Professional Documents
Culture Documents
CUTTING TOOL TECHNOLOGY - เทคโนโลยีเครื่องมือตัด
CUTTING TOOL TECHNOLOGY - เทคโนโลยีเครื่องมือตัด
CUTTING TOOL TECHNOLOGY
เทคโนโลยีเครื่องมือตัด
เนื้อหา
1. Tool life
1.1 Tool Wear
1.2 Tool Life and the Taylor Tool Life Equation
2. Tool Materials
2.1 Plain Carbon and Low-alloy Tool Steels
2.2 High-Speed Steel
2.3 Cast Cobalt Alloys
2.4 Cemented Carbides, Cermets and Coated Carbides
2.5 Ceramics
2.6 Synthetic Diamonds and Cubic Boron Nitride
3. Tool Geometry
4. Cutting Fluids
4.1 Types of Cutting Fluids
4.2 Application of Cutting Fluids
กระบวนการกัดโลหะตองอาศัยเครื่องมือตัดหรือมีดตัดในการกําจัดเนื้อโลหะออกจากชิน้ งาน
แรงในการตัดและอุณหภูมิการตัดที่เกิดขึ้นระหวางกระบวนการตัดที่มคี าสูงเปนผลตอความสามารถ
ในการใชงานของเครื่องมือตัด โดยถาคาแรงตัดมีคาสูงมากเกินไปจะทําใหเกิดการแตกหักของมีดตัด
และถาอุณหภูมิทเี่ กิดขึ้นในการตัดมีคาสูงเกินไปจะมีผลใหมีดตัดออนตัวลงและไมสามารถใชงานได
หรือถึงแมสภาวะทั้งสองไมเกิดขึน้ แตการสึกหรอลงของมีดตัดเนื่องจากการใชงานตอเนื่องเปน
เวลานานก็เปนผลใหมดี ตัดนั้นใชงานไมไดเชนกัน
การพิจารณาเทคโนโลยีการตัดจะใหความสนใจหลักพื้นฐาน 2 เรื่อง คือ 1) วัสดุที่ใชทํา
เครื่องมือตัด (Tool material) และ 2) รูปรางของเครื่องมือตัด (Tool geometry) หลักพืน้ ฐานขอแรกจะ
เนนที่การพัฒนาวัสดุที่สามารถทนแรง, อุณหภูมิ และการสึกหรอในงานกัดโลหะได สวนหลักพื้นฐาน
ขอที่สองจะเกีย่ วของกับการพิจารณารูปรางที่เหมาะสมของเครื่องมือตัดเมื่อใชวัสดุและกระบวนการ
ตัดตางๆ กัน
2
1. อายุการใชงานของเครื่องมือตัด (Tool Life)
การพังของมีดตัด (Tool failure) เกิดขึ้นได 3 ลักษณะ
1) การพังเนื่องจากการแตกหัก (Fracture Failure) เกิดขึน้ เนื่องจากแรงในการตัดมีคาสูงมาก
ทําใหเกิดจากแตกหักทันที โดยเฉพาะในวัสดุเปราะ
2) การพังเนื่องจากอุณหภูมิ (Temperature Failure) เกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิในการตัดมีคาสูง
เกินกวาที่วัสดุทใี่ ชในการทํามีดตัดจะทนได ทําใหเกิดการออนตัวลงและเกิดการเปลี่ยนรูปอยางถาวร
(Plastic deformation) เปนผลใหเกิดการสูญเสียคมในการตัด
3) การสึกหรอ (Gradual Wear) การสึกหรอที่ละเล็กละนอยของคมตัดจะมีผลตอการสูญเสีย
รูปรางของมีดตัดและการลดลงของประสิทธิภาพการตัด ที่สภาวะสุดทายของมีดตัดจะมีลักษณะ
คลายการพังเนื่องจากอุณหภูมิ
การพังเนื่องจากการแตกหักและอุณหภูมิทําใหเกิดสูญเสียการใชงานของมีดตัดกอนเวลาซึง่
เปนสิ่งที่ไมพึงปรารถนาในงานตัด แตการพังเนื่องจากการสึกหรอนั้นสามารถพิจารณาการใชงานและ
ยืดอายุการใชงานของมีดตัดได
คุณภาพของงานตัดเปนสิ่งที่ควรพิจารณาเชนกัน เนื่องจากหากมีดตัดเสื่อมสภาพในระหวาง
การตัดจะมีผลตอผิวสําเร็จของชิน้ งานอันเปนผลใหตองมีการปรับผิวชิ้นงานใหม ความเสียหายเหลานี้
สามารถหลีกเลีย่ งไดโดยการเลือกสภาวะการตัดใหมีดตัดคอยๆสึกหรอมากกวาทีจ่ ะเสื่อมสภาพไป
เนื่องจากการแตกหักหรือจากอุณหภูมิสูง รวมถึงการเปลีย่ นมีดตัดกอนที่การสูญเสียคมตัดจะเกิดขึ้น
รูปที่ 1 Diagram of worn cutting tool, showing the principal locations and types of
wear that occur
3
(a) (b)
รูปที่ 2 (a) Crater wear and (b) flank wear on a cemented carbide tool, as seen through a
tool maker’s microscope
กลไกของการเกิดการสึกหรอของมีดตัด สามารถสรุปไดดังนี้
Ø Abrasion เปนการสึกหรอทางกลทีเ่ กิดจากการขัดถูระหวางชิ้นงานกับมีดตัดและเปนสาเหตุ
หลักของ Flank wear
Ø Adhesion เมื่อโลหะสองชนิดสัมผัสกันภายใตแรงดันและอุณหภูมิสูงจะเกิดการยึดติดหรือ
การเชื่อมติดกันระหวางผิวสัมผัสทั้งสอง สภาวะนี้เกิดขึ้นกับเศษตัด และ rake face ของมีด
ตัด เมื่อเศษตัดเลื่อนผานผิวหนาของมีดตัดจะสงผลใหเศษวัสดุเล็กๆ ของมีดตัดหลุดออกจาก
ผิวหนาของมีดตัดเปนผลใหเกิดการสึกหรอของหนามีด
Ø Diffusion เปนกระบวนการที่มีการแลกเปลี่ยนอะตอมระหวางผิวสัมผัสของวัสดุสองชนิด ใน
กรณีของการสึกหรอในมีดตัด กระบวนการนี้เกิดขึ้นระหวางเศษตัดกับมีดตัดโดยผิวหนาของ
มีดตัดจะสูญเสียอะตอมอันเปนผลใหความแข็งของมีดตัดลดลง เมื่อกระบวนการแลกเปลี่ยน
อะตอมนี้เกิดขึน้ อยางตอเนื่องจะทําใหเกิดการสึกหรอเนื่องจาก Abrasion และ Adhesion
เกิดไดงายขึน้ กลไกนีเ้ ปนสาเหตุพื้นฐานของการเกิด Crater wear
Ø Plastic deformation กลไกอีกอยางหนึ่งทีท่ ําใหเกิดการสึกหรอของมีดตัดคือ การเปลี่ยนรูป
อยางถาวรของคมมีดตัด และเนื่องจากแรงจากการตัดที่กระทําตอคมมีดที่อุณหภูมิสูงทําให
4
รูปที่ 3 Tool wear as a function of cutting time
รูปที่ 4 Effect of cutting speed on tool flank wear (FW) or three cutting speeds
vT n = C
รูปที่ 5 Natural log-log of cutting speed versus tool life
ตัวอยางที่ 1 Taylor tool life equation
ใหหาสมการอายุการใชงานของมีดตัด จากขอมูลในรูปที่ 5
วิธีทํา เริ่มจากการพิจารณาหาคา C และ n
เลือก 2 จุดจากสามจุดบนกราฟเสนตรงในรูปที่ 5 โดยเลือก 2 จุดที่อยูห างกัน ดังนัน้ จะไดขอมูล
ดังนี้ v = 400 ft/min, T = 5 min และ v = 200 ft/min, T = 41 min
จากสมการของเทยเลอรจะได
400(5) n = C
200(41) n = C
จากสมการขางตนจะได 400(5) n = 200(41) n
แทนคาลอการิทึมทั้งสองขางของสมการจะได
ln(400) + n ln(5) = ln(200) + n ln(41)
5.9915 + 1.6094n = 5.2983 + 3.713n
0.6932 = 2.1042n
n = 0.6932/2.1042 = 0.329
แทนคา n ในสมการใดสมการหนึ่งของเทยเลอร จะไดคา C ดังนี้
C = 400(5) 0.329 = 679
หรือ C = 200(41) 0.329 = 679
ดังนั้นจะไดสมการคํานวณอายุการใชงานของมีดตัดนีเ้ ปน
vT 0. 329 = 679
ถึงแมวาการใชคาการสึกหรอของมีด หรือคา FW เปนเกณฑพิจารณาอายุการใชงานของมีด
ตัดตามสมการของเทยเลอรดังที่กลาวขางตนจะมีความถูกตองเหมาะสมตามหลักการแตในทาง
7
ปฏิบัติวิธีนี้จะทําไดยากโดยเฉพาะในการทํางานในโรงงาน เนื่องจากความยุงยากและระยะเวลาใน
การวัดคาการสึกหรอในฟงกชันของเวลา ดังนั้นจึงมีเกณฑหรือวิธีตรวจสอบอื่นๆ ที่ถกู ใชเปนเกณฑการ
พิจารณาอายุการใชงานของมีดตัด ดังนี้
1) พิจารณาการพังของมีดตัด เชน เกิดการแตกหัก, คมตัดเสียรูปเนื่องจากความรอน เปนตน
2) ตรวจสอบการสึกหรอของมีดตัดดวยตาเปลา วิธีนี้อาศัยความชํานาญของผูปฏิบัติงาน
3) เสียงทีเ่ กิดจากการตัดเปลี่ยนไปเนื่องจากการเสียคมของมีดตัด วิธีนี้อาศัยความชํานาญ
ของผูปฏิบัติงานเชนกัน
4) รูปรางของเศษตัด (chip) เริ่มมวนงอตอกันยาวเหมือนริบบิ้น หรือ ติดคางอยูก ับชิน้ งาน
5) ผิวสําเร็จของชิน้ งานไมเรียบ ไมสม่ําเสมอ
6) ใชกําลังงานในการตัดเพิ่มขึ้น โดยการวัดดวย วัตตมเิ ตอร
7) พิจารณาจากจํานวนชิน้ งานที่ผลิตได เชน มีการกําหนดวาตองมีการเปลี่ยนมีดตัดเมื่อ
ทํางานไปไดกี่ชนิ้
8) พิจารณาจากระยะเวลาการใชงานของมีดตัด วิธีนี้มหี ลักการคลายการนับจํานวนชิ้นงาน
กลาวคือ กําหนดระยะเวลาการใชงานของมีดตัดกอนตองมีการเปลีย่ นมีดตัดใหม วิธีนี้
สะดวกสําหรับเครื่องจักรที่ควบคุมดวยคอมพิวเตอรเนื่องจากสามารถเก็บขอมูลเวลาใน
การตัดได
2. วัสดุที่ใชทํามีดตัด (Tool Materials)
จากลักษณะการพังของเครื่องมือตัด 3 ลักษณะ ที่กลาวมาแลวขางตนทําใหสามารถระบุ
คุณสมบัตทิ ี่สําคัญ 3 ประการ ของวัสดุที่ควรจะนํามาทําเครื่องมือตัด ดังนี้
1. Toughness เปนความสามารถของวัสดุที่จะรับพลังงานโดยไมเกิดการพังหรือแตกหัก วัสดุ
ที่จะใชทํามีดตัดควรมีลักษณะผสมระหวาง ความแข็งแรง (strength) และความเหนียว (ductility)
2. Hot hardness เปนความสามารถของวัสดุทจี่ ะยังคงความแข็งไวไดที่อุณหภูมิสูง
3. Wear resistance เปนความสามารถของวัสดุในการตานทานการสึกหรอ ซึ่งคุณสมบัตทิ ี่
สําคัญที่สุดในการตานทานการสึกหรอคือ ความแข็ง
วัสดุที่ใชทํามีดตัดควรมีคุณสมบัติสําคัญทั้ง 3 ประการขางตน จะมากนอยแตกตาง
กันอยางไรขึ้นอยูกับวัสดุทเี่ ลือกมาใช วัสดุที่นิยมนํามาใชทํามีดตัด ไดแก เหล็กกลาคารบอน (plain
carbon and low alloy steels) เหล็กกลาความเร็วสูง (high-speed steel, HSS) โลหะผสมโคบอลท
(cast cobalt alloys) ซีเมนตคารไบด (cemented carbides, cermets) เซรามิกส (ceramics) เพชร
(synthetic diamond) เปนตน คาความแข็งและความแข็งแรงของวัสดุชนิดตางๆ ที่ใชทํามีดตัดแสดง
ในตารางที่ 1 โดยคา transverse rupture strength เปนคาที่ใชพจิ ารณา toughness ของวัสดุ
8
ตารางที่ 1 คาความแข็งที่อุณหภูมิหองและคาความแข็งแรงของวัสดุ
รูปที่ 6 แสดงคาความแข็งของวัสดุชนิดตางๆ ที่อุณหภูมิตางๆ กัน จะเห็นวาคาความแข็งของ
วัสดุที่ใชทํามีดตัดจะลดลงเมื่ออุณหภูมเิ พิ่มขึ้น จากกราฟพบวาเหล็กกลาคารบอนจะสูญเสียความ
แข็งอยางรวดเร็วเมื่ออุณหภูมเิ พิ่มขึ้น สวนเซรามิกสและซีเมนตคารไบดจะยังคงความแข็งไดมากที่
อุณหภูมิสูงๆ
รูปที่ 6 Typical hot hardness relationships for selected tool materials
ตารางที่ 2 Representative values of n and C in the Taylor Tool Life Equation for selected
materials
ตารางที่ 4 Alloying elements in High-Speed Steel and their effects on properties and
processing
2.3 Cast Cobalt Alloys
โลหะผสมโคบอลท จะประกอบไปดวย โคบอลทประมาณ 40 – 50%, โครเมียมประมาณ 25 -
35%, ทังสเตนประมาณ 15 - 20% และโลหะผสมอื่นๆ เครื่องมือตัดหรือมีดตัดทีท่ ําจากวัสดุชนิดนีจ้ ะ
ถูกผลิตใหมีรูปรางทีต่ องการดวยกระบวนการหลอในแมพมิ พกราไฟตแลวทําการเจียระไนใหมีรูปราง
และความคมตามตองการ คุณสมบัติในการทนการสึกหรอ (wear resistance) จะมีคาสูงกวา
เหล็กกลาความเร็วสูงแตไมดเี ทาซีเมนตคารไบด คุณสมบัติเรื่อง toughness จะสูงกวาซีเมนตคารไบด
แตไมดีเทาเหล็กกลาความเร็วสูง สวนคาความแข็งในการทํางานในสภาวะที่มคี วามรอนสูง (hot
hardness) ของโลหะผสมโคบอลทจะมีคาอยูระหวางวัสดุทั้งสอง
มีดตัดที่ทําจากวัสดุชนิดนี้จะเหมาะกับการกัดหยาบ (heavy roughing cuts) ที่ความเร็วสูง
กวามีดตัดทีท่ ําจากเหล็กกลาความเร็วสูงและที่อัตราการปอนสูงกวามีดตัดทีท่ ําจากซีเมนตคารไบด
และสามารถใชตดั หรือกัดชิ้นงานที่ทําจากทั้งโลหะและอโลหะ รวมถึงพลาสติกและกราไฟต ปจจุบนั
มีดตัดที่ทําจากโลหะผสมโคบอลทมีความสําคัญนอยกวามีดตัดที่ทําจากเหล็กกลาความเร็วสูงและ
ซีเมนตคารไบด
2.4 Cemented Carbides, Cermets and Coated Carbides
Cemented Carbides เปนกลุมของวัสดุทที่ ําจากทังสเตนคารไบด (WC) โดยใชเทคนิคการขึ้น
รูปดวยโลหะผง (powder metallurgy technique) โดยมีโคบอลทเปนวัสดุประสาน รวมถึงอาจมี
สวนผสมอื่นๆ เชน ไททาเนียมคารไบด (TiC) และ แทนทาลัมคารไบด (TaC) ในชวงแรกของการทํามีด
ตัดจากซีเมนตคารไบดสวนผสมหลักจะเปนทังสเตนคารไบดและโคบอลทซงึ่ สามารถใชในการกัด
12
รูปที่ 7 Classification of cemented carbides by the C-Grade system
3. รูปรางของมีดตัด (Tool Geometry)
เครื่องมือตัดหรือมีดตัดจะตองมีรูปรางเหมาะสมกับวิธีการหรือกระบวนการกัด ดังนัน้ การ
จําแนกประเภทของมีดตัดวิธหี นึ่งคือการพิจารณาวิธกี ารหรือกระบวนการทีใ่ ช เชน การกลึง การไส
การกัด การเจาะ การเรียกชื่อมีดตัดจึงเรียกตามกระบวนการดังกลาว เชน มีดกลึง มีดตัด มีดกัด ดอก
เจาะ ดอกตาบ เปนตน ดังที่กลาวถึงในบทที่ผานมาวามีดตัดสามารถแบงออกเปน 2 ประเภทคือ มีด
ตัดคมเดียว (single-point tools) และมีดตัดหลายคม (multiple-cutting-edge tools) ในสวนของการ
พิจารณารูปรางของมีดตัดนี้จะกลาวถึงมีดตัดคมเดียวเทานั้น สวนมีดตัดหลายคมสามารถประยุกต
หลักการเดียวกันในการพิจารณารูปรางมีดตัดที่เหมาะสมได
รูปรางของมีดตัดคมเดียว (Single-point tool geometry) รูปรางของมีดตัดคมเดียว
โดยทั่วไปและรายละเอียดแสดงไดดังรูปที่ 8
รูปที่ 8 (a) Seven elements of single-point tool geometry and (b) the tool signature
convention that defines the seven elements
รูปที่ 9 Two methods of chip breaking in single-point tools: (a) groove-type and
(b) obstruction-type chip breakers
รูปที่ 10 Three ways of holding and presenting the cutting edge for a single-point tool: (a) solid tool,
typical of HSS; (b) brazed insert, one way of holding a cemented carbide insert; and (c) mechanically
clamped insert, used for cemented carbides, ceramics, and other very hard materials
17
4. ของไหลในกระบวนการตัด (Cutting Fluids)
ของไหลในกระบวนการตัดหมายถึง ของเหลวหรือแกสที่ใชในกระบวนการตัดหรือกัดเพื่อ
ปรับปรุงประสิทธิภาพของการตัด มีหนาที่หลัก 2 ประการ ไดแก 1) ลดความรอนที่เกิดขึ้นบริเวณที่เกิด
การเฉือน (shear zone) และบริเวณที่เกิดความเสียดทาน (friction zone) และ 2) ลดความเสียดทาน
ที่เกิดขึน้ ระหวางมีดตัดกับเศษตัดและมีดตัดกับชิ้นงาน นอกจากนีย้ ังมีประโยชนอื่นๆ เชน ชวยลางเศษ
ตัดออกจากชิ้นงาน (โดยเฉพาะในการเจียระไน), ชวยลดอุณหภูมิของชิ้นงานทําใหงายในการหยิบจับ
หรือเคลื่อนยาย, ลดแรงและกําลังในการตัด, ชวยปรับปรุงขนาดและผิวสําเร็จของชิ้นงาน
โดยปกติของไหลในกระบวนการตัดทั้งสองชนิดจะใกลเคียงกันเนื่องจาก ในน้ําหลอเย็นก็จะมี
สวนผสมบางอยางทีช่ วยในการลดความเสียดทาน และในน้ํามันหลอลื่นก็จะมีสารที่มีคุณสมบัติใน
การนําความรอนออกจากกระบวนการตัดเชนกัน การใชของไหลในกระบวนการตัดจะมีผลตอคา C ใน
สมการคํานวณอายุมีดตัดของเทยเลอร นัน่ คือจะมีคาเพิ่มขึ้นประมาณ 10-40% แตจะไมมีผลตอคา n
มากนัก
Chemical Formulation of Cutting Fluids ประเภทของของไหลในการตัดตามสวนผสมทาง
เคมี สามารถแบงได 3 กลุม คือ 1) cutting oils, 2) emulsified oils, และ 3) chemical and semi-
chemical fluids คุณสมบัติและการใชงานของของไหลทั้งสามกลุมแสดงไดดังรูปที่ 11
Cutting oils เปนของไหลในการตัดที่มีน้ํามันเปนสวนผสมหลัก ซึ่งอาจไดจากน้ํามัน
ปโตรเลียม แรธาตุ สัตว หรือพืช แตที่ใชกนั ทั่วไปคือน้ํามันปโตรเลียมเนื่องจากมีมากและมีคณ
ุ สมบัติ
ตามตองการ เพื่อใหมีคุณสมบัติในการหลอลื่นที่ดีมักจะมีการผสมน้ํามันหลายชนิด รวมถึงมีสวนผสม
ทางเคมีบางชนิดเชน ซัลเฟอร คลอรีน และฟอสฟอรัส ที่จะทําปฏิกิริยากับผิวเศษตัดและผิวมีดตัด
เพื่อใหเกิดฟลมบางๆ เรียกวา solid films ทําใหไมเกิดการสัมผัสกันโดยตรงของผิววัสดุทั้งสอง
Emulsified oils เปนสวนผสมของน้ํากับน้ํามัน โดยใชสารอีมัลซิไฟเออร ชวยใหสวนผสมเปน
เนื้อเดียวกัน โดยทั่วไปจะมีอัตราสวนของน้ําตอน้ํามันเปน 30:1 รวมถึงมีสวนผสมทางเคมีบางชนิดเชน
ซัลเฟอร คลอรีน และฟอสฟอรัส เนื่องจาก emulsified oils มีสวนผสมที่เปนน้ําและน้ํามันทําใหมี
คุณสมบัตเิ ปนทั้งสารหลอลื่นและสารหลอเย็น
Chemical fluids เปนสวนผสมของน้ํากับสารเคมีบางชนิด เชน ซัลเฟอร คลอรีน ฟอสฟอรัส
และอื่นๆ จะมีคุณสมบัติการหลอเย็นดีแตการหลอลืน่ ไมคอยดีเมื่อเทียบกับสองชนิดขางตน สวน
semi-chemical fluids จะเพิ่มสวนผสมของ emulsified oils เล็กนอยเพื่อเพิ่มคุณสมบัตกิ ารหลอลื่น
รูปที่ 11 Three basic chemical formulations of cutting fluids and their application
characteristics
ระบบกรองมักจะถูกติดตั้งกับเครื่องจักรหลายๆ เครื่องในโรงงานเพื่อแกปญ
หาการปนเปอน
นอกจากนี้ยังมีประโยชนหรือขอดีอื่นๆ อีก เชน
1) ยืดอายุการใชงานของของไหลในการตัด
2) ลดคาใชจายในการกําจัดของไหลที่ไมใชแลว
3) ของไหลที่ใชสะอาดและลดอันตรายทีเ่ กิดกับสุขภาพของผูปฏิบัติงาน
4) การบํารุงรักษาเครื่องจักรลดลง
5) อายุการใชงานของมีดตัดเพิ่มขึ้น
20
แบบฝกหัดทายบท
21
22