Professional Documents
Culture Documents
ถ่ายภาพเบื้องต้น 02
ถ่ายภาพเบื้องต้น 02
บทที่
2 ความหมายและหลักการท�ำงาน
ของกล้องถ่ายภาพ
2.1 ความหมายและความส�ำคัญของการถ่ายภาพ
1) ความหมายของการถ่ายภาพ
การถ่ายภาพ (Photography) มาจากภาษากรีก 2 ค�ำ ค�ำแรกคือค�ำว่า Phos ที่แปลว่า แสงสว่าง และค�ำว่า Graphein
ที่แปลว่า การเขียน เมื่อเอา 2 ค�ำมารวมกัน Photography จึงหมายถึง การเขียนด้วยแสงสว่าง
ความหมายของการถ่ายภาพ มองใน 2 ประเด็น คือ ความหมายเชิงวิทยาศาสตร์ และความหมายเชิงศิลปศาสตร์
1) ความหมายในเชิงวิทยาศาสตร์ หมายถึง การท�ำปฏิกิริยาระหว่างแสงกับวัสดุไวแสง
2) ความหมายในเชิงศิลปะหรือศิลปศาสตร์ หมายถึง การวาดภาพด้วยแสงและเงา รวมถึงการผสมสีเพื่อ
ถ่ายทอดความหมาย ความรู้สึก อารมณ์หรือทัศนะคติ
2) ความส�ำคัญและบทบาทหน้าที่ของการถ่ายภาพ
คงเคยได้ยินค�ำว่า ภาพหนึ่งภาพมีความหมายมากกว่าค�ำพูดหรือการเขียนนับพันค�ำ หรือว่าเป็นค�ำไทยที่บอกว่า สิบ
ปากว่าไม่เท่าตาเห็น นั่นหมายความว่าภาพภาพเดียว หากเรามองภาพเดียวเข้าใจความหมายของสิ่งที่ภาพสื่อได้เลย แต่หาก
เราฟังมาหลายค�ำหรือคนอื่นถ่ายทอดมาอีกทีทั้งที่เราไม่เห็นด้วยตัวเอง เราอาจมีตีความหรือเข้าใจความหมายขของสิ่งนั้นผิด
ไป ซึ่งสามารถสรุปบทบาทหน้าที่ของการถ่ายภาพที่มีความส�ำคัญต่องานต่างๆ ได้ดังนี้
2.1) การใช้ภาพถ่ายเพื่อบันทึกภาพและข้อมูลส�ำคัญทาง
ประวัติศาสตร์ เพื่อเป็นหลักฐาน รวมถึงการถ่ายทอดศิลปะ ประเพณี วัฒนธรรม
และวิถีชีวิตของคนในสังคมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสืบสานต่อไปยังคนรุ่นหลัง
2.2) การใช้ภาพถ่ายเพื่อแสดงตัวตนอาจเป็นหลักฐานทางกฏ
หมาย หากเป็นลักษณะการถ่ายภาพในเชิงกีฬาน�ำภาพถ่ายมาเป็นหลักฐานในการ
ตัดสินได้
2.3) การใช้ภาพถ่ายเพื่อบอกหรือว่าอธิบายเรื่องราวหรือ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เช่น ภาพข่าว
เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหนังสือพิมพ์ นิตยสาร รวมทั้งโทรทัศน์ สื่อมวลชนต่างๆ
2.4) การใช้ภาพถ่ายเพื่อการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ เพื่อ
ดึงดูดความสนใจ ของผู้บริโภคหรือกลุ่มเป้าหมายให้อยากใช้สินค้าและบริการ หรือ
เข้าร่วมกับกิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้น รวมทั้งเรื่องของการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับ
องค์กรเพื่อให้เป็นที่จดจ�ำของผู้บริโภคได้
2.2 หลักการท�ำงานของกล้องถ่ายภาพ
หลักการท�ำงานของกล้องถ่ายภาพ มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันกับ
ปัจจัย 2 ประการ คือ
1) ความคมชัดของภาพ ซึ่งอาจคมชัดทุกระยะของภาพหรือคมชัด
บางระยะ
2) แสงสว่าง ภาพถ่ายที่ดีต้องมีแสงสว่างที่พอเหมาะพอดี หรือ
เรียกว่า ภาพที่มีแสง Normal หากแสงสว่างมากเกินไปเรียกว่า ภาพ Over
หรือแสงมืดเกินไปเรียกว่า ภาพ Under
การที่ภาพหนึ่งภาพที่เราบันทึกจะมีความคมชัดหรือแสงสว่างพอดีหรือไม่นั้น มีส่วนประกอบของกล้องถ่ายภาพที่
เกี่ยวข้องอยู่ 2 ส่วน คือ
2) ขนาดของรูรับแสง (f-number)
ซึ่งส่วนประกอบส่วนนี้เป็นส่วนประกอบที่อยู่ในช่วงของเลนส์ คุณสมบัติของขนาดรูรับแสงมีผลต่อความคมชัด
ของภาพและแสงสว่างของภาพเช่นเดียวกัน หากเราตั้งรูรับแสงที่ไม่เหมาะสมอาจได้ภาพที่มีความสว่างหรือความมืดมาก
เกินไป หรือได้ความคมชัดที่ไม่ตรงกับความต้องการ ซึ่งขนาดของรูรับแสงมีขนาดตั้งแต่รูปแคบจนถึงรูกว้างที่เราสามารถ
ก�ำหนดค่าได้ หากปรับรูรับแสงขนาดแคบเวลาถ่ายภาพออกมาเราได้ภาพที่มีความคมชัดทุกระยะของภาพ ซึ่งรูรับแสงแคบ
เหมาะกับการถ่ายภาพทั่วๆ ไปเช่น ภาพทิวทัศน์ สถาปัตยกรรม ซึ่งต้องการให้มีความคมชัดทั้งภาพ แต่หากรูรับแสงกว้าง
ภาพมีความคมชัดเฉพาะจุดที่เราโฟกัส ยกตัวอย่างเช่น ภาพบุคคลที่ยืนเรียงกัน ด้านหน้า กลาง และหลัง หากเราโฟกัสไปที่
คนตรงกลาง โดยที่เปิดรูรับแสงกว้าง ภาพที่ออกมาคนตรงกลางก็จะชัดแต่คนที่อยู่ข้างหน้าและข้างมีความเบลอเกิดขึ้น ซึ่ง
มากน้อยขึ้นอยู่กับขนาดรูรับแสงที่เราเปิด แต่ถ้าปรับรูรับแสงไปที่แคบสุด ความคมชัดก็จะเท่ากันหมดทั้ง 3 คน รูรับแสง
เป็นตัวที่ช่วยให้เราก�ำหนดระยะความชัดของภาพได้เช่นเดียวกัน ซึ่งรูรับแสงแคบหรือกว้างมีค�ำศัพท์ที่เกี่ยวข้องอยู่ 2 ค�ำ
หากเราถ่ายภาพในลักษณะที่รูรับแสงกว้างเราได้ภาพที่เรียกว่า ภาพชัดตื้น คือ ชัดเฉพาะจุดที่เราโฟกัส แต่หากเราปรับรูรับ
แสงแคบเราได้ภาพที่เรียกว่า ชัดลึก คือ ภาพที่มีระยะชัดหมดทั้งภาพไม่ว่าวัตถุอยู่ใกล้ กลาง หรือไกล มีความคมชัดเท่ากัน
หมด