ข้ อสอบพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์

กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 4

หน่ วยฯ ที่ 2 สัตว์น่ารัก พืชน่ารู ้ จำนวน 30 ข้อ
จงกา  ทับตัวอักษร ตรงกับตัวเลือกที่ต้องการลงในกระดาษคำตอบ
1. ข้อใดเป็ นเกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนกพืช 5. เมล็ด   ลำต้น
ได้เหมาะสม สิ่ งใดงอกออกจากเมล็ด
ก. มีใบ – ไม่มีใบ ก. ราก ข. กิ่งก้าน
ข. มีดอก – ไม่มีดอก ค. ใบ ง. ดอก
ค. มีผล – ไม่มีผล 6. หัวปลี คือส่ วนใดของต้นกล้วย
ง. มีเมล็ด – ไม่มีเมล็ด ก. เมล็ด ข. ใบ
2. ข้อใดเป็ นโครงสร้างของพืชมีดอก ค. ดอก ง. ผล
ก. มีราก มีใบ ไม่มีดอก 7. ข้อใดคือวัฏจักรชีวิตของต้นมะเขือ
ข. มีราก มีใบ มีดอก ก. เมล็ดแก่
ค. มีราก ไม่มีใบ มีดอก
ง. มีราก มีใบ มีสปอร์ ต้นมะเขือ ดอก
3. ผล
นิพนธ์จดั กลุ่มพืชได้ดงั นี้ ข.
กลุ่มที่ 1 ข้าว ไผ่ มะพร้าว ผล
กลุ่มที่ 2 ชมพู่ ขนุน ทุเรี ยน ต้นมะเขือ เมล็ดแก่
อยากทราบว่า เขาใช้เกณฑ์ใดในการจัดกลุ่ม ดอก
ก. พืชขนาดเล็ก – พืชขนาดใหญ่ ค.
ดอก
ข. พืชไม่มีดอก – พืชมีดอก
ค. พืชใบเลี้ยงเดี่ยว – พืชใบเลี้ยงคู่ ต้นมะเขือ ผล
ง. พืชไม่มีผล – พืชมีผล เมล็ดแก่
4. พืชมีดอกขยายพันธุ์โดยสิ่ งใด ง.
ดอก
ก. ใบ ข. ดอก
ค. ผล ง. เมล็ด ต้นมะเขือ เมล็ดแก่
ผล

5
8. การปลูกพืชในกระถาง ควรวางกระถาง 12. ข้อใดเป็ นขั้นเริ่ มต้นของการถ่ายละอองเรณู
ต้นพืชไว้ในบริ เวณที่มีแสงแดดส่ องถึง ก. เมื่อละอองเรณูสร้างสเปิ ร์มเข้าผสมกับ
เพื่ออะไร เซลล์ไข่
ก. ให้พืชดูดธาตุอาหารได้ดี ข. เมื่อละอองเรณูงอกหลอดเจาะลงไปใน
ข. ให้พืชหายใจได้สะดวก ยอดเกสรเพศเมีย
ค. ให้พืชรู้สึกสดชื่น ค. เมื่อละอองเรณูตกอยูบ่ นยอดเกสร
ง. ใช้พืชสร้างอาหารได้ เพศเมียของพืชชนิดเดียวกัน
9. ดินที่เหมาะกับการปลูกพืชส่ วนใหญ่ ง. เมื่อละอองเรณูและเกสรเพศเมียเจริ ญ
ควรมีลกั ษณะอย่างไร เต็มที่
ก. ร่ วนซุย มีธาตุอาหารมาก 13. สัตว์ชนิดใดที่มีวฏั จักรชีวิตเริ่ มต้นในน้ำ
ข. แน่นแข็ง จับตัวเป็ นก้อน เมื่อเจริ ญเติบโตจึงขึ้นมาอาศัยอยูบ่ นบก
ค. ระบายน้ำและอากาศได้นอ้ ย ก. สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม
ง. มีทรายปนอยูม่ าก ข. สัตว์เลื้อยคลาน
10. การพรวนดินรอบๆโคนต้นพืชเป็ นประจำ ค. สัตว์ครึ่ งน้ำครึ่ งบก
มีประโยชน์อย่างไร ง. สัตว์ปีก
ก. ช่วยกำจัดศัตรู พืช 14. กานต์ชนกสำรวจและจำแนกกลุ่มสัตว์
ข. ช่วยเพิ่มแร่ ธาตุในดิน ได้ดงั นี้
ค. ทำให้พืชสร้างอาหารได้มาก ประเภทของสั ตว์
ง. ทำให้ระบายน้ำและอากาศได้ดี สั ตว์ สั ตว์ เลีย้ ง สั ตว์ สั ตว์
ชื่อสั ตว์
เลือ้ ยคลาน ลูกด้ วย ครึ่งน้ำ ปี ก
11. การปฏิสนธิของพืชเกิดขึ้นเมื่อใด น้ำนม ครึ่งบก
ก. เมื่อกลีบดอกของพืชค่อยๆ เหี่ยวลง ค้างคาว 
ข. เมื่อละอองเรณูงอกหลอดเข้าไปผสม ตุ๊ดตู่ 
กับเซลล์ไข่ในออวุล กะท่าง 
ค. เมื่อละอองเรณูงอกหลอดเจาะลงไปใน เห่าช้าง 
ยอดเกสรเพศเมีย ไก่ฟ้า 
ง. เมื่อรังไข่เจริ ญเป็ นผล และออวุล อยากทราบว่า ข้อมูลใดที่จดั กลุ่มไม่ ถูกต้ อง
เจริ ญเป็ นเมล็ด ก. ค้างคาว/เห่าช้าง ข. ตุ๊ดตู่/กะท่าง
ค. เห่าช้าง/ตุ๊ดตู่ ง. กะท่าง/เห่าช้าง

15. สัตว์ชนิดใดมีอวัยวะที่ใช้หายใจ แตกต่ าง 18. ถ้าใช้เกณฑ์ออกลูกเป็ นไข่-ออกลูกเป็ นตัว

จากพวก ในการจำแนกสัตว์ ใครจัดกลุ่มไว้ได้ถูกต้อง
ก. สัตว์ปีก ก. แนนจัดกลุ่มสัตว์ ได้ดงั นี้

6
 ข. ปลา กลุ่ม 1 จิ้งจก แย้ บ่าง
ค. สัตว์เลื้อยคลาน กลุ่ม 2 กะท่าง นาก พะยูน
ง. สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม
16. 1
ข. เปิ้ ลจัดกลุ่มสัตว์ ได้ดงั นี้

ไข่ 2 กลุ่ม 1 จิ้งจก กะท่าง นาก

กลุ่ม 2 บ่าง พะยูน แย้
ยุง
ค. เอกจัดกลุ่มสัตว์ ได้ดงั นี้
ควรเติมข้อใดลงใน กลุ่ม 1 แย้ จิ้งจก กะท่าง
ก. 1 – ลูกน้ำ 2 – ลูกอ๊อด กลุ่ม 2 นาก บ่าง พะยูน
ข. 1 – ลูกอ๊อด 2 – ตัวโม่ง
ค. 1 – ลูกน้ำ 2 – ตัวโม่ง ง. เก่งจัดกลุ่มสัตว์ ได้ดงั นี้
ง. 1 – หนอน 2 – ดักแด้ กลุ่ม 1 กะท่าง จิ้งจก พะยูน
17. สัตว์ชนิดใดมีวฏั จักรชีวิตตามแผนภูมิน้ี กลุ่ม 2 นาก บ่าง แย้
ตัวอ่อน
19. ลูกอ๊อดหายใจโดยใช้อวัยวะใด
ไข่ ดักแด้
ก. ท่ออากาศ ข. เหงือก
ตัวเต็มวัย ค. ปอด ง. ผิวหนัง
20. วัฏจักรชีวิตของสัตว์ที่มีการเปลี่ยนแปลง
ก. ด้วงกว่าง รู ปร่ างแบบสมบูรณ์ ระยะใดเป็ นระยะที่
ข. ตัก๊ แตน ตัวอ่อนปรับระบบภายในร่ างกาย และไม่มี
ค. แมลงสาบ การกินอาหาร
ง. แมงมุม ก. ไข่ ข. ตัวหนอน
ค. ดักแด้ ง. ตัวเต็มวัย

21. การจำแนกว่าสัตว์ชนิดใดเป็ นสัตว์น ้ำจืด 23. จากข้อความนี้ เลียงผาจัดเป็ นสัตว์ชนิดใด

หรื อสัตว์น ้ำเค็ม สังเกตจากข้อใด ก. สัตว์ป่า
ก. แหล่งน้ำที่สตั ว์อาศัยอยู่ ข. สัตว์หายาก
ข. การกินอาหารของสัตว์ ค. สัตว์ป่าคุม้ ครอง
7
 ค. รู ปร่ างของสัตว์ ง. สัตว์ป่าสงวน
ง. สี ผวิ ของสัตว์ 24. น้ำมันที่สกัดจากกระดูก เขา และหนังของ
อ่ านข้ อความนี้ แล้วตอบคำถามข้ อ 22 – 25 เลียงผามีประโยชน์หรื อไม่ เพราะอะไร
ก. มี เพราะสามารถรักษาโรคเกี่ยวกับการ
“สัตว์ป่าสงวน 1 ใน 9 ชนิดของ
ไทยและสถานการณ์ในปัจจุบนั นี้ ก็เหลืออยู่ บาดเจ็บของกระดูกได้จริ ง
น้อยมาก เพราะความเชื่อของคนที่คิดว่า ข. มี เพราะทางการแพทย์รับรอง
น้ำมันที่สกัดจากกระดูก เขา หนัง ของ ค. ไม่มี เพราะยังไม่มีผใู ้ ดนำมาใช้รักษา
เลียงผาสามารถที่จะรักษาโรคกระดูกหักให้ โรคเกี่ยวกับกระดูกหัก
เชื่อมต่อกันได้ดีดงั เดิม เมื่อทาด้วยน้ำมัน ง. ไม่มี เพราะทางการแพทย์ไม่ได้ให้การ
เลียงผา ซึ่ งเป็ นความเชื่อที่ผดิ ในธรรมชาติ รับรอง
เลียงผาเป็ นสัตว์ที่อาศัยอยูต่ ามเขาหินปูน ที่ 25. ถ้าคนยังมีความเชื่อที่วา่ น้ำมันของเลียงผา
สู งชัน มีความว่องไวในการกระโดดหรื อ รักษาโรคกระดูกหักได้ ผลจะเป็ นอย่างไร
เดินบนหน้าผา หูยาวกว่าเขา มีรูต่อมน้ำมัน ก. จะไม่มีคนกระดูกหักอีกต่อไป
ห่างจากตาราว 8 เซนติเมตร ซึ่ งจะเห็นได้ ข. วงการแพทย์จะสกัดน้ำมันของเลียงผา
ชัดในฤดูผสมพันธุ์ กินพืชหลายอย่างใบไม้ มาใช้
ยอดไม้ และอดน้ำได้เก่ง หากินในเวลา ค. จะทำให้เลียงผาถูกล่าและสู ญพันธุ์
กลางคืน และค่อนสว่าง หลบนอนตาม
ในที่สุด
โพรงถ้ำในตอนกลางวัน น้ำมันเลียงผา
ง. ที่อยูอ่ าศัยของเลียงผาจะถูกทำลาย
ไม่ใช่ยาวิเศษ อย่าได้เชื่อว่าสามารถรักษา
โรคกระดูกหักได้ อาจจะทำให้บาดแผลได้ 26. การกระทำในข้อใดที่ท ำให้ปริ มาณสัตว์ป่า
รับเชื้อโรคร้ายแรงเข้าสู่ ร่างกาย บางทีท ำให้ มีจ ำนวนลดลง
เสี ยชีวิตได้” ก. จัดตั้งเขตอุทยาน
ข. ทำไร่ เลื่อนลอย
22. ข้อความนี้กล่าวถึงเรื่ องอะไร ค. ปลูกป่ า
ก. ลักษณะและความเป็ นอยูข่ องเลียงผา ง. เที่ยวป่ า
ข. อันตรายจากเลียงผา
ค. ประโยชน์ของเลียงผา
ง. ที่อยูอ่ าศัยของเลียงผา
27. การจับสัตว์น ้ำในฤดูวางไข่ มีผลดีหรื อ 29. ข้อใดไม่ ใช่ วิธีการอนุรักษ์พนั ธุ์สตั ว์ป่าที่
ผลเสี ย เพราะอะไร ถูกวิธี
ก. ผลดี เพราะจะได้ไข่ของสัตว์น ้ำมา ก. ไม่ล่าสัตว์
รับประทานด้วย ข. ไม่ท ำลายป่ า

8
 ข. ผลดี เพราะเป็ นการกำจัดสัตว์ที่ดุร้าย ค. ไม่บุกรุ กป่ า
บางชนิด ง. นำสัตว์ป่ามาเลี้ยงที่บา้ น
ค. ผลเสี ย เพราะจะทำให้สตั ว์น ้ำบางชนิด 30. การที่คนไปเที่ยวป่ าและทิ้งเศษขยะไว้ ขยะ
สัญพันธุ์ ประเภทใดเป็ นอันตรายต่อสัตว์ป่ามากที่สุด
ง. ผลเสี ย เพราะช่วงวางไข่สตั ว์น ้ำจะดุร้าย ถ้าสัตว์กินเข้าไป
เราอาจได้รับอันตราย ก. เศษอาหาร
28. การที่ชา้ งป่ าเป็ นจำนวนมากถูกฆ่าเพื่อเอางา ข. ถุงพลาสติก
จะเกิดผลเสี ยในแง่ใด ค. เปลือกผลไม้
ก. ช้างจะสูญพันธุ์ ง. ใบตองห่อขนม
ข. เด็กๆ รุ่ นหลังจะไม่รู้จกั ช้าง
ค. ช้างจะหนีเข้าไปแอบในป่ าลึก
ง. ช้างจะหนีเข้ามาอยูใ่ นหมู่บา้ น

