Professional Documents
Culture Documents
สมบัติการเท่ากันของจำนวนจริง
1. สมบัติการสะท้อน a = a
2. สมบัติการสมมาตร ถ้า a = b แล้ว b = a
3. สมบัติการถ่ายทอด ถ้า a = b และ b = c แล้ว a = c
4. สมบัติการบวกด้วยจำนวนที่เท่ากัน ถ้า a = b แล้ว a + c = b + c
5. สมบัติการคูณด้วยจำนวนที่เท่ากัน ถ้า a = b แล้ว ac = bc
สมบัติการบวกในระบบจำนวนจริง
1. สมบัติปิดการบวก a + b เป็นจำนวนจริง
2. สมบัติการสลับที่ของการบวก a + b = b + c
3. สมบัติการเปลีย่ นกลุม่ การบวก a + ( b + c ) = ( a + b ) + c
4. เอกลักษณ์การบวก 0 + a = a = a + 0 นั่นคือ ในระบบจำนวนจริงจะมี 0 เป็นเอกลักษณ์การบวก
5. อินเวอร์สการบวก a + ( -a ) = 0 = ( -a ) + a นั่นคือ ในระบบจำนวนจริง จำนวน a จะมี -a เป็นอินเวอร์สของการบวก
สมบัติการคูณในระบบจำนวนจริง
1. สมบัติปิดการคูณ ab เป็นจำนวนจริง
2. สมบัติการสลับที่ของการคูณ ab = ba
3. สมบัติการเปลีย่ นกลุม่ ของการคูณ a ( bc ) = ( ab ) c
4. เอกลักษณ์การคูณ 1 · a = a = a · 1
นั่นคือในระบบจำนวนจริง มี 1 เป็นเอกลักษณ์การคูณ
5. อินเวอร์สการคูณ a · a-1 = 1 = a · a-1, a ≠ 0
นั่นคือ ในระบบจำนวนจริง จำนวนจริง a จะมี a-1 เป็นอินเวอร์สการคูณ ยกเว้น 0
6. สมบัติการแจกแจง
a ( b + c ) = ab + ac
( b + c ) a = ba + ca
จากสมบัติของระบบจำนวนจริงที่ได้กล่าวไปแล้ว สามารถนำมาพิสจู น์เป็นทฤษฎีบทต่างๆ ได้ดังนี้
ทฤษฎีบทที่ 1 กฎการตัดออกสำหรับการบวก
เมื่อ a, b, c เป็นจำนวนจริงใดๆ
ถ้า a + c = b + c แล้ว a = b
ถ้า a + b = a + c แล้ว b = c
ทฤษฎีบทที่ 2 กฎการตัดออกสำหรับการคูณ
เมื่อ a, b, c เป็นจำนวนจริงใดๆ
ถ้า ac = bc และ c ≠ 0 แล้ว a = b
ถ้า ab = ac และ a ≠ 0 แล้ว b = c
ทฤษฎีบทที่ 3 เมื่อ a เป็นจำนวนจริงใดๆ
a·0=0
0·a=0
ทฤษฎีบทที่ 4 เมื่อ a เป็นจำนวนจริงใดๆ
(-1)a = -a
a(-1) = -a
ทฤษฎีบทที่ 5 เมื่อ a, b เป็นจำนวนจริงใดๆ
ถ้า ab = 0 แล้ว a = 0 หรือ b = 0
ทฤษฎีบทที่ 6 เมื่อ a เป็นจำนวนจริงใดๆ
a(-b) = -ab
(-a)b = -ab
(-a)(-b) = ab
เราสามารถนิยามการลบและการหารจำนวนจริงได้โดยอาศัยสมบัตขิ องการบวกและการคูณในระบบจำนวนจริงที่ได้กล่าวไปแล้ว
ข้างต้น
การลบจำนวนจริง
บทนิยาม
เมื่อ a, b เป็นจำนวนจริงใดๆ
a- b = a + (-b)
นั่นคือ a - b คือ ผลบวกของ a กับอินเวอร์สการบวกของ b
ทฤษฎีบทเบือ
้ งต้นสำหรับจำนวนจริง
ให้ a, b, c และ d เป็นจำนวนจริงใดๆ จะได้ว่า
1. ถ้า a+c = b+c แล้ว a = b
2. ถ้า c ไม่เท่ากับศูนย์ และ ac =ab แล้ว a = b
3. เมื่อ c > 0 แล้วจะได้วา่
(1) ถ้า a > b แล้ว ac > bc
(2) ถ้า a < b แล้ว ac < bc
(3) ถ้า ac > bc แล้ว a > b
(4) ถ้า ac < bc แล้ว a < b
4. เมื่อ c < 0 แล้วจะได้วา่
(1) ถ้า a > b แล้ว ac < bc
(2) ถ้า a < b แล้ว ac > bc
(3) ถ้า ac > bc แล้ว a < b
(4) ถ้า ac < bc แล้ว a > b
5. ถ้า ab = 0 แล้ว a = 0 หรือ b = 0
6. ถ้า a < b และ c < d แล้ว a – d < b - c
ค่าสัมบูรณ์ของจานวนจริง
ค่าสัมบูรณ์ เป็นการบอกระยะทาง โดยไม่คานึงถึงทิศทาง จึงมีค่าเป็นบวกหรือศูนย์เสมอ ส่วนตัวเลข
หรือจานวนในสัญลักษณ์คา่ สัมบูรณ์ จะเป็นระยะทางจากจุดศูนย์หรือจุดอ้างอิงบนเส้นจานวนไปยัง
ตัวเลขหรือจานวนนั้น ๆ
สมบัติของค่าสัมบูรณ์
1. | - x | = | x |
2. | xy | = | x || y |
3. | x / y | = | x | / | y | (เมือ
่ y ≠ 0)
4. | x - y | = | y - x |
5. | x | 2 = x2
6. | x | = √x2
7. | x + y | ≤ | x | +| y |
8. | x | > 0 ก็ต่อเมื่อ | x | = x
9. x < 0 ก็ต่อเมื่อ | x | = - x
10. | x | = 0 ก็ต่อเมื่อ x = 0
11. | x - y | = 0 ก็ต่อเมื่อ x = y
|x|≤y ก็ต่อเมื่อ - y ≤ x ≤ y
ให้ k, m, n เป็นจานวนเต็มบวกที่มากกว่าหรือเท่ากับ 2
สมบัตข
ิ องเลขยกกาลัง
-4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4
กำรบวกจำนวนเต็ม
กำรลบจำนวนเต็ม ทําได้โดยเปลี่ยนจากลบเป็นการบวกด้วยจำนวนตรงข้าม
สมบัตข
ิ องจำนวนเต็ม
1. สมบัติการสลับที
เมื่อมีจำนวนเต็มสองจำนวนบวกกันหรือคูณกัน สามารถสลับที่ได้โดยที่ผลลัพธ์ยังคงเท่าเดิม
นั่นคือ a + b = b + a และ a × b = b × a
เมื่อ a, b เป็นจำนวนเต็มใดๆ
เช่น 3 + (-2) = (-2) + 3 = 1
(-2) × 3 = 3 × (-2) = -6
2. สมบัติการเปลี่ยนหมู่
เมื่อมีจำนวนเต็มสามจำนวนบวกกันหรือคูณกัน สามารถทำคู่แรกหรือคู่หลังก่อนก็ได้ โดยที่ผลลัพธ์สุดท้ายยังคงเท่ากัน
นั่นคือ (a + b) + c = a + (b + c) และ (a × b) × c = a × (b × c)
เมื่อ a, b, c เป็นจำนวนเต็มใดๆ
เช่น [1 + (2)] + (3) = 1 + [(2) + (3)] = 6
[4 x (2)] x (3) = 4 x [(2) x (3)] = 24
3. สมบัติการแจกแจง
เมื่อมีจำนวนเต็มไปคูณกับในวงเล็บที่มีจำนวนเต็มบวกหรือลบกันอยู่ สามารถที่จะแจกจำนวนเต็มนั้นเข้าไปคูณทุกจำนวนในวงเล็บ
ได้
นั่นคือ a × (b + c) = (a × b) + (a × c)
และ (b + c) × a = (b × a) + (c × a)
เช่น (-3) × [5 + 2] = [(-3) × 5] + [(-3) × 2] = -21
สมบัตข
ิ อง 0 และ 1
สมบัติของศูนย์
1. a + 0 = 0 + a = a เมื่อ a แทนจำนวนใดๆ
2. a × 0 = 0 × a = 0 เมื่อ a แทนจำนวนใดๆ
3. 0 ÷ a = 0 เมื่อ a แทนจำนวนใดๆ ที่ไม่ใช่ 0
4. a × b = 0 แล้ว จะได้ a = 0 หรือ b = 0
สมบัติของหนึ่ง
ให้ a แทนจำนวนเต็มใดๆ
1. a × 1 = 1 × a = a
2. a ÷ 1 = a เมื่อ a แทนจำนวนเต็มใดๆ
จำนวนเฉพำะ
"จำนวนเฉพาะ" หรือ ไพรม์ นัมเบอร์ (Prime number) คือ จำนวนธรรมชาติที่มตี ัวหารทีเ่ ป็นบวกอยู่ 2 ตัว คือ 1 กับตัว
มันเอง เช่น 2, 3, 5, 7, 11, 13 และ 17 เป็นต้น และสำหรับเลข 1 นั้น ให้ตัดทิ้ง เพราะ 1 ไม่เป็นจำนวนเฉพาะ เซตของจำนวน
เฉพาะทั้งหมดมักเขียนแทนด้วย P เนื่องจาก 2 เป็นจำนวนเฉพาะตัวเดียวที่เป็นเลขคู่ ดังนั้นคำว่า จำนวนเฉพาะคี่ จะถูกใช้เพื่อ
หมายถึงจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ไม่ใช่ 2
จำนวนประกอบ
คือจำนวนเต็มบวกทีส่ ามารถแยกตัวประกอบได้เป็นผลคูณของจำนวนเฉพาะ 2 จำนวนขึ้นไป จำนวนเต็มทุก ๆ จำนวน
ยกเว้น 1 กับ 0 จะเป็นจำนวนเฉพาะหรือจำนวนประกอบ อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
จำนวนตรรกยะ
ในทางคณิตศาสตร์, จำนวนตรรกยะ (หรือเศษส่วน) คืออัตราส่วนของจำนวนเต็มสองจำนวน มักเขียนอยู่ในรูปเศษส่วน
a/b เมื่อ a และ b เป็นจำนวนเต็ม และ b ไม่เท่ากับศูนย์
จำนวนตรรกยะแต่ละจำนวนสามารถเขียนได้ในรูปแบบที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น 3 / 6 = 2 / 4 = 1 / 2 รูปแบบที่
เรียกว่า เศษส่วนอย่างต่ำ a และ b นั้น a และ b จะต้องไม่มีตัวหารร่วม และจำนวนตรรกยะทุกจำนวนสามารถเขียนได้ในรูป
เศษส่วนอย่างต่ำนี้
ทศนิยม เป็นรูปแบบที่แผ่ขยายออกมา และต่อเนื่องไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด (ยกเว้นกรณีซ้ำศูนย์ เราสามารถละ โดย
ไม่ต้องเขียนได้) ข้อความนี้เป็นจริงสำหรับจำนวนตรรกยะทุกจำนวน
จำนวนจริงที่ไม่ใช่จำนวนตรรกยะ เรียกว่า จำนวนอตรรกยะ
ตัวอย่างโจทย์