You are on page 1of 20

 

โครงงาน
เรื่ อง การศึกษาสู ตรสครับกลูตา้ มะขามและขมิ้น

จัดทําโดย

นายณัฐพรรษ วรรณทอง เลขที่ 7


นางสาวนิภารัตน์ สุ ทธิวารี เลขที่ 23
นางสาวเบญจวรรณ สุ ทธิวารี เลขที่ 24
นางสาวรุ่ งฤดี ยีห่ วา เลขที่ 25
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5/4

เสนอ
อาจารย์นิวฒั น์ พูลสวัสดิ์

โครงงานนี้เป็ นส่ วนหนึ่งของการศึกษา


วิชา IS (I32011)
ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2564
กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้วิชาการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู ้
โรงเรี ยนตราษตระการคุณ
สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 17
 
 

คํานํา

โครงงานนี้สาํ เร็ จขึ้นได้ดว้ ยการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสู ตรสครับกลูตา้ มะขามและขมิ้น แล้วนําไปใช้ใน


การทําสครับกลูตา้ มะขามและขมิ้น ให้ได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็ นประโยชน์ในการศึกษาเกี่ยวกับสูตรส
ครับกลูตา้ มะขามและขมิ้น
สุ ดท้ายนี้หวังอย่างยิง่ ว่า โครงงานนี้จะเป็ นประโยชน์ต่อการศึกษาสู ตรสครับกลูตา้ มะขามและขมิ้นของ
ผูส้ นใจต่อไป

 
 
 
 

หัวข้ อโครงงาน: การศึกษาสู ตรสครับกลูตา้ มะขามและขมิ้น


ประเภทของโครงงาน: โครงงานเพื่อการศึกษาค้นคว้า
ผู้เสนอโครงงาน: นางสาวรุ่ งฤดี ยีห่ วา ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5/4 เลขที่ 25
ครู ที่ปรึกษาโครงงาน: อาจารย์นิวฒั น์ พูลสวัสดิ์
ปี การศึกษา: 2564

บทคัดย่ อ

จากปัญหาสภาพอากาศในปัจจุบนั ส่งผลเสี ยให้กบั ผิวของเราในแต่ละวันอย่างมาก ทั้งมลพิษที่มา


จากควันรถยนต์ สภาพอากาศ การใช้ชีวิตในสังคมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อนั ก่อให้เกิดเซลล์ผวิ ที่เสี ยและลอยคลํ้า
ตามมา
โครงงานสู ตรสครับกลูตา้ มะขามและขมิ้น เป็ นการนําส่ วนประสมของกลูตา้ มะขามและขมิน้ เป็ น
ส่ วนผสมเป็ นสครับเพื่อขัดเซลล์ผวิ ที่ตายแล้วออก ช่วยให้ผวิ ไม่แห้งตึง ด้วยคุณสมบัติต่างๆ ของสมุนไพร เมื่อ
เริ่ มทดลองกับสภาพผิวจริ ง ผลปรากฏว่า สครับกลูตา้ มะขามและขมิ้นช่วย ทําให้ผวิ เนียนนุ่มจากการ
เปรี ยบเทียบก่อนและหลังใช้ ผิวไม่เกิดความละคลายเคือง ผลัดเซลล์ผวิ ที่เสี ยให้ ขาวเนียนนุ่ม และรู ้จกั นํา
สมุนไพรมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์

 
 
 
 

สารบัญ
บทที่1
ที่มาและความสําคัญ 1
วัตถุประสงค์ 2
สมมติฐาน 2
ขอบเขตการศึกษา 2
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2
บทที่2
สครับและความหมาย 3
สครับที่ทาํ จากธรรมชาติ 4
ข้อควรรู ้ในการใช้สครับผิวหน้า 5
สรรพคุณของกลูตา้ (ไธโอน) 4
สรรพคุณของมะขาม 6
สรรพคุณของขมิ้น 8
บทที่3
การศึกษาข้อมูล 12
การเก็บรวบรวมข้อมูล 12
การวิเคาระห์ขอ้ มูล 12
สรุ ปข้อมูลที่จะศึกษา 12

 
 
 
 

บทที่4
การวิเคราะห์ขอ้ มูล 13
บทที่5
สรุ ปผล 14
อภิปราย 14
ข้อเสนอแนะ 14
ประโยชน์ที่ได้รับ 14
บรรณานุกรม

 
 

 

บทที่ 1
บทนํา
ที่มาและความสํ าคัญของโครงงาน
เนื่องจากในปัจจุบนั ผูค้ นส่ วนใหญ่ให้ความสําคัญกับรู ปลักษณ์ภายนอกและการดูแลผิวพรรณเป็ นอย่าง
มากจึงมีการใช้ผลิตภัณฑ์มากมายในรู ปแบบต่างๆ ไม่วา่ จะเป็ นครี มอาบนํ้า ครี มทาผิว โลชัน่ บํารุ งต่างๆ สบู่
สครับ เป็ นต้น
ผูใ้ ช้ส่วนใหญ่ตอ้ งการให้ผวิ พรรณของตนดูขาวสะอาดสดใสแลดูอ่อนเยาว์อยูต่ ลอดเวลา แต่หาก
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้น้ นั มีการใช้สารเคมีมากเกินไปซึ่งผูใ้ ช้ส่วนใหญ่มกั จะสังเกตด้วยความและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์โดย
ไม่ได้คาํ นึงถึงผลเสี ยที่อาจเกิดตามมาจากสารเคมีน้ นั อาจคํานึงเพียงแค่วา่ ผลิตภัณฑ์น้ ีจะช่วยดูแลผิวพรรณให้
สวยงามอย่างที่ผใู ้ ช้ตอ้ งการได้เท่านั้นแต่สารเคมีผสมอยูใ่ นผลิตภัณฑ์อาจทําให้ระคายเคืองต่อผิวของผูใ้ ช้และ
ก่อให้เกิดอาการแพ้แก่ผใู ้ ช้ได้ ซึ่งก่อให้เกิดความเสี ยหายทั้งทรัพย์สินและชีวิตเพราะนอกจากต้องเสี ยค่า
รักษาพยาบาลเพื่อรักษาแล้วยังเกิดผลเสี ยต่อร่ างกายอันเนื่องมาจากอาการแพ้
ดังนั้นกลุ่มของข้าพเจ้าจึงคิดว่าหากคิดค้นและผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณจากธรรมชาติ ปลอดสารเคมี
ปนเปื้ อนออกมา น่าจะแก้ไขปัญหาสารเคมีที่มาจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณต่างๆได้เป็ นแน่กลุ่มของข้าพเจ้าจึง
คิดที่จะทําผลิตภัณฑ์น้ ีออกมาในรู ปของสครับขัดผิวจากขมิ้นธรรมชาติซ่ ึงนอกจากจะช่วยขัดผิวเพือ่ ผลัดเซลล์ผวิ
เก่าออกไปให้ผวิ ดูกระจ่างใสขึ้นและอ่อนนุ่มขึ้นแล้วยังช่วยในการดูแลผิวพรรณได้ดีอีกทั้งยังมีกลิ่นหอมและยัง
หาส่ วนผสมจากท้องถิ่นได้ง่ายโดยไม่ตอ้ งลงทุนมากเพราะเป็ นส่ วนผสมที่หาได้ง่ายจากธรรมชาติราคาย่อมเยา
อีกทั้งส่ วนผสมที่ใช้เป็ นสารสกัดจากธรรมชาติซ่ ึงปลอดภัยไร้สารเคมีปนเปื้ อน

 

วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสู ตรสครับกลูตา้ มะขามและขมิ้น
2.เพื่อศึกษาประโยชน์ของมะขามและขมิ้น
3.เพื่อศึกษากลูตา้ แต่ละปริ มาณที่จะใส่ ลงในสครับ
สมมติฐาน
สครับกลูตา้ มะขามและขมิ้นช่วยผลักเซลล์ผวิ ที่ตายแล้วออก ช่วยให้ผวิ ชุ่มชื่นไม่หยาบกร้าน
ขอบเขตการศึกษาค้ นคว้า
ตัวแปร:สู ตรสครับกลูตา้ จากมะขามและขมิ้น
ประโยชน์ ที่คาดว่ าจะได้ รับ
1.ผลัดเซลล์ผวิ ที่ตายแล้ว
2.ช่วยให้ผวิ ใสขึ้น
3.ช่วยให้ผวิ เนียนนุ่ม

 
 

 

บทที่ 2
เอกสารที่เกีย่ วข้ อง
โครงงานวิทยาศาสตร์ สครับสู ตรกลูตา้ มะขามและขมิ้น มีแนวคิดและเอกสารที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย
1.สครับและความหมาย
2.สรรพคุณของกลูตา้ ไธโอน
3.สรรพคุณของมะขาม
4.สรรพคุณของขมิ้น
1.สครับและความหมาย
สครับ ( scrub ) หมายถึง การขัด หรื อ การถู ซึ่งการทําสครับมีวตั ถุประสงค์เพื่อการทําความสะอาด
ด้วยวิธีการขัดหรื อการถู สครับช่วยในการขจัดสิ่ งสกปรกที่อุดตันตามรู ขมุ ขนรวมทั้งเซลล์ผวิ เก่าที่เสื่ อมสภาพ
หรื อเซลล์ผวิ หนังชั้นนอกที่ตายแล้วที่เกาะอยูบ่ นบริ เวณผิวหนังชั้นนอกให้สามารถหลุดออกได้เร็วขึ้น โดยปกติ
แล้วในช่วงวัยเด็กหรื อวัยรุ่ นนั้นกระบวนผลัดเซลล์ผวิ นั้นสามารถทําได้ดีเซลล์ผวิ เก่าสามารถผลัดเซลล์ผวิ ใหม่
ได้ดีกว่าวัยผูใ้ หญ่ ดังนั้นจะสังเกตุได้วา่ ผิวของเด็กๆ หรื อวัยรุ่ นจะมีความสดใสดูมีชีวติ ชีวามากกว่าผิวของผูใ้ หญ่
ดังนั้นสครับจึงมีประโยชน์ในการช่วยขจัดเซลล์ผวิ เก่าให้หลุดออกได้ง่ายขึ้นและให้โอกาสเผยเซลล์ผวิ ใหม่ที่ดู
สดใส มีชีวิตชีวากว่าเซลล์ผวิ เก่าสภาพเสื่ อมที่ดูหมองคลํ้า และเป็ นการลดปัญหาของการเกิดสิ วเนื่องจากสิ่ ง
สกปรกและไขมันที่อุดตันตามผิวหน้า ซึ่งการเร่ งกระบวนผลัดเซลล์ผวิ อาจจะทําได้อีกวิธีหนึ่งคือการใช้
กระบวนการของ Alpha Hydroxy Acid (AHA) ซึ่งเป็ นกระบวนการที่แตกต่างจากการสครับโดยสิ้ นเชิง ซึ่ง
เป็ นกรดที่ได้จากกรดวิธีทางเคมี จากธรรมชาติหรื อการสังเคราะห์ ที่มีส่วนช่วยในการขจัดเซลล์ผวิ เก่าที่
เสื่ อมสภาพแล้วเช่นกัน

 
 

 

สครับที่ทําจากธรรมชาติ
โดยมาเนื้อเมล็ดของสครับจะทําจากเมล็ดพืชเช่น wainut meal, coconut meal, apricot meal และอื่นๆ เมล็ดส
ครับที่ได้จากธรรมชาติน้ นั มักจะมีรูปร่ างที่ไม่แน่นอนและขนาดของเมล็ดสครับจะมีลกั ษณะค่อนข้างหยาบและ
คุณภาพจะแตกต่างกัน เมล็ดสครับให้ประสิ ทธิภาพในการขัดที่ดี เนื่องจากความแตกต่างทางรู ปทรงของเมล็ดส
ครับ จึงช่วยให้การขัดเพื่อขจัดสิ่ งสกปรกสามารถทําได้อย่างมีประสิ ทธิภาพและเป็ นเมล็ดสครับที่มีผลต่อการ
ระคายเคืองผิวน้อยที่สุดด้วย

สครับที่ทาํ มาจากกระบวนการทางเคมีเช่น เม็ดพลาสติกหรื อเม็ดพลาสติกเคลือบ(Micro Bead) เม็ดสครับ


ประเภทนี้จะมีให้เลือกตามแต่ขนาดที่ผผู ้ ลิตต้องการมีต้ งั แต่หยาบมากจนถึงละเอียดมาก ซึ่งคุณภาพของเม็ดสค
รับจะแตกต่างกันออกไปเช่น บางชนิดอาจจะเป็ นเพียวแค่เม็ดพลาสติกธรรมดา บางประเภทอาจจะมีการเคลือบ
หรื อชุบแตกต่างกันออกไปเช่น บางชนิดอาจจะเป็ นเพียงแค่เม็ดพลาสติกธรรมดา บางประเภทอาจจะมีการ
เคลือบหรื อชุบสารสกัดธรรมชาติเช่น jojoba bead โดยมากจะมีสีสนั ให้เลือกหลากหลาย ส่ วนลักษณะของ
เม็ดสครับจะมีลกั ษณะเป็ นทรงกลมขนาดเท่ากันของเม็ด ซึ่งสครับประเภทนี้มีโอกาสที่จะก่อให้เกิดการระคาย
ต่อผิวได้มากกว่าสครับจากธรรมชาติ สําหรับสครับประเภทไม่ควรใช้เกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

ข้ อควรรู้ ในการสครับผิวหน้ า
 ระยะเวลาเหมาะสมในการใช้สครับการเลือกใช้สครับนั้นความถี่ในการสครับผิวนั้นไม่ควรเกินสัปดาห์
ละ 3 ครั้งหรื อตามแต่ประเภทของสครับ เพื่อเป็ นการเปิ ดโอกาสให้เซลล์ผวิ ได้สร้างเซลล์ผวิ ใหม่ข้ ึนมา
ทดแทนเซลล์ผวิ เก่าที่ถูกขจัดออกไป
 ช่วงเวลาเหมาะสมในการใช้สครับนั้นควรจะเลือกใช้สครับกับใบหน้าหรื อผิวกายในช่วงเวลาเย็น-
กลางคืน เพราะหลังจากที่ได้มีการใช้สครับแล้ว ขณะที่ร่างกายได้มีการหลับพักผ่อนเซลล์ผวิ จะได้รับ
การซ่อมแซมและฟื้ นตัวจากสครับเซลล์ผิวเก่าที่เสื่ อมสภาพ

 
 

 

 สําหรับผิวที่เป็ นสิ วการสครับยังคงสามารถทําได้แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีกรดของ Salicylic Acid ที่


ไม่เข้มข้นจนเกินไปในที่นี่ไม่ควรเกิน 2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกิดจากการวิจยั ในสภาบันชั้นนําจากต่างประเทศ
พบว่า สาร Salicylic Acid ช่วยขจัดความมันส่ วนเกินละขจัดเซลล์ผวิ เก่าที่เสื่ อมสภาพได้อย่างมี
ประสิ ทธิภาพ และมีส่วนช่วยให้การกระตุน้ กระบวนการผลิตโปรตีนคอลลาเจน รวมถึงช่วยการชะลอ
กระบวนสร้างเม็ดสี ผวิ อีกด้วย
 หลังจากใช้สครับควรจะมีการบํารุ งผิวด้วยครี มบํารุ งที่มีส่วนผสมของมอยซ์เจอร์ไรเซอร์และคอลลาเจน
เพื่อให้ผวิ คงความชุ่มชื่นและความยืดหยุน่ ได้ดียงิ่ ขึ้น อีกทั้งหลังจากการสครับจะทําให้เนื้อครี มบํารุ ง
สามารถซึมซาบเข้าสู่ ช้ นั ผิวหนังได้ดียงิ่ ขึ้นและควรเหลียกเลี่ยงการเจอแสงแดดทั้งทางตรงและทางอ้อม
2.สรรพคุณของกลูต้า(ไธโอน)
กลูตา้ ไธโอน เป็ นไตรเพปไทด์ที่โมเลกุลประกอบด้วยกลูตาเมต ซีสเทอีน และไกลซีน โดยกลูตา้ ไธโอน
ชนิด reduced (GSH) มีบทบาทสําคัญ ในปฎิกิริยาชีวเคมีและกลไกการป้องกันในระดับเซลล์ กลูตา้ ไธโอนเป็ น
สารต้านอนุมูลอิสระภายในเซลล์ เป็ นสารที่มีประโยชน์ต่อร่ างกาย ทําให้ร่างกายเกิดความสมดุล โดยเฉพาะเมื่อ
ร่ างกายต้องรับสารอนุมูลอิสระเข้าไป สารต้านอนุมูลอิสระก็จะช่วยปรับให้สภาพร่ างกาย เกิดความสมดุล ปกติ
แล้วเราได้รับกลูตา้ ไธโอนจากทั้งการสังเคราะห์เองภายในร่ างกายและได้รับจากการบริ โภคอาหาร แต่เมื่อเรา
อายุมากขึ้นหรื ออยูใ่ นภาวะร่ างกายเจ็บป่ วย ระดับของ GSH จะลดลง จึงอาจจําเป็ นต้องได้รับเพิ่มเติมจาก
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริ ม และควรได้รับคําแนะนําจากแพทย์หรื อผูเ้ ชี่ยวชาญ
ประโยชน์ ของกลูต้า(ไธโอน)
• เป็ นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกําจัดสารอนุมูลอิสระในร่ างกาย
• ช่วยกําจัดสารพิษในร่ างกาย เช่น สารเคมี หรื อยา
• มีส่วนช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับภาวะเสื่ อมของสมอง เช่น อัลไซเมอร์ และพาร์กินสัน
• ช่วยเสริ มสร้างระบบภูมิคมุ ้ กันของร่ างกาย โดยกระตุน้ การสร้างเม็ดเลือดขาวเพื่อต่อสู ้กบั เชื้อโรค ทั้งไวรัส
แบคทีเรี ย และสิ่ งแปลกปลอมอื่นๆ ที่เข้าสู่ ร่างกาย รวมทั้งเซลล์มะเร็ ง
• ยับยั้งการทํางานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) สําหรับการสังเคราะห์เม็ดสี เมลานิน (Melanin) และ
กระตุน้ ให้สร้าง ฟี โอเมลานิน (Pheomelanin) ที่เป็ นเซลล์เม็ดสี อ่อนมากกว่า ยูเมลานิน (Eumelanin) ที่เป็ นเซลล์
เม็ดสี เข้ม ซึ่งอาจทําให้สีผวิ แลดูจางลง
 
 

 

3.สรรพคุณของมะขาม
มะขามช่วยเสริ มสร้างภูมิตา้ นทานโรคให้แก่ร่างกายด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
ช่วยบํารุ งผิวพรรณให้เปล่งปลัง่ สดใสด้วยวิตามินซีจากมะขาม
ช่วยในการชะลอวัยและการเกิดริ้ วรอยแห่งวัย
แคลเซียมจากมะขามจะช่วยบํารุ งกระดูกและฟันให้แข็งแรง
มะขามมีธาตุเหล็ก ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือด
ใช้ในการทําทรี ตเม้นต์ดว้ ยการนํามาขัดตามซอกขาหนีบ รักแร้ ข้อพับ ซึ่งจะช่วยลดรอยคลํ้าลงได้
นํามะขามเปี ยกไปแช่น้ าํ ลอกเอาใยออก นํามะขามมาถูตวั เบา ๆ ช่วยให้ผวิ หนังชุ่มชื่นตลอดทั้งวัน และช่วยกําจัด
แบคทีเรี ยได้อย่างมีประสิ ทธิภาพอีกด้วย
มะขามเปี ยกและดินสอพองผสมจนเข้ากัน นํามาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยให้ผวิ หน้า
ดูกระชับสดใสและสะอาดยิง่ ขึ้น
มะขามเปี ยกผสมกับนํ้าอุ่นและนมสด ใช้พอกผิว ช่วยให้ผวิ หนังที่มีรอยดําคลํ้ากลับมาขาวสดใส นุ่มนวลยิง่ ขึ้น
นํามาใช้เป็ นส่วนผสมหรื อใช้ทาํ เป็ นกรดผลไม้ (AHA)
สําหรับผูท้ ี่ดื่มกาแฟหรื อสู บบุหรี่ เป็ นประจํา ให้นาํ เนื้อมะขามมาขัดถูฟันเป็ นประจําทุกครั้งที่แปรงฟัน จะช่วย
ขจัดคราบสกปรกบริ เวณฟันลงได้
สามารถนํามาใช้ทาํ ยานวดผม ซึ่งช่วยรักษารากผม ฆ่าเชื้อราบนหนังศีรษะ และช่วยฆ่าเหาได้อีกด้วย ด้วยการนํา
มะขามเปี ยกมาผสมกับนํ้าแล้วใช้มือคั้นเนื้อมะขามเพื่อให้ละลายออกมาผสมกับนํ้า นํ้าที่ได้น้ นั จะมีลกั ษณะเหลว
(ไม่ควรเหลวมาก) แล้วนํามานวดศีรษะหลังจากที่สระผมเสร็ จแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีแล้วล้างออก
ใช้ทาํ เป็ นนํ้ายาอาบนํ้า ด้วยการนําใบมะขามมาจํานวนหนึ่ง ใส่ ใบมะขามลงในนํ้าเดือดแล้วปิ ดฝา แล้วเคี่ยว
ประมาณ 30 นาที จากนั้นนําลงจากเตาปล่อยให้เย็นแล้วนํามาอาบ จะช่วยให้ผวิ พรรณดีข้ ึน รักษาผดผืน่ คันตาม
ร่ างกายและผิวหนังได้
การแปรรู ปมะขาม สามารถนํามาแปรรู ปได้หลายชนิด เช่น มะขามแก้ว มะขามกวน มะขามอบไร้เมล็ด มะขาม
บ๊วย มะขามแช่อิ่ม มะขามคลุก มะขามจี๊ดจ๊าด เป็ นต้น
 
 

 

ช่วยป้องกันการเกิดและช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
มะขามมีวิตามินเอที่มีส่วนช่วยในการบํารุ งและรักษาสายตา
ช่วยลดความร้อนในร่ างกายได้เป็ นอย่างดี
แก้อาการท้องผูกด้วยการใช้เนื้อมะขามเปี ยกประมาณ 15 ฝัก นํามาจิ้มกับเกลือแล้วรับประทาน หรื อใส่ เกลือเติม
นํ้าแล้วคั้นเป็ นนํ้าดื่ม
แก้อาการท้องเดินด้วยการใช้เปลือกต้นประมาณ 2 กํามือ นํามาต้มกับนํ้าปูนใสหรื อนํ้าแล้วนํามารับประทาน
ช่วยถ่ายพยาธิตวั กลมในลําไส้ พยาธิไส้เดือน ด้วยการใช้เมล็ดมะขามมาคัว่ กะเทาะเปลือกออก นําเนื้อในเมล็ด
มาแช่น้ าํ เกลือจนนิ่ม แล้วรับประทานครั้งละ 20 เม็ด
ช่วยขับเสมหะ ละลายเสมหะ ด้วยการนํามะขามเปี ยกมาจิ้มเกลือแล้วรับประทาน
มะขามอุดมไปด้วยกรดอินทรี ย ์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยชําระล้างความสกปรกในรู ขมุ ขนและขจัดคราบมันบน
ผิวหนังได้เป็ นอย่างดี
รากมะขามมีส่วนช่วยแก้อาการท้องร่ วง
รากมะขามช่วยในการสมานแผล
รากมะขามช่วยในการรักษาโรคเริ ม
รากมะขามช่วยในการรักษาโรคงูสวัด
เปลือกลําต้นมะขามช่วยแก้ไขตัวร้อน
แก่นของต้นมะขามช่วยรักษาฝี ในมดลูก
แก่นของต้นมะขามช่วยในการขับโลหิต
แก่นมะขามมีส่วนช่วยเป็ นยาชักมดลูกให้เข้าอู่
ใบสดมะขามใช้เป็ นยาถ่าย ยาระบาย ขับลมในลําไส้
ใบสดมะขามช่วยรักษาหวัด อาการไอ

 
 

 

ใบสดมะขามมีส่วนช่วยในการรักษาโรคบิด
ใบสดมะขามมีคุณสมบัติใช้เป็ นยาหยอดตา รักษาเยือ่ ตาอักเสบ แก้อาการตามัว
ใบสดมะขามมีคุณสมบัติในการช่วยฟอกโลหิ ต
ใบสดนํามาต้มผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ใช้อาบหลังคลอด
เนื้อหุม้ เมล็ดของมะขามใช้เป็ นยาสวนล้างท้อง
ฝักดิบของมะขามใช้ในการฟอกโลหิ ต
ฝักดิบของมะขามใช้ในการลดความอ้วน เป็ นยาระบาย ลดอุณหภูมิในร่ างกาย
เปลือกมะขามช่วยรักษาแผลสด แผลไฟลวก แผลเบาหวาน ถอนพิษ
เปลือกเมล็ดมะขามช่วยสมานแผลที่ช่องปาก คอ ลิ้น และตามร่ างกาย
ดอกสดของมะขามใช้เป็ นยาลดความดันโลหิตสู ง

4.สรรพคุณของขมิน้
ขมิ้นมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยในการชะลอวัยและชะลอการเกิดริ้ วรอย
ช่วยเสริ มสร้างภูมิตา้ นทานให้กบั ร่ างกาย
ช่วยเสริ มสร้างภูมิคุม้ กันให้ผวิ หนังมีสุขภาพดีแข็งแรง
ขมิ้นชันอาจมีบทบาทช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ ง เช่น โรคมะเร็ งลําไส้ มะเร็ งปากมดลูก
ขมิ้นสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่ างกายได้
ช่วยกําจัดสารพิษออกจากร่ างกาย
ช่วยบรรเทาอาการของโรคเบาหวาน
มีส่วนช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสู ง

 
 

 

ช่วยลดอาการของโรคเกาต์
ช่วยขับนํ้านมของมารดาหลังคลอดบุตร
ช่วยรักษาระบบทางเดินหายใจที่มีอาการผิดปกติ
ช่วยบํารุ งสมอง ป้องกันโรคความจําเสื่ อม
อาจมีส่วนช่วยในการรักษาโรครู มาตอยด์ (ยังไม่ได้รับการยืนยัน)
ช่วยลดการอักเสบ
ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ
ช่วยรักษาอาการแพ้และไข้หวัด
ช่วยบรรเทาอาการไอ
ช่วยรักษาอาการภูมิแพ้ หายใจไม่สะดวกให้มีอาการดีข้ นึ
ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในเม็ดเลือดแดงของผูป้ ่ วยธาลัสซีเมียฮีโมโกบิลอี
ช่วยรักษาแผลที่ปาก
ช่วยบํารุ งปอดให้มีสุขภาพดีและแข็งแรง
นํ้ามันหอมระเหยในขมิ้นมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง
ช่วยรักษาอาการท้องเสี ย อุจจาระร่ วง โดยนําผงขมิ้นชันผสมนํ้าผึ้ง ปั้นเป็ นลูกกลอนแล้วนํามารับประทานครั้ง
ละ 3 เม็ด 3 เวลา
ช่วยแก้อาการจุดเสี ยด แน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ช่วยรักษาโรคลําไส้อกั เสบ
ช่วยลดการบีบตัวของลําไส้
ช่วยรักษาอาการลําไส้ใหญ่บวม

 
 
10 
 

ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร
ช่วยในการขับลม
ช่วยบรรเทาอาการนิ่วในถุงนํ้าดี
มีฤทธิ์ในการช่วยขับนํ้าดี
ช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร และทําความสะอาดลําไส้
ช่วยบํารุ งตับ ป้องกันตับอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ และป้องกันตับจากการถูกทําลายของยาพาราเซตามอล
ช่วยบํารุ งหูรูดกระเพาะปั สสาวะให้แข็งแรง
ช่วยป้องกันการเกิดโรคริ ดสี ดวงทวาร
ช่วยแก้อาการตกเลือด ด้วยการนําขมิ้นสดมาตําให้ละเอียด แล้วคั้นเอานํ้ามาผสมกับนํ้าปูนใสแล้วรับประทาน
ช่วยแก้อาการตกขาว
ช่วยรักษาอาการปวดหรื ออักเสบเนื่องจากไขข้ออักเสบ
ช่วยแก้อาการนํ้าเหลืองเสี ย
ช่วยแก้ผนื่ คันตามร่ างกาย
ช่วยรักษาโรคผิวหนัง ผดผืน่ คัน
ช่วยรักษากลาก เกลื้อน ด้วยการใช้ผงขมิ้นผสมกับนํ้า นํามาทาบริ เวณที่เป็ นกลากเกลื้อนทุกวัน วันละ 2 ครั้ง
ช่วยรักษาโรคผิวหนังพุพอง ตุ่มหนองให้หายเร็ วยิง่ ขึ้น
ช่วยรักษาแผลจากแมลงสัตว์กดั ต่อยได้ ด้วยการนําขมิ้นมาล้างนํ้าให้สะอาด แล้วตําจนละเอียด คั้นเอาแต่น้ าํ มาทา
บริ เวณดังกล่าว
มีฤทธิ์ในการต่อต้านและฆ่าเชื้อราที่เป็ นสาเหตุของโรคผิวหนัง และต่อต้านยีสต์ซ่ ึงเป็ นตัวที่ทาํ ให้ภูมิคุม้ กันตํ่า
ช่วยต่อต้านปรสิ ตหรื อเชื้ออะมีบาที่เป็ นต้นเหตุของโรคบิดได้

 
 
11 
 

ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรี ยและไวรัส เช่น แบคทีเรี ยที่ทาํ ให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร แบคทีเรี ยที่ทาํ ให้เกิดโรค


ท้องเสี ย แบคทีเรี ยที่ทาํ ให้เกิดหนอง เป็ นต้น
มีฤทธิ์ในการต่อต้านการกลายพันธุ์ ต้านสารก่อมะเร็ งที่มีความเกี่ยวข้องกับโรคที่เกิดจากการเสื่ อมของร่ างกาย
และโรคเบาหวาน
ช่วยสมานแผลตามร่ างกายให้หายเร็ วยิง่ ขึ้น ด้วยการนําผงขมิ้นมาผสมกับนํ้าแล้วทาลงบนบาดแผล และยังช่วย
ให้บาดแผลไม่ให้ติดเชื้อของกระต่ายและหนูขาวได้ และสามารถเร่ งให้แผลที่ติดเชื้อหายได้
ขมิ้นยังมีสรรพคุณช่วยในการป้องกันการงอกของขนอีกด้วย โดยผูห้ ญิงชาวอินเดียมักนําขมิ้นมาทาผิวเพื่อ
ป้องกันไม่ให้ขนงอก
ขมิ้นชันขัดผิว ใช้ทาํ ทรี ตเมนต์พอกผิวขัดผิวด้วยขมิ้น ช่วยให้ผวิ พรรณนุ่มนวล ขาวผ่องใส เต่งตึง ด้วยการนํา
ขมิ้นสดมาล้างนํ้าให้สะอาด หัน่ เป็ นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนําไปปั่นรวมกับดินสอพอง 2-3 เม็ด แล้วผสมกับมะนาว 1
ลูก ปั่ นจนเข้ากัน นํามาพอกหน้าหรื อผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยนํ้าสะอาด
ขมิ้นเป็ นส่ วนประกอบของทรี ตเม้นต์รักษาสิ วเสี้ ยน สิ วผด สิ วอุดตัน
ขมิ้นเป็ นส่ วนประกอบอย่างหนึ่งในเครื่ องสําอางบํารุ งผิวต่าง ๆ
นอกจากนี้ยงั ช่วยป้องกันแมลงศัตรู พืชได้อีกด้วย

 
 
12 
 

บทที่ 3
วิธีการดําเนินการศึกษา
การศึกษาครั้งนี้ เพื่อเรี ยนรู ้เกี่ยวกับสครับกลูตา้ มะขามและขมิ้น เป็ นการศึกษาซึ่งมีข้นั ตอนในการ
ดําเนินงานตามลําดับ ดังนี้
1.การศึกษาข้อมูล
2.การเก็บรวบรวมข้อมูล
3.การวิเคราะห์ขอ้ มูล
4.สรุ ปข้อมูลที่จะศึกษา
1.การศึกษาข้ อมูล
รวบรวมข้อมูลที่จะศึกษา
ค้นหาข้อมูลที่ตอ้ งการที่จะศึกษา
2.การเก็บรวบรวมข้ อมูล
ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสู ตรของสครับ หาข้อมูลของกลูตา้ มะขามและขมิ้น
3.การวิเคราะห์ ข้อมูล
นําข้อมูลที่รวบรวมมาวิเคราะห์
4.สรุปข้ อมูลที่จะศึกษา
นําข้อมูลที่วิเคราะห์มาสรุ ปให้เข้าใจง่ายเกี่ยวกับหัวข้อที่ศึกษา

 
 
13 
 

บทที่ 4
การวิเคราะห์ ข้อมูล
การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้มีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาสู ตรสครับกลูตา้ มะขามและขมิ้น จากการศึกษากลูตา้
มะขามและขมิ้นที่มีผลต่อการนํามาจัดทําสครับ จากการเปรี ยบเทียบก่อนพัฒนาเป็ น ผงสครับจากกลูตา้ มะขาม
และขมิ้น พบว่าการผสมกลูตา้ มะขามและขมิ้นเข้าไปในสครับ ช่วยทําให้ผวิ ชุ่มชื่น จึงได้นาํ เอากลูตา้ มะขามและ
ขมิ้นเข้ามาศึกษาปริ มาณพบข้อสรุ ปดังนี้  
ตารางที่ 1 แสดงข้ อมูลการพัฒ นาผงสครับ

สู ตรผงสครับ ข้ อสั งเกต


สู ตรที่ 1 สครับมีสีเหลืองเข้ม ด้วยปริ มาณของขมิ้น และกลูตา้
มะขามเมื่อใช้แล้ว ผิวมีสีเหลืองและกลิ่นสมุนไพร
มาก
สู ตรที่ 2 ผงสครับมีสีเหลืองอ่อน ลดปริ มาณของขมิ้น แต่
ปริ มาณกลูตา้ มะขามเท่าเดิม
สู ตรที่ 3 สครับมีสีเหลืองอ่อน โดยสู ตรนี้มีปริ มาณของกลูตา้
มะขามมากกว่าสู ตรอื่น ๆ กลิ่นหอม ไม่ฉุนสมุนไพร 
 
เมื่อพิจารณาโดยรวม พบว่า สครับที่ผสมกลูตา้ มะขามให้ความชุ่มชื้น และมีประสิ ทธิภาพมากกว่า

 
 
14 
 

บทที่ 5
สรุปผล อภิปรายผล และข้ อเสนอแนะ
การศึกษาเรื่ องการพัฒนาสครับจากกลูตา้ มะขามและขมิ้น เป็ นการศึกษาเพื่อศึกษาคุณสมบัติของ 
สครับกลูตา้ มะขามและขมิ้น ที่มีผลต่อการนํามาใช้ในการขัดผิว 
อภิปราย 
จากการศึกษาพบว่าสครับจากกลูตา้ มะขามและขมิ้น สามารถนํามาใช้ในการขัดผิวได้ ซึ่งให้ประโยชน์
กับผิว และได้นาํ เอาผลจากการศึกษาตัวแปรมาพัฒนาเป็ นสู ตรที่ต่างกัน โดยจากการศึกษาทดลองได้แบ่งเป็ น
สู ตรต่าง ๆ 3 สู ตร สู ตรที่ 1 เป็ นผสมวัตถุดิบในสัดส่ วนที่เท่า ๆ กัน สู ตรที่ 2 ใช้ส่วนผสมเท่าเดิม แต่ลดที่มา ของ
กลิ่นและสี คือ ขมิ้น และสู ตรที่ 3 ได้เพิ่มปริ มาณของกลูตา้ มะขามอีกเท่าตัวของสู ตรที่ 2 จากการศึกษาสู ตรที่ 2
จะไม่ค่อยเห็นถึงความแตกต่าง แต่วา่ สู ตรที่ 3 ที่มีปริ มาณของกลูตา้ มะขามมากที่สุด ทําให้ผวิ ชุ่มชื่น และมีกลิ่น
หอมของกลูตา้ มะขามในการขัดผิว ไม่มีกลิ่นแรงไป
ข้ อเสนอแนะ
1. ควรมีการพัฒนาสู ตรให้มีกลิ่นหอมๆ เพิม่ กลิ่นให้มีตวั เลือกมากขึ้น
2. ควรมีการพัฒนาให้เป็ นเนื้อครี มจะได้ใช้งานได้ง่าย
ประโยชน์ ทไี่ ด้รับ
1. ได้ผลิตภัณฑ์สครับที่สามารถทําเองได้ในราคาประหยัด
2. สามารถนําเอาสครับไปใช้ได้จริ ง
3. การขัดผิวด้วยสครับช่วยทําให้ผวิ นุ่มลื่น สะอาด ผลัดเซลล์ผวิ ที่เสี ยออกละช่วยให้ผวิ นิ่มมากขึ้น
4. สามารถนําเอาไปใช้ในเชิงพาณิ ชย์ได้

 
 
 
 

บรรณานุกรม
สรรพคุณของกลูตา้ (ไธโอน)
https://www.nhealth-asia.com/th/articles/detail/8
สรรพคุณของมะขาม
https://medthai.com/% E0% B8% A1% E0% B8% B0% E0% B8% 82% E0% B8% B2% E0% B8% A1/
สรรพคุณของขมิ้น
https://www.opsmoac.go.th/surin-local_wisdom-preview-422891791843
ตัวอย่างโครงงาน
http://www.jbac.ac.th/estudent/wp-content/uploads/2018/06/Sc.pdf
ตัวอย่างหน้าปกโครงงาน
https://www.slideshare.net/KanisthaChudchum/ss-9222091

You might also like