You are on page 1of 12

1

เจ้าหญิง

แฟนของผมคนนีเ้ ธอชื่อว่าน้อยหน่า ผมรักเธอสุดหัวใจ เราเรียนอยู่ห้องเดียวกัน ไม่ รูว้ ่าใครจีบใครก่ อน


หยอกล้อกันไปหยอกล้อกันมา สุดท้าย เอาไปเอามาเลยกลายมาเป็ นแฟนกัน น้อยหน่าเป็ นผูห้ ญิงตัวเล็กๆ
น่ารักๆ ยิม้ เก่ง อัธยาศัยดี เป็ นที่รกั ของเพื่อนๆ ทุกคน แถมยังเรียนหนังสือเก่งอีกด้วย มันทําให้ผมตกหลุมรัก
เธออย่างถอนตัวไม่ขนึ ้
ความรักของผมกับน้อยหน่า เป็ นคู่รกั ในวัยเรียนที่มีทงั้ สุขและทุกข์ ทะเลาะกันบ้างเป็ นบางครัง้ แต่
สุดท้ายก็รกั กันดี เราก็คงเหมือนคู่รกั ทั่วๆ ไป ไปกินข้าวด้วยกัน ไปดูหนังด้วยกัน คอยดูแลเอาใจใส่ซ่งึ กันและ
กัน อยู่ เสมอ ไปไหนมาไหนด้ว ยกั น ตลอด จนถู ก เพื่ อ นๆ แซวอยู่ บ่ อ ยๆ ว่ า ตั ว ติ ด กั น เหมื อ นปาท่ อ งโก๋
ยามเช้าพอไปถึงโรงเรียน สิ่งแรกที่นอ้ ยหน่าจะถามถึงคือการบ้านที่ครู ส่ งั ให้ทาํ แน่นอนว่าถ้าผมยัง
ทําไม่เสร็จหรือไม่ได้ทาํ เธอจะเอาการบ้านออกมาให้ผมลอก และช่วยผมทํา ปากก็พรํ่าบ่นจนผมต้องเอามือ
ปิ ดหูไว้
ถึงแม้ว่าทัง้ วันเราจะต้องเจอหน้ากันตลอด แต่ก็ไม่เคยรู ส้ ึกเบื่อเลย บ่อยครัง้ ที่ได้น่ งั เรียนอยู่ขา้ งกัน
ผมนัน้ อ่อนวิชาคํานวณ จึงมีนอ้ ยหน่านี่แหละที่เหมือนเป็ นคุณครูอีกคน
ผมเป็ นนักฟุตบอลที มโรงเรียน ผมใช้เวลาในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนฝึ กซ้อมฟุตบอล พอน้อยหน่ า
เรียนพิเศษเสร็จ เธอก็จะรีบมานั่งดูผมอยู่ขา้ งสนาม โดยที่เธอไม่เคยรูเ้ ลยว่า เวลาที่ผมเห็นเธออยู่ขา้ งสนาม
มันทําให้ผมมีกาํ ลังใจเต็มเปี่ ยม
ถ้ามีเวลาว่างจริงๆ เรามักไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ที่รา้ นอาหารตามสั่ง ซึ่งมันเป็ นมือ้ เย็นที่หรูท่ีสดุ ของ
เราแล้ว กินข้าวเสร็จก็ข่ีรถมอเตอร์ไซค์ไปเล่นตามสวนสาธารณะบ้าง ริมแม่นาํ้ บ้าง พูดคุยกันไปสัพเพเหระ
อย่างสนุกสนาน ทั้งที่ทั้งวันก็คุยกันมาตลอด และก่อนสองทุ่ม ผมจะต้องไปส่งน้อยหน่ากลับบ้าน โดยมี
สายตาพ่อหรือแม่ของน้อยหน่าแอบมองดูอยู่
และนั่นก็เป็ นวงจรชีวิตรักในแต่ละวันของผมกับน้อยหน่า
มีอยู่วนั หนึ่ง ผมกับน้อยหน่าไปออกกําลังกายที่สวนสาธารณะเหมือนอย่างเคย เราชอบเดินจับมือ
กัน คุยกันไปเรื่อยๆ สลับกับการวิ่งเป็ นครัง้ คราว พอเริ่มรู ส้ ึกเหนื่อยก็ไปนั่งพักที่มา้ นั่ง มองดูนาํ้ ในบึงทอ
ประกายกับแสงแดดที่กาํ ลังลาลับของฟ้า
“ฉันไม่อยากให้ถึงวันที่เราต้องจากกันเลย” อยูด่ ีๆ น้อยหน่าก็พดู แบบนีข้ นึ ้ มา
“ทําไมพูดอย่างนัน้ ล่ะน้อยหน่า” ผมหันไปมองหน้าเธอ
“ฉันก็ไม่อยากให้มนั เป็ นแบบนัน้ หรอก แต่ฉนั เชื่อว่าสักวัน มันจะต้องเป็ นแบบนัน้ ”
“น้อยหน้าอย่าพูดแบบนีเ้ ลย มันเหมือนเป็ นลางร้ายยังไงก็ไม่รู”้
“และถ้าวันหนึ่งเราต้องจากกันจริงๆ” เธอหันมามองหน้าผม “คุณจะลืมฉันไหม”
“ไม่แน่นอน ผมจะไม่มีวนั ลืมคุณ” ผมยืนยันหนักแน่น
2

“สัญญานะ”
“สัญญา”
เธอยื่นนิว้ ก้อยออกมา เราเกี่ยวก้อยกันเหมือนเด็ก
พอถึงฤดูกาลสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย ผมรูส้ กึ ว่าทุกอย่างดูว่นุ วายไปหมดจนแทบจะไม่มีเวลา
ทําอะไรเลยนอกจากครํ่าเคร่งอยู่กับตําราเรียน มันทําให้ผมกับน้อยหน่าเจอกันน้อยลง พูดคุยกันน้อยลง
เป็ นช่วงหัวเลีย้ วหัวต่อ ที่ต่างคนต่างจดจ่ออยู่กบั อนาคตของตัวเอง

หลังเรียนจบชัน้ มัธยม ผมก็กา้ วเข้าสู่รวั้ มหาวิทยาลัย การเปลี่ยนไปอยู่ในอีกที่หนึ่ง ทําให้ทุกอย่างดูสบั สน


วุ่นวายไปหมด ผมต้องใช้เวลาเรียนรู ช้ ีวิตใหม่และปรับตัวให้เข้ากับมันอยู่สกั พัก ในตอนแรก ผมคิดถึงชีวิต
ในสมัยมัธยมมากๆ ผมรูส้ กึ ว่ามันช่างมีความสุขเหลือเกินเมื่อคิดถึงช่วงเวลานี ้
ผมเข้าไปเรียนต่ อที่กรุ งเทพฯ ส่วนน้อยหน่าเรียนต่ อในมหาวิทยาลัยที่บ้านเกิ ด ช่ วงแรกๆ เราก็
ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ แต่นบั วันก็ยิ่งห่างเหินกันออกไป จนไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้
เหมือนกันว่าระยะทางหรืออะไรกันแน่ ที่แยกผมออกจากน้อยหน่า
ผมสนุกอยู่กบั การเรียน จนเวลาล่วงเลยมาถึงปี สดุ ท้าย แล้วแรงเหวี่ยงของโชคชะตาก็พาให้ผมมา
เจอกับนํา้ ตาล เราเรียนอยู่ในสาขาเดียวกัน ได้ทาํ งานกลุ่มด้วยกันอยู่บ่อยๆ ความใกล้ชิดทําให้เราสนิทกัน
ขึน้ ทุกวัน จนสานสันพันธ์กลายมาเป็ นคนรัก
“ช่วยฉันทํางานที่อาจารย์ส่ งั หน่อยได้ไหมกันต์” นํา้ ตาลบอกแกมบังคับ หลังจากเรียนเสร็จ “พอดี
วันนีฉ้ นั มีธุระต้องไปทํา”
“ได้สิ” ผมตอบตกลง
คําพูดของนํา้ ตาลทําให้ใบหน้าของน้อยหน่ าลอยขึ น้ มาในหัว ครัง้ หนึ่ งผมเคยใช้ค นอื่ นช่ วยทํา
การบ้านให้ มาบัดนี ้ กลับกลายเป็ นผมเองที่ตอ้ งมาทําให้อีกคน และวันนัน้ ผมก็ตอ้ งหอบเอางานของนํา้ ตาล
กลับไปทําที่หอพักด้วย
กลางดึกผมได้รบั โทรศัพท์จากเพื่อนของนํา้ ตาล เป็ นก๊วนเพื่อนนักดื่มของเธอ ปลายสายบอกว่า
นํา้ ตาลเมาแอ๋ให้มารับกลับไปด่วน
ผมเรียกแท็กซี่ไปรับเอานํา้ ตาลกลับมาที่หอพักของผม ถ้าเอาเธอไปส่งที่บา้ นเลย ผมก็กลัวว่าจะเกิด
เรื่องไม่ดีขนึ ้ ผมเอาผ้าชุบนํา้ มาเช็ดตามเนือ้ ตัวให้เธอ แล้วโทรเรียกพี่นาํ้ ฝน
พี่นาํ้ ฝนเป็ นพี่สาวของนํา้ ตาล เมื่อก่อนก็เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ตอนนีจ้ บออกไปทํางาน
แล้ว พี่นาํ้ ฝนรูจ้ กั นิสยั ใจคอของผมดี คอยถามไถ่เรื่องของน้องสาวของตัวเองจากผมอยู่บ่อยๆ
“ขอบคุณกันต์มากนะ ที่ดแู ลน้องสาวพี่อย่างดี” พี่นาํ้ ฝนพูดกับผม ตอนเอานํา้ ตาลขึน้ ไปนั่งในรถเก๋ง
แล้ว
“ครับพี่นาํ้ ฝน ผมเป็ นคนรักของนํา้ ตาล ผมต้องดูแลเธออยู่แล้วครับ”
3

มีอยู่วนั หนึ่ง เป็ นวันที่นาํ้ ตาลกลุม้ ใจมาก แต่ผมก็ไม่ได้ถามว่าเธอหนักอกหนักใจเรื่องอะไร ผมรูว้ ่า


สุดท้ายแล้ว เธอจะต้องหาทางออกด้วยการดื่มอีกเช่นเคย
“แสดงว่าวันนีค้ ณ ุ จะไปดื่มอีกแล้วใช่ไหม” ผมถามขึน้
“ใช่ เพราะมันเป็ นทางออกที่ดีท่สี ดุ ของฉัน” เธอตอบแบบคนสิน้ คิด
ผมกลัวว่าเธอจะคิดทําอะไรไปในทางที่ไม่ดี วันนัน้ ผมจึงขอไปกับเธอด้วย เรานั่งดื่มกันอยู่สองคน
ส่วนใหญ่มีแต่เธอมากกว่าที่ดื่ม ส่วนผมได้แต่น่ งั ดู
“ทําไมคุณต้องดื่มเหล้าด้วย”
“เพราะมันทําให้ฉนั ลืมเรื่องราวเลวร้ายได้”
“คุณกําลังหลอกตัวเองมากกว่า เหล้าน่ะมันช่วยอะไรไม่ได้หรอก มีแต่จะทําให้ทุกอย่างมันเลวร้าย
ลง คุณต้องกล้าที่จะเผชิญหน้ากับปั ญหานะ”
เธอไม่สนใจคําพูดของผม ยังคงยกแก้วเหล้าดื่มต่อไป
“ตัง้ แต่เล็กจนโต พ่อแม่ตงั้ ความหวังกับฉันไว้สูงมาก อยากให้ฉันเป็ นอย่างโน้นอย่างนี ้ ฉันต้องอยู่
ภายใต้การกํากับของพ่อแม่ตลอด ฉันไม่ชอบอะไรแบบนีเ้ ลย ทําไมต้องมาคาดหวังอะไรจากฉันด้วย”
ผมดื่มเป็ นเพื่อนนํา้ ตาลจนเธอเมามากแล้ว วันนัน้ พี่นาํ้ ฝนไปทํางานที่ต่างจังหวัด ผมจึงต้องเรียก
แท็กซี่เป็ นคนพานํา้ ตาลไปส่งที่บา้ น
วันนัน้ บังเอิญว่าพ่อของนํา้ ตาลไม่อยู่ ผมจึงเจอแต่แม่ของเธอ ผมเล่าเรื่องราวทัง้ หมดให้แม่เธอฟั ง
อย่างเปิ ดอก
“พี่สาวของนํา้ ตาล เคยเล่าให้แม่ฟังแล้ว ว่ากันต์เป็ นคนยังไง” แม่ของนํา้ ตาลพูดกับผม เมื่อผมเล่า
จบ “นํา้ ตาลสํามะเลเทเมาแบบนี ้ กันต์ก็ยงั รักลูกสาวของแม่อยู่เหรอ”
“ครับแม่ ผมรักนํา้ ตาลครับ”
“ยังไงแม่ฝากดูนาํ้ ตาลด้วยก็แล้วกันนะ นํา้ ตาลฟั งกันต์พดู มากกว่าแม่เสียอีก” แม่ของนํา้ ตาลว่า
“ครับ” ผมรับปาก
พอเรียนจบ ต่ างคนต่ างก็แยกย้ายกัน ไปตามทางของแต่ละคน ความสัมพันธ์ของผมกับนํา้ ตาล
ค่อยๆ จืดจางลง ผมพยายามติดต่อเธออยู่ แต่ดเู หมือนว่าเธอก็พยายามจะไม่พบหน้าผม อาจจะด้วยเหตุผล
อะไรของเธอก็แล้วแต่ แต่ผมก็ดีใจ ที่สดุ ท้ายแล้ว ผมสามารถพาเธอคว้าเอาใบปริญญามาได้อย่างทุลกั ทุเล
ผมมาได้รบั รู ข้ ่าวคราวของเธอจากเพื่อนคนหนึ่ง ว่าเธอทะเลาะกับครอบครัวอย่างรุ นแรงและหนี
ออกจากบ้าน ผมจนปั ญญาจะตามหาเธอ ได้แต่ภาวนาให้เธอปลอดภัย

ผมก็ คงเหมื อนหลายๆ คน ที่ พ อได้ใบปริญ ญาแล้ว ก็ออกหางานทํา ผมไปสมัครทํางานอยู่หลายที่ จน


สุดท้ายได้เข้าทํางานในบริษัทแห่งหนึ่ง
4

และการเริ่มต้นชีวิตการทํางานก็ทาํ ให้ผมได้พบกับไข่มกุ เราทํางานอยู่ท่ีเดียวกัน ในแผนกเดียวกัน


ความใกล้ชิดทําให้เราสนิทกันขึน้ เรื่อยๆ จนสานสัมพันธ์กลายมาเป็ นแฟนกัน
อันที่จริง ผมรู ด้ ีว่าความรักที่ผ่านมาของผมนัน้ ล้มเหลวไม่เป็ นท่า แต่เมื่อมองไปรอบกาย ผมกลับ
พบว่าในวัยนี ้ หลายคนต่างก็มีคนรักด้วยกันทัง้ นัน้ ผมก็เลยคิดว่า ลองรักอีกสักครัง้ จะเป็ นไรไป
ไข่มกุ เป็ นคนสวย ผมคิดว่าเธอน่าจะเป็ นที่หมายปองของหนุ่มๆ หลายคน ซึ่งผมก็ไม่รูว้ ่าเหตุผลอัน
ใดที่เธอเลือกผม แต่จะว่าไปแล้ว ผมก็ไม่ใช่คนขีร้ วิ ้ ขีเ้ หร่อะไร ก็หล่อเหลาเอาการกับเขาอยู่
ผมยอมรับตามตรงว่าผมแพ้ให้กับความสวยของไข่มุก ไข่มุกเป็ นผูห้ ญิ งที่สวยจริงๆ ผมรับรองได้
เลยว่าผูช้ ายคนไหนเห็นเป็ นต้องชอบเธอเหมือนกัน
“วันนีไ้ ปกินข้าวข้างนอกด้วยกันนะ” ใกล้เที่ยงของวันนัน้ ไข่มกุ มาชวนผมที่โต๊ะทํางาน
“ได้สิไข่มกุ ” ผมบอก
อันที่จริงผมไม่อยากไปกินเท่าไรหรอก เพราะร้านที่ไข่มกุ เลือกมีแต่รา้ นหรูๆ ราคาแพงทัง้ นัน้ แต่ผม
ก็ขดั เธอไม่ได้อยู่ดี
ร้านอาหารที่ ไข่มุกพาผมไป อยู่ไม่ไกลจากที่ทาํ งานมากนัก พอไปถึ งเธอก็ ส่ ังอาหารมาเต็ม โต๊ ะ
เหมือนอย่างเคย
“ฉันมีเรื่องจะขอให้คณ ุ ช่วยหน่อยจะได้ไหม” เธอเอ่ยขึน้
“ได้อยู่แล้วไข่มกุ ถ้าผมช่วยได้นะ”
“ฉันอยากขอยืมเงินคุณสักก้อน”
แล้วเธอก็เล่าให้ผมฟั งถึงธุรกิจที่เธอกําลังจะลงทุนทํา ซึ่งมันดูเกินตัว เกินกําลังที่มีมากเกินไป และ
แทบจะมองไม่เห็นความสําเร็จเลย
“คุณมีความทะเยอทะยานมากเกินไป”
“แล้วมันไม่ดีเหรอที่ฉันมีความทะเยอทะยาน ฉันอยากก้าวไปข้างหน้า ก้าวไปจากจุดที่ฉันเป็ นอยู่
ไปสูจ่ ดุ ที่ดีกว่า”
“ความทะเยอทะยานมันก็ดีอยู่ไข่มกุ แต่คณ ุ มีมากเกินไป ผมกลัวว่าสักวันหนึ่งมันจะทําให้คณ ุ ต้อง
ล้มเหลวน่ะสิ”
แต่สดุ ท้าย ผมก็ให้เธอยืมเงินไปอยู่ดี
มีอยู่วนั หนึ่งที่ไข่มุกต้องออกไปทํางานกับเจ้านาย ช่วงนัน้ ผมจึงต้องไปกินข้าวคนเดียว ตัง้ แต่สมัย
เรียนอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว ผมมักไปนั่งกินข้าวแกงที่รา้ นของแพรว
“ฉันมีอะไรบางอย่างจะเล่าให้คุณ ฟั ง ถ้าคุณ อยากฟั งนะ” แพรวเข้ามานั่งลงที่เก้าอี ้ ในตอนที่ผม
กําลังกินข้าวอยู่
“ฟั งแพรว ผมอยากฟั ง คุณมีเรื่องอะไรจะเล่าให้ผมฟั งเหรอ”
“นี่ฉนั จะพูดในฐานะที่เราเป็ นเพื่อนสนิทกันนะ ความสัมพันธ์ของคุณกับไข่มกุ ไปถึงไหนแล้วตอนนี”้
5

“ก็เรื่อยๆ แหละแพรว”
“อย่าหาว่าฉันพูดอย่างนัน้ อย่างนีเ้ ลยนะ ไข่มุกเธอเป็ นคนสวย เธอมีผูช้ ายมาติดพันด้วยหลายคน
เลย คุณระวังตัวไว้สกั หน่อยก็ดีนะ อย่าทุ่มเทกับเธอมากเกินไป”
ผมรับฟั งแต่โดยดี เพราะแพรวถือเป็ นเพื่อนสนิทของผมอีกคนหนึ่ง เรียนหนังสือในมหาวิทยาลัยมา
ด้วยกัน แถมยังบังเอิญ ได้มาทํางานในบริษัทเดียวกันอีก แพรวกําพร้าพ่อแม่ อยู่กับยายตั้งแต่ยังแบเบาะ
เธอเป็ นคนอ่อนโยน ชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ

วันหนึ่งผมได้รบั โทรศัพท์จากนํา้ ตาล เราคุยกันอยู่สกั พัก ถามไถ่สารทุกข์สกุ ดิบกันพอสมควร นํา้ เสียงของ


เธอมีแววเศร้าสร้อย ผมคิดว่าเธอน่าจะมีเรื่องหนักใจ เธออยากให้ผมไปพบที่บา้ นของเธอ
ผมเจอพ่อกับแม่ของนํา้ ตาล และพี่นาํ้ ฝน ผมเล่าให้ทกุ คนฟั งว่าตอนนีผ้ มทํางานอยู่ท่ไี หน เล่าให้ฟัง
คร่าวๆ ถึงชีวิตในปั จจุบนั
ตอนที่ผมเดินเข้าไปในห้องนอนของนํา้ ตาล เธอกําลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย
เธอนั่งเอาหลังพิงหมอนอยู่บนเตียง ผมรู ส้ ึกตกใจที่ขาข้างขวาของเธอถูกตัดขึน้ ไปถึงหัวเข่า แต่ก็พยายาม
สะกดอาการตกใจไว้
“ขอบคุณที่คณ ุ มานะกันต์ ขอบคุณที่ยงั ไม่ลืมฉัน” เธอพูด นํา้ ตาไหลอาบแก้ม
“ผมต้องมาอยู่แล้ว เพราะผมก็คิดถึงคุณ ไม่นอ้ ยไปกว่าที่คณ ุ คิดถึงผมหรอก”
“คุณไม่น่ามาเห็นฉันในสภาพน่าหดหู่แบบนีเ้ ลย”
“ไม่เห็นจะน่าหดหู่ตรงไหนเลย คุณก็ยงั สวยและน่ารักเหมือนเดิมนะนํา้ ตาล”
เธอยิม้ ขําให้กบั คําพูดของผม
“ถ้าไม่รงั เกียจ ฉันขอกอดคุณหน่อยได้ไหม”
“ได้สิ ทําไมผมจะต้องรังเกียจคุณด้วย”
ผมเข้าไปสวมกอดเธอ เรากอดกันอยู่เนิ่นนาน
“คุณเชื่อไหม หลังจากที่ชีวิตของฉันต้องกลายมาเป็ นแบบนี ้ ไม่เคยมีใครมาสนใจใยดีฉันเลย เพื่อน
ฝูงที่เคยบอกว่ารักฉันอย่างโน้นอย่างนี ้ เพื่อนฝูงที่เคยดื่มกินสรวลเสเฮฮาด้วยกัน ไม่มีใครแวะมาเยี่ยมฉัน
เลยสักครัง้ เดียว” เธอพูดแบบคนน้อยใจ
นํา้ ตาลเล่าอะไรต่างๆ นานาให้ผมฟั งเสียยืดยาว เวลาที่เธอพูดถึงอุบัติเหตุท่ี ทาํ ให้เธอเสียขาไป
นํา้ ตาเธอก็เริ่มไหลทุกที
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะไม่ทาํ ตัวเหลวแหลกแบบเดิมอีกเป็ นอันขาด”
“เราย้อนเวลากลับไปไม่ได้หรอกนํา้ ตาล แต่เราสามารถทําปั จจุบันที่เราเป็ นอยู่ให้ดีขึน้ ได้นะ” ผม
พยายามพูดให้กาํ ลังใจเธอ
6

“เวลาที่ฉันสิน้ หวัง เวลาที่ฉันท้อแท้ ฉันมักจะนึกถึงเรื่องราวดีๆ ระหว่างเราสองคน มันทําให้ฉันมี


กําลังแรงใจที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า”
“นํา้ ตาลคิดถูกแล้ว ผมเองก็เหมือนกันนะนํา้ ตาล เวลาที่ผมรูส้ ึกเหนื่อย รู ส้ กึ ท้อแท้ ผมก็มกั จะคิดถึง
เรื่องราวดีๆ ระหว่างผมกับนํา้ ตาลเหมือนกัน”
ผมคุยอยู่เป็ นเพื่ อนนํา้ ตาล จนเธอผล็ อยหลับไป ผมห่ มผ้าให้เธอ จูบที่ เรือนผมของเธอ ก่อนจะ
ออกมานั่งคุยกับครอบครัวของนํา้ ตาลอยู่นานสองนาน
“นํา้ ตาลน่าสงสารมากเลยนะครับ” ผมพูดกับพี่นาํ้ ฝน ตอนที่กาํ ลังจะกลับ
“ใช่กนั ต์ น้องสาวพี่น่าสงสารมาก”
“เธอกําลังต้องการกําลังใจครับพี่นาํ้ ฝน ฝากดูแลนํา้ ตาลด้วยนะครับ”
“ขอบคุณกันต์มากนะที่ยงั ไม่ลืมพวกเรา ครอบครัวพวกเรายินดีตอ้ นรับกันต์เสมอนะ”
ผมยกมือไหว้ทกุ คน แล้วขอตัวลากลับ

ผมทํางานได้ยังไม่ถึงปี เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึน้ อย่างกะทันหัน และบริษัทที่ผมทํางานอยู่ ก็


กําลังประสบกับปั ญหาทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้บริษัทมีนโยบายลดจํานวนพนักงานลง ซึ่งผมก็ได้แต่ทาํ ใจ
กับสิ่งที่เกิดขึน้
ส่ ว นความสัม พั น ธ์ข องผมกับ ไข่ มุ ก นั้น ไม่ ต้อ งไปพูด ถึ ง เพราะตอนนี ้เธอได้ตี จ ากผมไปเป็ น ที่
เรียบร้อยแล้ว กําลังคบหาอยู่กบั นักธุรกิจคนหนึ่ง ซึ่งมีทกุ สิ่งทุกอย่างเพียบพร้อมไปกว่าผม
มันถือได้ว่าเป็ นการตัดสินใจครัง้ สําคัญครัง้ หนึ่งในชีวิตของผมเลยก็ว่าได้ ก่อนจะลาออกจากงานที่
ทําอยู่ ผมนั่งทบทวนคิดแล้วคิดอีกอยู่นานพอสมควร เพราะผมไม่อยากกลับบ้านแบบคนขีแ้ พ้ แต่ถึงผมไม่
ลาออก ผมก็คงต้องถูกบริษัทสั่งให้ออกอยู่ดี
ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่สาํ คัญ ไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของผมกับไข่มุกจะจบลงไปแล้ว แต่
ส่วนตัวผมเองยังมีเยื่อใยกับเธออยู่ ผมคงทําใจลําบากถ้าต้องเจอหน้ากันทุกวันอยู่ท่ีทาํ งาน เพราะตอนนี ้
ปั ญหาที่ประเดประดังเข้ามา มันทําให้ผมอ่อนแอเหลือเกิน
วันนั้นหลังจากที่ย่ืนใบลาออกเสร็จเรียบร้อย ตอนนัน้ ผมยังคิดอะไรไม่ออก ไม่รูจ้ ะไปทางไหนต่อ
รูส้ กึ เหนื่อยล้าไปหมด
ผมกลับไปเก็บข้าวของที่หอพัก ในหัววนเวียนอยู่กบั เรื่องการหางานใหม่ทาํ จนเสียงเคาะประตูปลุก
ผมจากภวังค์ความคิด ผมเปิ ดประตูออกไป เห็นร่างของแพรวยืนอยู่
“ฉันรูเ้ รื่องระหว่างคุณกับไข่มกุ แล้ว” เธอพูดเมื่อเข้ามาอยู่ในห้อง
“เรื่องอะไร” ผมถาม
“ก็ เรื่องที่คุณ เลิกกับไข่มุกยังไงล่ะ” เธอเฉลย “วันนี ฉ้ ันไปคุยกับไข่มุก ว่าจะบอกให้เธอรักคุณ ให้
มากๆ อย่าปอกลอกคุณมากนัก แต่กลับกลายเป็ นว่า เธอบอกฉันว่าเลิกกับคุณแล้ว”
7

“ใช่แพรว ผมเลิกกับไข่มกุ แล้ว”


เกิดความเงียบขึน้ ระหว่างเราสองชั่วขณะ เหมือนต่างคนต่างก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก
“ฉันจะไปกับคุณ” แพรวพูดอย่างหนักแน่น เหมือนคนที่ตดั สินใจมาแล้ว
“คุณหมายความว่ายังไง”
“ฉันก็หมายความตามที่พดู ไปนั่นแหละ ตอนนีฉ้ นั ก็ลาออกแล้วเหมือนกัน”
“คุณแน่ใจแล้วเหรอแพรวที่ทาํ แบบนี”้
“แน่ใจ ฉันจะไปกับคุณ”
ผมโผเข้าไปกอดแพรว นํา้ ตาอุ่นๆ ไหลอาบแก้มอย่างไม่รูต้ วั ผมร้องไห้เหมือนเด็กไม่มีผิดเลย
จะว่าไปแล้ว ตอนนีน้ ่าจะเป็ นช่วงเวลาที่ผมตกตํ่าที่สดุ ในชีวิต การที่มีคนมาอยู่เคียงข้างเราในวันที่
เราตกตํ่าที่สดุ ถือได้ว่าเป็ นโชคดีของคนๆ หนึ่ง
คนที่ผมเคยมองข้ามมาตลอด มาบัดนี ้ ได้กลายมาเป็ นคนที่ผมรักสุดหัวใจ และพร้อมที่จะอยู่เคียง
ข้างกันไปตลอด

นานแล้วที่ผมไม่ได้กลับบ้าน การกลับบ้านของผมครัง้ นี ้ ผมรู ส้ ึกเหมือนตัวเองเป็ นคนพ่ายแพ้ เพราะตลอด


ชีวิตของผม ผมไม่เคยทําให้พ่อกับแม่ผิดหวังเลย ผมกลัวเหลือเกิน ว่าจะถูกตราหน้าว่าเป็ นคนล้มเหลว
ผมกลับบ้านแบบเงียบๆ ไม่ได้บอกพ่อกับแม่ล่วงหน้าก่อน ตอนที่เจอหน้าลูก แม่กระโดดดีใจจนตัว
ลอย
พ่อกับแม่ปลืม้ ปี ติและดีใจมากเมื่อรูว้ ่าผมจะกลับมาทํางานอยู่ท่บี า้ น
“แล้วนั่นพาใครมาด้วยล่ะ” พ่อแซว
“แฟนผมเองครับ หวังว่าพ่อกับแม่จะรักและเมตตาแพรวนะครับ” ผมพูด
ผมพาแพรวเข้าไปกราบพ่อกับแม่ พ่อกับแม่เคยบอกผมว่าอยากมีลูกสาวมากๆ แต่ก็มีวาสนาได้
เพียงลูกชายคนเดียว
“จะมาก็ไม่บอกล่วงหน้า แม่จะได้เตรียมที่อยู่ท่นี อน เตรียมกับข้าวกับปลาไว้ตอ้ นรับ”
ผมเล่าให้ท่านทัง้ สองฟั งว่าเกิดอะไรขึน้ กับชีวิตบ้าง ยิ่งได้รูว้ ่าผมจะกลับมาอยู่บา้ นเพื่อช่วยทํางาน
ท่านยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่
“นี่แหละคือสิ่งที่พ่อกับแม่ตอ้ งการ คือการได้อยู่กับลูก พ่อกับแม่ก็เหมือนไม้ใกล้ฝ่ ั ง ยิ่งนับวันก็ยิ่ง
ใกล้ฝ่ ังเข้าไปทุกที” แม่พดู จบดึงผมกับแพรวเข้าไปหอมแก้มคนละฟอดอย่างเอ็นดู
“พ่อไม่รูห้ รอกนะว่ากันต์ตอ้ งเจออะไรมาบ้าง แต่ตอนนี ้ ลูกโตแล้วคิดเองเป็ น พ่อไม่อยากไปชีน้ าํ
อะไรลูกมากเกินไป กลับมาอยู่บา้ นเรา อยู่กับพ่อกับแม่สกั พัก ถ้าวันไหนลูกเบื่อ ก็กลับไปหางานทําตามที่
ลูกชอบก็ยงั ไม่สาย”
“ครับพ่อ”
8

“ดีจริงกลับบ้านครัง้ นี ้ มีลูกสะใภ้มาฝากแม่ดว้ ย มีหลานให้พ่อกับแม่อมุ้ ไวๆ นะ พ่อกับแม่จะได้ไม่


เหงา”
“แม่ก็ แซวกันจัง” ผมว่า
ครอบครัวของผมมีอาชีพเป็ นเกษตรกร เลีย้ งสัตว์ มีสวนผลไม้ มีสวนผัก ปลูกข้าวกินเอง ทําเกษตร
ผสมผสาน ทําให้มีรายได้ตลอดทัง้ ปี
ถ้าถามว่า ทําไมการทําเกษตรถึงไม่เคยอยู่ในหัวของผมเลย ผมว่าเป็ นเรื่องธรรมดาที่เด็กทุกคนจะ
ฝั นถึงการได้เป็ นตํารวจ เป็ นทหาร รับราชการ หรือทํางานที่มีเงินเดือนสูงๆ มากกว่าการที่ตอ้ งขลุกอยู่กับขี ้
ดินขีโ้ คลน
ตอนที่ผมยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย พ่อกับแม่เคยเล่าให้ผมฟั งว่าท่านกําลังจะเปิ ดโฮมสเตย์ แต่
ตอนนัน้ ผมไม่ได้รูส้ ึกสนใจหรือตื่นเต้นไปด้วยเลย มาถึงตอนนีม้ ันใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผมจึงเข้ามารับ
หน้าที่สานต่องานของพ่อกับแม่แทน

หลังจากที่หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มลงตัว ผมขับรถเข้ากรุงเทพฯ จุดประสงค์ก็เพื่อพาคุณยายของแพรวมาอยู่


กับเราด้วย เพราะคุณยายของแพรวก็แก่ชรามากแล้ว
สิ่งแรกที่ผมทําคือเข้าไปก้มกราบเท้าคุณยายของแพรว ทั้งผมและแพรวช่วยกันเล่าความเป็ นมา
เป็ นไปของเรื่องราวทัง้ หมดให้ฟัง
“แพรวรักใครชอบใคร ยายก็เห็นดีเห็นงามด้วย ยายเชื่อว่าผูช้ ายที่แพรวเลือกต้องเป็ นคนดีอย่าง
แน่นอน และสามารถดูแลหลานยายได้”
ผมก้มลงไปกราบแทบเท้าของคุณยายอีกครัง้ ขอบคุณที่ท่านเมตตากรุณาเราทัง้ สอง
“ยายขอฝากแพรวด้วยนะลูก ขอให้ลกู ทัง้ สองครองรักกันนานๆ นะลูกนะ มาให้ยายกอดทีสิ”
เราสองคนเข้าไปให้ยายกอด ยายหอมเราทัง้ สองคนครัง้ แล้วครัง้ เล่า
“ยายจ้า แพรวอยากให้ยายย้ายไปอยู่กบั เรานะ แพรวจะได้ดแู ลยายได้เต็มที่”
“ผมกับแพรวอยากให้คณ ุ ยายไปอยู่กบั เราครับ” ผมช่วยพูดอีกแรง
“อยู่ห่างกันไม่กี่รอ้ ยกิโลเอง ถ้าวันไหนคิดถึงยายก็ขบั รถมาหายายสิ”
“ถ้ายายเห็นบ้านสวนของแพรวกับกันต์นะ ยายจะไม่อยากกลับมาอยู่กรุ งเทพฯ เลยล่ะ อากาศที่
นั่นดีด๊ ีนะจ๊ะยายจ้า”
ผมกับแพรวช่วยกันหว่านล้อมไปสารพัด หวังให้คุณยายย้ายไปอยู่กบั เรา สรุปว่าวันนัน้ คุณยายยัง
ไม่ตัดสินใจ แต่จะขอไปเล่นที่บา้ นสวนของผมสักสองสามวัน แพรวจึงรีบช่วยคุณ ยายเก็บกระเป๋ าเตรียม
เดินทาง
9

ผมใช้โอกาสนีแ้ วะไปเล่นกับนํา้ ตาล เพราะไม่ รูว้ ่าเมื่ อไรที่ ผมจะได้เข้ามากรุ งเทพฯ อีก ผมหอบ
ผลไม้จากสวนไปฝากเธอมากมาย ผมคุยเล่นกับเธอผ่านวีดีโอคอล ซึ่งเธอกําลังจะกลับมาเดินได้อีกครัง้ ด้วย
ขาเทียม เธอชอบเดินโชว์ผมผ่านวีดีโอคอลอยู่บ่อยๆ
“คุณดูสดใสขึน้ นะนํา้ ตาล” เป็ นคําแรกที่ผมทักทาย
ผมไปแบบไม่ให้นาํ้ ตาลรูต้ วั เธอกําลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนอน เธอดีใจมากเมื่อเห็นผม
“กันต์” เธอเรียกผมเสียงดัง บ่งบอกถึงความดีใจอย่างที่สดุ หนังสือที่อ่านอยู่หลุดจากมือ
“คุณดูมชี ีวิตชีวาขึน้ เยอะเลย สวยเหมือนนํา้ ตาลคนเดิมของผมไม่ผิดเลย” ผมเข้าไปนั่งลงข้างๆ
“จริงเหรอ ขอบคุณนะที่ชม” เธอเขินจนหน้าแดง โผเข้ามาสวมกอดผมด้วยความคิดถึง
ผมเล่าให้เธอฟั งว่ากําลังจะเปิ ดโฮมสเตย์ เล่าให้ฟังถึงสวนผัก สวนผลไม้ ทุ่งนา บ่อปลา สายลม
แสงแดด และธรรมชาติอนั งดงาม
“ฟั งคุณพูดแล้ว ฉันอยากจะไปให้เห็นกับตาตอนนีเ้ ลย”
“ถ้าวันไหนคุณเดินได้เก่งแล้ว เดี๋ยวผมจะพาคุณเดินชมสวนของผมให้ท่วั เลยดีไหม”
“ดีเลยสิ ฉันชอบต้นไม้”
“ถ้าอย่างนัน้ คุณต้องฝึ กเดินให้เก่งๆ นะ”
ผมอยู่คุยกับนํา้ ตาลนานทีเดียว เราคุยกันอย่างสนุกสนาน นํา้ ตาลมีความสุขมาก หัวเราะดังลั่น
บ้าน ก่อนจะขอตัวลากลับ ผมสัญญากับเธอว่าจะมารับไปเที่ยวที่บา้ นสวนของผมอย่างแน่นอน
ผมได้รบั ข่าวร้ายของคนๆ หนึ่ง ผ่านทางเฟซบุ๊กที่ถูกแชร์ ผมอ่านเนือ้ ความซํา้ แล้วซํา้ เล่า จนแน่ใจ
ว่าต้องเป็ นน้อยหน่าแน่นอน ซึ่งเธอประสบอุบตั ิเหตุ ต้องการเลือดด่วน ซึ่งกรุ๊ปเลือดของเธอเป็ นกรุ๊ปเลือดที่
หายากที่สดุ
ผมโทรไปหาแพรว เล่าเรื่องนีใ้ ห้แพรวฟั ง แพรวรับฟั งอย่างเข้าใจ เธอเห็นดีเห็นงามด้วย เย็นวันนัน้
ก่อนจะมืดคํ่า ผมจึงรีบบึ่งรถกลับทันที
“เดี๋ยววันพรุง่ นี ้ ผมจะขับรถมารับแพรวกับยายนะ” ผมกรอกเสียงลงไป
“ค่ะกันต์ คุณขับรถระวังด้วยนะ ฉันเป็ นห่วงนะคะ” แพรวตอบกลับมา
ตอนที่ผมไปถึงโรงพยาบาล ผมไปติดต่อที่แผนกตามที่ผูโ้ พสต์ได้แจ้งไว้ในเฟซบุ๊ก ทําให้ผมได้เจอ
กับผูช้ ายคนหนึ่ง
“ผมเป็ นสามีของเธอครับ” ผูช้ ายคนนัน้ พูดกับผม สีหน้าแววตาของเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไร
“ครับ พอดีผมเห็นที่เขาแชร์กนั มาในเฟซบุ๊กครับ ตรงกับกรุ๊ปเลือดของผมพอดี” ผมไม่ได้บอกไปว่า
เคยเป็ นคนรักของน้อยหน่า
“ครับ ขอบคุณมากๆ นะครับ” เขายกมือไหว้ กล่าวขอบคุณผมครัง้ แล้วครัง้ เล่า ก่อนจะรีบพาผมไป
พบพยาบาลเพื่อทําการบริจาคเลือด
10

ผมจําได้ว่าการ์ดงานแต่งงานของน้อยหน่ามาถึงบ้านในเย็นวันหนึ่ง ฝากมากับเพื่อนสนิทของผม เป็ นเพื่อน


ตัง้ แต่สมัยเรียนมัธยมด้วยกัน เขาบอกผมว่าน้อยหน่าไม่กล้าเอามาให้ดว้ ยตัวเอง แต่ผมก็ไม่ได้ถามต่อไปอีก
ว่าทําไมเธอจึงไม่กล้าเอามันมาให้ดว้ ยตัวเธอเอง
และวันนีก้ ็เป็ นวันจัดงานแต่งงานของน้อยหน่า ตัง้ แต่ได้รบั การ์ดเชิญ ผมนั่งคิดอยู่นานว่าควรจะไป
ดีไหม แต่มนั ก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่ผมจะต้องไม่ไปงานอันเป็ นมงคลของอดีตคนรักของผม
ตอนที่ผมไปถึง เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวกําลังยืนต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานอยู่หน้างาน ด้านหลังมีซุม้
ดอกไม้ท่ีถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ผมเดินเก้ๆ กังๆ เข้าไปหาน้อยหน่า เธอสวยมากเมื่ออยู่ในชุดเจ้าสาว
เธอโผเข้ามากอดผม
“ขอบคุณที่กนั ต์มานะ” น้อยหน่าพูดเสียงสั่นเครือ
“ผมต้องมาอยู่แล้ว”
“ฉันคิดถึงคุณเหลือเกิน”
“ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”
“ผมจําคุณได้” แฟนของน้อยหน่า เดินเข้ามาพูดกับผม
“ครับ ยินดีดว้ ยนะครับ” ผมยื่นมือออกไป เราจับมือกัน
“ฉันขอตัวสักครูน่ ะ” น้อยหน่าหันไปพูดกับแฟน ก่อนจะเข้ามาดึงมือผม พาเดินเลี่ยงออกไปจากตรง
นัน้
“ฉันขอโทษที่ไม่ได้เอาการ์ดเชิญไปให้คณ ุ ด้วยตัวเอง” เธอพูดแบบคนที่รูส้ กึ ผิดมากๆ
“เรื่องนัน้ ช่างมันเถอะ แต่ตอนนีค้ ณ
ุ ต้องหยุดร้องไห้ได้แล้วนะ หน้าคุณจะเลอะเครื่องสําอาง ถ้าเกิด
เจ้าสาวไม่สวยขึน้ มา ผมไม่รูด้ ว้ ยนะ”
ผมเอาผ้าเช็ดหน้าซับนํา้ ตาให้เจ้าสาวแสนสวย
“ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ท่ที าํ ให้เราต้องเลิกรากันไป แต่ฉนั ดีใจนะ ที่ครัง้ หนึ่ง ฉันได้รกั กับคุณ”
“ผมก็เหมือนกันน้อยหน่า ผมก็ดีใจเหมือนกัน ที่ครัง้ หนึ่งเคยได้รกั กับคุณ”

หลังจากที่โฮมสเตย์เปิ ดไปได้ไม่นาน มีกระแสตอบรับดีเกินคาด มีนกั ท่องเที่ยวแวะมาใช้บริการและเรียนรู ้


การเกษตรผสมผสานของพ่อ แม่กบั แพรววุ่นอยู่กบั การทําอาหารไว้ตอ้ นรับนักท่องเที่ยว
ตอนนีค้ ณ
ุ ยายของแพรวมาอยู่ดว้ ยเป็ นครัง้ คราว แต่หลังจากที่เทียวไปเทียวมาอยู่บ่อยๆ ตอนนีเ้ ริ่ม
จะผูกพันกับที่น่มี ากขึน้ ทุกที และมีแนวโน้มว่าจะย้ายมาอยู่ท่นี ่เี ป็ นการถาวร
มีรถเก๋งคันงามแล่นเข้ามาจอด ซึ่งน่าจะเป็ นรถของนักท่องเที่ยวที่มาหาที่พกั พอเปิ ดประตูออกมา
ผมถึงรูว้ ่าคือใคร ซึ่งการมาของเธอถือเป็ นเรื่องไม่คาดฝัน เธอเดินตรงเข้ามาหาผม
“คุณสบายดีไหมไข่มกุ ” ผมทักทาย มองไปที่ทอ้ งนูน้ ๆ ของเธอ “คุณมีเจ้าตัวเล็กด้วยเหรอ ผมยินดี
ด้วยนะ”
11

“มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอะไรหรอกกันต์ ก็แค่เด็กไม่มีพ่อ” นํา้ เสียงของเธอมีแววแห่งความขึง้ เคียด


ผมคิดว่าน่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึน้ ผมจึงเชือ้ เชิญให้เธอนั่งที่โต๊ะรับแขก เธอเล่าให้ผมฟั งว่าท้องกับนัก
ธุรกิจคนหนึ่ง ซึ่งเธอมารู ภ้ ายหลังว่านักธุรกิจคนนัน้ มีครอบครัวแล้ว พูดง่ายๆ ว่าเธอถูกหลอก ซึ่งมันทําให้
เธอเสียใจมาก
“ความทะเยอทะยานที่มีมากเกินไปของฉัน มันจะทําให้ฉนั ล้มเหลว อย่างที่คณ ุ เคยพูดไว้ไม่มีผิด”
“ไม่หรอกไข่มกุ ถึงจะล้มเหลว แต่เราก็ยงั สามารถลุกขึน้ มาสูไ้ ด้เสมอนะ” ผมพยายามพูดปลอบโยน
เธอ
“ถึงแม้จะเป็ นเพียงเวลาไม่นานที่ฉันได้รกั กับคุณ ได้อยู่กบั คุณ แต่ฉันก็รูว้ ่าคุณเป็ นคนดี ฉันไม่รูจ้ ะ
ไปที่ไหน ฉันเลยมาหาคุณ มาเพื่อเล่าให้คณ ุ ฟั งเฉยๆ ไม่ได้หวังให้คณ
ุ มาช่วยเหลือฉันหรอกนะ”
“ผมยินดีรบั ฟั ง และช่วยเหลือคุณเสมอนะไข่มกุ เอาอย่างนีด้ ีไหม คุณมาสมัครเป็ นลูกน้องที่โฮมส
เตย์ของผมสิ มีงานให้ทาํ มากมายเลยนะ”
เธอหัวเราะให้กบั คําพูดของผม ผมก็หวั เราะตามไปด้วย
“ตอนนีฉ้ นั ไม่เหลือใครแล้ว” เธอพูดเศร้าๆ
“เหลือสิ คุณยังมีเจ้าตัวเล็กที่กาํ ลังจะลืมตาขึน้ มาดูโลกยังไงล่ะ” ผมส่งยิม้ ให้
ไข่มุกเอามือลูบหน้าท้องอย่างแผ่วเบา เธอคลี่ยิม้ บางๆ แบบคนกําลังมีความสุข คล้ายคําพูดของ
ผมทําให้เธอคิดอะไรขึน้ มาได้
ผมชงเครื่องดื่มเย็นๆ มาให้เธอดื่ม เธอระบายเรื่องทุกข์ใจให้ผมฟั ง เราคุยกันจนฟ้ามืด
“ฉันคงต้องไปแล้วล่ะกันต์ ฉันมารบกวนคุณมากเกินไปแล้ว” เธอลุกขึน้ ยืน
“วันนีก้ ็มืดคํ่าแล้ว คุณพักอยู่ท่นี ่กี ่อนก็ดีนะ” ผมเสนอ
“ฉันกลัวจะทําให้คณ ุ และภรรยาของคุณลําบากใจ ฉันว่า ฉันควรจะไปหาที่พกั ที่อ่นื น่าจะดีกว่า”
“ไม่มีใครลําบากใจหรอก คุณก็พกั อยู่ท่นี ่ใี นฐานะนักท่องเที่ยวคนหนึ่งสิ”
เมื่ อ ผมพู ด แบบนี ้ เธอจึ ง ยอมพัก อยู่ ท่ี โฮมสเตย์ข องผม ผมไม่ อยากให้เธอขับ รถเวลากลางคํ่า
กลางคืน ยิ่งอยู่ในสภาพจิตใจแบบนี ้ ผมกลัวว่าจะเกิดอุบตั ิเหตุเอาได้

มาถึงวันนี ้ ผมได้เรียนรู อ้ ะไรหลายอย่าง ผมค่อยๆ เติบโตขึน้ ทําความเข้าใจในสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต


ได้มากขึน้ ผมหลงรักการทําเกษตรอย่างถอนตัวไม่ขึน้ การได้อยู่ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้า ได้อยู่ท่ามกลาง
ความร่มรื่นของหมู่แมกไม้ ทําให้ผมสุขใจและรูส้ กึ สงบ
คํ่าวันนัน้ หลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จ ผมเห็นแพรวออกไปเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ เหม่อมองขึน้ ไป
บนฟ้าเหมือนกําลังครุน่ คิดอะไรบางอย่างอยู่ ผมเลยเดินเข้าไปหา
“กําลังทําอะไรอยู่เหรอแพรว ทําไมออกมายืนตากนํา้ หมอกนํา้ ค้างแบบนี ้ เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ”
“ฉันมีเรื่องจะถามคุณ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร อยากถามมานานแล้ว”
12

“ไม่ว่า ผมจะกล้าว่าภรรยาสุดที่รกั ของผมได้ยงั ไง” ผมประคองมือของแพรวขึน้ มาแล้วพรมจูบลงไป


“มีอะไรจะถาม ถามผมมาได้เลย”
“คุณยังรักแฟนเก่าของคุณทุกคนอยู่เหรอ”
ผมสูดลมหายใจลึกๆ แล้วตอบ “ใช่ ผมขอตอบแบบลูกผูช้ ายเลยว่า ใช่”
“ทัง้ ที่คณ ุ ยังมีฉนั อยู่ทงั้ คน” นํา้ เสียงของแพรวบ่งบอกถึงความน้อยใจ
“คุณต้องฟั งผมอธิบายก่อนสิ อย่าเพิ่งตัดสินผมแบบนัน้ ” ผมเข้าไปกอดแพรว จูบที่เรือนผมดกดํา
ของเธอ “ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของผมกับพวกเธอจะผ่านมานานแล้ว แต่ถึงยังไงผมก็ยงั รักและเทิดทูนพวก
เธอเหมือนเดิม ผมเคยปฏิบตั ิกบั พวกเธออย่างไร ผมก็จะปฏิบตั ิต่อพวกเธออย่างนัน้ พวกเธอยังคงเป็ นเจ้า
หญิงในดวงใจของผมเสมอ”
“ทัง้ ที่ผหู้ ญิงเหล่านัน้ เคยทําร้ายคุณ แต่คณ ุ ก็ยงั จะคอยดูแลและช่วยเหลือพวกเธออย่างนัน้ เหรอ”
“มันก็จริงของคุณ ถ้าอย่างนัน้ ผมขอถามคุณคืนหน่อยนะ คุณเคยมีแฟนมาก่อนไหมแพรว”
“ถึงแม้ว่าฉันจะเป็ นเพียงผูห้ ญิงหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่ฉนั ก็เคยมีแฟนมาก่อน”
“ถ้าให้เลือกระหว่างการทําเรื่องดีๆ กับเรื่องเลวๆ คุณจะเลือกทําอะไรให้คนที่ครัง้ หนึ่งเคยเป็ นคนรัก
ของคุณ”
คําพูดของผมทําแพรวเงียบไป ก่อนจะอมยิม้ เหมือนเข้าใจในสิ่งที่ผมกําลังจะสื่อ
“ถึงยังไงฉันก็จะเลือกทําสิ่งที่ดีอยู่แล้ว”
“และนั่นแหละคือสิ่งที่ผมกําลังทําอยู่ แต่ผมทําเท่าที่ผมจะทําได้นะ เพราะในตอนนี ้ ผมมีแค่แพรว
เพียงคนเดียวเท่านัน้ ”
“ฉันโชคดีจริงๆ ที่ได้เกิดมาพบผูช้ ายอย่างคุณ ได้ใช้ชีวิตกับคุณ”
“ผมก็โชคดีเหมือนกัน ที่ได้พบผูห้ ญิงอย่างแพรว”
ผมสวมกอดแพรวจากด้านหลัง กระชับวงแขนแน่นเข้าไปอีก บนท้องฟ้ามองเห็นดาวดวงหนึ่งตกได้
อย่างชัดเจน ผมอธิษฐานขอให้ผมกับแพรวครองรักกันไปตราบนานเท่านาน

ผู้เขียน อธิวฒ
ั น์ พงษ์สรุ ะ

You might also like