Professional Documents
Culture Documents
โดย
เสนอ
อ. พนมศักดิ์ มนูญปรัชญาภรณ์
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทยระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ จัดทำขึ้นเพื่อจุด
ประสงค์ในการ ค้นหาความรู้ วิเคราะห์และพิจารณาวรรณคดีเรื่อง คัมภีร์ฉันทศาสตร์
แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ทางผู้จัดทำต้องการจะนำเสนอข้อมูลเชิงวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน
เนื้อเรื่อง โวหารและการใช้ภาษา รวมไปถึงคุณค่าต่างๆที่ได้รับจากการอ่านคัมภีร์ฉันทศาสตร์
แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์นี้ ทางคณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้อ่านจะได้รับความรู้และประโยชน์
จากรายงานเล่มนี้ไม่มากก็น้อย หากทางคณะผู้จัดทำได้ทำสิ่งผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา
ณ ที่นี้ และขอน้อมรับทุกคำแนะนำไปปรับปรุงแก้ไข
ทั้งนี้รายงานเล่มนี้จะไม่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีหากขาดความช่วยเหลือจากอาจารย์พนม
ศักดิ์ มนูญปรัชญาภรณ์ ทางคณะผู้จัดทำจึงขอขอบพระคุณอาจารย์ที่ช่วยเป็นผู้ให้ คำแนะนำและ
ข้อเสนอแนะเพื่อที่จะให้คณะผู้จัดทำนำกลับไปแก้ไขอะไรงานเล่มนี้ได้สำเร็จลุล่วง
คณะผู้จัดทำ
๑๕/๐๕/๒๐๒๐
สารบัญ
หน้า
๑. การอ่านและพิจารณาเนื้อหาและกลวิธีในวรรณคดีและวรรณกรรม
๑.๑ เนื้อเรื่อง ๔
๑.๒ โครงเรื่อง ๔
๑.๓ ตัวละคร ๔
๑.๔ ฉากท้องเรื่อง ๔
๑.๕ บทเจรจาหรือรำพึงรำพัน ๕
๑.๖ แก่นเรื่อง ๕
๒. การอ่านและพิจารณาการใช้ภาษาในวรรณคดีและวรรณกรรม
๒.๑ การสรรคำ ๕
๒.๒ การเรียบเรียงคำ ๖
๒.๓ การใช้โวหาร ๗
๓. การอ่านและพิจารณาประโยชน์หรือคุณค่าในวรรณคดีและวรรณกรรม
๓.๑ คุณค่าทางปัญญา ๘
๓.๒ คุณค่าทางศีลธรรม ๙
๓.๓ คุณค่าทางวัฒนธรรม ๙
บรรณานุกรม ๑๐
๑. การอ่านและพิจารณาเนื้อหาและกลวิธีในวรรณคดีและวรรณกรรม
๑.๑ เนื้อเรื่อง
ตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ได้กล่าวว่าการเป็นมนุษย์เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีโรคภัยไข้เจ็บหรือ
เสื่อมสมรรถภาพโดยผู้เขียนเลือกที่จะใช้บทเปรียบเทียบเพื่อให้เข้าใจง่ายโดยใช้ร่างกายของมนุษย์
เปรียบเทียบกับบ้านเมือง โดยเลือกที่จะใช้หัวใจเป็นพระราชา น้ำดีเป็นฝ่ายวังหน้าเป็นเกราะ
ป้องกันหรือเรียกได้ว่าเป็นภูมิต้านทาน อาหารเป็นเสบียงเลี้ยงชีพ และมีแพทย์เป็นทหาร ผู้ที่
ปกป้องเมืองจากโรคภัยและรักษาส่วนอื่นๆ
คัมคัมภีร์ฉันทศาสตร์เป็นตาราที่รวบรวมความรู้จากตาราอื่นๆที่คลอบคลุมเนื้อหาหลายเรื่อง
ตัวอย่างเช่นสรรพคุณของสมุนไพรหรือวิธีในการรักษาต่างๆ โดยกล่าวถึงเรื่องสั้นๆเกี่ยวกับโรคและ
วิธีรักษาให้ผู้อ่านเข้าใจคร่าวๆ ส่วนตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์จะกล่าวถึงการเป็นแพทย์ที่ดี ที่
ต้องมีคุณสมบัติในการชำนาญทั้งความรู้ด้านวิชาการและคุณธรรม โดยที่ไม่ถูกครอบงำโดยความ
โลภ โกรธและหลง
๑.๒ โครงเรื่อง
ตำราเล่มนี้แบ่งออกเป็นคัมภีร์ที่แบ่งออกเป็นเรื่องๆและมีเนื้อหาต่างกัน โดยเน้นเนื้อหาเกี่ยวกับ
การรักษาโรค สรรพคุณของสมุนไพรต่างๆ อีกทั้งเกี่ยวกับคุณสมบัติที่แพทย์ควรมี
๑.๓ ตัวละคร
ไม่มีตัวละครหลักในคัมภีร์ฉันทศาสตร์แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ แต่กล่าวถึงสิ่งที่แพทย์ควรทำและ
โรคต่างๆ
๑.๔ ฉากท้องเรื่อง
ไม่มีฉากท้องเรื่องใดปรากฏให้เห็น เว้นแต่การอุปมาเปรียบร่างกายเป็นเมืองตามที่กล่าวดังนี้
อนึ่งจะกล่าวสอน กายนครมีมากหลาย
ประเทียบเปรียบในกาย ทุกชายหญิงในโลกา
ดังนั้นจึงไม่มีฉากท้องเรื่องเนื่องจากคัมภีร์ฉันทศาสตร์แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์มุ่งเน้นถึงเรื่องแพทย์
การสอนและถ่ายทอดความรู้
๔
๑.๕ บทเจรจาหรือรำพึงรำพัน
คัมภีร์ฉันทศาสตร์แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์มีเพียงแต่การบรรยายให้ความรู้แก่ผู้อ่าน ดังนั้นภาษาที่
ใช้ส่วนใหญ่คือ การบรรยาย อธิบายและไม่พบบทสนทนาระหว่างตัวละครหรือการรำพึงรำพัน
ตัวอย่างเช่น
บางหมอก็กล่าวคำ มุสาซ้ำกระหน่ำความ
ยกตนว่าตนงาม ประเสริฐยิ่งในการยา
บางหมอก็เกียจกัน ทีอันแพทย์รักษา
บ้างกล่าวเป็นมารยา เขาเจ็บน้อยกว่ามากครัน
๑.๖ แก่นเรื่อง
คัมภีร์ฉันทศาสตร์แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์มีจุดประสงค์หลักคือการถ่ายทอดความรู้ทางการแพทย์
ที่รวมถึงวิธีรักษาและวินิฉัยโรคต่างๆ และสอนถึงคุณธรรมและจรรยาบรรณที่แพทย์พึงมี คือการไม่
โลภ ทะนงตน อวดอ้างความรู้จนเกิดการรักษาผิดพลาด มีความไม่ประมาทในการรักษาและวินิฉัย
ผู้ป่วย อีกทั้งต้องศึกษาตำราให้ถี่ถ้วน
๒. การพิจารณาการใช้ในวรรณคดีและวรรณกรรม
๒.๑ การสรรคำ
การสรรคำในวรรณคดีถือเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญ เพราะจะสื่อถือ อารมณ์ความคิด ความรู้สึกของตัว
ละครได้ อย่างชัดเจนงดงาม
๒.๑.๑ เลือกให้คำให้ถูกต้องตามความหมายที่ต้องการ
บทความนี้กวีเลือกที่จะใช้คำศัพท์ที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกและความคิดไปยังผู้อ่านในลักษณะ
ที่ตรงไปตรงมา ไม่ได้มีความหมายมาก
แต่สักเป็นแพทย์ได้ คัมภีร์ไสยไม่จำเป็น
ครูนั้นไม่ควรเรียน จะนำตนให้หลงทาง
จากตัวอย่างคำที่ขีดเส้นใต้สังเกตได้ว่า มีความหมายตรงตัว ซึ่ง คัมภีร์ไสย มีความหมายว่า คัมภีร์
อาถรรพเวทของอินเดีย ซึ่งมีเนื้อหาส่วนหนึ่งเกี่ยวกับการรักษาโรค ทำให้เกิดความกระชับ คำ
ประพันธ์ไม่ ยืดเยื้อ
๒.๑.๒ การเลือกใช้คำให้เหมาะสมแก่ลักษณะของคำประพันธ์
บทประพันธ์นี้เป็นร้อยกรอง กาพย์ยานี ๑๑ ดังนั้นคำประพันธ์วรรคด้านหน้าจึงต้องมี ๕ คำ และ
วรรคด้านหลังต้องมี ๖ คำ เช่น
เปรียบแพทย์คือทหาร อันชำนาญรู้ลำเนา
ข้าศึกมาอย่าใจเบา ห้อมล้อมรอบทุกทิศา
๒.๒ การเรียบเรียงคำ
คือการที่เรานำใจความสำคัญไปไว้ท้ายสุดของประโยค เป็นการวางลำดับเนื้อหาให้มีความกระชับ
เข้าใจ ง่ายและตรงกับวัตถุประสงค์ของกวีโดยที่อาจจะเริ่มเรื่องด้วยเรื่องธรรดาก่อน แล้วค่อยเข้ม
ข้นขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง ตอนสุดท้าย เช่น
ตัวอย่างที่ ๑
รู้น้อยอย่าบังอาจ หมิ่นประมาทในโรคา
แรงโรคว่าแรงยา มิควรถือคือแรงกรรม
ตัวอย่างที่ ๒
ใช่โรคสิ่งเดียวดาย จะพลันหายในโรคา
ต่างเนื้อก็่ต่างยา จะชอบโรคอันแปรปรวน
๒.๓ การใช้โวหาร
คือกลวิธีการใช้ภาษาในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งและชัดเจนยิ่งขึ้น โดย
โวหารที่ ถูกนำมาใช้อย่างมากคืออุปมาโวหารและอุปลักษณ์โวหาร ทำให้การบรรยายเนื้อหา
ทางการแพทย์ในงานเขียนเรื่อง นี้เข้าใจง่ายมากขึ้น จึงถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของวรรณกรรมเรื่องนี้
๒.๓.๑ อุปมาโวหาร
ตัวอย่างที่ ๑
อนึ่งจะกล่าวสอน กายนครมีมากหลาย
ประเทียบทุกหญิงชาย มีมากมายในโลกา
ตัวอย่างที่ ๒
เมื่ออ่อนรักษาได้ แก่แล้วไซร้ยากหนักหนา
ไข้นั้นอุปมา เหมือนเพลิงป่าไหม้ลุกลาม
๒.๓.๒ อุปลักษณ์โวหาร
ตัวอย่างที่ ๑
เปรียบแพทย์คือทหาร อันชำนานรู้ลำเนา
ข้าศึกมาอย่างใจเบา ห้อมล้อมรอบทุกทิศทาง
ตัวอย่างที่ ๒
อาหารอยู่ในกาย คือเสบียงเลี้ยงโยธา
การใช้อุปลักษณ์โวหารยังสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องมีคำเชื่อม แต่ใช้คำอีกคำหนึ่งแสดงแทนได้เลย
ตัวอย่างเช่น วรรคที่สองในกาพย์บทแรกที่กล่าวว่า กายนครมีมากหลาย ในที่นี้ผู้แต่ง สื่อความ
หมายเปรียบเทียบว่าร่างกายมนุษย์เป็นเหมือนนครหรือเมือง เมืองหนึ่งที่มีโรคต่างๆเป็นข้าศึก
๓. การอ่านและพิจารณาประโยชน์หรือคุณค่าในวรรณคดีและวรรณกรรม
๓.๑ คุณค่าทางปัญญา
๓.๑.๑ ให้ข้อคิดสําหรับการนําไปใช้ในชีวิตประจําวัน
ในคัมภีร์ฉันทศาสตร์ได้มีการกล่าวถึงและทรอดแทรกเนื้อหาเกี่ยวกับจรรยาบรรณแพทย์ไว้
มากมากมาย ไม่ว่าจะเป็ยหัวข้อความประมาท ความเห็นแก่ตัว ความ โลภ ความโอ้อวดหลงตัวเอง
และการกล่าวโทษผู้อื่น เพราะฉนั้น การเป็นแพทย์ที่ดีจึงควรละเว้นสิ่งเหล่านี้ โดยอาจจะกล่าวได้
ว่าการจะเป็นแพทย์ได้นั้นต้องมีความ รอบคอบ เห็นแก่ผู้อื่น รับผิดชอบต่อหน้าท่ี และยอมรับ
ความเป็นจริง เมื่อเราพิจารณาสิ่งเหล่านี้แล้วนั้นก็เห็ฯได้ว่าไม่ใช่สิ่งที่แพทย์เท่านั้นพึงปฏิบัติแต่เป็น
สิ่งที่ทุกคนในสังคมพึงระลึกไว้และปฏิบัติตาม ดังตัวอย่าง
บางทีรู้มิทัน ด้วยโรคนั้นใช่วิสัย
ตน บ รู้ทิฏฐิใจ ถือว่ารู้ขืนกระทา
จบเรื่องที่ตนรู้ โรคนั้นสู้ว่าแรงกรรม
ไม่สิ้นสงสัยทา สุดมือม้วยน่าเสียดาย
บางทีก็มีชัย แต่ยาให้โรคนั้นหาย
ท่านกล่าวอภิปราย ว่าชอบโรคนั้นเป็นดี
๓.๑.๒ ให้ความรู้เรื่องศัพท์ทางการแพทย์แผนโบราณ
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์เป็นตำราแพทย์ตั้งแต่สมัยโบราณที่ได้รวบรวมความรู้
ทางการแพทยืแผนโบราณจากตำราต่างๆที่สืบทอดกีนมาหลายชั่วอายุคนไว้ ดังนั้นจึงมีคำศัพทย์
มากมายกลายคำที่ได้เลิกใช้ไปแล้ว ทำให้คนรุ่นหลังสามารถศึกษาคำศัพทย์แพทย์จากคัมภีร์
โบราณนี้ได้ ตัวอย่างเช่น คพว่า ปิตตํ หมายถึง น้ำดีจากตับ และ เส มหา หมายถึง เสมหะ เป็นต้น
๓.๒ คุณค่าทางศีลธรรม
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ไม่เพียงแต่ให้ความรู้ทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังให้คำสอนเชิงศีลธรรม
และจริยธรรมที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และบุคคลอาชีพอื่นๆไม่ควรมี เช่น ความประมาท
ความอวดดี ความริษยา ความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความหลงตัวเอง และการมีศีลธรรมประจำ
ใจ
๓.๓ คุณค่าทางวัฒนธรรม
๓.๓.๑ สะท้อนให้เห็นความเชื่อของสังคมไทย
เรียนรู้ให้ชัดเจน จบจังหวัดคัมภีร์ไสย์
ตั้งต้นปฐมใน ฉันทศาสตร์ดังพรรณนา