Professional Documents
Culture Documents
ผลกระทบของความไม่เป็นเชิงเส้นของวัสดุต่อการโก่งตัวมากของคานยื่น
ที่ทำ�จากวัสดุแบบเจนเนอร์รัลไลซ์ลุดวิกภายใต้แรงดึงรั้งจากเคเบิล
พีรสิทธิ์ มหาสุวรรณชัย1 ชัยณรงค์ อธิสกุล2* สมชาย ชูชีพสกุล3
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี บางมด ทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140
และ บุญชัย ผึ้งไผ่งาม4
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ถนนรังสิต-นครนายก (คลองหก) ธัญบุรี ปทุมธานี 12110
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำ�เสนอการโก่งตัวมากของคานยื่นที่ทำ�จากวัสดุแบบเจนเนอร์รัลไลซ์ลุดวิก โดย
พิจารณาผลของความไม่เป็นเชิงเส้น ทั้งทางเรขาคณิตและความไม่เป็นเชิงเส้นของวัสดุ คานรับแรงกระทำ�ที่ปลายคาน
จากสายเคเบิลทีด่ งึ รัง้ โดยสายเคเบิลจะดึงรัง้ ปลายคานผ่านจุดยึดหมุนทีก่ �ำ หนดให้มตี �ำ แหน่งอยูใ่ ต้ฐานรองรับแบบยึดแน่น
ของคาน ทั้งนี้ใช้หลักการของวัสดุแบบเจนเนอร์รัลไลซ์ลุดวิกเพื่อหาความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นเชิงเส้นของโมเมนต์ดัดและค่า
ความโค้ง โดยการสร้างสมการครอบคลุมปัญหาขึ้นจากการพิจารณาสมดุลของคาน และความสัมพันธ์ทางเรขาคณิตของ
ชิ้นส่วนย่อยของคาน รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างโมเมนต์ดัดและค่าความโค้ง การหาคำ�ตอบเชิงตัวเลขของสมการอาศัย
ระเบียบวิธีการยิงเป้า ผลการศึกษาพบว่าการเปลี่ยนแปลงค่าคงที่ของวัสดุ n และ มีผลต่อระยะการโก่งตัวและแรง
ที่กระทำ� ทั้งนี้แสดงพฤติกรรมระยะการโก่งตัวมากของคานยื่นที่มีผลมาจากวัสดุที่ไม่เป็นเชิงเส้นในรูปกราฟความสัมพันธ์
ระหว่างแรงและระยะการเคลื่อนที่
Abstract
This research aims to present large deflections of a cantilever beam made of a Generalized
Ludwick material. Both geometric and material nonlinearities are considered. The beam is subject to the
tension from a guyed cable. The guyed cable is attached from the free end of the beam and passes through
a pin support, which is located under a fixed end of the beam. The Generalized Ludwick constitutive law
is employed to derive the nonlinear moment curvature relation. The governing equations of this problem
are formulated by considering the equilibrium of the beam, the geometric relations of a beam segment and
the moment curvature relation. The shooting method is employed to obtain the numerical solutions. The
results show that changes in the nonlinear material constants n and have a significant effect on the large
displacements and their corresponding applied loads. The load displacement diagrams are illustrated to
explain the effect of material nonlinearity on the large displacement behavior of the cantilever beam.
Linear Materials
1.0
Ludwick Materials
Generalized Ludwick Materials
0.8 n 1
n 1
0.6
n 1
0.4
n 1
0.2
n 1
0.0
0.0 0.2 0.4 0.6 0.8 1.0
2. ทฤษฎีและสมการครอบคลุมปัญหา • วัสดุที่ใช้ทำ�คานเป็นเนื้อเดียวกันและมีสมบัติ
รูปที่ 2 แสดงลักษณะปัญหาการโก่งตัวมากของคาน ทางกายภาพเหมือนกันในทุกทิศทางตลอด
ปลายยื่นที่ทำ�จากวัสดุไม่เป็นเชิงเส้นแบบเจนเนอร์รัลไลซ์- ความยาวคาน
ลุดวิก ภายใต้แรงดึงรั้งที่ปลายจากเคเบิล กำ�หนดให้คาน • คานไม่มีการยืดหดตัวตามแนวแกนเมื่อรับแรง
ปลายยื่นมีความยาว la โดยที่คานปลายยื่นทำ�มุม β กับ กระทำ�
สายเคเบิล ปลายด้านหนึ่งของเคเบิลยึดเข้ากับปลายอิสระ • สายเคเบิลมีการยืดหดตัวน้อยมากเมื่อรับแรง
ของคาน (จุด O) ส่วนที่ปลายอีกด้านหนึ่งของเคเบิลจะ • แรงดึงรัง้ จากเคเบิลมีทศิ ทางทำ�มุมกับแนวราบ
ยึดรั้งผ่านจุด B ซึ่งอยู่ต่ำ�จากปลายที่ยึดแน่นของคาน (จุด และผ่านจุดยึดรั้งที่ตำ�แหน่ง B เสมอ
A) เป็นระยะ ha โดยแรงดึง T จากเคเบิลจะมีทิศทาง • การแอ่นตัวของคานปลายยืน่ มีคา่ มากแต่ความ
ผ่านตำ�แหน่งของฐานรองรับเสมอ B โดยสมมติฐาน เครียดที่เกิดขึ้นมีค่าน้อย
และทฤษฎีทเี่ กีย่ วข้องรวมถึงสมการครอบคลุมปัญหาแสดง • ไม่พิจารณาน้ำ�หนักของคานในการวิเคราะห์
รายละเอียดดังต่อไปนี้ • สมบัติของวัสดุไม่เป็นเชิงเส้นเป็นไปตามความ
2.1 สมมติฐาน สัมพันธ์แบบเจนเนอร์รัลไลซ์ลุดวิก
การศึกษานี้ได้กำ�หนดสมมติฐานไว้ดังนี้
516 วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ. ปีที่ 39 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2559
la y และความเครียดแบบเจนเนอร์รัลไลซ์ลุดวิกแสดงได้ดัง
x
สมการต่อไปนี้ [14]
O
A EI nk
ha (1)
T
B เมื่อ σ คือค่าความเค้น
ε คือค่าความเครียด
รูปที่ 2 คานปลายยื่น (Cantilever Beam) ที่ถูกยึดรั้งด้าน
ปลายอิสระด้วยสายเคเบิล (ก่อนเกิดการโก่งตัวมาก) ε0 คือค่าคงที่ของวัสดุแบบเจนเนอร์รัลไลซ์ลุดวิก
E คือค่าโมดูลัสของการยืดหยุ่น
จากการพิจารณาผลของการกระจายความเค้น
2.2 ความสัมพันธ์ระหว่างโมเมนต์ดัดและความโค้ง
ภายในหน้าตัดคานดังรูปที่ 3 ทำ�ให้ได้ความสัมพันธ์ระหว่าง
สมการของโมเมนต์ดัดและความโค้งของคาน
โมเมนต์ดัดภายในกับความเค้นที่ตั้งฉากกับหน้าตัดคาน
สามารถสร้างขึ้นจากการพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง
ตามสมการที่ (2)
ความเค้นและความเครียดร่วมกับเรขาคณิตของเส้นโค้งใน
ระนาบ โดยงานวิจยั นีใ้ ช้สมบัตขิ องวัสดุไม่เป็นเชิงเส้นแบบ
(2)
เจนเนอร์รัลไลซ์ลุดวิก ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างความเค้น
y y
1 1
E ( 0 ) n
0
n
dA
c1 y
M o
o x z
c2
1 1
E ( 0 )n 0
n
รูปที่ 3 การกระจายความเค้นตามแนวแกนของคานซึ่งมีความสัมพันธ์ของวัสดุแบบ
เจนเนอร์รัลไลซ์ลุดวิก
ในการศึกษานี้กำ�หนดให้แกนอ้างอิงอยู่ที่ปลาย (3)
คานที่จุด O ดังรูปที่ 2 ดังนั้นเครื่องหมายโมเมนต์ดัดและ
ความโค้งของแกนสะเทินของคานเป็นไปตามรูปที่ 4 จาก เมื่อ ρ คือค่ารัศมีความโค้งของระนาบสะเทินของคาน
เรขาคณิตของเส้นโค้งในระนาบ ค่าความโค้ง (κ) ของเส้น κ คือค่าความโค้งของคาน
โค้งเป็นไปตามสมการต่อไปนี้
วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ. ปีที่ 39 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2559 517
y y
Positive bending Negative bending
moment moment
+M +M -M ( ) -M
( )
รูปที่ 4 ความสัมพันธ์ระหว่างเครื่องหมายของโมเมนต์ดัดภายในคานและเครื่องหมายความ
โค้งของแกน สะเทินของคาน (Curvature)
วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ. ปีที่ 39 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2559 519
เมื่อพิจารณาสมดุลของโมเมนต์ที่จุด C ของ
ชิ้นส่วนด้านปลายยื่นของคานดังรูปที่ 6 ทำ�ให้ได้สมการ (18)
โมเมนต์ดัดของคานดังสมการที่ (14) ทำ�การหาอนุพันธ์
สมการที่ (14) ทั้งสองข้างทำ�ให้ได้สมการที่ (15) ดังนั้นสมการที่ (3), (16a-b) และ (18) คือชุด
ของระบบสมการครอบคลุมปัญหาของคานปลายยื่นที่มี
(14) สมบัติของวัสดุไม่เป็นเชิงเส้นแบบเจนเนอร์รัลไลซ์ลุดวิก
ภายใต้แรงดึงรั้งจากเคเบิลด้านปลายอิสระ
(15)
3. ระเบียบวิธีการหาคำ�ตอบเชิงตัวเลข
จากระบบสมการครอบคลุมปัญหาอันได้แก่ สมการที่
x (3), (16a-b), และ (18) เป็นระบบสมการอนุพนั ธ์ทมี่ คี วาม
V ไม่เป็นเชิงเส้น การหาคำ�ตอบเชิงวิเคราะห์ไม่สามารถทำ�ได้
M
y
C
y ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงอาศัยระเบียบวิธีการยิงเป้าในการหา
0 คำ�ตอบ วิธีนี้เป็นวิธีการหาคำ�ตอบเชิงตัวเลขของปัญหา
x O แบบเงื่อนไขขอบเขตซึ่งสามารถให้ผลลัพธ์ที่มีความถูกต้อง
T แม่นยำ� โดยรายละเอียดของระเบียบวิธีการยิงเป้ามีดัง
ต่อไปนี้
รูปที่ 6 แรงกระทำ�ต่อชิ้นส่วนย่อยด้านปลายของคานยื่น 3.1 ตัวแปรไร้มิติ
เพื่อความสะดวกในการหาคำ�ตอบเชิงตัวเลขและ
ความสัมพันธ์ทางเรขาคณิตของเส้นโค้งการแอ่น ลดความผิดพลาดจากการคำ�นวณ จึงทำ�การจัดรูปของ
ตัวมากของคานตามรูปที่ 7 แสดงได้ดังนี้ สมการครอบคลุมปัญหาให้อยู่ในรูปของตัวแปรไร้มิติ โดย
ตัวแปรไร้มิติที่ใช้ในงานวิจัยนี้ได้แก่
(16a-b)
(19a-f)
ds (19g-j)
y
dy
O
(19k-m)
dx x
รูปที่ 7 ชิ้นส่วนย่อยของอีลาสติคา
3.2 สมการครอบคุลมปัญหาในรูปตัวแปรไร้มิติ
นำ�สมการที่ (16a-b) แทนลงไปในสมการที่ (15) สำ�หรับปัญหาคานภายใต้แรงดึงรั้งจากสายเคเบิล
ได้ดังสมการที่ (17) ด้านปลายอิสระสามารถเขียนสมการครอบคลุมให้อยู่ใน
รูปของตัวแปรไร้มิติได้โดยอาศัยสมการที่ (3), (16a-b),
(17) (18) และสมการที่ (19) ซึง่ ทำ�ให้ได้ระบบสมการครอบคุลม
ปัญหาในรูปตัวแปรไร้มิติดังนี้
และถ้านำ� ในสมการที่ (17) ไปแทนลงใน
สมการที่ (13) แล้วทำ�การจัดรูปใหม่ทำ�ให้ได้สมการที่ (18) (20)
520 วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ. ปีที่ 39 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2559
ขอบเขตที่ทราบค่าแน่นอน ซึ่งในที่นี้ใช้เงื่อนไขดังระบุใน
(21) สมการที่ (26) ซึ่งในแต่ละรอบของการคำ�นวณหากมีการ
ตรวจสอบพบว่าค่าของฟังก์ชันทางขวาของสมการที่ (26)
(22) ยังมีค่ามากกว่าความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้ 10-7 จะเกิด
การคำ�นวณซ้ำ�จนกระทั่งได้คำ�ตอบสอดคล้องกับเงื่อนไข
(23)
การหาคำ�ตอบของระบบสมการอนุพันธ์ที่อยู่ใน (26)
รูปของตัวแปรไร้มิติข้างต้นสามารถทำ�ได้โดยใช้ระเบียบวิธี
การยิงเป้า โดยมีเงื่อนไขขอบเขต 2 จุด ณ ตำ�แหน่งปลาย 4. ผลการวิเคราะห์
ทั้งสองข้างของคานดังนี้ 4.1 ตรวจสอบความถูกต้องของผลการวิเคราะห์
เงื่อนไขที่จุดปลายด้านขวา (จุด O); เพือ่ ให้เกิดความมัน่ ใจว่าแบบจำ�ลองทางคณิตศาสตร์
(24a-e) และโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นมานั้นมีความถูกต้อง และ
เงื่อนไขที่จุดปลายด้านซ้าย (จุด A); สามารถนำ�มาใช้ในการหาคำ�ตอบเชิงตัวเลขของปัญหาที่
(25a-d) กล่าวมาข้างต้น จำ�เป็นต้องมีการตรวจสอบความถูกต้อง
ขั้นตอนการคำ�นวณเริ่มต้นจากการกำ�หนดค่า ของคำ�ตอบทีไ่ ด้ โดยนำ�ไปเปรียบเทียบกับปัญหาการโก่งตัว
เริ่มต้น ระยะ และกำ�หนดสมบัติของวัสดุ มากของเสาปลายยื่นที่ทำ�จากวัสดุแบบลุดวิกภายใต้แรง
จากนั้นกำ�หนดค่าระยะการเคลื่อนที่ในแนวราบ และ ยึดรั้งที่ปลายเคเบิล ในงานวิจัยของ Phonok และ
กำ�หนดจุดสิ้นสุดในการคำ�นวณ ให้กับสมการอนุพันธ์ โดย Phungpaingam [17]
งานวิจยั นีเ้ ลือกจุดรองรับด้านขวาของคาน (จุด O) เป็นจุด จากตารางที่ 1 และตารางที่ 2 แสดงการเปรียบ
เริม่ ต้น ซึง่ เงือ่ นไขค่าเริม่ ต้นจะประกอบด้วยเงือ่ นไขทีท่ ราบ เทียบผลการวิเคราะห์ปัญหาในกรณีวัสดุแบบเชิงเส้นและ
ค่าแน่นอนตามเงื่อนไขขอบเขตดังสมการที่ (24a-c,e) ไม่เป็นเชิงเส้นแบบลุดวิกระหว่างงานวิจยั นีก้ บั งานวิจยั ของ
และ (25a,d) โดยมีเป้าเพื่อหาค่าตัวแปรที่ต้องการ ได้แก่ Phonok และ Phungpaingam [17] ซึ่งผลที่ได้มีค่า
ตลอดความยาวของคานยื่น แต่ขั้นตอนการ ใกล้เคียงกันมาก โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนของแรงดึง
คำ�นวณจำ�เป็นต้องทำ�การสุ่มค่า เพื่อใช้เป็นค่า ในเคเบิล = 0.0001% มุม α = 0.0001% และ
เริ่มต้นในกระบวนการคำ�นวณด้วยวิธีการยิงเป้าร่วมกับ มุม = 0.0002% แสดงให้เห็นว่าโปรแกรมที่ถูกพัฒนา
วิธีอินทิเกรตด้วยวิธีรุงเง-คุตตาอันดับสี่จากปลายด้านขวา ขึ้นมานั้นมีความถูกต้องแม่นยำ�เพียงพอสำ�หรับกรณีวัสดุที่
กลับมาด้านซ้ายของคาน โดยการตรวจสอบความถูกต้อง เป็นเชิงเส้นและไม่เป็นเชิงเส้นแบบลุดวิก
ของผลการคำ�นวณนั้น ได้ทำ�การเปรียบเทียบกับเงื่อนไข
วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ. ปีที่ 39 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2559 521
ตารางที่ 1 เปรียบเทียบแรงดึงรั้งจากเคเบิล มุม α และมุม
กรณีวัสดุแบบเชิงเส้น n = 1 = 0 กับงานวิจัยของ Phonok และ
Phungpaingam [17]
T 0
u
[17] งานวิจัยนี้ [17] งานวิจัยนี้ [17] งานวิจัยนี้
0.01 9.88613 9.88615 -0.1157 -0.1157 0.2313 0.2313
0.10 10.04173 10.04173 -0.3712 -0.3712 0.7425 0.7425
0.20 10.23113 10.23113 -0.5345 -0.5345 1.0689 1.0689
0.30 10.44157 10.44157 -0.6674 -0.6674 1.3347 1.3347
0.40 10.67820 10.67820 -0.7871 -0.7871 1.5743 1.5743
0.50 10.94841 10.94840 -0.9010 -0.9010 1.8021 1.8021
0.60 11.26328 11.26327 -1.0136 -1.0137 2.0273 2.0273
0.70 11.64075 11.64074 -1.1290 -1.1290 2.2581 2.2581
0.80 12.11298 12.11298 -1.2522 -1.2522 2.5045 2.5045
0.90 12.74827 12.74826 -1.3919 -1.3919 2.7837 2.7838
0.99 13.61848 13.61847 -1.5495 -1.5495 3.0990 3.0990
u
[17] งานวิจัยนี้ [17] งานวิจัยนี้ [17] งานวิจัยนี้
0.01 184.78534 185.00436 -0.1120 -0.1120 0.2240 0.2240
0.10 104.74725 104.83242 -0.3596 -0.3596 0.7192 0.7191
0.20 88.93218 89.01847 -0.5179 -0.5178 1.0358 1.0357
0.30 81.20926 81.25822 -0.6470 -0.6470 1.2940 1.2940
0.40 76.45925 76.49171 -0.7637 -0.7636 1.5273 1.5273
0.50 73.26329 73.28491 -0.8749 -0.8749 1.7499 1.7499
0.60 71.05663 71.07183 -0.9855 -0.9855 1.9710 1.9710
0.70 69.59024 69.60110 -1.0997 -1.0997 2.1994 2.1994
0.80 68.78973 68.79874 -1.2232 -1.2232 2.4465 2.4465
0.90 68.77557 68.78527 -1.3673 -1.3673 2.7346 2.7346
0.99 70.04426 70.05373 -1.5441 -1.5441 3.0881 3.0882
522 วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ. ปีที่ 39 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2559
30
T 25.861
T 24.035 T 23.468 T 23.657
T
n 1.50
20
n 1.25
n 1.0
10 n 0.9
n 0.8 Section
b 0.075
h 0.1
0
0.2 0.4 0.6 0.8 1.0
u
รูปที่ 8 ความสัมพันธ์ระหว่างค่าแรงดึงรั้งจากเคเบิล กับค่าระยะการ
เคลื่อนที่ ที่ระยะ = 0 ค่าคงที่ของวัสดุ n = 0.8,0.9,1,1.25,1.5
และค่าคงที่ = 0.001
ความสัมพันธ์ระหว่างค่าแรงดึงรั้งจากเคเบิล เริ่มเข้าใกล้กับปลายด้านยึดแน่นของคานส่งผลให้แรง
กับระยะการเคลื่อนที่ในแนวราบ ที่ระยะ = 0.5 ดึงรั้งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และสังเกตที่ระยะการเคลื่อนที่
ดังรูปที่ 9 เมื่อให้ระยะ เพิ่มขึ้นค่าแรงดึงรั้งจากเคเบิล เดียวกัน พบว่าค่าคงที่ของวัสดุ n ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้แรง
มีค่าเพิ่มขึ้น จนกระทั่งคานเริ่มโก่งตัวมากจนปลายอิสระ ดึงรั้งจากเคเบิลเพิ่มขึ้นด้วย
25
ha 0.5 Linear elastic material
0.001
Generalized Ludwick - type material
0
20
Section
b 0.075
h 0.1
15
n 1.50
T
10 n 1.25
n 1
5
n 0.9
n 0.8
0
0.2 0.4 0.6 0.8 1.0
u
รูปที่ 9 ความสัมพันธ์ระหว่างค่าแรงดึงรั้งจากเคเบิล กับค่าระยะการ
เคลื่อนที่ ที่ระยะ = 0 ค่าคงที่ของวัสดุ n = 0.8,0.9,1,1.25,1.5
และค่าคงที่ = 0.001
524 วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ. ปีที่ 39 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2559
Section 11
ha 0 Section
ha 0
8 b 0.075 b 0.075
n 0.80 h 0.1 10
n 0.90 h 0.1
7
9
T 6
T
8
5 0.003
0
0 0.003
0.002 7
0
0 0.002
4
0.001
0
0 0.001
6
0.0 0.2 0.4 0.6 0.8 1.0 0.0 .2 .4 .6 .8 1.0
u u
(ก) (ข)
รูปที่ 10 ความสัมพันธ์ระหว่างค่าแรงดึงรัง้ จากเคเบิล กับค่าระยะการเคลือ่ นที่ ทีร่ ะยะ = 0 ทีค่ า่ คงที่ = 0.001
(ก) ค่าคงที่วัสดุ n = 0.8 (ข) ค่าคงที่วัสดุ n = 0.9
Section 38 Section
ha 0 ha 0
22 b 0.075 36 b 0.075
n 1.25 n 1.5 h 0.1
h 0.1
21 34
0 0.001 32 0 0.001
20
0.002 T 30 0.002
T 0 0
19 0 0.003 28
0.003
0
26
18
24
17 22
0.0 0.2 0.4 0.6 0.8 1.0 0.0 0.2 0.4 0.6 0.8 1.0
u u
(ก) (ข)
รูปที่ 11 ความสัมพันธ์ระหว่างค่าแรงดึงรั้งจากเคเบิล กับค่าระยะการเคลื่อนที่ ที่ระยะ = 0 ที่ค่าคงที่
= 0.001-0.003
(ก) ค่าคงที่วัสดุ n = 1.25 (ข) ค่าคงที่วัสดุ n = 1.5
วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ. ปีที่ 39 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2559 525
จากรูปที่ 12(ก) ความสัมพันธ์ระหว่างค่าแรงดึงรัง้ จนมุม เข้าใกล้ค่า π ในขณะที่ค่าคงที่ของวัสดุ n < 1
จากเคเบิล กับค่ามุม ที่ระยะ = 0 ซึ่งแรงดึงรั้ง เมื่อคานเริ่มมีการโก่งตัวแรงดึงรั้งจากเคเบิล จะค่อยๆ
ผ่านจุดยึดแน่นของคานเสมอ ที่ค่าคงคงที่ของวัสดุ n > 1 เพิ่มขึ้นจนถึงค่าแรงดึงรั้งสูงสุดที่มุม เข้าใกล้ค่า π จาก
เมื่อค่ามุม เพิ่มมากขึ้น แรงดึงรั้งจากเคเบิลจะลดลงไป รูปที่ 12(ข) ที่ระยะ = 0.5 ทุกค่าคงที่ของวัสดุ n เมื่อ
เรือ่ ยๆ จนถึงค่าหนึง่ ทีเ่ ป็นจุดต่�ำ สุด และถ้ามุม เพิม่ ขึน้ ไป คานเริ่มมีการโก่งตัวค่าแรงดึงรั้งจากเคเบิล มีจะค่าเพิ่ม
เรือ่ ยๆ พบว่าแรงดึงรัง้ จากเคเบิลเริม่ ค่อยๆ ปรับค่าเพิม่ ขึน้ ขึ้น และมีค่าสูงสุดเมื่อมุม เข้าใกล้ค่า π
30
ha 0 Linear elastic material Section Section
ha 0.5
Generalized Ludwick-type material b 0.075 b 0.075
40
0 0.001 h 0.1
25
0 0.001 h 0.1
n 1.50
20
30
n 1.25
n 1.50
T T 15 n 1
20
n 1.25 n 0.9
10
n 0.8
n 1
10 n 0.90 5
n 0.80
0
0.5 1.0 1.5 2.0 2.5 3.0 0.5 1.0 1.5 2.0 2.5 3.0
0 0
(ก) (ข)
รูปที่ 12 ความสัมพันธ์ระหว่างค่าแรงดึงรั้งจากเคเบิล กับค่ามุม ที่ค่าคงที่ของวัสดุ n = 0.8,0.9,1,1.25,1.5 และ
ค่าคงที่ ε = 0.001
(ก) ระยะ = 0 (ข) ระยะ = 0.5
ha 0 ha 0.5
8 0.003 6
n 0.8 0
n 0.8
7 0 0.002 5 0 0.003
0 0.001 4 0 0.002
T 6 T 0 0.001
3
5
2
Section Section
4 b 0.075 b 0.075
1
h 0.1 h 0.1
0.5 1.0 1.5 2.0 2.5 3.0 0.5 1.0 1.5 2.0 2.5 3.0
0 0
(ก) (ข)
รูปที่ 13 ผลกระทบของค่าคงที่ ตั้งแต่ 0.001-0.003 ที่ค่าคงที่วัสดุ n = 0.8
(ก) ความสัมพันธ์ระหว่างค่าแรงดึงรั้งจากเคเบิล กับค่ามุม ที่ระยะ = 0
(ข) ความสัมพันธ์ระหว่างค่าแรงดึงรั้งจากเคเบิล กับค่ามุม ที่ระยะ = 0.5
526 วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ. ปีที่ 39 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2559
19 0 0.003
6
Section
18 4 b 0.075
h 0.1
2
17
0.5 1.0 1.5 2.0 2.5 3.0 0.5 1.0 1.5 2.0 2.5 3.0
0 0
(ก) (ข)
รูปที่ 14 ผลกระทบของค่าคงที่ ตั้งแต่ 0.001-0.003 ที่ค่าคงที่วัสดุ n = 1.25
(ก) ความสัมพันธ์ระหว่างค่าแรงดึงรั้งจากเคเบิล กับค่ามุม ที่ระยะ = 0
(ข) ความสัมพันธ์ระหว่างค่าแรงดึงรั้งจากเคเบิล กับค่ามุม ที่ระยะ = 0.5
0.0 0.5 1.0 1.5 0 2.0 2.5 3.0 0.0 0.5 1.0 1.5 0 2.0 2.5 3.0 3.5
0.0 0.6
-0.2
ha 0 0.4 ha 0.5
0 0.001 0.2
0 0.001
-0.4
0.0
n 0.8
-0.6
-0.2 n 0.9
-0.8 -0.4
n 1
-1.0 -0.6
-0.8
-1.2 n 1.25
-1.0
-1.4 Section Section n 1.5
-1.2
b 0.075 b 0.075
-1.6 -1.4
h 0.1 h 0.1
-1.8 -1.6
(ก) (ข)
รูปที่ 15 ทิศทางของแนวแรง α กับค่ามุม ที่ค่าคงที่วัสดุ n = 0.8,0.9,1,1.25,1.5 และค่าคงที่ = 0.001
(ก) ระยะ = 0 (ข) ระยะ = 0.5
วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ. ปีที่ 39 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2559 527
จากรูปที่ 16(ก) ความสัมพันธ์ระหว่างทิศทาง มาก และจากรูปที่ 16(ข) ให้ระยะ = 0.5 พบว่าทิศทาง
ของแรง α กับค่าระยะการเคลื่อนที่ในแนวราบ ที่ระยะ ของแนวแรงเป็นได้ทงั้ ค่าบวกและค่าลบ ขึน้ อยูก่ บั ตำ�แหน่ง
= 0 พบว่าทิศทางของแนวแรง α เพิ่มขึ้น เมื่อระยะ แรงดึงรัง้ จากเคเบิล และ ณ ตำ�แหน่งทีค่ านเกิดการโก่งตัว
การเคลื่อนที่ มากขึ้น และ ณ ตำ�แหน่งที่คานเกิดการ สูงสุด ทิศทางของแนวแรง α จะมีแนวโน้มเข้าใกล้ค่า
โก่งตัวสูงสุด ทิศทางของแนวแรง α จะมีแนวโน้มเข้าใกล้ -π / 2 โดยผลกระทบของค่าคงที่ของวัสดุ n มีผลน้อยมาก
ค่า -π / 2 โดยผลกระทบของค่าคงที่ของวัสดุ n มีผลน้อย
u u
0.0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 1.0 0.0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 1.0
0.0
0.4
ha 0 ha 0.5
-0.2 0.2
0.001 0 0.001
0 0.0
-0.4
-0.2
-0.6
-0.4
-0.8 -0.6
-1.0 -0.8
-1.0
-1.2 Section Section
-1.2
-1.4
b 0.075 b 0.075
-1.4
h 0.1 h 0.1
-1.6 -1.6
(ก) (ข)
รูปที่ 16 ทิศทางของแนวแรง α กับค่าระยะการเคลื่อนที่ในแนวราบ ที่ค่าคงที่วัสดุ n = 0.8,0.9,1,1.25,1.5 และค่า
คงที่ = 0.001
(ก) ระยะ = 0 (ข) ระยะ = 0.5
2.0 2.0
n = 0.8 n = 0.8
θ 0 1.5 θ 0 1.5
n = 0.9 n = 0.9
1.0
n =1 1.0 n =1
n = 1.25
n = 1.25
0.5
n = 1.5 0.5
n = 1.5
0.0 0.0
0.0 0.2 0.4 0.6 0.8 1.0 0.0 0.2 0.4 0.6 0.8 1.0
u u
(ก) (ข)
รูปที่ 17 ความสัมพันธ์ระหว่างค่ามุม กับค่าระยะการเคลื่อนในแนวราบ ที่ค่าคงที่วัสดุ n = 0.8,0.9,1,1.25,1.5
และค่าคงที่ = 0.001
(ก) ระยะ = 0 (ข) ระยะ = 0.5
528 วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ. ปีที่ 39 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2559
15 25 ha 1
T T ha 0
ha 1 20
10
15
ha 0
10
5
ha 0.5
ha 0.5 5
(ก) (ข)
รูปที่ 18 ความสัมพันธ์ระหว่างค่าแรงดึงในเคเบิล กับค่าระยะการเคลื่อนที่ในแนวราบ ที่ระยะ = 0,0.5,1,1.5
และค่าคงที่ = 0.001
(ก) ค่าคงที่วัสดุ n = 0.8 (ข) ค่าคงที่วัสดุ n = 1.25
(ก) (ข)
xa xa
0.0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 1.0 0.0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 1.0
0.0 0.0
ha 0
-0.1 A
-0.1 ha 0.5 A
v
v
T T
-0.2 -0.2 xa u
xa u
-0.3 -0.3 u 0.1
u 0.99 u 0.1
T 6.346
u 0.8 u 0.4 T 4.676
u 0.5 T 5.606 T 1.682
-0.7 T 7.097 u 0.7 u 0.6 -0.7 u 0.8
u 0.4
T 6.658 T 6.279 T 5.936 T 3.749 u 0.5 T 2.012
-0.8 -0.8 u 0.7 u 0.6 T 2.351
ha 0 ha 0.5
T 3.165 T 2.723
-0.9 0 0.001 -0.9 0 0.001
n 0.8 n 0.8
-1.0
วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ. ปีที่ 39 ฉบั-1.0บที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2559 529
xa xa
0.0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 1.0 0.0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 1.0
0.0 0.0
ha 0
-0.1 A
-0.1 ha 0.5 A
v
v
T T
-0.2 -0.2 xa u
xa u
-0.3 -0.3 u 0.1
u 0.99 0.1 u
T 6.346
T 25.016 T 28.224
-0.4 -0.4 u 0.99
u 0.2 u 0.2
v -0.5 u 0.9 v -0.5 T 20.790
T 25.861 T 7.717
T 24.121 u 0.3
-0.6 u 0.8 -0.6 u 0.9 u 0.3
u 0.4 T 24.703 T 16.400
T 23.657 u 0.7 u 0.6 u 0.5 T 24.035 T 8.714
-0.7 T 23.466 T 23.468 T 23.649 -0.7 u 0.4
u 0.8 u 0.5 T 9.605
-0.8 ha 0 -0.8 T 14.150 u 0.7 u 0.6 T 10.497 ha 0.5
T 12.638 T 11.475
-0.9 0 0.001 -0.9 0 0.001
n 1.5 n 1.5
-1.0 -1.0
(ค) (ง)
รูปที่ 19 ระยะการโก่งตัวมากของคานยื่นภายใต้แรงดึงรั้งจากเคเบิล ที่ค่าคงที่ = 0.001
(ก) ค่าคงที่วัสดุ n = 0.8 และระยะ = 0 (ข) ค่าคงที่วัสดุ n = 0.8 และระยะ = 0.5
(ค) ค่าคงที่วัสดุ n = 1.5 และระยะ = 0 (ง) ค่าคงที่วัสดุ n = 1.5 และระยะ = 0.5
(ก) (ข)
รูปที่ 20 ระยะการโก่งตัวมากของคานยื่นภายใต้แรงดึงรั้งจากเคเบิล ที่ระยะ = 0,0.5,1,1.5 และค่าคงที่ = 0.001
(ก) ค่าคงที่วัสดุ n = 0.8 (ข) ค่าคงที่วัสดุ n = 1.5
xa xa
0.0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 1.0 0.0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 1.0
0.0 0.0
ha 0
-0.1 n 0.8 A
-0.1 n 0.8 ha 0.5 A
v
v
n 1.0 T n 1.0 T
-0.2 -0.2 xa u
n 1.5 xa u n 1.5
-0.3 u 0.1 -0.3 u 0.1
-0.4 -0.4
u 0.9
v -0.5 v -0.5
u 0.3
-0.6 -0.6 u 0.3
u 0.7 u 0.5
-0.7 -0.7 u 0.5
u 0.9
-0.8 -0.8 u 0.7
ha 0 ha 0.5
-0.9 0.001 -0.9 0.001
0 0
-1.0 -1.0
(ก) (ข)
xa xa
0.0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 1.0 0.0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 1.0
0.0 0.0
A
-0.1 A
v -0.1 v
n 0.8 ha 1.0 ha 1.5
T T
-0.2 n 1.0 xa u -0.2
n 1.5 xa u
-0.3 -0.3
u 0.1 u 0.1
-0.4 -0.4
v -0.5 v -0.5
n 0.8
-0.6 u 0.3 -0.6 u 0.3
n 1.0
-0.7 -0.7 n 1.5
u 0.5 u 0.5
-0.8 u 0.7 -0.8
ha 1.0 u 0.7 ha 1.5
u 0.9
-0.9 0.001 -0.9 u 0.9 0.001
0 0
-1.0 -1.0
(ค) (ง)
รูปที่ 21 ระยะการโก่งตัวมากของคานปลายยื่นภายใต้แรงดึงรั้งจากเคเบิล ที่ค่าคงที่ของวัสดุ n = 0.8,1,1.5 และค่าคงที่
= 0.001
(ก) ระยะ = 0 (ข) ระยะ = 0.5
(ค) ระยะ = 1 (ง) ระยะ = 1.5