You are on page 1of 82

ไหน ไหน ไหน

การวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี วรรณกรรม วิเคราะห์กี่ด้าน


คุณค่าด้านเนื้อหา
3 ด้าน คือ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม
คุณค่าด้านเนื้อหา หอมกลิ่นดอกไม้ที่ นับถือ
หอมแต่ตามลมฤๅ กลับย้อน
หอมแห่งกลิ่นกล่าวคือ ศีลสัจ นี้นา
หอมสุดหอมสะท้อน ทั่วใกล้ไกลถึง
ข้อใดเป็นคุณค่าด้านเนื้อหาจากคาประพันธ์
ก. คนที่มีศีลและสัจจะจะเป็นทีช่ ื่นชมไปทุกที่
ข. การที่คนมีศีลและสัจจะมีค่ากว่ากลิ่นหอมของดอกไม้
ค. กลิ่นหอมของสัจธรรมเปรียบได้กับกลิ่นหอมของดอกไม้
ง. กลิ่นดอกไม้จะลอยมาตามลมก็ได้หรือย้อนกลับก็ได้
มองชีวิตทั้งเทศไทยในโลกกว้าง
เห็นเรื่องราวหลายอย่างเหมือนหนังฉาย
จากคาประพันธ์ให้นักเรียน ส่วนชีวิตจริงจริงยิ่งนิยาย
วิเคราะห์คุณค่าด้านเนื้อหา ทั้งบทดีบทร้ายมากมายครัน
ทางเดินนั้นมีไว้ให้เลือกเอง
ก. ชีวิตของคนทั้งโลกมีความหลากหลาย
ข. ชีวิตจริงเหมือนอิงนิยายหรือภาพยนตร์
ค ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของคนไทยหรือชาติอื่นล้วน
ประกอบด้วยความดีและความชั่ว
ง. คนเราสามารถที่จะเลือกเป็นคนดีหรือคนชั่วได้ด้วยตนเอง
สิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจครูหนูรู้ไหม คือศิษย์ได้สิ่งงดงามตามใฝ่ฝัน
ชีวิตครูจะอยู่ได้อย่างไรกัน หากศิษย์นั้นอ่อนแอแพ้ภัยพาล
จากคาประพันธ์ให้นักเรียนวิเคราะห์คุณค่าด้านเนื้อหา
ก. ครูทุกคนย่อมปรารถนาดีต่อศิษย์
ข. ศิษย์ย่อมต้องการกาลังใจจากครู
ค. ความสาเร็จของศิษย์คือความสุขของครู
ง. หน้าที่ของครูคือสั่งสอนศิษย์ให้เป็นคนดี
คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม

เจ้าขรัวย่าอ้าปากน้าหมากพรู เล่าให้รู้แต่ต้นมาจนปลาย

สะท้อนให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ในสมัยนั้นว่า
มีการกินหมาก
คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม
ตารับใหญ่พิชัยสงคราม สูรย์จันทร์ฤกษ์ยามก็รอบรู้
ความเชื่อ เรื่องฤกษ์ยาม
มาถึงบ้านนางพิมหาช้าไม่ เสกข้าวสารหว่านไปให้หลับสนิท
ความเชื่อ เรื่องการเวทมนต์คาถา
โอ้ยากเย็นเข็ญใจกระไรเลย เพราะกรรมเคยพรากสัตว์ให้พลัดพลาย
ความเชื่อ เรื่องกรรม
คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม
ข้อใดไม่มีความเชื่อ
ก. เมื่อเวลาราตรีจะมีเหตุ จึงอาเพศลางใหญ่ให้ประจักษ์
ข. ครั้นพลบค่าย่าแสงสุริยา เสียงฟ้าร้องต้องตาราฤกษ์ดี
ค. อันน้าใจสตรีนี้ไซร้ ยากที่จะหยั่งได้ดังจินดา
ง. จึงร่ายเวทวิธีบริกรรม ทดน้าในท้องกระแสธาร
คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม
ข้อใดไม่มีความเชื่อ
ก. เป็นเคราะห์กรรมจาพลัดพราก เอ็งพ้นจากเบญจเพสแล้วหรือหลาน
ข. แล้วทาผงอิทธิเจเข้าเจิมพักตร์ คนเห็นคนทักรักทุกหน้า
ค. วันพฤหัสวันนี้ดีนักหนา อัยกาจะสอนหนังสือให้
ง. ลูกเอ๋ยเป็นกาพร้าพระบิดา สุริย์วงศ์พงศาไม่เห็นพักตร์
คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม
ข้อใดไม่กล่าวถึงค่านิยม
ก. อนึ่งไม่ทรยศเจ้าข้าวแดงตน ก็เป็นคนเลิศโลกย่อมลือชา
ข. จะตายตามความสัตย์ปฏิญาณ มิให้ผิดมาถึงเท้าเจ้าคุณ
ค. ลูกหมายว่าจะตายตามฝ่าเท้า แทนคุณแม่เจ้าจนเป็นผี
ง. จึงปราศรัยไต่ถามความบุราณ ขอเชิญท่านชี้แจงให้แจ้งใจ
คุณค่าด้านวรรณศิลป์

ภาพพจน์
คือ กลวิธีการนาเสนอสารโดยการพลิกแพลงภาษาที่ใช้พูด หรือ
เขียนให้แปลกออกไปจากภาษาตามตัวอักษรทาให้ผู้อ่านเกิดภาพ
ในใจ เกิดความรู้สึกสะเทือนใจ ซึ่งภาพพจน์แต่ละชนิดจะมีลักษณะ
ที่แตกต่างกัน ดังนี้
อุปมา ( เป ยบ¥
เห

คือ การเปรียบสิ่งหนึ่งเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่งโดยใช้
คาเชื่อมที่มี ความหมายเช่นเดียวกับ คาว่า " เหมือน "
เช่น ดุจ ดั่ง ราว ราวกับ เปรียบ ประดุจ เฉก
เล่ห์ ปาน ประหนึ่ง เพียง เพี้ยง พ่าง เป็นต้น
รี
สูงระหงทรงเพรียวเรียวลูด งามละม้ายคล้ายอูฐกะหลาป๋า
พิศแต่หัวจรดเท้าขาวแต่ตา สองแก้มกัลยาดังลูกยอ
อุปลักษณ์ ( เป ยบ 1

คือ การเปรียบสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่ง อาจจะมี


คาเชื่อมว่า คือ, เป็น
เธอคือดอกฟ้าแต่ฉันนั้นคือหมาวัด
ครูคือแม่พิมพ์ของชาติ
ฝ็
นื
รี
ปฏิพากย์ (
ป เสธ 1

คือ การใช้ถ้อยคาที่มีความหมายตรงกันข้ามหรือขัดแย้ง
กันมากล่าวอย่างกลมกลืนกันเพื่อเพิ่มความหมายให้มี
น้าหนักมากยิ่งขึ้น
ฏิ
บาปบริสุทธิ์ ปิดกันให้แซด

เธอตายเพื่อจะปลุกให้คนตื่น เธอตายเพื่อผู้อื่นนับหมื่นแสน
อติพจน์ ( เวอ 1

คือภาพพจน์ที่กล่าวเกินความจริง เพื่อเน้นความรู้สึก

ร้อนจนขนจะไหม้ คิดถึงเธอทุกลมหายใจเข้าออก
ดูผิวสินวลละอองอ่อน มะลิซ้อนดูดาไปหมดสิ้น
ร์
บุคลาธิษฐาน หรือ บุคคลวัต
- _
1 คน คน คน )

คือการกล่าวถึงสิ่งต่างๆ ที่ไม่มีชีวิต หรือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่


มนุษย์ แสดงกิริยาอาการและความรู้สึกได้เหมือนมนุษย์
หัวใจฉันยิ้มเมื่อเจอหน้าเธอ
หมู่ไม้ร่าเริงเร้า จะต้อนรับฤดูกาล
สัทพจน์ 1 ต ต ต 1
ee

คือ ภาพพจน์ที่เลียนเสียงธรรมชาติ การใช้ภาพพจน์


ประเภทนี้จะทาให้เหมือนได้ยินเสียงนั้นจริงๆ
เสียงโหม่ง หม่อง ฆ้องตีเคล้าปี่พาทย์ เสียงเตรง เตร่ง ระนาดชัดจังหวะ
สั
สั
สั
ว์
ว์
ว์
สัญลักษณ์
เป็นการเรียกชื่อสิ่งๆหนึ่งโดยใช้คาอื่นมาแทน
ไม่เรียกตรงๆ ส่วนใหญ่คาที่นามาแทนจะเป็นคาที่
เกิดจากการเปรียบเทียบและตีความซึง่ ใช้กันมานาน
จนเป็นที่เข้าใจและรู้จักกันโดยทั่วไป
เมฆหมอก แทน อุปสรรค
หงส์ แทน คนชั้นสูง
กา แทน คนต่าต้อย
เพชร แทน ความแข็งแกร่ง
ความเป็นเลิศ
นามนัย
คือการใช้คาหรือวลีซึ่งบ่งลักษณะหรือคุณสมบัติ
ของสิ่งใดสิ่งหนึ่งแทนอีกสิ่งหนึ่ง คล้ายๆสัญลักษณ์
แต่ต่างกันตรงที่ นามนัยนั้นจะดึงเอาลักษณะบางส่วน
ของสิ่งหนึ่งมากล่าวให้หมายถึงส่วนทั้งหมด
เมืองโอ่ง หมายถึง จังหวัดราชบุรี
เมืองย่าโม หมายถึง จังหวัดนครราชสีมา
เก้าอี้ หมายถึง ตาแหน่ง
การใช้คาถามเชิงวาทศิลป์
คือ การตั้งคาถามแต่มิได้หวังคาตอบ หรือ ถ้ามีคาตอบก็
เป็นคาตอบที่ทั้งผู้ถามเเละผู้ตอบรู้ดีอยูเ่ เล้ว จะใช้คาถาม
เห็นเเก้วแวววับที่จับจิต ไยไม่คิดอาจเอื้อมให้เต็มที่
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี อันมณีหรือจะโลดไปถึงมือ

การใช้คา /
พ ญชนะ
uuuw าน
การเล่นเสียงพยัญชนะ
_

กe
_
w

คือ การใช้สัมผัสพยัญชนะ (หรือสัมผัสอักษร) หลายพยางค์ติดกัน


-
-

uuw
เพื่อความไพเราะ เช่น µ

1 เยอะ
“ไผ่ซออ้อเอียดเบียดออด
_ _ _
ลมลอดไล่เลี้ยวเรียวไผ่
_ _ _

ออดแอดแอดออดยอดไกว
-
- -
-0 แพใบไล้น้าลาคลอง”
- -

เอ 1 1ล1
บ้
ต้
ยั
การเล่นเสียงสระuw

คือ การใช้สัมผัสสระหลายพยางค์ติด ๆ กัน แบ่งได้ ๒


ประเภทคือ 00
-

สัมผัสนอกและสัมผัสใน การเล่นสัมผัสนอกนั้นเป็นไป
hrrrturr
ตามข้อบังคับของฉันทลักษณ์อยูเ่ เล้ว / ง บ( ม ส ¥
0000000 รอง อออ
บั
สั
อื
คั
ผั
การเล่นเสียงสระ อ

สั ม ผั ส ในเป็ นการเล่ น ค าที เ


่ ป็ น ลี ล า เป็ น ส่ ว นที ท
่ าให้ เ กิ ด เสี ย งพิ เ ศษ
ที่ไพเราะ เช่น เ ม ส ใน
tlrt

“จะคลอดบุตรสุด00 ภาย
ปวดให้รวดร้าว ตึงหัวหน่าวเหน็ด☐ ⑨
เหนื่อยเมื่อยต้นขา”
--ไก# ไอ

⑤ ๐ 0
ว ก สระ , สะกด

ญรอด ด
ณ็
สั
ฐฺดชุ
บุ
ตั
ฑิ๊
ผั
ณิ๋
การเล่นเสียงวรรณยุ
wunr
ก ต์

คือ การใช้คาไล่ระดับเรียงตามการผันวรรณยุกต์ไทย ๒ หรือ ๓ ระดับ


- -

ติดกันเป็นชุดๆ เช่น
“จิบจับเจาเจ่
wuw
า เจ้ า รั ง มา
การเล่นคา
wuuv ¥
nrne
0
คือ คาที่นามาซ้ากันความหมายจะแตกต่ างกัน เช่น
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรถถ้อยอร่อยจิต
เล่นคาว่า ⑦ ⑦ → สถาน

วาง ② การ ด
พู
ที่

ฒื๊ การซ้าคา
Nmn

www.
0
คือ คาที่นามาซ้ากันความหมายจะเหมือนกัน
_

"คุณแม่หนาหนักเพี้ยง พสุธา
คุณบิดาดุจอา กาศกว้าง
คุณพีพ่ ่างศิขรา เมรุมาศ
คุณพระอาจารย์อ้าง อาจสู้สาคร“
(ซ้าคาว่า ณ )
สู้คุ
คุ
การหลากคา -
• ค หมาย
.

เห อน
ennnne

การหลากคาก็คือ การใช้คาไวพจน์ หรือคาที่มี


-

ความหมายเหมือนกันนั่นเอง
_

ห ง → นง ควาญ สมร
,
แกว ตา
คำที่มี
ผู้
กั
ญิ
มื
ไหน ไหน ไหน
การวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี วรรณกรรม วิเคราะห์กี่ด้าน
คุณค่าด้านเนื้อหา
3 ด้าน คือ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม
คุณค่าด้านเนื้อหา หอมกลิ่นดอกไม้ที่ นับถือ
หอมแต่ตามลมฤๅ กลับย้อน
หอมแห่งกลิ่นกล่าวคือ ศีลสัจ นี้นา
หอมสุดหอมสะท้อน ทั่วใกล้ไกลถึง
ข้อใดเป็นคุณค่าด้านเนื้อหาจากคาประพันธ์
ก. คนที่มีศีลและสัจจะจะเป็นทีช่ ื่นชมไปทุกที่
ข. การที่คนมีศีลและสัจจะมีค่ากว่ากลิ่นหอมของดอกไม้
ค. กลิ่นหอมของสัจธรรมเปรียบได้กับกลิ่นหอมของดอกไม้
ง. กลิ่นดอกไม้จะลอยมาตามลมก็ได้หรือย้อนกลับก็ได้
มองชีวิตทั้งเทศไทยในโลกกว้าง
เห็นเรื่องราวหลายอย่างเหมือนหนังฉาย
จากคาประพันธ์ให้นักเรียน ส่วนชีวิตจริงจริงยิ่งนิยาย
วิเคราะห์คุณค่าด้านเนื้อหา ทั้งบทดีบทร้ายมากมายครัน
ทางเดินนั้นมีไว้ให้เลือกเอง
ก. ชีวิตของคนทั้งโลกมีความหลากหลาย
ข. ชีวิตจริงเหมือนอิงนิยายหรือภาพยนตร์
ค ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของคนไทยหรือชาติอื่นล้วน
ประกอบด้วยความดีและความชั่ว
ง. คนเราสามารถที่จะเลือกเป็นคนดีหรือคนชั่วได้ด้วยตนเอง
สิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจครูหนูรู้ไหม คือศิษย์ได้สิ่งงดงามตามใฝ่ฝัน
ชีวิตครูจะอยู่ได้อย่างไรกัน หากศิษย์นั้นอ่อนแอแพ้ภัยพาล
จากคาประพันธ์ให้นักเรียนวิเคราะห์คุณค่าด้านเนื้อหา
ก. ครูทุกคนย่อมปรารถนาดีต่อศิษย์
ข. ศิษย์ย่อมต้องการกาลังใจจากครู
ค. ความสาเร็จของศิษย์คือความสุขของครู
ง. หน้าที่ของครูคือสั่งสอนศิษย์ให้เป็นคนดี
คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม

เจ้าขรัวย่าอ้าปากน้าหมากพรู เล่าให้รู้แต่ต้นมาจนปลาย

สะท้อนให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ในสมัยนั้นว่า
มีการกินหมาก
คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม
ตารับใหญ่พิชัยสงคราม สูรย์จันทร์ฤกษ์ยามก็รอบรู้
ความเชื่อ เรื่องฤกษ์ยาม
มาถึงบ้านนางพิมหาช้าไม่ เสกข้าวสารหว่านไปให้หลับสนิท
ความเชื่อ เรื่องการเวทมนต์คาถา
โอ้ยากเย็นเข็ญใจกระไรเลย เพราะกรรมเคยพรากสัตว์ให้พลัดพลาย
ความเชื่อ เรื่องกรรม
คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม
ข้อใดไม่มีความเชื่อ
ก. เมื่อเวลาราตรีจะมีเหตุ จึงอาเพศลางใหญ่ให้ประจักษ์
ข. ครั้นพลบค่าย่าแสงสุริยา เสียงฟ้าร้องต้องตาราฤกษ์ดี
ค. อันน้าใจสตรีนี้ไซร้ ยากที่จะหยั่งได้ดังจินดา
ง. จึงร่ายเวทวิธีบริกรรม ทดน้าในท้องกระแสธาร
คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม
ข้อใดไม่มีความเชื่อ
ก. เป็นเคราะห์กรรมจาพลัดพราก เอ็งพ้นจากเบญจเพสแล้วหรือหลาน
ข. แล้วทาผงอิทธิเจเข้าเจิมพักตร์ คนเห็นคนทักรักทุกหน้า
ค. วันพฤหัสวันนี้ดีนักหนา อัยกาจะสอนหนังสือให้
ง. ลูกเอ๋ยเป็นกาพร้าพระบิดา สุริย์วงศ์พงศาไม่เห็นพักตร์
คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม
ข้อใดไม่กล่าวถึงค่านิยม
ก. อนึ่งไม่ทรยศเจ้าข้าวแดงตน ก็เป็นคนเลิศโลกย่อมลือชา
ข. จะตายตามความสัตย์ปฏิญาณ มิให้ผิดมาถึงเท้าเจ้าคุณ
ค. ลูกหมายว่าจะตายตามฝ่าเท้า แทนคุณแม่เจ้าจนเป็นผี
ง. จึงปราศรัยไต่ถามความบุราณ ขอเชิญท่านชี้แจงให้แจ้งใจ
คุณค่าด้านวรรณศิลป์

ภาพพจน์
คือ กลวิธีการนาเสนอสารโดยการพลิกแพลงภาษาที่ใช้พูด หรือ
เขียนให้แปลกออกไปจากภาษาตามตัวอักษรทาให้ผู้อ่านเกิดภาพ
ในใจ เกิดความรู้สึกสะเทือนใจ ซึ่งภาพพจน์แต่ละชนิดจะมีลักษณะ
ที่แตกต่างกัน ดังนี้
อุปมา
คือ การเปรียบสิ่งหนึ่งเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่งโดยใช้
คาเชื่อมที่มี ความหมายเช่นเดียวกับ คาว่า " เหมือน "
เช่น ดุจ ดั่ง ราว ราวกับ เปรียบ ประดุจ เฉก
เล่ห์ ปาน ประหนึ่ง เพียง เพี้ยง พ่าง เป็นต้น
สูงระหงทรงเพรียวเรียวลูด งามละม้ายคล้ายอูฐกะหลาป๋า
พิศแต่หัวจรดเท้าขาวแต่ตา สองแก้มกัลยาดังลูกยอ
อุปลักษณ์
คือ การเปรียบสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่ง อาจจะมี
คาเชื่อมว่า คือ, เป็น
เธอคือดอกฟ้าแต่ฉันนั้นคือหมาวัด
ครูคือแม่พิมพ์ของชาติ
ปฏิพากย์
คือ การใช้ถ้อยคาที่มีความหมายตรงกันข้ามหรือขัดแย้ง
กันมากล่าวอย่างกลมกลืนกันเพื่อเพิ่มความหมายให้มี
น้าหนักมากยิ่งขึ้น
บาปบริสุทธิ์ ปิดกันให้แซด

เธอตายเพื่อจะปลุกให้คนตื่น เธอตายเพื่อผู้อื่นนับหมื่นแสน
อติพจน์
คือภาพพจน์ที่กล่าวเกินความจริง เพื่อเน้นความรู้สึก

ร้อนจนขนจะไหม้ คิดถึงเธอทุกลมหายใจเข้าออก
ดูผิวสินวลละอองอ่อน มะลิซ้อนดูดาไปหมดสิ้น
บุคลาธิษฐาน หรือ บุคคลวัต
คือการกล่าวถึงสิ่งต่างๆ ที่ไม่มีชีวิต หรือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่
มนุษย์ แสดงกิริยาอาการและความรู้สึกได้เหมือนมนุษย์
หัวใจฉันยิ้มเมื่อเจอหน้าเธอ
หมู่ไม้ร่าเริงเร้า จะต้อนรับฤดูกาล
สัทพจน์

คือ ภาพพจน์ที่เลียนเสียงธรรมชาติ การใช้ภาพพจน์


ประเภทนี้จะทาให้เหมือนได้ยินเสียงนั้นจริงๆ
เสียงโหม่ง หม่อง ฆ้องตีเคล้าปี่พาทย์ เสียงเตรง เตร่ง ระนาดชัดจังหวะ
สัญลักษณ์
เป็นการเรียกชื่อสิ่งๆหนึ่งโดยใช้คาอื่นมาแทน
ไม่เรียกตรงๆ ส่วนใหญ่คาที่นามาแทนจะเป็นคาที่
เกิดจากการเปรียบเทียบและตีความซึง่ ใช้กันมานาน
จนเป็นที่เข้าใจและรู้จักกันโดยทั่วไป
เมฆหมอก แทน อุปสรรค
หงส์ แทน คนชั้นสูง
กา แทน คนต่าต้อย
เพชร แทน ความแข็งแกร่ง
ความเป็นเลิศ
นามนัย
คือการใช้คาหรือวลีซึ่งบ่งลักษณะหรือคุณสมบัติ
ของสิ่งใดสิ่งหนึ่งแทนอีกสิ่งหนึ่ง คล้ายๆสัญลักษณ์
แต่ต่างกันตรงที่ นามนัยนั้นจะดึงเอาลักษณะบางส่วน
ของสิ่งหนึ่งมากล่าวให้หมายถึงส่วนทั้งหมด
เมืองโอ่ง หมายถึง จังหวัดราชบุรี
เมืองย่าโม หมายถึง จังหวัดนครราชสีมา
เก้าอี้ หมายถึง ตาแหน่ง
การใช้คาถามเชิงวาทศิลป์
คือ การตั้งคาถามแต่มิได้หวังคาตอบ หรือ ถ้ามีคาตอบก็
เป็นคาตอบที่ทั้งผู้ถามเเละผู้ตอบรู้ดีอยูเ่ เล้ว จะใช้คาถาม
เห็นเเก้วแวววับที่จับจิต ไยไม่คิดอาจเอื้อมให้เต็มที่
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี อันมณีหรือจะโลดไปถึงมือ
การใช้คา
การเล่นเสียงพยัญชนะ
คือ การใช้สัมผัสพยัญชนะ (หรือสัมผัสอักษร) หลายพยางค์ติดกัน
เพื่อความไพเราะ เช่น
“ไผ่ซออ้อเอียดเบียดออด ลมลอดไล่เลี้ยวเรียวไผ่
ออดแอดแอดออดยอดไกว แพใบไล้น้าลาคลอง”
การเล่นเสียงสระ
คือ การใช้สัมผัสสระหลายพยางค์ติด ๆ กัน แบ่งได้ ๒
ประเภทคือ สัมผัสนอกและสัมผัสใน การเล่นสัมผัสนอกนั้นเป็นไป
ตามข้อบังคับของฉันทลักษณ์อยูเ่ เล้ว
การเล่นเสียงสระ
สัมผัสในเป็นการเล่นคาที่เป็นลีลา เป็นส่วนที่ทาให้เกิดเสียงพิเศษ
ที่ไพเราะ เช่น
“จะคลอดบุตรสุดปวดให้รวดร้าว ตึงหัวหน่าวเหน็ดเหนื่อยเมื่อยต้นขา”
การเล่นเสียงวรรณยุกต์

คือ การใช้คาไล่ระดับเรียงตามการผันวรรณยุกต์ไทย ๒ หรือ ๓ ระดับ


ติดกันเป็นชุดๆ เช่น
“จิบจับเจาเจ่าเจ้า รังมา
การเล่นคา
คือ คาที่นามาซ้ากันความหมายจะแตกต่างกัน เช่น
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรถถ้อยอร่อยจิต
เล่นคาว่า
การซ้าคา
คือ คาที่นามาซ้ากันความหมายจะเหมือนกัน
"คุณแม่หนาหนักเพี้ยง พสุธา
คุณบิดาดุจอา กาศกว้าง
คุณพีพ่ ่างศิขรา เมรุมาศ
คุณพระอาจารย์อ้าง อาจสู้สาคร“
(ซ้าคาว่า )
การหลากคา
การหลากคาก็คือ การใช้คาไวพจน์ หรือคาที่มี
ความหมายเหมือนกันนั่นเอง
ทบทวน
ปมา แห อนา คลา ษฐาน ( คน คนคน)

แนว ต ตง
ป กษ ท.
พจ ( ต
เ ป เสธ
=

ป พาก ง

การเ น
'

อ พจ ( เวอ ) แ งง เเห อน1


บุ
มื
อุ
รู
สั
สั
สั
สั
คำ
คำซํ้
ล่
ต่
ฏิ
ติ
ฏิ
มื
ว์
น์
ลั
ว์
ว์
น์
ร์
ย์
ธิ
ณ์
กิจกรรม เธอคี่ฉันคู่
ก็โทรมา จุ๊บๆ เซย์เฮลโหลหน่อยจุ๊บๆ
ใจมันเต้นดังตุบ๊ ๆคิดถึงคนดี


ญิ๋
ตะวันหลับตา ท้องฟ้าก็ทาสีดา แต่สิ่งที่ฉันต้อง
-

ทาเป็นประจาคือคิดถึงเธอ

ญ ฐาน
( คน คน คน)
ธิ
บุ
0
e-
หากเธอเป็นภูเขา ฉันจะเป็นต้นไม้
โอบกอดเธอเอาไว้ ไม่ให้เธอเหน็บหนาว
หากเธอเป็นท้องฟ้า ฉันจะเป็นเมฆสีขาว
โอบกอดเธอไม่ให้เธอเหงาและเดียวดาย
ป กชช
อุ
ลั
แบบ ก ด


ผีเสื้อบินเย้าหยอกกับดอกไม้ เพลงลองไนพลิ้วพรมลมอ่อนโยน

คลา ษฐาน
เม จด ฒ๊

เ อก จด 100
ฝึ
บุ
ลื
ริ่
หั
ธิ
ริมกระถางวางธูปรูปฝรั่ง ถึงนาทีตีระฆังดังหง่างเหง่ง
Znrnr
เมื่อฟ้าหลั่งน้าตา หมู่เมฆาพากันหัวร่อ
แผ่นดินร่วมยั่วล้อ ลมรุมด่าว่าซ้าเติม
คลา ษฐาน
บุ
ธิ
คิ้วก่ง0
ดังก่งเขาดีดฝ้าย 0
จมูกละม้ายคล้ายพร้าขอ
-
นะ
=
หูกลวงดวงพักตร์หักงอ ลาคอโตตันสั้นกลม

ปมา
อุ
มา
จาก


“ทั้งจากที่จากคลองเป็นสองข้อ ยังจากกอก็มาขึ้นในคลองขวาง”

ซ้าคา หรือ เล่นคา


อื๋
นกขมิ้นจับเถาขมิ้นเครือ คาบเหยื่อเผื่อลูกแล้วโผบิน

ซ้าคา หรือ0
เล่นคา
ฮื๋
ฮื๊
0 นกคุ่มเปรียวปรื๋อกระพือบิน
ค้อนทองร้องรับกันป๊กป๊ก
-

ทพอ
พ์
ลั
“ เสียงสรวลระรี่นี้ เสียงใคร


-

เสียงนุชพี่ฤๅใคร ใคร่รู้
เสียงสรวลเสียงทรามวัย นุชพี่ เพียงแม่
เสียงบังอรสมรผู้ อื่นนั้นฤๅมี”

ซ้าคา หรือ เล่นคา


ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้อยู่ในใต้หล้าสุธาธาร
ขอพบพานพิสวาทมิคลาดคลา

¥

“พอแดดพริ้มยิ้มพรายกับชายฟ้า โลกก็จ้าแจ่มหวังด้วยรังสี”
ราย
-0sec

คลา ษฐาน
บุ
ธิ
ข้อใดใช้โวหารภาพพจน์แตกต่างจากข้ออื่น
ก. ป๊ะโท่นป๊ะโท่นป๊ะโท่นโท่น สท พจ
อาสา
ข. กระจ้อยร่อยกระจิหริดจิดจิ๊ดจิว๋
ค. แอ้อี่อ่อยสร้อยฟ้าสุมาลัย สทพจ

ง. ผะผัวะผะผุบผับปุบปับแปะ สทพล
-
น์
น์
ข้อใดมีภาพพจน์
ก. ยามค่าย่าไปกับสายฝน ตามเสียงอึ่งอึงอลดังหนาแน่น
อ ข. สวบสาบยวบยาบเหยียบราบแบบ โลดแล่นหลืบหลุบตะครุบคว้า
ค. สบายนิดหนึ่งที่ฝันก็พลันรุ่ง ตื่นสะดุ้งเขาประดังระฆังก้อง
ง. เห็ดเผาะกรอบขบอร่อยดี แกงแซ่บอีหลีกับหน่อไม้
“เราต่างคงความกร่อนในความแกร่ง และคงความเข้มแข็งใน
= ้นไห้ในเสียงหั=
-

ความเปราะ สะอื
_
วเราะ และเงียบเสนาะ
เสียงดนตรี” ข้อความนี้ใช้โวหารภาพพจน์ชนิดใด
ก. อุปมา ข. อติพจน์
อ ค. ปฏิพากย์ ง. สัญลักษณ์
ข้อใดมีคาสัมผัสสระมากที่สุด
ก.
0 ไม้-
ด อกออกดอกแย้
-
-
ม พฤกษาแต้
-

-
แซมไสว
ข. เมืองไทยในแผ่นดิน เพราะสูญสิ้นสามัคคี
1cL
ali

ค. ในน้ามีหมู่ปลา ว่ายไปมาหลากสีสัน
ง. สายลมพร่างพรมพลิ้ว เป็นแนวทิวริมหาดขาว
- -
วรรคใดมีสัมผัสในที่เป็นสัมผัสอักษรเด่นชัดที่สุด
ก. ลานอักษรซ่อนหวานผ่านอักษร
ข. จิตอาวรณ์หลงใหลในรสหวาน
ค. ส่งอักษรซ้อนเรียงเพียงจดจาร
G-
ง. เกิดกลอนกานท์กินใจที่ไพเราะ
-

You might also like