Professional Documents
Culture Documents
ผู้แต่ง
● นายชิต บุรทัต
● พ.ศ. ๒๔๕๗
เนื้อเรื่อง
วัสสการพราหมณ์ได้ เข้ าไปแฝงตัวในแค้ วนวัชชี ● อิงประวัติศาสตร์ในสมัยพระพุทธเจ้า
● เล่าถึงเล่ห์อุบาย และการเอาชนะดดย
ไม่ใช้กำลัง
ไปปั่นหัวลูกกษัตริยล์ ิจฉวี ● วรรณคดีเรื่องนี้ได้กล่าวถึง พระเจ้าอา
ชาติศัตรู และ วัสสการพราหมณ์
เริ5 มเกิดการทะเลาะกัน
“เสด็จ” เป็นคำราชาศัพท์ซึ่งเหมาะสมกับฐานะของราชวงศ์ลิจฉวีอันมีฐานะเป็นกษัตริย์
เลือกใช้คำให้ถูกต้องตรงตามความหมายที่ต้องการ
เหมาะเเก่การณ์จะเสกสรร ปวัตน์วัญจโนบาย
มล้างเหตุพิเฉทสาย สมัครสนธิ์สโมสร
• ถ้าจะกล่าวถึงการที่บุคคลต้องการที่จะเลือกทำตามหรือคิดค้นเเผนการขึ้นมา = เสกสรร
• เเต่หากจะสื่อถึงกิริยาในการเนรมิตหรือบันดาล = “เสก”
• หากจะใช้คำว่า “สรร” ที่มักจะมาพร้อมคำว่า “สรรหา”à ควรเลือกใช้ในบริบทที่ต้องการเเสดงอาการไขว่หา
เลือกใช้คำให้ถูกต้องตรงตามความหมายที่ต้องการ
• นำมาใช้เพื่อความหลากหลายไม่ซ้ำซากการสรรคำจึงต้องเลือกใช้คำไวพจน์ให้ถูกต้องตามความหมายที่ต้องการ
• คำประพันธ์บทนี้ คำว่า”ห้อง” เเละ “รโหฐาน” มีความหมายคล้ายๆกัน เพราะเเปลว่า พื้นที่ส่วนตัว
เลือกใช้คำให้เหมาะสมแก่ลักษณะของคำประพันธ์
เเละท่านมามุสาวาท มิกล้าอาจจะบอกตาม
พจีจริงพยายาม ไถลเเสร้งเเถลงสาร
ท เเท้ / ทำ
น เเนะ / ณ / ใน
ข เข้า / ข้าง
ย ยาก / เย็น
คำที่เล่นเสียงหนักเบา
เฉยดู บ รู้สึก และมินึกจะเกรงแกลน
ฤคิดจะตอบแทน รณทัพพระงับภัย
• ในบทสามัคคีเภทคำฉันท์นั้นเป็นบทที่แต่งขึ้นมาโดยใช้ฉันท์ในรูปแบบต่างๆ
• มีการใส่ครุ ลหุ หรือ เสียงหนัก เสียงเบา เพื่อแสดงถึงความไพเราะและเอกลักษณ์ของบทฉันฑ์
• จากตัวอย่างที่กล่าวในข้างต้น เป็นฉันฑ์ประเภทอินทรวิเชียรฉันฑ์ ๑๑
• คำที่กำหนดด้วยตัวหนา หมายถึงคำที่เป็นคำลหุ ส่วนที่เหลือนั้นจะเป็นคำครุ
คำที่เล่นเสียงหนักเบา
คำพ้องเสียงเเละคำซ้ำ
ครั้นทรงพระปรารภ ธุระจบ ธ จึง่ บัญ
ชานรายนิกายสรร พทเเกล้วทหารหจาญ
ต่างทรงรับสั่งว่า จะหาประชุมไย
เราใช่เป็นใหญ่ใจ ก็ขลาดกลัว บ กล้าหาญ
กวีนำเสนอความคิดของกษัตริย์ที่ข้องใจว่าจะจัดประชุมด้วยเหตุอันใดในเมื่อตัวพระองค์เองก็มิได้มีจิตใจกล้าหาญ
การใช้โวหาร
การเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง
ปวงโอรสลิจฉวีดำ ริณวิรุธก็สำ
คัณประดุจคำ ธ เสกสรร
• ประดุจ =“เหมือน”
• วัสสการพราหมณ์คอยยุลูกศิษย์ เเละแต่งกลอุบายให้เกิดความแคลงใจ โดยที่พระโอรสกษัตริย์ลิจฉวีทั้งหลาย
ไตร่ตรองในอาการที่น่าสงสัยเเต่กลับเข้าใจว่าเป็นจริงดังถ้อยคำที่อาจารย์ปั้นเรื่องขึ้น
การเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่ง
กุมารลิจฉวีขัตติย์ ก็รับอรรถอออือ
กสิกเขากระทำคือ ประดุจคำพระอาจารย์
คำว่า”คือ”ปรากฎในตอนทีว่ ัสสการพราหมณ์แกล้งเชิญพระกุมารเข้าไปทูลถามว่าชาวนาจูงโคมา
คู่หนึ่งเพื่อเทียมไถใช่หรือไม่พระกุมารลิจฉวีก็รับสั่งเห็นด้วยว่า สิ่งที่ชาวนากระทำคือการทำตามคำ
ของพระอาจารย์
การสมมุติสิ่งต่างๆ ให้มีกิริยาอาการมีความรู้สึกเหมือนมนุษย์
จึ่งให้ตีกลอง ป่าวร้องทันที
แจ้งข่าวไพรี รุกเบียนบีฑา
เพื่อหมู่ภูมี วัชชีอาณา
ชุมนุมบัญชา ป้องกันฉันใด
ในที่นี้“ป่าวร้อง”เป็นบุคคลวัตให้เปรียบเหมือนว่าตีกลองลั่นดังสนั่นเหมือนกับการป่าวร้องส่ง
สัญญาณเตือนภัยให้กับประชาชน
การกล่าวผิดไปจากที่เป็นจริง
ตื่นตาหน้าเผือด หมดเลือดสั่นกาย
หลบลี้หนีตาย วุ่นหวั่นพรั่นใจ
ซุกตรอกซอกครัว ซ่อนตัวแตกภัย
เข้าดงพงไพร ทิ้งย่านบ้านตน
• “ตื่นตาหน้าเผือด หมดเลือดสั่นกาย” จัดอยู่ในประเภทอติพจน์
• ถอดความได้ว่าประชาชนมีความตื่นตัวหวาดผวาจนหน้าซีดเปรียบเสมือนเลือดหมดตัว
การใช้ชื่อส่วนประกอบที่เด่นของสิ่งหนึ่งแทนสิ่งนั้นๆทั้งหมด
แม้มากผิกิ่งไม้ ผิวใครจะใคร่ลอง
มัดกำกระนั้นปอง พลหักก็เต็มทน
● “กิ่งไม้” = บุคคล
● หากมัดกิ่งไม้รวมกันเป็นมัด ซึ่งเปรียบเสมือนกับการร่วมมือร่วมใจกันสร้างความสามัคคี à มีความมั่นคงและแข็งแรงมากขึ้น
คุณค่าด้านต่างๆ
คุณค่าด้านอารมณ์
โกรธ
ต่างทรงสำแดง ความแขงอำนาจ
สามัคคีขาด แก่งแย่งโดยมาน
ภูมิศลิจฉวี วัชชีรัฐบาล
บ่ ชุมนุมสมาน แม้แต่สักองค์ฯ
ชื่นชมยินดี
ควรชมนิยมจัด คุรุวัสสการพราหมณ์
เป็นเอกอุบายงาม กลงำกระทำมา
คุณค่าด้านคุณธรรม
คุณค่าทางด้านความสามัคคี → คุณค่าหลักของวรรณคดีเรื่องนี้
ตัวอย่างที่ ๑
ข่าวเศิกเอิกอึง ทราบถึงบัดดล
ในหมู่ผู้คน ชาวเวสาลี
แทบทุกถิ่นหมด ชนบทบูรี
อกสั่นขวัญหนี หวาดกลัวทั่วไป
ตื่นตาหน้าเผือด หมดเลือดสั่นกาย
หลบลี้หนีตาย วุ่นหวั่นพรั่นใจ
ซุกครอกซอกครัว ซ่อนตัวแตกภัย
เข้าดงพงไพร ทิ้งย่านบ้านตน
แสดงให้เห็นถึงความวุ่นวายและหวาดกลัวของผู้คนในเมืองหลังจาก
รู้ข่าวศึก
คุณค่าด้านคุณธรรม
ตัวอย่างที่ ๒
แยกพรรคสมรรคภิน ทนสิ้น บ ปรองดอง
ขาดญาณพิจารณ์ตรอง ตริมลักประจักษ์เจือ
เชื่ออรรถยุบลเอา รสเล่าก็ง่ายเหลือ
เหตุหาก ธ มากเมือ คติโมหเป็นมูล
จึ่งดาลประการหา ยนภาวอาดูร
เสียแดนไผทสูญ ยศศักดิเสื่อมนาม
แสดงให้เห็นถึงการเสียดินแดนของแคว้นวัชชีที่เกิดขึ้นจากการแตกสามัคคี
และไม่ปรองดองของ เหล่ากษัตริย์ลิทฉวี
คุณค่าทางปัญญา
แท้ท่านวัสสการใน กษณะตริเหมาะไฉน
เสริมเสมอไป สะดวกดาย
หลายอย่างต่างกล ธ ขวนขวาย พจนยุปริยาย
วัญจโนบาย บ เว้นครา
ครั้นล่วงสามปีประมาณมา สหกรณประดา
ลิจฉวีรา ชทั้งหลาย
วัสสการพราหมณ์ได้ใช้ปัญญาของตนในการหลอกเหล่ากุมารให้แตกแยก
คุณค่าด้านวัฒนธรรม
• การใช้ชีวิตของคนในสมัยก่อน
จึงให้ตีกลอง ป่าวร้องทันที
แจ้งข่าวไพรี รุกเบียนบีฑา
เพื่อหมู่ภูมี วัชชีอาณา
ชุมนุมบัญชา ป้องกันฉันใด
การตีกลองในสมัยก่อนเป็นสัญญาณในการเรียกนัดประชุมต่างๆและ
ร้องแจ้งข่าวสารสำคัญ
คุณค่าทางวรรณกรรม
๑. คุณค่าของวรรณกรรมต่อปัจเจกบุคคล
● ส่งเสริมการเรียนรู:้
○ - คำศัพท์
○ - ภาษา
● ทำให้ผู้อ่านรู้สึกตื่นเต้น สนุกสนาน และเพลิดเพลิน
● ประเทืองปัญญา
๒. คุณค่าวรรณกรรมต่อการสร้างสรรค์สังคม
● มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของสังคม
○ สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ขอบพระคุณครับ/ค่ะ