12 MHz
L= 11.06 m
วงจรของเครื่องผลิตความร้อนลึกแบบคลื่นสั้น (Al-Mandel MM, 2008; Robertson V,2009)
เครื่องผลิตความร้อนลึกแบบคลื่นสั้นประกอบด้วยวงจรพื้นฐานสาคัญ 4 ส่วนคือ (ภาพที่ 2)
1. วงจรแหล่งจ่ายไฟ (Power supply) 50 Hz, 220 V
2. วงจรแปลงสัญญาณไฟ (Transformer and rectifier) รวมทั้งวงจรการปรับคลื่น
(Oscillating circuit) เพื่อให้ได้ความถี่ 27.12 เมกะเฮิร์ทซ (MHz)
3. วงจรขยายสัญญาณ (Power amplifier) ขยายสัญญาณจากวงจรแปลงสัญญาณให้มากเพียงพอ
สาหรับใช้ในการรักษา
4. วงจรผู้ป่วย (Patient circuit หรือ resonator) ที่สามารถปรับได้ทั้งวิธีการใช้และอิเล็คโตรดให้
เป็น ชนิด Condenser หรือขดลวด (coil)
ส่วนประกอบที่ใช้กับเครื่อง
ส่วนประกอบที่สาคัญของคลื่นสั้น คือ อิเล็คโตรด ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ชนิด (Lehmann JF,1990) คือ
1. คอนเดนเซอร์ (Condenser หรือ capacitor electrodes) (ภาพที่ 3) เป็นชนิดให้ความร้อนได้
ดีในชั้นเนื้อเยื่อที่มีน้าเป็นองค์ประกอบน้อย (Low water content เช่น ชั้น Fat, Bone, Joint, Ligament
หัวส่งขนืดนี้มี 2 ชนิดย่อย (Prentice WE,1998; Al-Mandel MM,2008; Robertson V,2009) คือ
- Air space electrode หัวส่งแบบแผ่นแบนทรงกลม มีหลายขนาด นิยมใช้คือ ขนาดแผ่นโลหะเก็บ
ประจุเส้นฝ่าศูนย์กลาง 7.5 cm และ 17.5 cm โดยมีฝาครอบแก้ว หรือ พลาสติกครอบไว้ เพื่อป้องกันโลหะ
สัมผัสผิวหนังโดยตรง โดยขณะใช้งานจะต้องวางแผ่นทั้ง 2 บนบริเวณที่ต้องการให้เกิดความร้อน โดยส่วน
ร่างกายของผู้ป่วยจะเป็นส่วนหนึ่งของวงจรไฟฟ้าขณะที่รักษา (Electric circuit) Air space สามารถปรับ
ระยะหว่างของแผ่นโลหะกับผิวหนังได้ โดยปกติจะต้องห่างจากผิวหนัง 2-4 cm หรือ 1-1.5 inch ตามความ
เหมาะสมของพยาธิสภาพ (ขนาดเล็กใช้กับส่วนข้อต่อเล็กๆ เช่น ข้อนิ้วมือ ข้อมือ ในขณะที่ขนาดใหญ่ใช้กับ
บริเวณกว้าง หรือข้อขนาดใหญ่ เช่น ข้อไหล่ ข้อสะโพก ข้อเข่า ข้อศอก หลัง ก้น เป็นต้น การสางหัวส่งขนิด
Air space electrode จะต้องวางให้แนวขนานไปกับส่ วนร่างกายเสมอ นอกจากนี้ electrode ต้องมีขนาด
ใหญ่กว่าบริเวณที่รักษาเล็กน้อยเสมอ เพื่อให้สนามไฟฟ้าสถิต (Electrostatic field) วิ่งสม่าเสมอและหนาแน่น
- Rubber flexible plate/ Rubber pad electrode หัวส่งแบบแผ่นแบนทรงสี่เหลี่ยมมีหลาย
ขนาด โดยผลิ ต จากยางร่ ว มกั บ โลหะผสมพิ เ ศษ โดยมั ก วางบนแผ่ น กั น ซั บ หรื อ ผ้ า ขนหนู เพื่ อ ไม่ ใ ห้ แ ผ่ น
Electrodeสั มผั ส กับ ผิ ว หนั งโดยตรง โดยการวางนั้นจะวางแบบเดียวกับ Air space electrode โดยปกติ
จะต้องห่างจากผิวหนัง 2-4 cm หรือ 1-1.5 inch เช่นกัน นอกจากนี้ electrode ต้องมีขนาดใหญ่กว่าบริเวณ
ที่รักษาเล็กน้อยเสมอ เพื่อให้สนามไฟฟ้าสถิต (Electrostatic field) วิ่งสม่าเสมอและหนาแน่น
2. ขดลวด (Inductor หรือ coil field method หรือ cable method) เป็นหัวส่งที่ให้ความร้อน
ในชั้นเนื้อเยื่อที่มี น้าอยู่มาก หรือมีระบบไหลเวียนดี (High water content) เช่น กล้ามเนื้อ, เส้นประสาท,
อวัยวะภายใน, เส้นเลือด เป็นต้น (ภาพที่ 4)
- ขดลวดเหนี่ยวนา (induction coil) เป็นขดลวดที่ใช้พันส่วนของร่างกาย (Cable electrode)
หรือพันวนเป็นแผ่นแบบ (Pancake type) การพันขดลวดชนิดนี้บนบริเวณที่ต้องการรักษา จะต้องหาผ้าขนหนู
รองบริเวณที่จะรักษาหนาประมาณ 2-5 cm โดยทาการพันรอบส่วนแขน ขา ให้แต่ละวงห่างกัน 1.5 cm
เพื่อให้สนามแม่เหล็ก (Magnetic fields) สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วๆบริเวณรักษา และป้องกันไม่ให้เกิดการร้อนที่
ผิวมากเกินไป
Shortwave diathermy (SWD_PT NU) 4
Asst.Prof. Parinya Lertsinthai, Ph.D, PT.
- หัวส่ง รู ปแบบพิเ ศษ มีรู ป ร่ างตามวัส ดุที่ห่ อหุ้ ม เช่น Drum (Diplode, Flexiplode), Monode,
Minode และ Circuplode) เป็นต้น โดยปกติจะต้องวางหัวส่งขนิดนี้ให้ห่างกับผิวหนัง 2-4 cm เพื่อให้พลังงาน
สนามแม่เหล็ก (Magnetic fields) สามารถสร้างความร้อนได้ลึกลงไป 3-5 cm
ภาพที่ 4 อิเล็คโตรดชนิด Inductor Coil และ ชนิด Drum (Diplode, Flexiplode), Minode, Monode
(ที่มา: ศรีวรรณ ปัญติ, 2541)
Shortwave diathermy (SWD_PT NU) 5
Asst.Prof. Parinya Lertsinthai, Ph.D, PT.
H = 0.24 x I 2 x R x T
H = ปริมาณความร้อนที่เกิดขึ้นในเนื้อเยื่อ
I = ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านเนื้อเยื่อ
R = ปริมาณความต้านทานของเนื้อเยื่อแต่ละชนิด
T = เวลาที่ใช้รักษา
ภาพที่ 6 สนามไฟฟ้ า เกิ ด ขึ้ น จากการใช้ อิ เ ล็ ค โตรด (Electrode) แบบ Condenser หรื อ Capacitor
electrode ไ ด้ แ ก่ Air space electrodes แ ล ะ Rubber pad electrodes ซึ่ ง เ ป็ น ส น า ม ไ ฟ ฟ้ า แ บ บ
Electrostatic field ซึ่งเป็นสนามไฟฟ้าสถิตย์ (Electrostatic fields) โดยส่วนของร่างกายที่ต้องการรักษาจะ
ว่างอยู่ระหว่างอิเล็คโตรด 2 อัน (Contra-planar technique) โดยถ้าสนามไฟฟ้ายิ่งมากจะมีผลทาให้ เกิด
ความร้อนในเนื้อเยื่อมากตาม
ภาพที่ 8 กลไกการสร้ างความร้ อนในเนื้อเยื่อ (Volume heating) จากแผ่ นเก็บประจุ (Capacitors) โดย
เนื้อเยื่อที่ผ่านสนามไฟฟ้าจะทาให้เกิดการเคลื่อนกลับไปมาอย่างเร็วของไอออน (Ion motion) ส่วนโมเลกุลที่มี
ขั้ว (Dipolar molecule) เช่น โมเลกุลน้าจะเกิดการบิดหมุนอย่างเร็ว (Rotation) และอนุภาคชนิดไม่มีประจุ
(Non –charge particle) ซึ่งเป็นโมเลกุลชนิดที่ไม่มีขั้ว (non-polar) เช่น ไขมัน เมื่อผ่านกระแสไฟฟ้าความถี่
สูงเข้าไป โมเลกุชนิดนี้ก็จะเกิดการตอบสนองต่อสนามไฟฟ้าด้วยในลักษณะของการเคลื่อนตัวแคบๆและการ
บิดตัว (Distortion) ซึ่งก็จะทาให้เกิดความร้อนขึ้น เป็นต้น (ที่มา: Robertson V, et al,2009)
Shortwave diathermy (SWD_PT NU) 9
Asst.Prof. Parinya Lertsinthai, Ph.D, PT.
A. B.
C.
ภาพที่ 14 แสดงความเข้มของสนามไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจากระยะห่างของอิเล็คโตรดที่ใกล้ชิดผิวหนังมาก
(ที่มา: Bouwhuijsen FD,1985)
4. ขนาดของอิเล็คโตรดเมื่อเทียบกับพื้นที่เนื้อเยื่อที่ต้องการรักษา
-ขนาดของอิเล็คโตรดเล็กกว่าเนื้อเยื่อที่ต้องการรักษา ความเข้มของสนามไฟฟ้าจะเบนกระจายออก
และวิ่งไม่เป็นเส้นตรง (ภาพที่ 19)
-ขนาดของอิเล็คโตรดใหญ่กว่าเนื้อเยื่อที่ต้องการรักษามาก ความเข้มของสนามไฟฟ้ามีการกระจาย
น้อย วิ่งเป็นเส้นตรง และได้บริเวณกว้าง ความเข้มของคลื่นจะอยู่ใกล้กับอิเล็คโตรด (ภาพที่ 20)
-ขนาดของอิเล็คโตรดใหญ่กว่าเนื้อเยื่อที่ต้องการรักษาเล็กน้อย ความเข้มของสนามไฟฟ้ามีมาก และ
ได้บริเวณกว้างกว่าพื้นที่เนื้อเยื่อที่ต้องการรักษา ซึ่งตรงตามวัตถุประสงค์ของการรักษา (ภาพที่ 21)
-กรณีที่ผิวทั้งสองด้านของอวัยวะที่ต้องการรักษาไม่ได้ขนานกัน มีลักษณะของความโค้งต่างกัน การ
วางอิเล็คโตรดขนานกันลักษณะตรงข้ามกัน ความเข้มของคลื่นจะสูงบริเวณที่ใกล้ผิวหนังมากที่สุด และถ้าวาง
อิเล็คโตรดขนานกับผิวของร่างกาย ความเข้มของคลื่นจะสูงบริเวณผิวที่อิเล็คโตรดทั้งสองอยู่ใกล้ผิว ดังนั้นเพื่อ
ประโยชน์ในการรักษามากที่สุดควรปรับการวางอิเล็คโตรดแบบกึ่งขนานกับอิเล็คโตรดและบริเวณที่ต้องการ
รักษา (ภาพที่ 22)
ภาพที่ 19 แสดงการกระจายของสนามไฟฟ้าในกรณีที่ใช้อิเล็คโตรดที่เล็กกว่าบริเวณที่รักษา
(ที่มา: Bouwhuijsen FD,1985)
Mean power (Watts) = Pulsed duration (sec) x Pulse repetition rate (Hz) x Peak Power (watts)
ตัวอย่าง 1. การคานวณค่าพลังงานเฉลี่ย
เช่น PSWD peak power = 35 W, Frequency 400 Hz, Pulse duration 0.4 msec
Mean power = 0.0004 sec x 400 Hz x 35 W
Mean Power = 5.6 Watts
ดังนั้นการตั้งค่านี้จะไม่ เกิดความร้อน เพราะถ้าจะเกิดความร้อนในเนื้อเยื่อจะต้องมีค่าพลังงานเฉลี่ย
มากกว่า 12 วัตต์ (<12 Watts)
ตัวอย่าง 2. การคานวณค่าพลังงานเฉลี่ย
เช่น นักกายภาพบาบัดตั้งค่าเครื่อง SWD แบบ Pulsed mode ดังนี้
ค่า Frequency PSWD ที่ 20 Hz
ค่า Pulse duration = 0.4 msec (บริษัทตั้งค่ามาแน่นอน)
ถ้าเปิดกาลังส่งออกสูงสุด เบอร์ No.10 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 1,000 Watts
คาถาม : 1. การตั่งค่าเครื่อง PSWD จะให้พลังงานเฉลี่ยเท่าไร (Watts) ?
ตอบ Mean Power = 8 Watts
2. ได้ผลด้านความร้อนเกิดขึ้นชัดเจนหรือไม่ ?
ตอบ การตั้งค่านี้จะไม่เกิดความร้อน เพราะถ้าจะเกิดความร้อนในเนื้อเยื่อจะต้องมีค่าพลังงานเฉลี่ย
มากกว่า 12 วัตต์ (<12 Watts
8. ข้อห้าม (Contraindications)
(Prentice WE,1998; Al-Mandel MM,2008; Robertson V,2009)
สาหรับ Thermal-level (CSWD)
- Acute injury or inflammation
- Recent or potential hemorrhage
- Thrombophlebitis
- Impaired sensation
- Impaired menstruation
- Malignancy
- Metal implants or pacemakers
- Pregnancy
- Eyes
- Testes
- Growing epiphyses
สาหรับ Non-thermal -level
- Internal organs
- As a substitute for conventional therapy for edema and pain
- Pacemaker (warning)
- Metal implants at the treatment site (warning)
Shortwave diathermy (SWD_PT NU) 24
Asst.Prof. Parinya Lertsinthai, Ph.D, PT.
ข้อควรระวัง (Precautions)
(Prentice WE,1998; Al-Mandel MM,2008; Robertson V,2009)
สาหรับ Thermal -level
- Electronic or magnetic equipment in the field
- Obesity
- Menstruation
- Copper-bearing intrauterine contraceptive devices
สาหรับ Non-thermal- level
- Electronic or magnetic equipment in the field
- Obesity
- Copper-bearing intrauterine contraceptive devices
- Pregnancy
- Skeletally immature patients
9. อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ SWD
(Prentice WE,1998; Al-Mandel MM,2008; Robertson V,2009)
1. การพองไหม้ (Burn) ซึ่งสาเหตุเกิดจากการที่ใช้ความเข้ม (Dose) ในการรักษาที่มากเกินไป ชนิด
ของเนื้ อเยื่ อซึ่งมีชั้น ของไขมัน มีปั จ จั ย เสี่ย งมากที่สุดส าหรับการเกิดอาการไหม้จากการใช้อิเล็คโตรดชนิด
capacitive plate เพราะชนิดของอิเล็กโตรดนี้จะมีผลของความร้อนมากต่อชั้นไขมัน และชั้นไขมันก็เป็นชั้นที่
มีการไหลเวียนของโลหิตน้อยกว่าในชั้นกล้ามเนื้อและผิวหนัง จึงทาให้มีโอกาสเกิดอาการไหม้ได้ง่ายกว่าชั้นอื่น
ๆ สามารถ
ป้องกันได้โดย
-ตรวจข้อห้ามใช้ บริเวณที่ต้องการรักษา และถามอาการผู้ป่วยระหว่างการให้การรักษา
-ตรวจความรู้สึกร้อนของผิวหนัง
-ผิวต้องแห้งไม่มีเหงื่อ
-วางอิเล็คโตรดให้เหมาะสม
2. ไฟฟ้าช๊อต (Electric shock) อาจเกิดขึ้นกับทั้งผู้ป่วยและผู้ให้การรักษา สามารป้องกันได้โดย
-ไม่เพิ่มความเข้มจนกว่าจะต่ออิเล็คโตรดเข้ากับเครื่องถูกต้องเรียบร้อยแล้ว
-เครื่องมือต่อกับสายดิน
-ไม่สัมผัสเครื่องขณะที่ทาการรักษา
-แน่ใจว่าไม่มีโลหะอยู่บริเวณที่รักษาภายในระยะ 30 เซนติเมตร
10. วิธีการใช้คลื่นสั้นในการรักษา
เทคนิคการวางอิเล็คโตรด กรณีเลือกใช้หัวส่งแบบ Condenser (capacitor) electrode
(Michlovitz SL,1990; Prentice WE,1998; Al-Mandel MM,2008; Robertson V,2009)
10.1 การวางแบบ Transverse (Contra-planar)
คือ การวางอิเล็คโตรดทั้ง 2 อันตรงข้ามกันและให้อวัยวะที่ต้องการรักษาอยู่ตรงกลาง มี 3 เทคนิคที่ใช้
-ขนาดของอิเล็คโตรดทั้ง 2 ด้านเท่ากันและระยะระหว่างอิเล็คโตรดทั้ง 2 กับบริเวณผิวหนังห่างเท่ากัน
โดยทั่วไปประมาณ 2-10 เซนติเมตร (1 – 3 นิ้ว) ความเข้มของคลื่นจะกระจายเท่า ๆ กัน
-ขนาดของอิเล็คโตรด ทั้ง 2 ด้าน ไม่เท่ากัน แต่ระยะห่างระหว่างอิเล็คโตรดทั้ง 2 ด้านกับผิวหนังห่าง
เท่ากัน ความเข้มของคลื่นบริเวณอิเล็คโตรดขนาดเล็กจะมีมากกว่าอิเล็คโตรดขนาดใหญ่
-ขนาดของอิเล็คโตรดทั้ง 2 ด้านเท่ากัน แต่ระยะห่างระหว่างอิเล็คโตรดทั้ง 2 ด้านกับบริเวณผิวหนัง
ห่างไม่เท่ากัน ความเข้มของคลื่นจะมีมากใกล้อิเล็คโตรดที่อยูใกล้ชิดกับผิวหนังมากกว่า
10.2 การวางแบบ Co-planar
คือ การวางอิเล็คโตรดทั้ง 2 อันขนานกันในแนวเดียวกัน เนื้อเยื่อที่ต้องการรักษาอยู่ตรงกลางระหว่าง
2 อิเล็คโตรด ทาให้มีอุณหภูมิสูงที่เนื้อเยื่อไขมัน เพราะไม่มีการทะลุผ่านของคลื่นสั้น ดังนั้นความร้อนที่ได้จึง
ค่อนข้างตื้น การวางอิเล็คโตรดควรวางให้ห่างจากผิวหนังและระยะห่างระหว่างอิเล็คโตรดทั้ง 2 อันประมาณ 1
เท่าครึ่งของเส้นผ่านศูนย์กลางของอิเล็คโตรด
* Oblique คือ การวางอิเล็คโตรดเป็นมุมเฉียงกัน บริเวณอวัยวะที่เป็นมุมงอ หรือข้อพับ เช่น ข้อเข่า
ข้อศอก เป็นต้น โดยความเข้มของคลื่นจะอยู่บริเวณมุมงอ หรือบริเวณด้านที่อิเล็คโตรดที่อยู่ใกล้กัน
*Longitudinal คือ การวางอิเล็คโตรดทั้งสองตรงข้ามตามแนวยาวของอวัยวะที่ต้องการรักษา เช่น
ข้อเท้าและข้อเข่า วางอิเล็คโตรดไว้ที่เหนือเข่าและใต้ฝ่าเท้าตรงข้ามกันความเข้มของคลื่นจะกระจายไปตาม
แนวยาวของเนื้อเยื่อ ความต้านทานที่เกิดขึ้นน้อย ในส่วนเนื้อเยื่อที่นาไฟฟ้าได้ดีจะเกิดความร้อนมาก
10.3 การวางแบบ Cross- fire
การวางแบบนี้เป็นเทคนิคที่รักษา sinusitis คือการวางอิเล็คโตรด 1 อันไว้ที่ด้านที่มีปัญหาในแนวตั้ง
(Affected side) ระยะห่ า งจากผิ ว หนั ง ประมาณ 2 เซนติ เ มตร ขณะที่ อิ เ ล็ ค โตรดอี ก 1 อั น ไว้ ที่ ข้ า งปกติ
(Unaffected side) ห่างจากผิวหนังประมาณ 3 เซนติเมตร นาน 10 นาที และทาการสลับขั้วในแนวตั้ง โดยที่
การวางอิเล็คโตรดจะวางไว้ที่หน้าผากและแก้ม
ภาพที่ 28 แสดงการวางอิ เ ล็ ค โตรดเทคนิ ค Co-planar โดยถ้ า วางขั้ ว ทั้ ง 2 ใกล้ กั น มาก จะมี ผ ลท าให้
สนามไฟฟ้าวิ่งเข้าอีกขั้วหนึ่งอย่างมาก และไม่ลงในเนื้อเยื่อชั้นลึก และ การวางขั้วทั้ง 2 ห่างกันมากกว่า 2-3
นิ้ว และวางขั้วห่างจากผิวหนัง 1 นิ้ว จะมีผลทาให้สนามไฟฟ้าลงได้ลึกและสะสมในชั้นกล้ามเนื้อได้มากขึ้น
(ที่มา: Prentice WE,1998)
13. ข้อควรระวังในระหว่างการรักษา
(Goats CG1989; Michlovitz SL,1990; Robertson V,2009)
1. ไม่ควรวาง อิเล็คโตรด ให้มีแรงกดระหว่าง อิเล็คโตรด กับผู้ป่วย ซึ่งอาจทาให้ burn ได้
2. ผู้ป่วยหรือนักกายภาพบาบัดไม่ควรสอดมือเข้าใต้ อิเล็คโตรด ขณะทาการรักษา
3. ผู้ป่วยเคลื่อนไหวส่วนที่รักษาให้น้อยที่สุด
4. นักกายภาพบาบัดหรือผู้ให้การรักษาควรอยู่ห่างจากเครื่อง SWD ขณะที่คลื่นออกมาแบบต่อเนื่อง
(continuous) 1-2 เมตร หรือแบบช่วง (pulse SWD) 50-100 เซนติเมตร สามารถใช้หลอดทดสอบพลังงาน
ส่งของคลื่น SWD ได้
บรรณานุกรม
1. ประโยชน์ บุญสินสุข การรักษาด้วยความร้อนและไฟฟ้า. กรุงเทพ: ไพศาลป์การพิมพ์; 2530. 111-
141.
2. ศรีวรรณ ปัญติ. เอกสารประกอบการสอนกระบวนวิชา 514311. การรักษาด้วยคลื่นสั้น
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่: ภาควิชา กายภาพบาบัด; 2541. 2.1-2.14.
3. Robertson V, et. Chapter 13: Electromagnetic fields: Shortwave. In: Electrotherapy
explained: principle and practice. 4th ed. New York; Elsevier: 2009.
4. Al-Mandel MM, Watson T. Pulsed and continuous shortwave therapy. In: Watson T.
Electrotherapy: evidence-based practice: 12th ed. New York: Elsevier; 2008.
5. Cameron MH. Physical agents in rehabilitation. W.B. Saunders Company; 1999. 321-
335.
6. Goats CG. Continuous shortwave diathermy. British journal sports medicine, 1989;
23(2):123-127.
7. Goats CG. Pulsed electromagnetic (Short-wave) energy therapy. British journal
sports medicine, 1989; 23(4):213-216.
8. Michlovitz SL. Thermal agent in rehabilitation. 2nd ed. F.A. Davis company; 1990,
171-191.
9. Prentice WE. Therapeutic modalities for allied health professionals. McGraw-Hill;
1998. 169-200.
10. Bouwhuijsen FD. Pulsed and continuous short-wave therapy. Hall and: B.V. Enraf-
Nonius; 1985.
11. Kloth L. Thermal Agents in Rehabilitation. 2nd ed. Philadelphia: F.A. Davis
company; 1990. 177-215.
12. Lehmann JF. Therapeutic heat and cold. 4th ed. Williams & Wilkins;1990. 199-352.