Professional Documents
Culture Documents
รส.3-11.3 การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. - 2557
รส.3-11.3 การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. - 2557
คู่มือราชการสนาม
ว่าด้วย
การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน.
รส. ๓-๑๑.๓
พ.ศ. ๒๕๕๗
วัตถุประสงค์การฝึกศึกษาของกองทัพบก
▲ เป็นผู้นำ�ที่ดี มีคุณธรรม
▲ มีความรูแ ้ ละประสบการณ์ส�ำ หรับการในหน้าที่
▲ แข็งแรงทรหดอดทนต่อการตรากตรำ�ทำ�งาน
ค�ำน�ำ
กรมวิทยาศาสตร์ทหารบกได้จัดท�ำคู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อน
พิษ คชรน. ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางและหลักในการปฏิบัติส�ำหรับหน่วยก�ำลังรบ
และหน่วยอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหารภายใต้สถานการณ์ที่มีการใช้อาวุธเคมี
ชีวะ รังสี และนิวเคลียร์ (คชรน.) และสถานการณ์การปล่อยกระจายวัตถุมีพิษทางอุตสาหกรรมที่
มิใช่เกิดจากการโจมตีทางทหาร เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสภาวการณ์ในปัจจุบัน เช่น การก่อ
การร้าย อุบัติภัย และภัยพิบัติ เป็นต้น
โดยเนือ้ หาสาระประกอบด้วยบทที่ ๑ กล่าวถึงข้อมูลโครงสร้างทัว่ ทุกด้านในการปฏิบตั กิ าร
หลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ ทั้งการจัดการและควบคุมและการปฏิบัติ โดยเน้นย�้ำความจ�ำเป็นของการ
เตรียมพร้อมและการเรียนรู้ในจุดส�ำคัญและการฝึกปฏิบัติที่ควรพิจารณาส�ำหรับการหลีกเลี่ยงการ
เปื้อนพิษ บทที่ ๒ เป็นการก�ำหนดหน้าที่ของภาพการปฏิบัติร่วมทาง คชรน. ซึ่งจะมี รายละเอียด
เกีย่ วกับขัน้ ตอนการจัดการข่าวสาร คชรน. การด�ำเนินการและขีดความสามารถจัดเตรียมยุทธศาสตร์
การกระจายข่าวสาร คชรน. การด�ำเนินการและขีดความสามารถจัดเตรียมยุทธศาสตร์การกระจาย
ข่าวสาร คชรน. การด�ำเนินการและขีดความสามารถจัดเตรียมยุทธศาสตร์การกระจายข่าวสาร
คชรน. และขัน้ ตอนการจัดการภาพปฏิบตั กิ ารร่วม คชรน. บทที่ ๓ เป็นการก�ำหนดภาพรวมทัง้ หมด
ของระบบเตือนภัยและรายงาน คชรน. การจัดระบบและความรับผิดชอบ ซึง่ มีรายละเอียดเกีย่ วกับ
การจัดหาระบบเตือนภัยและรายงาน คชรน. และการรวมการจัดการข่าวสาร เส้นทางการส่งรายงาน
นชค. และในบทที่ ๔ อธิบายการปฏิบัติในสภาพแวดล้อมของกองทัพบกไทย โดยกล่าวถึงความ
จ�ำเป็นในปัจจุบนั และแนวการปฏิบตั เิ พิม่ เชือ่ มโยงหรือประยุกต์ใช้ในการเผชิญเหตุได้ทกุ สถานการณ์
คู่มือราชการสนามเล่มนี้ ได้น�ำ FM 3-1-3 ของสหรัฐฯ มาแปลและเรียบเรียงเพื่อให้ก�ำลัง
พลในกองทัพบกได้ศึกษาและเข้าใจหลักสากลนิยม ประกอบกับเอกสารวิชาการการหลีกเลี่ยงการ
เปื้อนพิษ ที่ใช้ประกอบการศึกษาใน รร.วศ.ทบ. มาปรับและพัฒนาให้เหมาะสม เพื่อใช้เป็นหลักใน
การปฏิบัติ และประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์
ก�ำลังพลหรือหน่วยทีน่ ำ� คูม่ อื ราชการสนามเล่มนีไ้ ปใช้ในการฝึก ศึกษาแล้ว หากมีขอ้ คิดเห็น
หรือมีความประสงค์จะเสนอแนะเพือ่ การแก้ไข ปรับปรุงให้มคี วามเหมาะสมยิง่ ขึน้ โปรดแนะน�ำมาที่
กองวิทยาการ กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ถนนพหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
๑๐๙๐๐ โทร. ๐-๒๕๗๙-๙๕๑๘ โทรทหาร ๙๙๘๕๖
สารบัญ
หน้า
บทที่ ๑ กล่าวทั่วไป................................................................................................ ๑
ความเป็นมา..................................................................................................... ๑
การตรวจจับ, การกำ�หนดรูปแบบของอันตราย, การป้องกันและการดำ�รงสภาพ
การรบ.............................................................................................................. ๑
พื้นฐานและหลักการ......................................................................................... ๓
การลดความล่อแหลม....................................................................................... ๗
การจัดการสงคราม คชรน................................................................................ ๘
การดำ�เนินการป้องกัน คชรน........................................................................... ๑๑
ปฏิบัติการทางเคมี, ชีวะ, รังสีและนิวเคลียร์.................................................... ๑๒
บทที่ ๒ การพัฒนาภาพการปฏิบัติการร่วมทาง คชรน. .......................................... ๑๙
กล่าวนำ�............................................................................................................ ๑๙
ภารกิจภาพการปฏิบัติการร่วมทาง คชรน........................................................ ๑๙
การจัดการข่าวสาร คชรน................................................................................ ๒๐
ยุทธศาสตร์การกระจายข่าวสาร คชรน............................................................ ๒๓
การจัดการภาพการปฏิบัติการร่วม................................................................... ๒๕
บทที่ ๓ ระบบการเตือนภัยและรายงาน คชรน........................................................ ๒๗
ความเป็นมา..................................................................................................... ๒๗
ระบบการเตือนภัยและการรายงาน คชรน....................................................... ๒๗
รูปแบบรายงาน................................................................................................ ๒๘
การจัดการระบบการเตือนภัยและการรายงาน คชรน...................................... ๓๓
ความรับผิดชอบของหน่วยต่าง ๆ ต่อข่าวสาร คชรน........................................ ๓๖
การบันทึกที่ต้องระบุเสมอในรายงาน นชค. .................................................... ๓๗
การกำ�หนดชั้นความลับและกำ�หนดความเร่งด่วน๔������������������������������������������� ๔๐
เครื่องมือสนับสนุนการตกลงใจ........................................................................ ๔๐
ขีดความสามารถการเข้าถึงข้อมูลทางเทคนิค................................................... ๔๐
บทที่ ๔ การปฏิบัติในสภาพแวดล้อมของกองทัพบกไทย......................................... ๔๒
ความจำ�เป็นในปัจจุบัน.................................................................................... ๔๒
แนวการปฏิบัติ........................................................................................... ๔๒
บทสรุปและข้อคิดเห็นของผู้พัฒนา.................................................................. ๔๓
ผนวก ก ตัวอย่างรายการตรวจสอบการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน..................... ๔๔
ความเป็นมา..................................................................................................... ๔๔
รายการตรวจสอบก่อนการโจมตี คชรน. ......................................................... ๔๔
รายการตรวจสอบระหว่างถูกโจมตี คชรน........................................................ ๔๖
รายการตรวจสอบหลังการถูกโจมตีทาง คชรน................................................. ๔๗
รายการตรวจสอบการฟื้นฟูหลังการโจมตีทาง คชรน....................................... ๔๙
ผนวก ข ศูนย์ คชรน.และส่วนปฏิบัติการ.................................................................. ๕๑
ความเป็นมา..................................................................................................... ๕๑
ความรับผิดชอบ............................................................................................... ๕๑
การทำ�สำ�เนา๕��������������������������������������������������������������������������������������������������� ๕๖
ความสัมพันธ์ของรายงาน นชค........................................................................ ๕๖
ผนวก ค การจัดการอันตรายจากการได้รับรังสี........................................................ ๕๘
กล่าวนำ�............................................................................................................ ๕๘
การจัดการข่าวสาร – เกณฑ์การรับรังสี........................................................... ๕๙
การควบคุมการได้รับรังสีและนิวเคลียร์........................................................... ๕๙
การได้รับรังสี. .................................................................................................. ๖๔
สารรังสีที่มีความสำ�คัญทางทหาร..................................................................... ๗๕
ผนวก ง อิทธิพลของสภาพอากาศต่อสาร นชค.และรายงานอุตุนิยมวิทยา............... ๘๐
กล่าวทั่วไป....................................................................................................... ๘๐
อิทธิพลของสภาพอากาศต่อสาร คชรน............................................................ ๘๐
ภาพรวมการรายงานอุตุนิยมวิทยา................................................................... ๘๙
รายงานลมพื้นฐาน............................................................................................ ๑๐๓
รายงานทิศทางลม............................................................................................ ๑๑๒
รายงานพยากรณ์อากาศอันตรายตามลมจากสารเคมี...................................... ๑๑๗
ผนวก จ ยุทธวิธี เทคนิคและวิธีการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษสารเคมี.......................... ๑๒๓
กล่าวนำ�............................................................................................................ ๑๒๓
วิธีปฏิบัติการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษสารเคมี. .................................................. ๑๒๓
รายงาน นชค.๑ เคมี........................................................................................ ๑๒๕
รายงาน นชค.๒ เคมี........................................................................................ ๑๒๗
รายงาน นชค.๓ เคมี........................................................................................ ๑๒๘
รายงาน นชค.๔ เคมี........................................................................................ ๑๖๑
รายงาน นชค.๕ เคมี........................................................................................ ๑๖๓
รายงาน นชค.๖ เคมี........................................................................................ ๑๖๔
ผนวก ฉ ยุทธวิธี เทคนิคและวิธีการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษสารชีวะ.......................... ๑๖๕
กล่าวนำ�............................................................................................................ ๑๖๕
วิธีแพร่กระจายสารชีวะ.................................................................................... ๑๖๕
วิธีการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ.......................................................................... ๑๖๗
การรายงาน การพยากรณ์ และการหมายจุดการเปื้อนพิษทางชีวะ................. ๑๗๑
รายงาน นชค.๑ ชีวะ........................................................................................ ๑๗๑
รายงาน นชค.๒ ชีวะ........................................................................................ ๑๗๓
รายงาน นชค.๓ ชีวะ........................................................................................ ๑๗๔
รายงาน นชค.๔ ชีวะ........................................................................................ ๑๙๒
รายงาน นชค.๕ ชีวะ........................................................................................ ๑๙๓
รายงาน นชค.๖ ชีวะ........................................................................................ ๑๙๓
ผนวก ช ยุทธวิธี เทคนิคและวิธีการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษนิวเคลียร์....................... ๑๙๔
ภูมิหลัง............................................................................................................. ๑๙๔
วิธีการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษรังสีนิวเคลียร์..................................................... ๑๙๕
การจัดการข่าวสารนิวเคลียร์............................................................................ ๒๐๐
รายงาน นชค.๑ นิวเคลียร์............................................................................... ๒๐๕
รายงาน นชค.๒ นิวเคลียร์............................................................................... ๒๑๐
วิธีการคำ�นวณรายงาน นชค.๓ นิวเคลียร์........................................................ ๒๒๑
รายงาน นชค.๓ นิวเคลียร์............................................................................... ๒๔๘
รายงาน นชค.๔ นิวเคลียร์............................................................................... ๒๕๖
การประเมินข้อมูลอัตรารังสี............................................................................. ๒๖๖
รายงาน นชค.๕ นิวเคลียร์............................................................................... ๒๗๑
รายงาน นชค.๖ นิวเคลียร์............................................................................... ๒๙๘
ผนวก ซ ยุทธวิธี เทคนิคและวิธีการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ ROTA*......................... ๓๐๐
กล่าวนำ�............................................................................................................ ๓๐๐
วิธีการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ ROTA............................................................ ๓๐๑
การจัดการข่าวสาร ROTA........................................................................... ๓๐๔
รายงาน นชค.1 ROTA................................................................................ ๓๐๕
รายงาน นชค.2 ROTA................................................................................ ๓๐๗
รายงาน นชค.3 ROTA..................................................................................... ๓๐๘
รายงาน นชค.4 ROTA................................................................................ ๓๒๑
รายงาน นชค.5 ROTA................................................................................ ๓๒๒
รายงาน นชค.6 ROTA................................................................................ ๓๒๔
ผนวก ด โนโมแกรม, ตารางและกราฟ..................................................................... ๓๒๖
ผนวก ต การคำ�นวณ................................................................................................ ๓๙๐
ผนวก ถ แบบฟอร์มรายงาน..................................................................................... ๓๙๓
อภิธานศัพท์.............................................................................................................. ๔๑๕
บรรณานุกรม............................................................................................................. ๔๓๖
ดรรชนี . ................................................................................................................ ๔๓๗
ลำ�ดับภาพ
๑-๑ ส่วนปฏิบัติการ คชรน....................................................................................... ๒
๑-๒ พื้นฐานการป้องกัน คชรน................................................................................ ๔
๑-๓ การจัดการข่าวสาร คชรน................................................................................ ๑๐
๒-๑ วงรอบการจัดการข่าวสาร คชรน. ................................................................... ๒๑
๓-๑ เส้นทางเดินของรายงาน นชค.......................................................................... ๓๕
ค-๑ ขั้นตอนการแสวงหาข้อตกลงใจเกี่ยวกับ LLR................................................... ๖๒
ง-๑ ตัวอย่างการหมายจุดทิศทางลม....................................................................... ๑๐๙
ง-๒ แผ่นคำ�นวณข่าวสารทิศทางลม (2KT).............................................................. ๑๑๓
ง-๓ หมายจุดเส้นทิศทางลมของเมฆนิวเคลียร์และลำ�ดอกเห็ด (2KT)...................... ๑๑๔
ง-๔ ความคงตัวของอากาศกองทัพเรือ.................................................................... ๑๒๒
จ-๑ ตัวอย่างรายงาน นชค.๑ เคมี........................................................................... ๑๒๖
จ-๒ ตัวอย่างรายงาน นชค.๒ เคมี........................................................................... ๑๒๗
จ-๓ ตัวอย่างรายงาน นชค.๓ เคมี........................................................................... ๑๒๘
จ-๔ แผ่นพยากรณ์พื้นที่อันตรายตามลมอย่างง่าย ประเภท A................................. ๑๓๔
จ-๕ พื้นที่อันตรายตามลมจากการโจมตี ประเภท A กรณีที่ ๑
(ความเร็วลม ≤ ๑๐ กม./ชม.).......................................................................... ๑๓๖
จ-๖ พื้นที่อันตรายตามลมจากการโจมตี ประเภท A กรณีที่ ๒
(ความเร็วลม > ๑๐ กม./ชม.).......................................................................... ๑๓๘
จ-๗ พื้นที่อันตรายตามลมจากการโจมตี ประเภท B กรณีที่ ๑
(ความเร็วลม ≤ ๑๐ กม./ชม.).......................................................................... ๑๔๑
จ-๘ พื้นที่อันตรายตามลมจากการโจมตี ประเภท B กรณีที่ ๒
(รัศมีพื้นที่โจมตี ≤ ๑ กม. ความเร็วลม >๑๐ กม./ชม.).................................... ๑๔๒
จ-๙ พื้นที่อันตรายตามลมจากการโจมตี ประเภท B กรณีที่ ๓
(รัศมีของพื้นที่โจมตี > ๑ กม.แต่ ≤ ๒ กม., ความเร็วลม ≤ ๑๐ กม./ชม.)....... ๑๔๔
จ-๑๐ พื้นที่อันตรายตามลมจากการโจมตี ประเภท B กรณีที่ ๔
(รัศมีพน้ื ทีโ่ จมตีระยะทาง > ๑ กม.แต่ ≤ ๒ กม. ความเร็วลม > ๑๐ กม./ชม.)...... ๑๔๕
จ-๑๑ พื้นที่อันตรายตามลมจากการโจมตี ประเภท B กรณีที่ ๕
(รัศมีพื้นที่ถูกโจมตี > ๒ กม. ความเร็วลม ≤ ๑๐ กม./ชม.).............................. ๑๔๗
จ-๑๒ พื้นที่อันตรายตามลมจากการโจมตี ประเภท B กรณีที่ ๖
(รัศมีพื้นที่โจมตี > ๒ กม. ความเร็วลม > ๑๐ กม./ชม.)................................... ๑๔๘
จ-๑๓ พื้นที่อันตรายตามลมจากการโจมตี ประเภท C................................................ ๑๕๐
จ-๑๔ การคำ�นวณพื้นที่อันตรายตามลม จากการโจมตีประเภท A เมื่อความเร็วลม
เปลี่ยนจาก≤๑๐ กม./ชม.ไปเป็น > ๑๐ กม./ชม. ........................................... ๑๕๔
จ-๑๕ การคำ�นวณพื้นที่อันตรายตามลม จากการโจมตีประเภท A เมื่อความเร็วลม
เปลี่ยนจาก > ๑๐ กม./ชม.ไปเป็น ≤๑๐ กม./ชม. (ตัวอย่าง ๑)...................... ๑๕๕
จ-๑๖ การคำ�นวณพื้นที่อันตรายตามลม จากการโจมตีประเภท A เมื่อความเร็วลม
เปลี่ยนจาก >๑๐ กม./ชม.ไปเป็น ≤๑๐ กม./ชม. (ตัวอย่าง ๒)........................ ๑๕๕
จ-๑๗ การคำ�นวณพื้นที่อันตรายตามลม จากการโจมตีประเภท A เมื่อความเร็วลม
เปลี่ยนจาก >๑๐ กม./ชม.ไปเป็น ≤๑๐ กม./ชม. (ตัวอย่าง ๓)........................ ๑๕๖
จ-๑๘ การคำ�นวณพื้นที่อันตรายตามลม จากการโจมตีประเภท A กรณีที่ ๒
(เปลี่ยนแปลงทิศทางลม ≥ ๓๐°)...................................................................... ๑๕๗
จ-๑๙ การคำ�นวณพื้นที่อันตรายตามลมใหม่ จากการโจมตีประเภท A กรณีที่ ๒
(เปลีย่ นแปลงลำ�ดับขัน้ ความคงตัวของอากาศ และ/หรือความเร็วตามลม) ........ ๑๕๘
จ-๒๐ การคำ�นวณพื้นที่อันตรายตามลมใหม่ จากการโจมตีประเภท B กรณีที่ ๖
(เปลี่ยนแปลงทิศทางลม) ................................................................................ ๑๖๐
จ-๒๑ ตัวอย่างรายงาน นชค. ๔ เคมี.......................................................................... ๑๖๒
จ-๒๒ ตัวอย่างรายงาน นชค. ๕ เคมี.......................................................................... ๑๖๓
จ-๒๓ ตัวอย่างรายงาน นชค. ๖ เคมี.............................................................................. ๑๖๔
ฉ-๑ ตัวอย่างรายงาน นชค.๑ ชีวะ........................................................................... ๑๗๒
ฉ-๒ ตัวอย่างรายงาน นชค.๒ ชีวะ........................................................................... ๑๗๓
ฉ-๓ ตัวอย่างรายงาน นชค.๓ ชีวะ........................................................................... ๑๗๔
ฉ-๔ ประเภท P กรณีที่ ๑........................................................................................ ๑๘๐
ฉ-๕ ประเภท P กรณีที่ ๒........................................................................................ ๑๘๑
ฉ-๖ ประเภท Q กรณีที่ ๑........................................................................................ ๑๘๓
ฉ-๗ ประเภท Q กรณีที่ ๒........................................................................................ ๑๘๔
ฉ-๘ ประเภท R กรณีที่ ๑........................................................................................ ๑๘๕
ฉ-๙ ประเภท R กรณีที่ ๒........................................................................................ ๑๘๖
ฉ-๑๐ ประเภท S กรณีที่ ๑ และ ๒............................................................................ ๑๘๘
ฉ-๑๑ ประเภท Q กรณีที่ ๒ การโจมตีด้วยความเร็วลมคงที่...................................... ๑๘๙
ฉ-๑๒ ประเภท Q กรณีที่ ๒........................................................................................ ๑๘๙
ฉ-๑๓ ตัวอย่างรายงาน นชค.๔ ชีวะ........................................................................... ๑๙๒
ฉ-๑๔ ตัวอย่างรายงาน นชค.๕ ชีวะ........................................................................... ๑๙๓
ช-๑ กล้องวัดมุมที่เหมาะสมที่สุดสำ�หรับวัดมุมภาพที่เห็น....................................... ๒๐๒
ช-๒ การขยายตัวของเมฆนิวเคลียร์......................................................................... ๒๐๔
ช-๓ ตัวอย่างรายงาน นชค.๑ นิวเคลียร์.................................................................. ๒๐๖
ช-๔ ความกว้างของเมฆนิวเคลียร์............................................................................ ๒๐๘
ช-๕ มุมยอดเมฆและมุมฐานเมฆนิวเคลียร์ที่เสถียรและการวัดความสูง................... ๒๐๙
ช-๖ รายงาน นชค.๒ นิวเคลียร์............................................................................... ๒๑๑
ช-๗ วิธีลากเส้นหาจุดตัด......................................................................................... ๒๑๓
ช-๘ ตัวอย่างการประมาณขนาดอาวุธจากความกว้างของเมฆนิวเคลียร์และเวลา
แสง-ถึง-เสียง/ระยะทางจากศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้น .............................. ๒๑๕
ช-๙ ตัวอย่างค่าต่าง ๆ เกี่ยวกับเมฆนิวเคลียร์ที่เสถียรและลำ�ดอกเห็ด – ตัวอย่าง
จากความสูงของยอดเมฆและฐานเมฆ.............................................................. ๒๑๖
ช-๑๐ ตัวอย่างการประมาณขนาดอาวุธจากมุมยอดเมฆ/มุมฐานเมฆและเวลา
แสง-ถึง-เสียง/ระยะทางจากถึง GZ ................................................................ ๒๑๙
ช-๑๑ แผ่นคำ�นวณขนาดอาวุธ เอ็ม ๔ เอ ๑............................................................... ๒๒๐
ช-๑๒ ตัวอย่างการพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสีจากการระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์
หลายลูกอย่างละเอียด...................................................................................... ๒๒๔
ช-๑๓ ภาพแผ่นพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสีอย่างง่าย.................................... ๒๒๖
ช-๑๔ ตัวอย่างภาพแผ่นพยากรณ์พื้นที่เปื้อนพิษฝุ่นกัมมันตรังสีอย่างง่าย
แบบ เอ็ม ๕ เอ ๒............................................................................................. ๒๒๗
ช-๑๕ แผ่นคำ�นวณข่าวสารทิศทาง............................................................................. ๒๒๙
ช-๑๖ ตัวอย่างการกำ�หนดระยะทางใต้ลมเขต I.......................................................... ๒๓๔
ช-๑๗ ตัวอย่างภาพแผ่นพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสีบนเรือ.......................... ๒๓๕
ช-๑๘ ภาพแผ่นพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสีบนเรือ....................................... ๒๓๗
ช-๑๙ ตัวอย่างการเขียนทิศทางลมโดยใช้เส้นรัศมีเมฆและลำ�ดอกเห็ด
(อาวุธขนาด ๕๐ กิโลตัน) ................................................................................ ๒๓๙
ช-๒๐ ตัวอย่างแผ่นคำ�นวณสำ�หรับการพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสี
อย่างละเอียด.................................................................................................... ๒๔๑
ช-๒๑ ตัวอย่างค่าต่าง ๆ เกี่ยวกับเมฆนิวเคลียร์ที่เสถียรและลำ�ดอกเห็ดสำ�หรับ
การพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสีอย่างละเอียด...................................... ๒๔๒
ช-๒๒ ตัวอย่างการหาระยะทางใต้ลมเขต I................................................................. ๒๔๔
ช-๒๓ ตัวอย่างปัจจัยปรับค่า FY/TY........................................................................... ๒๔๕
ช-๒๔ ตัวอย่างปัจจัยปรับค่าความสูงของการระเบิด (HOB) (กิโลตัน)........................ ๒๔๖
ช-๒๕ ตัวอย่างปัจจัยปรับค่าความสูงของการระเบิด (HOB) (เมกะตัน)...................... ๒๔๗
ช-๒๖ ตัวอย่างรายงาน นชค.๓ นิวเคลียร์.................................................................. ๒๔๙
ช-๒๗ การพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสีอย่างละเอียด...................................... ๒๕๒
ช-๒๘ ตัวอย่างการพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสีอย่างละเอียด เมื่อความเร็วลม
ต�่ำกว่า ๘ กม./ชม. .......................................................................................... ๒๕๓
ช-๒๙ ตัวอย่างภาพแผ่นพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสีบนเรือ.......................... ๒๕๗
ช-๓๐ ตัวอย่างรายงาน นชค.๔ นิวเคลียร์.................................................................. ๒๕๙
ช-๓๑ ตัวอย่างรายงาน นชค.๔ นิวเคลียร์.................................................................. ๒๖๔
ช-๓๒ ตัวอย่างรายงาน นชค.๕ นิวเคลียร์.................................................................. ๒๗๒
ช-๓๓ ตัวอย่างการวาดรูปแบบการตกของฝุน่ กัมมันตรังสีจากข้อมูลการสำ�รวจรังสี...... ๒๗๔
ช-๓๔ ตัวอย่างแผ่นบริวารการเปื้อนพิษ นชค.๕ นิวเคลียร์........................................ ๒๗๕
ช-๓๕ ตัวอย่างการหาค่าอัตรารังสี ณ เวลาใด ๆ......................................................... ๒๗๙
ช-๓๖ ตัวอย่างปริมาณรังสีทั้งสิ้นจากฝุ่นกัมมันตรังสี (n=1.2).................................... ๒๘๔
ช-๓๗ ตัวอย่างปัจจัยตัวคูณ (MF)............................................................................... ๒๘๗
ช-๓๘ โนโมแกรมของเคลเลอร์สำ�หรับใช้หาพื้นที่เปื้อนพิษรังสีนิวตรอนเหนี่ยวนำ�
จากอาวุธนิวเคลียร์ขนาด ๑๐ ถึง ๑๐๐ กิโลตัน............................................... ๒๘๙
ช-๓๙ โนโมแกรมของเคลเลอร์สำ�หรับใช้หาพื้นที่เปื้อนพิษรังสีนิวตรอนเหนี่ยวนำ�
จากอาวุธนิวเคลียร์ขนาด ๐.๑ ถึง ๑๐ กิโลตัน................................................ ๒๙๐
ช-๔๐ ตัวอย่างการเขียนภาพพื้นที่เปื้อนพิษรังสีนิวตรอนเหนี่ยวนำ�............................ ๒๙๑
ช-๔๑ ตัวอย่างปริมาณรังสีทง้ั สิน้ ทีจ่ ะได้รบั ในพืน้ ทีเ่ ปือ้ นพิษรังสีนวิ ตรอนเหนีย่ วนำ�....... ๒๙๗
ช-๔๒ ตัวอย่างรายงาน นชค.๖ นิวเคลียร์.................................................................. ๒๙๙
ซ-๑ ตัวอย่างรายงาน นชค.1 ROTA........................................................................ ๓๐๖
ซ-๒ ตัวอย่างรายงาน นชค.2 ROTA........................................................................ ๓๐๘
ซ-๓ ตัวอย่างรายงาน นชค.3 ROTA........................................................................ ๓๐๙
ซ-๔ ตัวอย่างแผนผังการตัดสินใจสำ�หรับการปล่อยกระจายสารที่มิใช่เกิดจาก
การโจมตี.......................................................................................................... ๓๑๕
ซ-๕ ประเภท T กรณีที่ ๔ : การหกกระจายของเมทิลไอโซไซยาเนต (UN/NAID#2480)
จำ�นวนเล็กน้อยในเวลากลางคืน....................................................................... ๓๑๘
ซ-๖ ประเภท T กรณีที่ ๕........................................................................................ ๓๒๐
ซ-๗ ประเภท T กรณีที่ ๔ จรวดบรรจุสาร GB ที่สะสมไว้เกิดไฟไหม้ในเวลากลางวัน
. ....................................................................................................................... ๓๒๐
ซ-๘ ตัวอย่างรายงาน นชค.4 ROTA........................................................................ ๓๒๒
ซ-๙ ตัวอย่างรายงาน นชค.5 ROTA........................................................................ ๓๒๓
ซ-๑๐ ตัวอย่างรายงาน นชค.6 ROTA........................................................................ ๓๒๕
ด-๑ มาตราส่วนแผนที่............................................................................................. ๓๓๗
ด-๒ แฮร์ไลน์. .......................................................................................................... ๓๓๘
ด-๓ โนโมแกรมสำ�หรับหาค่าเกี่ยวกับเมฆกัมมันตรังสี และค่าต่าง ๆ
เกี่ยวกับดอกเห็ด (เสถียรเมื่อ H+10 นาที)...................................................... ๓๓๙
ด-๔ กราฟของเมฆกัมมันตรังสีและตัวแปรเกี่ยวกับลำ�ดอกเห็ด............................... ๓๔๐
ด-๕ ค่าของระยะปลอดภัยขึ้นอยู่กับขนาดของอาวุธนิวเคลียร์................................ ๓๔๐
ด-๖ การประมาณขนาดอาวุธจากความกว้างของเมฆนิวเคลียร์และ
เวลาแสง-ถึง-เสียง/ระยะทางถึงจุดศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้น .................... ๓๔๑
ด-๗ การประมาณขนาดอาวุธจากมุมยอดเมฆ/ฐานเมฆและเวลาแสง-ถึง-เสียง/
ระยะทางถึงจุดศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้น. .................................................. ๓๔๒
ด-๘ การหาระยะทางใต้ลมเขต I.............................................................................. ๓๔๓
ด-๙ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=0.2)........................................ ๓๔๔
ด-๑๐ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=0.3)........................................ ๓๔๕
ด-๑๑ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=0.4)........................................ ๓๔๖
ด-๑๒ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=0.5)........................................ ๓๔๗
ด-๑๓ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=0.6)........................................ ๓๔๘
ด-๑๔ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=0.7)........................................ ๓๔๙
ด-๑๕ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=0.8)........................................ ๓๕๐
ด-๑๖ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=0.9)........................................ ๓๕๑
ด-๑๗ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=1.0)........................................ ๓๕๒
ด-๑๘ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=1.1)........................................ ๓๕๓
ด-๑๙ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=1.2)........................................ ๓๕๔
ด-๒๐ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=1.3)........................................ ๓๕๕
ด-๒๑ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=1.4)........................................ ๓๕๖
ด-๒๒ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=1.5)........................................ ๓๕๗
ด-๒๓ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=1.6)........................................ ๓๕๘
ด-๒๔ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=1.7)........................................ ๓๕๙
ด-๒๕ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=1.8)........................................ ๓๖๐
ด-๒๖ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n= 1.9)....................................... ๓๖๑
ด-๒๗ โนโมแกรมการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสี (n=2.0)........................................ ๓๖๒
ด-๒๘ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=0.2)............................ ๓๖๓
ด-๒๙ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=0.3)............................ ๓๖๔
ด-๓๐ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=0.4)............................ ๓๖๕
ด-๓๑ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=0.5)............................ ๓๖๖
ด-๓๒ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=0.6)............................ ๓๖๗
ด-๓๓ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=0.7)............................ ๓๖๘
ด-๓๔ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=0.8)............................ ๓๖๙
ด-๓๕ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=0.9)............................ ๓๗๐
ด-๓๖ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=1.0)............................ ๓๗๑
ด-๓๗ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=1.1)............................ ๓๗๒
ด-๓๘ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=1.2)............................ ๓๗๓
ด-๓๙ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=1.3)............................ ๓๗๔
ด-๔๐ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=1.4)............................ ๓๗๕
ด-๔๑ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=1.5)............................ ๓๗๖
ด-๔๒ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=1.6)............................ ๓๗๗
ด-๔๓ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=1.7)............................ ๓๗๘
ด-๔๔ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=1.8)............................ ๓๗๙
ด-๔๕ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=1.9)............................ ๓๘๐
ด-๔๖ โนโมแกรมปริมาณรังสีทั้งสิ้น (จากฝุ่นกัมมันตรังสี) (n=2.0)............................ ๓๘๑
ด-๔๗ การหาปัจจัยอัตรารังสีเป็นค่า ณ เวลามาตรฐาน (H+1) ด้วยวิธีกราฟ............. ๓๘๒
ด-๔๘ การหาปัจจัยอัตรารังสีเป็นค่า ณ เวลามาตรฐาน (H+48) ด้วยวิธีกราฟ........... ๓๘๓
ด-๔๙ ปัจจัยตัวคูณ..................................................................................................... ๓๘๔
ด-๕๐ การสลายตัวของรังสีชักนำ� (ดินประเภทที่ I).................................................... ๓๘๕
ด-๕๑ การสลายตัวของรังสีชักนำ� (ดินประเภทที่ II).................................................... ๓๘๖
ด-๕๒ การสลายตัวของรังสีชักนำ� (ดินประเภทที่ III)................................................... ๓๘๗
ด-๕๓ การสลายตัวของรังสีชักนำ� (ดินประเภทที่ IV).................................................. ๓๘๘
ด-๕๔ โนโมแกรมปริมาณรังสีชักนำ�ทั้งสิ้นที่ได้รับในพื้นที่แผ่รังสีชักนำ�ลำ�ดับตาราง
. ....................................................................................................................... ๓๘๙
๓-๑ ความหมายของรหัสอักษร................................................................................ ๓๒
๓-๒ ชนิดของสาร..................................................................................................... ๓๘
๓-๓ ชื่อสาร.............................................................................................................. ๓๙
ก-๑ ตัวอย่างรายการตรวจสอบก่อนการโจมตี คชรน. ............................................ ๔๔
ก-๒ ตัวอย่างรายการตรวจสอบระหว่างถูกโจมตี คชรน. ........................................ ๔๖
ก-๓ ตัวอย่างรายการตรวจสอบหลังการถูกโจมตีทาง คชรน. ................................. ๔๗
ก-๔ ตัวอย่างรายการตรวจสอบการฟื้นฟูหลังการโจมตีทาง คชรน. ....................... ๔๙
ค-๑ ความเข้มของรังสีที่คาดว่าจะได้รับภายหลังการโจมตีทางนิวเคลียร์ (cGy/hr)
. ....................................................................................................................... ๖๕
ค-๒ ผลจากอาวุธนิวเคลียร์ ตามระยะห่างจาก GZ ................................................ ๖๖
ค-๓ การบาดเจ็บทางรังสีและผลจากการได้รับรังสีต่อบุคคล................................... ๖๗
ค-๔ สถานภาพการรับรังสีในการปฏิบัติการและเกณฑ์ความเสี่ยง........................... ๗๐
ค-๕ ผลทางกายภาพจากการได้รับรังสี๑.................................................................. ๗๑
ค-๖ ขีดจำ�กัดเกณฑ์การได้รับรังสีสำ�หรับผู้เผชิญเหตุฉุกเฉิน๗����������������������������������� ๗๕
ง-๑ อิทธิพลของสภาพอากาศต่อการกระจายของสารชีวะ...................................... ๘๔
ง-๒ อิทธิพลของสภาพอากาศต่อการกระจายของแอโรซอลสารเคมี....................... ๘๕
ง-๓ หัวข้อของข่าวทั่วไปสำ�หรับการรายงานอุตุนิยมวิทยา...................................... ๙๑
ง-๔ รายงานอุตุนิยมวิทยา นชค. ............................................................................ ๙๑
ง-๕ ระยะทางบนแผนที่สำ�หรับความเร็วลม (มาตราส่วน ๑ : ๕๐,๐๐๐)................ ๑๐๔
ง-๖ ระยะทางบนแผนที่สำ�หรับความเร็วลม (มาตราส่วน ๑ : ๑๐๐,๐๐๐)............. ๑๐๕
ง-๗ ระยะทางบนแผนที่สำ�หรับความเร็วลม (มาตราส่วน ๑ : ๒๕๐,๐๐๐)............. ๑๐๕
ง-๘ ระยะทางบนแผนที่สำ�หรับความเร็วลม (มาตราส่วน ๑ : ๕๐,๐๐๐)................ ๑๐๖
ง-๙ ระยะทางบนแผนที่สำ�หรับความเร็วลม (มาตราส่วน ๑ : ๑๐๐,๐๐๐)............. ๑๐๖
ง-๑๐ ระยะทางบนแผนที่สำ�หรับความเร็วลม (มาตราส่วน ๑ : ๒๕๐,๐๐๐)............. ๑๐๗
ง-๑๑ ค่าน�้ำหนัก........................................................................................................ ๑๑๐
ง-๑๒ ความยาวเส้นทิศทางลม................................................................................... ๑๑๑
ง-๑๓ แผนภูมิประเภทความคงตัวของอากาศ .......................................................... ๑๑๙
ง-๑๔ แผนภูมิการปรับประเภทความคงตัวของอากาศ.............................................. ๑๒๑
จ-๑ ประเภทและกรณีของการโจมตีเคมี................................................................. ๑๓๑
จ-๒ ค่าระยะทางอันตรายตามลม (DHD) เปรียบเทียบกับความเร็วลม (กม./ชม.)
และความคงตัวของอากาศ ............................................................................. ๑๓๔
จ-๓ พื้นที่อันตรายตามลม ประเภท A กรณีที่ ๒ .................................................... ๑๓๕
จ-๔ เวลาเป็นไปได้ที่กำ�ลังพลอาจถอดหน้ากากป้องกันออกได้อย่างปลอดภัย
หลังการเปื้อนพิษบนพื้นผิวเมื่อถูกโจมตี ประเภท B ....................................... ๑๔๐
จ-๕ แสดงประเภทและกรณีของการโจมตีทอ่ี าจได้รบั ผลกระทบจากการเปลีย่ นแปลง
สภาพอากาศที่แตกต่างกัน............................................................................... ๑๕๑
ฉ-๑ ประเภทและกรณีของการโจมตี....................................................................... ๑๗๖
ช-๑ กลุ่มขนาดอาวุธที่เลือกไว้................................................................................. ๒๒๘
ช-๒ ความหนาครึ่ง (x ½) ของวัตถุ......................................................................... ๒๖๐
ช-๓ ค่า TF และ CF................................................................................................. ๒๖๑
ช-๔ รัศมีของการเปื้อนพิษรังสีนิวตรอนเหนี่ยวนำ�................................................... ๒๘๘
ช-๕ ประเภทของดินสำ�หรับการคำ�นวณรังสีนิวตรอนเหนี่ยวนำ�๙����������������������������� ๒๙๒
ช-๖ ค่าปัจจัยส่งผ่าน (TF) ของสิ่งปลูกสร้างทั่วไป.................................................... ๒๙๓
ซ-๑ ประเภทและกรณีของ ROTA........................................................................... ๓๑๓
ด-๑ ระยะทางบนแผนที่เป็น ซม. มาตราส่วนแผนที่ ๑ : ๕๐,๐๐๐
ความเร็วลมเป็น กม./ชม.................................................................................. ๓๒๖
ด-๒ ระยะทางบนแผนที่เป็น ซม. มาตราส่วนแผนที่ ๑ : ๕๐,๐๐๐
ความเร็วลมเป็นนอต........................................................................................ ๓๒๖
ด-๓ ระยะทางบนแผนที่เป็น ซม. มาตราส่วนแผนที่ ๑ : ๑๐๐,๐๐๐
ความเร็วลมเป็น กม./ชม. ............................................................................... ๓๒๗
ด-๔ ระยะทางบนแผนที่เป็น ซม. มาตราส่วนแผนที่ ๑ : ๑๐๐,๐๐๐
ความเร็วลมเป็นนอต ...................................................................................... ๓๒๗
ด-๕ ระยะทางบนแผนที่เป็น ซม. มาตราส่วนแผนที่ ๑ : ๒๕๐,๐๐๐
ความเร็วลมเป็น กม./ชม. ............................................................................... ๓๒๘
ด-๖ ระยะทางบนแผนที่เป็น ซม. มาตราส่วนแผนที่ ๑ : ๒๕๐,๐๐๐
ความเร็วลมเป็นนอต ...................................................................................... ๓๒๘
ด-๗ ตารางแปลงค่าองศาเป็นมิลเลียม..................................................................... ๓๒๙
ด-๘ ตารางแปลงค่าและปัจจัยแปลงค่าระยะทาง.................................................... ๓๓๐
ด-๙ ค่า TF/PF......................................................................................................... ๓๓๑
ด-๑๐ ปัจจัยปรับอัตรารังสี (เป็นค่า ณ เวลา H +1 ชม.)............................................ ๓๓๒
ด-๑๑ การกำ�หนดประเภทความคงตัวของอากาศ...................................................... ๓๓๓
ด-๑๒ การปรับประเภทความคงตัวของอากาศ........................................................... ๓๓๔
ด-๑๓ เมฆกัมมันตรังสีและค่าต่าง ๆ เกี่ยวกับลำ�ดอกเห็ด
(เสถียรเมื่อ H+10 นาที).................................................................................. ๓๓๕
บทที่ ๑
กล่าวทั่วไป
๑. ความเป็นมา
๑.๑ การป้องกันทีด่ ที สี่ ดุ ในสงคราม คชรน.คือ การใช้หลักพืน้ ฐานของการหลีกเลีย่ งการ
เปื้อนพิษ หลีกเลี่ยงอันตรายโดยการขัดขวางก่อนการปล่อยกระจายหรือท�ำการป้องกันเมื่อมีการ
ปล่อยกระจายสารในโอกาสแรก หรือการรู้ข่าวสารที่แท้จริงของวิธีการ สถานที่ และความรุนแรง
ของอันตรายจาก คชรน.ที่ปรากฏในพื้นที่ปฏิบัติการ (AO) และห้ามเข้าไปในพื้นที่เปื้อนพิษนั้น
เว้นกรณีจ�ำเป็นต้องปฏิบัติการทางทหารให้ประสบความส�ำเร็จ
๑.๒ การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษได้ส�ำเร็จจะท�ำให้ปฏิบัติการทางทหารด�ำเนินต่อไปได้
และลดเวลาที่ต้องสวมชุดเสื้อผ้าป้องกันที่ท�ำให้ปฏิบัติงานได้ไม่สะดวกและลดความต้องการการ
ท�ำลายล้างพิษให้เหลือน้อยที่สุด วิธีการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษที่ดีคือ การไม่ตัดผ่านพื้นที่เปื้อนพิษ
ใช้เส้นทางอ้อมแทน หรือค�ำนวณเวลาที่ดีที่สุดในการข้ามพื้นที่เปื้อนพิษโดยใช้วิธีการที่บรรยายใน
หนังสือเล่มนี้ การหลีกเลีย่ งการเปือ้ นพิษจ�ำเป็นต้องมีความสามารถในการจ�ำแนกการมีอยูห่ รือไม่มี
อันตรายจากอาวุธ คชรน.ทั้งในอากาศ, น�้ำ, พื้นดิน, บุคคล, ยุทธภัณฑ์และสิ่งอ�ำนวยความสะดวก
ทั้งในระยะใกล้และไกล
๑.๓ การเฝ้าตรวจและขีดความสามารถในการตรวจหา ท�ำให้ก�ำลังพลสามารถจ�ำแนก
อันตรายจากอาวุธ คชรน. การรวบรวมขีดความสามารถเหล่านี้ด้วยข่าวสารจากแหล่งที่มาอื่น ๆ
ท�ำให้ได้ภาพปฏิบัติการร่วมทั่วทุกด้าน ช่วยในการตัดสินใจส�ำหรับการหลีกเลี่ยง, การป้องกันและ
การท�ำลายล้างพิษโดยเฉพาะ
๑.๔ การเฝ้าระวังและการตรวจหา มีผลในการก�ำหนดมาตรการที่จ�ำเป็นส�ำหรับการ
หลีกเลี่ยงพื้นที่เปื้อนพิษ เช่น เสียงสัญญาณเตือนภัย, การท�ำเครื่องหมายพื้นที่เปื้อนพิษและการ
เตือนภัย เพื่อจะช่วยให้การตัดสินใจของผู้บังคับหน่วย ในการหามาตรการเสริม เพื่อที่จะหลีกเลี่ยง
หรือจ�ำกัดการเปื้อนพิษ เช่น เพิ่มที่ก�ำบังระหว่างสงคราม คชรน.และหาข่าวสารส�ำคัญส�ำหรับการ
เคลื่อนย้าย ก่อน ระหว่างและหลังการโจมตี คชรน.
๒. การตรวจจับ, การก�ำหนดรูปแบบของอันตราย, การป้องกันและการด�ำรงสภาพการรบ
(Sense, Shape, Shield and Sustain)
การป้องกัน คชรน. มี ๔ ส่วนปฏิบัติการ รูป ๑-๑ แสดงความสัมพันธ์ระหว่างกันของการ
ปฏิบัติการทั้ง ๔ ส่วน ซึ่งมีความสัมพันธ์ตามขอบเขตที่แตกต่างกัน และการก�ำหนดรูปแบบของ
อันตราย จะมีอิทธิพลมากที่สุดต่อส่วนปฏิบัติการอื่น ๆ
2 บทที่ ๑
ด�ำรงสภาพการรบ การป้องกัน
การก�ำหนดรูปแบบ
ของอันตรายทาง คชรน.
การตรวจจับ
ด�ำเนินการท�ำลายล้างพิษเพื่อฟื้นคืนอ�ำนาจ
การรบที่ลดลงจากการเปื้อนพิษของบุคคล
ยุทธภัณฑ์หรือพื้นที่ที่ส�ำคัญต่อภารกิจ
การป้องกัน คชรน.
การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ
การป้องกันการเปื้อนพิษ
การท�ำลายล้างพิษ
ใช้การป้องกันบุคคลและส่วนรวม
เพื่อรักษาอ�ำนาจการรบ
พยากรณ์และใช้เครื่องตรวจจับเพื่อ
หลีกเลี่ยงอันตรายก่อนการเปื้อน
พิษจะมีอิทธิพลต่อปฏิบัติการ
๓.๒ การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ
เพือ่ หลีกเลีย่ งหรือลดความเสียหายจากการถูกโจมตีดว้ ยอาวุธ คชรน.หรือลดความ
เสียหายจากการปนเปื้อนของวัตถุมีพิษอุตสาหกรรม มีทั้งมาตรการป้องกันเชิงรุกและเชิงรับในการ
หลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ มาตรการป้องกันเชิงรับประกอบด้วย การหลีกเลี่ยงการเป็นพื้นที่เป้าหมาย
และการถูกโจมตีโดยระบบอาวุธ มาตรการนีร้ วมถึงการรักษาความปลอดภัยทางการยุทธ์, การพราง
และการซ่อนพราง, การท�ำที่มั่นให้แข็งแกร่งขึ้นและการกระจายก�ำลังพลและยุทธภัณฑ์
การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ ประกอบด้วย ๔ ขั้นตอนดังนี้
๑. การใช้มาตรการป้องกันเชิงรับ
๒. การเตือนภัยและการรายงาน คชรน.หรือเหตุการณ์วัตถุมีพิษอุตสาหกรรม
๓. การค้นหา, พิสูจน์ทราบ, ติดตามและการพยากรณ์การเปื้อนพิษ คชรน.หรือ
อันตรายจากวัตถุมีพิษอุตสาหกรรม
๔. การจ�ำกัดการเปื้อนพิษ คชรน.หรืออันตรายจากวัตถุมีพิษอุตสาหกรรม
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 5
๓.๓ หลักการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ
การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษตามหลักนิยมที่ก�ำหนดไว้นั้นมีความสมบูรณ์ สามารถ
น�ำไปใช้ทกุ สถานการณ์และทุกระดับ ยุทธวิธี ส่วนเทคนิคและระเบียบปฏิบตั ขิ องการหลีกเลีย่ งการ
เปือ้ นพิษจะปรับเปลีย่ นตามภารกิจ, ชนิดของสารทีเ่ ผชิญและสภาพแวดล้อม เครือ่ งมือตรวจหาสาร
คชรน.ทางทหารจะไม่สามารถตรวจหาวัตถุมีพิษอุตสาหกรรมบางชนิดได้ ในพื้นที่ขนาดใหญ่และ
เป็นระบบที่ตั้งถาวร เช่น สนามบินและหน่วยเคลื่อนที่ การใช้ยุทธวิธี เทคนิคและระเบียบปฏิบัติ
ย่อมแตกต่างกัน ความช�ำนาญและขั้นตอนที่จ�ำเป็นในการเสริมมาตรการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ
มีดังนี้
๓.๓.๑ สิ่งบอกเหตุของการเปื้อนพิษ (Knowledge of potential hazards)
๓.๓.๒ การเตรียมพร้อมด้านข่าวกรองของพื้นที่การรบ (Intelligence prepara-
tion of the battle space)
๓.๓.๓ การวิเคราะห์ความล่อแหลม (Vulnerability analysis)
๓.๓.๔ การวิเคราะห์สถานการณ์เฝ้าระวัง (Situational awareness analysis)
สถานการณ์เฝ้าระวังนี้ขึ้นอยู่กับ ๓ หัวข้อดังกล่าวข้างต้นและข้อมูลข่าวสารจากพื้นที่เปื้อนพิษ
๓.๔ หน่วยที่ตั้งถาวรและหน่วยเคลื่อนที่
หน่วยและการปฏิบตั สิ ามารถจ�ำแนกโดยทัว่ ไปในลักษณะหน่วยทีต่ งั้ ถาวรและหน่วย
เคลือ่ นที่ เช่นเดียวกันการปนเปือ้ นในสนามรบจะมีทงั้ แบบเฉพาะพืน้ ที่ และแบบทีล่ มพัดพาไปท�ำให้
ปนเปื้อนเป็นวงกว้าง ปัจจุบัน standoff detection ยังมีความสามารถอยู่ในขีดจ�ำกัด การตรวจ
หาส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียง, ศูนย์กลางหรือหน่วย หน่วยที่มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับ
อันตรายมักจะได้รบั การเตือนจากหน่วยอืน่ ทีเ่ ปือ้ นพิษก่อนเป็นส่วนใหญ่ หน่วยเฉพาะกิจ (การลาด
ตระเวน คชรน., การตรวจหาสารชีวะ) จัดเตรียมข้อบ่งชี้ว่ามีการโจมตีผ่านทางระบบรายงานเตือน
ภัย คชรน.แต่ละหน่วยจัดหาข่าวสารด้าน คชรน. ซึ่งจะสอดคล้องกับประสิทธิภาพการตรวจหา
การรวมข้อมูลจากหลายแหล่งข่าวเพือ่ จัดเตรียมสถานการณ์การเฝ้าระวังการเปือ้ นพิษ คชรน.และผล
กระทบต่อแผนการรบให้แก่ผู้บังคับหน่วย
๓.๕ สิ่งบอกเหตุของการเปื้อนพิษ (Knowledge of Hazards) การหลีกเลี่ยงการเปื้อน
พิษเริ่มต้นด้วยการมีสิ่งบอกเหตุเกี่ยวกับสารพิษที่อาจจะต้องเผชิญ ซึ่งประกอบด้วยลักษณะทาง
กายภาพ, คุณลักษณะในภาคสนาม (field behavior) และเทคนิคในการใช้ การหลีกเลีย่ งการเปือ้ น
พิษต้องใช้ทักษะในการเตรียมพื้นที่การรบ การเข้าใจถึงการคุกคามของประสิทธิภาพ คชรน. และ
ระบบส่งอาวุธจะท�ำให้ผบู้ งั คับหน่วยสามารถใช้ยทุ โธปกรณ์ทจี่ ำ� เป็นในการปกป้องก�ำลังรบ เนือ่ งจาก
เครือ่ งตรวจหามีขอ้ จ�ำกัดของเทคนิคและการใช้งานจึงควรประสานงานกันและสร้างเครือข่ายตลอด
พื้นที่สนามรบ
6 บทที่ ๑
๓.๖.๕ การท�ำเครือ่ งหมาย (Marking) การท�ำเครือ่ งหมายพืน้ ทีเ่ ปือ้ นพิษเพือ่ เตือน
ฝ่ายเดียวกัน ให้หน่วยหรือชุดลาดตระเวน คชรน.ท�ำเครื่องหมายเปื้อนพิษทุกจุดทางเข้าพื้นที่ที่เป็น
ไปได้และรายงานการเปื้อนพิษไปยังกองบัญชาการหน่วยเหนือ
๓.๖.๖ การเปลี่ยนที่ตั้งและเปลี่ยนเส้นทาง (Relocating and Rerouting) ขึ้น
กับสถานการณ์ทางการยุทธ์และภารกิจ เป็นทางเลือกที่ปฏิบัติได้ส�ำหรับหน่วยเคลื่อนที่แต่ไม่มีผล
กับหน่วยที่ตั้งถาวร เช่น ท่าเรือ, สนามบิน
๔. การลดความล่อแหลม (Vulnerability Reducting) มี ๒ มาตรการ คือ
มาตรการเชิงรุกป้องกันข้าศึกจากการใช้อาวุธ คชรน.
มาตรการเชิงรับเพิ่มขีดความสามารถในการอยู่รอด
๔.๑ มาตรการเชิงรุก (Active Measures) มาตรการเชิงรุกคือ การค้นหาและท�ำลาย
อาวุธและระบบส่งอาวุธ วิธนี เี้ ป็นวิธที ดี่ ที สี่ ดุ เพราะจะลดโอกาสในการถูกโจมตี การท�ำลายคลังและ
สถานทีผ่ ลิตอาวุธ คชรน.จะไม่อยูใ่ นความรับผิดชอบของผูบ้ งั คับหน่วยระดับล่าง ระดับยุทธศาสตร์
ของการสัง่ การจะมีความรับผิดชอบและค่าใช้จา่ ยในการค้นหาและท�ำลายเป้าหมายเหล่านี้ ผูบ้ งั คับ
หน่วยระดับปฏิบัติการและยุทธวิธี ไม่มีขีดความสามารถในการค้นหาและท�ำลายคลังยุทโธปกรณ์
และสถานที่ผลิตอาวุธ คชรน.แต่มีขีดความสามารถในการค้นหาและท�ำลายระบบส่งอาวุธ
๔.๒ มาตรการเชิงรับ (Passive Measures) อาจเป็นไปไม่ได้ทจี่ ะท�ำลายอาวุธ คชรน.และ
ระบบการส่งอาวุธทัง้ หมด หน่วยจะต้องมีการป้องกันล่วงหน้าเพือ่ ทีจ่ ะหลีกเลีย่ งการตกเป็นเป้าหมาย
และลดผลของการโจมตีถ้ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น นี่ก็คือมาตรการเชิงรับ ทุกหน่วยต้องใช้มาตรการ
เชิงรับเป็นส่วนหนึง่ ของปฏิบตั กิ ารปกติเพือ่ ทีจ่ ะลดผลกระทบจากปฏิบตั กิ ารภายใต้สงคราม คชรน.
มาตรการต่าง ๆ มีดังนี้
๔.๒.๑ การวางแผนล่วงหน้า (Planning Ahead) ผูบ้ งั คับหน่วยต้องใช้เวลาในการ
วางแผนปฏิบตั กิ าร (COA) อย่างรอบคอบ ซึง่ ก็คล้ายกับการจ�ำลองการยุทธ์ การตัดสินใจทีผ่ ดิ พลาด
จะท�ำให้หน่วยเปือ้ นพิษหรือมีกำ� ลังพลได้รบั บาดเจ็บ (ดูภาคผนวก ก ส�ำหรับรายการตรวจสอบก่อน
การโจมตี)
๔.๒.๒ หลีกเลี่ยงการตรวจจับ (Avoiding Detection) เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการ
ป้องกันการโจมตีทางเคมีชีวะ โดยใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยในการปฏิบัติการ (OPSEC)
มาตรการนี้รวมถึง การอ�ำพราง, วินัยการใช้แสง, การรักษาความปลอดภัยทางการสื่อสาร, การใช้
มาตรการเชิงรับและเชิงรุกเพื่อป้องกันข้าศึกไม่ให้ได้รับข่าวสารเป้าหมาย
๔.๒.๓ การเตือนภัย (Providing warning) ถ้าหน่วยไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูก
โจมตีทาง คชรน. การเตือนภัยก่อนเป็นสิ่งส�ำคัญมาก ใช้ระบบเตือนภัยและรายงาน คชรน.
(CBRNWRS) แจ้งหน่วยที่อยู่ใกล้เคียงกับหน่วยถูกโจมตีหรือหน่วยในพื้นที่ที่ได้รับอันตรายตามลม
8 บทที่ ๑
กระบวนการรับรู้
– การประเมินความเสี่ยง
– ภาวะการคุกคามทาง คชรน.
– รายงาน คชรน. ข่าวสาร
– ผลกระทบของชุด ลภ. ต่อหน่วย
– ค�ำแนะน�ำการเปื้อนพิษ
– ค�ำแนะน�ำการป้องกันหน่วย การด�ำเนิินการ
– อัตราการท�ำงาน
– ค�ำแนะน�ำสภาพอากาศ ข้อมูล
ก. สาเหตุจากก�ำลังพลท�ำงานในชุดยุทธภัณฑ์ป้องกันบุคคล จะลดทอน
ความสามารถในการปฏิบัติงาน, เพิ่มความอ่อนล้าและบางทีอาจลดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
และขวัญก�ำลังใจของก�ำลังรบให้ต�่ำลง
ข. เนือ่ งจากพืน้ ทีแ่ ละยุทธปัจจัยเปือ้ นพิษ ท�ำให้ลดความเร็ว ความร่วมมือ
และอิสระในการเคลื่อนที่โดยรวมของก�ำลังรบทั้งหมดในพื้นที่เฉพาะแห่ง
๗.๒.๓ ผลกระทบต่อการป้องกันประเทศ
การใช้สารพิษเคมีก่อให้เกิดผลกระทบต่อจิตวิทยาและร่างกายและเป็น
สาเหตุของการปนเปือ้ นด้วยหรือท�ำให้เกิดความเสียหายซึง่ ท�ำให้ตอ้ งจ�ำกัดการใช้ระบบ, ยุทธภัณฑ์
หรือสิ่งอุปกรณ์ ความหวาดกลัวท�ำให้มีปฏิกิริยาในการโต้แย้งหาเหตุผลของสารพิษเคมี และ
เจ้าหน้าที่พลเรือนส่วนใหญ่จะต้องการผู้ช่วยจ�ำนวนมากในการหาต�ำแหน่งเปื้อนพิษ, การหยุดยั้ง
การแพร่กระจายและการกู้คืนจากเหตุการณ์การใช้สารเคมีที่เกิดขึ้น
๗.๓ การวางแผนป้องกันอาวุธชีวะและข้อควรพิจารณา ดูผนวก ฉ
๗.๓.๑ ผลกระทบทางยุทธการ
ผลกระทบของการโจมตีดว้ ยอาวุธชีวะ (BW) ทีร่ ะดับยุทธการเป็นขอบเขต
ที่กว้างและมีความส�ำคัญ โดยเฉพาะถ้าการตรวจหาและพิสูจน์ทราบการโจมตีพิสูจน์ได้ยาก และมี
ความยุง่ ยากในการเพิม่ มาตรการป้องกัน ผูบ้ าดเจ็บจ�ำนวนมากจะลดความสามารถทางยุทธการของ
ก�ำลังรบร่วม, ลดขวัญก�ำลังใจและเปลี่ยนแปลงข้อมูลทางการแพทย์และการส่งก�ำลังบ�ำรุงไปจาก
ภารกิจที่ปฏิบัติอยู่ เมื่อรวมกันแล้วปัจจัยเหล่านี้อาจจะลดทอนจังหวะทางยุทธการ (OPTEMPO)
๗.๓.๒ ผลกระทบทางยุทธวิธี
ก�ำลังรบทีย่ งั คงอยูใ่ นบริเวณหรือใกล้พนื้ ทีอ่ นั ตรายจากอาวุธชีวะจะมีการ
สูญเสียขีดความสามารถในการปฏิบัติการบางส่วน ปัจจัยต่อไปนี้อาจจะลดทอนประสิทธิภาพของ
เจ้าหน้าที่
ก. เมื่อท�ำการป้องกัน คชรน.เป็นระยะเวลายาวนาน
ข. หลีกเลี่ยงการใช้พื้นที่และยุทธปัจจัยเปื้อนพิษ
ค. การท�ำลายล้างพิษยุทธปัจจัยที่ส�ำคัญ
๗.๓.๓ ผลกระทบการป้องกันประเทศ
หนึ่งในอันตรายของอาวุธชีวภาพมาจากความจริงที่ว่าเมื่อเปื้อนพิษแล้ว
อาจจะไม่รตู้ วั จนกระทัง่ มีอาการปรากฏ (ทหารรักษาการณ์ทไี่ ด้รบั บาดเจ็บ) การป้องกันก�ำลังพลโดย
ทัว่ ไปประกอบด้วยการป้องกันบุคคลและการใช้มาตรการทางการแพทย์เช่น การสร้างภูมคิ มุ้ กันโรค
หรือการใช้การรักษาพยาบาลอื่น ๆ การแพร่กระจายสารชีวะอาจส�ำเร็จได้โดยวิธีเช่น การแพร่โดย
แอโรซอล, การปนเปื้อนอาหารหรือน�้ำและการปล่อยพาหะ สารชีวะสามารถผลิตในห้องทดลอง
16 บทที่ ๑
หรือซื้อจากบริษัทวิจัยด้านการแพทย์ ห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่สามารถด�ำเนินการเก็บตัวอย่างและ
จ�ำแนกเชื้อโรค การพิสูจน์ทราบก่อนมีความจ�ำเป็นเพื่อเริ่มต้นวิธีการรักษา
๗.๔ การวางแผนป้องกันนิวเคลียร์และกัมมันตรังสีและข้อควรพิจารณา ดูผนวก ช และ ซ
๗.๔.๑ ผลกระทบทางยุทธการ
ผลท�ำลายล้างพิษจากการระเบิดของนิวเคลียร์ มีความเป็นไปได้ที่ต้องใช้
เครื่องมือของก�ำลังรบร่วมเป็นส่วนส�ำคัญเพื่อช่วยในการกู้คืนพื้นที่ที่มีการระเบิดนิวเคลียร์ ฝุ่นธุลี
จากระเบิดนิวเคลียร์จะปกคลุมส่วนของพื้นที่ปฏิบัติการร่วม ตรวจวัดหาค่าเพื่อควบคุมการปน
เปื้อนและการเปื้อนพิษของบุคคลทั้งหมดในพื้นที่ ขีดความสามารถในการปฏิบัติการของก�ำลังรบ
ร่วมเป็นไปได้ที่จะเสื่อมถอยเมื่อปฏิบัติการเป็นเวลานาน เป็นไปได้ที่จะมีผู้บาดเจ็บล้มตายจ�ำนวน
มากในประชากรพลเรือนเฉพาะบริเวณ ซึ่งจะสร้างความยุ่งยากให้แก่การบังคับบัญชาทางยุทธการ
และฝ่ายอ�ำนวยการ
๗.๔.๒ ผลกระทบทางยุทธวิธี
ในพื้นที่ที่มีการระเบิดนิวเคลียร์ ความสามารถทางยุทธการของก�ำลังรบ
ร่วมจะเสื่อมถอยอย่างรุนแรง การเสื่อมถอยจะมีสาเหตุจากการสูญเสียก�ำลังพล, ยุทธภัณฑ์และ
ทรัพยากร และมีความจ�ำเป็นในการช่วยชีวิตและรักษาพยาบาลบุคคลที่ได้รับบาดเจ็บและระงับ
อัคคีภัยเท่าที่เป็นไปได้ จ�ำเป็นที่จะมีการต้องใช้ทรัพยากรจ�ำนวนมาก การกีดขวางเส้นทางขนส่ง
และเส้นทางเคลื่อนที่โดยเศษซากของสิ่งถูกท�ำลายและต้นไม้อาจท�ำให้การกู้คืนล่าช้าด้วย ในพื้นที่
ที่เกิดเหตุของการระเบิดนิวเคลียร์จะมีการปนเปื้อนอย่างรุนแรงห้ามการเคลื่อนที่อย่างเด็ดขาด
ยกเว้นเพื่อท�ำการช่วยชีวิต ฝุ่นธุลีและรูปแบบการแผ่รังสีชักน�ำหน่วยสามารถศึกษาได้จากแนวทาง
การควบคุมการรับรังสีในผนวก ค
๗.๔.๓ ผลกระทบการป้องกันประเทศ
เมื่อมีการระเบิดของอุปกรณ์นิวเคลียร์บางทีก็เป็นไปได้ที่จะเกิดจาก
เหตุการณ์ก่อการร้าย ซึ่งมีโอกาสที่จะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงในด้านการท�ำลายล้างและ
ความหวาดกลัวในด้านจิตวิทยา ผลจากการระเบิดนิวเคลียร์จะรวมถึงความร้อน, การระเบิดและ
การแผ่รังสีนิวเคลียร์ แม้ว่าจะเป็นอุปกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กก็สามารถท�ำให้เกิดจ�ำนวนของผู้
บาดเจ็บล้มตายจากการระเบิด, ความร้อนและการแผ่รังสีเบื้องต้นได้หลายร้อยคน การปรากฏของ
รูปแบบการแผ่รังสีชักน�ำและฝุ่นกัมมันตรังสีตามลม จ�ำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ตรวจวัดรังสีจ�ำนวนมาก
และอาจจะต้องอพยพประชากรจ�ำนวนมากออกจากพื้นที่จนกระทั่งการแผ่รังสีเสื่อมสลายลงถึง
ระดับที่ปลอดภัย
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 17
๑. ระบุข่าวสารที่ต้องการ
ข้อมูลที่ได้รับและการ
ภารกิจ อนุมัติของผู้บังคับบัญชา
ฝ่ายอ�ำนวยการวิเคราะห์
การปฏิบัติ
ความต้องการข่าวกรอง
๔. การพัฒนาความเข้าใจ
การตัดสินใจ
รวบรวม
ประมวลผล ความต้องการข่าวสารส�ำคัญ
การจัดการ เก็บรักษา ของผู้บังคับบัญชา
ท�ำความเข้าใจ
ข่าวสาร ป้องกัน
น�ำเสนอ
เผยแพร่ ด�ำเนินการจัด
ภาพการปฏิบัติการร่วม จ�ำหน่าย การข่าวสาร
๓. จัดเตรียมข่าวสารเพื่อสร้างภาพ
๒. รวบรวมและประมวลผลข่าวสาร
การปฏิบัติการร่วม/น�ำเสนอ
๑. ความเป็นมา
การรวบรวม การประเมินและแลกเปลี่ยนข่าวสารเหตุการณ์ คชรน.เป็นส่วนส�ำคัญมาก
ของการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ เนื้อหาบทที่ ๑ เป็นภาพรวมของการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษและ
แนวคิดของปฏิบัติการการป้องกัน คชรน. บทที่ ๒ เป็นภาพการปฏิบัติการร่วมและภาพรวมการ
จัดการข่าวสาร คชรน. ส�ำหรับระบบการเตือนภัยและรายงาน คชรน.เป็นสิ่งที่จะขาดไม่ได้ในการ
หลีกเลีย่ งการเปือ้ นพิษ ระบบจะให้ขา่ วสารทีจ่ ำ� เป็นในการพัฒนาภาพปฏิบตั กิ ารร่วมและการจัดการ
ข่าวสาร ผู้บังคับหน่วยทุกระดับต้องได้รับข่าวสารอย่างทันเวลา, ถูกต้อง และข่าวสารนั้นได้รับการ
ประเมินเรือ่ งการเปือ้ นพิษจากการโจมตี คชรน. และการกระจายของสิง่ ปนเปือ้ น คชรน.ทีไ่ ม่ใช่เกิด
จากการโจมตีทางทหารด้วยอาวุธ นชค. (ROTA) เหตุการณ์เหล่านี้มีผลกระทบส�ำคัญต่อการปฏิบัติ
การ การวางแผนและตัดสินใจทางทหารใด ๆ หลักการเตือนภัยเหตุการณ์ทเี่ กิดขึน้ จริงหรือจากการ
พยากรณ์พื้นที่เปื้อนพิษ คชรน.ของหน่วยคือ ระบบการเตือนภัยและรายงาน คชรน. ระบบนี้ช่วย
ผู้บังคับหน่วยและฝ่ายอ�ำนวยการ คชรน.ในการก�ำหนดหามาตรการป้องกันที่จ�ำเป็นและวางแผน
การด�ำเนินงานให้สอดคล้อง ผู้บังคับหน่วยทุกระดับจะต้องรับผิดชอบในแผน นโยบายและ รปจ.
โดยให้พิจารณาการป้องกัน คชรน.เป็นอันดับแรก
ความตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยการก�ำหนดมาตรฐาน หมายเลข ๒๑๐๓ : การรายงาน
การระเบิดนิวเคลียร์ การตกของฝุน่ กัมมันตรังสี และการโจมตีดว้ ยอาวุธเคมีและอาวุธชีวะ (STANAG
2103 : Reporting Nuclear Detonations, Radioactive Fallout, and Chemical and
Biological Attacks) ก�ำหนดให้มีการรายงานการถูกโจมตีด้วยอาวุธ นชค. ของข้าศึกหรือ
ไม่ทราบฝ่าย และให้รายงานการตรวจพบพื้นที่เปื้อนพิษซึ่งเป็นผลจากการโจมตีเช่นว่า โดยใช้แบบ
รายงานมาตรฐานซึ่งท�ำให้สามารถกระจายข่าวได้อย่างรวดเร็ว
๒. ระบบการเตือนภัยและการรายงาน คชรน.
๒.๑ เมื่อมีอันตรายจากอาวุธ คชรน. หนทางปฏิบัติที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ
หากท�ำไม่ได้จะต้องด�ำเนินการป้องกัน ระบบการเตือนภัยและการรายงาน นชค. เป็นเครื่องมือ
พืน้ ฐานทีจ่ ะช่วยให้ผบู้ งั คับหน่วยบรรลุความส�ำเร็จในการหลีกเลีย่ งหรือจ�ำกัดการสูญเสียทีอ่ าจเกิด
ขึ้น โดยช่วยในการแจ้งเตือนหน่วยต่าง ๆ ให้ทราบถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจริงจากการโจมตีด้วยอาวุธ
คชรน.และอันตรายจากการแพร่กระจายของพิษที่คาดว่าจะเกิดจากการโจมตี
28 บทที่ ๓
ZULU สภาพอากาศที่เกิดขึ้นจริง
GENTEXT ค�ำบรรยาย
ข. การโจมตีด้วยอาวุธเคมีหรืออาวุธชีวะ หน่วยใดก็ตามที่ถูกโจมตีหรือ
ตรวจการเห็นการโจมตีจะต้องรายงาน
๔.๔.๒ ข้อมูลจากการตรวจหรือส�ำรวจ ท�ำให้ทราบต�ำแหน่งทีต่ งั้ ทีแ่ ท้จริงของพืน้ ที่
เปือ้ นพิษ เพราะรายงานการสังเกตการณ์ให้เพียงข้อมูลเบือ้ งต้นเกีย่ วกับการโจมตี ศูนย์ คชรน.จึงต้อง
วางแผนและก�ำหนดให้หน่วยในกองพลจัดก�ำลังออกไปตรวจหรือส�ำรวจ และรายงานข้อมูลทีไ่ ด้ไปให้
ศูนย์ คชรน.ในรูปรายงาน นชค.๔ เพือ่ น�ำไปหมายจุดบนแผนทีย่ ทุ ธการและจัดท�ำแผนทีพ่ นื้ ทีเ่ ปือ้ นพิษ
๔.๕ เส้นทางการส่งรายงาน นชค. ตามปกติรายงาน นชค.จะส่งไปยังและจากศูนย์
คชรน.ตามสายการบังคับบัญชาจากกองร้อย ไปกองพัน ไปกรม (กองพลน้อย) และไปกองพล
ภาพ ๓-๑ เส้นทางเดินของรายงาน นชค.
กองพล หน่วยสนับสนุนและ
ศูนย์ นชค. หน่วยขึ้นสมทบ
กรม หน่วยสนับสนุนและ
ฝอ.๒/ฝอ.๓ หน่วยขึ้นสมทบ
รายงาน นชค.๑ และ ๔
รายงาน นชค.๒, ๓ และ ๕*
กองพัน
ฝอ.๒/ฝอ.๓ รายงาน นชค.๖**
รายงาน นชค.๑ (นิวเคลียร์)
* ส่งเป็นแผ่นบริวารดีที่สุด
** ส่งเมื่อได้รับการร้องขอ
กองร้อย
แต่ก็มีข้อยกเว้นซึ่งได้แก่
ในกรณีทศ ี่ นู ย์ คชรน.กองพลสัง่ ให้หน่วยใดออกไปหาข้อมูลการเปือ้ นพิษโดยจัด
ก�ำลังเป็นชุดส�ำรวจ ชุดส�ำรวจจะรายงานข้อมูลทีไ่ ด้ตรงไปยังศูนย์ คชรน.การรายงานเช่นนีต้ ามปกติ
จะเป็นข้อมูลการส�ำรวจทางอากาศ
ในกรณีที่เป็นอาวุธนิวเคลียร์ หน่วยสังเกตการณ์ระดับกองร้อยจะส่งรายงาน
นชค.๑ (นิวเคลียร์) ไปยังกองบังคับการกองพันและกองพันส่งต่อไปให้ศูนย์ คชรน.กองพล โดย
ไม่ผ่านกรม
36 บทที่ ๓
หน่วยขึน้ สมทบและหน่วยสนับสนุนส่งข้อมูลไปยังกองบังคับการ/กองบัญชาการ
ที่หน่วยนั้นขึ้นสมทบหรือให้การสนับสนุนอยู่
๔.๖ การด�ำเนินกรรมวิธีต่อข่าว ในภาวะ คชรน.หน่วยต่าง ๆ มีภารกิจเกี่ยวกับข่าวสาร
คชรน.เพิ่มเติมจากภารกิจตามปกติในการรบ ยกเว้นศูนย์ คชรน.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเพื่อ
ด�ำเนินการด้าน คชรน.แต่เพียงอย่างเดียว
๔.๗ วิธีส่งศูนย์ คชรน.กองพลจะพิจารณาความเหมาะสมของวิธีส่งโดยพิจารณาจาก
สถานการณ์ทางยุทธวิธีและภารกิจของหน่วย และจะแนะน�ำวิธีดีที่สุดซึ่งจะระบุไว้ใน รปจ. ตาม
ธรรมดาการสือ่ สารทางสายเป็นวิธดี ที สี่ ดุ หน่วยตัง้ แต่ระดับกองพันขึน้ ไปจะใช้ขา่ ยการข่าวมากกว่า
ข่ายการบังคับบัญชา
๔.๘ การใช้คอมพิวเตอร์ การใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์โปรแกรมประยุกต์
เป็นวิธีพยากรณ์และรับ-ส่งรายงาน นชค.ที่ทันสมัยกว่า ใช้ง่ายและรวดเร็ว โปรแกรมจะใช้แผนที่
ยุทธการในระบบดิจติ อล (แผนทีอ่ เิ ล็กทรอนิกส์หรือ e-map) สามารถย่อและขยายมาตราส่วนได้รบั
ข้อมูลอุตุนิยมที่จ�ำเป็นได้ตลอดเวลา (in real time) จึงสามารถสร้างและส่งรูปพยากรณ์การ
เปื้อนพิษและแผนที่พื้นที่เปื้อนพิษได้โดยอัตโนมัติ สามารถพิมพ์รายงาน นชค. รูปพยากรณ์หรือ
แผนที่พื้นที่เปื้อนพิษลงบนแผ่นบริวารแผนที่ กระดาษและแผ่นโปร่งใสได้
๕. ความรับผิดชอบของหน่วยต่าง ๆ ต่อข่าวสาร คชรน.
๕.๑ หน่วยระดับกองร้อย เป็นหน่วยรวบรวมและรายงานข่าวสาร คชรน.ส่วนใหญ่ จะต้อง
รวบรวม ด�ำเนินกรรมวิธี และวิเคราะห์ข่าวสารข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว จึงต้องมียุทโธปกรณ์ และ
ก�ำลังพลที่ได้รับการฝึกให้สามารถ
รายงานการโจมตีด้วยอาวุธ คชรน. โดยใช้แบบรายงาน นชค.
ตรวจวัดรังสี ตรวจจับและตรวจหาสารเคมี และพิสูจน์ทราบชนิดของสารเคมี
จัดท�ำพยากรณ์พื้นที่อันตรายตามลมอย่างง่าย
เก็บและส่งตัวอย่างสารเคมีและสารชีวะ
ท�ำการส�ำรวจ/ลาดตระเวนเคมีและชีวะ
๕.๒ หน่วยระดับกองพัน มีหน้าทีก่ ำ� กับดูแลและติดตามการรวบรวมข่าวสารของหน่วย
รอง โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดป้องกัน คชรน.ของกองพันหรือนายทหารและนายสิบเคมีที่ถูกส่งมาประจ�ำ
ที่กองพันเป็นผู้ด�ำเนินการ เจ้าหน้าที่ป้องกัน คชรน.ของกองพันต้องได้รับการฝึกให้สามารถ
สรุปรายงาน นชค. ทีม ่ ขี อ้ มูลซ�ำ้ ซ้อนทีไ่ ด้รบั จากหน่วยรองให้เป็นฉบับเดียว และ
ส่งต่อ
จัดท�ำพยากรณ์พื้นที่อันตรายตามลมอย่างง่าย
กระจายข่าวสาร คชรน.
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 37
ประสานและก�ำกับดูแลการส�ำรวจ/ลาดตระเวน คชรน.แบบแยกการ
จัดท�ำแผนที่สถานการณ์ คชรน.
๕.๓ หน่วยระดับ (กองพลน้อย) เจ้าหน้าทีป่ อ้ งกัน คชรน.ของหน่วยจะต้องปฏิบตั ภิ ารกิจ
ได้เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยระดับกองพันและต้องได้รับการฝึกให้สามารถ
สรุปรายงาน นชค. ทีม ่ ขี อ้ มูลซ�ำ้ ซ้อน ทีไ่ ด้รบั จากหน่วยรองให้เป็นฉบับเดียวและ
ส่งต่อ
วางแผนและประสานการส�ำรวจ คชรน.แบบแยกการ
๕.๔ หน่วยระดับกองพล (ศูนย์ คชรน.) ใช้วิธีที่มีรายละเอียดของการปฏิบัติและมีขั้น
ตอนสลับซับซ้อนกว่าของหน่วยรอง และอาศัยการเปรียบเทียบข้อมูลจากหลายแหล่งซึ่งมากกว่า
ที่หน่วยรองใดจะมีศูนย์ คชรน.รับผิดชอบ
รับ รวบรวม ประเมินค่า และแจกจ่ายรายงานการโจมตีดว ้ ยอาวุธ คชรน.ของข้าศึก
จัดท�ำและแจกจ่ายข่าวสารทิศทางลมและกาลอากาศส�ำหรับใช้ในการพยากรณ์
พื้นที่อันตรายตามลม
ประสานการส�ำรวจ/ลาดตระเวน คชรน.กับหน่วยเหนือ หน่วยรองและหน่วย
ข้างเคียง
วางแผนการส�ำรวจ/ลาดตระเวน คชรน.แบบรวมการ
ก�ำหนดหน่วยสังเกตการณ์ (นิวเคลียร์)
จัดท�ำแผนที่สถานการณ์ คชรน.
๖. การบันทึกที่ต้องระบุเสมอในรายงาน นชค.
เพื่อให้ขั้นตอนและการประเมินข้อมูล คชรน. ท�ำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข่าวสารมีความถูกต้องและป้อนข้อมูลโดยบุคคลลงในระบบอัตโนมัติ (แต่ละ
บรรทัดมีขา่ วสารทีต่ อ้ งระบุซงึ่ จะต้องใส่ในข่าว นชค.เพือ่ ให้ได้รปู แบบทีถ่ กู ต้อง) ทุกบรรทัดหรือข่าว
จะต้องสอดคล้องกับกฎระเบียบดังนี้
๖.๑ เนื้อหาของแต่ละบรรทัดมีค�ำอธิบายดังต่อไปนี้ A = ตัวอักษร, N = ตัวเลข, S =
สัญลักษณ์พิเศษ B = ช่องว่างและ X = รหัสอื่น ๆ การรวมกันของรหัสจะมีอยู่ในบางบรรทัด
๖.๒ เนื้อหาแต่ละบรรทัดต้องใส่ด้วยตัวเลขและแบบของสัญลักษณ์ที่ระบุ หรือเติมเส้น
ขีดยาว ( - ) เมื่อไม่มีข่าวสาร อย่างไรก็ตามบางบรรทัดแตกต่างกันในความยาวของตัวอักษร ซึ่ง
บ่งชี้โดยใช้ช่วงจ�ำนวนของสัญลักษณ์ (เช่น 1-20X)
๖.๓ ถ้าบรรทัดนัน้ สามารถบันทึกซ�ำ้ จะแสดงโดยให้มเี ครือ่ งหมายดอกจันมาก่อน (เช่น
* = ๓ เป็นการระบุว่าข้อมูลสามารถป้อนได้ถึง ๓ ครั้ง)
๖.๔ ถ้าบรรทัดนั้นมีการบันทึกซ�้ำ ข้อมูลทั้งหมดภายในบรรทัดนั้นต้องถูกใช้ตามเวลาที่
บรรทัดนั้นมีการบันทึกซ�้ำ
38 บทที่ ๓
นิวเคลียร์ เคมี
ALP Alpha AC Hydrogen cyanide
BETA Beta BZ Quinuclidinyl benzilate
GAM Gamma CG Phosgene
NEU Neutron CK Cyanogen chloride
COS Cobalt-60 CX Phosgene oxime
CES Cesium-137 DP DI-phosgene
FF Fresh reactor fuel GA Tabun
FL Nuclear weapon fallout GB Sarin
IO Iodine GD Soman
OF Spent reactor fuel GF Cyclo-Sarin
PU Plutonium HD Mustard distilled
HL Mustard lewisite
HN Nitrogen mustard
HT Trimeric mustard
L Lewisite
PS Chloropicrin
SA Arsin
TG Tear gas
VX VX
หมายเหตุ : ถ้าพิสูจน์ทราบได้ว่าเป็นสารชีวะให้บันทึกในบรรทัด GENTEXT
40 บทที่ ๓
๗. การก�ำหนดชั้นความลับและก�ำหนดความเร่งด่วน
การก�ำหนดชั้นความลับ และจัดล�ำดับความเร่งด่วนของข่าว คชรน.เพื่อให้แน่ใจว่า
เจ้าหน้าที่จะเผยแพร่ข่าวได้ทันเวลาและด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ
๗.๑ การก�ำหนดชัน้ ความลับ (classification) เว้นแต่ขา่ ว นชค.ทีม่ ขี า่ วปฏิบตั กิ ารพิเศษ
(เช่น ผลกระทบต่อกองก�ำลังทหาร) ข่าวดังกล่าวทั้งหมดไม่ควรมีชั้นความลับ
๗.๒ ล�ำดับความเร่งด่วน (precedence) ข่าว นชค.๑ เป็นรายงานการใช้อาวุธ คชรน.ของ
ข้าศึกเป็นครัง้ แรกหรือเหตุการณ์ ROTA ทีเ่ กิดขึน้ ซึง่ ต้องให้ลำ� ดับความเร่งด่วนของข่าวเป็นด่วนทีส่ ดุ
(FLASH) ข่าวอืน่ ๆ ทัง้ หมดควรได้ลำ� ดับความเร่งด่วนทีส่ ะท้อนความส�ำคัญของปฏิบตั กิ าร โดยปกติ
ความเร่งด่วนของข่าวที่ระดับด่วน (IMMEDIATE) จะมีความเหมาะสมเมื่อเกิดเหตุการณ์ คชรน.ขึ้น
จ�ำนวนของข่าว นชค.จะมีจำ� นวนมาก ฝ่ายอ�ำนวยการ คชรน.ต้องเตรียม รปจ.อย่างระมัดระวัง เพือ่
หลีกเลี่ยงภาระที่ไม่จ�ำเป็นในระบบการสื่อสาร
๘. เครื่องมือสนับสนุนการตกลงใจ (Decision Support Tools)
การรวบรวม, การประเมิน, การประมวลผลและการถ่ายทอด ทัง้ หมดจากสนามเป็นภาระ
งานทีย่ งุ่ ยากมากและใช้เวลานานเมือ่ ปฏิบตั โิ ดยบุคคล เพือ่ ช่วยลดจ�ำนวนของข้อผิดพลาดและเร่งรัด
การประมวลผล ดังนั้นกองทัพควรมีการพัฒนาโปรแกรมสร้างแบบจ�ำลองและระบบที่หลากหลาย
เพื่อช่วยให้ผู้บังคับหน่วยตัดสินใจแจ้งข่าวได้รวดเร็วและแม่นย�ำมากขึ้น ซึ่งผู้ปฏิบัติจ�ำเป็นต้องมี
ทักษะที่เชี่ยวชาญเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ผิดหรือการอ่านผลผิดพลาด
๙. ขีดความสามารถการเข้าถึงข้อมูลทางเทคนิค (Technical Reach-Back Capabilities)
ผูบ้ งั คับหน่วยไม่เพียงแต่ตอ้ งการข่าวสารทีแ่ ม่นย�ำและทันเวลาเท่านัน้ แต่ยงั ต้องมีขดี ความ
สามารถในการเข้าถึงข้อมูลทางเทคนิคอย่างดีเยี่ยมความต้องการเข้าถึงข้อมูลเกิดขึ้นเมื่อผู้บังคับ
หน่วยต้องการแหล่งที่มาของข่าวสารที่มีต�ำแหน่งที่ตั้งอยู่ห่างไกล โดยผ่านทางระบบการควบคุม
และบังคับบัญชา การเข้าถึงข้อมูล เป็นการด�ำเนินการทีใ่ ช้เครือ่ งมือทางการสือ่ สาร เพือ่ พิสจู น์ทราบ
และน�ำไปสู่วิธีการซึ่งไม่ปรากฏ ณ ที่ตั้ง คชรน.
๙.๑ การเข้าถึงข้อมูลทางเทคนิคเป็นความสามารถที่จะติดต่อผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขา
วิชา เมื่อปัญหาทางเทคนิคมากเกินกว่าความสามารถของผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ การ
เข้าถึงข้อมูลควรด�ำเนินการโดยใช้ รปจ. หน่วยที่ก�ำหนดขึ้น ปัญหาอาจมีดังต่อไปนี้
ก. การพิสูจน์ทราบสาร คชรน.ที่ไม่ได้มาตรฐานและวัตถุมีพิษทางอุตสาหกรรม
(Nonstandard Agent Identification of CBRN and TIM) ถ้ามีการใช้วัตถุมีพิษทางอุตสาหกรรม
หรือถูกสงสัยว่ามีการใช้ เจ้าหน้าที่ คชรน.ต้องได้รบั ข้อมูลทางเทคนิค ข้อมูลนีจ้ ะรวมถึงความคงทน
ของสาร, ผลต่อร่างกาย, การท�ำลายล้างพิษหรือความจ�ำเป็นในการป้องกัน
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 41
ข. การสร้างแบบจ�ำลอง/การพยากรณ์การเปื้อนพิษ (Modeling/Hazard
Prediction) การแพร่กระจายการเปื้อนพิษต้องเป็นที่รู้กันในหน่วยปฏิบัติการ ผู้เชี่ยวชาญทาง
เทคนิคสามารถใช้การสร้างแบบจ�ำลองเพือ่ จัดหาตัวบ่งชีท้ ดี่ กี ว่าของสถานทีท่ อี่ าจจะมีอนั ตรายจาก
ไอระเหย, ของเหลวหรือแอโรซอลเกิดขึน้ การเข้าถึงข้อมูลทางเทคนิคจะท�ำให้มคี วามสามารถส�ำหรับ
การวิเคราะห์รายละเอียดของพืน้ ทีเ่ พือ่ ช่วยก�ำหนดพืน้ ทีอ่ นั ตรายตามลม และก�ำหนดจุดทีต่ งั้ พักรอ,
ศูนย์ปฏิบัติการ, ที่ตั้งท�ำลายล้างพิษและอื่น ๆ
๙.๒ การเข้าถึงข้อมูลสามารถบรรลุผลได้โดยใช้วธิ กี ารต่าง ๆ จากโทรศัพท์จนถึงดาวเทียม
บทที่ ๔
การปฏิบัติในสภาพแวดล้อมของกองทัพบกไทย
๑. ความจ�ำเป็นในปัจจุบัน
การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ เป็นหลักส�ำคัญประการแรกที่จะท�ำให้ก�ำลังพลที่เข้าปฏิบัติ
การรบในพื้นที่ที่คาดว่าจะมีการใช้อาวุธ คชรน. สามารถด�ำรงสภาพต่อไปได้โดยใช้เครื่องมือที่มีอยู่
ทั้งมวล นอกจากการน�ำไปใช้เป็นหลักนิยมในการรบหรือสงคราม คชรน.แล้ว ยังสามารถน�ำไปใช้
เป็นหลักนิยมในการปฏิบตั กิ ารอืน่ ทีไ่ ม่ใช่การสงครามได้ดว้ ย ดังเช่นการต่อต้านการก่อการร้ายอืน่ ๆ
ในภายหน้า อีกทัง้ การเปิดประเทศทางด้านเศรษฐกิจ สังคมในภูมภิ าคอาเซียนจะมีความเสรีมากขึน้
เป้าหมายของการก่อการร้ายก็จะเพิม่ ขึน้ ด้วย รวมถึงด้านอุบตั ภิ ยั อันเกิดจากสภาวะการเปลีย่ นแปลง
ทางธรรมชาติหรืออาจจะเกิดจากความประมาทของมนุษย์
๒. แนวการปฏิบัติ
หลักนิยมนี้ได้มีความเชื่อมโยงกับหลักส�ำคัญของการจัดการอันเกี่ยวเนื่องกันระหว่าง
ผู้บังคับหน่วยก�ำลังรบ ฝ่ายอ�ำนวยการ คชรน.และเจ้าหน้าที่ คชรน. ซึ่งแต่ละส่วนจะมีความ
รับผิดชอบอย่างชัดเจน ดังนั้นแล้วในสภาวะสงคราม คชรน. การอยู่รอดและสามารถปฏิบัติ
การรบตามแผนทีก่ ำ� หนดได้อย่างสมบูรณ์ ต้องมีการเตรียมความพร้อมของทัง้ ๓ ส่วน โดยเฉพาะฝ่าย
อ�ำนวยการ คชรน.และเจ้าหน้าที่ คชรน.นั้นจะต้องเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ สามารถจัดเตรียม
ข่าวสารและประมาณการให้ผู้บังคับหน่วยก�ำลังรบสามารถตัดสินใจ และสั่งการได้อย่างทันเวลา
ดังนัน้ การเตรียมความพร้อมของฝ่ายอ�ำนวยการ คชรน.ควรเริม่ มีการจัดการองค์ความรู้ ให้
เข้าใจอย่างถ่องแท้ และต้องสามารถประสานงานกับฝ่ายยุทธการ ฝ่ายการข่าว ได้อย่างสอดคล้องไป
ในทิศทางเดียวกัน ส่วนเจ้าหน้าที่ คชรน.เปรียบเสมือนเครื่องมือของฝ่ายอ�ำนวยการ คชรน. ในการ
จัดเตรียมข่าวสารการตรวจหา พิสูจน์ทราบ การรายงานผลและการเตือนภัยเจ้าหน้าที่ที่ต้องเข้าไป
ปฏิบตั ภิ ารกิจในพืน้ ทีก่ ารรบ การประสานการปฏิบตั กิ บั หน่วยก�ำลังรบมีความส�ำคัญและจ�ำเป็นต้อง
มีความชัดเจน การเข้าออกพื้นที่ เวลาผ่านหรือแม้แต่การเชื่อมต่อการติดต่อสื่อสาร จะช่วยให้การ
เข้าปฏิบตั กิ ารของเจ้าหน้าที่ คชรน.ด�ำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ขอ้ มูลข่าวสารอันเป็น
ประโยชน์ทันเวลาที่ฝ่ายอ�ำนวยการ คชรน.จะใช้ในการประมาณการ และผู้บังคับหน่วยก�ำลังรบจะ
พิจารณาสัง่ การได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงสามารถกล่าวได้วา่ ความอยูร่ อดในสงคราม คชรน.นัน้ การ
ปฏิบัติร่วมกันระหว่างฝ่ายอ�ำนวยการ คชรน.กับเจ้าหน้าที่ คชรน.นั้นมีความส�ำคัญเป็นอย่างมาก
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 43
๑. ความเป็นมา
ผนวก ก ประกอบด้วย ล�ำดับรายการตรวจสอบ ซึ่งเป็นเค้าโครงของการด�ำเนินการหลีก
เลี่ยงการเปื้อนพิษ รายการตรวจสอบต่าง ๆ จะถูกก�ำหนดขึ้นมาเพื่อช่วย ผบ.หน่วย และเจ้าหน้าที่
ฝ่ายอ�ำนวยการ คชรน. รายการตรวจสอบเหล่านี้จะไม่ครอบคลุมทั้งหมด และอาจจะถูกดัดแปลง
หรือแก้ไขส�ำหรับการใช้เฉพาะแห่ง ล�ำดับรายการไม่จ�ำเป็นต้องไปตามล�ำดับค�ำสั่งความเร่งด่วน ใน
การปฏิบัติอาจเกิดขึ้นพร้อมกันแล้วแต่สถานการณ์
๒. รายการตรวจสอบก่อนการโจมตี คชรน.
ตัวอย่างหน้าที่และการปฏิบัติก่อนการโจมตีและหน่วยงานรับผิดชอบ
๓. รายการตรวจสอบระหว่างถูกโจมตี คชรน.
ตาราง ก-๒ ตัวอย่างรายการตรวจสอบระหว่างถูกโจมตี คชรน.
รายการ หน้าที่/ปฏิบัติ หน่วยรับผิดชอบ
๑ ให้ค�ำแนะน�ำเรื่องสัญญาณเตือนภัย การคุกคามทาง คชรน.ระดับการ ฝ่ายปฏิบัติการ/คชรน.
ป้องกัน และเงื่อนไขการปกป้องก�ำลังรบ
๒ การปฏิบัติส�ำหรับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เปิด ทุกหน่วย
- ค้นหาวิธีป้องกันที่ให้ผลดีที่สุด (เช่น สิ่งก่อสร้าง, บังเกอร์)
- ถ้าการหลบในสิ่งก่อสร้างหรือบังเกอร์ใช้ไม่ได้ผล ให้เคลื่อนย้ายลงไป
อยู ่ ใ นท้ อ งร่ อ ง, บริ เวณที่ เ ป็ น แอ่ ง หลุ ม หรื อ โครงสร้ า งที่ ป ้ อ งกั น
การระเบิดได้
- หมอบลงไปทีพ่ นื้ สวมหน้ากากป้องกันคลานเข้าไปในพืน้ ทีท่ ใี่ ช้ปอ้ งกัน
ได้ที่ใกล้ที่สุดและสวมยุทธภัณฑ์ป้องกันบุคคล แม้ไม่มีการเตือนภัย
และการโจมตีได้เริ่มขึ้น
- หาวัสดุ เช่น พลาสติกคลุมเหนือศีรษะ
หมายเหตุ : ปรับการปฏิบัติให้สอดคล้องกับปฏิบัติการและนโยบาย
เฉพาะที่
๓ การปฏิบัติส�ำหรับผู้ควบคุมยานพาหนะ/ยุทธภัณฑ์และผู้โดยสาร ทุกหน่วย
- ขับยานพาหนะเข้าไปในสถานที่ที่สามารถป้องกันได้ภายใน ๑ นาที
ขณะที่ผู้โดยสารท�ำการใส่ยุทธภัณฑ์ป้องกันตน
- เคลื่อนย้ายยานพาหนะหรือยุทธภัณฑ์เข้าไปในที่ก�ำบัง ถ้าเป็นไปได้
- ขับยานพาหนะเข้าไปใกล้ทอ้ งร่อง, คู, คลองหรือสถานทีท่ มี่ โี ครงสร้าง
ที่จะป้องกันการระเบิด, เศษชิ้นส่วนและการยิงจากอาวุธขนาดเล็ก
ถ้าไม่สามารถหาที่ก�ำบังได้
- ออกจากรถ หาวัสดุปิดคลุมและสวมยุทธภัณฑ์ป้องกันตน
หมายเหตุ : ๑. เฉพาะการโจมตีด้วยขีปนาวุธเท่านั้น ให้เจ้าหน้าที่
ทุกนายอยู่ภายในยานพาหนะ (ปิดประตูหน้าต่างยาน
พาหนะ)
๒. ปรับการปฏิบตั ใิ ห้สอดคล้องกับปฏิบตั กิ ารและนโยบาย
เฉพาะที่
๔ การปฏิบัติส�ำหรับลูกเรืออากาศยาน ทุกหน่วย
- เคลื่อนย้ายเครื่องบินทางยุทธวิธีเข้าไปอยู่ในที่ก�ำบัง
- เตือนผู้โดยสารสวมยุทธภัณฑ์ป้องกันตน และร้องขอค�ำแนะน�ำจาก
ศูนย์ควบคุมภาคพืน้ ดิน ถ้าเครือ่ งบินปฏิบตั กิ ารขนาดใหญ่หรือทีก่ ำ� บัง
ไม่สามารถใช้ได้ส�ำหรับเครื่องบินที่มีขนาดเล็กกว่า
หมายเหตุ : ปรับการปฏิบัติให้สอดคล้องกับปฏิบัติการและนโยบาย
เฉพาะที่
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 47
๕. รายการตรวจสอบการฟื้นฟูหลังการโจมตีทาง คชรน.
ตาราง ก-๔ ตัวอย่างรายการตรวจสอบการฟื้นฟูหลังการโจมตีทาง คชรน.
๑. ความเป็นมา
ส่วน คชรน.เป็นจุดรวมส�ำหรับข้อมูลทัง้ หมดทีเ่ กีย่ วข้องกับการโจมตี คชรน. หรือเหตุการณ์
ROTA ภายในพืน้ ทีป่ ฏิบตั กิ ารทีก่ ำ� หนด การจัดระบบของส่วน คชรน. จะเป็นภารกิจในสนามรบและ
ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติ ซึ่งหมายถึงการมีความยืดหยุ่นในขนาดและองค์ประกอบ
๒. ความรับผิดชอบ
ความรับผิดชอบของฝ่ายอ�ำนวยการ คชรน.จะแตกต่างกันไปขึน้ กับระดับต�ำแหน่งในพืน้ ที่
ที่ส่วน คชรน.มีการก�ำหนดขึ้น ทุกส่วน คชรน.จะมีบางหน้าที่ที่คล้ายคลึงกันโดยไม่ค�ำนึงถึงระดับ
ต�ำแหน่งที่ก�ำหนดขึ้น หน้าที่เหล่านี้มีดังต่อไปนี้
- ให้ค�ำปรึกษาผู้บังคับหน่วยและฝ่ายอ�ำนวยการเรื่องการป้องกัน คชรน.
- ตรวจสอบสถานะ คชรน.ของหน่วยรอง
- จัดท�ำระบบรายงานและการเตือนภัย คชรน.ส�ำหรับพื้นที่ปฏิบัติการ
- ให้ความช่วยเหลือในการวิเคราะห์ความล่อแหลม
- ให้ความช่วยเหลือหน่วยข่าวกรองในการพิสูจน์ข่าวกรองที่เกี่ยวข้องกับ คชรน.ตาม
ความต้องการ
- ให้ความช่วยเหลือหน่วยข่าวกรองในการตีความข่าวกรองที่เกี่ยวข้องกับ คชรน.
๒.๑ ยุทธบริเวณ
ส่วน คชรน. ต้องมีเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกและได้รับการรับรองในการปฏิบัติงาน
อย่างมีประสิทธิภาพในจ�ำนวนที่เหมาะสม
๒.๑.๑ ประเมินสถานะและประสิทธิภาพการปฏิบัติของหน่วยฝ่ายเดียวกันใน
สภาพแวดล้อม คชรน.
ก. ส่วน คชรน.ประเมินผลกระทบของการเปื้อนพิษ คชรน.ต่อปฏิบัติการ
ทางยุทธวิธี การประเมินผล อาจจะรวมถึงข่าวสารต่อไปนี้
- ระดับการเปื้อนพิษ ณ จุดหรือพื้นที่ที่เลือก
- ผลของการเปื้อนพิษต่อหน่วยยุทธวิธี
- การป้องกันโดยก�ำลังรบปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่เปื้อนพิษที่ก�ำหนด
ส่วน คชรน.ต้องให้ค�ำแนะน�ำห้วงระยะเวลาที่ก�ำลังรบสามารถปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัยภายใน
พื้นที่เปื้อนพิษรังสี ในการประสานงานกับฝ่ายอ�ำนวยการเสนารักษ์ ส่วน คชรน.ต้องเตรียมให้ค�ำ
แนะน�ำเกี่ยวกับด้านจิตวิทยา เมื่อต้องมีการปฏิบัติในชุด ลภ.เป็นเวลานานขึ้น
52 ภาคผนวก ข
๒.๓.๑ รวบรวมและประเมินรายงานดังต่อไปนี้
- การโจมตี คชรน.
- เหตุการณ์ ROTA
- ซึ่งเป็นผลจากการเปื้อนพิษภายในพื้นที่ปฏิบัติการ (ส�ำหรับหน่วยใน
สถานที่ที่ศูนย์จัดตั้งขึ้น)
๒.๓.๒ การจ�ำลองการยุทธ์ด้วยคอมพิวเตอร์ ที่ระดับนี้จะต้องใช้ทรัพยากรและ
เทคนิคเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้นและมีขั้นตอนที่ซับซ้อน เทคนิคและวิธีการเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการ
เปรียบเทียบข้อมูลจากแหล่งข้อมูลจ�ำนวนมาก
๒.๓.๓ การปฏิบตั งิ านในพืน้ ทีป่ ฏิบตั กิ าร ซึง่ มีอทิ ธิพลต่อการด�ำเนินงานของหน่วย
หรือหน่วยย่อย ที่ระดับนี้จะจัดท�ำรายงาน นชค.ซึ่งจะระบุบรรทัด ALPHA (เลขล�ำดับการโจมตี)
๒.๓.๔ ค�ำนวณการพยากรณ์ฝนุ่ รังสี รวมถึงการค�ำนวณใหม่เมือ่ มีการเปลีย่ นแปลง
อากาศอย่างมีนยั ส�ำคัญ และส่งข่าวการเตือนภัยไปยังหน่วยทีน่ า่ จะได้รบั ผลกระทบ (รายงาน นชค.๓)
๒.๓.๕ ควบคุมการลาดตระเวน คชรน.และการส�ำรวจในพื้นที่ปฏิบัติการ
๒.๓.๖ วิ เ คราะห์ ผ ลการส� ำ รวจและตรวจสอบและส่ ง ต่ อ ข่ า วเกี่ ย วกั บ พื้ น ที่
เปื้อนพิษไปยังหน่วยที่น่าจะได้รับผลกระทบ (รายงาน นชค.๔ และ นชค.๕)
๒.๓.๗ ร้องขอและจัดเตรียมรายละเอียดข่าว เหตุการณ์ คชรน.หรือเหตุการณ์
ROTA (รายงาน นชค.๖)
๒.๓.๘ รักษาแผนที่สถานการณ์ คชรน. ที่ระดับนี้ส่วน คชรน.จะหมายจุดข้อมูล
จากรายงาน นชค.บนแผนที่สถานการณ์ทางยุทธวิธีและแผ่นบริวาร แผนที่เหล่านี้และแผ่นบริวาร
จะแสดงพืน้ ทีจ่ ริงทีไ่ ด้รบั ผลจากการเปือ้ นพิษในเวลาทีเ่ ลือกและส�ำหรับการได้รบั พืน้ ทีท่ สี่ นใจ แผนที่
และแผ่นบริวารจะแสดง การพยากรณ์พนื้ ทีอ่ นั ตรายตามลม เจ้าหน้าที่ คชรน.จะท�ำการค�ำนวณใหม่
และปรับการพยากรณ์หลายครั้งต่อวัน ตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราการสลายตัว, การเปื้อนพิษ
เพิ่มเติมและสถานการณ์ทางยุทธวิธี
๒.๓.๙ จัดเตรียมและเผยแพร่ข่าวสารทิศทางลม (ดูผนวก ง)
๒.๓.๑๐ ช่วยผู้บังคับหน่วยในการเลือกหน่วยสังเกตการณ์*
๒.๔ ระดับหน่วยของการบังคับบัญชาและหน่วยสังเกตการณ์*
ขั้นตอนระดับหน่วยและงานหลักของหน่วยสังเกตการณ์* คือ การรวบรวมข้อมูล
ที่มีประโยชน์ส�ำหรับส่วน คชรน. ซึ่งไม่ใช่การวิเคราะห์รายละเอียดหรือการประเมินผลข้อมูล การ
ประมวลผลและเทคนิคการวิเคราะห์ที่ระดับนี้ได้ออกแบบมาเพื่อประเมินผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว
ผลลัพธ์ที่ได้นี้จะไม่ถูกต้องเท่ากับที่ได้รับจากส่วน คชรน.แต่เพียงพอส�ำหรับการวางแผนจนกว่า
หน่วยจะได้รับข้อมูลใหม่
54 ภาคผนวก ข
- เก็บรักษารายงานสถานะรังสีของหน่วยรอง
๒.๖.๔ หน้าที่นายสิบปฏิบัติการ มีดังนี้
- ช่วยเหลือในขั้นตอนประมวลผลข่าวสารการโจมตี คชรน.
- ประสานงานกับตอนฝ่ายอ�ำนวยการอื่น ๆ
- จัดเตรียมและเผยแพร่ข่าวสารอากาศอันตรายตามลมจากสารเคมี
(CDM) และข่าวสารทิศทางลม (EDM)
- จัดท�ำระบบเตือนภัยและรายงาน คชรน.
- เก็บรักษาบันทึกเหตุการณ์ประจ�ำวัน, แฟ้มข้อมูลและรายงานของฝ่าย
อ�ำนวยการทั้งหมด
- ช่วยเหลือนายสิบอาวุโส
๒.๖.๕ เสมียนท�ำหน้าที่ธุรการทั่วไป สนับสนุนหน้าที่ของส่วน คชรน. หน้าที่ของ
เสมียน มีดังต่อไปนี้
- ท�ำหน้าที่รับโทรศัพท์-วิทยุ
- จัดเตรียมและส่งข่าวสาร, เก็บรักษาบันทึกประจ�ำวันและแฟ้มข่าวสาร
ของฝ่ายอ�ำนวยการ
- บันทึกและส่งต่อข่าวสาร นชค.ให้เจ้าหน้าที่หมายจุด และจัดเตรียม
แผ่นบริวารการเปื้อนพิษเคมีและรังสีเพื่อส่งต่อ
๓. การท�ำส�ำเนา
รายงาน นชค.จะต้องมีการท�ำส�ำเนา โดยเฉพาะในกรณีของการระเบิดนิวเคลียร์ ดังนั้น
ผู้บังคับหน่วยทุกระดับต้องมั่นใจว่าแผนการของตนมีการประสานงานอย่างดีกับศูนย์ คชรน.
เพื่อนบ้านทั้งหมด เพื่อหลีกเลี่ยงการท�ำรายงานซ�้ำซ้อน และมั่นใจในความเร็วและประสิทธิภาพใน
การแลกเปลีย่ นข่าว คชรน. ทีเ่ ป็นประโยชน์ จัดเตรียมแผนการเตือนภัยและรายงาน คชรน.และต้อง
ระบุความต้องการของรายงาน นชค.ที่จะส่งต่อระหว่างหน่วย
๔. ความสัมพันธ์ของรายงาน นชค.
๔.๑ เพือ่ แสดงความสัมพันธ์ระหว่างข่าวสาร นชค. และช่วยในการตัดสินใจว่า เหตุการณ์
คชรน.เป็นเหตุการณ์ทเี่ กิดขึน้ ตามล�ำพังหรือเป็นการโจมตีหลายรูปแบบ เมือ่ ไรก็ตามทีไ่ ด้รบั รายงาน
ใหม่ควรดูความเกี่ยวข้องกับรายงานที่มีอยู่ บรรทัดที่ควรพิจารณาเป็นพิเศษ มีดังต่อไปนี้
- BRAVO ต�ำแหน่งที่ตั้งของผู้สังเกตการณ์ และทิศทางของการโจมตี
- GOLF เครื่องส่งและขนาดอาวุธ
- INDIA ข่าวที่ได้รับ
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 57
๑. กล่าวน�ำ
การได้รบั อันตรายทางรังสีหรือนิวเคลียร์ของก�ำลังพล จะท�ำให้เกิดผลทันทีตอ่ บุคคลหรือ
ส่งผลต่อสุขภาพ หรือความสามารถในการอยู่รอดหากได้รับรังสีภายหลังในระยะยาว
๑.๑ การควบคุมการได้รับรังสี – ได้มีข้อก�ำหนดส�ำหรับการปฏิบัติงานของก�ำลังพล
ที่ครอบคลุมการจัดการการได้รับรังสีชนิดก่อไอออน นอกจากนี้ยังมีข้อก�ำหนดเกี่ยวกับการได้รับ
อันตรายจากสารพิษทางอุตสาหกรรม แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักดีเมื่อเทียบกับข้อก�ำหนดการได้รับรังสี
ชนิดก่อไอออน ต้องมีการก�ำหนดเกณฑ์การรับรังสี (OEG) ไว้ก่อนในขั้นเตรียมการณ์
ก. ผู้บังคับบัญชาต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ก�ำลังพลได้รับอันตรายจากการได้รับรังสี
ข. หากไม่สามารถท�ำการหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากปฏิบัติภารกิจที่มีความส�ำคัญ
กว่า การได้รับรังสีจะต้องได้รับให้น้อยที่สุดและอย่างสมเหตุสมผล (As Low As Reasonably
Achievable, ALARA) ผูบ้ งั คับหน่วยในพืน้ ทีจ่ ะต้องพิจารณาให้เกิดสมดุลระหว่างความส�ำเร็จลุลว่ ง
ของภารกิจ และการคงไว้ซึ่งหลัก ALARA
ค. ต้องมีการบันทึกการได้รบั รังสีหรือคาดว่าจะได้รบั รังสี เพือ่ ช่วยในการตัดสินใจ
ในการปฏิบัติงานของก�ำลังพลทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ง. ขณะรอเข้าพื้นที่เปื้อนพิษรังสี ระดับการปนเปื้อนควรถูกท�ำให้ลดลงเพื่อ
ลดโอกาสในการได้รับรังสีด้วย การได้รับรังสีอาจเกิดจากอุบัติเหตุ เนื่องจากก�ำลังพลไม่ทราบ
ว่ายุทโธปกรณ์เกิดการเปรอะเปื้อน โดยปกติแล้วสามารถหลีกเลี่ยงได้หากท�ำการบันทึกหรือท�ำ
เครื่องหมายไว้ที่ยุทโธปกรณ์เมื่อเกิดการเปรอะเปื้อนทุกครั้ง แต่ยังมีบางพื้นที่ที่มีการสะสมสารพิษ
ไว้ได้ เช่น หม้อกรองอากาศ ในเครื่องยนต์จะมีหม้อกรองอากาศซึ่งจะเป็นตัวกักเก็บสารพิษไว้ และ
ท�ำให้เกิดการสะสมปริมาณมากขึน้ แม้พนื้ ทีก่ ารเปือ้ นพิษจะมีขนาดเล็ก แต่สามารถท�ำให้เสียชีวติ ได้
ก�ำลังพลทีป่ ฏิบตั งิ านกับยุทโธปกรณ์ตอ้ งมีความตระหนักถึงอันตรายแฝงเหล่านี้ และต้องด�ำเนินการ
ก�ำจัดแหล่งของการกักเก็บสารพิษ เช่น หม้อกรองอากาศ เช่นเดียวกับกากของเสียเปือ้ นพิษทุกครัง้
จ. ในทุก ๆ แผนการปฏิบัติ จะต้องรวมขั้นตอนปฏิบัติภายหลังการโจมตีไว้ด้วย
เพื่อจ�ำกัดปริมาณการได้รับรังสี ยิ่งก�ำลังพลได้รับรังสีเป็นเวลานาน ก็จะยิ่งท�ำให้มีโอกาสเกิดการ
บาดเจ็บได้ เฉพาะก�ำลังพลที่มีความจ�ำเป็นในการปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงเท่านั้นที่จะถูกส่งเข้าไปใน
พื้นที่ที่มีการปนเปื้อน
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 59
มีการประเมินความเสี่ยงจากข่าวกรองที่ได้รับหรือไม่ ?
มี ไม่มี
เตรียมความพร้อม
ความเสี่ยง
จาก LLR ทำ�การประเมิน
กำ�หนดพื้นที่อันตรายใหม่
ยืนยันปริมาณรังสีควบคุม
ระบุข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
มี เตรียมแผนฉุกเฉิน
พิจารณาการปฏิบัติอื่นที่เกี่ยวข้อง
รายงานข้อมูล
ร้องขอการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญ
อ้างอิง : STANAG 2473E1 ควบคุมการเข้า – ออกพื้นที่
เฝ้าตรวจในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เริ่มการควบคุมการได้รับรังสีของกำ�ลังพล
แผนผัง ค-๑ ขั้นตอนการแสวงหาข้อตกลงใจเกี่ยวกับ LLR
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 63
ขนาดอาวุธ
1 kt 10 kt 100 kt 1 mt
แรงระเบิด : เสียชีวิต
ค่าเริ่มต้น ๓๐ - ๕๐ psi ๐.๑๘ ๐.๓๘ ๐.๘๑ ๑.๘
๕๐% ๕๐ - ๗๕ psi ๐.๑๔ ๐.๓๐ ๐.๖๕ ๑.๔
๑๐๐% ๗๕ - ๑๑๕ psi ๐.๑๒ ๐.๒๕ ๐.๕๕ ๑.๒
แรงระเบิด : ปอดถูกท�ำลาย
ค่าเริ่มต้น ๘ - ๑๕ psi ๐.๓๔ ๐.๗๔ ๑.๖๐ ๓.๔
อาการสาหัส ๒๐ - ๓๐ psi ๐.๒๑ ๐.๔๖ ๐.๙๘ ๒.๑
แรงระเบิด : เยื่อแก้วหูฉีกขาด
ค่าเริ่มต้น ๕ psi ๐.๔๔ ๐.๙๖ ๒.๑๐ ๔.๔
๕๐% ๑๔ psi ๐.๒๕ ๐.๕๔ ๑.๑๐ ๒.๕
ความร้อน
๕๐% แผลไฟไหม้ระดับแรก ๑.๒๐ ๓.๔๐ ๘.๓๐ ๑๗.๐
๕๐% แผลไฟไหม้ระดับที่สอง ๐.๘๖ ๒.๕๐ ๖.๕๐ ๑๔.๐
๕๐% แผลไฟไหม้ระดับที่สาม ๐.๗๑ ๒.๑๐ ๕.๖๐ ๑๒.๐
ตาบอดจากแสงวาบ ๓.๗๐ ๙.๐๐ ๑๘.๐๐ ๓๑.๐
จอตาไหม้ ๓๓.๐๐ ๔๙.๐๐ ๖๖.๐๐ ๘๔.๐
ผลจากรังสีก่อไอออน
๕๐ cGy ค่าเริ่มต้นของผลเฉียบพลัน ๑.๑๐ ๑.๖๐ ๒.๒๐ ๓.๑
๑๐๐ cGy เสียชีวิต<๕% หลายปี ๑.๐๐ ๑.๕๐ ๒.๐๐ ๓.๐
๔๕๐ cGy เสียชีวิต ๕๐% หลายสัปดาห์ ๐.๗๗ ๑.๒๐ ๑.๗๐ ๒.๖
๑,๐๐๐ cGy เสียชีวิต ๑๐๐% ไม่กี่วัน ๐.๖๕ ๑.๐๐ ๑.๖๐ ๒.๔
๑๐,๐๐๐ cGy เสียชีวิต ๑๐๐% <๑ วัน ๐.๓๖ ๐.๖๖ ๑.๑๐ ๑.๙
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 67
หมายเหตุ :
๑
การได้รับหรือบาดเจ็บจากสารเคมีและชีวะ อาจส่งผลต่อการตอบสนองต่อการได้รับรังสี
๒
ตัวอย่างภารกิจที่ส�ำคัญ คือการปฏิบัติการที่จะช่วยลดอันตรายของก�ำลังพลหรือป้องกันความเสียหาย
จากการแพร่กระจาย
๓
ตัวอย่างภารกิจที่เร่งด่วน คือการปฏิบัติการช่วยชีวิต
4
LI คือเกณฑ์การเจ็บป่วยของก�ำลังพลที่ระดับรังสีต�่ำที่สุดที่ท�ำให้ศักยภาพในการปฏิบัติหน้าที่ลดลง
(เช่น ๒๕-๗๕%) ภายใน ๓ ชั่วโมง ซึ่งการเจ็บป่วยนั้นจะยังคงอยู่จนถึงขั้นเสียชีวิต หรือมีอาการดีขึ้น
หรืออยู่ในภาวะด้อยประสิทธิภาพการรบ ในเวลา ๖ สัปดาห์
หมายเหตุ :
๑. เกณฑ์ RES แบ่งตามปริมาณรังสีที่ได้รับก่อนหน้า และค่าเกณฑ์ความเสี่ยงจะถูกแบ่งเป็นช่วง ๆ
ในแต่ละ RES ตามปริมาณรังสีสะสมที่เพิ่มขึ้น
๒. ผบ.หน่วยเป็นผู้สั่งลดระดับเกณฑ์ RES โดยต้องได้รับค�ำแนะน�ำจากแพทย์ ภายหลังด�ำเนิน
การสังเกตสุขภาพของก�ำลังพลที่ได้รับรังสีอย่างทั่วถึง
๓. การได้รบั รังสีทกุ ประเภทให้พจิ ารณาเป็นการได้รบั รังสีทวั่ ร่างกาย แม้จะมีการฟืน้ ตัวจากการบาดเจ็บ
เมื่อได้รับรังสีก็ตาม
๔. ก�ำหนดเกณฑ์ RES-1 และ RES-2 ให้หน่วยก็ต่อเมื่อไม่ทราบปริมาณรังสีสะสมทั้งหมดที่หน่วยได้รับ
ก่อนหน้า
๕. แต่ละเกณฑ์ความเสี่ยงสามารถน�ำไปใช้กับอันตรายจากรังสี ที่เกิดจากการปฏิบัติการทั้งต่อข้าศึก
และพันธมิตร รวมถึงจากการใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อสนับสนุนการยิงให้แก่ฝ่ายเดียวกัน
ตาราง ค-๕ ผลทางกายภาพจากการได้รับรังสี๑
ค่าประมาณปริมาณรังสี ศักยภาพในการ ช่วงระยะการเกิดอาการ3 ให้ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ได้รับ ให้การดูแล
อาการ
ทั้งหมดที่ได้รับ (cGy)2 ปฏิบัติงาน เริ่ม สิ้นสุด การดูแลทางการแพทย์4 ทางการแพทย์4
และอาเจียน ๕%
๗๕-๑๒๕ CE คลื่นไส้เพียงชั่วครู่ และ ๓-๕ ๑ วัน ปฏิบัติภารกิจที่จ�ำกัด ปฏิบัติภารกิจที่จ�ำกัด
อาเจียน ๕-๓๐%
๑๒๕-๓๐๐ DT: PD ๔ ชม. คลื่นไส้บ้างและอาเจียน ๒-๓ ๒ วัน ปฏิบัติภารกิจที่จ�ำกัด ปฏิบัติภารกิจที่จ�ำกัด
LD5-LD10 จนอาการดีขึ้น ๒๐-๗๐% ของก�ำลังพล
UT: อาจต้องมีการดูแลทางการ
PD 6-24 ชม. อ่อนแรงและเหนื่อยล้า แพทย์ ๓-๕ วัน ให้กับก�ำลัง
อาการดีขึ้นใน ๒๕-๖๐% ของก�ำลังพล พล ๑๐-๕๐% เพื่อดูแลการ
๖ สัปดาห์ ติดเชื้อ การเสียเลือด และ
71
อาการไข้
72
ตาราง ค-๕ ผลทางกายภาพจากการได้รับรังสี (ต่อ)
๓๐๐-๕๓๐ DT: PD 3 ชม. จนเสียชีวิต หรือ คลื่ น ไส้ แ ละอาเจี ย น ๕๐- ๒ ๓-๔ วัน ภายหลัง ๕ สัปดาห์ ผู้รอด ปฏิบัติภารกิจที่
LD10-LD50 อาการดีขึ้น ๑๐๐% ชีวิตสามารถกลับไป จ�ำกัด
UT: ล้าอ่อนแรง ๕๐-๙๐% ปฏิบัติงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ ๕
PD 4 ชม. – 2 วัน ๒-๕ สั ป ดาห์ : ๒๐-๖๐% อาจต้องให้ออกจากพื้นที่ อาจต้องให้ออกจาก
PD 2 สัปดาห์จน ติดเชื้อ, เสียเลือด, เป็นไข้, พื้นที่
ถึงเสียชีวิตหรืออาการ แผลติดเชื้อ, เบื่ออาหาร และ
ดีขึ้น ท้องร่วง
๕๓๐-๘๓๐ DT: คลืน่ ไส้และอาเจียนปานกลาง <๑ วันจนถึง ระยะเกิดอาการยาว ส่งต่อให้แพทย์ผู้
LD50-LD90 PD 1 ชม. – 3 สัปดาห์ ถึงรุนแรง ๕๐-๑๐๐% ของ สัปดาห์ เสียชีวิตได้ภายใน ๖ สัปดาห์ เชีย่ วชาญโดยเร็ว
CI จนเสียชีวิต ก�ำลังพล ก่อนแสดงอาการ
UT: ระยะเกิดอาการสั้น บาดเจ็บ
PD 2 ชม. – 2 วัน อ่อนแรงและเหนื่อยล้า เสียชีวิตได้ภายใน ๓-๕
CE 4-7 วัน ปานกลางถึงรุนแรง สัปดาห์
PD 7 วัน – 4 สัปดาห์ ๙๐-๑๐๐% ของก�ำลังพล
CI 4 สัปดาห์จนเสียชีวติ ๑๐ วัน – ๕ สัปดาห์ :
หรืออาการดีขึ้น ๕๐-๑๐๐% ติ ด เชื้ อ , เสี ย
เลือด, เป็นไข้, เบื่ออาหาร,
แผลติดเชือ้ , ท้องร่วง, คลืน่ ไส้,
อาเจียน, น�้ำและเกลือแร่ไม่
สมดุล และความดันโลหิตต�่ำ
ภาคผนวก ค
ตาราง ค-๕ ผลทางกายภาพจากการได้รับรังสี (ต่อ)
ช่วงระยะการเกิดอาการ๓ ให้ปฏิบัติหน้าที่โดย
ค่าประมาณปริมาณรังสี ให้การดูแล
ศักยภาพในการปฏิบัติงาน อาการ ไม่ได้รับการดูแล
ทั้งหมดที่ได้รับ (cGy)2 เริ่ม สิ้นสุด ทางการแพทย์๔
ทางการแพทย์๔
๘๓๐-๓,๐๐๐+ DT: คลื่นไส้อย่างรุนแรง, <๓ นาที เสียชีวิต อาจเสียชีวิต 1,000 cGy: เสียชีวิต
LD90-LD100
PD 45 นาที – 3 ชม. อาเจียน, ใน ๒-๓ สัปดาห์
CI 3 ชม. จนเสียชีวิต ล้าอ่อนแรง,
UT: มึนงง, สับสน, 3,000 cGy: เสียชีวิต
PD 1-7 ชม. เกิดไข้สูง, ระบบ ใน ๕-๑๐ วัน
CI 7-24 ชม. หมุนเวียนโลหิต
PD 1-4 วัน ล้มเหลว หากท�ำได้ให้ส่งต่อให้
CI 4 วัน จนเสียชีวิต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
แต่ส่วนใหญ่มักไม่รอด
ชีวิต
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน.
หมายเหตุ :
CE–Combat Effective = ก�ำลังพลมีประสิทธิภาพการรบมากกว่า ๗๕% เทียบกับก่อนการได้รับรังสี
PD–Performance Decrement or Partially Degraded = ก�ำลังพลที่มีประสิทธิภาพการรบต�่ำลงเหลือเพียง ๒๕-๗๕% เทียบกับก่อนการได้รับรังสี
CI–Combat Ineffective = ก�ำลังพลที่ด้อยประสิทธิภาพการรบ คือมีประสิทธิภาพการรบต�่ำกว่า ๒๕% เทียบกับก่อนการได้รับรังสี
DT–Demanding Task = งานที่ต้องใช้แรง
UT–Undemanding Task = งานเอกสาร งานนั่งโต๊ะ
1
ดูเพิ่มเติมเรื่อง การรักษาผู้บาดเจ็บจากรังสีและนิวเคลียร์
2
เกณฑ์ที่ยอมให้รับได้ส�ำหรับผู้ปฏิบัติงานทางรังสี : 5 cGy = มีความเสี่ยงตลอดชีวิตในการเป็นมะเร็งร้ายแรงเพิ่มขึ้น ๐.๘%
3
ระยะเวลาเป็น ชั่วโมง หากนอกเหนือจากนี้จะระบุไว้
4
ขอค�ำปรึกษาส�ำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
5
ห้ามมิให้ได้รับรังสีเพิ่มเติม ก�ำลังพลมีความอ่อนแอต่อเชื้อโรคและบาดแผล เนื่องจากภาวะการติดเชื้อ
73
74 ภาคผนวก ค
๕. สารรังสีที่มีความส�ำคัญทางทหาร
ก�ำลังรบสามารถได้รบั รังสีจากต้นก�ำเนิดรังสีหลากหลายชนิด บางชนิดก็เป็นอันตรายมาก
สารรังสีที่มีความส�ำคัญทางทหาร มีรายละเอียดดังนี้
๕.๑ อะเมริเซียม
ก. อะเมริเซียม-๒๔๑ (241Am) เป็นนิวไคลด์ลูกจากการสลายตัวของธาตุยูเรเนียม
241
Am สลายตัวให้อนุภาคแอลฟาและรังสีแกมมาพลังงานต�่ำ สามารถตรวจวัดได้โดยเครื่องวัดรังสี
ประเภทเครือ่ งวัดรังสีในสนามส�ำหรับรังสีพลังงานต�ำ่ (Field instrument for detection of low-
energy radiation, FIDLER) ที่สามารถวัดรังสีแกมมาที่มีพลังงาน 60 kEv ได้
ข. อะเมริเซียมใช้ในอุปกรณ์ตรวจจับควันและอุปกรณ์อื่น ๆ และพบได้ในฝุ่น
กัมมันตรังสีจากการระเบิดนิวเคลียร์ และเป็นต้นก�ำเนิดรังสีแบบปิดผนึกใช้ในเครื่องตรวจจับ
สารเคมีทางทหาร M43A1 ของระบบเตือนภัย M8A1
76 ภาคผนวก ค
ได้รับรังสีสูงเกินค่าที่ยอมให้รับได้ส�ำหรับประชาชนทั่วไป แต่จะไม่สูงเกินค่าที่ยอมให้รับได้ส�ำหรับ
ผู้ปฏิบัติงานทางรังสี ดังนั้น DU จึงไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามทางรังสี และสามารถตรวจวัดได้โดย
เครื่องวัดรังสีแบบมีหน้าต่างหรือไกเกอร์-มูลเลอร์ เคาน์เตอร์ (Geiger-MuellerTM counter)
ข. แม้ DU จะไม่ใช่ภัยทางเคมีหรือรังสี แต่สามารถท�ำให้เกิดอันตรายจากความ
เป็นพิษของสารเคมีได้ และอาจก่อให้เกิดผลต่อสุขภาพในระยะยาวหากได้รับเข้าสู่ร่างกาย การได้
รับเข้าสู่ร่างกายจากการหายใจถือเป็นข้อกังวลหลัก
ค. เมือ่ หายใจเอา DU เข้าสูร่ า่ งกาย จะถูกเผาผลาญและถูกขับออกมาทางปัสสาวะ
ก�ำลังพลอาจได้รับ DU ออกไซด์จากการหายใจขณะมีการยิงของรถถัง หรือเข้าไปในยานยนต์
หุ้มเกราะที่ถูกท�ำลายโดยไม่ได้สวมหน้ากากป้องกัน แต่การดูดซึม DU พิจารณาจากสถานภาพทาง
เคมีเท่านั้น (เฉพาะเกลือยูเรเนียมเท่านั้นที่ถูกดูดซึม) หากมีสะเก็ดของ DU ในบาดแผล จะสามารถ
กระจายไปทั่วร่างกายได้ โดยเฉพาะที่กระดูกและไต จากการย่อยสลายโดยกระบวนการเผาผลาญ
อาหารของร่างกาย
๕.๕ ไอโอดีน
ก. ไอโอดีน-๑๓๑, -๑๓๒, -๑๓๔ และ -๑๓๕ ถูกพบได้หากเกิดอุบัติเหตุของ
ปฏิกรณ์นิวเคลียร์ รวมถึงการท�ำลายปฏิกรณ์นิวเคลียร์ สารกัมมันตรังสีไอโอดีนเป็นผลผลิตการ
แบ่งแยกนิวเคลียส (ฟิชชันโปรดักส์) ทีพ่ บปกติในแท่งเชือ้ เพลิง เล็ดลอดออกมาได้ทางรอยแตกของ
แกนปฏิกรณ์และอาคารคลุมแกนปฏิกรณ์ ไอโอดีนสลายตัวให้รังสีบีตาเป็นหลักและแกมมา
ข. สามารถก่อให้เกิดอันตรายโดยตรงต่อต่อมไทรอยด์ เนื่องจากต่อมไทรอยด์จะ
มีการดูดซึมและกักเก็บไอโอดีนกัมมันตรังสีไว้ เช่นเดียวกับการใช้ไอโอดีนกัมมันตรังสีในการรักษา
และสามารถก่อให้เกิดการแผ่รังสีได้ จากเหตุการณ์การระเบิดของโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล มีหลักฐาน
ผู้ป่วยเด็กจ�ำนวนมากที่เป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์
๕.๖ นิกเกิล-๖๓ สลายตัวให้บีตาและมีครึ่งชีวิต ๙๒ ปี ใช้ในเครื่องตรวจหาสารเคมีทาง
ทหาร CAMs บีตาทีป่ ลดปล่อยจากนิกเกิล-๖๓ มีพลังงานต�ำ่ มากจนไม่สามารถทะลุผา่ นเซลล์ผวิ หนัง
ชั้นนอกได้ อย่างไรก็ดี ต้องระมัดระวังไม่ให้มีการน�ำเข้าสู่ร่างกาย
๕.๗ ฟอสฟอรัส
ก. ฟอสฟอรัส-๓๒ (32P) พบได้ในห้องปฏิบตั กิ ารวิจยั และในโรงพยาบาล สลายตัว
ให้บีตา
ข. ฟอสฟอรัสถูกดูดซึมได้ทุกส่วนในร่างกาย และจะสะสมที่ไขกระดูก การได้รับ
เฉพาะที่จะท�ำให้เซลล์ตาย
78 ภาคผนวก ค
๕.๘ พลูโตเนียม
ก. พลูโตเนียม-๒๓๘ และ -๒๓๙ (238และ 239Pu) เป็นวัสดุกัมมันตรังสีล�ำดับแรก
ในการเกิดปฏิกริ ยิ าฟิชชันของอาวุธนิวเคลียร์ และเป็นวัสดุกมั มันตรังสีทเี่ กิดการปนเปือ้ นหลักหาก
เกิดอุบตั เิ หตุจากอาวุธนิวเคลียร์ สลายตัวให้อนุภาคแอลฟาจึงไม่ทำ� ให้เกิดอันตรายจากรังสีภายนอก
ร่างกาย การปนเปื้อนมักเกิดร่วมกับอะเมริเซียม ที่สามารถตรวจวัดได้โดยใช้หัววัดแกมมาชนิดที่มี
ผนังของหัววัดบาง
ข. อนุภาคที่มีขนาดเล็ก ประมาณ ๕ ไมครอน จะถูกกักไว้ที่ปอดและผ่าน
กระบวนการเผาผลาญในรูปแบบของเกลือ อนุภาคที่เหลืออยู่จะท�ำให้เกิดความเสียหายจาก
การแผ่รังสีเฉพาะที่ การดูดซึมโดยระบบทางเดินอาหารนั้นขึ้นกับสภาวะทางเคมีของพลูโตเนียม
เมื่อผ่านไป ๒๔ ชั่วโมงจะถูกตรวจพบในตัวอย่างอุจจาระ และถูกตรวจพบในตัวอย่างปัสสาวะเมื่อ
ผ่านไป ๒ สัปดาห์ สามารถช�ำระล้างยูเรเนียมออกจากผิวหนังที่ไม่มีบาดแผลได้
๕.๙ เรเดียม
ก. เรเดียม-๒๒๖ (226Ra) พบในอุปกรณ์ที่มีสารเรืองแสงของสหภาพโซเวียต ใช้ใน
ทางอุตสาหกรรม หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์แบบเก่า สลายตัวให้อนุภาคแอลฟา แต่สารกัมมันตรังสี
ทีไ่ ด้จากการสลายตัว จะสลายตัวให้บตี าและแกมมา ถ้ามีปริมาณมากอาจท�ำให้เกิดอันตรายร้ายแรง
จากการได้รับรังสีภายนอกร่างกายได้
ข. การได้รบั เรเดียมโดยส่วนใหญ่เป็นการได้รบั จากการบริโภค และถูกดูดซึม ๓๐
เปอร์เซ็นต์ ส�ำหรับการดูดซึมทางบาดแผลยังไม่เป็นที่แน่ชัด และเรเดียมจะไปสะสมที่กระดูก
เช่นเดียวกับแคลเซียม การได้รับเป็นเวลานานท�ำให้เกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemia) ภาวะ
ไขกระดูกฝ่อ (aplastic anemia) และเกิดก้อนเนื้อที่เป็นมะเร็ง (sarcomas)
๕.๑๐ สตรอนเชียม
ก. สตรอนเชียม-๙๐ (90Sr) ได้จากการสลายตัวจากปฏิกิริยาฟิชชันของยูเรเนียม
สตรอนเชียมและนิวไคลด์ลกู สลายตัวให้บตี าและแกมมา และท�ำให้เกิดจากการได้รบั รังสีภายนอก
ร่างกายได้หากได้รับในปริมาณที่สูง
ข. สตรอนเชียมถูกดูดซึมได้เช่นเดียวกับแคลเซียม และจะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็ว
ผ่านระบบทางเดินหายใจและระบบย่อยอาหาร หากได้รับสูงถึง ๕๐ เปอร์เซ็นต์ จะถูกสะสมไว้ที่
กระดูก
๕.๑๑ ทอเรียม-๒๓๒
ก. ทอเรียม-๒๓๒ เป็นสารกัมมันตรังสีตามธรรมชาติและสลายตัวให้แอลฟา
ข. เมือ่ ได้รบั ความร้อนจะให้แสงสีขาว จึงใช้ในการผลิตไส้ตะเกียงเจ้าพายุ และใช้
ในเครื่องวัดรังสี AN/VDR-2, AN/PDR-54 และ AN/PDR-77 เพื่อเป็นต้นก�ำเนิดรังสีภายใน ส�ำหรับ
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 79
๑. กล่าวทั่วไป
การใช้รายงานทางอุตุนิยมวิทยา
ใช้เป็นพื้นฐานในการประเมินการก�ำหนดข้อมูลสภาพอากาศ ถ้าปัจจัยของสภาพ
แวดล้อมมีส่วนเอื้ออ�ำนวยข้าศึกในการใช้อาวุธ คชรน.
ใช้ประกอบเครื่องมือหมายจุดเพื่อพยากรณ์พื้นที่อันตรายตามลมและรูปแบบการตก
ของฝุ่นกัมมันตรังสี
เพื่อประเมินอิทธิพลของอากาศตามฤดูกาลต่อประสิทธิภาพอาวุธ คชรน.
๑.๑ อุตุนิยมวิทยา เป็นการวิเคราะห์ข่าวสารสภาพอากาศที่ส�ำคัญ เพื่อก�ำหนดอิทธิพล
ของสภาพบรรยากาศที่มีผลต่อการใช้อาวุธ คชรน. วิเคราะห์ฤดูกาลหรือความแปรปรวนตามปกติ
ของสภาพอากาศในห้วงเดือน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการใช้อาวุธ คชรน.
๑.๒ ฝ่ายข่าวกรองต้องแน่ใจว่าข่าวสารทิศทางลม (EDMs) และข่าวสารพยากรณ์
อากาศอันตรายตามลมจากสารเคมี (CDMs) ที่ส่งไปยังหน่วยรองได้มีการประสานกับนายทหาร
อุตุนิยมกองทัพอากาศ
๑.๓ ฝ่ายอ�ำนวยการ คชรน.ต้องประสานกันอย่างใกล้ชดิ กับฝ่ายข่าวกรองและเจ้าหน้าที่
อุตุนิยมวิทยา
๑.๔ ฝ่ายอ�ำนวยการ คชรน.มีความรับผิดชอบในการป้องกัน คชรน.ในการจัดก�ำลังทหาร
ทุกครั้งของการสั่งการ จึงต้องประเมินปัจจัยสภาพแวดล้อมของบรรยากาศ ที่มีส่วนช่วยข้าศึกใน
กรณีใช้อาวุธ คชรน.
๑.๕ ฝ่ า ยอ� ำ นวยการ คชรน.จั ด ท� ำ การพยากรณ์ พื้ น ที่ เ ปื ้ อ นพิ ษ เพื่ อ เพิ่ ม การ
เฝ้าระวังของผู้บังคับบัญชา
๒. อิทธิพลของสภาพอากาศต่อสาร คชรน. (Weather Effects on CBRN Agents)
สภาพอากาศสามารถส่งผลต่อสาร คชรน.ได้หลายทาง ในบางครั้งสามารถท�ำให้สารคง
ความเป็นพิษในสนามรบได้ยาวนานขึ้น บางครั้งท�ำให้สารเสื่อมสลายได้เร็วขึ้น
๒.๑ นิวเคลียร์ (Nuclear)
สภาพใด ๆ ที่ส่งผลต่อการมองเห็นหรือความโปร่งใสของอากาศ จะมีผลกระทบ
การส่งผ่านของรังสีความร้อน เมฆ, ควัน (ควันเทียม), หิมะ, หมอกและฝนจะดูดซับ และกระจาย
พลังงานความร้อนได้ ขึ้นกับความหนาแน่นของการปกคลุม ซึ่งสามารถหยุดการกระจายพลังงาน
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 81
ข. ลมพื้นผิวมีบทบาทส�ำคัญในการก�ำหนดต�ำแหน่งสุดท้ายของการตก
ของฝุ่นกัมมันตรังสีซึ่งจะถูกสะสมในฝุ่นละอองและลมยังเป็นสาเหตุให้ฝุ่นกัมมันตรังสี ไปสะสม
เฉพาะจุดอยู่ตามรอยแยก, คูน�้ำและท่อ ผลนี้ท�ำให้ไม่สามารถพยากรณ์เฉพาะแห่งได้ ดังนั้นก�ำลัง
พลต้องตระหนักถึงความเป็นไปได้ของการสะสมวัตถุกัมมันตรังสีที่มีความเข้มเกิดสูงขึ้นในสถานที่
ตามธรรมชาติ
๒.๑.๓ การปฏิบตั กิ ารในสภาพอากาศต�ำ่ กว่าศูนย์องศา (Cold-Weather Operations)
ก. สภาพอากาศจะจ�ำกัดจ�ำนวนของผู้ที่ผ่านไปมาบนถนน การเปื้อนพิษ
กัมมันตรังสีบนถนน ท�ำให้การส่งก�ำลังเพิม่ เติมและการเคลือ่ นทีข่ องกองทหารเป็นไปได้อย่างล�ำบาก
ลมที่พัดแรงตามฤดูกาลในเขตอาร์กติก อาจจะเป็นปัญหาในการพยากรณ์การเปื้อนพิษ ลมนี้อาจ
จะลดอัตรารังสีที่ศูนย์ระเบิดบนผิวพื้น และในเวลาเดียวกันลมจะท�ำให้การเปื้อนพิษปกคลุมพื้นที่
มากขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาส�ำหรับชุดส�ำรวจและชุดตรวจสอบ จุดอันตรายหรือพื้นที่ที่มีการเปื้อนพิษ
กัมมันตรังสีเข้มข้นอาจเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีหิมะหนาและมีการเคลื่อนตัวของหิมะ
ข. ที่อุณหภูมิต�่ำกว่าศูนย์ รัศมีของความเสียหายไปยังวัตถุเป้าหมาย
จะเพิม่ ขึน้ ได้มากถึง ๒๐% ผลของการระเบิดจะขัดขวางการเคลือ่ นทีข่ องกองทหารอย่างเด็ดขาดโดย
แผ่นน�ำ้ แข็งทีป่ กคลุมจะแตกออกและละลายอย่างรวดเร็ว ผลเหล่านีเ้ ป็นสาเหตุให้มหี มิ ะถล่มในพืน้ ที่
ภูเขา ในพื้นที่ราบการระเบิดอาจจะท�ำให้ชั้นใต้ดินที่เป็นน�้ำแข็งเสียหายท�ำให้จ�ำกัดการเคลื่อนที่ได้
ค. ธรรมชาติของการสะท้อนแสงของพืน้ ผิวเหนือต�ำแหน่งทีอ่ าวุธนิวเคลียร์
ระเบิดจะมีอิทธิพลอย่างมีนัยส�ำคัญต่อระยะทางที่แรงระเบิดจะแผ่ขยายออกไป โดยทั่วไปแล้ว
พื้นผิวที่สะท้อนแสง (เช่น ชั้นบาง ๆ ของน�้ำแข็ง หิมะและน�้ำ) จะช่วยเพิ่มระยะทางในการแผ่ขยาย
ของความดันสูงกว่าบรรยากาศ
ง. ความสามารถสูงในการสะท้อนแสงของน�ำ้ แข็งและหิมะอาจจะเพิม่ ระยะ
ปลอดภัยทีใ่ กล้ทสี่ ดุ (MSD) ได้มากถึง ๕๐% ส�ำหรับกองทหารทีไ่ ม่ได้รบั การเตือนภัยและได้รบั การ
เตือนภัย กองทหารทีอ่ ยูใ่ นทีโ่ ล่ง ความสามารถในการสะท้อนแสงอาจจะเพิม่ จ�ำนวนของก�ำลังพลที่
ได้รับผลกระทบจากการมองแสงวาบหรือลานตาโดยเฉพาะตอนกลางคืน
จ. อุณหภูมติ ำ�่ กว่าศูนย์องศาจะลดผลกระทบของความร้อนต่อวัตถุ, หิมะ,
น�ำ้ แข็ง และการปกคลุมของสภาพอากาศทีต่ ำ�่ กว่าจุดเยือกแข็งบนวัสดุทไี่ หม้ไฟได้จะติดไฟได้ยากขึน้
อย่างไรก็ตามผลของความร้อนจะท�ำให้เขต tundra (พื้นที่ราบกว้างในเขตอาร์กติก) แห้งสนิทและ
หญ้าอาจลุกเป็นไฟได้
๒.๑.๔ การปฏิบัติการในพื้นที่ภูเขา (Mountain Operations)
ก. อากาศที่แจ่มใสบนภูเขาจะเพิ่มขอบเขตของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากผล
ของความร้อน อย่างไรก็ตามภายในขอบเขตนี้ การสวมเสื้อผ้ามากขึ้นเพื่อป้องกันความเย็นที่ระดับ
ความสูงจะลดผู้ได้รับบาดเจ็บจากความร้อน
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 83
ข. ในพื้นที่ภูเขา การสะสมของการเปื้อนพิษกัมมันตรังสีจะเปลี่ยนแปลง
อย่างมากตลอดเวลา เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบความเร็วลมอย่างรวดเร็ว จุดเปื้อนพิษอาจ
เกิดไกลจากต�ำแหน่งที่เกิดการระเบิด และพื้นที่ที่ใกล้กับต�ำแหน่งที่เกิดการระเบิด อาจมีความ
เข้มข้นกัมมันตรังสีต�่ำ การเคลื่อนที่ที่ถูกจ�ำกัด ท�ำให้การส�ำรวจกัมมันตรังสีบนพื้นดินเป็นไปได้ยาก
และความยุง่ ยากของการรักษาการบินทีร่ ะดับความสูงให้คงทีท่ ำ� ให้การส�ำรวจทางอากาศไม่แม่นย�ำ
๒.๑.๕ การปฏิบัติการในทะเลทราย (Desert Operations) การปฏิบัติการใน
ทะเลทรายจะมีปญ ั หาการเปลีย่ นแปลงมาก อุณหภูมชิ ว่ งกลางวันทะเลทรายเปลีย่ นแปลงได้ระหว่าง
90๐ F - 125๐ F (32๐ C - 52๐ C) และอัตราการขึ้นลงอุณหภูมิไม่แน่นอน อย่างไรก็ตามช่วงพลบค�่ำ
ทะเลทรายเย็นลงอย่างรวดเร็วและอัตราการเปลีย่ นแปลงอุณหภูมคิ งที่ ความเป็นไปได้ของการโจมตี
ช่วงกลางคืนจะต้องน�ำมาพิจารณาในการวางแผนทั้งหมด การพัดพาของลมและทรายท�ำให้เป็นไป
ได้ที่จะมีแบบส�ำรวจกัมมันตรังสีในวงกว้าง
๒.๑.๖ การปฏิบัติการในพื้นที่ป่า (Jungle Operations) การแผ่รังสีอาจจะลด
ลงเนื่องจากต้นไม้ในป่ากักฝุ่นกัมมันตรังสีบางส่วนไว้ อย่างไรก็ตาม ต่อมาฝนจะชะล้างอนุภาคไปสู่
พื้นดินและสะสมอยู่ในพื้นที่เก็บน�้ำ ท�ำให้เกิดจุดอันตรายของการแผ่รังสี
๒.๒ ชีววิทยา (Biological)
๒.๒.๑ ความคงตัวของอากาศ (Air Stability) บรรยากาศทีม่ คี วามคงตัวของอากาศ
จะมีผลให้เกิดก้อนเมฆขนาดใหญ่และพื้นที่การปกคลุมของสารชีวะ ภายใต้อากาศที่ไม่คงตัวและมี
ความคงตัวเป็นกลางท�ำให้บรรยากาศมีการผสมกันมากขึน้ ความเข้มข้นเมฆสารชีวะทีป่ กคลุมพืน้ ที่
จะลดน้อยลงได้ แต่ความเข้มข้นก็มากเพียงพอที่จะท�ำให้เกิดการเจ็บป่วย
84 ภาคผนวก ง
ของจุลนิ ทรียใ์ นแอโรซอลแห้งเพิม่ ขึน้ เนือ่ งจากความชืน้ จะเร่งวงจรชีวติ ของเชือ้ โรค สารพิษส่วนใหญ่
จะมีความคงทนมากกว่าเชือ้ โรคและทนทานต่อการเปลีย่ นแปลงของความชืน้ สัมพัทธ์มากกว่าเชือ้ โรค
๒.๒.๔ มลภาวะ (Pollutants) ก๊าซที่เป็นมลพิษในบรรยากาศจะส่งผลต่อการ
อยู่รอดของเชื้อโรค ก๊าซที่เป็นมลพิษจะท�ำให้เชื้อโรคจ�ำนวนมากลดจ�ำนวนลงก๊าซเหล่านี้ได้แก่
ไนโตรเจนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์, โอโซนและคาร์บอนมอนนอกไซด์ เรื่องนี้อาจเป็นปัจจัย
ส�ำคัญในสนามรบที่มีอากาศเสียเกิดบ่อยครั้ง
๒.๒.๕ การปกคลุมของเมฆ (Cloud Coverage) การปกคลุมของเมฆจะลดปริมาณ
รังสีอัลตราไวโอเลตที่เชื้อจะได้รับ การปกคลุมของเมฆจะเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่ออุณหภูมิพื้นดิน
และความชื้นสัมพัทธ์
๒.๒.๖ หยาดน�้ ำ ฟ้ า (Precipitation) หยาดน�้ ำ ฟ้ า อาจชะล้ า งอนุ ภ าคที่
แขวนลอยในอากาศ การชะล้ า งนี้ อ าจเห็ น ได้ ชั ด ในพายุ ฝ นขนาดใหญ่ ความชื้ น สั ม พั ท ธ์ สู ง
ที่ สั ม พั น ธ์ กั บ หมอก, ละอองฝนหรื อ ฝนที่ ต กเล็ ก น้ อ ยมากก็ เ ป็ น ปั จ จั ย ส� ำ คั ญ ด้ ว ย ความชื้ น
อาจเอื้ อ อ� ำ นวยหรื อ ไม่ เ อื้ อ อ� ำ นวยขึ้ น กั บ ประเภทของสารพิ ษ อุ ณ หภู มิ ต�่ ำ มี ค วามสั ม พั น ธ์
กับน�้ำแข็ง, หิมะและหยาดน�้ำฟ้าในฤดูหนาวจะท�ำให้อายุของสารชีวะส่วนใหญ่ยาวนานขึ้น
๒.๓ เคมี (Chemical)
ข้าศึกจะหาวิธีใช้สารเคมีภายใต้สภาพอากาศที่เอื้ออ�ำนวยถ้าเป็นไปได้เพื่อเพิ่ม
ประสิทธิภาพสารเคมี
ตาราง ง-๒ อิทธิพลของสภาพอากาศต่อการกระจายของแอโรซอลสารเคมี
ความเร็วลม ความคงตัว
ปัจจัย อุณหภูมิ (0C) ความชื้น % หยาดน�้ำฟ้า
กม./ชม. ของอากาศ
เอื้ออ�ำนวย คงที่ < ๕ คงที่ > ๒๑ >๖๐ ไม่มี
ปานกลาง คงที่ ๕-๑๓ เป็นกลาง ๔-๒๑ ๔๐-๖๐ เล็กน้อย
ไม่เอื้ออ�ำนวย > ๑๓ ไม่คงที่ <๔ < ๔๐ มีบ้าง
๒.๓.๑ ความคงตัวของชั้นบรรยากาศ (Atmospheric Stability) หนึ่งในปัจจัย
ส�ำคัญในการใช้อาวุธเคมีคอื การก�ำหนดสภาพความคงตัวของบรรยากาศ ณ เวลาโจมตี การก�ำหนด
นี้ สามารถท�ำจากรายงานทางอุตุนิยมวิทยาหรือโดยการสังเกตสภาวะในสนาม
ก. สภาพอากาศไม่คงที่ (เช่น กระแสอากาศขึ้นลง และการเคลื่อนที่
ของอากาศไม่สม�่ำเสมออย่างรุนแรง) จะกระจายสารเคมีอย่างรวดเร็ว สภาพอากาศไม่คงที่จะไม่
เอื้ออ�ำนวยต่อการใช้สารเคมี เพราะผลท�ำให้ความเข้มข้นสารเคมีน้อยลงฉะนั้นจะลดพื้นที่ท่ีได้รับ
ผลกระทบจากสาร
86 ภาคผนวก ง
การดูดซึมเป็นกระบวนการที่สารพิษถูกน�ำเข้าสู่พืชพันธุ์, ผิวหนัง,
ดินหรือวัตถุ มีความส�ำคัญในพืชที่หนาแน่น การดูดซึมและการดูดซับสารเคมีเข้าสู่ผิวอาจท�ำให้พืช
ตายได้ ดังนั้นจึงใช้สารเคมีท�ำลายป่าในพื้นที่ท�ำงาน
การเคลื่อนย้ายของกระแสอากาศและการพัดพาของอากาศที่ไม่
สม�ำ่ เสมอในแนวราบจะพัดเมฆเคมีจากด้านหนึง่ ไปอีกด้านหนึง่ เป็นการเคลือ่ นย้ายแบบไม่มที ศิ ทาง
ขณะทีก่ ลุม่ เมฆลอยแบบไร้ทศิ ทางนัน้ กลุม่ เมฆจะแพร่กระจายออกทางด้านข้างด้วย ในสภาพอากาศ
ที่ไม่คงที่การแพร่กระจายออกทางด้านข้างมีแนวโน้มแพร่ออกมากกว่าในสภาพอากาศคงตัว
กระแสลมจะพัดพากลุ่มเมฆเคมีไปตามพื้นดินด้วยการม้วนตัว ซึ่ง
เป็นสาเหตุเกิดจากความเร็วลมที่แตกต่างกัน ความเร็วลมจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากใกล้ศูนย์ที่
พื้นดิน ไปจนถึงความเร็วลมสูงขึ้นที่ระดับสูงกว่าพื้นดิน ผลจากการม้วนลากไปบนพื้นดินร่วมกับ
การกีดขวางของพืชพันธุแ์ ละวัตถุตา่ ง ๆ บนพืน้ ดิน เป็นสาเหตุให้ฐานของกลุม่ เมฆเคมียดื ตัวออกใน
ทางยาว เมื่อกลุ่มเมฆถูกปล่อยบนพื้นดินปริมาณเมฆที่ละพื้นจะขยายตัวเพิ่มขึ้น ๑๐% ในแนวดิ่ง
มากกว่าระยะทางเมือ่ เคลือ่ นทีผ่ า่ นหญ้า, พืน้ ดินทีม่ กี ารไถพรวนหรือพืน้ น�ำ้ และประมาณ ๒๐% เมือ่
อยู่เหนือภูมิประเทศที่เป็นพุ่มไม้และพืชผลที่ก�ำลังเจริญเติบโตหรือพื้นที่ที่มีไม้ใหญ่ขึ้นกระจายเป็น
หย่อม ๆ ในป่าที่มีต้นไม้หนาแน่นผลจากการที่กลุ่มเมฆละสิ่งกีดขวางเหนือพื้นจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ความเร็วลมจะเปลี่ยนแปลงตามระดับความสูง ทิศทางลมสามารถ
เปลีย่ นแปลงเมือ่ ความสูงเพิม่ ขึน้ ชือ่ ทีร่ กู้ นั คือ แรงเฉือนลม (wind shear) เป็นอัตราการเปลีย่ นแปลง
ของความเร็วลมในแนวตั้งฉากต่อทิศทางลม กลุ่มควัน (หรือเมฆเคมี) อาจจะยืดออกในทิศทางตาม
ลมและอาจจะเคลื่อนไปในทิศทางที่แตกต่างจากทิศทางลมบริเวณพื้นผิว นอกจากนี้กลุ่มเมฆเคมีที่
ปล่อยในอากาศอาจจะถูกพัดพาไปได้เร็วกว่าที่กลุ่มเมฆจะแพร่กระจายลงด้านล่าง เป็นผลให้
อากาศใกล้พื้นดินบริเวณขอบด้านหน้าของกลุ่มเมฆอาจจะไม่เปื้อนพิษ ในขณะที่อากาศห่าง
ออกไปไม่กี่ฟุตอาจจะเปื้อนพิษอย่างรุนแรง ผลของชั้นนี้จะเด่นชัดมากขึ้นและเพิ่มขึ้นอย่างเป็น
สัดส่วนกับระยะทางขอบด้านหน้าของกลุ่มเมฆจากแหล่งก�ำเนิด
การเพิม่ ขึน้ ในแนวดิง่ ของกลุม่ เมฆเคมีขนึ้ อยูก่ บั ตัวแปรสภาพอากาศ
(เช่น อัตราการขึ้นหรือลงของอุณหภูมิ ความเร็วลม และความแปรปรวนของอากาศ) และความ
แตกต่างระหว่างความหนาแน่นของเมฆและอากาศโดยรอบ ดังกล่าวในตอนแรกอุณหภูมิของกลุ่ม
เมฆและอากาศนั้นมีอิทธิพลสัมพันธ์กับความหนาแน่น ก๊าชที่ร้อนกว่าจะมีความหนาแน่นน้อยกว่า
ดังนั้นจึงเบากว่าก๊าชและอากาศที่เย็นกว่า ดังนั้นกลุ่มเมฆจะลอยขึ้นสูงจนกระทั่งมีการผสมกับ
อากาศและค่อนข้างเจือจาง จนมีอุณหภูมิเท่ากันและมีความหนาแน่นเกือบเท่ากับอากาศโดยรอบ
88 ภาคผนวก ง
๒.๓.๓ ลม (Wind)
ก. ความเร็วลมทีแ่ รงเป็นสาเหตุให้มกี ารแพร่กระจายของไอหรือแอโรซอล
ดังนั้นจะลดผลกระทบที่เกิดจากการเปื้อนพิษสารเคมีเนื่องจากการปกคลุมของไอเหนือพื้นที่
เป้าหมายมีเวลาน้อยลง เมฆเคมีจะได้รับผลดีที่สุดเมื่อความเร็วลมน้อยกว่า ๔ นอต และทิศทาง
ลมคงที่ กลุ่มเมฆเคลื่อนที่ด้วยลมตามฤดูกาลตามการเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศและพืชพันธุ์ ที่
ความเร็วลมต�ำ่ (๓ – ๗ นอต) และทิศทางคงทีจ่ ะเสริมการปกคลุมพืน้ ทีเ่ ว้นแต่มสี ภาพอากาศไม่คงที่
ข. การระเหยของสารเคมีเหลว เนื่องจากความเร็วลมขึ้นกับพื้นที่ผิวหน้า
ของสารเคมีเหลวและความเร็วลมที่พัดผ่านผิว
ค. อัตราการระเหยของสารพิษในสถานะของเหลวเป็นสัดส่วนกับความเร็ว
ลม ถ้าความเร็วเพิ่มขึ้นการระเหยเพิ่มขึ้น ดังนั้นท�ำให้ห้วงเวลาของการเปื้อนพิษได้ผลสั้นลง
การระเหยที่เพิ่มขึ้นจะสร้างเมฆเป็นไอขนาดใหญ่ขึ้น เมฆพิษถูกแพร่กระจายออกไปด้วยกระแสลม
ทีแ่ รงกว่า การเกิดขึน้ และการกระจายตัวของไอเกิดขึน้ อย่างต่อเนือ่ ง การเพิม่ หรือการลดการระเหย
เป็นสัดส่วนกับความเร็วลม
๒.๓.๔ อุณหภูมิ (Temperature) อัตราการระเหยจะเพิ่มขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น
อัตราการระเหยของสารเคมีเหลวใด ๆ ที่ยังคงอยู่หลังการระเบิดของยุทโธปกรณ์จะปรับเปลี่ยน
ตามอุณหภูมิ
๒.๓.๕ ความชืน้ (Humidity) ความชืน้ คือ การวัดการระเหยของน�ำ้ ทีม่ อี ยูใ่ นอากาศ
และไฮโดรไลซิสคือ กระบวนการแยกสลายสารประกอบด้วยน�ำ้ ความชืน้ สูงจะมีผลให้อตั ราการเกิด
ไฮโดรไลซิสลดลง ความชืน้ มีผลเล็กน้อยต่อกลุม่ เมฆสารเคมีสว่ นใหญ่ สารเคมีบางชนิด (phosgene
และ lewisite) จะถูกไฮโดรไลสได้ค่อนข้างรวดเร็ว ไฮโดรไลซิสเป็นสาเหตุให้สารพิษเหล่านี้แตกตัว
ออกแล้วเปลี่ยนแปลงไปตามคุณลักษณะเฉพาะทางเคมี ถ้าระดับความชื้นสัมพัทธ์สูงกว่า ๗๐%
phosgene และ lewisite จะใช้ไม่ได้ผลยกเว้นบางครัง้ ทีม่ อี ตั ราการไฮโดรไลซิสอย่างรวดเร็ว lewisite
เมื่อผ่านกระบวนการไฮโดรไลซิสแล้วสารที่ได้จะไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง อย่างไรก็ตามยังมี
ความเป็นพิษถ้าเข้าสู่ร่างกาย เนื่องจากมีองค์ประกอบของสารหนู (arsenic) จรวดที่บรรจุสาร CS
จะถูกไฮโดรไลส์แม้จะค่อนข้างช้าในสภาพความชื้นสูง ที่ความชื้นสูงเมื่อรวมเข้ากับอุณหภูมิสูง
อาจจะเพิ่มประสิทธิภาพของสารเคมีบางตัว เนื่องจากร่างกายมีการขับเหงื่อจะท�ำให้ผิวหนังมีการ
ดูดซับสารพิษได้ดีขึ้น
๒.๓.๖ หยาดน�้ำฟ้า (Precipitation)
ก. ผลกระทบโดยรวมของหยาดน�้ำฟ้าไม่เอื้ออ�ำนวย เพราะจะส่งผลอย่าง
รุนแรงในการชะล้างไอสารเคมีและแอโรซอลจากอากาศ, พืชพันธุแ์ ละวัตถุ การพยากรณ์อากาศหรือ
การสังเกตจะบ่งชี้ถึงการมีอยู่หรือความเป็นไปได้ของหยาดน�้ำฟ้า หยาดน�้ำฟ้าเป็นสภาพแวดล้อมที่
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 89
MSGID
ตัวบ่งชี้ข้อความในข่าว
ตัวอย่างเช่น ใช้ MSGID/CDR/AWS/382856/-/-/-//
MSGID/CDR/AWS/382856/-/-/-//
ตัวบ่งชี้รูปแบบของข้อความในข่าว
ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลข ๓ - ๒๐ ตัว
จะต้องระบุเสมอ
MSGID/CDR/AWS/382856/-/-/-//
ผู้ริเริ่มส่งข่าว
ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลข ๑ - ๓๐ ตัว
จะต้องระบุเสมอ
MSGID/CDR/AWS/382856/-/-/-//
เลขล�ำดับของข่าว
เป็นตัวเลข ๑ - ๗ ตัว
จะต้องระบุเสมอ
MSGID/CDR/AWS/382856/-/-/-//
ชื่อเดือน
เป็นอักษร ๓ ตัว
ระบุหรือไม่ก็ได้
MSGID/CDR/AWS/382856/-/-/-//
ผู้เชี่ยวชาญ
เป็นอักษร ๓ ตัว
ระบุหรือไม่ก็ได้
MSGID/CDR/AWS/382856/-/-/-//
เลขล�ำดับของผู้เชี่ยวชาญ
เป็นเลข ๑ - ๓ ตัว
ระบุหรือไม่ก็ได้
REF
หลักฐานอ้างอิง
ตัวอย่างเช่น ใช้ REF/A/CMP/NBCACCUK/20040427/-/-/-//
REF/A/CMP/NBCACCUK/20040427/-/-/-//
94 ภาคผนวก ง
เลขล�ำดับ
เป็นอักษร ๑ ตัว
จะต้องระบุเสมอ
REF/A/CMP/NBCACCUK/20040427/-/-/-//
ประเภทของการสื่อสาร
ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลข ๓ - ๒๐ ตัว
REF/A/CMP/NBCACCUK/20040427/-/-/-//
ผู้ริเริ่ม
ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลข ๑ - ๓๐ ตัว
REF/A/CMP/NBCACCUK/20040427/-/-/-//
วันเวลาของการอ้างอิง
เป็นตัวเลข ๖ ตัว
วันเวลาของการอ้างอิง
เป็นตัวอักษรหรือตัวเลข ๗ ตัว
วันเวลาของการอ้างอิงที่ได้รับการยืนยัน
เป็นตัวอักษรหรือตัวเลข ๘ ตัว
วันเวลาและเดือนของการอ้างอิง
เป็นตัวอักษรและตัวเลข ๑๐ ตัว
วันเวลาและเดือนของการอ้างอิงที่ได้รับการยืนยัน
เป็นตัวอักษรหรือตัวเลข ๑๑ ตัว
วันเวลาของการอ้างอิง
เป็นตัวอักษรหรือตัวเลข ๑๔ ตัว
วันเวลาของการอ้างอิงที่ได้รับการยืนยัน
เป็นตัวอักษรหรือตัวเลข ๑๕ ตัว
วันที่อ้างอิง, วัน–เดือน (เรียงล�ำดับ) – ปี
เป็นตัวอักษรหรือตัวเลข ๙ ตัว
วันที่อ้างอิง, วัน–เดือน–ปี
เป็นตัวเลข ๘ ตัว
วันที่อ้างอิง, ปี–เดือน–วัน
เป็นตัวเลข ๘ ตัว
REF/A/CMP/NBCACCUK/20040427/-/-/-//
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 95
เลขล�ำดับของการอ้างอิงหรือ
เลขล�ำดับของเอกสาร
เป็นตัวอักษรหรือตัวเลข ๑๐ ตัว
จะระบุหรือไม่ก็ได้
REF/A/CMP/NBCACCUK/20040427/-/-/-//
การแจ้งเตือนพิเศษ
เป็นตัวอักษร ๕ ตัว
จะระบุหรือไม่ก็ได้
REF/A/CMP/NBCACCUK/20040427/-/-/-//
รหัสบ่งสัญญาณหรือ
หมายเลขไฟล์
เป็นตัวอักษรหรือตัวเลข ๑ - ๑๐ ตัว
สามารถระบุซ�้ำได้ ๓ ครั้ง
จะระบุหรือไม่ก็ได้
DTG
กลุ่มวันและเวลา
ตัวอย่าง เช่นใช้ DTG/231100ZNOV2004//
DTG/231100ZNOV2004//
วันที่ของเดือน
DTG/231100ZNOV2004//
ระบุเป็นเวลามาตรฐานกรีนิช (เวลาซูลู)
DTG/231100ZNOV2004//
เดือนและปี
ORGIDDFT
ผู้ได้รับมอบหมายขององค์กรให้เป็นผู้ร่างข่าว/ผู้ส่งข่าว
ตัวอย่างเช่น ใช้ ORGIDDFT/UKRA/BAT/UK/AA/BB/CC/DD/AG/A/-//
ORGIDDFT/UKRA/BAT/UK/AA/BB/CC/DD/AG/A/-//
ชื่อหน่วยที่ได้รับมอบหมาย
ประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลขและอักขระพิเศษ ๑ - ๑๕ ตัว
จะต้องระบุเสมอ
ORGIDDFT/UKRA/BAT/UK/AA/BB/CC/DD/AG/A/-//
96 ภาคผนวก ง
ตัวชี้ขนาดของหน่วย
เป็นตัวอักษร ๑ - ๗ ตัว
จะต้องระบุเสมอ
ORGIDDFT/UKRA/BAT/UK/AA/BB/CC/DD/AG/A/-//
สถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของหน่วย
เป็นตัวอักษร ๒ ตัว
จะต้องระบุเสมอ
ORGIDDFT/UKRA/BAT/UK/AA/BB/CC/DD/AG/A/-//
รหัส “A” ระบุบทบาทของหน่วย
เป็นตัวอักษร ๒ ตัว
จะต้องระบุเสมอ
ORGIDDFT/UKRA/BAT/UK/AA/BB/CC/DD/AG/A/-//
รหัส “B” ระบุบทบาทของหน่วย
เป็นตัวอักษร ๒ - ๖ ตัว
จะต้องระบุเสมอ
ORGIDDFT/UKRA/BAT/UK/AA/BB/CC/DD/AG/A/-//
รหัส “C” ระบุบทบาทของหน่วย
เป็นตัวอักษร ๒ - ๖ ตัว
จะต้องระบุเสมอ
ORGIDDFT/UKRA/BAT/UK/AA/BB/CC/DD/AG/A/-//
รหัส “D” ระบุบทบาทของหน่วย
เป็นตัวอักษร ๒ - ๖ ตัว
ORGIDDFT/UKRA/BAT/UK/AA/BB/CC/DD/AG/A/-//
ชื่อหน่วยระดับสูงขึ้น
ประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลขหรืออักขระพิเศษ ๑ - ๑๕ ตัว
จะต้องระบุเสมอ
ORGIDDFT/UKRA/BAT/UK/AA/BB/CC/DD/AG/A/-//
การบริการกองทัพ (ตัวอักษรหรือตัวเลข ๑ ตัว) หรือ
รหัสตัวแทนพลเรือน (ตัวอักษรหรือตัวเลข ๒- ๘ ตัว)
จะต้องระบุเสมอ
ORGIDDFT/UKRA/BAT/UK/AA/BB/CC/DD/AG/A/-//
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 97
รหัสพิสูจน์หน่วย (UIC)
ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลข ๗ - ๙ ตัว
ระบุตามเงื่อนไข
NBCEVENT
ประเภทของรายงานอุตุนิยมวิทยาทาง นชค.
ตัวอย่าง เช่น ใช้ NBCEVENT/CDM/-//
NBCEVENT/CDM/-//
ประเภทของรายงานอากาศ
ข่าวสารลมพื้นฐาน (BMW)
การพยากรณ์ลมพื้นฐาน (BWF)
ข่าวสารทิศทางลม (EDM)
การพยากรณ์ทิศทางลม (EDF)
ข่าวสารอันตรายตามลมของอาวุธเคมี (CDM)
การพยากรณ์อันตรายตามลมของอาวุธเคมี (CDF)
ประกอบด้วยตัวอักษร ๓ ตัว
NBCEVENT/CDM/-//
รหัสเวลาที่ยังใช้งานได้
ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลข ๑ - ๑๐ ตัว
ใช้เฉพาะระบบการประมวลข้อมูลโดยอัตโนมัติเท่านั้น
๓.๖ ค�ำอธิบายหัวข้อต่าง ๆ ที่ใช้ในรายงานอุตุนิยมวิทยา (ADP)
AREAM
พืน้ ทีท่ ไี่ ด้รบั ผลกระทบ; อาจเป็นหมายเลขแผนทีห่ รือพืน้ ทีเ่ ช่น กองทัพน้อยที่ ๑
ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลข ๒ - ๒๐ ตัว
ZULUM
กลุ่มวัน–เวลา ของ :
เวลาที่วัดสภาพอากาศ
ใช้ข้อมูลนี้ได้ตั้งแต่เวลา
ใช้ข้อมูลนี้ได้จนถึงเวลา
ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลข ๑๔ ตัว จ�ำนวน ๓ ชุด
ตัวอย่าง ZULUM
ZULUM/231100ZNOV2004/231200ZNOV2004/231800ZNOV2004//
98 ภาคผนวก ง
วันที่ของเดือน
ZULUM/231100ZNOV2004/231200ZNOV2004/231800ZNOV2004//
ระบุเป็นเวลามาตรฐานกรีนิซ (เวลาซูลู)
ZULUM/231100ZNOV2004/231200ZNOV2004/231800ZNOV2004//
เดือนและปี
UNITM
หน่วยวัดที่ใช้ในข่าว
ตัวอย่าง UNITM /-/ DGT/KPH/-//
ระยะทางหรือ ความสูง
เป็นตัวอักษร ๑ - ๒ ตัว
หมายเหตุ : ไม่ใช้ในรายงาน BWR หรือ CDR
– ไม่ใช้หรือไม่ทราบ
KM กิโลเมตร
NM ไมล์ทะเล
FT ฟุต
KF กิโลฟุต (๑,๐๐๐ ฟุต)
HM เฮกโตเมตร (๑๐๐ เมตร)
YD หลา
M เมตร
SM ไมล์บก
UNITM/-/DGT/KPH/-// (ทิศทางลมที่วัดเป็นองศาจะเป็นตัวอักษร ๓ ตัวและถ้าวัด
เป็นมิลเลียมจะเป็นอักษร ๔ ตัว)
– ไม่ใช้หรือไม่ทราบ
DGM องศา/เหนือแม่เหล็ก
DGT องศา/เหนือจริง
DGG องศา/ เหนือกริด
MLM มิลเลียม/เหนือแม่เหล็ก
MLT มิลเลียม/เหนือจริง
MLG มิลเลียม/เหนือกริด
UNITM/-/DGT/KPH/-// (ความเร็วลมเป็นอักษร ๓ ตัว)
– ไม่ใช้หรือไม่ทราบ
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 99
KPH กิโลเมตร/ชั่วโมง
MPS เมตร/วินาที
KTS นอต
MPH ไมล์/ชั่วโมง
UNITM/-/DGT/KPH/-// (อุณหภูมิเป็นอักษร ๑ ตัว)
– ไม่ใช้หรือไม่ทราบ
C เซลเซียส
F ฟาเรนไฮต์
หมายเหตุ : ไม่ใช้กับรายงานทิศทางลม (EDR) หรือรายงานลมพื้นฐาน (BWR)
LAYERM
สภาพลม ณ ความสูง ๒,๐๐๐ เมตร และเพิ่มขึ้นถึง ๓๐,๐๐๐ เมตร
บันทึกซ�้ำ ได้ถึง ๑๕ ครั้ง
ตัวอย่าง LAYERM/02/265/020// (ชั้นของลมเป็นเลข ๒ ตัว)
๐๒ ๐ – ๒,๐๐๐ เมตร
๐๔ ๒,๐๐๐ – ๔,๐๐๐ เมตร
๒๘ ๒๖,๐๐๐ – ๒๘,๐๐๐ เมตร
๓๐ ๒๘,๐๐๐ – ๓๐,๐๐๐ เมตร
LAYERM/04/290/030// (ทิศทางลมที่วัดเป็นองศาจะเป็นตัวเลข ๓ ตัวและ
ถ้าวัดเป็นมิลเลียมจะเป็นตัวเลข ๔ ตัว)
LAYERM/26/025/020// (ความเร็วลมเป็นตัวเลข ๓ ตัว)
ALFAM
ข่าวสารทิศทางลมส�ำหรับอาวุธขนาดน้อยกว่าหรือเท่ากับ ๒ กิโลตัน
ตัวอย่างกลุ่มขนาดอาวุธก�ำหนดไว้ว่า ALFAM/-/310/015/-//
ALFAM/-/310/015/-// (กลุ่มขนาดอาวุธ)
ALFAM
BRAVOM
CHARLIEM
DELTAM
ECHOM
FOXTROTM
GOLFM
ALFAM/-/310/015/-// (รัศมีของเขต I)
– ไม่ใช้หรือไม่ทราบ
100 ภาคผนวก ง
เป็นตัวเลข ๓ ตัว
หมายเหตุ : ถ้ามีการใช้รัศมีของเขต I แล้วจะไม่มีการใช้ทิศทางตามลม, ความเร็วลมและมุมที่กาง
ออกไป
ALFAM/-/310/015/-// (ทิศทางลม)
ถ้าวัดเป็นองศาให้ใช้เลข ๓ ตัวและถ้าวัดเป็นมิลเลียมให้ใช้เลข ๔ ตัว
ALFAM/-/310/015/-// (ความเร็วลม)
– ไม่ใช้หรือไม่ทราบ
เป็นตัวเลข ๓ ตัว
ALFAM/-/310/015/-// (มุมที่กางออกไป)
– ไม่ใช้หรือไม่ทราบ
ตัวเลข ๑ หลัก
๔ ๔๐ องศา
๕ ๕๐ องศา
๖ ๖๐ องศา
๗ ๗๐ องศา
๘ ๘๐ องศา
๙ ๙๐ องศา
๐ ๑๐๐ องศา
๑ ๑๑๐ องศา
๒ ๑๒๐ องศา
๓ มากกว่า ๑๒๐ องศา
BRAVOM
ข่าวสารทิศทางลมส�ำหรับอาวุธขนาดมากกว่า ๒ กิโลตัน ถึง ๕ กิโลตัน
CHARLIEM
ข่าวสารทิศทางลมส�ำหรับอาวุธขนาดมากกว่า ๕ กิโลตัน ถึง ๓๐ กิโลตัน
DELTAM
ข่าวสารทิศทางลมส�ำหรับอาวุธขนาดมากกว่า ๓๐ กิโลตัน ถึง ๑๐๐ กิโลตัน
ECHOM
ข่าวสารทิศทางลมส�ำหรับอาวุธขนาดมากกว่า ๑๐๐ กิโลตัน ถึง ๓๐๐ กิโลตัน
FOXTROTM
ข่าวสารทิศทางลมส�ำหรับอาวุธขนาดมากกว่า ๓๐๐ กิโลตัน ถึง ๑,๐๐๐ กิโล
ตัน (๑ เมกะตัน)
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 101
GOLFM
ข่าวสารทิศทางลมส�ำหรับอาวุธขนาดมากกว่า ๑ เมกะตัน ถึง ๓ เมกะตัน
หมายเหตุ : ทุกขนาดอาวุธรายละเอียดของข่าวจะเหมือนกับ ALFAM
WHISKEYM
สภาพอากาศส�ำหรับห้วงแรกของ ๓ ห้วงเวลา (ห้วงละ ๒ ชม.) ติดต่อกัน
หมายเหตุ : ระยะความสูงของการวัดค่าที่เหมาะสมควรอยู่ที่ ๑๐ เมตรเหนือพื้นดิน ในภูมิประเทศ
เปิดโล่งค่าเฉลี่ยอยู่ในช่วง ๑๐ นาที
ตัวอย่าง WHISKEYM/120/010/4/18/7/4/2//
ทิศทางลม
ตัวเลข ๓ หลักส�ำหรับองศาและ เลข 4 หลักส�ำหรับไมล์
WHISKEYM/120/010/4/18/7/4/2//
ความเร็วลม
เป็นตัวเลข ๓ ตัว
หมายเหตุ : ระยะความสูงของการวัดค่าที่เหมาะสมควรอยู่ที่ ๑๐ เมตรเหนือพื้นดิน ในภูมิประเทศ
เปิดโล่งค่าเฉลี่ยอยู่ในช่วง ๑๐ นาที
WHISKEYM/120/010/4/18/7/4/2//
ความคงตัวของอากาศ
เป็นอักษรหรือตัวเลข ๑ ตัว
ระบุอย่างง่าย
U ไม่คงตัว
N เป็นกลาง
S คงตัว
ระบุอย่างละเอียด
๑ ไม่คงตัวมาก
๒ ไม่คงตัวปานกลาง
๓ ไม่คงตัวเล็กน้อย
๔ ระหว่างคงตัวกับไม่คงตัว
๕ คงตัวเล็กน้อย
๖ คงตัวปานกลาง
๗ คงตัวมาก
102 ภาคผนวก ง
WHISKEYM/120/010/4/18/7/4/2//
อุณหภูมิ
สัญลักษณ์พิเศษและ ตัวเลข ๒ ตัวหรือ ตัวเลข ๒ - ๓ ตัว
-๒๐ -๒๐ องศา
-๐๓ -๓ องศา
๐๐ ๐ องศา
๐๒ ๒ องศา
๑๕ ๑๕ องศา
๙๙๙ ๙๙๙ องศา
WHISKEYM/120/010/4/18/7/4/2//
ความชื้นเป็นร้อยละ (%)
ตัวเลข ๑ ตัว
๐ ๐ - ๙%
๑ ๑๐ - ๑๙%
๒ ๒๐ - ๒๙%
๓ ๓๐ - ๓๙%
๔ ๔๐ - ๔๙%
๕ ๕๐ - ๕๙%
๖ ๖๐ - ๖๙%
๗ ๗๐ - ๗๙%
๘ ๘๐ - ๘๙%
๙ ๙๐ - ๑๐๐%
WHISKEYM/120/010/4/18/7/4/2//
ปรากฏการณ์สภาพอากาศที่มีนัยส�ำคัญ
ตัวอักษรหรือตัวเลข ๑ ตัว
๐ ไม่มีปรากฏการณ์สภาพอากาศที่มีนัยส�ำคัญ
๑ ลมทะเล
๒ ลมบก
๓ พายุหิมะหรือพายุทราย
๔ หมอก, น�้ำค้างแข็งหรือหมอกหนา
๕ ละอองฝน
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 103
๖ ฝน
๘ ฝน, หิมะ, ลูกเห็บ หรือผสมกันตกปรอย ๆ
๙ พายุฟ้าคะนอง
A ด้านบนของชั้นผกผัน ต�่ำกว่า ๘๐๐ เมตร
B ด้านบนของชั้นผกผัน ต�่ำกว่า ๔๐๐ เมตร
C ด้านบนของชั้นผกผัน ต�่ำกว่า ๒๐๐ เมตร
WHISKEYM/120/010/4/18/7/4/2//
การปกคลุมของเมฆ
ตัวเลข ๑ ตัว
๐ น้อยกว่าครึ่งท้องฟ้า (มีเมฆกระจาย)
๑ มากกว่าครึ่งท้องฟ้า (มีเมฆกระจาย)
๒ ถูกปกคลุมทั่วฟ้า (ท้องฟ้ามืดครึ้ม)
๓ ไม่มีเมฆ (ท้องฟ้าแจ่มใส)
XRAYM
สภาพอากาศทีพ่ นื้ ผิวส�ำหรับห้วงแรกของ ๓ ห้วงเวลาแรก (ห้วงละ ๒ ชม.) ติดต่อกัน
ดู WHISKEYM ส�ำหรับรายละเอียดของข่าว
YANKEEM
สภาพอากาศทีพ่ นื้ ผิวส�ำหรับห้วงแรกของ ๓ ห้วงเวลาแรก (ห้วงละ ๒ ชม.) ติดต่อกัน
ดู WHISKEYM ส�ำหรับรายละเอียดของข่าว
๔. รายงานลมพื้นฐาน (Basic Wind Report)
หัวข้อนี้จะกล่าวถึงรายละเอียดในการจัดท�ำและใช้รายงานลมพื้นฐาน
๔.๑ รายงานลมพื้นฐาน (BWR)
ตามที่อธิบายไว้ก่อนหน้านี้ รายงานลมพื้นฐานเป็นรูปแบบข่าวสารที่มีวิธีการปรับ
ข้อมูลโดยอัตโนมัติ น�ำมาปรับใช้กับรายงานลมพื้นฐาน ๒ แบบคือ ข่าวสารลมพื้นฐาน (BWM) ซึ่ง
ขึ้นกับข้อมูลสภาพอากาศที่เกิดขึ้นจริงและพยากรณ์ลมพื้นฐาน (BWF) ตามข้อมูลการพยากรณ์
รายงานจะให้ข้อมูลสภาวการณ์ของลม (ทิศทางและความเร็ว) ในช่วง ๒,๐๐๐ เมตรจากพื้นผิวของ
โลกจนถึงความสูง ๓๐,๐๐๐ เมตร
๔.๒ การเขียนทิศทางลม (Wind Vector Plot)
๔.๒.๑ ข้อมูลที่มีในข่าวสารลมพื้นฐานใช้ในการสร้างทิศทางลม ข่าวสารลม
พืน้ ฐานถูกแปลงเป็นเส้นทิศทางตามลมส�ำหรับแต่ละชัน้ ของความสูงโดยกลับทิศทางลมเป็นมุม ๑๘๐°
104 ภาคผนวก ง
UNITM/-/DGG/KTS /-/
LAYERM/02/266/004/
LAYERM/04/289/007/
LAYERM/06/301/008/
LAYERM/08/311/008/
LAYERM/10/329/009/
LAYERM/12/339/009/
LAYERM/14/356/008/
LAYERM/16/009/007/
LAYERM/18/019/005/
LAYERM/20/015/003/
LAYERM/22/025/004/
LAYERM/24/029/004/
LAYERM/26/030/004/
LAYERM/28/031/005/
LAYERM/30/034/005//
หมายเหตุ : ถ้าไม่มีค�ำอธิบายเป็นอย่างอื่น ลมจะพัดออกไปจากศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้นไม่ใช่
พัดเข้ามา ดังนัน้ จึงต้องท�ำอาซิมทุ กลับ (ถ้ามุมใหญ่กว่า ๑๘๐° ให้ลบออกด้วย ๑๘๐° แต่ถา้ มุมเล็กกว่า
๑๘๐° ให้บวกด้วย ๑๘๐) ถ้าความเร็วเป็น กม./ชม.ไม่ใช่นอต/ชม. ให้คูณด้วย ๐.๕๔
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 109
ชั้นความสูงของลม
ค่าน�้ำหนัก
(๑๐๓เมตร)
๐–๒ ๑.๒๖
๒–๔ ๑.๐๙
๔–๖ ๐.๙๖
๖–๘ ๐.๙๓
๘ – ๑๐ ๐.๘๙
๑๐ – ๑๒ ๐.๘๓
๑๒ – ๑๔ ๐.๗๘
๑๔ – ๑๖ ๐.๗๔
๑๖ – ๑๘ ๐.๗๒
๑๘ – ๒๐ ๐.๗๐
๒๐ – ๒๒ ๐.๖๙
๒๒ – ๒๔ ๐.๖๗
๒๔ – ๒๖ ๐.๖๗
๒๖ – ๒๘ ๐.๖๕
๒๘ – ๓๐ ๐.๖๓
หมายเหตุ :
ความเร็วลม (หน่วยนอต) x ค่าน�้ำหนัก = ความยาวเส้นทิศทางลม
(หน่วย กม.)
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 111
G 3,000 26,250 15,800 10,500 ________ ________ X 0.250 = ________ ________ ________ ______ = ______= _____ ________
2
ถ้าอาซิมุทของเส้นรัศมี GZ/มุมยอดเมฆ (๒) หรืออาซิมุทของเส้นรัศมี GZ/2/3 ของล�ำดอกเห็ด (๓) อยู่ในควอดแดรนท์ที่ ๑ (๐°-๙๐°) และอีกเส้นหนึ่งอยู่ในควอดแดรนท์ที่ ๔ (๒๗๐°-๓๖๐°) ผลของ (๒) + (๓)
จะเป็นอาซิมุทกลับของทิศทางลม ในกรณีนี้จะหา ddd ได้ด้วยวิธีต่อไปนี้ ถ้าผลที่ได้มากกว่า ๑๘๐° ให้ลบด้วย ๑๘๐° ; ถ้าผลที่ได้น้อยกว่า ๑๘๐° ให้บวกด้วย ๑๘๐° (๒)
แล้วกรอกค่าที่ได้ลงในข่าวสารทิศทางลม
113
114 ภาคผนวก ง
หมายเหตุ : ส�ำหรับรายงานข่าวสารทิศทางลมส�ำหรับการประมวลข้อมูลโดยอัตโนมัตินั้นในกรณี
พิเศษที่มุมขยายกว้างกว่าปกติจะมีเลขเพียง ๗ หลัก แทนที่จะเป็น ๙ หลัก ตัวอย่างเช่น ถ้าข่าวสาร
ทิศทางลมระบุว่า CHARIEM/-310/015/6/ ค่า ๖ จะแทนมุม ๖๐๐ ดูข้อ ๕.๓ ต่อไปนี้
๕.๓ กรณีพิเศษ
๕.๓.๑ เมื่อความเร็วลมน้อยกว่า ๘ กม./ชม. ในบรรทัดจะมีเลขเพียง ๓ หลัก
เท่านั้น เลข ๓ หลักนี้เป็นค่ารัศมีของระยะทางเขต I ในกรณีนี้จะไม่ระบุความเร็วลมและรูปแบบ
การตกของฝุ่นกัมมันตรังสีจะเป็นวงกลม ๒ วงที่มีจุดศูนย์กลางร่วมกัน
๕.๓.๒ กรณีพเิ ศษอีกกรณีหนึง่ จะเกิดขึน้ เมือ่ คาดว่าฝุน่ กัมมันตรังสีจะตกเกินพืน้ ที่
พยากรณ์แบบปกติคือ เป็นมุม ๔๐๐ ในกรณีเช่นนี้บรรทัดที่เหมาะสมในข่าวสารทิศทางลมจะเป็น
เลข ๙ หลัก โดยที่เลข ๖ หลักแรกจะแทนค่าทิศทางลมและความเร็วลม ส่วนเลข ๓ หลักสุดท้าย
จะเป็นมุมองศาระหว่างเส้นเรเดียลซ้ายและเส้นเรเดียลขวา
๕.๓.๓ ส�ำหรับการพยากรณ์อย่างง่ายนั้นมุมเตือนภัยจะไม่เกิน ๔๐๐ ในกรณีที่
พยากรณ์อากาศอย่างละเอียดซึง่ ต้องมีมมุ ใหญ่กว่า ๔๐๐ พืน้ ทีเ่ ตือนภัยนีจ้ ะระบุไว้ในข่าวสารทิศทาง
ลมเพื่อส่งต่อไปยังหน่วยรองให้ขยายพื้นที่เตือนภัยที่พยากรณ์ไว้ตั้งแต่แรก มุมมาตรฐาน ๔๐ ๐
ระหว่างเส้นเรเดียลทั้งสองจะต้องขยายออกไปจากเส้นอ้างอิงแต่ละด้านเป็นองศาที่เท่ากัน
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างข่าวสารทิศทางลม
MSGID/CDR/AWS/382856/NOV/-/-//
DTG/231130NOV2004//
ORGIDDFT/UKRA/BAT/UK/AA/BB/CC/DD/AG/A/-//
NBCEVENT/EDM/-//
AREAM/NFEB4//
ZULUM/231100ZNOV2004/231200ZNOV2004/231800ZN
OV2004//
UNITM/KM/DGT/KPH/-//
ALFAM/020/-/-/-/
BRAVOM/020/-/-/-/
CHARLIEM/-/310/015/6/
DELTAM/-/330/025/-/
ECHOM/-/350/045/-/
FOXTROTM/-/350/045/-/
GOLFM/-/340/050/-//
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 117
๖. รายงานพยากรณ์อากาศอันตรายตามลมจากสารเคมี
ย่อหน้านี้มีรายละเอียดการจัดท�ำ และการใช้รายงานพยากรณ์อากาศอันตรายตามลม
จากสารเคมี (CDR) อย่างมีประสิทธิภาพ
๖.๑ การเตรียมการทั่วไป
รายงานพยากรณ์อากาศอันตรายตามลมจากสารเคมี จะมีข้อมูลอุตุนิยมวิทยา
พื้นฐานส�ำหรับพยากรณ์แอโรซอลชีวะและพื้นที่อันตรายไอสารเคมี รายงานเหล่านี้ใช้ส�ำหรับ
เหตุการณ์ ROTA ด้วยสารพิษชีวะโดยทั่วไปยังคงมีความเป็นพิษแม้จะผ่านการเปลี่ยนแปลงหลาย
อย่างในสภาวะของอุตุนิยมวิทยา
๖.๑.๑ รายงานพยากรณ์อากาศอันตรายตามลมจากสารเคมี (CDR) จัดท�ำโดย
กองทัพน้อย และฝ่ายอ�ำนวยการ คชรน.กองพล (หรือหน่วยเทียบเท่า) โดยใช้ขอ้ มูลทีไ่ ด้รบั จากกองทัพ
อากาศ, กรมอุตุนิยมวิทยาหรือโปรแกรมสมุทรศาสตร์กองทัพเรือ มีการส่ง CDR อย่างน้อย ๔ ครั้ง
ต่อวัน และแต่ละข่าวมีผลใช้ได้เป็นเวลาห้วงละ ๖ ชม. แต่ละห้วง ๖ ชม.แบ่งย่อยเป็น ๓ ห้วง ๆ ละ ๒ ชม.
๖.๑.๒ CDR นชค. เป็นข่าวที่มีรูปแบบการปรับอัตโนมัติ ซึ่งใช้ปรับให้เข้ากับ
ข่าวสารพยากรณ์อากาศอันตรายตามลมจากสารเคมี (CDM) เพื่อจัดเตรียมข้อมูลสภาพอากาศที่
ต้องการระหว่าง ๖ ชม.แรก หรือพยากรณ์อากาศอันตรายตามลมจากสารเคมี (CDF) ที่มีการ
จัดเตรียมข้อมูลสภาพอากาศที่ต้องการส�ำหรับ ๖ ชม.ต่อมา
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่าง CDM
MSGID/CDR/AWS/382856/NOV/-/-//
DTG/231130NOV2004//
ORGIDDFT/UKRA/BAT/UK/AA/BB/CC/DD/AG/A/-//
NBCEVENT/CDM/-//
AREAM/NFEB4//
ZULUM/231100ZNOV2004/231200ZNOV2004/๒๓๑๘๐๐
ZNOV2004//
UNITM/-/DGT/KPH/C//
WHISKEYM/120/010/4/18//7/4/5//
XRAYM/100/015/4/15/7/5/2//
YANKEEM/110/010/4/13/7/6/5//
๖.๑.๓ ขั้นตอนแรกในการจัดท�ำ CDM จะต้องมีข้อมูลสภาพอากาศ ข่าวสภาพ
อากาศสามารถรับจากตอนอุตุนิยมวิทยาของทหารปืนใหญ่ แม้ว่าตอนอุตุนิยมวิทยาจะไม่สามารถ
จัดท�ำการพยากรณ์ แต่ก็ให้ข่าวสภาพอากาศปัจจุบัน
118 ภาคผนวก ง
ช. เปลี่ยนวัสดุปิดคลุมสิ่งอุปกรณ์ที่เปื้อนพิษภายใน ๒๔ ชม.
ซ. ให้ถอดหน้ากากออกได้ส�ำหรับสารไม่คงทน
ด. ท�ำการรักษาผู้ท่ีได้รับบาดเจ็บ และเตรียมการส่งกลับเมื่อยุทธการ
อ�ำนวย
ต. เมื่อได้รับรายงาน นชค.๒ เคมี ให้หมายจุดพื้นที่เปื้อนพิษและแจ้ง
ผู้บังคับหน่วย
๒.๓ หลังการโจมตี
๒.๓.๑ หน่วยต้องได้รับการท�ำลายล้างพิษและส่งกลับทหารที่ได้รับบาดเจ็บ
๒.๓.๒ หน่วยสัง่ ยุทธภัณฑ์ปอ้ งกันสารเคมีเข้ามาทดแทน (เช่น ชุดลักษณะป้องกัน
ตามภารกิจ, แผ่นกรอง, ชุดทดแทน M291)
๒.๓.๓ ด�ำเนินการพิสูจน์ทราบสารต่อไปถ้าหน่วยยังไม่มีการระบุชนิดของ
สารพิษ โดยใช้อุปกรณ์ดังนี้
ชุด M256A1
ICAM
ACAD
เก็บตัวอย่างสารส่งห้องทดลองเพื่อท�ำการวิเคราะห์
๒.๓.๔ ถ้าหน่วยต้องปฏิบตั กิ ารในพืน้ ทีเ่ ปือ้ นพิษหรือยึดครองพืน้ ทีเ่ ปือ้ นพิษต่อไป
ให้ปฏิบัติดังนี้
พยายามจัดการท�ำพื้นที่เปื้อนพิษให้ปลอดภัย โดยสุ่มตัวอย่างและ
ตรวจหาต่อไป
ปรับลักษณะป้องกันตามภารกิจตามการร้องขอ
ท�ำเครื่องหมายพื้นที่เปื้อนพิษและระบุพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนสูง
ตรวจสอบการปนเปื้อนในพื้นที่ เพราะการเสื่อมสลายตามธรรมชาติ
ท�ำให้สารเสื่อมฤทธิ์ พื้นที่เปื้อนพิษจะกลับมาเป็นพื้นที่สะอาดอีกครั้ง
เฝ้าระวังส�ำหรับการเปื้อนพิษชั่วคราว และการแพร่กระจายหรือ
เคลื่อนย้ายการปนเปื้อนตามแหล่งธรรมชาติ (เช่น ลม, ฝน, แม่น�้ำ) หรือเหตุที่เกิดจากมนุษย์
๓. รายงาน นชค.๑ เคมี
รายงาน นชค.๑ เคมี เป็นรายงานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุด หน่วยสังเกตการณ์ใช้
รายงาน นชค.๑ รายงานข้อมูลการถูกโจมตีดว้ ยสารเคมี ทุกหน่วยต้องช�ำนาญการท�ำรายงาน นชค.๑
และข่าวสารที่ใช้จัดท�ำรายงาน รายงานนี้ถูกจัดท�ำที่ระดับหน่วยอย่างรวดเร็วและแม่นย�ำแล้วส่ง
หน่วยเหนือต่อไป รายงาน นชค.๑ เคมี ไม่ใช่รายงานตามปกติที่จะส่งต่อไปยังหน่วยเหนือ ยกเว้น
126 ภาคผนวก จ
ส�ำหรับใช้รายงานเป็นครั้งแรก
๓.๑ ความเร่งด่วนของข่าว
รายงาน นชค.๑ เคมีเป็นรายงานการโจมตีครั้งแรก จะต้องส่งด้วยล�ำดับความ
เร่งด่วนทางการสื่อสาร “ด่วนที่สุด” (FLASH) หลังจากนั้นให้ส่งต่อด้วยล�ำดับความเร่งด่วนทางการ
สื่อสารเป็น “ด่วน” (IMMEDIATE)
๓.๒ การจัดท�ำรายงาน
ให้ปฏิบัติตาม รปจ.ของหน่วย และส่งข้อมูลดิบให้กับชุดป้องกัน คชรน.โดย
ใช้รายงาน นชค.๑ ซึ่งจะระบุถึงขนาด, การด�ำเนินการ, ต�ำแหน่งที่ตั้ง, หน่วย, เวลาและยุทธภัณฑ์
(SALUTE) หรือรายงานพิเศษตามปกติ ชุดป้องกัน คชรน.จะประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึก
การป้องกัน คชรน.เพื่อให้การจัดท�ำรายงานอยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมและถูกต้องที่สุด
๓.๓ ตัวอย่าง
ตัวอย่างรายงาน นชค.๑ เคมี ดังแสดงในภาพ จ-๑ ในคอลัมน์ขอ้ ก�ำหนดอาจจะ
เป็นค่าทีว่ ดั ได้ (O) หรือค่าทีต่ อ้ งระบุเสมอ (M) ขึน้ กับข่าวแต่ละแบบ ค่า (O) อาจมีเพิม่ ขึน้ หรือน้อยลง
ขึ้นกับค�ำสั่ง
รายงาน นชค.๑ เคมี
บรรทัด ความหมาย ข้อก�ำหนด ตัวอย่าง
ALFA เลขล�ำดับการโจมตี จะถูกก�ำหนดโดยส่วน คชรน.
BRAVO ที่อยู่ของผู้สังเกตการณ์และทิศทาง M BRAVO/32UNB062634/2500
การโจมตีหรือเกิดเหตุ MLG//
DELTA วั น เวลาของการโจมตี ห รื อ เกิ ด การ M DELTA/201405ZSEP2005/
ระเบิดและสิ้นสุดการโจมตี 201420ZSEP2005//
FOXTROT ต�ำบลถูกโจมตีหรือเกิดการระเบิด O FOXTROT/32UNB058640/EE//
GOLF ข่าวสารชนิดของเครือ่ งส่งและจ�ำนวน M GOLF/OBS/AIR/1/BML/-//
ยุทธปัจจัย
INDIA ข่ า วสารเกี่ ย วกั บ สารเคมี ชี ว ะที่ ใช้ M INDIA/AIR/NERV/P/ACD//
โจมตี และเหตุการณ์ ROTA
TANGO ค�ำบรรยายลักษณะภูมิประเทศและ M TANGO/FLAT/URBAN//
พืชพันธุ์
YANKEE ทิศทางและความเร็วตามลม O YANKEE/270DGT/015KPH//
ZULU สภาพอากาศตามจริง O ZULU/4/10C/7/5/1//
GENTEXT ค�ำบรรยาย O -
ภาพ จ-๑ ตัวอย่างรายงาน นชค.๑ เคมี
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 127
ก. ชนิดและปริมาณสารที่แพร่กระจาย
ข. วิธีแพร่กระจาย
ค. สภาพภูมิอากาศในพื้นที่
ง. ลักษณะธรรมชาติของภูมิประเทศ
จ. เวลาที่ผ่านพ้นไปหลังการเปื้อนพิษ
ในสภาพอากาศที่เย็นจัดแม้ผลการส�ำรวจพื้นที่จะไม่พบการเปื้อนพิษ สารเคมีเหลวอาจยังไม่หยุด
ระเหยเป็นไออย่างสมบูรณ์เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นสารเคมีอาจระเหยเป็นไอได้อีกครั้ง
๕.๕.๒ สารไม่คงทน (Nonpersistent Agents) สารไม่คงทนส่วนใหญ่จะแพร่
กระจายในรูปไอระเหยเป็นหลัก แต่สารบางชนิดอาจจะมีสารเคมีเหลวตกค้างอยูใ่ นเปลือกลูกระเบิด
หรือหลุมระเบิดเป็นเวลาหลายชัว่ โมงหรือหลายวันขึน้ กับสภาพภูมอิ ากาศและชนิดของยุทโธปกรณ์
อย่าเข้าใกล้หลุมระเบิดจนกว่าจะตรวจสอบแล้วว่าไม่มีสารพิษตกค้าง
๕.๕.๓ สารคงทน (Persistant Agents) สารคงทนจะแพร่กระจายในรูปของเหลว
และไอทีร่ ะเหยออกมา หากสัมผัสเข้าจะเกิดอันตราย อันตรายนีจ้ ะคงอยูเ่ ป็นเวลาหลายชัว่ โมง หรือ
หลายวันขึ้นกับสภาพภูมิประเทศ, ภูมิอากาศและชนิดของยุทโธปกรณ์
๕.๕.๔ สารทีเ่ ปลีย่ นคุณลักษณะตามอุณหภูมิ สารเคมีบางชนิดตามปกติจะถูกจัด
อยูใ่ นกลุม่ ไม่คงทน แต่เมือ่ อยูใ่ นสภาพแวดล้อมทีเ่ ย็นจัดอาจจะมีคณุ ลักษณะเป็นสารคงทน สารเคมี
เหลวทั้งสารคงทนและไม่คงทนแม้จะเก็บแช่เย็นไว้ที่อุณหภูมิต�่ำ (เช่น แช่เย็นสารมัสตาดที่อุณหภูมิ
ต�ำ่ กว่า ๑๔ ๐C) อาจปรากฏอยูใ่ นรูปสารพิษทีอ่ อกฤทธิช์ า้ แต่จะเป็นอันตรายต่อก�ำลังพลเมือ่ อุณหภูมิ
สูงขึ้น
๕.๕.๕ สารข้น, ไม่คงทน (Thickened, Nonpersistent Agents) สารข้น, ไม่
คงทน อาจจะน�ำมาใช้ในรูปของสารคงทน ท�ำให้เกิดการเปื้อนพิษที่ผิวพื้น ตามปกติสารพุพองจัด
เป็นสารคงทนและตรวจหาได้โดยใช้กระดาษตรวจสอบเคมี อย่างไรก็ตาม สารที่ท�ำให้เกิดการ
เปื้อนพิษที่ผิวพื้นบางชนิดระเหยได้อย่างรวดเร็วมากควรจัดเป็นสารไม่คงทน
๕.๕.๖ ไอพิษ (Vapor Hazard) สารเคมีทงั้ หมดทีอ่ ยูใ่ นรูปไอหรือแอโรซอล เป็น
อันตรายต่อก�ำลังพลในพืน้ ทีอ่ นั ตรายตามลม พืน้ ทีน่ จี้ ะถูกปกคลุมไปด้วยไอพิษ อาจจะประมาณการ
โดยใช้เทคนิคการพยากรณ์ ความกว้างของพืน้ ทีเ่ ปือ้ นพิษนีจ้ ะขึน้ กับ ชนิดและปริมาณของสารทีแ่ พร่
กระจาย, วิธีการกระจาย, สภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศ
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 131
การตรวจหาสารหลังจากมีการ
๑๐ กม. ค
โจมตีแบบไม่สามารถตรวจการณ์ได้
132 ภาคผนวก จ
ระยะทางจากศูนย์กลางพื้นที่โจมตีไปตามแกน
อาวุธ ใต้ลมเมื่อความคงตัวอากาศคือ :
ไม่คงที่ เป็นกลาง คงที่
ระเบิดย่อย, ลูกปืนใหญ่, ทุ่นระเบิด ๑๐ กม. ๓๐ กม. ๕๐ กม.
ขีปนาวุธระเบิดในอากาศ, ลูกระเบิด, จรวดและไม่รู้
๑๕ กม. ๓๐ กม. ๕๐ กม.
ชนิดของอาวุธ
พื้นที่อันตรายตามลม พื้นที่โจมตี
10 km
พื้นที่อันตรายตามลม
10 km
Not to scale
พื้นที่อันตรายตามลม
ทิศทางตามลม 105°
พื้นที่โจมตี
Not to scale
ก. อ่านพิกัดต�ำบลโจมตีจากรายงาน นชค.และหมายจุดลงบนแผนที่
ข. ลากเส้นเหนือกริดจากศูนย์กลางของพิกัดต�ำบลโจมตี
ค. วาดวงกลมรัศมี ๑ กม. รอบศูนย์กลางของพิกัดต�ำบลโจมตี พื้นที่ภายในวงกลม
เรียกพื้นที่โจมตี
ง. จ�ำแนกรหัสสภาพความคงตัวของอากาศ ทิศทางและความเร็วตามลม โดยใช้ขา่ วสาร
อากาศอันตรายตามลมจากสารเคมี (NBC CDM) หรือจากข้อมูลการวัดเฉพาะต�ำบล
จ. ลากเส้นจากศูนย์กลางพื้นที่โจมตีแสดงทิศทางตามลม
ฉ. ก�ำหนดระยะทางอันตรายตามลม
ช. ถ้าไม่มรี ายละเอียดของข่าวสารมากพอ ให้ใช้ขนั้ ตอนการพยากรณ์อย่างง่าย (ใช้สภาพ
ความคงตัวของอากาศที่เหมาะสมและชนิดของเครื่องส่ง)
ซ. ถ้ามีรายละเอียดของข่าวสารมากพอให้ใช้ขั้นตอนการพยากรณ์อย่างละเอียด โดย
พิจารณาชนิดของสารเคมี, ชนิดของเครื่องส่งและความเร็วลมตามตาราง จ-๒
หมายเหตุ : ถ้าไม่ทราบชนิดของเครื่องส่ง ให้ใช้การค�ำนวณส�ำหรับระบบการส่งจรวดแบบต่าง ๆ
ขีปนาวุธ ระเบิด และยุทโธปกรณ์ไม่ทราบชนิด
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 139
ด. หมายจุดระยะทางอันตรายตามลมค่าที่มากที่สุด จากศูนย์กลางของพื้นที่โจมตี
บนเส้นแสดงทิศทางลม
ต. ลากเส้นตั้งฉากที่ปลายเส้นแสดงทิศทางลม
ถ. ลากเส้นแสดงทิศทางลมไปทางด้านเหนือลม ให้หา่ งจากจุดศูนย์กลางของการโจมตี
๒ กม. (ความยาว ๒ เท่าของรัศมีพื้นที่โจมตี)
ท. ลากเส้นจากด้านปลายของจุดเหนือลมให้ทำ� มุม ๓๐๐ กับวงกลมพืน้ ทีโ่ จมตี ลากไป
ทัง้ สองด้าน จนกระทัง่ ตัดกับเส้นตัง้ ฉากทีด่ า้ นปลายของระยะทางตามลม เส้นตรงทัง้ สองนีจ้ ะท�ำมุม
๓๐๐ ทั้งสองด้าน
น. พื้นที่อันตรายจะต้องประกอบด้วยขอบเขตดังนี้
แนวขอบเหนือลมของวงกลมพื้นที่โจมตี
เส้นเรเดียนท�ำมุม ๓๐ ทั้งสองด้าน
๐
ค่าที่มากที่สุดของระยะทางตามลม
บ. ส่งรายงาน นชค.๓ และ/หรือแผ่นบริวารแผนที่ ให้หน่วยและทีต่ งั้ ทางทหารตาม รปจ.
๕.๙.๕ ประมาณการเวลาที่เร็วที่สุดและช้าที่สุดของกลุ่มเมฆเคมีจะมาถึงหน่วย
ก. ความเร็วของแนวขอบหน้ากลุม่ เมฆเคมีทมี่ าถึง = ความเร็วลม x ๑.๕
เวลาเร็วทีส่ ดุ ของแนวขอบหน้ากลุม่ เมฆเคมีทเี่ คลือ่ นมาถึงหน่วย
= ระยะทางระหว่างแนวขอบหน้ากลุม่ เมฆเคมีไปยังหน่วย
ความเร็วแนวขอบหน้ากลุ่มเมฆเคมี
ข. ความเร็วของแนวขอบหลังกลุม่ เมฆเคมีทมี่ าถึง = ความเร็วลม x ๐.๕
เวลาช้าที่สุดของแนวขอบหลังกลุ่มเมฆเคมีที่เคลื่อนมาถึงหน่วย
= ระยะทางระหว่างแนวขอบหลังกลุ่มเมฆเคมีไปยังหน่วย
ความเร็วแนวขอบหลังกลุ่มเมฆเคมี
๕.๑๐ การพยากรณ์พื้นที่อันตรายตามลมจากการโจมตีเคมี ประเภท B (Type B Attack
Downwind Hazard Prediction)
๕.๑๐.๑ สารประเภท B ตามปกติจะใช้ในรูปของเหลวเพือ่ ท�ำให้เกิดการเปือ้ น
พิษทีพ่ นื้ ผิว สารคงทนทีใ่ ช้คอื สารประสาทและสารมัสตาด ตามปกติการใช้งานจะเป็นการพ่นละออง
จากเครื่องบิน, การระเบิดของลูกปืนใหญ่, จรวด, ขีปนาวุธ, กับระเบิด หลักฐานของการเปื้อนพิษที่
พืน้ ผิวอาจจะรวมรายงานของการเฝ้าสังเกตการณ์, การตกของสารเคมีจากการระเบิดของยุทธภัณฑ์
กลางอากาศ, การพิสูจน์ทราบสารด้วยกระดาษตรวจ M8, M9 หรือการพิสูจน์ทราบสารพุพองด้วย
ชุด M256 หรือใช้ ICAM ตรวจสอบ
140 ภาคผนวก จ
พื้นที่อันตรายตามลม พื้นที่โจมตี
1 km
10 km พื้นที่อันตรายตามลม
Not to scale
32UNH371020/
32UNH250020/
32UNH241015/
32UNH241005/
32UNG301900//
YANKEE/120DGT/015KPH//
ZULU/2/15C/8/-/2//
GENTEXT/CBRNINFO/TYPE B, CASE 2//
พื้นที่โจมตี
ทิศทางตามลม ๑๒๐°
ระยะทางอันตรายตามลม
ที่มากที่สุด ๑๐ กม.
Not to scale
10 km
พื้นที่โจมตี
Not to scale
FOXTROT/32UNH320010/EE//
INDIA/AIR/NERV/P//
PAPAA/02KM/2-4DAY/10KM/1-2DAY//
PAPAX/181600ZAPR1999/
32UNH441051/
32UNH316029/
32UNH301016/
32UNG304997/
32UNG386899//
YANKEE/110DGT/020KPH//
ZULU/4/16C/-/-/2//
GENTEXT/CBRNINFO/TYPE B, CASE 4//
พื้นที่โจมตี
ทิศทางตามลม ๑๒๐°
ระยะทางอันตรายตามลม
ค่ามากสุด ๑๐ กม.
Not to scale
พื้นที่อันตราย
พื้นที่โจมตี
พื้นที่อันตราย
Not to scale
33UUC370061/EE//
INDIA/AIR/NERV/P//
PAPAA/01KM/2-4DAY/10KM/1-2DAY//
PAPAX/141400ZAPR1999/
33UUC682014/
33UUC374069/
33UUC368070/
33UUC328069/
33UUC320059/
33UUB326938/
33UUB366939//
YANKEE/147DGT/012KPH//
ZULU/4/28C/3/-/0//
GENTEXT/CBRNINFO/TYPE B, CASE 6//
พื้นที่โจมตี
หมายเหตุ :
๑. ให้สมมุตฐิ านมีการปนเปือ้ นพิษทีผ่ วิ พืน้ ทีร่ ะดับความเข้มสูงเท่ากับ ๑๐ กรัม/ตาราง
เมตร
๒. การท�ำเครือ่ งหมายพืน้ ทีเ่ ปือ้ นพิษ ไอหมอกเป็นปัจจัยก�ำหนดภายในพืน้ ทีโ่ จมตีและ
พื้นที่อันตรายตามลม อย่างไรก็ตาม ยากที่จะพยากรณ์ระยะเวลาของอันตรายจากการสัมผัสกับ
ผิวหนังโดยตรง ระยะเวลาถูกก�ำหนดโดยการใช้เครื่องตรวจหาสารเคมีเท่านั้น
๓. เมื่ออุณหภูมิต�่ำกว่า ๐๐ C ระยะเวลาของการเปื้อนพิษอาจยาวนานกว่าที่ระบุไว้ใน
ตาราง จ-๔
๔. ค่าเฉลีย่ อุณหภูมอิ ากาศ ทีพ่ นื้ ผิวประจ�ำวันอาจจะได้รบั จากข้อมูลอุตนุ ยิ มวิทยาของ
ท้องถิ่น
๕. ข้อมูลในตาราง จ-๔ เป็นกรณีที่รุนแรงสุดที่คาดว่าจะเกิด ข้อมูลที่แท้จริงควรใช้ใน
ขอบเขตที่เป็นไปได้
๕.๑๑ การพยากรณ์พนื้ ทีอ่ นั ตรายตามลมจากการโจมตีเคมี ประเภท C (Type C Attack
Downwind Hazard Prediction)
เป็นการโจมตีแบบไม่รู้ที่มาของจุดเริ่มต้นการโจมตี การโจมตีแบบนี้มักพบในการส�ำรวจ
หรือการลาดตระเวน
R=
10
k
m
พื้นที่อันตรายตามลม
การเปลี่ยนแปลง A1 A2 B1 B2 B3 B4 B5 B6
ความเร็วลม : ที่ ๑๐ กม./ชม. หรือมากกว่า x
จาก >๑๐ กม./ชม.ถึง ≤๑๐ กม./ชม. x x x x
จาก ≤๑๐ กม./ชม.ถึง >๑๐ กม./ชม. X x x x
ทิศทางลมที่ ๓๐° หรือมากกว่า x x x x
ล�ำดับขั้นความคงตัวของอากาศ x
ก. ค�ำนวณหาค่า d1
ข. วัดระยะทาง d1 บนเส้นทิศทางตามลมจากศูนย์กลางพืน้ ทีโ่ จมตีเดิมและหมายจุด d1
ค. ใช้จดุ d1 เป็นจุดศูนย์กลางวาดวงกลมรัศมี ๑๐ กม.จนกระทัง่ ตัดกับเส้นเรเดียน ๓๐๐
จากจุดโจมตีเดิม (ภาพ จ-๑๕)
ง. ถ้าวงกลมไม่ตดั กับเส้นเรเดียนให้ลากเส้นจากมุมด้านขวาลากตัง้ ฉากเส้นทิศทางตาม
ลมผ่าน จุด d1 และท�ำเครื่องหมายตัดกับเส้นเรเดียนอีกด้าน จากจุดตัดกับเส้นเรเดียนเหล่านี้ลาก
เส้นสัมผัสวงกลมใหม่ (วงกลมรัศมี ๑๐ กม.) ๒ เส้น
๕.๑๒.๔ การโจมตีประเภท A กรณีที่ ๒ กับการเปลีย่ นแปลงทิศทางลม (ภาพ จ-๑๘)
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 157
ก. ค�ำนวณหาค่า d1
ข. หมายจุดระยะทาง d1 บนเส้นทิศทางตามลมจากศูนย์กลางการโจมตีเดิมก่อนการ
เปลี่ยนแปลงทิศทางลม
ค. ลากเส้นตรงจากเส้นเรเดียนด้านขวา ผ่านจุด d1 บนเส้นทิศทางตามลมไปยังเส้น
เรเดียนอีกด้าน
ง. วาดวงกลมใหม่โดยใช้จุด d1 เป็นศูนย์กลางรัศมี ให้มีระยะรัศมีจากจุด d1 ไปถึงจุด
ตัดเส้นเรเดียน พื้นที่ภายในวงกลมเรียกพื้นที่โจมตีใหม่
จ. ลากเส้นทิศทางตามลมจากศูนย์กลางของวงกลมใหม่
ฉ. วัดระยะและหมายจุดระยะ d2 บนเส้นทิศทางตามลมใหม่จากศูนย์กลางของวงกลมนี้
ถ้าระยะนี้อยู่ภายในวงกลมก็ให้ย้ายจุดไปยังเส้นรอบวงของวงกลมบนเส้นทิศทางตามลมใหม่
เนื่องจากอาจมีเมฆบางกลุ่มเคลื่อนมาด้วยความเร็ว ๑.๕ เท่าของค่าเฉลี่ยความเร็วลม ดังนั้นจึงต้อง
เผื่อระยะให้ไกลกว่า
๕.๑๒.๕ การโจมตีประเภท A กรณีที่ ๒ กับการเปลี่ยนแปลงล�ำดับขั้นความคงตัว
ของอากาศหรือความเร็วลม (ภาพ จ-๑๙) จากศูนย์กลางของพิกัดโจมตีเดิม หมายจุดพื้นที่อันตราย
ตามลมตามที่ได้บรรยายไว้ ให้ H2 เป็นค่าระยะทางตามลมค่ามากที่สุด
ก. หมายจุดพื้นที่อันตรายตามการค�ำนวณก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงในทิศทางลม
โดยใช้วิธีตามที่บรรยายไว้ข้างต้น
ข. ระบุในบรรทัด GENTEXT/CBRNINFO ถึงเหตุผลทีต่ อ้ งค�ำนวณใหม่ และเวลาทีจ่ ะ
มีผลกระทบในพื้นที่อันตรายใหม่
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 161
๓.๑.๓ หลังการโจมตี
ก. ประมาณการพื้นที่อันตรายตามลม เจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้ป้องกันและ
ได้รบั บาดเจ็บ สามารถเกิดขึน้ เป็นสองเท่าของค่ามากทีส่ ดุ ของระยะทางอันตรายตามลมจากสารเคมี
ข. ระบุสารชีวะที่ใช้ในสงคราม
ค. เริม่ ต้นด�ำเนินการป้องกันทางการแพทย์และฉีดวัคซีนป้องกัน ควรจัด
เป็นความเร่งด่วนล�ำดับแรกเมื่อทราบชนิดของสารแล้ว
ง. เริ่มต้นขั้นตอน เก็บตัวอย่างและรวบรวมตาม รปจ.ของหน่วย
จ. บริโภคอาหารที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดแน่น และน�้ำในภาชนะบรรจุที่
เหมาะสม ถ้าผิวบรรจุภณ ั ฑ์ดา้ นนอกเปือ้ นพิษ ต้องท�ำลายล้างพิษก่อน ถ้าไม่มนั่ ใจในความปลอดภัย
ของระดับน�ำ้ ดืม่ ของหน่วยให้ประสานเจ้าหน้าทีแ่ ผนกเวชกรรมป้องกัน ตรวจโกดังเก็บรักษาอาหาร
และต�ำบลส่งก�ำลัง จัดส่งน�้ำดื่มเพิ่มจากเครื่องกรองน�้ำหน่วย
ฉ. การแยกผูป้ ว่ ยทางชีวะ ถ้าเป็นไปได้เจ้าหน้าทีท่ มี่ กี ารป้องกันตนอย่าง
ถูกต้อง (ได้รบั การฉีดวัคซีนป้องกันโรคหรือมีอปุ กรณ์ปอ้ งกันตนอย่างเหมาะสม) ควรเป็นผูด้ แู ลรักษา
ผู้ป่วย ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่มีการป้องกันตนจะต้องเป็นผู้ดูแล ให้ใช้จ�ำนวนเจ้าหน้าที่น้อยที่สุดจนกว่าจะ
ได้รับอุปกรณ์ป้องกันหรือได้รับการป้องกันโรค จ�ำไว้ว่าเมื่อจัดการกับก�ำลังพลที่เป็นโรคติดต่อ ทาง
เลือกในการส่งกลับอาจถูกจ�ำกัดลง
ช. เพิ่มมาตรการจ�ำกัดการเคลื่อนย้าย ถ้าอาวุธชีวะนั้นเป็นโรคติดต่อ
๓.๒ ขั้นตอนหลีกเลี่ยงพาหะน�ำโรค (Vector Avoidance Procedures)
๓.๒.๑ ก่อนการโจมตี
ก. ทายาไล่แมลงตามผิวหนังที่ไม่มีสิ่งปกคลุม
ข. จัดตัง้ และเสริมก�ำลังระบบเวชกรรมป้องกันซึง่ จะรวมถึงการฉีดวัคซีน,
สุขอนามัยในพื้นที่, มาตรฐานอนามัยของเจ้าหน้าที่, การพักผ่อนและโภชนาการส�ำหรับกองทัพ
ค. หาข่าวกรองเรื่องขีดความสามารถและเป้าหมายในการคุกคามของ
ข้าศึก
ง. ค้นหา, ต่อต้านและท�ำลายระบบอาวุธข้าศึก ระบบการผลิตและสถานที่
เก็บรักษา
จ. ฝึกสอนเจ้าหน้าทีใ่ ห้รตู้ อ่ ภัยคุกคาม, รูปแบบการโจมตีและมาตรการ
ป้องกันที่ต้องด�ำเนินการ
๓.๒.๒ ระหว่างโจมตี
ก. จ�ำแนกและรายงานสิ่งบ่งชี้ที่น่าสงสัยของการโจมตีด้วยพาหะน�ำโรค
(การปรากฏอย่างฉับพลันของแมลงจ�ำนวนมากหรือชนิดแปลกในพืน้ ทีย่ ทุ ธการ หรือพบกรงขังสัตว์
พาหะในการระเบิด)
170 ภาคผนวก ฉ
ข. ทาสารไล่แมลงตามผิวหนังให้มากพอสมควรโดยเฉพาะล�ำคอ, ใบหน้า,
ข้อเท้าและข้อมือ
ค. ปิดคลุมผิวหนังทีเ่ ปิดเผย จัดความสมดุลระหว่างการป้องกันและการ
ลดทอนประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน เสื้อผ้าป้องกันชั้นนอกจะไม่กันเห็บหมัดได้ท้ังหมด กางเกง
ขายาวจะต้องดึงลง ติดกระดุมข้อมือเสื้อที่เคลือบสารไล่แมลงซึ่งจะช่วยป้องกันได้มากขึ้นและไม่
ลดทอนการปฏิบัติงาน
ง. ท�ำรายงานการโจมตี
๓.๒.๓ หลังการโจมตี
ก. ประสานงานกับเจ้าหน้าที่สนับสนุนด้านการแพทย์ เพื่อขอความ
ช่วยเหลือด้านเวชกรรมป้องกัน
ข. เริ่มต้นใช้ยาฆ่าแมลงและมาตรการการควบคุมศัตรูพืชอื่น ๆ ตามที่
ระบุโดยเจ้าหน้าที่แผนกเวชกรรมป้องกัน ให้ก�ำจัดเหา, เห็บ, หมัดออกจากร่างกายด้วยตนเองและ
ช่วยเหลือเพื่อนคู่หูตามความจ�ำเป็น
ค. ประมาณการพื้นที่เปื้อนพิษ ท�ำการลาดตระเวนและรายงานทาง
การแพทย์ อาจมีส่วนช่วยฝ่ายอ�ำนวยการ คชรน.ในการประเมินพื้นที่เปื้อนพิษ
๓.๓ ขั้นตอนหลีกเลี่ยงแบบปกปิด (Covert Avoidance Procedures)
๓.๓.๑ ก่อนการโจมตี
ก. การรักษาความปลอดภัยในการปฏิบัติการ (OPSEC)
ข. พิสจู น์ทราบการปกปิดและขีดความสามารถและเจตนารมณ์ของศัตรู
ค. จัดเตรียมมาตรการความปลอดภัย โดยพิจารณาจากการประเมินภัย
คุกคาม
ง. พิสจู น์ทราบแหล่งส่งก�ำลังในรายการทีม่ คี วามเสีย่ งสูง โดยปฏิบตั แิ บบ
หมุนเวียนกัน
จ. ฝึกสอนให้กองทหารเฝ้าระวังต่อเครื่องมือที่ใช้แพร่กระจาย หรือสิ่ง
บ่งบอกที่บ่งชี้ว่าเป็นการแพร่กระจายแบบปกปิด ตามรายงานข่าวกรอง
ฉ. จัดตัง้ และเสริมก�ำลังระบบเวชกรรมป้องกันซึง่ จะรวมถึงการฉีดวัคซีน,
สุขอนามัยในพืน้ ที,่ มาตรฐานอนามัยบุคคล, การพักผ่อนและโภชนาการส�ำหรับกองทัพ การป้องกัน
น�้ำและอาหารอาจจะเป็นการขัดขวางไม่ให้มีการใช้สารชีวะโดยเฉพาะ ประสบความส�ำเร็จได้
๓.๓.๒ ระหว่างการโจมตี
ก. รายงานการสังเกตการณ์โจมตี แนวความคิดการใช้สาร ในปฏิบตั กิ าร
ของข้าศึก หรือหาสัญญาณและสิ่งบ่งชี้ถึงการโจมตีแบบปกปิด
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 171
ข. เริ่มต้นท�ำการป้องกันบุคคลและป้องกันโดยรวม ส�ำหรับการป้องกัน
ที่ดีที่สุดและมีผู้บาดเจ็บน้อยที่สุดทหารควรอยู่ในท่าเตรียมพร้อมป้องกันอย่างน้อย ๔ ชม.
๓.๓.๓ หลังการโจมตี
ก. เตือนภัยก�ำลังพลที่อยู่ในพื้นที่ด้านทิศทางตามกระแสน�้ำ ทิศทางลม
และตามเส้นทางการส่งก�ำลังบ�ำรุง ส่วน คชรน.จะเตือนภัยเจ้าหน้าที่โดยขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ทาง
การแพทย์และข้อมูลข่าวกรองและการวิเคราะห์รายงาน นชค.๑ ชีวะ
ข. เริ่มต้นก�ำจัดและเปลี่ยนอาหารน�้ำ และสิ่งอุปกรณ์อื่น ๆ ส่วน นชค.
ท�ำหน้าที่ประสานงานการตรวจสอบและการส่งก�ำลังเพิ่มเติม
ค. เริ่ ม เก็ บ ตั ว อย่ า งโดยยึ ด หลั ก องค์ ค วามรู ้ การยิ น ยอมของคนไข้
การเก็บตัวอย่างโดยวิธเี ฉพาะทาง ถ้าสงสัยว่ามีการโจมตีดว้ ยอาวุธชีวะ ให้ลา้ งพืน้ ผิวด้วยสารฟอกขาว
ความเข้มข้นอย่างน้อย ๕% สารฟอกขาวใช้ได้ผลดีมากในการท�ำลายล้างพิษอาวุธชีวะส่วนใหญ่
๔. การรายงาน การพยากรณ์ และการหมายจุดการเปื้อนพิษทางชีวะ
ในการเพิ่มมาตรการเชิงรับการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษของหน่วย จะต้องมีการเตือนภัย
ล่วงหน้าการเปื้อนพิษที่เป็นไปได้ ส่วนทีเ่ หลือของบทนี้จะเป็นรายงาน นชค. ชีวะและการพยากรณ์
พื้นที่อันตราย
๕. รายงาน นชค.๑ ชีวะ (NBC1 BIO Report)
รายงาน นชค.๑ ชีวะเป็นรายงานที่ใช้อย่างแพร่หลายที่สุด หน่วยสังเกตการณ์ใช้รายงาน
นี้จัดเตรียมข้อมูลโจมตี คชรน. ทุกหน่วยต้องช�ำนาญกับรูปแบบรายงาน นชค.๑ ชีวะและข่าวสารที่
ต้องใช้ทำ� ให้รายงานมีความสมบูรณ์ รายงานนีจ้ ดั เตรียมอย่างรวดเร็วและถูกต้องทีร่ ะดับหน่วยและ
ส่งไปยังบก.หน่วยเหนือต่อไป หรือส่วน นชค. ตามการควบคุมโดยค�ำสั่งยุทธการ/ค�ำสั่งนโยบาย
รายงาน นชค.๑ ชีวะไม่ใช่รายงานตามปกติผ่านกองทัพน้อยหรือส่วน นชค.ที่สูงกว่า ยกเว้นส�ำหรับ
ใช้เป็นรายงานเริ่มต้น บรรทัด BRAVO, DELTA, GOLF, INDIA และ TANGO เป็นข้อบังคับให้มีใน
รายงาน นชค.๑
๕.๑ ความเร่งด่วนของข่าว
ความเร่งด่วนของรายงาน นชค.๑ อยู่ที่รายงานนี้เป็นรายงานเริ่มต้นหรือไม่
การเริม่ ต้นใช้รายงานอาวุธ คชรน.ในความเร่งด่วนของข่าวถือเป็น ด่วนทีส่ ดุ ส่วนอืน่ ทัง้ หมดถือเป็น
ความเร่งด่วนของข่าวแบบ ด่วนมาก
๕.๒ การจัดเตรียม
ก�ำลังพลที่ระบุโดย รปจ.ของหน่วยจะส่งข้อมูลดิบให้กับชุดป้องกัน คชรน.
ของหน่วยควรใช้รูปแบบ นชค.๑ ชีวะ อย่างไรก็ตามรายงานการข่าวกรอง/การลาดตระเวน หรือ
รายงานพิเศษ อาจมีการใช้ดว้ ยและควรส่งต่อให้ชดุ ป้องกัน คชรน.ของหน่วย ชุดป้องกัน คชรน.ของ
172 ภาคผนวก ฉ
ระเบิดย่อย, ขีปนาวุธ
ระเบิดในอากาศ ≤๑๐ กม./ชม. ๑
Q
>๑๐ กม./ชม. ๒
เครื่องพ่นละออง (ถัง)
และเครื่องผลิต (แอโร ≤๑๐ กม./ชม. ๑
ซอล) ปล่อยกระจาย R
สารในอากาศหรือไม่รู้ Attack Length >๑๐ กม./ชม. ๒
อาวุธที่ใช้
การตรวจหาหลังการ
โจมตีที่ไม่สามารถ S ๑/๒
ตรวจการณ์ได้
(รายงาน นชค.๔ ชีวะ)
หมายเหตุ :
รายงาน NBC 1 ชีวะ อาจได้รบั หลังการโจมตีทไี่ ม่สามารถตรวจการณ์ได้และควรจะถือว่าเป็นรายงาน NBC4 ชีวะ
* เส้นรัศมีสังเกตการณ์ที่แตกต่างกันอาจจะระบุในบรรทัด GENTEXT
** หากพบการโจมตี ๒ ประเภท ให้ใช้ล�ำดับต่อไปนี้เพื่อก�ำหนดประเภทของการโจมตีที่จะใช้ : ประเภท R, Q
หรือ P
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 177
t1 = เวลาที่เหลืออยู่หลังจากการโจมตีหรือการตรวจหาสารภายในห้วงเวลา ๒ ชั่วโมงแรกของ
รายงาน NBC CDR
๗.๔.๒ กรณีพิเศษ
ก. ในห้วงเวลาใด ๆ ของรายงาน NBC CDR ที่พื้นที่นั้นมีความเร็วลม
< ๑๐ นอต ให้ใช้ค่าความเร็วลม ๑๐ นอต ในการค�ำนวณ
ข. ข้อมูลสภาพอากาศ อาจไม่สามารถหาใช้ได้ในห้วงเวลา ๖ ชม.เต็ม
หลังการโจมตี ถ้าเป็นกรณีนี้ระยะทางอันตรายตามลม จะน�ำมาค�ำนวณตามข้อมูลสภาพอากาศที่
มีใช้ได้เท่านั้น
๗.๔.๓ ระยะทางอันตรายตามลม การค�ำนวณระยะทางอันตรายตามลม ปฏิบตั ิ
ตามขั้นตอนดังนี้
ก. ขั้นที่ ๑ ถ้าการโจมตีหรือการตรวจหาสาร เกิดขึ้นในระยะ ๒ ชม.แรก
ของ NBC CDR ท�ำการค�ำนวณระยะทาง ๓ ส่วนดังนี้
d1 ใช้ห้วงเวลาที่ 1 NBC CDR (WHISKEY)
d2 ใช้ห้วงเวลาที่ 2 NBC CDR (XRAY)
d3 ใช้ห้วงเวลาที่ 3 NBC CDR (YANKEE)
ข. ขั้นที่ ๒ ถ้าการโจมตีหรือตรวจหาเกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ ๒ ท�ำการ
ค�ำนวณระยะทางดังนี้
d1 ใช้ห้วงเวลาที่ 2 NBC CDR (XRAY)
d2 ใช้ห้วงเวลาที่ 3 NBC CDR (YANKEE)
ค. ขั้นที่ ๓ ถ้าการโจมตีหรือตรวจหาเกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ 3 NBC CDR
d1 จะค�ำนวณจากการใช้ค่า YANKEE เท่านั้น
๗.๔.๔ ผลรวมระยะทางอันตรายตามลม ผลรวมของระยะทางอันตรายตามลม
ของศูนย์กลางของเมฆชีวะคือ ผลรวมของทั้ง ๓ ส่วน
DA = d1+ d2+ d3
DA = ผลรวมของระยะทางอันตรายตามลม (กม.)
๗.๔.๕ แนวขอบหน้าและแนวขอบหลังของเมฆ ท�ำการค�ำนวณดังนี้
DL = 1.5 DA
DT = 0.5 DA
DL = ระยะทางแนวขอบหน้าของเมฆ (กม.)
DT = ระยะทางแนวขอบหลังของเมฆ (กม.)
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 179
พื้นที่โจมตี
พื้นที่อันตราย
105
°
หมายเหตุ :
A = รัศมีของพื้นที่โจมตี
d1 = ระยะทางตามลมในห้วงเวลาของ CDR
t1 = เวลาที่เหลืออยู่หลังจากการโจมตีในห้วงเวลาของ CDR
µ1 = ความเร็วลม
d1 = µ1 x t1
ก. ขั้นตอนที่ ๑ อ่านพิกัดต�ำบลโจมตีจากรายงาน นชค.ชีวะ (บรรทัด FOXTROT)
และหมายจุดลงบนแผนที่ (ภาพ ฉ-๕)
ข. ขั้นตอนที่ ๒ จากศูนย์กลางของต�ำแหน่งโจมตี ลากเส้นเหนือกริด
ค. ขัน้ ตอนที่ ๓ วาดวงกลมรอบจุดศูนย์กลางของต�ำแหน่งโจมตี พืน้ ทีภ่ ายในวงกลม
คือ พื้นที่โจมตี
ง. ขั้นตอนที่ ๔ ใช้ขา่ วสารอากาศอันตรายตามลมจากสารเคมี (NBC CDM) จ�ำแนก
ทิศทางและความเร็วลม
จ. ขั้นตอนที่ ๕ จากศูนย์กลางของพื้นที่โจมตี ลากเส้นตรงแสดงทิศทางตามลม
ฉ. ขั้นตอนที่ ๖ ก�ำหนดระยะทางตามลม (d1) ถ้า d1 มีระยะทางน้อยกว่ารัศมีพื้นที่
โจมตีให้ก�ำหนดค่า d1 เท่ากับรัศมีของพื้นที่โจมตี
ช. ขั้นตอนที่ ๗ หมายจุดระยะทางตามลมจากศูนย์กลางของพื้นที่โจมตีบนเส้นทิศ
ตามลม
ซ. ขั้นตอนที่ ๘ ลากเส้นตั้งฉากกับเส้นทิศตามลมผ่านจุดที่หมายไว้ ลากเส้นตรง
ออกไปในแต่ละด้านข้างของเส้นทิศทางตามลม
ด. ขั้นตอนที่ ๙ ลากเส้นแสดงทิศทางตามลมไปทางด้านเหนือลมให้ห่างจาก
จุดศูนย์กลางของการโจมตี ๒ กม. (ความยาว ๒ เท่าของรัศมีพื้นที่โจมตี)
ต. ขัน้ ตอนที่ ๑๐ ลากเส้นจากด้านปลายจุดต้านลม สองเส้นให้สมั ผัสกับวงกลมพืน้ ที่
โจมตีลากไปจนกระทั่งตัดกับเส้นตั้งฉากของเส้นทิศทางตามลม เส้นตรงทั้ง ๒ เส้นนี้จะท�ำมุม ๓๐°
ในแต่ละด้านกับเส้นทิศทางตามลม
ถ. ขั้นตอนที่ ๑๑ พื้นที่อันตรายตามลมมีขอบเขตดังนี้
- แนวขอบต้านลมของวงกลมพื้นที่โจมตี
- เส้นเรเดียนท�ำมุมกับวงกลม ๓๐°
- เส้นตั้งฉากกับทิศทางตามลม
ท. ขั้นตอนที่ ๑๒ ส่งรายงาน นชค. ๓ ชีวะให้แก่ หน่วยและที่ตั้งทางทหาร ในพื้นที่
พยากรณ์อันตรายตามลม ตาม รปจ.
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 183
120°
หมายเหตุ :
A = รัศมีของพื้นที่โจมตี
H1 = รัศมีของพื้นที่อันตรายตามลม
d1 = ระยะทางตามลมในห้วงเวลาของ CDR
t1 = เวลาที่เหลืออยู่หลังจากการโจมตีในห้วงเวลาของ CDR
µ1 = ความเร็วลม ( >๑๐ กม./ชม.)
H1 = A + d1, d1 = µ1 x t1
ก. ขั้นตอนที่ ๑ อ่านพิกัดต�ำบลโจมตีจากรายงาน นชค.ชีวะ (บรรทัด FOXTROT)
และหมายจุดลงบนแผนที่ (ภาพ ฉ-๗)
ข. ขั้นตอนที่ ๒ จากศูนย์กลางของต�ำแหน่งโจมตี ลากเส้นเหนือกริด
ค. ขัน้ ตอนที่ ๓ วาดวงกลมด้วยรัศมีพนื้ ทีโ่ จมตี รอบจุดศูนย์กลางของต�ำแหน่งโจมตี
พื้นที่ภายในวงกลม คือพื้นที่โจมตี
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 185
หมายเหตุ :
A = รัศมีของพื้นที่โจมตี
H1 = รัศมีของพื้นที่อันตรายตามลม
d1 = ระยะทางตามลมในห้วงเวลาของ CDR
t1 = เวลาที่เหลืออยู่หลังจากการโจมตีในห้วงเวลาของ CDR
µ1 = ความเร็วลม (๑๐ กม./ชม.)
H1 = A + d1, d1 = µ1 x t1
ก. ขั้นตอนที่ ๑ อ่านพิกัดตอนปลายต�ำบลโจมตี การโจมตีจากรายงาน นชค.ชีวะ
(บรรทัด FOXTROT) และหมายจุดลงบนแผนที่ เชื่อมต่อตอนปลายต�ำบลโจมตี เพื่อสร้างแนวการ
โจมตี
ข. ขั้นตอนที่ ๒ วาดวงกลมด้วยรัศมีพนื้ ทีโ่ จมตีรอบตอนปลายต�ำบลโจมตี แต่ละด้าน
ค. ขั้นตอนที่ ๓ เชือ่ มต่อวงกลมเหล่านีท้ งั้ สองด้าน โดยการลากเส้นเรเดียนให้ขนาน
ไปกับแนวการโจมตีเพื่อการก�ำหนดพื้นที่โจมตี
ง. ขั้นตอนที่ ๔ วาดวงกลม ด้วยรัศมีเท่ากับระยะทาง d1 บวกกับรัศมีของพื้นที่
โจมตีในแต่ละด้าน
จ. ขั้นตอนที่ ๕ เชือ่ มต่อวงกลมเหล่านี้ ทัง้ สองด้านโดยการลากเส้นเรเดียนให้ขนาน
ไปกับแนวการโจมตีเพื่อการก�ำหนดพื้นที่อันตราย
ฉ. ขั้นตอนที่ ๖ ส่งรายงาน นชค.๓ ชีวะให้แก่ หน่วยและที่ตั้งทางทหารในพื้นที่
พยากรณ์อันตรายตามลมตาม รปจ.
๗.๖.๖ ประเภท R กรณีที่ ๒
หมายเหตุ :
A = รัศมีของพื้นที่โจมตี
d1 = ระยะทางตามลมในห้วงเวลาของ CDR
t1 = เวลาที่เหลืออยู่หลังจากการโจมตีในห้วงเวลาของ CDR
µ1 = ความเร็วลม
d1 = µ1 x t1
ก. ขั้นตอนที่ ๑ อ่านพิกดั ตอนปลายต�ำบลโจมตี การโจมตีจากรายงาน นชค.ชีวะ
(บรรทัด FOXTROT) และหมายจุดลงบนแผนที่ เชือ่ มต่อตอนปลายต�ำบลโจมตี เพือ่ สร้างแนวการโจมตี
ข. ขั้นตอนที่ ๒ วาดวงกลมด้วยรัศมีพนื้ ทีโ่ จมตี รอบตอนปลายต�ำบลโจมตี แต่ละ
ด้าน
ค. ขั้นตอนที่ ๓ เชื่อมต่อวงกลมทั้งสองด้านโดยการลากเส้นเรเดียนให้ขนานไป
กับแนวการโจมตีเพื่อการก�ำหนดพื้นที่โจมตี
ง. ขั้นตอนที่ ๔ ลากเส้นเหนือกริดจากศูนย์กลางวงกลมแต่ละด้าน
จ. ขั้นตอนที่ ๕ ใช้ข่าวสาร NBC CDM จ�ำแนกทิศทางและความเร็วลม
ฉ. ขั้นตอนที่ ๖ จากศูนย์กลางของวงกลมพืน้ ทีโ่ จมตีแต่ละด้าน ลากเส้นตรงแสดง
ทิศทางตามลม
ช. ขั้นตอนที่ ๗ ก�ำหนดระยะทางตามลม (d1)
ซ. ขั้นตอนที่ ๘ หมายจุดระยะทางตามลมจากศูนย์กลางของวงกลมพื้นที่โจมตี
แต่ละด้านบนเส้นทิศทางตามลม
ด. ขั้นตอนที่ ๙ ลากเส้นตัง้ ฉากกับเส้นทิศทางตามลมแต่ละเส้นตรงจุดทีห่ มายไว้
ลากเส้นออกไปในแต่ละด้านข้างของเส้นทิศทางตามลม
ต. ขั้นตอนที่ ๑๐ ลากเส้นทิศทางตามลมแต่ละวงกลมพื้นที่โจมตี ออกไปทางด้าน
ต้านลมให้ห่างจากจุดศูนย์กลางของการโจมตี ให้มีความยาว ๒ เท่าของรัศมีพื้นที่โจมตี
ถ. ขั้นตอนที่ ๑๑ ลากเส้นจากด้านปลายจุดต้านลมสองเส้น ให้สัมผัสกับวงกลม
พื้นที่โจมตี ลากไปจนกระทั่งตัดกับเส้นตั้งฉากของเส้นทิศทางตามลม เส้นตรงทั้ง ๒ เส้นนี้จะท�ำมุม
๓๐° ในแต่ละด้านกับเส้นทิศทางตามลม
ท. ขั้นตอนที่ ๑๒ ลากเส้ น เชื่ อ มมุ ม ทิ ศ ทางตามลมของพื้ น ที่ อั น ตรายทั้ ง สอง
(จุด x และจุด y ในภาพ ฉ-๙)
น. ขั้นตอนที่ ๑๓ ส่งรายงาน นชค.๓ ชีวะให้แก่ หน่วยและที่ตั้งทางทหารในพื้นที่
พยากรณ์อันตรายตามลม ตาม รปจ.
188 ภาคผนวก ฉ
หมายเหตุ : H1 = รัศมีของพื้นที่เปื้อนพิษ
ก. ขั้นตอนที่ ๑ อ่ า นพิ กั ด ต� ำ บลโจมตี จ ากรายงาน นชค.ชี ว ะ (บรรทั ด
FOXTROT หรือQUEBEC) และหมายจุดลงบนแผนที่
ข. ขั้นตอนที่ ๒ วาดวงกลมโดยใช้รัศมีพื้นที่โจมตี รอบจุดศูนย์กลางของ
ต�ำแหน่งตรวจหาพื้นที่ภายในวงกลมนี้เป็นพื้นที่โจมตีและพื้นที่อันตราย
ค. ขั้นตอนที่ ๓ ส่งรายงาน นชค.๓ ชีวะ ให้แก่หน่วยและที่ตั้งทางทหารใน
พื้นที่พยากรณ์อันตรายตามลม ตาม รปจ.
๗.๗ ปรับการพยากรณ์การเปื้อนพิษ (Adjusted Hazard Prediction)
เมื่อทิศทางลมไม่ได้เปลี่ยนแปลงเท่ากับ ๓๐° หรือมากกว่าและความเร็วไม่ต�่ำกว่า
๑๐ กม./ชม. ผลรวมระยะทางตามลมสามารถน�ำมาใช้ในการค�ำนวณพื้นที่อันตรายพื้นที่เดียว ดัง
แสดงตามภาพ ฉ-๑๑ ให้คำ� นวณแนวขอบหน้าและแนวขอบหลัง เริม่ ต้นทีต่ ำ� บลโจมตี แนวขอบหน้า
และแนวขอบหลังให้แสดงโดยลากเส้นตั้งฉากไปยังเส้นทิศทางตามลม ลากไปจนสัมผัสเส้นเรเดียน
หลังการเปลี่ยนแปลงอากาศอย่างมีนัยส�ำคัญรายงาน นชค.๓ ชีวะอาจไม่ถูกต้อง รายงาน นชค.๓
ชีวะที่ปรับใหม่จะต้องส่งไปยังหน่วยหรือที่ตั้งทางทหารในพื้นที่อันตรายใหม่ถ้าเป็นไปได้ นอกจาก
นี้แจ้งเตือนหน่วยที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่อันตรายแล้ว สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยส�ำคัญมีดังนี้
ความเร็วลมเท่ากับ ๑๐ กม.ต่อชม.หรือมากกว่า หรือถ้าความเร็วลมเพิ่ม
ขึ้นจากน้อยกว่า ๑๐ กม.ต่อชม. ไปถึงมากกว่า ๑๐ กม.ต่อชม. หรือตรงข้ามกัน
มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางตามลมเท่ากับ ๓๐° หรือมากกว่า
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 189
ก. วาดวงกลมพื้นที่โจมตีและพื้นที่อันตรายเริ่มต้น ส�ำหรับห้วงเวลาของ
NBC CDR ที่มีการโจมตี ส�ำหรับการโจมตีประเภท S วาดวงกลมรัศมีพื้นที่โจมตี มีจุดศูนย์กลางที่
ต�ำแหน่งสังเกตการณ์และรอคอยข่าวสารเพิ่มเติม
ข. พื้นที่อันตรายในตอนท้ายของห้วงเวลา จะวาดเป็นวงกลมศูนย์กลาง
อยู่ที่แนวขอบตามลม (d1) มีรัศมีเท่ากับระยะทางตามแนวเส้นตั้งฉากจากเส้นทิศทางตามลมไปยัง
เส้นเรเดียนเส้นหนึ่ง
ค. ถ้าห้วงเวลาต่อไปคือ กรณีที่ ๑ ให้ขยายวงกลมนี้โดยใช้ระยะทาง d2
ง. ถ้าห้วงเวลาต่อไปคือ กรณีที่ ๒ ให้ลากเส้นทิศทางตามลมใหม่ ส�ำหรับ
ห้วงเวลาใหม่ของระยะทาง d2 จากตอนปลายของเส้น d1 ท�ำซ�้ำขั้นตอนรูปสามเหลี่ยมกับวงกลม
วาดเป็นพื้นที่โจมตีใหม่
จ. วาดวงกลมที่มีพื้นที่อันตรายอยู่ที่ตอนปลายของห้วงเวลาที่ 2 ตามที่
อธิบายส�ำหรับตอนปลายของห้วงเวลาที่ 1
ฉ. สร้างพื้นที่อันตราย ส�ำหรับห้วงเวลาที่ ๓ ตามที่อธิบายส�ำหรับ
ห้วงเวลาที่ ๒ ส�ำหรับ กรณีที่ ๒ ใช้ระยะทางที่เพิ่มขึ้น (DE) รวมกับแนวขอบหน้า
ช. พื้นที่อันตรายส�ำหรับรายงาน NBC CDR ปัจจุบัน เป็นพื้นที่รวมของ
พื้นที่อันตรายเริ่มต้นและพื้นที่อันตรายที่เกี่ยวข้องกับห้วงเวลาที่ ๒ และห้วงเวลาที่ ๓
๗.๗.๒ รายงาน นชค.๓ ชีวะ ควรจัดท�ำขึน้ ให้สอดคล้องกับ NBC CDR ห้วงเวลา
ปัจจุบัน พื้นที่อันตรายที่ก�ำหนดไว้ในชุด PAPAX นั้นควรรวมต�ำแหน่งที่ค�ำนวณส�ำหรับ NBC CDR
ปัจจุบันซึ่งควรขยายเวลาไปอีก ๖ ชั่วโมงนับจากเวลาโจมตี ในกรณีนี้พื้นที่อันตรายไม่มากกว่า ๓
ห้วงเวลาจะปรากฏใน PAPAX
๗.๗.๓ แนวขอบหน้าและแนวขอบหลังค�ำนวณตามเส้นระยะทางตามลม เริ่ม
ต้นที่ต�ำแหน่งโจมตีแนวขอบหน้าและแนวขอบหลังคือ เส้นที่ลากตั้งฉากกับเส้นทางระยะทางตาม
ลม ลากไปยังเส้นเรเดียนส�ำหรับระยะทางแต่ละห้วงเวลา
๗.๗.๔ ส�ำหรับการโจมตี ประเภท S ควรแจ้งให้ทราบถึงสถานทีต่ ำ� แหน่งทีต่ งั้ ของ
ข้าศึก ในต�ำแหน่งของพื้นที่อันตรายที่อยู่เหนือลมขึ้นไป โดยค�ำนวณตามย่อหน้า ๗.๓.๒ (ง) พื้นที่
ระหว่างต�ำแหน่งข้าศึกและเทมเพลตควรพิจารณาว่าอาจมีการเปือ้ นพิษทางชีวะ ให้ทำ� การเตือนภัย
อย่างเหมาะสมและจัดเตรียมมาตรการป้องกัน ถ้ามีการตรวจหาสารเพิ่มเติม ในบริเวณภายนอก
พื้นที่อันตราย วิธีการใน ๗.๓.๒ (ง) ควรจะปฏิบัติซ�้ำส�ำหรับต�ำแหน่งที่ตั้งใหม่
๗.๘ การประเมินค่าข่าวสารอากาศอันตรายตามลมจากสารเคมี (CDM) หลายฉบับ
(Hazards Spanning Multiple CDM Messages)
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 191
๑. ภูมิหลัง
ภายใต้ภัยคุกคามของสงครามนิวเคลียร์หรือขณะเกิดสงครามนิวเคลียร์นั้น หน่วยต่าง ๆ
จะต้องประเมินผลกระทบอย่างต่อเนื่องต่อการปฏิบัติการยุทธ์จากการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของข้าศึก
หน่วยจะต้องตระเตรียมการปฏิบตั เิ พือ่ ลดการขัดขวางการปฏิบตั กิ ารของหน่วยอันเนือ่ งมาจากการ
โจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (เช่น การก�ำหนดเกณฑ์การรับรังสี (OEG))
๑.๑ การบาดเจ็บล้มตายระดับต่าง ๆ อันเนื่องมาจากฝุ่นกัมมันตรังสีนั้นสามารถแผ่
ขยายไปถึงระยะทางไกล ๆ และครอบคลุมพืน้ ทีบ่ ริเวณกว้างได้มากกว่าผลอันตรายอืน่ ๆ ของอาวุธ
นิวเคลียร์ ดังนั้นระดับอันตรายของฝุ่นกัมมันตรังสีจึงมีอิทธิพลต่อการปฏิบัติการในสนามรบเป็น
เวลานาน ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการเปื้อนพิษกัมมันตรังสีที่จะกล่าวถึงในภาคผนวกนี้จะ
ช่วยให้ผบู้ งั คับหน่วยสามารถก�ำหนดข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของแต่ละหนทางปฏิบตั ไิ ด้และ
เปิดโอกาสให้ยกเลิกภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้
๑.๒ พื้นที่ที่ปกคลุมด้วยฝุ่นกัมมันตรังสีเป็นพื้นที่เปื้อนพิษกัมมันตรังสีที่กว้างที่สุดที่
เกิดขึ้นในสนามรบ เรื่องส�ำคัญเกี่ยวกับการพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสีมีอยู่ ๒ ประการ คือ
ลมเบื้องสูงและลมที่ผิวพื้นซึ่งจะเป็นตัวก�ำหนดว่าฝุ่นกัมมันตรังสีจะปรากฏ ณ ที่ใด ดังนั้นต�ำแหน่ง
ที่แท้จริงของฝุ่นกัมมันตรังสีจึงอาจแตกต่างจากต�ำแหน่งที่พยากรณ์จากลมที่ผิวพื้นเป็นอย่างมาก
๑.๓ อนุภาคของฝุ่นกัมมันตรังสีมักมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในเวลากลางวัน อนุภาคที่มี
ลักษณะคล้ายฝุน่ ผงทีต่ กลงสูพ่ นื้ ภายหลังการระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์นนั้ ควรสันนิษฐานว่าเป็นฝุน่
กัมมันตรังสีจนกว่าผลการตรวจวัดรังสีจะแสดงว่า ไม่มีกัมมันตภาพรังสีในพื้นที่ น�้ำหยาดฟ้าใด ๆ ที่
ตกลงมาภายหลังการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์จะต้องถือว่าเป็นฝนกัมมันตรังสีจากเมฆนิวเคลียร์
๑.๔ พื้นที่เปื้อนพิษรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำจะแคบเมื่อเทียบกับพื้นที่ท่ีปกคลุมด้วยฝุ่น
กัมมันตรังสีที่เกิดจากอาวุธนิวเคลียร์ที่มีขนาดอาวุธเท่ากัน พื้นที่นี้มักอยู่ภายในพื้นที่ที่ถูกท�ำลาย
หนักที่สุดและมีสิ่งกีดขวางอื่น ๆ (เช่น ต้นไม้โค่นล้ม เศษปรักหักพังหรือไฟไหม้) บ่อยครั้งที่ไม่มี
ความจ�ำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่เปื้อนพิษรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำ หน่วยควรเคลื่อนเข้าไปในพื้นที่นี้
เฉพาะเมื่อมีความจ�ำเป็นเท่านั้น ถ้าหน่วยจ�ำเป็นจะต้องผ่านจุดศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้น (GZ)
หรือต�ำแหน่งทีถ่ กู โจมตีดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ หรือเข้าไปยึดครองพืน้ ทีบ่ ริเวณจุดศูนย์กลางการระเบิด
ทีผ่ วิ พืน้ รังสีนวิ ตรอนเหนีย่ วน�ำจะมีนยั ส�ำคัญต่อการปฏิบตั กิ ารยุทธ์ หน่วยควรก�ำหนดเวลาเข้าพืน้ ที่
และเวลาอยูใ่ นพืน้ ที่ โดยพิจารณาจากระดับรังสีทปี่ รากฏอยูใ่ นพืน้ ทีเ่ ปือ้ นพิษรังสีนวิ ตรอนเหนีย่ วน�ำ
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 195
ค่าอัตรารังสีพื้นฐานที่อ่านได้ในยามปกติของเครื่องวัดรังสี
๒.๑.๓ พิจารณาจ�ำนวนและประเภทของเครือ่ งวัดรังสีและเครือ่ งมือสนับสนุนต่าง ๆ
ที่มีอยู่และใช้งานได้
หมายเหตุ : ๑. ให้พจิ ารณาเครือ่ งมือต่าง ๆ ทีม่ อี ยูส่ �ำหรับใช้ผา่ นหรือใช้โดยการบริการร่วม
กองก�ำลังผสมและชาติเจ้าภาพ
๒. ให้พิจารณาเครื่องวัดรังสีที่มีประจ�ำหน่วยและเครื่องมือที่จะมาพร้อมกับ
หน่วยที่จะเข้าร่วมปฏิบัติการในอนาคต
๒.๑.๔ พิจารณาจ�ำนวนและประเภทของกิจกรรมทีต่ อ้ งการส�ำหรับการตรวจรังสี
ดังต่อไปนี้
การใช้เครื่องวัดปริมาณรังสี (ใช้ประจ�ำบุคคลและในที่หลบภัยป้องกัน
หลัก)
การตรวจรังสี (ผูป ้ ว่ ยทีเ่ ปือ้ นพิษกัมมันตรังสีและชุดลาดตระเวนเคลือ่ นที)่
๒.๑.๕ ใช้โนโมแกรมและการค�ำนวณหาอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการโจมตีด้วย
อาวุธนิวเคลียร์
๒.๑.๖ แนะน�ำชุดจัดการทีพ่ กั ก�ำบังและชุดลาดตระเวน เคมี ชีวะ รังสีและนิวเคลียร์
ให้วัดค่าอัตรารังสีพื้นฐานดังต่อไปนี้
ให้ชุดจัดการที่พักก�ำบังวัดอัตรารังสีภายในที่พักหลัก/ที่พักก�ำบังของ
อาคารภายในและโดยรอบสถานีทำ� ลายล้างพิษก�ำลังพลและในพืน้ ทีช่ ดิ กับขอบนอกของทีพ่ กั ก�ำบัง
ให้ชุดลาดตระเวนวัดอัตรารังสีพื้นฐาน ณ ต�ำแหน่งที่อาจใช้เป็นจุดลาด
ตระเวน (ตามปกติแล้วจะไม่อยู่ใกล้กับที่พักก�ำบัง) หรือที่พักก�ำบังกัมมันตรังสีในอนาคต (ขณะนั้น
ไม่มีผู้ประจ�ำอยู่)
๒.๑.๗ พัฒนาแนวความคิดในการใช้เครื่องวัดรังสีโดยใช้เทคนิคต่อไปนี้เป็น
แนวทาง
ชุดตรวจวัดรังสีซงึ่ อยูใ่ นทีพ ่ กั ก�ำบังจะวัดเฉพาะอัตรารังสีภายนอกทีพ่ กั
ก�ำบังไปจนกว่าจะถึงจุดทีส่ ามารถวัดอัตรารังสี (แม้เพียงเล็กน้อย) ภายในทีพ่ กั หลัก/ทีพ่ กั ก�ำบังของ
อาคารได้
หมายเหตุ : ทันทีที่วัดอัตรารังสีดังกล่าวได้ จะหาค่าปัจจัยป้องกัน (PF หรือ CF) ของที่พักก�ำบัง
ได้โดยการหารค่าอัตรารังสีทอี่ า่ นได้จากภายนอกทีพ่ กั ก�ำบังด้วยค่าอัตรารังสีทอี่ า่ นได้จากภายใน
ที่พักก�ำบัง ตัวอย่างเช่น ถ้าอ่านค่าอัตรารังสีจากภายนอกได้ ๑ เซนติเกรย์/ชั่วโมง (cGy/h และ
อ่านค่าอัตรารังสีภายในได้ ๐.๐๒ cGy/h ค่า PF/CF ของที่พักก�ำบังจะมีค่าเป็น ๕๐)
ห้ามชุดลาดตระเวนเคมี ชีวะ รังสีและนิวเคลียร์ออกไปส�ำรวจอัตรารังสี
ภายนอกที่พักก�ำบัง เว้นแต่ข้อมูลนี้จะมีความจ�ำเป็นอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติภารกิจ
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 197
ยาเม็ดไอโอดีน
อาหารและน�้ำ
แบตเตอรี่
สิง่ อุปกรณ์สำ� หรับควบคุมการเปือ ้ นกัมมันตรังสีและการท�ำลายล้างพิษ
๓. การจัดการข่าวสารนิวเคลียร์ (Nuclear Information Management)
การจัดการข่าวสารการโจมตีดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์เป็นสิง่ ส�ำคัญอย่างยิง่ ต่อการบังคับบัญชา
เพื่อให้เป็นประโยชน์จะต้องมีการรวบรวม รายงานและประเมินค่าข่าวสารนิวเคลียร์จึงจะน�ำมาใช้
เป็นข่าวกรองสนามรบได้ การได้รบั และการแปลงข่าวสารนิวเคลียร์เป็นข่าวกรองนิวเคลียร์ทใี่ ช้งาน
ได้นั้นไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น ปริมาณข่าวสารที่จำ� เป็นต้องรวบรวมและรายงานนั้น ถ้าไม่มีการจัดการที่
ดีแล้วจะขัดขวางการติดต่อสื่อสารและการปฏิบัติการทางยุทธวิธีได้ง่าย ในผนวกนี้จะอธิบายว่า
ข่าวสารใดที่หาได้และข่าวสารนี้จะส่งไปยังบุคคลหรือหน่วยที่ต้องการได้อย่างไร
๓.๑ การรวบรวมข่าวสารนิวเคลียร์ (Collection of Nuclear Information)
การจัดการข่าวสารการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ขั้นแรกก็คือ การก�ำหนดว่าข่าวสารใดที่จะหาได้
และจะให้ผู้ใดเป็นผู้รวบรวมข่าวสารนั้น ข้อมูลที่จะต้องรวบรวมมีอยู่ ๒ ประเภทคือ ข้อมูลจาก
ผู้สังเกตการณ์ซึ่งจะให้ข่าวสารว่าเกิดการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นและข้อมูลการตรวจวัด การ
ส�ำรวจและการลาดตระเวนซึง่ จะให้ขา่ วสารว่ามีอนั ตรายอยูท่ ใี่ ด ทุกหน่วยจะต้องรับผิดชอบในการ
สังเกตการณ์และรายงานการโจมตีดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ แต่ไม่ตอ้ งส่งรายงาน นชค.๑ นิวเคลียร์ไปยัง
หน่วยเหนือโดยอัตโนมัติ อาจมีหลายหน่วยทีส่ งั เกตเห็นอาวุธนิวเคลียร์ระเบิด แต่ถา้ ทุกหน่วยต่างส่ง
รายงานไปยังหน่วยเหนือ การติดต่อสือ่ สารจะมีภาระล้น ด้วยเหตุผลนี้ เฉพาะหน่วยทีม่ ยี ทุ โธปกรณ์
ซึ่งสามารถวัดค่าต่าง ๆ ได้แม่นย�ำที่ได้รับการคัดเลือกไว้ล่วงหน้าแล้วเท่านั้น จึงจะเป็นผู้ส่งรายงาน
นชค.๑ นิวเคลียร์ หน่วยเหล่านี้เรียกว่า หน่วยสังเกตการณ์ที่ก�ำหนดไว้ล่วงหน้า อาจมีการคัดเลือก
หน่วยอื่น ๆ เพิ่มขึ้นอีกในระหว่างการปฏิบัติการทางยุทธวิธีโดยพิจารณาตามต�ำแหน่งที่ตั้งของ
หน่วย ดังนั้นเฉพาะหน่วยที่ได้รับการคัดเลือกไว้แล้วเท่านั้นที่จะส่งรายงาน นชค.๑ นิวเคลียร์ไปยัง
ส่วนเคมี ชีวะ รังสีและนิวเคลียร์
๓.๒ ข้อมูลการตรวจรังสี การส�ำรวจรังสีและการลาดตระเวนรังสี (Monitoring, Survey,
and Reconnaissance Data)
๓.๒.๑ ส่วนเคมี ชีวะ รังสีและนิวเคลียร์จะเป็นผู้รวบรวมข่าวสารจากรายงาน
นชค.๑ นิวเคลียร์จากผู้สังเกตการณ์ซึ่งได้รับการคัดเลือกไว้ที่เห็นการระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์
ต่อจากนั้นส่วน คชรน. ก็จะประเมินข่าวสารนี้ออกมาในรูปของรายงาน นชค.๒ นิวเคลียร์ จาก
รายงาน นชค.๒ นิวเคลียร์จะสามารถท�ำการพยากรณ์อันตรายอย่างง่ายหรืออย่างละเอียดได้ การ
พยากรณ์ (รายงาน นชค.๓ นิวเคลียร์) นีเ้ ป็นเพียงการประมาณพืน้ ทีอ่ นั ตรายเท่านัน้ การตัดสินว่าการ
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 201
มุมของเมฆนิวเคลียร์ทางด้านซ้ายและด้านขวา ผลต่างของมุมทั้งสองจะเป็นความกว้างของเมฆ
นิวเคลียร์ (ภาพ ช-๔) ให้รายงานค่าที่วัดได้นี้ลงในบรรทัด LIMA
ผู้สังเกตการณ์
ยอดเมฆ
เครื่องบิน
ฐานเมฆ สังเกตการณ์
ล�ำดอกเห็ด
มุมยอดเมฆ ผู้สังเกตการณ์
มุมฐานเมฆ
ระดับพื้นฐาน
(เป็นจริง) ผู้สังเกตการณ์ทางอากาศอาจให้ข้อมูลศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้นโดยประมาณหรือที่
เป็นจริงขึ้นอยู่กับความสูงของการบิน ทิศทางบิน ภูมิประเทศและสภาพทัศนวิสัย ผู้สังเกตการณ์
จะต้องรายงานศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้นลงในบรรทัด FOXTROT เสมอ
(ข) วิธีหาจุดตัด (intersection)
เป็นการประมาณค่าส�ำหรับบรรทัด FOXTROT หลักการหาต�ำแหน่ง
ศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้นด้วยวิธีนี้คือ การหาจุดตัดของเส้นแสดงทิศทางการโจมตีที่ลากจาก
ต�ำแหน่งของผู้สังเกตการณ์ที่ก�ำหนดไว้ล่วงหน้ามากกว่า ๑ หน่วย มีวิธีการดังต่อไปนี้
หาและท�ำเครื่องหมายต�ำแหน่งของหน่วยสังเกตการณ์แต่ละ
หน่วยลงบนแผ่นบริวารแผนที่ยุทธการ โดยใช้ข้อมูลในบรรทัด BRAVO
หาค่ามุมอาซิมท ุ แต่ละค่าทีจ่ ะน�ำมาพล็อต ข้อมูลนีอ้ ยูใ่ นบรรทัด
BRAVO เช่นเดียวกัน แปลงค่ามุมอาซิมุทแม่เหล็กให้เป็นมุมอาซิมุทกริดทุกค่า
จากต�ำแหน่งผูส ้ งั เกตการณ์แต่ละต�ำแหน่ง ใช้บรรทัดวัดมุมอาซิ
มุทแต่ละค่าแล้วหมายจุดไว้
ต่อเส้นอาซิมทุ จากต�ำแหน่งของผูส้ งั เกตการณ์ออกไปจนตัดกัน
ลงข้อมูลอืน
่ ๆ ทีช่ ว่ ยในการก�ำหนดต�ำแหน่งศูนย์กลางการระเบิด
ที่ผิวพื้น (เช่น เรดาร์ รายงานจากนักบิน)
ประเมินข้อมูล ผลทีไ่ ด้จากจุดตัดของเส้นอาซิมท ุ จะเป็นต�ำแหน่ง
ของศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้นโดยประมาณ รายงานต�ำแหน่งศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้นลงใน
รายงาน นชค.๒ นิวเคลียร์ที่บรรทัด FOXTROT แล้วระบุเพิ่มเติมว่า “ประมาณ” (นอกเสียจากว่า
จะน�ำข้อมูลจากบรรทัด FOXTROT (เป็นจริง) มาใช้ในการก�ำหนด)
ไม่ต้องค�ำนึงถึงเส้นอาซิมุทที่ไม่ตัดกับเส้นอาซิมุทเส้นอื่น ๆ
ถ้าเส้นอาซิมุทไม่ตัดกันจนได้ต�ำแหน่งศูนย์กลางการระเบิดที่
ผิวพื้นที่ชัดเจนให้เลือกจุดกึ่งกลางระหว่างเส้นอาซิมุทที่ตัดกัน
(ค) วิธีลากเส้นหาจุดตัด (polar plot)
เป็นการประมาณค่าส�ำหรับบรรทัด FOXTROT เทคนิคของวิธี
ลากเส้นหาจุดตัดนั้นอาศัยเวลาแสง-ถึง-เสียงและความเร็วเสียง (๓๕๐ เมตรต่อวินาที หรือ ๐.๓๕
กิโลเมตรต่อวินาที) วิธีการท�ำมีดังต่อไปนี้ (ภาพ ช-๗)
ประมาณค่าของระยะทางระหว่างศูนย์กลางการระเบิดที่ผิว
พื้นกับผู้สังเกตการณ์เป็นกิโลเมตร โดยการคูณเวลาแสง-ถึง-เสียง (ข้อมูลของบรรทัด JULIET ของ
รายงาน นชค.๑ นิวเคลียร์) ด้วย ๐.๓๕ กิโลเมตรต่อวินาที
ลงต�ำแหน่งของผูส ้ งั เกตการณ์ลงบนแผนทีส่ ถานการณ์ ข้อมูลนี้
อยู่ในบรรทัด BRAVO ของรายงาน นชค.๑ นิวเคลียร์
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 213
จากต�ำแหน่งของผู้สังเกตการณ์ใช้บรรทัดวัดมุมอาซิมุท ซึ่ง
แปลงค่าจากมุมอาซิมุทแม่เหล็กเป็นมุมอาซิมุทกริดแล้ว และท�ำเครื่องหมายไว้
ลากเส้นอาซิมุทออกไปจนมีความยาวเท่ากับค่าที่ค�ำนวณไว้
เป็นระยะทางระหว่างศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้นและผู้สังเกตการณ์อ่านพิกัดขอต�ำแหน่งซึ่ง
เป็นจุดปลายของเส้นอาซิมุทในขั้นตอนก่อนหน้านี้ จะเป็นต�ำแหน่งของศูนย์กลางการระเบิดที่ผิว
พื้นที่โดยประมาณ
ต�ำแหน่งของ
ผู้สังเกตการณ์
เวลาแสง-ถึง-เสียง (วินาที)
การประมาณขนาดอาวุธ
สถานการณ์ : จงประมาณขนาดอาวุธ
ระยะทางจากผูส้ ังเกตการณ์ถึง GZ เท่ากับ ๑๒.๙ กม. ใช้แฮร์ไลน์วางทาบจาก
ขวาไปซ้ายบนมาตราส่วนเส้นขวา (ด้านซ้ายของมาตราส่วนเส้นขวา) ที่ ๑๒.๙
กม.และมาตราส่วนเส้นกลาง (มุมฐานเมฆ) ทีค่ า่ ๔๔° มุมฐานเมฆ อ่านค่าขนาด
อาวุธ ณ จุดที่แฮร์ไลน์ตัดมาตราส่วนเส้นซ้าย
(ซ้ายมือของมาตราส่วนเส้นซ้าย-ขนาดอาวุธหาจากมุมฐานเมฆ)
ขนาดอาวุธมีค่าประมาณ ๗.๔ กิโลตัน
บรรทัด NOVEMBER ของรายงาน นชค.๒ นิวเคลียร์ มีค่า ๗.๔ กิโลตัน
หมายเหตุ : แฮร์ไลน์อาจไม่ได้สัดส่วนกับของจริง
มุมยอดเมฆหรือมุมฐานเมฆ (มิลเลียม)
ขนาดอาวุธ (KT) - หาจากมุมยอดเมฆ
มุมยอดเมฆหรือมุมฐานเมฆ (องศา)
การประมาณขนาดอาวุธ
เวลาแสง-ถึง-เสียง (วินาที)
ขนาดอาวุธ (KT) - หาจากมุมฐานเมฆ
ระยะทางถึงศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้น (กม.)
ภารกิจ ให้ใช้แผ่นค�ำนวณหาขนาดอาวุธจากการระเบิดครั้งนี้
ค�ำตอบ จัดแผ่นค�ำนวณให้ค่า ๑๐๐ วินาทีบนเส้นมาตราส่วน
เวลาแสง-ถึง-เสียง อยู่ในแนวเดียวกับค่า ๓๐๐ มิลเลียมบนเส้นมาตราส่วนมุมฐานเมฆหรือมุมยอด
เมฆที่เสถียร (วัดเมื่อเวลา H+10 นาที/ข้อมูลในบรรทัด MIKE) อ่านค่าขนาดอาวุธบนมาตราส่วน
ขนาดอาวุธ-หาจากมุมยอดเมฆที่เสถียรซึ่งอยู่ใต้ดัชนีชี้ ขนาดอาวุธนิวเคลียร์ที่สังเกตการณ์ได้มีค่า
เท่ากับ ๒๐ กิโลตัน
(จ) ขนาดอาวุธหาจากเวลา แสง-ถึง-เสียงและความกว้างของเมฆเมื่อ
เวลา ๕ นาที (H+5/L)
หมายเหตุ : ถ้าบรรทัด LIMA รายงานเป็นองศา จะต้องเปลี่ยนให้เป็นมิลเลียมโดยที่มิลเลียม
เท่ากับองศา x ๑๗.๘
สถานการณ์ ผู้สังเกตการณ์รายงานค่าเวลา แสง-ถึง-เสียงจาก
การระเบิดเป็น ๑๐๐ วินาที และความกว้างของเมฆวัดเมื่อเวลา ๕ นาทีหลังการระเบิดมีค่า ๑๘๐
มิลเลียม
ภารกิจให้ใช้แผ่นค�ำนวณหาขนาดอาวุธ
ค�ำตอบ จัดแผ่นค�ำนวณให้ค่า ๑๐๐ วินาทีบนมาตราส่วนเวลา
แสง-ถึง-เสียง อยูใ่ นแนวเดียวกับค่า ๑๘๐ มิลเลียมบนมาตราส่วนความกว้างของเมฆทีส่ งั เกตการณ์
เมื่อเวลา ๕ นาที อ่านค่าขนาดอาวุธ ณ จุดที่ดัชนีชี้อยู่ในแนวเดียวกับมาตราส่วนขนาดอาวุธ
ขนาดอาวุธที่สังเกตการณ์ได้คือ ๕๐ กิโลตัน
๕.๔.๖ เวลาแสง-ถึง-เสียง จะน�ำมาใช้ในการประเมินหาขนาดอาวุธเป็นสิง่ สุดท้าย
๕.๔.๗ เทคนิคการประมาณขนาดอาวุธแต่ละวิธีที่กล่าวมานี้ เรียงตามความน่า
เชื่อถือน้อยลงตามล�ำดับและขนาดอาวุธที่หาได้จะเป็นค่าโดยประมาณ
๕.๔.๘ การโจมตีเพียงครัง้ เดียวจะได้รบั ข้อมูลจากหน่วยสังเกตการณ์หลายหน่วย
ซึ่งจะเป็นผลให้ขนาดอาวุธที่ประเมินได้มีค่าไม่เท่ากัน ให้น�ำขนาดอาวุธทั้งหมดมารวมกันแล้วหาร
ด้วยจ�ำนวนหน่วยสังเกตการณ์จะได้ค่าเฉลี่ยขนาดอาวุธโดยประมาณส�ำหรับส่งต่อไป
๖. วิธีการค�ำนวณรายงาน นชค.๓ นิวเคลียร์ (NBC3 NUC Calculation Procedures)
วิธกี ารค�ำนวณรายงาน นชค.๓ นิวเคลียร์จะท�ำให้มนั่ ใจได้วา่ ได้ใช้วธิ กี ารมาตรฐานในการ
พยากรณ์ฝุ่นกัมมันตรังสี
๖.๑ การพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสี (Fallout Prediction)
๖.๑.๑ ในการเตรียมการพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสีจะต้องมีสิ่งต่าง ๆ
ดังต่อไปนี้
222 ภาคผนวก ช
ข้อมูลอุตุนิยมวิทยา
ต�ำแหน่งศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้น
ขนาดอาวุธโดยประมาณ
๖.๑.๒ ข้อมูลอุตุนิยมวิทยาที่จ�ำเป็นจะอยู่ในรูปแบบของข่าวสารลมพื้นฐานทาง
นชค.หรือข่าวสารทิศทางลมทาง นชค. รายละเอียดเกี่ยวกับข่าวสารทั้งสองนี้กล่าวไว้ในผนวก ง
๖.๑.๓ วิธีพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสีมี ๒ วิธีคือ การพยากรณ์อย่างง่าย
และการพยากรณ์อย่างละเอียด ทัง้ สองวิธนี จี้ ะใช้ในการก�ำหนดขอบเขตของพืน้ ทีเ่ ตือนภัย ตามปกติ
แล้ว การพยากรณ์อย่างละเอียดจะใช้กบั หน่วยงานทีม่ ขี ดี ความสามารถในการพยากรณ์อากาศ และ
หน่วยรองจะใช้วธิ พี ยากรณ์อย่างง่าย ทัง้ นีผ้ บู้ งั คับบัญชาจะเป็นผูต้ ดั สินใจว่าจะใช้วธิ ใี ด รายละเอียด
เกี่ยวกับวิธีการทั้งสองนี้จะกล่าวต่อไปในผนวกนี้
๖.๑.๔ การพยากรณ์พื้นที่อันตรายจากฝุ่นกัมมันตรังสีด้วยวิธีพยากรณ์อย่าง
ละเอียด จะมีความถูกต้องแน่นอนกว่า ถึงแม้ว่าจะไม่มีวิธีใดที่จะระบุขอบเขตของฝุ่นกัมมันตรังสี
ได้อย่างแม่นย�ำ แต่พื้นที่ที่มีฝุ่นกัมมันตรังสีที่พยากรณ์ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งก็สามารถระบุขอบเขตของ
พื้นที่เปื้อนพิษฝุ่นกัมมันตรังสีที่มีความส�ำคัญทางทหารว่าจะกว้างขวางเพียงใด
๖.๑.๕ ขอบเขตของพื้นที่พยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสีนั้นไม่ใช่เส้นชั้นรังสี
และไม่ได้หมายความว่า ทุก ๆ จุดภายในพื้นที่พยากรณ์จะมีอันตรายจากฝุ่นกัมมันตรังสี
หมายเหตุ : ไม่มกี ารพยากรณ์การตกของฝุน่ กัมมันตรังสีส�ำหรับการระเบิดในอากาศเหนือพืน้ ดิน
และวิธีการพยากรณ์ดังกล่าวข้างต้นจะน�ำมาใช้กับการระเบิดที่ผิวพื้นเหนือน�้ำได้
๖.๒ เขตต่าง ๆ ของพื้นที่การตกของฝุ่นกัมมันตรังสี (Fallout Area Zones)
๖.๒.๑ พื้นที่พยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสีประกอบด้วย เขต I และเขต II
(ก) เขต I เป็นเขตที่มีผลทางยุทธการทันที ภายในเขตนี้ก�ำลังพลที่ไม่มี
การป้องกันจะได้รับปริมาณรังสี ๑๒๕ เซนติเกรย์หรือสูงกว่าภายในระยะเวลาค่อนข้างสั้น (หลัง
จากฝุ่นกัมมันตรังสีมาถึงเขตนี้ไม่ถึง ๔ ชั่วโมง) การปฏิบัติการของหน่วยอาจเกิดอุปสรรคส�ำคัญ
ขัดขวางและก�ำลังพลเกิดการบาดเจ็บล้มตายภายในพื้นที่บางส่วนของเขตนี้
(ข) เขต II เป็นเขตที่มีอันตรายรองลงไป ภายในเขตนี้ก�ำลังพลที่ไม่มี
การป้องกันจะได้รับปริมาณรังสีน้อยกว่า ๑๒๕ เซนติเกรย์ภายในระยะเวลา ๔ ชั่วโมงหลังจากฝุ่น
กัมมันตรังสีมาถึง แต่ภายในระยะเวลา ๒๔ ชั่วโมงแรกที่ฝุ่นกัมมันตรังสีตกอาจได้รับปริมาณรังสี
ทั้งสิ้น ๗๕ เซนติเกรย์หรือสูงกว่า ก�ำลังพลที่ไม่เคยได้รับรังสีมาก่อน อาจได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติ
ภารกิจส�ำคัญเป็นเวลานานถึง ๔ ชั่วโมง หลังจากที่ฝุ่นกัมมันตรังสีมาถึง โดยไม่ท�ำให้ก�ำลังพลผู้นั้น
ได้รับปริมาณรังสีถึง ๑๒๕ เซนติเกรย์ซึ่งเป็นเกณฑ์อันตรายฉุกเฉิน
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 223
เขต เขต
แกนใต้ลม
แผ่นพยากรณ์พื้นที่เปื้อนพิษฝุ่นกัมมันตรังสีอย่างง่ายแบบ เอ็ม ๕ เอ ๒
2
ข่าวสารทิศทางลม
(ง) ในการค�ำนวณข้อมูลให้ใช้วิธีการอย่างละเอียดที่จะอธิบายต่อไปใน
ผนวกนี้
โดยอาวุธขนาด ๒ กิโลตันจะใช้บรรทัด ALPHAM
๕ กิโลตันใช้บรรทัด BRAVOM
๓๐ กิโลตันใช้บรรทัด CHARLIEM และอื่น ๆ
ตัวอย่าง ข่าวสารทิศทางลม นชค.
พื้นที่/RRRR// (พื้นที่วัดค่าลม)
ZULUM/dddttttZMMMYYYY/ (วันเวลาที่วัดข้อมูลเกี่ยวกับลม)
หน่วย/LLL/DDD/SSS/-//
ALPHAM /-/ddd/sss/***
BRAVOM /-/ddd/sss/***
CHARLIEM /-/ddd/sss/***
DELTAM /-/ddd/sss/***
ECHOM /-/ddd/sss/***
FOXTROTM /-/ddd/sss/***
GOLFM /-/ddd/sss/***
ZULUM/ddttttZMMMYYYY/ เป็นวันเวลาที่วัดข้อมูลเกี่ยวกับลมจริงเพื่อน�ำมาใช้ในการ
พล็อตทิศทางลม (เช่น 020600ZJUN 2004 หมายถึง วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๐๐๔ เมื่อเวลา 0600 Z)
UNIT (LLL/DDD/SSS/-//) เป็นหน่วยที่ใช้วัดลม (LLL= กม., DDD = องศากริด (DGG), และ
SSS = กม./ชม.) DDD เป็นทิศทางลม มีหน่วยเป็นองศา และ SSS เป็นความเร็วลมมีหน่วยเป็น กม./ชม.
(เช่น ALPHAM 080025 บอกค่าทิศทางลมเป็น ๘๐ องศาและความเร็วลมเป็น ๒๕ กม./ชม.
ข้อมูลนี้ใช้กับอาวุธนิวเคลียร์ขนาดไม่เกิน ๒ กิโลตัน แต่ถ้า ALPHAM เป็น 004, LLL (/-/) จะเป็น
ค่าของระยะทางใต้ลมเขต I (๔ กม.)
๖.๕.๔ แผ่นพยากรณ์พื้นที่เปื้อนพิษฝุ่นกัมมันตรังสี แบบเอ็ม ๕ เอ ๒
(M5A2 Fallout Predictor) เป็นแผ่นโปร่งใส ใช้ส�ำหรับเขียนเส้นขอบของอันตรายที่เกิดจากอาวุธ
นิวเคลียร์ระเบิดที่ผิวพื้นตามกลุ่มของขนาดอาวุธที่ก�ำหนดไว้
(ก) แผ่นพยากรณ์พื้นที่เปื้อนพิษฝุ่นกัมมันตรังสี แบบเอ็ม ๕ เอ ๒
ประกอบด้วยรูปพยากรณ์อย่างง่าย ๒ รูป และโนโมแกรมส�ำหรับก�ำหนดระยะทางใต้ลมเขต I
(ข) รูปพยากรณ์รปู หนึง่ ใช้สำ� หรับแผนทีม่ าตราส่วน ๑ : ๕๐,๐๐๐ พร้อม
ด้วยกลุ่มของขนาดอาวุธนิวเคลียร์ที่ก�ำหนดไว้แล้ว ๕ กลุ่ม (A, B, C, D และ E) ส่วนรูปพยากรณ์อีก
รูปหนึง่ ใช้สำ� หรับแผนทีม่ าตราส่วน ๑ : ๒๕๐,๐๐๐ พร้อมด้วยกลุม่ ของขนาดอาวุธนิวเคลียร์ทกี่ ำ� หนด
ไว้แล้ว ๖ กลุ่ม (A, B, C, D, E และ F) รูปพยากรณ์แต่ละรูปประกอบด้วยส่วนส�ำคัญ ๓ ส่วนคือ
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 231
วงกลมอาซิมุท ส�ำหรับก�ำหนดทิศทางที่จะวางรูปพยากรณ์
ครึง่ วงกลมแสดงรัศมีเมฆนิวเคลียร์ทเี่ สถียรรอบศูนย์กลางการระเบิด
ที่ผิวพื้น (GZ) และแสดงพื้นที่เปื้อนพิษฝุ่นกัมมันตรังสีของกลุ่มขนาดอาวุธแต่ละกลุ่มที่ก�ำหนดไว้
เส้นรัศมี ๒ เส้นที่ลากต่อออกจากจุดศูนย์กลางของวงกลมอาซิมุท
แต่ละเส้นมีขีดแบ่งระยะทางเป็นกิโลเมตรตามมาตราส่วนแผนที่
๖.๕.๕ การพยากรณ์การตกของฝุน่ กัมมันตรังสีอย่างง่ายมี ๓ กรณีคอื กรณีปกติ
และกรณีพเิ ศษ ๒ กรณี สิง่ ทีจ่ ะเป็นตัวก�ำหนดแบบคือ จ�ำนวนหลักของตัวเลขทีอ่ ยูใ่ นบรรทัดเดียวกัน
กับกลุ่มขนาดอาวุธที่ก�ำลังใช้อยู่
(ก) กรณีปกติจะเป็นเลข ๖ หลัก ภายใต้สภาวะปกติ ความเร็วลมจะมี
ค่าตั้งแต่ ๘ กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป เมื่อความเร็วลมมีค่าดังกล่าว ข่าวสารทิศทางลมจะเป็นเลข ๖
หลัก ซึง่ ใช้ในการเตรียมการพยากรณ์การตกของฝุน่ กัมมันตรังสีอย่างง่าย ภาพการพยากรณ์ในกรณี
ปกตินี้ให้ดูภาพ ช-๑๒ ซึ่งมีวิธีการท�ำดังนี้
ก�ำหนดขนาดอาวุธ ข้อมูลนี้จะอยู่ในบรรทัด NOVEMBER ของ
รายงาน นชค.๒ นิวเคลียร์
ใช้ขนาดอาวุธเป็นตัวก�ำหนดบรรทัดในข่าวสารทิศทางลมที่จะ
ใช้ในการเตรียมการพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสีอย่างง่าย
ตัวอย่าง : อาวุธนิวเคลียร์ขนาด ๕๐ กิโลตัน ใช้บรรทัด DELTA ในข่าวสารทิศทางลม ซึ่งใช้ส�ำหรับ
อาวุธนิวเคลียร์ที่มีขนาดมากกว่า ๓๐ กิโลตันแต่น้อยกว่า ๑๐๐ กิโลตัน
DELTA ส�ำหรับอาวุธขนาด > ๓๐ กิโลตัน ≤๑๐๐ กิโลตัน
ใช้เลข ๓ หลักแรก (ddd) จากข่าวสารทิศทางลมเป็นค่าทิศทาง
ลม ลากเส้นตรงจากศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้นผ่านทิศทางลมดังกล่าวบนวงกลมอาซิมุทก�ำหนด
เป็นเส้นแนวทิศเหนือกริด (GN) และบันทึกทิศทางลม (ddd) บนแผ่นพยากรณ์ เอ็ม ๕ เอ ๒
ใช้คา่ ความเร็วลม (SSS จากข่าวสารทิศทางลม) และขนาดอาวุธ
ที่แท้จริง (ไม่ใช่กลุ่มของขนาดอาวุธ) และหาระยะทางใต้ลมที่มีผลทางยุทธการทันที (ภาพ ช-๑๖)
โดยวางแฮร์ไลน์ทาบลงบนค่าทีเ่ ส้นมาตราส่วนความเร็วลมและขนาดอาวุธ แล้วอ่านค่าระยะทางใต้
ลมเขต I ตรงจุดที่แฮร์ไลน์ตัดกับเส้นมาตราส่วนของระยะทางใต้ลมเขต I
จากศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้น วาดส่วนโค้งด้วยระยะทางใต้
ลมเขต I ตัดเส้นรัศมีทงั้ สองของแผ่นพยากรณ์เป็นเขต I และวาดส่วนโค้งเส้นที่ ๒ ด้วยระยะทางเป็น
๒ เท่าของเส้นแรกจากศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้นเป็นเขต II (ระยะทางเขต II จะเป็น ๒ เท่าของ
เขต I เสมอ) ก�ำหนดเขต I และเขต II ลงบนพื้นที่ทั้งสอง
ลากเส้นสัมผัสวงกลมจากเส้นรัศมีเมฆของกลุม ่ ขนาดอาวุธไปยัง
จุดที่เส้นรัศมีของแผ่นพยากรณ์ตัดกับส่วนโค้งของระยะทางใต้ลมเขต I
232 ภาคผนวก ช
ความเร็วลม
การหาระยะทางของเขต I
ขั้นที่ ๔ แกนใต้ลม
เขต ๒
ไม่ได้สัดส่วนกับของจริง
ขั้นที่ ๕
รัศมีเมฆ ระยะปลอดภัย
ขนาดอาวุธ A B C D E F G A B C D E F G
ไมล์ทะเล 0.7 1.0 2.3 3.7 8.1 9.7 15 1.3 1.5 3.4 5 7 13 19
กิโลเมตร 1.2 1.9 4.2 6.8 11.2 18 28 2.5 3 6.7 10 14 25 36
แกนใต้ลม
รัศมีเมฆ
ขนาดอาวุธ
ไมล์ทะเล
กิโลเมตร
แผ่นค�ำนวณการพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสี - การระเบิดที่ผิวพื้น
หมายเหตุ : ท�ำแผ่นค�ำนวณให้สมบูรณ์เพื่อให้ได้ข้อมูลส�ำหรับรายงาน นชค.๓ นิวเคลียร์ ให้ขีดฆ่าหน่วยวัดที่ไม่ใช้ในช่องขวาสุดออก
A. วันเวลาของการระเบิด (กลุ่มเลขวัน-เวลา) (จากรายงาน นชค.๒ นิวเคลียร์) 120657Z ธ.ค. 2004 DELTA (DDTTTTZ MMMYYY)
(เวลาท้องถิ่น หรือซูลู)
FOXTROT (YY ZZZZZZ)
B. พิกัดของ GZ (จากรายงาน นชค.๒ นิวเคลียร์) WB764766 (จริงหรือโดยประมาณ)
อัตราส่วน FY/TY (จากการวิเคราะห์เป้าหมายส�ำหรับการเตือนภัยการโจมตีเท่านั้น)
C. (ถ้าทราบให้ใส่ # ถ้าไม่ทราบหรือเป็นการโจมตีของข้าศึกให้ใส่ ๑) 1
ความสูงของการระเบิด (จากการวิเคราะห์เป้าหมายส�ำหรับการเตือนภัยการโจมตีเท่านั้น)
D. (ถ้าทราบให้ใส่ # ถ้าไม่ทราบหรือเป็นการโจมตีของข้าศึกให้ใส่ ๐) 0 เมตร
E. ขนาดอาวุธ (จากรายงาน นชค.๒ นิวเคลียร์) 50 กิโลตันหรือเมกะตัน
F. ความสูงของยอดเมฆ (ใช้ภาพ ช-๒๑) 12.8 103 เมตรหรือฟุต
G. ความสูงของเมฆ (ใช้ภาพ ช-๒๑) 8.4 103 เมตรหรือฟุต
H. ๒/๓ ของล�ำดอกเห็ด (ใช้ภาพ ช-๒๑) 5.6 103 เมตรหรือฟุต
I. รัศมีเมฆ (ใช้ภาพ ช-๒๑) 06 PAPAB - rr (กม.)
(ปัดเศษเป็นจ�ำนวนเต็ม)
J. เวลาฝุ่นตกจากฐานเมฆ (ใช้ภาพ ช-๒๑) 2.38 ชั่วโมง
(ปัดเศษเป็นจ�ำนวนเต็ม)
หมายเหตุ ลงค่า F, G และ H ลงบนภาพเขียนทิศทางลมปัจจุบัน วัดระยะทางจาก GZ ถึงความสูงของฐานเมฆ
K. ความยาวของเส้นรัศมีจาก GZ ถึงความสูงของฐานเมฆ 22 กม.
ความเร็วลม (จากรายงาน นชค.2 นิวเคลียร์)
L. K = 22 009 PAPAB – SSS (กม./ชม.)
J 2.38 (ปัดเศษเป็นจ�ำนวนเต็ม)
M. ระยะทางใต้ลมเขต I (ใช้ภาพ ช-22 กับค่าจากบรรทัด E และ L) 022 PAPAB - xxx (กม.)
(ปัดเศษเป็นจ�ำนวนเต็ม)
N. การค�ำนวณเพื่อปรับระยะทางใต้ลมเขต I
ปัจจัย FY/TY (C) 1 x ความสูงของการระเบิด (D) 1 = 1
ใช้ภาพ ช-๒๓ ใช้ภาพ ช-๒๒
(ถ้าไม่ทราบหรือเป็นการโจมตีของข้าศึกให้ใช้ค่า ๑ และ ๑)
O. ระยะทางใต้ลมเขต I 022 PAPAB - xxx (กม.)
(ปัดเศษเป็นจ�ำนวนเต็ม)
หมายเหตุ : ต้องมั่นใจว่ามุมระหว่างเส้นรัศมีซ้ายและขวามีค่า ≥ ๔๐° ถ้าไม่เท่าให้น�ำค่ามุมทั้งสองมาบวกกันแล้วหารด้วย 2
และให้บวกแต่ละมุมด้วย ๒๐° จะได้เส้นรัศมีใหม่ แล้วเติมค่ามุมอาซิมุทใหม่ลงในช่องข้างล่าง
P. มุมอาซิมุทของเส้นรัศมีซ้าย 0103 PAPAB-dddd
(มิลเลียมหรือองศา)
Q. มุมอาซิมุทของเส้นรัศมีขวา 0143 PAPAB-cccc
(มิลเลียมหรือองศา)
R. รายงาน นชค.๓ นิวเคลียร์
ALFA (AAA) N001 (เลขล�ำดับการโจมตี)
DELTA (DDTTTTZMMMYYYY) 120657Z ธ.ค.2004 (เวลาท้องถิ่นหรือซูลู)
FOXTROT (YYZZZZZZ) WB 764766 (จริงหรือโดยประมาณ)
PAPAB (sssxxxrr)* 00902206 (มุมอาซิมุทของเส้นรัศมี
(dddd cccc) ** 0103 0143 มิลเลียมหรือองศา)
* sss - ความเร็วลม (กม./ชม.) * xxx - ระยะทางใต้ลมเขต I (กม.)
* rr - รัศมีเมฆ (กม.) ** dddd – เส้นรัศมีซ้าย ** cccc - เส้นรัศมีขวา
กัมมันตรังสีน้อยกว่าอาวุธที่มีขนาดอาวุธเท่ากันที่แตกตัวได้ร้อยละสิบถึงร้อยละสี่สิบ ถ้าทราบ
อัตราส่วน FY/TY จะหาค่าปัจจัยปรับค่า FY/TY ได้จากโนโมแกรม (ภาพ ช-๒๓) วิธีใช้โนโมแกรม
ดังกล่าวมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
วางแฮร์ไลน์จากขนาดอาวุธทัง้ สิน ้ บนเส้นมาตราส่วนทางซ้ายมือ
ไปยังค่าของอัตราส่วน FY/TY บนเส้นมาตราส่วนทางขวามือ อ่านค่าปัจจัยปรับค่า FY/TY ณ จุดที่
แฮร์ไลน์ตัดเส้นมาตราส่วนตรงกลางและบันทึกลงในบรรทัด NOVEMBER ของแผ่นค�ำนวณ
ถ้าไม่ทราบอัตราส่วน FY/TF ให้คิดว่าอาวุธแตกตัวได้ ๑๐๐%
และใช้ปัจจัยปรับค่า FY/TF เท่ากับ ๑ บันทึกลงในบรรทัด NOVEMBER ของแผ่นค�ำนวณ
ถ้าทราบความสูงของการระเบิด (HOB) ให้หาค่าปัจจัยปรับค่า
ความสูงของการระเบิดจากโนโมแกรม (ดูภาพ ช-๒๔ และ ช-๒๕) การใช้โนโมแกรมให้วางแฮร์ไลน์
จากขนาดอาวุธบนเส้นมาตราส่วนซ้ายมือทาบไปยังค่าของความสูงของการระเบิดบนเส้นมาตราส่วน
ตรงกลาง อ่านค่าปัจจัยปรับค่าความสูงของการระเบิด ณ จุดทีแ่ ฮร์ไลน์ตดั กับเส้นมาตราส่วนขวามือ
แล้วบันทึกลงในบรรทัด NOVEMBER ของแผ่นค�ำนวณ
ถ้าไม่ทราบความสูงของการระเบิด (HOB) ให้คด ิ ว่าความสูงของ
การระเบิดมีคา่ เป็นศูนย์และใช้คา่ ปัจจัยปรับค่าความสูงของการระเบิดเท่ากับ ๑ แล้วบันทึกค่าลงใน
บรรทัด NOVEMBER ของแผ่นค�ำนวณ
หาค่าระยะทางใต้ลมเขต I โดยการคูณบรรทัด MIKE ด้วยบรรทัด
NOVEMBER แล้วบันทึกค่าที่ได้ลงในบรรทัด OSCAR ของแผ่นค�ำนวณ
หมายเหตุ : ถ้าความเร็วลมต�่ำกว่า ๘ กม./ชม. การพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสีอย่าง
ละเอียดจะเสร็จสิน้ สมบูรณ์เพียงเท่านี้ ให้เตรียมรายงาน นชค.๓ นิวเคลียร์ (บรรทัด ROMEO ของ
แผ่นค�ำนวณ) ดังอธิบายไว้ในขัน้ ที่ ๙ แต่ถา้ ความเร็วลมสูงกว่าหรือเท่ากับ ๘ กม./ชม.ให้ท�ำขัน้ ที่ ๘
(ซ) ขัน้ ที่ ๘ ลากเส้นรัศมีซา้ ยและขวาจาก GZ ไปยังมุมยอดเมฆและ ๒/๓
เท่าของความสูงของล�ำดอกเห็ด แล้ววัดค่ามุมที่เกิดจากเส้นรัศมีทั้งสอง
หมายเหตุ : ถ้าเส้นรัศมีขยายออกไปจนครอบคลุมเส้นทิศทางระหว่าง ๒/๓ เท่าของความสูง
ของล�ำดอกเห็ดและความสูงของยอดเมฆจะต้องท�ำการวัดค่าของมุมนี้
ถ้ามุมกว้าง ๔๐° หรือมากกว่า ให้วัดมุมอาซิมุท (เป็นมิลเลียม
หรือองศาจาก GZ) ของเส้นรัศมีซ้ายและขวา แล้วบันทึกลงในบรรทัด PAPA และ QUEBEC ของ
แผ่นค�ำนวณ
ถ้ามุมกว้างน้อยกว่า ๔๐° ให้แบ่งครึ่งมุม (น�ำมุมอาซิมุทของ
ทั้งสองเส้นมารวมกันแล้วหารด้วย ๒) และขยายมุมระหว่างเส้นรัศมีทั้งสองออกไปเป็น ๔๐° (ขยาย
มุมจากเส้นแบ่งครึ่งมุมออกไปด้านละ ๒๐°) (ดูหมายเหตุในภาพ ช-๑๙)
244 ภาคผนวก ช
ระยะทางใต้ลม เชต I
ไมล์ทะเล กม.
ความเร็วลม
นอต กม./ชม.
การหาระยะทางเขต I
ปัจจัยปรับค่า ขนาดอาวุธจากการแตกตัว/ขนาดอาวุธทั้งสิ้น
ถ้าอัตราส่วนของ FY/TY มีค่าเป็น ๐.๒๗ และอาวุธมีขนาด ๕๐ กิโลตัน ค่าปัจจัยปรับค่า FY/TY จะเป็น ๐.๗
ซึ่งหาได้โดยการวางแฮร์ไลน์ลงบนเส้นมาตราส่วนขนาดอาวุธทางซ้ายมือที่ 50 กิโลตัน พยายามให้แฮร์ไลน์
อยู่ ณ ต�ำแหน่ง ๕๐ กิโลตันและผ่านจุดที่อัตราส่วน FY/TY บนเส้นมาตราส่วนทางขวามือมีค่าเท่ากับ ๐.๒๗
อ่านค่าปัจจัยปรับค่า FY/TY บนเส้นมาตราส่วนตรงกลางได้ค่า ๐.๗
ความสูงของการระเบิด
ปัจจัยปรับค่าความสูง
ของการระเบิด
ขั้นที่ ๑
ขั้นที่ ๒ ขั้นที่ ๓
ขั้นที่ ๕
ขั้นที่ ๔
ขั้นที่ ๖
ดัชนี
ขั้นที่ ๘ จัดท�ำโดย : 1st MARDIV NBC Plt
มาตราส่วน : 1 : 250,000
แผนที่ที่ใช้ :
ดัชนี ขั้นที่ ๗
ไม่ได้สัดส่วนกับของจริง
จัดท�ำโดย : 1st MARDIV NBC Plt
มาตราส่วน : 1 : 250,000
แผนที่ที่ใช้ :
แกนใต้ลม
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน.
รัศมีเมฆ ระยะปลอดภัย
ขนาดอาวุธ A B C D E F G A B C D E F G
เครื่องกั้นรังสีในสภาพแวดล้อม TF CF เครื่องกั้นรังสีในสภาพแวดล้อม TF CF
ยานพาหนะ เครื่องมือของทหารช่าง
ถ.เอ็ม 1 0.04 25.00 ยานรถหุ้มเกราะ เอ็ม 9 0.3 3.33
ถ.เอ็ม 48 0.02 50.00 รถเกรด 0.8 1.25
ถ.เอ็ม 60 0.04 25.00 รถบูลโดเซอร์ 0.5 2.00
รถรบทหารราบ เอ็ม 2 0.20 5.00 รถสแครปเปอร์ 0.5 2.00
รถรบทหารม้า เอ็ม 3 0.20 5.00 สิ่งปลูกสร้าง
รถลาดตระเวน นชค.เอ็ม 93 0.20 5.00 ตึกโครงไม้ 0.30 - 0.8 3.33 -1.25
รสพ.เอ็ม 113 0.30 3.33 ชั้นใต้ดิน 0.05 - 0.1 20.00- 10.00
ป.อัตราจร เอ็ม 109 0.20 5.00 อาคารหลายชั้น (ประเภทอพาร์ตเมนต์)
รถบรรทุก เอ็ม 548 0.70 1.43 ชั้นบน 0.01 100
รถกู้ เอ็ม 88 0.09 11.11 ชั้นล่าง ๆ 0.10 10
รถบังคับการ เอ็ม 577 0.30 3.33 ที่หลบภัยคอนกรีต
รถเกราะลาดตระเวนของหน่วย 0.20 5.00 ผนังหนา 9 นิ้ว 0.007 -0.090 142.86 -
จู่โจมทางอากาศ เอ็ม 551 11.11
รถรบทหารช่าง เอ็ม 728 0.04 25.00 ผนังหนา 12 นิ้ว 0.0001 - 0.03 10,000 -
33.33
เฮลิคอปเตอร์ (ขณะจอด) ผนังหนา 24 นิ้ว 0.0001 - 10,000 -500
0.0020
OH-58 0.8 1.25 ที่หลบภัยบางส่วนอยู่เหนือพื้นดิน
UH-60 0.7 1.43 หลังคาเป็นดินหนา 2 ฟุต 0.005 -0.020 200-50.00
CH-47 0.6 1.67 หลังคาเป็นดินหนา 3 ฟุต 0.001 -0.005 1,000.00
-200.00
รถบรรทุก ในตัวเมือง (กลางแจ้ง) *0.7000 1.43*
รยบ.ฮัมม์วี 0.5 2.00 ป่า *0.8000 1.25*
1
/
รยบ. 4 ตัน 0.8 1.25 ที่หลบภัยใต้ดิน (หลังคาเป็นดินหนา 3 ฟุต) 0.0002 5,000.00
3
/
รยบ. 4 ตัน 0.5 2.00 หลุมบุคคลยืนยิง 0.1000 10.00
ยานพาหนะบรรทุกเอนกประสงค์ 0.5 2.00 * ปัจจัยเหล่านี้ใช้ได้กับอัตรารังสีจากการ
ทางพลเรือน (CUCV) ส�ำรวจรังสีทางอากาศ
รยบ. 21/2 ตัน 0.5 2.00
รยบ. 4 ตัน - 7 ตัน 0.5 2.00
หมายเหตุ : ส�ำหรับยานพาหนะที่ติดตั้งเครื่องวัดรังสีแบบ AN/VDR 2 ไว้แล้วผู้ใช้เพียงแต่ตรวจสอบว่าตัวเครื่องได้ลงค่า
ปัจจัยลดความเข้มของรังสี (เทียบเท่ากับ CF) ไว้แล้ว ก็จะสามารถอ่านค่าอัตรารังสีภายนอก (OD) จากหน้าจอได้โดยตรง
กัมมันตรังสีเริ่มแรกแล้วเจ้าหน้าที่ตรวจรังสีของหน่วยจะต้องบันทึกค่าอัตรารังสีอย่างต่อเนื่องตาม
ห้วงเวลาที่ระบุไว้ใน รปจ. ของหน่วย ค่าอัตรารังสีจะเพิ่มขึ้นจนถึงค่าสูงสุดแล้วจะเริ่มลดลง ในบาง
กรณีค่าอัตรารังสีอาจจะขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นเวลาสั้น ๆ ก่อนจะเริ่มลดลงอย่างคงที่ เมื่ออัตรารังสีที่วัด
ได้เริ่มลดลง เจ้าหน้าที่จะวัดอัตรารังสี ภายในเครื่องกั้นรังสีแล้วออกไปวัดอัตรารังสีภายนอกเพื่อ
ใช้ในการค�ำนวณค่าปัจจัยส่งผ่าน (TF) เมื่อบันทึกอัตรารังสีภายในแล้ว เจ้าหน้าที่ตรวจรังสีจะต้อง
ออกไปวัดอัตรารังสีภายนอกเครือ่ งกัน้ รังสีภายในเวลา ๓ นาที หลังจากบันทึกข้อมูลทัง้ หมดแล้ว ชุด
ป้องกัน คชรน. จะค�ำนวณค่าปัจจัยส่งผ่านและน�ำไปคูณกับค่าอัตรารังสีสงู สุด ต่อจากนัน้ จึงน�ำค่าที่
ค�ำนวณได้ไปเขียนรายงาน นชค.๔ นิวเคลียร์ โดยเขียนค�ำว่า “สูงสุด” ไว้ข้างท้ายบรรทัด ROMEO
๘.๖.๔ รายงานพิเศษ (Special Reports) แผนและค�ำสั่งยุทธการอาจก�ำหนด
ความต้องการรายงาน นชค.๔ นิวเคลียร์พเิ ศษ โดยส่วน คชรน. จะเป็นผูป้ ระเมินรายงานเหล่านีแ้ ละ
รายงานต่อผูบ้ งั คับบัญชาเพือ่ ให้ความสนใจต่อพืน้ ทีห่ รือสภาวะทีต่ อ้ งห่วงใยเป็นพิเศษ ในสถานการณ์
การยุทธ์นั้นสถานภาพการรับรังสีของหน่วยและข้อพิจารณาที่คล้ายกันอื่น ๆ จะเป็นเกณฑ์ก�ำหนด
รายงานพิเศษซึง่ ไม่สามารถระบุไว้ ณ ทีน่ ไี้ ด้ ตามปกติอาจมีความต้องการรายงานพิเศษเมือ่ อัตรารังสี
บนพื้นดินสูงกว่าค่าที่ก�ำหนดหรือเมื่ออัตรารังสีเพิ่มขึ้นหลังจากที่ลดลงอย่างต่อเนื่องแล้ว นอกจาก
นี้ยังอาจต้องส่งรายงานนี้ในกรณีที่หน่วยจะต้องอยู่ในพื้นที่เปื้อนพิษต่อไปจากช่วงเวลาที่ก�ำหนดไว้
๘.๖.๕ รายงานโดยตรง (Directed Report) หน่วยบางหน่วยในพื้นที่เปื้อนพิษ
กัมมันตรังสีจะถูกก�ำหนดให้สง่ รายงาน นชค.๔ นิวเคลียร์เพิม่ เติม ส่วน คชรน. จะใช้รายงานดังกล่าว
ในการประเมินผลอันตรายจากการเปือ้ นพิษกัมมันตรังสี อัตราการสลายตัวของฝุน่ กัมมันตรังสีและ
ระยะเวลาทีอ่ ตั ราการสลายตัวยังคงอยู่ (แผ่นบริวารพืน้ ทีเ่ ปือ้ นพิษกัมมันตรังสีจะยังทันสมัยอยูห่ รือ
ไม่) นอกจากนั้นยังใช้ในการหาเวลาระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์ (H-hours) (ในกรณีที่ไม่ทราบ) และ
ใช้หาประเภทของดินในพืน้ ทีท่ มี่ รี งั สีนวิ ตรอนเหนีย่ วน�ำ) ความน่าเชือ่ ถือของการค�ำนวณจะขึน้ อยูก่ บั
ความแม่นย�ำของการวัดอัตรารังสี การตกลงใจทางยุทธวิธีและความปลอดภัยของก�ำลังพลล้วนขึ้น
อยูก่ บั ความถูกต้องของการวัด การประเมินสถานการณ์การเปือ้ นพิษกัมมันตรังสีกข็ นึ้ อยูก่ บั ข้อมูลนี้
ความผิดพลาดในการวัดค่าอัตรารังสีย่อมหมายถึง ความผิดพลาดในการค�ำนวณต่อไปด้วย
๘.๖.๖ รายงานเป็นชุด (Series Reports) ประกอบด้วยอัตรารังสีต่าง ๆ ที่อ่าน
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 265
R2 = อัตรารังสี ณ เวลาใด ๆ
R1 = อัตรารังสี (ทีป่ รับเป็นค่า ณ เวลา H+1) ณ ต�ำแหน่งทีอ่ า่ นค่าอัตรารังสี R2
t1 = เวลาหลังการระเบิด 1 ชั่วโมง (H+1)
t2 = เวลาเป็นชั่วโมง หลังการระเบิดที่อ่านค่า R2
n = อัตราการสลายตัว
การค�ำนวณหาค่าอัตรารังสีและปริมาณรังสีทงั้ สิน ้ จะไม่สามารถกระท�ำได้
จนกว่าจะทราบค่าอัตราการสลายตัว อัตราการสลายตัวทีแ่ ท้จริงนัน้ จะไม่ทราบในทันที การหาค่าที่
ถูกต้องแม่นย�ำจะต้องคอยจนกว่าจะได้รับรายงาน นชค.๔ นิวเคลียร์หลายชุด
อัตราการสลายตัวของฝุน ่ กัมมันตรังสีขนึ้ อยูก่ บั ปัจจัยหลายประการดังต่อ
ไปนี้
- ความสูงและประเภทของการระเบิด
- ประเภทของอาวุธ (แตกตัว แตกตัว-รวมตัว หรือแตกตัว-รวมตัว-แตกตัว)
- ประเภทของวัสดุแตกตัว วิธีสร้างอาวุธและโครงสร้างของวัสดุภายใน
อาวุธ
- ประเภทและปริมาณของวัสดุที่กลายเป็นไอหรือถูกดูดเข้าไปในลูกไฟ
- ชนิดของธาตุทบี่ รรจุเพิม่ ในอาวุธนิวเคลียร์ เพือ่ ท�ำให้เกิดสารกัมมันตรังสี
ที่สลายตัวช้า
- การซ้อนทับของพื้นที่เปื้อนพิษฝุ่นกัมมันตรังสี
- ประเภทของดิน
อัตราการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสีจะแปรตามเวลาโดยทั่วไปจะช้าลง
เมื่อเวลาผ่านไป
อัตราการสลายตัวของฝุน ่ กัมมันตรังสีทวั่ ทัง้ พืน้ ทีท่ ฝี่ นุ่ กัมมันตรังสีตกอาจมี
ค่าแตกต่างกัน ดังนัน้ ในภาพรวม รูปแบบของอัตราการสลายตัวของทัง้ พืน้ ทีจ่ งึ ต้องใช้คา่ เฉลีย่ ความ
แตกต่างของอัตราการสลายตัวของฝุน่ กัมมันตรังสีจะอยูใ่ นช่วง ๐.๒ ถึง ๒.๐ ซึง่ ค่าทีต่ ำ�่ จะเป็นอัตรา
การสลายตัวของอาวุธนิวเคลียร์ที่บรรจุธาตุบางชนิดเพิ่มลงไป
การค�ำนวณค่าอัตราการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสีจะกระท�ำได้เฉพาะ
เมื่อท�ำการวัดอัตรารังสีภายหลังจากที่ฝุ่นกัมมันตรังสีตกสมบูรณ์แล้วเท่านั้น ขณะที่ฝุ่นกัมมันตรังสี
ก�ำลังตกอยู่จะใช้สมการของคอฟมานน์ไม่ได้
เนื่องจากการหาอัตราการสลายตัวที่แท้จริงใช้เวลานาน จึงให้ทุกหน่วยใช้
ค่าอัตราการสลายตัว n = 1.2 ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานจนกว่าจะได้รับแจ้งจากส่วน คชรน. ให้ใช้ค่าอื่น
เมือ่ ส่วน คชรน.จัดท�ำค่าอัตราการสลายตัวทีแ่ ท้จริงได้แล้ว จะส่งไปให้หน่วยในรูปของรายงาน นชค.
268 ภาคผนวก ช
n = log (Ra/Rb)
log (Tb/Ta)
(ค) ขั้นที่ ๓ แทนค่าที่ทราบลงในสูตร
หมายเหตุ : ข้อมูลได้มาจากแผ่นข้อมูลกัมมันตรังสี
n = log (Ra/Rb) = log (52/17) = log (3.059) = 0.486 = 1
log (Tb/Ta) log (9/3) log (3.000) 0.477
(ง) ขั้นที่ ๔ หาค่า n อัตราการสลายตัวให้ปัดเศษจนได้ทศนิยม ๑
ต�ำแหน่ง
๙.๔ ช่วงเวลาที่ยังใช้อัตราการสลายตัว (n) ได้ (Period of Validity for the Decay
Rate (n)) จะใช้การค�ำนวณทางคณิตศาสตร์เพือ่ หาว่าอัตราการสลายตัวจะใช้ได้นานเท่าใด โดยการ
ค�ำนวณดังต่อไปนี้
(๑) ขั้นที่ ๑ จากรายงานเป็นชุด หาค่า Ta และ Tb โดยที่
Tp = ช่วงเวลาที่ค่าอัตราการสลายตัว (n) ยังใช้ได้
๓ = ค่าคงที่
Ta = เวลาเป็นชั่วโมง (หลังการระเบิด) ที่วัดค่า Ra
Tb = เวลาเป็นชั่วโมง (หลังการระเบิด) ที่วัดค่า Rb
(๒) ขั้นที่ ๒ ใช้สูตรต่อไปนี้
Tp = 3 (Tb – Ta) + Tb
(๓) ขั้นที่ ๓ แทนค่าที่ทราบลงในสูตร
(๔) ขั้นที่ ๔ หาค่า Tp
เวลาระเบิด (TOB) = 090400Z
Tp = +24 = 100400Z (วัน/เวลาหรือ DTG)
092800
ตัวอย่าง : ก�ำหนดให้ TOB = 010100ZJUN2004, Ta= 9 และ Tb= 3
หมายเหตุ : ข้อมูลได้มาจากแผ่นข้อมูลกัมมันตรังสี
Tp = 3 (Tb – Ta) + Tb
Tp = 3 (9-3) +9
Tp = 3 (6) +9
Tp = 18+9 = 27 ชั่วโมง
Tp + TOB = 27 ชั่วโมง + 010100ZJUN2004 = 020400ZJUN2004
(๕) ขั้นที่ ๕ บวกค่า Tp กับเวลาที่อาวุธนิวเคลียร์ระเบิด จะได้วัน/เวลาที่ใช้ n
270 ภาคผนวก ช
ไม่ได้อีกต่อไป
๙.๕ ปัจจัยปรับอัตรารังสีเป็นค่า ณ เวลามาตรฐาน (NF)
๙.๕.๑ เมื่อหาอัตราการสลายตัว (n) ได้แล้ว จะต้องปรับอัตรารังสีให้เป็นค่า ณ
เวลามาตรฐาน H+1 ซึ่งมักเรียกกันทั่วไปว่า R1 อธิบายง่าย ๆ ก็คือ เป็นการค�ำนวณเพื่อหาค่าอัตรา
รังสี ณ ต�ำบลใดต�ำบลหนึ่งภายหลังการระเบิด ๑ ชั่วโมง
๙.๕.๒ ชุดส�ำรวจรังสีและเจ้าหน้าทีต่ รวจรังสีจะวัดค่าอัตรารังสีภายหลังการระเบิด
ณ เวลาต่าง ๆ กัน โดยอาจเป็นเวลา ๑๕ นาทีหรือ ๑๐ ชั่วโมง อัตรารังสีใด ๆ ที่ไม่ได้วัด ณ เวลา
๑ ชั่วโมงหลังการระเบิด (H+1) จะเรียกว่า Rt ในการค�ำนวณทางด้านกัมมันตรังสีและการตกลงใจ
ในสนามรบนิวเคลียร์นั้น อัตรารังสีทุกค่าจะต้องเป็นค่า ณ เวลาอ้างอิงเดียวกัน
๙.๕.๓ การหาค่า NF ให้ใช้ขั้นตอนดังต่อไปนี้
(ก) ขั้นที่ ๑ จากรายงาน นชค.๔ นิวเคลียร์หรือแผ่นข้อมูลกัมมันตรังสี
หาข้อมูลอัตราการสลายตัว อัตรารังสีและเวลาที่วัดอัตรารังสีซึ่งจะต้องใช้ในการปรับอัตรารังสีเป็น
ค่า ณ เวลา H+1 หากเป็นการปรับอัตรารังสีจากรายงานการส�ำรวจรังสีทางพื้นดินจะต้องใช้เวลา
กึ่งกลางในการค�ำนวณ เวลากึ่งกลางนี้เป็นเวลาที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุด
การส�ำรวจรังสีทางพื้นดิน ตัวอย่างเช่น ถ้าการส�ำรวจรังสีเริ่มขึ้นเมื่อเวลา ๑๐๓๐ และสิ้นสุดลงเมื่อ
๑๑๐๐ เวลากึ่งกลางที่ใช้ค�ำนวณหาค่า NF ก็คือ ๑๐๔๕
(ข) ขั้นที่ ๒ ใช้สูตรต่อไปนี้
R1 = NF x R2
NF = (T2)n
R1 = อัตรารังสีที่ปรับมาเป็นค่า ณ เวลา H+1 แล้ว
R2 = อัตรารังสี ณ เวลาใด ๆ
NF = ปัจจัยปรับค่าอัตรารังสีเป็นค่า ณ เวลามาตรฐาน
T2 = เวลาที่อ่านค่าอัตรารังสี เป็นชั่วโมงหลังการระเบิด
n = อัตราการสลายตัว
(ค) ขั้นที่ ๓ หาค่า NF
ตัวอย่าง พื้นที่เปื้อนพิษฝุ่นกัมมันตรังสีแห่งหนึ่งมีค่าอัตราการสลายตัว ๑.๒ วัดอัตรารังสีสูงสุดได้
๑๐๐ เซนติเกรย์/ชม.เมื่อเวลา H+2 จงปรับค่าอัตรารังสีมาเป็นค่า ณ เวลา H+1
ค�ำตอบ
การค�ำนวณค่า NF = (T2)n
NF = 2 1.2 = 2.30 (2.297 ปัดเศษให้ได้ค่าทศนิยม 2 ต�ำแหน่ง)
ค�ำนวณค่า R1 = NF x R2
R1 = 2.30 x 100 เซนติเกรย์/ชม. = 230 เซนติเกรย์/ชม. (อัตรารังสีที่ปรับมาเป็น
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 271
กัมมันตรังสีได้
(ข) เมือ่ สร้างแผ่นบริวารการเปือ้ นพิษกัมมันตรังสีแล้ว ยังมีปจั จัยหลาย
ประการที่มีผลต่อพื้นที่เฉพาะแห่งภายในภาพพื้นที่เปื้อนพิษนั้น
รายงาน นชค.๕ นิวเคลียร์
บรรทัด รายละเอียด ข้อก�ำหนด * ตัวอย่าง
ALFA เลขล�ำดับการโจมตี O ALFA/US/A234/001/N//
DELTA วันเวลาของการโจมตีหรือการ O DELTA/201405ZSEP2005//
ระเบิดและการโจมตีสิ้นสุดลง
OSCAR วันเวลาอ้างอิงของเส้นชั้นรังสีที่ M OSCAR /201505ZSEP 2005//
ประมาณไว้
XRAYA* ข้อมูลเส้นชั้นรังสีจริง M XRAYA/5 CGH/32UND 620475/
32UND622522/32UND883583/
32UND830422/32UND620475/
XRAYB* ข้อมูลเส้นชั้นรังสีที่พยากรณ์ไว้ O XRAYB/75/100CGH/32UND621476/
32UND621477/32UND622477/
32UND622476/32UND621476//
YANKEE ทิศทางใต้ลมและความเร็วลม O YANKEE/270 DGT/015 KPH//
ZULU สภาพอากาศตามจริง O ZULU/4/10C/7/5/1//
GENTEXT ค�ำบรรยาย O -
* ช่องข้อก�ำหนดจะระบุว่าแต่ละบรรทัดนั้นระบุเฉพาะค่าที่วัดได้ (O) หรือจะต้องระบุเสมอ (M)
ภาพ ช-๓๒ ตัวอย่างรายงาน นชค.๕ นิวเคลียร์
(ค) เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการ
ส�ำรวจรังสีทางอากาศระหว่างจุดต่าง ๆ ปัจจัยเหล่านี้ได้แก่ ลักษณะภูมิประเทศ เช่น มีรูปทรงแบบ
ป้านหรือเป็นรอยตัด พื้นที่ที่มีสิ่งปลูกสร้างหนาแน่นหรือเป็นป่าทึบและเป็นผืนน�้ำ ตัวอย่างเช่น
แม่น�้ำกว้างใหญ่จะพัดพาเอาฝุ่นกัมมันตรังสีที่ตกลงมาใส่ไปด้วย ท�ำให้ทางน�้ำปราศจากการเปื้อน
พิษกัมมันตรังสีเช่นเดียวกับอันตรายจากการเปื้อนพิษใกล้ทะเลสาบจะต�่ำกว่าที่คาดไว้เนื่องจาก
อนุภาคของฝุ่นกัมมันตรังสีจะจมลงสู่ก้นทะเลสาบและน�้ำในทะเลสาบจะกั้นรังสีไว้บางส่วน การวัด
อัตรารังสีในพืน้ ทีท่ เี่ ป็นป่าไม้หรือมีสงิ่ ปลูกสร้างจะต้องน�ำค่า TF (ดูตาราง ช-๓) มาใช้ดว้ ย เนือ่ งจาก
ค่าที่วัดได้จะลดลงน้อยกว่าความเป็นจริง
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 273
– เส้นชั้นอัตรารังสีมาตรฐาน
– ข้อมูลเพิ่มเติมที่ก�ำหนดไว้ใน รปจ.ของหน่วย เช่น เวลาที่ฝุ่นกัมมันต
รังสีตกอย่างสมบูรณ์
อัตรารังสีสูงสุด แผนที่ ________
(GZ) 4,200 cGyph มาตราส่วน_______
(1) 2,700 cGyph
(2) 2,100 cGyph
เส้นหลักส่ง
ก�ำลัง (MSR)
ปริมาณรังสีที่ได้รับจากการข้าม MSR
เวลา ปริมาณรังสีที่ไม่มีเครื่องวัดรังสี
เริ่มต้น ด้วยความเร็ว
๓ ไมล์/ชม. ๑๕ ไมล์/ชม.
(cGy) (cGy)
H+1 1,050 460
0700 620 240
0900 370 120
1100 260 85 ฝุ่นกัมมันตรังสีทั้งหมดตกสมบูรณ์
1300 210 65 เมื่อ H+2 ชม.(0700)
1500 170 46
1700 140 40 ข้อมูลปริมาณรังสีและอัตรารังสีทั้งหมด
หน่วยบัญชาการ พล.ร. เป็นค่า ณ เวลา H+1 (170600Z)
ขนาดอาวุธ [30 KT] นอกจากจะระบุเป็นอย่างอื่น
GZ MN 671355
H-hour 170500Z
เวลาอ้างอิง H+1 [0600]
การสลายตัวมาตรฐาน [n=1.2]
เตรียมเมื่อ 171000Z
ห้ามใช้หลังจาก 191000Z
ภาพ ช-๓๔ ตัวอย่างแผ่นบริวารการเปื้อนพิษ นชค.๕ นิวเคลียร์
276 ภาคผนวก ช
R2 t2 R1 n
? 12 ชม. 600 cGy/h 1.0
278 ภาคผนวก ช
ขั้นที่ ๑ ท�ำตารางเพื่อบันทึกข้อมูลในปัญหาอย่างเหมาะสม
R2 t 2 R1 n
? ๑๒ ชม. 600 cGy/h 1.0
ขั้นที่ ๒ วางแฮร์ไลน์บนค่า ๖๐๐ cGyph บนเส้นมาตราส่วน R1
ด้านขวามือและให้ตัดค่า ๑๒ บนเส้นมาตราส่วนเวลาตรงกลาง
ขั้นที่ ๓ ยึดแฮร์ไลน์ให้ตรงและสม�่ำเสมอแล้วอ่านค่า Rt
บนเส้นมาตราส่วนซ้ายมือ (Rt ก็คือ R2) ค�ำตอบมีค่าประมาณ
50 cGyph
หมายเหตุ : แฮร์ไลน์อาจไม่ได้สัดส่วนกับของจริง
เวลา
(จ�ำนวนชั่วโมงหลังการระเบิด)
R2 t2 R1 n
500 cGy/h ? 1,000 cGy/h 1.0
ค�ำตอบ : 90 cGy
เลือกใช้โนโมแกรมปริมาณรังสีทงั้ สิน้ n=1.2 ทาบแฮร์ไลน์ลงบนเส้นมาตรา Te ตรงค่า H+1.5 ชัว่ โมง
และเส้นมาตรา Ts ตรงค่า 1ชั่วโมง ใช้จุดที่แฮร์ไลน์ตัดกับเส้นดัชนีเป็นจุดหมุน ให้แฮร์ไลน์หมุนไป
ตัดเส้นมาตรา R1 ที่ค่า 200 เซนติเกรย์/ชม. แล้วอ่านค่าค�ำตอบปริมาณรังสีทั้งสิ้นบนเส้นมาตรา D
คือ ๙๐ เซนติเกรย์ (ดูตัวอย่างในภาพ ช-๓๖)
๑๐.๘.๔ หลังจากการระเบิดผ่านไปนานกว่า ๒๕ ชั่วโมงแล้ว อัตราการสลายตัว
จะช้าลงมากจนไม่มีนัยส�ำคัญ ดังนั้นเมื่อ Te เกินกว่า 25 ชั่วโมง การค�ำนวณค่าปริมาณรังสีทั้งสิ้น
จะแตกต่างออกไป ในกรณีนี้ให้คูณอัตรารังสีขณะเวลาเข้าพื้นที่ด้วยจ�ำนวนชั่วโมงที่อยู่ในพื้นที่
หมายเหตุ : สูตรนี้สามารถน�ำมาใช้ในการหา Ts หรือ Te ได้เช่นเดียวกัน
D = RTe x Ts สามารถใช้วธิ กี ารทางคณิตศาสตร์หาค่าตัวแปรทีไ่ ม่ทราบค่าได้ คือ
RTe = R1
(Te)n
D = ปริมาณรังสีทั้งสิ้น (เซนติเกรย์, cGy)
RTe = อัตรารังสีขณะเวลาเข้าพื้นที่ (เซนติเกรย์/ชม., cGyph)
Ts = เวลาอยู่ในพื้นที่ (ชั่วโมง)
ตัวอย่าง : ก�ำหนดให้
R1 = 300 เซนติเกรย์/ชม.
Ts = 2 ชั่วโมง
Te = H+30 ชั่วโมง
n = 1.2
จงหา D = ?
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 283
๑๐.๑๐.๖ ค�ำนวณเวลาดีที่สุดส�ำหรับการออกจากพื้นที่ตามขั้นตอนต่อไปนี้
(ก) ขั้นที่ ๑ ค�ำนวณอัตราส่วนของปัจจัยส่งผ่าน (TFRatio = TFS /TFM)
(ข) ขั้นที่ ๒ หาค่าปัจจัยตัวคูณ (MF) โดยหาค่า TFRatio ที่ค�ำนวณได้
บนแกนตัง้ ของภาพ ช-๓๗ แล้วทาบแฮร์ไลน์ลงบนค่าดังกล่าวตามแนวนอนไปตัดกับเส้นกราฟใช้จดุ
ตัดเป็นจุดหมุน หมุนแฮร์ไลน์ให้ตั้งฉากกับแกนนอน อ่านค่าปัจจัยตัวคูณจากแกนนอน
(ค) ขั้นที่ ๓ ค�ำนวณเวลาดีที่สุดในการออกจากพื้นที่ โดยการคูณค่า
MF ด้วยเวลาทีต่ อ้ งการใช้ในการถอนตัว (Tev) ผลคูณทีไ่ ด้ คือ เวลาทีด่ ที สี่ ดุ ในการออกจากพืน้ ทีเ่ ป็น
ชั่วโมงหลังการระเบิดซึ่งหน่วยจะต้องออกจากที่พักก�ำบังและถอนตัวออกจากพื้นที่
๑๐.๑๐.๗ ข้อพิจารณาพิเศษ
(ก) หน่วยควรถอนตัวออกจากพืน้ ทีเ่ ปือ้ นพิษฝุน่ กัมมันตรังสีโดยเร็ว
ที่สุดเท่าที่จะท�ำได้ เมื่ออัตราส่วนของปัจจัยส่งผ่าน (TFRatio) มีค่าใกล้ ๐.๕ หรือมากกว่า
(ข) ถ้าประมาณเวลาที่ดีที่สุดในการออกจากพื้นที่แล้วพบว่า เป็น
เวลาที่ฝุ่นกัมมันตรังสียังมาไม่ถึง เมื่อฝุ่นกัมมันตรังสีหยุดตกและมีพื้นที่ไม่เปื้อนพิษให้เข้าไปอยู่ได้
หน่วยควรถอนตัวออกจากพื้นที่ในเวลาที่เร็วที่สุด
(ค) หน่ ว ยจะได้ รั บ รั ง สี ใ นปริ ม าณที่ น ้ อ ยที่ สุ ด ถ้ า ออกจากพื้ น ที่
เปื้อนพิษในเวลาดีที่สุด ถ้าผู้บังคับหน่วยยอมให้ก�ำลังพลรับรังสีเพิ่มขึ้นได้อีก ๑๐% อาจสั่งให้ก�ำลัง
พลออกจากที่พักก�ำบังในระหว่างเวลาครึ่งหนึ่งถึงสองเท่าของเวลาดีที่สุดส�ำหรับการออกจากพื้นที่
(ง) ถ้าเป็นไปได้ ก�ำลังพลควรปรับปรุงทีพ่ กั ก�ำบังของตนของตนขณะ
รอเวลาดีที่สุดส�ำหรับการออกจากพื้นที่ และจะต้องค�ำนวณเวลาที่ดีที่สุดส�ำหรับการออกจากพื้นที่
ขึ้นมาใหม่ภายหลังจากที่มีการปรับปรุงที่พักก�ำบังให้กั้นรังสีได้ดีกว่าเดิมมาก ควรให้ก�ำลังพลอยู่ใน
ที่พักก�ำบังที่ได้รับการปรับปรุงแล้วเป็นเวลานานขึ้นเพื่อให้ได้รับปริมาณรังสีน้อยที่สุด
๑๐.๑๑ พืน้ ทีเ่ ปือ้ นพิษรังสีนวิ ตรอนเหนีย่ วน�ำ (Neutron-Induced Radiation Areas)
๑๐.๑๑.๑ ประเภทของการระเบิด การระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์ทุกชนิดจะ
ปล่อยอนุภาคนิวตรอนออกมา นิวตรอนบางส่วนจะถูกธาตุหลายชนิดในดินซึ่งอยู่ใต้ต�ำแหน่งที่เกิด
การระเบิดจับไว้ ท�ำให้ธาตุเหล่านัน้ กลายเป็นธาตุกมั มันตรังสี ซึง่ ปล่อยอนุภาคเบตาและรังสีแกมมา
ออกมาเป็นเวลายาวนาน อนุภาคเบตาจะไม่ก่อให้เกิดอันตราย เว้นเสียแต่ว่าวัสดุที่ปล่อยอนุภาค
เบตาจะสัมผัสกับผิวหนังโดยตรงเป็นเวลายาวนาน จะท�ำให้ผิวหนังเกิดความระคายเคือง โดยจะ
มีอาการตั้งแต่ผิวหนังเป็นผื่นแดงไปจนถึงเป็นแผลเปิด รังสีแกมมาจะทะลุทะลวงผ่านร่างกายและ
ท�ำให้เกิดการป่วยจากรังสีจนถึงแก่ความตายได้ การก�ำหนดอันตรายภายนอกทางทหารที่เกิดจาก
รังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำนั้น จะต้องวิเคราะห์อัตรารังสีแกมมาที่ปล่อยออกมาจากพื้นที่เสียก่อน
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 287
รัศมีเป็นร้อยเมตร
รัศมีเป็นร้อยเมตร
อัตรารังสีเมื่อเวลา H+1
๑๐.๑๑.๓ การสลายตัวของรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำ
(ก) ทีศ่ นู ย์กลางการระเบิดทีผ่ วิ พืน้ ดินจะกลายเป็นวัสดุกมั มันตรังสีได้
ลึกลงไปถึง ๐.๕ เมตร ในขณะที่ฝุ่นกัมมันตรังสีจะตกค้างอยู่บนผิวดินเท่านั้น ด้วยเหตุนี้การท�ำลาย
ล้างพิษพื้นที่เปื้อนพิษรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำจะกระท�ำได้ยากกว่า
(ข) การสลายตัวของรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำจะแตกต่างจากการ
สลายตัวของฝุน่ กัมมันตรังสี เนือ่ งจากฝุน่ กัมมันตรังสีมสี ว่ นผสมของธาตุตา่ ง ๆ เป็นจ�ำนวนมากซึง่ มี
อัตราการสลายตัวแตกต่างกัน ส่วนรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำส่วนใหญ่เกิดจากอะลูมิเนียม แมงกานีส
และโซเดียม
(ค) ธาตุอื่น ๆ เช่น ซิลิคอนจะปล่อยรังสีแกมมาออกมาเพียงเล็ก
น้อยหรือไม่ก็สลายตัวเร็วมากจนกระทั่งไม่มีความส�ำคัญ
(ง) ในระหว่าง ๓๐ นาทีแรกภายหลังการระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์
ธาตุหลักที่แผ่รังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำออกมาคือ อะลูมิเนียม เพราะดินเกือบทุกชนิดจะประกอบ
ด้วยอะลูมเิ นียมซึง่ เป็นธาตุทมี่ อี ยูใ่ นผิวโลกมากทีส่ ดุ ธาตุหนึง่ เนือ่ งจากอะลูมเิ นียมกัมมันตรังสีมเี วลา
ครึ่งชีวิตเพียง ๒-๓ วินาที ดังนั้นมันจะสลายตัวไปเกือบทั้งหมดภายใน ๓๐ นาที หลังการระเบิด
(จ) ดินส่วนใหญ่ยังมีแมงกานีสอยู่ในปริมาณสูงอีกด้วย แมงกานีส
กัมมันตรังสีมเี วลาครึง่ ชีวติ ประมาณ ๒.๖ ชัว่ โมง ดังนัน้ จาก ๓๐ นาทีหลังการระเบิดจนถึง ๑๐-๒๐ ชัว่ โมง
หลังการระเบิดแมงกานีสและโซเดียมจะเป็นธาตุหลักที่ปล่อยกัมมันตภาพรังสีออกมา ต่อจากนั้น
โซเดียมซึ่งสลายตัวด้วยเวลาครึ่งชีวิตประมาณ ๑๕ ชั่วโมง จะเป็นแหล่งก�ำเนิดรังสีหลัก
292 ภาคผนวก ช
(ฉ) ปัจจัยส�ำคัญที่สุดในการสลายตัวของรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำ
คือ องค์ประกอบของดิน การสลายตัวของรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำต่างจากการสลายตัวของฝุ่น
กัมมันตรังสี อัตราการสลายตัวของฝุ่นกัมมันตรังสีจะค�ำนวณได้โดยใช้สมการของคอฟมานน์
(Kaufman Equation) ส่วนการสลายตัวของรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำค�ำนวณได้จากปริมาณร้อยละ
(โดยน�้ำหนักของธาตุที่มีอยู่ในดิน)
(ช) เนื่องจากองค์ประกอบของดินในที่ต่าง ๆ มีความแตกต่างกัน
มากแม้แต่ในพื้นที่แคบ ๆ ดังนั้นจึงจ�ำเป็นต้องทราบองค์ประกอบทางเคมีที่แท้จริงของดินเสียก่อน
จึงจะหาอัตราการสลายตัวของรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำได้ ดินทั้งหมดสามารถแบ่งออกได้เป็น ๔
ประเภทตามตาราง ช-๕
(ซ) เนื่องจากองค์ประกอบที่แท้จริงของดินนั้นไม่สามารถทราบได้
ดังนั้นในการค�ำนวณทั้งหมดให้ใช้ดินประเภทที่ II ซึ่งเป็นดินที่สลายตัวช้าที่สุด จนกว่าส่วน คชรน.
จะแนะน�ำให้ใช้ดินประเภทอื่นแทน
ธาตุ ประเภทที่ I ประเภทที่ II ประเภทที่ II ประเภทที่ IV
โซเดียม - 1.30 0.16 0.001
แมงกานีส 0.008 0.01 2.94 0.006
อะลูมิเนียม 2.890 6.70 18.79 0.005
เหล็ก 3.750 2.20 10.64 46.650
ซิลิคอน 33.100 32.00 10.23 0.004
ไทเทเนียม 0.390 0.27 1.26 -
แคลเซียม 0.080 2.40 0.45 -
โพแทสเซียม - 2.70 0.88 0.001
ไฮโดรเจน 0.390 0.70 0.94 0.001
โบรอน - - - -
ไนโตรเจน 0.065 - 0.26 -
ซัลเฟอร์ 0.070 0.03 0.26 -
แมกนีเซียม 0.050 0.60 0.34 -
โครเมียม 0.008 - 0.04 -
ฟอสฟอรัส 3.870 0.04 0.13 -
คาร์บอน 50.330 - 9.36 -
ออกซิเจน - 50.82 43.32 53.332
ตาราง ช-๕ ประเภทของดินส�ำหรับการค�ำนวณรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำ
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 293
ตัวอย่างที่ ๒ ก�ำหนดให้
R1 = 300 cGyph
Te = H+6 ชั่วโมง
D = 70 cGy
ดินประเภทที่ III
จงหา Ts
ค�ำตอบ ๑ ชั่วโมง
วิธีหาค�ำตอบ บนโนโมแกรมในผนวก ด ทาบแฮร์ไลน์ลงบนเส้นมาตราส่วน ตรงค่า 70 cGy และ
เส้นมาตราส่วน R1 ตรงค่า 300 cGyph ใช้จุดที่แฮร์ไลนตัดกับเส้นดัชนีเป็นจุดหมุน ให้แฮร์ไลน์หมุน
ไปตัดกับเส้นมาตราส่วน Te ที่ค่า H+6 ชั่วโมง แล้วอ่านค�ำตอบเวลาอยู่ในพื้นที่บนเส้นมาตราส่วน
Ts ของดินประเภทที่ I และ III คือ ๑ ชั่วโมง
๑๐.๑๑.๗ การข้ามพืน้ ทีเ่ ปือ้ นพิษรังสีนวิ ตรอนเหนีย่ วน�ำ ถ้าทหารจ�ำเป็นจะต้อง
ข้ามพื้นที่เปื้อนพิษรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำให้เลือกพื้นที่ที่มีอัตรารังสีต�่ำที่สอดคล้องกับภารกิจ
(ก) ในการค�ำนวณหาปริมาณรังสีทงั้ สิน้ ทีจ่ ะได้รบั นัน้ จ�ำเป็นจะต้องหา
อัตรารังสีเฉลี่ยเพราะอัตรารังสีจะเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าใกล้จุดศูนย์กลางของพื้นที่ และลดลงเมื่อออกห่าง
จากศูนย์กลางของพืน้ ที่ ค่าอัตรารังสีเฉลีย่ แสดงถึงค่าปานกลางของรังสีทบี่ คุ คลจะได้รบั ตลอดเวลา
ที่อยู่ในพื้นที่เปื้อนพิษ อัตรารังสีเฉลี่ยนี้จะหาได้โดยการหารค่าอัตรารังสีสูงสุดที่คาดว่าบุคคลจะได้
รับด้วยสอง ซึ่งเขียนเป็นสมการได้ดังนี้
R = Rmax
avg 2
(ข) การค�ำนวณในปัญหาการข้ามพื้นที่เปื้อนพิษจ�ำเป็นต้องค�ำนวณ
เวลาอยู่ในพื้นที่ (Ts) (ดูภาพ ช-๔) สูตรค�ำนวณหาเวลาอยู่ในพื้นที่คือ
Ts = ระยะทาง
ความเร็ว
ขั้นที่ ๑ หาเวลาเข้าพื้นที่ (T )
e
ขัน้ ที่ ๒ ค�ำนวณค่าอัตรารังสีเฉลีย่ (Ravg) ซึง่ จะเป็นค่า R1 ส�ำหรับใช้ในโนโมแกรม
ขั้นที่ ๓ ค�ำนวณเวลาอยู่ในพื้นที่ (T )
s
ขั้นที่ ๔ ใช้โนโมแกรมที่เหมาะสม (ดูภาพ ช-๔๑) วางแฮร์ไลน์ทาบระหว่างค่า
Te และ Ts (ตามประเภทของดิน)
ขั้นที่ ๕ ใช้จุดที่แฮร์ไลน์ตัดกับเส้นดัชนีเป็นจุดหมุนให้แฮร์ไลน์หมุนไปตัดกับ
เส้นมาตราส่วน R1ตรงค่าที่ค�ำนวณไว้
296 ภาคผนวก ช
] ]
วัดอย่างต่อเนื่องเท่านั้นและใช้สมการต่อไปนี้
n = 1 x ln Ra
t Ra+t
(ค) Ra เป็นอัตรารังสีมหี น่วยเป็นเซนติเกรย์ตอ่ ชัว่ โมงซึง่ วัด ณ เวลาใด
เวลาหนึง่ และ (Ra+t) เป็นการอ่านอัตรารังสีครัง้ ทีส่ องซึง่ อ่านทีต่ ำ� แหน่งเดิมเมือ่ เวลาผ่านไป ๑/๒ ชัว่ โมง
(ง) แมกนีเซียมและโซเดียมเป็นสองธาตุที่มีครึ่งชีวิตยาวและมัก
พบในดินอยู่เสมอ ดังนั้นธาตุทั้งสองชนิดนี้จะเป็นต้นก�ำเนิดรังสีหลักภายหลังการระเบิดของอาวุธ
นิวเคลียร์ ส�ำหรับโซเดียมซึ่งมีเวลาครึ่งชีวิต ๑๕ ชั่วโมงมีอัตราการสลายตัว ๐.๐๔๖ ส่วนแมงกานีส
ซึ่งมีเวลาครึ่งชีวิต ๒.๖ ชั่วโมง มีอัตราการสลายตัว ๐.๒๗
๑๐.๑๑.๙ การหาอัตรารังสี ณ เวลาใด ๆ อัตรารังสี (R1+t) มีหน่วยเป็นเซนติ
เกรย์ต่อชั่วโมง ณ เวลาใด ๆ (t ชั่วโมง) ภายหลังการอ่านครั้งก่อนจะค�ำนวณได้เป็น
R1+t = Ra(-nxt)
Ra เป็นอัตรารังสี ณ เวลา (t) ที่อ่านค่า n เป็นอัตราการสลายตัวขณะนั้น และ EXP ( ) เป็น
เอกซ์โพเนนเชียลฟังก์ชัน
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 297
ปริมาณรังสีทั้งสิ้นที่จะได้รับในพื้นที่เปื้อนพิษรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำ
เวลาเข้าพื้นที่ (Te) จ�ำนวนชั่วโมงหลังการระเบิด
๑๐.๑๑.๑๐ การหาปริมาณรังสีสะสมในพื้นที่เปื้อนพิษรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำ
ปริมาณรังสี (D) (หน่วยเป็นเซนติเกรย์) ซึ่งสะสมไว้ระหว่างเวลาเข้าและออกจากพื้นที่เปื้อนพิษรังสี
แกมมาอันเกิดจากรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำ (NIGA) จะหาได้จากสูตร
t
D = R1/n ((-n x tin) – (-n x out))
R1 เป็นอัตรารังสีมีหน่วยเป็นเซนติเกรย์ต่อชั่วโมง ณ เวลาอ้างอิง n เป็นอัตราการสลายตัวขณะนั้น
tin และ tout เป็นเวลาเข้าและออกจากพื้นที่เปื้อนพิษรังสีแกมมาอันเกิดจากรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำมี
หน่วยเป็นชั่วโมงภายหลังเวลาอ้างอิง
๑๐.๑๑.๑๑ การท�ำเวลาเข้าพื้นที่เร็วที่สุด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าปริมาณรังสีที่จ�ำกัด
ให้ได้รบั (DL) จะไม่เกิดจากการสะสมในระหว่างทีอ่ ยูใ่ นพืน้ ทีแ่ ผ่รงั สีแกมมาอันเกิดจากรังสีนวิ ตรอน
เหนี่ยวน�ำ จึงหาเวลาเข้าพื้นที่เร็วที่สุด (tin) ได้ดังนี้
Te = -1/n* (DL/(R*n* (1-(-n*Ts))
Ts = เวลาอยู่ในพื้นที่หน่วยเป็นชั่วโมง
R = อัตรารังสี ณ เวลาอ้างอิง H+1
n = อัตราการสลายตัวขณะนั้น
๑๐.๑๑.๑๒ การหาเวลาออกจากพืน้ ทีเ่ ปือ้ นพิษรังสีนวิ ตรอนเหนีย่ วน�ำทีจ่ ะได้รบั
ปริมาณรังสีสงู สุดถ้าก�ำหนดปริมาณรังสีทจี่ ำ� กัดให้ได้รบั (DL) ส�ำหรับปริมาณรังสีสะสมในระหว่างที่
อยู่ในพื้นที่เปื้อนพิษรังสีแกมมาอันเกิดจากรังสีนิวตรอนเหนี่ยวน�ำ เวลาที่จะออกจากพื้นที่ (tout) จะ
หาได้ จากสมการต่อไปนี้
Tout = -1/n* n ((-n*Te)-(n*DL)/R1)
Te = เวลาเข้าพืน้ ทีภ่ ายหลังจากเวลาอ้างอิงซึง่ มีตอ่ อัตรารังสี R1 หน่วยเป็น
ชั่วโมง และมีอัตราการสลายตัวเป็น n
๑๑. รายงาน นชค.๖ นิวเคลียร์ (NBC6 NUC Report)
รายงาน นชค.๖ นิวเคลียร์ (ภาพ ช-๔๒) จะให้ข้อมูลโดยละเอียดที่มีความส�ำคัญอย่างยิ่ง
ต่อการยุทธ์แก่ผู้บังคับหน่วยและฝ่ายอ�ำนวยการ
๑๑.๑ วัตถุประสงค์
รายงาน นชค.๖ นิวเคลียร์เป็นรายงานที่ให้ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการโจมตี
ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ รายงานนี้จะส่งไปยังผู้บังคับบัญชาระดับสูงถัดขึ้นไป โดยเขียนในรูปแบบของ
ค�ำบรรยายอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะท�ำได้
๑๑.๒ ล�ำดับความเร่งด่วนของข่าว (Message Precedence) ภายหลังส่งรายงาน
นชค.๑ นิวเคลียร์เริ่มแรกไปแล้ว ข่าวอื่น ๆ ทั้งหมดจะก�ำหนดล�ำดับความเร่งด่วนตามผลที่จะมีผล
การยุทธ์ ซึ่งตามปกติจะใช้ “ด่วน” ก็นับว่าเหมาะสมดีแล้ว
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 299
๑. กล่าวน�ำ
ยุทธวิธี เทคนิคและวิธีการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ ROTA เป็นการเตรียมสถานการณ์เฝ้า
ระวังที่มีความส�ำคัญเสนอต่อผู้บังคับบัญชา เมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ ROTA ที่เกิดขึ้น
๑.๑ ทั่วไป
ผนวกนี้จะครอบคลุมวิธีการของการเตือนภัยและการรายงานการปล่อยกระจาย
ของสาร คชรน.ที่ไม่ใช่เกิดจากการโจมตีด้วยอาวุธทางทหาร การปล่อยสารเหล่านี้อาจรวมถึงสาร
คชรน.หรือการปล่อยวัตถุมพี ษิ ทางอุตสาหกรรมเนือ่ งจากเกิดความเสียหายหรือมีการท�ำลายทีเ่ ก็บ
สาร, พาหนะขนส่ง, โรงงานผลิตหรือที่เก็บรักษา, ต�ำบลส่งกระสุนและโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ ฯลฯ
๑.๒ คุณลักษณะเฉพาะ (Characteristics)
๑.๒.๑ ประเภทของวัตถุอนั ตราย ชาติสว่ นใหญ่ในโลกจะมีการผลิตหรือเก็บรักษา
สารเคมี สารชีวะหรือสารกัมมันตรังสีบางอย่าง สารเหล่านีส้ ว่ นใหญ่ใช้ในวัตถุประสงค์ทางสันติ และ
ได้พิจารณาแบ่งได้ตามหัวข้อต่อไปนี้
เกษตรกรรมได้แก่ ยาฆ่าแมลง, สารก�ำจัดวัชพืช, ปุ๋ยและอื่น ๆ
อุตสาหกรรมได้แก่ สารเคมี หรือสารอื่น ๆ (ชีวะหรือรังสี) ที่ใช้ใน
กระบวนการผลิตหรือส�ำหรับท�ำความสะอาด
การผลิตและงานวิจัยได้แก่ สาร คชรน.ที่ใช้ในงานวิจัยหรือการผลิตใน
โรงงาน
๑.๒.๒ การตรวจจับ (Detection) การตรวจจับสารหรือสารประกอบเคมีหรือสาร
ชีวะด้านพลเรือน อาจจะไม่สามารถตรวจจับได้โดยอุปกรณ์ตรวจจับเคมีชีวะมาตรฐานของหน่วย
ทางยุทธวิธี
นอกจากนัน้ ยังอาจตรวจจับด้วยประสาทสัมผัสของมนุษย์ไม่ได้ และอาจก่อให้เกิดอาการ
เจ็บป่วย โดยมีอาการแตกต่างจากอาการที่เกิดจากสาร คชรน.
๑.๒.๓ ค�ำจัดกัดความ (Definition)
พื้นที่ปล่อยกระจายสาร (Release Area) เป็นพื้นที่ที่พยากรณ์ว่าได้รับ
ผลกระทบโดยทันทีจากการปล่อยกระจายสาร
พื้นที่อันตราย (Hazard Area) เป็นพื้นที่พยากรณ์ที่ก�ำลังพลในพื้นที่ที่
ไม่มีการป้องกัน อาจได้รับผลกระทบจากสาร คชรน.ที่แพร่กระจายตามลมมาจากพื้นที่ปล่อยสาร
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 301
ระยะทางตามลมขึ้นกับประเภทของการปล่อยสาร อากาศและภูมิประเทศในพื้นที่ปล่อยกระจาย
สารและพื้นที่ตามลมของพื้นที่ปล่อยกระจายสาร
พื้นที่เปื้อนพิษ (Contaminated area) เป็นพื้นที่ซึ่งหลังการปล่อยสาร
คชรน.ทีอ่ ยูใ่ นรูปของแข็งหรือของเหลวไประยะเวลาหนึง่ แล้วความเป็นพิษยังคงอยูใ่ นระดับอันตราย
ขอบเขตของพื้นที่ และระยะเวลาที่แท้จริงนั้นจะก�ำหนดได้โดยการส�ำรวจเท่านั้น
ROTA* Release-Other-Than-Attack การปล่อยกระจายของสาร คชรน.หรือวัตถุมีพิษทาง
อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เกิดจากการโจมตีทางทหาร
การปล่อยสารจากระดับสูง (Elevated Release) การปล่อยสารใด ๆ
ที่อาจเกิดจากไฟไหม้, วัตถุที่ก�ำลังเคลื่อนที่หรือการระเบิด ซึ่งน�ำสารพิษไปได้สูงเหนือระดับพื้นดิน
ได้มากกว่า ๕๐ เมตร ให้พิจารณาเป็นการปล่อยสารจากระดับสูง
วัตถุมีพิษทางอุตสาหกรรม (TIM) เป็นค�ำทั่วไปส�ำหรับสารพิษ (เคมี
ชีวะ) หรือสารกัมมันตรังสี ในรูปของแข็ง, ของเหลว, แอโรซอลหรือก๊าช สารเหล่านี้อาจจะน�ำมา
ใช้ (หรือเก็บไว้ส�ำหรับการใช้งาน) ส�ำหรับอุตสาหกรรม, การพาณิชย์, การแพทย์, การทหารหรือ
ใช้ในบ้านเรือน วัตถุมีพิษทางอุตสาหกรรมอาจเป็นสารเคมี, สารชีวะหรือสารกัมมันตรังสี และอาจ
จ�ำแนกเป็นสารพิษเคมีทางอุตสาหกรรม (TIC), สารพิษชีวะทางอุตสาหกรรม (TIB) หรือสารพิษ
กัมมันตรังสีทางอุตสาหกรรม (TIR)
๒. วิธีการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ ROTA
วิธกี ารหลีกเลีย่ ง แบ่งการปฏิบตั อิ อกเป็น ๓ ห้วงคือ ก่อน, ระหว่างและหลังการปล่อยกระจาย
รายการที่ก�ำหนดไว้ (จะไม่ครอบคลุมทั้งหมด) อาจช่วยพัฒนา รปจ.และค�ำสั่งนโยบายของหน่วย
๒.๑ ก่อนการโจมตี (Preattack)
๒.๑.๑ แจ้งเตือนหน่วยรอง
๒.๑.๒ ประเมินความสามารถของยุทธภัณฑ์ป้องกันตาม ลภ.ในการป้องกันสาร
หรือวัตถุ ร้องขอยุทธภัณฑ์ป้องกันเพิ่มเติมตามความจ�ำเป็น
๒.๑.๓ ให้ผู้บังคับหน่วยก�ำหนดระดับ ลภ.ที่เหมาะสม; ก�ำหนดเกณฑ์การสวม
หน้ากากโดยอัตโนมัติ ให้ก�ำหนดต�ำแหน่งที่จะให้สวมเครื่องแต่งกายป้องกันเคมี โดยอาศัยปัจจัย
METT-TC
๒.๑.๔ ปฏิบัติภารกิจต่อไป และตรวจสอบการด�ำเนินการดังต่อไปนี้ว่าได้ปฏิบัติ
ให้เป็นผลส�ำเร็จเพื่อลดจ�ำนวนผู้บาดเจ็บและความเสียหาย
ป้องกันก�ำลังพล, ยุทธภัณฑ์, อาวุธ, น�ำ้ มัน, อาหารและน�ำ้ จากการเปือ ้ นพิษ
จั ด วางกระดาษตรวจสารไว้ ใ นต� ำ แหน่ ง ที่ ม องเห็ น ได้ ชั ด และสั ม ผั ส
สารเคมีเหลวได้มากที่สุด
302 ภาคผนวก ซ
ด�ำเนินการรักษาความปลอดภัยทางการยุทธ์ การกระจายก�ำลังและ
ก�ำบัง ตลอดจนการซ่อนพรางเพื่อให้หน่วยไม่ตกเป็นเป้าหมาย
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้มก ี ารจัดเตรียมเครือ่ งตรวจสารเคมี และสัญญาณ
เตือนภัยส�ำหรับการใช้งานไว้แล้ว
จัดเตรียมข่าวสารอากาศอันตรายตามลมจากสารเคมี (CDMs) ฉบับ
ปรับปรุงส�ำหรับแต่ละหน่วย
๒.๑.๕ ก�ำหนดความต้องการการท�ำลายล้างพิษ
๒.๒ ระหว่างโจมตี (During Attack)
๒.๒.๑ ก�ำลังพลทุกนายสวมหน้ากากป้องกันโดยอัตโนมัติ, ให้สัญญาณเสียงเพื่อ
เตือนภัย, ท�ำลายล้างพิษตนเอง (ตามความจ�ำเป็น), ใช้ระดับ ลภ.๔, ช่วยเหลือตนเองและดูแลเพือ่ นคูห่ ู
๒.๒.๒ กู้คืนสายการบังคับบัญชาและการสื่อสารและหน่วยยังคงภารกิจต่อไป
๒.๒.๓ เตือนภัยหน่วยข้างเคียงทันทีในเรื่องของอันตรายตามลมจากไอสารพิษ
๒.๒.๔ หน่วยพิสูจน์ทราบชนิดของสารและส่งรายงาน นชค.๑ ROTA เมื่อภารกิจ
อ�ำนวย
๒.๒.๕ ให้หน่วยด�ำเนินการดังต่อไปนี้ ส�ำหรับการปล่อยสารที่มีการเปื้อนพิษ
ของเหลวหรือของแข็งหลงเหลืออยู่บนยุทธภัณฑ์, ก�ำลังพลหรือภูมิประเทศ
ท�ำลายล้างพิษบุคคลและยุทโธปกรณ์โดยเช็ดออกด้วยสารท�ำลาย
ล้างพิษจากบนลงล่าง
เตือนภัยเจ้าหน้าที่แพทย์ผู้ส่งกลับผู้บาดเจ็บถึงการบาดเจ็บจากการ
เปื้อนพิษ ห่อศพและท�ำเครื่องหมายผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้
ท�ำเครื่องหมายพื้นที่เปื้อนพิษและเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ที่สะอาดถ้า
ภารกิจอ�ำนวย
ถ้าจ�ำเป็นให้ก�ำหนดสถานที่และเวลาเพื่อท�ำลายล้างพิษให้สมบูรณ์
ประสานงานการท�ำลายล้างพิษและส่งก�ำลัง เสื้อผ้าป้องกันและสาร
ท�ำลายล้างพิษเพิ่มเติม
ให้แน่ใจว่าเครือ ่ งแต่งกายป้องกันชัน้ นอกทีเ่ ปือ้ นพิษมีการเปลีย่ นภายใน
๒๔ ชม.หลังการเปื้อนพิษ
เปลี่ยนวัตถุที่ใช้ในการปิดคลุมป้องกันที่เปื้อนพิษภายใน ๒๔ ชม.
ถอดหน้ากาก, รักษาผูบ ้ าดเจ็บ, เตรียมการส่งกลับ (เมือ่ ภารกิจอ�ำนวย)
และให้แน่ใจในสถานะการท�ำงานของระบบการตรวจหาสารพิษ
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 303
๓. การจัดการข่าวสาร ROTA
การจัดการข่าวสารการปล่อยกระจายที่ไม่ใช่การโจมตี (ROTA) เป็นสิ่งส�ำคัญยิ่งต่อความ
ส�ำเร็จของการบังคับบัญชา เพือ่ ให้เป็นประโยชน์จะต้องมีการรวบรวม รายงานและประเมินข่าวสาร
ROTA เมือ่ ประเมินค่าแล้วจึงน�ำมาใช้เป็นข่าวกรองสนามรบได้ ปริมาณข่าวสารทีจ่ ำ� เป็นต้องรวบรวม
และรายงานนัน้ ถ้าไม่มกี ารจัดการทีด่ แี ล้วจะขัดขวางการติดต่อสือ่ สารและการปฏิบตั กิ ารทางยุทธวิธี
ได้ง่าย
๓.๑ การรวบรวมข่าวสาร ROTA
ขั้นแรกของการจัดการข่าวสาร ROTA ก็คือ การก�ำหนดว่าข่าวสารใดที่จะหาได้และจะให้ผู้ใดเป็นผู้
รวบรวมข่าวสารนัน้ ข้อมูลจากผูส้ งั เกตการณ์จะให้ขา่ วสารทีร่ ะบุวา่ มีการปล่อยกระจายทีไ่ ม่ใช่การ
โจมตี (โดยเจตนาหรืออุบตั เิ หตุ) เกิดขึน้ จริง ข้อมูลจากการตรวจวัด การส�ำรวจและการลาดตระเวน
จะให้ขา่ วสารว่าอันตรายอยู่ ณ ทีใ่ ด ทุกหน่วยจะต้องรับผิดชอบในการสังเกตการณ์และรายงานการ
เกิด ROTA แต่เฉพาะหน่วยที่ถูกเลือกเท่านั้นที่จะเป็นผู้ส่งรายงาน นชค.1 ROTA ไปยังส่วน คชรน.
๓.๒ การรวบรวมข้อมูล ROTA
๓.๒.๑ ส่วน คชรน.จะเป็นผู้รวบรวมข่าวสารจากรายงาน นชค.1 ROTA จาก
ผู้สังเกตการณ์ที่ได้รับการก�ำหนดไว้ ที่เห็นการปล่อยกระจายสารที่ไม่ใช่การโจมตี ต่อจากนั้นส่วน
คชรน. ก็จะประเมินข่าวสารนี้ออกมาในรูปของรายงาน นชค.2 ROTA จากรายงาน นชค.2 ROTA
จะสามารถท�ำการพยากรณ์อันตรายอย่างง่ายหรืออย่างละเอียดได้ (รายงาน นชค.3 ROTA)
การพยากรณ์นี้เป็นเพียงการประมาณพื้นที่อันตรายเท่านั้น การตัดสินว่าการเปื้อนพิษอยู่ที่ใดนั้น
จ�ำเป็นต้องให้หน่วยต่าง ๆ ส่งข้อมูลกลับมาให้ส่วน คชรน. ข้อมูลที่ส่งกลับมานี้ได้จากข้อมูลการ
ตรวจวัด การส�ำรวจและการลาดตระเวน (รายงาน นชค.4 ROTA) การปฏิบัติการตรวจวัดและ
การลาดตระเวนจะให้ข้อมูลเริ่มแรกเกี่ยวกับต�ำแหน่งของอันตรายทาง คชรน. แก่ส่วน คชรน.โดย
ทั่วไปแล้วรายงานการตรวจวัดและการลาดตระเวนจะส่งผ่านช่องทางข่าวกรองไปยังส่วน คชรน.
โดยการใช้เครื่องมือประกอบการตัดสินใจแบบต่างๆ ดังกล่าวไว้ในบทที่ ๓
๓.๒.๒ ส่วน คชรน.จะน�ำข่าวสารที่ได้รับมาหมายจุดบนแผนที่สถานการณ์ ถ้า
ต้องการข่าวสารเพิ่มเติมส่วน คชรน.จะสั่งให้หน่วย (เลือกตามต�ำแหน่งที่ตั้งและขีดความสามารถ)
รวบรวมข้อมูลที่จ�ำเป็นส่งมาให้ ข้อมูลนี้ควรมาจากรายการการตรวจสอบเพิ่มเติมหรือการส�ำรวจ
พื้นที่ที่สงสัย การรวบรวมข่าวสาร ROTA เป็นความร่วมมือของหลายหน่วยและส่วน คชรน. โดย
หน่วยจะเป็นผู้รวบรวมข่าวสารและส่วน คชรน.จะเป็นผู้วางแผนและสั่งการเกี่ยวกับการรวบรวม
ข่าวสาร รายละเอียดเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับการรวบรวมข่าวสารนี้จะระบุอยู่ในยุทธวิธี เทคนิคและวิธี
การส�ำหรับการลาดตระเวน นชค.
๓.๒.๓ การประเมินข่าวสาร ROTA หลังจากรวบรวมข่าวสาร ROTA ได้แล้วจะ
ต้องท�ำการประเมิน แล้วจึงจะน�ำมาใช้เป็นข่าวกรองสนามรบ ส่วน คชรน.จะเป็นศูนย์กลางการ
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 305
ประเมินเบื้องต้นหน่วยต่าง ๆ และกองบัญชาการระดับกลางจะใช้ข้อมูลดิบนี้เพื่อพัฒนาข่าวกรอง
ROTA ส�ำหรับใช้ภายในหน่วยตนจนกว่าจะได้รับผลการประเมินอย่างละเอียดจากส่วน คชรน.
๓.๒.๔ การส่งข่าวสาร ROTA วิธีการที่ใช้ในการส่งข่าว ROTA ไปและมาจากส่วน
คชรน.เป็นส่วนส�ำคัญของการจัดการข่าวสาร วิธกี ารส่งข่าวสารจะขึน้ อยูก่ บั สถานการณ์ทางยุทธวิธี
และภารกิจของหน่วย ส�ำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมดูได้จากบทที่ ๓
๔. รายงาน นชค.1 ROTA (NBC1 ROTA Report)
รายงาน นชค.๑ ROTA เป็นรายงานทีใ่ ช้กนั อย่างแพร่หลายมากทีส่ ดุ หน่วยสังเกตการณ์จะ
ใช้รายงานนีเ้ พือ่ ให้ขอ้ มูล ROTA หน่วยทุกหน่วยต้องมีความคุน้ เคยกับรูปแบบและข่าวสารรายงาน
นชค.1 ROTA หน่วยจะต้องจัดท�ำรายงานนีอ้ ย่างรวดเร็ว ถูกต้องและส่งต่อไปยัง บก.หน่วยเหนือถัด
ไป กองพันหรือหน่วยอื่นที่มีภารกิจเทียบเท่าและหน่วยเหนือจะตัดสินใจว่าจะส่งรายงาน นชค.1
ROTA ฉบับใดต่อไปยัง บก.หน่วยเหนือ ถ้าได้รบั รายงานในเหตุการณ์เดียวกันหลายฉบับจะรวบรวม
รายงาน นชค.1 ROTA ให้เป็นรายงานฉบับเดียวกันแล้วส่งต่อไป เพื่อลดจ�ำนวนรายงานลงให้อยู่ใน
ระดับที่ไม่ล้นมือ
๔.๑ วัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์ของรายงาน นชค.1 ROTA เพื่อจัดเตรียมข้อมูล ROTA
๔.๒ ล�ำดับความเร่งด่วน
เมือ่ มีเหตุการณ์ ROTA เกิดขึน้ เป็นครัง้ แรก หน่วยทีไ่ ด้รบั การก�ำหนดจะส่งรายงาน
นชค.1 ROTA ด้วยล�ำดับความเร่งด่วน “ด่วนที่สุด” (FLASH) ถ้ามีการส่งต่อรายงาน นชค.1 ROTA
ก่อนหน้าแล้ว รายงานฉบับต่อมาให้ใช้ล�ำดับความเร่งด่วน “ด่วน” (IMMEDIATE)
๔.๓ ข่าวสารในรายงาน
รายงานจะประกอบด้วยบรรทัด BRAVO, CHARLIE, GOLF, INDIA, TANGO และ
อาจรวมบรรทัด ALFA, FOXTROT, MIKER, YANKEE, ZULU, GENTEXT โดยมีข่าวสารตามที่ได้
อธิบายไว้ในรายงาน คชรน. บรรทัด CHARLIE จะให้ขอ้ มูลเหมือนกับบรรทัด DELTA เว้นแต่จะระบุ
ว่าเป็นการสังเกตการณ์เหตุการณ์ ROTA มากกว่าเป็นการสังเกตการณ์การโจมตี บรรทัด GOLF
จะรวมประเภทของเครื่องส่งถ้าบอกได้, ประเภทของภาชนะบรรจุของ ROTA (เช่น ที่บรรจุ, คลัง
สรรพาวุธ, เตาปฏิกรณ์ปรมาณู, การขนส่งและทีเ่ ก็บ) และขนาดของการปล่อยกระจาย (เล็ก, ใหญ่,
ใหญ่พิเศษ) บรรทัด INDIA จะระบุความสูงของการปล่อยกระจาย และระบุประเภทของการปล่อย
กระจายว่าเป็นการปล่อยออกมาจากโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์หรือวัตถุมพี ษิ ทางอุตสาหกรรม หรือชือ่
สารพิษหรือหมายเลขระบุชนิดของสาร รวมถึงระบุความคงทนของสาร, ค�ำอธิบายเพิม่ เติมเกีย่ วกับ
เหตุการณ์ให้เติมลงในบรรทัด MIKER ส่วนบรรทัด TANGO จะระบุถงึ รายละเอียดของภูมปิ ระเทศ/
พืชพันธุ์, บรรทัด YANKEE และ ZULU จะบอกถึงสภาพอากาศเฉพาะที่ และบรรทัด GENTEXT
306 ภาคผนวก ซ
จะให้ข้อมูลสารประกอบเคมีโดยเฉพาะเจาะจงหรือประเภทของสารชีวะถ้าหาข่าวสารได้
๔.๔ การจัดท�ำรายงาน
ก�ำหนดรายการบรรทัดส�ำหรับรายงาน โดยการใช้วิธีการเดียวกับผนวกการ
หลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษก่อนหน้านี้ต่อรูปแบบของการโจมตีหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ของสารพิษเคมีทางอุตสาหกรรมที่ขนส่งทางรถยนต์, รถไฟหรือเรือสามารถท�ำให้สารเคมีปริมาณ
มากถูกปล่อยเข้าสู่บรรยากาศ อย่างไรก็ตามความเป็นพิษและความคงทนของสารเหล่านี้จะ
น้อยกว่าสารพิษเคมีและพื้นที่อันตรายจะมีขนาดเล็กกว่าการโจมตีด้วยอาวุธเคมี กรณีนี้ยังรวมถึง
คลังเก็บสารเคมีปริมาณน้อยและอาวุธแบบเดียวที่พบว่ามีสารเคมีรั่วไหลออกมาในสนามรบ
จ. กรณีที่ ๕ คลังเก็บสารเคมีขนาดใหญ่ (Bulk Chemical Storage) การ
เก็บรักษาสารเคมีพษิ ทางอุตสาหกรรมทีม่ ปี ริมาณมาก (มากกว่า ๑,๕๐๐ กิโลกรัม) ในถังขนาดใหญ่
มักอยู่ภายใต้ความดันสูงและที่อุณหภูมิต�่ำ ถ้าถังบรรจุเกิดการเสียหายอย่างรุนแรงจะท�ำให้เกิด
กลุ่มควันที่มีความเป็นพิษสูง ซึ่งปกติจะเป็นกลุ่มก๊าซที่หนาแน่น การปล่อยกระจายสารกรณีนี้อาจ
เกิดขึน้ อย่างจงใจจากผูก้ อ่ การร้ายหรือการกระท�ำโดยเจตนาอืน่ ๆ กลุม่ สารเคมีดงั กล่าวจะไม่เคลือ่ น
ไปตามลมจนกว่าความเข้มข้นของกลุ่มสารจะลดลงอย่างมาก บ่อยครั้งที่ความเข้มข้นจะลดลงจน
ต�่ำกว่าระดับที่เป็นพิษ นอกจากความเป็นพิษแล้วสารเคมีพิษทางอุตสาหกรรมยังมีคุณสมบัติ
กัดกร่อน, ติดไฟได้ง่าย, ระเบิดได้หรือสามารถท�ำปฏิกิริยาอย่างรุนแรงกับอากาศหรือน�้ำ อันตราย
เหล่านี้อาจจะมากกว่าผลจากความเป็นพิษที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
๖.๕ วิธีการและข้อจ�ำกัด
๖.๕.๑ วิธีการ
ก. บันทึกและปรับปรุงข่าวสารต่อไปนี้ให้ทันสมัย
ข่าวสารสภาพอากาศจากผู้บังคับหน่วย คชรน.ที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่ง
อาจมีข้อมูลการพยากรณ์และข้อมูลจากการวัดค่าต่าง ๆ เกี่ยวกับอากาศ
ข่าวสารสภาพอากาศจากการวัดค่าและการสังเกตการณ์ในพื้นที่
ซึ่งอาจจะประกอบด้วยข้อมูลก่อนและระหว่างช่วงเวลาที่กลุ่มสารพิษจะผ่านไป
ฐานข้อมูลของการวัดค่าทางอุตุนิยมวิทยาในพื้นที่ ระหว่างช่วง
เวลาที่กลุ่มสารพิษผ่านไป
ข. บันทึกลักษณะภูมิประเทศ (พื้นที่ป่าไม้, ภูเขา, ที่ราบและอื่น ๆ) ซึ่ง
อาจมีอิทธิพลต่อทิศทางและความเร็วของกลุ่มสาร ROTA
ค. จัดท�ำรายงาน นชค.3 ROTA และพิจารณาแจกจ่ายเมื่อภัยคุกคาม
จากเหตุการณ์ ROTA มีความรุนแรงขึ้น
ง. ประเมินปัจจัยอุตุนิยมวิทยาส�ำหรับพื้นที่ที่มีการปล่อยกระจายสาร
และพื้นที่ทิศตามลมเมื่อได้รับรายงาน นชค.๑ หรือ นชค.2 ROTA
จ. เลือกข่าวสารสภาพอากาศทีต่ อ้ งใช้และค�ำนวณพืน้ ทีพ่ ยากรณ์อนั ตราย
ตามลม
312 ภาคผนวก ซ
๖.๕.๒ ข้อจ�ำกัด
ก. เมือ่ ท�ำการค�ำนวณพืน้ ทีพ่ ยากรณ์อนั ตรายตามลมจากเหตุการณ์ ROTA
จะมีปัจจัยหลายประการที่จะส่งผลกระทบต่อความแม่นย�ำของการพยากรณ์ ปัจจัยบางประการ
ได้แก่
ชนิดและปริมาณของสารหรือวัสดุ คชรน.
ชนิดและปริมาณของระบบการปล่อยกระจายหรือระบบการเก็บ
รักษา
ชนิดและปริมาณของภาชนะบรรจุสาร
องค์ประกอบภูมิประเทศ
สภาพอากาศ
ความคงตัวของอากาศ
ประเภทของผิวพื้น
พืชพันธุ์
อุณหภูมิอากาศผิวพื้น
ความชื้นสัมพัทธ์
ข. เมื่อใช้วิธีการในผนวกนี้หรือค�ำอธิบายเพิ่มเติมที่อ้างอิงถึงผนวกก่อน
หน้าในการพยากรณ์พื้นที่อันตราย บางส่วนของปัจจัยที่กล่าวข้างต้นจะไม่ถูกพิจารณา จนกว่าจะ
ได้รับการประเมินและประมาณการจากการปฏิบัติงานจริงจากผู้ใช้
ค. วิธกี ารทีแ่ สดงในผนวกนี้ หรือค�ำอธิบายเพิม่ เติมทีอ่ า้ งอิงถึงผนวกก่อน
หน้าส�ำหรับวิธีการพยากรณ์พื้นที่อันตรายที่เหมาะสม จะขึ้นกับความจ�ำกัดของปริมาณข่าวที่มีอยู่
ณ เวลาที่เกิดเหตุการณ์ ROTA
ง. เพื่อจัดท�ำการพยากรณ์ให้มีความแม่นย�ำมากขึ้น จะต้องหาข่าวสาร
เกี่ยวกับปัจจัยที่ระบุไว้ข้างต้นให้มากขึ้น และใช้วิธีการที่มีความซับซ้อนมากขึ้นในการพยากรณ์
๖.๖ ประเภทและกรณีของ ROTA (ROTA Types and Cases)
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 313
ประเภทของ
การปล่อยกระจาย/ ประเภท แบบ กรณี ข้อปฏิบัติ
ชนิดของวัสดุ
เครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู N - อ้างอิงผนวก ฉ*
ค. ถ้ามีรายงานการปล่อยกระจายสารอย่างต่อเนื่องและระยะเวลาการ
รายงานมากกว่า ๒ ชม. หรือไม่มีการรายงาน ควรปฏิบัติตามวิธีการของประเภท S
ง. ถ้าสารปริมาณมากปล่อยกระจายจากระดับสูง ให้ใช้ความเร็วลมและ
ทิศทางลมทีค่ วามสูงนัน้ จากข่าวสารลมพืน้ ฐาน คชรน. (CBRN BWM) หรือข้อมูลอุตนุ ยิ มวิทยาอืน่ ๆ
ถ้าการปล่อยกระจายสารขยายออกไปอย่างต่อเนื่องจากใกล้พื้นดินไปที่ระดับความสูงมาก (สูงกว่า
๕๐ เมตร) ควรใช้วิธีการส�ำหรับการปล่อยกระจายสารจากที่สูง
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 315
หมายพิกัดต�ำบล (FOXTROT)
ระบบการปล่อยกระจก/ภาชนะบรรจุ (Glof)
ประเภท N
ประเภท T
ประเภท T กรณี ๑
กรณี ๑ กากนิวเคลียร์
PAPAA : /-/-/01 กม.//
หรือที่เก็บวัสดุกัมมันตรังสี ๑ กม.
กรณี ๒ เครื่องปล่อย
กระจายสารกัมมันตรังสี SUS อาวุธชีวะประเภท S
สังเกตการณ์ อาวุธชีวะประเภท P หรือ R
กรณี ๓ ที่เก็บสารชีวะ
หรือสถานที่ผลิต
รัศมีเขตอันตราย
GN เขตควบคุมป้องกัน
การหกกระจาย
ของสารเคมี
ระยะทางจากแนว
ทางการตอบสนอง
เหตุฉุกเฉิน (ERC)
รัศมีเขตอันตราย
ระยะทางเขต
อันตราย
สารหกกระจาย
๘.๑ วัตถุประสงค์
รายงาน นชค.5 ROTA ใช้เพื่อแจ้งข้อมูลพื้นที่เปื้อนพิษจริง โดยจะบอกเฉพาะ
พิกัดของพื้นที่เปื้อนพิษจริงแต่อาจรวมพิกัดของพื้นที่ที่คาดว่าอาจเปื้อนพิษด้วยก็ได้
๘.๒ ล�ำดับความเร่งด่วน
ตามปกติลำ� ดับความเร่งด่วนของข่าวอืน่ ๆ ทัง้ หมดหลังจากส่งรายงาน นชค.1
ROTA เริ่มแรกไปแล้ว จะใช้ล�ำดับความเร่งด่วนเป็น “ด่วน”
๘.๓ การจัดท�ำรายงาน
๘.๓.๑ พื้นที่เปื้อนพิษจะแสดงไว้บนแผนที่สถานการณ์การเปื้อนพิษและข้อมูล
ดังกล่าวจะต้องส่งไปยังหน่วยอื่น ๆ และหน่วยเหนือ และวิธีที่ดีที่สุดคือ การส่งไปในรูปของแผ่น
บริวารการเปื้อนพิษ
๘.๓.๒ การจัดท�ำแผ่นบริวารนั้นได้อธิบายไว้ในภาคผนวกตามล�ำดับ (เช่น แผ่น
บริวารการเปื้อนพิษเคมี อ้างอิงตามผนวก จ) แผ่นบริวารนั้นเหมาะส�ำหรับการส่งรายงาน นชค.๓
และ นชค.5 ROTA เนื่องจากมีข้อได้เปรียบเพราะใช้งานง่าย มีความแม่นย�ำและแผ่นบริวาร
จะเป็นส�ำเนาจริงส�ำหรับการอ้างอิงในอนาคต แต่ก็มีข้อเสียเปรียบตรงที่ต้องใช้อุปกรณ์โดยเฉพาะ
หรือใช้พลน�ำสาร
๘.๓.๓ ข้อมูลที่ลงไว้ที่ขอบแผ่นบริวารมีดังต่อไปนี้
ชื่อแผนที่
หมายเลขแผนที่
มาตราส่วน
หน่วยที่จัดท�ำ
ค�ำอธิบายสัญลักษณ์/สีที่ไม่ไช่มาตรฐาน
ประเภทของรายงาน
รายงานบรรทัดต่าง ๆ
ดัชนีบอกกริด
๘.๓.๔ การรายงานข้อมูล
ก. ในกรณีที่หน่วยไม่มีเครื่องโทรสารใช้จะต้องเปลี่ยนแผ่นบริวารการ
เปื้อนพิษให้เป็นชุดของค่าที่วัดได้และพิกัดเพื่อส่งไปในรูปของรายงาน นชค.5 ROTA
ข. ถ้ า หากหน่ ว ยไม่ มี เ ครื่ อ งโทรสารใช้ เ มื่ อ เวลาและระยะทาง
อ�ำนวยให้ส่งแผ่นบริวารการเปื้อนพิษโดยใช้พลน�ำสาร การส่งข้อมูลโดยใช้รายงาน นชค.5 ROTA
จะใช้เป็นวิธีสุดท้าย
ค. ในรายงาน นชค.5 ROTA ถ้าเส้นขอบเขตพื้นที่เปื้อนพิษบรรจบ
เป็นวงพิกัดสุดท้ายจะต้องเป็นค่าเดียวกับพิกัดแรก
๙. รายงาน นชค.6 ROTA (NBC6 ROTA Report)
รายงาน นชค.6 ROTA จะใช้ในการให้ข้อมูลโดยเฉพาะ (บรรทัด GENTEXT) ซึ่งจ�ำเป็น
ต้องใช้ในการพยากรณ์พื้นที่อันตราย ROTA ให้ละเอียดมากกว่าเดิม
๙.๑ วัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์ของรายงาน นชค.6 ROTA เพื่อส่งข้อมูลโดยละเอียดของเหตุการณ์
ROTA
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 325
๙.๒ ล�ำดับความเร่งด่วน
ตามปกติล�ำดับความเร่งด่วนของข่าวอื่น ๆ ทั้งหมดหลังจากส่งรายงาน นชค.1
ROTA เริ่มแรกไปแล้ว จะใช้ล�ำดับความเร่งด่วนเป็น “ด่วน”
๙.๓ การจัดท�ำรายงาน
รายงานนี้จะสรุปข้อมูลที่เกี่ยวกับ ROTA และจัดท�ำโดยหน่วยที่รายงานข้อมูล,
หน่วยเทียบเท่า, หรือหน่วยเหนือเฉพาะเมื่อมีการร้องขอจากหน่วยเหนือ และน�ำมาใช้เป็น
เครื่องมือในการจัดท�ำข่าวกรอง เพื่อช่วยในการก�ำหนดเจตนารมณ์ในอนาคตของข้าศึก
๙.๔ การน�ำส่ง
รายงาน นชค.6 ROTA จะถูกส่งไปยังกองบัญชาการหน่วยเหนือ ในรูปแบบการ
บรรยายให้มีรายละเอียดมากที่สุดที่จะท�ำไปได้
เครื่องกั้นรังสีในสภาพแวดล้อม TF PF
ยานเกราะ
ถ. เอ็ม ๑ ๐.๐๔๐๐ ๒๕. ๐๐๐๐
ถ. เอ็ม ๔๘ ๐.๐๒๐๐ ๕๐.๐๐๐๐
ถ. เอ็ม ๖๐ ๐.๐๔๐๐ ๒๕.๐๐๐๐
รถรบทหารราบ เอ็ม ๒ ๐.๒๐๐๐ ๕.๐๐๐๐
รถรบทหารม้า เอ็ม ๓ ๐.๒๐๐๐ ๕.๐๐๐๐
รสพ. เอ็ม ๑๑๓ ๐.๓๐๐๐ ๓.๓๓๐๐
ป.อัตราจร เอ็ม ๑๐๙ ๐.๒๐๐๐ ๕.๐๐๐๐
รถบรรทุกสัมภาระ เอ็ม ๕๔๘ ๐.๗๐๐๐ ๑.๔๓๐๐
รถกู้ เอ็ม ๘๘ ๐.๐๙๐๐ ๑๑.๑๑๐๐
รถบังคับการ เอ็ม ๕๗๗ ๐.๓๐๐๐ ๓.๓๓๐๐
รถเกราะลาดตระเวนของหน่วยจู่โจมทางอากาศ ๐.๒๐๐๐ ๕.๐๐๐๐
รถรบทหารช่าง เอ็ม ๗๒๘ ๐.๐๔๐๐ ๒๕.๐๐๐๐
รยบ.
๑/๔ ตัน ๐.๘๐๐๐ ๑.๒๕๐๐
๓/๔ ตัน ๐.๖๐๐๐ ๑.๖๗๐๐
๒ ๑/๒ ตัน ๐.๖๐๐๐ ๑.๖๗๐๐
๔-๗ ตัน ๐.๕๐๐๐ ๒.๐๐๐๐
สิ่งปลูกสร้าง
อาคารหลายชั้น
ชั้นบนสุด ๐.๐๑๐๐ ๑๐๐.๐๐๐๐
ชั้นล่าง ๆ ๐.๑๐๐๐ ๑๐.๐๐๐๐
บ้าน
ชั้นหนึ่ง ๐.๖๐๐๐ ๑.๖๗๐๐
ชั้นใต้ดิน ๐.๑๐๐๐ ๑๐.๐๐๐๐
พื้นที่ในเมือง (ที่โล่ง) *๐.๗๐๐๐ *๑.๔๓๐๐
ป่า *๐.๘๐๐๐ *๑.๒๕๐๐
ที่ก�ำบังป้องกันใต้ดิน ๐.๐๐๐๒ ๑๐.๐๐๐๐
หลุมบุคคลยืนยิง ๐.๑๐๐๐ ๑๐.๐๐๐๐
* ค่าปัจจัยเหล่านี้ประยุกต์ใช้ได้กับอัตรารังสีที่ส�ำรวจทางอากาศ
332 ภาคผนวก ด
MT ๑.๐๐ ๒๒.๐ ๗๒.๐ ๑๓.๐ ๔๓.๐ ๘.๗ ๒๙.๐ ๑๘.๐ ๑๑.๐ ๒.๔
๒.๐๐ ๒๔.๐ ๗๙.๐ ๑๕.๐ ๔๙.๐ ๑๐.๐ ๓๓.๐ ๒๔.๐ ๑๕.๐ ๒.๗
๓.๐๐ ๒๖.๐ ๘๕.๐ ๑๖.๐ ๕๓.๐ ๑๑.๐ ๓๕.๐ ๒๘.๐ ๑๗.๐ ๒.๙
๔.๐๐ ๒๘.๐ ๙๒.๐ ๑๗.๐ ๕๖.๐ ๑๑.๐ ๓๗.๐ ๓๒.๐ ๒๐.๐ ๒.๙
๕.๐๐ ๒๘.๐ ๙๕.๐ ๑๗.๐ ๕๖.๐ ๑๑.๐ ๓๗.๐ ๓๕.๐ ๒๒.๐ ๒.๙
๖.๐๐ ๓๐.๐ ๙๘.๐ ๑๘.๐ ๕๙.๐ ๑๒.๐ ๓๙.๐ ๓๗.๐ ๒๓.๐ ๓.๑
๗.๐๐ ๓๑.๐ ๑๐๒.๐ ๑๘.๐ ๕๙.๐ ๑๒.๐ ๓๙.๐ ๔๐.๐ ๒๕.๐ ๓.๑
๘.๐๐ ๓๑.๐ ๑๐๒.๐ ๑๙.๐ ๖๒.๐ ๑๓.๐ ๔๑.๐ ๔๒.๐ ๒๖.๐ ๓.๓
๙.๐๐ ๓๒.๐ ๑๐๕.๐ ๑๙.๐ ๖๒.๐ ๑๓.๐ ๔๑.๐ ๔๔.๐ ๒๗.๐ ๓.๓
๑๐.๐๐ ๓๓.๐ ๑๐๘.๐ ๑๙.๐ ๖๒.๐ ๑๓.๐ ๔๑.๐ ๔๖.๐ ๒๙.๐ ๓.๓
๒๐.๐๐ ๓๗.๐ ๑๒๑.๐ ๒๑.๐ ๖๙.๐ ๑๔.๐ ๔๖.๐ ๖๒.๐ ๓๙.๐ ๓.๖
๓๐.๐๐ ๔๐.๐ ๑๓๑.๐ ๒๓.๐ ๗๕.๐ ๑๕.๐ ๕๐.๐ ๗๔.๐ ๔๖.๐ ๓.๘
๔๐.๐๐ ๔๒.๐ ๑๓๘.๐ ๒๔.๐ ๗๙.๐ ๑๖.๐ ๕๓.๐ ๘๓.๐ ๕๒.๐ ๔.๐
๕๐.๐๐ ๔๓.๐ ๑๔๑.๐ ๒๕.๐ ๘๒.๐ ๑๗.๐ ๕๕.๐ ๙๑.๐ ๕๗.๐ ๔.๑
๖๐.๐๐ ๔๕.๐ ๑๔๘.๐ ๒๖.๐ ๘๕.๐ ๑๗.๐ ๕๗.๐ ๙๙.๐ ๖๒.๐ ๔.๑
๗๐.๐๐ ๔๖.๐ ๑๕๑.๐ ๒๖.๐ ๘๕.๐ ๑๗.๐ ๕๗.๐ ๑๐๕.๐ ๖๕.๐ ๔.๑
๘๐.๐๐ ๔๗.๐ ๑๕๔.๐ ๒๗.๐ ๘๙.๐ ๑๘.๐ ๕๙.๐ ๑๑๑.๐ ๖๙.๐ ๔.๓
๙๐.๐๐ ๔๘.๐ ๑๕๘.๐ ๒๗.๐ ๘๙.๐ ๑๘.๐ ๕๙.๐ ๑๑๗.๐ ๗๓.๐ ๔.๓
๑๐๐.๐๐ ๔๙.๐ ๑๖๑.๐ ๒๘.๐ ๙๒.๐ ๑๙.๐ ๖๑.๐ ๑๒๒.๐ ๗๖.๐ ๔.๕
หมายเหตุ : ๐.๑ ชั่วโมงเท่ากับ ๖ นาที
๑ : ๕๐๐,๐๐๐ กิโลเมตร
๑ : ๒๕๐,๐๐๐ กิโลเมตร
๑ : ๑๐๐,๐๐๐ กิโลเมตร
๑ : ๕๐,๐๐๐ กิโลเมตร
๑ : ๒๕,๐๐๐ กิโลเมตร
337
338 ภาคผนวก ด
(๕
(วินาที)
เวลา
(จํานวนชัว่ โมงหลังการระเบิด)
318
การหาปริมาณรังสีทั้งสิ้น :
D = RTe x Ts สามารถใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์หาค่าตัวแปรที่ไม่ทราบค่า
ได้
คือ RTe = R1
(Te)n
D = R1 x Ts
(Te)n
การข้ามพื้นที่เปื้อนพิษฝุ่นกัมมันตรังสี :
Ravg = Rmax
2
เวลาที่ดีที่สุดในการออกจากพื้นที่ (Topt) :
TFRatio = TFS /TFM
Topt = MF x Tev
พื้นที่เปื้อนพิษรังสีนิวตรอนเหนี่ยวนำ� :
Ravg = Rmax
2
Ts = ระยะทาง
ความเร็ว
ID = OD x TF
อัตราการสลายตัว :
n = 1 x 1n Ra
t 〕 Ra+t〕
การหาอัตรารังสี ณ เวลาใดๆ :
R1 + t = Ra (-n x t)
ปริมาณรังสีสะสมในพื้นที่เปื้อนพิษรังสีนิวตรอนเหนี่ยวนำ� :
t t
D = R1/n ((-n x in) – (-n x out))
เวลาออกจากพื้นที่เปื้อนพิษรังสีนิวตรอนเหนี่ยวนำ�ที่จะได้รับปริมาณรังสีสูงสุด :
Tout = -1/n* n ((-n*Te) - (n*DL)/R1))
เวลาเข้าพื้นที่เร็วที่สุด :
Te = -1/n* (DL/(R*n* (1-(-n*Ts))
ผนวก ถ
แบบฟอร์มรายงาน
แบบฟอร์มรายงานข่าวที่ใช้มีดังต่อไปนี้
แบบรายงานข้อมูลกัมมันตภาพรังสีการเฝ้าตรวจหรือการส�ำรวจเป็นจุด
แบบรายงานข้อมูลกัมมันตภาพรังสีการส�ำรวจตามเส้นทางหรือเป็นห้วงเส้นทาง
แบบรายงานข้อมูลเคมี/ชีวะหรือ ROTA การเฝ้าตรวจหรือการส�ำรวจ
แผ่นค�ำนวณข่าวสารทิศทางลม
แบบบันทึกสถานภาพการรับรังสีของหน่วย
แผ่นค�ำนวณการพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสี - การระเบิดที่ผิวพื้น
แบบรายงานข้อมูลเคมี/ชีวะ/การปล่อยกระจายสารที่ไม่ใช่การโจมตีทางทหาร
แบบรายงาน นชค.๑ รายงานขั้นต้นการโจมตี
แบบรายงาน นชค.๒ รายงานข้อมูลที่ได้รับการประเมิน
แบบรายงาน นชค.๓ การเตือนภัยทันทีเกี่ยวกับการเปื้อนพิษที่คาดว่าจะเกิด
แบบรายงาน นชค.๔ ผลการลาดตระเวน/เก็บตัวอย่าง/การเฝ้าตรวจ/การส�ำรวจ
แบบรายงาน นชค.๕ รายงานพื้นที่เปื้อนพิษจริง
แบบรายงาน นชค.๖ ข่าวสารอย่างละเอียดของการโจมตีด้วยอาวุธ คชรน./การ
ปล่อยกระจายสารที่ไม่ใช่การโจมตีทางทหาร
394 ภาคผนวก ถ
หมายเหตุ :
*ห้ามใช้ ส�ำหรับส่วน คชรน.เท่านั้น
ข้อมูลปัจจัยเปลี่ยนแปลงสัมพันธ์
ต�ำแหน่ง ล�ำดับ อัตรารังสี (cGyph) ต�ำแหน่ง ล�ำดับ อัตรารังสี (cGyph)
ที่อ่าน การอ่าน CF* ที่อ่าน การอ่าน CF*
ภายใน ภายนอก ภายใน ภายนอก
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 395
อัตรารังสี (cGyph)
อัตรารังสี (cGyph)
อัตรารังสี (cGyph)
ล�ำดับการอ่าน
ล�ำดับการอ่าน
ล�ำดับการอ่าน
ห้ามใช้**
ห้ามใช้**
ห้ามใช้**
เมื่อส�ำรวจทางพื้นดินให้รายงานเวลาที่จุดเริ่มต้นและจุด
สุดท้ายของแต่ละเส้นทางหรือแต่ละช่วงของเส้นทาง หาก
ส�ำรวจเส้นทางเป็นส่วน ๆ ให้ใช้ช่องเพียงหนึ่งแถวบันทึก
ข้อมูลของแต่ละส่วน
** ห้ามใช้ ส�ำหรับส่วน คชรน.เท่านั้น
ข้อมูลปัจจัยเปลี่ยนแปลงสัมพันธ์อากาศ/ยานพาหนะ
ความสูง (ฟุต) อัตรารังสี (cGyph)
ต�ำแหน่ง
ใช้ส�ำหรับทาง ภายใน ภายนอก CF**
ที่อ่าน
อากาศเท่านั้น อากาศ พื้นดิน
396 ภาคผนวก ถ
หมายเหตุ :
แผ่นค�ำนวณข่าวสารทิศทางลม
เวลาที่ท�ำการวัดลม (กลุ่มวัน-เวลา) D D t t t t ______________________
ข้อมูลและการค�ำนวณ
บรรทัด ขนาด ความสูง ความสูงของ ๒/๓ ของ (๑) ความเร็วลม – SSS (กม./ชม.) (๒) (๓)
ข่าวสาร อาวุธ ของยอดเมฆ ฐานเมฆ ความสูงของ ระยะทางของเส้น (1) x 1 = SSS อาซิมุทของ อาซิมุทของ ทิศทางลม – ddd มุมของพื้นที่
(กิโลตัน) (เมตร) (เมตร) ล�ำดอกเห็ด รัศมี (GZ/CB) เวลาฝนตก เส้นรัศมี (GZ/CT) เส้นรัศมี (GZ/2/3) (องศา) เตือนภัย
(เมตร) (กิโลเมตร) ปัดเศษจนเป็น กม./ชม. (องศา) ล�ำดอกเห็ด (องศา) ผลบวกของ
(2)+(3) = (2)+(3) = ddd1
A 2 49,000 2,600 1,700 ________ _____ X 1.136 = _____ ________ ________ ________
2
B 5 7,100 4,400 2,800 ________ _____ X 0.758 = _____ ________ ________ _____ = 2 = ____ ________
C 30 11,600 7,700 5,100 ________ _____ X 0.455 = ____ ________ ________ _____ = 2 = ____ ________
D 100 14,400 9,300 6,200 ________ _____ X 0.385 = ____ ________ ________ _____ = 2 = ____ ________
E 300 16,700 11,000 7,400 ________ _____ X 0.333 = _____ ________ ________ _____ = 2 = ____ ________
F 1,000 21,000 13,500 9,000 ________ _____ X 0.286 = ____ ________ ________ _____ = 2 = ____ ________
G 3,000 26,250 15,800 10,500 ________ _____ X 0.250 = _____ ________ ________ _____ = 2 = ____ ________
ข่าวสารทิศทางลม
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน.
ZULU DDtttt __ __ __ __ __ __ __
ALFA dddsss __ __ __ __ __ __ __ __ __
BRAVO dddsss __ __ __ __ __ __ __ __ __
CHARLIE dddsss __ __ __ __ __ __ __ __ __
DELTA dddsss __ __ __ __ __ __ __ __ __
ECHO dddsss __ __ __ __ __ __ __ __ __
FOXTROT dddsss __ __ __ __ __ __ __ __ __
GOLF dddsss __ __ __ __ __ __ __ __ __
ถ้าอาซิมุทของเส้นรัศมี GZ/มุมยอดเมฆ (๒) หรืออาซิมุทของเส้นรัศมี GZ/2/3 ของล�ำดอกเห็ด (๓) อยู่ในควอดแดรนท์ที่ ๑ (๐°-๙๐°) และอีกเส้นหนึ่งอยู่ในควอดแดรนท์ที่ ๔ (๒๗๐°-๓๖๐°) ผล
ของ (2)+(3) จะเป็นอาซิมุทกลับของทิศทางลม ในกรณีนี้จะหา ddd ได้ด้วยวิธีต่อไปนี้ ถ้าผลที่ได้มากกว่า 180° ให้ลบด้วย ๑๘๐°; ถ้าผลที่ได้น้อยกว่า ๑๘๐° ให้บวกด้วย ๑๘๐° แล้วกรอกค่าที่ได้ลงใน
(2)
ข่าวสารทิศทางลม
397
398 ภาคผนวก ถ
แบบบันทึกสถานภาพการรับรังสีของหน่วย
หน่วย : วันที่ :
การรับรังสี การรับรังสี ปริมาณรังสี
หน่วยรอง สถานภาพการรับรังสี
ครั้งก่อน ครั้งใหม่ ทั้งสิ้นที่ได้รับ
รวมขั้น
สถานภาพการรับรังสี
สถานภาพ จ�ำนวนหน่วยขึ้นตรง สถานภาพ
รวมของหน่วย๒
การรับรังสี การรับรังสี๑
ของหน่วย ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗
ผลบวกของจ�ำนวนสถานภาพการรับรังสี ขั้นสถานภาพการรับรังสี
RES-0 ๐ ๐-๑ ๐-๑ ๐-๒ ๐-๒ ๐-๓ RES-0 ๐= ไม่เคยได้รับรังสีมาก่อน
๑= รับรังสีมากกว่า 0 cGyph แต่
RES-1 ๑-๒ ๒-๔ ๒-๕ ๓-๗ ๓-๘ ๔-๑๐ RES-1 น้อยกว่าหรือเท่ากับ 70 cGyph
๒= รับรังสีมากกว่า 70 cGyph แต่
RES-2 ๓-๔ ๕-๗ ๖-๙ ๘-๑๒ ๙-๑๔ ๑๑-๑๗ RES-2 น้อยกว่าหรือเท่ากับ 125 cGyph
RES-3 ๕-๖ ๘-๙ ๑๐-๑๒ ๑๓-๑๕ ๑๕-๑๘ ๑๘-๒๑ RES-3 ๓= รับรังสีมากกว่า 125 cGyph
หมายเหตุ :
๑
การหาค่าในช่องรวมขั้นสถานภาพการรับรังสี ท�ำได้โดยการน�ำตัวเลขในช่องสถานภาพการรับรังสี
(๐, ๑, ๒, ๓ ของแต่ละหน่วยขึ้นตรง) มารวมกัน
๒
การหาสถานภาพการรับรังสีรวมของหน่วย ท�ำได้โดยนับจ�ำนวนหน่วยขึ้นตรงทั้งหมด แล้วดูตารางด้าน
ล่างตรงช่องจ�ำนวนหน่วยขึ้นตรง เลือกค่าจ�ำนวนหน่วยขึ้นตรงให้ตรงกับค่าที่นับไว้ ดูค่าผลบวกของ
จ�ำนวนสถานภาพการรับรังสีในช่วงเดียวกันเรื่อยลงมาทางด้านล่างจนตรงกับค่ารวมขั้นสถานภาพการรับ
รังสีที่ท�ำไว้ในหมายเหตุ ๑ จากนั้นจึงอ่านค่าสถานภาพการรับรังสีของหน่วยตามแนวขวางทางซ้ายมือหรือ
ขวามือ
ตัวอย่าง : หน่วยหน่วยหนึง่ มีหน่วยขึน้ ตรง ๕ หน่วย โดยรวมขัน้ สถานภาพการรับรังสีได้ ๑๑ ดูคา่ ๕ ของตาราง
หน่วยขึ้นตรงแล้วหาค่า “๑๑” ในช่องแนวตั้งของช่อง ในแนวตั้งช่องเดียวกัน ค่า “๑๑” จะอยู่ในช่วง “๘-๑๒”
อ่านสถานภาพการรับรังสีทางซ้ายมือหรือขวามือจะได้ค่าสถานภาพการรับรังสีรวมของหน่วยเป็น RES-2
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 399
แผ่นค�ำนวณการพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสี – การระเบิดที่ผิวพื้น
หมายเหตุ : ท�ำแผ่นค�ำนวณให้สมบูรณ์เพื่อให้ได้ข้อมูลส�ำหรับรายงาน นชค.๓ นิวเคลียร์ ให้ขีดฆ่าหน่วยวัดที่ไม่ใช้ในช่องขวาสุดออก
A. วันเวลาของการระเบิด (กลุ่มเลขวัน-เวลา) (จากรายงาน นชค.๒ นิวเคลียร์) ------------- DELTA (DD TTTTZ MMM YYYY)
(เวลาท้องถิ่น หรือซูลู)
(FOXTROT (YY ZZZZZZ)
B. พิกัดของ GZ (จากรายงาน นชค.นิวเคลียร์) ------------- (จริงหรือโดยประมาณ)
อัตราส่วน FY/TY (จากการวิเคราะห์เป้าหมายส�ำหรับการเตือนภัยการโจมตีเท่านั้น)
C. (ถ้าทราบให้ใส่ # ถ้าไม่ทราบหรือเป็นการโจมตีของข้าศึกให้ใส่ ๑) -------------
ความสูงของการระเบิด (จากการวิเคราะห์เป้าหมายส�ำหรับการเตือนภัยการโจมตีเท่านั้น)
D. (ถ้าทราบให้ใส่ # ถ้าไม่ทราบหรือเป็นการโจมตีของข้าศึกให้ใส่ 0) ------------- เมตร
E. ขนาดอาวุธ (จากรายงาน นชค.๒ นิวเคลียร์) ------------- กิโลตันหรือเมกะตัน
F. ความสูงของยอดเมฆ (ใช้ภาพ ช-๒๑) ------------- ๑๐๓ เมตรหรือฟุต
G. ความสูงของเมฆ (ใช้ภาพ ช-๒๑) ------------- ๑๐๓ เมตรหรือฟุต
H. ๒/๓ ของล�ำดอกเห็ด (ใช้ภาพ ช-๒๑) ------------- ๑๐๓ เมตรหรือฟุต
I. รัศมีเมฆ (ใช้ภาพ ช-๒๑) ------------- PAPAB - rr (กม.)
(ปัดเศษเป็นจ�ำนวนเต็ม)
J. เวลาฝุ่นตกจากฐานเมฆ (ใช้ภาพ ช-๒๑) ------------- ชั่วโมง
(ปัดเศษเป็นจ�ำนวนเต็ม)
หมายเหตุ : ลงค่า F, G และ H ลงบนภาพเขียนทิศทางลมปัจจุบัน วัดระยะทางจาก GZ ถึงความสูงของฐานเมฆ
K. ความยาวของเส้นรัศมีจาก GZ ถึงความสูงของฐานเมฆ ------------- กม.
ความเร็วลม (จากรายงาน นชค.๒ นิวเคลียร์)
L. K = ------------- PAPAB – SSS (กม./ชม.)
J (ปัดเศษเป็นจ�ำนวนเต็ม)
M. ระยะทางใต้ลมเขต I (ใช้ภาพ ช-๒๒ กับค่าจากบรรทัด E และ L) ------------- PAPAB - xxx (กม.)
(ปัดเศษเป็นจ�ำนวนเต็ม)
N. การค�ำนวณเพื่อปรับระยะทางใต้ลมเขต I
ปัจจัย FY/TY (C) x ความสูงของการระเบิด (D) = -------------
ใช้ภาพ ช-๒๓ ใช้ภาพ ช-๒๔
(ถ้าไม่ทราบหรือเป็นการโจมตีของข้าศึกให้ใช้ค่า ๑ และ ๑)
O. ระยะทางใต้ลมเขต I ------------- PAPAB - xxx (กม.)
(ปัดเศษเป็นจ�ำนวนเต็ม)
หมายเหตุ : ต้องมั่นใจว่ามุมระหว่างเส้นรัศมีซ้ายและขวามีค่า ≥๔๐° ถ้าไม่เท่าให้น�ำค่ามุมทั้งสองมาบวกกันแล้วหารด้วย ๒
และให้บวกแต่ละมุมด้วย ๒๐° จะได้เส้นรัศมีใหม่ แล้วเติมค่ามุมอาซิมุทใหม่ลงในช่องข้างล่าง
P. มุมอาซิมุทของเส้นรัศมีซ้าย ------------- PAPAB-dddd
(มิลเลียมหรือองศา)
Q. มุมอาซิมุทของเส้นรัศมีขวา ------------- PAPAB-cccc
(มิลเลียมหรือองศา)
R. รายงาน นชค.๓ นิวเคลียร์
ALFA (AAA) ------------- (เลขล�ำดับการโจมตี)
DELTA (DD TTTTZ MMM YYYY) ------------- (เวลาท้องถิ่นหรือซูลู)
FOXTROT (YY ZZZZZZ) ------------- (จริงหรือโดยประมาณ)
(sss xxx rr)* ------------- (มุมอาซิมุทของเส้นรัศมี -
PAPAB (dddd cccc) ** ------------- (มิลเลียมหรือองศา)
* sss - ความเร็วลม (กม./ชม.) * xxx - ระยะทางใต้ลมเขต I (กม.)
* rr - รัศมีเมฆ (กม.) ** dddd – เส้นรัศมีซ้าย ** cccc - เส้นรัศมีขวา
วันที่ หน้าที่ ในจ�ำนวนหน้า
400
แบบรายงานข้อมูลเก็บตัวอย่าง คชรน./สารพิษอุตสาหกรรม
****หมายเลขตัวอย่างสาร
****หมายเลขตัวอย่างสาร
****หมายเลขตัวอย่างสาร
****หมายเลขตัวอย่างสาร
****หมายเลขตัวอย่างสาร
ภาคผนวก ถ
ค�ำอธิบาย : เส้นทาง ข้อมูลอุตุนิยมวิทยา ข้อมูลปัจจัยเปลี่ยนแปลงสัมพันธ์
*เวลาขณะตรวจสอบ ความเร็วลม (ไมล์/ชม.) อัตรารังสีภายใน อัตรารังสีภายนอก
**ถ้าเป็นสารชีวะให้ก�ำหนดการตรวจ :
- โดยระบุชนิดสารที่ตรวจหา : ระยะทาง (กม.) ทิศทางลม (องศา) เครื่องส่ง
(T/C/S/B/N)
- ระดับความเชื่อมั่น:
(0/1/2/3/4/5/6/7/8/9/10 ) อุณหภูมิ (เซลเซียส)
ถ้าเป็นการตรวจวัดกัมมันตรังสีให้ใส่ค่าอัตรารังสี (cGyph) ความเร็ว (กม./ชม.) ค�ำบรรยายลักษณะภูมิประเทศ
***ถ้าเป็นสารชีวะให้ก�ำหนดการพิสูจน์ทราบโดยระบุ หรือช่วงเวลาที่ใช้
- รหัสสาร ความชื้น (%)
****ถ้ามีการรวบรวมตัวอย่าง :
- ใส่หมายเลขตัวอย่างสาร
- ใส่รายละเอียดของตัวอย่างสาร (ของเหลว, ของแข็ง, ก๊าซ)
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน.
หมายเหตุ :
401
402 ภาคผนวก ถ
บรรทัดรหัสอักษรในระบบการเตือนภัยและรายงาน คชรน.
บรรทัด ความหมาย
ALFA เลขล�ำดับการโจมตี
BRAVO ที่อยู่ของผู้สังเกตการณ์และทิศทางของการโจมตีหรือการระเบิดของอาวุธ
CHARLIE วันเวลาของรายงานหรือการสังเกตการณ์และการระเบิดของอาวุธสิ้นสุดลง
DELTA วันเวลาการโจมตีหรือการระเบิดและการโจมตีสิ้นสุดลง
FOXTROT ต�ำบลที่ถูกโจมตีหรือเกิดการระเบิดของอาวุธ
GOLF ประเภทของเครื่องส่งและปริมาณอาวุธนิวเคลียร์ที่ระเบิด
HOTEL ประเภทการระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์
INDIA ข่าวสารการโจมตีของสารเคมีชีวะหรือเหตุการณ์ ROTA
JULIET เวลาเห็นแสงวาบ - ได้ยินเสียง (เป็นวินาที)
KILO ลักษณะหลุมระเบิด
LIMA ความกว้างของเมฆนิวเคลียร์ วัดเมื่อ H+5 นาที
MIKE เมฆนิวเคลียร์ที่เสถียร วัดเมื่อ H+10 นาที
MIKER ค�ำอธิบายและสถานะของเหตุการณ์ ROTA
NOVEMBER ขนาดอาวุธนิวเคลียร์โดยประมาณ (กิโลตัน)
OSCAR วันเวลาอ้างอิงของเส้นชั้นรังสีที่ประมาณไว้
PAPAA พื้นที่โจมตี/สารรั่วไหลและพื้นที่อันตรายที่ได้พยากรณ์
PAPAB ตัวแปรในการพยากรณ์อันตรายจากฝุ่นกัมมันตรังสีอย่างละเอียด
PAPAC พิกัดต่าง ๆ ของเส้นขอบนอกของเมฆกัมมันตรังสีที่ได้จากการวัดด้วยเรดาร์
PAPAD ทิศทางตามลมของเมฆกัมมันตรังสีที่ได้จากการวัดด้วยเรดาร์
PAPAX พื้นที่อันตรายที่สอดคล้องกับห้วงเวลาตามสภาพอากาศ
QUEBEC ต�ำบลที่อ่านค่า, การเก็บตัวอย่างและการตรวจหาสาร
ROMEO ระดับการเปื้อนพิษ แนวโน้มอัตราความเข้มข้นและแนวโน้มอัตราการเสื่อมสลาย
SIERRA วันเวลาที่อ่านค่าเครื่องวัดหรือเริ่มต้นตรวจหาการเปื้อนพิษ
TANGO ค�ำบรรยายลักษณะภูมิประเทศและรายละเอียดพืชพันธุ์
WHISKEY ข้อมูลเครื่องตรวจจับสัญญาณ
XRAYA ข่าวสารเส้นขอบเขตที่เกิดขึ้นจริง
XRAYB ข่าวสารเส้นขอบเขตจากการพยากรณ์
YANKEE ทิศทางตามลมและความเร็วตามลม
ZULU สภาพอากาศที่เกิดขึ้นจริง
GENTEXT ค�ำบรรยาย
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 403
แบบรายงาน นชค.๑
รายงาน นชค.๑ นิวเคลียร์
จาก : ถึง :
ล�ำดับความเร่งด่วน : ชั้นความลับ :
วันเวลาส่ง : ประเภทรายงาน : เริ่มต้น ติดตามผล
บรรทัด ความหมาย ข้อก�ำหนด * รายละเอียด
BRAVO ต�ำบลที่อยู่ของผู้สังเกตการณ์และทิศทางของ M
การโจมตีหรือการระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์
DELTA วันเวลาของการโจมตีหรือการระเบิดและ M
การโจมตีสิ้นสุดลง
FOXTROT ต�ำบลที่ถูกโจมตีหรือเกิดการระเบิด O
GOLF วิธีการส่งและจ�ำนวนอาวุธนิวเคลียร์ที่ระเบิด M
HOTEL ประเภทการระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์ M
JULIET เวลาแสง-ถึง-เสียงเป็นวินาที O
LIMA ความกว้างของเมฆนิวเคลียร์ระเบิด O
วัดเมื่อ H+5 นาที
MIKE เมฆนิวเคลียร์ที่เสถียรวัดเมื่อ H+10 นาที O
PAPAC พิกัดต่าง ๆ ของเส้นขอบนอกของเมฆ O
กัมมันตรังสีที่ได้จากการวัดด้วยเรดาร์
PAPAD ทิศทางตามลมของเมฆกัมมันตรังสีที่ได้ O
จากการวัดด้วยเรดาร์
YANKEE ทิศทางตามลมและความเร็วลม O
ZULU สภาพอากาศที่เป็นจริง O
GENTEXT ค�ำบรรยาย O
* ช่องข้อก�ำหนดจะระบุว่าแต่ละบรรทัดนั้นให้ระบุเฉพาะค่าที่วัดได้ (O) หรือจะต้องระบุเสมอ (M)
404 ภาคผนวก ถ
แบบรายงาน นชค.๒
รายงาน นชค.๒ นิวเคลียร์
จาก : ถึง :
ล�ำดับความเร่งด่วน : ชั้นความลับ :
วันเวลาส่ง : ประเภทรายงาน : เริ่มต้น ติดตามผล
บรรทัด ความหมาย ข้อก�ำหนด * รายละเอียด
ALFA เลขล�ำดับการโจมตี M
DELTA วันเวลาของการโจมตีหรือการระเบิดและการโจมตีสิ้นสุดลง M
FOXTROT ต�ำบลที่ถูกโจมตีหรือเกิดการระเบิด M
GOLF วิธีการส่งและจ�ำนวนอาวุธนิวเคลียร์ที่ระเบิด M
HOTEL ประเภทการระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์ M
ขนาดอาวุธนิวเคลียร์โดยประมาณหน่วยเป็นกิโลตันหรือ
NOVEMBER O
เมกะตัน
YANKEE ทิศทางและความเร็วลม O
ZULU สภาพอากาศตามจริง O
GENTEXT ค�ำบรรยาย O
* ช่องข้อก�ำหนดจะระบุว่าแต่ละบรรทัดนั้น ระบุเฉพาะค่าที่วัดได้ (O) หรือจะต้องระบุเสมอ (M)
แบบรายงาน นชค.๓
แบบรายงาน นชค.๔
รายงาน นชค.๔ นิวเคลียร์
จาก : ถึง :
ล�ำดับความเร่งด่วน : ชั้นความลับ :
วันเวลาส่ง : ประเภทรายงาน : เริ่มต้น ติดตามผล
บรรทัด ความหมาย ข้อก�ำหนด * รายละเอียด
ALFA เลขล�ำดับการโจมตี O
KILO รายละเอียดของหลุมระเบิด O
QUEBEC ต�ำแหน่งทีอ่ า่ นค่าอัตรารังสี/เก็บตัวอย่าง/ตรวจสอบ M
และประเภทของตัวอย่าง/การตรวจสอบ
ROMEO ระดับการเปื้อนรังสี แนวโน้มของอัตรารังสีและ M
แนวโน้มของอัตราการสลายตัว
SIERRA วันเวลาที่อ่านค่าอัตรารังสีหรือเริ่มตรวจหาการ M
ปนเปื้อนรังสี
WHISKEY ข่าวสารจากเครื่องรับสัญญาณเซนเซอร์ O
YANKEE ทิศทางใต้ลมและความเร็วลม M
ZULU สภาพอากาศตามจริง O
GENTEXT ค�ำบรรยาย O
* ช่องข้อก�ำหนดจะระบุว่าแต่ละบรรทัดนั้นระบุเฉพาะค่าที่วัดได้ (O) หรือจะต้องระบุเสมอ (M)
แบบรายงาน นชค.๕
รายงาน นชค.๕ นิวเคลียร์
จาก : ถึง :
ล�ำดับความเร่งด่วน : ชั้นความลับ :
วันเวลาส่ง : ประเภทรายงาน : เริ่มต้น ติดตามผล
บรรทัด ความหมาย ข้อก�ำหนด* รายละเอียด
ALFA เลขล�ำดับการโจมตี O
DELTA วันเวลาของการโจมตีหรือการระเบิดและ O
การโจมตีสิ้นสุดลง
OSCAR วันเวลาอ้างอิงของเส้นชั้นรังสีที่ประมาณไว้ M
XRAYA* ข้อมูลเส้นชั้นรังสีจริง M
XRAYB* ข้อมูลเส้นชั้นรังสีที่พยากรณ์ไว้ O
YANKEE ทิศทางใต้ลมและความเร็วลม O
ZULU สภาพอากาศตามจริง O
GENTEXT ค�ำบรรยาย O
* ช่องข้อก�ำหนดจะระบุว่า แต่ละบรรทัดนั้นระบุเฉพาะค่าที่วัดได้ (O) หรือจะต้องระบุเสมอ (M)
412 ภาคผนวก ถ
แบบรายงาน นชค.๖
B
BD buffer distance ระยะกันชน
BDA battle damage assessment การประเมินความเสียหายจากการรบ
BDM basic downwind message ข่าวสารใต้ลมพื้นฐาน
416 อภิธานศัพท์
C
C2 command and control การบังคับบัญชาและการควบคุม
C4I command, control, communications, computers, and intelligence
การบังคับบัญชา, การควบคุม, การติดต่อสื่อสาร, คอมพิวเตอร์และการข่าวกรอง
CA civil affairs กิจการพลเรือน
CAM chemical-agent monitor เครื่องตรวจหาสารเคมี
CBRNWRS Chemical, Biological, Radiological, and Nuclear Warning and
Reporting System ระบบการเตือนภัยและรายงาน คชรน.
CCA contamination control area พื้นที่ควบคุมการเปื้อนพิษ
cccc right radial มุมอาซิมุทของเส้นรัศมีขวา
CCIR commander’s critical information requirement ความต้องการข้อมูลวิกฤติ
ของผู้บังคับบัญชา
CDF chemical downwind forecast พยากรณ์อากาศอันตรายตามลมจากสารเคมี
CDM chemical downwind message ข่าวสารอากาศอันตรายตามลมจากสารเคมี
CDR chemical downwind report รายงานพยากรณ์อากาศอันตรายตามลมจากสารเคมี
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 417
D
D total dose in centigrays ปริมาณรังสีทั้งสิ้นที่ได้รับมีหน่วยเป็นเซนติเกรย์
DA total downwind distance, in kilometers ระยะทางใต้ลมทั้งสิ้นมีหน่วยเป็น
กิโลเมตร
DD day วันที่
ddd effective downward direction ทิศทางลม
dddd left radial เส้นเรเดียลซ้าย
DE extended distance, in kilometers, traveled within the third nuclear,
biological, and chemical downwind report 2 - hour period ระยะทางที่
ขยาย เพิม่ ขึน้ ภายในช่วงที่ ๓ ของรายงานอันตรายตามลม นชค.ห้วง ๒ ชม. หน่วย
เป็น กม.
deton detonation การระเบิด
DGG degrees/grid north องศา/เหนือกริด
DGM degrees/magnetic north องศา/เหนือแม่เหล็ก
DGT degrees/true north องศา/เหนือจริง
DGZ designated ground zero ศูนย์กลางการระเบิดที่ระบุไว้
DHD downwind hazard distance ระยะทางอันตรายตามลม
DKIE decontaminating kit, individual equipment ชุดท�ำลายล้างพิษ, ยุทธภัณฑ์
ประจ�ำกาย
DL limiting dose ปริมาณรังสีที่จ�ำกัดให้รับได้
DMS Defense message system ระบบข่าวสารการป้องกัน
DOD Department of Defense กระทรวงกลาโหม
DP di-phosgene สารไดฟอสจีน
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 419
E
ECP entry control point จุดควบคุมทางเข้า
EDF effective downwind forecast การพยากรณ์ทิศทางลม
EDM effective downwind message ข่าวสารทิศทางลม
EDR effective downwind report รายงานทิศทางลม
EMP electromagnetic pulse พลัสแม่เหล็กไฟฟ้า
EOC emergency operations center ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน
EOD explosive ordnance disposal ชุดถอดท�ำลายอมภัณฑ์ (ทร.), หน่วยท�ำลายวัตถุ
ระเบิด (ทบ.)
EPW enemy prisoner of war เชลยศึกที่ฝ่ายเราจับได้
ERG Emergency Response Guidebook หนังสือแนะแนวทางการตอบสนองเหตุ
ฉุกเฉิน
EWO electronic warfare officer นายทหารสงครามอิเล็กทรอนิกส์
EWS effective wind speed ความเร็วลม
F
FF fresh reactor fuel เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ของเตาปฏิกรณ์ปรมาณูแท่งใหม่
FFR for future reference ส�ำหรับอ้างอิงในอนาคต
FIDLER field instrument for detection of low - energy radiation เครื่องวัดรังสี
ภาคสนามส�ำหรับวัดรังสีพลังงานต�่ำ
FL nuclear weapon fallout ฝุ่นกัมมันตรังสีจากอาวุธนิวเคลียร์
FM field manual คู่มือราชการสนาม
FP force protection การป้องกันก�ำลังรบ
FPCON force protection condition สภาวะการป้องกันก�ำลังรบ
420 อภิธานศัพท์
G
G G agent สารจี (สารประสาท)
GA tabun (nerve agent) สารทาบูน (สารประสาท)
GAM Gamma รังสีแกมมา
GB sarin (nerve agent) สารซาริน (สารประสาท)
GD soman (nerve agent) สารโซมาน (สารประสาท)
GEN generator (aerosol) เครื่องก�ำเนิด (แอโรซอล, ละออง)
GENTEXT general text ค�ำบรรยาย
GF cyclosarin (nerve agent) สารไซโคลซาริน (สารประสาท)
GM Geiger-Mueller counter เครื่องวัดรังสีชนิดไกเกอร์-มูลเลอร์
GMT Greenwich mean time เวลามาตรฐานกรีนิช เวลาซูลู
GN grid north ทิศเหนือกริด
GY gray เกรย์
GZ ground zero ศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้น
H
H mustard agent สารมัสตาร์ด
ha hectares หมื่นตารางเมตร
HAZMAT hazardous materials วัตถุอันตราย
HD distilled mustard (blister agent) สารมัสตาร์ดกลืน (สารพุพอง)
HL mustard (lewisite) สารมัสตาร์ด (ลิวิไซท์)
hm hectometer (s) เฮกโตเมตร (๑๐๒ เมตร)
HN host nation; nitrogen mustard (blister agent) (HN - 1, HN - 2, HN - 3)
ชาติเจ้าภาพ; สารไนโตรเจนมัสตาร์ด (สารพุพอง) (HN - 1, HN - 2, HN - 3)
HOB height of burst ความสูงของการระเบิด
HQ headquarters กองบัญชาการ, กองบังคับการ
HT mustard-T mixture สารผสมมัสตาร์ด-ที
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 421
I
ICAM improved chemical - agent monitor เครื่องมือตรวจสอบสารพิษสนาม
ICS incident command system ระบบบัญชาการเหตุการณ์
ICTXX incapacitating dosage xx ปริมาณสารที่ท�ำให้ไร้สมรรถภาพ
ID inside shielded dose rate อัตรารังสีภายในเครื่องกั้นรังสี
IDXX incapacitating dose xx ปริมาณสารที่ได้รับต่อครั้งที่ท�ำให้ไร้สมรรถภาพ
IED improvised explosive device; initial explosive device วัตถุระเบิดแสวง
เครื่อง, วัตถุระเบิดตั้งต้น
IIR intelligence information report รายงานข่าวสารข่าวกรอง
IM information management การจัดการข่าวสาร
INCP incapacitating agent สารไร้สมรรถภาพ
INSUM intelligence summary สรุปข่าวกรอง
IO iodine ไอโอดีน
IPB intelligence preparation of the battlespace การเตรียมสนามรบด้านการ
ข่าว
IPE individual protective equipment ยุทธภัณฑ์ป้องกันประจ�ำกาย
IR intelligence requirement ความต้องการข่าวกรอง
IRT initial response team; irritant ชุดตอบสนองเริ่มแรก; สารระคายเคือง
ISR intelligence, surveillance, and reconnaissance ข่าวกรอง, การเฝ้าตรวจ,
การลาดตระเวน
J
JF joint force ก�ำลังรบร่วม
JFC joint force commander ผู้บังคับก�ำลังรบร่วม
JIPB joint intelligence preparation of the battlespace การเตรียมข่าวกรองร่วม
ส�ำหรับวางแผนการรบ
JOC joint operations center ศูนย์ปฏิบัติการร่วม, ศูนย์ยุทธการร่วม
JTF joint task force หน่วยเฉพาะกิจร่วม
JWARN joint warning and reporting network เครือข่ายการเตือนภัยและการรายงานร่วม
422 อภิธานศัพท์
K
kph kilometers per hour กิโลเมตรต่อชั่วโมง
KT kiloton (s) กิโลตัน
kt knots นอต
L
L lewisite (blister agent) สารลิวิไซท์ (สารพุพอง)
LAT latitude ละติจูด
LCTXX lethal dosage xx ปริมาณสารที่ท�ำให้เสียชีวิต
LDXX lethal dose xx ปริมาณสารที่ได้รับต่อครั้งที่ท�ำให้เสียชีวิต
LI latent ineffectiveness สภาวะแฝงของการด้อยสมรรถภาพของก�ำลังพล
LLR low-level radiation กัมมันตรังสีระดับต�่ำ
LNO liaison officer นายทหารติดต่อ
LOC line of communications เส้นทางคมนาคม
LONG longitude ลองจิจูด
LSD least separation distance ระยะทางแยกห่างน้อยที่สุด
M
M mandatory; mega จะต้องระบุเสมอ, มอบหมายให้ท�ำ; เมกะ (๑๐๖)
MADCP mortuary affairs decontamination collection point
จุดรวบรวมการท�ำลายล้างพิษศพ
MANSCEN Maneuver Support Center ศูนย์สนับสนุนการด�ำเนินกลยุทธ์
mcg microgram (s) ไมโครกรัม (๑๐-๖ กรัม)
MCTXX eye-effecting dosage xx (miosis) ขนาด xx ทีม่ ผี ลต่อนัยน์ตา (ไมโอซีส-รูมา่ นตา
หรี่เล็กผิดปกติ)
MEDSURV medical surveillance การเฝ้าตรวจทางการแพทย์
MERCOMMS merchant ship communications system ระบบการติดต่อสื่อสารของเรือ
พาณิชย์
MERWARN Merchant Warning system ระบบการเตือนภัยฝุ่นกัมมันตรังสีส�ำหรับเรือ
พาณิชย์ในทะเล
MET meteorological เกี่ยวกับการพยากรณ์อากาศ
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 423
METT - T mission, enemy, terrain and weather, troops and support available -
time available ภารกิจ, ข้าศึก, ภูมิประเทศและสภาพอากาศ, ก�ำลังฝ่ายเราและ
การสนับสนุนและเวลาที่มีอยู่
METT - TC mission, enemy, terrain and weather, troops available and support
available, time available, and civil consideration
ภารกิจ, ข้าศึก, ภูมิประเทศและสภาพอากาศ, ก�ำลังและการสนับสนุนฝ่ายเรา,
เวลาที่มีอยู่และข้อพิจารณาเกี่ยวกับพลเรือน
MeV million electron volts ล้านอิเล็กตรอนโวลต์
MF multiplication factor ปัจจัยตัวคูณ
mg - min - m3 milligrams per minute, cubed มิลลิกรัมต่อนาทีต่อลูกบาศก์เมตร
mgy milligray (s) มิลลิเกรย์
mL milliliter (s) มิลลิลิตร
Mi micro ไมโคร, ๑๐-๖
MLG mils/grid north มิลเลียม/เหนือกริด
MLM mils/magnetic north มิลเลียม/เหนือแม่เหล็ก
MLR multiple launch rocket จรวดหลายล�ำกล้อง
MLRS Multiple Launch Rocket System ระบบอาวุธจรวดหลายล�ำกล้อง
MLT mils/true nort มิลเลียม/เหนือจริง
mm millimeter (s) มิลลิเมตร
MMM month (s) เดือน
MNE mine (nuclear, biological, and/or chemical - filled only) กับระเบิด
(ที่บรรจุเฉพาะวัสดุนิวเคลียร์, ชีวะและ/หรือเคมีเท่านั้น)
MOA memorandum of agreement บันทึกข้อตกลง
MOB main operations base ฐานปฏิบัติการหลัก
mon month (s) เดือน
MOOTW military operations other than war การปฏิบัติการทางทหารที่ไม่ใช่การท�ำ
สงคราม
MOPP mission - oriented protective posture ลักษณะป้องกันตามภารกิจบังคับ
MOR mortar เครื่องยิงลูกระเบิด
MOU memorandum of understanding บันทึกความเข้าใจ
424 อภิธานศัพท์
N
n nano; decay rate; number of half - thicknesses contained in the total
thickness of shielding material นาโน (๑๐-๙), อัตราการสลายตัว, จ�ำนวนของค่า
ความหนาครึ่งที่มีอยู่ในความหนาทั้งหมดของวัตถุกั้นรังสี
NA North American; not applicable อเมริกาเหนือ; ไม่มีข้อมูล
NAI named area of interest พื้นที่สนใจที่ก�ำหนด, จุดสนใจ
NATO North Atlantic Treaty Organization องค์การสนธิสัญญาป้องกัน
แอตแลนติกเหนือ (นาโต)
NBC nuclear, biological, and chemical นิวเคลียร์, ชีวะและเคมี
NBCC nuclear, biological, chemical, and conventional นิวเคลียร์, ชีวะ, เคมีและ
(อาวุธ) ตามแบบ
NBC-IST nuclear, biological, and chemical installation support team
ชุดสนับสนุนการติดตั้งยุทโธปกรณ์ป้องกันทาง นชค.
NBCRS Nuclear, Biological, and Chemical Reconnaissance System
ระบบการลาดตระเวนทาง นชค.
NBCWRS Nuclear, Biological, and Chemical Warning and Reporting System
ระบบการเตือนภัยและรายงาน นชค.
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 425
O
O operationally determined ระบุเฉพาะค่าที่วัดได้
OCF overall correlation factor ปัจจัยแก้ค่ารวม
OD outside unshielded dose rate อัตรารังสีภายนอกเครื่องกั้นรังสี
OEG operational exposure guide เกณฑ์การรับรังสี
OF spent reactor fuel เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ของเครื่องปฏิกรณ์ที่ใช้แล้ว
OIC officer in charge นายทหารสัญญาบัตรผู้รับผิดชอบ
OOTW operations other than war การปฏิบัติการใด ๆ ที่ไม่ใช่การรบ
OPCEN operations center ศูนย์ปฏิบัติการ
OPCON operational control ควบคุมทางยุทธการ
OPLAN operation Plan แผนยุทธการ
426 อภิธานศัพท์
P
p pico พิโก, (10-๑๒)
PEAK peak สูงสุด
PENT penetrating agent สารที่มีคุณสมบัติในการซึมผ่านสูง
PF protection factor ปัจจัยป้องกัน
PIR priority intelligence requirements ความเร่งด่วนของการต้องการข่าวกรอง
PM post meridiem หลังเที่ยง
PMCS preventive-maintenance checks and services การตรวจสอบและการบริการ
ทางการปรนนิบัติบ�ำรุง
POC point of contact จุดประสานงาน
POL petroleum, oil, and lubricants น�้ำมันทุกชนิด (น�้ำมันเชื้อเพลิง, น�้ำมันเครื่อง,
น�้ำมันหล่อลื่น)
ppb parts per billion ส่วนในล้านล้านส่วน
PPE personal protective equipment ยุทธภัณฑ์ป้องกันส่วนบุคคล
ppm parts per million ส่วนในล้านส่วน
psi pounds per square inch ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
PSYOP psychological operations การปฏิบัติการจิตวิทยา
PU plutonium พลูโทเนียม
PVNTMED preventive medicine เวชกรรมป้องกัน
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 427
R
R shielded dose rate อัตรารังสีเมื่อมีเครื่องกั้นรังสี
R&S reconnaissance and surveillance การลาดตระเวนและการเฝ้าตรวจ
Ra peak reading ค่าอัตรารังสีสูงสุด
RAI radioactive iodine ไอโอดีนกัมมันตรังสี
Rb last reading อัตรารังสีค่าสุดท้าย
RB biological release other than attack การปล่อยกระจายสารชีวะที่ไม่ใช่การ
โจมตี
RC chemical release other than attack การปล่อยกระจายสารเคมีที่ไม่ใช่การ
โจมตี
RCA riot control agent สารควบคุมการจลาจล
RCT reactor เครื่องปฏิกรณ์
RDD radiological dispersal device อุปกรณ์แพร่กระจายสารรังสี
RES radiation exposure status สถานภาพการรับรังสี
RFI request for information การร้องขอข่าวสาร
RIC rickettsiae ริกเก็ตเซีย
RKT rocket จรวด
RM risk management การจัดการความเสี่ยง
RN nuclear release other than attack
การปล่อยกระจายวัสดุนิวเคลียร์ที่ไม่ใช่การโจมตี
Ro unshielded dose rate อัตรารังสีเมื่อไม่มีเครื่องกั้นรังสี
ROE rules of engagement กฎการรบปะทะ
ROTA release other than attack การปล่อยกระจายของสาร คชรน.หรือสารพิษทาง
อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เกิดจากการโจมตีทางทหาร
rr radius รัศมี
RS radius of safety รัศมีของความปลอดภัย
RSCAAL remote - sensing, chemical - agent alarm
การตรวจจับสารเคมีระยะไกลด้วยเครื่องเตือนภัยสารเคมี
RU unidentified release other than attack
การปล่อยกระจายสารไม่ทราบชนิดที่ไม่ใช่การโจมตี
RV radius of vulnerability รัศมีของความล่อแหลม
428 อภิธานศัพท์
S
S stable คงตัว
SA situational awareness สถานการณ์เฝ้าระวัง
SALUTE size, activity, location, unit, time and equipment
ขนาดก�ำลัง, กิจกรรม, ต�ำแหน่ง, ชื่อหน่วย, เวลาและยุทธภัณฑ์
SHL shell กระสุนปืนใหญ่
SIC signal indicator code รหัสบ่งสัญญาณ
SIP shelter in place ที่หลบภัยป้องกันที่อยู่ภายในอาคาร
SIR special information requirement ความต้องการข่าวสารพิเศษ
SITREP situation report รายงานสถานการณ์
SM statute mile(s) ไมล์ (บก)
SME subject matter expert ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาวิชา
SML less than 200 liters or 200 kilograms น้อยกว่า 200 ลิตรหรือ 200 กิโลกรัม
SOF special operations forces ก�ำลังปฏิบัติการพิเศษ, ก�ำลังหน่วยรบพิเศษ
SOP standard operating procedure ระเบียบปฏิบัติประจ�ำ
SSM surface-to-surface missile อาวุธน�ำวิถี/ขีปนาวุธผิวพื้นสู่ผิวพื้น
SSN strike serial number เลขล�ำดับการโจมตี
sss effective wind speed ความเร็วลม
STANAG standardization agreement ข้อตกลงมาตรฐาน
STB super tropical bleach ผงฟอกขาว
STRIKWARN strike warning การเตือนภัยการโจมตี
STU-III secure telephone โทรศัพท์ที่มีระบบป้องกัน (การดักฟัง)
Sv sievert ซีเวิร์ต
SWO staff weather officer นายทหารอุตุนิยม
SYSCON systems control การควบคุมระบบ
T
T1 time after H hour at which peak reading was made
เวลาภายหลังเวลาที่อาวุธนิวเคลียร์ระเบิดที่วัดอัตรารังสีค่าสูง
Ta time of peak reading เวลาที่วัดค่าอัตรารังสีได้สูงที่สุด
TA target acquisition การค้นหาเป้าหมาย
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 429
U
U unstable ไม่คงตัว
UIC unit identification code รหัสระบุหน่วย
UJTL Universal Joint Task List บัญชีกิจกรรมร่วมสากล
UMPDS unmanned point detection system ระบบตรวจสอบเป็นจุดแบบไร้คนควบคุม
430 อภิธานศัพท์
V
V V agent สารประสาทวี
VA vulnerability assessment การประเมินความล่อแหลม
VB vapor barrier สิ่งขวางกั้นไอ
VCF vehicle correlation factor ปัจจัยเปลี่ยนแปลงสัมพันธ์ยานพาหนะ
VHA vapor hazard area พื้นที่อันตรายจากไอสารเคมีพิษ
VMT vomiting agent สารอาเจียน
VX nerve agent สารประสาท
W
WARNORD warning order ค�ำสั่งเตือนภัย
WMD weapon of mass destruction อาวุธอานุภาพท�ำลายล้างสูง
X
X total thickness of shielding material ความหนาทั้งหมดของวัสดุกั้นรังสี
X½ half - thickness ค่าความหนาครึ่ง
XLG extra large; more than 1,500 liters or kilograms ปริมาณมากเป็นพิเศษ;
มากกว่า ๑,๕๐๐ ลิตรหรือกิโลกรัม
XXX downwind distance to nearest kilometer ระยะทางใต้ลมหน่วยเป็นกิโลเมตร
(จ�ำนวนเต็ม)
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 431
Y
Yd yard (s) หลา
yy grid square ตารางกริด
YYYY year ปี
Z
zzzzzz coordinates of ground zero พิกัดของศูนย์กลางการระเบิดที่ผิวพื้น
432 อภิธานศัพท์
ตอนที่ ๒ ค�ำศัพท์และค�ำจ�ำกัดความ
Aerosol (ละออง) ของเหลวหรือของแข็งซึ่งประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็กที่แขวนลอยอยู่ใน
ตัวกลางทีเ่ ป็นก๊าช ตัวอย่างของแอโรซอลทัว่ ๆ ไป ได้แก่ หมอกน�ำ้ ค้าง (mist), หมอก (fog) และควัน
Avoidance (การหลีกเลี่ยง) มาตรการที่บุคคลหรือหน่วยต้องปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการ
โจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ชีวะและเคมี และลดอันตรายของอาวุธเหล่านี้
Biological (สารชีวะ) จุลนิ ทรียท์ ที่ ำ� ให้เกิดโรคในมนุษย์ พืชหรือสัตว์ทำ� ให้ยทุ โธปกรณ์เสือ่ มสภาพ
Biological defence (การป้องกันอาวุธชีวะ) วิธกี ารแผนงานและขบวนการเกีย่ วกับการก�ำหนด
และบริหารมาตรการป้องกันการโจมตีด้วยสารชีวะ
Biological threat (ภัยคุกคามทางชีวะ) ภัยคุกคามที่ประกอบด้วยการวางแผนใช้สารชีวะเพื่อ
ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อก�ำลังพลหรือสัตว์หรือท�ำลายพืช
Biological weapon (อาวุธชีวะ) ยุทโธปกรณ์ซึ่งปล่อย แพร่หรือกระจายสารชีวะรวมถึงพาหะ
สัตว์ขาปล้อง
Blister agent (สารพุพอง) สารเคมีทที่ ำ� อันตรายดวงตาและปอด และท�ำให้ผวิ หนังไหม้และพุพอง
บางครั้งเรียก vesicant agent
Blood agent (สารโลหิต) สารประกอบเคมีรวมถึงสารในกลุ่มไซยาไนด์ที่มีผลต่อการท�ำงานของ
ร่างกายโดยการขัดขวางการใช้ออกซิเจนของเนื้อเยื่อของร่างกาย
Chemical agent (สารเคมี) สารเคมีพิษใด ๆ ที่ตั้งใจน�ำมาใช้ในปฏิบัติการทางทหาร
Chemical ammunition (กระสุนเคมี) กระสุนประเภทหนึ่งที่มีสารเคมีเป็นส่วนบรรจุหลัก
Chemical defense (การป้องกันอาวุธเคมี) วิธกี าร แผนงาน และขบวนการเกีย่ วกับการก�ำหนด
และบริหารมาตรการป้องกันการโจมตีด้วยสารเคมี
Chemical dose (ขนาดของสารเคมี) ปริมาณของสารเคมีมีหน่วยเป็นมิลลิกรัมซึ่งร่างกายได้รับ
หรือดูดซับไว้
Chemical environment (สภาพแวดล้อมทางเคมี) สภาพที่พบในพื้นที่ที่ได้รับผลจากการใช้
อาวุธเคมีโดยตรงหรือจากสารเคมีคงทน)
Collective nuclear biological and chemical protection (การป้องกันนิวเคลียร์ชวี ะและ
เคมีเป็นส่วนรวม) การป้องกันซึง่ จัดขึน้ เพือ่ ให้กำ� ลังพลเป็นกลุม่ ทีอ่ ยูใ่ นสภาพแวดล้อมทางนิวเคลียร์
ชีวะและเคมีสามารถลดหย่อนการป้องกันนิวเคลียร์ ชีวะและเคมีส่วนบุคคลลงได้
Contamination (การเปื้อนพิษ) (๑) การตกลงบนพื้นผิว (deposit) การดูดซึม (absorption)
หรือการดูดซับ (adsorption) วัสดุกมั มันตรังสีหรือสารชีวะ หรือสารเคมีบนหรือข้าง ๆ สิง่ ปลูกสร้าง,
พื้นที่, ก�ำลังพลหรือวัตถุ (๒) อาหารและ/หรือน�้ำที่ผลิตให้มนุษย์หรือสัตว์บริโภคอย่างไม่เหมาะสม
คู่มือราชการสนาม ว่าด้วย การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ คชรน. 433
ทางกายภาพและการตอบโต้การโจมตี
Protective mask (หน้ากากป้องกัน) ยุทธภัณฑ์ปอ้ งกันทีอ่ อกแบบส�ำหรับการป้องกันใบหน้าและ
ดวงตาของผูส้ วม และป้องกันการหายใจเอาอากาศทีป่ นเปือ้ นสารเคมีและ/หรือสารชีวะเข้าสูร่ า่ งกาย
Residual Contamination (การเปื้อนรังสีตกค้าง) การเปื้อนพิษที่ยังคงมีอยู่ภายหลังจากที่
ด�ำเนินการขจัดออกด้วยวิธีการหลายขั้นตอนแล้ว ขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้อาจไม่มีอะไรมากไปกว่า
การปล่อยให้การเปื้อนรังสีสลายตัวไปตามธรรมดา
Survey (การส�ำรวจ) การกระท�ำโดยตรง เพื่อหาต�ำแหน่งและธรรมชาติของอันตรายจากสารเคมี
สารชีวะและกัมมันตภาพรังสีในพื้นที่
Toxic chemical (สารเคมีพิษ) สารเคมีใด ๆ ซึ่งปฏิกิริยาเคมีของสารที่มีต่อขบวนการต่าง ๆ
ภายในร่างกายสามารถก่อให้เกิดความตาย, การไร้สมรรถภาพชั่วคราวหรือบาดเจ็บถาวรต่อมนุษย์
หรือสัตว์ ทัง้ นีร้ วมถึงสารเคมีทกุ ชนิดโดยไม่คำ� นึงแหล่งก�ำเนิดหรือวิธกี ารผลิต และไม่คำ� นึงถึงว่าจะ
ผลิตภายในอาคาร ในกระสุนวัตถุระเบิดหรือที่อื่นใดก็ตาม
Toxic industrial biological (สารพิษชีวะทางอุตสาหกรรม) วัสดุชีวะ (แบคทีเรียไวรัสและ
ทอกซิน) ซึ่งพบในการวิจัยทางการแพทย์หรือทางเภสัชกรรม และขบวนการผลิตเชิงอุตสาหกรรม
อื่น ๆ ที่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์หรือท�ำให้พืชเสียหาย
Toxic industrial chemical (สารพิษเคมีทางอุตสาหกรรม) สารประกอบเคมีซึ่งใช้หรือผลิตใน
ขบวนการทางอุตสาหกรรมที่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์หรือท�ำให้พืชเสียหาย
Toxic industrial material (วัสดุพิษทางอุตสาหกรรม) วัสดุพิษทางอุตสาหกรรมอาจเป็น
สารพิษเคมีทางอุตสาหกรรม (TIC) สารพิษชีวะทางอุตสาหกรรม (TIB) และวัสดุกัมมันตรังสีพิษ
ทางอุตสาหกรรม (TIR)
Toxic Industrial Radiological (สารกัมมันตรังสีพษิ ทางอุตสาหกรรม) วัสดุทปี่ ล่อยรังสีออกมา
มีใช้ในงานวิจัย การผลิตกระแสไฟฟ้าและกิจกรรมอื่น ๆ ที่มิใช่การผลิตอาวุธ วัสดุนี้จะท�ำอันตราย
ต่อมนุษย์และสัตว์ได้ ถ้าปล่อยออกมาภายนอกสภาพแวดล้อมที่ควบคุมวัสดุเหล่านี้ได้
Weapons of mass destruction (อาวุธท�ำลายล้างอานุภาพสูง) อาวุธซึ่งสามารถก่อให้เกิด
ความเสียหายอย่างรุนแรง และ/หรือน�ำมาใช้เพือ่ ท�ำลายผูค้ นจ�ำนวนมาก อาวุธท�ำลายล้างอานุภาพ
สูงนีส้ ามารถเป็นได้ทงั้ วัตถุระเบิดแรงสูงหรืออาวุธนิวเคลียร์ ชีวะ เคมี และกัมมันตรังสี แต่ไม่รวมถึง
วิธีการขนส่งหรือการขับเคลื่อนอาวุธซึ่งถือเป็นส่วนที่แยกและส่วนประกอบของอาวุธ
บรรณานุกรม
Multiservice Tactics, Techniques, and Procedures For Chemical, Biological,
Radiological, and Nuclear Contamination Avoidance
แนวสอนการหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ ใช้ประกอบการศึกษาใน รร.วศ.ทบ.
ดรรชนี
การกั้นรังสี (Shielding)..........................................................................................................๒๕๙
การควบคุมการได้รับรังสี...........................................................................................................๕๙
การตรวจจับ (Sense).........................................................................................................๒,๓๐๐
การตรวจหา (Detecting)............................................................................................................ ๖
การเตือนภัยและการรายงาน (Warning and Reporting).......................................................๒๐
การถอดหน้ากาก (Unmasking)................................................................................................. ๖
การท�ำเครื่องหมาย (Marking)..............................................................................................๗, ๒๐
การป้องกัน (Shield)................................................................................................................... ๒
การพยากรณ์การตกของฝุ่นกัมมันตรังสี...................................................................... ๒๒๑, ๒๓๘
การพยากรณ์การเปื้อนพิษ (Preditcting).......................................................................๔๑, ๑๒๙
การพยากรณ์พื้นที่อันตรายตามลมจากสารชีวะ......................................................................๑๗๗
การพยากรณ์พื้นที่อันตรายจากการเปื้อนพิษ ROTA..............................................................๓๑๓
การพยากรณ์พื้นที่เปื้อนพิษอย่างง่าย......................................................................................๑๓๓
การพิสูจน์ทราบ (Identifying).....................................................................................๖, ๒๐, ๔๐
การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ . ................................................................................................๔, ๔๒
การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษชีวะ...............................................................................................๑๖๗
การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษสารเคมี........................................................................................๑๒๓
การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษรังสีนิวเคลียร์................................................................................๑๙๕
การหลีกเลี่ยงการเปื้อนพิษ ROTA..........................................................................................๓๐๐
เกณฑ์การรับรังสี (operational Exposure Guide)................................................................๕๙
เกณฑ์ความเสี่ยงทางนิวเคลียร์..................................................................................................๖๙
ชั้นความลับ...............................................................................................................................๔๐
เชื้อโรค....................................................................................................................................๑๖๕
ฝ่ายอ�ำนวยการ คชรน. ..................................................................... ๑๐, ๑๙, ๒๒, ๔๒, ๕๔, ๘๐
พื้นที่โจมตี................................................................................................................... ๑๒๙, ๑๗๕
พื้นที่เปื้อนพิษ....................................................................................................๑๒๙, ๑๗๕, ๓๐๑
พื้นที่ปล่อยกระจายสาร..........................................................................................................๓๐๐
พื้นที่อันตราย..........................................................................................................................๓๐๐
พื้นที่อันตรายลม.......................................................................................................... ๑๒๙, ๑๗๕
มาตรการเชิงรุก (Active Mexsure)............................................................................................ ๗
มาตรการเชิงรับ (Passive Measure).......................................................................................... ๗
438 ดรรชนี