You are on page 1of 27

บทที่ 6 สำนวนโวหำรในกำรเขียน

โวหำรในกำรเขียนมี 5 ประเภท

1. บรรยำยโวหำร
2. พรรณนำโวหำร
3. เทศนำโวหำร
4. อุปมำโวหำร
5. สำธกโวหำร
บรรยายโวหาร
บรรยำยโวหำร คือ กำรเขีย นอธิบ ำย หรือ บรรยำยเหตุ ก ำรณ์ ท่ีเ ป็ น
ข้อเท็จจริงตำมลำดับเหตุกำรณ์ เป็ นกำรเขียนตรงไปตรงมำ ไม่เยิน่ เย้อ มุง่ ควำม
ชัดเจนเพือ่ ให้ผอู้ ่ำนได้รบั ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ ผูเ้ ขียนควรใช้ภำษำทีก่ ะทัดรัด เขียนได้
ตรงเป้ ำหมำย อ่ำนเข้ำใจง่ำย ในกำรเขียนทัว่ ๆ ไปมักใช้กำรบรรยำยโวหำร เช่น
กำรเขียนเล่ำเรือ่ ง เล่ำเหตุกำรณ์ เล่ำประสบกำรณ์ทเ่ี กิดขึน้ กำรเขียนรำยงำน เขียน
ตำรำ หรือเขียนบทควำม
หลักการเขียนบรรยายโวหาร

1. เขียนเฉพำะสำระสำคัญ ไม่เยิน่ เย้อ ไม่เขียนหลุดจำกสำระสำคัญทีต่ งั ้ ประเด็นไว้


2. เขียนเรื่องจริง โดยผูเ้ ขียนจะต้องมีควำมรูเ้ กี่ยวกับเรื่องที่เขียนเป็ นอย่ำงดี แสดง
ข้อเท็จจริงอย่ำงถูกต้องหรือใกล้เคียงกับควำมเป็ นจริงมำกทีส่ ดุ
3. ใช้ภำษำที่เข้ำใจง่ำย ใช้คำน้อยแต่กนิ ควำมมำก และเร้ำควำมสนใจของผู้อ่ำนให้
ติดตำมอ่ำนตัง้ แต่ตน้ จนจบ
4. เรีย บเรียงคำมคิดให้เป็ นระเบียบต่อเนื่องและมีควำมสัมพันธ์กนั นำเสนออย่ำง
ตรงไปตรงมำ
ตัวอย่างบรรยายโวหาร

“ช้ำงยกขำหน้ ำให้ควำนเหยียบขึน
้ นัง่ บนคอ ตัวมันสูงใหญ่ ใบหูไหวพะเยิบ หญิงบน
เรือนลงบันไดมำข้ำงล่ำง เธอชูแขนยืนผ้ำขำวม้ำและข้ำวห่อใบตองขึน้ ไปให้เขำ”

(นิคม รำยวำ : ตลิง่ สูงซุงหนัก)


ตัวอย่างบรรยายโวหาร
“ตำมถนนหนทำง ท่ำเรือและสถำนทีส่ ำธำรณะในเมืองสิงคโปร์มเี ชลยทหำรญี่ป่ ุนถู กเกณฑ์
ไปทำงำนโยธำเป็ นกลุ่ม ๆ ทัวไปหมด
่ ทุกคนอยู่ในสภำพผูแ้ พ้ คือ หงอยเหงำเศร้ำซึมและส่วน
ใหญ่มกั จะมีร่ำงกำยซูบผอม ทุกคนไม่สวมเสื้อ นุ่ งแต่กำงเกงขำสัน้ สีกำกี สวมหมวกทหำร ที่
หน้ำหมวกมีเครื่องหมำยแสดงยศ พ่อเห็นเชลยเหล่ำนัน้ ทำงำนตกแดดจนเนื้อตัวไหม้เ กรียม น่ ำ
เวทนำจริง ๆ ญี่ป่ ุนเป็ นชำติท่อี ยู่ในกรอบวินัย อย่ำงเม้มงวด เมื่อเป็ นฝ่ ำยแพ้ก็ย อมแพ้อย่ำง
“ศิโรรำบ” แต่เท่ำทีพ่ อได้ยนิ จำกคนทัวไปในประเทศที
่ ญ
่ ่ปี ่ ุนเข้ำไปยึดครอง เช่น พม่ำ มลำยำ
ชวำ สุ ม ำตรำ ตลอดจนสิง คโปร์ เ อง เวลำเป็ นฝ่ ำยชนะ ญี่ ป่ ุ นก็ ก ำเริบ เสิ บ สำนแสดง
อำนำจบำตรใหญ่ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน”

(กรุณำ กุศลำลัย : ชีวติ ทีเ่ ลือกไม่ได้)


ตัวอย่างบรรยายโวหาร
“หล่อนนึกถึงบ้ำนริมสวนในวัยเด็กทีม
่ กั จะชวนเพื่อน ๆ มุดรัว้ ลวดหนำมเข้ำไปเล่นใน
สวนเล็ก ๆ แห่งนัน้ เก็บชมพู่ มะปรำง หรือละมุดสีดำที่ตดิ กิง่ เรีย่ ๆ กินกันเพลิดเพลิน
บำงทีกล็ ุยลงไปจับปลำเข็มหำงแดงหรือปลำหัวตะกัวในท้่ องร่องสวน หรือไม่เช่นนัน้ ก็นงทอด
ั่
หุ่ยกันทีร่ มิ คลอง คอยดูเรือกำแฟบีบแตรลมปู๊ นแป๊ นที่มขี นมแห้ง ๆ อย่ำงถัวตั
่ ดหรือตุ๊บตับ๊
ไม่กข็ นมขีแ้ มวสีมว่ งแดง สีชมพูอยูใ่ นขวดโหล”

(ประภัสสร เสวิกุล : ไฟ)


พรรณนาโวหาร

พรรณนำโวหำร คือ กำรเขียนทีส่ อดแทรกอำรมณ์ควำมรูส้ กึ ของผูเ้ ขียน


เพือ่ ให้ผอู้ ่ำนเกิดควำมซำบซึง้ ประทับใจ มีควำมรูส้ กึ คล้อยตำมไปกับผูเ้ ขียน เช่น
กำรเขียนพรรณนำอำรมณ์ควำมรูส้ กึ รัก หลง โกรธ เกลียด เศร้ำ เป็ นต้น โดย
เลือกใช้ถอ้ ยคำทีไ่ พเรำะเห็นภำพพจน์ได้งำ่ ย เพือ่ โน้มน้ำวอำรมณ์ผอู้ ่ำนให้คล้อย
ตำมและเกิดควำมประทับใจ
หลักการเขียนพรรณนาโวหาร

1. ใช้ถอ้ ยคำทีเ่ ลือกสรรแล้ว เพือ่ สือ่ ควำมหมำยและอำรมณ์ควำมรูส้ กึ ทีช่ ดั เจน


2. เขียนใจควำมควรเน้นให้เกิดภำพพจน์ เกิดอำรมณ์ควำมรูส้ กึ ร่วมไปกับผูเ้ ขียน
3. ใช้ภำพพจน์ หรืออุปมำโวหำร เพื่อให้ได้อำรมณ์ควำมรูส้ กึ หรือเกิดจินตนำกำร
คล้อยตำม
ตัวอย่างพรรณนาโวหาร

“ถ้ำหำกว่ำ เหงือ่ และน้ ำตำ ตลอดจนชีวติ ของมนุ ษย์ทถ่ี ูกเกณฑ์เอำมำสร้ำง นครวัดนี้


สำมำรถตักตวงเอำไว้ได้ เหงื่อ น้ ำตำ และชีวติ นัน้ ก็คงจะท่วมท้นคูทล่ี อ้ มรอบนครวัดนี้อยู่ เสียง
ลมที่พดั เข้ำมำทำงช่องทวำรศิลำ และแล่นไปตำมระเบีย งมืดดังเหมือนเสีย งสะท้อนของเสีย ง
โหยหวนด้วยควำมเจ็บปวดเมื่อพันปี มำแล้ว เสียงค้ำงคำวกระพือปี ก และเสียงค้ำงคำวร้องฟั งดู
เหมือนเสียงคนกระซิบกระซำบปรับทุกข์กนั ด้วยควำมเหนื่อยอ่อนและเมือ่ ยล้ำ”

(ม.ร.ว.คึกฤทธิ ์ ปรำโมช : ถก
เขมร)
ตัวอย่างพรรณนาโวหาร

“อำกำศยำมเช้ำในสวนของคฤหำสน์ บดินทรำช ... ดูสดใส ผีเสื้อแสนสวย กรีดปี ก


ระยับในสำยแดดอ่อนยำมเช้ำจำกดอกหนึ่งไปที่ดอกไม้นำนำพันธุ์อกี หลำย ๆ ดอก สีของ
กุหลำบปั กกิง่ ... แดงสดสว่ำงจ้ำตัดกับสีเขียวสดของสนำมหญ้ำ ประกำยของน้ ำค้ำงต้อง
แดดวำววับรำวกับอัญมณีเรีย่ รำยอยูบ่ นพืน้ สนำม”

(วำณิช จรุงกิจอนันต์ : ซอยเดียวกัน)


ตัวอย่างพรรณนาโวหาร
“ดอกจันทน์กระพ้อร่วงพรูแต่มไิ ด้หล่นลงสูพ
่ น้ื ดินทีเดียว
เกสรเล็ก ๆ แดงเรีอ่ แกมเหลือ
ลอยว่อนกระจัดพรัดพรำยอยู่ในอำกำศทีโ่ ปร่งสะอำดหน่อยหนึ่ง เหมือนลวดลำยของตำข่ำยที่
คลุมไตรพระ กลีบและเกสรอำจจะตกลงถูกเหยียบเป็ นผุยผงไป”

(แม่อนงค์ : แผ่นดินของเรำ)
เทศนาโวหาร
เทศนำโวหำร หมำยถึง กำรเขียนอธิบำย ชีแ้ จงให้ผอู้ ่ำนเข้ำใจ ชีใ้ ห้เห็นประโยชน์
หรือโทษของเรือ่ งทีก่ ล่ำวถึง เป็ นกำรชักจูงใจให้ผอู้ ่ำนคล้อยตำม เห็นด้วย หรือเพือ่ แนะนำสัง่
สอน ปลุกใจ หรือเพือ่ ให้รถู้ งึ ข้อเท็จจริง กำรเขียนแบบบรรยำยโวหำรต้องอำศัยกลวิธกี ำรชักจูง
ใจ
หลักการเขียนเทศนาโวหาร

1. เรื่องที่เขียนมีควำมชัดเจน สำมำรถอธิบำย และหำเหตุผลมำประกอบกำร


เขียนได้
2. วิธีเขีย นชัดเจน รู้จกั ใช้เหตุ ผล ใช้หลักฐำนอ้ำงอิง ประกอบเพื่อให้เนื้อหำมี
น้ำหนักน่ำเชือ่ ถือ และมีกำรจัดลำดับกำรแสดงเหตุผลอย่ำงเหมำะสม
3. ใช้ภำษำเข้ำใจง่ำย กระชับ มีน้ ำหนัก แจ่มแจ้ง ชัดเจน และเร้ำควำมสนใจ
ของผูอ้ ่ำน
ตัวอย่างเทศนาโวหาร
“โลกหรือสิง่ ทัง้ ปวงมีลก
ั ษณะไม่เที่ยง เป็ นทุกข์และไม่เป็ นตัวตนของโลก มันจะเล่นงำน
บุคคลผูท้ เ่ี ข้ำไปยึดถือด้วยตัณหำ อุปทำนนับแต่วำระแรก คือตัง้ แต่เมื่ออยำกได้อยำกเป็ น กำลัง
ได้กำลังเป็ น และได้แล้วเป็ นแล้ว ตลอดเวลำแห่งกำลทัง้ สำม ใครเข้ำไปยึดถืออย่ำงหลับหูหลับตำ
แล้วก็จะมีควำมทุกข์อย่ำงเต็มที่ เหมือนอย่ำงที่เรำเห็นปุถุชนคนเขลำทัง้ หลำยเป็ น ๆ กันอยู่
โดยทัวไปในโลก
่ ”

(พุทธทำส : คูม่ อื มนุษย์)


ตัวอย่างเทศนาโวหาร
“เรำคิดว่ำทุกคนทีเ่ กิดมำอย่ำงไม่มอ
ี ะไรติดตัวมำเลยแม้แต่ผำ้ นุ่ งห่มสักผื นหนึ่งเวลำจำกไปก็
นำเอำไปไม่ได้ จะเป็ นทรัพย์สมบัตแิ ท้ ๆ ที่ใกล้ชดิ ที่สุดก็ต้องฝั งหรือเผำเปลี่ยนสภำพไป เมื่อ
ฐำนะที่แท้จริงของมนุ ษย์คอื กำรไม่อำจถือกรรมสิทธิ ์ในอะไรเลย ไม่ว่ำจะเป็ นทรัพย์สนิ หรือชีวติ
เลือดเนื้อของตนเช่นนี้ กำรที่เรำจะมำนัง่ เศร้ำโศกกับสิง่ ที่เรำไม่สำมำรถจะมีส ิ ทธิ ์ครอบครองได้
จริงจังนัน้ จะต่ำงอะไรกับคนทีเ่ วียนดีใจเมือ่ อำทิตย์ขน้ึ และเสียใจเมือ่ อำทิตย์ตก ซ้ำแล้วซ้ำเล่ำอยู่
ทุกเมือ่ เชือ่ วัน”

( สุ ช ีพ ปุ ญ ญำนุ ภ ำพ : เชิง ผำหิม


พำนต์)
ตัวอย่างเทศนาโวหาร

“ถ้ำไม่มค
ี ุณธรรมเป็ นสิง่ จรรโลงจิตใจ คนเรำก็คงไม่แตกต่ำงไปจำกสัตว์ป่ำ...เรำคงจะ
มำฉกฉวยแย่งชิงสิง่ ทีเ่ รำอยำกได้โดยไม่คำนึงถึงว่ำสิง่ นัน้ จะมีใครเป็ นเจ้ำของครอบครองอยู่แล้ว
หรือไม่ ผูใ้ หญ่ก็ข่มเหงรังแกผูน้ ้อย หรือคนที่อ่อนแอกว่ำตำมอำเภอใจ ลูกหลำนจะดูหมิน่ ดู
แคลนพ่อแม่ทแ่ี ก่เฒ่ำให้ได้รบั ควำมทุกข์ยำกร้อนใจ”

(ประภัสสร เสวิกุล : ลอดลำยมังกร)


อุปมาโวหาร

อุปมำโวหำร หมำยถึง กำรเขียนเป็ นสำนวนเปรียบเทียบทีม่ คี วำมคล้ำยคลึงกันเพือ่ ทำ


ให้ผอู้ ่ำนเกิดควำมเข้ำใจลึกซึง้ ยิง่ ขึน้ โดยกำรเปรียบเทียบของทีเ่ หมือนกัน เปรียบเทียบโดยโยง
ควำมคิดไปสูอ่ กี สิง่ หนึ่งหรือเปรียบเทียบข้อควำมตรงกันข้ำมหรือข้อควำมทีข่ ดั แย้งกัน
หลักการเขียนอุปมาโวหาร

1. เรื่องที่นำมำเปรียบเทียบต้องสัมพันธ์กบั เนื้อหำ และเป็ นสิง่ ที่เข้ำใจง่ำยกว่ำเนื้อหำ


เขียนให้สอดคล้องเพือ่ ให้ผอู้ ่ำนเห็นภำพ หรือเกิดควำมเข้ำใจอย่ำงแจ่มแจ้ง
2. ภำษำที่ใ ช้ ส ละสลวย ท ำให้ ผู้ อ่ ำ นเห็น ภำพ โดยกำรใช้ ภ ำพพจน์ ช นิ ด ต่ ำ ง ๆ
ประกอบกำรเขียน
ตัวอย่างอุปมาโวหาร

“อันว่ำแก้วกระจกรวมอยู่กบ
ั สุวรรณ ย่อมได้แสงจับเป็ นเลื่อมพรำยคล้ำยมรกต ผูท้ ่โี ง่
เขลำ แม้ได้อยูใ่ กล้นกั ปรำชญ์ ก็อำจเป็ นคนเฉลียวฉลำดได้ฉนั เดียวกัน”

( เสถี ย รโกเศศ และนำคะประทีป : หิโ ตป


เทศ)
ตัวอย่างอุปมาโวหาร

“อันว่ำนำยช่ำงผูเ้ ชีย
่ วชำญ ก่อสร้ำงประสำทมโหฬำรย่อมเพิม่ รูปศิลำ จำหลักไว้ในที่
สมควรตำมทำนองมิใช่จะเป็ นเครือ่ งประดับเท่ำนัน้ แต่ยงั ใช้ประโยชน์รองรับหรือคำ้ จุนทีบ่ ำง
แห่งนัน้ ไว้ดว้ ย ข้อควำมนี้อุปมำฉันใด พระศำสดำในบำงครำวย่อมทรงชักเอำ
เรือ่ งเปรียบเทียบเป็ นภำษิตทีน่ ่ำฟั งและ สมด้วยกำลสมัยขึน้ แสดงก็อุปมำฉันเดียวกัน”

(เสถียรโกเศศ และนำคะประทีป: กำมนิต)


ตัวอย่างอุปมาโวหาร

“อันสติปัญ ญำขงเบ้ง รู้ตำรำเรีย กลมในอำกำศหำผู้ใดเสมอมิได้ อุปมำดังจะนับดำวใน


ท้องฟ้ ำ และหยังพระมหำสมุ
่ ทร อันลึกได้ ครัน้ เอำขงเบ้งไว้สบื ไปภำยหน้ำเมืองกังตั ๋งก็จะเป็ น
อันตรำย จำจะคิดอ่ำนฆ่ำเสีย เมืองเรำจึงจะมีควำมสุขสืบไป”

(เจ้ำพระยำพระคลังหน : สำมก๊ก)
สาธกโวหาร

สำธกโวหำร หมำยถึง กำรทีผ่ เู้ ขียนหยิบยกตัวอย่ำงมำอ้ำงอิงประกอบ กำรอธิบำย


เพือ่ สนับสนุนข้อควำมทีเ่ ขียนไว้ให้ผอู้ ่ำนเข้ำใจ และเกิดควำมเชือ่ ถือ
หลักการเขียนสาธกโวหาร

1. เรื่องทีย่ กมำเป็ นตัวอย่ำงประกอบเนื้อหำทีจ่ ะเขียนจะต้องมีควำมเหมำะสมชัดเจน


และสัมพันธ์กบั เนื้อหำ เขียนให้กลมกลืนกันเพือ่ ทำให้เนื้อหำเด่นชัดยิง่ ขึน้

2. ภำษำทีใ่ ช้ตอ้ งชัดเจนและเข้ำใจง่ำย


ตัวอย่างสาธกโวหาร

“ อ ำนำจควำมสัต ย์เ ป็ น อ ำนำจที่ศ ก


ั ดิ ์สิท ธิ ์
ไม่เพีย งแต่จบั หัวใจคน แม้แต่สตั ว์ก็ยงั มี
ควำมรูส้ กึ ในควำมสัตย์ซ่อื เมือ่ กวนอูตำยแล้ว ม้ำของกวนอูกไ็ ม่ยอมกินหญ้ำกินน้ ำ และตำม
เจ้ำของไปในไม่ชำ้ ไม่ยอมให้หลังของมันสัมผัสกับผูอ้ น่ื นอกจำกนำยของมัน”

(ประภัสสร เสวิกุล : ลอดลำยมังกร)


ตัวอย่างสาธกโวหาร
“คนเรำต้องเอำอย่ำงมดอย่ำไปเอำหนอน เพรำะมดนัน้ ถึงมันจะตัวเล็กนิดเดียวแต่
ก็ขยันขันแข็ง สำมำรถลำกเหยื่อชิน้ ใหญ่ ๆ ได้สบำย แต่ถงึ กระนัน้ มันก็กลับกินอำหำร
แต่น้อยจนเอวคอดกิว่ ผิดกันกับหนอน ซึ่งเกียจคร้ำนเอำแต่กนิ ทัง้ วันโดไม่ทำงำนทำ
กำรอะไรจนตัวอ้วนอุย้ อ้ำย ผลสุดท้ำยก็กลำยเป็ นเหยือ่ อันโอชะของนกปลำ”

(เจ้ำพระยำพระคลังหน : สำมก๊ก)
ตัวอย่างสาธกโวหาร

“เย็นวันหนึ่ง ข้ำพเจ้ำเดินลัดเข้ำไปในตรอก ผ่ำนห้องแถวเตี้ย ๆ ซึ่งเป็ นที่อยู่อำศัย


ของผู้หำเช้ำกินค่ ำ มองเข้ำไปในห้องหนึ่งเห็นชำยอำยุ ค่อนข้ำงหนุ่ มกำลังนั ง่ ขัดตะหมำด
เปิ บข้ำวอยูใ่ นนัน้ ทีน่ อนหมอนมุง้ ก็เห็นอยูใ่ นห้องเดียวกันเห็นเมียอุม้ ลูกน้อยนังอยู
่ ่ขำ้ ง ๆ ได้
เห็นชำยผู้นัน้ กินข้ำวพลำงล้อลูกพลำง เห็นหน้ ำเมียที่ย้มิ แย้ม เห็นลูกเล็กมีหน้ ำเป็ นหัวร่อ
อย่ำงไม่เดียงสำ ข้ำพเจ้ำเห็นแล้วก็เต็มตื้น นี่แหละควำมสุขอันแท้จริงของครอบครัว ถึงจะ
ยำกจนก็ยงั มีควำมสุขตำมประสำจน เป็ นควำมสุขทีจ่ ะซือ้ หำกันด้วยเงินทองไม่ได้”

(เสถียรโกเศศ: ค่ำของวรรณคดี)

You might also like