Professional Documents
Culture Documents
2.2 03 A10วิจัย2561 2
2.2 03 A10วิจัย2561 2
เรื่อง
นายเดชา ศิริกุลวิริยะ
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นายเดชา ศิริกุลวิริยะ
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
……………………………………..………………………
( นางสุกัญญา มหาสิงห์ )
หัวหน้าฝ่ายงานบริหารวิชาการ
……………………………………..………………………
( นางอิสรีย์ ชัยยันต์คูณ )
ผู้อำนวยการโรงเรียนวังทรายขาววิทยา
รายงานวิจัย
เรื่อง
นายเดชา ศิริกุลวิริยะ
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คอมพิวเตอร์มีบทบาทในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น การสร้างสื่อที่สามารถดึงดูดความสนใจทั้งต่อ
การเรียนรู้ การตลาด โดยการตัดต่อวีดีโอถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญในการสร้างชิ้นงานและ
นำเสนอความคิดของนักเรียน จึงถือเป็นทักษะสำคัญที่นักเรียนควรมี จากการศึกษาสภาพปัญหาการเรียน
การสอนวิชาการตัดต่อวีดีโอ รหัสวิชา ง20247 พบว่านักเรียนประสบปัญหากับความซับซ้อนในการใช้งาน
และส่วนประกอบต่างๆของโปรแกรม Ulead VideoStudio เพราะโปรแกรมมีความหลากหลายในการ
ทำงานเพื่อนำไปสู่การใช้งานโปรแกรมในระดับสูง ทำให้นักเรียนหลายคนไม่เข้าใจและจดจำการใช้งานและ
ประยุกต์การใช้งานได้เป็นส่วนน้อยของนักเรียนทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ ผู้วิจัยจึงทำการวิจัย เรื่อง การพัฒนา
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
โรงเรียนวังทรายขาววิทยา อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ปีการศึกษา 2561 และศึกษาความพึงพอใจหรือเจต
คติที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนออนไลน์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3 โรงเรียนวังทรายขาววิทยา อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 19
ปีการศึกษา 2561 จำนวน 13 คน จากประชากร 13 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แผนการจัดการ
เรียนรู้ บทเรียนออนไลน์ เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลัง
เรียน เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ จำนวน 30 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจหรือเจตคติของผู้เรียนที่มีต่อ
การเรียนด้วยบทเรียนออนไลน์ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ (Percentage ) ค่าเฉลี่ย ( X ) ส่วน
เบี่ยงเบนมาตรฐาน ( S.D ) และ t - test (Dependent Sample)
ผลการวิจัย พบว่า
1. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวังทรายขาววิทยา อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย สำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษามัธยมศึกษาเขต 19 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 13 คน โดยใช้แบบฝึกทักษะ แบบข้อสอบปรนัย
จำนวน 30 ข้อ พบว่า การทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียน มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 11.77
คะแนน และ 22.15 คะแนน ตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังเรียน พบว่า
คะแนนสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังจากได้ผ่านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้
บทเรียนออนไลน์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังจากได้
ผ่านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี
ที่ 3 ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 จำนวน 11 คน จาก 13 คน คิดเป็นร้อยละ 84.62
3. ความพึงพอใจหรือเจตคติที่มีต่อการเรียนของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียน
เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ ด้วยบทเรียนออนไลน์ ได้ว่า ผู้เรียนมีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมาก ( X =
4.11 , S.D. = 0.22) และมีความพึงพอใจเป็นรายข้ออยู่ในระดับมากทั้งหมด ( X = 3.85 ถึง 4.38)
กิตติกรรมประกาศ
นายเดชา ศิริกุลวิริยะ
สารบัญ
หน้า
บทคัดย่อ
กิตติกรรมประกาศ
สารบัญตาราง
บทที่ 1 บทนำ 1
1. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา 1
2. วัตถุประสงค์ของการวิจัย 2
3. สมมติฐานของการวิจัย 2
4. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการวิจัย 2
5. ขอบเขตของการวิจัย 2
6. นิยามศัพท์เฉพาะ 3
7. ประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย 4
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 5
1. เอกสารเกี่ยวกับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ 5
2. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการอ่านและการเขียน 15
3. เอกสารเกี่ยวกับการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึกทักษะ 19
4. แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวกับการสอนทักษะการอ่าน
วิชาภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึกทักษะ 23
5. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 25
6. แนวคิดและทฤษฎีความพึงพอใจ 25
7. งานวิจัยที่เกีย่ วข้อง 26
บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย 28
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย 28
2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 28
3. การสร้างและการหาคุณภาพเครื่องมือ 29
4. ขั้นตอนดำเนินการวิจัย 31
5. ระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัย 31
6. การวิเคราะห์ข้อมูล 32
7. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 32
สารบัญ (ต่อ)
หน้า
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลและอภิปรายผล 34
1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 34
2. การอภิปรายผลการวิจัย 39
บทที่ 5 สรุปผลการวิจัยและข้อเสนอแนะ 42
1. สรุปผลการวิจัย 42
2. อภิปรายผลการวิจัย 43
3. ข้อเสนอแนะในการวิจัย 44
บรรณานุกรม 45
ภาคผนวก 46
ภาคผนวก ก รายนามผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือการวิจัย 47
ภาคผนวก ข แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
เรื่อง About Me 49
ภาคผนวก ค การเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน
เรื่อง About Me โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 89
ภาคผนวก ง ร้อยละของนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยผ่านเกณฑ์
ร้อยละ 70 หลังจากได้ผ่านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง About Me
โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 94
ภาคผนวก จ ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจหรือเจตคติที่มีต่อการเรียน
ที่มีต่อการเรียนภาษาอังกฤษ เรื่อง About Me โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 96
ภาคผนวก ฉ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 98
- แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนเรื่อง About Me
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 99
- แบบสอบถามความพึงพอใจหรือเจตคติที่มีต่อการเรียน
ภาษาอังกฤษเรื่อง About Me โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 107
ประวัติผู้วิจัย 109
สารบัญตาราง
หน้า
ตารางที่ 3 ร้อยละของนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70
หลังจากได้ผ่านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง About Me
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป 37
ตารางที่ 3 การวิเคราะห์แบบสอบถามความพึงพอใจหรือเจตคติ
ทีม่ ตี อ่ การเรียนของนักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 ทีม่ ตี อ่ การเรียน
เรื่อง About Me โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เป็นรายข้อ 38
บทที่ 1
บทนำ
1. ความเป็นมาและความสำคัญ
คอมพิวเตอร์มีบทบาทในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น การสร้างสื่อที่สามารถดึงดูดความสนใจทั้งต่อ
การเรียนรู้ การตลาด ซึ่งความรู้ด้านกราฟฟิกจึงมีความจำเป็นต่อนักเรียน โดยการตัดต่อวิดีโอถือเป็นหนึ่งใน
องค์ประกอบที่สำคัญในการสร้างชิ้นงานและนำเสนอความคิดของนักเรียน จึงถือเป็นทักษะสำคัญที่นักเรียน
ควรมี ถึงปัจจุบันจะมีแอพพลิเคชั่นมากมายที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการตั ดต่อวิดีโอก็ตาม แต่ไม่
สามารถผลิตชิ้นงานที่มีความโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ที่หลากหลาย เมื่อ
เป็นงานในระดับอาชีพแล้ว โปรแกรม Ulead VideoStudio สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างหลากหลาย
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 22 ได้กําหนดแนวทางในการจัดการ ศึกษา
ไว้ว่า การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมี ความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่า
ผู้เรียนมีความสําคัญที่สุด ดังนั้น ครูผู้สอนและผู้จัดการศึกษาจะต้องเปลี่ยนแปลงบทบาทจาก การเป็นผู้ชี้นํา
ผู้ถ่ายทอดความรู้ ไปเป็นผู้ช่วยเหลือ ส่งเสริมและสนับสนุนผู้เรียนในการแสวงหา ความรู้จากสื่อและแหล่ง
การเรียนรู้ต่างๆ และให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้เรียนเพื่อนําข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ เพิ่มความรู้ด้วยตนเอง และ
มาตรา 7 ที่ก ําหนดให้ผู้ เรีย นมี ความสามารถในการประกอบอาชีพ รู้จัก พึ่งตนเอง มีความคิดริ เ ริ่ ม
สร้างสรรค์ ใฝ่รู้และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมาตรฐาน การศึกษาขั้นพื้นฐานที่ใช้เป็น
กรอบในการประเมินคุณภาพสถานศึกษาภายนอก มีมาตรฐานที่ 4 ด้าน ผู้เรียน ที่กําหนดไว้ชัดเจนว่าให้
ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดอย่างมี วิจารณญาณ มีความคิดสร้างสรรค์ คิด
ไตร่ตรองและมีวิสัยทัศน์ (สํานักงานคณะกรรมการการศึกษา แห่งชาติ , 2545, น. 69) ดังนั้นความคิด
สร้างสรรค์จึงเป็นคุณลักษณะที่ควรได้รับการเสริมสร้างและ พัฒนาให้สูงขึ้นเพื่อให้เด็กได้เจริญเติบโตเป็นผู้
ที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงและพร้อมที่จะสร้างสรรค์ ประโยชน์แก่ประเทศชาติต่อไป
Ulead VideoStudio เป็นโปรแกรมสำหรับสร้างและตกแต่ง วิดีทัศน์ที่มีชื่อเสียงและได้รับความ
นิยมมากที่สุด อันเนื่องมาจากคุณสมบัติเด่นซึ่งมีอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสามารถจัดการกับไฟล์
สารพัดชนิดที่ใช้ในงานประเภทต่าง ๆ ทั้งรูปที่จะนำไปผ่านกระบวนการเผยแพร่ และนำไปใช้หรือส่งผ่านสื่อ
อิเล็กทรอนิกส์ มีความสามารถเป็นเยี่ยมในการแก้ไขตกแต่ง วิดีทัศน์ และการสร้างเอฟเฟคเศษต่าง ๆ มี
เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นสูง สามารถบันทึกขั้นตอนที่ต้องทำซ้ำ ๆ ไว้เรียกใช้ภายหลัง
ตลอดจนมีผู้ผลิตปลั๊กอินซึ่งก็คือโปรแกรมเสริมสำหรับช่วยให้การทำงานที่ซับซ้อนสำเร็จลงได้อย่างรวดเร็ว
จากการศึ ก ษาสภาพปั ญ หาการเรี ย นการสอนวิ ช าการตั ด ต่ อวี ดี โ อ รหั ส วิ ช า ง20247 ในชั้ น
มัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวังทรายขาววิทยา อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษาเขต 19 พบว่านักเรียนประสบปัญหากับความซับซ้อนในการใช้งาน และส่วนประกอบต่างๆของ
โปรแกรม Ulead VideoStudio เพราะโปรแกรมมีความหลากหลายในการทำงานเพื่อ นำไปสู่การใช้งาน
โปรแกรมในระดับสูง ทำให้นักเรียนหลายคนไม่เข้าใจและจดจำการใช้งานและประยุกต์การใช้งานได้เป็น
ส่วนน้อยของนักเรียนทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ ผู้วิจัยจึงทำการวิจัย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง
การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวังทรายขาววิทยา
อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ปีการศึกษา 2561 ซึ่งจะทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น สร้างเสริมทักษะใน
การใช้ ง านโปรแกรมและเพื ่ อ เป็ น แนวทางการจั ด กิ จ กรรมการเรี ย นรู้ ร ายวิ ช าการตั ด ต่ อ วี ด ี โ อ ให้ มี
ประสิทธิภาพต่อไป
2
2. วัตถุประสงค์ของการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้ กำหนดวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้
1. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน
2. เพื่อหาร้อยละของนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 หลังจากได้
ผ่านการจัดกิจ กรรมการเรียนรู้ โ ดย เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ของนักเรียนชั้ น
มัธยมศึกษาปีที่ 3
3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจหรือเจตคติที่มีต่อการเรียนเรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียน
ออนไลน์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
3. สมมติฐานของการวิจัย
ผู้วิจัยกำหนดสมมติฐานของการวิจัยไว้ ดังนี้
1. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากแบบทดสอบหลังเรียนมากกว่าก่อนเรียน
2. นักเรียนจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70
หลังจากได้ผ่านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 3
3. นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ บทเรียนออนไลน์ เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้
บทเรียนออนไลน์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจหรือเจตคติที่มีต่อการเรียน ในระดับ
ปานกลางขึ้นไป
4. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการวิจัย
1. ผลการวิจัยครั้งนี้ได้พิจารณาจากแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและ
เทคโนโลยี โดย เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่สามารถ
นำไปใช้ในการสอนเพื่อให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ช่วยเสริมสร้างให้นักเรียนมีทักษะในการใช้งานเครื่องมือในโปรแกรม Ulead VideoStudio
3. เป็นแนวทางสำหรับครูผู้สอน ผู้เกี่ยวข้อง และผู้สนใจพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาระ
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในรายวิชาอื่นๆได้ต่อไป
5. ขอบเขตของการวิจัย
ผู้วิจัยกำหนดขอบเขตของการวิจัยในครั้งนี้ ดังนี้
5.1 ประชากร
ประชากรที่วิจัยที่ใช้ในครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวังทรายขาววิทยา
อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 19 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 13
คน
กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวังทรายขาววิทยา อำเภอวังสะพุง
จังหวัดเลย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 19 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 13 คน ด้วยสูตร
ของทาโร ยามาเน (Taro Yamane', 1973 : 727-728) โดยการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
3
5.2 เนื้อหาที่ใช้วิจัย
เป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี วิชาการตัดต่อวีดีโอ รหัสวิชา ง20247
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3-8 เรื่อง การตัดต่อวีดีโอโดยมีทั้งหมด 6 แผนการเรียนรู้
คือ
1. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Ulead Video Studio
2. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 การสร้างวิดีโออย่างง่ายจาก Movie Wizard
3. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 Media Library และการดาวน์โหลดไฟล์วิดีโอ
จากอินเทอร์เน็ต
4. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 การใช้งานเครื่องมือต่างๆ ในการจัดการไฟล์วิดีโอ
5. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 การเพิ่มเทคนิคพิเศษให้งานวิดีโอ
6. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 Workshop With Ulead
5.3 ตัวแปรที่ศึกษา
5.4.1 ตัวแปรต้น ได้แก่ การจัดการเรียนรู้ รายวิชาวิชาการตัดต่อวีดีโอ เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ
โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
5.4.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและ ความพึงพอใจหรือเจตคติที่มีต่อการ
เรี ย น รายวิ ช าวิ ช าการตั ด ต่ อ วี ด ี โ อ เรื ่ อง การตั ดต่ อวี ด ี โ อ โดยใช้ บ ทเรี ย นออนไลน์ ของนั ก เรี ย นชั้ น
มัธยมศึกษาปีที่ 3
5.5 ระยะเวลาการดำเนินการวิจัย
ผู้วิจัยทำการศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 ระหว่ า งวั น ที่ 6 มกราคม 2562
– 15 มีนาคม 2562 และใช้เวลาทดลองจำนวน 28 ชั่วโมง ทั้งนี้ไม่รวมเวลาที่ใช้ในการทดสอบก่อนเรียน
และหลังเรียนและกิจกรรมนอกเวลาเรียน
6. นิยามศัพท์เฉพาะ
6.1 บทเรียนออนไลน์ หมายถึง บทเรียนออนไลน์ที่ผู้วิจัยจัดทำขึ้นผ่าน Google Website
ประกอบด้วย แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) เนื้อหา เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ และแบบทดสอบหลังเรียน
(Post-test) ตามลำดับ
6.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความสามารถของผู้เรียน รายวิชาวิชาการตัดต่อวีดีโอ เรื่อง
การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งวัดได้จากคะแนนแบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบปรนัยเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
6.3 ความพึงพอใจหรือเจตคติที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนออนไลน์ หมายถึง ความพึงพอใจ
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนรายวิชาวิชาการตัดต่อวีดีโอ เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียน
ออนไลน์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
4
7. ประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย
7.1 นั ก เรี ย นมี ค วามรู ้ ค วามสามารถด้ า นทั ก ษะในการใช้ ง านเครื ่ อ งมื อ ในโปรแกรม Ulead
VideoStudio ได้ถูกต้องและเหมาะสม
7.2 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นและเป็นแนวทางในการปรับปรุงตนเองด้านการเรียน
ให้ดียิ่งขึ้น
7.3 สามารถนำบทเรียนออนไลน์มาใช้ในการสอนซ่อมเสริม และนักเรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง
7.4 ผลการวิจัยนี้สามารถใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาสื่อการสอน และเทคนิคการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้ ให้เหมาะสมกับนักเรียน
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยลำดับเนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญดังต่อไปนี้
1. การเรียนรู้เน้นการปฏิบัติ
2. สื่อการสอน (Instructional Media)
3. หลักการสอน (Teaching)
4. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการตัดต่อวิดีโอ
5. เอกสารเกี่ยวกับการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะ
6. แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวกับการสอนทักษะการอ่านวิชาโดยใช้แบบฝึกทักษะ
7. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
8. แนวคิดและทฤษฎีความพึงพอใจ
9. งานวิจัยที่เกีย่ วข้อง
ชัยยงค์ พรหมวงศ์ (ชัยยงค์ พรหมวงศ์, 2528 อ้างถึงใน ทิศนา แขมมณี, 2545 : 195) ได้ สรุปว่า
ระบบเป็นผลรวมของหน่วยย่อยซึ่งทํางานเป็นอิสระจากกัน แต่มีปฏิกิริยาสัมพันธ์กัน เพื่อบรรลุ
วัตถุประสงค์ที่กําหนดไว้
ทิศนา แขมมณี (2545 : 196) กล่าวถึงวิธีการเชิงระบบ เป็นแนวคิดที่ใช้ใน การจัดการสิ่งต่าง ๆ ให้
เป็นระเบียบเพื่อนําไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งต้องอาศัยความสามารถในการจําแนกแยกแยะ องค์ประกอบ
สําคัญของสิ่งนั้น และ การจัดความสัมพันธ์ขององค์ประกอบ เหล่านั้น ให้ส่งเสริมกันอย่าง มีระบบ โดยที่
มองว่า ระบบควรประกอบด้วยส่วนสําคัญอย่างน้อย 3 ส่วน คือ เป็นตัวป้อน (Input) กระบวนการ
(Process) และ ผลผลิต (Output) และควรต้องมีส่วนประกอบ เพิ่มเติมอีก 2 ส่วน คือ การ ควบคุม
(Control) และ ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback)
บุญชม ศรีสะอาด (2537 : 5) ในการพัฒนาการสอน จําเป็นต้องจัดการเรียน การสอน อย่างเป็น
ระบบ ซึ่งระบบการเรียนการสอนมีองค์ประกอบสําคัญที่เป็นตัวป้อน (Input) กระบวนการ (Process)
ผลผลิต (Output) และการติดตามประเมินผลและปรับปรุง (Feedback) ดังแสดงใน ภาพประกอบที่ 1
ภาพที่ 1 แสดงระบบการเรียนการสอน
ปัจจัยนําเข้า (Input) กระบวนการผลิต (Process) ผลผลิต (Output)
• ผู้สอน • การดําเนินการสอน • ผลการเรียนรู้
• ผู้เรียน - การตรวจสอบความรู้ - ด้านพุทธิพิสัย
• หลักสูตร พื้นฐาน - ด้านจิตพิสัย
• สิ่งอํานวยความ สะดวก - การสร้างความพร้อม - ด้านทักษะพิสัย
ในการเรียน
- การใช้เทคนิคการสอน
ต่างๆ
- การวัดและประเมินผล
การติดตามประเมินผลและปรับปรุง(Feedback)
ที่กล่าวมานี้คือส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เรามองเห็นความสำคัญของงานวิดีโอมากขึ้น และได้รู้ว่าการทำ
วิดีโอไม่ได้ลงทุนมากและยุ่งยากอย่างที่คิดจากประสบการณ์ ในการทำงานวิดีโอ สรุปได้ว่าวิดีโอที่ดี ไม่ได้
ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินลงทุนที่ใช้ แต่ขึ้นอยู่กับความประณีต และความคิดสร้างสรรค์
4.2 แนวคิดในการสร้างวิดีโอ
ก่อนที่ลงมือสร้างผลงานวิดีโอสักเรื่อง จะต้องผ่านกระบวนการคิด วางแผนมาอย่างรอบครอบ
ไม่ใช่ไปถ่ายวิดีโอแล้วก็นำมาตัดต่อเลย โดยไม่มีการคิดให้ดีก่อนที่จะถ่ายทำ เพราะปัญหาที่ มักเกิดขึ้นเสมอ
ก็คือการที่ไม่ได้ภาพตามที่ต้องการ เนื้อหาที่ถ่ายมาไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการนำเสนอ ในที่นี้ขอแนะนำ
แนวคิดในการทำงานวิดีโออย่างมีประสิทธิภาพ ตรงตามความต้องการ จะไม่ต้องมาเสียเวลาแก้ไขภายหลัง
โดยมีลำดับแนวคิดของงานสร้างวิดีโอเบื้องต้น ดังนี้
4.2.1 เขียน Storyboard สิ่งแรกที่เราควรเรียนรู้ก่อนสร้างงานวิดีโอ ก็คือ การเขียน
Storyboard คือ การจินตนาการฉากต่างๆ ก่อนที่จะถ่ายทำจริงในการเขียน Storyboard อาจวิธีง่ายๆ ไม่
ถึงขนาดวาดภาพปรกอบก็ได้ เพียงเขียนวัตถุประสงค์ของงานให้ชัดเจนว่าต้องการสื่ออะไรหรืองานประเภท
ไหน จากนั้นดูว่าเราต้องการภาพอะไรบ้าง เขียนออกมาเป็นฉาก เรียงลำดับ
4.2.2 เตรียมองค์ประกอบต่างๆ ที่ต้องใช้ ในการทำงานวิดีโอ เราจะต้องเตรียม
องค์ประกอบต่างๆ ให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นไฟล์วิดีโอ ไฟล์ภาพนิ่ง ไฟล์เสียง หรือไฟล์ดนตรี
4.2.3 ตัดต่องานวิดีโอ การตัดต่อคือการนำองค์ประกอบต่างๆ ที่เตรียมไว้มาตัดต่อเป็น
งานวิดีโอ งานวิดีโอจะออกมาดีน่าสนใจเพียงใดขึ้นอยู่กับการตัดต่อเป็นสำคัญ ซึ่งเราจะต้องเรียนรู้การตัด
ต่อในบทต่อไปก่อน
4.2.4 ใส่เอ็ฟเฟ็กต์/ตัดต่อใส่เสียง ในขั้นตอนการตัดต่อ เราจะต้องตกแต่งงานวิดีโอด้วย
เทคนิคพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นสี การใส่ข้อความ หรือเสียงดนตรี ซึ่งจะช่วยให้งานของเรามีสีสัน
และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
4.2.5 แปลงวิดีโอ เพื่อนำไปใช้งานจริง ขั้นตอนการแปลงวิดีโอเป็นขั้นตอนสุดท้าย ในการ
ทำงานวิดีโอที่เราได้ทำเรียบร้อยแล้วนั้นไปใช้งาน โปรแกรม Ulead Video Studio สามารถทำได้หลาย
รูปแบบ เช่น ทำเป็น VCD, DVD หรือเป็นไฟล์ WMV สำหรับนำเสนอทางอินเทอร์เน็ต
5. หลักการออกแบบกราฟิกเบื้องต้น
งานกราฟิกเป็นส่วนสําคัญที่มีบทบาทยิ่งต่อการออกแบบและกระบวนการผลิตสื่อ โดยเฉพาะสื่อที่
ต้องการการสัมผัสรับรู้ด้วยตา (Visual Communication Design) ได้แก่ หนังสือ นิตยสารวารสาร แผ่น
ป้าย โฆษณา บรรจุภัณฑ์ แผ่นพับ แผ่นปลิว โทรทัศน์ ภาพยนตร์ เว็บไซต์ ฯลฯ นักออกแบบจะใช้วิธีการ
ทาง ศิลปะและ หลักการทางการออกแบบร่วมกันสร้างสรรค์รูปแบบสื่อเพื่อให้เกิดศักยภาพ สูงสุดในการที่
จะ เป็นตัวกลางของกระบวนการสื่อความหมายระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร นักออกแบบกราฟิกจะต้อง
ค้นหา รวบรวมข้อมูลต่างๆ ขบคิดแนวทางและวาง รูปแบบที่ดีที่สุดในอันที่จะทําให้สื่อนั้นสามารถดึงดูด
กลุ่มเป้าหมาย (Target Group) ให้เกิดการรับรู้ยอมรับ และมีทัศนคติที่ดีต่อการตอบสนองสื่อที่มองเห็น
(Visual Message)
15
2. แบบฝึกที่ดีควรมีความหมายต่อผู้เรียนและตรงตามจุดมุ่งหมายของการฝึก
ลงทุนน้อย ใช้ได้นานและทันสมัยอยู่เสมอ
3. ภาษาและภาพที่ใช้ในแบบฝึกหัดควรเหมาะสมกับวัยและพื้นฐานความรู้
ของผู้เรียน
4. แบบฝึกหัดที่ดีควรแยกฝึกเป็นเรื่องๆ แต่ละเรื่องไม่ควรยาวเกินไปแต่ควร
มีกิจกรรมหลายรูปแบบ เพื่อเร้าให้นักเรียนเกิดความสนใจและไม่น่าเบื่อหน่ายในการทำ และเพื่อฝึก
ทักษะใดทักษะหนึ่งจนเกิดความชำนาญ
5. แบบฝึกที่ดีควรมีทั้งแบบกำหนดคำตอบให้ แบบให้ตอบโดยเสรี
การเลือกใช้คำ ข้อความ หรือรูปภาพในแบบฝึกหัด ควรเป็นสิ่งที่นักเรียนคุ้นเคย และตรงกับความในใจ
ของนักเรียน เพื่อว่าแบบฝึกหัดที่สร้างขึ้นจะได้ก่อให้เกิดความเพลิดเพลินและพอใจแก่ผู้ใช้ ซึ่งตรงกับ
หลักการเรียนรู้ที่ว่า เด็กมักจะเรียนรู้ได้เร็วในการกระทำที่ก่อให้เกิดความพึงพอใจ
6. แบบฝึกหัดที่ดีควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษาด้วยตนเอง ให้รู้จักค้นคว้า
รวบรวมสิ่งที่พบเห็นบ่อยๆหรือที่ตัวเองเคยใช้ จะทำให้นักเรี ยนเข้าใจเรื่องนั้นๆมากยิ่งขึ้น และรู้จักนำ
ความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง มีหลักเกณฑ์และมองเห็นว่าสิ่งที่เขาได้ฝึกฝนนั้นมีความหมาย
ต่อเขาตลอดไป
7. แบบฝึกหัดที่ดี ควรตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล ผู้เรียนแต่ละ
คนมีความแตกต่างในหลายๆ ด้าน เช่น ความต้องการ ความสนใจ ความพร้อม ระดับสติปัญญาและ
ประสบการณ์ ฯลฯ ฉะนั้นการทำแบบฝึกหัดแต่ละเรื่องควรจัดทำให้มากพอและมีทุกระดับ ตั้งแต่ง่าย
ปานกลางจนถึงระดับค่อนข้างยาก เพื่อว่าทั้งเด็กเก่ง กลางและอ่อน จะได้เลือกทำได้ตามความสามารถ
ทั้งนี้เพื่อให้เด็กทุกคนประสบผลสำเร็จในการทำแบบฝึกหัด
8. แบบฝึกหัดที่ดี ควรสามารถเร้าความสนใจของนักเรียนได้ตั้งแต่หน้าปกไป
19
จนถึงหน้าสุดท้าย
9. แบบฝึกหัดที่ดีควรได้รับการปรับปรุงควบคู่ไปกับหนังสือเรียนอยู่เสมอและ
ควรใช้ได้ดีทั้งในและนอกห้องเรียน
10. แบบฝึกหัดที่ดีควรเป็นแบบฝึกหัดที่สามารถประเมิน และจำแนกความ
เจริญงอกงามของเด็กได้ด้วย
ขันธชัย มหาโพธิ์ (2535 : 20) กล่าวว่า ลักษณะของแบบฝึกที่ดีควรประกอบด้วย
1. มีเนื้อหาที่ตรงกับจุดประสงค์
2. กิจกรรมเหมาะสมกับระดับหรือความสามารถของนักเรียน
3. มีภาพประกอบ มีการวางฟอร์มที่ดี
4. มีที่ว่างเหมาะสมสำหรับฝึกเขียน
5. ใช้เวลาที่เหมาะสม
6. ท้าทายความสามารถของผู้เรียนและสามารถนำไปฝึกด้วยตนเองได้
บรู๊ค (Brook. 1964 : 212-215) ได้เสนอรูปแบบฝึกไว้หลายชนิดที่เป็นประโยชน์
ในการฝึกทักษะทางภาษา มีดังต่อไปนี้
1. การเลียนคำ (Repetition) ฝึกโดยให้นักเรียนเลียนแบบครู
2. การเปลี่ยนโครงสร้างของประโยค (Transformation)
3. การแทนที่ของคำโดยเปลี่ยนคำนามเป็นสรรพนาม (Replacement)
4. แต่งบทโต้ตอบ (Rejoinder) ให้นักเรียนแต่งประโยคโต้ตอบประโยคที่
กำหนดให้
5. การเรียบเรียงข้อความใหม่ (Restatement) หรือหาข้อความมาเติม
จากรูปแบบลักษณะของแบบฝึกที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นว่ามีหลากหลายลักษณะ ผู้สร้างแบบฝึก
เองจะต้องเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับจุดประสงค์ในการสร้างแบบฝึกนั้นๆว่าเราต้องการที่จะฝึกทักษะใด
กับนักเรียน เนื้อหาสาระสำคัญของหลักสูตร วัยของผู้เรียน ทั้งนี้จะยึ ดหลักการพัฒนาการของผู้เรียน
เพื่อให้ได้แบบฝึกทักษะที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ
6. แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวกับการสอนทักษะการอ่านวิชาโดยใช้แบบฝึกทักษะ
การสอนอ่านโดยใช้แบบฝึกทักษะ ผู้วิจัยได้ยึดทฤษฎีการเรียนรู้และหลักการเรียนรู้ ดังนี้
6.1 ทฤษฎีการเรียนรูข้ อง Thorndike
Thorndike ได้เป็นผู้ให้กำเนิดทฤษฎีการเรียนรู้ที่เน้นความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างสิ่ง
เร้า (S) กับการตอบสนอง (R) เขาเชื่อว่าการเรียนรู้จะเกิดขึ้นไดต้องสร้างสิ่งเชื่อมโยงหรือพันธะระหว่าง
สิ่งเร้ากับการตอบสนอง ซึ่งทฤษฎีการเรียนรู้ของ Thorndike มีอยู่ 3 ข้อคือ
1) กฎแห่ ง ความพร้ อ ม (Law of readiness) กล่ า วถึ ง ความพร้ อ มของผู ้ เ รี ย นทั้ ง
ร่างกาย จิตใจ ทางร่างกาย หมายถึงความพร้อมทางวุฒิภาวะและอวัยวะของร่างกาย เช่น หูและตา
ทางจิตใจหมายถึงความพร้อมที่เกิดจากความพึงพอใจเป็นสำคัญ คือถ้าเกิดความพอใจจะนำไปสู่การเรียนรู้
ถ้าไม่เกิดความพอใจจะทำให้การเรียนรู้หยุดชะงักไปได้
20
7. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นสิ่งจำเป็นในการศึกษา ครูผู้สอนต้องมีการประเมินผลดูว่าการ
เรียนการสอนของครูและนักเรียนนั้นได้ผลแค่ไหน มีขาดตกบกพร่องอะไรเพื่อที่จะหาทางแก้ไขต่อไป (สุชา
จันทร์เอม และสุรางค์ จันทร์เอม, 2521)
ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีนักวิชาการหลายท่านได้ให้ความหมายไว้ดังนี้
สุรชัย ขวัญเมือง ได้กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความรู้ที่ได้จากการสอนหรือ
ทักษะที่ได้พัฒนาขึ้นตามลำดับขั้นในวิชาต่าง ๆ ที่ได้เรียนมาแล้วในสถานศึกษาและการที่ครูจะทราบว่าเด็ก
มีความรู้หรือทักษะในวิชาต่างๆ เพิ่มขึ้นเพียงใดจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือในการวัดการศึกษาเข้ามาช่วย
(ไพศาล หวังพานิช , 2533) ได้กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง คุณลักษณะและ
ความสามารถของบุคคลอันเกิดจาการเรียนการสอนเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและประสบการณ์การ
เรียนที่เกิดขึ้นจาการฝึกอบรมจึงเป็นการตรวจสอบความสามารถหรือความสัมฤทธิ์ผล
(วาสนา จาดพุ่ม, 2545) ได้กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง การวัดการเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมและประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้แบบทดสอบในด้านเนื้อหาวิชาและในด้านการปฏิ บัติตาม
จุดประสงค์ของวิชาหรือเนื้อหาที่สอบ
8. ทฤษฎีความพึงพอใจ
ทฤษฎีแรงจูงใจของมาสโลว์ (Maslow’s theory motivation) ทฤษฎีของมาสโลว์ได้จัดลำดับความ
ต้องการตามความสำคัญ (Maslow’s Hierarchy of Needs, 1970 อ้างถึงใน ชัญญา อภิปาลกุล, 2548)
1.1 ความต้องการทางกาย (physiological needs) เป็นความต้องการพื้นฐาน คือ อาหาร ที่พัก
อากาศ ยารักษาโรค
1.2 ความต้องการความปลอดภัย (safety needs) เป็นความต้องการที่เหนือกว่า ความต้องการ
เพื่อความอยู่รอด เป็นความต้องการในด้านความปลอดภัยจากอันตราย
1.3 ความต้องการทางสังคม (social needs) เป็นการต้องการการยอมรับจากเพื่อน
1.4 ความต้องการการยกย่อง (esteem needs) เป็นความต้องการการยกย่องส่วนตัวความนับถือ
และสถานะทางสังคม
1.5 ความต้องการให้ตนประสบความสำเร็จ (self – actualization needs) เป็นความต้องการ
สูงสุดของแต่ละบุคคล ความต้องการทำทุกสิ่งทุกอย่างได้สำเร็จ
บุคคลพยายามที่สร้างความพึงพอใจให้กับความต้องการที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับแรกก่อนเมื่อ
ความต้องการนั้นได้รับความพึงพอใจ ความต้องการนั้นก็จะหมดลงและเป็นตัวกระตุ้นให้บุคคลพยายาม
สร้างความพึงพอใจให้กับความต้องการที่สำคัญที่สุดลำดับต่อไป ตัวอย่าง เช่น คนที่อดอยาก (ความต้องการ
ทางกาย) จะไม่สนใจต่องานศิลปะชิ้นล่าสุด (ความต้องการสูงสุด) หรือไม่ต้องการยกย่องจากผู้อื่น หรือไม่
ต้องการแม้แต่อากาศที่บริสุทธิ์ (ความปลอดภัย) แต่เมื่อความต้องการแต่ละขั้นได้รับความพึงพอใจแล้วก็จะ
มีความต้องการในขั้นลำดับต่อไป
จากความหมายที่กล่าวมา สรุปความหมายของความพึงพอใจได้ว่า เป็นความรู้สึกของบุคคลใน
ทางบวก ความชอบ ความสบายใจ ความสุขใจต่อสภาพแวดล้อมในด้านต่างๆหรือความรู้สึกที่ทำให้เ กิด
ความชอบและเป็นความรู้สึกที่บรรลุถึงความต้องการ
22
10. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
อารี ปิยะวัชร์ (2550) ได้ทําการวิจัยการใช้บทเรียนสําเร็จรูป โดยวิธีการสอนแบบ ร่วมมือเพื่อ
พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 โดยใช้
แบบแผนการทดลองแบบ One Group Pretest-Posttest Design เครื่องมือที่ใช้ในการ วิจัย มี 4 ประเภท
ได้แก่ 1) บทเรียนสําเร็จรูป 7 เรื่อง (ทศนิยมและการเปรียบเทียบทศนิยม การบวก และการลบทศนิยม
การคูณและการหารทศนิยม เศษส่วนและการเปรียบเทียบเศษส่วน การบวกและ การลบเศษส่วน การคูณ
และการหารเศษส่วน และ ความสัมพันธ์ระหว่างทศนิยมและเศษส่วน) 2) แบบประเมินคุณภาพบทเรียน
สําเร็จรูปสําหรับผู้เชี่ยวชาญ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คณิตศาสตร์ เรื่องทศนิยมและ
เศษส่ ว น 4) แบบทดสอบความพึ ง พอใจของผู ้ เ รี ย นที ่ เ รี ย นด้ ว ยบทเรี ย น สํ า เร็ จ รู ป แบบร่ ว มมื อ วิ ช า
คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วน เมื่อดําเนินการ วิจัยกับกลุ่มตัวอย่าง 94 คน ที่
เลือกโดยวิธีสุ่มอย่างง่าย จากประชากร 272 คน แล้วได้ผลการทดลอง ดังนี้ 1) บทเรียนสําเร็จรูปวิชา
คณิตศาสตร์ เรื่องทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้วิจัย สร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ
81.563 / 84.5745 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กําหนดไว้ (80 / 80) 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง
ทศนิยมและเศษส่วน ของผู้เรียนหลังการเรียนด้วยบทเรียน สําเร็จรูปแบบร่วมมือสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมี
นัยสําคัญ ที่ระดับ .01 3) ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการ เรียนด้วยบทเรียนสําเร็จรูป วิชาคณิตศาสตร์ ชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 1 เรือ่ ง ทศนิยมและเศษส่วน อยู่ใน ระดับ พึ่งพอใจมาก
อรุณี เพ็งประสพ (2552) ได้ทําการวิจัยเรื่องการใช้บทเรียนสําเร็จรูปโดยการเรียน แบบร่วมมือ
เรื่อง การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว สําหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จํานวน 42 คน โดย
ออกแบบแผนการทดลองที่มีกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1)
บทเรียนสําเร็จรูปโดยการเรียนแบบร่วมมือที่ใช้ประกอบการสอนซ่อมเสริม มีเนื้อหา 3 หน่วย ใช้เวลาเรียน
19 ชั่วโมง 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ จํานวน 20 ข้อ และ 3)
แบบสอบถามความพึง พอใจของนัก เรียนที่ มี ต่ อการสอนโดยใช้บ ทเรียน สําเร็จรูป ผลวิจัยพบว่า 1)
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สอนโดยใช้บทเรียนสําเร็จรูป เรื่อง การประยุกต์ สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว สูง
กว่านักเรียนที่เรียนด้วยวิธีปกติ อย่างมีนัยสําคั ญที่ระดับ .05 2) บทเรียนสําเร็จรูป เรื่อง การประยุกต์
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว มีประสิทธิภาพ 82.14 / 83.81 ซึ่งสูง กว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ผู้สอนสามารถนําไปใช้
เป็นสื่อในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และผู้เรียนสามารถ เรียนรู้ด้วยตนเอง 3) นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียน
สําเร็จรูป มีความพึงพอใจต่อการสอนโดยใช้บทเรียน สําเร็จรูปอยู่ในระดับมาก
นวลจันทร์ วิเศษ ( 2546 ) การพัฒนาบทเรียนสําเร็จรูปการ์ตูนประกอบกิจกรรมการเรียนการ
สอนเรื่องการประหยัด กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4
ผลการวิจัยพบว่า บทเรียนสําเร็จรูปการ์ตูนประกอบกิจกรรมการเรียนการสอน เรื่อง การประหยัด กลุ่ม
สาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 88.20 / 88.12 มีค่า
ดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 71 มีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01
บทที่ 3
วิธีดำเนินการวิจัย
การดำเนินการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและศึกษาความพึงพอใจ
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ผู้วิจัยได้ดำเนินการ ดังนี้
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
3. การสร้างและการหาคุณภาพเครื่องมือ
4. ขั้นตอนดำเนินการวิจัย
5. ระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัย
6. การวิเคราะห์ข้อมูล
7. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
1.1 ประชากร
ประชากรที่วิจัยที่ใช้ในครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวังทรายขาววิทยา
อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 19 ปีการศึกษา 2561 จำนวน
13 คน ซึ่งมีบริบทดังนี้
1.1.1 ใช้หลักสูตรเดียวกัน
1.1.2 มีการจัดนักเรียนโดยคละความสามารถ
1.2 กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวังทรายขาววิทยา อำเภอวังสะพุง
จังหวัดเลย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 19 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 13 คน ด้วยสูตร
ของทาโร ยามาเน (Taro Yamane', 1973 : 727-728) โดยการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย มีดังนี้
2.1 แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี วิชาการตัดต่อวิดีโอ
รหัสวิชา ง20247 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
2.2 บทเรียนออนไลน์ เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ประกอบด้วย
แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) เนื้อหา เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ และแบบทดสอบหลังเรียน (Post-test)
ตามลำดับ
2.3 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ ของ
นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ซึ่งเป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก
จำนวน 30 ข้อ เพื่อใช้ตรวจสอบความรู้เดิมของผู้เรียนก่อนเรียนและใช้วัดความรู้ความเข้าใจของผู้เรียน
หลังจากเรียนด้วยบทเรียนออนไลน์ ในแบบทดสอบจะมีการเฉลยคำตอบเพื่อให้ผู้เรียนสามารถตรวจคำตอบ
ได้ด้วยตนเอง
2.4 แบบสอบถามความพึงพอใจหรือเจตคติที่มีต่อการเรียน เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ ของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้บทเรียนออนไลน์ แบบสอบถามนี้สร้างขึ้นเพื่อวิเคราะห์ความคิดเห็นของ
29
นักเรียนหลังจากที่ได้เรียนโดยใช้บทเรียนออนไลน์ และเพื่อนำผลที่ได้เป็นแนวทางในการปรับปรุงการเรียน
การสอนให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แบบสอบถามความคิดเห็นเป็นคำถามแบบกำหนดมาตราส่วน
ประเมินค่า (Rating scale) แบ่งระดับความคิดเห็นเป็น 5 ระดับ มีจำนวน 12 ข้อ
3. การสร้างและการหาคุณภาพเครื่องมือ
ผู้วิจัยได้กำหนดขั้นตอนการสร้างเครื่องมือในการวิจัย ตามลำดับดังนี้
3.1 แผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการตัดต่อวีดีโอผู้วิจัยได้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
3.1.1 ศึกษาจุดมุ่งหมายและขอบข่าย สาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
หลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่าง
ประเทศ ช่วงชั้นที่ 3 ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย รวมไปถึงหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนวังทรายขาว
วิทยา
3.1.2 ศึกษาเอกสารและหนังสือที่เกี่ยวข้องกับวิธีการ หลักการ หลักทฤษฎีและเทคนิคการ
เขียนแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน
3.1.3 ศึกษาและวิเคราะห์หน่วยการเรียนรู้ วิชาการตัดต่อวิดีโอ รหัสวิชา ง20247 นักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3-8 เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยมีทั้งหมด 6 แผน การเรียนรู้คือ
1. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Ulead Video Studio
2. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 การสร้างวิดีโออย่างง่ายจาก Movie Wizard
3. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 Media Library และการดาวน์โหลดไฟล์วิดีโอ
จากอินเทอร์เน็ต
4. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 การใช้งานเครื่องมือต่างๆ ในการจัดการไฟล์วิดีโอ
5. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 การเพิ่มเทคนิคพิเศษให้งานวิดีโอ
6. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 Workshop With Ulead
3.1.4 วิเคราะห์ความสัมพันธ์ สาระการเรียนรู้ ตัวชี้วัด /จุดประสงค์การเรียนรู้ และรูปแบบ
การจัดการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน ของหน่วยการเรียนรู้
3.1.5 จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน
ประกอบด้วย หัวข้อสำคัญ ดังนี้
1. สาระสำคัญ
2. ตัวชี้วัด
3. สาระการเรียนรู้
4. กิจกรรมการเรียนรู้
5. สื่อและและแหล่งเรียนรู้
6. การวัดผลและประเมินผล
7. กิจกรรมเสนอแนะ
ดำเนินการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้วิจัยเป็นฐานมีขั้นตอนดังนี้คือ (สมหวัง พิธิยา
นุวัฒน์และทัศนีย์ บุญเติม, 2540)
1. ขัน้ เลือกปัญหา หมายถึง การตั้งคำถามที่กระตุ้นเพื่อให้เกิดความสนใจอยากรู้ ตั้ง
คำถามหรือข้อสงสัยเพื่อนำไปสู่การศึกษาวิธีการแก้ปัญหา ตั้งสมมติฐาน รวบรวมข้อมูล หรือทำการทดลอง
สรุปผลการศึกษาโดยวัดได้จากแบบสังเกต ฯลฯ
30
6. การวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้ ผู้วิจัยทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยดำเนินการจัดกระทำและวิเคราะห์ข้อมูล
ตามลำดับ ดังนี้
6.1 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีการทางสถิติ ด้วยสถิติทีแบบไม่อิสระ t-test dependent
32
สูตร S .D. =
N X −
2
( X)
2
N ( N − 1)
33
ตารางที่ 4 แสดงการวิเคราะห์แบบสอบถามความพึงพอใจหรือเจตคติที่มีต่อการเรียนของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 3 ทีม่ ตี อ่ การเรียน เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียนออนไลน์ เป็นรายข้อ
ความพึง ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบน
ข้อที่ ข้อความ พอใจ X มาตรฐาน
S.D.
1 รูปแบบกิจกรรมการเรียนการสอนน่าสนใจ มาก 4.08 0.28
2 ระยะเวลาในการเรียนโดยใช้บทเรียนออนไลน์มีความเหมาะสม มาก 3.92 0.49
3 รายละเอียดและเนื้อหาเหมาะสมกับผู้เรียน มาก 4.15 0.38
4 ผู้เรียนมีความสุข เพลิดเพลินกับการเรียน บทเรียนออนไลน์ มาก 4.23 0.44
5 ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาที่เรียนเป็นอย่างดี มาก 4.00 0.41
6 ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากการเรียนโดยใช้บทเรียนออนไลน์ มาก 4.15 0.69
7 ผู้เรียนมีความสนใจและต้องการเรียนด้วยบทเรียนออนไลน์ มาก 4.38 0.51
8 โครงสร้างของเนื้อหาชัดเจน มาก 3.85 0.38
9 ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น มาก 4.31 0.48
10 การเรียงลำดับเนื้อหาเข้าใจง่าย มาก 4.00 0.71
11 มีภาพประกอบ ช่วยให้สื่อความหมายได้ชัดเจน มาก 4.23 0.44
12 ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในทักษะอื่นๆได้ มาก 4.00 0.41
รวม มาก 4.11 0.22
2. การอภิปรายผลการวิจัย
การวิจัย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียนออนไลน์
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้อภิปรายผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์
และสมมติฐานการวิจัย มีรายละเอียด ดังนี้
2.1 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนมีคะแนนการทดสอบก่อนเรียนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี
นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีค่าเฉลี่ยโดยรวมของคะแนนหลังเรียนเพิ่มจาก 11.77 คะแนน และ
22.15 คะแนน จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของผู้เชี่ยวชาญ พรสวรรค์ ชื่นมณี
(2540 : บทคัดย่อ) สุพรรณี นารี (2542 : บทคัดย่อ) เฉลิมชัย หรสิทธิ์ (2542 : บทคัดย่อ) สมนึก
สุวรรณมูล (2542 : บทคัดย่อ) Crawford (1990 : 1567-A) Matthews (1992 : 1781-A) Yalm (1993
: 802-A) ที่พบว่า ผู้เรียนที่ได้เรียนจากบทเรียนออนไลน์ มีผลสัมฤทธิท์ างการเรียนในวิชาต่างๆสูงกว่าก่อน
38
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
สาระที่ 3 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
มาตรฐาน ง 3.1 เข้ า ใจเห็ น คุ ณ ค่ า และใช้ ก ระบวนการเทคโนโลยี ส ารสนเทศในการสื บ ค้ น ข้ อ มู ล เรี ย นรู้
การสื่อสารการแก้ปัญหา การทำงาน และอาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และมีคุณธรรม
2. สาระสำคัญ
เทคโนโลยีสื่อประสม (Multimedia Technology) ได้เข้ามามีบทบาทในสังคมอย่างมาก ทั้งในด้านการศึกษา
ธุรกิจอุตสาหกรรม เนื่องด้วยเป็นสื่อที่สามารถนำเสนอข้อมูลต่างๆ ได้ในหลากหลายรูปแบบทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว
เสียง และตัวอักษร
3. ผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
1. นักเรียนสามารถบอกความหมายของเทคโนโลยีสื่อประสมได้
2. นักเรียนสามารถบอกองค์ประกอบของสื่อประสมได้
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
1. นักเรียนมีทักษะในการสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
1. นักเรียนมีความรับผิดชอบในการเข้าชั้นเรียน
2. นักเรียนส่งงานตามเวลาที่กำหนด
3. นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
4.สมรรถนะผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถทักษะในการใช้เทคโนโลยี
5. สาระการเรียนรู้
- เนื้อหา และรายละเอียดเกี่ยวกับรายวิชา ง20247 การตัดต่อวิดีโอ โดยจะกล่าวเทคโนโลยีสื่อผสมและการตัด
ต่อวิดีโอด้วยโปรแกรมต่างๆที่นาสสนใจตามจุดประสงคฺการใช้งาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำ (15 นาที)
1. ครูแนะนำตัว พร้อมกับกล่าวทักทายนักเรียน หลังจากนั้นให้นักเรียนแต่ละคนแนะนำตัว เนื่องด้วยเป็นคาบ
เรียนแรกที่การจัดการเรียนการสอน
ขัน้ สอน (70 นาที)
1. ครูกล่าวแนะนำรายวิชา คำอธิบายรายวิชา ผลการเรียนรู้ เกณฑ์การวัดและประเมินผล และข้อตกลงในชั้น
เรียน เพื่อให้นักเรียนได้ทราบว่าในภาคการศึกษานี้นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับอะไรบ้าง
2. ครูแจกกระดาษคำตอบให้นักเรียนแต่ละคน พร้อมกับเปิดโจทย์คำถามของแบบทดสอบก่อนเรียนให้นักเรียน
ทำจำนวน 10 ข้อ ใน Google Form ออนไลน์
ขั้นสรุป (15 นาที)
1. นักเรียนส่งกระดาษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรียนคืนครู
7. สื่อการเรียนรู้
1. คอมพิวเตอร์
2. เครื่องฉายสไลด์
3. โปรแกรม PowerPoint เรื่อง แนะนำรายวิชา
8. ภาระงาน
1. แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง เทคโนโลยีสื่อประสม
9. การวัดผลประเมินผล
เกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้
1. ด้านความรู้ (K)
ระดับคะแนน
เนื้อหา
3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
1. อธิบายความหมาย สามารถอธิบายความหมาย สามารถอธิบายความหมาย สามารถอธิบาย
ของเทคโนโลยี ของเทคโนโลยีสื่อประสมได้ ของเทคโนโลยีสื่อประสมได้ ความหมายของเทคโนโลยี
สื่อประสม ถูกต้องทั้งหมด มากกว่า 50% สื่อประสมได้เล็กน้อย
10. แหล่งการเรียนรู้
1. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง เทคโนโลยีสื่อประสม (Multimedia Technology) คณะวิทยาการคอมพิวเตอร์
และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ของผู้ช่วยศาสตร์จารย์บังคม นิลรักษ์
11. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ/การนิเทศของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงชื่อ
( นางสุกัญญา มหาสิงห์ )
ตำแหน่ง หัวหน้างานบริหารวิชาการ
ข้อเสนอแนะ
ลงชื่อ
( นางอิสรีย์ ชัยยันต์คูณ )
ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนวังทรายขาววิทยา
12. บันทึกผลหลังการสอน
ผลการเรียนรู้
ปัญหา/อุปสรรค
แนวทางการแก้ไข
ลงชื่อ..............................................................
( นายเดชา ศิริกุลวิริยะ )
ตำแหน่ง ครูผู้สอน
บันทึกผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
การเรียนรู้เป็นไปตามแผนการเรียนรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม เรียนรู้ตามผลการเรียนรู้ที่
กำหนดให้ นักเรียนตั้งใจทำแบบทดสอบก่อนเรียนเป็นอย่างดี
2. ปัญหา/อุปสรรค
บรรยากาศในห้องเรียนค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ทำให้นักเรียนไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นเท่าที่ควร
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
ครูควรหากิจกรรมที่ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมมากขึ้น มีการให้รางวัลหรือชมเชยนักเรียนเมื่อนักเรียนทำงานที่ได้รับ
มอบหมายออกมาได้ดี
ลงชื่อ............................................................ผูส้ อน
(นายเดชา ศิริกุลวิริยะ)
ลงชื่อ............................................................ผู้นิเทศ
( นางอิสรีย์ ชัยยันต์คูณ )
วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2561
แผนการจัดการเรียนรู้ 2
กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1
รายวิชา การตัดต่อวิดีโอ รหัสวิชา ง20247 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561
เรื่อง เทคโนโลยีสื่อประสม จำนวน 2 คาบ (100 นาที)
ผู้สอน นายเดชา ศิริกุลวิริยะ
1. มาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ 3 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
มาตรฐาน ง 3.1 เข้ า ใจเห็ น คุ ณ ค่ า และใช้ ก ระบวนการเทคโนโลยี ส ารสนเทศในการสื บ ค้ น ข้ อ มู ล เรี ย นรู้
การสื่อสารการแก้ปัญหา การทำงาน และอาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และมีคุณธรรม
2. สาระสำคัญ
เทคโนโลยีสื่อประสม (Multimedia Technology) ได้เข้ามามีบทบาทในสังคมอย่างมาก ทั้ง ในด้านการศึกษา
ธุรกิจอุตสาหกรรม เนื่องด้วยเป็นสื่อที่สามารถนำเสนอข้อมูลต่างๆ ได้ในหลากหลายรูปแบบทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว
เสียง และตัวอักษร
3. ผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
1. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของเทคโนโลยีสื่อประสมได้
2. นักเรียนสามารถบอกองค์ประกอบของสื่อประสมได้
3. นักเรียนสามารถบอกประโยชน์ของเทคโนโลยีสื่อประสมได้
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
1. นักเรียนมีทักษะในการสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
2. นักเรียนสามารถใช้โปรแกรม Microsoft Word 2010 ในการทำงานเอกสารได้
ด้านคุณลักษณะ (A)
1. นักเรียนมีความรับผิดชอบในการเข้าชั้นเรียน
2. นักเรียนส่งงานตามเวลาที่กำหนด
3. นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
4. สมรรถนะผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถทักษะในการใช้เทคโนโลยี
5. สาระการเรียนรู้
- ความหมายของเทคโนโลยีสื่อประสม
- องค์ประกอบของเทคโนโลยีสื่อประสม
- เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสื่อประสม
- ประโยชน์ของสื่อประสม
- แนวโน้มของสื่อประสมในอนาคต
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำ (15 นาที)
1. ครูกล่าวทักทายนักเรียน พร้อมกับถามนักเรียนเกี่ยวสิ่งที่ได้ทำไปในคาบเรียนที่ผ่านมา
2. ครูเปิดคลิปวีดโี อ “Amazing Video วีดีโอตัดต่อสุดยอด” ให้นักเรียนชม
7. สื่อการเรียนรู้
1. คอมพิวเตอร์
2. เครื่องฉายสไลด์
3. โปรแกรม Microsoft Word 2010
4. โปรแกรม PowerPoint เรื่อง สื่อประสมกลมเกลียว
5. ใบงานที่ 1 เรื่อง สื่อประสมกลมเกลียว
6. คลิปวีดีโอ
- เทคโนโลยีสื่อประสม
[จากเว็บไซต์: http://www.youtube.com/watch?v=wrkvW9TBJGY]
8. ภาระงาน
1. ใบงานที่ 1 เรื่อง สื่อประสมกลมเกลียว
2. สรุปความรู้ เรื่อง สื่อประสมกลมเกลียว ลงในสมุด
9. การวัดผลประเมินผล
เกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้
1. ด้านความรู้ (K)
ระดับคะแนน
เนื้อหา
3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
1. อธิบายความหมาย สามารถอธิบายความหมาย สามารถอธิบายความหมาย สามารถอธิบายความหมาย
ของเทคโนโลยี ของเทคโนโลยีสื่อประสมได้ ของเทคโนโลยีสื่อประสมได้ ของเทคโนโลยีสื่อประสม
สื่อประสม ถูกต้องทั้งหมด มากกว่า 50% ได้เล็กน้อย
2. บอกองค์ประกอบ สามารถบอกองค์ประกอบ สามารถบอกองค์ประกอบ สามารถบอกองค์ประกอบ
ของสื่อประสม ของสื่อประสมได้ถูกต้อง ของสื่อประสมได้มากกว่า ของสื่อประสมได้เล็กน้อย
ทั้งหมด 50%
3. บอกประโยชน์ของ สามารถบอกประโยชน์ของ สามารถบอกประโยชน์ของ สามารถบอกประโยชน์ของ
เทคโนโลยีสื่อประสม เทคโนโลยีสื่อประสมได้ เทคโนโลยีสื่อประสมได้ดี เทคโนโลยีสื่อประสมได้
อย่างครอบคลุม แต่ไม่ครอบคลุม เล็กน้อย
2. ด้านทักษะกระบวนการ (P)
ระดับคะแนน
เนื้อหา
3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
1. ทักษะในการสืบค้น สามารถสืบค้นข้อมูล สามารถสืบค้นข้อมูล สามารถสืบค้นข้อมูล
ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต จากอินเทอร์เน็ตได้อย่าง จากอินเทอร์เน็ตได้ดี จากอินเทอร์เน็ตได้ค่อนข้าง
รวดเร็ว และสามารถ และสามารถเลือกใช้ ช้า และเลือกใช้เว็บไซต์
เลือกใช้เว็บไซต์สำหรับ เว็บไซต์สำหรับอ้างอิง สำหรับอ้างอิงข้อมูลไม่ค่อยมี
อ้างอิงข้อมูลที่มีความ ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ ความน่าเชื่อถือ
น่าเชื่อถือ
2. ใช้โปรแกรม สามารถใช้โปรแกรม สามารถใช้โปรแกรม สามารถใช้โปรแกรม
Microsoft Word Microsoft Word 2010 Microsoft Word 2010 Microsoft Word 2010 ได้
2010 ในการทำงาน ในการทำงานเอกสารได้ ในการทำงานเอกสารได้ดี แต่ค่อนข้างช้า
เอกสารได้ อย่างคล่องแคล่ว รวดเร็ว แต่มีปัญหาในบางคำสั่ง
3. ด้านคุณลักษณะ
ระดับคะแนน
เนื้อหา
3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
1. มีความรับผิดชอบใน เข้าเรียนตรงต่อเวลา เข้าเรียนค่อนข้างล่าช้า ขาดความรับผิดชอบ
การเข้าชั้นเรียน เข้าเรียนไม่ตรงต่อเวลา
2. ส่งงานตามเวลาที่ ส่งงานตามเวลาที่กำหนด ส่งงานล่าช้ากว่าที่กำหนด ส่งงานล่าช้ากว่าที่กำหนด
กำหนด 3 วัน 7 วัน
3. ให้ความร่วมมือในการ ให้ความร่วมมือในการทำ ให้ความร่วมมือในการทำ ไม่ค่อยให้ความร่วมมือใน
ทำกิจกรรม กิจกรรมดีมาก กิจกรรมค่อนข้างดี การทำกิจกรรม ส่งเสียงดัง
ส่งเสียงดังในบางครั้ง รบกวนชั้นเรียน
10. แหล่งการเรียนรู้
1. เอกสารประกอบการเรี ย น เรื ่ อ ง เทคโนโลยี ส ื ่ อ ประสม (Multimedia Technology) คณะวิ ท ยาการ
คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ของผู้ช่วยศาสตร์จารย์บังคม นิลรักษ์
11. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ/การนิเทศของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงชื่อ
( นางสุกัญญา มหาสิงห์ )
ตำแหน่ง หัวหน้างานบริหารวิชาการ
ข้อเสนอแนะ
ลงชื่อ
( นางอิสรีย์ ชัยยันต์คูณ )
ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนวังทรายขาววิทยา
12. บันทึกผลหลังการสอน
ผลการเรียนรู้
ปัญหา/อุปสรรค
แนวทางการแก้ไข
ลงชื่อ..............................................................
( นายเดชา ศิริกุลวิริยะ )
ตำแหน่ง ครูผู้สอน
บันทึกผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
การเรียนรู้เป็นไปตามแผนการเรียนรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม เรียนรู้ตามผลการเรียนรู้ที่
กำหนดให้ แม้ว่านักเรียนจะเข้าห้องล่าช้า แต่เนื่องจากมีนักเรียนในห้องเรียนค่อนข้างน้อย ทำให้นักเรียนมีสมาธิในการ
เรียน และทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ ทำให้เรียนเสร็จตรงตามเวลา
2. ปัญหา/อุปสรรค
บรรยากาศในห้องเรียนค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ทำให้นักเรียนไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นเท่าที่ควร และนักเรียน
เข้าห้องเรียนช้ามากทำให้กว่าจะได้เริ่มกิจกรรมการเรียนรู้ก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
ครูควรหากิจกรรมที่ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมมากขึ้น มีการเรียกตอบคำถามเพื่อช่วยกระตุ้นให้นักเรียนตื่นตัว และ
สนใจบทเรียนมากขึ้น มีการให้รางวั ลหรือชมเชยนักเรียนเมื่อนักเรียนเข้าห้องเรียนเร็ว หรือ ทำงานที่ได้รับมอบหมาย
ออกมาได้ดี
ลงชื่อ............................................................ผูส้ อน
(นายเดชา ศิริกุลวิริยะ)
ลงชื่อ............................................................ผู้นิเทศ
( นางอิสรีย์ ชัยยันต์คูณ )
วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2561
แผนการจัดการเรียนรู้ 3
กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1
รายวิชา การตัดต่อวิดีโอ รหัสวิชา ง20247 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561
เรื่อง พื้นฐานการตัดต่อวีดีโอ จำนวน 2 คาบ (100 นาที)
ผู้สอน นายเดชา ศิริกุลวิริยะ
มาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ 3 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
มาตรฐาน ง 3.1 เข้ า ใจเห็ น คุ ณ ค่ า และใช้ ก ระบวนการเทคโนโลยี ส ารสนเทศในการสื บ ค้ น ข้ อ มู ล เรี ย นรู้
การสื่อสารการแก้ปัญหา การทำงาน และอาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และมีคุณธรรม
สาระสำคัญ
ในปัจจุบันการตัดต่อวิดีโอนั้นสามารถทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีโปรแกรมประยุกต์ ต่างๆ เป็นเครื่องมือที่
ช่วยสนับสนุนการตัดต่อวิดีโอ ที่มีทั้งระดับมือสมัครเล่น จนกระทั่งระดับมืออาชีพ ซึ่งวิดีโอที่ได้ถูกตัดต่อออกมานั้นจะมี
ความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้จัดทำมีพื้นฐานในการตัดต่อวิดีโอมากน้อยเพียงใด
ผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
1. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายชนิดของวิดีโอแบบอนาล็อก และแบบดิจิตอลได้
2. นักเรียนสามารถบอกชื่อของอุปกรณ์ที่ช่วยในการตัดต่อวิดีโอได้
3. นักเรียนสามารถอธิบายถึงแนวคิดต่างๆ ในการตัดต่อวิดีโอได้
4. นักเรียนสามารถบอกถึงประเภทของไฟล์วิดีโอได้
5. นักเรียนสามารถบอกประโยชน์ของงานวิดีโอได้
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
1. นักเรียนมีทักษะในการสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
2. นักเรียนสามารถใช้ Google Doc รูปแบบ Presentation ในการทำงานได้
ด้านคุณลักษณะ (A)
1. นักเรียนมีความรับผิดชอบในการเข้าชั้นเรียน
2. นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
สมรรถนะผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
สาระการเรียนรู้
- ชนิดของวิดีโอแบบอนาล็อก และแบบดิจิตอล
- อุปกรณ์ที่ช่วยในการตัดต่อวิดีโอ
- แนวคิดต่างๆ ในการตัดต่อวิดีโอ
- นักเรียนสามารถบอกถึงรูปแบบของไฟล์วิดีโอ
- ประโยชน์ของงานวิดีโอ
กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำ (15 นาที)
1. ครูกล่าวทักทายนักเรียน พร้อมกับตั้งคำถามว่า “ในคาบเรีย นที่ผ่านมา นักเรียนได้รู้จักกับ เทคโนโลยี
สื่อประสมไปแล้ว และได้ตอบคำถามลงในใบงาน ดังนั้นครูอยากให้นักเรียนแต่ละคนบอกถึงประโยชน์ของสื่อประสม
คนละ 1 ข้อหรือมากกว่า 1 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน”
2. เมื่อนักเรียนแต่ละคนตอบคำถามจนครบทุกคน หรือจนกระทั่งไม่มีนักเรียนคนใดสามารถบอกประโยชน์ของ
สื่อประสมได้แล้ว ให้ครูพูดนำเข้าสู่บทเรียนว่า “จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของเทคโนโลยีสื่อประสมนั้นมีมากมาย ซึ่งสื่อ
ประสมที่ครบองค์ประกอบนั้นก็จะเป็นสื่อประสมประเภทที่ให้มีการปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ รองลงมาก็จะเป็นโฆษณา
ภาพยนตร์ หนังสั้นที่ถูกตัดต่อออกมาโดยผู้ที่มีความรู้ในเรื่องของการตัดต่อ ฉะนั้นจุดเริ่มต้นในการสร้างสื่อประสมที่เป็น
วิดีโอนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนจะต้องมีความรู้พื้นฐานในเรื่องของการตัดต่อวิดีโอเป็นสำคัญ”
ขัน้ สอน (70 นาที)
1. ครูแจกกระดาษให้นักเรียนคนละแผ่น เพื่อทำการจดบันทึกความรู้ หลังจากนั้น ครูเปิดโปรแกรม Microsoft
PowerPoint เรื่อง พื้นฐานการตัดต่อวิดีโอ
2. ครูเริ่มบรรยายเกี่ยวกับ ชนิดของวิดีโอแบบอนาล็อก และแบบดิจิตอล เมื่อบรรยายเสร็จให้นักเรียนช่วยกัน
บอกอุปกรณ์ที่ช่วยในการตัดต่อวิดีโอ (ตัวอย่างคำตอบให้ครูพิจารณาถึงความเป็นไปได้ และใช้จริงในการตัดต่อ เช่น
คอมพิวเตอร์, โปรแกรม เป็นต้น) หลังจากนั้นครูเริ่มบรรยายแนวคิดต่างๆ ในการตัดต่อวิดีโอ และประโยชน์ของงาน
วิดีโอ ในระหว่างที่ครูบรรยายให้นักเรียนทำการจดบันทึก
3. ครูสร้าง Google Doc ในรูปแบบของ Presentation โดยพิมพ์หัวข้อว่า “ประเภทของไฟล์วิดีโอ” ดัง
ตัวอย่างต่อไปนี้ หลังจากนั้นให้ครู Copy link ไปวางไว้ในกลุ่ม Facebook เพื่อให้นักเรียนสามารถเข้าไปทำกิจกรรมได้
พิมพ์ข้อความ
6. ครูอธิบายการทำกิจกรรมให้นักเรียนฟังดังต่อไปนี้
1. ให้นัก เรียนค้นหาประเภทของไฟล์วิ ดีโอ พร้อมกับอธิบายลักษณะของไฟล์วิดี โอประเภทนั้ น
หลังจากนั้นให้นักเรียนแต่ละคู่นำมาพิมพ์ลงใน Google Doc พร้อมกับพิมพ์ชื่อและห้อง ลงในท้ายคำตอบ
2. แต่ละคู่ที่เลือกประเภทของไฟล์จะต้องไม่ซ้ำกับคู่อื่น ถ้านักเรียนคู่ใดที่สามารถหาประเภทไฟล์ไม่ซ้ำ
กับคู่อื่นได้ก็จะได้รับคะแนนพิเศษ
ขั้นสรุป (15 นาที)
1. ครูให้นักเรียนตอบคำถามว่า “ประเภทของไฟล์ที่ครูเปิดให้ดูเป็นไฟล์ประเภทวิดีโอใช่หรือไม่?”
2. นักเรียนส่งกระดาษที่จดบันทึกให้ครู
สื่อการเรียนรู้
1. คอมพิวเตอร์
2. เครื่องฉายสไลด์
3. โปรแกรม PowerPoint เรื่อง พื้นฐานการตัดต่อวิดีโอ
4. Google Doc รูปแบบ Presentation
ภาระงาน
1. การค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับประเภทของไฟล์วิดีโอลงใน Google Doc รูปแบบ Presentation
2. สมุด/กระดาษที่จดบันทึก
การวัดผลประเมินผล
เกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้
1. ด้านความรู้ (K)
ระดับคะแนน
เนื้อหา
3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
1. อธิบาย สามารถอธิบายความหมาย สามารถอธิบายความหมาย สามารถอธิบายความหมาย
ความหมายชนิดของ ชนิดของวิดีโอแบบอนาล็อก ชนิดของวิดีโอแบบอนาล็อก ชนิดของวิดีโอแบบอนาล็อก
วิดีโอแบบอนาล็อก และแบบดิจิตอลได้ถูกต้อง และแบบดิจิตอลได้มากกว่า และแบบดิจิตอลได้เล็กน้อย
และแบบดิจิตอล ทั้งหมด 50%
2. บอกชื่อของ สามารถบอกชื่ออุปกรณ์ สามารถบอกชื่ออุปกรณ์ สามารถบอกชื่ออุปกรณ์
อุปกรณ์ที่ช่วยในการ ที่ช่วยในการตัดต่อวิดีโอได้ ที่ช่วยในการตัดต่อวิดีโอได้ ที่ช่วยในการตัดต่อวิดีโอได้
ตัดต่อวิดีโอ อย่างครบถ้วน มากกว่า 50% เล็กน้อย
2. ด้านทักษะกระบวนการ (P)
ระดับคะแนน
เนื้อหา
3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
1. ทักษะในการ สามารถสืบค้นข้อมูลจาก สามารถสืบค้นข้อมูลจาก สามารถสืบค้นข้อมูลจาก
สืบค้นข้อมูลจาก อินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว อินเทอร์เน็ตได้ดี และ อินเทอร์เน็ตได้ค่อนข้างช้า
อินเทอร์เน็ต และสามารถเลือกใช้เว็บไซต์ สามารถเลือกใช้เว็บไซต์ และเลือกใช้เว็บไซต์
สำหรับอ้างอิงข้อมูลที่มี สำหรับอ้างอิงข้อมูลที่มี สำหรับอ้างอิงข้อมูลไม่
ความน่าเชื่อถือ ความน่าเชื่อถือ ค่อยมีความน่าเชื่อถือ
2. ใช้ Google Doc สามารถใช้ Google Doc สามารถใช้ Google Doc ไม่สามารถใช้ Google
รูปแบบ รูปแบบ Presentation ใน รูปแบบ Presentation ใน Doc รูปแบบ
Presentation ใน การทำงานได้อย่าง การทำงานได้ แต่มีการถาม Presentation ในการ
การทำงานได้ คล่องแคล่ว รวดเร็ว ซ้ำ ทำงานได้
3. ด้านคุณลักษณะ
ระดับคะแนน
เนื้อหา
3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
1. มีความรับผิดชอบ เข้าเรียนตรงต่อเวลา เข้าเรียนล่าช้า แต่ไม่เกิน ขาดความรับผิดชอบ
ในการเข้าชั้นเรียน 10 นาที เข้าเรียนล่าช้าเกิน 10 นาที
ระดับคะแนน
เนื้อหา
3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
2. ให้ความร่วมมือใน ให้ความร่วมมือในการทำ ให้ความร่วมมือในการทำ ไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการ
การทำกิจกรรม กิจกรรมดีมาก กิจกรรมค่อนข้างดี ทำกิจกรรม ส่งเสียงดังรบกวน
ส่งเสียงดังในบางครั้ง ชั้นเรียน
แหล่งการเรียนรู้
1. เอกสารประกอบการเรี ย น เรื ่ อ ง เทคโนโลยี ส ื ่ อ ประสม (Multimedia Technology) คณะวิ ท ยาการ
คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ของผู้ช่วยศาสตร์จารย์บังคม นิลรักษ์
2. เว็บไซต์ www.ns.ac.th/course/ulead/1.doc
11. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ/การนิเทศของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงชื่อ
( นางสุกัญญา มหาสิงห์ )
ตำแหน่ง หัวหน้างานบริหารวิชาการ
ข้อเสนอแนะ
ลงชื่อ
( นางอิสรีย์ ชัยยันต์คูณ )
ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนวังทรายขาววิทยา
12. บันทึกผลหลังการสอน
ผลการเรียนรู้
ปัญหา/อุปสรรค
แนวทางการแก้ไข
ลงชื่อ..............................................................
( นายเดชา ศิริกุลวิริยะ )
ตำแหน่ง ครูผู้สอน
บันทึกผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
การเรียนรู้เป็นไปตามแผนการเรียนรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม เรียนรู้ตามผลการเรียนรู้ที่
กำหนดให้ บรรยากาศในชั้นเรียนสนุกสนาน เพราะมีกิจกรรมที่น่าสนใจและนักเรียนทุกคนมีส่วนร่วม
2. ปัญหา/อุปสรรค
ในตอนต้นคาบนักเรียนบางคนแอบเปิดคอมพิวเตอร์ โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
ครูควรชี้แจงให้นักเรียนทราบก่อนเริ่มชั้นเรียนว่า ห้ามเปิดคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะได้รับอนุญาต และหากมีการ
ฝ่าฝืนก็จะมีการหักคะแนน
ลงชื่อ............................................................ผูส้ อน
(นายเดชา ศิริกุลวิริยะ)
ลงชื่อ............................................................ผู้นิเทศ
( นางอิสรีย์ ชัยยันต์คูณ )
วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2561
ภาคผนวก ค
การเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนเรื่อง การตัดต่อวิดีโอ
โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
89
ตารางที่ 4 แสดงการวิเคราะห์แบบสอบถามความพึงพอใจหรือเจตคติที่มีต่อการเรียนของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 3 ทีม่ ตี อ่ การเรียน เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียนออนไลน์ เป็นรายข้อ
ความพึง ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบน
ข้อที่ ข้อความ พอใจ X มาตรฐาน
S.D.
1 รูปแบบกิจกรรมการเรียนการสอนน่าสนใจ มาก 4.08 0.28
2 ระยะเวลาในการเรียนโดยใช้บทเรียนออนไลน์มีความเหมาะสม มาก 3.92 0.49
3 รายละเอียดและเนื้อหาเหมาะสมกับผู้เรียน มาก 4.15 0.38
4 ผู้เรียนมีความสุข เพลิดเพลินกับการเรียน บทเรียนออนไลน์ มาก 4.23 0.44
5 ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาที่เรียนเป็นอย่างดี มาก 4.00 0.41
6 ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากการเรียนโดยใช้บทเรียนออนไลน์ มาก 4.15 0.69
7 ผู้เรียนมีความสนใจและต้องการเรียนด้วยบทเรียนออนไลน์ มาก 4.38 0.51
8 โครงสร้างของเนื้อหาชัดเจน มาก 3.85 0.38
9 ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น มาก 4.31 0.48
10 การเรียงลำดับเนื้อหาเข้าใจง่าย มาก 4.00 0.71
11 มีภาพประกอบ ช่วยให้สื่อความหมายได้ชัดเจน มาก 4.23 0.44
12 ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในทักษะอื่นๆได้ มาก 4.00 0.41
รวม มาก 4.11 0.22
ภาคผนวก จ
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน
Pre – Test เรื่อง About Me
เลือกคําตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว ทําเครื่องหมาย กากบาท X ลงใน กระดาษคําตอบ (30 คะแนน)
จากรูปจงตอบคำถามข้อที่ 1-6
จากรูปจงตอบคำถามข้อที่ 11-20
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน
Post – Test เรื่อง About Me
เลือกคําตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว ทําเครื่องหมาย กากบาท X ลงใน กระดาษคําตอบ (30 คะแนน)
จากรูปจงตอบคำถามข้อที่ 1-6
จากรูปจงตอบคำถามข้อที่ 11-20
เห็นด้วยมากที่สุด ให้ค่าคะแนนเท่ากับ 5
เห็นด้วยมาก ให้ค่าคะแนนเท่ากับ 4
เห็นด้วยปานกลาง ให้ค่าคะแนนเท่ากับ 3
เห็นด้วยน้อย ให้ค่าคะแนนเท่ากับ 2
เห็นด้วยน้อยที่สุด ให้ค่าคะแนนเท่ากับ 1
ตอนที่ 1 ทำเครื่องหมาย √ ในช่องระดับความเห็นตามที่นักเรียนเห็นว่าเป็นจริง ในการเรียน
ภาษาอังกฤษ เรื่อง การตัดต่อวีดีโอ โดยใช้บทเรียนออนไลน์
ระดับความเห็น
ข้อที่ ข้อความ เห็นด้วย เห็นด้วย เห็นด้วย เห็นด้วย เห็นด้วย
มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด
1 รูปแบบกิจกรรมการเรียนการสอนน่าสนใจ
ระยะเวลาในการเรียนโดยใช้บทเรียนออนไลน์มี
2
ความเหมาะสม
3 รายละเอียดและเนื้อหาเหมาะสมกับผู้เรียน
ผู้เรียนมีความสุข เพลิดเพลินกับการเรียน
4
บทเรียนออนไลน์
5 ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาที่เรียนเป็นอย่างดี
ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากการเรียนโดยใช้
6
บทเรียนออนไลน์
ผู้เรียนมีความสนใจและต้องการเรียนด้วย
7
บทเรียนออนไลน์
8 โครงสร้างของเนื้อหาชัดเจน
9 ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น
10 การเรียงลำดับเนื้อหาเข้าใจง่าย
11 มีภาพประกอบ ช่วยให้สื่อความหมายได้ชัดเจน
ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในทักษะ
12
อื่นๆได้
***************************
ขอขอบคุณในความร่วมมือ
ประวัติผู้วิจัย