You are on page 1of 4

ตัวอย่างข้อสอบ

ข้อ 1 นายโป้นาเงินไปเล่นการพนันจนหมดตัวและกลัวภริยาด่า จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อร้อยต ารวจตรีขาวพนักงาน


สอบสวนว่า ตนถูกชิงทรัพย์ ร้อยตารวจตรีขาวดาเนินการสอบสวนแล้วทราบความจริงว่านายโป้กล่าวเท็จ ร้อยตารวจตรีขาวจึง
ยื่นข้อเสนอว่า หากนายโป้นาเงินมาให้ตน 30,000 บาท จะไม่ดาเนินคดีกับนายโป้ นายโป้จึงตอบตกลงและนัดหมายส่งมอบเงิน
ที่ร้านอาหาร แต่ยังไม่ทันได้ส่งมอบเงินก็ถูกเจ้าพนักงานตารวจจับกุมเสียก่อน
ให้วินิจฉัยในประเด็นดังต่อไปนี้
(ก) ร้อยตารวจตรีขาวจะมีความผิดอาญาฐานใดหรือไม่ ประการใด (10 คะแนน)
(ข) นายโป้จะมีความผิดอาญาฐานใดหรือไม่ ประการใด (15 คะแนน)
ธงคาตอบ
(ก) ร้อยตารวจตรีขาวจะมีความผิดอาญาฐานใดหรือไม่ ประการใด (10 คะแนน)
หลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 201 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตาแหน่งตุลาการ พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี หรือพนักงานสอบสวน เรียก รับ หรือ
ยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสาหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทาการหรือไม่กระทาการอย่างใดในตาแหน่ง
ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษ…
วินิจฉัย
การที่ร้อยตารวจตรีขาวเป็นพนักงานสอบสวนดาเนินการสอบสวนแล้วทราบความจริงว่านายโป้แจ้งความเท็จอันเป็น
ความผิดอาญา ร้อยตารวจตรีขาวจึงยื่นข้อเสนอว่า หากนายโป้นาเงินมาให้ตน 30,000 บาท จะไม่ดาเนินคดีกับนายโป้นั้น เป็น
กรณีพนักงานสอบสวนได้เรียกรับทรัพย์สินเพื่อประโยชน์สาหรับตนเองโดยมิชอบเพื่อกระทาการหรือไม่กระทาการอย่างใดใน
ตาแหน่งอันมิชอบด้วยหน้าที่ตามมาตรา 201 และเป็นความผิดสาเร็จแล้วในขณะที่มีการเรียกรับทรัพย์สิน แม้จะยังไม่ทันได้ส่ง
มอบเงินก็ตาม
ดังนั้น ร้อยตารวจตรีขาวกระทาความผิดฐานเจ้าพนักงานในการยุติธรรมเรียกรับสินบนตามมาตรา 201
(ข) นายโป้จะมีความผิดอาญาฐานใดหรือไม่ ประการใด (15 คะแนน)
หลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 173 ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทาความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอานาจ
สืบสวนคดีอาญาว่า ได้มีการกระทาความผิด ต้องระวางโทษ…
มาตรา 167 ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แก่เจ้าพนักงานในตาแหน่งตุลาการ พนักงาน
อัยการ ผู้ว่าคดีหรือพนักงานสอบสวน เพื่อจูงใจให้กระทาการ ไม่กระทาการหรือประวิงการกระทาใดอันมิชอบด้วยหน้าที่ ต้อง
ระวางโทษ…
วินิจฉัย
นายโป้น าเงินไปเล่นการพนันจนหมดตัวและกลัวภริยาด่า จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อร้อยต ารวจตรีขาวพนักงาน
สอบสวนว่า ตนถูกชิงทรัพย์ นายโป้รู้ ว่ามิได้มีการกระทาความผิดเกิดขึ้นแต่แจ้งความแก่พนักงานสอบสวนว่าได้มีการกระทา
ความผิดอาญาเกิดขึ้น จึงเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จว่ามีการกระทาความผิดอาญาเกิดขึ้น ตามมาตรา 173

นอกจากนั้นการที่ ร้อยตารวจตรีขาวจึงยื่นข้อเสนอว่า หากนายโป้นาเงินมาให้ตน 30,000 บาท จะไม่ดาเนินคดีกับ


นายโป้ นั้น เมื่อนายโป้ตอบตกลงจึงเป็นการรับว่าจะให้ทรัพย์สินแก่พนักงานสวบสวนเพื่ อจูงใจให้กระทาหรือไม่กระทาการ
อันมิชอบด้วยหน้าที่ เป็นความผิดฐานให้สินบนแก่ให้เจ้าพนักงานในการยุติธรรม ตามมาตรา 167 แม้ยังไม่มีการส่งมอบเงิน
การกระทาดังกล่าวก็เป็นความผิดสาเร็จแล้วตั้งแต่ ได้รับว่าจะให้สินบนแก่พนักงานสอบสวนเพื่อให้กระทาการมิชอบด้วย
หน้าที่

ข้อ 2 นายแผนมีนางพิมเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่นายแผนต้องการมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนางสาวแก้ว


โดยไม่ต้องการหย่ากับนางพิม นายแผนจึงทาเอกสารใบทะเบียนหย่าปลอมและนาเอกสารไปให้นางสาวแก้วดูเพื่อให้หลงเชื่อว่า
ตนได้หย่าขาดกับนางพิมแล้ว จนนางสาวแก้วยอมอยู่กินฉันสามีภริยากับนายแผน ต่อมาเมื่อนางพิมทราบว่านายแผนมีภริยา
น้อยจึงขอหย่า นายแผนไม่ยอมหย่าและไม่พอใจ จึง ใช้ของเหลวไวไฟเทราดและจุดไฟเผาบ้านซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างนายแผน
และนางพิมจนเพลิงลุกไหม้บ้านหลังดังกล่าวและลุกลามไปยังบ้านเรือนที่อยู่ข้างเคียงอีกด้วย
ให้วินิจฉัยว่า นายแผนมีความผิดอาญาฐานใดหรือไม่ ประการใด (25 คะแนน)
ธงคาตอบ
หลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 1 (8) วางหลักว่า “เอกสารราชการ” หมายความว่า เอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทาขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ และ
ให้หมายความรวมถึงสาเนาเอกสารนั้น ๆ ที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ด้วย
มาตรา 264 วางหลักว่า ผู้ใดทาเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไข
ด้วยประการใด ๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความ
เสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทาเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่ อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทาความผิดฐานปลอม
เอกสาร ต้องระวางโทษ…”
มาตรา 265 วางหลักว่า ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษ…
มาตรา 268 วางหลักว่า ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทาความผิดตามมาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา
266 หรือมาตรา 267 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ
ถ้าผู้กระทาความผิดตามวรรคแรกเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น หรือเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความนั้นเองให้ลงโทษ
ตามมาตรานี้แต่กระทงเดียว”
มาตรา 217 วางหลักว่า ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษ…
มาตรา 218 วางหลักว่า “ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ดังต่อไปนี้
(1) โรงเรือน เรือ หรือแพที่คนอยู่อาศัย…
ต้องระวางโทษ…
มาตรา 220 ผู้ใดกระทาให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใด ๆ แม้เป็นของตนเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์
ของผู้อื่น ต้องระวางโทษ…
ถ้าการกระทาความผิดดังกล่าวในวรรคแรก เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 218 ผู้กระทาต้อง
ระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 218

วินิจฉัย
ทะเบียนใบหย่าเป็นเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทาขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ เป็นเอกสารราชการตามมาตรา 1(8) เมื่อนาย
แผนทาเอกสารใบทะเบียนหย่าปลอมและนาเอกสารไปให้นางสาวแก้วดูเพื่อให้หลงเชื่อว่าตนได้หย่าขาดกับนางพิมแล้ว จึงเป็น
การทาปลอมขึ้นทั้งฉบับ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และได้ทาเพื่อให้นางสาวแก้วหลงเชื่ อว่า
เป็นทะเบียนการหย่าที่แท้จริง การกระทาของนายแผนจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการตามมาตรา 265 และเมื่อนาย
แผนได้นาเอกสารไปให้นางสาวแก้วดูว่าได้หย่าขาดกับนางพิมแล้ว จนนางสาวแก้วยอมอยู่กินกับนายแผน จึงเป็น การใช้หรืออ้าง
เอกสารในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น เป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 265
เมื่อนายแผนเป็นทั้งผู้ปลอมเอกสารตามมาตรา 265 และเป็นผู้ใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 นั้น มาตรา 268 วรรค
สองกาหนดให้ลงโทษฐานผู้ใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 วรรคแรกแต่กระทงเดียว
ส่วนการที่นายแผนใช้ของเหลวไวไฟเทราดและจุดไฟเผาบ้านซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างนายแผนและนางพิมจนเพลิงลุก
ไหม้บ้านหลังดังกล่าวนั้นการกระทาของนายแผนนั้น มาตรา 218 เป็นเหตุฉกรรจ์ของ มาตรา 217 หากไม่ผิด มาตรา 217 แม้
กระท าต่อทรัพย์ ตามมาตรา 218 ผู้กระทาย่อมไม่มีความผิดเช่นกัน เมื่อมาตรา 217 บัญญัติไว้แต่เพียงว่า การวางเพลิงเผา
ทรัพย์ของผู้อื่นเป็นความผิดโดยไม่มีข้อความว่า "หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย" จึ งต้องตีความคาว่า "ทรัพย์ของผู้อื่น" โดย
เคร่งครัด เพราะเป็นการตีความบทกฎหมายที่มีโทษทางอาญา มิอาจตีความขยายความออกไปให้รวมถึงทรัพย์ที่ผู้อื่นมีส่วนเป็น
เจ้าของรวมอยู่ด้วย เพื่อให้เป็นผลร้ายแก่จ าเลยหรือผู้ต้องหาได้ ตามมาตรา 2 ฉะนั้นเมื่อนายแผนเป็นเจ้าของบ้านเกิดเหตุ
รวมอยู ่ ด ้ ว ย การกระท าของนายแผนจึ งไม่ เป็ น ความผิ ด ตามมาตรา 217 และย่ อมไม่ เป็ น ความผิ ด ตามมาตรา 218 (1)
เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อไฟได้ลุกลามไปยังบ้านเรือนที่อยู่ข้างเคียง จึงเป็นการกระทาให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใด ๆ แม้เป็นของ
ตนเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ตามมาตรา 220 จนเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ตามที่ระบุไว้
ในมาตรา 218 นายแผนต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 218 ตามมาตรา 220 วรรคสอง
ดังนั้น นายแผนมีความผิดฐานปลอมเอกสารตามมาตรา 265 และใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 วรรคแรก ให้
ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมแต่กระทงเดียวตามมาตรา 268 วรรคสอง และมีความผิดฐานทาให้เกิดเพลิงไหม้จนเป็นเหตุให้เกิด
เพลิงไหม้แก่โรงเรือน ตามมาตรา 220 วรรคสอง

You might also like