Professional Documents
Culture Documents
กิตติจุฑา แววประทีป
นงพงา ผุยน้ อย
พรนุมาศ วะโรหะ
นางสาวกิตติจุฑา แววประทีป
นางสาวนงพงา ผุยน้ อย
นายพรนุมาศ วะโรหะ
ใบรับรองรายงานสั มมนาการจัดการ
คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
หลักสู ตร บริหารธุรกิจบัณฑิต
สาขาวิชาการจัดการ
คณะกรรมการสอบประเมินโครงการ
ผูช้ ่วยศาสตราจารย์อารี ย ์ นัยพินิจ
อาจารย์ภทั รขวัญ พิลางาม
อาจารย์สุกานดา ฟองย้อย
อาจารย์ภทั รวดี เพิ่มวนิชกุล
ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.นวลฉวี แสงชัย
..............................................................อาจารย์ที่ปรึ กษา
(ผูช้ ่วยศาสตราจารย์อารี ย ์ นัยพินิจ)
...............................................................ที่ปรึ กษาองค์กร
(นางสาวคนึงนิจ กลิ่นขจร)
9
บทคัดย่อ
กิตติกรรมประกาศ
รายงานการศึกษาฉบับนี้สาํ เร็ จลุล่วงไปได้ดว้ ยดี เนื่องจากกลุ่มผูศ้ ึกษาได้รับความกรุ ณาจากอาจารย์ที่
ปรึ กษาผูช้ ่วยศาสตราจารย์อารี ย ์ นัยพินิจ และอาจารย์ที่ปรึ กษาร่ วมอาจารย์ภทั รขวัญ พิลางาม อาจารย์สุกานดา
ฟองย้อย อาจารย์ภทั รวดี เพิ่มวนิชยกุล และผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.นวลฉวี แสงชัย ที่ให้ความอนุเคราะห์ในการให้
คําปรึ กษาและคําแนะนําที่มีคุณค่าต่อการศึกษา ตลอดจนแก้ไข้ปรับปรุ งข้อบกพร่ องต่างๆ จนทําให้รายงาน
การศึกษาฉบับนี้สมบูรณ์เป็ นอย่างดี ผูศ้ ึกษาจึงขอขอบพระคุณเป็ นอย่างสูง
ขอขอบพระคุณเจ้าของกิจการที่เกี่ยวข้อง และผูต้ อบแบบสอบถามที่ให้ความร่ วมมือในการให้ขอ้ มูลที่
เป็ นประโยชน์และให้ความกระจ่างในด้านต่างๆ
ขอขอบพระคุณเป็ นอย่างสูงสําหรับบิดา มารดา และครอบครัวที่คอยเป็ นกําลังใจในการศึกษา และทํา
ให้การทํารายงานการศึกษาในครั้งนี้สาํ เร็ จลุล่วงไปด้วยดี
ท้ายที่สุดผูศ้ ึกษาขอขอบคุณเพื่อนๆ นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ สาขาการจัดการ ชั้นปี ที่ 4 ทุกคน ที่
ได้ให้ความช่วยเหลือในการจัดทํารายงานการศึกษาฉบับนี้มาโดยตลอด
นางสาวกิตติจุฑา แววประทีป
นางสาวนงพงา ผุยน้อย
นายพรนุมาศ วะโรหะ
11
สารบัญ
หน้ า
บทคัดย่อภาษาไทย ก
กิตติกรรมประกาศ ข
สารบัญตาราง จ
สารบัญภาพ ช
บทที่ 1 บทนํา 1
ความเป็ นมาและความสําคัญของปั ญหา 1
วัตถุประสงค์ 2
ขอบเขตของการวิจยั 2
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 3
นิยามศัพท์เฉพาะ 3
กรอบแนวคิด 4
บทที่ 2 แนวคิดและผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง 6
ประวัติและความเป็ นมาของโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น 6
แนวคิดการจัดการเชิงกลยุทธ์ 11
แนวคิดการออกแบบโครงสร้างองค์กร 18
แนวคิดการวิเคราะห์งาน 19
แนวคิด การบริ หารทรัพยากรบุคคล 22
แนวคิดการบริ การ 31
แนวคิดความพึงพอใจ 31
แนวคิดแรงจูงใจ 33
แนวคิดการวิเคราะห์การแข่งขันในธุรกิจโดยใช้ Five Forces Model 35
แนวคิดส่วนผสมทางการตลาด 35
แนวคิดกิจกรรม 5 ส 38
แนวคิดการรักษาระเบียบวินยั ในการทํางาน 41
ผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง 42
บทที่ 3 ระเบียบวิธีวจิ ยั 50
ประชากร 50
กลุ่มตัวอย่าง 50
พื้นที่ที่ทาํ การวิจยั 51
การเก็บข้อมูล 51
ขอบเขตเนื้อหาที่วจิ ยั 51
12
สารบัญ (ต่ อ)
หน้ า
บทที่ 3 เครื่ องมือในการเก็บข้อมูล 52
การวิเคราะห์และการแปรผลข้อมูล 52
บทที่ 4 การดําเนินงาน 54
การวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค (SWOT analysis) 55
การวิเคราะห์อิทธิพลของการแข่งขัน 5 ประการ (Five force model) 56
การวิเคราะห์ส่วนประสมทางการตลาด (4P’s) 60
แบบสอบถามทัศนคติของพนักงานที่มีต่อโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น 59
แบบสอบถามปั จจัยที่ใช้ในการตัดสิ นใจซื้อนํ้าดื่มของผูบ้ ริ โภคในเขตอําเภอเมืองจังหวัดขอนแก่น 66
แบบตรวจสอบรายการ (Check Sheet) 69
การจัดการเชิงกลยุทธ์ 71
กิจกรรม 5 ส 73
กําหนดโครงสร้างองค์กรและตําแหน่งงาน 80
กําหนดกฎระเบียบพนักงาน 87
กําหนดเงินพิเศษและสวัสดิการพนักงาน 88
กลยุทธ์การส่งเสริ มการขาย 90
แผนระยะยาว 96
บทที่ 5 สรุ ปผลการวิจยั และข้อเสนอแนะ 97
ปั ญหาที่พบในการปฏิบตั ิงาน 98
ข้อเสนอแนะในการทําวิจยั ครั้งต่อไป 98
บรรณานุกรม 99
ภาคผนวก 100
ภาคผนวก ก แบบสอบถาม 101
ภาคผนวก ข GMP หลักเกณฑ์วธิ ีการที่ดีสาํ หรับการผลิต 106
ภาคผนวก ค มาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมนํ้าบริ โภค 123
ในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
ภาคผนวก ง รายชื่อผูผ้ ลิตนํ้าดื่มในเขตอําเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 156
ภาคผนวก จ บทสัมภาษณ์ผปู ้ ระกอบการ 162
ภาคผนวก ฉ ภาพกิจกรรม 5ส 165
ประวัติผเู ้ ขียน 170
13
สารบัญตาราง
หน้ า
ตารางที่ 2.1 เปรี ยบเทียบข้อดีและข้อเสี ยของการสรรหาคนงานจากแหล่งภายในและภายนอกหน่วยงาน 24
ตารางที่ 4.1 เปรี ยบเทียบนํ้าดื่มวอเตอร์กบั คู่แข่งขันรายอื่น ด้านผลิตภัณฑ์ 56
ตารางที่ 4.2 เปรี ยบเทียบนํ้าดื่มวอเตอร์กบั คู่แข่งขันรายอื่น ด้านราคา 57
ตารางที่ 4.3 เปรี ยบเทียบนํ้าดื่มวอเตอร์กบั คู่แข่งขันรายอื่น ด้านช่องทางการจัดจําหน่าย 58
ตารางที่ 4.4 เปรี ยบเทียบนํ้าดื่มวอเตอร์กบั คู่แข่งขันรายอื่น ด้านการส่งเสริ มการขาย 58
ตารางที่ 4.5 ยอดขายและส่วนแบ่งตลาดของนํ้าดื่มในจังหวัดขอนแก่น ปี 2551 59
ตารางที่ 4.6 ข้อมูลทัว่ ไปของพนักงาน 62
ตารางที่ 4.7 ทัศนคติของพนักงานที่มีต่อโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น ด้านสถานที่ปฎิบตั ิงาน 63
ตารางที่ 4.8 ทัศนคติของพนักงานที่มีต่อโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น ด้านสวัสดิการ 64
ตารางที่ 4.9 ทัศนคติของพนักงานที่มีต่อโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น ด้านบุคลากร 65
ตารางที่ 4.10 ข้อมูลทัว่ ไปของลูกค้า 66
ตารางที่ 4.11 ปั จจัยที่ใช้ในการตัดสิ นใจซื้อนํ้าดื่มของผูบ้ ริ โภคในเทศบาลเมืองจังหวัดขอนแก่น 67
ด้านผลิตภัณฑ์
ตารางที่ 4.12 ปั จจัยที่ใช้ในการตัดสิ นใจซื้อนํ้าดื่มของผูบ้ ริ โภคในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดขอนแก่น 67
ด้านราคา
ตารางที่ 4.13 ปั จจัยที่ใช้ในการตัดสิ นใจซื้อนํ้าดื่มของผูบ้ ริ โภคในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดขอนแก่น 68
ด้านการจัดจําหน่าย
ตารางที่ 4.14 ปั จจัยที่ใช้ในการตัดสิ นใจซื้อนํ้าดื่มของผูบ้ ริ โภคในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดขอนแก่น 68
ด้านการส่งเสริ มการตลาด
ตารางที่ 4.15 แบบตรวจสอบรายการ 69
ตารางที่ 4.16 สภาพแวดล้อมภายในโรงงานเปรี ยบเทียบกับข้อกําหนด GMP ของนํ้าบริ โภค 72
ตารางที่ 4.17 ผูร้ ับผิดชอบกิจกรรม 5ส ของโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น 74
ตารางที่ 4.18 แบบประเมินกิจกรรมสะสาง โรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น 76
ตารางที่ 4.19 แบบประเมินกิจกรรมสะดวก โรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น 77
ตารางที่ 4.20 แบบประเมินกิจกรรมสะอาด โรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น 77
ตารางที่ 4.21 แบบประเมินกิจกรรมสุขลักษณะ โรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น 78
ตารางที่ 4.22 แบบประเมินกิจกรรมสร้างนิสยั โรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น 79
ตารางที่ 4.23 คําบรรยายลักษณะงาน 82
ตารางที่ 4.24 เกณฑ์การกําหนดเงินเดือนพนักงาน 87
ตารางที่ 4.25 กฎระเบียบและความคิดเห็นของพนักงาน 87
14
สารบัญตาราง (ต่ อ)
หน้ า
ตารางที่ 4.26 ยอดขายกับเงินพิเศษ 89
ตารางที่ 4.27 สวัสดิการพนักงาน 89
ตารางที่ 4.28 โปรแกรมจูงใจลูกค้านํ้าดื่มชนิดแกลลอน20 ลิตร 90
ตารางที่ 4.29 โปรแกรมจูงใจลูกค้านํ้าดื่มชนิดขวดขาวขุ่น 800ซม.3 90
ตารางที่ 4.30 โปรแกรมคุม้ ค่าเมื่อซื้อนํ้าดื่มชนิดขวดขาวขุ่น 800ซม.3 91
ตารางที่ 4.31 เปรี ยบเทียบยอดขายนํ้าดื่มของปี พ.ศ. 2551และ พ.ศ. 2552 93
ตารางที่ 4.32 รายรับ-รายจ่าย ประจําเดือนมกราคม 2552 94
ตารางที่ 4.33 รายรับ-รายจ่าย ประจําเดือนกุมภาพันธ์ 2552 95
ตารางที่ 4.34 รายรับ-รายจ่าย ประจําเดือนมีนาคม 2552 95
15
สารบัญภาพ
หน้ า
ภาพที่ 1.1 กรอบแนวคิดในการศึกษา 5
ภาพที่ 2.1 เครื่ องผลิตคลอรี นไดออกไซด์ 7
ภาพที่ 2.2 เครื่ องผลิตโอโซน 7
ภาพที่ 2.3 ก.นํ้าดื่มบรรจุแกลลอน 20 ลิตร 8
ข .นํ้าดื่มบรรจุขวดขาวขุ่น 800 ซม.3 8
ภาพที่ 2.4 กระบวนการผลิตนํ้าดื่มของโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น 9
ภาพที่ 2.5 การจําหน่ายนํ้าดื่มวอเตอร์ 10
ภาพที่ 2.6 การวิเคราะห์งาน 20
ภาพที่ 2.7 กระบวนการคัดเลือกทรัพยากรบุคคล 25
ภาพที่ 2.8 ผลกระทบจากแรงกดดัน 5 ประการของ Michael E. porter 36
ภาพที่ 2.9 ส่วนผสมทางการตลาด 38
ภาพที่ 4.1 ส่วนแบ่งตลาดของนํ้าดื่มในจังหวัดขอนแก่น ปี 2551 59
ภาพที่ 4.2 การจัดจําหน่ายผ่านพ่อค้าคนกลาง 61
ภาพที่ 4.3 การจัดจําหน่ายให้แก่ลูกค้าโดยตรง 61
ภาพที่ 4.4 แผนภูมิพาเรโต 70
ภาพที่ 4.5 โครงสร้างองค์กรโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น 81
ภาพที่ 4.6 ใบแจ้งรายการและราคาขายนํ้าดื่ม 92
ภาพที่ 4.7 แผนภูมิยอดขายนํ้าดื่มวอเตอร์ 94
16
บทที่ 1
บทนา
1. ความเป็ นมาและความสาคัญของปัญหา
โรงงานนํ้าดื่ม วอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น เป็ นธุรกิจประเภทผลิตและจําหน่ายนํ้าดื่ม ตั้งอยูเ่ ลขที่ 227/51
ถนนหลังศูนย์ราชการ อําเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40000 ปั จจุบนั มีพนักงานทั้งหมด 21 คน มีหน้าที่รับผิดชอบ
5 ฝ่ าย คือ ฝ่ ายล้างทําความสะอาด 2 คน ฝ่ ายบรรจุ 3 คน ฝ่ ายขาย 15 คน ฝ่ ายบัญชี/การเงิน 1 คน และมีหน่วย
รถขาย 9 คัน ขนส่งนํ้าดื่มจําหน่ายตามพื้นที่ในเขตอําเภอเมืองจังหวัดขอนแก่น เพื่อจําหน่ายนํ้าดื่มให้กบั หอพัก
บ้านพักอาศัย ร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่ราชการ และธนาคาร การจัดจําหน่ายนํ้าดื่มผ่านหน่วยรถขายเป็ นการเพิ่ม
การบริ การให้กบั ลูกค้า ร้านค้าสามารถสัง่ ซื้อนํ้าดื่มผ่านหน่วยรถขายและรับนํ้าดื่มได้ทนั ที
ปั จจุบนั โรงงานผลิตนํ้าดื่มในจังหวัดขอนแก่นมี เป็ น จํานวนมาก ทําให้น้ าํ ดื่มวอเตอร์ มีคู่แข่งขัน
ทางธุรกิจเกิดขึ้น ดังนั้นจึงมีความจําเป็ นอย่างยิง่ ที่ผปู ้ ระกอบการจะต้อง มีการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและ
ภายนอกของโรงงาน เพื่อหาจุดแข็งและใช้ประโยชน์จากโอกาสที่มีอยู่ หรื อหาจุดอ่อนและหลีกเลี่ยงจากอุปสรรค
ที่จะเป็ นผลเสี ยต่อกิจการ ซึ่งนับเป็ น กลยุทธ์ในการบริ หาร เพื่อ ให้ทนั ต่อสภาวะของการแข่งขันที่เกิดขึ้น
การกําหนดทิศทางขององค์กร จึง เป็ นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้ผปู ้ ระกอบการสามารถวางแผนการดําเนินงาน
ของกิจการให้เกิดประสิ ทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันระหว่างธุรกิจเดียวกันได้ การดําเนิน
กิจการใดๆก็ตาม เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น การรู ้ถึงปั ญหาที่แท้จริ งจะทําให้ผปู ้ ระกอบการสามารถหาวิธีใน
การแก้ปัญหาได้ถูกต้องและทันท่วงที ซึ่งจะทําให้การดําเนินกิจการเป็ นไปอย่างมีประสิ ทธิภาพและลดผลกระทบ
ที่จะเกิดขึ้นต่อกิจการ เช่นเดียวกับโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น ที่มีปัญหาด้านต่างๆเกิดขึ้น
ภายในโรงงานทั้งด้านการจัดการ ด้านบุคลากร และด้านการตลาด ได้แก่
ปั ญหาด้านการจัดการ พบว่ามีการวางสิ่ งของไม่เป็ นระเบียบ ไม่เป็ นหมวดหมู่ มีน้ าํ ขัง นํ้านองบริ เวณพื้น
การแต่งกายพนักงานไม่รัดกุม มีเศษขยะอยูร่ อบบริ เวณโรงงาน ไม่มีการตรวจเช็คเครื่ องเครื่ องจักร
อย่างสมํ่าเสมอ ส่งผลให้โรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่นไม่ได้ตามมาตรฐาน GMP ปั ญหาดังกล่าวสามารถ
ใช้กิจกรรม 5ส มาใช้เป็ นมาตรฐานการปฏิบตั ิภายในโรงงาน การทํากิจกรรม 5ส เหมือนเป็ นเรื่ องง่าย เมื่อ
ต้องนํามาปฏิบตั ิแล้วกลับเป็ นเรื่ องยาก เพราะพนักงานส่วนใหญ่ไม่เข้าใจและให้การยอมรับ และการดําเนิน
กิจกรรม 5ส ยังไม่มีมาตรฐานที่แน่นอน ผูป้ ระกอบการไม่มีการกําหนดเกณฑ์การประเมินที่เหมาะสม ดังนั้นเมื่อ
มีการเข้าไปดําเนินการในด้านกิจกรรม 5ส อย่างจริ งจังทําให้สามารถกําหนดมาตรฐานที่แน่นอนให้แก่โรงงาน
เพื่อนําไปใช้เป็ นมาตรฐานในการปฏิบตั ิต่อไป พร้อมทั้งกําหนดเกณฑ์การประเมินกิจกรรม 5ส หลังจาก
การดําเนินกิจกรรมเสร็ จสิ้น เพื่อให้ผปู ้ ระกอบการใช้ประเมินกิจกรรม 5ส ในโรงงานของตนเอง
ปั ญหาด้านบุคลากร เกิดการทํางานที่ซ้ าํ ซ้อนกันของพนักงาน เนื่องจากโรงงานไม่มีการกําหนดขอบเขต
ในการทํางานที่ชดั เจน ซึ่งการกําหนดขอบเขตงาน ที่ เป็ นสิ่ งสําคัญในการแบ่ง พนักงาน ออกเป็ น ฝ่ ายตาม
ภาระหน้าที่อย่างชัดเจน หรื อเรี ยกว่า "put the right man in the right job" ทําให้พนักงานที่มีหน้าที่ งานประเภท
เดียวกัน ได้ทราบสายการบังคับบัญชาว่าตนเองอยูภ่ ายใต้การ รับผิดชอบของฝ่ ายใด สามารถปฏิบตั ิงานร่ วมกัน
ได้อย่างมีประสิ ทธิภาพ รวมถึงการกําหนดคําบรรยายลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของตําแหน่งงาน เพื่อให้
17
2. วัตถุประสงค์
1. เพื่อรักษามาตรฐาน GMP ของโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น
2. เพื่อ ศึกษาลักษณะงาน บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของพนักงาน โรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์
จังหวัดขอนแก่น
3. เพื่อศึกษาการบริ หารค่าตอบแทนของพนักงานโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น
4. เพื่อศึกษากลยุทธ์การส่งเสริ มการขายของโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น
3. ขอบเขตของการศึกษา
ขอบเขตการศึกษาในครั้งนี้ ผูจ้ ดั ทําได้ทาํ การศึกษาในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดขอนแก่น
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง คือ ประชากรในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดขอนแก่น และพนักงานโรงงาน
นํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น
2. ระยะเวลาในการศึกษาและดําเนินการ เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม 2552
18
5. นิยามศัพท์เฉพาะ
1. ประสิ ทธิภาพ หมายถึง การใช้ ทรัพยากรในการดําเนินการใดๆ ก็ตามโดยมีสิ่งมุ่งหวังถึงผลสําเร็ จ
และผลสําเร็ จนั้นได้มาโดยการใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด และการดําเนินการเป็ นไปอย่างประหยัด ไม่วา่ จะเป็ น
ระยะเวลา ทรัพยากร แรงงาน รวมทั้งสิ่ งต่างๆ ที่ตอ้ งใช้ในการดําเนินการนั้นๆ ให้เป็ นผลสําเร็ จ และถูกต้อง
2. การจัดการเชิงกลยุทธ์ คือ การกําหนดทิศทางขององค์กรในอนาคตไว้ ซึ่งต้องอาศัยการวางแผนอย่าง
เป็ นขั้นตอนและการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกเพื่อหาโอกาสและอุปสรรคที่จะมีผลกระทบต่อองค์กร และ
วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในเพื่อหาจุดแข็งและจุดอ่อนในองค์กรสําหรับกําหนดตําแหน่งทางการแข่งขันของ
องค์กร แล้วกําหนดกลยุทธ์เพื่อให้สามารถนําไปดําเนินการเพื่อให้บรรลุทิศทางตามที่ได้กาํ หนดไว้
3. กลยุทธ์ หมายถึง วิธีการหรื อแผนการคิดที่คิดขึ้นอย่างรอบคอบ มีลกั ษณะเป็ นขั้นเป็ นตอน มีความ
ยืดหยุน่ พลิกแพลงได้ตามสถานการณ์
4. วิสยั ทัศน์ คือ ภาพในอนาคตขององค์กรที่ผนู ้ าํ และสมาชิกทุกคนร่ วมกันวาดฝัน หรื อจินตนาการขึ้น
โดยมีพ้นื ฐานอยูบ่ นความเป็ นจริ งในปั จจุบนั เชื่อมโยงวัตถุประสงค์ ภารกิจ ค่านิยม และความเชื่อเข้าด้วยกัน
พรรณนาให้เห็นทิศทางขององค์กรอย่างชัดเจน มีพลังท้าทาย ทะเยอทะยาน และมีความเป็ นไปได้ เน้นถึงความ
มุ่งมัน่ ที่จะทําสิ่ งที่ยงิ่ ใหญ่หรื อ ดีที่สุด ให้กบั ประชาชนและสังคม ทําให้องค์กรมีการรวมพลัง มุ่งไปในทิศทาง
เดียวกัน เพื่อทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สาํ คัญและยิง่ ใหญ่
5. พันธกิจ คือ สิ่ งที่ตอ้ งทํา การวางแผน ขอบเขตของสิ่ งที่ตอ้ งทํา
6. ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู ้สึกที่ดี ความพอใจ ความประทับใจในการบริ การแต่ละด้าน คือ ด้าน
ผลิต ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจําหน่าย ด้านส่งเสริ มการตลาด ด้านบุคคล ด้านลักษณะทางกายภาพและด้าน
กระบวนการ
7. แรงจูงใจ หมายถึง สภาพทางจิตใจของผูป้ ฎิบตั ิงาน เช่น ความรู ้สึกนึกคิดที่ได้รับอิทธิพลแรงกดดัน
หรื อสิ่ งเร้าจากปั จจัยหรื อสภาพแวดล้อมในองค์กรที่อยูร่ อบตัวเรา และจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบ คือ พฤติกรรมในการ
ทํางาน ซึ่งมีผลโดยตรงต่อผลงานของบุคคลนั้น
8. กฎ หมายถึง สิ่ งที่กาํ หนดขึ้น เพื่อบอกให้ทราบถึงสิ่ งที่ควรหรื อไม่ควรปฏิบตั ิในองค์กร กฎอาจจะ
เป็ นส่วนหนึ่งของระเบียบ วิธีปฏิบตั ิ วิธีทาํ งานก็ได้ กฎ เป็ นเครื่ องชี้วธิ ีการทํางาน ไม่ยอมหรื ออนุญาตให้ใช้ดุลย
พินิจโดยเด็ดขาด
9. ระเบียบวิธีปฏิบตั ิ หมายถึง กิจกรรมที่เป็ นขั้นตอนในการทํางาน เช่น จะต้องทําอะไรบ้างเพื่อให้
บรรลุวตั ถุประสงค์ที่ต้ งั ไว้ โดยระบุชดั แจ้งถึงลําดับเหตุการณ์ที่จะต้องทํา ระเบียบวิธีปฏิบตั ิจะมีอยูใ่ นทุกระดับ
ขององค์กรตั้งแต่สูงสุดจนถึงตํ่าสุด
19
6. กรอบแนวคิด
20
บทที่ 2
แนวคิดและผลงานวิจัยทีเ่ กีย่ วข้ อง
ก. ข.
ภาพที่ 2.3 ก.นํ้าดื่มบรรจุแกลลอน 20 ลิตร
ข.นํ้าดื่มบรรจุขวดขาวขุ่น 800 ซม.3
โรงงานนํ้าดื่มนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น
หน่วยรถขาย
ลูกค้า ลูกค้า
คําบรรยายลักษณะงาน
(Job Description)
การวิเคราะห์งาน
(Job analysis)
การกําหนดคุณสมบัติของผูป้ ฏิบตั ิงาน
(Job Specifications)
เพื่อใช้เป็ นหลักในการพัฒนาบุคลากรเดิมและสรรหาบุคลากรที่จะเข้ามาทํางานให้มีคุณสมบัติตามที่ทางโรงงาน
ต้องการ
2.5 แนวคิดการจัดการทรัพยากรบุคคล
การจัดการทรัพยากร บุคคล (เพ็ญศรี วายวานนท์ 2537: 2) ให้ความหมายการจัดการทรัพยากร บุคคล
ว่าเป็ นงานการจัดการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคนทํางาน เกี่ยวข้องกับการกําหนดและดําเนินนโยบายในด้านการ
วางแผนกําลังคน การจัดหาและคัดเลือกคนเข้าทํางาน การพัฒนา การจ่ายค่าตอบแทน การประสานสัมพันธ์เพื่อ
การธํารงรักษากําลังคนและการพ้นสภาพการทํางานอย่างเป็ นธรรม เพื่อมุ่งหมายให้คนทํางานอยูด่ ีและเป็ น
ส่วนสําคัญในความสําเร็ จขององค์กร
มอนดี และโน (Mondy and Noe, 1996: 4) ให้ความหมายว่า การจัดการทรัพยากร บุคคล เพื่อให้องค์กร
บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กาํ หนด
คลาร์ค (Clark, 1992: 13) อธิบายว่า การจัดการทรัพยากร บุคคล เป็ นการจัดการความสัมพันธ์ของ
คนงานและผูบ้ ริ หาร โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้องค์กรบรรลุจุดมุ่งหมาย ซึ่งจากความหมายดังกล่าวมีประเด็น
ที่สาํ คัญ 3 ประการ คือ
1. การจัดการทรัพยากร บุคคลให้ความสําคัญกับการจัดการความสัมพันธ์ ที่ไม่ใช่เป็ นการ
จัดการบุคคล
2. การจัดการทรัพยากรบุคคลมุ่งเน้นที่เป้ าประสงค์ขององค์ก ร ดังนั้น เมื่อวัตถุประสงค์
ขององค์กรเปลี่ยนแปลงไป การจัดการความสัมพันธ์ดงั กล่าวก็จะเปลี่ยนด้วย
3. วัตถุประสงค์หลักของการจัดการทรัพยากรบุคคลควรมุ่งที่องค์ก ร ส่วนสมาชิกขององค์กร
แต่ละคนจะเป็ นวัตถุประสงค์รอง
จากความหมายดังกล่าว สามารถสรุ ปได้วา่ การจัดการทรัพยากร บุคคล เป็ นการจัดการความสัมพันธ์
ในการจ้างงาน เพื่อให้มีการใช้ทรัพยากร บุคคลในการทําให้องค์การบรรลุวตั ถุประสงค์ โดยจะเกี่ยวข้องกับการ
จัดการทรัพยากร บุคคลตั้งแต่การได้คนมาทํางานจนถึงคนนั้นออกจากงานไป ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็ น 3 ระยะ
ที่สาํ คัญ คือ ระยะการได้มาซึ่งทรัพยากร บุคคล ระยะการรักษาทรัพยากรบุคคลที่ทาํ งานในองค์กร และระยะ
การให้พน้ จากงาน ซึ่งการจัดการทรัพยากร บุคคลเป็ นบทบาทหน้าที่ของผูบ้ ริ หารในทุกระดับ เนื่องจากต้อง
เกี่ยวข้องกับการจัดการให้ได้คนดีมาทํางาน สามารถจัดวางคนให้เหมาะสมกับงาน มีการพัฒนา สนับสนุนและ
ควบคุมให้คนทํางานได้อย่างเต็มศักยภาพ ดูแลเรื่ องสุขภาพและความปลอดภัยของคนงาน ตลอดจนเตรี ยมการ
ในรายที่จะเกษียณหรื อต้องเลิกจ้าง
กระบวนการจัดการทรัพยากรบุคคล
การบริ หารจัดการทรัพยากรบุคคลสามารถแบ่งออกเป็ น 3 ระยะสําคัญ ตั้งแต่การได้คนมา
ทํางานในองค์กร การดูแลรักษาให้คนในองค์กรทํางานได้อย่างมีประสิ ทธิผล และการดูแลการออกจากงานของ
คนงาน โดยในแต่ละขั้นตอนจะมีกิจกรรมย่อยที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งในกระบวนการจัดการทรัพยากร บุคคลจะได้รับ
อิทธิพลจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานด้วย
38
1. ระยะการได้ มา
ระยะการได้มาซึ่งทรัพยากร บุคคลที่จะเข้ามาทํางานใน จะประกอบด้วยกิจกรรม
สําคัญในการบริ หารจัดการทรัพยากรบุคคล ได้แก่ การวางแผนทรัพยากรบุคคล การสรรหา การคัดเลือก และการ
ปฐมนิเทศคนเข้ามาทํางานใหม่
1.1 การวางแผนทรัพยากร บุคคล (human resource planning) เป็ นกิจกรรมการ
จัดการทรัพยากร บุคคลขั้นตอนแรกก่อนที่จะมีการสรรหา การคัดเลือกและการบรรจุพนักงานเข้าทํางาน ซึ่ง
การวางแผนทรัพยากร บุคคลเป็ นการพยากรณ์ความต้องการทรัพยากร บุคคลในอนาคต ทั้งในด้านจํานวนและ
ทักษะความสามารถ เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีทรัพยากร บุคคล ใช้ตามความต้องการขององค์กร การวางแผนเป็ น
สิ่ งจําเป็ นเนื่องจากองค์กรมีการเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่งจากสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกองค์กร ดังนั้น
ความต้องการทรัพยากร บุคคลขององค์กรจึงมีการเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่งเช่นกัน ปั จจัยที่ส่งผลต่อความต้องการ
ทรัพยากรบุคคลในอนาคตที่สาํ คัญขององค์กร ได้แก่ การเจริ ญเติบโตขององค์กร และการออกจากงานของคนงาน
เช่น ความต้องการใช้บริ การของลูกค้าเพิ่มขึ้น มีการขยายบริ การ หรื อเพิ่มคุณภาพและระดับความสามารถในการ
ทํางานขึ้น รวมทั้งการลาออก การให้ออก และการเกษียณของคนงานเก่า หากขาดการวางแผนที่ดีจะทําให้คนงาน
ที่มีอยูเ่ ก่าและคนงานที่รับใหม่มีไม่เพียงพอ หรื อบางครั้งเกินความต้องการขององค์กรได้ ทําให้เป็ นอุปสรรค
ต่อคุณภาพการให้บริ การขององค์กร หรื อส่งผลต่อค่าใช้จ่ายขององค์กรในกรณี ที่มีคนเกิน เป็ นต้น
ในกระบวนการวางแผนทรัพยากร บุคคล จําเป็ นต้องมีการวิเคราะห์อุปสงค์
ด้านทรัพยากร บุคคล จากแผนธุรกิจและแผนกิจกรรมที่จะมีในอนาคต เพื่อสามารถคาดการณ์ความต้องการ
ในอนาคต ในขณะเดียวกันก็ตอ้ งวิเคราะห์อุปทาน (supply) ด้านทรัพยากรบุคคลประเภทต่าง ๆ ที่องค์กรต้องการ
ในอนาคต ทั้งทรัพยากรที่มีอยูเ่ ดิมในองค์กร (เช่น การเลื่อน การโอนย้ายตําแหน่งคนงานที่มีอยูเ่ ดิม เป็ นต้น ) และ
จากตลาดแรงงานภายนอกองค์กร การวิเคราะห์ดงั กล่าวจะทําให้ผบู ้ ริ หารคาดการณ์ได้วา่ จะมีคนงานขาดหรื อเกิน
ในอนาคต ถ้าคาดว่าจะขาดคนงาน จําเป็ นต้องวางแผนการสรรหา การฝึ กอบรมพัฒนา การเพิ่มผลผลิตของคนงาน
เดิม หรื อการใช้ทรัพยากรทางเลือกอื่น ๆ ถ้าทําได้ ส่วนในกรณี ที่คาดการณ์วา่ จะมีคนงานเกิน จําเป็ นต้องวางแผน
การลดคนงานในรู ปแบบต่าง ๆ เช่น การให้เกษียณก่อนกําหนด หรื อการขยายงานให้สอดคล้องกับจํานวนคนงาน
เพื่อเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น เป็ นต้น ซึ่งเมื่อวางแผนการเพิ่มหรื อลดคนแล้ว จะต้องมีการกําหนดงบประมาณที่จะใช้
และมาตรฐานทรัพยากร บุคคลที่ตอ้ งการ เช่น จํานวนคนงาน ความรู ้ ทักษะและความสามารถที่ตอ้ งการ รวมถึง
การกําหนดวิธีการควบคุมให้เกิดการดําเนินงานตามแผนที่วางไว้
ถึงแม้วา่ การวางแผนจะถูกกําหนดให้เป็ นขั้นตอนแรกของกระบวนการจัดการ
ทรัพยากร บุคคลในระยะของการได้มา แต่การวางแผนทรัพยากร บุคคลจะต้องมองภาพรวมของกระบวนการ
จัดการทรัพยากร บุคคล คือ ทั้งการได้มา การดูแลรักษา และการออกจากงาน เพราะทั้ง 3 ระยะต่างเกี่ยวข้อง
สัมพันธ์กนั
1.2 การสรรหา (recruitment) การสรรหา เป็ นกระบวนการค้นหาและชักจูง
ให้บุคคลที่มีคุณสมบัติตามต้องการมาสมัครทํางาน เพื่อองค์กรจะได้ทาํ การคัดเลือกผูท้ ี่มีความเหมาะสมที่สุด
เข้าทํางานต่อไป การสรรหาสามารถทําได้ท้ งั จากแหล่งภายในองค์กรเอง (เช่น การเลื่อนตําแหน่ง การโอนย้าย )
39
บุคคลที่ได้รับการสรรหาแล้ว
การสัมภาษณ์ข้ นั ต้น
การทบทวนใบสมัครและประวัติของผูส้ มัคร
การทดสอบเพื่อการคัดเลือก
การปฏิเสธการรับสมัครเข้าทํางาน
การสัมภาษณ์เพื่อจ้างงาน
การตรวจร่ างกาย
การตรวจสอบอ้างอิงและการตรวจสอบประวัติ
การตัดสิ นใจเลือก
ได้บุคคลที่จา้ งเข้าทํางาน
ทั้งนี้ข้ นั ตอนการคัดเลือกอาจแตกต่างกันไปในแต่ละหน่วยงานและใน
แต่ละตําแหน่งเช่น บางหน่วยงานอาจไม่มีการสัมภาษณ์ข้ นั ต้นแต่ใช้วธิ ีการทดสอบข้อเขียนก่อนโดยเฉพาะ
ตําแหน่งที่มีคนสมัครจํานวนมากเพื่อคัดกรองคนที่เหมาะสมให้เหลือน้อยลง หรื อบางตําแหน่งอาจใช้วธิ ีการ
ทดสอบภาคปฏิบตั ิ เช่น ตําแหน่งพนักงานธุรการ อาจให้ทดสอบการพิมพ์ หรื อการใช้คอมพิวเตอร์ เป็ นต้น
บางตําแหน่งที่มีการกําหนดมาตรฐานวิชาชีพไว้แน่นอนแล้ว เช่น แพทย์ พยาบาล หรื อเภสัชกร อาจพิจารณา
จากใบประกอบวิชาชีพแทนการสอบ
สําหรับการสัมภาษณ์เพื่อจ้างงาน นับเป็ นขั้นตอนที่สาํ คัญขั้นตอนหนึ่ง เพราะ
สามารถรวบรวมข้อมูลของผูส้ มัครในลักษณะการเผชิญหน้า จึงมีโอกาสได้ขอ้ มูลที่ตรงตามเป็ นจริ งได้มาก เพราะ
สามารถสังเกตปฏิกิริยาประกอบการสัมภาษณ์ได้ดว้ ย ซึ่งการสัมภาษณ์นอกจากจะได้ขอ้ มูลของผูส้ มัครเกี่ยวกับ
บุคลิกภาพ ทักษะ ไหวพริ บ ความรู ้ ความสามารถและประสบการณ์ที่เกี่ยวกับงานที่สมัครแล้ว ผูส้ มั ภาษณ์
ยังสามารถให้ขอ้ มูลที่เป็ นจริ งบางประการเกี่ยวกับลักษณะงานในองค์กร เพื่อให้ผสู ้ มัครพิจารณาว่าตรงตาม
ที่คาดหวังหรื อไม่ เมื่อจบการสัมภาษณ์ควรให้ผสู ้ มัครประเมินตนเองว่า เหมาะสมกับตําแหน่งที่จะรับหรื อไม่
การตรวจสุขภาพบุคคลก่อนเข้าทํางานมีจุดมุ่งหมายเพื่อ
1. คัดบุคคลที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงพอที่จะทํางานออกไป
2. เป็ นการป้ องกันความเสี ยหายที่องค์กรต้องจ่ายให้แก่คนงานในกรณี การป่ วยที่
เนื่องมาจากการทํางาน ข้อมูลการตรวจสุขภาพจึงเป็ นข้อมูลพื้นฐานที่สาํ คัญต่อการพิจารณาเรื่ องการเจ็บป่ วยที่เกิด
จากการทํางาน
3. เป็ นการป้ องกันโรคติดต่อ ที่อาจเกิดอันตรายต่อผูม้ ารับบริ การและผูร้ ่ วมงาน
4. เพื่อบรรจุบุคคลให้ทาํ งานในหน้าที่ที่เหมาะกับสุขภาพของผูส้ มัคร
การตรวจสอบอ้างอิงและการตรวจสอบประวัติ เพื่อตรวจสอบว่า ข้อมูลที่ผสู ้ มัคร
ให้ไว้ในใบสมัครและการสัมภาษณ์จริ งเท็จเพียงใด ในการตรวจสอบมักติดต่อกับบุคคลที่ผสู ้ มัครอ้างอิงไว้ใน
ใบสมัคร ซึ่งมักเป็ นอาจารย์ผสู ้ อน หรื ออาจารย์ที่ปรึ กษา หรื อหัวหน้างานเก่าที่เคยทํางานด้วย เพื่อสอบถาม
พฤติกรรม ลักษณะเด่น ลักษณะด้อยของผูส้ มัคร โดยทัว่ ไปขั้นตอนนี้มกั พิจารณากับการรับสมัครผูท้ ี่เคย
มีประสบการณ์การทํางานมาก่อนมากกว่าผูท้ ี่เพิ่งจบการศึกษา เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดําเนินการ
การตัดสิ นใจเลือกเป็ นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งเป็ นความรับผิดชอบของผูบ้ งั คับบัญชา
ตามสายงานของตําแหน่งที่วา่ งที่เปิ ดรับสมัครบุคคล โดยตัดสิ นใจเลือกบุคคลที่ดีและเหมาะสมที่สุดตามจํานวน
ตําแหน่งที่วา่ ง อาจมีตาํ แหน่งสํารองไว้ ถ้ามีบุคคลที่เหมาะสมในลําดับถัดไป เผื่อว่าผูท้ ี่ได้รับการคัดเลือก
ขั้นสุดท้ายถอนตัว จะได้ไม่ตอ้ งเสี ยเวลาเปิ ดรับสมัครใหม่ หลังจากพิจารณาคัดเลือกขั้นสุดท้ายแล้ว ฝ่ ายจัดการ
ทรัพยากรบุคคลจะทําหน้าที่ประกาศผลการคัดเลือกและดําเนินการบรรจุบุคคลเข้าทํางานต่อไป โดยมีการแจ้ง
ให้ผผู ้ า่ นการคัดเลือกมารายงานตัวและเข้าสู่การแนะนําตัวเข้าทํางานใหม่เพื่อรับการปฐมนิเทศ การทดสอบงาน
และประเมินผลการทดลองงาน เพื่อบรรจุเป็ นพนักงานถาวรต่อไป
1.4 การปฐมนิเทศ (orientation) ภายหลังการคัดเลือกแล้ว การแนะนําตัวและการ
ปฐมนิเทศคนงานใหม่เป็ นขั้นตอนที่ตอ้ งดําเนินการต่อไป วัตถุประสงค์ของการปฐมนิเทศ คือ เพื่อให้คนงานใหม่
เข้าใจปรัชญาและวัตถุประสงค์ขององค์กร มีการรับรู ้เกี่ยวกับองค์กรและบทบาทของตนเองอย่างถูกต้อง ได้เรี ยนรู ้
42
2.7 แนวคิดความพึงพอใจ
ความพึงพอใจ (Satisfaction) ได้มีผใู ้ ห้ความหมายของความพึงพอใจไว้หลายความหมายในลักษณะ
ใกล้เคียงและสัมพันธ์กบั ทัศนคติ เช่น
Philip Kotler (2000: 36) กล่าวว่า ความพึงพอใจ คือ ความรู ้สึก พอใจหรื อผิดหวังอันเกิดจาก
การเปรี ยบเทียบผลหรื อการปฏิบตั ิงานของผลิตภัณฑ์กบั ความคาดหวังของเขา จะเห็นได้วา่ จุดสําคัญคือ
การปฏิบตั ิงานของผลิตภัณฑ์กบั ความคาดหมาย ถ้าการปฏิบตั ิงานไม่ถึงความคาดหมาย ลูกค้าจะไม่พอใจ
ถ้าการปฏิบตั ิงานเท่ากับความคาดหมายของลูกค้าก็จะพอใจ ถ้าการปฏิบตั ิงานสูงกว่าความ คาดหมาย ลูกค้าก็จะ
ปลื้มปิ ติยนิ ดีเป็ นอย่างยิง่
Vroom (1964 : 99) กล่าวว่า ทัศนคติและความพึงพอใจในสิ่ งหนึ่งสามารถใช้แทนกันได้ เพราะทั้งสอง
คํานี้จะหมายถึง ผลที่ได้จากการที่บุคคลเข้าไปมีส่วนร่ วมในสิ่ งนั้น ทัศนคติดา้ นบวก จะแสดงให้เห็นความ
พึงพอใจในสิ่ งนั้น และทัศนคติดา้ นลบจะแสดงให้เห็นสภาพความไม่พึงพอใจนัน่ เอง นิยามนี้เรี ยกว่า ทฤษฎี
V.I.E เนื่องจากมีองค์ประกอบที่สาํ คัญ คือ
V มาจากคําว่า “Valence” หมายถึง ความพึงพอใจ
I มาจากคําว่า “Instrumentality” หมายถึง สื่ อ เครื่ องมือ วิถีทางนําไปสู่ความพึงพอใจ
47
2.8 แนวคิดการจูงใจ
การจูงใจ (สุวติ ศรี ไหม 2545) คือ การที่มีสิ่งกระตุน้ มาทําให้เรามีความพยายามในการทํางานให้บรรลุ
ตามเป้ าหมายที่เราได้วางไว้ การจูงใจเป็ นสิ่ งที่ทาํ ให้คนมีความคิดริ เริ่ มสร้างสรรค์ในการทํางานให้บรรลุ
วัตถุประสงค์
องค์ ประกอบของกระบวนการจูงใจ
สิ่ งจูงใจ เป็ นปั จจัยอย่างหนึ่งที่เป็ นการจูงใจให้คนทํางานมากขึ้น ปั จจัยในการที่ทาํ ให้บุคคล
ในองค์กรเกิดความพึงพอใจมีอยู่ 5 ประเภท คือ ความมีอาํ นาจ ความสําเร็ จ การมีส่วนร่ วม ความมัน่ คง และ
สถานภาพ
49
ทฤษฎีความต้ องการตามลาดับขั้น
ทฤษฎีความต้องการตามลําดับขั้น ซึ่งรู ้จกั กันในชื่อว่าทฤษฎีความต้องการของ Maslow เป็ น
ทฤษฎีที่แบ่งความต้องการของมนุษย์เป็ น 2 ระดับ คือความต้องการในระดับตํ่า และความต้องการในระดับสู งโดย
ที่มนุษย์มีความต้องการในระดับหนึ่งแล้วความต้องการนั้นได้รับการตอบสนองแล้ว มนุษย์ก็จะมีความต้องการ
ในระดับสูงขึ้นต่อไปจนถึงความต้องการในระดับที่สูงที่สุด
ทฤษฎีความต้ องการของมาสโลว์ มี 5 ลําดับขั้น คือ
1. ความต้องการทางด้านร่ างกาย (Physical need) เป็ นความต้องการขั้นพื้นฐานที่แต่ละบุคคล
มีอยูใ่ นตัวเอง เช่น อาหาร นํ้า ที่อยูอ่ าศัย การพักผ่อน เป็ นต้น
2. ความต้องการความปลอดภัย (Safety need) เป็ นความต้องการที่แต่ละบุคคลต้องการ
ที่จะปราศจากอันตรายทางกายและความกลัวที่จะสูญเสี ยงาน
3. ความต้องการทางสังคม (Social need) คือการมีเพื่อนร่ วมงานที่มีความเป็ นมิตร
มีความสัมพันธ์อนั ดีกบั เพื่อนร่ วมงาน
4. ความต้องการการยกย่อง (Esteem need) คือการมีความรับผิดชอบงานที่มีความสําคัญสูง
ได้รับคําชมเชย และการยอมรับจากหัวหน้างาน และได้เลื่อนตําแหน่งหน้าที่การงานที่มีสถานภาพสูงขึ้น
5. ความต้องการความสําเร็ จในชีวติ (Self-actualization need) ได้แก่ลกั ษณะการทํางานที่มี
ความยืดหยุดและมีอิสระสูง การให้มีส่วนร่ วมในการตัดสิ นใจ และงานมีความริ เริ่ มสร้างสรรค์
หลักและเทคนิคของการจูงใจ
การศึกษาทฤษฎีการจูงใจจะทําให้ทราบว่าเทคนิคการจูงใจอะไรบ้างที่ผบู ้ ริ หารสามารถ
นําไปใช้ได้ ในขณะที่การจูงใจมีความสลับซับซ้อนและไม่มีคาํ ตอบที่ดีที่สุดเพียงคําตอบเดียว เทคนิคการจูงใจ
ที่สาํ คัญประกอบด้วย เงิน การมีส่วนร่ วม และคุณภาพชีวติ ในการทํางาน
รู ปแบบของทฤษฎีการเสริมแรง
เชื่อว่าพฤติกรรมของมนุษย์ที่เปลี่ยนไปเนื่องมาจากแรงจูงใจ การเสริ มแรงจูงใจเป็ นพฤติกรรม
ที่เกิดจากผลของการกระทําซึ่งแบ่งออกเป็ น 4 อย่าง คือ
1. การเสริ มแรงจูงใจในทางบวก (positive reinforcement) เป็ นการเสริ มแรงจูงใจ
เพื่อเพิม่ พฤติกรรมที่ตอ้ งการ โดยการให้รางวัล หรื อผลตอบแทนในสิ่ งที่บุคคลเหล่านั้นต้องการ เช่น การกล่าว
คําขอบคุณ การให้คาํ ชื่นชม เป็ นต้น
2. การเสริ มแรงจูงใจในทางลบ (negative reinforcement) บางครั้งเรี ยกว่า
การหลีกเลี่ยงเป็ นการเรี ยนรู ้ถึงวิธีปฏิบตั ิเพื่อหลีกเลี่ยงเป็ นการเรี ยนรู ้ถึงวิธีการปฏิบตั ิเพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่ไม่น่า
พึงพอใจ เช่น ทํางานให้เสร็ จก่อนกําหนดเพื่อหลีกเลี่ยงการตําหนิจากหัวหน้างาน
3. การเพิกเฉย (extinction) เป็ นการเสริ มแรงจูงใจเพื่อลดพฤติกรรมที่ทาํ บ่อยๆ หรื อ
ทําให้พฤติกรรมนั้นหมดไป โดยการไม่ให้รางวัลหรื อผลตอบแทน เช่น เมื่อเห็นว่าคนๆหนึ่งมีพฤติกรรม
ไม่ถูกต้องแต่ยงั ได้รับการยอมรับจากกลุ่มทํางาน ต้องปรึ กษากับกลุ่มเพื่อให้หยุดการยอมรับต่อพนักงานคนนั้น
50
ผูเ้ ข้ามาใหม่
อุปสรรคของ
ผูเ้ ข้ามาใหม่
คู่แข่งขันในอุตสาหกรรม
อํานาจการต่อรอง อํานาจการต่อรอง
ของผูข้ ายวัตถุดิบ ของผูซ้ ้ือ
ผูข้ ายวัตถุดิบ ผูซ้ ้ือ
การแข่งขันกันระหว่าง
ธุรกิจที่มีอยู่
อุปสรรคของสิ นค้าทดแทน
หรื อบริ การทดแทน
การทดแทน
ผลิตภัณฑ์ (Product)
ผลิตภัณฑ์ประกอบไปด้วยสิ นค้าและการบริ การที่มุ่งสร้างความพึงพอใจ ให้แก่ผบู ้ ริ โภค
ผลิตภัณฑ์จะสร้างความพึงพอใจให้แก่ผบู ้ ริ โภคได้เพียงใด ผูป้ ระกอบการจะต้องใส่ในในความต้องการ
ของผูบ้ ริ โภคเป็ นหลัก โดยคํานึงถึงกลยุทธ์ในการสร้างข้อได้เปรี ยบทางการแข่งขันด้วย
ประเภทของผลิตภัณฑ์
ผลิตภัณฑ์ หลัก เน้นประโยชน์หลักของผลิตภัณฑ์ เป็ นเหตุผลหลักที่ผบู ้ ริ โภคซื้อผลิตภัณฑ์
เช่น ซื้อบ้านเพื่อพักอาศัย
54
ช่ องทางการจัดจาหน่ าย (Place)
เป็ นการกําหนดช่องทางจัดจําหน่าย และการกระจายตัวสิ นค้าไปยังผูบ้ ริ โภค โดยใช้ช่องทาง
ใดช่องทางเดียว หรื อจะใช้ท้ งั หมดเลยย่อมได้ ซึ่งการกําหนดช่องทางการจัดจําหน่ายผูป้ ระกอบการควรคํานึง
ถึงภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์และพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าด้วย
ประเภทของช่ องทางการจัดจาหน่ าย
1. ช่องทางตรง คือการขายตรงให้แก่ผบู ้ ริ โภค
2. ช่องทางอ้อม คือการขายผ่านคนกลาง เช่น ผูค้ า้ ส่ง ผูค้ า้ ปลีก ตัวแทนจําหน่าย
3. ช่องทางการจัดจําหน่ายรู ปแบบใหม่ๆ เช่น Telemarketing, Internet Website
การส่ งเสริมการตลาด (Promotion)
เป็ นการสื่ อสารทางการตลาดเพื่อแจ้งข่าวสาร เพื่อจูงใจให้เกิดพฤติกรรมการซื้อตลอดจน
เตือนความทรงจําของผูบ้ ริ โภคเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริ การ และกิจการ ซึ่งทําได้โดย
1. การโฆษณา (Advertising) สร้างให้เกิดการรู ้จกั ผลิตภัณฑ์ การบริ การ และกิจการ
การโฆษณาจะต้องวางแผน เช่น
- ตั้งวัตถุประสงค์ในการโฆษณา
- สื่ อถึงลูกค้ากลุ่มใด
- การเลือกใช้สื่อโฆษณา
- ข้อความที่ใช้โฆษณา
- เวลาและระยะเวลาสําหรับการโฆษณา
- งบประมาณในการโฆษณา
2. การขายโดยใช้พนักงานขาย Sale Person
- การนําเสนอผลิตภัณฑ์หรื อการบริ การ โดยใช้พนักงานขาย
- มุ่งการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกบั ลูกค้า
- สามารถตอบข้อสงสัยแก่ลูกค้าได้ทนั ที
- มีตน้ ทุนสูง แต่ผลตอบแทนก็สูงเช่นกัน
- เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง การใช้งานซับซ้อน หรื อเป็ น ผลิตภัณฑ์
ที่เป็ นนวัตกรรม เทคโนโลยีสูง
3. การส่งเสริ มการขาย (Sale Promotion) เป็ นกิจกรรมที่เน้นการกระตุน้ ยอดขาย
อย่างเร่ งรัด เป็ นกิจกรรมที่เกิดขึ้นเป็ นครั้งคราว มีตน้ ทุนในการส่งเสริ มการขาย ผูป้ ระกอบการควรจะมี
งบประมาณในส่วนของการส่งเสริ มการขายด้วย เช่น
- การจัดแสดงสิ นค้า ณ จุดซื้อ
- การจัด Display แสดงสิ นค้าหน้าร้าน
- การแจกตัวอย่างสิ นค้า
- สะสมคะแนน หรื อแสตมป์
- การแจกของแถม
56
- การแจกคูปองส่วนลด
- การขายสิ นค้าลดราคา
- การซื้อสิ นค้า เพื่อให้ลูกค้านําชิ้นส่วนของสิ นค้าไปร่ วมกิจกรรมอื่นๆ
4. การประชาสัมพันธ์ (Public Relation) เป็ นการสร้างกิจกรรมส่งเสริ มความสัมพันธ์
ระหว่างธุรกิจ พนักงาน ผูข้ าย รัฐบาล ลูกค้า และชุมชน เน้นการสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนโดยรวม เป็ นการทํา
กิจกรรมร่ วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เป็ นการให้ความรู ้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สู่กลุ่มลูกค้า หรื อชุมชน เป็ นการ
สร้างภาพพจน์ของกิจการ
การนาแนวคิดมาประยุกต์ ใช้
การแข่งขัน ระหว่างธุรกิจ ที่มีคู่แข่งขันมากรายจําเป็ นอย่างยิง่ ที่ตอ้ งคํานึงถึงปั จจัยต่างๆที่
สามารถนํามาเป็ นกลยุทธ์ เพื่อให้ นํ้าดื่มวอเตอร์ เป็ นที่ตอ้ งการของ ลูกค้า อันได้แก่ การสร้างความแตกต่างให้กบั
ผลิตภัณฑ์ การกําหนดราคาให้เป็ นที่ยอมรับของลูกค้าและอยูบ่ นพื้นฐานของการแข่งขัน การกําหนดช่องทางการ
จัดจําหน่ายให้เหมาะสมและเกิดความสะดวกสบายต่อลูกค้ามากที่สุด ซึ่งผู ้ จัดทํา ได้นาํ มาปรับใช้ในการส่งเสริ ม
การขายให้แก่โรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น
2.11 กิจกรรม 5 ส
5 ส คือ การจัดระเบียบของสถานที่ทาํ งาน ให้น่าอยูน่ ่าทํางาน เป็ นระเบียบเรี ยบร้อย สะอาด สวยงาม
มีความปลอดภัยมีประสิ ทธิภาพและประสิ ทธิผลต่องาน ดังนี้
1. เซริ (SEIRI) หมายถึง สะสาง หรื อการแยกแยะให้ชดั เจน ได้แก่ การสํารวจตรวจสอบ
สิ่ งของที่อยูโ่ ดยรอบสถานที่ทาํ งาน แล้วทําการแยกแยะออกเป็ นของที่จาํ เป็ น
2. เซตง (SEITON) หมายถึง สะดวก หรื อการจัดให้เป็ นระเบียบ
3. เซโซ (SEISO) หมายถึง สะอาดหรื อการทําความสะอาด ได้แก่ การทําความสะอาดสถานที่
ทํางาน
4. เซเคทซึ (SEIKETTSU) หมายถึง สุขลักษณะ การดูแลรักษาสถานที่ทาํ งานให้มีความ
สะอาด เพื่อสุขภาพอนามัยและมีความปลอดภัยอยูเ่ สมอ
5. ชิทสึ เกะ (SHISUKE) หมายถึง สร้างนิสยั และการรักษาระเบียบวินยั
การเพิ่มประสิ ทธิภาพในการทํางานในด้านการผลิตและการบริ การที่มีพ้นื ฐานจากการจัดกิจกรรม 5ส
และพัฒนาไปสู่ระบบการบริ หารงานคุณภาพให้มีประสิ ทธิภาพเพิ่มมากขึ้นซึ่งจะให้ความสําคัญต่อการ
จัดกิจกรรม 5ส ก่อนการดําเนินกิจกรรมในระบบคุณภาพอื่นๆ ต่อไป
ประโยชน์ ทไี่ ด้ รับจากการทากิจกรรม 5 ส
1. ประโยชน์ที่เกิดกับพนักงาน ได้แก่ บรรยากาศและสภาพแวดล้อมในการทํางานดีข้ ึนทําให้
สถานที่ทาํ งานเป็ นระเบียบเรี ยบร้อย พนักงานมีขวัญและกําลังใจในการทํางาน สร้างจิตสํานึกให้กบั พนักงาน
เพื่อที่จะนําไปสู่การปรับปรุ ง
57
2.12 แนวคิดการรักษาระเบียบวินัยในการทางาน
การที่คนหมู่มากอยูร่ ่ วมกันเป็ นสังคมนั้น มีความจําเป็ นที่จะต้องมีกฎเกณฑ์ในการปฏิบตั ิตนเพื่อให้
สังคมสามารถดํารงอยูอ่ ย่างสงบสุข และมีพฒั นาการในทิศทางที่เหมาะสม องค์กรเป็ นระบบ สังคม
ที่ประกอบด้วยบุคคลจํานวนมากที่มีความแตกต่างทั้งในทางกายภาพและทางจิตใจ ( Physical and Psychological
Differences) มาอยูร่ ่ วมกัน จึงจําเป็ นต้องมีกฎเกณฑ์สาํ หรับการอยูแ่ ละกระทํากิจกรรมร่ วมกันอย่างเหมาะสม
เพื่อให้องค์กรสามารถดําเนินงานให้บรรลุวตั ถุประสงค์ที่กาํ หนดไว้ได้
ในทางปฏิบตั ิหน่วยงานทรัพยากร บุคคลขององค์กรจะมีหน้าที่ควบคุม ดูแล และให้คาํ แนะนํากับ
สมาชิกขององค์กร เพื่อให้สามารถปฏิบตั ิตามระเบียบ กฎเกณฑ์ และข้อบังคับที่องค์กรกําหนดได้อย่าง
เหมาะสม ตลอดจนพยายามศึกษา วิเคราะห์ และปรับปรุ งกฎเกณฑ์ที่มีอยูใ่ ห้เกิดความสอดคล้องกับกาลสมัยอยู่
เสมอ เพื่อให้องค์กรและสมาชิกสามารถอยูร่ ่ วมกันได้อย่างมีความสุขและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่ าย
วินยั หมายถึง ระบบการชี้นาํ และและควบคุมพฤติกรรมของคนหมู่มากให้เป็ นไปต ามแนวทาง
ที่กาํ หนด โดยอาศัยเครื่ องมือต่างๆ เช่น การลงโทษ การให้รางวัล หรื อการให้คาํ ปรึ กษา
58
ส่ วนประกอบของวินัย
1. ระบบ วินยั เป็ นระบบที่องค์กรนํามาใช้สาํ หรับชี้นาํ และควบคุมให้สมาชิกปฏิบตั ิตวั ตามที่
องค์กรต้องการ เนื่องจากสมาชิกแต่ละคนต่างก็มีความแตกต่างกันทั้งทางร่ างกายและจิตใจ ถ้าองค์กรไม่มี
แนวทางให้สมาชิกปฏิบตั ิอาจก่อให้เกิดความสับสน ความขัดแย้ง และปั ญหาในการดําเนินงานขึ้น ดังนั้นองค์กร
จึงต้องพัฒนาระบบที่ทาํ ให้สมาชิกเข้าใจบทบาท หน้าที่ วัตถุประสงค์ร่วม และสามารถปฏิบตั ิตวั ตามที่องค์กร
ต้องการได้
2. พฤติกรรม การแสดงออกของสมาชิกมีผลต่อภาพลักษณ์ การดําเนินงาน และ
ประสิ ทธิภาพขององค์กร องค์กรที่สมาชิกสามารถปฏิบตั ิตนได้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ต้ งั ไว้ ย่อมมีโอกาส
ก้าวหน้าในอนาคต ดังนั้นวินยั จึงถูกนํามาใช้ควบคุมพฤติกรรมของบุคลากรให้เป็ นไปตามแนวทางที่องค์กร
ต้องการ
3. กลุ่มคน วินยั ถูกนํามาใช้กบั กลุ่มคนเพื่อแสดงพฤติกรรมตามแนวทางที่ตอ้ งการเพื่อให้
เกิดความเป็ นระเบียบเรี ยบร้อย และเกิดประสิ ทธิภาพในการดําเนินงาน เนื่องจากองค์กรเกิดขึ้นจากการรวมตัว
ของบุคคลหลายคน ดังนั้นจึงต้องมีขอ้ กําหนดที่สามารถทําให้บุคลากรอยูแ่ ละกระทํากิจกรรมร่ วมกันได้
อย่างเหมาะสม ตลอดจนส่งเสริ มให้องค์กรสามารถดําเนินการได้ตามวัตถุประสงค์ที่ตอ้ งการ
4. เครื่องมือ ระบบวินยั จะต้องอาศัยเครื่ องมือต่างๆ มาใช้ควบคุมให้กลุ่มบุคคลประพฤติตน
ตามที่ตอ้ งการ โดยที่เครื่ องมือเหล่านี้ ได้แก่ การลงโทษ การให้รางวัล และการให้คาํ ปรึ กษา เนื่องจาก
การดําเนินการทางวินยั เป็ นเรื่ องละเอียดอ่อนและเกี่ยวข้องกับความรู ้สึกของบุคคล ดังนั้น ผูท้ ี่มีหน้าที่รักษาวินยั
จะต้องพิจารณาถึงความรุ นแรง ผลกระทบ และความเหมาะสมของเครื่ องมือแต่ละประเภทก่อนตัดสิ นใจ
นํามาใช้กบั พนักงาน เพื่อให้เกิดประสิ ทธิภาพสูงสุด และไม่ก่อให้เกิดปั ญหาในอนาคต
วัตถุประสงค์ ของวินัย
1. ส่ งเสริมพฤติกรรม ระบบวินยั จะถูกนํามาใช้ในการส่งเสริ มพฤติกรรมที่องค์การต้องการ
ให้สมาชิกแสดงออก โดยให้รางวัลแก่พนักงานที่ประพฤติตวั เหมาะสม เพื่อเป็ นการส่งเสริ มให้พนักงานรักษา
และพัฒนาพฤติกรรมนั้นอย่างต่อเนื่อง
2. ป้ องกันพฤติกรรม ระบบวินยั จะถูกนํามาใช้กบั สมาชิกเพื่อป้ องกันพฤติกรรมที่
ไม่พึงประสงค์ของบุคลากรโดยการลงโทษ ตักเตือน หรื อให้คาํ แนะนําแก่พนักงานที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม
หรื อไม่ตรงตามความต้องการขององค์กร เพื่อบุคลากรจะได้ปรับปรุ งพฤติกรรมของตนให้เป็ นไปตามข้อกําหนด
ขององค์กร
การสร้างและการพัฒนาพฤติกรรมของบุคคลเป็ นเรื่ องที่เกี่ยวข้องกับจิตใจ( Psychological
related Issues) โดยเฉพาะพฤติกรรมของกลุ่มคนที่ตอ้ งอาศัยความรู ้ ความเข้าใจ และประสบการณ์มาประกอบ
กัน ผูท้ ี่มีหน้าที่รักษาวินยั จะต้องสร้างความสอดคล้องระหว่างประยุกต์ใช้วตั ถุประสงค์ท้ งั สอง เพื่อให้เกิด
ประสิ ทธิภาพสูงสุดในการส่งเสริ มพฤติกรรมที่องค์กรต้องการและป้ องกันไม่ให้พนักงานประพฤติตน
ไม่เหมาะสม
59
ระบบวินัยขององค์ กร
1. วินัยทางลบ (Negative Discipline) เป็ นระบบวินยั ที่ใช้ความรุ นแรง โดยองค์กร จะสร้าง
ข้อกําหนดพร้อมบทลงโทษเป็ นลําดับขั้นจากน้อยไปหามาก ถ้าพนักงานไม่ปฏิบตั ิตามหรื อเกิดความผิดพลาดใน
การปฏิบตั ิจะต้องถูกดําเนินการทางวินยั โดยอาจจะพิจารณาตามความบกพร่ อง เจตนา และปั จจัยแวดล้อม
การดําเนินการทางวินยั ในลักษณะนี้เป็ นการแก้ปัญหาปลายเหตุ ซึ่งไม่สอดคล้องกับ
วัตถุประสงค์เบื้องต้นของวินยั ตลอดจนสร้างภาพลักษณ์ในทางลบ ต่อองค์กรและผูท้ าํ หน้าที่รักษาวินยั ส่งผล
กระทบต่อความรู ้สึกและความสัมพันธ์ของพนักงานในองค์กรและขวัญกําลังใจในการทํางานของบุคลากร
และอาจก่อให้เกิดปั ญหาต่อเนื่องในอนาคต
ปั จจุบนั หลายองค์กรตระหนักถึงความสําคัญของการใช้ระบบวินยั ทางลบ เพื่อปรามมิให้
พนักงานประพฤติตวั นอกขอบเขตที่กาํ หนด ดังนั้นผูท้ ี่มีหน้าที่รักษาวินยั จะต้องนําหลักการจัดการปกครองและ
จิตวิทยามาประยุกต์ใช้ เพื่อให้การดําเนินการทางวินยั มีประสิ ทธิภาพและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์เบื้องต้น
โดยสรุ ปเป็ นหลักการดําเนินการทางวินยั ดังต่อไปนี้
ชัดเจน หน่วยงานด้านวินยั ต้องกําหนดบทลงโทษและขั้นตอนการดําเนินการอย่างชัดเจน
เข้าใจง่าย และแจ้งให้พนักงานทุกคนรับทราบ เพื่อป้ องกันมิให้เกิดความบกพร่ องขึ้น ตลอดจนมีความโปร่ งใส
การดําเนินการ ไม่เลือกปฏิบตั ิโดยการเอื้อประโยชน์แก่พรรคพวกของตน
เข้ าใจ หน่วยงานด้านวินยั จะต้องแจ้งข้อบกพร่ องของบุคลากร เหตุผล และรายละเอียด
ในการลงโทษให้แก่พนักงานผูถ้ ูกดําเนินการทางวินยั เพื่อให้เขาเกิดความเข้าใจ ปรับปรุ ง หรื อเลิกพฤติกรรม
ที่ไม่เหมาะสมนั้น
ติดตามผล การดําเนินการทางวินยั มิใช่กิจกรรมที่กระทําครั้งเดียวเสร็ จ ดังนั้นหน่วยงาน
ด้านวินยั จะต้องมีหน้าที่ติดตามผลการดําเนินการว่าสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคลากรได้เพียงใด
และต้องมีการส่งเสริ มหรื อปรับปรุ งการดําเนินการอย่างไร เพื่อให้การดําเนินงานเกิดประสิ ทธิภาพในอนาคต
เสริมแรง การดําเนินการทางวินยั เป็ นกระบวนการต่อเนื่องที่ถูกนํามาประยุกต์ใช้เพื่อให้กลุ่ม
บุคคลมีพฤติกรรมตามที่กาํ หนด ดังนั้นนอกจากการลงโทษตามขั้นตอนแล้ว หน่วยงานด้านวินยั จะต้อง
ให้รางวัลแก่ผปู ้ รับปรุ งพฤติกรรมอีกด้วย เพื่อเป็ นการกระตุน้ ให้บุคลากรพัฒนาและรักษาพฤติกรรมที่ตอ้ งการ
อย่างต่อเนื่อง
2. วินัยทางบวก ( Positive Discipline) ระบบวินยั ที่ใช้ความรุ นแรงมิได้กระทําให้บุคลากร
เกิดพัฒนาการทางพฤติกรรมอย่างแท้จริ ง แต่บุคลากรต้องปฏิบตั ิตามข้อกําหนดเพราะเกรงว่าจะถูกลงโทษทําให้
เกิดการต้องเก็บกด ความเครี ยด และแรงกดดัน ซึ่งจะส่งผลต่อประสิ ทธิภาพขององค์กรในระยะยาว ดังนั้น
มีผพู ้ ฒั นาระบบวินยั ที่ไม่ใช้ความรุ นแรงโดยอาศัยการกระตุน้ ให้บุคลากรพัฒนาตนเองจนมีพฤติกรรมที่องค์กร
ต้องการ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดปั ญหาต่อเนื่องในอนาคต
เดอ เซนโซ และรอบบินส์ ได้กล่าวถึงระบบวินยั ทางบวก ซึ่งประกอบด้วย 3 ขั้นตอน
การเตือนด้ วยวาจา ( Oral Reminder) ระบบวินยั ทางบวกจะใช้คาํ ว่า “การเตือน (Remind)”
แทน “การตักเตือน (Warning)” เนื่องจากมีความหมายที่อ่อนและเป็ นกันเองระหว่างบุคคลมากกว่าโดยผูม้ ีหน้าที่
60
อดิศร ตั้งรุ่ งเรื องอยู่ (2544) การเพิม่ ยอดขายนํ้าดื่มอัมริ นทร์ ห้างหุน้ ส่วนอัมริ นทร์ อินเตอร์กรุ๊ ป
เป็ นโรงงานผลิตนํ้าดื่มบรรจุขวดภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ นํ้าดื่มอัมริ นทร์ โดยจัดจําหน่ายภายในเขตจังหวัด
มหาสารคาม มียอดขายลดลงสื บเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจตกตํ่า ทําให้ยอดขายลดลงยาวนานหลายเดือน จากการ
วิเคราะห์หาปั ญหาและแนวทางแก้ไขของห้างฯ ซึ่งจําเป็ นจะต้องใช้เครื่ องมือและทฤษฎี SWOT Analysis,
STP analysis, Strategic Planning มาช่วยเพราะหัวใจสําคัญในการสร้างรายได้ของกิจการคือ การขายห้างฯ จําเป็ น
ที่จะต้องแสวงหาโอกาสในการขายให้มากที่สุด ด้านการผลิตภัณฑ์ควรมรการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์จากขวดที่
ผลิตจากเม็ดพลาสติกรี ไซเคิล เป็ นเม็ดพลาสติกใหม่บริ สุทธิ์และพิมพ์ขอ้ ความให้ผบู ้ ริ โภคมัน่ ในในคุณภาพ
ของสิ นค้า ด้านราคา การตั้งราคาโดยใช้โปรแกรม ผลกําไรจูงใจลูกค้า เพื่อจูงใจให้ร้านค้าสัง่ สิ นค้ามากขึ้น
เป็ นโอกาสของห้างฯ ที่จะสร้างยอดขาย ด้านช่องทางการจัดจําหน่าย โดยการเน้นการรักษาช่องทาง
การจัดจําหน่ายเดิมและเสริ มสภาพคล่องด้านการเงินให้ร้านค้า เพิ่มหน่วยลดขายเงินสด และขยายช่องทาง
การตลาดใหญ่ๆ ทําให้กิจการสามารถเข้าถึงลูกค้าและเพิ่มจุดขายให้มากขึ้น ด้านการประชาสัมพันธ์ โดยใช้วทิ ยุ
และสร้างภาพพจน์การจดจําและกระตุน้ ผูบ้ ริ โภคให้ดื่มนํ้าอัมริ นทร์เพิม่ ขึ้น ดังนั้นการทําทฤษฎี และเครื่ องมือ
ทั้ง 3 อย่างข้างต้นมาช่วยในการปฏิบตั ิสามารถทําให้บรรลุถึงเป้ าหมายที่วางไว้ได้
3.1 ประชากร
ได้ทาํ การศึกษาจากประชากร 2 กลุม่ ดังนี้
กลุ่มที่ 1 พนักงานโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น จํานวนทั้งหมด 21 คน
กลุ่มที่ 2 ประชากรที่อาศัยอยูใ่ นเขตเทศบาลเมืองจังหวัดขอนแก่นจํานวน 120,167 คน (รายงานสถิติ
จํานวนประชากร ณ เดือน ธันวาคม พ.ศ.2550)
3.2 กลุ่มตัวอย่ าง
กลุ่มที่ 1 เก็บข้อมูลทั้งหมด 21 คน
กลุ่มที่ 2 ใช้สูตรการคํานวณกลุ่มตัวอย่างโดย Taro Yamane (1973) กรณี ทราบจํานวนประชากร
N
n=
1 Ne 2
n = ขนาดกลุ่มตัวอย่าง
N = จํานวนประชากร
e = ความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้เกิดขึ้น
ระดับความเชื่อมัน่ ที่ 95 % หรื อระดับนัยสําคัญ 0.05
n= 120,167/(1+120,167(0.05)2) = 398.67 400 คน ดังนั้นจึงเก็บแบบสอบถาม 400 ชุด
3.3 พืน้ ทีท่ ที่ าการวิจัย
พื้นที่ ที่ทาํ การวิจยั คือ เขตเทศบาลเมืองจังหวัดขอนแก่น โดยมีการสอบถามข้อมูลจาก ผูป้ ระกอบการ
แบบตรวจสอบรายการ รวมทั้งแบบสอบถามทัศนคติของพนักงานที่มีต่อโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น
และแบบสอบถามปั จจัยที่ใช้ในการตัดสิ นใจซื้อนํ้าดื่มของผูบ้ ริ โภคในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดขอนแก่น
สูตร x = x
n
เมื่อ x = ค่าเฉลี่ย
n = ผลรวมของคะแนนทั้งหมด
x = ขนาดกลุ่มข้อมูลจากการวิเคราะห์งาน
การวัดระดับความพึงพอใจ และระดับความสําคัญ ใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics)
ในการวิเคราะห์ขอ้ มูลและนําเสนอในรู ปแบบตารางประกอบคําบรรยาย โดยการให้คะแนน (Rating Scale)
5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด โดยมีการให้คะแนนสําหรับมาตราส่วนประมาณค่า ดังนี้
มากที่สุด ระดับคะแนน 5 คะแนน
มาก ระดับคะแนน 4 คะแนน
ปานกลาง ระดับคะแนน 3 คะแนน
น้อย ระดับคะแนน 2 คะแนน
น้อยที่สุด ระดับคะแนน 1 คะแนน
การประเมินผลโดยการแบ่งช่วงการแปรผลตามหลักของการแบ่งอันตรภาคชั้น (Class interval) โดยใช้
สูตรคํานวณความกว้างของอันตรภาคชั้น (สุพจน์ บุญแรง, 2549) ดังต่อไปนี้
ความกว้างของอันตรภาคชั้น = พิสยั /จํานวนชั้น
= (5-1)/5
= 0.8
เมื่อได้ค่าเฉลี่ยความกว้างของช่วงชั้นแล้ว ผู ้ จัดทํา ได้กาํ หนดการแปลความหมายระดับความ พึงพอใจ
และระดับความสําคัญ ดังนี้
ค่าเฉลี่ย 4.21 - 5.00 หมายความว่า มากที่สุด
ค่าเฉลี่ย 3.41 - 4.20 หมายความว่า มาก
ค่าเฉลี่ย 2.61 - 3.40 หมายความว่า ปานกลาง
ค่าเฉลี่ย 1.81 - 2.60 หมายความว่า น้อย
ค่าเฉลี่ย 1.00 - 1.80 หมายความว่า น้อยที่สุ ด
บทที่ 4
วิเคราะห์ ผลการศึกษาและการดาเนินงาน
พนักงานขาย
โรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ ร้านค้า, ร้านอาหาร ผูบ้ ริ โภค
จังหวัดขอนแก่น
สาเหตุที่ใช้พอ่ ค้าคนกลางจําหน่ายนํ้าดื่ม
1. พ่อค้าคนกลางทําหน้าที่การจําหน่ายแทนผูผ้ ลิต ซึ่งจะทําให้สามารถจําหน่ายนํ้าดื่มได้เข้าถึง
ตลาดอย่างทัว่ ถึง ทําให้สามารถสร้างยอดขายได้มากขึ้น
2. พ่อค้า คนกลางทําหน้าที่ส่งเสริ มการตลาดด้วย เนื่องจาก พ่อค้า คนกลางอยูใ่ กล้ชิด ลูกค้า
มากกว่าผูผ้ ลิต ทําให้ทราบความต้องการของลูกค้าได้ดีกว่าผูผ้ ลิต
3. พ่อค้าคนกลางทําช่วยให้เกิดการประหยัดต่อขนาดการผลิต การที่พอ่ ค้าคนกลางช่วยในการ
จําหน่ายสิ นค้าให้เข้าถึงลูกค้าได้อย่างทัว่ ถึง ทําให้จาํ หน่ายได้ในปริ มาณที่มาก มีผลทําให้มีการผลิต ต่อครั้ง จํานวน
มาก ส่งผลให้ตน้ ทุนต่อหน่วยลดลง
4. การส่ งเสริมการตลาด (promotion)
นํ้าดื่มวอเตอร์ มีลกั ษณะการจัดจําหน่ายแบบค้าส่ง ดังนั้น ในส่วนของการส่งเสริ มการตลาด
กิจการเลือกใช้การส่งเสริ มการ ตลาดโดยใช้พนักงานขายออกจัดส่งนํ้าดื่มตามร้านค้า ร้านอาหาร บ้านพักอาศัย
หอพัก ธนาคาร ส่วนราชการ เป็ นต้น
ก่ อน หลัง
ทัศนคติของพนักงาน การจัดกิจกรรม 5ส การจัดกิจกรรม 5ส
ทีม่ ตี ่ อโรงงานนา้ ดืม่ วอเตอร์ ระดับ ระดับ
จังหวัดขอนแก่ น x S.D. ความพึง x S.D. ความพึง
พอใจ พอใจ
ด้ านสถานทีป่ ฎิบัตงิ าน
ความสะอาดของโรงงาน 2.74 1.050 น้อย 4.26 0.735 มากที่สุด
อากาศภายในโรงงานถ่ายเทได้สะดวก 3.14 0.779 ปานกลาง 3.38 0.943 ปานกลาง
ความปลอดภัยในระหว่างการปฏิบตั ิงาน 2.92 1.072 ปานกลาง 3.51 0.694 มาก
การจัดวางสิ่ งของอย่างเป็ นระเบียบ 2.46 1.025 น้อย 4.35 0.765 มากที่สุด
มีแสงสว่างเพียงพอ 3.44 0.853 มาก 3.72 0.841 มาก
เครื่ องจักรและอุปกรณ์เหมาะสม 4.41 0.756 มากที่สุด 4.38 0.846 มากที่สุด
ต่อการใช้งาน
ก่ อน หลัง
ทัศนคติของพนักงาน การดาเนินงาน การดาเนินงาน
ทีม่ ตี ่ อโรงงานนา้ ดืม่ วอเตอร์ ระดับ ระดับ
จังหวัดขอนแก่ น x S.D. ความพึง x S.D. ความพึง
พอใจ พอใจ
ด้ านสวัสดิการ
ค่าตอบแทนที่ได้รับเพียงพอ 2.76 1.073 ปานกลาง 3.53 0.764 มาก
ต่อการดําเนินชีวติ
มีการให้ค่าตอบแทนอย่างเหมาะสมกับงาน 3.61 0.946 มาก 4.18 0.861 มาก
มีค่าตอบแทนอื่นๆนอกจากรายได้หลัก 2.54 1.048 น้อย 4.25 0.647 มากที่สุด
คุณสามารถใช้วนั หยุด/วันลาได้ตามสิ ทธิ 4.09 0.831 มาก 3.84 0.795 มาก
คุณได้พกั ผ่อนอย่างเต็มที่ในเวลาพัก 3.66 0.775 มาก 3.52 0.815 มาก
ก่ อน หลัง
ทัศนคติของพนักงาน การดาเนินงาน การดาเนินงาน
ทีม่ ตี ่ อโรงงานนา้ ดืม่ วอเตอร์ ระดับ ระดับ
จังหวัดขอนแก่ น x S.D. ความพึง x S.D. ความพึง
พอใจ พอใจ
ด้ านบุคลากร
ขอบเขตในการทํางานของทุกคน 2.43 1.034 น้อย 4.46 0.861 มากที่สุด
มีความชัดเจน
มีการวางตําแหน่งบุคคลและแบ่งหน้าที่ 3.07 0.769 ปานกลาง 3.52 0.778 มาก
อย่างเหมาะสม
การมีมนุษยสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร 3.96 0.931 มาก 3.71 0.752 มาก
ในโรงงาน
ความมีวนิ ยั ในการปฏิบตั ิงานของพนักงาน 2.83 1.090 ปานกลาง 3.50 0.631 มาก
มีการชี้แจงกฎระเบียบให้ทุกคนทราบ 2.56 1.351 น้อย 4.37 0.758 มากที่สุด
วัน
ประเด็นปัญหา
1 2 3 4 5 รวม
1.พนักงานมาสาย //// / //// /// // //// 19
2.พนักงานขาดงาน - / / - - 2
3.มีน้ าํ นองบริ เวณพื้น /// //// // //// //// / //// 25
4.พนักงานขาดความ //// /// // // /// 15
กระตือรื อร้น
5.พนักงานดื่มเหล้า,สูบ //// //// //// //// / /// 22
บุหรี่
6.วางสิ่ งของไม่เป็ น //// //// // //// //// //// //// //// //// //// //// / 55
ระเบียบ ///
ไม่เป็ นหมวดหมู่
กีดขวางการทํางาน
7.พนักงานไม่สวม / - /// - - 4
หมวกและผ้าปิ ดปาก
8.พนักงานเกิดการ / // / - // 6
ทํางานซํ้าซ้อนกัน
รวม 148
frequency
160 Percent
100 cumulative
140
percent frequency
120
8 1.35
100 7 2.70
80 6 4.05
50
5 10.14
60
4 12.84
40 3 14.86
20 2 16.89
0 1 37.16
0
1 2 3 4 5 6 7 8
problem
สภาพแวดล้ อมภายในโรงงาน
ข้ อกาหนด GMP ของนา้ บริโภค ตรงตาม ไม่ ตรงตาม หมายเหตุ
มาตรฐาน GMP มาตรฐาน GMP
1. สถานที่ต้ งั และอาคารผลิต มีเศษขยะอยูร่ อบบริ เวณโรงงาน
2. เครื่ องมือ เครื่ องจักร และ - ไม่มีการจัดวางสิ่ งของอย่างเป็ น
อุปกรณ์การผลิต ระเบียบและเป็ นหมวดหมู่
- ไม่มีการตรวจเช็คเครื่ องมือ
เครื่ องจักรอย่างสมํ่าเสมอ
3. แหล่งนํ้า
4. การปรับคุณภาพนํ้า
5. ภาชนะบรรจุ
6. สารทําความสะอาดและฆ่าเชื้อ
7. การบรรจุ
8. การควบคุมคุณภาพมาตรฐาน
9. การสุขาภิบาล มีน้ าํ ขัง นํ้านองบริ เวณพื้น
10. บุคลากรและสุขลักษณะ การแต่งกายพนักงานไม่รัดกุม
ผูป้ ฏิบตั ิงาน
11. บันทึกและรายงาน
ผลทีไ่ ด้ รับจากกิจกรรมสะอาด
สามารถ ยืดอายุการใช้งานเครื่ องจักรและอุปกรณ์ สภาพแวดล้อมภายในโรงงาน
และ ห้องทํางานสะอาด เรี ยบร้อยและ ปลอดภัย สามารถแก้ไขปั ญหาความผิดปกติของเครื่ องมือ เครื่ องใช้
ได้รวดเร็ ว ทันเวลา ส่งผลให้กระบวนการผลิตนํ้าดื่มมีคุณภาพ
4. กิจกรรมสุ ขลักษณะ
กิจกรรมสุขลักษณะ จะเป็ นกิจกรรมที่ต่อเนื่องมาจากการ ทํากิจกรรม 3 ส แรก คือ
สะสาง สะดวก และสะอาด โดยกา รปรับปรุ งให้ดีข้ ึน ซึ่งสิ่ งที่ ยัง แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมสุขลักษณะยังมี
ข้อบกพร่ อง ได้แก่
- เริ่ มมีการเก็บของที่ไม่จาํ เป็ นเช่น กล่องกระดาษเปล่า กระดาษที่ใช้แล้ว ปฏิทินเก่า
หนังสื อพิมพ์เก่า นิตยสารต่างๆ
- ยังมีสิ่งสกปรก ฝุ่ นผง รอยรั่วนํ้ามันตามอุปกรณ์ และเครื่ องมือ
- สภาพแวดล้อมไม่เหมาะต่อสภาพการปฏิบตั ิงาน เช่น ยังมีน้ าํ นองบริ เวณพื้น
- ยังมีเศษกระดาษ ก้นบุหรี่ ทิ้งตามพื้น ตามบริ เวณรอบโรงงาน
- สายไฟ สายโทรศัพท์ สายคอมพิวเตอร์ ยังมีการวางอย่างระเกะระกะ
การปฏิบัตใิ นการทากิจกรรมสุ ขลักษณะ
1. จัดวางถังขยะในจุดที่เหมาะสมเพื่อความสะดวก นัน่ คือในห้องทํางานและบริ เวณ
รอบโรงงาน
2. ให้มีถงั นํ้า สายยาง ไม้กวาดนํ้า ไม้ถูพ้นื ไว้เพื่อความสะดวกต่อการ
ทําความสะอาด
3. ม้วนเก็บสายไฟ สายโทรศัพท์ สายคอมพิวเตอร์ไว้อย่างเป็ นระเบียบ
4. เช็ดทําความสะอาดอุปกรณ์ เครื่ องมือ ทุกครั้งที่ใช้งานเสร็ จ
ผลทีไ่ ด้ รับจากกิจกรรมสุ ขลักษณะ
โรงงานมีสภาพแวดล้อมที่ดี เกิดการทํางานที่ปลอดภัย และตรงตามมาตรฐาน GMP
5. กิจกรรมสร้ างนิสัย
เป็ นการอบรมสร้างนิสยั ในการปฏิบตั ิงานตามระเบียบวินยั กฎเกณฑ์ของโรงงาน
อย่างเคร่ งครัดสมํ่าเสมอ
การทากิจกรรมสร้ างนิสัย
เป็ นการ ปลูกฝังการสร้างนิสยั ในการปฏิบตั ิตามกฎระเบียบของโรงงานอย่าง
สมํ่าเสมอ เพื่อให้พนักงานเกิดความกระตือรื อร้น ดังนี้
1. ปฏิบตั ิ 4ส แรกอย่างสมํ่าเสมอและต่อเนื่อง
2. กําหนดแนวทางปฏิบตั ิเพื่อสร้างความเป็ นระเบียบเรี ยบร้อยในโรงงานให้ชดั เจน
โดยให้พนักงานทุกคนช่วยกันทําความสะอาดทุกวันหลังเลิกงาน เช่น ล้างพื้นโรงงาน เก็บอุปกรณ์ทุกอย่างที่ใช้
งานเสร็ จให้เข้าที่ และจัดเตรี ยมอุปกรณ์เพื่อการทํางานวันต่อไป
3. กําหนดผูร้ ับผิดชอบ โดยหัวหน้าฝ่ ายผลิตดูแลพนักงานฝ่ ายล้างและบรรจุ ด้วยการ
ให้คาํ แนะนํา สร้างความเข้าใจและตรวจสอบสภาพการใช้งานของเครื่ องจักร
ผลทีไ่ ด้ รับจากกิจกรรมสร้ างนิสัย
การปฏิบตั ิงานงาน สะดวก รวดเร็ ว ปลอดภัย สภาพแวดล้อมภายในโรงงานดี ขึ้น
เมื่อเกิดความเป็ นระเบียบเรี ยบร้อยและเกิดระบบการปฏิบตั ิงานที่ชดั เจน สิ่ งที่จะตามมาก็คือ ประสิ ทธิภาพการ
ปฏิบตั ิงานที่เพิ่มขึ้น
การประเมินกิจกรรม 5ส
หลังจากที่ได้มีการจัดกิจกรรม 5ส ให้แก่โรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น ผูจ้ ดั ทําจึงได้
กําหนดเกณฑ์การประเมินกิจกรรม 5ส โดยให้ผปู ้ ระกอบการเป็ นผูป้ ระเมินกิจกรรมทุกด้าน ซึ่งสรุ ปผลการ
ประเมินได้ดงั นี้
ผลการประเมิน ผลการประเมิน
กิจกรรม 5ส รายละเอียด ก่ อนการจัดกิจกรรม 5ส หลังการจัดกิจกรรม 5ส
ดี พอใช้ ปรับปรุง ดี พอใช้ ปรับปรุง
1. ไม่มีเศษวัสดุ สิ่ งของ เครื่ องมือ
ที่เกินความจําเป็ นอยูใ่ นพื้นที่
2. ของใช้ส่วนตัวไม่มีปะปนกับงาน
สะสาง
3. ไม่มีสิ่งของกีดขวางการทํางาน
หรื อทางเดิน
4. มีการแยกเอกสารที่ไม่จาํ เป็ น
ผลการประเมิน ผลการประเมิน
กิจกรรม 5ส รายละเอียด ก่ อนการจัดกิจกรรม 5ส หลังการจัดกิจกรรม 5ส
ดี พอใช้ ปรับปรุง ดี พอใช้ ปรับปรุง
1. การจัดเก็บเอกสารเป็ นหมวดหมู่
2. ชั้นวางเอกสารมีการจัดวาง
อย่างเป็ นระเบียบ
สะดวก 3. การจัดวางวัสดุ อุปกรณ์สะดวก
ต่อการใช้งาน
4. การหยิบใช้งานเอกสารต่าง ๆ
สามารถทําได้สะดวก
ผลการประเมิน ผลการประเมิน
กิจกรรม 5ส รายละเอียด ก่ อนการจัดกิจกรรม 5ส หลังการจัดกิจกรรม 5ส
ดี พอใช้ ปรับปรุง ดี พอใช้ ปรับปรุง
1. ไม่มีคราบสกปรก ฝุ่ น คราบนํ้ามัน
ตามอุปกรณ์และเครื่ องมือ
สะอาด 2. วัสดุ อุปกรณ์ เครื่ องมือต่างๆ
อยูใ่ นสภาพพร้อมใช้งาน
3. กระจกใสไม่เป็ นคราบ
4. ความสะอาดของพื้นโรงงาน
จากตารางข้างต้นพบว่า ก่อนการจัดกิจกรรม 5ส วัสดุ อุปกรณ์ เครื่ องมือต่างๆอยูใ่ นสภาพพร้อมใช้ งาน
อยูใ่ นเกณฑ์พอใช้ ไม่มีคราบสกปรก ฝุ่ น คราบนํ้ามั นตามอุปกรณ์ และเครื่ องมือ กระจกใสไม่เป็ นคราบ และ
ความสะอาดของพื้นโรงงานอยูใ่ นเกณฑ์ปรับปรุ ง
หลังจากการนํา กิจกรรม 5ส มาใช้ในการแก้ปัญหาดังกล่าวพบว่า วัสดุ อุปกรณ์ เครื่ องมือต่างๆ
อยูใ่ นสภาพพร้อมใช้ งาน กระจกใส ไม่เป็ นคราบ ความสะอาดของพื้นโรงงาน อยูใ่ นเกณฑ์ดี ไม่มีคราบสกปรก
ฝุ่ น คราบนํ้ามันตามอุปกรณ์ และเครื่ องมืออยูใ่ นเกณฑ์พอใช้
ผลการประเมิน ผลการประเมิน
กิจกรรม 5ส รายละเอียด ก่ อนการจัดกิจกรรม 5ส หลังการจัดกิจกรรม 5ส
ดี พอใช้ ปรับปรุง ดี พอใช้ ปรับปรุง
1. ฝ้ า เพดาน ผนัง พื้น ชั้นวางเอกสาร
โต๊ะ อุปกรณ์ ไม่มีการชํารุ ด
2. บริ เวณรอบโรงงานสะอาด
เรี ยบร้อย
3. พื้นที่ภายในโรงงานมีความ
สุขลักษณะ
ปลอดภัยมากขึ้น
4. มีการเก็บสายไฟ สายโทรศัพท์
สายคอมพิวเตอร์ เรี ยบร้อย
และปลอดภัย
5. อากาศถ่ายเทได้ดี
6. จุดวางถังขยะเหมาะสม
ผลการประเมิน ผลการประเมิน
กิจกรรม 5ส รายละเอียด ก่ อนการจัดกิจกรรม 5ส หลังการจัดกิจกรรม 5ส
ดี พอใช้ ปรับปรุง ดี พอใช้ ปรับปรุง
1. มีการกําหนดพื้นที่รับผิดชอบ
อย่างชัดเจน
2. การจัดกิจกรรม5ส เป็ นไปตาม
สร้างนิสยั
มาตรฐานที่โรงงานกําหนด
3. พนักงานให้ความร่ วมมือ
ในการปฏิบตั ิกิจกรรม 5 ส
แผนกล้างภาชนะ แผนกบรรจุ
ฝ่ าย เกณฑ์ การกาหนดเงินเดือน
- อัตราค่าแรงงานขั้นตํ่าตามกระทรวงแรงงานกําหนด คือวันละ 154
บาท
ฝ่ ายขาย (+ 2% จากยอดขายที่พนักงานแต่ละคนทําได้)
- ไม่จาํ กัดวุฒิการศึกษา
- มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล
- พิจารณาตามความรับผิดชอบด้านการเงินและการติดต่อลูกค้า
ฝ่ ายบัญชี/ การเงิน
- วุฒิการศึกษาไม่ต่าํ กว่าปริ ญญาตรี วันละ 200 บาท
- อัตราค่าแรงงานขั้นตํ่าตามกระทรวงแรงงานกําหนด คือวันละ 154
ฝ่ ายผลิต บาท
- ไม่จาํ กัดวุฒิการศึกษา
กาหนดกฎระเบียบพนักงาน
จากการสัมภาษณ์ผปู ้ ระกอบการ และแบบตรวจสอบรายการ พบว่าพนักงานขาดระเบียบวินยั ในการ
ปฏิบตั ิงาน เช่น พนักงานดื่มเหล้า สูบบุหรี่ พนักงานมาสาย พนักงานขาดความกระตือรื อร้น ไม่สวมหมวกและ
ผ้าปิ ดปาก และพนักงานขาดงาน
ทางผูจ้ ดั ทําจึงได้วเิ คราะห์ปัญหาและหาแนวทางแก้ไขร่ วมกับผูป้ ระการในการกําหนดกฎระเบียบ
เพื่อนํามาใช้กบั พนักงาน เพื่อให้ใช้เป็ นมาตรฐานในการปฏิบตั ิงาน และแจ้งให้พนักงานทุกคนทราบตามข้อปฏิบตั ิ
ดังต่อไปนี้
กาหนดเงินพิเศษและสวัสดิการพนักงาน
ผูจ้ ดั ทําได้ศึกษาทฤษฎีการจูงใจ เพื่อนําไปประยุกต์ใช้ในการจูงใจพนักงาน โดยการให้
ผลตอบแทนแก่พนักงาน เมื่อพนักงานได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม เชื่อว่า การปฏิบตั ิงาน ของพนักงาน จะดีข้ ึน
เนื่องมาจากการเสริ มแรงจูงใจในทางบวก ด้วยการให้เงินพิเศษและสวัสดิการแก่พนักงาน
กาหนดเงินพิเศษให้ แก่ พนักงาน
จากแบบสอบถามพนักงานพบว่า ข้อเสนอแนะของพนักงาน คือ ควรมีการให้ค่าตอบแทน
อื่นๆนอกเหนือจากเงินเดือน ซึ่งเดิมพนักงานฝ่ ายขายจะได้รับค่าคอมมิชชัน่ 2% จากยอดขาย และ เพื่อเป็ นการ
กระตุน้ ให้พนักงานทํายอดขายในแต่ละเดือนให้เพิ่มมากขึ้น ทางผูศ้ ึกษาจึงได้นาํ ข้อเสนอแนะ มาเป็ นแนวทางใน
การกําหนดเงินพิเศษร่ วมกับผูป้ ระกอบการ เพื่อกระตุน้ ให้พนักงานมีความ กระตือรื อร้นในการปฏิบตั ิหน้าที่มาก
ขึ้น โดย
1. ทําการกําหนดยอดขายขั้นตํ่าที่ผปู ้ ระกอบการต้องการไม่ต่าํ กว่า 3,000 ถัง ในแต่ละเดือน
หลังจากนั้นนํามาหักเปอร์เซ็นต์ที่จะนํามาเป็ นเงินได้พิเศษให้กบั พนักงาน
2. ราคาต้นทุนถังละ 5 บาท ราคาขายถังละ 10 บาท เปอร์เซ็นต์ที่จะนํามาคํานวณเป็ นเงิน
พิเศษให้กบั พนักงานขายนั้นเป็ นการหักเปอร์เซ็นต์จากกําไร ซึ่งทางโรงงานจะบวกกําไร 100% จากราคาทุน และ
ทางผูป้ ระกอบการยินดีที่จะแบ่งส่วนของกําไร 2% ให้แก่พนักงาน เพื่อกระตุน้ และจูงใจพนักงาน ดังตารางที่ 4.26
ตาแหน่ ง สวัสดิการพนักงาน
ธุรการ - สวัสดิการทางด้านอาหารกลางวัน วันละ40 บาท
- เงินค่ารักษาพยาบาล ประกันสังคม และให้มีวนั หยุด 4 วัน/เดือน
- สวัสดิการทางด้านอาหารกลางวัน วันละ40บาท
ฝ่ ายผลิต
- เงินค่ารักษาพยาบาล ประกันสังคม และให้มีวนั หยุด 4 วัน/เดือน
- สวัสดิการทางด้านอาหารกลางวัน วันละ 40บาท และเงินพิเศษ 2%จากยอดขาย
ฝ่ ายขาย
- เงินค่ารักษาพยาบาล ประกันสังคม และให้มีวนั หยุด 4 วัน/เดือน
3. ด้ านการตลาด
จากแบบสอบถามถึง ปั จจัยที่ใช้ ในการตัดสิ นใจซื้อนํ้าดื่ม ของผูบ้ ริ โภค ในเขตเทศบาลเมือง จังหวัด
ขอนแก่น พบว่า การมีราคาเหมาะสมกับคุณภาพ มีราคาถูก มีการลดราคาและมีการแจกของแถม เป็ นปั จจัย
ที่สาํ คัญที่สุด และ จากข้อมูลตารางเปรี ยบเทียบคู่แข่งขัน พบว่าทั้งนํ้าดื่มวอเตอร์และคู่แข่งขันรายอื่นไม่ได้
มีการจัดกิจกรรมส่งเสริ มการขายให้ลูกค้า เพื่อเป็ นการสร้างความแตกต่างให้กบั คู่แข่งขัน ผูจ้ ดั ทําจึงได้กาํ หนด
กลยุทธ์การส่งเสริ มการขายขึ้น นัน่ ก็คือการจัดทํา โปรแกรมจูงใจลูกค้า และโปรแกรมคุม้ ค่าเมื่อซื้อ
กลยุทธ์ การส่ งเสริมการขาย
โรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์จาํ หน่ายนํ้าดื่มบรรจุแกลลอน 20 ลิตร ในราคาถังละ 10 บาท จากราคา
ต้นทุนถังละ 5 บาท และจําหน่ายนํ้าดื่มบรรจุขวดขาวขุ่น 800ซม.3โหลละ 35 บาท จากราคาต้นทุนโหลละ 21 บาท
ผูจ้ ดั ทําได้ร่วมมือกับผูป้ ระกอบการในการกําหนดการส่งเสริ มการขาย เพื่อคืนกําไรให้ลูกค้า
โดยนํ้าดื่มบรรจุแกลลอน 20 ลิตร ทางผูป้ ระกอบการยินดีคืนกําไรไม่เกิน 40% ต่อถัง และนํ้าดื่มบรรจุขวดขาวขุ่น
800 ซม.3 ผูป้ ระกอบการยินดีคืนกําไรไม่เกิน 20% ต่อโหล ดังนี้
นา้ ดืม่ ชนิดแกลลอน 20 ลิตร ราคาทีจ่ าหน่ าย(บาท/ถัง) กาไรทีผ่ ้ปู ระกอบการได้ รับ (ต่ อถัง)
สัง่ ซื้อตํ่ากว่า10 ถัง 10 100%
สัง่ ซื้อ10-30 ถัง 9 80%
สัง่ ซื้อ31-60 ถัง 8 60%
นา้ ดืม่ ชนิดขวดขาวขุ่น 800ซม.3 ราคาทีจ่ าหน่ าย(บาท/โหล) กาไรทีผ่ ้ปู ระกอบการได้ รับ (ต่ อโหล)
สัง่ ซื้อตํ่ากว่า10 โหล 35 100%
สัง่ ซื้อ10-30 โหล 34 93%
สัง่ ซื้อ31-60 โหล 33 86%
นา้ ดืม่ ชนิดขวดขาวขุ่น 800ซม.3 ราคา(บาท/โหล) แถม(โหล) กาไรทีผ่ ้ปู ระกอบการได้ รับ (ต่ อโหล)
สัง่ ซื้อ30โหล/ครั้ง 34 2 82.56%
สัง่ ซื้อ60โหล/ครั้ง 33 3 86.25%
สัง่ ซื้อ100 โหล/ครั้ง 32 5 85.45%
ผลการดาเนินงาน
จากการกําหนดกลยุทธ์ส่งเสริ มการขายในช่วง 3 เดือนที่ผา่ นมา ส่งผลให้โรงงานนํ้าดื่ม
วอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น มีกาํ ไรเพิ่มขึ้นจากที่กาํ หนดเป้ าหมายไว้ 15 % เป็ น 18.63 % นัน่ คือ ในปี พ.ศ. 2552
เดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์ และเดือนมีนาคม มียอดขายนํ้าดื่มชนิดขวดขาวขุ่น 800ซม. 3 เพิ่มขึ้นคิดเป็ น
0.68%, 3.78% , 4.69% ตามลําดับ และยอดขายนํ้าดื่มชนิดบรรจุแกลลอน 20 ลิตร เพิม่ ขึ้นเป็ น 1.03% , 2.65% ,
5.80% ตามลําดับ
รายรับ รายจ่ าย
ยอดขายนํ้าดื่ม ค่านํ้าประปา 3,487 บาท
- ชนิดบรรจุขวดขาวขุ่น 800 ซม.³ 206,535 บาท ค่าไฟฟ้ า 5,871 บาท
- ชนิดแกลลอน20 ลิตร 265,400 บาท ค่าโทรศัพท์ 980 บาท
เงินเดือนพนักงาน 100,438 บาท
ค่าวัสดุสาํ นักงาน 440 บาท
ค่าวัสดุเชื้อเพลิง 103,000 บาท
ค่าวัสดุการผลิต 29,300 บาท
ค่าซ่อมแซมยานพาหนะ 2,280 บาท
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 2,571 บาท
รวม 471,935 บาท รวม 248,367 บาท
กาไร 223,568 บาท
ทีม่ า: โรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น
ตารางที่ 4.33 รายรับ-รายจ่าย ประจําเดือนกุมภาพันธ์ 2552
รายรับ รายจ่ าย
ยอดขายนํ้าดื่ม ค่านํ้าประปา 2,898 บาท
- ชนิดบรรจุขวดขาวขุ่น 800 ซม.³ 172,130 บาท ค่าไฟฟ้ า 4,287 บาท
- ชนิดแกลลอน20 ลิตร 235,800 บาท ค่าโทรศัพท์ 723 บาท
เงินเดือนพนักงาน 94,518 บาท
ค่าวัสดุสาํ นักงาน 224 บาท
ค่าวัสดุเชื้อเพลิง 96,269 บาท
ค่าวัสดุการผลิต 26,287 บาท
ค่าซ่อมแซมยานพาหนะ 1,813 บาท
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 2,723 บาท
รวม 425,930 บาท รวม 229,742 บาท
กาไร 196,188 บาท
ทีม่ า: โรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น
รายรับ รายจ่ าย
ยอดขายนํ้าดื่ม ค่านํ้าประปา 3,192 บาท
- ชนิดบรรจุขวดขาวขุ่น 800 ซม.³ 203,245 บาท ค่าไฟฟ้ า 5,523 บาท
- ชนิดแกลลอน20 ลิตร 263,200 บาท ค่าโทรศัพท์ 792 บาท
เงินเดือนพนักงาน 96,984 บาท
ค่าวัสดุสาํ นักงาน 100 บาท
ค่าวัสดุเชื้อเพลิง 99,283 บาท
ค่าวัสดุการผลิต 28,100 บาท
ค่าซ่อมแซมยานพาหนะ 2,751 บาท
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 2,280 บาท
รวม 471,935 บาท รวม 239,005 บาท
กาไร 226,440 บาท
ทีม่ า: โรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น
แผนระยะยาว
ด้ านผลิตภัณฑ์
- ประชาสัมพันธ์ให้ผบู ้ ริ โภคจดจําและเรี ยกชื่อ “นํ้าดื่ม วอเตอร์ ” ได้อย่างถูกต้องและ
คุน้ เคย โดยการติดสติ๊กเกอร์ตามร้านค้าที่เป็ นตัวแทนจําหน่าย และสนับสนุนงานเทศกาลต่างของจังหวัดขอนแก่น
- รักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ได้ตามมาตรฐาน GMP โดยการตรวจสอบของสาธารณสุขจังหวัด
ขอนแก่น
ด้ านราคา
- จัดกิจกรรมส่งเสริ มการขาย ปี ละครั้งในช่วงเดือนตุลาคม-เดือนธันวาคม เพื่อกระตุน้ ยอดขาย
ในช่วง 3 เดือนดังกล่าวให้ดีข้ ึน เนื่องจากเป็ นช่วงเริ่ มต้นฤดูหนาว นํ้าดื่มมักจะมียอดจําหน่ายลดลง
ด้ านช่ องทางการจัดจาหน่ าย
- จําหน่ายนํ้าดื่มในเขตพื้นที่ใกล้เคียง เช่น อ.นํ้าพอง อ.เชียงยืน อ.บ้านไผ่ เป็ นต้น เพื่อให้น้ าํ ดื่ม
สามารถจําหน่ายได้ทวั่ ทุกพื้นที่
ด้ านการส่ งเสริมการขาย
- สนับสนุนงานกีฬาสําคัญๆ และกิจกรรมที่ชุมชนจัดขึ้นเพื่อเน้นและตอกยํ้าถึง
นํ้าดื่มตรา วอเตอร์ ให้ชดั เจนยิง่ ขึ้น
บทที่ 5
สรุปผลการดาเนินงานและข้ อเสนอแนะ
1. ด้ านการจัดการ
จากผลการศึกษาพบว่า มี วางสิ่ งของไม่เป็ นระเบียบ ไม่เป็ นหมวดหมู่ มีน้ าํ ขัง นํ้านองบริ เวณพื้น
การแต่งกายพนักงานไม่รัดกุม มีเศษขยะอยูร่ อบบริ เวณโรงงาน ไม่มีการตรวจเช็คเครื่ องมือ เครื่ องจักรอย่าง
สมํ่าเสมอ ทําให้โรงงานมีสภาพแวดล้อมที่ไม่ตรงตามมาตรฐาน GMP ปั ญหาดังกล่าวผูจ้ ดั ทําได้จดั กิจกรรม 5 ส
เพื่อใช้ ในการแก้ไขปั ญหา
ตัวชี้วดั ความสาเร็จ
- โรงงานมีสภาพแวดล้อมที่ดี และมีความเป็ นระเบียบของสถานที่ปฏิบตั ิงาน ตรงตาม
มาตรฐาน GMP
แผนสารองด้ านการจัดการ
ผูป้ ระกอบการควรมีการตรวจและประเมินกิจกรรม 5ส ของพนักงานอย่างสมํ่าเสมอ
2. ด้ านบุคลากร
จากปั ญหาการทํางานที่ซ้ าํ ซ้อนกัน เนื่องจาก ไม่มีการกําหนดขอบเขตในการทํางาน จึงได้จดั ทํา
การวิเคราะห์งาน กําหนด Job Description และ Job Specifications เพื่อให้พนักงานทราบภาระงานที่ชดั เจน และ
ปั ญหา พนักงานขาดระเบียบวินยั ในการปฏิบตั ิงาน ซึ่งโรงงานไม่มีการกําหนดระเบียบวินยั และบทลงโทษ
ไว้เป็ นลายลักษณ์อกั ษร จึงได้กาํ หนดกฎระเบียบและบทลงโทษเพื่อใช้ในการชี้แจงให้พนักงานทราบ และปั ญหา
พนักงานยังขาดแรงจูงใจในการปฏิบตั ิงาน เนื่องจากทางโรงงานไม่มีค่าตอบแทนอื่นๆที่นอกเหนือจากเงินเดือน
จึงได้กาํ หนดเงินพิเศษและสวัสดิการให้แก่พนักงาน
ตัวชี้วดั ความสาเร็จ
- บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของพนักงานมีความชัดเจน
- พนักงานให้การยอมรับและปฏิบตั ิตามกฎระเบียบของทางโรงงานอย่างเคร่ งครัด
- การให้เงินพิเศษและสวัสดิการสามารถกระตุน้ ให้พนักงานปฏิบตั ิงานได้อย่าง
เต็มความสามารถ
แผนสารองด้ านบุคลากร
ควรจัดให้มีการอบรมงานหากพนักงานยังไม่มีความเข้าใจในงานที่ทาํ นอกจากการกําหนด
เงินพิเศษและสวัสดิการให้แก่พนักงานแล้ว ผูป้ ระกอบการควรมีการสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผูป้ ระกอบการ
กับพนักงาน เช่น การจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ตามโอกาสต่างๆ เป็ นต้น
3. ด้ านการตลาด
โรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่นยังขาดการส่งเสริ มการขาย ทําให้ผบู ้ ริ โภคไม่ทราบถึง กิจกรรม
ส่งเสริ มการขาย ผู ้ จัดทําได้จึงจัดทํากิจกรรมส่งเสริ มการขายขึ้น นัน่ คือโปรแกรมจูงใจลูกค้า และโปรแกรม
คุม้ ค่าเมื่อซื้อ เพื่อเป็ นการจูงใจและกระตุน้ ให้เกิดการซื้อที่เพิม่ มากขึ้น
ตัวชี้วดั ความสาเร็จ
- มียอดจําหน่ายนํ้าดื่มรวมเพิ่มขึ้น 15% ภายใน 3 เดือน
แผนสารองด้ านการตลาด
เพิ่มแนวทางการส่งเสริ มการขายอื่นๆที่เห็นว่าเหมาะสมได้แก่ การลดราคาตามเทศกาล หรื อ
การแจกของที่ระลึกเป็ นแก้วนํ้าที่มีโลโก้น้ าํ ดื่ม วอเตอร์ ในช่วงเทศกาลวันสําคัญเช่น วันปี ใหม่ วันสงกรานต์
เป็ นต้น เพื่อเป็ นการสร้างการรับรู ้น้ าํ ดื่มตรา “วอเตอร์” ที่เพิ่มมากขึ้น
ปัญหาทีพ่ บในการปฏิบัตงิ าน
1. ผูต้ อบแบบสอบถามยังไม่ค่อยให้ความร่ วมมือเท่าที่ควร ผูศ้ ึกษาจึงได้เข้าไปอธิบายถึงจุดประสงค์
ของการแจกแบบสอบถาม
2. ข้อมูลยอดขายของโรงงานนํ้าดื่ม วอเตอร์ จังหวัดขอนแก่นไม่มีการบันทึกไว้อย่างเป็ นระบบ
จึงยากต่อการค้นหาข้อมูล
3. เนื่องจากมีการปฏิบตั ิงานของพนักงานทุกวัน ทําให้เกิดความไม่สะดวกในการเข้าไปดําเนินงาน
คาชี้แจงในการตอบแบบสอบถาม
เนื่องด้วยคณะวิทยาการจัดการ สาขาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เปิ ดสอนวิชาสัมมนา
การจัดการ รหัส 961493 แบบสอบถามฉบับนี้ มีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาการบริ หารงานของโรงงาน นํ้าดื่มวอเตอร์
จังหวัดขอนแก่น ซึ่งผลจากการศึกษาครั้งนี้จะเป็ นประโยชน์ในการศึกษาต่อในอนาคต อันจะก่อให้เกิดการพัฒนา
การบริ หารงานของธุรกิจให้ประสบความสําเร็ จ จึงขอความร่ วมมือจากท่านกรุ ณาตอบแบบสอบถามดังนี้
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม
ส่วนที่ 2 แบบสอบถาม ปั จจัยที่ใช้ ในการตัดสิ นใจซื้อนํ้าดื่ม ของผูบ้ ริ โภค ในเขตเทศบาลเมือง จังหวัด
ขอนแก่น
ข้อเสนอแนะ_______________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________________
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความร่ วมมือเป็ นอย่างดี
แบบสอบถาม
ทัศนคติของพนักงานทีม่ ตี ่ อโรงงานนา้ ดืม่ วอเตอร์ จังหวัดขอนแก่ น
คาชี้แจงในการตอบแบบสอบถาม
แบบสอบถามฉบับนี้จดั ทําขึ้นเพื่อศึกษาถึงทัศนคติของพนักงานที่มีต่อโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์
จังหวัดขอนแก่น เพื่อใช้ประกอบการศึกษาของนักศึกษาในระดับปริ ญญาตรี คณะวิทยาการจัดการ สาขา
การจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมีวตั ถุประสงค์เพื่อนําผลที่ได้ไปใช้เป็ นแนวทางให้แก่ผปู ้ ระกอบการในการ
พัฒนาการบริ หารงานให้มีประสิ ทธิภาพมากยิง่ ขึ้น โดยแบบสอบถามแบ่งออกเป็ น 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทัว่ ไปผูต้ อบแบบสอบถาม
ส่วนที่ 2 ทัศนคติของพนักงานที่มีต่อโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์ จังหวัดขอนแก่น
แบบสอบถามฉบับนี้ ผูจ้ ดั ทําจะนําผลที่ได้ไปวิเคราะห์ขอ้ มูลเพื่อเป็ นประโยชน์ต่อโรงงานนํ้าดื่มวอเตอร์
จังหวัดขอนแก่น จึงขอความกรุ ณาจากท่านในการตอบแบบสอบถามตามความเป็ นจริ ง ผูต้ อบแบบสอบถาม
จะไม่ได้รับผลกระทบจากการตอบแบบสอบถามประการใด ผูจ้ ดั ทําขอขอบพระคุณทุกท่านที่กรุ ณาให้ความ
ร่ วมมือเป็ นอย่างดีมา ณ โอกาสนี้ดว้ ย
ส่ วนที่ 1 ข้ อมูลทัว่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
1) เพศ ( ) ชาย ( ) หญิง
2) อายุ ( ) ตํ่ากว่า 20 ปี ( ) 20-25 ปี ( ) 21-25 ปี ( ) 26-30 ปี ( ) 31-35 ปี ( ) มากกว่า 35
ปี
3) ตําแหน่ง ( ) การเงินและบัญชี ( ) ฝ่ ายผลิต ( ) ฝ่ ายขาย
ส่ วนที่ 2 ทัศนคติของพนักงานทีม่ ตี ่ อโรงงานนา้ ดืม่ วอเตอร์ จังหวัดขอนแก่ น
คาชี้แจง : กรุ ณาทําเครื่ องหมาย ลงในช่องที่ท่านเห็นว่าตรงตามความเป็ นจริ งที่สุด
ระดับความพึงพอใจ
ทัศนคติของพนักงานทีม่ ตี ่ อโรงงานนา้ ดืม่ วอเตอร์
มาก ปาน น้ อย
จังหวัดขอนแก่ น มาก น้ อย
ทีส่ ุ ด กลาง ทีส่ ุ ด
ด้ านสถานทีป่ ฏิบัตงิ าน
ความสะอาดของโรงงาน
อากาศภายในโรงงานถ่ายเทได้สะดวก
ความปลอดภัยในระหว่างการปฏิบตั ิงาน
การจัดวางสิ่ งของอย่างเป็ นระเบียบ
มีแสงสว่างเพียงพอ
เครื่ องจักรและอุปกรณ์เหมาะสมต่อการใช้งาน
ด้ านสวัสดิการ
ค่าตอบแทนที่ได้รับเพียงพอต่อการดําเนินชีวติ
มีการให้ค่าตอบแทนอย่างเหมาะสมกับงาน
มีค่าตอบแทนอื่นๆนอกจากรายได้หลัก
คุณสามารถใช้วนั หยุด/วันลาได้ตามสิ ทธิ
คุณได้พกั ผ่อนอย่างเต็มที่ในเวลาพัก
ด้ านบุคลากร
ขอบเขตในการทํางานของทุกคนมีความชัดเจน
มีการวางตําแหน่งบุคคลและแบ่งหน้าที่อย่างเหมาะสม
การมีมนุษยสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรในโรงงาน
ความมีวนิ ยั ในการปฏิบตั ิงานของพนักงาน
มีการชี้แจงกฎระเบียบให้ทุกคนทราบ
ข้อเสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความร่ วมมือเป็ นอย่างดี
ภาคผนวก ข
GMP (Good Manufacturing Practice) หลักเกณฑ์ วธิ ีการทีด่ ีสาหรับการผลิต
GMP
สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ดาํ เนินการในเรื่ องนี้เป็ นขั้นตอนตามลําดับ กล่าวคือ เริ่ มจากจัดทํา
โครงการฯ เสนอเพื่อให้สถาบันวิจยั ฯ ให้ความเห็นชอบร่ างหลักการ GMPของอาหารประเภทต่างๆโดยจัดลําดับ
ความสําคัญของผลิตภัณฑ์ที่มีต่อการบริ โภคและต่อเศรษฐกิจของประเทศเช่น นํ้าบริ โภค เครื่ องดื่ม นมพร้อมดื่ม
และอาหารกระป๋ องเป็ นต้น การอบรมกับทั้งผูป้ ระกอบการและเจ้าหน้าที่ภาครัฐให้เข้าไปในหลักการของระบบ มี
การตรวจสอบก่อนและหลังการอบรมให้ความรู ้ พร้อมทั้งมีการประเมินผล และออกใบเกียรติบตั รให้เพื่อเป็ น
แรงจูงใจ ซึ่งการดําเนินงานในครั้งนั้นทั้งหมดเพื่อประเมินและกระตุน้ ผูป้ ระกอบการ ให้มีความสนใจที่จะพัฒนา
สถานที่ผลิตเป็ นระยะต่อเนื่องและหลังจากนั้นในปี 2535 เป็ นต้นมา สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย
กองควบคุมอาหารได้มีมาตรการให้การรับรองระบบ GMP(Certificate GMP) แก่ผปู ้ ระกอบการในลักษณะสมัคร
ใจดังนั้นจากเหตุการณ์ที่ผา่ นมาและสภาวการณ์ในปั จจุบนั จะเห็นว่า GMPไม่ใช่เรื่ องใหม่สาํ หรับผูผ้ ลิตอาหาร จึง
เชื่อว่าถึงเวลาอันสมควรที่ประเทศไทยจะมีการนํา GMP มาเป็ นมาตรการบังคับใช้
GMP (Good Manufacturing Practice) หรื อ หลักเกณฑ์วธิ ีการที่ดีสาํ หรับการผลิต เป็ นการจัดการ
สภาวะแวดล้อมขั้นพื้นฐานของกระบวนการผลิต เช่น การควบคุมสุขลักษณะส่วนบุคคล การควบคุมแมลงและ
สัตว์นาํ โรค การออกแบบโครงสร้างอาคารผลิต รวมถึงเครื่ องจักรอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต เป็ นต้น ซึ่งเน้นการ
ป้ องกันมากกว่าการแก้ไข เป็ นระบบการจัดการความปลอดภัยของอาหารขั้นพื้นฐาน ( Food Safety Management
System) คือ การจัดการเพื่อไม่ให้อาหารก่อผลกระทบทางลบต่อผูบ้ ริ โภค เมื่ออาหารนั้นถูกเตรี ยมหรื อบริ โภค
ระบบการจัดการความปลอดภัยของอาหารจะสมบูรณ์ เมื่อจัดทําระบบ HACCP (Hazard Analysis and Critical
Control Point) ซึ่งเป็ นการจัดการด้านการควบคุมกระบวนการผลิต โดยจะทําการวิเคราะห์และประเมินอันตราย
ในขั้นตอนการผลิตทั้งหมด ตั้งแต่ตรวจรับวัตถุดิบ จนกระทัง่ เป็ นผลิตภัณฑ์สู่ผบู ้ ริ โภค ว่าจุดใด หรื อ ขั้นตอนใดมี
ความเสี่ ยง ต้องควบคุม ถ้าปราศจากการควบคุมที่จุดนั้นจะทําให้ ผลิตภัณฑ์อาหารไม่ปลอดภัยต่อผูบ้ ริ โภค เรี ยก
จุด หรื อขั้นตอน นั้น ๆ ว่า จุดวิกฤตที่ตอ้ งควบคุม ( Critical Control Point; CCP) จากนั้นหามาตรการควบคุมจุด
วิกฤต เพื่อให้อาหารปลอดภัยต่อผูบ้ ริ โภค
แนวคิดการประกันคุณภาพด้านความปลอดภัยของอาหารโดยใช้ GMP ได้มีการผลักดันเข้าสู่
โครงการมาตรฐานอาหารของ FAO/WHO ซึ่งรับผิดชอบการจัดทํามาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ ที่เรี ยกว่า
Codex Alimentarius ซึ่งเป็ นภาษาละติน แปลว่า " Food Code" หรื อ "Food Law" Codex ได้ อ้างอิง GMP ว่าด้วย
สุขลักษณะทัว่ ไปของสหรัฐอเมริ กา และรวบรวมข้อคิดเห็นจากประเทศสมาชิก จัดทําเป็ นข้อแนะนําระหว่าง
ประเทศที่เกี่ยวข้องกับหลักการทัว่ ไปว่าด้วยสุขลักษณะอาหาร (Recommended International Code of Practice:
General Principles of Food Hygiene) และยังได้กาํ หนดวิธีปฏิบตั ิดา้ นสุขลักษณะ ( Code of Hygienic Practice)
เฉพาะสําหรับผลิตภัณฑ์อาหารประเภทต่างไว้ดว้ ย นอกจากนี้ Codex ยังได้จดั ทําข้อแนะนํา การใช้ ระบบการ
วิเคราะห์อนั ตรายและ จุดวิกฤตที่ตอ้ งควบคุม ( Hazard Analysis and Critical Control Point; HACCP) เป็ น
ภาคผนวก หรื อ Annex ใน General Principles of Food Hygiene และผ่านการรับรองจากคณะกรรมาธิการของ
Codex (CAC) เมื่อเดือนมิถุนายน 1997 (พ.ศ. 2540) Codex ได้แนะนําไว้อย่างชัดเจนว่า การจัดทําระบบ HACCP
ให้ได้ผลดี จําเป็ นต้องมีการควบคุมสุขลักษณะที่ดี และมีประสิ ทธิภาพ และขอให้ใช้ขอ้ แนะนําการใช้ระบบ
HACCP ควบคู่กบั หลักการทัว่ ไปว่าด้วยสุขลักษณะอาหารของ Codex ด้วยองค์การการค้าโลก ( World Trade
Organization; WTO) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อ เมษายน 1994 (พ.ศ. 2537) ได้มีการประชุมเกี่ยวกับการค้าเสรี ของ
ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรกับประเทศสมาชิก คณะกรรมการ Codex ได้มีขอ้ เสนอความตกลงว่าด้วยการประยุกต์ใช้
มาตรการสุขอนามัยและ สุขอนามัยพืช (Agreement on the Application of Sanitary and Phytosanitary Measures;
SPS) และความตกลงว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (Agreement on the Technical Barriers to Trade;TBT)
ข้อตกลง SPS มีวตั ถุประสงค์เพื่อให้ความคุม้ ครองแก่ชีวติ และสุขภาพของมนุษย์ สัตว์ และพืช และ
ป้ องกันไม่ให้มีการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ ที่ไม่เป็ นธรรม ส่วนข้อตกลง TBT มี วัตถุประสงค์เพื่อ
ป้ องกันการนําข้อกําหนดทางเทคนิคระดับชาติ หรื อระดับภูมิภาค หรื อมาตรฐานทัว่ ไปมาเป็ นข้อกีดกันทางการค้า
อย่างไม่เป็ นธรรม ซึ่งข้อตกลง TBT นี้ครอบคลุมมาตรฐานทุกชนิดรวมทั้งข้อกําหนดทางด้านสุขอนามัยของ
อาหาร
จากข้อตกลง SPS และ TBT ทําให้มาตรฐาน Codex ถูกอ้างอิง และใช้เป็ นเกณฑ์ในด้านความปลอดภัย
ของอาหารต่อผูผ้ ลิตและผูบ้ ริ โภค และสามารถใช้อา้ งอิงกรณี เกิดข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ ทําให้
มาตรฐาน Codex มีความสําคัญต่อการค้า ผลิตผลทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์อาหาร การจัดการด้านความ
ปลอดภัยของอาหารโดยดําเนินการตาม หลักการทัว่ ไปว่าด้วยสุขลักษณะอาหาร และข้อแนะนําการใช้ระบบ
HACCP ของ Codex จึงมีความสําคัญต่อการค้าระหว่างประเทศเป็ นอย่างยิง่
ล่าสุด USFDA (องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริ กา) ประกาศให้ใช้ HACCP ในการควบคุมการผลิตนํ้าผัก
และนํ้าผลไม้ มีผลบังคับใช้ วันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) โดยขณะนี้มีขอ้ กําหนดบังคับกับนํ้าผักและ
ผลไม้ที่ไม่ผา่ นกระบวนการพาสเจอร์ไรซ์หรื อกระบวนการที่ใกล้เคียงกันต้องระบุคาํ เตือนอย่างชัดเจนที่ฉลากว่า
“เป็ นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผา่ นกระบวนการพาสเจอร์ไรซ์ ดังนั้นอาจมีเชื้อจุลินทรี ยท์ ี่ทาํ ให้เกิดอาหารเป็ นพิษ แก่เด็ก
คนชราและผูท้ ี่มีภูมิตา้ นทานตํ่า"
ประเทศไทย โดยคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขกําลังจะประกาศให้ GMP ว่าด้วยสุขลักษณะ
ทัว่ ไปเป็ นกฎหมายบังคับ ภายในเดือน กรกฎาคม 2544 โดยบังคับใช้กบั อาหาร 57 ประเภท และกําลังจะมี GMP
เฉพาะผลิตภัณฑ์ ออกมาเรื่ อยๆ เช่น GMP นํ้าดื่ม เป็ นต้น การประกาศเป็ นกฎหมายมีผลให้สถานประกอบการราย
ใหม่ ต้องปฏิบตั ิตามทันที สําหรับผูป้ ระกอบการรายเก่า ต้องปรับปรุ งมาตรฐานให้เป็ นไปตามกฎหมายภายใน 2 ปี
และ อย. ยังได้แนะนําให้สถานประกอบการนําระบบ HACCP ไปใช้ในการควบคุมการผลิต
นอกจากนี้ สํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้กาํ หนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
(มอก. 7000-2540) เรื่ องระบบการวิเคราะห์อนั ตราย และจุดวิกฤตที่ตอ้ งควบคุมใน การผลิตอาหารและคําแนะนํา
ในการนําไปใช้ โดยรับเอกสาร Codex Alimentarius Supplement to Volume 1B_1997; Annex to CAC/RCP-1
(1969), Rev. 3 (1997) Hazard Analysis and Critical Control Point (HACCP) System And Guidelines For Its
Application มาใช้ในระดับเหมือนกันทุกประการ
บทบาทของผู้บริหารอุตสาหกรรมอาหารไทยต่ อการจัดทาระบบ GMP และ HACCP
เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทย มักเริ่ มต้นมาจาก การผลิตขนาดเล็ก บางรายก็ขยายกิจการ
ขึ้นมาจนเป็ นโรงงาน ดังนั้นจึงอาจจะต้องมีการปรับปรุ งเปลี่ยนแปลง กระบวนการ ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์
ของ GMP และ HACCP ผูบ้ ริ หารจึงมีหน้าที่พิจารณาตัดสิ นใจ การปรับปรุ งเปลี่ยนแปลงที่จาํ เป็ น รวมถึง
งบประมาณที่จาํ เป็ นต้องใช้ นอกจากนี้ยงั ต้องให้การสนับสนุนการจัดทําระบบ HACCP ของทีมงาน เช่นส่งเสริ ม
การฝึ กอบรม ร่ วมพิจารณาแก้ไข้ปัญหา และในฐานะผูน้ าํ องค์กร ควรผลักดันให้พนักงานทุกคน ตระหนักถึง
ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ต่อผูบ้ ริ โภค ผูบ้ ริ หารจึงมีบทบาทสําคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารให้มี
ศักยภาพแข่งขันกับตลาดโลกได้ และถึงแม้จะไม่ได้ส่งออก ก็เป็ นการยกระดับมาตรฐานการผลิตเพื่อลดการนําเข้า
ผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ โดยสรุ ปแล้ว GMP เป็ นการจัดการด้านสุขลักษณะขั้นพื้นฐานที่สาํ คัญในการจัดทํา
ระบบ HACCP องค์กรจึงควรมีการจัดทํา GMP ก่อน โดยอาจจะจัดทําเอกสารมาตรฐานขั้นตอนการปฏิบตั ิงาน
ตามความเหมาะสมของแต่ละองค์กร ในเรื่ องต่างๆ ดังนี้
1. การควบคุมสุขลักษณะส่วนบุคคล
2. การควบคุมแมลงและสัตว์นาํ โรค
3. การควบคุมระบบนํ้าใช้ นํ้าแข็ง และไอนํ้า
4. การควบคุมความสะอาด ของอุปกรณ์และสถานที่การผลิต
5. การควบคุมแก้วและพลาสติกแข็ง
6. การควบคุมสารเคมี
7. การชี้บ่งและสอบกลับผลิตภัณฑ์
8. การกักและปล่อยผลิตภัณฑ์
9. การเรี ยกผลิตภัณฑ์คืน
10. การสอบเทียบอุปกรณ์และเครื่ องมือวัด
11. การควบคุมการขนส่ง
12. การบํารุ งรักษา เครื่ องจักร และอุปกรณ์
13. การกําจัดขยะ
14. การจัดเก็บบันทึก เป็ นต้น
GMP กฎหมาย
คําว่า GMP เป็ นที่คุน้ เคยในวงการอุตสาหกรรมต่างๆไม่วา่ จะเป็ นยา เครื่ องสําอาง และรวมถึงทางด้าน
อาหารด้วย แต่ GMP (Good Manufacturing Practice) ที่เกี่ยวข้องกับอาหารมีที่มา คือ เป็ นคําที่นาํ มาจากกฎหมาย
ของประเทศสหรัฐอเมริ กาที่กาํ หนดอยูใ่ น Code of Federal Regulationtitle ที่ 21 part 110 หากเทียบกับ
มาตรฐานสากลของโครงการมาตรฐานอาหาร FAO/WHO (Codex) จะใช้คาํ ว่า General Principles of Food
Hygiene นักวิชาการทางด้านอาหารใช้คาํ ว่า GMP เนื่องจากเป็ นคําย่อที่เข้าใจตรงกันว่า หมายถึง หลักเกณฑ์วธิ ีการ
ที่ดีในการผลิตอาหาร เป็ นเกณฑ์หรื อข้อกําหนดขั้นพื้นฐานที่จาํ เป็ นในการผลิตและควบคุมเพื่อให้ผผู ้ ลิตปฏิบตั ิ
ตาม และทําให้สามารถผลิตอาหารได้อย่างปลอดภัย โดยเน้นการป้ องกันและขจัดความเสี่ ยงที่อาจจะทําให้อาหาร
เป็ นพิษ เป็ นอันตราย หรื อเกิดความไม่ปลอดภัยแก่ผบู ้ ริ โภค GMP มี 2 ประเภท คือ GMP สุขลักษณะทัว่ ไป หรื อ
General GMP ซึ่งเป็ นหลักเกณฑ์ที่นาํ ไปใช้ปฏิบตั ิสาํ หรับอาหารทุกประเภท อีกประเภทหนึ่ง คือ GMP เฉพาะ
ผลิตภัณฑ์ หรื อ Specific GMP ซึ่งเป็ นข้อกําหนดที่เพิ่มเติมจาก GMP ทัว่ ไป เพื่อมุ่งเน้นในเรื่ องความเสี่ ยงและ
ความปลอดภัยของแต่ละผลิตภัณฑ์อาหารเฉพาะมากยิง่ ขึ้น
GMP เป็ นระบบประกันคุณภาพที่มีการปฏิบตั ิ และพิสูจน์แล้วจากกลุ่มนักวิชาการด้านอาหารทัว่ โลก
แล้วว่าสามารถทําให้อาหารเกิดความปลอดภัย เป็ นที่เชื่อถือยอมรับจากผูบ้ ริ โภค โดยอาศัยหลายปั จจัยที่เชื่อมโยง
สัมพันธ์กนั ดังนั้นหากยิง่ สามารถปฏิบตั ิตามแนวทางที่กาํ หนดได้ท้ งั หมด ก็จะทําให้อาหารมีคุณภาพมาตรฐาน
และมีความปลอดภัยมากที่สุด หลักการของ GMP จึงครอบคลุมตั้งแต่สถานที่ต้ งั ของสถานประกอบการ
โครงสร้างอาคาร ระบบการผลิตที่ดีมีความปลอดภัย และมีคุณภาพได้มาตรฐานทุกขั้นตอน นับตั้งแต่เริ่ มต้นวาง
แผนการผลิต ระบบควบคุมตั้งแต่วตั ถุดิบ ระหว่างการผลิต ผลิตภัณฑ์สาํ เร็ จรู ป การจัดเก็บ การควบคุมคุณภาพ
และการขนส่งจนถึงผูบ้ ริ โภค มีระบบบันทึกข้อมูล ตรวจสอบและติดตามผลคุณภาพผลิตภัณฑ์ รวมถึงระบบการ
จัดการที่ดีในเรื่ องสุขอนามัย (Sanitation และ Hygiene) ทั้งนี้เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ข้ นั สุดท้ายมีคุณภาพและความ
ปลอดภัยเป็ นที่มนั่ ใจเมื่อถึงมือผูบ้ ริ โภค และ GMP ยังเป็ นระบบประกันคุณภาพพื้นฐานก่อนที่จะพัฒนาไปสู่
ระบบประกันคุณภาพอื่น ๆ ต่อไป เช่น HACCP (Hazards Analysis and Critical Control Points) และ ISO 9000
อีกด้วย
หลักการพัฒนาแบบค่ อยเป็ นค่ อยไปสาหรับ GMP กฎหมาย
ระบบ GMP อาหาร เข้ามาในประเทศและเป็ นที่รู้จกั ครั้งแรกในปี 2529 ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 6 และตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี ที่ผา่ นมา สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้
ดําเนินการเกี่ยวกับระบบนี้ กล่าวคือ เริ่ มจากการอบรมทั้งกับผูป้ ระกอบการและเจ้าหน้าที่ภาครัฐให้เข้าใจใน
หลักการของระบบ จัดทําโครงการยกระดับมาตรฐานการผลิตอาหารประเภทต่างๆสํานักงานคณะกรรมการ
อาหารและยาได้นาํ ระบบ GMP มาใช้พฒั นาสถานที่ผลิตอาหารของประเทศเป็ นครั้งแรก ในลักษณะส่งเสริ มและ
ยกระดับมาตรฐานการผลิตในอุตสาหกรรมอาหารแก่ผปู ้ ระกอบการแบบสมัครใจ ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 6 และตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี ที่ผา่ นมาสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้
ดําเนินการในเรื่ องนี้เป็ นขั้นตอนตามลําดับ กล่าวคือ เริ่ มจากจัดทําโครงการฯเสนอเพื่อให้สภาวิจยั ฯให้ความ
เห็นชอบ ร่ างหลักเกณฑ์ GMP ของอาหารประเภทต่างๆ โดยจัดลําดับความสําคัญของผลิตภัณฑ์ที่มีต่อการบริ โภค
และต่อเศรษฐกิจของประเทศ เช่น นํ้าบริ โภค เครื่ องดื่ม นมพร้อมดื่ม และอาหารกระป๋ อง เป็ นต้น การอบรมทั้งกับ
ผูป้ ระกอบการและเจ้าหน้าที่ภาครัฐให้เข้าใจในหลักการของระบบ มีการตรวจสอบก่อนและหลังการอบรมให้
ความรู ้ พร้อมทั้งมีการประเมินผลและออก ใบเกียรติบตั รให้เพื่อเป็ นแรงจูงใจ ซึ่งการดําเนินการในครั้งนั้นทั้งหมด
เพื่อประเมินและกระตุน้ ผูป้ ระกอบการ ให้มีความสนใจที่จะพัฒนาสถานที่ผลิตเป็ นระยะอย่างต่อเนื่อง และ
หลังจากนั้นในปี 2535 เป็ นต้นมา สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาโดยกองควบคุมอาหาร ได้มีมาตรการให้
การรับรองระบบ GMP (Certificate GMP) แก่ผปู ้ ระกอบการในลักษณะสมัครใจ ดังนั้น จากเหตุการณ์ที่ผา่ นมา
และสภาวการณ์ ในปั จจุบนั จะเห็นว่า GMP ไม่ใช่เรื่ องใหม่สาํ หรับผูผ้ ลิตอาหาร จึงเชื่อว่าถึงเวลาอันสมควรที่
ประเทศไทยจะมีการนํา GMP มาเป็ นมาตรการบังคับใช้
แนวทางและขั้นตอนสู่ GMP กฎหมาย
GMP ที่นาํ มาเป็ นมาตรการบังคับใช้เป็ นกฎหมายนั้น ได้นาํ แนวทางข้อกําหนดเป็ นไปตามของ
Codex ซึ่งเป็ นที่ยอมรับของสากล แต่มีการปรับในรายละเอียดบางประเด็นหรื อเป็ นการปรับให้ง่ายขึ้น
(Simplify) เพื่อให้เหมาะสมกับศักยภาพของผูผ้ ลิตอาหารภายในประเทศซึ่งสามารถปฏิบตั ิได้จริ ง แต่ยงั มี
ข้อกําหนดที่เป็ นหลักการที่สาํ คัญเหมือนกับของ Codex แต่สามารถนําไปใช้ได้กบั สถานประกอบการทุกขนาดทุก
ประเภท ทุกผลิตภัณฑ์ ตามสภาพการณ์ของประเทศไทย นอกจากนี้ยงั เป็ นการพัฒนามาตรฐานสูงขึ้นมาจาก
หลักเกณฑ์ข้ นั พื้นฐาน (Minimum Requirement) ที่สาํ นักงานคณะกรรมการอาหารและยาใช้ในการพิจารณา
อนุญาตผลิต จึงเป็ นเกณฑ์ซ่ ึงทั้งผูป้ ระกอบการและเจ้าหน้าที่รู้จกั คุน้ เคยกันดีและปฏิบตั ิกนั อยูแ่ ล้ว เพียงแต่จะต้อง
มีการปฏิบตั ิในรายละเอียดบางประเด็นที่เคร่ งครัดและจริ งจังมากขึ้น ซึ่งอาจกล่าวได้วา่ GMP สุขลักษณะทัว่ ไปนี้
ผูป้ ระกอบการสามารถนําไปปฏิบตั ิตามได้ ในขณะที่กฎระเบียบข้อบังคับของหลักการสําคัญก็มีความน่าเชื่อถือใน
ระดับสากลสําหรับ GMP เฉพาะผลิตภัณฑ์ (Specific GMP) นั้น สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้
กําหนดให้น้ าํ บริ โภคเป็ นผลิตภัณฑ์แรกที่ผปู ้ ระกอบการจะต้องปฏิบตั ิตาม GMP เฉพาะ เนื่องจากการผลิตมี
กระบวนการที่ไม่ซบั ซ้อนและลงทุนไม่มาก ประกอบกับในยุคเศรษฐกิจปั จจุบนั มีผผู ้ ลิตเพิ่มขึ้นเป็ นจํานวนมาก
จากการตรวจสอบจํานวนผูป้ ระกอบการที่ได้รับอนุญาตจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาและสํานักงาน
สาธารณสุขจังหวัดทัว่ ประเทศ ในปี 2546 มีประมาณ 4,000 รายทัว่ ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ผปู ้ ระกอบการรายย่อยมี
การผลิตโดยไม่คาํ นึงถึงความปลอดภัยของผูบ้ ริ โภค ทําให้เกิดปั ญหาการปนเปื้ อนเชื้อจุลินทรี ยใ์ นผลิตภัณฑ์ ซึ่ง
ทําให้ผลิตภัณฑ์ไม่ปลอดภัยต่อผูบ้ ริ โภค สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาจึงเห็นว่าจําเป็ นที่จะต้องมี
มาตรการและหาวิธีการแก้ไขและป้ องกันในเรื่ องนี้อย่างจริ งจังมากขึ้น ทั้งนี้ให้เน้นการควบคุมสถานที่และ
กระบวนการผลิต โดยใช้หลักการของ GMP เฉพาะผลิตภัณฑ์เข้ามาเป็ นหลักเกณฑ์บงั คับทางกฎหมาย เพื่อให้
ผูผ้ ลิตนํ้าบริ โภคตระหนัก มีการควบคุม ตรวจสอบ และเห็นความสําคัญในเรื่ องคุณภาพมาตรฐานและความ
ปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ หลักการของ GMP นํ้าบริ โภคใช้แนวทางของกฎหมายอเมริ กาที่กาํ หนดอยูใ่ น Code of
Federal Regulation title ที่ 21 part 129 Processing and bottling of bottled drinking water และมาตรฐานสากล
Codex (Code of Hygiene Practice for Bottled/Packaged Drinking Waters) ซึ่งสอดคล้องกับ GMP สุขลักษณะ
ทัว่ ไปที่เป็ นกฎหมาย เพียงแต่มีการขยายเนื้อหาในหมวดที่เกี่ยวกับกระบวนการผลิตให้เป็ นไปตามขั้นตอนที่
ถูกต้องของผลิตภัณฑ์น้ าํ บริ โภค เพื่อให้ผผู ้ ลิตสามารถควบคุมได้ครบถ้วนทุกจุดของการผลิตมากยิง่ ขึ้น
กระบวนการต่างๆก่อนที่จะนํามาซึ่งเป็ นเกณฑ์ GMP กฎหมาย หลังจากที่มีแนวคิดดังกล่าวข้างต้น สํานักงาน
คณะกรรมการอาหารและยาโดยกองควบคุมอาหารได้มีคณะทํางานเพื่อจัดทํา (ร่ าง) หลักเกณฑ์ GMP และ
นําเสนอคณะอนุกรรมการกําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการผลิต นําเข้า หรื อส่งออกซึ่งอาหาร (อ.1) ที่แต่งตั้ง
โดยคณะกรรมการอาหารตามคําสัง่ ที่ 1/2539 ลงวันที่ 19 กันยายน 2539 หลังจากนั้นนํา (ร่ าง) หลักเกณฑ์ที่ผา่ น
การพิจารณาจากคณะอนุกรรมการฯ (อ.1) แล้ว เวียนให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทัว่ ประเทศ รวมถึงสมาคมฯ ชมรมฯ
ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารและนํ้าบริ โภค เพื่อให้ขอ้ คิดเห็นเพิ่มเติมและมีการนํามาปรับแก้ไข จนถึง
ขั้นตอนสุดท้ายได้นาํ เข้าคณะกรรมการอาหารเพื่อนําเสนอเป็ นประกาศกระทรวงสาธารณสุขต่อไป มาตรการ
GMP เป็ นการปรับเปลี่ยนระบบโดยใช้กฎหมายเป็ นมาตรการรองรับ ซึ่งจะเป็ นวิธีที่จะทําให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในเชิง
รู ปธรรมได้อย่างแท้จริ ง แต่การเปลี่ยนแปลงในลักษณะดังกล่าวในระยะเริ่ มแรกซึ่งเป็ นระยะการปรับตัวของ
ระบบ ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบหรื อปั ญหาอุปสรรคแก่ผทู ้ ี่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิง่ ต่อผูป้ ระกอบการด้าน
อาหารทั้งหมดของประเทศ ดังนั้นจึงได้มีการกําหนดให้มีระยะเวลาผ่อนผัน เพื่อประโยชน์ในการปรับตัวและ
เตรี ยมความพร้อมของสถานประกอบการ GMP ที่เป็ นกฎหมาย 2 ฉบับ คือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่
193) พ.ศ.2543 และ (ฉบับที่ 239) พ.ศ.2544 เรื่ อง วิธีการผลิต เครื่ องมือเครื่ องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษา
อาหาร (GMPสุขลักษณะทัว่ ไป) และประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 220) พ.ศ.2544 เรื่ อง นํ้าบริ โภคใน
ภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท (ฉบับที่ 3) (GMP นํ้าบริ โภค) มีผลบังคับใช้สาํ หรับผูผ้ ลิตอาหารรายใหม่ ตั้งแต่วนั ที่ 24
กรกฎาคม 2544 ส่วนรายเก่ามีผลบังคับใช้ต้ งั แต่วนั ที่ 24 กรกฎาคม 2546
ข้ อกาหนด GMP สุ ขลักษณะทัว่ ไป
(ครอบคลุมอาหาร 54 ประเภท ขณะนีแ้ ละกาลังดาเนินการให้ ครอบคลุมทุกประเภท)
มีอยู่ 6 ข้อกําหนด ดังนี้
1. สถานที่ต้ งั และอาคารผลิต
2. เครื่ องมือเครื่ องจักรและอุปกรณ์ในการผลิตกระบวนการผลิต
4. การสุขาภิบาล
5. การบํารุ งรักษาและการทําความสะอาด
6. บุคลากรและสุขลักษณะ
ในแต่ละข้อกาหนดมีวตั ถุประสงค์หลักเพื่อให้ผผู ้ ลิตมีมาตรการป้ องกันการปนเปื้ อน อันตรายทั้ง
ทางด้านจุลินทรี ย ์ เคมีและกายภาพลงสู่ผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจมาจากสิ่ งแวดล้อม ตัวอาคาร เครื่ องจักร อุปกรณ์ที่ใช้การ
ดาเนินงานในแต่ละขั้นตอนการผลิต รวมถึงการจัดการในด้านสุขอนามัยทั้งในส่วนของ ความสะอาด การ
บารุ งรักษา และผูป้ ฏิบตั ิงาน
ข้ อกาหนด GMP นา้ บริโภค (GMP เฉพาะผลิตภัณฑ์ )
มีอยู่ 11 ข้อกําหนด ดังนี้
1. สถานที่ต้ งั และอาคารผลิต
2. เครื่ องมือ เครื่ องจักร และอุปกรณ์การผลิต
3. แหล่งนํ้า
4. การปรับคุณภาพนํ้า
5. ภาชนะบรรจุ
6. สารทําความสะอาดและฆ่าเชื้อ
7. การบรรจุ
8. การควบคุมคุณภาพมาตรฐาน
9. การสุขาภิบาล
10. บุคลากรและสุขลักษณะผูป้ ฏิบตั ิงาน
11. บันทึกและรายงาน
วัตถุประสงค์ในแต่ละข้อกําหนดเช่นเดียวกับ GMP สุขลักษณะทัว่ ไป เพียงแต่ GMP นํ้าบริ โภคเน้น
ประเด็นการควบคุมกระบวนการผลิตนํ้าบริ โภค โดยขยายรายละเอียดในการควบคุมเพื่อป้ องกันการปนเปื้ อน
ชัดเจนยิง่ ขึ้น ตั้งแต่ขอ้ 3-8 ซึ่งเป็ นขั้นตอนในการผลิต และมีการเพิ่มเติมในส่วนของบันทึกและรายงาน เพื่อให้
ผูผ้ ลิตเห็นความสําคัญและประโยชน์ในการเก็บข้อมูล รายงาน บันทึกที่เกี่ยวข้อง เช่น ผลวิเคราะห์แหล่งนํ้าและ
ผลิตภัณฑ์ เป็ นต้น ซึ่งจะช่วยป้ องกันหรื อแก้ไขเมื่อเกิดปั ญหากับผลิตภัณฑ์
มาตรการการดาเนินงาน
เนื่องจากหลักเกณฑ์ GMP มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายตามที่กล่าวข้างต้น ซึ่งหากผูผ้ ลิตไม่ปฏิบตั ิตามจะ
เป็ นการฝ่ าฝื นประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 193) พ.ศ.2543 และ (ฉบับที่ 239) พ.ศ.2544 และ (ฉบับที่
220) พ.ศ.2544 ซึ่งออกตามความในมาตรา 6(7) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ .ศ.2522 และมีโทษตามมาตรา 49
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท แต่อย่างไรก็ตามในช่วงระยะเวลาก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้
เพื่อให้ผผู ้ ลิตสามารถปฏิบตั ิตามเกณฑ์ GMP ดังกล่าวได้สาํ นักงานคณะกรรมการอาหารและยาโดยกองควบคุม
อาหาร จึงได้มีการดําเนินการภายใต้โครงการผลักดัน ผูป้ ระกอบการด้านความพร้อม GMP กฎหมาย ตั้งแต่ปี
2540 เป็ นต้นมา ทั้งในลักษณะการอบรมผูป้ ระกอบการและเจ้าหน้าที่ทวั่ ประเทศ จัดทําสื่ อคู่มือที่เกี่ยวข้อง เช่น
คู่มือการผลิต คู่มือการตรวจสถานที่ผลิตของ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดทัว่ ประเทศ รวมทั้งคําสัง่ ต่างๆที่
เกี่ยวข้องเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบตั ิงานได้และเป็ นไปในทิศทางเดียวกัน ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ทางสื่ อ
อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็ นการช่วยผูผ้ ลิตให้สามารถดําเนินการเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ และหลังจากนั้นคงต้องมี
การพัฒนาหลักเกณฑ์ GMP กฎหมายนี้ ให้มีมาตรฐานเทียบเท่ากับหลักการของสากลมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้อง
กับนโยบายของรัฐที่วา่ อาหารที่ส่งออกและอาหารที่จาํ หน่ายภายในประเทศต้องมีคุณภาพมาตรฐานและความ
ปลอดภัยเท่ากัน นัน่ คือ จะต้องไม่มีคาํ ว่า double standard นัน่ เอง ซึ่งทั้งนี้ท้ งั นั้นทุกฝ่ ายไม่วา่ ผูผ้ ลิตเจ้าหน้าที่ของ
รัฐ รวมทั้งภาคการศึกษา จะต้อประสานงานร่ วมมือกันเพื่อให้ได้มาซึ่งสุขภาพที่ดีของประชาชนคนไทย ดังนั้น จะ
เห็นว่าสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามิใช่แต่จะใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อคุม้ ครองผูบ้ ริ โภคแต่เพียง
อย่างเดียว แต่จะให้ความสําคัญของการพัฒนาเชิงระบบอย่างครบวงจรโดยมีการส่งเสริ ม สนับสนุน ทั้ง
ผูป้ ระกอบการและเจ้าหน้าที่ผปู ้ ฏิบตั ิ เพื่อให้ได้มาซึ่งสถานที่ผลิตที่ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อาหารที่ถูกสุขลักษณะ
และความปลอดภัยของประชาชนผูบ้ ริ โภค ซึ่งสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะต้องดําเนินการอย่าง
ต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุถึงเป้ าหมายของการคุม้ ครองผูบ้ ริ โภคและขณะนี้สาํ นักงานคณะกรรมการอาหารและยาโดย
กองควบคุมอาหาร กําลังจัดทํา GMP นมพร้อมดื่ม และ GMP อาหารกระป๋ อง ซึ่งเป็ น GMP เฉพาะ ถัดจาก GMP
นํ้าบริ โภค คาดว่าจะประกาศออกมาเป็ นกฎหมายในเร็ วๆนี้ โดยให้ระยะเวลาผูป้ ระกอบการในการปรับปรุ งแก้ไข
1 ปี ถัดจากวันที่ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ซึ่งกองควบคุมอาหารจะนํามาลงใน website ต่อไป
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
(ฉบับที่ 193) พ.ศ.2543
เรื่ อง วิธีการผลิต เครื่ องมือเครื่ องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร
-----------------------------------------
โดยที่เป็ นการสมควรให้มีมาตรการการประกันคุณภาพของอาหารเพื่อให้อาหารมีคุณภาพ
มาตรฐาน และเพื่อคุม้ ครองผูบ้ ริ โภคให้ได้รับอาหารที่ปลอดภัย
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 6(7) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522
อันเป็ นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิ ทธิและเสรี ภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29
ประกอบกับมาตรา 35 มาตรา 48 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทําได้โดย
อาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้อาหารดังต่อไปนี้ เป็ นอาหารที่กาํ หนดวิธีการผลิต เครื่ องมือเครื่ องใช้ในการผลิต และ
การเก็บรักษาอาหาร
(1) อาหารทารกและอาหารสูตรต่อเนื่องสําหรับทารกและเด็ก
(2) อาหารเสริ มสําหรับทารกและเด็กเล็ก
(3) นมดัดแปลงสําหรับทารกและนมดัดแปลงสูตรต่อเนื่องสําหรับทารกและเด็กเล็ก
(4) นํ้าแข็ง
(5) นํ้าบริ โภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
(6) เครื่ องดื่มในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
(7) อาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
(8) นมโค
(9) นมเปรี้ ยว
(10) ไอศกรี ม
(11) นมปรุ งแต่ง
(12) ผลิตภัณฑ์ของนม
(13) วัตถุเจือปนอาหาร
(14) สี ผสมอาหาร
(15) วัตถุที่ใช้ปรุ งแต่งรสอาหาร
(16) โซเดียมซัยคลาเมตและอาหารที่มีโซเดียมซัยคลาเมต
(17) อาหารสําหรับผูท้ ี่ตอ้ งการควบคุมนํ้าหนัก
(18) ชา
(19) กาแฟ
(20) นํ้าปลา
(21) นํ้าที่เหลือจากการผลิตโมโนโซเดียมกลูตาเมต
(22) นํ้าแร่ ธรรมชาติ
(23) นํ้าส้มสายชู
(24) นํ้ามันและไขมัน
(25) นํ้ามันถัว่ ลิสง
(26) ครี ม
(27) นํ้ามันเนย
(28) เนย
(29) เนยแข็ง
(30) กี
(31) เนยเทียม
(32) อาหารกึ่งสําเร็ จรู ป
(33) ซอสบางชนิด
(34) นํ้ามันปาล์ม
(35) นํ้ามันมะพร้าว
(36) เครื่ องดื่มเกลือแร่
(37) นํ้านมถัว่ เหลืองในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท (ยกเว้นที่มีสถานที่ผลิตที่ไม่เข้าลักษณะ
เป็ นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน)
(38 )ช็อกโกแลต
(39) แยม เยลลี มาร์มาเลด ในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
(40) อาหารที่มีวตั ถุประสงค์พิเศษ
(41) ไข่เยีย่ วม้า
(42) รอยัลเยลลีและผลิตภัณฑ์รอยัลเยลลี
(43) ผลิตภัณฑ์ปรุ งรสที่ได้จากการย่อยโปรตีนของถัว่ เหลือง
(44) นํ้าผึ้ง (ยกเว้นที่มีสถานที่ผลิตที่ไม่เข้าลักษณะเป็ นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน)
(45) ข้าวเติมวิตามิน
(46) แป้ งข้าวกล้อง
(47) นํ้าเกลือปรุ งอาหาร
(48) ซอสในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
(49) ขนมปั ง
(50) หมากฝรั่งและลูกอม
(51) วุน้ สําเร็ จรู ปและขนมเยลลี่
(52) อาหารที่มีวตั ถุที่ใช้เพื่อรักษาคุณภาพหรื อมาตรฐานของอาหารรวมอยูใ่ นภาชนะบรรจุ
(53) ผลิตภัณฑ์กระเทียม
(54) ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์
(55) วัตถุแต่งกลิ่นรส
(56) อาหารที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้
(57) อาหารแช่เยือกแข็ง
ข้อ 2 ผูผ้ ลิตอาหารตามข้อ 1 เพื่อจําหน่ายต้องปฏิบตั ิตามวิธีการผลิต เครื่ องมือเครื่ องใช้ใน
การผลิต และการเก็บรักษาอาหาร ที่กาํ หนดไว้ในบัญชีแนบท้ายประกาศนี้
ข้อ 3 ผูน้ าํ เข้าอาหารตามข้อ 1 เพื่อจําหน่าย ต้องจัดให้มีใบรับรองวิธีการผลิต เครื่ องมือ
เครื่ องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร ไม่ต่าํ กว่าเกณฑ์ที่กาํ หนดไว้ในบัญชีแนบท้ายประกาศนี้
ข้อ 4 ให้ผทู ้ ี่ได้รับใบอนุญาตผลิตอาหาร หรื อใบสําคัญการขึ้นทะเบียนตํารับอาหาร หรื อใบสําคัญการใช้
ฉลากอาหาร ตามข้อ 1 ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บงั คับที่ปฏิบตั ิไม่เป็ นไปตามข้อ 2 หรื อข้อ 3 ทําการปรับปรุ งแก้ไข
หรื อจัดให้มีใบรับรองแล้วแต่กรณี ให้ถูกต้องตามประกาศนี้ภายในสองปี นับแต่วนั ที่ประกาศนี้ใช้บงั คับ
ข้อ 5 ประกาศนี้ ให้ใช้บงั คับเมื่อพ้นกําหนดหนึ่งร้อยแปดสิ บวัน นับแต่วนั ถัดจากวันประกาศ
ในราชกิจจานุเบกษาเป็ นต้นไป
2. เครื่ องมือ เครื่ องจักร และ 2.1 ภาชนะหรื ออุปกรณ์ในการผลิตที่สมั ผัสกับอาหาร ต้องทําจากวัสดุที่ไม่ทาํ ปฏิกิริยากับอาหารอันอาจเป็ นอันตรายต่อผูบ้ ริ โภค
อุปกรณ์ในการผลิต 2.2 โต๊ะที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตในส่วนที่สมั ผัสกับอาหาร ต้องทําด้วยวัสดุที่ไม่เกิดสนิม ทําความสะอาดง่าย และไม่ทาํ ให้
เกิดปฏิกิริยาที่อาจเป็ นอันตรายแก่สุขภาพของผูบ้ ริ โภค โดยมีความสูงเหมาะสมและมีเพียงพอในการปฏิบตั ิงาน
2.3 การออกแบบติดตั้งเครื่ องมือ เครื่ องจักร และอุปกรณ์ที่ใช้เหมาะสมและคํานึงถึงการปนเปื้ อนที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งสามารถทํา
ความสะอาดตัวเครื่ องมือ เครื่ องจักร และบริ เวณที่ต้ งั ได้ง่ายและทัว่ ถึง
2.4 เครื่ องมือ เครื่ องจักร และอุปกรณ์ในการผลิต ต้องเพียงพอต่อการปฏิบตั ิงาน
6. บุคลากรและสุขลักษณะ 6.1 ผูป้ ฏิบตั ิงานในบริ เวณผลิตต้องไม่เป็ นโรคติดต่อหรื อโรคน่ารังเกียจตามที่กาํ หนดโดยกฎกระทรวง หรื อมีบาดแผลอันอาจก่อให้เกิด
ผูป้ ฏิบตั ิงาน การปนเปื้ อนของผลิตภัณฑ์
6.2 เจ้าหน้าที่ผปู ้ ฏิบตั ิงานทุกคนในขณะที่ดาํ เนินการผลิตและมีการสัมผัสโดยตรงกับอาหาร หรื อส่วนผสมของอาหาร หรื อส่วนใดส่วน
หนึ่งของพื้นที่ผิวที่อาจมีการสัมผัสกับอาหาร ต้อง
6.2.1 สวมเสื้ อผ้าที่สะอาดและเหมาะสมต่อการปฏิบตั ิงาน กรณี ที่ใช้เสื้ อคลุมก็ตอ้ งสะอาด
6.2.2 ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนเริ่ มปฏิบตั ิงาน และหลังการปนเปื้ อน
6.2.3 ใช้ถุงมือที่อยูใ่ นสภาพสมบูรณ์และสะอาดถูกสุขลักษณะ ทําด้วยวัสดุที่ไม่มีสารละลายหลุดออกมาปนเปื้ อนอาหารและของเหลว
ซึมผ่านไม่ได้ สําหรับจับต้องหรื อสัมผัสกับอาหาร กรณี ไม่สวมถุงมือต้องมีมาตรการให้คนงานล้างมือ เล็บ แขนให้สะอาด
6.2.4 ไม่สวมใส่เครื่ องประดับต่าง ๆ ขณะปฏิบตั ิงาน และดูแลสุขอนามัยของมือและเล็บให้สะอาดอยูเ่ สมอ
6.2.5 สวมหมวก หรื อผ้าคลุมผม หรื อตาข่าย
6.3 มีการฝึ กอบรมเจ้าหน้าที่ผปู ้ ฏิบตั ิงานเกี่ยวกับสุขลักษณะทัว่ ไป และความรู ้ทวั่ ไปในการผลิตอาหารตามความเหมาะสม
6.4 ผูท้ ี่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิต ปฏิบตั ิตามข้อ 6.1-6.2 เมื่ออยูใ่ นบริ เวณผลิต
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
(ฉบับที่ 239) พ.ศ.2544
เรื่ อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 193) พ.ศ.2543
---------------------------------------------------
โดยที่เป็ นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศว่าด้วยเรื่ อง วิธีการผลิต เครื่ องมือเครื่ องใช้ในการผลิตและการเก็บ
รักษาอาหาร
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 6(7) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 อันเป็ นพระราชบัญญัติที่
มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิ ทธิและเสรี ภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29ประกอบกับมาตรา 35 มาตรา
48 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่ง
กฎหมาย รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในข้อ 1(21) (52) และ (56) ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 193) พ.ศ.2543 เรื่ อง
วิธีการผลิต เครื่ องมือเครื่ องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร ลงวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2543
ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในข้อ 1(57) แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 193) พ.ศ.2543 เรื่ องวิธีการผลิต
เครื่ องมือเครื่ องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร ลงวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2543 และให้ใช้ความต่อไปนี้
แทน
“(57) อาหารแช่เยือกแข็งที่ได้ผา่ นการเตรี ยม (prepared) และหรื อการแปรรู ป (processed”
ข้อ 3 ประกาศนี้ ให้ใช้บงั คับตั้งแต่วนั ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็ นต้นไป
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
(ฉบับที่ 284) พ.ศ. 2547
เรื่ อง นํ้าบริ โภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท (ฉบับที่ 5)
-----------------------------------------------
เนื่องจากปั จจุบนั นํ้าบริ โภคเป็ นอาหารที่ตอ้ งมีการควบคุมสถานที่ผลิตอาหาร ให้เป็ นไปตามมาตรฐานตาม
ข้อกําหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่วา่ ด้วยเรื่ อง วิธีการผลิต เครื่ องมือเครื่ องใช้ในการผลิต และการ
เก็บรักษาอาหาร ไว้เป็ นการเฉพาะแล้ว จึงเห็นควรปรับปรุ งมาตรการการควบคุมนํ้าบริ โภคในภาชนะบรรจุที่
ปิ ดสนิทใหม่ ให้เหมาะสมต่อสภาพการณ์ปัจจุบนั
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 6(3) (6)(7) และ(10) แห่งพระราชบัญญัติอาหารพ .ศ.2522 อัน
เป็ นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํา กัดสิ ทธิและเสรี ภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29
ประกอบกับมาตรา 35 มาตรา 39 มาตรา 48 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้
กระทํา ได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในข้อ 2 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 61 (พ.ศ.2524) เรื่ องนํ้าบริ โภคใน
ภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ลงวันที่ 7 กันยายน พ.ศ.2524 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 2 ให้น้ าํ บริ โภคใน
ภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท เป็ นอาหารที่กาํ หนดคุณภาพหรื อมาตรฐาน”
ข้อ 2 ให้ผผู ้ ลิตหรื อนําเข้านํ้าบริ โภคที่ได้รับใบสําคัญการขึ้นทะเบียนตํา รับอาหาร หรื อใบสําคัญการใช้ฉลาก
อาหารตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 61 (พ.ศ.2524) เรื่ อง นํ้าบริ โภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
ลงวันที่ 7 กันยายน พ.ศ.2524 และประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 135 (พ.ศ.2534) เรื่ อง นํ้าบริ โภคใน
ภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534 และประกาศกระทรวงสาธารณสุข
(ฉบับที่ 220) พ.ศ.2544 เรื่ อง นํ้าบริ โภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 24 กรกฎาคม
พ.ศ.2544 และประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 256) พ.ศ.2545 เรื่ อง นํ้าบริ โภคในภาชนะบรรจุที่ปิด
สนิท (ฉบับที่ 4) ลงวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2545 ซึ่งออกให้ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บงั คับใช้เลขสารบบ
อาหารดังกล่าวต่อไปได้ โดยถือว่าได้จดทะเบียนรายละเอียดของอาหารตามประกาศฉบับนี้แล้ว
ข้อ 3 ประกาศนี้ ให้ใช้บงั คับตั้งแต่วนั ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็ นต้นไป
ภาคผนวก ค
มาตรฐานและกฎหมายทีเ่ กีย่ วข้ องกับการควบคุมนา้ บริโภคในภาชนะบรรจุทปี่ ิ ดสนิท
125
คุณภาพและมาตรฐานนา้
คุณภาพนา้ ทางด้ านกายภาพ เคมี และชีวภาพ
มาตรฐานนา้ สะอาด
ข้อมูล หน่วยวัด WHO อย. ปี 2534 สมอ. ปี 2521 กรมทรัพย์ ปี 2521 เกณฑ์คุณภาพ
ปี 2527 ปี 2536 เกณฑ์กาํ หนด เกณฑ์ เกณฑ์กาํ หนดที่ เกณฑ์ นํ้าบริ โภคใน
สูงสุด อนุโลมให้ เหมาะสม อนุโลมให้ ชนบท ปี 2531
สูงสุด สูงสุด
ความเป็ นกรด-ด่าง 6.5-8.5 - 6.5-8.5 6.5-8.5 9.2 7.0-8.5 6.5-9.2 6.5-8.5
สี แพลตตินมั โคบอลท์ 15 15 20 5 1.5 5 50 15
ความขุ่น เอ็นทียู 5 5 5.0 5 20 5 20 10
สารละลายทั้งหมด ที่เหลือจาก มก/ลิตร 1,000 1,000 500 500 1,500 750 1,500 1,000
การระเหย
ความกระด้าง มก/ลิตร 500 - 100 - - 300 500 300
เหล็ก มก/ลิตร 0.3 0.3 0.3 0.5 1.0 0.5 1.0 0.5
แมงกานีส มก/ลิตร 0.1 0.1 0.05 0.3 0.5 0.5 0.5 0.3
ทองแดง มก/ลิตร 1.0 1.0 1.0 1.0 1.5 1.0 1.5 1.0
สังกะสี มก/ลิตร 5.0 3 5 5.0 15.0 5 15.0 5.0
ตะกัว่ มก/ลิตร 0.05 0.01 0.05 0.05 - 0 0.05 0.05
โครเมี่ยม มก/ลิตร 0.05 0.05 0.05 0.05 - - - 0.05
แคดเมี่ยม มก/ลิตร 0.005 0.003 0.005 0.01 - 0 0.01 0.005
สารหนู มก/ลิตร 0.05 0.01 0.05 0.05 - 0 0.05 0.05
ปรอท มก/ลิตร 0.001 0.001 0.002 0.001 - 0 0.001 0.001
ซัลเฟต มก/ลิตร 400 250 250 200 250 200 250 400
คลอไรด์ มก/ลิตร 250 250 250 250 600 200 600 250
136
โดยทัว่ ไปแล้ว มาตรฐาน WHO มีความยืดหยุน่ 1.5 ppm เป็ นค่าที่แนะนําให้ใช้เป็ นแนวทาง สามารถปรับได้ตาม
สภาพท้องถิ่นแต่ละประเทศได้ ประเทศไทยน่าจะบริ โภคนํ้ามาก เพราะเป็ นประเทศร้อน WHO เปิ ดโอกาสให้
ปรับเปลี่ยนได้ จึงเป็ นอีกประเด็นหนึ่งที่ตอ้ งนํามาหารื อในที่ประชุม
ประเทศไทยเป็ นสมาชิกองค์การค่าโลก ( WTO) จึงมีพนั ธกรณี ตามมาตรการสุขอนามัย และสุขอนามัย
พืช ( SPS) สมาชิกทุกประเทศสามารถออกมาตรการคุม้ ครองผูบ้ ริ โภคได้ แต่มาตรฐานทุกประเทศต้องตั้งอยูบ่ น
พื้นฐานวิทยาศาสตร์ มีความโปร่ งใส ไม่เลือกปฏิบตั ิ ต้องให้สอดคล้องกับแนวทางสากล WTO ไม่ยอมรับ
มาตรฐาน ISO แต่จะยึดเกณฑ์อา้ งอิง ตามมาตรฐานของ Codex ซึ่งเป็ นหน่วยงานที่กาํ หนดมาตรฐานอาหาร
ระหว่างประเทศ ก่อตั้งโดยองค์กรร่ วม ระหว่าง WHO กับ FAO มีการประชุมประจําทุกปี Codex กําหนด
มาตรฐานไว้เป็ นกลาง บางประเทศตั้งมาตรฐานเข้มงวดกว่าของ WTO และ Codex ได้ แต่ตอ้ งประเมินความเสี่ ยง
ตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ที่ Codex ยอมรับ แต่ขณะนี้ Codex กําลังร่ างมาตรฐานของนํ้าดื่ม ซึ่งผมได้เป็ น
หัวหน้าคณะผูแ้ ทนไทย ไปประชุมที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และเป็ นประธานคณะอนุกรรมการพิจารณา
มาตรฐาน สาขานํ้าแร่ และนํ้าดื่มในภาชนะผิดสนิท เนื่องจากยึดว่า เป็ นนํ้าเหมือนกัน มาตรฐานนํ้าแร่ ที่ Codex มี
อยูแ่ ล้ว ใช้เฉพาะนํ้าแร่ ธรรมชาติ จะเน้นคําว่า Natural mineral water หมายถึง นํ้าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ คนทาง
ยุโรป และอเมริ กานิยมดื่มกันทัว่ ไป แต่น้ าํ แร่ ของไทย จะมีมาตรฐานที่แตกต่างจากนํ้าดื่ม ในเวทีของ Codex กําลัง
ทําเรื่ องนํ้าดื่ม ที่นอกเหนือจากนํ้าแร่ ธรรมชาติ หมายความว่า นํ้าแร่ ที่ไม่เข้ามาตรฐานนํ้าแร่ ธรรมชาติ จะตกอยูใ่ น
หมวดของนํ้าดื่ม ที่นอกเหนือจากนํ้าแร่ ธรรมชาติไปเลย เพราะฉะนั้น มาตรฐานนํ้าดื่มจะไม่ค่อยมีความแตกต่าง
กับนํ้าแร่ สามารถเสริ มวิตามิน เสริ มแร่ ธาตุ หรื อจะเอาอะไรออกก็ได้ อาจจะเป็ นช่องทางให้ผปู ้ ระกอบการ
สามารถทํานํ้าดื่มที่มีความแตกต่าง นอกเหนือจากนํ้าแร่ ธรรมชาติได้ เมื่อตรวจสอบดู มีการระบุถึงฟลูออไรด์วา่
ไม่จาํ กัด ส่วนปริ มาณสารอื่น ใช้มาตรฐานใกล้เคียงกับนํ้าดื่มของ WHO โดยฟลูออไรด์จะใช้แนวทางของนํ้าแร่
ธรรมชาติ คือ ถ้าเกิน 1 ppm ต้องระบุในฉลากว่า มีฟลูออไรด์ (Contain Fluoride) แต่ถา้ เกิน 2 ppm ให้ระบุวา่ ไม่
เหมาะสําหรับเด็กตํ่ากว่า 7 ปี มาตรฐานนํ้าดื่มของ Codex ขณะนี้ ยังไม่ได้ขอ้ กําหนดขั้นสุดท้าย โดยญี่ปุ่นกับ
อเมริ กาจะรวมกลุ่มกัน ส่วนตลาดร่ วมยุโรป (EU) จะเป็ นอีกกลุ่มหนึ่ง จุดยืนของ EU คือ อยากให้เกิดความ
แตกต่างกัน ไม่ตอ้ งการให้ขนเอานํ้าแร่ ไปบรรจุที่อื่น ต้องการให้บรรจุที่แหล่งนํ้าเลย เพื่อไม่ให้เกิดการปนปลอม
และไม่ให้ผา่ นกรรมวิธีใดๆ เพราะจะทําให้คุณสมบัติทางเคมี ของนํ้าแร่ เสี ยไป แต่อเมริ การกับญี่ปุ่น ต้องการ
ลําเลียงไปบรรจุที่อื่น ส่วนไทยไม่ตอ้ งการ ให้มีเพียงคําเตือนเกี่ยวกับฟลูออไรด์ ต้องการให้น้ าํ ดื่มของ Codex
แตกต่างจากนํ้าแร่ คือ ให้กาํ หนดมาตรฐานของฟลูออไรด์เลย แต่คิดว่าจะเป็ นไปได้ยาก
138
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
ฉบับที่ 61 (พ.ศ.2524)
เรื่ อง นํ้าบริ โภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
-----------------------------------------------
ส. พริ้ งพวงแก้ว
รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงสาธารณสุข
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
ฉบับที่ 135 (พ.ศ.2534)
เรื่ อง นํ้าบริ โภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท (ฉบับที่ 2)
------------------------------------------
โดยที่เป็ นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อกําหนดเรื่ องคุณภาพหรื อมาตรฐานของนํ้าบริ โภคในภาชนะบรรจุ
ที่ปิดสนิทอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 6(1)(2) และ (6) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522
รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกความใน (จ) ของ (2) ในข้อ 3 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่
61 (พ.ศ.2524) เรื่ อง นํ้าบริ โภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ลงวันที่ 7 กันยายน พ.ศ.2524 และให้ใช้ความต่อไปนี้
แทน
"(จ) แคดเมียม ไม่เกิน 0.005 มิลลิกรัม ต่อนํ้าบริ โภค 1 ลิตร"
ข้อ 2 ให้ยกเลิกความใน (ฌ) และ (ญ) ของ (2) ในข้อ 3 แห่งประกาศกระทรวง
สาธารณสุข ฉบับที่ 61 (พ.ศ.2524) เรื่ อง นํ้าบริ โภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ลงวันที่ 7 กันยายน พ.ศ.2524 และ
ให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"(ฌ) เหล็ก ไม่เกิน 0.3 มิลลิกรัม ต่อนํ้าบริ โภค 1 ลิตร
(ญ) ตะกัว่ ไม่เกิน 0.05 มิลลิกรัม ต่อนํ้าบริ โภค 1 ลิตร"
ข้อ 3 ให้เพิม่ ความต่อไปนี้เป็ น (ท) (ธ) และ (น) ของ (2) ในข้อ 3 แห่งประกาศกระทรวง
สาธารณสุข ฉบับที่ 61 (พ.ศ.2524) เรื่ อง นํ้าบริ โภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ลงวันที่ 7 กันยายน พ.ศ.2524
"(ท) อะลูมิเนียม ไม่เกิน 0.2 มิลลิกรัม ต่อนํ้าบริ โภค 1 ลิตร
(ธ) เอบีเอส (Alkylbenzene Sulfonate) ไม่เกิน 0.2 มิลลิกรัม ต่อนํ้าบริ โภค 1 ลิตร
(น) ไซยาไนด์ ไม่เกิน 0.1 มิลลิกรัม ต่อนํ้าบริ โภค 1 ลิตร"
ข้อ 4 ให้ผทู ้ ี่ได้รับใบสําคัญการขึ้นทะเบียนตํารับอาหารหรื อผูท้ ี่ได้รับอนุญาตให้ใช้ฉลาก
อาหาร ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 61 (พ.ศ.2524) เรื่ อง นํ้าบริ โภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ลง
วันที่ 7 กันยายน พ.ศ.2524 อยูก่ ่อนวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บงั คับ มายืน่ คําขอแก้ไขรายการให้มีรายละเอียดถูกต้อง
ตามประกาศฉบับนี้ ภายในหนึ่งร้อยแปดสิ บวัน นับแต่วนั ที่ประกาศนี้ใช้บงั คับ และเมื่อได้ยนื่ คําขอดังกล่าวแล้ว
ให้ใบสําคัญการขึ้นทะเบียนตํารับอาหารหรื อฉลากเดิมคงใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะได้รับอนุญาต หรื อจนกว่าผู ้
อนุญาตจะแจ้งให้ทราบถึงการไม่อนุญาต
ประกาศฉบับนี้ ให้ใช้บงั คับตั้งแต่วนั ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็ นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์
อุทยั สุ ดสุ ข
ปลัดกระทรวงสาธารณสุ ข
ผูใ้ ช้อาํ นาจของรัฐมนตรี วา่ การกระทรวงสาธารณสุข
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
(ฉบับที่ 220) พ.ศ. 2544
เรื่ อง นํ้าบริ โภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท (ฉบับที่ 3)
------------------------------------------------------
ประกาศกระทรวงสาธารณสุ ข
143
ปฏิบตั ิงานจริ ง
1.2.6.5 ห้องหรื อบริ เวณเก็บผลิตภัณฑ์ มีช้ นั หรื อยกพื้นรองรับ มีระบบการเก็บ
ผลิตภัณฑ์เพื่อรอจําหน่ายในลักษณะผลิตก่อนนําไปจําหน่ายก่อน ห้องหรื อ
บริ เวณดังกล่าวต้องแยกเป็ นสัดส่วน เป็ นไปตามสายงานการผลิต มีมาตรการ
ป้ องกันการปนเปื้ อน กรณี ที่ขบวนการผลิตเป็ นแบบต่อเนื่องและเป็ นระบบปิ ด
ต้องมีช่องเปิ ดสําหรับการลําเลียงขนส่ง ซึ่งช่องเปิ ดนั้นต้องมีขนาดพอเหมาะ
และมีมาตรการป้ องกันกาปนเปื้ อน และกรณี ที่มียานพาหนะสําหรับส่ง
ผลิตภัณฑ์ ต้องมีระบบป้ องกันการปนเปื้ อน
2 เครื่ องมือเครื่ องจักรและ 2.1 มีจาํ นวนเพียงพอและเป็ นชนิดที่เหมาะสมกับการผลิต ซึ่งอย่างน้อยต้อง
อุปกรณ์การผลิต ประกอบด้วย
2.1.1 เครื่ องหรื ออุปกรณ์การปรับคุณภาพนํ้า
2.1.2 เครื่ องหรื ออุปกรณ์ลา้ งภาชนะบรรจุ
2.1.3 เครื่ องหรื ออุปกรณ์การบรรจุ
2.1.4 เครื่ องหรื ออุปกรณ์ปิดผนึก
2.1.5 โต๊ะหรื อแท่นบรรจุที่เหมาะสมสําหรับขนาดบรรจุที่ต่างกัน
2.1.6 ท่อส่งนํ้าเป็ นท่อพลาสติก PVC หรื อวัสดุอื่นที่มีคุณภาพทัดเทียมกัน
2.2 มีการออกแบบ อย่างน้อยต้องมีลกั ษณะดังนี้
2.2.1 ผิวหน้าของเครื่ องหรื ออุปกรณ์ที่สมั ผัสโดยตรงกับนํ้าบริ โภคทําจากวัสดุ
ที่ไม่ก่อให้เกิดสนิมและไม่เป็ นพิษ สามารถทําความสะอาด และฆ่าเชื้อได้ง่าย
2.2.2 ท่อนํ้าที่มีขอ้ ต่อ วาล์ว และน๊อต ออกแบบง่ายต่อการถอด เพื่อทําความ
สะอาด ฆ่าเชื้อ และการประกอบใหม่ ภายในท่อไม่มีมุมหรื อปลายตันซึ่งจะทํา
ให้สิ่งสกปรกสะสมและยากต่อการทําความสะอาด
2.2.3 ถังหรื อบ่อพักนํ้าในกระบวนการผลิตมีฝาปิ ดป้ องกันการปนเปื้ อน ซึ่งฝา
นั้นมีการออกแบบและอยูใ่ นสภาพที่ดี ไม่เป็ นที่สะสมของสิ่ งสกปรก
2.2.4 อุปกรณ์การปรับคุณภาพนํ้าและสารกรองมีการออกแบบและกําหนด
คุณสมบัติที่มีประสิ ทธิภาพ เพื่อวัตถุประสงค์ในการกรองแต่ละขั้นตอนการ
ผลิต และสัมพันธ์กบั กําลังการผลิต ซึ่งผูผ้ ลิตต้องแจ้งไว้ต่อผูอ้ นุญาต
2.3 มีการติดตั้งในตําแหน่งที่เหมาะสมเป็ นไปตามสายงานการผลิต ต้องง่ายต่อ
การปฏิบตั ิงานและทําความสะอาด
2.4 ต้องมีการตรวจสอบประสิ ทธิภาพการทํางานของอุปกรณ์การกรอง
สมํ่าเสมอ เพื่อให้มนั่ ใจว่ายังมีสภาพการทํางานที่ให้ผลดีอยู่
2.5 มีการล้าง ฆ่าเชื้อ และรักษาความสะอาด ซึ่งอย่างน้อยต้องปฏิบตั ิดงั นี้
2.5.1 ทําความสะอาดและฆ่าเชื้ออย่างเพียงพอก่อนและหลังการผลิต หรื อตาม
ระยะเวลาที่เหมาะสม
146
ปนเปื้ อนขึ้นอีก
6 สารทําความสะอาดและ สารที่ใช้ในการทําความสะอาดและฆ่าเชื้อ เครื่ องจักร อุปกรณ์การผลิต
สารฆ่าเชื้อ โดยเฉพาะภาชนะบรรจุ ต้องมีขอ้ มูลเกี่ยวกับวิธีการใช้ ความเข้มข้นอุณหภูมิที่
ใช้ ระยะเวลาที่สารนั้นสัมผัสกับพื้นผิวที่ตอ้ งการทําความสะอาดและฆ่าเชื้อ
และต้องมีการทดสอบว่าข้อมูลดังกล่าวมีประสิ ทธิภาพในการทําความสะอาด
และฆ่าเชื้อได้จริ ง
7 การบรรจุ การบรรจุน้ าํ บริ โภคที่เหมาะสมต้องปฏิบตั ิดงั นี้
7.1 บรรจุและปิ ดฝาหรื อปิ ดผนึกทันทีเมื่อนํ้าผ่านการปรับคุณภาพแล้ว หากไม่
สามารถทําได้จะต้องมีถงั เก็บที่สะอาด มีฝาปิ ด และมีอุปกรณ์ฆ่าเชื้อจุลินทรี ย ์
อีกครั้งก่อนบรรจุ
7.2 บรรจุในห้องบรรจุที่มีลกั ษณะตามข้อ 1.2.6.4
7.3 บรรจุดว้ ยเครื่ องบรรจุที่มีประสิ ทธิภาพและสะอาด
7.4 บรรจุจากหัวบรรจุโดยตรง ไม่มีการต่อสายยางในการบรรจุไม่วา่ ขนาด
บรรจุใดก็ตาม
7.5 ไม่ให้มือของผูป้ ฏิบตั ิงานสัมผัสกับปากขวดขณะทําการบรรจุและปิ ดฝา
หรื อปิ ดผนึก
7.6 ตรวจพินิจสภาพความเรี ยบร้อยของภาชนะบรรจุหลังการบรรจุและปิ ดฝา
หรื อปิ ดผนึกอีกครั้ง รวมทั้งตรวจสอบความสมบูรณ์ของฉลาก
8 การควบคุมคุณภาพ ผูผ้ ลิตต้องเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ส่งตรวจวิเคราะห์ท้ งั ทางด้านจุลินทรี ยเ์ คมี
มาตรฐาน และฟิ สิ กส์ เป็ นประจํา โดยเฉพาะทางด้านจุลินทรี ยต์ รวจสอบอย่างน้อยปี ละ 2
ครั้ง เพื่อตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมาตรฐานตามที่กฎหมายกําหนด
9 การสุขาภิบาล ผูผ้ ลิตต้องดําเนินการเกี่ยวกับสุขาภิบาลดังต่อไปนี้
9.1 ทําความสะอาดผนัง เพดาน พื้นอาคารผลิต สมํ่าเสมอ โดยเฉพาะห้องบรรจุ
มีการล้างพื้นและฆ่าเชื้อด้วยสารเคมีก่อนและหลังการปฏิบตั ิงานทุกครั้ง
9.2 มูลฝอยในสถานที่ผลิตมีภาชนะที่มีฝาปิ ด ในจํานวนที่เพียงพอและมีวธิ ี
กําจัดที่เหมาะสม
9.3 นํ้าที่ใช้ในอาคารผลิตสําหรับวัตถุประสงค์อื่น ๆ ต้องสะอาด มีการปรับ
คุณภาพนํ้าตามความจําเป็ นในการใช้และมีปริ มาณเพียงพอ
9.4 มีทางระบายนํ้าทิ้งที่ออกแบบให้สามารถระบายนํ้าได้อย่างสะดวก และมีฝา
หรื อตะแกรงปิ ดรางระบายนํ้านั้นเพื่อป้ องกันการปนเปื้ อนที่อาจเกิดขึ้น
9.5 ห้องส้วมและอ่างล้างมือหน้าห้องส้วมมีจาํ นวนเพียงพอสําหรับผูป้ ฏิบตั ิงาน
และถูกสุขลักษณะ มีอุปกรณ์ในการล้างมืออย่างครบถ้วน ถูกสุขลักษณะ และ
ใช้งานได้อย่างมีประสิ ทธิภาพ
9.6 อ่างล้างมือบริ เวณผลิตมีจาํ นวนเพียงพอโดยเฉพาะหน้าห้องบรรจุ และมี
148
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
ฉบับที่ 332 (พ.ศ. 2521)
ออกตามความในพระราชบัญญัตมิ าตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511
เรื่อง กาหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมนา้ บริโภค
-----------------------------------------------
เล่ม 1 ข้อกําหนดเกณฑ์คุณภาพ
อาศัยอํานาจตามความใน 15 แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงอตุ
สาหกรรมออกประกาศกําหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนํ้าบริ โภค เล่ม 1 ข้อกําหนดเกณฑ์คุณภาพ มาตรฐานเลขที่
มอก. 257 เล่ม 1-2521 ไว้ ดังมีรายละเอียดต่อท้ายประกาศนี้
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
ฉบับที่ 332 (พ.ศ. 2521)
ออกตามความในพระราชบัญญัตมิ าตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511
เรื่อง กาหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมนา้ บริโภค
เล่ม 1 ข้อกําหนดเกณฑ์คุณภาพ
--------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความใน 15 แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 รัฐ
มนตรี วา่ การกระทรวงอตุสาหกรรมออกประกาศกําหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนํ้าบริ โภค เล่ม 1
ข้อกําหนดเกณฑ์คุณภาพมาตรฐานเลขที่ มอก. 257 เล่ม 1-2521 ไว้ ดังมีรายละเอียดต่อท้ายประกาศนี้
สี (colour) 5 15 5 15
หน่วยปลาตินมั -โคบอลต์
รส (taste) ไม่เป็ นที่น่าเกียจ ไม่เป็ นที่น่าเกียจ
กลิ่น (odour) ไม่เป็ นที่รังเกียจ ไม่เป็ นที่รังเกียจ
ความขุ่น (turbidity) 5 20
หน่วยชิลิกา
ความเป็ นกรด-ด่าง 6.5 ถึง 8.5 ไม่เกิน 9.2 ไม่เกิน 9.2
(pH-range)
152
ตารางที่ 2 คุณลักษณะทางเคมี
(ข้อ 3)
1 2 3
รายการ เกณฑ์ที่กาํ หนดสูงสุด เกณฑ์ที่อนุโลมให้สูงสุด
มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เดซิเมตร มิลลิรัมต่อลูกบาศก์เดซิเมตร
การแบ่งระดับความกระด้างของนํ้าดังต่อไปนี้
0 ถึง 75 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เดซิเมตร เรี ยก นํ้าอ่อน
75 ถึง 150 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เดซิเมตร เรี ยก นํ้ากระด้างปานกลาง
150 ถึง 300 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เดซิเมตร เรี ยก นํ้ากระด้าง
300 มลิ ลกิ รัมต่อลูกบาศก์เดซิเมตรขึ้นไป เรี ยก นํ้ากระด้างมาก
***หากซัลเฟต มีปริ มาณถึง 250 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เดซิเมตร มักเนเซียมต้องมีปริ มาณไม่เกิน 30 มิลลิกรัมต่อ
ลูกบาศก์เดซิเมตร
ตารางที่ 4 คุณลักษณะทางจุลชีววิทยา
(ข้อ 3)
รายการ เกณฑ์ที่กาํ หนดสูงสุด
แสตนดาร์ดเพลตเคานต์ 500
โคโลนีต่อลูกบาศก์เซนติเมตร
เอ็มพีเอ็น น้อยกว่า 2.0
โตลิฟอร์มออร์เกนิสซัมต่อ100 ลูกบาศก์เซนติเมตร
อี. โคไล (E. coli) ไม่มี
ซัลเฟต
คลอไรด์
ฟลูออไรด์
ไนเตรต
ให้ทาํ การวิเคราะห์อย่างน้อย 1 ครั้ง ต่อ 2 เดือน
ก. 2.2 กลุ่มที่ 2 ได้แก่ ทองแดง
สังกะสี
อัลคิลเบนซิลซัลโพเนต
ฟี โนลิกซับสแตนซ์
ให้ทาํ การวิเคราะห์อย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี
ก. 3 สารเป็ นพิษ (ตารางที่ 3) ให้ทาํ การวิเคราะห์อย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี
ก. 4 คุณลักษณะทางจุลชีววิทยา (ตารางที่ 4) ให้เป็ นไปตามตารางที่ ก.1
157
ภาคผนวก ง
รายชื่อผู้ผลิตนา้ ดื่มในเขตอาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
158
Name of Place
No. Address/Telephone Products detail
/Operator
1 กรี นเวิลด์น้ าํ ดื่ม 3/831 ซ.การเคหะ ถ.กลางเมือง นํ้าดื่มกรี นเวิลด์
ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
Tel.043-340759
2 ไกด์วอเตอร์ 3/625 ถนนกลางเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง นํ้าดื่มไกด์วอเตอร์
จ.ขอนแก่น 40000
Tel.043-226524
3 ขอนแก่นเนรมิต 131/105 ถนนชาตะผดุง ต.ในเมือง นํ้าดื่มเนรมิต
อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
Tel. -
4 โครงการขยายฐานการ 269 หมู่ 19 ถ.มะลิวลั ย์ ต.ศิลา อ.เมือง นํ้าดื่มสี หราช
ผลิตนํ้าดื่มกรมทหาร จ.ขอนแก่น 40000
Tel.043-239807 ต่อ 4293
5 จันทร์เพ็ญวอเตอร์ 123/529 หมู่ 16 ซอยป่ าดู่ ต.ในเมือง อ.เมือง นํ้าดื่มจันทร์เพ็ญวอ
จ.ขอนแก่น 40000 เตอร์
Tel.043-202338
6 ซีสตาร์วอเตอร์ 33/889 ถนนกลางเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง นํ้าดื่มซีสตาร์
จ.ขอนแก่น 40000
Tel.043-340817
7 ทีเคนํ้าดื่ม 3/914 หมู่ 14 ถ.กลางเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง นํ้าดื่มทีเคนํ้าดื่ม
จ.ขอนแก่น 40000
Tel.043340898
8 นํ้าดื่มแก่นทิพย์ 41/5 หมู่ 14 ซ.นําโชค ถ.มิตรภาพ ต.ในเมือง นํ้าดื่มแก่นทิพย์
อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
Tel.043-348624
9 นํ้าดื่มควีน 1/9 ซอย 15 ถ.กสิ กรทุ่งสร้าง ม.13 นํ้าดื่มควีน
ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
Tel. -
10 นํ้าดื่มจันทร์นวล 241 หมู่ 2 ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น นํ้าดื่มจันทร์นวล
40000
Tel.043-382106
159
Tel. -
34 ร้านวอเตอร์ 227/51 หมู่ 13 ถ.หลังศูนย์ราชการ ต.ในเมือง นํ้าดื่มวอเตอร์
อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
Tel.043-241302
35 ร้านวินเท็ควอเตอร์ 101/65 หมู่ 2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น นํ้าดื่มวินเท็ควอเตอร์
40000
Tel.043-221345
36 ร้านเสริ มสุขภาพ 66 หมู่ 9 บ้านกดนางทุย ถ.มะลิวลั ย์ นํ้าดื่มโพรี ลิส
ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
Tel. -
37 เรื อนนอก 356 หมู่ 4 ซ.แสนไชยสุริยา ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง นํ้าดื่มเรื อนนอก
จ.ขอนแก่น 40000
Tel -
38 โรงงานนํ้าดื่มโคโรลิส 222/31 หมู่ 13 ถ.กสิ กรทุ่งสร้าง ต.ในเมือง นํ้าดื่มโคโรลิส
อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
Tel.043-236400
39 วีพี 142 หมู่ 11 ซ.ฉัตรทอง ต.เมืองเก่า อ.เมือง นํ้าดื่มวีพี
จ.ขอนแก่น 40000
Tel.043-340746
40 ศรี ชยั อุตสาหกรรมอาหาร 95 ถ.ชวนชื่น ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น นํ้าดื่มสูตรทิพย์
40000
Tel.043-221325,221341
41 สกาย 243/129 หมู่ 14 ถ.มิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมือง นํ้าดื่มสกาย
จ.ขอนแก่น 40000
Tel.043-246462
42 สุดารัตน์อุตสาหกรรม 528/117 หมู่ 6 ถ.มะลิวลั ย์ ต.บ้านเป็ ด อ.เมือง นํ้าดื่มชัวร์
จ.ขอนแก่น 40000
Tel.043-344395
43 แสงสวัสดิ์พานิชย์ 257/14 หมู่ 4 ซ.ศิริมงคล ถ.ศรี จนั ทร์ นํ้าดื่มออร์คิด
ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
Tel.043-223506
44 หจก.ขอนแก่นลี่เซ็น 337/8-9 บ้านไทย หมู่ 2 ต.ศิลา อ.เมือง นํ้าดื่มเจเจ
จ.ขอนแก่น 40000
Tel.043-347931
162
ภาคผนวก จ
บทสั มภาษณ์ ผู้ประกอบการ
164
นักศึกษา สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ
ผูป้ ระกอบการ สวัสดีค่ะ
นักศึกษา ขอสอบถามข้อมูลของทางโรงงานเกี่ยวกับการดําเนินงานด้านต่างๆรวมถึงการปฏิบตั ิงานของ
พนักงานด้วยค่ะ
ผูป้ ระกอบการ โรงงาน ของเราเป็ นโรงงานผลิตนํ้าดื่ม เป็ นกิจการแบบครอบครัว มีพนักงานทั้งหมด 21 คน
นักศึกษา โรงงานดําเนินกิจการมาแล้วกี่ปีคะ
ผูป้ ระกอบการ เริ่ มตั้งแต่ปี พ .ศ.2530
นักศึกษา ผลิตภัณฑ์น้ าํ ดื่มของทางโรงงาน มีกี่ประเภท แต่ละประเภทราคาเท่าไรคะ
ผูป้ ระกอบการ เรามีผลิตภัณฑ์อยู่ 2 ประเภท คือ นํ้าดื่มแบบขวดขาวขุ่น ขาย โหลละ 35 บาท และแบบถังขาย
ถังละ 10 บาท
นักศึกษา มีช่องทางการจัดจําหน่าย อย่างไรบ้างคะ
ผูป้ ระกอบการ เรา ขายให้กบั ร้านค้า ร้านอาหาร และขายให้กบั ลูกค้าโดยตรง เช่น บ้านพักอาศัย หอพัก
ธนาคาร ส่วนราชการ ซึ่งจะ มีพนักงานขายไปกับรถขนส่งนํ้าดื่ม เพื่อ จัดส่งให้ลูกค้าในเขต
อําเภอเมืองขอนแก่น
นักศึกษา จากการสังเกตการณ์พบว่าพนักงานไม่มีการสวมหมวกและผ้าปิ ดปาก พนักงานสูบบุหรี่ และ
ไม่ค่อยกระตือรื อร้นเท่าที่ควร ทางผูบ้ ริ หารไม่มีการว่ากล่าวตักเตือนหรื อว่ามีบทลงโทษหาก
พนักงานไม่ปฏิบตั ิตามกฎระเบียบของทางโรงงาน บ้างหรื อคะ
ผูป้ ระกอบการ ทางโรงงานของเราไม่มีกฎระเบียบอย่างเป็ นทางการ มีแต่วา่ กล่าวตักเตือนกันนิดหน่อย
นักศึกษา แล้วปั ญหาที่เกี่ยวกับพนักงานด้านอื่นๆ มีบา้ งรึ เปล่าคะ
ผูป้ ระกอบการ ก็มีบา้ ง เช่น มาทํางานสาย บางครั้งก็ขาดงานโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า หรื อการ
ทํางานในส่วนที่ไม่ใช่หน้าที่ตวั เอง
นักศึกษา แล้วทางโรงงานไม่ได้มีการกําหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของพนักงานแต่ละตําแหน่งไว้
เลยหรื อคะ
ผูป้ ระกอบการ ไม่มีเลย ส่วนมากจะเป็ นการอธิบายงานมากกว่า
นักศึกษา ถ้าทางโรงงานไม่มีการกําหนดความรับผิดชอบไว้อย่างชัดเจน พนักงานก็อาจมีการก้าวก่าย
งานกันบ้างหรื อเปล่าคะ
ผูป้ ระกอบการ ใช่ค่ะ
นักศึกษา นอกจากเรื่ องพนักงานแล้วเรายังสังเกตเห็นว่าภายในโรงงานและบริ เวณรอบโรงงาน ยังมี
นํ้าขัง นํ้านองบริ เวณพื้น และภายในห้องทํางานยังไม่ค่อยเป็ นระเบียบเท่าไรนัก ผูบ้ ริ หาร
ไม่ได้มีการจัดตารางการทําความสะอาดให้แก่พนักงานเลยหรื อคะ
ผูป้ ระกอบการ ไม่ค่ะ ก็แล้วแต่วา่ ใครว่างก็ช่วยกันทํา
นักศึกษา ทางโรงงานเคยทําการตลาดเกี่ยวกับการส่งเสริ มการ ขายมาก่อน รึ เปล่าคะ
165
ผูป้ ระกอบการ เคยลงโฆษณาทางวิทยุแต่วา่ นานแล้ว ทําได้ประมาณ 3 เดือน เสี ยค่าโฆษณาเดือนละ 500 บาท
นักศึกษา การให้เงินเดือนพนักงาน ผูบ้ ริ หารมีเกณฑ์การให้อย่างไรคะ
ผูป้ ระกอบการ ก็ไม่ได้มีเกณฑ์อะไรมากมาย เราให้เงินเดือนพนักงานทุกฝ่ ายวันละ 154 บาท ยกเว้ยฝ่ ายบัญชี/
การเงิน ได้วนั ละ 200 บาท
นักศึกษา ทางผูบ้ ริ หารเองคิดว่าตอนนี้ทางโรงงานประสบปั ญหาอะไรบ้างคะ
ผูป้ ระกอบการ คงจะเป็ นเรื่ องเงินทุน เพราะว่ามีแนวคิดว่าจะขยายโรงงานใหม่ และก็ตอนนี้ยอดขายลดลง
เพราะว่าเป็ นช่วงหน้าหนาว
นักศึกษา ทางเราคิดว่าควรจะมีการกําหนดแนวทางการส่งเสริ มการขายให้มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อเป็ นการ
กระตุน้ ยอดขาย รวมไปการจัดการด้านพนักงานเพื่อให้พนักงานทํางานได้อย่างเต็มที่และเต็ม
ความสามารถ
ผูป้ ระกอบการ น้องนักศึกษาคิดว่าเหมาะสมอย่างไรคะ
นักศึกษา ต้องถามก่อนเลยว่าทางโรงงานมีกาํ ไรจากการขายนํ้าดื่ม แต่ละประเภทอย่างไรบ้างคะ
ผูป้ ระกอบการ ถ้าเป็ นแบบถังจะได้กาํ ไรถัง ละ 5 บาท แบบขวดขาวขุ่นจะได้กาํ ไรโหลละ 14 บาท
นักศึกษา ทางผูบ้ ริ หารเห็นว่าเหมาะสมมากน้อยแค่ไหนคะ หากจะมีการกําหนดให้มี เงินพิเศษ 2%แก่
พนักงาน ซึ่งทางเราคิดว่าจะช่วยเพิ่มกําลังใจในการทํางานให้แก่พนักงานได้มากทีเดียว
ผูป้ ระกอบการ พี่ยนิ ดีค่ะ ถ้ามีปัญหาหรื ออยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม ทางเราก็ยนิ ดีตอ้ นรับเสมอค่ะ
นักศึกษา ขอบคุณมากเลยนะคะ
166
ภาคผนวก ฉ
ภาพกิจกรรม 5ส
167
ภาพกิจกรรม 5ส
จัดระเบียบโต๊ะทํางานให้เป็ นสัดส่วน
ก่อน หลัง
ทําความสะอาดโดยกวาดนํ้าที่นองบริ เวณพื้นโรงงาน
ก่อน หลัง
169
ทําความสะอาดและเก็บกวาดขยะตามบริ เวณพื้นโรงงานหลังเลิกงาน
ก่อน หลัง
ผลการประเมิน
กิจกรรม 5ส รายละเอียด
ดี พอใช้ ปรับปรุง
1. ไม่มีเศษวัสดุ สิ่ งของ เครื่ องมือ ที่เกินความจําเป็ นอยู่ ใน
พื้นที่
สะสาง 2. ของใช้ส่วนตัวไม่มีปะปนกับงาน
3. ไม่มีสิ่งของกีดขวางการทํางานหรื อทางเดิน
4. มีการแยกเอกสารที่ไม่จาํ เป็ น
1. การจัดเก็บเอกสารเป็ นหมวดหมู่
2. ชั้นวางเอกสารมีการจัดวางอย่างเป็ นระเบียบ
สะดวก
3. การจัดวางวัสดุ อุปกรณ์สะดวกต่อการใช้งาน
4. การหยิบใช้งานเอกสารต่างๆ สามารถทําได้สะดวก
1. ไม่มีคราบสกปรก ฝุ่ น คราบนํ้ามันตามอุปกรณ์
และเครื่ องมือ
สะอาด
2. วัสดุ อุปกรณ์ เครื่ องมือต่างๆ อยูใ่ นสภาพพร้อมใช้งาน
3. กระจกใสไม่เป็ นคราบ
4. ความสะอาดของพื้นโรงงาน
1. ฝ้ า เพดาน ผนัง พื้น ชั้นวางเอกสาร โต๊ะ อุปกรณ์
ไม่มีการชํารุ ด
2. บริ เวณรอบโรงงานสะอาด เรี ยบร้อย
สุขลักษณะ 3. พื้นที่ภายในโรงงานมีความปลอดภัยมากขึ้น
4. มีการเก็บสายไฟ สายโทรศัพท์ สายคอมพิวเตอร์
เรี ยบร้อยและปลอดภัย
5. อากาศถ่ายเทได้ดี
6. จุดวางถังขยะเหมาะสม
1. มีการกําหนดพื้นที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน
สร้างนิสยั 2. การจัดกิจกรรม5ส เป็ นไปตามมาตรฐานที่กาํ หนด
3. พนักงานให้ความร่ วมมือในการปฏิบตั ิกิจกรรม 5 ส
ลงชื่อ________________________ผูป้ ระเมิน
(________________________)
____/____/____
171