You are on page 1of 17

ตารางวิเคราะห์ ข้อสอบมาตรฐานปลายภาค/รายปี วิชาวิทยาศาสตร์

ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2 เล่ ม 2 ชุดที่ 2


มาตรฐาน/ตัวชี้วดั
ข้ อ ว 3.2 ว 4.1 ว 5.1 ว 6.1
1 2 3 4 1 2 1 2 3 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
1 
2 
3 
4 
5 
6 
7 
8 
9 
10 
11 
12 
13 
14 
15 
16 
17 
18 
19 
20 
21 
22 
23 
24 
25 
26 
27 
28 
29 
30 
มาตรฐาน/ตัวชี้วดั
ข้ อ ว 3.2 ว 4.1 ว 5.1 ว 6.1
1 2 3 4 1 2 1 2 3 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
31 
32 
33 
34 
35 
36 
37 
38 
39 
40 
41 
42 
43 
44 
45 
46 
47 
48 
49 
50 
51 
52 
53 
54 
55 
56 
57 
58 
59 
60 

ข้ อสอบมาตรฐานปลายภาค/รายปี กลุ่มสาระการเรี ยนวิทยาศาสตร์


วิชา วิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปี ที่ 2 เล่ ม 2 ชุดที่ 2 จำนวน 60 ข้ อ

1. ข้ อใดอธิบายความหมายของระบบปิ ดได้ ถกู ต้ อง


ก. ระบบที่เกิดการถ่ายเทมวลและพลังงานความร้ อนให้ แก่สิ่งแวดล้ อม
ข. ระบบที่ไม่เกิดการถ่ายเทมวลและพลังงานความร้ อนให้ กบั สิ่งแวดล้ อม
ค. ระบบที่เกิดการถ่ายเทมวลแต่ไม่ถ่ายเทพลังงานความร้ อนแก่สิ่งแวดล้ อม
ง. ระบบที่ไม่เกิดการถ่ายเทมวลแต่ถา่ ยเทพลังงานความร้ อนแก่สิ่งแวดล้ อมได้
2. ข้ อใดเป็ นระบบปิ ดทังหมด

ก. ลูกเหม็นระเหิด-การทำนาเกลือ-ขนมปั งปิ ง้
ข. การเผาขยะ-การต้ มน้ำ-การละลายเกลือในน้ำ
ค. การทำกล้ วยตาก-การทำทุเรี ยนกวน-การอบขนมปั ง
ง. การละลายน้ำตาลในน้ำ-การทำน้ำสบู-่ เขย่าน้ำอัดลมกระป๋ อง
3. ข้ อความใดถูกต้ อง
ก. อุณหภูมิที่ลดลงหลังการเกิดปฏิกิริยา เป็ นผลมาจากปฏิกิริยาดูดความร้ อน
ข. อุณหภูมิที่ลดลงหลังการเกิดปฏิกิริยา เป็ นผลมาจากปฏิกิริยาคายความร้ อน
ค. อุณหภูมิที่เพิ่มขึ ้นหลังการเกิดปฏิกิริยา เป็ นผลมาจากปฏิกิริยาดูดความร้ อน
ง. อุณหภูมิที่เพิ่มขึ ้นหลังการเกิดปฏิกิริยา เป็ นผลมาจากปฏิกิริยาเคมีทกุ ชนิด
4. สัญลักษณ์ (aq) ในปฏิกิริยาเคมีหมายถึงข้ อใด
ก. ของเหลว
ข. แก๊ สผสม
ค. สารละลายในน้ำ
ง.สารละลายแอลกอฮอล์
5. ข้ อใดเป็ นสารผลิตภัณฑ์ที่ได้ จากปฏิกิริยา
ก.
ข.
ค.
ง.

6. ข้ อใดแสดงถึงพื ้นที่ผวิ ซึง่ มีผลต่อปฏิกิริยา


ก. การระเบิดของดอกไม้ ไฟ
ข. การแล่ปลาก่อนย่างหรื อทอด
ค. การดื่มน้ำผลไม้ เข้ มข้ น
ง.การระเหยของน้ำในขวด
7. ข้ อใดเป็ นสารตังต้
้ นของการกัดกร่อนอันเนื่องจากฝนกรด
ก.
ข.
ค.
ง.
8. ในปฏิกิริยาที่ใช้ ตวั เร่งปฏิกิริยา สารผลิตภัณฑ์ที่ได้ จะเป็ นอย่างไร
ก. สารผลิตภัณฑ์มีสมบัติขึ ้นอยูก่ บั สารตังต้
้ น
ข. มีการคายความร้ อนเนื่องจากผลของปฏิกิริยา
ค. มีสว่ นผสมของตัวเร่งปฏิกิริยาในสารผลิตภัณฑ์
ง. อุณหภูมิสงู ขึ ้นเนื่องจากปฏิกิริยาเกิดอย่างรวดเร็ ว
9. ทัชมาฮาล เป็ นสิ่งก่อสร้ างขนาดใหญ่ที่ทำจากหินอ่อน ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
ก. ฝนกรดทำให้ ทชั มาฮาลมีสีที่คล้ำลง
ข. ความชื ้นทำให้ เหล็กที่เป็ นโครงสร้ างภายในเกิดสนิม
ค. ออกซิเจนในอากาศรวมตัวกับความชื ้นกัดกร่อนผิวหินปูน
ง. คาร์ บอนไดออกไซด์รวมตัวกับน้ำ เกิดกรดคาร์ บอร์
นิค
ที่มีฤทธิ์กดั กร่อนตัวอาคาร

10. ข้ อใดส่งผลให้ เกิดปรากฏการณ์เรื อนกระจก ซึง่ นำไปสูภ่ าวะโลกร้ อน


ก. การใช้ น้ำอย่างสิ ้นเปลือง
ข. การสะสมหรื อหมักตัวของสารอินทรี ย์
ค. การสร้ างบ้ านด้ วยกระจกหรื อวัสดุสะท้ อนแสง
ง. การใช้ พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม
11. เมื่อนำสาร A หยดบนพื ้นหินปูนแล้ วทำให้ เกิดฟองแก๊ สขึ ้น สาร A คืออะไร
ก. โซดาไฟ ข. ยาลดกรด
ค. น้ำมะนาว ง. น้ำยาล้ างห้ องน้ำ
12. การรับประทานน้ำอัดลมส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร
ก. น้ำอัดลมมีฤทธิ์เป็ นกรดที่กดั กระเพาะอาหาร
ข. น้ำอัดลมมีแก๊ สอยูม่ าก ทำให้ เกิดแก๊ สในกระเพาะ อาหารไม่ยอ่ ย
ค. น้ำอัดลมมีสว่ นผสมของน้ำตาล ซึง่ กระเพาะอาหารไม่สามารถย่อย ทำให้ เกิดอาการเรอออกมา
ง. น้ำอัดลมมีฤทธิ์เป็ นกรด ทำให้ การย่อยด้ วยน้ำย่อยนำกระเพาะอาหารทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
13. โซดาไฟ และน้ำโซดา มีสมบัติที่แตกต่างกันหรื อไม่ อย่างไร
ก. ไม่ตา่ งกัน เพราะมีฤทธิ์เป็ นเบสทังคู
้ ่
ข. ไม่ตา่ งกัน เพราะมีฤทธิ์เป็ นเบสทังคู
้ ่
ค. แตกต่างกัน เพราะโซดาไฟมีฤทธิ์เป็ นกรดขณะที่น้ำโซดามีฤทธิ์เป็ นเบส
ง.แตกต่างกัน เพราะโซดาไฟมีฤทธิ์เป็ นเบสขณะที่น้ำโซดามีฤทธิ์เป็ นกรด
14. เพราะเหตุใดจึงใช้ น้ำปูนใสเพื่อทดสอบผลการสังเคราะห์ด้วยแสงที่เกิดขึ ้น
ก. น้ำปูนใสทำปฏิกิริยากับแป้งที่ได้ จากการสังเคราะห์ด้วยแสง
ข. น้ำปูนใสทำปฏิกิริยากับแก๊ สที่ได้ จากการสังเคราะห์ด้วยแสง
ค. น้ำปูนใสดูดซับสารที่เกิดและแบ่งแยกด้ วยวิธีการโครมาโทกราฟี
ง. น้ำปูนในช่วยดูกลืนแสงซึง่ จำเป็ นต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
15. (X → CO2 + H2O) สาร X ทีห่ มายถึงข้อใด
ก. น้ำสบู่
ข. โซดาไฟ
ค.น้ำอัดลม
ง. น้ำมะนาว
16. ข้ อใดตรงกับความหมายของแรง
1. ทำให้ วตั ถุที่อยูน่ ิ่งเคลื่อนที่ได้
2. เปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ของวัตถุ
3. ทำให้ วตั ถุที่กำลังเคลื่อนที่อยูห่ ยุดนิ่ง
4. ทำให้ วตั ถุที่เคลื่อนที่อยูม่ ีความเร็ วเพิ่มขึ ้นหรื อความเร็ วลดลง
ก. 1, 2 และ 3 ข. 1, 2 และ 4
ค. 2, 3 และ 4 ง. 1, 2, 3 และ 4
17. ข้ อใดต่อไปนี ้แสดงถึงหน่วย นิวตัน (N)
ก. kg/ms2 ข. kgm-1s
ค.kgms-2 ง. kg/m/s

18. รวมรวมของแรงที่มีขนาดเท่ากันแต่มีทิศทางตรงข้ ามกัน แรงลัพธ์ที่ได้ จะเป็ นอย่างไร


ก. เป็ นสองเท่าของผลรวมของแรงทังสองแบบสเกลาร์

ข. เป็ นสองเท่าของผลรวมของแรงทังสองแบบเวกเตอร์

ค. มีขนาดเท่ากับผลบวกแบบสเกลาร์ และมีทิศทางตามตัวตัง้
ง. แรงลัพธ์เป็ นศูนย์
19. ขณะยืนนิ่งบนพื ้นโลก เหตุใดเราจึงไม่ลอยขึ ้นหรื อดิ่งลงไปในพื ้นโลก
ก. มีแรงดึงดูดที่มากพอกระทำในทิศชี ้ลง
ข. มีแรงโน้ มถ่วงของโลกกระทำในทุกทิศทาง
ค. แรงกดของอากาศกดไม่ให้ เราลอยขึ ้นไปในอากาศ
ง. มีแรงที่โลกดึงดูดและแรงที่พื ้นโลกผลักในทิศตรงข้ ามที่มีขนาดเท่ากัน
20. ข้ อใดแสดงการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ถกู กระทำด้ วยแรงที่เท่ากันและทำให้ แรงลัพธ์เป็ นศูนย์
ก. วัตถุเคลื่อนที่ช้าลง
ข. วัตถุเคลื่อนที่เร็วขึ ้น
ค. วัตถุเครื่ องที่ด้วยอัตราเร็วคงตัว
ง. ไม่สามารสรุปได้
21. เหตุการณ์ใดเป็ นผลของแรงลัพธ์ที่กระทำวัตถุมีคา่ เป็ นศูนย์
ก. ก้ อนหินกำลังจนน้ำ
ข. น้ำในแม่น้ำไหลอย่างสม่ำเสมอ
ค. เครื่ องบินกำลังลงจอดที่สนามบิน
ง. มานะเร่งเครื่ องเพื่อแซงรถคันข้ างหน้ า
22. ข้ อใดให้ ความหมายของ “ภาพจริง” ได้ ถกู ต้ อง
ก. ภาพที่เกิดจากวัตถุจริง
ข. ภาพที่เหมือนกับตนแบบทุกประการ
ค. ภาพที่เกิดขึ ้นและฉากสามารถรับได้
ง. ภาพที่เกิดจากวัตถุบนกระจกซึง่ มองเห็นได้ จริ ง
23. ข้ อใดอาศัยหลักการของการสะท้ อนของแสง
ก. กล้ องตาเรื อ
ข. กล้ องถ่ายรูป
ค. กล้ องส่องทางไกล
ง. กล้ องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน

24. สมบัตขิ องแสงในข้อใดทำเราสามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้ในเวลากลางคืน


ก. การหักเห
ข. การสะท้อน
ค. การแยกสีของแสง
ง. การกระเจิงของแสง
25. เพราะเห็นใดจึงมองเห็นมีลวดลายบนผิวดวงจันทร์เป็ นรูปต่างๆ ตามจินตนาการ
ก. แสงกระเจิงสีต่างๆ ออกมา
ข. ผลของการสะท้อนบนผิวทีไ่ ม่สม่ำเสมอ
ค. ผลของการหักเหบนตัวกลางทีไ่ ม่สม่ำเสมอ
ง. ปริมาณแสงจากดวงจันทร์มไี ม่เท่ากันในแต่ละจุด
26. จากภาพ ภาพทีเ่ กิดขึน้ มีลกั ษณะอย่างไร
ก. ภาพจริงหัวตัง้ ขนาดใหญ่กว่าวัตถุ
ข. ภาพจริงหัวกลับ ขนาดเล็กกว่าวัตถุ
ค. ภาพเสมือนหัวตัง้ ขนาดเล็กกว่าวัตถุ
F
ง. ภาพเสมือนหัวตัง้ ขนาดใหญ่กว่าวัตถุ

27. แสง เดินทางจากตัวกลาง A ไปยังตัวกลาง B พบว่ามุมหักเหเพิม่ มากขึน้


ข้อความใดกล่าวถูกต้อง
ก. A มีดชั นีหกั เหมากกว่า B
ข. A มีความหนาแน่นมากกว่า B
ค. A อยูใ่ นสถานะของเหลวและ B อยูใ่ นสถานะแก๊ส
ง. ไม่สามารถสรุปได้เนื่องจากข้อมูลไม่เพียงพอ
28. จงเรียงลำดับตัวกลางตามค่าดัชนีหกั เหจากมากไปน้อย
ก. น้ำ แก้ว น้ำเชือ่ ม เพชร
ข. อากาศ น้ำ แก้ว น้ำเชือ่ ม
ค. เพชร น้ำผึง้ น้ำ อากาศ
ง. เพชร แก้ว น้ำ น้ำผึง้
29. ภาพทีม่ องเห็นด้วยดวงตาซึง่ ตกกระทบลงบนจอภาพหรือเรติน่าในดวงตาเป็ นภาพชนิดใด
ก. ภาพจริงหัวตัง้
ข. ภาพจริงหัวกลับ
ค. ภาพเสมือนหัวตัง้
ง. ภาพเสมือนหัวกลับ
30. ข้อใดต่อไปนี้ไม่มคี วามสัมพันธ์กนั
ก. เลนส์นูน – กระจกเว้า ข. เลนส์เว้า – กระจกนูน
ค. การสะท้อน – มุมวิกฤติ ง. การหักเห –กล้องตาเรือ
31. เมือ่ วางวัตถุไว้หน้าเลนส์นูนทีจ่ ุดโฟกัส ภาพทีเ่ กิดจะเป็ นอย่างไร
ก. เกิดภาพทีจ่ ุดอนันต์
ข. เกิดภาพจริงขนาดเท่าวัตถุทจ่ี ุดโฟกัส
ค. เกิดภาพจริงขนาดใหญ่กว่าวัตถุทจ่ี ุดโฟกัส
ง. เกิดภาพเสมือนหน้าเลนส์ขนาดใหญ่กว่าวัตถุ
32. ข้ อใดเป็ นการใช้ ประโยชน์ของกระจกเงาเว้ า
ก. กระจกไฟหน้ ารถยนต์
ข. กระจกมองข้ างรถยนต์
ค. กระจกกล้ องเพอริสโคป
ง. กระจกบนทางแยกของถนน
33. ข้ อใดใช้ สมบัติของการหักเหทังหมด

ก. ใยแก้ วนำแสง
ข. กล้ องถ่ายรูป
ค. เครื่ องยิงบาร์ โค้ ด
ง. มิลเลอร์ บอล (mirror ball)
34. คนที่มีสายตายาวจะแก้ ไขได้ โดยสวมแว่นตาที่ทำด้ วยสิ่งใด
ก. เลนส์เว้ า
ข. เลนส์นนู
ค. กระจกเว้ า
ง. กระจกนูน
35. แว่นขยายที่ใช้ ขยายวัตถุให้ มีขนาดใหญ่ขึ ้น ทำด้ วยสิ่งใด
ก. เลนส์เว้ า
ข. เลนส์นนู
ค. กระจกเว้ า
ง. กระจกนูน
36. ส่วนใดของนัยน์ตาที่สามารถหดหรื อขยายได้ เมื่อมีปริ มาณแสงที่เข้ าสูน่ ยั น์ตาแตกต่างกัน
ก. ม่านตา
ข. เลนส์ตา
ค. กระจกตา
ง. ประสาทตา

37. เพราะเหตุใดเมื่อแสงขาวผ่านปริซมึ จะแยกออกได้ เป็ นแสง 7 สี


ก. พลังงานของแสงทัง้ 7 สีไม่เท่ากัน
ข. แสงทัง้ 7 สีมีความยาวคลื่นไม่เท่ากัน
ค. แสงทัง้ 7 สีมีความเข้ มของแสงไม่เท่ากัน
ง. ความเร็วของแสงสีตา่ งๆ ที่เคลื่อนที่ผา่ นปริ ซมึ ไม่เท่ากัน
38.กำหนดให้ แสงสีแดง + A= แสงสีมว่ งแดง A คือแสงสีใด
ก. ขาว ข. เขียว
ค. เหลือง ง. น้ำเงิน
39. นักเรี ยนมองเห็นวัตถุมีสีแดงได้ อย่างไร
ก. วัตถุสีแดงดูดกลืนเฉพาะแสงสีแดงเอาไว้
ข. สีแดงเกิดจากแสงสีเหลืองผสมกับแสงสีเขียว
ค. วัตถุสีแดงสะท้ อนเฉพาะแสงสีแดงมาเข้ าตาเรา
ง. เมื่อแสงสีขาวมากระทบวัตถุจะสะท้ อนทุกสีมาเข้ าตาเรา ยกเว้ นสีแดง
40. หากห้ องห้ องหนึง่ มีสีเหลือง แต่นกั เรี ยนไม่ต้องการให้ เป็ นเช่นนัน้ จะแก้ ไขได้ อย่างไร
ก. ใช้ ไฟสีขาวเพื่อทำให้ ห้องเปลี่ยนเป็ นสีขาว
ข. ใช้ ไฟสีแสงเพื่อทำให้ ห้องเปลี่ยนเป็ นสีแดง
ค. ใช้ ไฟสีน้ำเงินเพื่อทำให้ ห้องเปลี่ยนเป็ นสีน้ำเงิน
ง. ใช้ ไฟสีเหลืองกลบเพื่อให้ ผนังดูแสงสีเหลือทังหมดไป

41. ข้ อใดคือสาเหตุของอาการตาบอดสี
ก. เซลล์ประสาทรับแสงสีมีความผิดปกติ
ข. กระจกตาไม่สามารถรับแสงทุติยภูมิได้
ค. ได้ รับแสงที่มีความเข้ มสูงติดต่อกันเป็ นเวลานาน
ง. เลนส์ตามีความผิดปกติโดยยอมให้ แสงบางชนิดผ่านได้ เท่านัน้
42. เหตุใดเมื่ออายุเพิ่มมากขึ ้นมามีอาการสายตายาว
ก. กระบอกตาสันขึ ้ ้น
ข. เซลล์ประสาทตาผิดปกติ
ค. กระจกตาเกิดฝ้าที่หนาขึ ้น
ง. กล้ ามเนื ้อเลนส์ตาเริ่มหย่อนคล้ อย

43. แสงมีประโยชน์อย่างไรต่อสิ่งมีชิต
ก. ให้ ความสว่างแก่โลกใบนี ้
ข. ให้ ความอบอุน่ แก่สิ่งมีชีวิต
ค. เป็ นสิ่งเร้ าที่มีผลต่อพืชบางชนิด
ง. ถูกทุกข้ อ
44. โครงสร้ างใดของโลกที่มีอณ ุ หภูมิสงู สุด
ก. เปลือกโลก ข. เนื ้อโลก
ค. แก่นโลกชันนอก ้ ง. แก่นโลกชันใน

45. การสูงขึ ้นของเทือกเขาหิมาลัยอธิบายการเปลี่ยนแปลงใดของแปลกโลก
ก. แผ่นเปลือกโลกต่างๆ เคลื่อนที่ตลอดเวลา
ข. การทับถมของตะกอบภูมเขาไฟส่งผลให้ เทอกเขาหิมาลัยสูงขึ ้น
ค. พื ้นที่โดยรอบค่อยๆ ทรุดตัวลงเนื่องจากความไม่แข็งแรงของพื ้นที่บริ เวณนัน้
ง. ไม่สามารถสรุปได้
46. ข้ อใดเกิดจากปั จจัยการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
ก. น้ำพุร้อน
ข. สาหร่ายบนชันหิ ้ น
ค. การเกิดหินตาหินยาย
ง. การเกิดหินงอกหินย้ อย
47. ข้ อใด ไม่ ใช่ การเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก
ก. การเกิดผลึกน้ำแข็ง
ข. ก้ อนหินถูกน้ำกัดเซาะ
ค. การระเบิดของภูเขาไฟ
ง. การผุพงั ของโบราณสถาน
48. หน้ าตัดดิน หมายถึงอะไร
ก. ผิวหน้ าของดินหรื อผิวดิน
ข. การเห็นชันต่้ างๆ ภายในดิน
ค. การตัดหรื อตักเฉพาะหน้ าดินออกไป
ง. หน้ าดินที่รองรับแหล่งน้ำและมีตะกอนมาสะสม

49. การปลูกพืชหมุนเวียนใช้ เพื่อปรับปรุงคุณภาพดินอย่างไร


ก. เพิ่มสารอินทรี ย์ในดิน
ข. เพิ่มพื ้นที่หน้ าดินให้ มากขึ ้น
ค. ปรับความเป็ นกรด-เบสของดิน
ง. ลดการใช้ แร่ธาตุชนิดเดียวต่อเนื่อง
50. ข้ อใดอธิบายการเกิดหินชันได้ ้ ถกู ต้ อง
ก. การกัดเซาะของสภาพอากาศ
ข. การแข็งตัวของหินหินหนืดที่มาจากใต้ พื ้นโลก
ค. การทับถมและสะสมของซากพืช ซากสัตว์ และซากหิน
ง. ความร้ อนและความดันที่กดทับให้ เกิดการแปรสภาพไป
51. ข้ อใดเป็ นหินแปรที่แปรสภาพมาจากหินอัคนี
ก. หินไนส์
ข. หินอ่อน
ค. หินชนวน
ง. หินควอไซด์
52. เมื่อหยดน้ำมะนาวลงบนหินชนิดหนึง่ จะเกิดฟองแก๊ ส หินชนิดนี ้คือข้ อใด
ก. หินปูน ข. หินไนส์
ค. หินแกรนิต ง. หินบะซอลต์
53. แร่ชนิดใดสามารถใช้ เล็บขูดเป็ นรอยได้
ก. แร่ควอตซ์ ข. แร่ยิปซัม
ค. แร่ฟลูออไรด์ ง. แร่อะพาไทด์
54. ข้ อใดเป็ นแร่โลหะทังหมด

ก. เหล็ก ทัลก์ ข. พลวง ดีบกุ
ค. ทองแดงยิปซัม ง. ตะกัว่ ฟลูออไรด์
55. แร่ชนิดใดใช้ ผลิตสายไฟหรื ออุปกรณ์ทางไฟฟ้า
ก. เงิน
ข. เหล็ก
ค. ทังสเตน
ง. ทองแดง

56. ข้ อใดอธิบายถึงหินน้ำมันได้ ถกู ต้ อง


ก. หินที่ใช้ พลังงานความร้ อนได้ เช่น พีต ลิกไนต์ บิทมู ินสั
ข. เชื ้อเพลงจากการทับถมของซากพืชซากสัตว์ที่กลายสภาพ
ค. หินดินดานเนื ้อละเอียดจากการทับถมของซากพืชซากสัตว์
ง. หินร้ อนใต้ เปลือกโลกที่มีพลังงานสะสมอยูเ่ ป็ นจำนวนมาก
57. ข้ อใดไม่ใช่ประโยชน์ของแหล่งน้ำ
ก. การคมนาคม
ข. การอุตสาหกรรม
ค. การผลิตพลังงานไฟฟ้า
ง. แหล่งเชื ้อเพลงและพลังงาน
58. ข้ อใดอธิบายการเกิดขึ ้นของแหล่งน้ำใต้ ดินได้ ถกู ต้ อง
ก. การสร้ างอุโมงค์ใต้ ดินเพื่อเก็บกักน้ำ
ข. บริ เวณลุม่ ที่และเกิดการสะสมของน้ำ
ค. น้ำซึง่ ซึมลงสูด่ ินและขังตัวอยูร่ ะหว่างชันหิ
้ น
ง. ตะกอนที่ทบั ถมบริเวณแหล่งน้ำจนเกิดเป็ นผิวดินใหม่ ทำให้ มีน้ำสะสมอยูภ่ ายใน
59. ข้ อใดเป็ นผลของการทับถมที่เกิดขึ ้น
ก. หินงอก
ข. สันดอน
ค. การเกิดถ้ำ
ง. หินบริเวณน้ำตก
60. โครงสร้ างส่วนใดของโลกที่ของเหลวร้ อน
ก. ผิวโลก
ข. เนื ้อโลก
ค. แก่นโลก
ง. เปลือกโลก
เฉลยข้ อสอบมาตรฐานปลายภาค/รายปี วิชาวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 ชุ ดที่ 2
1. ค. 11. ค. 21. ข. 31. ก. 41. ก. 51. ก.
2. ง. 12. ก. 22. ค. 32. ก. 42. ง. 52. ก.
3. ก. 13. ง. 23. ก. 33. ข. 43. ง. 53. ข.
4. ค. 14. ข. 24. ข. 34. ข. 44. ง. 54. ข.
5. ก. 15. ค. 25. ข. 35. ข. 45. ก. 55. ง.
6. ข. 16. ง. 26. ง. 36. ก. 46. ง. 56. ค.
7. ง. 17. ค. 27. ข. 37. ข. 47. ค. 57. ง.
8. ก. 18. ง. 28. ค. 38. ง. 48. ข. 58. ค.
9. ก. 19. ง. 29. ข. 39. ค. 49. ง. 59. ข.
10. ข. 20. ค. 30. ง. 40. ข. 50. ค. 60. ข.
แนวเฉลยละเอียดข้ อสอบมาตรฐานปลายภาค/รายปี วิชาวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ ม 2 ชุ ดที่ 2
1. ตอบ ค.
การเปลี่ยนแปลงเมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมีสามารถเปลี่ยนแปลงได้ คือ ระบบปิ ดไม่เกิดการถ่ายเทมวลแต่
สามารถถ่ายเทพลังงานให้ แก่สิ่งแวดล้ อมได้ ขณะที่ระบบเปิ ดสามารถถ่ายเททังมวลและพลั ้ งงานได้
2. ตอบ ง.
ระบบปิ ดคือ ระบบที่ไม่เกิดการถ่ายเทมวลแต่สามารถถ่ายเทพลังงานให้ แก่สิ่งแวดล้ อมได้ เช่น การ
ละลายน้ำตาลในน้ำ การทำน้ำสบู่ เขย่าน้ำอัดลมกระป๋ อง
3. ตอบ ก.
ในปฏิกิริยาดูดความร้ อน สารจะดูดความร้ อนจากสิ่งแวดล้ อมเพื่อช่วยในการเกิดปฏิกิริยา ทำให้
อุณหภูมิสิ่งแวดล้ อมของปฏิกิริยาลดลง หายเป็ นปฏิกิริยาคายความร้ อน สาคะคายความร้ อนให้ สิ่ง
แวดล้ อมเพื่อเกิดปฏิกิริยา ทำให้ อณุ หภูมิสงู ขึ ้น
4. ตอบ ค.
aq มาจาก aqueous หมายถึงสารละลายที่ละลายในน้ำ หรื อล้ อมรอบด้ วยน้ำ สำหรับสถานะแก๊ ส
ของเหลว และของแข็ง จะใช้ สญ ั ลักษณ์ g l และ s ตามลำดับ
5. ตอบ ก.
จากสมการเมื่อดุลสมการเคมีที่ถกู ต้ องจะเป็ นดังปฏิกิริยา
6. ตอบ ข.
การแล่ปลาตามตัวปลาให้ เห็นเป็ นรอยบ่านัน้ เพื่อให้ ปลาสุกได้ เร็ วขึ ้นเนื่องจากมีพื ้นที่ผวิ ที่สมั ผัสกับน้ำ
มันร้ อนๆ มากขึ ้น เนื ้อปลากจึงสุกจากด้ านในด้ วย
7. ตอบ ง.
ปฏิกิริยาการกัดกร่อนของฝนกรดเนื่องจากฝนซึง่ มีองค์ประกอบของ เป็ นสารตังต้ ้ นทำ
ปฏิกิริยาร่วมกับหินอ่อนหรื อ ได้ เป็ น
8. ตอบ ก.
ตัวเร่งปฏิกิริยาช่วยให้ ปฏิกิริยาเกิดเร็วขึ ้น แต่ไม่มีผลต่อการลักษณะหรื อสมบัติของสารผลิตภัณฑ์ทงั ้
นันขึ
้ ้นอยูก่ บั สารตังต้
้ น
9. ตอบ ก.
ฝนกรด เป็ นส่วนผสมของน้ำและแก๊ สซัลเฟอร์ ทำให้ เกิดกรดซัลฟิ วริ ก ซึง่ ทำปฏิกิริยากับหินอ่อนดัง
สมการ
10. ตอบ ข.
การสะสมของสารอินทรี ย์จะทำให้ เกิดแก๊ สมีเทน ซึง่ เป็ นแก๊ สเรื อนกระจกก่อให้ เกิดภาวะโลกร้ อนได้
11. ตอบ ค.
น้ำมะนาวซึง่ เป็ นกรดจะเข้ าทำปฏิกิริยากับหินปูนให้ เกิดฟองแก๊ สเช่นเดียวกับการกัดกร่อนของฝนกรด
12. ตอบ ก.
น้ำอัดลมเป็ นส่วนผสมของน้ำและคาร์ บอนไดออกไซด์ เกิดเป็ นกรดคาร์ บอนิกที่มีฤทธิ์กดั กร่อน
กระเพาะอาหาร ซึง่ ไม่ดีตอ่ สุขภาพ
13. ตอบ ง.
โซดาไฟ หรื อ NaOH มีฤทธิ์เป็ นเบส ขณะที่น้ำโซดามีสว่ นผสมของกรดคาร์ บอนิกหรื อ H CO 2 3

14. ตอบ ข.
แก๊ สทีไ่ ด้ จากการสังเคราะห์ด้วยแสงคือ คาร์ บอนไดออกไซด์ทำปฏิกริ ิยากับน้ำปูนใสทำให้ น้ำปูนใสขุน่
15. ตอบ ค.
น้ำอัดลม เป็ นส่วนผสมของคาร์ บอนไดออกไซด์ (CO ) และน้ำ(H O)
2 2

16. ตอบ ง.
แรง คือ ปริมาณที่กระทำกับวัตถุและอาจทำให้ วตั ถุเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพใน 4 ลักษณะ
ได้ แก่
1. วัตถุที่หยุดนิ่งอาจเริ่มเคลื่อนที่
2. ความเร็วของวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่อาจเปลี่ยนแปลงได้
3. ทิศทางของการเคลื่อนที่ของวัตถุอาจเปลี่ยนแปลงได้
4. วัตถุอาจมีรูปร่างและขนาดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
17. ตอบ ค.
แรงเป็ นผลคูณของมวลร่วมกับความเร่ง ดังนันหน่ ้ วยที่ได้ คือกิโลกรัมเมตรต่อวินาทีก ำลังสอง
หรื อ kgms -2

18. ตอบ ง.
เมื่อรวมแรงแบบเวกเตอร์ แล้ ว ขนาดของแรงจะเป็ นศูนย์ และไม่มีทิศทาง
19. ตอบ ง.
แรงที่กระทำต่อเราในทิศตรงข้ ามที่เท่ากัน แรงลัพธ์เป็ นศูนย์ ทำให้ เราไม่เกิดการเคลื่อนที่
20. ตอบ ค.
จากกฎข้ อที่ 1 ของนิวตันเมื่อมีแรงกระทำให้ แรงลัพธ์เป็ นศูนย์ วัตถุจะมีอตั ราเร็ วคงตัว
21. ตอบ ข.
แรงลัพธ์เป็ นศูนย์ทำให้ วตั ถุเคลื่อนด้ วยอัตราเร็ วลงตัว

22. ตอบ ค.
ภาพจริ ง เป็ นภาพทางแสงที่เกิดบนฉาก ฉากสามารถรองรับได้ จริ ง เช่น ภาพผ่านเลนส์นนู หากภาพที่
มองเห็นแต่ฉากไม่สามารถรองรับได้ จะเรี ยกว่าภาพเสมือน เช่น ภาพบนกระจกเงา
23. ตอบ ก.
กล้ องตาเรื อ หรือ periscope อาศัยหลักการการสะท้อนโดยใช้กระจกเงาสองบ้านวางตัวเพือ่ สะท้อน
ภาพจากมุมปิด เช่น การมองข้ามกำแพง การมองของเรือดำน้ำ โดยมีโครงสร้างดังภาพ
24. ตอบ ข.
แสงจากดวงอาทิตย์ทส่ี อ่ งมายังดวงจันทร์สะท้อนมายังโลก ทำให้เราสามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้
25. ตอบ ข.
ดวงจันทร์มพี น้ื ผิวทีข่ รุขระ ไม่สม่ำเสมอ ทำให้แสงทีส่ ะท้อนไม่สม่ำเสมอด้วยไปด้วยจึงเห็นปํน
ลวดลายต่างๆ บนดวงจันทร์
26. ตอบ ง.
ถ้าตัง้ วัตถุไว้ทร่ี ะยะน้อยกว่าจุดโฟกัส จะทำให้เกิดภาพเสมือนหัวตัง้ ทีม่ ขี นาดใหญ่กว่าวัตถุ
27. ตอบ ข.
เมือ่ แสงเดินทางผ่านตัวกลางทีม่ คี วามหนาแน่นน้อยกว่า แสงจะเบนออกจากเส้นปกติท ำให้มมุ หัก-
เหมีคา่ มากกว่ามุมตกกระทบ หาพิจาณาดัชนีหกั เห ตัวกลางทีม่ ดี ชั นีหกั เหมากจะมีมกุ การหักเหทีน่ ้อย
กล่าวคือเบนเข้าหาเส้นปกติมากว่า
28. ตอบ ค.
ดัชนีหกั เหมีแนวโน้มทิศทางเดียวกับความหนาแน่น คือ ตัวกลางทีม่ คี วามหนานแน่ นมากจะมีดชั นี
หักเหสูงด้วย
29. ตอบ ข.
ภาพทีผ่ า่ นเลนส์ตาเป็นภาพจริงหัวกลับ เมือ่ ตกลงบนเรตินาจะส่งกระแสประสาทไปยังสมองเพือ่
ประมาณภาพออกมาเป็นภาพหัวตัง้
30. ตอบ ง.
กล้องตาเรืออาศัยหลักการสะท้อนของแสง

31. ตอบ ก.
เกิดภาพทีจ่ ุดอนันต์เนื่องจากแนวรังสีขนานกัน

32. ตอบ ก.
กระจกไฟหน้ ารถยนต์ใช้ กระจกเงาเว้ าเพื่อกระจกแสงสว่างจากหลอดไฟ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ เป็ นการใช้
งานกระจกเงานูน
33. ตอบ ข.
กล้ องถ่ายรูปอาศัยเลนส์ในการบันทึกรูป ขณะที่อปุ กรณ์อื่นๆ อาศัยหลักการสะท้ อนของแสง
34. ตอบ ข.
คนที่มีสายตายาวจะมองวัตถุที่อยูร่ ะยะไกลได้ ชดั เจน แต่ไม่สามารถมองวัตถุที่อยูร่ ะยะใกล้ ได้ ชดั
เนื่องจากแสงจากวัตถุจะตกเลยเรตินา ซึง่ สามารถแก้ ไขได้ โดยการใช้ แว่นตาที่ทำจากเลนส์นนู ซึง่ จะช่วย
รวมแสงจากวัตถุให้ ตกที่เรตินาพอดี
35. ตอบ ข.
แว่นขยายทำมาจากเลนส์นนู ซึง่ เลนส์นนู สามารถทำให้ เกิดภาพเสมือนขนาดใหญ่กว่าวัตถุได้ โดย
วัตถุต้องอยูใ่ นระยะระหว่างเลนส์และจุดโฟกัส
36. ตอบ ก.
ม่านตาเป็ นเนื ้อเยื่อที่สามารถยืดหดได้ ตามปริ มาณแสงที่เข้ าสูน่ ยั น์ตา ซึง่ จะมีผลต่อขนาดของรูมา่ น-
ตา โดยหากมีปริมาณแสงมาก ม่านตาจะคลายตัวทำให้ รูมา่ นตาแคบลง ในทางกลับกันหากมีปริ มาณแสง
น้ อย ม่านตาจะหดตัวทำให้ รูมา่ นตาเปิ ดกว้ าง
37. ตอบ ข.
เมื่อแสงขาวเดินทางผ่านปริซมึ แสงจะเกิดการหักเห ทำให้ แสงขาวแยกออกเป็ นแสง 7 สีตอ่ เนื่องกัน
ได้ แก่ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ ม และแดง เนื่องจากแสงทัง้ 7 สีจะมีความยาวคลื่นต่างกัน โดยแสง
สีมว่ งมีความยาวคลื่นสันที ้ ่สดุ แสงแต่ละสีหรื อแต่ละความตามคลื่นจะหักเหด้ วยมุมที่แตกต่างกัน

38. ตอบ ง.
เมื่อผสมแสงสีปฐมภูมิที่ระดับความเข้ มแสงเท่ากัน จะได้ แสงสีทตุ ิยภูมิ ดังนี ้
แสงสีแดง + แสงสีน้ำเงิน = แสงสีมว่ งแดง
แสงสีแดง + แสงสีเขียว = แสงสีเหลือง
แสงสีน้ำเงิน + แสงสีเขียว = แสงสีน้ำเงินเขียว
39. ตอบ ค.
การที่เรามองเห็นวัตถุเป็ นสีอะไรนัน้ ขึ ้นอยูก่ บั แสงที่สะท้ อนออกมาจากวัตถุ วัตถุที่มีสีตา่ งกันจะดูด
กลืนและสะท้ อนแสงได้ ตา่ งกัน โดยวัตถุสีแดงจะสามารถสะท้ อนแสงสีแดงออกมาได้ มากที่สดุ และดูดกลืน
แสงอื่นๆ ไว้ เราจึงมองเห็นวัตถุนนเป็
ั ้ นสีแดง
40. ตอบ ข.
วัตถุสีเหลือจะสะท้ อนแสงสีเหลืองออกมาเราจึงเห็นวัตถุดงั เกล่ามีสีเหลือง ซึง่ แสงสีเหลือประกอบด้ วย
แสงปฐมภูมิคือสีแดงและสีเขียว เมื่อส่องพื ้นสีเหลืองด้ วยแสงสีเขียว วัตถุจะสะท้ อนแสงสีแดงออกมา ทำให้
เราเห็นพื ้นสีเหลืองมีสีเขียว
41. ตอบ ก.
เซลล์ประสาทรับแสงสีผิดปกติทำให้ ไม่สามารถรับสีบางสีได้ เกิดเป็ นโรคตาบอดสี
42. ตอบ ง.
สายตายาวเกิดเนื่องจากจุดโฟกัสของภาพตกเลยจุดโฟกัสไป ในผู้สงู อายุกล้ ามเนื ้อที่ยดึ เลนส์ตาเริ่ ม
หย่อนคล้ อยทำให้ รูปร่างของเลนส์ไม่คงเดิม การโฟกัสภาพจึงเปลี่ยนไปได้
43. ตอบ ง.
แสงมีประโยชน์อื่นอีกมากมาย เช่น ช่วยในการมองเห็น
44. ตอบ ง.
แก่นโลกชันในเป็
้ นชันที
้ ่มีความลึกจากผิวโลกประมาณ 5,000 กิโลเมตร มีอณ ุ หภูมิสงู สุดประมาณ
6,000 องศาเซลเซียส
45. ตอบ ก.
การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก เมื่อเคลื่อนตัวเข้ าหากันจะเริ่ มดันตัวทำความสูงเดิม
46. ตอบ ง.
หินงอกหินย้ อยเกิดจากการละลายแคลเซียมคาร์ บอเนตของฝนกรดแล้ วจึงตกตะกอนเกิดเป็ นหินย้ อย
เป็ นผลเนื่องจากปั จจัยทางเคมี
47. ตอบ ค.
การระเบิดของภูเขาไฟเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายใต้ เปลือกโลก นัน่ คือการสะสมความดันและ
ความร้ อนในชันเนื
้ ้อโลกจนมีความดันสูงมากจึงเกิดการระเบิดออกมานอกชันเปลื ้ อกโลก

48. ตอบ ข.
นักวิทยาศาสตร์ เรี ยกผิวดินด้ านข้ างที่ถกู ตัดไปตามแนวดิ่ง เพื่อเห็นชันต่
้ างๆ ภายในดิน เรี ยกว่า หน้ า -
ตัดดิน
49. ตอบ ง.
การปลูกพืชชนิดเดียวกันต่อเนื่องจะดึงแร่ธาตุชนิดเดิมไปใช้ ทำให้ ดินจืด จึงควรปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อ
ลดการใช้ แร่ธาตุชนิดเดียวต่อเนื่อง
50. ตอบ ค.
หินชันหรื
้ อหินตะกอน เกิดจากการทับถมของซากพืช ซากสัตว์ และเศษหินต่างๆ ที่ถกู พัดพามารวมกัน
จนเกิดการเชื่อมประสานเป็ นหินในที่สดุ
51. ตอบ ก.
หินไนส์ แปรมาจากหินอัคนีคือหินแกรนิต ส่วนหินอ่อนแปรมาจากหินปูน หินชนวนแปรมาจาก
หินดินดาน และหินควอไซด์แปรมาจากหินทราย
52. ตอบ ก.
หินปูนมีสว่ นประกอบของแคลเซียมคาร์ บอเนต ที่ทำปฏิกิริยากับกรดจะได้ แก๊ สคาร์ บอนไดออกไซด์
53. ตอบ ข.
ยิปซัมมีระดับความแข็ง 2 สามารถใช้ เล็บขูดเป็ นรอยได้ แต่มีความแข็งมากกว่าแร่ทลั ก์
54. ตอบ ข.
พลวงและดีบกุ เป็ นแร่โลหะ เช่นเดียวกับเหล็ก ทองแดง และตะกัว่ ขณะที่ ทัลก์ ยิปซัม และฟลูออไรด์
เป็ นแร่อโลหะ
55. ตอบ ง.
ทองแดงมีความนำไฟฟ้าที่ดีและมีราคาถูกจึงนิยมนำมาใช้ เป็ นอุปกรณ์ทางไฟฟ้า และส่วนประกอบใน
เครื่ องจักรรถยนต์
56. ตอบ ค.
หินน้ำมัน คือ หินดินดานที่มีเนื ้อละเอียด เกิดจากการทับถมของซากพืชซากสัตว์ภายใต้ แหล่งน้ำใน
ภาวะที่เหมาะสม
57. ตอบ ง.
น้ำมีประโยชน์ในหลายด้ าน ได้ แก่ การอุปโภคบริ โภค การคมนาคม การอุตสาหกรรม และการผลิต
กระแสไฟฟ้า

58. ตอบ ค.
น้ำใต้ ดินเกิดจากน้ำที่ซมึ ผ่านผิวดินไปรวมอยูใ่ ต้ ผิวดิน
59. ตอบ ข.
สันดอนเกิดจากการทับถมของตะกอนตามกระบวนการทางธรรมชาติจากบริ เวณที่สายน้ำไหลผ่านมี
สิ่งกีดขวางการไหลของน้ำอยู่ ทำให้ อตั ราเร็วของการไหลของน้ำลดลง
60. ตอบ ข.
เนื ้อโลกเป็ นชันของเหลวร้
้ อน ที่เรี ยกว่า แมกมา เคลื่อนตัวอยูต่ ลอดเวลา ทำให้ โลกเกิดการ
เปลี่ยนแปลงบริเวณผิวโลกหรื อเปลือกโลก

You might also like