You are on page 1of 5

สมาธิส้ัน และแนวทางการรักษาทางกิจกรรมบาบัด

Occupational Therapy for Children with ADHD

โรคสมาธิส้ นั (ADHD) คือโรคหนึ่งที่มกั ได้รับการวินิจฉัยบ่อยที่สุดในเด็ก เนื่องจากทาให้เด็กมีความ


ยากลาบากในการคงสมาธิ จดจ่อ การควบคุมตนเอง และการจัดการงานต่าง ๆ1 ปั จจุบนั มีอตั ราความชุกเฉลี่ย
จากการศึกษาในประเทศต่างๆ (worldwide-pooled prevalence) เท่ากับ 5.29 ในประเทศไทยได้มีการศึกษา
ในเด็กชั้นประถมศึกษาในเขตกรุ งเทพมหานคร พบว่ามีความชุกของโรคสมาธิส้ นั ร้อยละ 5.01 ดังนั้นหาก
คานวณว่าเด็กแต่ละชั้นเรี ยนมีนกั เรี ยน 40-50 คน จะพบเด็กสมาธิส้ นั รวมอยูด่ ว้ ย 2 คน โดยโรคนี้พบในเพศ
ชายมากกว่าเพศหญิงในอัตราส่วนประมาณ 3:12
ลักษณะอาการความผิดปกติแบ่งได้เป็ น 3 ด้าน ได้แก่ 1) ขาดสมาธิที่ต่อเนื่อง (inattention) 2) ซน
มากกว่าปกติหรื ออยูไ่ ม่นิ่ง (hyperactivity) และ 3) ขาดการยั้งคิดและหุนหันพลันแล่น (impulsivity) 2
การวินิจฉัยโรคสมาธิส้ นั เป็ นการวินิจฉัยทางคลินิก โดยอาศัยเพียงข้อมูลจากซักประวัติและการประเมิน
อาการของผูป้ ่ วยตามเกณฑ์คู่มือการวินิจฉัยของ Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders
fourth Edition-Text Revised (DSM-IV-TR)2 โดยผูป้ ่ วยต้องมีอาการขาดสมาธิ และ/หรื อ อาการอยูไ่ ม่นิ่ง
หุนหันพลันแล่น ที่เป็ นมากกว่าพฤติกรรมตามปกติของเด็กในระดับพัฒนาการเดียวกัน เกิดขึ้นอย่างน้อย 2
สถานการณ์ข้ นึ ไป จนทาให้เกิดปั ญหาในด้านสังคม การเรี ยน หรื อการทากิจกรรมตามบริ บทของผูป้ ่ วย
(occupational performance) โดยอาการดังกล่าวเริ่ มปรากฏตั้งแต่ก่อนอายุ 7 ปี และไม่ได้เป็ นจากโรคทางจิต
เวชอื่น ๆ 2
ตามเกณฑ์การวินิจฉัยของ DSM-IV-TR กาหนดให้แบ่งโรงสมาธิส้ นั เป็ น 3 ชนิดตามอาการเด่นของ
ผูป้ ่ วย ดังนี้2
1. กลุ่มอาการขาดสมาธิ (Inattentive subtype)
2. กลุ่มอาการอยูไ่ ม่นิ่ง/หุนหันพลันแล่น (Hyperactive-impulsive subtype)
3. กลุ่มที่พบอาการร่ วมกันทั้ง 2 แบบ (Combined subtype)

 การบาบัดรักษา: Treatment
การรักษาโรคสมาธิส้ นั โดยทัว่ ไปแล้วใช้วธิ ีการทางยา และพฤติกรรมบาบัด ทั้งนี้ยงั มีการบาบัดรักษา
ด้วยวิธีการอื่นๆ ที่เริ่ มมีงานวิจยั สนับสนุนถึงประสิทธิภาพการบาบัดรักษา ไม่วา่ จะเป็ น วิตามินบาบัด
สมุนไพรบาบัด โภชนาการบาบัด วิธี ไบโอฟี ดแบค (Biofeedback) และวิธีการทางกิจกรรมบาบัด3
 การบาบัดรักษาภาวะสมาธิส้ั นด้ วยวิธีการทางกิจกรรมบาบัด
นักกิจกรรมบาบัดมีกรอบอ้างอิง เทคนิค และวิธีการที่ใช้เป็ นเครื่ องมือช่วยเหลือเด็กที่มีภาวะสมาธิส้ นั
ให้สามารถควบคุมตนเองทากิจกรรมต่างๆ ตามวัยได้ โดยกรอบอ้างอิงหลักที่ใช้ได้แก่ กรอบอ้างอิงการบูร
ณาการประสาทความรู ้สึก (Sensory Integration) ซึ่งประกอบไปด้วย Sensory Intervention program, Self-
Regulation program, Sensory Diet program9 และอีกหลักการหนึ่งที่นิยมใช้คือการฝึ กทักษะการทางานของ
สมองด้านการจัดการ (Executive Function) 4

การบูรณาการประสาทความรู้ สึก (Sensory Integration) หรื อ SI คือ กระบวนการทางานของระบบ


ประสาทส่วนกลาง (Central Nervous system) ในการจัดการกับข้อมูลความรู ้สึกที่ได้รับจากภายในร่ างกาย
และสิ่งแวดล้อม เพือ่ ตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ รอบตัว และเป็ นทักษะขั้นพื้นฐาน ( Foundation skill) ที่
จาเป็ นต่อการเรี ยนรู ้ โดยกระบวนการนี้เริ่ มตั้งแต่ข้นั การลงทะเบียนรับความรู ้สึก (Sensory registration) การ
ปรับระดับความรู ้สึก (Sensory modulation) การบูรณาการความรู ้สึก (Sensory integration) การแยกแยะ
ความรู ้สึก (Sensory discrimination) และปรับตัวตอบสนองต่อสิ่งเร้าโดยกระบวนการนี้ได้ให้ความสาคัญ
ต่อการทาหน้าที่ของสมองตั้งแต่ Brainstem, Cerebellum, Limbic system และ Cerebral cortex8 ซึ่งทาหน้าที่
ประสานงานเกี่ยวกับ การควบคุมสหสัมพันธ์การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ (coordination) สมาธิอารมณ์
ความจาการควบคุมระดับความตื่นตัว (arousal levels) การควบคุมการตอบสนองแบบอัตโนมัติ
(autonomic function) และเป็ นส่วนที่ทางานร่ วมกับการเรี ยนรู ้ระดับสูง (higher level cognitive functions)

1. Sensory Intervention program: คือโปรแกรมฝึ กแบบรายบุคคลโดยนักกิจกรรมบาบัด มี


8
วัตถุประสงค์เพือ่ เพิม่ หรื อปรับปรุ งประสิทธิภาพของระบบประสาทในการรับข้อมูลความรู ้สึก
และสามารถนาข้อมูลความรู ้สึกไปใช้ประโยชน์ได้

2. Sensory Diet program: คือโปรแกรมกระตุน้ ระบบประสาทความรู ้สึกด้วยอุปกรณ์ วิธีการ


กิจกรรม หรื อการปรับสภาพแวดล้อม เพือ่ ให้เด็กสามารถควบคุมระดับความตื่นตัวที่เหมาะสมใน
การทางานได้ (Optimal Functioning)12 โดยเทคนิคส่วนใหญ่ที่ใช้กนั ได้แก่
- เทคนิคการนวดกระตุน้ ประสาทสัมผัส The Wilbarger Deep Pressure and Proprioceptive
Technique (DPPT) เป็ นเทคนิคที่พฒั นามาจากนักกิจกรรมบาบัดที่ชื่อ Patricia Wilbarger
ภายใต้หลักการ Sensory Integration เพือ่ ลดภาวะตอบสนองที่มากเกินไปของระบบประสาท
(Tactile defensive) และเพิม่ ความสามารถในการควบคุมตนเอง (Self Regulation) โดยการ
กระตุน้ ระบบรับความรู ้สึกเชิงลึก (deep pressure) ผ่านแปรงพิเศษ (surgical brush) และตาม
ด้วยการกระชับข้อต่อ (Joint compression) ทุกๆ 2 ชัว่ โมง10
- เทคนิคการกระตุน้ ระบบรับความรู ้สึกจากเอ็น ข้อต่อ กล้ามเนื้อ (Proprioception) ด้วยเสื้อกัก
น้ าหนัก (weighted vest) ผ้าห่มน้ าหนัก (weighted blankets) หรื อแผ่นน้ าหนัก (weighted lap
pad) จะช่วยลดการตอบสนองที่มากเกินไปของระบบประสาทความรู ้สึก และทาให้เด็กสงบ6
- เทคนิคกระตุน้ ความรู ้สึกบริ เวณฝ่ ามือด้วยของเล่น Fidget Toy (Tool) ไม่วา่ จะเป็ น Fidget
Spinner, Fidget Cube, Squishy Ball, Koosh ball, Slime, Putty, Marble Fidget toys, Spiky
Sensory Ring Fidget หรื อ สายยางรัดข้อมือ จะช่วยให้เด็กที่มีพฤติกรรมแสวงหาข้อมูล
ความรู ้สึก (Sensory Seeking) หรื อเด็กที่มีภาวะวิตกกังวลสามารถคงสมาธินงั่ จดจ่อกับงานได้
- เทคนิคการกระตุน้ ระบบรับความรู ้สึกจากเอ็น ข้อต่อ กล้ามเนื้อ (Proprioception) ด้วยกิจกรรม
การออกแรง Heavy work activities6 จะช่วยคงระดับความตื่นตัวที่เหมาะสมในการทากิจกรรม
ได้ เช่น การใช้เด็กช่วยจัดเก้าอี้ ยกของ ลบกระดาน สะพายกระเป๋ าที่มีน้ าหนัก ผลักกาแพงหรื อ
เก้าอี้ (wall/chair push up) กระโดดตบ กระโดดเชือก หรื อกระโดดแทรมโพลีน เป็ นต้น
- เทคนิคการกระตุน้ ประสาทสัมผัสเพือ่ ลดความตื่นตัว (Calm Down Activities) 5
 ประสาทการรับรส
- ดื่มน้ าด้วยหลอด
- ดื่มของเหลวที่มีความหนืด
- หายใจลึกไห้ทอ้ งป่ อง
 ประสาท Vestibular/Proprioceptive system
- เล่นกีฬา หรื อเต้น
- วิง่ ขึ้นลงบันได
- ปั่ นจักรยาน
 ประสาทสั มผัสผิวกาย
- เล่นสัมผัสสัตว์เลี้ยง
- ล้างหน้าด้วยน้ าอุ่น หรื อน้ าเย็น
- อาบน้ าอุ่น หรื ออาบน้ าเย็น
 ประสาทการมองเห็น
- ใช้หลอดไฟที่มีแสงสลัว ไม่สว่างจ้าง
- ตกแต่งห้องด้วยสีเอิร์ธโทนธรรมชาติ
- ใส่เสื้อผ้าด้วยสีเอิร์ธโทน
 ประสาทการได้ ยิน
- ฟังเพลงคลาสสิค Mozart
- ใส่ที่ปิดหู Ear Muff หรื อ Ear Plugs
3. The Alert Program for Self-Regulation คือโปรแกรมการสอนให้ครู ผูป้ กครอง และเด็กเรี ยนรู ้
เข้าใจเกี่ยวกับระดับความตื่นตัวต่างๆ (arousal states) ที่สมั พันธ์กบั สมาธิ พฤติกรรม การเรี ยนรู ้
และวิธีการที่จะปรับเปลี่ยน และคงระดับความตื่นตัวที่เหมาะสมในการทากิจกรรม ซึ่งประกอบด้วย
3 ลาดับ และ 12 ขั้นตอน12
- Stage One: บ่งชี้ระดับความตื่นตัว (Engine Speeds)
- Stage Two: ทดลองวิธีการต่างๆ ในการปรับระดับความตื่นตัว
- Stage Three: เรี ยนรู ้การควบคุมระดับความตื่นตัวที่เหมาะสม (Regulating Engine Speeds)

4. Executive Function Skill4 คือ การฝึ กทักษะการทางานของสมองด้านการจัดการ ซึ่งเด็กสมาธิส้ นั


(ADHD) มักมีปัญหาในทักษะการทางานของสมองด้านการจัดการ (EFs) เช่น ในส่วนของการ
จัดการข้อมูล (organization) การวางแผนเริ่ มต้นการทางาน (initiation) และการเปลี่ยนความสนใจ
จากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง (transition between task) ทักษะการแก้ไขปั ญหา (problem solving)
และทักษะการจัดการเวลา (time management) ซึ่งนักกิจกรรมบาบัดจะค้นหาจุดที่เด็กมีความ
บกพร่ องและใช้กิจกรรมเพือ่ นพัฒนาทักษะเหล่านั้น

5. ปรับสภาพแวดล้ อม เพือ่ ลดสิ่งเร้าและช่วยให้เด็กง่ายต่อการจัดการงาน ตัวอย่างเช่น


- จัดมุมทาการบ้านในที่สงบปราศจากสิ่งรบกวนทางเสียง การมองเห็น หรื อการสัมผัส
- กาหนดกิจวัตรประจาวันให้เป็ นระเบียบแบบแผนชัดเจน
- จัดสิ่งแวดล้อมที่บา้ นให้เป็ นระเบียบ
- ตั้งกฎภายในบ้านอย่างชัดเจน อาจใช้เป็ นรู ปภาพ เพือ่ ให้ง่ายต่อการตระหนักตนเอง
- ตกแต่งบ้านด้วยสีเอิร์ทโทนธรรมชาติ
- พูดคุยกับเด็กด้วยเสียงต่า ช้า ชัดเจน
- งดดูสื่ออิเล็กทรอนิกส์เกินครั้งละ 30 นาที
- ให้เด็กได้รับผิดชอบงานในบ้านเช่น เก็บของ กวาดบ้าน หรื อล้างจาน เป็ นต้น
- จัดตารางประจาสัปดาห์ให้มีการออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ
***หากผูป้ กครองท่านใดกังวลเกี่ยวกับปั ญหาสมาธิของลูกควรปรึ กษานักกิจกรรมบาบัดที่มีความรู ้ดา้ น
Sensory Integration, Self-Regulation Program และ Executive function

บทความเรี ยบเรี ยงโดย


ครู ตน้ (วสันต์ ปฏิเสน)
นักกิจกรรมบาบัด ศูนย์ Mind Brain & Body
9 กันยายน 2560
Reference:
1. Susan Ward. (2015). ADHD & Sensory Integration Disorder. สืบค้น ธันวาคม 2558,
www.livestrong.com.
2. วิฐารณ บุญสิทธิ. (2555). โรคสมาธิส้ นั : การวินิจฉัยและรักษา. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่ง
ประเทศไทย, 57(4), 373-386.
3. Pediatrics. (2001). Clinical Practice Guideline: Treatment of the School-Aged Child With
Attention-Deficit/Hyperactivity Disorder, Volume 108/Issue 4. สืบค้น กันยายน 2560,
pediatrics.aappublications.org.
4. Shannon Phelan. (2013). How Does Occupational Therapy Help with ADHD. สืบค้น กันยายน
2560, nspt4kids.com
5. Lynn J. Horowitz and Cecile Rost. (2004). Helping Hyperactive Kids-A Sensory Integration
Approach.
6. Nancy Konigsberg. (2011). Sensory Integration Techniques for ADHD. สืบค้น มกราคม 2559,
adhdmomma.com.
7. Temple University Health Sciences Center. (2005). Study Finds ADHD Improves With Sensory
Intervention. สืบค้น ตุลาคม 2559, www.sciencedaily.com
8. สร้อยสุดา วิทยาการ. (2550) . ออทิสติก: ปั ญหาที่พบในแต่ละช่วงวัย วิธีการคัดกรอง การประเมิน
และการบาบัดรักษาทางกิจกรรมบาบัด: ภาควิชากิจกรรมบาบัด คณะเทคนิคการแพทย์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
9. Sidney Chu, Frances Reynolds. (2007). Occupational Therapy for Children with Attention Deficit
Hyperactivity Disorder (ADHD). British Journal of Occupational Therapy, Vol 70, Issue 10.
10. The SPD Companion, Issue # 021--The Wilbarger Protocol For Sensory Defensiveness. (2007).
สืบค้น สิงหาคม 2557. sensory-processing-disorder.com.
11. Bundy, Lane & Murray. (2002). Sensory Integration: Theory and Practice second edition.
12. Mary Sue Williams, Sherry Shellenberger. (2008). How Does Your Engine Run: The Alert
Program for Self-Regulation.

You might also like