Professional Documents
Culture Documents
การประเมินความน่าเชื่อถือของงานวิจัย รูปแบบ Randomized Controlled Trial ด้วย CASP Checklists PDF
การประเมินความน่าเชื่อถือของงานวิจัย รูปแบบ Randomized Controlled Trial ด้วย CASP Checklists PDF
บทความการศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์
เรื่อง การประเมินความน่าเชื่อถือของงานวิจัยรูปแบบ Randomized Controlled Trial
ด้วย CASP Checklists
รหัสการศึกษาต่อเนื่อง: 1010-1-000-001-05-2561
จานวน: 2.0 หน่วยกิต
วันที่รับรอง: 3 พฤษภาคม 2562
วันที่หมดอายุ: 2 พฤษภาคม 2563
โดย ภก.ดุรงค์กร พลทม
ติดต่อผู้นิพนธ์: คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เลขที่ 85 ถ.สถลมาร์ค ต.เมืองศรีไค อ.วารินชาราบ
จ.อุบลราชธานี 34190 E-mail: durongkorn.p@ubu.ac.th
วัตถุประสงค์
เพื่ อ ให้ ท ราบถึ ง แนวทางการใช้ CASP checklists เป็ น เครื่ อ งมื อ ในการประเมิ น ความน่ า เชื่ อ ถื อ
ของงานวิจัยรูปแบบ randomized controlled trial
บทคัดย่อ
การอ่านและประเมินความน่าเชื่อถือของงานวิจัยประเภท randomized controlled trial เป็นหนึ่งใน
ทักษะที่สาคัญสาหรับเภสัชกรในการแก้ไขปัญหาทางคลิ นิก ซึ่งปัจจุบันได้มีแนวทางสาหรับการประเมินความ
น่าเชื่อถือของงานวิจัยจากหลากหลายสถาบัน หนึ่งในนั้นคือ CASP checklists ที่มีการใช้งานอย่างกว้างขวาง
อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นและรายละเอียดต่าง ๆ ที่ผู้ใช้งานควรทาความเข้าใจ เพื่อให้สามารถใช้แบบประเมิน
นี้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และนาไปสู่การตัดสินใจทางคลินิกที่มีคุณภาพ
บทนา
ปัจจุบันโลกได้ก้าวเข้าสู่ ยุคสมัยของการแพทย์เชิงประจักษ์ (evidence-based medicine, EBM)1
การตัดสินใจเพื่อแก้ไขปัญหาทางคลินิกต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของงานวิจัยทางคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ดังนั้น
นอกเหนือจากความรู้ความสามารถทางวิชาการ การอ่านและประเมินความน่าเชื่อถือของงานวิจัยเพื่อนาไปใช้
ทางคลิ นิ ก (critical appraisal) จึ ง เป็ น อี ก ทั ก ษะหนึ่ ง ที่ ส าคั ญ ต่ อ บุ ค ลากรทางการแพทย์ร วมถึ ง เภสั ช กร
โดยเฉพาะอย่ า งยิ่ ง งานวิ จั ย ในรู ป แบบ randomized controlled trial (RCT) ที่ พ บได้ ม ากในงานวิ จั ย
การแพทย์ เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพของวิธีการรักษาทีส่ นใจเปรียบเทียบกับการรักษาในกลุ่มควบคุม
ทั้งนี้ความน่าเชื่อถือของงานวิจัยใด ๆ ขึ้นกับความถูกต้องเหมาะสมของระเบียบวิธีวิจัย เรียกความ
ความเที่ยงตรงภายใน (internal validity) และความถูกต้องเหมาะสมในการนาวิธีทดลองไปประยุกต์ใช้ กับ
1
หน่วยการศึกษาต่อเนื่อง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี การประเมินความน่าเชือ่ ถือของงานวิจัย รูปแบบ Randomized Controlled Trial
รหัสการศึกษาต่อเนื่อง 1010-1-000-001-05-2562 ดุรงค์กร พลทม
ผู้ ป่ ว ยจริ ง เรีย กความเที่ย งตรงภายนอก (external validity) ซึ่งปัจจุบัน ได้ มีการพัฒนาแนวทางและแบบ
ประเมินความน่าเชื่อถือของงานวิจัย จากหลากหลายสถาบัน หนึ่งในแบบประเมินที่มีการใช้อย่างกว้างขวางคือ
แบบประเมินของ Critical Appraisal Skills Programme (CASP)2
CASP พัฒนาแบบประเมินความน่าเชื่อถือของงานวิจัยทั้งหมด 8 รูปแบบ โดยงานวิจัยในรูปแบบ RCT
นั้ น มี CASP randomized controlled trial checklist3 เป็ น แบบประเมิ น ที่ พั ฒ นามาจากแนวทางการ
ประเมิ น งานวิ จั ย ของ JAMA 'Users’ guides to the medical literature ปี ค.ศ. 1994 แบบประเมิ น นี้
ประกอบไปด้วยคาถาม 11 คาถาม แบ่งเป็น 3 ส่วน (ดังแผนภาพที่ 1) คือ Section A (ข้อที่ 1 ถึง 6) สาหรับ
ประเมินความเที่ยงตรงภายใน Section B (ข้อที่ 7 และ 8) สาหรับประเมินผลลัพธ์ที่ได้ และ Section C (ข้อที่
9 ถึง 11) สาหรับประเมินความเหมาะสมในการนาวิธีทดลองไปประยุกต์ใช้กับผู้ป่วย ในแต่ละข้อจะมีคาใบ้
(hint) ช่วยให้คาแนะนาเพิ่มเติมว่าในคาถามนั้นมีประเด็นใดบ้างที่ต้องพิจารณา คาถามแต่ละข้อสามารถตอบ
ได้ 3 แบบคือ ใช่ ไม่ใช่ และไม่สามารถบอกได้
สิ่ งหนึ่ งที่ต้องทาความเข้าใจก่อนนาไปใช้คือ CASP Checklists ไม่ใช่ เครื่องมือส าหรับ ให้ คะแนน
งานวิจัย จึงไม่มีคะแนนให้ในแต่ละข้อคาถาม แต่ถูกออกแบบมาเป็นแนวทางในการวิเคราะห์ ความน่าเชื่อถือ
และความเหมาะสมของงานวิจัยเพื่อการนาไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วยด้วยดุลยพินิจของผู้ประเมิน
2
หน่วยการศึกษาต่อเนื่อง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี การประเมินความน่าเชือ่ ถือของงานวิจัย รูปแบบ Randomized Controlled Trial
รหัสการศึกษาต่อเนื่อง 1010-1-000-001-05-2562 ดุรงค์กร พลทม
3
หน่วยการศึกษาต่อเนื่อง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี การประเมินความน่าเชือ่ ถือของงานวิจัย รูปแบบ Randomized Controlled Trial
รหัสการศึกษาต่อเนื่อง 1010-1-000-001-05-2562 ดุรงค์กร พลทม
5
หน่วยการศึกษาต่อเนื่อง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี การประเมินความน่าเชือ่ ถือของงานวิจัย รูปแบบ Randomized Controlled Trial
รหัสการศึกษาต่อเนื่อง 1010-1-000-001-05-2562 ดุรงค์กร พลทม
7
หน่วยการศึกษาต่อเนื่อง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี การประเมินความน่าเชือ่ ถือของงานวิจัย รูปแบบ Randomized Controlled Trial
รหัสการศึกษาต่อเนื่อง 1010-1-000-001-05-2562 ดุรงค์กร พลทม
ตารางที่ 1 ผลลัพธ์ที่แสดงอิทธิพลการรักษา10
8
หน่วยการศึกษาต่อเนื่อง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี การประเมินความน่าเชือ่ ถือของงานวิจัย รูปแบบ Randomized Controlled Trial
รหัสการศึกษาต่อเนื่อง 1010-1-000-001-05-2562 ดุรงค์กร พลทม
9
หน่วยการศึกษาต่อเนื่อง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี การประเมินความน่าเชือ่ ถือของงานวิจัย รูปแบบ Randomized Controlled Trial
รหัสการศึกษาต่อเนื่อง 1010-1-000-001-05-2562 ดุรงค์กร พลทม
ในขั้นสุดท้ายคือการประเมินว่า ในท้ายที่สุดแล้วการนาผลงานวิจัยมาประยุกต์ใช้กับผู้ป่วยนั้นเป็นสิ่งที่
จาเป็น ได้ประโยชน์ต่อการรักษา คุ้มค่าเมื่ อเทียบกับความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะต้องได้รับ รวมไปถึงผลในด้านอื่น ๆ
ทั้งภาระค่าใช้จ่าย และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว
บทสรุป
จะเห็นได้ว่า CASP checklists เป็นแบบประเมินที่ออกแบบมาให้มีความกระชับและตรงประเด็น ต่อ
การวัดความเที่ยงตรงของงานวิจัยด้วย 11 ข้อคาถาม แต่การที่จะได้มาซึ่งคาตอบในแต่ละข้อคาถามนั้นก็ยัง
จาเป็นต้องอาศัยทักษะและการฝึกฝนของผู้อ่านในการคิดวิเคราะห์ถึง ความน่าเชื่อถือของงานวิจัยทั้งในด้าน
ระเบียบวิธีวิจัยและความเหมาะสมกับปัญหาทางคลินิกที่เผชิญเพื่อนาไปสู่การรักษาและแก้ไขปัญหาของผู้ป่วย
อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด
เอกสารอ้างอิง
1. Thoma A. A Brief History of Evidence-Based Medicine (EBM) and the Contributions of
Dr David Sackett [Internet]. 2015. Cited 2019 Feb 2. Available at:
https://academic.oup.com/asj/article/35/8/NP261/251339
2. Critical Appraisal Skills Programme. CASP Bibliography [Internet]. 2018. Cited: 2 Feb
2019. Available at: https://casp-uk.net/bibliography/
3. Critical Appraisal Skills Programme. CASP Randomised Controlled Trial Checklist
[Internet]. 2018. Cited: 2019 Feb 2. Available at: https://casp-uk.net/casp-tools-checklists/
4. Al-Jundi A, Sakka S. Critical Appraisal of Clinical Research. J Clin Diagn Res. 2017;
11(5): JE01-JE05.
5. Rosenberg W, Donald A. Evidence based medicine: an approach to clinical problem
solving. Br Med J. 1995 Apr 29; 310(6987): 1122.
6. Furie K.L., Rost N.S. Overview of secondary prevention of ischemic stroke [Internet].
2017. Cited: 2019 Feb 2. Available at: https://www.uptodate.com/contents/overview-of-
secondary-prevention-of-ischemic-
stroke?search=stroke%20risk%20factors&source=search_result&selectedTitle=1~150&usage_t
ype=default&display_rank=1
7. CourcierDuplantier S, Falissard B, Fender P. Subjective Outcome Measures of Drug
Efficacy. Thérapie. 2003 May 1; 58(3): 26773.
8. Pocock S.J., Stone GW. The Primary Outcome Is Positive — Is That Good Enough?
[Internet]. 2016. Cited: 2019 Feb 2. Available at:
https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMra1601511?fbclid=IwAR2lWYmRInpzOFUNRo07c3
eQ4x0reYz1Y1uZ-AKnY-Wiw_ZV-oiLLBUYt44#t=article
9. Kip, K.E., Hollabaugh, K., Marroquin, O.C., Williams, D.O. The Problem with Composite
End Points in Cardiovascular Studies: The Story of Major Adverse Cardiac Events and
Percutaneous Coronary Intervention. J Am Coll Cardiol. Vol. 51(7): 701-7.
10. Dawson, Beth, Trapp, Robert G. Basic & clinical biostatistics, 4 ed. United States:
New York : Lange Medical Books-McGraw-Hill, Medical Pub. Division, c2004.; 2004.
10
หน่วยการศึกษาต่อเนื่อง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี การประเมินความน่าเชือ่ ถือของงานวิจัย รูปแบบ Randomized Controlled Trial
รหัสการศึกษาต่อเนื่อง 1010-1-000-001-05-2562 ดุรงค์กร พลทม
11