You are on page 1of 11

เอกสารประกอบการเรียนการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

Critical Appraisal Skills Programme (CASP)


Randomised Controlled Trials Checklist

Efficacy and safety of strontium ranelate in the treatment of knee osteoarthritis:


results of a double-blind, randomised placebo-controlled trial1

(A) Are the results of the review valid?


Screening Questions
1. Did the trial address a clearly focused issue? 
HINT: An issue can be ‘focused’ In terms of

คำตอบ งานวิจัยได้อธิบายไว้ชดั เจนถึง PICO เพื่อทาการวิจัยตามวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินประสิทธิภาพยา Strontium


ranelate ด้าน radiological and clinical progression ในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม ในระยะเวลาการศึกษานาน 3 ปี ดังนี้
รำยละเอียด กำรประเมิน
P: OA knee Inclusion criteria: กลุ่มผู้ป่วยชายและหญิง ได้คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างเข้ามาเหมาะสม
Caucasian อายุ ≥50 ปี ทีไ่ ด้รับการวินจิ ฉัยโรค ตามเกณฑ์การวินิจฉัยที่เป็นมาตรฐาน และ
ข้อเข่าเสื่อม (knee osteoarthritis) การวินิจฉัย คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างที่มีปัญหาข้อเสื่อม
เป็นไปตามแนวทางของ American College of พิจารณาจาก Kellgren and Lawrence
Rheumatology criteria : การปวด (pain) อย่าง ตั้งแต่ grade 2 ขึ้นไป ถือว่าเหมาะสม
น้อยครึ่งชม.ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (intensity และได้คัดเลือกผู้ป่วยที่ได้รับยาทีอ่ าจส่งผล
≥40 mm on a 100-mm visual analogue ต่อผลการศึกษา และผู้ป่วยที่กาลังรักษาด้วย
scale) และประเมิน radiography ด้วยเกณฑ์ ยาอื่นๆในช่วงระยะเวลาไม่นานมานี้ออก
Kellgren and Lawrence ตั้งแต่ grade 2 หรือ รวมถึงผู้ป่วยที่มคี วามเสี่ยงสูงต่อการเกิด
grade 3 ซึ่งมีลักษณะของข้อเสื่อมและช่องว่าง venous thromboembolism เนื่องจากเป็น
ภายในข้อแคบลง (joint space narrowing) ซึ่ง ข้อห้ามของยา Strontium ranelate
ต้องมีช่องว่างภายในข้อ (joint space width
(JSW)) อยู่ในช่วง 2.5 - 5 mm เมื่อวัดที่
predominant knee osteoarthritis of the
medial tibiofemoral compartment
Exclusion criteria: คนที่ใส่ข้อเทียม (knee
prosthesis) หรือคนทีไ่ ด้รับยาต่างๆในช่วงเวลา
ไม่นานมานีก้ ่อนเข้างานวิจัย ดังนี้ intra-articular

จัดทาโดย อ.ภญ.สุพรรณิการ์ ประทีปจรัสแสง, version 9.12.2015 1


เอกสารประกอบการเรียนการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

injection (notably glucocorticoids<3 months


previously or hyaluronic acid <6 months
previously),clinical deformities, secondary
knee osteoarthritis, previous treat-
ments acting on cartilage or bone
metabolism (eg, oral or intravenous
bisphosphonates <1 year previously,
teriparatide or raloxifene <7 days prior
to selection, and oral glucosamine
≥1500 mg/day and chondroitin sulphate <3
months previously), and a medical history
or a high risk of venous thromboembolism
(contraindication for strontium ranelate).

I: Strontium วันละ 1 ซอง (1 g หรือ 2 g) ก่อนนอนหรือหลังยานี้ยงั ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนใช้ในการ


ranelate อาหาร 2 ชม. รักษา OA แต่ขนาดยา 2 gram เป็นขนาดยา
ในข้อบ่งใช้ osteoporosis
C: Placebo วันละ 1 ซอง ก่อนนอนหรือหลังอาหาร 2 ชม. ได้จัดทาให้มีลักษณะและวิธีรับประทาน
เช่นเดียวกับกลุ่มทดลอง
O: Primary endpoint Primary outcome
radiological วัด radiographical change ประเมินจาก JSW วัดการเปลี่ยนแปลงทีค่ วามกว้างของช่องว่าง
and clinical จากทีเ่ ปลี่ยนแปลงจาก baseline ไปเมื่อใช้ยาไป ของข้อเข่า เป็นไปตามวัตถุประสงค์งานวิจัย
progression of ระยะเวลา 3 ปี เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม Secondary outcome
knee Secondary endpoints -
การวัด Radiological progression
osteoarthritis - Radiological progression โดยพิจารณา ประเมินจากกลุ่มคนที่มี JSN ≥0.5 mm
จาก (joint space narrowing (JSN) ≥0.5 ถือว่าเหมาะสม เนื่องจากการศึกษาก่อน
mm over 3 years) หน้าพบว่าค่า cut off ของ JSN 0.5-0.8
- Radioclinical progression (JSN ≥0.5 mm เป็นกลุ่มคนที่มีการผ่าตัดเปลี่ยนเข่า
mm, and lack of improvement in ได้ ( knee replacement) เมื่อศึกษาไป
WOMAC pain (≤20%) over 3 years) นาน 3 ปี2,3
- WOMAC scores; global knee pain; and - การวัด WOMAC เป็นเครื่องมือ
urinary CTX-II levels มาตรฐานการวัดอาการข้อเสื่อมของ
ผู้ป่วย ในด้าน pain stiffness และ
physical function ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ
เป้าหมายการรักษาโรคข้อเสื่อมตามแนว

จัดทาโดย อ.ภญ.สุพรรณิการ์ ประทีปจรัสแสง, version 9.12.2015 2


เอกสารประกอบการเรียนการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

ทางการรักษา American College of


Rheumatology (ACR) ดังนั้นถือว่า
เหมาะสม4
เครื่องมือที่ใช้ในการวัดและวิธวี ัดผล
อธิบายชัดเจนถึงวิธีการวัดที่ไม่เกิด bias
และเพื่อมี reproductivity ของผล
การศึกษาได้ทาการวัดผล 2 ครั้งที่
independent center

2. Was the assignment of patients to treatments randomised? 


HINT: Consider

esearchers and patients?


คำตอบ
การศึกษาได้มีวิธีการ randomized ที่ดี คือ Randomized double-blinded, centralised interactive voice
response system, balanced randomisation stratified by centre and gender (block size, 3) ทาให้แต่ละกลุ่มมี
กระจายปัจจัยที่ใกล้เคียงกัน และจัดผู้ป่วยตามปัจจัยต่างๆได้ นอกจากนั้นลดการ bias ต่างๆได้ (selection bias,
performance bias, attrition bias, observation bias) และเป็น Intention to treat (ITT)

3. Were all of the patients who entered 


the trial properly accounted for at its
conclusion?
HINT: Consider

คำตอบ งานวิจยั ได้ดาเนินไปจนจบการศึกษา 3 ปี ตามที่งานวิจัยตั้งไว้ โดยกลุม่ ตัวอย่างไม่มีการย้ายกลุ่ม ยังคงกลุ่ม


ตัวอย่างทีเ่ ป็นการสุ่มทีเ่ หมาะสมอยู่ และจานวนกลุ่มตัวอย่างมีปริมาณเพียงพอตามสถิติที่ตงั้ ไว้ สามารถคานวณตาม
สถิติที่ตั้งไว้ได้

จัดทาโดย อ.ภญ.สุพรรณิการ์ ประทีปจรัสแสง, version 9.12.2015 3


เอกสารประกอบการเรียนการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

Is it worth continuing?
Detailed questions
4. Were patients, health workers and study 
personnel ‘blind’ to treatment?
HINT: Think about

คำตอบ งานวิจัย เป็น double blinded คือ blind กลุ่มตัวอย่างและผู้ทาวิจัย ถือว่าเหมาะสม สามารถลด bias การ
วัดผลการศึกษาได้ แต่อย่างไรก็ตาม ในเอกสารงานวิจัยได้ ให้ทางบริษัทยาเจ้าของเอง(sponsor) ทาหน้าที่การ
จัดการข้อมูล (data-management) และวิเคราะห์สถิติ (statistical analyses) แต่อย่างไรก็ตาม ผลการวิเคราะห์ทาง
สถิติได้ถูกยืนยันผล (independently confirmed) กับทาง the Department of Public Health Epidemiology and
Health Economics, University of Liege, Belgium ทาให้ผลการศึกษาที่ได้น่าจะนาไปใช้ได้

5. Were the groups similar at the start of the trial? 


HINT: Look at

คำตอบ กลุม่ ตัวอย่างทั้งสองกลุม่ มีลักษณะ Baseline characteristic ใกล้เคียงกัน และได้แสดงตามตารางพบว่า


แต่ละกลุ่มนั้นไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ

จัดทาโดย อ.ภญ.สุพรรณิการ์ ประทีปจรัสแสง, version 9.12.2015 4


เอกสารประกอบการเรียนการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

ลักษณะที่สาคัญของ Baseline characteristic ได้กล่าวไว้ครบถ้วนเพื่อใช้การประเมินผลได้ นั้นคือ รายละเอียด


ของโรคข้อ (Disease characteristics) ดังนี้
- Joint space width (mm) ใกล้เคียงกันทุกกลุ่ม ถือว่าเหมาะสม หัวข้อนี้สาคัญต่อการประเมินผลการศึกษา
เนื่องจาก primary outcome ต้องการทราบว่ายา Strontium ranelate กับกลุ่มควบคุมนั้นสามารถชะลอ
การลดลงของช่องว่างภายในข้อได้หรือไม่
- The Kellgren and Lawrence scale# เป็นระบบมาตรฐานในปัจจุบันใช้ในการประเมินความรุนแรงของโรค
ข้อเสื่อม โดยตั้งแต่ grade 2 ขึ้นไปจะมีปัญหาเรื่อง joint space narrowing (JSN) ที่แคบลง แสดงให้เห็น
ถึงกลุ่มตัวอย่างที่เลือกเข้ามาเป็นกลุ่มที่มีปัญหาของโรค และแต่ละกลุ่มมีจานวนตัวอย่างใกล้เคียงกัน ถือว่า
เหมาะสม
- WOMAC scale เป็นตัววัดมาตรฐานในปัจจุบันใช้ในการประเมินความเจ็บปวดของโรคข้อเสื่อม โดย
คะแนนรวม 300 คะแนน แบ่งเป็น Pain, Stiffness และ Physical function อย่างละ 100 คะแนน โดย
คะแนน 0 คะแนนคือไม่มีอาการปวด ข้อติด หรือการทางานปกติ หากคะแนน 100 คะแนนคืออาการแย่
ที่สุด เพื่อให้ประกอบการประเมิน secondary outcome ซึ่งค่าของ baseline แต่ละกลุ่มใกล้เคียงกัน ถือว่า
เหมาะสม
ในงานวิจยั นี้ไม่ได้กล่าวถึงยาอื่นๆที่ผู้ป่วยได้รับก่อนเข้าร่วมงานวิจัย แต่อย่างไรก็ตามทางผูว้ ิจัยได้กาหนดไว้
ชัดเจนแล้วว่า ไม่วา่ เป็นยาอะไร ซึ่งจะหยุดยาในช่วง Wash out period โดยประเมิน half life ของยา ถือว่ายอมรับได้
หมายเหตุ # The Kellgren and Lawrence system is a method of classifying the severity of knee osteoarthritis (OA) using
five grades:
 grade 0: no radiographic features of OA are present
 grade 1: doubtful joint space narrowing (JSN) and possible osteophytic lipping
 grade 2: definite osteophytes and possible JSN on anteroposterior weight-bearing radiograph
 grade 3: multiple osteophytes, definite JSN, sclerosis, possible bony deformity
 grade 4: large osteophytes, marked JSN, severe sclerosis and definite bony deformity

6. Aside from the experimental intervention, 


were the groups treated equally?
คำตอบ กลุ่มตัวอย่างทัง้ สองกลุม่ ได้มีการให้การรักษาอื่นๆทีเ่ หมือนกัน นอกเหนือจากยาที่ใช้ในการทดลอง และ
ช่วงเวลาการให้เหมือนกัน (จานวนและเวลาที่รับประทานตรงกันทุกกลุ่มนั้นคือ ให้ทานยา Strontium ranelate หรือ
ยาหลอก (ลักษณะยาเหมือนกัน) วันละ 1 ซอง ก่อนนอนหรือหลังอาหาร 2 ชม.) และการดูแลแต่ละกลุ่มเหมือนกัน
รายละเอียดดังนี้

จัดทาโดย อ.ภญ.สุพรรณิการ์ ประทีปจรัสแสง, version 9.12.2015 5


เอกสารประกอบการเรียนการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

กลุ่มที่ศกึ ษำ กลุ่มทดลอง กลุ่มควบคุม


Wash out period ยาทุกชนิดที่กลุ่มตัวอย่างได้รับก่อนเข้างานวิจัย ต้องหยุดการใช้ทงั้ หมด เป็น
ระยะเวลาอย่างน้อย 5 half life ก่อนเริ่มงานวิจัย
โดยผู้ทาวิจัย(Investigators) ได้แจ้งกลุ่มตัวอย่างไว้ชดั เจนว่าวันใดจะ
สามารถเริ่มเข้างานวิจัยได้ และได้กาหนดระยะเวลาเป็นมาตรฐานในการหยุด
ยาต่างๆไว้ให้แต่ละ site (specific country)
ยำมำตรฐำนใช้กำร Strontium ranelate Placebo
รักษำ
กำรรักษำอืน่ ๆที่ กลุ่มตัวอย่างทุกคนได้รับอนุญาตให้ทาการรักษาอื่นๆได้เท่าเทียมกัน ดังนี้
อนุญำตให้ใช้ physiotherapy, rehabilitation, และยาบรรเทาอาการปวดอื่นๆ (ถ้าจาเป็น)
กำรรักษำอืน่ ๆที่ไม่ Treatments acting on cartilage (chondroitin, glucosamine
อนุญำตให้ใช้ sulphate ≥1500 mg) or bone metabolism (bisphosphonates), and
glucocorticoids (oral, inhaled >1500 μg/day, or intra-articular,
ยกเว้นว่ามีความจาเป็นเท่านั้น

(B) What are the results?

7. How large was the treatment effect?


HINT: Consider

คำตอบ การศึกษานี้มีการวัดความร่วมมือการใช้ยาได้สูง 93.3% แสดงให้เห็นว่าผลการศึกษาต่อไปนี้เชื่อถือได้ว่ามา


จากฤทธิ์ของยาทีใ่ ช้ในการศึกษา
ผลการศึกษาที่ได้ ดังตารางด้านล่างนี้

จัดทาโดย อ.ภญ.สุพรรณิการ์ ประทีปจรัสแสง, version 9.12.2015 6


เอกสารประกอบการเรียนการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

 Primary outcome: การประเมิน JSW พบว่ากลุ่มที่ได้รับ strontium ranelate ขนาด 1 mg/day และ 2
mg/day ให้ผลชะลอการลดลงของช่องว่างในข้อ (JSW) เมื่อวัดเปรียบเทียบจาก baseline ได้ดีกว่ากลุ่ม placebo
อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ นั้นคือ
- กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ยา strontium ranelate ขนาด 1 mg/day มีการลดลงช่องว่างภายในข้อ จาก
baseline น้อยกว่ากลุ่มควบคุมเท่ากับ 0.14mm (SE=0.04) อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p value
0.001) ในช่วงความเชื่อมั่นที่ 95%CI; 0.05 ถึง 0.23
- กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ยา strontium ranelate ขนาด 2 mg/day มีการลดลงช่องว่างภายในข้อจาก
baseline น้อยกว่ากลุ่มควบคุมเท่ากับ 0.10mm (SE=0.04) อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p value
0.018) ในช่วงความเชื่อมั่นที่ 95%CI; 0.02 ถึง 0.19
 Secondary outcome: Progression of disease, n (%)
- Radiological progression (JSN ≥0.5 mm over 3 years): การได้รับ strontium ขนาด 1 mg/day
และ 2 mg/day มีจานวนผู้ป่วยที่มีผล JSN ≥0.5 mm over 3 years น้อยกว่ากลุ่ม placebo อย่างมี
นัยสาคัญทางสถิติ นั้นคือ
จำนวนตัวอย่ำงที่ยังคง JSN ≥0.5 mm เมื่อรักษำไปนำน 3 ปี ดังนี้
strontium ranelate 1 mg/day strontium ranelate 2 mg/day Placebo
(n=445) (n=454) (n=472)
99 คน (22%) 116 คน (26%) 156 คน (33%)
o กลุ่มตัวอย่าง strontium ranelate 1 mg/day มีจานวนที่ยังคงมี JSN ≥0.5 mm
น้อยกว่ากลุ่มควบคุ ม เท่ากับ 10.80 ราย อย่างมีนัย สาคัญ ทางสถิติ (p value
<0.01) ที่ช่วงความเชื่อมั่น 95%CI;−16.54 to −5.06)
o กลุ่มตัวอย่าง strontium ranelate 2 mg/day มีจานวนที่ยังคงมี JSN ≥0.5 mm
น้อยกว่ากลุ่มควบคุม เท่ากับ 7.50 ราย อย่างมีนัยสาคัญ ทางสถิติ (p value
<0.0012) ที่ช่วงความเชื่อมั่น 95%CI;−13.34 to −1.66)
- Radio clinical progression: การได้รับ strontium ขนาด 1 mg/day และ 2 mg/day มีผล JSN ≥0.5
mm and lack of improvement in WOMAC pain (≤20%) pain over 3 years ในจานวนผู้ป่วยที่น้อย
กว่ากลุ่ม placebo อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ
- ผลของ WOMAC มีความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ เมื่อให้ในขนาด 2g/day
สาหรับหัวข้อ WOMAC นี้อาจจะไม่ชัดเจนของผลการศึกษา หากพิจารณาที่เนื้อหา supplement อธิบาย
ยาร่วมที่กลุ่มต่างๆใช้ในระหว่างการศึกษา ดังนี้
กลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่มได้รับยาอื่นๆร่วม โดยส่วนใหญ่ได้รับยาเพื่อบรรเทาอาการปวด
และมีจานวนตัวอย่างที่ได้รับยาที่มีสรรพคุณในการชะลอการลดลงของช่องว่างภายในข้อประมาณ

จัดทาโดย อ.ภญ.สุพรรณิการ์ ประทีปจรัสแสง, version 9.12.2015 7


เอกสารประกอบการเรียนการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

0.2-0.4% เช่น glucosamine และ chrondrotin แต่ละกลุ่มตัวอย่างได้ยาแต่ละชนิด ไม่แตกต่างกัน


ระหว่างกลุ่ม แสดงตารางดังด้านล่าง แต่อย่างไรก็ตามขนาดยาเพื่อบรรเทาอาการปวด และจานวน
ยาที่ได้รับต่อหนึ่งคนอาจจะมีความแตกต่างกันได้ ซึ่งผู้วิจัยไม่ได้แสดงผลไว้ซึ่งอาจจะส่งผลต่อผลการ
ปวด ซึ่งส่งผลต่อการประเมินผลด้าน WOMAC score ได้

ผลการศึกษาด้านความปลอดภัย ดังนี้

จากตารางแสดงให้เห็นว่าอาการไม่พึงประสงค์มเี พียงอาการทาง GI tract เช่น คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ซึง่ มี


จานวนแตกต่างจากกลุ่มควบคุมไม่มากนัก นอกจากนั้นอาการทางผิวหนัง เช่น แพ้ยา ผื่นคัน สามารถเกิดขึ้นได้ แต่พบได้
ไม่มากนัก สาหรับอาการ VTE พบได้แต่พบได้ไม่มากนักเช่นกัน โดยกลุ่มตัวอย่างทุกกลุ่มมีเปอร์เซ็นต์การถอนจากยาไม่
แตกต่างกันระหว่างกลุ่ม

จัดทาโดย อ.ภญ.สุพรรณิการ์ ประทีปจรัสแสง, version 9.12.2015 8


เอกสารประกอบการเรียนการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

8. How precise was the estimate of the treatment effect?


HINT: Consider
What are the confidence limits?
คำตอบ Primacy outcome และ secondary outcome มีช่วงความเชื่อมัน่ (Confidence Interval; CI) ที่
ค่อนข้างกว้าง ซึง่ แสดงให้เห็นถึงความไม่แม่นยาของผลการศึกษานัก
Primary outcome ช่วง CI ขนาด 1 mg/day 0.14mm (SE=0.04)(CI; 0.05 to 0.23) นั้นคือ การใช้ยา
strontium ranelate จะเห็นผลชะลอการลดลงช่องว่างภายในข้อได้ดีกว่ากลุม่ placebo อย่างน้อย 0.05mm เท่านั้น
และอย่างมาก 0.23 mm ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผลช่วงผลการรักษายังกว้าง ไม่มีความแม่นยาของผลการศึกษานัก
เช่นเดียวกับที่ 2 mg/day 0.10 mm (SE=0.04) (CI;0.02 to 0.19) นั้นคือ strontium ranelate จะเห็นผลชะลอการ
ลดลงช่องว่างภายในข้อได้ดกี ว่ากลุ่ม placebo อย่างน้อย 0.02 mm เท่านั้น และอย่างมากที่ 0.19 mm
การชะลอการลดลงช่องว่างภายในข้อได้ดีอย่างมากที่สุดประมาณ 0.19 และ/หรือ 0.23 mm นี้อาจจะ
ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง Radiological progression ได้ในเชิงคลินิกได้
Secondary outcome : Radiological progression และ Radioclinical progression หากพิจารณาที่
เปอร์เซนต์จานวนคนที่มี JSN ≥0.5 mm over 3 years จะพบว่ามีความแตกต่างกันระหว่างกลุ่ม แต่หากพิจารณาที่
CI พบว่าช่วงกว้างเช่นกัน ดังนั้นอาจจะให้ผลไม่ชัดเจนแม่นยานัก ดังนี้
- การใช้ยา strontium ranelate 1 mg/day มีจานวนคนที่มี JSN ≥0.5 mm over 3 years ลดลงจากไม่ใช้ยา
ได้ 5 คน ถึง 16 คน (ช่วงความเชือ่ มั่นกว้าง)
- การใช้ยา strontium ranelate 2 mg/day มีจานวนคนที่มี JSN ≥0.5 mm over 3 years ลดลงจากไม่ใช้ยา
ได้ 1 คน ถึง 13 คน (ช่วงความเชือ่ มั่นกว้าง)

(C) Will the results help locally?

9. Can the results be applied in your context? 


(or to the local population?)
HINT: Consider whether
not how to
they differ?
คำตอบ การศึกษาสามารถใช้ในกลุ่มผู้ป่วยในประเทศไทยตามรพ.ต่างๆได้ เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้ป่วย กลุ่มอายุ เพศ
รวมถึงการตรวจวินิจฉัยในประเทศไทย ตามแนวทางการรักษาโรคข้อเสื่อมแห่งประเทศไทย5 ไม่มีความแตกต่างกัน
กับการศึกษานี้ ลักษณะเชื้อชาติ ไม่ส่งผลต่อผลของยา ดังนั้นสามารถใช้งานวิจัยนี้ไปปรับใช้ในรพ.ต่างๆในประเทศ
ไทยได้

จัดทาโดย อ.ภญ.สุพรรณิการ์ ประทีปจรัสแสง, version 9.12.2015 9


เอกสารประกอบการเรียนการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

10. Were all clinically important outcomes No


considered?
HINT: Consider

คำตอบ ยา strontium ranelate มีการศึกษาและรายงานใน EMA5 การใช้ใน Osteoporosis แล้วทาให้เกิด heart


attack ได้ ซึ่งการศึกษาไม่ได้ผลการศึกษาด้านนี้ ทาให้ไม่สามารถแปลผลถึงด้าน safety ในกลุ่มผู้ป่วยนี้ได้

11. Are the benefits worth the harms and costs?


HINT: Consider
if this is not addressed by the review, what do you think?
คำตอบ
สาหรับด้านประสิทธิภาพของยา strontium ranelate ในขนาด 1 และ 2 mg/day สามารถชะลอการลด
ช่องว่างภายในข้อ (JSW) และลดการดาเนินไปของโรคได้ ในผู้ป่วย OA knee ได้อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ใน
ระยะเวลา 3 ปี แต่อย่างไรก็ตามผลการชะลอการลดลงของข้อ และการดาเนินไปของโรค ยังให้ผลที่ไม่มีความ
แม่นยาของผลการศึกษานั้น เป็นไปได้ว่าหากนาไปใช้ในทางปฏิ บัติอาจจะได้ผลน้อยมาก ซึ่งอาจจะไม่เปลี่ยน
ผลลัพธ์เชิงคลินิกของผู้ป่วย ดังผลการศึกษาดังกล่าว สาหรับด้านความปลอดภัย ตามการศึกษายา strontium
ranelate ในขนาด 1 และ 2 mg/day มีอาการไม่พึงประสงค์ไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตามควรพิจารณาผลด้าน heart
attack ที่มีการรายงานใน EMA การใช้ใน Osteoporosis ซึ่งไม่ได้แสดงผลในการศึกษานี้ ทาให้ไม่สามารถแปลผล
ดังกล่าวได้ อาจจะพบหรือไม่พบ heart attack แต่อย่างไรก็ตาม สาหรับราคา 2 g ประมาณ 100บาท/ซอง
รับประทาน 1 ซองต่อวัน ระยะเวลา 3 ปี คิดเป็นมูลค่า 108,000 บาท
สรุปดังนี้ ยา strontium ranelate ในขนาด 1 และ 2 mg/day ให้ประสิทธิภาพในการชะลอการลดลง
ช่องว่างภายในข้อได้ และลดการดาเนินไปของโรคได้ในผู้ป่วย OA knee แต่ผลการศึกษาไม่ชัดเจนนัก รวมถึงราคา
ยาค่อนข้างสูง และเป็นยานอกบัญชียาหลัก ดังนั้นการนามาใช้ในเชิงปฏิบัติยังไม่ควรเป็นทางเลือกหลักในการรักษา
หากแพทย์พิจารณานามาใช้ ต้องไม่นามาใช้ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงการเกิด VTE และผู้ป่วยโรคหัวใจ รวมถึงต้อง
ติดตามการเกิด heart attack ด้วย

จัดทาโดย อ.ภญ.สุพรรณิการ์ ประทีปจรัสแสง, version 9.12.2015 10


เอกสารประกอบการเรียนการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

เอกสำรอ้ำงอิง
1. Reginster J-Y, et al. Badurski J, Bellamy N, et al. Effiacy and safety of strontium ranelate in the
treatment of knee osteoarthritis: results of a double-blind, randomised placebo-controlled trial. Ann
Rheum Dis 2013;72:179–186.
2. Ornetti P, Brandt K, Hellio-Le Graverand M-P, et al. OARSI - OMERACT definition of relevant
radiological progression in hip/knee osteoarthritis. Osteoarthritis and Cartilage. 2009;17: p856-63.
3. Bruyere O, Richy F, Reginster JY. Three year joint space narrowing predicts long term incidence of
knee surgery in patients with osteoarthritis: an eight year prospective follow up study. Ann Rheum
Dis 2005;64:p1727–30.
4. American College of Rheumatology.[Internet] [cited 2015 Dec 9] Available from:
http://www.rheumatology.org/.
5. European Medicines Agency recommends that Protelos/Osseor remain available but with further
Restrictions. 2014 February 21. [cited 2015 Dec 9] Available from:
http://www.ema.europa.eu/docs/en_GB/document_library/Press_release/2014/02/WC500161971.pdf
6. แนวปฏิบัติบริการสาธารณสุข โรคข้อเข่าเสื่อม พ.ศ.2554. [Internet] [cited 2015 Dec 9] Available from:
http://www.rcost.or.th/web/data/cpgoa2554.pdf.

จัดทาโดย อ.ภญ.สุพรรณิการ์ ประทีปจรัสแสง, version 9.12.2015 11

You might also like