Professional Documents
Culture Documents
จิตวิทยาการเรียนรู ้
่ ยวข้
จิตวิทยาทีเกี ่ องก ับการศึกษา
1. จิตวิทยาบุคลิกภาพ ( Psychology of
Personality)
2. จิตวิทยาการเรียนรู ้ (Psychology of
Learning)
่
3. จิตวิทยาเกียวกั
บความคิดหรือความรู ้
ความเข้าใจ
(Psychology of Thinking or
Cognition)
4. จิตวิทยาพัฒนาการ (Developmental
Psychology)
จิตวิทยาพัฒนาการ
การศึกษาถึงพัฒนาการ
ในวัยต่างๆมีบทบาท
สาคัญต่อการจัดการ
เรียนการสอนในขันของ ้
้
พัฒนาการนัน เพือให้่
่ ของ
เด็กเป็ นสมาชิกทีดี
่ ของสังคม
การเป็ นสมาชิกทีดี
(Socialization)
มีผลต่อพัฒนาการอย่างยิง่
เพราะพฤติกรรมของคนจะ
สามารถปร ับให้ดข ึ้
ี นหรือเลวลง
ในช่วงใดก็ได้ ถ้าสภาพการณ์
ในชีวติ ของคนผู น ้ั
้ นเปลี
ยน่
Socialization มีอท
ิ ธิพลต่อพัฒนาการ
่
Anderson มองเกียวกับ
พัฒนาการว่า
พัฒนาการคือ ความสามารถทีคน ่
่
จะพึงตนเองและควบคุ มตนเองได้
่
Havighurst มองเกียวกับ
พัฒนาการว่า
กระบวนการพัฒนาการในแต่ละวัย
จะประกอบไปด้วยการ
่
การทาความเข้าใจเรืองพั ฒนาการ
ในการทาความเข้าใจเกียวกั ่ บ
พัฒนาการของมนุ ษย ์ เป็ นความ
่
จาเป็ นทีจะต้ องทาความเข้าใจทัง้
ทางด้านร่างกาย ชีววิทยา
สติปัญญา สังคม อารมณ์ และ
รู ปแบบต่างๆของพฤติกรรม
่
พฤติกรรมแต่ละอย่างจะเปลียนแปลง
่ กพัฒนาขึน
เมือเด็ ้
่ ้
สรุปพัฒนาการทางร่างกาย
้
นับตังแต่
แรกเกิดถึงวัยชรา ร่างกาย
จะพัฒนาอย่างเป็ นระบบและต่อเนื่ อง
ผมจะยาวขึนทุ้ กๆนาที และสีของผมจะ
แสดงความชราคือผมหงอก เว้นแต่
่
บางรายทีผมหงอกก่ อนวัย ฟั นจะขึน ้
และหลุดไปตามวัย ตาจะดีในระยะแรกๆ
่ งวัยชราจะเห็นไม่ช ัด ส่วนใหญ่จะ
เมือถึ
เป็ นสายตายาว จึงต้องสวมแว่นตา หู
ในระยะวัยเด็กประสาทหู จะไว แต่ถงึ วัย
ชราหู จะตึง และอวัยวะส่วนอืนๆ่ ก็เป็ น
สรุปพัฒนาการทาง
สติปัญญา
้
แรกเกิด ในวัยทารกสมองจะเจริญขึน
่
เรือยๆ ่
สัมผัสและร ับรู ้ในสิงแวดล้อม
ต่างๆ
วัยเด็ก เกิดอ ัตมโนทัศน์วา ่ ตนเองสาคัญ
สนใจแต่ตนเอง ช่วงความสนใจสัน ้ ไม่
ร ับรู ้เหตุผล อยากรู ้อยากเห็น
วัยเด็กตอนปลาย รู ้จักใช้เหตุผล รู ้คิด
สร ้างความคิดรวบยอดได้
วัยรุน ่ ่ างๆทีเป็
สามารถเรียนรู ้สิงต่ ่ น
สรุปพัฒนาการทาง
สังคม
ระยะแรกเกิด จะยึดตนเองเป็ นศู นย ์กลาง
คือรู ้จักตนเองและกระทา
่
เพือตนเอง
วัยรุน ่
่ จะยึดเพือนเป็ นศู นย ์กลาง มี
ความรู ้สึกทีต้ ่ องพึงพาอาศ
่ ่
ัยเพือน
่
รู ้จักคบเพือนต่ างเพศ รู ้จักเลือกคู ค ่ รอง
่
เพือเตรี ยมใช้ชวี ต ิ คู ่
่
วัยผู ใ้ หญ่ เริมใช้ ชวี ต
ิ คู แ
่ ละสร ้าง
ครอบคร ัวมีบุตรไว้สบ ื สกุล
สรุปพัฒนาการทาง
อารมณ์
ระยะแรกเกิดถึงวัยเด็ก เด็กจะมี
ื่
อารมณ์ตนเต้ น พอใจ-ไม่พอใจ
กลัว โกรธ เกลียด ยินดี
ร ัก อิจฉาและร่าเริง
วัยรุน
่ จะพัฒนาอารมณ์ร ัก เป็ นร ัก
เพศตรงข้าม อารมณ์วต ิ กกังวล
่ั
อารมณ์รว่ ม อารมณ์ชวแล่ น อารมณ์
สุนทรียภาพ อารมณ์ทเกิ ี่ ดจากการ
สัมผัสโดยตรง (อยากรู ้อยากเห็น
ขยะแขยง) และอารมณ์ทเกิ ี่ ดจากการ
ประโยชน์ของการศึกษา
จิตวิทยาพัฒนาการ
มนุ ษย ์ในแต่ละว ัยจะมีความ
้ างกาย สติปัญญา
แตกต่างก ัน ทังร่
อารมณ์ และสังคม
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ควรจัดให้สอดคล้องกับพัฒนาการ
ของผู เ้ รียนในแต่ละว ัย
้
ครู สามารถกาหนดเนื อหาและ
่
กิจกรรมต่างๆทีเหมาะสมก ับ
่
การทาความเข้าใจเรืองพัฒนาการ
ก ับการจัดการศึกษา
เพราะเหตุใด แนวความคิดใน
การจัดการศึกษา
นักการศึกษาบางกลุ่มจึงเน้น
บทบาทของครู เป็ น
สาคัญ
หรือบางกลุ่มเน้นบทบาทของ
่
การทาความเข้าใจเรือง
พัฒนาการ
พัฒนาการเป็ นผล
เนื่ องมาจาก
Maturation วุฒภ
ิ าวะ
Learning การเรียนรู ้
การเรียนรู ้
องค ์ประกอบ ของ
พัฒนาการ
1. วุฒภ
ิ าวะ ( maturation)
่
หมายถึง การเปลียนแปลงซึ ง่
เนื่องมาจากความเจริญงอก
งามทางด้านร่างกาย ซึงจะ ่
่ ได้
รวมถึงสิงที ่ ร ับถ่ายทอดทาง
พันธุกรรมด้วย โดยมี
่
สิงแวดล้อมเป็ นตัวเสริม
องค ์ประกอบ ของ
พัฒนาการ
2. การเรียนรู ้ (Learning)
่
คือ การเปลียนแปลง
พฤติกรรมทีค่ ่ อนข้างถาวร อ ัน
เป็ นผลมาจากการฝึ กหัด และ
การได้ร ับประสบการณ์ตา ่ งๆ
คาว่า maturation
เป็ นกระบวนการ
่
เปลียนแปลงซึ ่
งจะนาไปสู ่
maturity เป็ นการ
่
เปลียนแปลงทางด้ าน
ร่างกาย ทางกรรมพันธุ ์
เป็ นไปโดยธรรมชาติ ไม่
คาว่า maturity
่ มสมบู รณ์
เป็ นสภาวะทีเต็
หรือหมายถึงสภาพความ
เป็ นผู ใ้ หญ่ทุกๆส่วนของ
ร่างกายพร ้อมทีจะท ่ างานได้
่
อย่างเต็มทีตามวั ย
คาว่า readiness
หมายถึงความพร ้อม
ทางด้านการเรียน ซึงต้่ อง
สืบเนื่ องมาจากร่างกายมีวุฒ ิ
ภาวะเสียก่อน
ในช่วงของการพัฒนาการจะมี
่
จุดสู งสุดทีจะสอนสิ ่ างๆให้ก ับเด็ก
งต่
เด็กจะเรียนทักษะใดทักษะหนึ่ งได้
อย่างรวดเร็วและบังเกิดผลดี จุดๆ
้
นันเราเรี ยกว่า “ ความพร ้อม ”
่ นจุดเริมต้
ซึงเป็ ่ นของ “Critical
period” หรือ “sensitive period”
่
เป็ นระยะทีไวต่ อการเรียนรู ้
“sensitive period ” (Critical
่
period) เป็ น ระยะทีไวต่ อการ
เรียนรู ้ ประสบการณ์หรือ
เหตุการณ์ใดๆทีเกิ่ ดขึนในช่
้ วง
้
นี จะมี
ผลต่อพัฒนาการในระยะ
หลังๆ
ถ้าเด็กพลาดโอกาสทีจะได้่
เรียนหรือได้กระทาในช่วงวัยที่
ความพร ้อม กับแนวคิดการจัด
การศึกษา
่ ครู
สิงที ่ ตอ
้ งทาความเข้าใจ
คือ ความพร ้อม ซึงถื่ อว่า
่ าคัญใน
เป็ นองค ์ประกอบทีส
การจัดการเรียนการสอน
่
ความเห็นทีแตกต่
างของ
นักการศึกษา
1. ควรรอให้เด็กพร ้อมเสียก่อน
่
ความเห็นทีแตกต่
างของนักจิตวิทยา
- ควรรอให้เด็กพร ้อมเสียก่อน
กลุ่มที่ 1 “Natural” Readiness
Approach
่
เห็นว่า ความพร ้อมเป็ นเรือง
ของธรรมชาติ เด็กจะไป
โรงเรียนต้องมีความพร ้อม ถ้า
ยังไม่พร ้อมก็ให้รอ
่
ความเห็นทีแตกต่ างของ
นักจิตวิทยา
- ความพร ้อมสามารถเร่งให้
้
เกิดขึนได้
กลุ่มที่ 2 “Guided-experience”
Approach
เห็นว่า ความพร ้อมจะสามารถ
้
เร่งให้เกิดขึนได้
โดยการจ ัด
ประสบการณ์ให้ไม่จาเป็ นต้องรอ
้
การช่วยให้เด็กมีความพร ้อมเร็วขึน
่ ควรทาอย่างไร
โรงเรียนทีดี
จะต้องสนับสนุ นกิจกรรมของเด็ก
อย่างหลากหลาย
มีการสารวจและให้เด็กได้ลงมือ
กระทาด้วยตนเอง
ครู ตอ
้ งไม่พยายามใช้วธ
ิ ล
ี ด
ั โดยวิธ ี
บอก หรือป้ อนความรู ้ให้แก่เด็ก
การจัดกิจกรรมใน
ห้องเรียน
่ จด
กิจกรรมต่างๆทีครู ้
ั ขึนใน
่
ห้องเรียน จะต้องยัวยุให้ เด็กได้ใช้
ความสามารถทีมี ่ ในต ัวให้เกิดการ
เรียนรู ้ และทาให้เด็กได้มคี วาม
เข้าใจโลกรอบๆต ัวเขาอย่างค่อย
เป็ นค่อยไป
งานทีส ่ าค ัญของครู กค
็ อ
ื การ
หลักทัว่ ไปของ
พัฒนาการ
- พัฒนาการของเด็ ่
กโดยทัวไป จะมี
บางส่วนเหมือนก ัน
่
- ยีนส ์และสิงแวดล้ อมเป็ นตัวกาหนด
ความแตกต่าง ทาให้
เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างๆ
- ในระยะแรกๆของชีวต ิ พัฒนาการ
เป็ นผลรวมของ
maturation เป็ นส่วนใหญ่ เป็ น
พฤติกรรมทีท ่ านายได้
ี่ ยวข้
ทฤษฎีทเกี ่ องกับการ
พัฒนาการมนุ ษย ์
1. ทฤษฎีพฒั นาการทาง
บุคลิกภาพ
2. ทฤษฎีพฒ ั นาการทาง
สติปัญญา
3. ทฤษฎีพฒ
ั นาการทาง
จริยธรรม
ี่ ยวข้
ทฤษฎีทเกี ่ องกับการ
พัฒนาการมนุ ษย ์
ี่ ยวข้
ทฤษฎีทเกี ่ องกับการ
พัฒนาการมนุ ษย ์
2. ทฤษฎีพฒ
ั นาการทาง
สติปัญญา
2.1 ทฤษฎีพฒ
ั นาการทาง
สติปัญญา “Piaget”
2.2 ทฤษฎีพฒั นาการทาง
สติปัญญา “Bruner”
ี่ ยวข้
ทฤษฎีทเกี ่ องกับการ
พัฒนาการมนุ ษย ์
3. ทฤษฎีพฒั นาการทาง
จริยธรรม
3.1 ทฤษฎีพฒ ั นาการทาง
จริยธรรมของ
“Kolberg ”
1.1 ทฤษฎีจต
ิ วิเคราะห ์ของฟรอยด ์
Freud เจ้าของทฤษฎี Psychoanalytic
Theory
“ ประสบการณ์แต่เยาว ์วัยจะมีอท ิ ธิพลต่อ
พฤติกรรมของบุคคลในระยะเวลาต่อมา
(บุคลิกภาพ) โดยเฉพาะประสบการณ์
ชนิ ดรุนแรง ( traumatic
experience)
ระยะ critical period ของคนจะอยู ่ใน
ระหว่างวัย 6 ปี แรกของชีวต ่
ิ ซึงแบ่ ง
ออกเป็ น 3 ระยะด้วยกัน คือ
ระยะที่ 1 Oral stage อายุ 1 -
่
สิงแวดล้ ่
อมทีเหมาะสม ในช่วงแรก
ของชีวต
ิ สาค ัญอย่างไร
Hebb (1949)กล่าวว่า การจัด
่
สิงแวดล้ อมทีดี่ ในช่วงแรกของชีวติ จะ
้
เป็ นเสมือนพืนฐานส าหร ับพัฒนาการ
ทางด้านสติปัญญาต่อไป
้ ่ 1 ความไว้วางใจ / ไม่ไว้วางใจ ( 0 – 1 ปี )
ขันที
้ ่ 2 ความเป็ นตัวของตัวเอง / ความไม่มนใจใน
ขันที ่ั
ตนเอง ( 1 – 2 ปี )
้ ่ 3 ความคิดริเริม
ขันที ่ / ความรู ้สึกผิด ( 3 – 4 ปี )
้ ่ 4 ความขยันหมันเพี
ขันที ่ ่ อย
ยร / ความรู ้สึกตาต้
( 5 – 11 ปี )
้ ่ 5 ความเป็ นเอกลักษณ์ / ความสับสนใน
ขันที
บทบาท ( 12 – 18 ปี )
้ ่ 6 ความผู กพัน / การแยกตัว ( วัยผู ใ้ หญ่
ขันที
ตอนต้น )
แนวคิดของอิรค ่ อท
ิ สันทีมี ิ ธิพลต่อ
การศึกษา ่ ้
ระดับอนุ บาล - เป็ นวัยทีกล้ามเนื อ
ต่างๆกาลังพัฒนา
- เป็ นวัยทีพร่ ้อมจะ
่ างๆเร็วมาก
เรียนรู ้สิงต่
บทบาทครู ควรเปิ ดโอกาสให้เด็ก
ได้ทดลองทาสิงต่ ่ างๆอย่างอิสระคอย
ช่วยเหลือแนะนาอยู ่ห่างๆ กระตุน ้ ให้
เกิดความคิดริเริม ่
แนวคิดของอิรค ่ อท
ิ สันทีมี ิ ธิพลต่อ
การศึกษา ่
ระดับประถม - เด็กต้องการเป็ นที
่
ยอมร ับของครู และเพือน
- ต้องการความสาเร็จ
จากการทางานสู ง
บทบาทของครู ควรสอนให้เด็ก
เกิดความพึงพอใจกับการทางานให้
เสร็จสมบู รณ์ โดยมีความตังใจและ้
ความขยันขันแข็ง ต้องระวังอย่าให้
่ อยสู เ้ พือนไม่
พัฒนาความรู ้สึกตาต้ ่ ได้
แนวคิดของอิรค ่ อท
ิ สันทีมี ิ ธิพลต่อ
การศึกษา ่
ระดับมัธยม - ช่วงวัยรุน
่ เป็ นวัยที
กาลังแสวงหาเอกลักษณ์ของ
ตนเอง
- มีความเป็ นตัวของตัวเอง
/ ไม่มจี ด
ุ ยืนของตนเอง
บทบาทของครู สิงที ่ จะต้
่ องทาคือ
สัมพันธภาพระหว่างครู -นักเรียน
ความเมตตา ความเข้าใจ
และความสนใจในตัว
้ ฒนาการของ ฮาวิก
1.3 งานตามขันพั
เฮอร ์สท
Havighurst “ ในแต่ละช่วงวัยของชีวต ิ
้
นันจะมี งานประจาวัย ซึงเป็่ นงานที่
เด็กแต่ละคนควรจะทาได้ในช่วงวัย
นันๆ้ เป็ นงานของชีวต ่ องทาให้ได้
ิ ทีต้
ในช่วงวัยนันๆ ้ ถ้าบุคคลไม่ประสบ
้
ผลสาเร็จในงานนันๆก็ จะมีผลต่อการ
ปร ับตัว
้ ฒนาการของ Havighurst
งานตามขันพั
มีประโยชน์ตอ
่ การจัดการศึกษา อยู ่ 2
ประการ
้ ตถุประสงค ์ใน
1. ช่วยให้สามารถตังวั
การจัดการเรียนการสอนในโรงเรียน
ทาอย่างไรโรงเรียนจึงจะสามารถช่วย
ั เรียนแต่ละคนบรรลุ “งาน” ใน
ให้นก
แต่ละวัยได้
2. ช่วยให้จด
ั การเรียนการสอนได้
2.1 ทฤษฎีพฒ
ั นาการทางสติปัญญา
“Piaget”
Piaget เจ้าของ ทฤษฎีพฒ ั นาการทางด้าน
สติปัญญาและความคิด กล่าวว่า การ
เจริญเติบโตทางสมองของเด็ก ส่วนหนึ่ ง
เป็ นผลมาจากวุฒภ ิ าวะและการ
ปฏิสม ั พันธ ์อย่างต่อเนื่ องกับสิงแวดล้
่ อม
ภายนอก
ทาให้เด็กได้ดูดซึมประสบการณ์ใหม่ๆ
ให้รวมอยู ่ในโครงสร ้างของเชาวน์ปัญญา
่
และปร ับตัวกับสิงแวดล้ อม
- Organization
เป็ นการจัดภายในโดยวิธ ี รวม
กระบวนการต่างๆเข้าเป็ นระบบ
่
อย่างติดต่อกันเป็ นเรืองเป็ นราว เช่น
เด็กเล็ก เห็น ของแล้ว คว้า
่ กทากิจกรรม 2 อย่างได้ใน
การทีเด็
เวลาเดียวกัน เรียกว่า
เป็ นการรวมกระบวนการเข้าเป็ น
ระบบ
- Adaptation
้
เพียเจท ์ แบ่งขันการพั
ฒนาการทาง
้
สติปัญญา ออกเป็ น 4 ขัน
ี่ ยวข้
เป็ นทฤษฎีทเกี ่ องกับการให้เหตุผล
ทางจริยธรรม โดยศึกษาแนวทางจาก
งานวิจย ั ของเพียเจท ์
่ กโตขึนจะเลื
เมือเด็ ้ อกกระทาพฤติกรรม
โดยคานึ งถึงส่วนรวมหรือชุมชนมาก
้ และลดการกระทาเพือตนเองลง
ขึน ่
ระด ับของการให้เหตุผลทางจริยธรรม
3 ระด ับ
ระดับที่ 1 ระดับก่อนเกณฑ ์ (อายุ 2-10 ปี )
เหตุผลทางจริยธรรม ความคาดหวังใน
รางว ัล หรือการถูกลงโทษ
้ ่ 1 หลักการหลีกเลียงมิ
ขันที ่ ให้
ถูกลงโทษ (อายุ 2-7 ปี )
่
เด็กเชือกฎเกณฑ ่
์เพือ
ไม่ให้ถูกลงโทษ
้ ่ 2 หลักการได้ร ับรางวัล
ขันที
(อายุ 7-10 ปี )
พฤติกรรมบุคคลจะคล้อย
ระด ับของการให้เหตุผลทางจริยธรรม 3
่ ระด ับ
ระดับที 2 ระดับตามกฎเกณฑ ์ (อายุ 10-16 ปี )
เหตุผลทางจริยธรรม มีพนฐานอยูื้ ่บนการ
คล้อยตามบุคคลอืน ่
และมาตรฐานทางสังคม
้ ่ 3 หลักการทาตามความเห็นของ
ขันที
ผู อ ื่
้ น(อายุ 10-13 ปี )
่ ผู
จะทาในสิงที ่ อ ื่
้ นเห็ นว่าดี ให้
ผู อ ื่
้ นยอมร ับในต ัวเขา
้ ่ 4 หลักการทาตามหน้าที่ (อายุ
ขันที
13-16 ปี )
ระด ับของการให้เหตุผลทางจริยธรรม 3
่ ระด ับ
ระด ับที 3 ระดับเหนื อกฎเกณฑ ์ (อายุ 16
้
ปี ขึนไป)
เป็ นระด ับสู งสุดของการให้เหตุผลทาง
้
จริยธรรม พืนฐานการกระท าอยู ่บนมาตรฐาน
และความเชือส่ ่ วนบุคคล
้ ่ 5 หลักการมีเหตุผลและเคารพ
ขันที
ตนเอง
ยอมร ับกฎเกณฑ ์แบบ
ประชาธิปไตย ควบคุมตนเองให้อยู ่
่
ในกรอบไม่ทาอะไรทีจะไป
กระทบสิทธิของผู อ ื่
้ น
้ ่