Professional Documents
Culture Documents
ประเภทของนาฎศิลป์ ไทย
เครือ่ งแต่งกายยืนเครือ่ งตัวนาง
ใบความรู้
เรื่อง โขน
โขนเป็ นนาฏศิลป์ ชั้นสูงที่เก่าแก่ของไทย มีมานานตั้งแต่สมัยกรุ งศรี อยุธยา ตามหลักฐานจาก
จดหมายเหตุของลาลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้กล่าวถึงการเล่นโขน
ว่าเป็ นการเต้นออกท่าทางเข้ากับเสี ยงซอและเครื่ องดนตรี อื่นๆผูเ้ ต้นสวมหน้ากากและถืออาวุธ โขน
เป็ นที่รวมของศิลปะหลายแขนงคือ โขนนำวิธีเล่นและวิธีแต่งตัวบางอย่างมาจากการเล่นชักนาค
ดึกดำบรรพ์ โขนนำท่าต่อสู้โลดโผน ท่ารำท่าเต้นมาจากกระบี่กระบอง และโขนนำศิลปะการพากย์
การเจรจา หน้าพาทย์เพลงดนตรี การแสดงโขน ผูแ้ สดงสวมศีรษะคือหัวโขนปิ ดหน้าหมด ยกเว้น
เทวดา มนุษย์ และมเหสี ธิดาพระยายักษ์มีตน้ เสี ยงและลูกคู่ร้องบทให้และมีคนพากย์และเจรจให้
ด้วย เรื่ องที่แสดงนิยมแสดงเรื่ องรามเกียรติ์และอุณรุ ฑ ดนตรี ที่ใช้ประกอบการแสดงโขนใช้วงปี่
พาทย์
๑. โขนกลางแปลง
๒. โขนโรงนอก หรื อโขนนัง่ ราว
๓. โขนหน้าจอ
๔.โขนโรงใน
๕.โขนฉาก
ลักษณะบทโขน ประกอบด้วย
บทพากย์ การแสดงโขนโดยทั่วไปจะเดินเรื่องด้วยบทพากย์
ซึง่ แต่งเป็ นคำประพันธ์ชนิดกาพย์ฉบัง ๑๖ หรือกาพย์ยานี ๑๑
บทมีช่ อื เรียกต่าง ๆ ดังนี้
๑. พากย์เมือง หรือพากย์พลับพลา คือบทตัวเอก เช่น ทศกัณฐ์
หรือพระรามประทับในปราสาทหรือพลับพลา
๓. พากย์โอ้ เป็ นบทโศกเศร้า รำพัน คร่ำครวญ ซึ่ งตอนต้นเป็ นพากย์ แต่ตอนท้ายเป็ นทำนองร้อง
เพลงโอ้ปี่ ให้ปี่พาทย์รับ ๔ พากย์ชมดง เป็ นบทตอนชมป่ าเขา ลำเนาไพร ทำนองตอนต้นเป็ น
ทำนองร้อง เพลงชมดงใน ตอนท้ายเป็ นทำนองพากย์ธรรมดา
บทเจรจา
เป็ นบทกวีที่แต่งเป็ นร่ ายยาว ส่ งและรับสัมผัสกันไปเรื่ อยๆ ใช้ได้ทุกโอกาส สมัยโบราณเป็ น
บทที่คิดขึ้นสดๆ เป็ นความสามารถของคนพากย์ คนเจรจา ที่จะใช้ปฏิภาณคิดขึ้นโดยปั จจุบนั ให้ได้
ถ้อยคำสละสลวย มีสมั ผัสแนบเนียน และได้เนื้อถ้อยกระทงความถูกต้องตามเนื้ อเรื่ อง ผูพ้ ากย์
เจรจาที่เก่งๆ ยังสามารถใช้ถอ้ ยคำคมคาย เหน็บแนมเสี ยดสี บางครั้งก็เผ็ดร้อน โต้ตอบกันน่าฟัง
มาก ปั จจุบนั นี้ บทเจรจาได้แต่งไว้เรี ยบร้อยแล้ว ผูพ้ ากย์เจรจาก็วา่ ตามบทให้เกิดอารมณ์คล้อยตาม
ถ้อยคำ โดยใช้เสี ยงและลีลาในการเจรจา ผูพ้ ากย์และเจรจาต้องทำสุ ้มเสี ยงให้เหมาะกับตัวโขน และ
ใส่ ความรู้สึกให้เหมาะกับอารมณ์ในเรื่ อง
คนพากย์และเจรจานี้ ใช้ผชู้ าย คนหนึ่งต้องทำหน้าที่ท้ งั พากย์และเจรจา และต้องมีไม่นอ้ ยกว่า ๒ คน
จะได้โต้ตอบกันทันท่วงที เมื่อพากย์หรื อเจรจาจบกระบวนความแล้ว ต้องการจะให้ปี่พาทย์ท ำเพลง
อะไรก็ร้องบอกไป เรี ยกว่า "บอกหน้าพาทย์" และถ้าการแสดงโขนนั้นมีขบั ร้อง คนพากย์และเจรจา
ยังจะต้องทำหน้าที่บอกบทด้วย การบอกบทจะต้องบอกให้ถูกจังหวะ
วิธีดูโขน
โขนเป็ นละครใบ้ โดยเฉพาะโขนกลางแปลง ผูด้ ูจึงต้องดูการแสดงท่าทาง ซึ่ งจะบอกความ
หมาย ความรู้สึกความคิด ความประสงค์ต่างๆ ได้ทุกอย่าง ท่าทางที่โขนแสดงออกย่อมสัมพันธ์กบั
ดนตรี ฉะนั้น หน้าพาทย์ต่างๆ ที่ใช้ในการแสดงโขนจึงมีความสำคัญมาก เช่น เพลงกราวนอก กราว
ในที่ใช้ในเวลาจัดทัพ แสดงให้เห็นความเข้มแข็งคึกคักของทหาร ท่าทางของผูแ้ สดงก็แสดงให้เห็น
ความเข้มแข็งคึกคัก กระหยิม่ องอาจ กล้าหาญ ความพร้อมเพรี ยงของกองทัพ หรื อเพลงเชิดและท่า
รบ ก็แสดงให้เห็นการรุ กไล่หลบหลีก ปิ ดป้ อง หลอกล่อต่างๆ
โอกาสที่แสดงโขน
๑. แสดงเป็ นมหกรรมบูชา เช่น ในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ หรื อพระศพ พระบรมอัฐิ หรื อ
อัฐเจ้านาย ตลอดจนศพขุนนาง หรื อผูใ้ หญ่เป็ นที่เคารพนับถือทัว่ ไป
๒. แสดงเป็ นมหรสพสมโภช เช่น ในงานฉลองปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุ พระพุทธบาท พระแก้ว
มรกต พระอาราม หรื อสมโภชเจ้านายทรงบรรพชา สมโภชในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมโภช
ในงานเฉลิมพระชนม์พรรษา สมโภชวันประสู ติเจ้านายที่สูงศักดิ์ เป็ นต้น
๓. แสดงเป็ นมหรสพเพือ่ ความบันเทิง ในโอกาสทัว่ ๆ ไป
เครื่ องแต่งกายและเครื่ องประดับของตัวยักษ์
1. กำไลเท้า 2. สนับเพลา 3. ผ้านุ่ง ในวรรณคดี เรี ยกว่า ภูษา หรื อพระภูษา 4. ห้อยข้าง หรื อเจียระบาด หรื อชายแครง 5. ผ้า
ปิ ดก้น หรื อห้อยก้น อยูข่ า้ งหลัง 6. เสื้ อ ในวรรณคดีเรี ยกว่า ฉลององค์ 7. รัดสะเอว หรื อรัดองค์ หรื อรัดพัสตร์ 8. ห้อยหน้า
หรื อชายไหว 9. เข็มขัด หรื อปั้นเหน่ง 10. รัดอก หรื อรัดองค์ ในวรรณคดีเรี ยกว่า รัดพระอุระ 11. ตาบหน้า หรื อ ตาบทับ
ในวรรณคดีเรี ยกว่า ทับทรวง 12. กรองคอ หรื อ นวมคอ ในวรรณคดีเรี ยกว่า กรองศอ 13. ทับทรวง 14.สังวาล 15.
ตาบทิศ 16. แหวนรอบ 17. ปะวะหล่ำ 18. กำไลแผงในวรรณคดีเรี ยกว่า ทองกร 19. พวงประคำคอ 20. หัวโขนในภาพนี้
เป็ นหัวทศกัณฐ์ 21. คันศร(บรรดาพญายักษ์ตวั สำคัญอื่นๆ ในเรื่ องโขนก็แต่งกายคล้ายกันนี้ ต่างกันแต่ละสี และลักษณะของ
หัวโขน)
เครื่องแต่ งกายและเครื่องประดับของตัวนาง
1. กำไลเท้า 2. เสื้ อในนาง 3. ผ้านุ่ง ในวรรณคดี เรี ยกว่า ภูษา หรื อพระภูษา 4. เข็มขัด 5. สะอิ้ง 6. ผ้าห่มนาง 7. นวมนาง
ในวรรณคดีเรี ยกว่า กรองศอ หรื อสร้อยนวม 8. จี้นาง หรื อ ตาบทับ ในวรรณคดีเรี ยกว่าทับทรวง 9.พาหุรัด 10. แหวนรอบ
11.ปะวะหล่ำ 12. กำไลตะขาบ 13. กำไลสวม ในวรรณคดีเรี ยกว่าทองกร 14. ธำมรงค์ 15. มงกุฎ 16. จอนหู ในวรรณคดี
เรี ยกว่า กรรเจียก หรื อกรรเจียกจร 17. ดอกไม้ทดั (ซ้าย) 18. อุบะ หรื อพวงดอกไม้ (ซ้าย)
ใบความรู้
เรื่อง เครื่องแต่ งกายนาฏศิลป์ ไทย