You are on page 1of 244

บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม (PLATOON LEADER)

พิมพ์ครั้งที่ ๑ : พ.ศ. ๒๕๖๐


จ�ำนวนพิมพ์ : ๑,๕๐๐ เล่ม
ผู้เขียน : เจมส์ แมคดาน่า
แปลและเรียบเรียง : พ.ท.ชวาล ชมภูโคตร และ พ.อ.อ�ำนาจ พุกศรีสุก
คณะจัดท�ำ : พล.ท.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ ร.ต.หญิง ทับทิม จารุเศรนี
พล.ต.สุรศักดิ์ แพน้อย จ.ส.อ.วันชัย ภาวะไพบูลย์
พล.ต.วัลลภ แดงใหญ่ จ.ส.อ.วัฒนา แนบเนียน
พล.ต.พรเทพ วัชรวิสุทธิ์ จ.ส.อ.วีระ บุญหยัด
พล.ต.สุรัต แสงสว่างดำ�รง จ.ส.อ.อานนท์ บัวสอาด
พ.อ.ปรีชา ชุ่มประดิษฐ์ จ.ส.อ.หญิง รัตนาพร ขลุ่ยทอง
พ.อ.เฉลิมเกียรติ ชาติมงคลวัฒน์ นางพนิดา เรืองทรัพย์
พ.อ.อนันต์ แก้วดำ� นายประสิทธิ์ แป้นพันธุ์
พ.อ.หญิง จงกลณี เชื้อหน่าย น.ส.ณฐมนพร เขียวน้อย
พ.อ.หญิง วราลี สิทธิเดชะ
พ.ท.พรพล ฟุ้งเกียรติ

ข้อมูลทางบรรณานุกรมของส�ำนักหอสมุดแห่งชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
แมคดาน่า, เจมส์.
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม = Platoon Leader.--กรุงเทพ
มหานคร : ศูนย์พัฒนาหลักนิยมและยุทธศาสตร์ กรมยุทธศึกษาทหารบก, 2560.
244 หน้า.
1. สงครามเวียดนาม, ค.ศ. 1961-1975. 2. ทหาร--อเมริกา--ชีวประวัติ. I. ชวาล
ชมภูโคตร, พ.ท, II. พ.อ. ผู้แปล. III. ชื่อเรื่อง.
959.7043
ISBN 978-616-8035-25-2

ขอขอบคุณ : พล.ต.กนก ภู่ม่วง ผบ.มทบ.๒๔


พล.ต.สมชาติ แน่นอุดร ผบ.พล.ร.๓
พล.ต.วิชาญ สุขสง ผบ.พล.ร.๑๕
ส�ำหรับการสนับสนุนในการซือ้ ลิขสิทธิเ์ พือ่ แปลเป็นภาษาไทย
Thai Language Translation rights belong the Royal Thai Army arranged with
Maxima Creative Agency
Bery1 Timur No.41 Gading Serpong–Tangerang 15810-Indonesia
Tel/Fax. 62-21-5421 7768
คำ�นำ�
กรมยุทธศึกษาทหารบก โดยศูนย์พฒ ั นาหลักนิยมและยุทธศาสตร์
กรมยุทธศึกษาทหารบก มีภารกิจประการหนึง่ คือการจัดท�ำหนังสือเผยแพร่
ความรู้ทางทหาร จึงได้จัดให้มีการแปลหนังสือทางทหาร เพื่อให้ก�ำลังพล
ของกองทัพบกได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามโครงการพัฒนาความเป็นทหาร
อาชีพด้วยการอ่านเป็นประจ�ำทุกปี ซึง่ จะน�ำไปสูก่ ารเพิม่ ประสิทธิภาพทัง้
ด้านการรบและการปฏิบัติการอื่น ๆ ซึ่งหนังสือบันทึกประสบการณ์ของ
นายทหารใหม่ในเวียดนาม (Platoon Leader) ก็ได้รับการคัดเลือกให้น�ำ
มาแปลตามภารกิจดังกล่าว หนังสือเล่มนีเ้ ป็นหนังสือบันทึกประสบการณ์
ในการรบในเวียดนามของนายทหารสหรัฐ ที่เพิ่งจบจากโรงเรียนนายร้อย
ทหารบกสหรัฐอเมริกา (West Point) และถูกส่งไปรบ ประสบการณ์ที่
เขาบันทึกถือเป็นบทเรียนที่มีคุณค่าสมควรเป็นแบบอย่างทั้งนายทหาร
สัญญาบัตรและนายทหารประทวนทีท่ ำ� หน้าทีเ่ ป็นผูบ้ งั คับหน่วยขนาดเล็ก
ได้เรียนรู้และน�ำไปใช้ จะเห็นว่าสิ่งที่ผู้เขียนได้ท�ำไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็น
สิ่งที่มีการเรียนการสอน และการฝึกในสถาบันการศึกษามาแล้วทั้งสิ้น
เป็นต้นว่าการลาดตระเวนจะต้องท�ำอยู่ตลอดเวลา การตั้งฐานปฏิบัติการ
ต้องมีการดัดแปลงที่มั่น มีการวางเครื่องกีดขวางที่มีการยิงคุ้มครอง มีการ
เข้าเวรยาม ฯลฯ ซึ่งในช่วงระยะเวลาหนึ่งทางโรงเรียนนายร้อยทหารบก
สหรัฐอเมริกา ได้จดั ให้มหี นังสือเล่มนีเ้ ป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของนักเรียน
นายร้อย
กรมยุทธศึกษาทหารบก ในฐานะที่เป็นหน่วยรับผิดชอบด้านการ
ฝึกศึกษาและพัฒนาหลักนิยมของกองทัพบก ได้รวบรวมองค์ความรู้จาก
แหล่งต่าง ๆ และได้รบั ความอนุเคราะห์ขอ้ มูลจากส�ำนักงานคณะกรรมการ
วิ จั ย แห่ ง ชาติ มาจั ด ท� ำ เป็ น เอกสารเผยแพร่ ค วามรู ้ ใ ห้ ก� ำ ลั ง พลของ
กองทัพบก เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติภารกิจให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ในการพัฒนากองทัพบก และเกิดความมั่นคงสืบไป
หากมี ข ้ อ แนะน� ำ ติ ช ม ประการใด สามารถเสนอแนะได้ ที่
กองพัฒนาหลักนิยม ศูนย์พฒ ั นาหลักนิยมและยุทธศาสตร์ กรมยุทธศึกษา
ทหารบก เลขที่ ๔๑ ถนนเทอดด�ำริ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๐๐
หรือที่ doctrinecdsd@gmail.com โทร. ๐ ๒๒๔๑ ๔๐๓๙

พลโท
(ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์)
เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก
บทนำ�
นักการทหารมักชอบเล่าเรือ่ งประวัตศิ าสตร์สงครามซึง่ ตรงข้ามกับ
คนที่ ผ ่ า นประสบการณ์ ต รงในสงครามที่ มั ก เก็ บ เรื่ อ งราวไว้ กั บ ตั ว เอง
โดยส่วนตัว ผมมองว่ามีคนเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับสงครามกันมาก
เกินไป ผมต้องขอโทษด้วยหากหนังสือเล่มนี้จะเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับ
สงครามอีกเรื่องหนึ่ง โดยที่ตัวผมเองไม่ได้คิดว่าตัวเองมีประสบการณ์
การรบในเวี ย ดนามที่ พิ เ ศษแตกต่ า งจากคนอื่ น ผมตระหนั ก ดี ว ่ า
ประสบการณ์การรบของผมในเวียดนามอยู่ในระดับปานกลาง และก็
เชือ่ ว่าประสบการณ์การรบของหน่วยอืน่ หรือบุคคลอืน่ มีมากกว่าหน่วยผม
หรือของผมอย่างแน่นอน สมมติว่าถ้ามีการจัดแข่งขันเล่าประสบการณ์
ในการรบโดยให้ผู้ที่เล่าจ�ำนวนเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากที่สุดเป็นผู้ชนะ
คงไม่ มี ชื่ อ ผมในรายชื่ อ ผู ้ เข้ า แข่ ง ขั น อย่ า งแน่ น อนเพราะผมไม่ ไ ด้ มี
ประสบการณ์ที่โชกโชนขนาดนั้น และก็มีทหารที่ผ่านสมรภูมิที่โชกโชน
มากกว่าผมเยอะ
อีกประการหนึ่ง ผมไม่ได้เขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อที่จะบอกให้โลก
ภายนอกเห็นรูปแบบสงครามในเวียดนาม และผมก็เชื่อว่าคงไม่มีใครกล้า
ทีจ่ ะเขียนหนังสือสงครามออกไปในแนวนัน้ เพราะรูปแบบสงครามเปลีย่ น
ไปทุกปี และทุกหน่วยก็มียุทธวิธีการรบที่เปลี่ยนไปตามปัจจัยแวดล้อม
เช่น ลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ปฏิบัติการ เป็นต้น พูดง่าย ๆ คือ
ประสบการณ์การรบในเวียดนามมีหลากหลายไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว
และเนื่องจากหนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเล่าเรื่องราว
การผจญภัยหรือรูปแบบสงครามในเวียดนาม คงมีคนสงสัยว่า แล้วผมเขียน
หนั ง สื อ เล่ ม นี้ เ พื่ อ อะไรกั น ผมก็ ค งตอบว่ า เป็ น การเขี ย นเพื่ อ บรรยาย
ลักษณะการท�ำงานของผูบ้ งั คับหมวดทหารราบของทหารอเมริกนั คนหนึง่
ในสมรภูมิรบเท่านั้นเอง
สารบัญ
บทที่ ๑ วันที่ ๑ สิงหาคม ค.ศ. ๑๙๗๑ :
ฐานบิน แอลซี อิงลิช (LZ English) ๙
บทที่ ๒ เส้นทางสู่สงคราม ๑๔
บทที่ ๓ ยินดีต้อนรับสู่ประเทศเวียดนาม ๒๒
บทที่ ๔ หมวดทหารราบที่ ๒ ๓๔
บทที่ ๕ รับหน้าที่ผู้บังคับหมวด ๔๓
บทที่ ๖ การบาดเจ็บครั้งส�ำคัญ ๕๘
บทที่ ๗ คั่นเวลา ๖๙
บทที่ ๘ ถ้าเราไม่ประสบความส�ำเร็จในครั้งแรก... ๗๗
บทที่ ๙ หล่อหลอมความเป็นผู้น�ำ ๘๕
บทที่ ๑๐ ฉากน�ำก่อนเวลาปะทะ ๙๖
บทที่ ๑๑ การรบ ๑๐๔
บทที่ ๑๒ ผลของสงคราม ๑๑๗
บทที่ ๑๓ ทหารราบธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ๑๒๙
บทที่ ๑๔ ฝนมา ๑๔๐
บทที่ ๑๕ ความฉลาดริเริ่มของคนอเมริกัน ๑๕๙
บทที่ ๑๖ ข้าศึกเพิ่มเติมก�ำลัง ๑๖๕
สารบัญ (ต่อ)
บทที่ ๑๗ เหตุเกิดที่ชายหาด ๑๗๖
บทที่ ๑๘ วันขอบคุณพระเจ้า ๑๘๖
บทที่ ๑๙ “เหมือนคุณกับผม” ๑๙๑
บทที่ ๒๐ ค�ำสั่งบุก ๑๙๙
บทที่ ๒๑ การลาดตระเวนกลับ ๒๐๕
บทที่ ๒๒ การเดินทางในเวลากลางคืน ๒๑๕
บทที่ ๒๓ จบภารกิจ ๒๒๘
บทส่งท้าย ๒๔๐
ประวัติผู้แต่ง ๒๔๔
บทที่ ๑
วันที่ ๑ สิงหาคม ค.ศ. ๑๙๗๑ :
ฐานบิน แอลซี อิงลิช (LZ English)
รถจี๊ปก�ำลังเคลื่อนออกไปอย่างช้าๆ ในขณะที่ผมก�ำลังมองดู
ฟิล เนล ซึ่งพยายามควบคุมรถอยู่ เขาเพิ่งรับหน้าที่เป็นพลขับได้ไม่นาน
ท่าทางยังเก้ ๆ กัง ๆ ขาดความมั่นใจในหน้าที่ใหม่นี้ ผมตัดสินใจย้ายเขา
จากต�ำแหน่งพลปืนเล็กภายใต้การบังคับบัญชาของผมมาเป็นพลขับในพืน้ ที่
ส่วนหลังและเป็นการตัดสินใจที่ผมเห็นว่าถูกต้อง ถึงตัวเขาจะยังไม่ชอบ
หน้าที่ใหม่นี้ก็ตาม ตอนที่เขาเป็นพลปืนเล็กในหมวดของผม เขาได้รับ
บาดเจ็บถึง ๓ ครั้ง และโชคดีมากที่รอดชีวิตมาได้ แต่โอกาสที่จะรอดชีวิต
ในครั้งต่อไปก็ไม่แน่นอน การให้ฟิล เนล มาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ฐานบิน
แอลซี อิงลิช ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฐานปฏิบัติการหลักของกองพลน้อย
ส่งทางอากาศที่ ๑๗๓ ท�ำให้เขามีโอกาสที่จะรอดชีวิตออกจากเวียดนาม
มากขึน้ การตัดสินใจย้ายฟิล เนล มาอยูส่ ว่ นหลังเป็นสิง่ ดี ๆ ทีผ่ มควรท�ำให้
กับผูใ้ ต้บงั คับบัญชาก่อนทีผ่ มจะหมดหน้าทีใ่ นเวียดนามและกลับบ้านอย่าง
ปลอดภัย ลึก ๆ ในใจก็อดคิดไม่ได้วา่ ยังมีคนอย่างฟิล เนล อีกกีค่ นทีป่ ฏิบตั ิ
หน้าที่อยู่ในส่วนหน้าแต่ก็เป็นสิ่งที่ผมช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้เลย
ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว ผมยืนอยู่ข้างทางวิ่งในฐานบิน
เเอลซี อิงลิช เพื่อคอยเฮลิคอปเตอร์มารับไปที่อ่าวแคมรานที่ซึ่งเครื่องบิน

9
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

รุ่นดีซี-๑๐ จะพาผมกลับบ้าน ในเช้าที่เงียบสงบจากจุดที่ผมยืนอยู่ซึ่งเป็น


เนินเล็กๆ ผมมองเห็นทุง่ นาและหมูบ่ า้ นบองซอนหลังรัว้ ลวดหนามออกไป
ได้ชัดเจน ในทุ่งนาที่เขียวขจี ชาวนาและควายต่างก็ท�ำหน้าที่ของตนอย่าง
ขะมักเขม้นซึ่งเป็นวิธีการท�ำนาของคนในภูมิภาคนี้ ท้องฟ้า แสงแดดและ
กลิ่นไอของวิถีชีวิตชาวบ้านช่างท�ำให้เช้านี้เงียบสงบเหลือเกิน เว้นเสียแต่
ป้อมทหารเล็ก ๆ ที่มีกระสอบทรายล้อมรอบตรงท้ายรันเวย์กับทหาร
คนหนึ่งพร้อมด้วยวิทยุและอาวุธประจ�ำกายที่เตือนผมว่าสงครามยังไม่จบ
ด้านขวาของผมมีนายทหารยศพันตรีนายหนึง่ ยืนอยูใ่ นชุดเครือ่ งแบบ
สนามที่ดูไม่เรียบร้อยเอาเสียเลย ด้วยลักษณะการแต่งตัวและใบหน้า
ที่ยังดูเด็ก ผมประเมินได้เลยว่าเขาไม่เคยประจ�ำการอยู่แนวหน้าของ
สนามรบเลย ตอนนี้ผมต้องการท�ำจิตใจให้สงบเพื่อจะได้เก็บภาพหมู่บ้าน
บองซอนในจังหวัดบินดินและทัศนียภาพอันสวยงามไว้ในความทรงจ�ำ
ก่อนที่ผมจะจากที่นี่ไป เพราะตอนปฏิบัติหน้าที่อยู่ในแนวหน้าผมหมกมุ่น
อยู่กับงานจนไม่มีเวลาชื่นชมธรรมชาติที่สวยงามเหล่านี้เลย และวันนี้เป็น
วันสุดท้ายในการท�ำงานในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกองพลน้อยส่งทาง
อากาศที่ ๑๗๓ และเป็นการท�ำงานในสมรภูมิรบที่ถือว่าโชคดีมากคือได้
กลับออกมาด้วยร่างกายทีส่ มประกอบ ไม่มสี ว่ นไหนพิการ ซึง่ เป็นไปได้นอ้ ย
มาก มันเป็นประสบการณ์ทเี่ กิดขึน้ เมือ่ ๑ ปีทแี่ ล้ว แต่ใบหน้าผมดูกร้านขึน้
มาก ผมสูญเสียลูกน้องในหมวดไปมากทั้งจากการบาดเจ็บและเสียชีวิต
ส่วนพวกทีร่ อดชีวติ ถือว่าโชคดีมาก รวมถึงพลทหารฟิล เนลด้วย และเพราะ
เหตุใดผมจึงรอดชีวิตมาได้จากสมรภูมิรบ เป็นเพราะผมได้ผลักภาระที่
ไม่สมควรไปให้ลูกน้องรับแทนใช่หรือไม่ หรือว่าเป็นเพราะผมท�ำหน้าที่
ตามที่ควรจะเป็น และการรอดชีวิตกลับมาเป็นผลของการท�ำหน้าที่นี้
ความคิดต่าง ๆ ที่แล่นอยู่ในหัวผมต้องหยุดลงกะทันหันเมื่อนายทหาร

10
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ยศพันตรีคนนัน้ เดินมาทักและถามผมว่าจะไปไหน ผมมองดูเขาด้วยสายตา


ที่เหยียดหยันเพราะผมและเขาในสายตาคนภายนอกถือว่าผ่านสงคราม
เวียดนามเหมือนกันแต่ผา่ นมาด้วยประสบการณ์ทแี่ ตกต่างกัน ผมเสีย่ งตาย
อยู่ในแนวหน้าของสนามรบตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเขาอยู่
แนวหลังมีความเสี่ยงต่อชีวิตน้อยมาก ผมตอบเขาไปว่า “ก�ำลังจะกลับ
บ้าน” เขายิ้มและพยายามมีส่วนร่วมในสิ่งที่เขาคิดว่ามันคือ “ความรู้สึก
ดีใจที่จะได้กลับบ้าน” แต่ผมไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น ผมยิ่งมองเขาด้วยอาการ
ดูถูก และส�ำหรับผม เวียดนามคือสมรภูมิแห่งความสูญเสีย
“ผมเป็นหมอ” เขาบอกผม “จริง ๆ แล้วเป็นจิตแพทย์” ผมก็
ไม่ทราบว่าเขาบอกผมท�ำไม ผมเริ่มระแวง และเขาถามผมว่าผมท�ำงานอยู่
ส่วนไหน ผมบอกผมเป็นทหารราบและชีไ้ ปทางทิศเหนือทีเ่ ทือกเขาไทเกอร์
ผมบอกว่า “แถวนั้นแหละใกล้หมู่บ้านทรองแลม ไม่ไกลจากหมู่บ้าน
แทมควาน” ผมระงับความโกรธในการสนทนา เพราะดูเหมือนเขาไม่รเู้ รือ่ ง
อะไรเกี่ยวกับสถานที่ที่ผมกล่าวถึงซึ่งมีคนเสียชีวิตจ�ำนวนมาก
“แล้วคุณท�ำอะไรที่นั่น” เขาถามต่อ เขาอยากรู้ แต่ผมก็ยังดูท่าที
เขาด้วยความระมัดระวัง ไม่รวู้ า่ เขาอยากจะรูไ้ ปท�ำไม ผมบอกเขาไปว่าผม
เคยเป็นผู้บังคับหมวดปืนเล็กที่นั่นก่อนที่จะมาท�ำงานด้านเอกสาร ลูกน้อง
ผมทีผ่ มเคยบังคับบัญชาในการรบเสียชีวติ เกือบหมด ผมไม่ชอบตอบค�ำถาม
หรือสนทนาเรื่องนี้ ด้วยความที่เขาเป็นจิตแพทย์เขาคงดูออกว่าผมไม่ชอบ
แต่ก็ถามต่อว่า “คุณเคยเก็บไปฝันถึงเรื่องราวที่เคยไปรบมาบ้างมั๊ย”
ผมอึง้ ไปกับค�ำถาม ไม่รวู้ า่ เขาต้องการสือ่ หรือทดสอบทฤษฎีอะไร
ผมตอบเขาไปว่า “ไม่เคยเก็บมาฝันและก็ไม่อยากด้วย” ผมตอบด้วยท่าที
ที่โกรธ เขาคงรู้สึกได้และถอยห่างออกไป ผมยืนคอยเฮลิคอปเตอร์มารับ

11
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

อย่างเงียบ ๆ เมื่อนึกถึงนายทหารยศพันตรีคนนั้นผมเลยอดสงสัยไม่ได้ว่า
โลกช่างเล่นตลกอะไรเช่นนี้
ผมยังอึ้งกับความช่างกล้าถามของเขา ส�ำหรับผม หมวดปืนเล็ก
ที่ผมท�ำงานด้วยในเวียดนามเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม และผมก็จะเก็บ
มันไว้ในความทรงจ�ำตลอดไป แต่คงไม่เก็บมาคิดหรือฝันถึงในการใช้ชีวิต
ประจ�ำวัน

เดือนมกราคม ปี ค.ศ. ๑๙๗๔ เมืองเมดฟอร์ด รัฐแมสซาชูเซตส์


เช้าวันหนึ่งผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเหงื่อที่เย็นยะเยือกเต็มหน้าอก
พร้อมกับผ้าปูเตียงที่ยับยู่ยี่ ท�ำให้ภรรยาผมตื่นตามไปด้วย บรรยากาศ
นอกห้องนอนในตอนเช้ายังดูมัว ๆ แต่มีต้นไม้ผลัดใบช่วยสร้างบรรยากาศ
ให้ผ่อนคลาย หัวใจผมเต้นแรงขึ้น ประสาทเริ่มสับสน แต่สิ่งที่ฝันมัน
เหมือนจริงมาก แม้กระทั่งหลังตื่น ผมเริ่มตั้งค�ำถาม ทั้งหมดกี่คน สี่หรือ
ห้าคนไม่มากกว่านั้น และผมก็รู้จักทุกคน รู้จักทั้งชื่อและนามสกุล ทุกคน
เป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่โรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์ รุ่นที่ ๖๙ สักพักชื่อ
พวกเขาก็เลือนหายไป
ในความฝัน พวกเขาเคลื่อนที่ช้าและพูดจาขึงขังมาก ดวงตา
เบิกกว้างแต่วา่ งเปล่า มองมาทีผ่ มแต่ไม่ได้สอื่ อะไร พวกเขาแต่งเครือ่ งแบบ
สนามพร้อมปืน ลูกกระสุน และการพรางตัว ทุกอย่างอยูใ่ นสภาพพร้อมรบ
เคลื่อนที่ด้วยแถวตอนเรียงหนึ่งหรือที่เรียกว่าแถวเรนเจอร์ มาหาผม
พวกเรานั่งคุกเข่าลงในหลุมขุดหรือหลุมระเบิด ผมไม่แน่ใจ แต่เต็มไปด้วย
โคลน แล้วเราก็ถกกันถึงภารกิจที่ต้องท�ำ แผนที่ถูกกางลงบนพื้นดิน
แต่มันเต็มไปด้วยน�้ำและโคลนจนแทบจะอ่านไม่ออกในความมืด เมื่อ

12
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

การสนทนาจบลง พวกเขายืนขึ้นแล้วก็จากไปด้วยสายตาที่แข็งทื่อและ
ว่างเปล่า
แล้วผมก็จ�ำบทสนทนาได้บางส่วน “สบายดีกันไหม” ผมถาม
ออกไป ผมอยากรูจ้ ริง ๆ มีความรูส้ กึ ว่าต้องรูค้ ำ� ตอบให้ได้ แต่ไม่มเี สียงตอบ
กลับ แล้วพวกเขาก็เดินจากไปในรูปแถวเรนเจอร์ไปในป่า ค่อย ๆ จางหาย
ไปจากสายตาและความฝั น ของผม ตอนนี้ ผ มรู ้ จั ก ชื่ อ เต็ ม ของทุ ก คน
แต่ละคนร่วมรบกับผมที่เวียดนามและเสียชีวิตที่นั่น
ผมยังจ�ำจิตแพทย์คนนั้นได้และนึกอยากจะด่าเขาในตอนเช้าของ
ฤดูหนาวที่นิวอิงแลนด์แห่งนี้เหลือเกิน

13
บทที่ ๒
เส้นทางสู่สงคราม

ประเทศสหรัฐอเมริกาถล�ำเข้าสู่สงครามเวียดนามอย่างช้า ๆ
โดยที่คนทั่วไปก็ไม่ได้สังเกต ในช่วงนั้นคือราว ค.ศ. ๑๙๖๐ ประเทศก�ำลัง
เผชิญกับปัญหามากมาย อาทิ ปัญหาเกี่ยวกับมหาอ�ำนาจสหภาพโซเวียต
ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันด้านอวกาศ การสะสมขีปนาวุธ หรือภัยคุกคาม
ต่อความมัน่ คงของประเทศเกีย่ วกับประเทศคิวบาซึง่ ถือว่าอยูใ่ กล้ประเทศ
สหรัฐ มาก นอกจากนั้นยังมีปัญหาภายในอีกคือ การที่ประธานาธิบดี
จอห์น เอฟ เคเนดี ถูกลอบสังหาร และก็ยังมีสงครามในที่อื่น ๆ ของโลก
ที่สหรัฐ ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ท�ำให้ปัญหาในอินโดจีน
กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยมากในขณะนั้น
ในปี ค.ศ. ๑๙๖๓ เด็กหนุ่มแถวบรุคลินจะให้ความสนใจเกี่ยวกับ
เรื่องใกล้ตัวที่พวกเขาสนใจเป็นพิเศษ เช่น กีฬาและการจีบผู้หญิงมากกว่า
การเมืองหรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลก ยกตัวอย่างเช่น พระที่เผาตัวเอง
ประท้วงในไซ่ง่อนอาจจะมีความส�ำคัญน้อยกว่าผลการแข่งขันเบสบอล
ระหว่างทีมแยงกี้กับเรดซอค นอกจากนั้นเด็กวัยรุ่นแถวบรุคลินก็ให้ความ
ส�ำคัญกับการศึกษาพอสมควร เมือ่ ปี ค.ศ. ๑๙๖๓ ก�ำลังใกล้จะหมดไป และ
ปี ค.ศ. ๑๙๖๔ ก�ำลังคืบคลานเข้ามา ค�ำถามก็มมี ากมายส�ำหรับช่วงหัวเลีย้ ว

14
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

หัวต่อคือ เมื่อจบจากชั้นมัธยมแล้วจะไปท�ำอะไรต่อ ถ้าท�ำงาน จะท�ำอะไร


หรือถ้าจะเรียนต่อจะเรียนที่ไหน และจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเทอม
การที่เด็กหนุ่มสมัยนั้นจะพลิกผันตัวเองเข้าสู่สมรภูมิรบไม่ได้เป็น
เพราะเหตุผลใด ๆ เช่น การเมือง หรือผลประโยชน์ชาติ แต่เป็นเพราะ
เหตุผลส่วนตัวล้วน ๆ เนือ่ งจากประเทศมีทรัพยากรบุคคลมากจึงไม่จำ� เป็น
ต้ อ งเกณฑ์ ค นไปรบ แต่ เ ป็ น อาสาสมั ค รมากกว่ า ซึ่ ง ก็ เ พี ย งพอแล้ ว
คนประเภทไหนที่อาสาไปรบล่ะ คนโง่บ้าง คนไม่มีการศึกษาบ้าง คนกล้า
บ้าบิ่นบ้าง แล้วผมเป็นประเภทไหนกัน ไม่ใช่ทั้งหมดที่กล่าวมา แต่ผมก็ไป
ร่วมรบในสมรภูมิเวียดนาม
ท�ำไมถึงเป็นเช่นนั้นได้นะ ไม่ใช่เพราะถูกเกณฑ์อย่างแน่นอน
ในช่วงฤดูหนาวของปี ค.ศ. ๑๙๖๓ - ๖๔ ผมเรียนอยูป่ สี ดุ ท้ายของชัน้ มัธยม
ปลาย ด้วยทุนการศึกษาจากนิวยอร์ก สเตท รีเจนท์ และเงินจากการท�ำงาน
พิเศษ จะเป็นทุนการศึกษาของผมในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป ถึงแม้ว่า
การสมัครเข้าเป็นทหารในปีที่ผมอายุ ๑๘ ปี ดูจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก
ที่น่าสนใจ แต่พ่อผมซึ่งเคยเป็นนายทหารชั้นประทวนเป็นเวลานานถึง
๒๒ ปี และเคยผ่านสงครามโลกครัง้ ที่ ๒ มาแล้วยังไม่เห็นด้วย เหตุผลเพราะ
มันเร็วไปและอีกอย่างก็ยังมีโอกาสสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อย
เวสต์ปอยต์ซงึ่ เป็นโรงเรียนนายร้อยหลักของประเทศทีผ่ ลิตนายทหารให้กบั
กองทัพบก จริงอย่างที่พ่อผมพูด ผมยังมีโอกาสถึงแม้การสอบเข้าเรียน
ในสถาบันแห่งนีจ้ ะยากมากเพราะนอกจากความสามารถแล้วยังต้องได้รบั
การเสนอชือ่ จากผูว้ า่ การรัฐด้วย แต่ผมก็ยงั มีความหวังลึก ๆ เพราะผมเป็น
นักกีฬามวยสากลสมัครเล่น นี่อาจจะเป็นพลังบวกส�ำหรับการสมัคร
เข้าเรียนที่โรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์ก็เป็นได้ ก็ต้องคอยดูกันต่อไป

15
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ในช่วงฤดูใบไม้รว่ งของปี ค.ศ. ๑๙๖๔ ปัญหาในประเทศเวียดนาม


กลายเป็นที่สนใจในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น แต่ประเทศสหรัฐอเมริกาเองก็ยัง
ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอะไรมากนัก ปีนั้นผมเรียนอยู่ชั้นปีที่ ๑ ของวิทยาลัย
บรุคลิน โปลิเทคนิค สาขาวิศวกรรมโยธา ข้อดีคอื ผมได้อยูใ่ กล้บา้ น สามารถ
เดินทางไป-กลับบ้าน-โรงเรียนได้ และมีเวลาซ้อมชกมวยที่วายเอ็มซีเอ
ประจ�ำเขตบรุคลิน
ในช่วงหน้าร้อนของปี ค.ศ. ๑๙๖๕ สหรัฐ เริ่มมีแนวความคิดที่จะ
ส่งทหารอเมริกันเข้าไปที่เวียดนาม ซึ่งหนึ่งปีก่อนหน้านี้ได้มีการลงมติ
ว่าด้วยอ่าวตังเกี๋ย (The Gulf of Tonkin Resolution) ได้มีการพูดถึงการ
ส่งก�ำลังทหารเข้าไปด้วยแต่ก็ไม่มีใครพูดถึงว่ามันเป็นสงคราม แต่ส�ำหรับ
นักศึกษามหาวิทยาลัยที่เพิ่งจบปีที่ ๑ อย่างผมไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
สิ่งที่ผมคิดตอนนั้นคือการไปฝึกงานส�ำรวจทางภาคเหนือของนิวยอร์ก
แต่แล้วฟ้าก็เล่นตลกกับชีวิตผม การที่ผมได้สมัครเข้าเรียนที่
โรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์เมื่อก่อนหน้านี้ ทางโรงเรียนได้ตอบรับผมให้
เข้าเรียนแล้วเนื่องจากผู้สมัครคนอื่นจากพื้นที่เดียวกันมีคุณสมบัติไม่ครบ
ผมกลายเป็นผู้สมัครจากแมนฮัตตันที่ได้เข้าไปเรียน ในขณะที่ผมก�ำลัง
ฝึกงานโยธาส�ำรวจอยู่ในสนามก็มีเสียงโทรศัพท์จากโรงเรียนนายร้อย
เวสต์ปอยต์เข้ามาบอกว่า “ถ้าคุณสามารถมารายงานตัวที่เวสต์ปอยต์
ภายใน ๓ วัน คุณจะได้เข้าเรียนในรุ่นที่ ๑๙๖๙ สนใจไหม”
ผมตอบกลับไปว่า “ผมคิดว่าได้นะ” มันเป็นการตัดสินใจทีย่ งิ่ ใหญ่
ก้าวหนึ่งส�ำหรับเด็กหนุ่มวัยขนาดผม ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรผมโทษใคร
ไม่ได้เพราะผมได้เลือกเอง ผมเตรียมตัวทุกอย่างเพื่อสิ่งนี้ ทั้งการสอบ
ด้านต่าง ๆ รวมถึงการขลิบที่อวัยวะเพศด้วย

16
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมขั บ รถจากบรุ ค ลิ น ไปที่ เ กาะสแตเทนในคื น นั้ น ทั น ที และ


ครอบครัวผมก็มีงานเลี้ยงฉลองเล็ก ๆ ในเมือง พ่อผมดีใจมาก ผมยังจ�ำ
บรรยากาศคืนนั้นได้ดี พ่อตบหลังผมเบา ๆ และบอกว่า “ลูก เราก�ำลังจะ
เป็นส่วนหนึ่งของนายทหารที่มีเกียรติมากของกองทัพบก”
สองวันต่อมาผมขับรถไปกับแม่เพื่อจะไปบ้านน้าซึ่งอยู่ห่างจาก
เวสต์ปอยต์ประมาณ ๓๐ ไมล์ ท่าทีของแม่ช่างแตกต่างจากของพ่อ
เหลือเกิน แม่จับมือผมแน่น แม่ไม่อยากให้ลูกจากไปไกล เพราะไม่รู้ว่าจะ
เกิดอะไรขึ้นบ้าง ตาผมก็เริ่มแดงแต่ก็ต้องพยายามท�ำให้เป็นปกติก่อนถึง
โรงเรียน เพราะผมก�ำลังจะเข้าไปเรียนในทีท่ จี่ ะฝึกให้คนเป็นผูน้ ำ� ผมจะไม่
เป็นลูกแหง่ขี้แยเป็นอันขาด
วันแรกที่โรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์ค่อนข้างหนัก มีบางคนที่
ตัดสินใจไม่เรียนต่อหลังจากวันแรกนี้ แต่ผมเองได้ตัดสินใจแล้วว่าจะต้อง
เรียนให้จบเพราะเป็นเส้นทางที่ผมเลือกเอง การเรียนและการฝึกของที่นี่
ค่อนข้างยาก นักเรียนปี ๑ จะได้รับการฝึกให้มีความกระฉับกระเฉงว่องไว
ในชีวติ ประจ�ำวันโดยการเดินให้เร็วกว่าปกติ ๒ - ๓ เท่า เดินตัวตรงเก็บคาง
ตั้งแต่วันแรก ๆ ของการเรียนก็เริ่มมีการพูดถึงการรบในป่าบ้างแล้ว
(ลักษณะการรบที่จะเจอที่เวียดนาม) หลังจากการฝึกภาคสนามครั้งแรก
หรือที่รู้จักกันในนาม บีสท์แบแร็ค (Beasts Barracks)
การเรียนเทอมแรกก็เริ่มขึ้น เวลาในห้องเรียนช่างผ่านไปช้า
เหลือเกิน แล้วการฝึกภาคสนามอีกครั้งก็เริ่มขึ้น โดยส่วนตัวผมชอบความ
ท้าทายที่เจอในระหว่างการฝึก มันเหมือนตอนที่ผมซ้อมชกมวย และ
สภาพแถวถนนบรุคลิน ผมนึกภาพตัวเองในเหล่าอื่นไม่ออกเลยนอกจาก
การเป็นทหารราบ

17
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ในระหว่างปีการศึกษา ๑๙๖๖ - ๖๗ สงครามเวียดนามเริม่ รุนแรง


ขึ้น เริ่มมีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ศิษย์เก่าเวสต์ปอยต์รุ่นที่ ๖๖
เริ่มสังเวยชีวิตที่สมรภูมิเวียดนามแล้ว ข่าวการบาดเจ็บและเสียชีวิตของ
ทหารอเมริกนั ทีเ่ วียดนามสะเทือนใจผมพอสมควร เพราะมันใกล้ตวั ผมมาก
อีกไม่นานผมก็อาจจะต้องไปอยู่ในสมรภูมิรบแบบนั้น ผมได้มีโอกาส
เดินทางไปบ้านของศิษย์เก่าเวสต์ปอยต์คนหนึ่งซึ่งเสียชีวิตในระหว่าง
ปฏิบตั หิ น้าที่ ความรูส้ กึ ในขณะนัน้ ไม่คอ่ ยดีเลยเพราะไม่รจู้ ะช่วยครอบครัว
เขาอย่างไร เลยต้องถอยออกมา
ความใฝ่ฝันของผมที่อยากเป็นทหารราบเริ่มใกล้ความจริงขึ้นมา
ทุกที และโรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์ก็ให้โอกาสผมมากในการฝึกความ
เป็นผู้น�ำซึ่งผมชอบมาก ไม่เฉพาะความเป็นผู้น�ำเท่านั้นที่สถานที่แห่งนี้
เน้นเป็นพิเศษ กีฬาก็เน้นด้วยเพราะเป็นเครื่องมือในการสร้างความเป็น
ผู้น�ำเช่นกัน มีกีฬาหลากหลายชนิดซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย แต่ผมก็ไม่เคย
ย่อท้อส�ำหรับความท้าทายต่าง ๆ และก็ไม่จริงจังจนเกินไปกับทุกเรื่อง
จนขาดความสนุกสนานในชีวิต ผมมีเพื่อนร่วมรุ่นที่ค่อนข้างดีที่คอยให้
ก�ำลังใจในทุก ๆ เรื่อง เราให้ก�ำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะมีเป้าหมาย
เดียวกันคือ ส�ำเร็จการศึกษาจากสถาบันอันทรงเกียรติแห่งนี้
ในปีที่ผมเข้าเรียนทางโรงเรียนก็เริ่มรับนักเรียนนายร้อยผู้หญิง
เข้ามาเรียนด้วย ตอนแรกก็มีไม่กี่คน แต่ก็เพิ่มจ�ำนวนขึ้นในเวลาต่อมา
หนึง่ ในนักเรียนนายร้อยหญิงได้กลายเป็นแฟนผมในทีส่ ดุ สภาพความกดดัน
ในโรงเรียนด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการฝึกหรือการเรียนในห้องเรียน
รวมถึงการอยากอยู่กับแฟน เพิ่มความกดดันให้กับผมเป็นอย่างมาก จน
อดสงสัยไม่ได้ว่าตัวเองจะจบการศึกษาพร้อมรุ่นได้หรือเปล่า

18
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ดูเหมือนโอกาสที่จะได้เห็นสงครามเริ่มเป็นจริงแล้ว ย้อนไปเมื่อปี
ค.ศ. ๑๙๖๖ - ๖๗ ผมมีความเชื่อว่าสงครามเวียดนามจะจบลงก่อนที่ผม
จะจบการศึกษาและคิดไปไกลว่าโอกาสที่จะได้เข้าร่วมสงครามที่ยิ่งใหญ่
ก็คงมี ในความเป็นจริงโอกาสที่สงครามจะกินเวลาเกิน ๔ ปีเป็นเรื่องยาก
อย่างน้อยก็ตงั้ แต่สงครามต่อสูเ้ พือ่ อิสรภาพจากประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ.
๑๙๖๗ กองพลน้อยส่งทางอากาศที่ ๑๗๓ รายงานผู้บาดเจ็บจากการรบที่
เวียดนามเพียงกองพันเดียวสูงถึง ๘๐๐ นาย ซึ่งถือว่าสูงมาก และการรบ
ในวันตรุษญวน (Tet) เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ปี ค.ศ. ๑๙๖๘ เพียง
แห่งเดียวมีผู้เสียชีวิตมากเป็นประวัติการณ์ ดูเหมือนสถานการณ์เริ่มจะ
แย่ลงเรื่อย ๆ ในเดือนมกราคม ค.ศ. ๑๙๖๙ ริชาร์ด นิกสัน สาบานตน
เข้ารับต�ำแหน่งประธานาธิบดี และเริ่มมีรายงานผู้เสียชีวิตสัปดาห์ละ
ประมาณ ๔๐๐ คน จ�ำนวนศิษย์เก่าเวสต์ปอยต์ที่เสียชีวิตในสมรภูมิ
เวียดนามก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ปี ค.ศ. ๑๙๖๙ เป็นปีที่ผมก้าวสู่ชีวิตทหารอย่างเต็มตัว เริ่มตั้งแต่
ผ่านกระบวนการเลือกเหล่าในเดือนกุมภาพันธ์ ซึง่ ผมเลือกเหล่าทหารราบ
และในเดื อ นมี น าคมก็ อ าสาสมั ค รไปเวี ย ดนาม ผมเขี ย นหนั ง สื อ ถึ ง
ผู้บัญชาการกองพลน้อยส่งทางอากาศที่ ๑๗๓ เพื่อขอไปประจ�ำการที่
หน่ ว ยของท่ า น ซึ่ ง กองพลน้ อ ยแห่ ง นี้ มี ชื่ อ เสี ย งเกี ย รติ ป ระวั ติ ก ารรบ
มากที่สุดในเวียดนาม และแล้ววันที่ผมรอคอยมานานก็มาถึง คือวันที่
ส�ำเร็จการศึกษาในวันที่ ๔ มิถุนายน และก็แต่งงานทันที โดยจัดงานที่
โรงเรียนสี่วันหลังจากนั้น
จะว่าไปแล้วโรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์ได้ท�ำหน้าที่ของตัวเอง
อย่างดีเยี่ยมในการผลิตนายทหาร และการตัดสินใจเลือกเหล่าทหารราบ

19
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

และอาสาสมัครไปรบที่เวียดนามเป็นการตัดสินใจที่แทบจะเรียกได้ว่า
เกือบเป็นสัญชาตญาณที่อยากจะรับใช้ชาติ ผมท�ำไปโดยอัตโนมัติไม่ต้อง
คิดมาก เหมือนผู้ชายที่ก�ำลังตกหลุมรักผู้หญิงอะไรท�ำนองนั้น
เส้นทางชีวติ ของผมสูส่ งครามเวียดนามได้เริม่ ขึน้ แล้ว แต่กองทัพบก
ยังไม่สง่ ผมไปรบทีเ่ วียดนามทันที ผมยังต้องผ่านกระบวนการเตรียมตัวก่อน
ซึ่งประกอบไปด้วยหลักสูตรทางทหารอีกหลายหลักสูตร อาทิ หลักสูตร
ส่งทางอากาศ หลักสูตรชั้นนายร้อยทหารราบ และหลักสูตรการรบในป่า
หรือเรนเจอร์ เป็นต้น นอกจากนัน้ กองทัพบกยังให้เวลาผมพักผ่อนฮันนีมนู
กับภรรยาอีกด้วย ที่ค่ายเบนนิ่ง รัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียน
ทหารราบ ในสภาวะปกติจะเป็นสถานที่ที่บุคคลภายนอกสามารถมา
ท่องเที่ยวได้ ถือว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ในสภาวะที่ไม่ปกติ เช่น
ในยามทีป่ ระเทศเข้าสูส่ งคราม ค่ายแห่งนีก้ ไ็ ม่ตา่ งจากโรงงานอุตสาหกรรม
ที่เตรียมก�ำลังรบส�ำหรับภารกิจนั้น ๆ
ห้วงเวลาสองสัปดาห์ของหลักสูตรส่งทางอากาศเป็นประสบการณ์
ที่น่าจดจ�ำไม่น้อยส�ำหรับการกระโดดร่มในแบบฉบับของทหารท่ามกลาง
อากาศที่ร้อนสุดจะบรรยาย และห้วงเวลา ๑๒ สัปดาห์ส�ำหรับหลักสูตร
ชั้นนายร้อยเป็นห้วงที่วิเศษส�ำหรับผม เพราะได้มีเวลาอยู่กับภรรยาที่
เพิ่งแต่งงานกันถึงแม้จะไม่มากนัก คือตั้งแต่หนึ่งทุ่มถึงตีห้า
ต่ อ มาก็ มี ข ่ า วดี ใ นเดื อ นกั น ยายน เพราะภรรยาผมตั้ ง ครรภ์
ผมตื่นเต้นมาก แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้มีเวลาดูแลเธอมากเพราะต้องไปเรียน
หลักสูตรจูโ่ จม หรือเรนเจอร์ตอ่ ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม
หลักสูตรนี้มีความยากล�ำบากมาก ต้องมีความอดทนสูงทั้งกายและใจ
ต้องลาดตระเวนผ่านภูมปิ ระเทศทีย่ ากล�ำบากของรัฐจอร์เจียและหนองน�ำ้

20
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ของรัฐฟลอริด้า ในระหว่างที่เรียนหลักสูตรนี้ใจผมก็นึกถึงสภาพอากาศ
ดี ๆ ที่เวียดนามและคิดว่าสภาพความเป็นอยู่น่าจะสบายกว่านี้
หลังจากเรียนจบหลักสูตรนี้ผมได้ไปประจ�ำการที่กองพลส่งทาง
อากาศที่ ๘๒ ฟอร์ต แบร็ก มลรัฐนอร์ท แคโรไลนา ประมาณ ๓ - ๔ เดือน
ก่อนที่จะถูกส่งไปที่เวียดนาม ห้วงเวลาสั้น ๆ นี้มีความหมายมากเพราะ
ได้อยู่กับภรรยาที่ก�ำลังตั้งท้องแก่ ๆ ใกล้จะคลอด หลังจากที่ภรรยาผม
คลอดลูกชายแล้ว ผมก็ได้ใช้สิทธิในการลาเพื่อพาภรรยาและลูกไปเยี่ยม
ญาติ ๆ ผมใช้เวลาไม่ก่ีวันอยู่กับพ่อและแม่ก่อนกล่าวค�ำอ�ำลาเพื่อไป
เวี ย ดนาม ผมคิ ด ว่ า ผมเห็ น น�้ ำ ตาของพ่ อ ซึ่ ง มั น ช่ า งแตกต่ า งจากวั น ที่
ทราบว่าผมได้รับการตอบรับให้เข้าเรียนในที่ที่เด็กหนุ่มอเมริกันหลายคน
ใฝ่ฝันอยากเข้าไปเรียน ลาพ่อกับแม่เสร็จผมก็ขับรถไปเวอร์จิเนียเพื่อไปส่ง
ภรรยาและลูก พวกเขาจะคอยผมทีน่ นั่ ในวันเดินทางภรรยาและลูกทีม่ อี ายุ
แค่ ๒ เดือนไปส่งผมที่สนามบินนานาชาติที่กรุงวอชิงตัน ผมพูดกับภรรยา
“ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวก็กลับแล้ว” ผมพูดด้วยน�้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะมั่นใจ
เท่าไหร่นัก เราจูบลากัน ผมไม่คิดจะหันหลังกลับไปมองหน้าลูกเมียเพราะ
รู้สึกผิดที่ไม่สามารถดูแลพวกเขาได้ในห้วงเวลาส�ำคัญเช่นนี้ ผมขึ้นไปนั่ง
บนเครือ่ งบิน ในใจก็ยงั สับสนไม่รวู้ า่ จะเจออะไรข้างหน้า แต่กองทัพบกก็ได้
ท�ำดีทสี่ ดุ แล้วในการเตรียมตัวเราให้พร้อมส�ำหรับสงครามเพือ่ ประเทศชาติ

21
บทที่ ๓
ยินดีต้อนรับสู่ประเทศเวียดนาม

ณ ตอนนี้ทหารอเมริกันกว่าสองร้อยนายได้บินข้ามฟ้ามาถึง
ประเทศเวียดนามด้วยเครื่องบินเช่าเหมาล�ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดู ๆ ไป
มันเหมือนกับว่าพวกเรามาพักผ่อนที่หมู่เกาะฮาวาย ต่างกันตรงที่ใบหน้า
ของพวกเราต่างเคร่งเครียดและสวมเสือ้ ผ้าอาภรณ์ทเี่ ป็นแบบทหารเท่านัน้
ตอนนี้ผมสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า การมารบที่เวียดนามนี้ พวกเรา
มาในนามของรัฐบาลอเมริกัน มาเพื่อต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ของประเทศเรา
โดยแท้ ผมเขียนจดหมายฉบับแรกเสร็จแล้วและจะส่งกลับบ้านทันที
ที่ไปถึงเวียดนาม และตอนที่อยู่ที่เวียดนามผมเขียนจดหมายถึงบ้านทุกวัน
เว้นเสียแต่ได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถจะเขียนได้
บนเครือ่ งบิน คนทีน่ งั่ ติดผมด้านซ้ายคือกาย และด้านขวาคือแบรี่
ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่เวสต์ปอยต์ พวกเราเลือกเหล่าทหารราบและผ่าน
หลักสูตรของโรงเรียนทหารราบเหมือนกันจึงสนิทกันเป็นพิเศษ หลังจาก
จบจากเวสต์ปอยต์ได้ไม่กี่เดือน กายก็แต่งงานทันที คือแต่งที่โรงเรียนเลย
หลังผมไม่กี่เดือน ถึงแม้ญาติ ๆ ทางฝ่ายหญิงจะคัดค้านเพราะว่าที่สามี
ก�ำลังจะไปรบ ส่วนแบรี่หนุ่มโสดจากรัฐมิชิแกนกับผมสนิทกันตั้งแต่อยู่ท่ี
เวสต์ปอยต์เพราะแข่งขันกีฬายกน�้ำหนักมาด้วยกัน

22
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ทัง้ ผมและกายเป็นหนีบ้ ญุ คุณแบรี่ เพราะวันหนึง่ หลังจากเสร็จสิน้


การฝึกหลักสูตรการรบในป่าที่ปานามา พวกเราสามคนไปนั่งดื่มที่บาร์
แห่งหนึ่งในตัวเมือง และก็มีหญิงสาวสามคนเข้ามานั่งด้วย ในสภาวะเช่นนี้
ผมกับกายก็เก้ ๆ กัง ๆ เพราะเราแต่งงานแล้ว แต่แล้วแบรี่ก็ช่วยไม่ให้เรา
หน้าแตกโดยใช้ความสามารถเฉพาะตัวจริง ๆ ไม่เช่นนั้นผมกับกายคง
ล�ำบากในการไปอธิบายเรื่องราวให้ภรรยาฟัง จริง ๆ แล้วมันเป็นความ
อุ่นใจไม่น้อยที่ไปรบโดยมีเพื่อนร่วมรุ่นไปด้วย แต่แล้วความสูญเสีย
ก็ตามมา กายเป็นคนแรกของเวสต์ปอยต์รุ่นที่ ๖๙ ที่เสียชีวิตในสนามรบ
ส่วนแบรี่อยู่ได้จนถึงเดือนที่เจ็ด ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เหตุการณ์มีอยู่ว่า
ตัวเขาและเพื่อนชาวอเมริกันอีก ๗๖ คน ไปที่ฐานยิงแมรี่แอน โดยที่อาวุธ
ประจ�ำกายต้องถูกเก็บไว้ในคลัง เพราะถือว่าไม่ใช่แนวหน้า แต่แล้วก็มีการ
ปะทะกับเวียดกงที่บุกเข้ามา แบรี่ถูกยิงที่ศีรษะในขณะที่มือทั้งสองข้าง
ก�ำลังบีบอยู่ที่คอของทหารเวียดกง เพื่อนผมเป็นนักต่อสู้เสมอ สู้จนนาที
สุดท้ายแม้จะเสียเปรียบ
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่ว่านั้นยังไม่ได้เกิดขึ้นตอนนี้ ขณะนี้
เครื่องบินที่พาพวกเรามาที่เวียดนามก�ำลังลงจอดที่สนามบินเบียนหัว แม้
จะไม่สามารถมองเห็นภายนอกเครือ่ งบินได้มากนัก แต่บรรยากาศภายนอก
ดูจะสวยงาม ทัง้ ไฟของรันเวย์ และทิวเขาทีอ่ ยูด่ า้ นหลัง แต่ทกุ คนบนเครือ่ ง
ก็เกร็งสุด ๆ ทั้งกลัวและเครียดจนยากจะบรรยาย ส�ำหรับคนที่มาครั้งแรก
ก็จะเกิดความรู้สึกหลากหลาย แต่ส�ำหรับคนที่มาเป็นครั้งที่สองหรือสาม
ความรู้สึกก็จะเปลี่ยนไปบ้าง คือจะมีความระมัดระวังมากขึ้นเพราะ
อันตรายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกขณะ แม้แต่ตอนที่เครื่องจะลงจอด เราอาจ
ถูกโจมตีจากข้าศึกได้ทุกเมื่อ ความจริงเมื่อมองไปรอบ ๆ บนเครื่องบินมันก็
เป็นเรื่องตลกเหมือนกัน คือสภาพภายในของเครื่องบินดูสวยงามหรูหรา

23
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

แต่ภารกิจคือน�ำคนไปสู่สนามรบ ภายนอกเครื่องบินคือเวียดนาม ที่ที่


พวกเราต้ อ งมาผจญชะตากรรม..เหงื่ อ พวกเราเริ่ ม ออกตั้ ง แต่ ก ่ อ นที่
เสียงเครื่องยนต์จะดับลง
และแล้วจ่ารูปร่างสูงใหญ่ก็เริ่มพูดอะไรบางอย่างและก็ประกาศ
ด้วยน�้ำเสียงหนัก ๆ ว่าเราได้มาถึงเวียดนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จริง ๆ แล้วพวกเราไม่ได้ตื่นเต้นกับการประกาศนี้เลยและจ่า
คนนัน้ ก็บอกถึงขัน้ ตอนการปฏิบตั หิ ากถูกโจมตีดว้ ยกระสุนวิถโี ค้งของข้าศึก
ด้ ว ยน�้ ำ เสี ย งเอื่ อ ย ๆ พวกเราก็ เ ลยอดสงสั ย ไม่ ไ ด้ ว ่ า จ่ า คนนี้ เ คยผ่ า น
ประสบการณ์การหลบลูกกระสุนแบบที่ว่าหรือเปล่า โดยฟังจากสุ้มเสียง
เวลาพูดซึ่งมันช่างปราศจากจิตวิญญาณนักรบเสียจริง ๆ แต่เขาก็ตบท้าย
ด้วยการเตือนสติว่าให้มีความตื่นตัวอยู่เสมอแล้วจะปลอดภัย
และแล้วพวกเราก็ได้เวลาลงจากเครื่องบินซึง่ ได้น�ำเราจากโลกอัน
ศิวิไลซ์มายังสถานที่ที่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย รอบ ๆ ตัวเรามีทหาร
เดินไปมาขวักไขว่ สีหน้าบ่งบอกถึงความบีบคั้นทางจิตใจและมองมาที่
พวกเราซึ่งเป็นน้องใหม่ของสมรภูมิอย่างดูแคลน ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
กับพวกเราต่อไป
ขั้นตอนต่อไปที่พวกเราต้องผ่านคือกระบวนการทางธุรการ เช่น
กรอกแบบฟอร์ม แลกเงิน เก็บของมีค่า สุดท้ายพวกเราก็เดินเรียงแถวขึ้น
รถบัสทหารทีก่ รุดว้ ยตาข่ายเพือ่ ป้องกันระเบิดเพือ่ ไปยังทีห่ มายต่อไป โดยที่
ยังไม่ได้เบิกอาวุธเลย
และแล้วพวกเราก็มาถึงหน่วยแยกก�ำลังทดแทนที่ ๙๐ (90th
Replacement Detachment) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทหารอเมริกันที่มาใหม่

24
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

จะมารอค�ำสั่งให้ไปประจ�ำการตามที่ต่าง ๆ พวกเราอยู่ที่นี่ ๒ วัน หลับ ๆ


ตื่น ๆ บ้าง กรอกเอกสารบ้าง และคิดไปต่าง ๆ นานาว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ต่อไปกับพวกเรา
ในปีทจี่ ะมาถึง พวกเราก็จะเข้าใจเองว่าชะตาชีวติ ไม่ได้ถกู ก�ำหนด
โดยตัวเราเสมอไป จริงอยู่ การตัดสินใจที่ดีมีเหตุผลจะช่วยให้เรารอดพ้น
จากสถานการณ์เลวร้ายได้ แต่กไ็ ม่เสมอไป เพราะสิง่ แวดล้อมทีเ่ ต็มไปด้วย
ภยันตรายต่างหากที่จะเป็นตัวก�ำหนดชะตาชีวิตแทนเรา แม้กระทั่งกิ่งไม้
เล็ก ๆ หรือต้นไม้ใหญ่ ๆ อาจจะกลายเป็นตัวช่วยชีวิตเราจากกระสุน
ของข้าศึกก็ได้ ในระหว่างที่รอการถูกส่งไปตามหน่วย ในใจผมก็นึกถึง
เสมียนที่เราไม่คุ้นหน้าที่มาจัดการส่งพวกเราไปยังหน่วยต่าง ๆ ทั้งหน่วย
แนวหน้าที่ไม่ต่างอะไรจากโรงฆ่าสัตว์และหน่วยสนับสนุนในแนวหลัง
ระหว่างทีร่ อค�ำสัง่ พวกเราก็ทำ� ความรูจ้ กั กับเพือ่ นใหม่ แลกเปลีย่ น
เรื่องราว บางคนก็คุ้นหน้ากันมาหลายปี บางคนก็เพิ่งรู้จักได้ไม่กี่วัน
แต่ไม่มีใครเริ่มบทสนทนาเกี่ยวกับอนาคตซึ่งยากที่จะคาดเดา
เช้าของเวียดนามช่างเป็นเช้าที่งดงามเหลือเกิน มันเป็นธรรมชาติ
ที่ไม่เหมือนที่ไหน สาวเวียดนามที่เดินไปท�ำงานแต่งตัวด้วยชุดประจ�ำชาติ
ทีย่ าวคลุมถึงน่องพร้อมรองเท้าส้นสูงช่างดูงดงามน่ามอง แต่ผชู้ ายเวียดนาม
เท่าทีเ่ ห็นเป็นคนสูงอายุ ใบหน้าทีเ่ รียบเฉย ริมฝีปากแตก ๆ ทีค่ าบบุหรีบ่ อก
ให้รู้ว่ามีเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่เราก็อดสงสัยไม่ได้ว่า
พวกเขาคิดกับพวกเราอย่างไร สักพักค�ำสั่งให้ไปประจ�ำการก็เริ่มทยอย
เข้ามา จ�ำนวนของพวกเราก็เริ่มเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ แต่ไม่นานก็มีพวกที่
เพิ่งมาใหม่เข้ามาเพิ่ม พวกเราที่มาก่อนพยายามท�ำตัวให้ดูเหมือนเก๋า
แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเพราะสายตามันบอก เพื่อนผมจากเวสต์ปอยต์

25
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

กายและแบรี่ได้ค�ำสั่งก่อนผม ตอนนี้เหลือผมกับเพื่อน ๆ ไม่กี่คนที่พื้นที่


รอคอยแห่งนี้ บรรยากาศการสนทนากับเพื่อน ๆ ที่เหลือก็เริ่มน่าเบื่อขึ้น
และแล้วค�ำสัง่ ผมก็มาถึง มันท�ำให้ผมเผลอคิดไปแว๊บนึงว่าสุดท้าย
ตัวผมเองนี่แหละจะเป็นผู้ก�ำหนดชะตาชีวิตเอง ผมถูกส่งไปประจ�ำที่
กองพลน้อยส่งทางอากาศที่ ๑๗๓ ซึ่งเป็นหน่วยที่ผมเลือกในปีสุดท้าย
ตอนที่อยู่ที่โรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์ และเป็นหน่วยแรกที่เข้ารบที่
เวียดนาม หน่วยนีม้ ปี ระวัตอิ นั น่าชืน่ ชมไม่นอ้ ย เพราะมีประวัตยิ อ้ นไปไกล
ถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ซึ่งเคยกระโดดร่มลงที่ประเทศฟิลิปปินส์
เดิมหน่วยนี้ชื่อ กรมทหารราบส่งทางอากาศที่ ๕๐๓ เป็นเวลาหลายปีที่
หน่วยนี้กลายเป็นหน่วยก�ำลังเสริมที่ส�ำคัญของสหรัฐ ในเวียดนามในเวลา
ที่ มี ก ารปะทะและต้ อ งใช้ ก� ำ ลั ง เข้ า ไปแก้ ไขสถานการณ์ ส� ำ หรั บ การ
เข้าประจ�ำการในหน่วยนี้ผมจะได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นเดือนละ ๑๑๐
ดอลลาร์ในฐานะเป็นหน่วยพลร่ม เวลานี้หน่วยนี้ได้รับภารกิจในการรักษา
ความสงบ ฟังดูไม่ค่อยเหมือนหน่วยรบที่ดุดันเลย ผมก็เลยไม่แน่ใจว่า
จะได้เห็นหรือเข้าร่วมรบในขณะที่มาประจ�ำการที่นี่หรือไม่
จากค่ายก�ำลังทดแทนที่เบียนหัว ผมเดินทางไปทางทิศเหนือสู่
กองพลน้อยส่งทางอากาศที่ ๑๗๓ จากคนกว่าสองร้อยคนในวันแรกที่มา
ถึงเวียดนาม มีแค่หยิบมือทีไ่ ปทางเหนือทีพ่ ไู ทซึง่ เป็นฐานสนับสนุนส่วนหลัง
ของกองพลน้อย ๑๗๓ ที่นั่นพวกเรากรอกเอกสารด้านธุรการอีกครั้งก่อน
ทีจ่ ะถูกส่งไปยังกองพันในแนวหน้าซึง่ ตัง้ อยูท่ างทิศเหนือประมาณ ๔๐ ไมล์
จากที่นี่ ที่เมืองบองซอน จังหวัดบินดิน ซึ่งเป็นฐานที่มั่นที่ส�ำคัญของ
พวกเวียดกง พวกเราบินไปที่กุยนอนซึ่งเป็นฐานทัพอากาศสหรัฐ ที่ใกล้กับ
ฐานที่เราจะไป ฐานทัพอากาศแห่งนี้ นอกจากท�ำหน้าที่ปกติในฐานะ
สนามบินแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลส�ำหรับรักษาทหารสหรัฐ และ
26
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

พันธมิตรที่บาดเจ็บอีกด้วย มันเป็นฐานทัพอากาศที่เป็นศูนย์กลางการ
ขนส่งทั้งคนและยุทโธปกรณ์ทางทหารของกองทัพสหรัฐ ที่นี่ห่างไกลจาก
สมรภูมิรบ
ดู ๆ ไปกุยนอนก็ไม่ตา่ งจากพืน้ ทีเ่ ขตเมืองทัว่ ไปทีภ่ ายในตึกอาคาร
มีเครือ่ งอ�ำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ห้องน�ำ้ แบบชักโครก อย่างไรก็ตาม
ผมก็อดคิดไม่ได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับผม เช่น ผมจะได้เจอสงครามหรือไม่
และอยากให้ใครสักคนที่รู้เรื่องสถานการณ์ที่นี่ช่วยบอกที
ในขณะทีผ่ มยืนอยูใ่ นโรงเก็บเครือ่ งบินซึง่ ตัง้ ขนานกับรันเวย์ ในใจ
ก็ยังคิดว่าน่าจะเจอใครสักคนที่พอจะบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่แห่งนี้
สายตาผมสอดส่องไปมาส�ำรวจพื้นที่รอบ ๆ แสงแดดที่ตกกระทบผนังของ
โรงเก็บเครื่องบินท�ำให้บรรยากาศที่ดูจะวุ่นวายเย็นลง ดูเป็นธรรมชาติ
มากขึ้น กลิ่นของน�้ำมันจากการย่างบาร์บีคิวใกล้ ๆ ฟุ้งไปทั่วสนามบิน
อาหารพวกนี้เอาไว้ส�ำหรับทหารที่ท�ำงานในสนามบินและผู้โดยสาร
ไม่นานสายตาผมก็เหลือบไปพบทหารคนหนึ่งรูปร่างผอมยืนพิง
ผนังของโรงเก็บเครื่องบิน ชุดฝึกสนามที่เก่า ๆ ดูกลมกลืนกับเครื่องหมาย
ยศสีด�ำบนปกคอเสื้อของเขา บนไหล่ด้านซ้ายและขวาของชุดฝึกเขามี
เครื่องหมายของหน่วยกองพลน้อยส่งทางอากาศที่ ๑๗๓ ซึ่งมีสัญลักษณ์
คือดาบปลายปืนลอยอยู่บนปีกนกขนาดใหญ่ ตามธรรมเนียมทหารแล้ว
ไหล่ด้านซ้ายจะติดเครื่องหมายของหน่วยปัจจุบันที่ประจ�ำการ และ
ไหล่ด้านขวาจะติดสัญลักษณ์หน่วยที่เคยประจ�ำการ แสดงว่านายทหาร
ยศร้อยโทคนนี้มาประจ�ำการที่หน่วยนี้ได้สักพักแล้ว พอมาเปรียบเทียบ
กับผมซึ่งบนชุดฝึกมีเฉพาะสัญลักษณ์หน่วยบนไหล่ซ้าย ท�ำให้ผมอดคิด
ไม่ได้ว่าเราช่างใหม่จริง ๆ ผมรีบเดินเข้าไปหาผู้หมวดคนนั้นทันที

27
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ขณะที่เดินเข้าไปหาผู้หมวดคนนั้น ผู้คนที่ยืนระหว่างเราเริ่ม
น้อยลง สายตาของผู้หมวดคนนั้นที่มองมาที่ผมช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน
ดูเย็นยะเยือก น่าสยองขวัญอย่างบอกไม่ถูก แม้หลังเขาจะพิงอยู่กับ
ราวเหล็กแต่คอดูสั่นเกร็งอย่างน่าประหลาด รองเท้าบู๊ทที่เขาใส่ดูเหมือน
จะผ่านสมรภูมิรบมาอย่างโชกโชน ไม่เหลือร่องรอยของสีด�ำเลย ในมือ
ของเขาถือถุงใบเล็ก ๆ ในนั้นน่าจะมีเสื้อผ้าไม่กี่ชิ้น
“ขอโทษครับผู้หมวด ผมชื่อหมวดจิม แมคดาน่า” ผมทักทายเขา
ด้วยน�้ำเสียงที่พยายามให้เป็นปกติให้มากที่สุด ดูไม่ให้ตื่นเต้นจนเกินไป
เขาจ้องมาทีผ่ มแต่ไม่ได้พดู อะไร ผมพูดต่อไปว่า “ผมก�ำลังเดินทาง
ไปรวมกับฝูงนะ” ซึ่งค�ำว่า ฝูง เป็นชื่อเล่นส�ำหรับเรียกกองพลน้อยส่ง
ทางอากาศที่ ๑๗๓
ผมพยายามท�ำให้เขาเห็นว่าเป็นพวกเดียวกันและเป็นมืออาชีพ
การที่เขาไม่ได้ตอบอะไรเลยมันยิ่งท�ำให้ผมตื่นเต้นและประหม่ามาก และ
จะมากกว่านีม้ ากถ้าไม่ใช่เพราะกลิน่ ตัวทีแ่ รงมากของเขามาเบีย่ งเบนความ
สนใจผม ผมอดสงสัยไม่ได้ว่ามันกลิ่นอะไรกันท�ำไมถึงแรงขนาดนี้ สักพัก
ก็พอจะเดาได้ว่า กลิ่นนี้น่าจะเกิดจากเหงื่อที่แห้งแล้วแห้งอีกผสมกับ
กลิ่นของความตาย เพราะมันฉุนแรงมาก
ผมพูดต่อว่า “ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวนะ
เพียงแค่อยากรูข้ อ้ มูลเกีย่ วกับหน่วย ๑๗๓” ทันทีทเี่ ขาได้ยนิ ผมพูดเกีย่ วกับ
หน่วย ๑๗๓ เขาเด้งตัวออกจากราวเหล็กทันทีแล้วเดินเข้ามาใกล้และ
จ้องมาที่ผม กลิ่นตัวที่แรงและสายตาที่เขาจ้องท�ำให้ผมตกใจ พอเขาเริ่ม
จะพูดผมก็รทู้ นั ทีวา่ เขาไม่มวี ฒ
ุ ภิ าวะเลย สิง่ ทีเ่ ขาแสดงออกมันคือความบ้า
ขาดสติ ใบหน้ า ที่ บู ด เบี้ ย วและสายตาที่ อ� ำ มหิ ต ท� ำ ให้ ผ มสยองกลั ว
เหมือนกัน

28
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เขาตอบผมทันทีว่า “วิเศษมาก ไม่เหมือนที่ใดในโลกนี้ เพราะคุณ


จะได้มีโอกาสฆ่าคนมากมาย ศพจะเกลื่อนไปหมด เราตัดใบหูศพเหล่านี้
ไปให้พวกส่วนหลังได้อิจฉาเล่น” ผมไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินสิ่งเหล่านี้
เขาเล่าต่อไปอย่างเมามันในสิ่งที่เขาก�ำลังคิดและจินตนาการ
บางขณะผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหรือว่านี่จะเป็นการอ�ำกันเล่น
เป็นการลองใจน้องใหม่อย่างเรา แต่ในขณะนั้นสติผมก็ไม่มีเหมือนกันคือ
โมโหมาก และอยากจะต่อยปากเจ้าผูห้ มวดคนนัน้ แต่ดเู หมือนเขาจะจริงจัง
กับสิ่งที่ก�ำลังพูดมาก ราวกับว่าตัวเองก�ำลังอยู่ในเหตุการณ์นั้น และเขาก็
พูดต่อ “...ฉันผูกศพเวียดกงไว้บนต้นไม้ ลูกน้องบอกว่า ‘อย่า!’ แต่ฉนั อยาก
ให้เฮลิคอปเตอร์ที่ก�ำลังจะลงมารับพวกเราเห็นร่างนั้นตอนที่พวกเรา
ถอนตัว ...อ้อ! ศพพวกนี้มีแมลงก�ำลังมากินเลือดด้วย ฉันเอาเท้าบี้มัน
กับร่าง ดูสะใจจริง ๆ” ดูเหมือนสายตาเขาไม่ได้จับจ้องมาที่ผมอีกต่อไป
เขาหลุดไปในโลกของเขาแล้ว กล้ามเนื้อคอ แขน และมือของเขากระตุก
อย่างควบคุมไม่ได้ ถุงที่เขาถืออยู่ในมือก็แกว่งไปมา ดูตลกอย่างบอกไม่ถูก
ผมค่อย ๆ ถอยออกมาจากเขาเริ่มจากช้า ๆ แล้วก็เร็วขึ้นและ
ก็เห็นว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นผมแม้แต่น้อย เขาอยู่ในโลกของเขา แกว่งแขน
ไปมาแบบไร้การควบคุม เขาเสียสติไปแล้ว ผมเผ่นด้วยความกลัว
ก่อนหน้านี้ผมกลัวว่าอาจจะเอาชีวิตมาทิ้งหรือพิการที่เวียดนาม
แต่ตอนนี้มีสิ่งที่น่ากลัวไม่แพ้ความเสียหายที่อาจจะเกิดแก่ร่างกายเรา
นัน่ คือความผิดปกติทางจิตเหมือนอย่างผูห้ มวดทีผ่ มเพิง่ เจอมา ในความคิด
ผมมันเหมือนกับการตายทั้งเป็นไม่ต่างอะไรกับศพเวียดกง ผมเดาว่าก่อน
หน้านี้ผู้หมวดคนนี้คงจะมีสภาพทางจิตที่ปกติ แต่พอมารบที่เวียดนาม
เขาก็เป็นอย่างที่เห็น ก็เลยอดกลัวไม่ได้ว่าผมจะเป็นเหมือนเขาหรือเปล่า

29
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ต่อมาผมก็รู้ความจริงว่าก่อนหน้าที่ผมจะพบผู้หมวดคนนี้ไม่กี่
ชัว่ โมง เขาได้นำ� ลูกน้อง ๖ คนในชุด “ล่าสังหาร” ไปซุม่ โจมตีขา้ ศึกโดยการ
วางระเบิดเคลย์มอร์จ�ำนวน ๒๐ ลูก ข้าง ๆ ทางเดินที่คิดว่าข้าศึกจะผ่าน
ทุน่ ระเบิดเคลย์มอร์แต่ละลูกจะอัดแน่นไปด้วยลูกปรายเหล็กจ�ำนวน ๗๐๐
เม็ด ขับดันด้วยดินระเบิดแบบ C-4 และมีอานุภาพรุนแรงมากพอที่จะ
ท� ำ ลายข้ า ศึ ก จ� ำ นวนมากได้ ผู ้ ห มวดคนนี้ เ ป็ น คนท� ำ หน้ า ที่ ก ดระเบิ ด
หลังจากข้าศึกเคลื่อนที่ผ่านเข้า จากนั้นเขากับลูกน้องก็ยิงซ�้ำด้วยอาวุธ
ประจ� ำ กายใส่ ข ้ า ศึ ก ก่ อ นที่ ค วั น ของระเบิ ด จะจางลง ผู ้ ห มวดคนนี้ ก็
เดินเข้าไปบริเวณที่เวียดกงบาดเจ็บและเสียชีวิตและยิงซ�้ำไปที่ร่างข้าศึก
ผลของการจู่โจมคราวนี้ท�ำให้เวียดกงที่เหลือแตกขบวนหนีไป
หลังจากเหตุการณ์สงบ ปรากฏว่ามีขา้ ศึกเสียชีวติ จ�ำนวน ๒๒ คน
แน่นอนว่าเหตุการณ์คราวนี้เป็นสิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นผู้บังคับหมวด
ที่เก่งและกล้า แต่ในอีกมุมหนึ่งผมว่าเขากลายเป็นนักฆ่าที่กระหายเลือด
ไปแล้ว ไม่นานหลังจากเหตุการณ์สงบลง ผู้บังคับบัญชาเขาก็มาถึง และ
เขาก็ถูกส่งให้ไปประจ�ำการที่อื่น เพราะแม้กระทั่งลูกน้องเขาก็สั่นด้วย
ความกลัวในความเป็นนักฆ่ากระหายเลือดของหัวหน้าที่เกินขอบเขต
ไม่กี่วันหลังจากนั้นผมก็ได้มีโอกาสไปดูสถานที่ที่มีการปะทะนั้น กลิ่นของ
ศพคลุ้งไปหมด ผมก็พอจะเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และรู้สึกสงสารผู้หมวด
คนนั้นเหมือนกัน แต่วันที่เจอกันที่สนามบิน การเล่าเรื่องของเขาท�ำให้
ผมกลัวและรู้สึกสยองกับเหตุการณ์มาก
ผมและทหารส่วนหนึ่งเก็บของมีค่าซึ่งมีไม่กี่อย่างและถุงเสื้อผ้า
ลงบนด้านหลังของรถบรรทุกทหารขนาด ๓/๔ ตัน พวกเรานัง่ บนสัมภาระ
ไปยังที่หมายต่อไป ความแตกต่างระหว่างยศไม่ได้มีความหมายเลย
ในเวลานั้น ผมคิดว่าทุกคนรู้สึกเหมือนกันกับความไม่แน่นอนของชีวิต
30
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ทีร่ ออยูข่ า้ งหน้า ขณะทีร่ ถบรรทุกเคลือ่ นทีอ่ อกไปผมมองไปทีผ่ บู้ งั คับหมวด


คนนั้น เห็นเขาก�ำลังเหม่อมองจดจ้องไปที่ไหนสักแห่ง
ผมบังคับตัวเองให้มองไปที่อื่น เมื่อมองดูสองข้างทางระหว่างที่
รถวิง่ ผมเห็นขยะไม่วา่ จะเป็นกระป๋องน�ำ้ อัดลมหรือกระดาษเกลือ่ นไปหมด
มันบ่งบอกว่าพวกเราชาวอเมริกันได้น�ำวัฒนธรรมที่ไม่ดีมาไว้ที่นี่เสียแล้ว
ในขณะทีร่ ถเคลือ่ นทีไ่ ปบนถนนอย่างช้า ๆ ผ่านหมูบ่ า้ น ผมสังเกต
เห็นบ้านเรือนหนาแน่นเป็นหย่อม ๆ สองข้างทางของถนนซึ่งก็กว้างพอ
ที่จะให้รถยนต์ขนาดกลางสองคันวิ่งสวนกันเท่านั้นเอง เด็ก ๆ แถวนั้น
เมื่อเห็นรถทหารเคลื่อนที่ผ่านก็กรูเข้ามาหาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
แสดงออกถึงความดีอกดีใจที่ได้เจอพวกเรา ผมยื่นมือออกไปโบกให้เด็ก ๆ
เหล่านั้น ทันใดนั้นเองเด็กคนหนึ่งก็ดึงที่แขนเสื้อผม และอีกคนก็ดึงที่
แขนผม พยายามแกะนาฬิกาทีข่ อ้ มือ ผมต้องเอามืออีกข้างเกาะทีข่ า้ งรถไว้
เพื่อไม่ให้ตกลงไป และทหารที่นั่งมาด้วยกันก็ช่วยกันดึงผมไว้ไม่ให้หล่น
ลงไป และแล้วนาฬิกาผมก็ถูกกระชากหลุดจากข้อมือ ตัวผมก็เด้งไปนอน
อยู่ที่พื้นรถ
“ผู้หมวดครับ คราวหน้าไม่ควรยื่นมือออกไปอีกนะครับ” ทหาร
คนหนึง่ พูดเตือน ผมได้เรียนรูบ้ ทเรียนบททีห่ นึง่ ทันทีสำ� หรับการมาปฏิบตั ิ
หน้าที่ที่เวียดนาม
บ่ายวันรุง่ ขึน้ ผมเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์เป็นระยะทางประมาณ
๔๐ ไมล์ ไปที่กองบัญชาการกองพลน้อย หรือที่เรียกกันว่า แอลซี อิงลิช
ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของแอลซี นอร์ท อิงลิช (LZ North English) หรือ
กองบังคับการกองพันทหารราบที่ ๔ หรืออีกชือ่ หนึง่ กองพันส่งทางอากาศ
ที่ ๕๐๓ ซึ่งเป็นกองพันของผมประมาณ ๓ ไมล์ กองพันนี้เป็นหนึ่งในสี่

31
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

กองพันของกองพลน้อยส่งทางอากาศที่ ๑๗๓ ตกตอนสาย ๆ ผมก็


เดินทางไปถึงกองบังคับการกองพันทหารราบที่ ๔ โดยรถจี๊ป และผมยัง
ต้องเดินทางอีกโดยเฮลิคอปเตอร์ไปยังฐานของหมวดผมซึ่งอยู่ท่ามกลาง
ข้าศึก
ผมพักที่กองบังคับการกองพันหนึ่งวัน ก่อนเดินทาง ผมเบิกอาวุธ
เขียนจดหมายถึงบ้าน เก็บของมีค่าที่เหลือไว้ที่นี่ บางส่วนเก็บไว้ที่พูไทแล้ว
ที่กองบังคับการกองร้อยส่วนหลังซึ่งตั้งอยู่ที่แอลซี นอร์ท อิงลิชด้วย
ผมได้ยินเสียงพูดคุยทางวิทยุ รายงานยอดผู้บาดเจ็บเข้ามาเป็นระยะ เสียง
ปืนใหญ่ยิงสนับสนุนหน่วยทหารในแนวหน้าก็ดังพอ ๆ กัน เฮลิคอปเตอร์
บินขึ้นลงเป็นว่าเล่นเพื่อรับส่งทหารระหว่างกองพันกับหน่วยทหารใน
แนวหน้าซึ่งก็คือหน่วยที่ผมจะต้องไปประจ�ำในวันพรุ่งนี้ ผมบอกตัวเองว่า
ต้องมีสติให้มาก ๆ อย่าเพิ่งปอดแหกไปเสียก่อน
ผมรายงานตัวเข้าพบผู้บังคับกองพันในตอนเย็น ผมว่าท่านดู
แปลก ๆ ดูไม่นง่ิ มาดไม่เหมือนนักรบทีผ่ า่ นสมรภูมมิ านาน ผิดจากทีผ่ มคิด
ไว้เยอะ ท่านถามผมว่าเป็นอย่างไรบ้าง เอกสารเรียบร้อยไหม และพร้อม
จะรบไหม ผมเรียนท่านว่าผมพร้อมเต็มที่ แล้วท่านก็เน้นย�ำ้ ว่าสถานการณ์
ที่นี่ค่อนข้างหนัก อย่าประมาท
เช้าวันรุ่งขึ้นผมเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปที่กุยนอนซึ่งเป็นที่
ทีผ่ หู้ มวดทีผ่ มเจอทีส่ นามบินลงมือซุม่ โจมตีจนท�ำให้ทหารเวียดกงเสียชีวติ
ถึง ๒๒ คน ผู้บังคับกองพันผมท่านต้องการให้ผมได้เห็นสถานที่จริงของ
การซุ่มโจมตีที่มีประสิทธิภาพดังกล่าว ผมได้สัมผัสกลิ่นของความตาย
เป็นครั้งแรก มันน่าขยะแขยงบอกไม่ถูก แต่ผมก็ต้องท�ำตัวให้ชินกับมัน
ตลอดการปฏิบัติหน้าที่ที่เวียดนาม บางทีกลิ่นคาวเลือดที่โชยมาเป็นสิ่ง

32
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

บ่งบอกถึงความตายที่ก�ำลังจะเกิดขึ้น หลักความคิดนี้คงไม่ถูกต้องนัก
ในทางวิทยาศาสตร์ แต่ผมก็เชื่อแบบนี้ และจะไม่ประมาทแม้แต่น้อย
“เห็นพอหรือยัง ผู้หมวด” ผู้บังคับกองพันถาม
“ครับผม”
ช่วงบ่ายของวันเดียวกันผมเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปยัง
ที่หมายสุดท้ายคือหมวดของผม ประเทศสหรัฐ ใช้เวลาประมาณ ๕ ปี
ลงทุนในตัวผมและเตรียมพร้อมผมเพือ่ สงคราม ตอนนีก้ ถ็ งึ เวลาต้องทดสอบ
กันแล้ว

ฐานหมวดทหารราบที่ ๒ กองร้อยบราโว

33
บทที่ ๔
หมวดทหารราบที่ ๒

เฮลิคอปเตอร์ฮิวอี้ ลงจอดบนพื้นที่ที่เตรียมไว้เป็นรูปวงกลมบน
พื้นดิน ต้นไม้รอบ ๆ ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นสีน�้ำตาล
ตัดกับฉากหลังที่เป็นป่าสีเขียว และใบพัดที่ก�ำลังหมุนท�ำให้เกิดลมแรง
พอที่จะสามารถท�ำให้เสื้อผ้าของทหารที่ก�ำลังคุ้มกันเฮลิคอปเตอร์ปลิวได้
ทหาร ๓ คนคุ้มกันคนละมุมของลานบิน ขณะที่คนที่ ๔ ก�ำลังให้สัญญาณ
ให้เฮลิคอปเตอร์ลงจอด ทหารเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของหมวดของผม คือ
หมวดที่ ๒ กองร้อยบราโว กองพันทหารราบที่ ๔, กองพลน้อยทหารราบ
ส่ ง ทางอากาศที่ ๕๐๓ ปกติ แ ล้ ว หมวดทหารราบจะประกอบไปด้ ว ย
ก�ำลังพล ๔๓ นาย แต่ในวันนั้นมีทหารอยู่ในหมวดเพียงแค่ ๒๒ นาย
ผมลงจากเฮลิคอปเตอร์ซึ่งจอดรออยู่พักหนึ่งเพื่อส่งสัมภาระและ
ถุงจดหมายที่บรรทุกมาด้วย จดหมายเหล่านั้นคือสิ่งเดียวที่เป็นตัวเชื่อม
ระหว่างโลกอันศิวิไลซ์กับโลกที่ผมอยู่ มันช่างต่างกันเหลือเกิน
ผมก้มตัวเดินออกจากเฮลิคอปเตอร์ไปยังทหารคนหนึ่งที่ก�ำลังให้
สัญญาณมือเพือ่ น�ำพวกเราไปในพืน้ ทีข่ องหมวด ผมเดินเข้าไปใกล้ ๆ ทหาร
คนนั้นและถามว่าที่บังคับการของผู้หมวดอยู่ไหน เขาชี้ไปข้างหลังและ
ท�ำสีหน้าท่าทางดูหมิ่นดูแคลน หลังจากที่เฮลิคอปเตอร์ยกตัวขึ้น ทหาร
34
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ทั้ง ๔ นายที่ท�ำหน้าที่อ�ำนวยความสะดวกการขึ้นลงของเฮลิคอปเตอร์
ก็ถอนตัวเข้าไปในพื้นที่ของหมวด ผมเดินตามทหารเหล่านั้นเข้าไปใน
พืน้ ทีเ่ ช่นกัน การแสดงออกทางสีหน้าของทหารคนนัน้ ยังชัดเจนอยูใ่ นใจผม
ในปี ค.ศ. ๑๙๗๐ ประเทศสหรัฐอเมริการับรู้ถึงความล้มเหลว
ของโครงการหมู่บ้านยุทธศาสตร์ในเวียดนาม แต่ก็ตอบสนองช้าในการ
ยกเลิกโครงการ เป้าหมายของโครงการนี้คือการตัดการส่งก�ำลังบ�ำรุงของ
พวกเวียดกงซึ่งอาศัยหมู่บ้านในชนบทเป็นฐานส่งก�ำลัง ทั้งก�ำลังพลและ
ยุทโธปกรณ์ ทฤษฎีนถี้ กู ใช้ครัง้ แรกโดยทหารอังกฤษทีป่ ระเทศมาเลเซีย แต่
ดูเหมือนว่ามันจะเหมือนทฤษฎีอื่น ๆ ที่น�ำมาประยุกต์ใช้ที่เวียดนามคือ
ไม่ค่อยประสบผลส�ำเร็จ ข้าศึกในสมรภูมิแห่งนี้ก็คือประชาชนในจังหวัด
บินดิน จริง ๆ แล้วทหารเวียดกงกับชาวนาไม่ตา่ งกันเลย ชาวนาก็คอื ทหาร
และทหารก็คือชาวนา พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่มีอะไรจะมา
แบ่งแยกพวกเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นลวดหนามที่ขวางกั้น เคอร์ฟิว หรือ
แม้กระทั่งทหารจากที่ไหน ๆ ในโลก และต่อให้พวกเขาขาดการสนับสนุน
ด้ า นอาหารหรื อ ยุ ท โธปกรณ์ ใ ด ๆ ในพื้ น ที่ ก็ จ ะมี ก ารสนั บ สนุ น จาก
ประเทศเวียดนามเหนือเสมอ สมรภูมิที่นี่ไม่เหมือนกับที่ประเทศมาเลเซีย
มันมากกว่าสงครามกลางเมือง คือมีการแทรกแซงจากต่างชาติที่ให้การ
สนับสนุนทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์และก�ำลังพล เมื่อพูดถึงโครงการหมู่บ้าน
ยุทธศาสตร์ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๖๐ รัฐบาลสหรัฐได้ลงทุนไปกับ
โครงการนี้เป็นจ�ำนวนมาก เวลาผ่านไป ๑๐ ปี มันล้มเหลวไม่เป็นท่าเลย
แต่ถ้าเราไปดูข้อมูลสถิติของรัฐบาลเวียดนามใต้จะพบว่าในรายงานมีแต่
การเขียนไปในทิศทางว่าประสบความส�ำเร็จอย่างโน้นอย่างนี้
การยอมรับความจริงเป็นสิง่ ทีย่ าก และในกองทัพก็เหมือนกัน กว่า
จะท�ำอะไรก็ช้า และในฤดูร้อนปี ค.ศ. ๑๙๗๐ หมวดของผมก็ได้รับภารกิจ
35
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ให้คุ้มครองหมู่บ้านทรองแลมในต�ำบลแทมควานจังหวัดบินดิน ในบรรดา
พืน้ ทีท่ งั้ หมดทีพ่ วกเราต้องมาปฏิบตั กิ ารผมคิดว่าหมูบ่ า้ นทรองแลมนีแ้ หละ
เป็นถิ่นของพวกเวียดกง
ทรองแลมอยูห่ า่ งจากถนนหมายเลข ๑ ซึง่ ทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้
ประมาณ ๗ กิโลเมตรและอยู่ห่างจากทะเลจีนใต้ไปทางทิศตะวันตก
ประมาณ ๓ กิโลเมตร ประชากรของหมู่บ้านมีประมาณ ๑,๓๐๐ คน ส่วน
มากเป็นคนสูงอายุ ผู้หญิง และเด็ก ส่วนชายวัยฉกรรจ์ หรือแม้กระทั่ง
เด็กวัยรุ่นต่างต้องไปรบ ถ้าไม่อยู่ข้างพวกเวียดกงก็รับใช้กองทัพของ
ประเทศเวียดนามใต้
ชีวิตของพวกเขาทั้งสองฝ่ายค่อนข้างล�ำบาก ทหารเวียดนามใต้
แทบไม่เคยได้กลับบ้าน เพราะเสีย่ งต่อการถูกจับไปเข้า “รับการศึกษาใหม่”
ส�ำหรับพวกเวียดกง ส่วนใหญ่จะฝังตัวอยู่ในพื้นที่และถ้าได้รับบาดเจ็บ
ก็มักจะเสียชีวิตลง
หมวดของผมมีขนาดก�ำลังพล ๒๒ นายฝังตัวอยู่ในพื้นที่ที่ควบคุม
โดยพวกเวี ย ดกง ที่ นี่ ด วงอาทิ ต ย์ ต กเร็ ว ส� ำ หรั บ ตอนนี้ ก็ เริ่ ม มื ด แล้ ว
ผมเดินไปหาผู้หมวดคนก่อนที่ก�ำลังนอนขดตัวด้วยความหดหู่หมดหวัง
ขณะที่ผมก�ำลังก้มตัวลงเพื่อแนะน�ำตัวเอง เขาก็ใช้สัญญาณมือบอกให้
ผมก้มลง ท�ำราวกับว่าภายในพืน้ ทีห่ มวดมีอนั ตรายยังไงยังงัน้ ผมหมอบลง
ตามที่เขาแนะน�ำ และแนะน�ำตัวเอง
“สวัสดีครับ ผมชื่อ จิม แมคดาน่า”
“ผมชื่อ ทอม รอฟ คุณมาแทนที่ผมใช่ไหม” เขาพูดด้วยน�้ำเสียง
ที่ดีใจอย่างเห็นได้ชัด

36
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมพูดต่อว่า “ใช่ มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่ครับ”


ในขณะที่เขาก�ำลังบรรยายให้ผมฟังถึงสถานการณ์ที่นี่ว่ายาก
ล�ำบากเพียงไร ผมก็ถามเขาถึงสถานภาพของหมวดของเรา มีการจัดก�ำลัง
แบบไหน อุปนิสัยของลูกหมวดแต่ละคนเป็นอย่างไร รวมถึงยุทธวิธีของ
ฝ่ายตรงข้ามและสภาพแวดล้อม แต่สิ่งที่เขาตอบกลับมามันกลายเป็น
ความกังวลเกี่ยวกับความอยู่รอดของเขาเอง อย่างโน้นอย่างนี้ประมาณว่า
ครอบครัวเขาขาดเขาไม่ได้ เขาไม่สามารถจะมาเสี่ยงชีวิตในที่แบบนี้ได้
และไม่ควรจะมาเป็นผู้หมวดทหารราบด้วยซ�้ำ เขารักชีวิตของเขาเอง
มากกว่าชีวิตของลูกน้องอย่างเห็นได้ชัด
หลายชั่วโมงผ่านไปผมก็ยังไม่ได้ขยับไปจากที่ซึ่งอยู่ใจกลางหมวด
ผมเริ่มเอะใจถึงความปลอดภัยของผู้บังคับหมวดว่าช่างมีมากเหลือเกิน
เพราะอยู่ท่ามกลางลูกน้องที่เดินไปมาขวักไขว่ บางคนก็ปรับปรุงที่มั่นของ
ตัวเองให้แน่นหนา และบางส่วนของหมวดก็ก�ำลังจะออกไปลาดตระเวน
แต่ค�ำสั่งในการลาดตระเวนดูเหมือนจะไม่ได้มาจากผู้บังคับหมวด รอฟ
ยังพูดจ้ออยู่อย่างไร้จุดหมาย และยังเน้นย�้ำว่าเขาต้องกลับไปดูแลลูก
๒ คนและภรรยา กว่าจะวกกลับมาเรื่องที่เป็นสาระก็พักใหญ่
“คุณต้องเข้าใจนะว่า ผมท�ำทุกอย่างเพือ่ พวกเขา พวกเขาต้องการ
ให้ผมกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ”
ผมเงียบไปพักใหญ่และก็อดสงสัยไม่ได้วา่ เขาเป็นอะไร แต่ดเู หมือน
ค�ำถามนี้มีค�ำตอบอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว
เขาพูดต่อ “พวกเขาเป็นทหารที่ดีนะ รู้หน้าที่” ดูท่ารอฟเองก็
ยอมรับกลาย ๆ ว่าเขาไม่ได้เรื่องเป็นอย่างมาก และความขี้ขลาดของเขา
ท�ำให้เขาพูดในสิ่งที่ไม่ควรไปเรื่อย ๆ
37
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

“จริง ๆ แล้วผมจะเป็นฮีโร่ก็ได้นะ บางทีผมก็คิดอยากจะเป็น


เหมื อ นกั น แต่ ผ มมี ค รอบครั ว ที่ ต ้ อ งรั บ ผิ ด ชอบ คุ ณ คงเข้ า ใจผมนะ
พวกทหารเหล่านัน้ ส่วนมากยังเป็นวัยรุน่ ยังไม่มคี รอบครัวทีต่ อ้ งรับผิดชอบ”
การสารภาพอย่างไม่มียางอายของเขาท�ำให้ผมอึ้งจนพูดไม่ออก
เขาไม่ใช่ผู้น�ำของหมวดอย่างแน่นอน ไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และ
ต่อลูกน้อง ในใจเขาลูกน้องต้องอยูร่ อบ ๆ ตัวเขาเพือ่ สิง่ เดียวคือปกป้องเขา
จากข้าศึกเพราะเขามีครอบครัวทีต่ อ้ งรับผิดชอบ ลูกน้องสามารถจ�ำหน่าย
ตายในสนามรบได้ แต่ชีวิตเขาไม่สามารถจ�ำหน่ายได้
ผมอยากจะคลานออกจากทีน่ ี่ ไม่อยากคุยต่อ แต่มนั ก็มดื แล้วและ
ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนดี ผมหยุดคุยเพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรต่อและเขาเอง
ก็ไม่อยากคุยต่อด้วย ที่ผ่านมารอฟก็ได้พูดคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องไปเยอะแล้ว
เขาเองก็รู้ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น ไม่มีความภาคภูมิใจใน
วิชาชีพของตัวเอง ไม่มคี วามรูส้ กึ ผิดชอบชัว่ ดีและความละอายใจในสิง่ ทีเ่ ขา
ท�ำหรือพูด ในสมรภูมิแห่งนี้สิ่งที่มีค่ามากเหนือสิ่งอื่นใดคือการมีชีวิตรอด
นอนก็นอนไม่หลับ จะขยับไปไหนก็ไม่ได้ ผมนอนหงายนึกไป
ต่าง ๆ นานาว่าผมจะกลายเป็นแบบไหนระหว่างเป็นนักฆ่าเลือดเย็นเหมือน
ผู้หมวดที่ผมเจอที่กุยนอนหรือจะเป็นผู้หมวดขี้ขลาดแบบที่นอนอยู่ข้าง ๆ
ผม แบบไหนกันหนอที่ป่าเถื่อนเลือดเย็นกว่ากัน ผมไม่รู้จริง ๆ
ประมาณ ๓ เดือนหลังจากรับต�ำแหน่งผู้บังคับหมวดในสนามรบ
ผมก็ มี โ อกาสได้ เ จอผู ้ ห มวดรอฟในต� ำ แหน่ ง นายทหารสารบั ญ ณ
ทีบ่ งั คับการกองพันในบริเวณแอลซี นอร์ท อิงลิช ดูเหมือนเขาจะเป็นคนใหม่
ไม่เหมือนรอฟที่ผมเจอในคืนนั้น เรานั่งดื่มกันที่แหล่งชุมนุมนายทหาร
เขาคุยใหญ่คุยโตถึงความกล้าหาญของเขาอย่างโน้นอย่างนี้ และดูเหมือน

38
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เขาจะเชื่อในสิ่งที่เขาก�ำลังพูดเสียด้วย ที่น่าแปลกคือ เขาได้รับเหรียญ


กล้าหาญด้วย ส่วนหนึ่งคงมาจากงานที่เขาท�ำในฐานะที่เป็นนายทหาร
สารบัญประจ�ำกองพัน ผมไม่รู้ว่าเบื้องลึกในใจเขา เขาจะยังจ�ำได้ไหมว่า
ในคืนสุดท้ายของการเป็นผู้บังคับหมวด เขาได้แสดงออกถึงความขี้ขลาด
ของตัวเองด้วยการสวดมนต์ออ้ นวอนขอให้ขา้ ศึกอย่าได้บกุ เข้ามาในบริเวณ
ฐานของหมวด
เมื่อมองย้อนกลับมาที่ตัวเอง ผมก็เลยต้องมีความระมัดระวัง
ความคิดของตัวเองให้มากขึน้ ไม่อยากเป็นเหมือนรอฟซึง่ หลอกแม้กระทัง่
ตัวเองจนเชื่อสนิท
ในเช้าวันรุ่งขึ้น เฮลิคอปเตอร์ก็มาถึงเพื่อมารับรอฟไป พอได้ยิน
เสียงเครื่องมาเท่านั้นแหละเขารีบลุกและโผไปที่เครื่องเหมือนคนหนีอะไร
สักอย่าง ไม่มีมาดเลย ไม่มีแม้กระทั่งการกล่าวอ�ำลาลูกน้องของตัวเอง
แต่พอเขาไปแล้วผมก็รู้สึกถึงภาระอันหนักอึ้ง เพราะตอนนี้ผมได้เป็น
ผู้รับผิดชอบหมวดของผมอย่างเต็มรูปแบบแล้ว สิ่งแรกที่ผมท�ำคือส�ำรวจ
หมวดของตัวเอง
หมวดที่ ๒ ของผมตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านทรองแลมที่รับผิดชอบ
และฐานของหมวดผมเป็นเนินเล็ก ๆ ตั้งอยู่สูงกว่าหมู่บ้านเพียง ๒๐ ฟุต
ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมกว้างด้านละ ๒๕ เมตร หมู่บ้านทรองแลมนี้
มีลักษณะเป็นรูปตัวแอลคว�่ำ ด้านยาวทอดตัวไปในแนวทิศตะวันออก-
ตะวันตก ส่วนด้านสั้นทอดตัวแนวเหนือ-ใต้ ที่ตั้งของฐานหมวดอยู่ทาง
ตะวันตกของด้านสั้นของตัวแอล
การวางต�ำแหน่งของหมวดแบบนี้ท�ำให้สามารถมองเห็นหมู่บ้าน
ได้ถนัด ระหว่างหมู่บ้านและหมวดมีการวางลวดหนามหีบเพลงหลายชั้น

39
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เพื่อป้องกันการจู่โจมของข้าศึก แต่ก็ใช่ว่าลวดหนามหีบเพลงที่มีปลาย
อันแหลมคมราวกับใบมีดโกนจะสามารถต้านทานข้าศึกได้เสียทีเดียว ข้าศึก
ทีม่ คี วามช�ำนาญสามารถลอดผ่านมันไปได้ดว้ ยตัวเปล่า ดังนัน้ เพือ่ เป็นการ
ป้องกันอีกชั้นหนึ่ง หมวดของผมได้วางพลุส่องสว่างและกับระเบิดไว้เป็น
ระยะภายในลวดหนาม นอกจากนี้ทางรัฐบาลเวียดนามใต้ยังได้ส่งก�ำลัง
ทหารจ�ำนวน ๑ หมวดปืนเล็กเข้าไปคุ้มกันหมู่บ้านอีกชั้นหนึ่งโดยตั้งฐาน
อยูภ่ ายในหมูบ่ า้ น ได้ขา่ วว่ากองก�ำลังนีแ้ กร่งกล้าไม่นอ้ ย เท่าทีผ่ มสัมผัสกับ
นายทหารของพวกเขา ผมว่าภาวะความเป็นผู้น�ำยังน้อยอยู่
การป้องกันหมวดของเราชั้นในสุดเป็นลวดหนามหีบเพลงอีก ๖
ชั้น และยังมีหลุมขวากแทรกอยู่เป็นระยะ อีกทั้งยังมีพลุส่องสว่างกับ
ทุ่นระเบิดเคลย์มอร์ถึง ๕๔ ลูกวางไว้เป็นด่านป้องกันขั้นสุดท้าย ระเบิด
เคลย์มอร์ที่ใช้นี้จุดระเบิดด้วยสารซีโฟร์ (C-4) ที่ภายในเป็นเม็ดลูกปราย
เหล็กทีฝ่ งั อยูห่ ลายร้อยเม็ด คล้าย ๆ กับเมล็ดถัว่ ลันเตาแข็ง ๆ ในมันฝรัง่ บด
แช่แข็งยังไงยังงั้น
ทุ่นระเบิดเคลย์มอร์เหล่านี้จะถูกจุดระเบิดโดยกระแสไฟฟ้าผ่าน
อุปกรณ์ที่เรียกว่าแครกเกอร์และสายไฟ เรายังมีคูลึก ๔ ฟุต รายรอบฐาน
ทหารของเราจะรบในคูนี้ เราจึงวางกระสุนชนิดต่าง ๆ ระเบิดขว้าง รวมถึง
จรวดต่อสู้รถถังไว้เป็นระยะ แต่ละหมู่ปืนเล็กจะรับผิดชอบในแต่ละด้าน
ของฐานทีเ่ ป็นรูปสามเหลีย่ ม และสุดท้ายในแต่ละมุมของฐานจะวางปืนกล
เอ็ม ๖๐ (M60) ซึ่งถือว่าเป็นอาวุธที่มีอ�ำนาจท�ำลายล้างสูงในระดับหมวด
ไว้ เพื่อยับยั้งการบุกของข้าศึก ปืนกลเอ็ม ๖๐ นี้จะช่วยหมวดทหารราบ
ได้มาก โดยเฉพาะในกรณีที่ก�ำลังของหมวดที่รักษาฐานเหลือไม่ถึง ๑๐๐
เปอร์เซ็นต์ ซึง่ ส่วนมากจะเป็นอย่างนัน้ เพราะก�ำลังส่วนหนึง่ จะต้องออกไป
ท�ำการลาดตระเวน
40
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ที่บังคับการหมวดตั้งอยู่ตรงกลางของฐานพอดีและหลุมที่ใช้เป็น
ที่ ก� ำ บั ง ส� ำ หรั บ ผู ้ บั ง คั บ หมวดก็ ดู ตื้ น เสี ย เหลื อ เกิ น ฐานนี้ เ ดิ ม ทหาร
เวียดนามใต้เคยใช้ จึงยังมีซากหอคอยไม้ไผ่สูง ๔๐ ฟุต ใครที่จะใช้มันเป็น
ที่สังเกตการณ์ก็เสี่ยงเอาหน่อยก็แล้วกัน
ระหว่างลวดหนามหีบเพลงทีว่ างรอบฐานจะมีทางเข้าออกส�ำหรับ
หมู ่ ที่ อ อกไปท� ำ การลาดตระเวน หรื อ เป็ น ทางออกฉุ ก เฉิ น บริ เวณที่
เฮลิคอปเตอร์ลงจอดจะอยูน่ อกฐานไปทางทิศใต้ เลยจากลานเฮลิคอปเตอร์
ไปลักษณะภูมิประเทศจะเป็นที่ราบสลับกับป่าทึบ ทางทิศเหนือของฐาน
จะเป็นทุง่ นาเขียวขจีสลับกับทีร่ าบทีม่ ตี น้ ไม้ขนึ้ เป็นหย่อม ๆ เหมาะส�ำหรับ
ข้ า ศึ ก ที่ จ ะใช้ เ ป็ น ที่ ซุ ่ ม โจมตี ทางทิ ศ ตะวั น ตกเลยไปจนถึ ง ทางหลวง
หมายเลข ๑ ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบสูงสลับกับทุ่งนา ลักษณะ
ภูมิประเทศทางด้านนี้อันตรายที่สุดเพราะข้าศึกสามารถใช้เป็นที่สังเกต
การเคลื่อนไหวของหมวดเราได้และยังสามารถยิงอาวุธระยะไกลใส่เรา
ได้ด้วย ทางทิศตะวันออกของฐานเป็นหมู่บ้านที่หมวดผมมีภารกิจต้อง
ปกป้อง และเลยหมู่บ้านไปจะเป็นทะเลจีนใต้
ถึงแม้วา่ ภายในฐานจะมีความปลอดภัยสูง แต่เมือ่ พิจารณารอบ ๆ
ผมมั่นใจว่าฐานของเราตั้งอยู่ในดงของข้าศึกจริง ๆ หน่วยทหารของฝ่าย
เดียวกันที่อยู่ใกล้ที่สุดคือฐานกองร้อยของผมซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไป ๓
กิโลเมตร ที่นั่นจะประกอบไปด้วยทหารราบ ๑ หมวด เครื่องยิงลูกระเบิด
ขนาด ๘๑ มิลลิเมตร ๓ กระบอก ผมคิดว่าผู้บังคับกองร้อยผมไม่ค่อยจะ
รุกรบสักเท่าไหร่ เขามักจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยูแ่ ต่ในฐานกองร้อย แม้กระทัง่
พื้นที่ที่ควรจะออกไปลาดตระเวนก็ไม่ไป เลยต้องเป็นภาระของหมวด
ผมแทน นอกจากฐานกองร้อยแล้วยังมีหน่วยทหารอเมริกันอีกหน่วยหนึ่ง
อยูท่ างทิศตะวันตกของหมวดผมประมาณ ๔ กิโลเมตร ผมคิดว่าส�ำหรับผม
41
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

หรือข้าศึกหน่วยนี้ตั้งอยู่ไกลเกินไป ถัดไปทางทิศใต้ของหมวดประมาณ ๕
กิโลเมตรคือที่ตั้งของหน่วยทหารเวียดนามใต้อีกหน่วยหนึ่ง หลายเดือน
หลังจากที่ผมมาปฏิบัติหน้าที่ หมวดผมได้มีโอกาสไปช่วยหน่วยดังกล่าว
จากการถูกโจมตี แต่เมื่อไปถึงปรากฏว่าหน่วยนี้ละลายไปแล้ว ทหารทั้ง
๕๐ นายถูกฆ่าตายหมด มันบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของทหารเวียดนามใต้
ได้ระดับหนึ่ง
ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ผมเป็นนายทหารคนเดียวที่รับผิดชอบ
พื้นที่กว่า ๒๐ ตารางกิโลเมตร นั่นคือจุดเริ่มต้นการรบของผม หลังจาก
ที่เตรียมตัวมานานเพื่อการรบ มันถึงเวลาที่ผมต้องแสดงออกถึงภาวะผู้น�ำ
เช้าตรู่ของที่นี่ช่างงดงามเหลือแม้จะอยู่ในบรรยากาศของสงคราม ผมนั่ง
ตรึกตรองแผนการว่าต้องท�ำอะไรบ้าง

42
บทที่ ๕
รับหน้าที่ผู้บังคับหมวด

ความรู้สึกแรกของการเป็นผู้บังคับหมวดที่นี่คือความโดดเดี่ยว
เหมือนอยู่คนเดียว เช้านี้ ลูกน้องผมต่างท�ำธุระของตน เช่น แปรงฟัน
โกนหนวด ปลดทุกข์ มีเสียงทักทายกันบ้างเป็นจุด ๆ มีบทสนทนามา
กระทบหูบ้าง เช่น “เหลืออีก ๙๐ วันก็จะกลับบ้านกันแล้ว” บางคนก็
หันมาทางผมและทักทายเล็ก ๆ น้อย ๆ
ผมรวบรวมสัมภาระของใช้ส่วนตัว เช่น อาวุธประจ�ำกาย สายโยง
เข็มขัดสนาม เป้หลัง แล้วไปที่บังคับการหมวด ผมขอเวลาอยู่กับตัวเอง
เล็กน้อยเพือ่ ท�ำสมาธิกอ่ นทีจ่ ะไปท�ำหน้าทีผ่ บู้ งั คับหมวดอย่างเป็นทางการ
ผมเคยคิดว่าผู้บังคับกองร้อยคงจะมาคอยให้ค�ำแนะน�ำและออก
ค�ำสั่งให้ปฏิบัติ แต่ผมคิดผิด ผมยังไม่เห็นผู้บังคับกองร้อยเลย โน่น ต้องรอ
ไปอีกหลายสัปดาห์กว่าจะได้เจอกัน ความเป็นจริงก็คือผมเป็นนายทหาร
คนเดียวที่นี่และใหญ่ที่สุด ผมต้องรับผิดชอบ แต่ผมก็ยังใหม่จะมีใครมาให้
ค�ำแนะน�ำผม จ่าหรือผูห้ มูเ่ หรอ ผมอาจจะรับฟังข้อเสนอแนะของเขาได้แต่
สุดท้ายค�ำสัง่ ให้ปฏิบตั ภิ ารกิจต่าง ๆ ต้องออกจากผม ผมคงไม่สามารถออก
ค�ำสัง่ โดยใช้คำ� พูด เช่น “พวกเราคิดว่าหมวดเราควรปฏิบตั อิ ย่างไร” ผมท�ำ

43
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

อย่างนั้นไม่ได้แน่นอน เพราะรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นความรับผิดชอบของผม
ในฐานะผู้บังคับหมวด
ช่วงแรก ๆ ของการปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับหมวดเป็นช่วงที่ส�ำคัญ
มากส�ำหรับผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมรภูมิรบ ผมรู้ว่าก�ำลังเป็นที่จับตา
มองของลูกน้อง พวกเขาคงก�ำลังคิดว่าผู้หมวดใหม่คนนี้จะเป็นอย่างไร
หน้าตาเป็นอย่างไร จะเหมือนคนก่อนไหม เป็นต้น สถานการณ์ทนี่ เี่ ป็นเรือ่ ง
ของความเป็นความตาย ถ้าก้าวแรกของผมผิดพลาด ความน่าเชื่อถือก็จะ
หมดไปเลยและก็จะมีผลต่อลูกน้องด้วย
ผมตัดสินใจว่าจะพูดเรื่องอะไรกับหมวดผมโดยคิดว่าน่าจะเป็น
เรื่องยุทธวิธีของฝ่ายเรา เพราะเป็นเรื่องพื้นฐานที่ส�ำคัญ ในสมรภูมิรบ
ทุกอย่างที่ท�ำต้องอยู่ในกรอบระเบียบของส่วนรวมที่ตามตกลงกันไว้เพื่อ
ความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการกิน นอน การเดิน การลาดตระเวน
ผมต้องออกค�ำสั่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ให้ชัดเจน และมันก็จะเป็นเครื่องวัด
ความเป็นผู้น�ำอย่างหนึ่งด้วยว่าเราใส่ใจลูกน้องแค่ไหน
ผมส�ำรวจสภาพแวดล้อมอย่างละเอียดเท่าที่เวลาจะมีให้ ไม่ว่า
จะเป็นภายในฐาน หมู่บ้านที่ต้องคุ้มกันรวมถึงสิ่งแวดล้อมรอบฐาน เช่น
ทุง่ นา ก่อนทีจ่ ะออกค�ำสัง่ ใด ๆ ลูกน้องคงจะเฝ้าดูอยูด่ ว้ ยว่าเรามีกนึ๋ แค่ไหน
ในขณะเดียวกันผมก็ต้องข่มใจตัวเองไม่ให้ประหม่าเพราะเราก็ยังใหม่
สิ่งแรก ๆ ที่ผมควรจะท�ำอีกอย่างคือส่งชุดออกไปลาดตระเวน
ภารกิจของเราที่นี่คือการคุ้มกันหมู่บ้าน แต่จะท�ำอย่างนั้นได้อย่างมี
ประสิทธิภาพเราก็ตอ้ งรูส้ ถานทีร่ อบข้าง นัน่ คือต้องออกไปส�ำรวจนอกฐาน
ถ้าเราอยู่แต่ในฐานจริงอยู่มันอาจจะปลอดภัยในระดับหนึ่งแต่คงไม่ตลอด
ไปเพราะจะตกเป็นเป้านิ่งให้ข้าศึกได้ อีกอย่างข่าวสารที่แท้จริงเราคงจะ

44
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ไม่ได้รับอย่างแน่นอน ในแต่ละวันผมจะส่งชุดลาดตระเวนออกไป ๓ ชุด


โดยเวลาที่ออกลาดตระเวนของแต่ละชุดจะต่างกัน ท�ำให้มีทหาร ๒ หมู่
ปืนเล็กรักษาฐานไว้ทกุ ขณะ ถ้าหมูท่ อี่ อกลาดตระเวนมีเหตุปะทะกับข้าศึก
และต้องการก�ำลังเสริม หมวดก็จะส่งอีก ๑ หมู่ปืนเล็กไปช่วยโดยเหลือ
โดยยังมีอีก ๑ หมู่ไว้รักษาฐาน ความท้าทายในการจัดหมู่ไปลาดตระเวน
อยู่ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเวลาในการออก
ลาดตระเวนหรื อ แม้ ก ระทั่ ง เส้ น ทางเพื่ อ ให้ ข ้ า ศึ ก จั บ ทางได้ ย าก การ
ลาดตระเวนจะท�ำทั้งกลางวันและกลางคืนโดยหากมีการตรวจพบข้าศึก
หมู่ที่ลาดตระเวนก็พร้อมที่จะปรับสภาพเพื่อเตรียมจู่โจมได้ โดยส่วนตัว
ผมคิดว่าการที่ทหารอเมริกันและทหารจากรัฐบาลเวียดนามใต้มาประจ�ำ
อยู่ในพื้นที่ จะเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีถึงศักยภาพว่าจะสามารถรักษา
พื้นที่ได้จากพวกเวียดกงได้หรือไม่
การลาดตระเวนในเวลากลางคืนเป็นสิ่งจ�ำเป็น เพื่อไม่ให้เราเป็น
ฝ่ายตั้งรับเสมอไป จริง ๆ แล้วไม่ได้หมายความว่าเราต้องไปเดินจริง ๆ แต่
เป็นการซุม่ โจมตีขา้ ศึก โดยทีช่ ดุ ลาดตระเวนจะเลือกจุดใดจุดหนึง่ เป็นพืน้ ที่
ปฏิบัติการ เมื่อข้าศึกเดินเข้ามาในพื้นที่ก็ท�ำการโจมตีเลย โดยปกติแล้ว
ข้าศึกจะได้เปรียบในเวลากลางคืน พวกมันมักจะวางกับดักไว้ในที่ต่าง ๆ
ในระหว่างทีล่ าดตระเวนในเวลากลางวันถ้าตรวจเจอระเบิดก็ถอื ว่าโชคดีไป
แต่ในเวลากลางคืนเป็นเรื่องที่ล�ำบากมาก ถ้าไม่เดินไปเหยียบหรือสะดุดก็
ถือว่าโชคดีไป อีกอย่างข้าศึกมักจะได้กลิน่ ของทหารอเมริกนั ล่วงหน้าว่าไป
ท�ำการซุ่มโจมตีในจุดใดและมันก็อันตรายมากส�ำหรับพวกเรา
ชาวบ้านนี่แหละคือตัวอันตราย ถ้าเขาไม่เป็นฝ่ายเรา เขาจะ
สามารถสังเกตการเคลื่อนไหวของเราว่าออกจากฐานตอนไหนแล้วส่ง
สัญญาณให้พวกเวียดกงรู้ ไม่ว่าจะโดยการจุดเทียนหรือปิดเปิดวิทยุเพื่อ
45
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เป็นการส่งสัญญาณ และถ้าเป็นอย่างนั้นโอกาสที่ฝ่ายเราจะสูญเสียก็จะ
มากขึ้น และไม่มีอะไรอันตรายมากไปกว่าการถูกโอบในระหว่างที่ท�ำการ
ซุม่ โจมตี และถ้าไม่มกี ำ� ลังเสริมมาช่วย โอกาสจะสูญเสียมีถงึ ๙๐ เปอร์เซ็นต์
วิธกี ารลดอันตรายต่าง ๆ ทีอ่ าจจะเกิดขึน้ กับชุดทีอ่ อกซุม่ โจมตีกม็ หี ลายวิธี
อาทิ เปลี่ยนเส้นทางเดินลาดตระเวน เปลี่ยนจุดซุ่มโจมตี กลับฐานเร็วขึ้น
หรือเพิ่มเติมเรื่องการพรางบุคคล เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ข้าศึกตรวจจับได้
ง่าย แต่การเปลีย่ นจุดซุม่ โจมตีบอ่ ยก็มขี อ้ เสียเหมือนกันคือเพิม่ โอกาสเสีย่ ง
ในการไปเหยียบกับระเบิด หรือเดินเข้าไปยังจุดซุ่มโจมตีของข้าศึก ทั้ง ๆ
ที่รู้ว่าการลาดตระเวนหรือการซุ่มโจมตีในเวลากลางคืนนั้นอันตรายมาก
แต่ในฐานะที่เป็นผู้บังคับหมวดผมต้องท�ำเพื่อป้องกันการตกเป็นเป้านิ่ง
แล้วผมควรจะวางตัวเองอย่างไรในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ที่นี่
แน่นอนการเป็นผูบ้ งั คับหมวดในสนามรบ การวางต�ำแหน่งทีอ่ ยูข่ องตัวเอง
เป็นเรื่องส�ำคัญมาก มันเหมือนกับในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ต�ำแหน่งที่ตั้ง
จะส�ำคัญทีส่ ดุ ในฐานะทีเ่ ป็นผูบ้ งั คับหมวดผมต้องคิดดูให้ดวี า่ จะอยูจ่ ดุ ไหน
เวลาใด ปกติแล้วใน ๑ หมวดทหารราบจะประกอบไปด้วย ๔ หมู่ หมู่ละ
๑๐ คน โดยเป็นหมู่ปืนเล็ก ๓ หมู่ อีก ๑ หมู่เป็นหมู่ปืนกล แต่ในความเป็น
จริงหนึ่งหมู่ของเรามีคนแค่ ๖ - ๗ คนเท่านั้นเอง ชุดที่ออกไปลาดตระเวน
ในแต่ละครัง้ ก็คอื หมูป่ นื เล็กทีป่ กติแล้วคนทีร่ บั ผิดชอบในการลาดตระเวน
ก็คือผู้บังคับหมู่นั่นเอง ถ้าผมไปกับชุดลาดตระเวนข้อดีคือจะได้เห็นการ
ท�ำงานของลูกน้องและสามารถให้ค�ำแนะน�ำได้ว่าควรจะปรับปรุงอย่างไร
อีกอย่างลูกน้องก็จะเคารพผมมากขึ้นเพราะการลาดตระเวนถือว่าเป็น
ภารกิจทีอ่ นั ตรายทีส่ ดุ หากหัวหน้าไม่ไปรับความเสีย่ งกับลูกน้องเอาแต่อยู่
ในฐานความศรัทธาต่อผูน้ ำ� ก็จะไม่มี แต่การทีจ่ ะออกไปท�ำการลาดตระเวน
กับลูกน้องทุกครั้งคงไม่เหมาะ เพราะก�ำลังพลส่วนใหญ่อยู่ที่ฐาน เราต้อง

46
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

รับผิดชอบฐานด้วย กล่าวคือต้องอยู่ทั้งที่ฐานและไปลาดตระเวนแต่ต่าง
เวลากัน ต้องท�ำอย่างนีจ้ นกว่าลูกน้องจะมัน่ ใจในตัวเรา ดังนัน้ ใน ๒๔ ชัว่ โมง
ผมจะออกไปลาดตระเวน ๑ ครั้ง และจะอยู่ที่ฐานในเวลาที่เหลือหรือ
ประมาณ ๒ ใน ๓ ของแต่ละวัน
ในระหว่างการลาดตระเวนความรับผิดชอบและอ�ำนาจในการ
สั่ ง การจะมาจากผู ้ บั ง คั บ หมู ่ ซึ่ ง จะปฏิ บั ติ ห น้ า ที่ เ ป็ น หั ว หน้ า ชุ ด ในการ
ลาดตระเวน ถ้าผมร่วมไปด้วยก็จะเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น เว้นแต่
มี เ หตุ ป ะทะที่ รุ น แรงหรื อ มี ก ารรวมก� ำ ลั ง กั บ อี ก หนึ่ ง หมู ่ ป ื น เล็ ก
ในสถานการณ์ดงั กล่าวผมจึงจะรวบอ�ำนาจในการสัง่ การทัง้ หมดมาอยูท่ ผี่ ม
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บังคับหมวดควรท�ำ และในกรณีที่ผมอยู่ที่ฐานในขณะที่
ชุ ด ลาดตระเวนมี ก ารปะทะและต้ อ งการก� ำ ลั ง เสริ ม ผมในฐานะที่ เ ป็ น
ผู ้ บั ง คั บ หมวดก็ ค วรน� ำ ก� ำ ลั ง เสริ ม ออกไปช่ ว ยชุ ด ลาดตระเวนนั้ น ด้ ว ย
พูดง่าย ๆ ก็คือ ผู้บังคับหมวดที่ดีควรไปอยู่ในที่ที่ลูกน้องมีการปะทะ หรือ
ในที่ที่ก�ำลังพลส่วนมากของหมวดอยู่
ผมคิดอะไรไปสักพักและมั่นใจว่าถึงอย่างไรเสียอ�ำนาจในการ
ตัดสินใจว่าจะให้หมวดท�ำอะไรนัน้ อยูท่ ผี่ ม ผมใช้เวลาไม่ถงึ ๑๕ นาทีในการ
เก็บข้าวของให้เข้าที่ และในอีกหลายเดือนจากนี้ไปผมรู้อยู่แก่ใจว่าเรายัง
ไม่มีประสบการณ์ในการรบและจะประมาทไม่ได้ แผนการต้องมีการปรับ
เปลี่ยนอยู่เสมอเพื่อความอยู่รอดของฐานและความส�ำเร็จของภารกิจ เมื่อ
เข้ามาอยู่ในที่บังคับการหมวดเรียบร้อยแล้วผมเรียกให้พลวิทยุโทรศัพท์
มาพบ ซึ่งก็คือพลทหารที่ท�ำหน้าที่แบกวิทยุในระหว่างการรบและต้องอยู่
ใกล้กับผู้บังคับหมวดเสมอเพื่อความสะดวกในการใช้วิทยุสื่อสาร พลวิทยุ
ของผมชื่อ ฟิล เนล “ไปตามรองผู้บังคับหมวดและผู้บังคับหมู่มาหน่อยซิ”
ผมสั่งด้วยน�้ำเสียงที่ผมคิดว่านิ่งและใช้ได้ คือชัดเจน ไม่ร้อนรนจนเกินไป
47
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น บางทีภารกิจของผมที่เวียดนามอาจไปได้สวย
ก็ได้
ในระหว่างที่รอลูกน้องมาพบผมหยิบกระป๋องลูกพีชซึ่งอยู่ในชุด
เสบียงสนามที่กองทัพบกสหรัฐแจกจ่ายให้มากิน ภายในชุดเสบียงสนามก็
จะมีไข่กระป๋องกับแฮมอยู่ด้วย ผมว่ามันไม่อร่อยเลยยิ่งในขณะที่ยังเย็น ๆ
อยู่สภาพไม่ต่างจากไขมันที่จับตัวเป็นก้อนเลยคือไม่น่ากิน สิ่งที่น่ากินที่สุด
ในความคิดผมก็คือพีชกระป๋องนี่แหละ กินแทนอาหารเช้าได้เลย มันคือ
สิ่งที่ดีที่สุดที่กองทัพบกจัดให้ได้ ขณะที่ก�ำลังกิน พลวิทยุฟิล เนล ก็กลับ
มาบอก “เดี๋ยวก็มาถึงครับผู้หมวด” ฟิล เนลเป็นคนหน้าตาบ่งบอกว่า
เป็นคนใจดี ผมสีทอง มีกระบ้างตามใบหน้าและไหล่ หลังจากนั้นฟิล เนล
ก็เลือกดูกระป๋องเสบียงสนามว่าจะกินอะไรดี เขาก็ยงั ไม่กล้าพูดกับผมมาก
ยังรอดูท่าทีอยู่ว่าผู้หมวดคนนี้จะเป็นอย่างไร ผมตัดสินใจยังไม่ชวนเขาคุย
อะไร จนกว่าจะสั่งการกับรองผู้บังคับหมวดและผู้บังคับหมู่เรียบร้อยก่อน
จ่า จอน เฮอร์นานเดซ รองผู้บังคับหมวดมาถึงก่อน เขาเป็นคน
ผิวสีค่อนข้างเข้มและหุ่นทะมัดทะแมง เชื้อสายเม็กซิกันมาจากรัฐเท็กซัส
(แต่เคยอยูเ่ มืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโดด้วย) จ่าเฮอร์นานเดซรับราชการมา
ตั้งแต่สมัยสงครามเกาหลีและเป็นทหารที่รับราชการนานที่สุดในหมวด
สงครามเวียดนามท�ำให้นายทหารชั้นประทวนในกองทัพลดลงไปมากจาก
การเสียชีวิต คนที่รอดชีวิตจากการรบในครั้งแรกก็ไปอีกเป็นครั้งที่ ๒ หรือ
๓ แต่ยิ่งไปบ่อยครั้งเท่าไหร่โอกาสที่จะรอดชีวิตก็น้อยลงเท่านั้น คนที่รอด
ชี วิ ต จากการรบบางคนก็ รั บ ราชการต่ อ อี ก ๒๐ ปี ก ่ อ นจะเกษี ย ณก็ มี
แต่บางคนก็ลาออกก่อน แต่การใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุคงไม่มีประโยชน์
ส�ำหรับคนที่เสียชีวิตในสนามรบหรือพิการ

48
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

จ่าเฮอร์นานเดซใกล้จะเกษียณอายุแล้วในอีกไม่กี่ปี ดังนั้นแกจะ
เป็นคนที่รอบคอบมากไม่เสี่ยงอะไรง่าย ๆ โดยไม่มเี หตุผล และก็ไม่ใช่คนที่
บ้าระห�ำ่ กระหายสงคราม ผมรูจ้ กั จ่าเฮอร์นานเดซตัง้ แต่สมัยทีเ่ ขาเป็นผูช้ ว่ ย
ครูฝกึ ทีโ่ รงเรียนจูโ่ จม (แต่ดเู หมือนแกจะจ�ำผมไม่ได้) ช่วงของการฝึกในภาค
ที่ลุ่มที่รัฐฟลอริดาเป็นช่วงที่ล�ำบากมากและเขาก็ได้รับหน้าที่เป็นผู้ช่วย
ครูฝึกกะละ ๒๔ ชั่วโมง ตอนนั้นนักเรียนจู่โจมท�ำการลาดตระเวนมาแล้ว
๕ วัน ๕ คืน ต่างก็อดหลับอดนอน เมื่อมาถึงแม่น�้ำเยลโล่ เวลาประมาณ
๕ ทุ่ม และพวกเราก็ต้องข้ามแม่น�้ำด้วยวิธีสร้างสะพานเชือก อากาศที่นั่น
เย็นมากประมาณ ๒๐ องศาฟาเรนไฮต์ และน�ำ้ ก็เย็นยะเยือก สะพานเชือก
ที่สร้างบังคับให้เราต้องเปียกน�้ำอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมเป็นคนสุดท้ายที่ต้อง
ว่ายน�้ำข้ามเพราะต้องปลดเชือกจากอีกฝั่งหนึ่งด้วย จ่าเฮอร์นานเดซ
ในฐานะทีเ่ ป็นครูฝกึ จะเป็นคนสุดท้ายทีจ่ ะข้ามสะพานเชือกระหว่างทีค่ อย
เพื่อจะข้ามเขาก็ถาม “เหลืออีกกี่คน” ผมรู้ได้เลยจากน�้ำเสียงว่าเขาเอง
ก็ไม่อยากข้ามเช่นเดียวกับนักเรียนจู่โจมเพราะน�้ำเย็นมาก แต่ก็ท�ำเป็น
เสียงเข้มไปอย่างนั้นเอง วันรุ่งขึ้นหลังจากข้ามแม่น�้ำเยลโล่แล้ว ครูฝึก
คนอื่นก็มาเปลี่ยน แต่นักเรียนจู่โจมก็ต้องลาดตระเวนในภารกิจอื่นต่อไป
สิ่งที่ส�ำคัญคือ เขาก็ข้ามแม่น�้ำที่เย็นยะเยือกเช่นเดียวกับนักเรียน คือไม่
เอาเปรียบนักเรียนจูโ่ จมและกระท�ำด้วยความรอบคอบ ในฐานะทีท่ ำ� หน้าที่
เป็นรองผู้บังคับหมวด เฮอร์นานเดซก็แสดงออกถึงความรอบคอบเช่นกัน
เขาจะไม่เสี่ยงชีวิตของลูกน้องในสิ่งที่ไม่มีเหตุผลอันควรเช่นความบ้าระห�่ำ
เป็นอันขาด
“สวัสดียามเช้าครับผูห้ มวด” จ่าเฮอร์นานเดซทักทายผม ดูเหมือน
ว่าเขาจะจ�ำผมไม่ได้จริง ๆ ผมก็ทักทายกลับและผู้บังคับหมู่อีก ๓ คนก็
มาถึงพอดี ผู้บังคับหมู่ทั้ง ๓ คนยังดูเด็กอยู่เลย อายุอยู่ในช่วง ๒๐ - ๒๑ ปี

49
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผู ้ บั ง คั บ หมู ่ เจมส์ รู ป ร่ า งบอบบางผมสี ท อง มาจากเมื อ งวอลโดสต้ า


รัฐจอร์เจีย เขาทักทายผมด้วยสีหน้าทีแ่ จ่มใสและกระตือรือร้น ผูบ้ งั คับหมู่
แบรดชอว์ จากรัฐนอร์ทแคโรไลนา รูปร่างเล็กผิวสีเข้ม เป็นคนเงียบ ๆ ไว้
หนวด ประกอบกับการแต่งตัวที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยยิ่งท�ำให้ดูแก่กว่าวัย
ส่วนอีกคนคือผู้บังคับหมู่ดอน จากเมืองสเตทไลน์ รัฐเคนทักกี เป็นที่ผม
ประทับใจมากที่สุดในบรรดาผู้บังคับหมู่ทั้งหมดคือ ผู้หมู่ดอน เขาเป็นคน
รูปร่างใหญ่ ผมดกด�ำ และเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง เดิมทีดอนท�ำหน้าที่
เป็นเสมียนพิมพ์ดีดในกองทัพเนื่องจากเคยเรียนมหาวิทยาลัยมา ๒ ปี
แต่เบือ่ งานก็เลยสมัครมารบในแนวหน้า อีกอย่าง การมารบในแนวหน้าจะ
มีรายได้เพิ่ม ๕๕ เหรียญสหรัฐต่อเดือนด้วย ดอนท�ำหน้าที่ผู้บังคับหมู่ได้
อย่างดี ถึงแม้จะเป็นคนพูดจานุ่ม ๆ แต่ก็ด้วยน�้ำเสียงที่ฉะฉานและมั่นใจ
ผมมารู้ทีหลังว่าดอนท�ำหน้าที่ผู้บังคับหมวดตัวจริงในช่วงก่อนที่
ผมจะมารับต�ำแหน่ง เพราะผูห้ มวดคนก่อนคือรอฟ ไม่ได้ทำ� หน้าทีท่ คี่ วรท�ำ
และรองผู้บังคับหมวดเฮอร์นานเดซก็ระมัดระวังเกินไปจนไม่กล้าริเริ่ม
สิ่งที่จ�ำเป็นเพื่อความอยู่รอดของหมวด สิ่งที่เขาท�ำเป็นหลักคือให้การ
สนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และสิง่ ของทีจ่ ำ� เป็นอืน่ ๆ รวมถึงก�ำกับดูแล
ด้านสุขอนามัยของลูกน้อง แต่จะไม่ท�ำอะไรเกินไปกว่านั้น ผมคิดว่าผู้หมู่
ดอนรู้ถึงความจ�ำเป็นในการวางแผนการที่รอบคอบเพื่อความอยู่รอดของ
หมวดจึงริเริม่ แผนการลาดตระเวน ตรวจเช็กฐานรวมถึงการควบคุมหมูบ่ า้ น
เมือ่ ทุกคนมาพร้อมผมจึงให้แนวทางการปฏิบตั ิ ภายในหมูผ่ บู้ งั คับ
หมู่ก็จะควบคุมการปฏิบัติของลูกน้อง ในขั้นต้นให้ปฏิบัติตามแผนเดิม
ไปก่อนจนกว่าจะมีคำ� สัง่ เป็นอย่างอืน่ จากผูบ้ งั คับหมวดคือผม ปกติผบู้ งั คับ
หมวดก็จะให้ค�ำสั่งแล้วผู้บังคับหมู่ก็จะถ่ายทอดค�ำสั่งนั้นไปยังลูกหมู่ของ
ตั ว เอง ผมเน้ น ย�้ ำ ว่ า ค� ำ สั่ ง ทางยุ ท ธวิ ธี ต ้ อ งเป็ น ไปตามมาตรฐานของ
50
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

กองทัพบกเท่านั้น คือจะประกอบไปด้วย ๕ หัวข้อคือ สถานการณ์ ภารกิจ


แนวความคิดในการปฏิบัติ การสนับสนุน และการควบคุมบังคับบัญชา
ปฏิกริ ยิ าของลูกน้องจากการออกค�ำสัง่ ของผมบ่งบอกชัดเจนว่าพวกเขาคง
ก�ำลังคิดว่าผู้หมวดคนใหม่ของเขาก�ำลังสั่งการโดยอิงต�ำราเป๊ะ ๆ ซึ่งก็มีทั้ง
ข้อดีและไม่ดีจากมุมมองของพวกเขา จ่าเฮอร์นานเดซมองผมด้วยสายตา
ที่แปลก ๆ เขาอาจจะคิดว่าผู้หมวดใหม่คนนี้จะพาพวกเขาไปไหนและ
จะอยู่กับพวกเขานานแค่ไหน ส�ำหรับผู้หมู่ดอน ดูเหมือนจะโล่งใจเพราะ
อย่างน้อยผมก็ดูไม่เหมือนผู้หมวดคนก่อนที่เอาแต่หลบอยู่ในที่บังคับการ
หมวดไม่ยอมไปเสีย่ งอันตรายกับลูกน้องเลย ผูห้ มูเ่ จมส์ควักเอาเศษกระดาษ
ออกมาจากกระเป๋าและจดบันทึกในสิง่ ทีผ่ มสัง่ ส่วนผูห้ มูแ่ บรดชอว์ดเู หมือน
ก�ำลังนั่งหลับ และท้ายสุดคือพลวิทยุของผมเนล แน่นอนเขาไม่เกี่ยวข้อง
กับการรับค�ำสั่ง แต่ก�ำลังวุ่นอยู่กับการอุ่นอาหารอยู่ข้างหลัง
“โอเค ทุ ก คน ถ้ า ไม่ มี ค� ำ ถามอะไรอี ก หมู ่ ข องเจมส์ อ อก
ลาดตระเวนเวลา ๑๓๐๐ หมู ่ ข องดอนออกลาดตระเวนหลั ง จากหมู ่
ของเจมส์กลับมาแล้ว ส่วนหมู่ของแบรดชอว์ให้ท�ำการซุ่มโจมตีในเวลา
กลางคืนห่างจากฐานไปทางทิศใต้ ๓๐๐ เมตร ในแผนที่จะเป็นที่โล่ง
ให้วางก�ำลังบนขอบของที่โล่ง” สักพักแบรดชอว์ก็พูดขึ้นมา “ไม่เข้าท่า
เลยครับ มีคนปลูกมันฝรั่งบนที่โล่งนั่นแล้วก็ใช้เป็นที่ปลดทุกข์หลังจาก
ท�ำงานบนทุ่งนาที่อยู่ติดกัน กลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วเลย” นั่นเป็นวิธีการพูด
ของแบรดชอว์ เมื่อเขาไม่เข้าใจค�ำสั่ง ผมเลยพูดต่อว่า “วางก�ำลังซุ่มโจมตี
บนขอบของทุ่งมันฝรั่งนั่นแหละ ผมจะไปด้วย และก็ส�ำหรับเจมส์ ก่อนจะ
ออกไปท�ำการลาดตระเวนให้บอกผมด้วย ผมจะไปฟังตอนทีค่ ณ ุ ออกค�ำสัง่
เพราะผมจะไปด้วย ส่วนจ่าเฮอร์นานเดซให้อยู่ที่ฐานกับพลวิทยุ เมื่อผม
ต้องการติดต่อกับฐานผมจะติดต่อผ่านวิทยุประจ�ำหมู”่ เมือ่ ออกค�ำสัง่ เสร็จ

51
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ทุกคนก็แยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่สั่งการไป ผมมีเวลาสักเล็กน้อยส�ำหรับ
งีบก่อนจะออกไปส�ำรวจรอบฐานแต่ก็งีบไม่สนิทนัก พวกผู้บังคับหมู่คงจะ
เดาไปต่าง ๆ นานาว่าผู้หมวดคนใหม่จะมาไม้ไหนกันแน่
เจ้าแมลงวันตัวน้อยก็บนิ มาตอมทีห่ น้าผมตอนทีก่ ำ� ลังงีบพอดี มัน
คงพอจะรูว้ า่ ผมไม่ได้หลับจริง ๆ ผมหลับไม่ลงเพราะว่าอีกไม่กชี่ วั่ โมงก็ตอ้ ง
ออกไปลาดตระเวนกับหมู่ของเจมส์ มันจะเป็นการออกไปลาดตระเวนรบ
ครั้งแรกส�ำหรับผม เม็ดเหงื่อไหลจากคอลงไปบนแผ่นหลังเปียกเสื้อเกราะ
กันกระสุนที่แสนจะรัดติ้วไปหมด และแล้วเจ้าแมลงวันตัวน้อยก็บินหนีไป
มันไม่ได้รับรู้ความยากล�ำบากของผมเลย
การเตรียมความพร้อมส�ำหรับการลาดตระเวนเป็นไปด้วยความ
เรียบร้อย เจมส์ออกค�ำสัง่ ลาดตระเวนให้กบั ลูกหมูโ่ ดยมีผมนัง่ ดูอยูข่ า้ งหลัง
ในภาพรวมลูกหมูม่ คี วามพร้อม เพียงแต่ตอ้ งปรับเรือ่ งการแต่งกายเล็กน้อย
เพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจลาดตระเวน และเมื่อถึงเวลา ๑๓๐๐ พวกเรา
ก็ออกจากฐาน
ความคาดหวังของผมตอนนี้เหมือนกับตอนที่มาถึงที่สนามบิน
เบียนฮัวใหม่ ๆ ผมคิดไปต่าง ๆ นานา ก้าวแรกที่ออกจากฐานก็หวั่น ๆ
เหมือนกันว่าจะมีลกู กระสุนจากฝ่ายตรงข้ามยิงเข้ามาใส่หรือไม่ สิง่ ทีส่ มั ผัส
เมื่อก้าวขาออกจากฐานคือความสงบจากวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ที่ไม่
เหมือนทีไ่ หน ผมสังเกตสิง่ แวดล้อมรวมถึงผูค้ นทีส่ ญ ั จรไปมาว่าเป็นอย่างไร
อาทิ ลักษณะการเดิน สิ่งที่แบกถือ เป็นต้น สภาพแวดล้อมที่ผมสังเกต
เช่น ความคดเคี้ยวของภูมิประเทศ ลักษณะของทุ่งนา ที่ดูเหมือนจะเดิน
ผ่านไปไม่ได้ แต่ความจริงบนทุง่ นาจะมีคนั นาเล็ก ๆ ทีพ่ อจะให้คนเดินข้าม
ไปได้ ติดกับทุง่ นาจะเป็นพุม่ ไม้เตีย้ ๆ ทีข่ า้ ศึกสามารถใช้เป็นทีห่ ลบซ่อนได้

52
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

อย่างดี แต่การเดินบนคันนาเป็นแถวยาวค่อนข้างจะเป็นเป้าเคลื่อนที่
อย่างดีให้กับข้าศึก
สภาพภูมิประเทศที่นี่เป็นสิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ถ้าไม่ใช่ทุ่งนา
ก็จะเป็นพุม่ ไม้ ร่องทีเ่ ป็นแนวทางเดินเล็ก ๆ หญ้าสูง ๆ หรือทีช่ นั ไม่เหมาะ
แก่การเดินลาดตระเวน แต่ที่ที่เหมาะแก่การลาดตระเวนก็จะเสี่ยงต่อการ
ถูกซุ่มโจมตี ฝ่ายที่เคลื่อนไหวก่อนก็มักจะเสียเปรียบ ในทางตรงกันข้าม
ฝ่ายที่อยู่กับที่ก็มักจะได้เปรียบ ส�ำหรับทหารอเมริกันแล้ว ภูมิประเทศอัน
สวยงามที่นี่มักจะตามมาด้วยอันตรายเสมอ
สิ่งที่ผมต้องตระหนักเป็นอย่างมาก หรือที่จริงส�ำคัญมากกว่า
อันตรายที่มาจากภูมิประเทศแถวนี้ก็คือความรับผิดชอบที่ต้องมีต่อหมวด
รวมถึงชีวติ ของพวกเขา พูดง่าย ๆ ผมมีสว่ นท�ำให้ชวี ติ ของพวกเขาปลอดภัย
หรือเสี่ยงภัยมากขึ้น ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่กับหมวดผม เช่น มีลูกน้อง
บาดเจ็ บ หรื อ เสี ย ชี วิ ต ผมต้ อ งรั บ ผิ ด ชอบเต็ ม ๆ โดยหน้ า ที่ อั น ที่ จ ริ ง
บางเรื่ อ งมั น ก็ ดู เ หมื อ นว่ า ผมก� ำ ลั ง หลอกตั ว เองอยู ่ ห รื อ เปล่ า ผมควร
จะมีความพร้อมในเรื่องประสบการณ์การรบก่อนที่จะมาน�ำพวกเขา แต่
ทางเลือกก็ไม่ได้มีมากนัก
ในภาพรวมลู ก น้ อ งผมมี ค วามพร้ อ มทั้ ง กายและใจในการรบ
มีความกระตือรือร้นในการปฏิบัติหน้าที่ เช่น มีวินัยในระหว่างการเดิน
ลาดตระเวน การถือปืนอยู่ในสภาพพร้อมรบ และเมื่อหยุดแต่ละคนก็รู้
หน้าทีข่ องตัวเองว่าต้องรับผิดชอบบริเวณไหน พูดได้วา่ ผมสามารถจะไว้ใจได้
การลาดตระเวนครั้งแรกนี้เป็นไปด้วยดีไม่มีการปะทะ พวกเรา
เดินผ่านชาวนากลุ่มหนึ่งแต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ผมรู้ว่าสักวัน
ก็ต้องมีการปะทะแน่ ๆ

53
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ส�ำหรับทีฐ่ าน ผมเรียนรูเ้ พิม่ เติมเกีย่ วกับลูกน้อง ต�ำแหน่งหน้าทีท่ ี่


เขารับผิดชอบ แต่ก็รู้ตัวว่าผมกับลูกน้องยังห่าง ๆ กันอยู่ ผมยังรู้ไม่มาก
เกีย่ วกับความเป็นทหารของพวกเขาและพวกเขาก็ยงั รูไ้ ม่มากเกีย่ วกับความ
เป็นผูน้ ำ� ของผม ผมส่งชุดลาดตระเวนออกไปอีกในตอนบ่ายและพวกเขาก็
รายงานเข้ามาว่าเห็นเวียดกงก�ำลังวิ่งหนีและได้ยิงไล่ไปติด ๆ ผมอดสงสัย
ไม่ได้วา่ ท�ำไมพวกเขาจึงสังเกตได้วา่ ใครเป็นทหารเวียดกง เพราะตอนทีผ่ ม
ออกไปลาดตระเวนครั้งแรกก็ดูไม่ออกเลย
ผมเตรียมตัวส�ำหรับการออกไปซุ่มโจมตีในเวลากลางคืนหลัง
เที่ยงคืน ซึ่งจริง ๆ แล้วเรื่องนี้ท�ำเอาลูกน้องประหลาดใจพอสมควรเพราะ
พวกเขาไม่คาดว่าจะมีนายทหารออกไปซุ่มโจมตีพร้อมกับพวกเขา หรือว่า
บางทีอาจจะมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีเมื่อมีนายทหารออกไปซุ่มโจมตี
พร้อมพวกเขาก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็แสดงออกถึงการให้เกียรติ
ผมและก็ไม่ได้พูดว่าอะไร ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อใกล้เวลาต้องออกไป
จริง ๆ เวลามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เพราะเมือ่ คืนทีแ่ ล้วผมเพิง่ นอนคุย
กับรอฟ ผู้หมวดคนก่อนอยู่เลย
การเดินลาดตระเวนในเวลากลางคืนเป็นประสบการณ์ที่วิเศษ
จริง ๆ ถึงแม้วา่ ผมจะผ่านมันมาหลายครัง้ แต่กเ็ ป็นในช่วงของการฝึกเท่านัน้
ไม่ใช่ของจริง คราวนี้เป็นของจริง แว๊บหนึ่งในความคิดผมอดนึกถึงความ
กลัวในวัยเด็กไม่ได้เพราะในเวลากลางคืนอะไร ๆ ก็สามารถเกิดขึ้นและท�ำ
อันตรายเราได้ ผมค่อนข้างจะมั่นใจว่าข้าศึกมองเห็นเราชัดเจนในเวลา
กลางคืนและสามารถเลือกที่จะท�ำหรือไม่ท�ำอะไรเราก็ได้ ส่วนฝ่ายเรา
การเคลื่อนที่ในเวลากลางคืนเหมือนกับการเดินคล�ำทางในที่มืด เสียงที่
เกิดจากการเคลื่อนที่ของฝ่ายเราไม่ว่าจะเป็นเสียงกิ่งไม้ที่หัก เสียงใบไม้

54
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

หรือหญ้าที่สั่นไหว ดูเหมือนมันจะดังเป็นพิเศษเกินความเป็นจริงในความ
รู้สึกเรา ดูราวกับว่ามันก�ำลังส่งสัญญาณบอกฝ่ายตรงข้ามว่าเราก�ำลังมา
ในขณะที่ข้าศึกนั่งรอคอยในความมืดรอจังหวะที่พวกเราจะเคลื่อนที่ผ่าน
พื้นที่สังหารที่พวกมันเตรียมไว้
ในความเป็นจริง กลางคืนกลับเงียบสงัดดูเป็นธรรมชาติดไี ม่นา่ จะ
มีอะไร แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่ามันอาจจะมีอะไร เพราะพวกเราก�ำลังเข้าที่
ซุ่มโจมตี แบรดชอว์เป็นคนน�ำพวกเราแต่ละคนไปเข้าที่ในจุดซุ่ม ผมก็เป็น
คนหนึง่ ทีอ่ ยูใ่ นจุดซุม่ ตอนแรกก็ตนื่ เต้นแต่สกั พักก็เริม่ เป็นปกติ ความเงียบ
สงัดท�ำให้บรรยากาศความตื่นเต้นกลายเป็นปกติในที่สุด
ช่วงกลางวันที่ผ่านมาเราท�ำงานกันไม่ได้หยุด เมื่อถึงเวลาต้อง
ท�ำการซุม่ โจมตีเพือ่ สังหารข้าศึกผมกลับรูส้ กึ ง่วงมาก ผมรูต้ วั ว่าตัวเองก�ำลัง
สัปหงกอยูแ่ ละบางครัง้ ก็เผลอหลับไปบ้าง แต่สกั พักก็ตอ้ งตืน่ เพราะกลัวว่า
ลูกน้องจะมาเห็น ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปเร็วเหมือนโกหก อีกไม่กี่อึดใจ
ก็เริ่มสว่างแล้ว โชคดีที่ไม่มีการปะทะเกิดขึ้น หลังจากนั้นพวกเราก็กลับ
เข้าฐาน
ส�ำหรับเช้าวันที่สองของการเป็นผู้บังคับหมวด ผมเริ่มมีความ
มั่ น ใจมากขึ้ น ผมให้ ค วามเห็ น ส� ำ หรั บ การซุ ่ ม โจมตี เ มื่ อ คื น ที่ ผ ่ า นมา
ตัวอย่างเช่น การมีวินัยในตัวเองไม่เผลอหลับในระหว่างท�ำการซุ่มโจมตี
ซึ่งเรื่องนี้ผมเองก็รู้ตัวดีว่ามันต้องฝืนเพราะพวกเราเหนื่อยกันมาทั้งวัน
และก็ให้คำ� แนะน�ำในการปรับทีม่ นั่ ตัง้ รับในฐานด้วย นอกจากนัน้ ผมยังออก
ไปเยี่ ย มหมู ่ บ ้ า นที่ ห มวดผมรั บ ผิ ด ชอบ ดู ๆ ไปผมก็ เ หมื อ นกั บ เป็ น
ผู้บัญชาการประจ�ำหมู่บ้านไปเลย อีกทั้งยังได้ออกค�ำสั่งยุทธการส�ำหรับ
การลาดตระเวนเวลา ๑๓๐๐ ซึง่ ผมก็จะไปด้วยเพือ่ ให้ลกู น้องมีความมัน่ ใจ

55
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ในตัวผู้น�ำ ครั้งนี้จะเป็นการออกไปท�ำการลาดตระเวนรบเป็นครั้งที่ ๓
ในห้วงเวลา ๔๘ ชั่วโมง
การแต่ ง กายส� ำ หรั บ การปฏิ บั ติ ห น้ า ที่ ใ นแต่ ล ะวั น คื อ ชุ ด ตาม
ระเบียบของกองทัพบก ซึง่ ก็คอื ชุดสนามส�ำหรับการออกไปลาดตระเวนจะ
ไม่น�ำเป้หลังและอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เช่น เสื้อผ้าหรือน�้ำดื่มเพิ่มเติมไปด้วย
เพราะเป็นการลาดตระเวนรอบ ๆ พื้นที่รับผิดชอบของหมวดซึ่งไม่ได้ไกล
มาก แต่ทกุ คนต้องสวมเสือ้ กันกระสุนซึง่ เมือ่ ติดกระดุมแล้วก็จะคับแน่นพอ
สมควร ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะแน่นขนาดไหนถ้าเอาเป้หลังติดตัวไปด้วย
อาวุธประจ�ำกายที่ติดตัวไปด้วยคือ ปืนเล็กยาว เอ็ม-๑๖ ทุกคนที่ออกไป
ลาดตระเวนจะน�ำกระสุนไปค่อนข้างมาก ยกตัวอย่างเช่น ตัวผมที่ปกติจะ
น�ำกระสุนติดตัวไปน้อยทีส่ ดุ เมือ่ เทียบกับลูกน้องจะน�ำกระสุนปืน เอ็ม-๑๖
ไป ๒๕ ซอง แต่ละซองบรรจุ ๑๘ นัด ซึ่งจะบรรจุกระสุนส่องแสงในทุกนัด
ที่ห้า นอกจากกระสุน เอ็ม-๑๖ แล้ว เรายังน�ำลูกระเบิดขว้างสังหารและ
ลูกระเบิดควันเพื่อส่งสัญญาณไปคนละหลายลูก ยิ่งไปกว่านั้นแต่ละชุด
ลาดตระเวนจะน�ำจรวดต่อสู้รถถังขนาดเบาไปด้วยจ�ำนวน ๒ นัด และ
ผมตั้งใจไว้ว่าในอนาคตจะให้แต่ละคนน�ำติดตัวไปคนละนัดเลย ส�ำหรับ
ปืนกล เอ็ม-๖๐ นั้นอาจจะน�ำไปด้วยก็ได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ถ้าต้องน�ำปืนกล เอ็ม-๖๐ ไปด้วย ก�ำลังพลในชุดลาดตระเวนต้องช่วยกัน
แบกกระสุน เพราะกระสุนปืนกล เอ็ม-๖๐ จะหนักกว่าของปืน เอ็ม-๑๖
มาก ส�ำหรับมีดสนามก็แล้วแต่จะน�ำมีดสนามที่แจกโดยกองทัพหรือมีด
ส่วนตัวติดตัวไป ส�ำหรับภารกิจซุ่มโจมตีจะน�ำทุ่นระเบิดแบบเคลย์มอร์
ติดไปด้วย ส�ำหรับตัวผูบ้ งั คับหมวดเนือ่ งจากต้องมีความคล่องตัวสูงในการ
เคลือ่ นทีจ่ งึ ต้องขนของไปน้อยเมือ่ เทียบกับลูกน้อง แต่กจ็ ะมีอย่างอืน่ เสริม

56
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เข้ามาแทน เช่น แผนที่ เข็มทิศ และระเบิดควันให้สัญญาณและต้องมี


พลวิทยุอยู่ใกล้ตัวเสมอ
อุปกรณ์อีกอย่างส�ำหรับความพร้อมรบคือหมวกเหล็ก ทหารมัก
จะไม่ ค ่ อ ยชอบมั น เพราะว่ า มั น หนั ก มากแต่ ก็ จ� ำ เป็ น เพราะสามารถ
กันกระสุนหรือสะเก็ดระเบิดได้ ท้ายที่สุดเข็มขัดสนาม สายโยงเข็มขัด
ชุดปฐมพยาบาลสนามและกระติกน�้ำพร้อมซองก็จะติดตัวพวกเราไปด้วย
ไม่ว่าจะเอามาตรฐานไหนมาจับผมว่าพวกเราพร้อมรบ และผมก็พร้อม
ออกไปลาดตระเวนรบกับลูกน้องเป็นครั้งที่ ๓

57
บทที่ ๖
การบาดเจ็บครั้งสำ�คัญ

ตั้ ง แต่ เริ่ ม ออกลาดตระเวน ผมชั ก สั ง หรณ์ ใจว่ า มั น อาจจะมี


เหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น จริง ๆ แล้วมันเป็นวันที่อากาศดีมาก ท้องฟ้า
แจ่มใส มีลมพัดอ่อน ๆ สภาพภูมิประเทศที่เป็นการผสมผสานระหว่าง
ทุ่งนากับไร่มันฝรั่งดูสวยงาม บางที่ก็มีชาวนาก�ำลังท�ำนา ท�ำให้บรรยากาศ
ดูสงบรื่นรมย์ แต่ถึงจะดูดีอย่างไรมันก็ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าจะไม่มี
อะไรเกิดขึ้นในระหว่างการลาดตระเวน การลาดตระเวนสองครั้งที่ผ่านมา
ถือว่าเป็นช่วงรับน้องใหม่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหงื่อผมเริ่มไหลจากบ่าลงไป
แผ่นหลัง
ประมาณ ๒๐ นาทีหลังจากทีเ่ ดินออกจากฐาน พลน�ำทางซึง่ จะเดิน
อยูห่ น้าสุดของชุดลาดตระเวนก็หยุดและนัง่ คุกเข่าพร้อมกับให้สญ ั ญาณมือ
ให้ ทุ ก คนหยุ ด ชุ ด ลาดตระเวนของเราจะเดิ น เป็ น แถวตอนเรี ย งหนึ่ ง
ซึ่ ง เป็ น รู ป แบบการเดิ น ลาดตระเวนเพื่ อ ลดความเสี่ ย งในการเหยี ย บ
กับระเบิด ทุกคนหยุด ผมซึ่งเดินอยู่เป็นคนที่สามก็หยุดแต่ก็พยายาม
ชะเง้อมองว่าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่เห็นอะไรนอกจากชายสูงอายุสองคนที่
ก�ำลังท�ำงานอยู่ที่ท้ายไร่มันฝรั่งห่างจากพวกเราไปประมาณ ๒๐๐ เมตร
พลน�ำทางยกปืน เอ็ม-๑๖ ขึน้ เตรียมจะยิงไปทีช่ ายสองคนนัน้ ผมสับสนแต่
ยังไม่พดู อะไร ความคิดก็ยอ้ นกลับไปทีค่ วามทรงจ�ำเดิมว่าเคยมีการสังหาร

58
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

หมู่ที่เวียดนามอย่างไร้เหตุผล ดอนซึ่งท�ำหน้าที่หัวหน้าชุดลาดตระเวน
ก็ยืนโก้งโค้งค�้ำหัวของพลน�ำทาง สักพักเขาก็สั่งให้ทั้งหมดลุกขึ้นแล้วเดิน
ต่อไป
เหตุการณ์แบบนีเ้ กิดขึน้ เป็นระยะ ๆ เมือ่ เราลาดตระเวนผ่านพืน้ ที่
ชนบท การท�ำหน้าที่ของดอนในฐานะหัวหน้าชุดลาดตระเวนท�ำให้ผม
สบายใจเพราะเขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถพึ่งพาได้ และลูกน้องเขา
ก็ไว้ใจเขา การสื่อสารระหว่างเขากับลูกน้องส่วนมากใช้ภาษามือหรือการ
แสดงออกทางใบหน้าแทนการใช้ค�ำพูด ผมรู้สึกดีใจที่ได้เขามาเป็นลูกน้อง
เพราะเขารู้งาน บอกตามตรงว่าผมเองก็ยังใหม่ในเรื่องประสบการณ์ในป่า
แบบนี้
เมื่อเวลาประมาณ ๑๓๔๕ พวกเราเดินมาถึงเนินเล็ก ๆ และเห็น
คนสองคนก�ำลังก้มท�ำอะไรบางอย่างบนเนินดินห่างออกไปประมาณ ๑๒๕
เมตร จากทีท่ เี่ ราอยู่ พลน�ำทางเมือ่ เห็นดังนัน้ จึงส่งสัญญาณให้ทกุ คนรูแ้ ทบ
จะโดยอั ต โนมั ติ ผู ้ ห มู ่ ด อนให้ สั ญ ญาณให้ ทุ ก คนปรั บ รู ป ขบวนเป็ น
หน้ากระดานและคืบไปข้างหน้าทีละน้อยพร้อมปลดห้ามไกให้อยู่ใน
ต�ำแหน่งพร้อมยิง ผมไม่แน่ใจว่าชายทีเ่ ห็นอายุประมาณเท่าไหร่ บางทีอาจ
จะสามสิบปีหรือห้าสิบปีก็เป็นได้ แต่เขายังมีผมสีด�ำ ส่วนอีกคนเป็น
เด็กผู้ชายอายุน่าจะประมาณแปดปี อาจจะเป็นลูกของชายคนนั้นก็ได้
ดูเหมือนว่าชุดลาดตระเวนก�ำลังจะเตรียมสังหารคนทั้งสอง
ผมหันไปที่ดอนและพูดว่า “คุณก�ำลังท�ำอะไรน่ะ”
ดอนตอบ “พวกเวียดกงครับ”
ผมคิดตอนนั้นว่าถึงเวลาต้องแสดงบทบาทของผู้บังคับหมวดแล้ว
ผมจะไม่อนุญาตให้ชุดลาดตระเวนยิงใส่คนทั้งสอง ผมมองไม่เห็นเลยว่า
59
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เขาถืออาวุธอยู่ในมือ และอีกอย่างผมคิดว่าไม่ว่าชายคนนั้นจะมีแนว
ความคิดทางการเมืองฝักใฝ่ไปทางใด อย่างน้อยเด็กคนนั้นก็ถือว่าบริสุทธิ์
และควรจะมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่
“หยุดก่อน” ผมบอกดอน เขาหันมาทางผมด้วยสายตาที่ไม่
สามารถอธิบายด้วยค�ำพูดได้ ที่ผ่านมาก่อนที่ผมจะมาท�ำหน้าที่ผู้บังคับ
หมวดเขาคือผู้หมวดภาคสนามตัวจริงและไม่เคยลังเลในการตัดสินใจ แต่
คราวนี้เหมือนเขาก�ำลังถูกท้าทาย แต่ผมยังยืนยันในค�ำสั่งที่ได้ส่ังไปแล้ว
และไม่เปลีย่ นแปลง เพราะถ้าปล่อยให้ชดุ ลาดตระเวนยิงใส่ชายคนนัน้ และ
ก็เด็ก รับรองได้เลยว่าพวกเขาต้องตายอย่างแน่นอน แต่ถ้าคิดในมุมกลับ
ดอนอาจจะถูกก็ได้ เพราะผมยังมีประสบการณ์ในการรบน้อย แต่ไม่วา่ ใคร
จะคิ ด ถู ก หรื อ ผิ ด อย่ า งไรผลของการกระท� ำ ก็ จ ะอยู ่ กั บ เขาและต้ อ ง
รับผิดชอบในสิง่ ทีเ่ กิดขึน้ ด้วย และในฐานะทีผ่ มเป็นผูบ้ งั คับหมวดผมก็ตอ้ ง
รับผิดชอบผลของมันอยู่แล้ว
ผมจ้องตาผู้หมู่ดอน และพูด “ถ้าเป็นพวกเวียดกงเราจะจับเป็น”
ดอนเป็นทหารที่ดี ถึงแม้เขาเองจะไม่ชอบให้ใครมาออกค�ำสั่งให้
เขาท�ำโน่นท�ำนีแ่ ต่เขาก็เชือ่ ฟังค�ำสัง่ ของหัวหน้าเสมอ พอผมพูดจบเขาก็ให้
สัญญาณมือเพือ่ ให้ทงั้ หมดลุกขึน้ และเคลือ่ นไปข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ เข้าไป
ใกล้ชายสองคนนั้น
ก่อนที่พวกเราจะเข้าไปใกล้ในระยะห่างประมาณ ๕๐ เมตร
คนทั้งสองก็รู้ตัวและวิ่งหนีเข้าไปในป่าทึบตอนท้ายของไร่ที่ซึ่งพวกเขา
ท�ำงาน พวกเราก็วิ่งตามไปติด ๆ แต่เสื้อเกราะกันกระสุนที่ใส่อยู่เล่นเอา
พวกเราหอบไปพั ก ใหญ่ แ ละเหงื่ อ ท่ ว มตั ว เพราะอากาศที่ นี่ ร ้ อ นมาก
เป้าหมายเริ่มห่างออกไป ผมหล่นจากล�ำดับที่สามมาเป็นล�ำดับที่สี่ในแถว

60
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ในใจก็คิดว่าหรือว่าเราผิดและผู้หมู่ดอนถูก แต่อย่างน้อยผมก็ไม่ได้ท�ำให้
เด็กคนนั้นเสียชีวิต
สักพักผมก็รู้สึกว่าเท้าข้างขวาเหมือนโดนอะไรดึง ผมบิดไปทาง
ซ้ายและพยายามก้าวให้ยาวขึ้น
เสียงระเบิดทีด่ งั สนัน่ ท�ำให้หขู า้ งซ้ายเหมือนจะระเบิดแล้วตัวผมก็
ลอยละลิ่วไปในทิศทางของก้าวสุดท้าย ในขณะนั้นผมไม่รู้สึกว่าตัวเองอยู่
ในโลกของความเป็นจริงเลย มันเหมือนอยู่ในความฝันยังไงยังงั้น ดวงตาที่
เบิกกว้างอยู่ยังเห็นลูกน้องเดินไปเดินมา สักพักผมก็ปล่อยตัวลงกับพื้นดิน
ฝุ่นตลบเต็มใบหน้าและล�ำตัว
เมือ่ เริม่ รูส้ กึ ตัว ผมก็พดู “โอ้พระเจ้าพวกเราถูกโจมตี ฉันเองเหรอนี”่
ผมรู้สึกอยากจะอาเจียน พยายามผงกหัวหันไปมองดูที่ขาของตัวเอง
เพื่อดูว่ามันยังอยู่ไหม ขายังอยู่แต่มีเลือดไหลและมีบาดแผล ผมอยากจะ
ร้องตะโกนออกไปด้วยความดีใจ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าท�ำไมมันไม่เจ็บเลย
โดนเสียขนาดนี้มันควรจะเจ็บบ้าง
ไม่กี่วินาทีลูกทีมที่ท�ำหน้าที่เสนารักษ์หรือพยาบาลสนามก็มาถึง
และบอกว่าผมโดนลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด ๑๕๕ มิลลิเมตรที่ถูกดัดแปลง
เป็นกับระเบิด แต่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นกระสุน ค. ๖๐ มิลลิเมตรมากกว่า
การทีผ่ มบิดตัวไปทางซ้ายหลังจากทีเ่ ท้าขวาถูกดึงมันเป็นการป้องกันไม่ให้
ระเบิดเกิดระเบิดขึ้นระหว่างขาของผม ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงอาการสาหัส
มากกว่านี้
จะว่าไปแล้วผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองสะดุดกับระเบิดมันเป็นเพียง
สัญชาตญาณให้บดิ ตัวไปอีกทางหนึง่ ซึง่ ก็ทำ� ให้ผมรอดมาได้ บางทีเส้นแบ่ง
ระหว่างประสบการณ์กับโชคมันก็ไม่ค่อยจะชัดเจนนัก แต่คราวนี้ผมโชคดี
61
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ประมาณสามวินาทีหลังจากโดนระเบิดผมเริม่ รูส้ กึ เจ็บ สะเก็ดระเบิดทีร่ อ้ น


ฝังเข้าไปในเนื้อท�ำให้เนื้อบริเวณนั้นไหม้ ผมรู้สึกว่าภายในของผมก�ำลัง
โดนย่าง และเริ่มรู้สึกกลัว
แต่แล้วผมก็นกึ ขึน้ ได้วา่ ผมเป็นผูบ้ งั คับหมวด ส�ำนึกของความเป็น
ผู้น�ำท�ำให้ผมต้องวางความกังวลส่วนตัวลงและห่วงลูกน้องก่อน ทันใดนั้น
ลูกน้องสามคนก็วิ่งมาหาผมเพื่อจะดูว่าผมเป็นอย่างไร ผมบอกไม่ต้องมา
ให้เช็กดูว่ามีใครบ้างที่บาดเจ็บอีก แต่หูผมไม่ได้ยินอะไรเลย
ผมบอกให้ทหารคนหนึ่งมาหาและถามว่ามีใครบ้างที่บาดเจ็บ
เขาตะโกนทีห่ ซู า้ ยว่ามีผมคนเดียว แล้วผมก็สงั่ ให้ดอนวางก�ำลังป้องกันและ
ให้ทหารอีกคนมาดูแลแผลผม ผมก้มมองดูตัวเองเห็นมีเลือดไหลออกมาที่
ต้นขาซ้าย เข่าขวาและแขนซ้าย และรูส้ กึ ว่าจะมีเลือดไหลออกมาทีก่ น้ ด้าน
ซ้าย หมวกเหล็กกระเด็นออกจากหัวไปโดยทีด่ า้ นซ้ายของหมวกมีรอยขาด
เป็นแนว เสื้อกันกระสุนก็แทบจะหลุดจากตัว มีสะเก็ดระเบิดชิ้นหนึ่งทะลุ
เสื้อเกราะและเกือบเสียบเข้าไปที่อก แต่เพียงแค่เป็นรอยช�้ำเหมือนโดน
ไม้เบสบอลฟาด
แผลที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นที่หัว มีเลือดไหลอาบลงมาด้านซ้าย
ท�ำให้ตาซ้ายมองไม่เห็นและรู้สึกว่าในหัวก�ำลังสั่นอย่างแรง ผมถามทหาร
ว่าแผลที่หัวเป็นอย่างไรเขาตอบว่า “ติติ” เป็นสแลงของทหารราบที่นั่น
มาจากภาษาเวียดนามแปลว่า เล็กน้อย “ผู้หมวดไม่เป็นไรมากครับแต่
หูซ้ายหายไป”
ใจผมหายวูบ นึกภาพตัวเองที่ไม่มีหู คงเป็นตัวประหลาดแน่ ๆ
แต่ถึงแม้หูจะอยู่แต่ไม่ได้ยินแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร (จริง ๆ แล้วหูซ้าย

62
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมไม่ได้หายไปไหน ทหารคนนั้นเข้าใจผิด มันถูกปิดด้วยโคลนและเลือด


จนเขามองไม่เห็น)
ผู้น�ำที่บาดเจ็บก็ยังเป็นผู้น�ำอยู่ตราบใดที่เขายังมีสติสัมปชัญญะ
และยังตัดสินใจได้ ผมไม่ได้บาดเจ็บหนักขนาดนั้นและจะรู้สึกดีมากถ้ายัง
ท�ำหน้าที่ของตัวเองได้อยู่ อีกอย่างมันท�ำให้ผมลืมไปเลยว่าตัวเองบาดเจ็บ
ส�ำหรับทหารอเมริกนั ทีบ่ าดเจ็บในสนามรบ สมรภูมเิ วียดนามน่าจะ
เป็นที่ที่พวกเขาชอบเพราะจะมีเฮลิคอปเตอร์มาคอยรับกลับไปส่วนหลัง
ส�ำหรับผมเพียง ๑๕ นาที หลังจากทีโ่ ดนระเบิดผมก็ถกู หามขึน้ เฮลิคอปเตอร์
เพือ่ ไปยังส่วนหลัง โดยลูกน้องผมท�ำการคุม้ กันให้ในระหว่างทีเ่ ฮลิคอปเตอร์
มารับ ค�ำสั่งสุดท้ายที่ผมให้กับผู้หมู่ดอนคือให้น�ำก�ำลังกลับไปฐาน และให้
จ่าเฮอร์นานเดซซึ่งเป็นรองผู้บังคับหมวดท�ำหน้าที่แทนผมในระหว่างที่
ผมไม่อยู่
ผมถูกน�ำตัวไปรับการรักษาที่หน่วยพยาบาลสนามที่แอลซี อิงลิช
เสื้อผ้าผมที่เหลือติดตัวถูกถอดออกหมด รองเท้าบูทก็ถูกตัดออกด้วย
ตอนนีผ้ มนอนตัวล่อนจ้อนอยูบ่ นเปลสนาม ตัวเปียกเหนียวไปหมด
แพทย์สนามได้ฉีดยาฆ่าเชื้อและมอร์ฟีนให้เพื่อลดอาการเจ็บ ผ้าพันแผล
ที่หัวก็ยังแน่นหนึบอยู่ ไม่ก่ีอึดใจก็มีคนมาย้ายผมไปอยู่ข้างหลังเพื่อให้
คนเจ็บคนอืน่ ได้รบั การรักษา ในขณะทีน่ อนอยูบ่ นเปลผมก็เริม่ มีอาการช็อก
ตัวเริ่มสั่นอย่างแรงและอยากจะอาเจียนและก็กลัวอุจจาระจะราดด้วย
เป็นเรื่องที่น่าตลกสิ้นดีที่ผู้หมวดอย่างผมน�้ำตาเริ่มจะไหล เอาล่ะสิมอร์ฟีน
เริ่มออกฤทธิ์แล้ว
ตอนนี้ผมไม่กลัวว่าตัวเองจะตายแล้วล่ะ แต่เมื่อมองย้อนกลับไป
มันก็นา่ หวาดเสียวเหมือนกัน เพราะผมเฉียดความตายมานิดเดียวเอง หัวใจ
63
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมเต้นเร็ว กล้ามเนื้อสั่น ในหูยังมีเสียงลั่นอยู่ สมองก็ยังสับสน ผมคิดอะไร


ไม่ค่อยจะออกตอนนี้ แต่รู้ว่าภารกิจในการลาดตระเวนของผมล้มเหลว
มันน่าอายจริง ๆ ส�ำหรับศิษย์เก่าเวสต์พอยต์ผู้จบหลักสูตรโดดร่มและ
เรนเจอร์ แต่อยูใ่ นสมรภูมริ บได้แค่ ๔๘ ชัว่ โมงแล้วต้องมานอนแก้ผา้ อยูบ่ น
เปลสนามนี่
ชะตากรรมยังไม่หยุดเล่นตลกกับเรา ข้าศึกได้ระดมยิง ค. ใส่ที่
พยาบาล จ�ำนวนคนเจ็บจึงเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ผมยังคงนอนบนเปลโดยไม่
สามารถจะท�ำอะไรได้ ต่อมาคนเจ็บก็ถูกล�ำเลียงไปยังบังเกอร์ทีละคน
กระสุนยังคงตกลงมาเป็นระยะ แต่ก็ไม่ค่อยแม่นย�ำนัก
ผมนอนอยู่มุมหนึ่งของห้องที่มีแสงสว่างร�ำไร และแล้วทหาร
คนหนึ่งที่นั่งข้าง ๆ ผมก็ชวนคุย ถึงจะมีความรู้สึกมึน ๆ เพราะฤทธิ์ของ
มอร์ฟนี แต่กพ็ อจะรูส้ กึ ได้วา่ ทหารคนนีไ้ ม่ปกติแน่ ๆ ถ้าไม่ใช่เหนือ่ ยล้าจาก
สมรภูมิรบก็คงมีอาการทางประสาทจากยาเสพติดสักอย่าง
เขาพูดขึ้นว่า “นี่พวก ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่ให้พวกนั้นมาท�ำอะไร
นายหรอก”
ผมหันหน้าไปทางอืน่ แต่เขายังพูดต่อ “ไม่เป็นไร ฉันจะฆ่าพวกมัน
ก่อนนี้ก็ฆ่าไปเพียบ”
ผมบอกเขาว่า “ไอ้นั่นมันลูกกระสุน ค. นะ”
“ใช่ ๆ ฉันฆ่าพวกมันไปเยอะ” ผมรู้ทันทีว่าบทสนทนาของเรา
ไม่ไปไหน และไม่เกิดประโยชน์ แต่ผมก็ยังโล่งใจที่เห็นเขาไม่มีอาวุธ
รูส้ กึ ว่าจะไม่มใี ครสนใจพวกเรา พยาบาลสนามก็วนุ่ อยูก่ บั เดินเข้า
เดินออกเพื่อขนคนเจ็บเข้ามา

64
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เขาพูดต่อ “ไม่ต้องเป็นกังวลนะ โอ้โฮคุณบาดเจ็บจริง ๆ ด้วย”


ผมคิดในใจ แล้วมึงเป็นใครวะ!
เขายังพูดต่อ “ไม่เป็นไรมากหรอก ท�ำใจให้สบาย ๆ”
ผมท�ำเป็นไม่สนใจเขาอีกต่อไป แต่เขาก็พูดต่อ “ผมจะเอาร่างผม
คุ้มกันคุณเอง”
“ไม่เป็นไร” ผมตอบ ใจก็นึกอยากจะสวมเสื้อผ้า “นี่ฟังนะ ฉันไม่
เป็นไร แกห่วงตัวเองก็แล้วกัน”
เขายิ้ม
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก” ผมยิ้มตอบ
ผมเห็นพยาบาลสนามเข้ามาในบังเกอร์พร้อมด้วยคนเจ็บอีกคน
ก็เลยร้องเรียก “เอาไอ้บ้านี่ออกไปไกล ๆ ที ไอ้เวรเอ๊ย”
“เขาไม่ท�ำอะไรคุณหรอก” พยาบาลสนามตอบ
“เอามันออกไป ห่าเอ๊ย”
ชายคนนัน้ คงรูส้ กึ ว่าผมก�ำลังว่าเขาอยู่ เขาค่อย ๆ ถอยห่างออกไป
จากนั้นพยาบาลสนามเอาผ้าห่มมาคลุมให้ท�ำให้ผมรู้สึกดีขึ้น
หลังจากที่ฝ่ายตรงข้ามหยุดยิง ค. ใส่ ผมก็ถูกหามบนเปลสนาม
ไปที่เฮลิคอปเตอร์เพื่อไปที่โรงพยาบาลที่กุยนอน ผู้ป่วยที่เหลืออีกสี่คน
ก็ไปบนเฮลิคอปเตอร์ล�ำเดียวกันเพื่อไปรับการรักษา คนหนึ่งถูกยิงเข้าที่
ท้องล�ำไส้ไหลออกมาประมาณ ๔ นิ้ว เขาเอามือกุมไว้ไม่ให้ไส้ไหลระหว่าง
เดินไปขึ้นเครื่อง อีกคนก็โดนลูกกระสุนของปืน เอเค-๔๗ เข้าที่แขนซ้าย
เมื่อเทียบกับผู้บาดเจ็บที่ไปด้วยกันเขาน่าจะบาดเจ็บน้อยที่สุด ส่วนผู้ป่วย

65
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ที่เหลืออีกสองคนถูกหามบนเปลสนามไปขึ้นเครื่อง ผมไม่รู้ว่าอาการ
บาดเจ็บของพวกเขาหนักแค่ไหน
บนเฮลิคอปเตอร์เปลของผมอยู่บนสุดติดกับผนังด้านบนของ
เครื่อง ถ้าคนตายสามารถมองเห็นได้ ผมว่าสภาพผมตอนนี้ก็เหมือนอยู่ใน
โลงศพ ใจผมลอยไปที่ต่าง ๆ บางขณะก็นึกถึงเด็กผู้ชายและชายคนนั้น
ผมท�ำถูกไหมหนอที่ตัดสินใจแบบนั้น แต่ไม่ว่าจะถูกหรือผิดผมคือผู้ได้รับ
ผลของการตัดสินใจในตอนนั้น ลูกน้องเราจะคิดว่าเราโง่หรือเปล่าหนอ
ผมถามตัวเอง แต่ถา้ สถานการณ์แบบนัน้ เกิดขึน้ อีกผมก็คงไม่อนุญาตให้ยงิ
เป็นแน่
ไม่นานผมก็หยุดคิดเรือ่ งพวกนี้ เพราะผ้าพันแผลทีห่ วั เริม่ หลุดออก
พร้อม ๆ กับลมที่พัดเข้ามาในเครื่อง บางส่วนของผ้าได้พลิ้วสะบัดออกไป
นอกตัวเครือ่ ง จนผมกลัวว่ามันจะไปพันกับใบพัดแล้วกระชากหัวผมให้หลุด
ผมพยายามเรียกร้องความสนใจจากเจ้าหน้าทีพ่ ยาบาลซึง่ ก�ำลังดูแลผูป้ ว่ ย
ที่โดนยิงที่ท้องอยู่แต่เขาไม่เห็น สักพักผมเริ่มเข้าใจและสบายใจว่าสิ่งที่ผม
เป็นห่วงนัน้ ไม่มที างทีจ่ ะเป็นไปได้ตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพราะลมจาก
ใบพัดจะตีลงมาเสมอ
สิ่งที่น่ากลัวกว่านี้ที่ผมจะเจอคือที่กุยนอน ที่นั่นความโกลาหล
เหมือนในฉากสมรภูมิรบที่แอตแลนตาในหนัง กอน วิธ เดอะ วินด์ (Gone
with the Wind) โรงพยาบาลที่กุยนอนนี้จะรับผิดชอบผู้ได้รับบาดเจ็บใน
เขตทหารที่ ๒ (Military Region II) ซึ่งรวมพื้นที่ของหมวดผมด้วย ตอนที่
ผมไปถึง หมวดทหารม้าอเมริกันเพิ่งโดนซุ่มโจมตีบริเวณหุบเขา ๕๐๖
ทางตอนใต้ของบองซอน ทหาร ๙ นายได้รับบาดเจ็บและมารับการรักษา
ที่นี่ แผลของพวกเขาดูน่าสยดสยองมาก มันบวมและไหม้ พวกเขามานอน

66
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

อยู่ใกล้ ๆ ผม กลิ่นเหม็นไหม้ของแผลเหล่านั้นสุดแสนจะบรรยาย ความ


เจ็บปวดดูเหมือนจะมากมาย บางคนที่สลบไปก็ถือว่าโชคดีไป แต่คนที่
ไม่ได้สลบร้องโหยหวนน่าเวทนายิง่ นัก อาการช็อกทีผ่ มเป็นก่อนทีจ่ ะมาถึง
โรงพยาบาลมีให้เห็นประปรายกับผู้ป่วยที่นี่ ผมโชคดีที่เป็นทหารราบและ
ไม่เคยคิดทีจ่ ะเป็นทหารม้าเลยโดยเฉพาะทหารม้ารถถัง เพราะยานพาหนะ
เหล่านี้เวลาถูกโจมตีมักจะระเบิดและลุกไหม้
ต่อมาก็มผี บู้ าดเจ็บอีกกลุม่ หนึง่ มาถึง คราวนีเ้ ป็นทหารเวียดนามใต้
เนื่องจากที่นี่มีผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บเป็นจ�ำนวนมาก ความเร่งด่วนจึงต้อง
ให้กับคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและมีโอกาสรอดก่อน ส่วนผู้ป่วยที่ไม่มี
โอกาสรอดหรือบาดเจ็บเล็กน้อยก็จะได้รับการดูแลทีหลัง
พยาบาลที่กำ� ลังเตรียมผมเพื่อจะผ่าตัดดูเหมือนจะยังใหม่กับงาน
เพราะดูเกร็ง ๆ เธอพยายามที่จะฉีดยาเข้าเส้นเลือดผม หลังจากพยายาม
อยู ่ ห ลายครั้ ง พอครั้ ง ที่ ห ้ า เธอก็ ต� ำ หนิ ผ มว่ า เส้ น เลื อ ดเล็ ก ไปหน่ อ ย
ผมขอโทษเธอและบอกเธอว่าผมเสียเลือดไปมากซึ่งดูเหมือนเธอจะให้
อภัยผม ผมแนะน�ำเธอว่าควรเจาะตรงไหนในความพยายามอีกสี่ครั้ง
แต่ก็ยังไม่เป็นผล สุดท้ายหมอเดินผ่านมาเลยตัดสินใจกรีดที่ข้อเท้าซ้าย
เพื่อให้เสียบเข็มน�้ำเกลือได้ง่ายขึ้น
หลังจากนั้นผมก็ต้องรอคิวให้เตียงผ่าตัดว่าง ซึ่งใช้เวลานานมาก
ทหารเวียดนามใต้คนหนึ่งที่มาทีหลังผมได้เข้าไปผ่าตัดก่อนซึ่งก็แสดงว่า
เขาบาดเจ็บหนักกว่าผมมาก เขาถูกยิงเข้าที่ท้องจนล�ำไส้ไหลออกมาหมด
ก่อนมาถึงที่นี่ล�ำไส้เกือบทั้งหมดถูกเก็บไว้ในกระสอบทรายที่ผูกอยู่ข้าง
ล�ำตัวเขา เห็นแล้วพูดไม่ออกเลย เขาหมดสติตอนมาถึงโรงพยาบาลแต่เมือ่
ฟื้นมาเห็นส�ำไส้ตัวเองกองอยู่ข้างนอกเขาก็เลยเป็นลมไปอีกครั้ง เป็น

67
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

อย่างนี้สามรอบ ต่อมาเจ้าหน้าที่ก็ย้ายเขาออกจากโต๊ะผ่าตัด มันน่าจะ


หมายความว่าเขาไม่รอด
ส�ำหรับผมแล้วเมือ่ เจ้าหน้าทีพ่ ยาบาลเอาตัวผมขึน้ ไปบนโต๊ะผ่าตัด
แล้ว ก็มีพยาบาลอายุอยู่ในวัยกลางคนเป็นคนดูแลผม ผมได้ยินเสียงเธอ
บ่นว่าเวลานีไ้ ม่ใช่เวรเธอ และท�ำหน้าแบบไม่คอ่ ยจะพอใจนัก แต่ผมไม่รสู้ กึ
สงสารเธอเลย

68
บทที่ ๗
คั่นเวลา

ผมตื่นมาบนผ้าปูเตียงที่สะอาดตาและรู้สึกดี บางทีสิ่งที่เกิดขึ้น
อาจจะเป็นแค่ฝนั ร้ายก็ได้ หรือว่าผมอยูท่ บี่ า้ น ไม่ใช่เลย ผมอยูท่ โี่ รงพยาบาล
นี่แหละ
ข้ า งซ้ า ยและขวาของผมเต็ ม ไปด้ ว ยเตี ย งผู ้ ป ่ ว ย แต่ ล ะคนมี
ผ้าพันแผลเต็มไปทั้งตัว มันไม่ใช่ความฝัน
ผมเริ่มส�ำรวจตัวเอง นิ้วมือ นิ้วเท้า แขน ขาอยู่ครบ แล้วหูข้าง
ที่บาดเจ็บล่ะ มันยากที่จะบอกตอนนี้เพราะหูซ้ายถูกหุ้มไปด้วยผ้าพันแผล
ก้อนโต เสียงดังหึ่ง ๆ อยู่ในหู และผมก็รู้สึกได้ว่ามันกระดิกได้ โอ้แม่เจ้า
มันยังอยู่ ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
และความจริงทีท่ ำ� ให้ผมดีใจมากคือผมบาดเจ็บไม่มากนัก หลังจาก
ที่เอาสะเก็ดระเบิดออกแล้ว ประมาณหนึ่งหรือสองวันหลังจากนั้นก็มีการ
คุยกันว่าจะย้ายผมไปรักษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย แต่ในวันที่สามผมก็ดี
ขึ้นมาก ผมรู้ว่าผมจะหายเป็นปกติจากปฏิกิริยาของอนุศาสนาจารย์และ
คุณหมอที่เวียนกันมาดูแล คุณหมอก็อยากให้ผมออกจากโรงพยาบาล
เร็ว ๆ ส่วนอนุศาสนาจารย์ก็เป็นห่วงเกี่ยวกับว่าผมจะด�ำเนินชีวิตอย่างไร
ต่อจากนี้ แป๊บเดียวพวกเขาก็เดินจากไป

69
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมอยากลุกออกจากเตียงมาก สิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบเลยอย่างหนึ่ง
ของที่นี่คือ กระโถนปัสสาวะของผู้ป่วย และอีกอย่างผมอยากโทรศัพท์ไป
หาภรรยา อยากเล่าเรือ่ งทีเ่ กิดขึน้ จากปากผมเองให้เธอฟังเธอจะได้สบายใจ
พอรูส้ กึ ว่าเดินไหวผมก็ลองดู โดยเดินไปห้องน�ำ้ ก่อนพร้อมกับลาก
เสาน�้ำเกลือไปด้วย แต่พอไปถึงห้องน�้ำผมกลับเป็นลมซะงั้น ช่างน่าอาย
เหลือเกิน
ไม่นานผมก็สามารถเดินไปโทรศัพท์หาภรรยา “สวัสดีแพทที่รัก
นี่จิมนะ ผมสบายดีแล้วคุณล่ะ ผมโทรมาเพื่อจะบอกว่าสบายดี ความจริง
ก็ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ ผมได้รับบาดเจ็บแต่
ไม่มาก คือไม่เจ็บเลย ครบ ๓๒ ไม่มีส่วนไหนของร่างกายสูญหาย จริง ๆ
นะ”
“อย่าร้องไห้สิที่รัก ผมไม่เป็นไรจริง ๆ ผมโทรมาเพียงเพื่อจะบอก
ว่าผมไม่เป็นไรมาก ไม่อยากให้คุณตกใจถ้าได้รับโทรศัพท์จากกองทัพ
ผมคงต้องกลับไปทีห่ น่วยล่ะ ผมประจ�ำทีก่ องพลน้อยส่งทางอากาศที่ ๑๗๓
คุณส่งจดหมายหาผมได้นะ พอผมกลับไปถึงหน่วยผมจะเขียนจดหมายถึง
คุณทันที ที่อยู่ผมก็จะให้ไว้ด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงนะ หน่วยที่ผมอยู่ค่อนข้าง
จะเงียบ ไม่มอี ะไรหวือหวา พวกเรามีภารกิจในการรักษาความปลอดภัยให้
กับชาวบ้านที่นี่ คือให้พวกเขาสามารถท�ำมาหากินได้ตามปกติน่ะ ผมคง
ต้องไปแล้วล่ะฝากบอกพ่อแม่ผมด้วย เดี๋ยวท่านจะเป็นห่วง ผมจะเขียน
อธิบายในจดหมายให้ท่านฟังเองว่าเป็นอย่างไร แพท ผมรักคุณนะ และ
คิดถึงด้วย ไม่ต้องร้องไห้ ผมไม่เป็นไรจริง ๆ แค่นี้ก่อนนะที่รัก”
ผมวางหูโทรศัพท์ลง เป็นการตัดขาดระหว่างโลกที่เต็มไปด้วย
ความรัก ความศิวิไลซ์ กับโลกที่ผมอยู่ ผมรู้เลยว่าสิ่งที่เธอจะบอกกับทาง

70
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

บ้านคืออะไรก็ได้เพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นห่วงมาก ถึงจะเป็นการโกหกแต่ก็
ต้องท�ำ
การใช้ชวี ติ ในโรงพยาบาลไม่ได้เลวร้ายนัก มันท�ำให้ผมลืมสงคราม
ทีเ่ กิดขึน้ ไปชัว่ ขณะ ผมไปเยีย่ มคนป่วยทีม่ าเข้าโรงพยาบาลพร้อมกัน ทหาร
ทีโ่ ดนยิงทีท่ อ้ งก็กำ� ลังฟืน้ อาการดีขนึ้ มากแต่โอกาสทีจ่ ะได้ไปรบอีกคงน้อย
ส่วนคนที่โดนยิงลูกกระสุนฝังเข้าที่แขนอาการป่วยดีขึ้นมากและความจริง
คือเขากลับไปรบก่อนผมอีก
หมู่แบรดชอว์มาที่โรงพยาบาลนี้ของวันที่ ๕ ที่ผมอยู่ เขาโดน
ซุม่ ยิงในขณะทีอ่ ยูใ่ นฐาน อาการหนักมาก ผมไปเยีย่ มเขา ใบหน้าสีเข้มของ
เขาดูไม่เข้มเลยและดูไม่ดุดันเหมือนแต่ก่อน ล�ำตัวก็ดูเล็กลงกว่าที่เคยเห็น
แต่ดวงตาใหญ่ขึ้น บางทีอาจจะเกิดจากความกลัวก็ได้
ผมทักทายเขา “สวัสดีหมู่”
เขาตอบด้วยน�้ำเสียงที่อ่อนแรง “สวัสดีครับหมวด ผมได้ข่าวว่า
หมวดเสียชีวิตแล้ว”
ผมยิ้มและตอบ “ยังมีชีวิตอยู่ นายเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่ดีเลยครับ แต่ผมต้องหาย” เขาตอบด้วยน�้ำเสียงที่หนักแน่น
เราคุยกันสักพัก เขายังดูขวัญดีส�ำหรับคนที่เพิ่งเฉียดตาย เขา
เล่าว่าตอนที่ถูกลอบยิงเขาก�ำลังเล่าเรื่องครอบครัวพร้อมกับล้วงเข้าไปใน
เป้เพื่อจะเอาคัมภีร์ไบเบิลออกมา ซึ่งมีรูปถ่ายของครอบครัวเขาอยู่ข้างใน
จังหวะนั้นพลซุ่มยิงของฝ่ายตรงข้ามก็ยิงเข้าใส่ถูกเข้าที่ด้านซ้ายของล�ำตัว
ลูกกระสุนโดนกระดูกและแฉลบผ่านปอดมาทะลุออกตรงหน้าอก ท�ำให้
หน้าอกเป็นรู ปอดทะลุ

71
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมน่าจะรู้จักแบรดชอว์มากกว่านี้ เมื่อไม่อยู่ในหมวดดูเขาจะ
ผ่อนคลายมากขึน้ เขาบอกว่า “หมวดดูไม่เหมือนผูบ้ งั คับหมวดเลยนะครับ”
ผมใจเสีย ลึก ๆ ผมคิดว่าผมเองก็ยังเป็นผู้หมวดที่ไม่ดีสักเท่าไหร่
แต่อย่างน้อยผมก็พยายามจะท�ำให้มันดี
แบรดชอว์พูดต่อว่า “ไม่นะ ผู้หมวดดูเหมาะที่จะเป็นอย่างอื่น
มากกว่า อย่างนายธนาคารอะไรแบบนี้ เป็นนายธนาคารในเมืองเล็ก ๆ
ถือกระเป๋าเอกสารมากกว่าที่จะมาถือปืน” ค�ำพูดของแบรดชอว์ท�ำให้ผม
หมดก�ำลังใจไปเลยทีเดียว แต่เขาไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีอะไร ตอนท้ายเขา
เตือนผม
“อย่ากลับไปอีกเลยผูห้ มวด ถ้าหาทางไปทีอ่ นื่ ได้กไ็ ป ข้างนอกนัน่
ผมไม่เคยเห็นนายทหารคนไหนที่พอใช้ได้รอดออกมาสักคน คนที่ตั้งใจจะ
ท�ำหน้าที่ให้ดีมักจะโดนแบบคุณนี่แหละ มีแต่ไอ้ขี้ขลาดแบบรอฟเท่านั้นที่
รอดออกมา แต่ก็ท�ำให้คนอื่น ๆ เคราะห์ร้าย” แบรดชอว์คงจะเหนื่อย
ผมเลยไม่คุยต่อ ปล่อยให้เขาหลับไป การบาดเจ็บของเขาเหมือนได้ตีตั๋ว
กลับบ้าน วันรุ่งขึ้นเขาถูกย้ายไปรักษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น และตามที่ได้ยิน
มาคือหลังจากนั้นก็ย้ายกลับไปรับการรักษาต่อที่สหรัฐอเมริกา
ในวันที่เจ็ดของการอยู่ที่โรงพยาบาล นายทหารจากกรมทหาร
สารบรรณก็แวะมาที่เตียงผมเพื่อให้ผมเซ็นรับเหรียญกล้าหาญ นายทหาร
คนนี้มักจะถูกต�ำหนิจากหัวหน้าเขาเสมอในเรื่องความล่าช้าในการมอบ
เหรียญ พอมอบให้ผมเสร็จเขาก็เดินไปที่เตียงของคนไข้รายอื่น ผมส่ง
ใบประกาศเหรียญกล้าหาญและเหรียญกลับไปให้ภรรยา เธอคงจะดีใจ
มาก ในวันรุ่งขึ้นก็มีนายทหารระดับชั้นนายพลมาเยี่ยม ท่านมอบไฟแช็ก
ที่เขียน “To a Wounded Sky Soldier” ซึ่งก็เป็นการมอบให้ทหาร

72
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ที่ ไ ด้ รั บ บาดเจ็ บ ของหน่ ว ยนี้ เ พราะผมได้ รั บ บาดเจ็ บ จากการรบและ


ประจ�ำอยู่หน่วยส่งทางอากาศถึงแม้ผมจะไม่ได้สูบบุหรี่ก็ตาม
จะว่าไปแล้วการมาป่วยที่นี่ก็ดีไปอย่าง แต่นาน ๆ ไปก็ชักจะ
น่าเบือ่ ผมเลิกวุน่ วายกับพวกพยาบาลสาวพวกนัน้ ทีแ่ ต่กอ่ นพวกเธอจะรูส้ กึ
แย่มากที่ดูแลผมไม่ดีเท่าที่ควร อีกอย่างพวกเธอก็มีงานมาก มีผู้ที่ได้รับ
บาดเจ็บเข้ามารักษาไม่ซ้�ำหน้าในแต่ละวัน บรรยากาศดูหดหู่และเครียด
ผมพยายามท�ำให้ ตั ว เองแข็ ง แรงและหายโดยเร็ ว เพื่ อ จะได้ ก ลั บ ไปท� ำ
หน้าที่ต่อ ผมได้ออกจากโรงพยาบาลในวันที่ ๒๐ โดยที่ยังไม่ได้ตัดไหม
เหมือนเช่นเคย ผมเดินทางโดยรถบรรทุกทหารและเฮลิคอปเตอร์เพือ่ ไปยัง
แอลซี นอร์ท อิงลิช เพือ่ ปฏิบตั หิ น้าทีต่ อ่ ไป ระหว่างทีร่ อเอาผ้าพันแผลออก
ผมได้รบั มอบหมายให้ปฏิบตั หิ น้าทีเ่ ป็นผูด้ แู ลการติดต่อสือ่ สารส�ำหรับการ
ซุ่มโจมตีของกองพันในเวลากลางคืนซึ่งเป็นหน้าที่ที่ค่อนข้างจะปลอดภัย
เพราะอยู่ในแนวหลัง ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นในระหว่างการซุ่มโจมตีหน้าที่
ผมคือปลุกผู้บังคับกองพัน หรือนายทหารยุทธการของกองพันให้ทราบ
ผมถือว่าตัวเองยังมีประโยชน์อยู่บ้างในระหว่างที่รอให้แผลหาย ถ้าไปอยู่
ในสนามเลยก็เป็นไปได้ที่แผลจะติดเชื้อหรือหายช้า
ผมรูส้ กึ ว่าตัวเองก�ำลังจะได้กลับไปแนวหน้าในอีกไม่ชา้ ความจริง
ค�ำว่าแนวหน้าอาจจะไม่ใช่ค�ำที่เหมาะส�ำหรับใช้ที่เวียดนามสักเท่าไหร่
เพราะแนวหน้ามีแทบจะทุกที่ ยกเว้นทีต่ งั้ ของฐานทัพของทหารสหรัฐหรือ
ของรัฐบาลเวียดนามใต้เท่านั้น ค�ำที่เหมาะสมกว่าส�ำหรับพื้นที่การรบที่นี่
คือป่า คือที่ไหนที่มีสภาพเป็นป่าสามารถใช้เป็นที่ก�ำบังได้ ที่นั่นก็มีโอกาส
สู ง ที่ เราจะเจอกั บ ข้ า ศึ ก เพื่ อ ความไม่ ป ระมาทกองพั น จะส่ ง หน่ ว ย
ลาดตระเวนขนาด ๑ หมู่ปืนเล็กออกไปส�ำรวจพื้นที่รอบ ๆ เป็นระยะ ๆ
ในห้วงวันท้าย ๆ ของการปฏิบัติหน้าที่ดูแลการรับส่งวิทยุของหน่วย
73
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ทีท่ ำ� การซุม่ โจมตีนี้ ผมก็เริม่ คิดว่าเมือ่ กลับไปทีห่ มวดของตัวเอง มันจะเป็น


อย่างไร จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม การรับราชการในกองทัพนี่มีความ
ท้าทายมากเหมือนกัน หนึ่งในความท้าทายคือการเอาชนะความกลัวที่
เกิดขึ้นในใจเรา ผมว่าคนที่บอกว่าตัวเองไม่กลัวอะไรเลยพวกนี้ต้องไม่
ปกติแน่ ๆ
สถานการณ์ในสนามรบมันน่ากลัวอยู่แล้ว ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าท�ำ
อย่างไรจึงจะไม่กลัว แต่อยู่ที่ว่าเราจะจัดการกับความกลัวอย่างไรต่างหาก
การทีผ่ มได้รบั บาดเจ็บไม่มากและได้มานอนป่วยทีโ่ รงพยาบาลท�ำให้ได้เห็น
สภาพผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรูปแบบ ผมถือว่าตัวเองโชคดีที่บาดเจ็บเพียง
เล็กน้อยแต่คราวหน้าก็ไม่แน่เพราะมีหลายปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ ผม
อาจจะเสียชีวิต บาดเจ็บสาหัสหรือไม่เป็นไรเลย มันเป็นไปได้ทั้งนั้น ตั้งแต่
วันแรก ๆ ที่มาถึงที่เวียดนาม ความคิดผมเปลี่ยนไปหลายเรื่อง หนึ่งในนั้น
ก็คือผมก็เหมือนกับคนอื่น ๆ คือมีโอกาสตายในสนามรบได้เหมือนกัน
ไม่ว่ายศอะไร
ผมเริม่ วางแผนว่าจะจัดการกับความกลัวทีเ่ กิดขึน้ ในจิตใจอย่างไร
เมือ่ กลับไปทีห่ น่วยของตัวเอง มันเหมือนกับคนทีก่ ำ� ลังจะลงไปในน�ำ้ ทีเ่ ย็น
ยะเยือกเหมือนน�้ำแข็งซึ่งมีสองแนวทางคือค่อย ๆ ลงไปหรือกระโดดลงไป
เลยเพราะยังไงก็ต้องโดนน�้ำเย็นอยู่แล้ว เสียงที่มาทางวิทยุมันเหมือนจะ
เป็นลางที่บอกบางสิ่งยังไงยังงั้น ทุกคืนจะต้องมีเหตุการณ์เกิดขึ้น มีการ
ปะทะกันและมีผู้บาดเจ็บ ผมจ�ำได้ว่าตอนเป็นเด็กผมชอบต่อยมวยมาก
ระหว่ า งที่ ร อการขึ้ น ชกผมเห็ น นั ก มวยคู ่ ก ่ อ นหน้ า ที่ ล งเอยด้ ว ยการ
เจ็บตัวอย่างหลีกไม่พน้ และอีกไม่นานก็จะเป็นคิวเรา มันคล้าย ๆ กันส�ำหรับ
สถานการณ์ตอนนี้ ผมรอการกลับไปทีฐ่ านและไม่รวู้ า่ ตัวเองจะโชคดีเหมือน

74
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

คราวนี้อีกไหม วันหนึ่งมีผู้หมวดคนหนึ่งแวะมาทักทายผม เขาดูร่าเริงมาก


เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้กลับบ้านที่สหรัฐ แล้ว แฟนที่รออยู่ฝั่งโน้น
ก็รอวันกลับไปของเขาเพื่อเตรียมแต่งงาน เขามารบที่เวียดนามได้ปีกว่า
เพือ่ น ๆ ทีม่ าพร้อมเขาได้จากไปก่อน ถ้าไม่เสียชีวติ ก็บาดเจ็บสาหัสจนต้อง
ถูกส่งกลับ ในวันรุ่งขึ้นจะมีเฮลิคอปเตอร์มารับเขาไปที่อ่าวแคมรานห์
และที่นั่นก็จะมีเครื่องบินน�ำเขากลับสหรัฐอเมริกา ผมไม่เคยเห็นคนที่มี
ความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย
ในระหว่างที่เราคุยกันผู้หมวดคนนี้ก็ดื่มเบียร์ไปด้วย ผมว่าเขาดื่ม
มากไปหน่อย ไปเข้าห้องน�ำ้ กลับมาแล้วก็ดมื่ ใหม่ เขาได้แต่บน่ ว่าพวกทีอ่ อก
ไปลาดตระเวนเป็นพวกทีน่ า่ สงสาร พอเราจบการสนทนาเขาก็เดินออกจาก
ห้องไป พอพ้นประตูห้องไปได้นิดเดียวเสียงระเบิดก็ดังสนั่นขึ้น
ผมบอกพลวิทยุ ๒ คนที่อยู่กับผมว่าไม่ต้องออกไปเพราะไม่มี
ประโยชน์ที่จะออกไปตอนนี้ท่ามกลางระเบิดที่ก�ำลังลงมา แต่เสียงระเบิด
ก็ดังขึ้นเพียงครั้งเดียว ผมหวังว่าผู้หมวดคนนั้นคงหลบทัน ผมตัดสินใจ
เดินออกไปดู ยังไม่ทนั ไปถึงประตู ประตูกถ็ กู ถีบให้เปิดออก ผูห้ มวดคนนัน้
ก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับเลือดที่สาดออกจากล�ำคอกระเด็นมาใส่เต็มหน้าผม
เขาพยายามพูดแต่ไม่มีเสียง มือสองข้างก็อุ้มล�ำไส้ที่ทะลักออกมา นัยน์ตา
เบิกกว้าง สื่อความหมายได้เพียงอย่างเดียวคือให้ช่วยเขาด้วย
ผมรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เขาคิดตอนนั้นคือมันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับเขา
ซึ่งก�ำลังจะได้กลับบ้านอยู่แล้ว ผมพยายามคิดว่าจะหยุดเลือดที่ก�ำลังไหล
ออกจากคอเขาได้อย่างไร พยายามสะกดใจไม่ให้กลัว ในที่สุดก็นึกออก
ผมฉีกเสื้อยืดของพลวิทยุเพื่อจะมาหยุดเลือดที่คอ มันช่วยได้ระดับหนึ่ง
เขาดิ้นน้อยลงท�ำให้ผมช่วยเขาได้ง่ายขึ้น ไม่กี่นาทีพยาบาลสนามก็มาถึง

75
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

และท�ำหน้าที่ได้ดีกว่าผม และในที่สุดเฮลิคอปเตอร์ก็มารับเขาไปรับการ
รักษา ณ โรงพยาบาลที่ผมเพิ่งออกมา
ผมทราบภายหลังว่าเขาไม่ตาย ในคืนแรกที่เขาไปถึงโรงพยาบาล
ต้องท�ำการให้เลือดเป็นจ�ำนวนมาก เป็นเรื่องแปลกส�ำหรับที่นี่คือคนป่วย
ที่ออกจากเวียดนามไปที่อื่นมักจะไม่ได้กลับมา ดังนั้นเราจึงไม่รู้ว่าเขาเป็น
อย่างไร ยกเว้นว่าเขากลับมาเท่านั้นเราจึงจะรู้ว่าเขาเจ็บหนักแค่ไหน แล้ว
ความจริงเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนใหม่ของผมคนนี้กันแน่
ความจริ ง ก็ คื อ มั น ไม่ ใช่ เ ป็ น การโจมตี จ ากข้ า ศึ ก แต่ เ กิ ด จาก
พลทหารในกองพันที่หมั่นไส้จ่าอาวุโสก็เลยโยนลูกระเบิดใส่บังเกอร์ที่เป็น
ที่นอนของจ่าคนนั้น บังเอิญผู้หมวดคนนี้เกิดอยากเข้าห้องน�้ำกะทันหัน
ก็เลยไปยืนฉี่ข้าง ๆ บังเกอร์ก็เลยโดนลูกหลง มีการสอบสวนในภายหลัง
จึงได้ความว่าพลทหารสารภาพว่าอยากแกล้งและสั่งสอนจ่าอาวุโสคนนั้น
เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะเอาชีวิตใคร
ผมเรียนรู้อีกอย่างที่เวียดนามคืออย่าประมาทแม้แต่วินาทีเดียว
เพราะอะไร ๆ ก็เกิดขึน้ ได้ และมันมักจะเกิดขึน้ ตอนทีเ่ ราประมาทนัน่ แหละ
ผมถื อ ว่ า ได้ ผ ่ า นช่ ว งของการรั บ น้ อ งแล้ ว ส� ำ หรั บ การมารบที่
เวียดนาม บทเรียนที่ผมได้รับท�ำให้ผมต้องระวังตัวเองให้มากขึ้นและ
เตรียมพร้อมให้มากขึ้นด้วย เพราะสงครามยังด�ำเนินต่อไปและไม่รู้ว่าจะ
จบตอนไหน

76
บทที่ ๘
ถ้าเราไม่ประสบความสำ�เร็จในครัง้ แรก...

การกลับมาของผมเพื่อปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับหมวดในคราวนี้ถือ
ได้ว่าผมมีประสบการณ์แล้วในระดับหนึ่ง เพราะเป็นทหารผ่านศึกที่ผ่าน
สงครามมาและเคยบาดเจ็บด้วย ผมจะใช้ประสบการณ์อนั นีใ้ นการท�ำหน้าที่
ให้ดีขึ้น การที่ผมกลับมาท�ำให้พวกลูกน้องประหลาดใจไม่น้อย เพราะมี
ข่าวลือว่าผมเสียชีวิตแล้วบ้าง หรือบาดเจ็บสาหัสบ้าง เมื่อผมก้าวขาลง
จากเฮลิคอปเตอร์ลูกน้องผมเห็นก็อึ้งไปเลย เพราะไม่คิดว่าผมจะกลับมา
ใบหน้าพวกเขาเหมือนจะบอกว่า “โอ้โฮ ดวงแข็งน่าดู” ส่วนผมเฉย ๆ ไม่
พูดอะไร
บางทีการบังคับคนอื่นอาจจะง่ายกว่าการบังคับตัวเอง ดังนั้น
สิ่งแรกที่ผมท�ำเมื่อมาถึงคือท�ำให้ใจสงบและหาสัมภาระของใช้ส่วนตัว
เช่น มีด สายโยงเข็มขัดสนาม กระเป๋ากระสุน เป็นต้น พวกลูกน้องคิดว่า
ผมคงไม่กลับมาแล้ว ก็เลยเอาของใช้ของผมแจกจ่ายกันเอง
ในคืนแรกที่มาถึงผมตัดสินใจออกลาดตระเวนพร้อมลูกน้องเพื่อ
ซุ่มโจมตีในเวลากลางคืนห่างจากฐานไปประมาณ ๒,๕๐๐ เมตร เมื่อ
อาทิตย์เริม่ ตก ใจผมก็เต้นตุบ ๆ ผมใส่เสือ้ เกราะกันกระสุนและหมวกเหล็ก

77
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

พร้อมออกไปปฏิบัติหน้าที่ อุปกรณ์สองสิ่งนี้กลายเป็นอุปกรณ์ที่ผมแอบ
หลงรักทันทีถึงแม้มันจะหนักและอึดอัดเวลาใส่ เพราะมันเคยช่วยชีวิต
ผมไว้ ผมเป็นคนที่สี่ในการเดินลาดตระเวนคราวนี้ เมื่อออกไปได้สัก
ประมาณ ๕๐ เมตร ใจผมก็เริ่มหวิว ๆ ในทุกก้าวที่เดิน เพราะไม่รู้ว่า
จะไปเหยียบกับระเบิดเข้าหรือเปล่า ผมพยายามจะไม่คิดถึงมันแต่ก็อด
ห้ามใจไม่ได้เมื่อนึกถึงความโกลาหลที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
แต่แล้วผมก็คิดว่าพวกลูกน้องผมเขาก็คงกลัวเหมือนกัน ผมเป็นหัวหน้า
พวกเขาจบการศึ ก ษาและผ่ า นการฝึ ก มามากมาย ทั้ ง จากโรงเรี ย น
นายร้อยเวสต์พอยต์ โรงเรียนส่งทางอากาศ โรงเรียนจู่โจม และโรงเรียน
การรบในป่า ผมควรจะเป็นตัวอย่างแก่พวกเขาไม่ใช่หรือ เด็กหนุ่มเหล่านี้
ผ่านการฝึกมาไม่มากและต้องมาปฏิบัติหน้าที่เลย ผมปล่อยให้ตัวเอง
เป็นคนขี้ขลาดไม่ได้ ผมเดินต่อไป ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีส�ำหรับการเดิน
ลาดตระเวน เราแทบจะไม่มีการพูดคุยกันเลย พวกเราเข้าพื้นที่ซุ่มโจมตี
จากทางด้านหลัง สักพักผู้บังคับหมู่ซึ่งก็คือหัวหน้าชุดลาดตระเวนก็มา
น�ำแต่ละคนไปอยู่ในต�ำแหน่งที่ก�ำหนดไม่ว่าจะเป็นด้านข้างหรือด้านหลัง
การสื่อสารผ่านการใช้สัญญาณมือและการพยักหน้าเป็นหลัก ไม่นาน
ทุกอย่างก็เข้าที่
จริง ๆ แล้วเส้นทางที่พวกเราเดินในคราวนี้ไม่ได้ไกลจากต�ำแหน่ง
ที่ผมโดนกับระเบิดเลย ผมจับที่เสื้อด้านในที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ บอก
ตัวเองว่าให้ท�ำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดไม่ต้องไปคิดอย่างอื่น ผมเดิน
อี ก ไม่ กี่ ก ้ า วก็ ถึ ง ต� ำ แหน่ ง ของตั ว เองซึ่ ง พอใกล้ ถึ ง ผมต้ อ งคลานเข้ า ไป
อย่างเงียบ ๆ เข็มทิศที่ผูกยึดด้วยเชือกผูกรองเท้ากับสายโยงเข็มขัด
สนามเกิดไปเกี่ยวกับกิ่งไม้จนหล่นลงพื้นไปกระทบหินเสียงดังปิ๊ง ผมรีบ
ตะโกนทันที

78
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

“กับระเบิด” แล้วพุ่งตัวไปด้านขวาหมอบลงกับพื้น ลูกน้องผม


ก็หมอบลงกับพื้น ผ่านไปไม่กี่วินาที เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ระเบิดแต่เป็นเสียงจาก
เข็มทิศผมเอง ทุกคนก็โล่งใจ แต่เล่นเอาผมอายแทบแทรกแผ่นดินกับ
ความเฟอะฟะที่ตัวเองก่อและท�ำให้พวกเราต้องย้ายไปยังที่ซุ่มแห่งใหม่
ในคืนนั้นทุกอย่างเรียบร้อยไม่มีเหตุการณ์อะไร ระหว่างเดินทาง
กลับฐานในคืนนัน้ ผมรูต้ วั ว่าหน้าแดงด้วยความอาย แต่อย่างน้อยก็ไม่มใี คร
เป็นอะไรและผมก็ไม่กังวลเกี่ยวกับแผลของตัวเองอีกต่อไป
เมื่ อ กลั บ มาถึ ง ฐานผมได้ ส รุ ป ผลของการออกไปลาดตระเวน
รวมถึงจุดอ่อนและจุดแข็งของพวกเราให้ทงั้ หมดฟัง มีเสียงวิจารณ์เล็กน้อย
เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งเกิดจากความผิดของผมเอง แต่ผมไม่สนใจเพราะ
อย่างน้อยในเวลานี้ผมได้รับความไว้วางใจจากลูกน้องในระดับหนึ่ง และ
ผมก็เอาชนะความกลัวที่เกิดขึ้นในใจผมได้ ห้วงเวลาของการรับน้องได้จบ
ลงแล้วและจากนี้ไปคือของจริง ซึ่งหมายถึงว่าผมต้องน�ำหมวดของผมให้
ดีที่สุดและสิ่งที่ผมควรจะห่วงคือสไตล์ของความเป็นผู้น�ำและวิธีที่จะรบ
กับข้าศึกให้ดีขึ้น
ที่ผ่านมาหมวดของเราได้ใช้ยุทธวิธีซึ่งมุ่งไปที่การหลีกเลี่ยงความ
สูญเสียให้มากที่สุด แต่ผมรู้ดีว่าการท�ำแบบนี้สุดท้ายเราเองจะถูกต้อนให้
จนมุมและจะสูญเสียมากขึ้น ผมเลยให้ความสนใจเกี่ยวกับสาระส�ำคัญ
ทางยุทธวิธี เช่น การรุก รับ การซุ่มโจมตี การใช้อาวุธ การวางและการ
กู้กับระเบิด การใช้แผนที่เข็มทิศ การเคลื่อนที่ในเวลากลางคืน การข้าม
ล�ำน�้ำ การวางแผนการยิงสนับสนุน เหล่านี้เป็นต้น ผมรู้เรื่องพวกนี้ทั้งทาง
ทฤษฎีและปฏิบตั ิ แต่กไ็ ม่เคยใช้ในสถานการณ์จริง ทีเ่ วียดนามคือโอกาสใน
การใช้ แต่ความประมาทเพียงนิดเดียวอาจน�ำมาซึง่ ความหายนะของหมวด

79
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ฉะนัน้ ผมประมาทไม่ได้ มีคำ� พูดว่า ทหารจะท�ำหน้าทีไ่ ด้ดกี ต็ อ่ เมือ่ มีผบู้ งั คับ


บัญชามาคอยตรวจสอบ แน่นอนว่าในสนามรบผมไม่สามารถไปตรวจสอบ
ทุกอย่างได้ตลอดเวลาแต่ผมสามารถใช้รองผู้บังคับหมวดและผู้บังคับหมู่
ท�ำหน้าที่เป็นหูเป็นตาแทนได้ ไม่เพียงเฉพาะด้านยุทธวิธีเท่านั้นที่ผมใน
ฐานะผู้บังคับหมวดต้องใส่ใจ ด้านสุขอนามัยก็ส�ำคัญไม่แพ้กัน เช่น ถุงเท้า
ต้องเปลีย่ นบ่อย ๆ การอาบน�ำ้ สระผม โกนหนวดต้องท�ำสม�ำ่ เสมอ รวมถึง
การเข้าเวรยาม การรับส่งวิทยุ การเข้ารหัสวิทยุ ต้องท�ำให้เข้มงวดและ
จริงจัง เราจะประมาทไม่ได้เลย ฐานของหมวดต้องได้รับการปรับปรุง
อยู่เสมอ ทุ่นระเบิดเคลย์มอร์ต้องได้รับการตรวจและพรางอย่างถูกต้อง
คูติดต่อต้องขุดให้ลึก ต�ำแหน่งของทหารประจ�ำจุดต่าง ๆ ต้องได้รับการ
ปรับปรุงเพื่อให้การยิงมีประสิทธิภาพมากที่สุด แม้กระทั่งหญ้าที่อยู่หน้า
ฐานก็ตอ้ งตัดให้โล่งเตียนเสมอ ทีเ่ ก็บกระสุนต้องแห้ง การซักซ้อมการปะทะ
ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ต้องท�ำอยูเ่ ป็นประจ�ำ เรือ่ งส�ำคัญอีกอย่างคือ ในเวลา
รบผู้น�ำมักตกเป็นเป้าเสมอ ดังนั้นลูกน้องแต่ละคนต้องได้รับการฝึกให้
ท�ำหน้าที่เป็นหัวหน้าได้ ในกรณีที่หัวหน้าตัวเองเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ เพื่อ
ปฏิบัติหน้าที่ต่อให้ส�ำเร็จ ความจริงเรื่องนี้ได้มีการปฏิบัติมานานมากแล้ว
ตั้งแต่สมัยสงครามฝรั่งเศสและสงครามอินเดียน (French and Indian
War) ก่อนที่จะมีการก่อตั้งกองทัพบกสหรัฐเสียอีก
ผมปรับวิถกี ารใช้ชวี ติ ในระหว่างการรบทีเ่ วียดนามด้วย คือจะนอน
เป็นช่วง ๆ ซึง่ มักจะเป็นในเวลากลางวันเป็นส่วนมาก ส่วนในเวลากลางคืน
ผมก็จะออกไปลาดตระเวนในผลัดที่สามเสมอ และก่อนออกผมจะเป็น
คนนับยอดว่ามีกี่คนและก่อนเข้าก็จะเป็นคนนับยอดเช่นกันว่าเข้ามากี่คน
เรือ่ งนีด้ เู หมือนเป็นเรือ่ งเล็กแต่มคี วามส�ำคัญมากเพราะอาจมีขา้ ศึกแอบมา
ต่อท้ายแถวเราตอนกลับเข้าฐานในเวลากลางคืนทีม่ ดื มาก ๆ ก็เป็นได้ หรือ

80
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

อาจจะมีคนของเราหายไปตอนขากลับ เพราะฉะนั้นเรื่องพวกนี้ละเลย
ไม่ได้ อีกอย่างอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ต้องอยู่ครบ และถ้าหายก็ต้องรู้ว่า
มันหายไปไหนและตอนไหน เรือ่ งเหล่านีผ้ มให้ความส�ำคัญมากเช่นกัน และ
หากมีความผิดปกติเกิดขึน้ ในการนับยอดรองผูบ้ งั คับหมวดก็ตอ้ งตอบได้วา่
เกิดอะไรขึ้น
เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับหมวด ผมตรวจที่ตั้งของลูกน้อง
ทุกคืน เช่น ต�ำแหน่งของปืนกล ผมจะไปอยูท่ นี่ นั่ และลองเล็งดูวา่ มันสามารถ
ป้องกันพื้นที่ได้ไหม วิทยุสื่อสารของหมวดก็เช่นกันผมจะเช็กเป็นประจ�ำ
เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถติดต่อกับกองร้อยหรือกองพันได้ อีกอย่าง ความ
สัมพันธ์กับลูกน้องก็ต้องสร้างผ่านสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น กินข้าวด้วยกัน
เป็นต้น รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับลูกน้องไม่ว่าจะเป็นคนถนัด
ซ้ายหรือขวา การมองเห็นในเวลากลางคืนดีไหม นิสัยใจคอเป็นอย่างไร
มีปัญหาส่วนตัวบ้างหรือไม่ เช่น ปัญหาที่บ้าน ปัญหาการหลับนอน
ผมต้องรู้ และถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ ผมฟังพวกเขาเล่าเรื่องราว
ซึ่งสะท้อนถึงความหวังในการมีชีวิตรอดกลับไป แต่ส�ำหรับเรื่องส่วนตัว
ของผม ผมไม่ได้เล่ามาก ผมรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่พวกเขาจะรู้ สิ่งที่
พวกเขาต้องการเกี่ยวกับผมคือผมจะสามารถน�ำพาพวกเขาให้อยู่รอด
ปลอดภัยจนได้กลับบ้านได้หรือไม่ พวกเขาอยากเล่าเรื่องราวให้ผมฟัง
และอยากให้ผมเป็นผู้ฟังที่ดีก็เท่านั้น และด้วยความที่ผมเป็นนายทหาร
ส่วนพวกเขาเป็นจ่า นายสิบ หรือพลทหาร มันจึงเป็นความแตกต่างอย่าง
เลี่ยงไม่ได้ ผมเป็นทหารอาชีพ ส่วนพวกเขาเป็นทหารแค่ช่วงเวลาหนึ่ง
การวางตัวที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งจ�ำเป็นเพื่อรักษาไว้ซึ่งการบังคับบัญชาที่ดี
มองในอีกมุมหนึ่ง การอยากรู้เรื่องส่วนตัวของลูกน้องมากจนเกินไปอาจ

81
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ท�ำให้พวกเขาระแวงสงสัยว่าผมเข้ามาพูดคุยด้วยวัตถุประสงค์อะไรกันแน่
เรื่องนี้ก็เป็นประเด็นที่ผมต้องคิดเหมือนกัน
ส� ำ หรั บ ข้ า ศึ ก ที่ พ วกเราก� ำ ลั ง เผชิ ญ หน้ า อยู ่ ความจริ ง ก็ คื อ
ประชาชนธรรมดาที่พร้อมจะฆ่าพวกเราได้ทุกเวลาเพราะจังหวัดบินดิน
คือถิ่นของพวกเวียดกง ผมเชื่อว่าพวกมันใช้ชาวบ้านเป็นสายสืบเกี่ยวกับ
ความเคลื่อนไหวของเรา ไม่ว่าจะเป็นจ�ำนวนคน อาวุธที่ใช้ หรือแม้กระทั่ง
ตัวผมเองว่ามีความเป็นผู้น�ำแค่ไหน ผมเองก็ต้องพยายามรู้ให้ได้ว่าพวก
เวียดกงที่แฝงตัวอยู่แถวนี้มีจ�ำนวนเท่าไหร่และมีแผนจะปฏิบัติการต่อ
พวกเราตอนไหน ต้องรูค้ รอบคลุมถึงข้อมูลด้านการรบของพวกมันด้วย เช่น
อาวุธทีใ่ ช้มอี ะไร วางกับระเบิดไว้ตรงไหน ข้อมูลข่าวสารทีท่ นั ต่อเหตุการณ์
จึงเป็นสิ่งจ�ำเป็นมาก แล้วจุดอ่อนของพวกมันล่ะ ข้าศึกต้องมีจุดอ่อน
เช่นเดียวกับทีพ่ วกเรามี ผมต้องพยายามหาให้เจอและใช้ประโยชน์จากมัน
แน่นอนความทีเ่ ป็นมนุษย์เหมือนกันย่อมมีอะไรทีค่ ล้าย ๆ กัน พวกมันต้อง
กิน นอน พักผ่อน แล้วอาหารทีก่ นิ มาจากไหน ใครส่งมาให้ เมือ่ จะเคลือ่ นที่
จะเคลื่อนที่ตอนไหน เป้าหมายคืออะไร สิ่งเหล่านี้ผมก็ต้องพยายามรู้ให้
ได้มากที่สุดเพื่อความอยู่รอดของหมวดและภารกิจที่ส�ำเร็จลุล่วง นั่นคือ
การรักษาหมู่บ้านทรองแลม
เหล่าผู้รู้ทางทหารบอกไว้ว่า ต้องรู้ข้าศึกให้มาก ยิ่งรู้มากโอกาสที่
จะชนะก็มาก นัน่ คือท�ำลายข้าศึกได้ แน่นอนว่าข้าศึกก็คงคิดเช่นเดียวกับที่
เราคิด มันอะไรกันนี่ พวกเรามาจากโลกทีศ่ วิ ไิ ลซ์และเกลียดการฆ่ากัน และ
พวกมันก็น่าจะถูกปลูกฝังมาไม่ต่างกัน แต่กลับต้องมาอยู่ในสถานการณ์ที่
พยายามจะเอาชีวิตซึ่งกันและกัน ในแต่ละวันผมจะเขียนจดหมายถึงบ้าน
ที่สหรัฐ นั่นเป็นช่วงเวลาเดียวที่ผมมีความสุขมากและอยากจะมีชีวิตรอด

82
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

กลับไปเห็นหน้าลูกเมีย เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เพื่อให้ผมและลูกน้องรอดชีวิต


ผมจึงจ�ำเป็นที่จะต้องฆ่าพวกมันก่อน
มีนักสังคมศาสตร์และนักการทหารให้นิยามของสงครามไว้ว่า
“สงครามคือการจัดการกับความรุนแรง” (War is the management
of violence.) ส�ำหรับเวียดนาม ความรุนแรงที่พูดถึงน่าจะหมายถึง
การเข่นฆ่าเอาชีวิตซึ่งกันและกัน ส่วนค�ำว่า การจัดการ มันอาจจะใช้ที่
เวียดนามไม่ได้ ถ้าผมจะท�ำภารกิจให้ส�ำเร็จโดยการไปเข้าตีที่ใดที่หนึ่ง
ผมต้องน�ำลูกน้องไป ผมไม่สามารถบริหารจัดการให้พวกเขาไปได้ และ
อีกอย่างผมมีหน้าทีท่ จี่ ะรักษาชีวติ พวกเขาไว้ให้ได้มากทีส่ ดุ เท่าทีจ่ ะมากได้
ยิ่งไปกว่าการรักษาชีวิตของพวกเขาก็คือผมเป็นผู้น�ำที่ต้องพาเขา
ไปฆ่าคน ดังนั้นหน้าที่อีกอย่างคือผมต้องไม่ให้พวกเขาเป็นพวกกระหาย
สงครามเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา ถ้าต้องฆ่าคือท�ำไปเพราะหน้าที่และก็
จบแค่นั้น ผู้น�ำคือคนที่มีบทบาทหน้าที่ในการท�ำให้พวกเขาอยู่ในกรอบที่
เหมาะสม โดยธรรมชาติของสงคราม มนุษย์สามารถท�ำอะไรก็ได้เพื่อให้
ตัวเองรอดชีวติ และก็จะไม่รสู้ กึ ผิดกับการกระท�ำของตนด้วย แต่แน่นอนว่า
ถึ ง สงครามจะจบลงแต่ ก ารกระท� ำ นั้ น จะอยู ่ กั บ เราตลอดไป ดั ง นั้ น
ในฐานะที่ เ ป็ น ทหารและอยู ่ ใ นสถานการณ์ ร บ การกระท� ำ ที่ เ กิ น กว่ า
เหตุ สุดท้ายก็จะกลับมาท�ำร้ายเราเองในอนาคต ในทางตรงกันข้าม
ถ้าผู้น�ำไม่ท�ำหน้าที่ของตัวเองให้เหมาะสมปล่อยให้ลูกน้องท�ำเกินกว่าเหตุ
สิ่งเลวร้ายต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้น ทหารบางคนอาจต้องไปขึ้นศาลทหารเพราะ
ท�ำในสิ่งที่เกินกว่าเหตุ เช่น การฆ่าผู้บริสุทธิ์ การข่มขืนชาวบ้าน เป็นต้น
แน่นอนสิ่งเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วมันท�ำลายภาพลักษณ์และวินัยที่ดีงาม
ของหน่วยและทหารคนอื่น ๆ อาจท�ำตามก็ได้

83
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

สงครามเป็นเรื่องของความโกลาหลอลหม่านและท้ายที่สุดจะ
น�ำมาซึ่งการไร้ซึ่งศีลธรรม ผู้น�ำหน่วยต้องควบคุมและอย่างน้อยที่สุดต้อง
ท�ำให้เห็นเป็นตัวอย่างและจะไม่ปล่อยให้ความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ขยายเป็น
เรื่องราวใหญ่โต เช่น การขโมยทรัพย์สินเพียงเล็กน้อยจากชาวนาอาจ
น�ำมาซึ่งการข่มขืนลูกสาวเขาอีกทีก็เป็นได้
ส�ำหรับสงครามสมัยใหม่ เช่น สงครามเวียดนามเส้นแบ่งระหว่าง
สนามรบและเขตพลเรือนมักจะไม่ชดั เจนและมักจะน�ำมาซึง่ ปัญหามากมาย
ความโหดร้ายของสงครามที่บั่นทอนขวัญของทหารในสนามรบมีอยู่ใน
ทุกที่ทุกมิติ เช่น ในหมู่บ้านที่หมวดผมมีหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย
ชาวนาธรรมดาหนึ่งคนอาจมีได้หลายบทบาท นอกจากบทบาทของการ
เป็นชาวนาแล้วยังอาจเป็นพ่อหรือแม่ของทหารเวียดกงก็ได้ ซึ่งจุดยืน
ทางการเมืองที่ต่างกันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่สมควรได้รับความ
เป็นธรรมในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง พวกเขาอาจพยายามเอาชีวิตเรา
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะไปเกลียดหรือท�ำไม่ดีกับเขา
หน้าทีข่ องผมในฐานะผูน้ ำ� ของหมวดจึงมีทงั้ บทบาทของผูน้ ำ� ในการรบและ
ผู้น�ำด้านคุณธรรมซึ่งก็ไม่ได้ง่ายเลย

84
บทที่ ๙
หล่อหลอมความเป็นผู้นำ�

ลูกหลานอเมริกนั ทีไ่ ปรบเป็นใครมาจากไหนนะ ผมมองหาหนังสือ


นิยายรักโรแมนติกที่มีหมวดทหารที่เป็นต้นแบบ แต่ก็หาไม่เจอ แน่นอน
ถ้ามีก็คงไม่มีผมอยู่ในนั้น เอาเข้าจริง ๆ เมื่อถึงเวลาที่ต้องออกไปรบเพื่อ
ประเทศชาติ คนที่ไปรบอาจไม่ใช่คนที่อยากจะไปจริง ๆ ก็ได้ หรือถ้าไป
ก็เพราะไม่มีทางเลือกในชีวิตเท่าใดนัก ผมว่าอเมริกาล้มเหลวในเรื่องการ
แสดงออกถึงความรักชาติเมื่อถึงเวลาที่ประเทศเข้าหน้าสิ่วหน้าขวาน
คนอเมริกันที่ไปรบที่สงครามเวียดนามจริง ๆ แล้วส่วนมากมาจากการ
จับสลากเนือ่ งจากประเทศมีทรัพยากรมนุษย์มาก คนทีเ่ ข้าข่ายทีจ่ ะถูกเลือก
ก็มีมาก ท�ำให้คนที่มีการศึกษาดีหรือมีอ�ำนาจต่อรองสูงไม่ต้องไปรบ
พวกที่เหลือที่ถูกเกณฑ์ไปรบคือคนที่โอกาสทางสังคมไม่ค่อยดีนักแต่มี
สภาพร่างกายและจิตใจที่พร้อมท�ำการรบเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นทหาร
อเมริกันที่ไปรบที่เวียดนามส่วนมากไม่เคยเจอสงคราม พวกที่การศึกษา
น้อย ไม่มีทักษะที่กองทัพต้องการ หรือเป็นเพราะเหตุอื่น ๆ มักจะได้อยู่
ในแนวหน้า ซึ่งผมหมายถึงการเสี่ยงชีวิต
ยกตัวอย่างที่ใกล้ตัวผมที่สุดคือพลวิทยุของผม ฟิล เนลซึ่งมาจาก
เมืองพรอสเพคพาร์ค รัฐเพนซิลเวเนีย เขาบอกเองเลยว่าที่เขามารบที่

85
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เวียดนามเพราะต้องเลือกเอาระหว่างติดคุกกับมารบ เขาเลยเลือกมารบ
ฟิล เนลเป็นคนมีนิสัยร่าเริงชอบเล่าเรื่อง บางทีผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า
สิง่ ทีเ่ ขาเล่ามันจริงหรือเท็จ แต่ผมก็ไม่เคยแสดงออกให้เขาเห็น แต่ผมก็เชือ่
บางอย่างที่เขาพูด เช่น เขาบอกว่าถ้าเขาเลือกที่จะไม่มารบก็อาจจะเจอ
ปัญหามากมาย เช่น จากพ่อเจ้าอารมณ์หรือจากผูห้ ญิง แต่ไม่วา่ ความจริงจะ
เป็นอย่างไร เขาก็มารบทีเ่ วียดนามเป็นเวลาถึง ๒๒ เดือนแล้ว และได้เหรียญ
กล้าหาญถึง ๒ เหรียญด้วยกัน และนั่นก็ไม่ได้ท�ำให้เขาเป็นคนซึมเศร้าแต่
ประการใด เขาบอกด้วยส�ำเนียงของชาวเมืองฟิลาเดลเฟียทีบ่ ง่ บอกถึงความ
มัน่ ใจว่าการทีเ่ ขาเป็นคนอารมณ์ดเี สมอนัน้ มาจากการทีเ่ ขามีทกั ษะในการ
ละอารมณ์ได้เร็วคือไม่เก็บอะไรมาคิดนาน “แย่แล้วหมวด ผมแย่แล้ว”
ฟิล เนลบอกผม ผมถามว่าแย่อะไรเพราะเขากับทุกคนในหมวดก็อยู่ใน
สมรภูมิรบเหมือนกัน เขาบอก “ผมไม่เหมือนทหารราบคนอื่น ผมแบก
วิทยุแต่คนอืน่ ถือปืน มันไม่เหมือนในหนังทีจ่ อห์น เวย์นเล่นเลย ผมแย่แน่”
ฟิล เนลเป็นคนเก็บอาการไม่ค่อยเก่ง คิดอะไรก็พูดออกไป แต่เขามีศิลปะ
ในการบริหารจัดการเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในหมวดได้ดี ถ้าจะว่าไป
เขาเป็นนักการทูตน้อย ๆ ก็ว่าได้ ยกตัวอย่างเช่น นอกจากการท�ำหน้าที่
เป็นพลวิทยุแล้วเขายังมีหน้าที่ในการแจกจ่ายของเบ็ดเตล็ดรวมถึงบุหรี่ให้
ทหารในหมวดและเขาก็จะมี “ลูกค้ากลุม่ พิเศษ” ทีม่ กั จะได้ของกินของใช้ที่
ดีกว่าคนอื่น โดยที่เขามีอ�ำนาจต่อรอง รู้สึกว่าเขาจะมีความภูมิใจมาก
ทีเ่ ขาสามารถเอาชนะระบบได้ และท�ำให้ผหู้ มูห่ รือจ่าจับเขาไม่ได้ หลังจาก
ปฏิบัติหน้าที่ที่เวียดนามได้สักพัก ฟิล เนลก็เริ่มจะมีความเป็นทหารอาชีพ
ทหารคืออาชีพของเขาซะแล้ว ถ้าหากกองทัพบกต้องเข้าสู่สงครามและ
เขาเป็นคนที่กองทัพจะคัดออก ก็ช่างปะไร เมื่อเปรียบเทียบเขากับพวกที่
เก่งแต่ปากแต่หนีการเกณฑ์ทหาร ผมว่าเขาเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว

86
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

จิม บาร์น จากเมืองแอชวิล รัฐนอร์ทแคโรไลนา เมืองที่เป็นที่รู้


กันว่าในเวลาที่บ้านเมืองต้องการคนไปเป็นทหารเพื่อไปรบ คนในเมืองนี้
ก็จะขันอาสาก่อนใคร ๆ และพวกผู้ชายที่มาจากภูเขารอบ ๆ เมืองแอชวิล
แม้เป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ แต่แข็งแกร่งทั้งกายใจและเป็นพวกสู้ยิบตา
เพื่ออุดมการณ์และสิ่งที่เชื่อ อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าถ้าสถานการณ์ไม่
เลวร้ายจนเกินไป บาร์นก็คงจะไม่มารบ เหตุที่ผมเชื่อก็เพราะว่าพลทหาร
บาร์นเป็นคนฉลาดมาก รูปร่างดี แข็งแรง เดาได้เลยว่าเกรดเขาสมัยมัธยม
คงดีมากและเขาน่าจะได้รบั ทุนการศึกษาด้วยซ�ำ้ ผ่านทางนักกีฬายอดเยีย่ ม
ด้วยมันสมองที่ดีและความคล่องแคล่ว บาร์นน่าจะได้งานดี ๆ ในโลก
ข้างนอกได้ แต่บาร์นเป็นคนพูดติดอ่างมากถึงขนาดทีว่ า่ คนอืน่ จะไม่สามารถ
เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดได้ ด้วยความที่บาร์นเป็นคนรูปร่างใหญ่ เขาสามารถ
ถือเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม-๗๙ (M-79) ได้อย่างสบาย และถึงแม้จะ
ตัวใหญ่ แต่ก็เคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไว เวลาเคลื่อนที่ผ่านป่าหนา ๆ
เขาสามารถผ่านไปได้สบาย ๆ โดยไม่ท�ำให้เกิดร่องรอยเด่นชัด บาร์น
เป็นทหารที่เชื่อฟังและปฏิบัติตามค�ำสั่ง และท�ำตัวเป็นตัวอย่างแก่ทหาร
คนอื่น ๆ แต่ที่เขามีปัญหาในการพูด เวลาพูดจะติดอ่าง ตาเหลือกขึ้นข้าง
บน พร้อมกับปากที่อ้ากว้าง ค�ำพูดแต่ละค�ำมักจะติดอยู่ในคอก่อนจะออก
มาเป็นค�ำได้
ดูเหมือนบาร์นจะอายในเรื่องนี้มาก เขามีความรู้สึกว่าท�ำให้
บรรพบุรุษขายหน้า เพราะบรรพบุรุษแต่ละคนก็ท�ำตัวเป็นตัวอย่าง เวลา
จะพูดอะไรก็มีคนฟัง ส่วนเขาไม่มีใครรอให้เขาพูดจนจบประโยคก่อน แต่
จะเดินหนีไป ด้วยเหตุนี้เขาเลยไม่เข้ามหาวิทยาลัย หางานท�ำ หรือเล่น
กีฬา บาร์นอาสามารบที่เวียดนามสังกัดหมวดทหารราบที่ ๒ กองร้อย
บราโว กองพันทหารราบที่ ๔ ของกรมทหารราบส่งทางอากาศที่ ๕๐๓

87
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เวลาท�ำงานเขาคงจะอัดอั้นมาก แต่ยิ่งเขาพูดน้อยเท่าไรยิ่งเป็นประโยชน์
กับเขาเท่านั้น และเพื่อนร่วมงานก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น
ส่ ว นสิ บ โท จอน คิ ล ลิ แ กน มาจากเมื อ งเบเคอร์ ส ฟี ล ด์
รัฐแคลิฟอร์เนีย คิลลิแกนเป็นคนที่เข้าใจธรรมชาติของสงครามดีว่าไม่มี
ความยุติธรรมใด ๆ ทั้งสิ้น และดูเหมือนเขาจะสนุกกับการมารบด้วย
ด้วยวัยเพียง ๒๒ ปี เขามารบที่เวียดนามครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๓ แล้ว และเป็น
ทหารที่มีประสบการณ์ในการรบมากที่สุดในหมวด ทุกคนให้เกียรติเขาใน
เรื่องประสบการณ์ในการรบ แต่ไม่มีใครมองว่าเขาเป็นมิตร คิลลิแกนเป็น
คนเงียบ ๆ ไม่ชอบสุงสิงกับใคร มีค�ำพูดที่หลุดออกจากปากเขาน้อยมาก
เขาไม่เคยเรียกผมว่า ผู้หมวด หรือมีค�ำว่า “ครับผม” ให้ได้ยิน เวลาได้รับ
ค�ำสัง่ เขาจะฟังและก็จอ้ งตาเขม็งอาจท�ำปากเผยอเล็กน้อยด้วยอาการดูถกู
ยิ่งกับนายทหารด้วยแล้ว เขายิ่งแสดงการดูถูกทางสายตาแบบไม่ปิดบัง
ถึงแม้ว่าคิลลิแกนจะดูไม่ได้เรื่องเกี่ยวกับธรรมเนียมปฏิบัติทาง
ทหารและเป็นคนเก็บตัว แต่เขาเป็นทหารที่ทุกคนเกรงใจมาก เพราะ
ประสบการณ์ในการรบที่สูงและเคยได้รับบาดเจ็บถูกยิงเฉียดตายมาแล้ว
บางคนบอกเขาเป็นแมวเก้าชีวิตและเวลารบเขาจะดุดันมาก ไม่ห่วงความ
เป็นความตายของตัวเองเลย ต�ำแหน่งที่เขาได้รับในการเดินลาดตระเวน
เรียกว่าพลลาดตระเวน เขาจะเดินน�ำหน้าทุกคนในการเดินลาดตระเวน
ซึ่งเป็นต�ำแหน่งที่รับความเสี่ยงมากกว่าใคร แต่เขาไม่เคยบ่นแม้กระทั่ง
เวลาฝนตกเขาก็ ไ ม่ ย อมแม้ แ ต่ จ ะปาดน�้ ำ ฝนออกจากขนคิ้ ว และถ้ า
ภารกิ จ ต้ อ งอดนอนเป็ น เวลาหลายคื น เขาจะเป็ น คนที่ ส ามารถวางใจ
ได้ว่าจะไม่หลับเลย คิลลิแกนจะตื่นตัวอยู่เสมอ เขาเป็นแบบฉบับของ
ทหารราบและหน่วยทหารทุกหน่วยควรมีคนอย่างเขาอยู่

88
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ในสนามรบคิลลิแกนมีคณ ุ สมบัตขิ องทหารเป็นนักฆ่า ในบทสนทนา


ครัง้ หนึง่ ระหว่างผมกับเขาซึง่ ถือว่านานทีส่ ดุ เขาบอกว่าจริง ๆ แล้วกองทัพ
ได้ปลดประจ�ำการเขาไปแล้วหลังจากไปรบที่เวียดนามถึง ๒ ครั้ง แต่
เขายืนยันอาสามารบเป็นครั้งที่ ๓ เอง นักศึกษามหาวิทยาลัยกลุ่มหนึ่ง
เตือนเขาว่าอย่าให้กองทัพมาเกณฑ์ไปรบได้ เขาโมโหมากและตอบไป
ว่า “เกณฑ์ผมเหรอ ผมต่างหากที่อาสาไปรบเพื่อจะได้มีโอกาสฆ่าไอ้พวก
เลว ๆ เหล่านั้น”
ดูเหมือนเขาจะชอบเรื่องที่เล่านี้มากและผมก็เชื่อว่าเขาพูดจริง
และประเมินเขาว่าเขาเป็นนักรบโดยแท้
หมวดของผมประกอบไปด้วยคนหลากหลายแบบเนล บาร์น
และคิลลิแกน ทุกคนมีความแตกต่างกัน ตั้งแต่คนที่ประสบการณ์โชกโชน
จนถึงเด็กใหม่อายุแค่สิบเจ็ด แต่ทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือไม่มีสิทธิ
พิเศษใดที่จะได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหาร อีกทั้งยังถูกส่งมารบในที่
ที่ห่างไกลความเจริญมากที่สุดเหมือนกัน ความจริงมีหลากหลายวิธีที่จะ
หลบหลีกไม่ต้องมาเป็นทหารราบ และก็มีเพื่อนร่วมชาติหลายคนที่ไม่เคย
สวมเครื่องแบบทหารหรือไม่เคยเห็นครูฝึกทหารเลย แต่ลูกน้องผมที่มา
รบที่นี่มันเหมือนถูกสาปมาตั้งแต่เกิดว่าต้องมารบเท่านั้น แต่พวกเขาไม่ได้
บ่นอะไร และพยายามท�ำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดและก็หวังว่าผู้น�ำของ
พวกเขาจะพาพวกเขารอดปลอดภัยจากที่นี่
มั น เป็ น เรื่ อ งตลกที่ บ างที ลู ก น้ อ งจะมี ป ระสบการณ์ ใ นการรบ
มากกว่าผูบ้ งั คับหมูข่ องตัวเอง ในกรณีนกี้ องทัพบกก็จะหาวิธเี กณฑ์พลเรือน
ทดแทน โดยก่อนไปรบก็จะได้รับการฝึกเบื้องต้นหลายหลักสูตรและก็
แต่งตั้งให้เป็นสิบตรีในกองทัพ แต่ประสบการณ์ในการเป็นทหารก็ยัง

89
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

น้อยอยู่ซึ่งถ้าเป็นนายสิบหรือจ่าในกองทัพต้องใช้เวลาหลายปีในการสร้าง
แต่กองทัพไม่มที างเลือก สงครามเวียดนามได้คร่าชีวติ ของนายสิบในกองทัพ
ไปเป็นจ�ำนวนมาก และก็ต้องหาก�ำลังพลมาทดแทนโดยด่วน จริง ๆ ต้อง
ให้เกียรติพวกที่มาทดแทนและไปท�ำการรบที่เวียดนามเพราะหลายคนท�ำ
หน้าที่ได้ดีทั้งในบทบาทของผู้บังคับหมู่และรองผู้บังคับหมวด
หมวดของผมไม่ ไ ด้ ป ระกอบไปด้ ว ยทหารอเมริ กั น ทั้ ง หมด มี
ทหารเวียดนามใต้คนหนึ่งมาประจ�ำด้วยโดยเขามีอายุ ๔๐ ปี ซึ่งถือว่ามาก
เมื่อเทียบกับทหารอเมริกันที่มีอายุเฉลี่ยประมาณ ๒๑ ปีเท่านั้น ทหาร
เวียดนามใต้คนนีช้ อื่ เหงียน หนาน เขาเคยเป็นเวียดกงมาก่อน ๕ ปีแต่กลับใจ
มาอยู่กับพวกเวียดนามใต้และมาประจ�ำอยู่กับพวกเราเพื่อแลกกับการ
ได้รบั อภัยโทษ เขาอาสามารบให้กบั หน่วยทหารอเมริกนั หนานบอกว่าเขา
ไม่ได้สมัครใจไปเป็นเวียดกงแต่ถกู บังคับ พวกเวียดกงเข้าไปในหมูบ่ า้ นและ
บังคับให้เขาเป็นทหาร ไม่ว่าเขาจะพูดจริงหรือไม่ ผมสันนิษฐานว่าเขาต้อง
เป็นทหารที่ดีมาก่อน และแกร่ง ด้วยความสูงขนาด ๕ ฟุต ๘ นิ้ว ถือว่าสูง
ส�ำหรับชาวเวียดนามและไม่มีไขมันเลยมีแต่กล้ามเนื้อ เดาว่าช่วงหนึ่งเขา
น่าท�ำงานพวกตัดไม้มาก่อน
เท่าที่เห็นผมว่ามี ๓ อย่างที่หนานชอบคือ บุหรี่ ผู้หญิง และก็การ
ได้ฆ่าพวกเวียดกง ความส�ำคัญอาจจะเรียงจากหลังมาหน้าก็ได้ ด้วยวัย
ขนาดเขาเวลาในการรบเริม่ ลดน้อยลง เขาได้รบั เหรียญกล้าหาญ ๕ เหรียญ
ที่แสดงออกถึงความกล้าหาญในสมรภูมิรบและเขาเองบากเป็นขีดไว้ท่ี
พานท้ายของปืนเล็กยาว เอ็ม-๑๖ จ�ำนวน ๔๕ ขีด ส�ำหรับทหารเวียดกง
๔๕ นายที่เขาสังหาร แน่นอนในสายตาของพวกทหารเวียดกงในจังหวัด
บินดินเขาเองก็ถูกตั้งค่าหัว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยเขาได้ย้ายสมาชิก
ในครอบครัวไปอยู่ในจังหวัดใกล้เคียงและก็ไปเยี่ยมแบบลับ ๆ หนาน
90
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เป็นนักรบหรือจะว่าไปเป็นนักฆ่าที่ดุดันมาก วันหนึ่งขณะที่ออกซุ่มโจมตี
มีเวียดกงคนหนึง่ เดินผ่าน หนานยิงมันแต่กระสุนด้าน เขาตัดสินใจกระโจน
เข้าใส่ทหารเวียดกงคนนั้นและก็ทุบด้วยพานท้ายปืนจนทหารเวียดกง
คนนั้นเสียชีวิต ความดุดันของเขาเป็นที่ประจักษ์แก่เพื่อนทหารทั้งหลาย
แต่สักวันหนึ่งเขาก็ต้องถูกเอาคืน เขาเองก็รู้ตัวดี แต่กว่าจะถึงวันนั้นเขาจะ
พยายามฆ่าทหารเวียดกงให้ได้มากที่สุด
ในบางครั้ ง หนานจะลาเพื่ อ เอาเงิ น เดื อ นที่ ไ ด้ ไ ปให้ ท างบ้ า น
ตอนเขาลาจะมีคนที่มาแทนเขาคือชอง ซึ่งเป็นคนที่มีบุคลิกตรงข้ามกับ
หนานโดยสิ้ น เชิ ง ในขณะที่ ห นานเป็ น คนจริ ง จั ง กั บ ทุ ก เรื่ อ ง ชองจะ
เป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ กับชีวิตและยิ้มเก่ง รูปร่างเตี้ยล�่ำ ชองเลือกที่
จะเอาครอบครัวไว้ใกล้ ๆ เพื่อจะได้เดินทางไปเยี่ยมได้บ่อย ๆ เมื่อมี
โอกาส ครอบครัวเขาอาศัยอยู่บ้านหลังเล็ก ๆ ในหมู่บ้านบองซอนติดกับ
แอลซี อิงลิช บางทีชองอาจจะคิดว่าการที่เขาเอาครอบครัวมาอยู่ใกล้กับ
ที่ตั้งของกองพลน้อยอาจจะท�ำให้พวกเขาปลอดภัยจากพวกเวียดกงก็เป็น
ได้ ซึ่งปกติพวกมันมักจะไม่มีความปรานีต่อเพื่อนทหารที่แยกตัวออกไป
วันที่พวกทหารเวียดกงแก้แค้นคืนก็มาถึงวันหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่ผมยังอยู่
ที่เวียดนาม วันหนึ่งในขณะที่ชองกลับไปเยี่ยมบ้านและนอนหลับอยู่กับ
ภรรยา พวกทหารเวียดกงก็จโู่ จมเข้าบ้านฆ่าภรรยา พ่อและลูกสาวต่อหน้า
ต่อตาและก็ตัดขาข้างหนึ่งของแม่เขาออก ในเวลาต่อมาไม่นานแม่ของเขา
ก็เสียชีวิตจากความทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ
ชองตั ด สิ น ใจกลั บ มารบกั บ พวกเราอี ก ครั้ ง แต่ ค ราวนี้ เขา
กลายเป็นคนละคน จากที่เคยร่าเริงก็เป็นคนที่เคร่งขรึมและไม่สุงสิง
กับใครมาก สงครามท�ำลายทุกอย่างทีเ่ ขามีและท�ำให้เขากลายเป็นคนละคน

91
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ชี วิ ต ในช่ ว งสงครามส� ำ หรั บ ชาวเวี ย ดนามนั้ น ยากล� ำ บากมาก


ส�ำหรับประเทศสหรัฐอเมริกาเอง การมาร่วมรบในสงครามที่ไม่มีความ
ชัดเจนเช่นนี้มีผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจและประชากรของประเทศเล็กน้อย
มากเนื่องจากประเทศมีขนาดใหญ่ ทหารส่วนใหญ่ของประเทศก็ไม่ได้มา
มีส่วนร่วมรบในภูมิภาคนี้เท่าไหร่ แต่ส�ำหรับชาวเวียดนามแล้วสิ่งที่เกิดขึ้น
มันเป็นสงครามจริง ๆ เป็นสงครามที่ท�ำลายทุกอย่างที่พวกเขามีและ
ทุกคนก็ได้รับผลกระทบ ผมเห็นกับตากับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านที่หมวด
ผมมีหน้าที่ในการคุ้มครอง
สิ่งที่เห็นได้ชัดสิ่งหนึ่งในหมู่บ้านคือการที่ไม่มีผู้ชายเหลืออยู่เลย
พวกผูช้ ายจะไปเป็นทหาร ไม่ฝา่ ยใดก็ฝา่ ยหนึง่ ส�ำหรับพวกทีอ่ ยูก่ บั รัฐบาล
ของเวียดนามใต้สว่ นใหญ่ถา้ ไม่เสียชีวติ ในสนามรบก็จะได้มโี อกาสกลับบ้าน
ส่วนพวกเวียดกงไม่สามารถกลับบ้านได้อย่างเปิดเผย แต่เนือ่ งจากพวกมัน
ท�ำงานกันอย่างลับ ๆ อย่างเช่นในพืน้ ทีท่ ผี่ มอยู่ พวกเวียดกงก็จะมีครอบครัว
อยู่ในหมู่บ้าน สามารถมาดูแลได้ตลอดเวลา การที่ไม่มีผู้ชายเหลืออยู่
ในหมูบ่ า้ นเลยหมายความว่างานส่วนใหญ่คนทีท่ ำ� คือคนแก่ ผูห้ ญิงและเด็ก
มีเด็กอยูเ่ ป็นจ�ำนวนมากในหมูบ่ า้ น แสดงว่าพวกผูช้ ายมาเยีย่ มบ้านบ่อยกว่า
ภาพที่ ป รากฏ พวกที่ น ่ า สงสารมากที่ สุ ด คื อ พวกวั ย รุ ่ น ผู ้ ห ญิ ง พวกนี้
รอคอยสามีกลับจากสงครามและก็จะได้อยูด่ ว้ ยกันเพียงนิดเดียว ส่วนมาก
พวกเธอจะกลายเป็นม่ายเนื่องจากสามีเสียชีวิตในระหว่างสงคราม
ทุก ๆ เช้าเวลาประมาณ ๗ โมงเช้า พวกวัยรุ่นผู้หญิงจะออกไป
ท�ำงานในทุ่งนาหรือไร่ เสื้อผ้าที่สวมใส่ไปท�ำงานในชุดสีด�ำท�ำให้พวกเธอ
ดูสง่างามเหมือนเครื่องปั้นดินเผาจีนคุณภาพสูง พวกทหารอเมริกันที่กลับ
จากลาดตระเวนหรือเสร็จจากการตรวจฐานต่างมองตามด้วยตาละห้อย

92
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

วันหนึง่ ผมสังเกตเห็นว่าบาร์นเบือนหน้าหนีบางอย่างในขณะทีเ่ ขา
ก�ำลังถางหญ้าบริเวณลวดหนามหีบเพลงรอบ ๆ ฐาน สิง่ ทีเ่ ขาเห็นคือ ผูห้ ญิง
หน้าตาดีคนหนึง่ ก�ำลังเดินผ่านมาแต่เขามีแขนแค่ขา้ งเดียว แขนเสือ้ อีกข้าง
ถูกพับอย่างดีเข้ากับไหล่
ผมถามบาร์น “เกิดอะไรขึ้นหรือ”
บาร์นตอบช้า ๆ พยายามไม่ให้ติดอ่างมาก “เธอและแฟนเป็น
พวกเวียดกง วันหนึ่งกลุ่มของพวกเวียดกงซึ่งมีเธอและแฟนเดินผ่าน
บริเวณที่พวกเราซุ่ม ผลก็คือแฟนของเธอเสียชีวิต ส่วนเธอถูกยิงเข้าที่
แขน พวกเราก็ช่วยเธอไว้แต่ต้องตัดแขนข้างนั้นทิ้ง เธอเลยต้องมาท�ำงาน
ที่นาหรือที่ไร่แทน” บาร์นถามผมด้วยน�้ำเสียงที่ชัดเจนว่า “ถ้าเป็นหมวด
หมวดจะพูดอะไรกับเธอที่แขนขาดเพราะเรา”
ผมไม่รู้จะตอบอะไร
เด็กชาวเวียดนามน่ารักมากในความคิดผมโดยเฉพาะอย่างยิง่ เด็ก
ผูช้ ายเวลาเดินดูแกร่งและสง่างาม พวกเขาจะล้อเล่นกับทหารอเมริกนั เมือ่
เดินผ่านด้วยภาษาอังกฤษปนเวียดนามแบบง่าย ๆ แต่ถึงพวกเขาจะชอบ
พวกเราอย่างไรหากจ�ำเป็นต้องลงมือสังหาร เด็กพวกนีก้ พ็ ร้อมทีจ่ ะท�ำโดย
ไม่เคอะเขินเพราะถูกสอนมาจากพ่อแม่หรือพี่ ยกตัวอย่างเช่น วันหนึ่ง
เด็กผู้ชายคนหนึ่งยิงนายทหารเวียดนามใต้คนหนึ่งที่บ่อน�้ำของหมู่บ้าน
มั น กลายเป็ น ส่ ว นหนึ่ ง ของวิ ถี ชี วิ ต พวกเขาไปเสี ย แล้ ว ในยามสงคราม
เช่นนี้ แต่เมื่อมีทหารอเมริกันเสียชีวิต เด็กพวกนี้ก็จะมายืนเรียงแถวดู
และคอยนับสมาชิกของหมู่ของผู้ตายว่าเหลือกี่คน เด็ก ๆ จะมีคนที่
พวกเขาชอบเป็นพิเศษ และถ้าคนคนนั้นไม่อยู่ พวกเขาก็จะหันหน้าหนี
ด้วยน�้ำตาคลอเบ้า ผลของสงครามที่นี่มันก็แปลกดีเหมือนกัน กลุ่มคนที่

93
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

น่าสงสารที่สุดอีกกลุ่มคือคนสูงอายุ พวกนี้เห็นสงครามมาทั้งชีวิต เริ่มจาก


กับพวกทหารญีป่ นุ่ ทหารฝรัง่ เศส เวียดมินห์ และสุดท้าย พวกเวียดกงและ
ทหารอเมริกัน และมาเจอการแบ่งแยกประเทศเป็นเวียดนามเหนือและ
เวียดนามใต้ ไม่มีความหวังเลยส�ำหรับอนาคตที่สดใส มีแต่อดีตที่มืดมน
พร้อมกับบ้านเรือนที่พังทลาย ลูกหลานที่เป็นชายก็หายไปกับสงคราม
ถ้ากลับมาก็ไม่สมประกอบ พวกคนสูงอายุก็น่าสงสารที่ต้องมาคอยเลี้ยง
หลาน ส่วนมากเป็นหลานผูห้ ญิง ตอนแรก ๆ ก็คงไม่กระไร แต่เมือ่ เริม่ แก่ตวั
มากขึ้นก็ล�ำบากในการเลี้ยง
เราจะไปว่าคนสูงอายุเหล่านีไ้ ม่ได้เพราะคนสูงอายุจะเหมือน ๆ กัน
ทัว่ โลก คนสูงอายุทเี่ ป็นผูห้ ญิงถึงแม้จะเป็นแม่ของพวกทหารเวียดกงก็มอง
พวกเราด้วยความเอ็นดู ส่วนคนสูงอายุผชู้ ายซึง่ ส่วนมากจะเคยผ่านสงคราม
มาแล้ว ซึง่ อาจเคยเป็นเวียดกงหรือทหารของเวียดนามใต้กจ็ ะคุยกับพวกเรา
พร้อมสูบบุหรี่ไปด้วยเล่าถึงความหลังต่าง ๆ ว่าเคยเป็นมาอย่างไร พวกนี้
จะแกร่งมาก แต่ก็มีความหลังที่ยากจะลืม
แทรน แวนดอง ผู้ใหญ่บ้านวัยกลางคนของทรองแลม มีลักษณะ
ผสมทั้ ง ความแกร่ ง และความใจดี อ ยู ่ ใ นตั ว ซึ่ ง เป็ น ลั ก ษณะของคนใน
หมู่บ้านที่นี่ ด้วยรูปร่างที่เล็กและด้วยวัย ๕๗ ปี ถือว่าเขารูปร่างดีมากมีพุง
เล็กน้อย บุคลิกคล้าย ๆ นักการเมืองทีน่ วิ ยอร์กคือจริงใจ จับมือทักทายง่าย
(อย่างน้อยกับทหารอเมริกัน) และตบที่หลังเบา ๆ เมื่อต้องการปลอบ
นอกจากนั้ น เขาจะมี สั ญ ชาตญาณของการเอาตั ว รอด ดองเคยเป็ น
ทหารและบาดเจ็บมาแล้วถึง ๗ ครั้ง ครั้งแรกในวัยหนุ่มและที่เหลือ
ในระหว่างการเป็นทหารของรัฐบาลเวียดนามใต้ รอยแผลตามตัวเป็น
เครื่องยืนยันได้ดี เริ่มจากแผลที่เป็นทางยาวจากส้นเท้าซ้ายจนมาถึงเข่า
รอยถูกแทงจากอกทะลุแผ่นหลัง รอยแผลเป็นทางยาวที่แก้มขวา รอยเข็ม
94
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ที่เย็บเป็นสันยาวที่ล�ำคอ ตาซ้ายที่หายไป เหลือแต่ตาข้างขวาที่แกร่ง


ดุจหินผา ที่เอวเขาจะพกปืนสั้นขนาด .๔๕ มม. ส�ำหรับผมแล้วการพกปืน
ประเภทนี้ถ้าไม่บ้าก็โง่เพราะปืนมันไม่เสถียรเอาเสียเลย เวลาเล็งก็ไม่แม่น
และโอกาสทื่ปืนจะลั่นเองก็มีมาก แต่ส�ำหรับดองแล้วเขาให้ความส�ำคัญ
กั บ โอกาสที่ จ ะปะทะกั บ พวกเวี ย ดกงมากกว่ า โอกาสที่ ป ื น จะลั่ น เอง
ทุกเสี้ยววินาทีมีค่าส�ำหรับชีวิต โดยเฉพาะในการป้องกันตัวเอง
ไม่มีใครรู้ว่าท�ำไมพวกเราทั้งทหารอเมริกัน ทหารเวียดนามใต้
ทีม่ าอยูท่ หี่ มวดเรา และชาวบ้านทุกเพศทุกวัยต้องมาเจอกันในสถานการณ์
เช่นนี้ พวกเราเพียงแค่เล่นบทบาทของเราให้ดีที่สุด ข้าศึกคงไม่ปล่อย
ให้หมู่บ้านทรองแลมกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเข้มแข็งของรัฐบาล
เวียดนามใต้ตลอดไปและพวกเราก็มีหน้าที่ปกป้องหมู่บ้านให้ได้นานที่สุด
มันคงต้องจบลงแบบฝ่ายหนึ่งอยู่ ฝ่ายหนึ่งไป ไม่มีเสมอกันอย่างแน่นอน

95
บทที่ ๑๐
ฉากนำ�ก่อนเวลาปะทะ

หน่วยข่าวกรองรายงานว่าอาจจะมีการโจมตีครั้งใหญ่จากฝ่าย
ตรงข้ามประมาณปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม ผมยังไม่ค่อยจะ
เชื่อสักเท่าไหร่เพราะไม่ได้มีการเสริมก�ำลังให้กับหน่วยของผมเลย อย่างไร
ก็ตาม ผมก็ไม่ประมาทและพยายามปรับปรุงฐานให้แข็งแกร่งให้มากที่สุด
ความมัน่ ใจในตัวเองของผมดีขนึ้ ทุกวัน ลูกน้องโดยเฉพาะผูบ้ งั คับ
หมู่ก็ให้เกียรติผมมากปฏิบัติตามค�ำสั่งของผมด้วยดี ฝ่ายพวกเวียดกง
ก็ยังหยั่งเชิงผมอยู่ยังไม่กล้าบุกเข้ามา ท�ำให้ผมมีเวลาในการเสริมความ
เข้มแข็งให้กับฐานซึ่งผมจะเน้นไปที่ด้านระเบียบวินัยของก�ำลังพลและ
ยุทธวิธี ทั้ง ๒ อย่างมีความเกี่ยวพันกัน
ในช่วงสงครามไม่มีเวลาที่ลูกน้องจะมาสงสัยในค�ำสั่งของผู้น�ำ
ต้ อ งปฏิ บั ติ ต ามทั น ที เพราะฉะนั้ น ระเบี ย บวิ นั ย จึ ง เป็ น สิ่ ง ส� ำ คั ญ มาก
เริ่มตั้งแต่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การกินยาป้องกันโรคมาลาเรีย การ
โกนหนวดเครา หรือเปลี่ยนถุงเท้า ไปจนถึงการดูแลอาวุธประจ�ำกาย
ในภาพรวมหมวดของผมมีวินัยดีมาก ถึงแม้รอฟผู้บังคับหมวด
คนก่อนจะท�ำให้ลูกน้องขาดความศรัทธาในตัวผู้น�ำไปพอสมควร แต่ใน

96
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

สถานการณ์เช่นนัน้ ลูกน้องก็จะท�ำหน้าทีเ่ ป็นผูน้ ำ� เสียเองเพือ่ ความอยูร่ อด


ของทุกคน ถ้าข้อมูลจากสื่อที่รายงานมีความน่าเชื่อถือพอ กองทัพบก
ในช่วงต้นปี ๑๙๗๐ อยู่ในสภาพที่ย�่ำแย่มาก แต่อาจจะเป็นกับหน่วยอื่น
ไม่ใช่หมวดที่ผมดูแลอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่ใช่ว่าหมวดผมดีเลิศแต่อย่างไร
เพียงแต่สามารถจะปรับปรุงได้ในทุก ๆ ด้าน และอีกอย่างหนึง่ ทีแ่ พร่ระบาด
ไปในสังคมอเมริกาสมัยปี ค.ศ. ๑๙๗๐ คือการติดยาในหมู่วัยรุ่น และ
ลูกน้องในหมวดผมบางคนก็ได้รับอิทธิพลในเรื่องแบบนี้มาเหมือนกัน
เช้าวันหนึ่งอากาศสดใส มีเฮลิคอปเตอร์ที่ปกติจะเอาเสบียงมาให้
ก็มาลงพร้อมกับทหารนายหนึ่งชื่อ พลทหารเจมส์ คิง จากเมืองลุยส์วิลล์
รัฐเคนทักกี เจมส์ได้รับบาดเจ็บในระหว่างการรบก่อนที่ผมจะมาเป็น
ผู้บังคับหมวดที่หน่วยนี้ เขาโดนลูกระเบิดขนาด ๘๒ มม. เข้าให้ท�ำให้หลัง
ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนที่โดนเสื้อผ้าด้านหลังขาดหมดและสะเก็ดระเบิด
เข้าไปฝังในเนือ้ ส่วนหนึง่ แม้ไม่ลกึ มากแต่กย็ งั บาดเจ็บสาหัสอยู่ เขาต้องเข้า
รับการรักษาทีโ่ รงพยาบาลในเวียดนามเป็นเวลาหลายเดือน แต่ในระหว่าง
ที่รับการรักษาอยู่นั้นเขาได้ติดนิสัยที่แย่ ๆ มาจากคนในสังคมนั้นมา
เหมือนกัน
เมื่อมาถึงเจมส์ซึ่งมีรูปร่างเตี้ย หน้าตาบึ้งตึง ก็เดินไปที่หมู่ของ
ตัวเอง ผู้บังคับหมู่ของเขาบอกให้มารายงานตัวกับผมเขาก็เดินมาอย่าง
กวน ๆ ในมือถือเป้มาด้วย พอมาถึงผมเขาก็ทงิ้ เป้ลงทีป่ ลายเท้าผมฝุน่ ตลบ
ผมทักทายเขาก่อน “หวัดดี ผมหมวดแมคดาน่า”
เขาตอบกลับด้วยเสียงกวน ๆ ไม่ได้แสดงออกถึงวินยั ทหารทีด่ เี ลย
“เออ”

97
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมจ้องตาเขา ภายใต้อารมณ์ขึ้งเครียด ผมเห็นความกลัวภายใน


ความจริงเขาเกือบจะไม่รอดจากการบาดเจ็บที่ผ่านมา แต่ถูกส่งกลับมา
เสี่ยงอีก
ผมตอบเขาไปว่า “เรียกฉันว่าผู้หมวด ดีกว่าไหม”
เขาตอบกลับว่า “ไม่มปี ญ
ั หา หมวด” ปากเขาบ่งบอกอาการดูหมิน่
อย่างเห็นได้ชัด
ผมบอก “เปิดกระเป๋าซิ” ผมสัง่ ด้วยสีหน้าทีบ่ อกให้รวู้ า่ เอาจริงนะ
ไม่สนว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ผมรื้อค้นดูข้างในมีผ้ายางกันฝน ถุงเท้า
๒ - ๓ คู่ อุปกรณ์อาบน�้ำ หนังสือโป๊ และบุหรี่ยัดไส้กัญชาที่เก็บไว้อย่างดี
ในถุงพลาสติก
ผมถามเขาทันที “นี่มันอะไร”
เขาไม่ตอบ ผมบอกเขา “นี่พลทหาร ไม่ว่าตอนที่รักษาตัวที่
โรงพยาบาลที่ส่วนหลัง แกจะท�ำนิสัยแย่ ๆ อะไร ฉันไม่สน แต่อย่าเอามัน
มาที่น่ี ในการบังคับบัญชาของฉันในสนามรบ ทุกคนต้องตื่นตัวอยู่เสมอ
ถ้าเจออีกครั้งฉันเอาแกน่วมแน่ เอาไม้ขีดไฟมา” ผมสั่งด้วยน�้ำเสียงที่
ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขายื่นกล่องไม้ขีดไฟมาให้แต่มองด้วยสายตาที่
แข็งกร้าว ผมผสมบุหรี่ยัดไส้กัญชาเข้ากับยากันยุงแล้วก็จุดไฟเผาทิ้ง
ตาเขาขวางเมื่อได้กลิ่นควัน
แล้ ว ผมก็ สั่ ง ต่ อ “กลั บ ไปที่ ห มู ่ ข องตั ว เองแล้ ว เตรี ย มตั ว ออก
ลาดตระเวนในอีก ๑ ชั่วโมง” ผมบอกตัวเองว่าให้ระวังเจ้าหมอนี่ให้ดี
หลั ง จากนั้ น ไม่ น านผมก็ เ ดิ น ไปตรวจชุ ด ที่ จ ะออกไปท� ำ การ
ลาดตระเวน ผมได้สั่งให้แต่ละคนเพิ่มกระสุนติดตัวไปให้มากขึ้น เช่น

98
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

แต่ละคนต้องน�ำกระสุนไป ๒๐๐ นัด ปืนกล เอ็ม-๖๐ ต้องมีกระสุน ๑,๒๐๐


นัด ทุกคนรวมถึงผมด้วยจะต้องแบกจรวดต่อสู้รถถังขนาดเบาไปด้วย
คนละลูก ถึงแม้ว่าโอกาสในการเจอรถถังของข้าศึกจะน้อยแต่การยิงอาวุธ
ประเภทนี้ใส่ข้าศึกโดยตรงก็เป็นการข่มขวัญได้ดี โดยเฉพาะเมื่อพวกเรา
โดนซุม่ โจมตี เสียงระเบิดจากการยิงท�ำให้ขา้ ศึกขวัญหนีและไม่อยากรบต่อ
ในส่วนของเจมส์ คิงนั้นถือเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม ๗๙ (M-79)
เป็นอาวุธ ผมตรวจเขาเสร็จก็เดินไปตรวจทหารคนอืน่ ๆ ในชุดก่อนออกไป
ท�ำการลาดตระเวน ทันใดนั้นก็มีเสียงดัง “พล็อค” พร้อมกับเสียงอะไร
บางอย่างพุง่ แหวกอากาศเฉียดผมไป แล้วมีเสียงระเบิดดังสนัน่ ห่างออกไป
ประมาณ ๑๕๐ เมตร
ผมหันไปดูเห็น คิงท�ำหน้าแสยะพร้อมกับพูด “โทษทีหมวด
ผมท�ำปืนหล่นน่ะ”
คิงยังถือปืนในมือขวาที่ยังมีเขม่าควันลอยออกจากปากกระบอก
ปืน เขาตั้งใจยิงขู่ผม หากจงใจจะสังหารระยะแค่นี้ไม่มีทางพลาด
ผมทั้งกลัวทั้งโกรธ ไม่เพียงแต่คิงท้าทายผมเท่านั้น แต่ยังท้าทาย
อ� ำ นาจของผู ้ บั ง คั บ หมวดด้ ว ย ไม่ กี่ สั ป ดาห์ ที่ ผ ่ า นมาผมผ่ า นอะไรมา
พอสมควรท�ำให้ผมแกร่งพอและมัน่ ใจในการบังคับบัญชา ผมเดินเข้าไปหา
เขาอย่างช้า ๆ จนใกล้พอที่จะสัมผัสลมหายใจเขาได้ จากนั้นผมก็ปลด
ห้ามไกปืน เอ็ม-๑๖ แล้วก็ดันปากกระบอกปืนเข้าไปใต้คางแล้วค่อย ๆ
เสยขึ้น คิงเขย่งตัวเพื่อลดความเจ็บปวด
ผมพูดเสียงดัง ตั้งใจจะให้ลูกน้องคนอื่น ๆ ได้ยิน “ไอ้สารเลว!”
ผมคิดว่าตอนนี้ก�ำลังพลในหมวดต่างก็มองมาที่เราสองคน “ถ้าแกท�ำปืน

99
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

หล่นอีกที แกต้องมัน่ ใจว่าฉันต้องไม่รอดเพราะถ้าฉันรอดฉันเอาแกตายแน่


ไอ้ลูกหมาเอ๊ย”
ทุกคนยืนนิ่งไม่กระดิกตัว นิ้วมือผมอยู่ที่ไกปืนพร้อมยิงทุกเมื่อ
ตาของคิงเบิกกว้าง สายตาของความหยิ่งยโสหายไปหมดเหลือไว้แต่
เม็ดเหงื่อเต็มหน้าผาก ผมออกแรงดันปากกระบอกปืนไปที่ใต้คางเขา
ต่อไป เขาเองก็พยายามเหยียดปลายเท้าเพื่อให้เท้าแตะพื้นเข้าไว้ แรงดัน
ของปากกระบอกปืนท�ำให้เขาต้องหมุนตัวไป ผมให้คิงเขย่งอยู่อย่างนั้น
ประมาณ ๓๐ วินาทีแล้วก็ค่อย ๆ ลดปากกระบอกปืนลงแล้วห้ามไก
“เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว” ตอนที่ผมหันหลังเดินออกมา ใจก็กลัวว่า
เขาจะยิงผมหรือไม่ แต่ถ้าผมหันกลับไปมันจะฟ้องว่าผมกลัว คราวนี้เป็น
ผมเองที่เหงื่อเริ่มแตก แต่ในที่สุดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมถือว่าผมจัดการกับ
เหตุการณ์ได้ดี คิงได้ให้บทเรียนกับผมโดยที่ผมคงจะหาไม่ได้จากที่อื่น
นั่นคือเขาท�ำให้ผมแกร่งขึ้นและไม่หวั่นเรื่องใด ๆ จากลูกน้องอีกต่อไป
พูดง่าย ๆ หนังผมหนาขึ้นมาก และพร้อมจะน�ำพาหมวดไปในที่ต่าง ๆ
จริง ๆ แล้ววิธีที่ผมจัดการกับปัญหานี้อาจจะไม่ถูกต้องตามหลักการที่ควร
จะเป็นและโรงเรียนทหารราบคงไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่ผมเลือกใช้แต่
ตอนนั้นมันเป็นวิธีเดียวที่ผมนึกได้ ผมไม่รู้ว่าคิงจะยิงผมอีกหรือไม่ แต่ผม
ไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้อีก ผมต้องคิดเรื่องข้าศึกไว้ก่อน
การคาดการณ์จากหน่วยข่าวกรองว่าข้าศึกก�ำลังวางแผนการโจมตี
ครัง้ ใหญ่ชกั จะมีเค้าความจริง ปกติหนังสือทีแ่ จ้งเตือนเรือ่ งข่าวสารเกีย่ วกับ
การเคลื่อนไหวของข้าศึกจะเหลือพื้นที่ไว้เผื่อแก้ไขถ้าข้อมูลผิดพลาด
แต่คราวนี้คนที่เขียนข่าวเขียนเต็มพื้นที่ แสดงว่ามีความมั่นใจพอสมควร
เกี่ยวกับข่าวเรื่องนี้

100
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ท�ำไมหน่วยผมไม่ได้รับการเสริมก�ำลัง
และอีกอย่างทหารทีม่ าทดแทนก็นอ้ ยกว่าทหารทีบ่ าดเจ็บ นัน่ หมายความว่า
ก�ำลังของหน่วยผมก็เริ่มลดลงเรื่อย ๆ อีกทั้งเราไม่อาจหวังพึ่งหน่วยทหาร
ของรัฐบาลเวียดนามใต้ที่ส่งมาคุ้มกันหมู่บ้าน เพราะเป็นที่รู้กันทั่วว่า
คุณภาพไม่คอ่ ยจะได้เรือ่ งสักเท่าไหร่ และเมือ่ พิจารณาลงลึกไปถึงความเป็น
ผู้น�ำของหัวหน้าหน่วยทหารเวียดนามใต้ที่ส่งมาช่วยดูแลหมู่บ้านแล้ว
ในความคิดผมถือว่ายังต�่ำอยู่ และแม้กระทั่งผู้น�ำคนปัจจุบันก็ไม่ได้ดีเด่น
อะไร ผมพยายามทีจ่ ะแนะน�ำยุทธวิธที ดี่ ใี ห้กบั เขาด้วยเพือ่ ทีเ่ ขาจะได้นำ� ไป
ปรับใช้กับหมวดของตัวเองแต่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะเอาไปปรับใช้ได้มากน้อย
แค่ไหน และก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะให้
ได้มากที่สุดเท่าที่จะท�ำได้ ในขณะที่พวกเราออกลาดตระเวนทุกวัน ภาพที่
เห็นจนชินตาคือพวกเขาจะผูกเปลนอนเล่นพักผ่อนที่หมู่บ้าน
ผมเองก็สงสัยว่าคนในหมู่บ้านที่ผมคุ้มครองคิดอย่างไรกับหมวด
ทหารของรัฐบาลเวียดนามใต้ที่ส่งมาคุ้มกันพวกเขา และคิดอย่างไรกับ
พวกเราที่เป็นทหารอเมริกัน บางทีพวกชาวบ้านอาจจะไม่สนใจอะไรก็ได้
เพราะพวกเขามีสิ่งที่จะต้องคิดในเรื่องของตัวเองมากพออยู่แล้ว
ทีช่ ายขอบหมูบ่ า้ นทรองแลมทีห่ มวดของผมคุม้ ครองอยูม่ หี ญิงชรา
คนหนึ่งชื่อไค เธอรับอุปการะเด็ก ๆ ๑๕ คน ซึ่งพ่อแม่ของเด็กเหล่านี้
สูญหายไประหว่างสงคราม และการที่ยายไคเป็นคนใจดีมีเมตตาต่อเด็ก ๆ
ท�ำให้เธอกลายเป็นมิตรทีด่ ตี อ่ ทหารอเมริกนั ด้วย ในแต่ละวันเธอจะเอาข้าว
ที่เด็ก ๆ และคนในหมู่บ้านช่วยกันปลูกมาแลกกับอาหารของพวกเรา
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของเธอท�ำให้พวกเรามีความสุขไปด้วย แต่อาหาร
กระป๋องที่พวกเราเอาให้กับยายไค เราต้องเปิดฝากระป๋องก่อนเพราะ
ไม่ต้องการให้อาหารเหล่านั้นไปอยู่ในมือของเวียดกง ส่วนข้าวสวยที่พวก
101
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เราได้มาก็จะเอาไปผสมกับซอสพริกที่พวกเราได้มากับชุดอาหารสนามรับ
แจกจากกองทัพบกสหรัฐ ส่วนยายไคก็จะเอาอาหารทีไ่ ด้จากพวกเราไปให้
พวกเด็ก ๆ กิน ดู ๆ ไปมันก็เป็นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจแบบพื้น ๆ ที่
เข้าใจได้ แต่ส�ำหรับยายไค ไม่แน่ใจว่าในใจแกมีความปวดร้าวมากเพียงใด
กับสภาพสังคมรอบข้างที่เป็นแบบนี้และท้ายที่สุดแกอาจต้องมารับกรรม
จากการที่มาปฏิสัมพันธ์กับทหารอเมริกันก็เป็นได้
สิบเอก เจมส์ รอบินสัน ซึ่งมาแทนที่ผู้บังคับหมู่แบรดชอว์ ที่ได้รับ
บาดเจ็ บ เป็ น คนรู ป ร่ า งใหญ่ วั น หนึ่ ง ตอนเช้ า เขาน� ำ หมู ่ ข องเขาออก
ลาดตระเวนไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ในสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม
รอบินสันอาจจะไม่เหมาะกับงานผู้บังคับหมู่ที่เวียดนาม ดังนั้นเพื่อเป็น
การชดเชยผมก็เลยให้พลทหารบาร์นมาอยู่ในหมู่เขาด้วย ก่อนที่จะมาที่
เวียดนาม รอบินสันเคยเป็นครูฝึกของโรงเรียนส่งทางอากาศที่ค่ายเบนนิ่ง
เหตุก็เพราะความตัวใหญ่ของเขานี่แหละ เพราะที่ค่ายเบนนิ่ง พวกที่
ตัวใหญ่ ๆ มักจะเข้าตาผู้ใหญ่เสมอ ถึงแม้บาร์นจะมีปัญหาในการพูดแต่ก็
สามารถให้ค�ำแนะน�ำได้ในสิ่งที่ควรท�ำ
เช้าวันนัน้ บาร์นเป็นคนส่งวิทยุให้ผหู้ มูร่ อบินสันรายงานสิง่ ทีพ่ บให้
กับหมวดทราบ เพราะสิ่งที่เขาพบคือภาพอันน่าสยดสยองเป็นศพอยู่ห่าง
จากฐานของเราออกไปเพียง ๖๐๐ เมตร “ไพลอททวิสเตอร์ ๒๑ จาก
ไพลอททวิสเตอร์ ๕๒ เปลี่ยน” เสียงของรอบินสันลอดมาทางวิทยุ และ
พลวิทยุฟิล เนลก็ตอบ “๒๑ แอลฟาเปลี่ยน” และผู้หมู่รอบินสันก็พูดต่อ
“จาก ๕๒ บอก ๒๑ ว่าเขาควรจะมาที่นี่ให้เร็ว พวกเราพบศพนอนอยู่
ข้างหน้าเรา” เสียงของรอบินสันดูสั่น ผมบอกเนลให้ขอที่ตั้งของศพเป็น
รหัสทางทหารและก็สั่งให้ผู้หมู่ดอนเตรียมหมู่ของเขาออกไปดูเหตุการณ์
ผมก็ จ ะออกไปด้ ว ย และผมก็ สั่ ง รอบิ น สั น ห้ า มแตะต้ อ งศพจนกว่ า
102
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมจะไปถึง (ข้าศึกนิยมเอาระเบิดซุกซ่อนไว้ใต้ศพ) ๓๐ นาทีผา่ นไปผมก็ไป


ถึงที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงบาร์นหาไม้ยาว ๆ ไว้แล้วและลองแหย่ดูว่ามีระเบิด
ไหม ปรากฏว่าศพไม่มรี ะเบิดซ่อนอยูแ่ ละทหาร ๒ นายเข้าไปส�ำรวจใกล้ ๆ
ผมเริ่ ม คุ ้ น เคยกั บ การเห็ น ซากศพ แต่ ส� ำ หรั บ ศพที่ เ ห็ น ในคราวนี้
น่าสยดสยองมาก เป็นศพของยายไคทีเ่ คยดูแลเด็ก ๆ ในหมูบ่ า้ นทรองแลม
หน้าอกของยายไคถูกตัดออกครึ่งหนึ่ง ฝ่ามือและฝ่าเท้าถูกยิงทะลุด้วย
กระสุนขนาดเล็ก ผู้ยิงต้องการให้เธอทรมานให้ถึงที่สุดก่อนที่จะยิงกรอก
ปากเธอเพือ่ สังหาร กระสุนทะลุออกทางด้านหลังของกะโหลก ดวงตาของ
ยายไคเบิกกว้างน่ากลัว มีกระดาษเขียนข้อความปักอยู่ที่ท้อง หนานทหาร
เวียดนามใต้ทมี่ าอยูก่ บั เราแปลให้ฟงั ว่า “ทวน เคา ไค ได้ถกู ตัดสินโดยศาล
ประชาชนว่ามีความผิดฐานให้การช่วยเหลือทหารอเมริกนั ผูก้ ดขีป่ ระชาชน
ชาวเวียดนาม เธอต้องชดใช้ในความผิดที่ได้กระท�ำ ใครก็ตามที่ศาล
ประชาชนตัดสินว่ามีความผิดโดยเฉพาะพวกที่ให้การช่วยเหลือทหาร
อเมริกันที่ก�ำลังข่มเหงรังแกประเทศของเราก็จะได้รับการลงโทษเยี่ยงนี้”
พวกเราลากศพออกจากทางเดินและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคน
ในหมู่บ้านที่จะมาด�ำเนินการต่อไป ในขณะที่พวกเราเดินทางกลับไปฐาน
และผ่านหมู่บ้านก็เจอเด็ก ๆ ๕ คน ที่ยายไคเลี้ยงดูในสภาพที่เศร้าหมอง
มาก ที่เวียดนามโดยเฉพาะในพื้นที่ที่ผมรับผิดชอบ ข้าศึกอยู่รอบ ๆ ตัวเรา
ในกรณีที่เกิดขึ้นกับยายไคนี้จะไม่มีการน�ำขึ้นศาลทหารเพื่อน�ำคนผิดมา
ลงโทษและโลกภายนอกก็คงไม่มีทางที่จะรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ มันไม่คุ้ม
เลยที่คนท�ำข่าวจะเสี่ยงชีวิตมาน�ำเสนอข่าวแบบนี้ แต่ส�ำหรับพวกเรา
สิ่ ง ที่ เ กิ ด ขึ้ น ท� ำ ให้ พ วกเราเศร้ า ไปมากเหมื อ นกั น ข้ า ศึ ก เป็ น ฝ่ า ยชนะ
ในคราวนี้ แ ละท� ำ ให้ พ วกเราเหมื อ นถู ก โดดเดี่ ย วมากขึ้ น แต่ ผ มก็ เ พิ่ ม
มาตรการทั้งรุกรับให้มากขึ้นกว่าเดิม

103
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

บทที่ ๑๑
การรบ

ความอ้างว้างโดดเดี่ยวคือสิ่งที่ผมจงใจท�ำให้เกิดขึ้นกับตัวเอง
คือผมจะไม่ไปสุงสิงกับลูกน้องมาก ถึงแม้วา่ ผมจะรับรูเ้ รือ่ งราวของพวกเขา
จากการเล่า แต่ผมก็ไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ลูกน้องฟัง ผมเก็บเรื่อง
ของผมให้อยูก่ บั ตัวเอง จะท�ำก็เพียงการเขียนจดหมายส่งไปทางบ้านเท่านัน้
ที่นี่ผมเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอ�ำนาจมากที่สุด เป็นคนไกล่เกลี่ยระหว่าง
ถูกกับผิดที่เกิดขึ้นในฐาน และมีส่วนรับผิดชอบในความเป็นความตายของ
ลูกน้อง แต่ในห้วงเวลาที่อยู่คนเดียวผมก็คิดถึงเพื่อน ๆ ที่เวสต์พอยต์และ
ครอบครัว
ณ วันที่ ๙ ของเดือนตุลาคม หมวดของผมมีก�ำลังพลเหลือเพียง
๑๘ นาย ไม่รวมตัวผมและหนาน ซึ่งเป็นทหารจากรัฐบาลเวียดนามใต้
ซึ่งท�ำหน้าที่ลาดตระเวนสอดแนม หมู่ปืนเล็ก ๒ หมู่เหลือก�ำลังเพียงหมู่ละ
๕ นาย ครึ่งหนึ่งของที่ควรจะเป็น หมู่ที่ ๓ เหลือ ๖ นาย ส่วนที่บังคับการ
หมวดมีจ่าเฮอร์นานเดซ เนล หนาน และก็ตัวผม และก็ในตอนเย็นของ
วันที่ ๙ ตุลาคม ผมส่งชุดลาดตระเวนออกไปเวลา ๑๖๓๐ ในชุดมี ๖ นาย
และ ๑ ใน ๖ นาย ถือปืนกล เอ็ม-๖๐ ชุดลาดตระเวนเคลื่อนที่ไปทาง

104
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ทิศตะวันตกเฉียงเหนือออกไป ๒,๕๐๐ เมตร และเมื่อถึงที่หมายเวลา


ประมาณ ๑๙๐๐ ชุดลาดตระเวนเปลี่ยนที่หมายของการซุ่มโจมตีออกไป
อีก ๕๐๐ เมตร ไปทางทิศใต้ ที่ต้องท�ำอย่างนี้เพราะว่าอาจมีชาวบ้าน
บางส่วนที่ท�ำหน้าที่หาข่าวให้พวกทหารเวียดกงบอกที่ตั้งของพวกเราและ
อาจจะมาวางกับดักไว้ก่อนที่พวกเราจะมาถึง ดังนั้นจึงเป็นความจ�ำเป็น
ที่จะต้องย้ายที่ซุ่มโจมตีเพื่อเป็นการพรางข้าศึกส่วนหนึ่ง
เวลาประมาณ ๒๐๔๕ ชุดลาดตระเวนชุดนีก้ เ็ ริม่ เดินทางกลับฐาน
และผ่านแนวลวดหนามเข้ามาเวลา ๒๑๑๕ อีก ๑๕ นาทีถัดมา ชุด
ลาดตระเวนอีกชุดก็ออกไปลาดตระเวนต่อ ตอนแรกผมตัดสินใจจะไป
กับชุดนี้แต่เปลี่ยนใจอยู่ที่ฐานเพราะมีโอกาสสูงที่หมวดเราจะถูกโจมตี
ดังนัน้ ผมจึงเลือกทีจ่ ะอยูก่ บั ก�ำลังส่วนใหญ่ในคราวนี้ ส่วนทหารเวียดนามใต้
ในหมู่บ้านน่าจะเข้านอนกันแล้ว
เวลาประมาณ ๒๒๐๐ ผมก็งีบหลับไปในคูตื้น ๆ ที่ขุดไว้กลางฐาน
ในคราวนี้ผมตัดสินใจเอาปืนกล เอ็ม-๖๐ ทั้ง ๓ กระบอกไว้ที่ฐาน ตั้งไว้ใน
แต่ละมุมของฐานเตรียมพร้อมทุกเวลา พลวิทยุเนลก็หลับอยู่ใกล้ ๆ ผม
ห่างแค่ประมาณ ๖ ฟุต ส่วนจ่าเฮอนานเดซหลับในบังเกอร์ เหตุที่ผมยก
ที่นอนให้จ่าเฮอร์นานเดซนั้นมีหลายเหตุผล ประการแรกเลย มันดูหรู
เกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับสภาพที่ลูกน้องอยู่ ประการที่สอง หากเกิด
เหตุการณ์อะไรขึ้น การสั่งการของผมอาจไม่ทันต่อสถานการณ์ อีกอย่าง
ที่บังคับการหมวดอาจจะเป็นเป้าหมายของการถูกโจมตีเป็นล�ำดับแรก ๆ
ประมาณ ๒๔๐๐ ผมก็ปลุกพลวิทยุเนลให้ไปกับผมในการตรวจ
ฐาน ที่ฐานจะมีทหารเหลืออยู่ประมาณ ๑๑ นาย และ ๑ ใน ๓ จะต้องตื่น
เพื่อรักษาเวรยามซึ่งก็คือ ๔ คน เพียงพอส�ำหรับฐานขนาดเล็กอย่างที่นี่

105
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ประมาณเทีย่ งคืนครึง่ ผมเริม่ สังหรณ์ใจอย่างไรบอกไม่ถกู เลยวิทยุ


สั่งให้ชุดลาดตระเวนที่ออกไปให้กลับมาที่ฐานทันทีทั้งที่ชุดนี้เพิ่งออกไปได้
เพียง ๗๐๐ เมตรเท่านั้น เมื่อชุดลาดตระเวนกลับเข้าฐานเป็นที่เรียบร้อย
ผมก็สรุปสถานการณ์ยอ่ ๆ ให้ผบู้ งั คับหมูฟ่ งั และก็สงั่ การถึงการปฏิบตั ิ หลัง
จากนั้นในส่วนของหัวหน้าชุดลาดตระเวนก็ได้รายงานว่าไม่พบสิ่งผิดปกติ
ในช่วงที่ออกไปท�ำการลาดตระเวนแต่อย่างใด
ฟิลเนลกับผมกลับไปที่อยู่ของตัวเอง ผมถอดรองเท้าบูทออก
เพื่อให้เท้าได้ผ่อนคลายและให้อากาศระบายหลังจากใส่มาเป็นเวลา
หลายวั น เนลมาขออนุ ญ าตผมเพื่ อ ไปคุ ย กั บ เพื่ อ นที่ เ พิ่ ง กลั บ มาจาก
ลาดตระเวนผมอนุญาตเพราะระยะทางห่างกันแค่ ๒๐ เมตร และสั่งว่า
หากมี ค นวิ ท ยุ เข้ า มาหรื อ มี เ หตุ ก ารณ์ อ ะไรเกิ ด ขึ้ น ต้ อ งกลั บ มาทั น ที
“แน่นอนครับ ผู้หมวด” เนลตอบ
ชุดลาดตระเวนที่เพิ่งกลับมาที่ฐานก็ก�ำลังจัดแจงท�ำภารกิจของ
ตั ว เอง ส่ ว นผมก็ ไ ด้ เวลาเอนตั ว งี บ เอาแรงบ้ า งในใจก็ อ ดคิ ด ไม่ ไ ด้ ว ่ า
ภรรยาผมเขาท�ำอะไรอยูใ่ นขณะทีผ่ มมารบทีเ่ วียดนาม มานอนตากน�ำ้ ค้าง
อยู่อย่างนี้ ผมก็ปลอบตัวเองไปพลางว่าสักวันผมก็จะได้กลับไปหาลูกเมีย
และแล้ ว ค�่ ำ คื น อั น เงี ย บสงบก็ ถู ก รบกวนด้ ว ยเสี ย งลู ก ระเบิ ด
ตอนแรกก็ ล งมาไม่ กี่ ลู ก ตอนนี้ ม าเป็ น ชุ ด จากประสบการณ์ ท� ำ ให้ ผ ม
ทราบว่า เป็นเสียงของลูกกระสุนขนาด ๔๐ มม. ยิงจากปืน เอ็ม-๗๙
ผมตะโกนบอกลูกหมวดว่า “ระเบิดข้าศึก”
ลูกน้องในฐานทั้งที่หลับอยู่และที่เข้าเวรยามต่างรีบประจ�ำอาวุธ
ของตนเพือ่ เตรียมต่อสู้ ผมรีบคว้ารองเท้าบูทมาสวมทันที เสียงร้องตะโกน
ด้วยความเจ็บปวดแทรกมากับเสียงของระเบิด ผมรู้ได้ทันทีว่าลูกน้องผม

106
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ได้รับบาดเจ็บและอยู่ห่างจากผมไปทางซ้ายไม่มาก สะเก็ดระเบิดได้ทะลุ
เข้าไปที่ต้นขาเขาลึกมาก ท�ำให้เขาร้องด้วยความเจ็บปวดและตะโกนด่า
ด้วยค�ำต่าง ๆ เพื่อให้ความเจ็บลดลงบ้าง ผมคงต้องไปหาเขาทีหลัง
สิ่งแรกที่ผมต้องการคือวิทยุ ผมตะโกนบอกให้เนลรีบเอาวิทยุ
มาให้ผมโดยด่วน แต่ไม่มีเสียงตอบ เสียงปืนเสียงระเบิดดังไปทั่วฐาน เท่า
ที่ผมกะด้วยสายตาข้าศึกอยู่ใกล้มากในระยะ ๒๕๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ไปทางหมู่บ้านทรองแลม ก็มีข้าศึกยิงใส่
พวกเราจากตรงนั้น ข้าศึกอีกกลุ่มหนึ่งมาจากทางทิศใต้ มีปืนกลหนัก
และปืนเล็กยาวเป็นอาวุธ ส่วนทางด้านทิศใต้กม็ เี สียงยิงลูกระเบิด เอ็ม-๗๙
มาเป็นห่าฝน ข้าศึกที่อยู่ในหมู่บ้านทรองแลมอยู่ห่างจากพวกเราแค่
๖๐ เมตรเอง ผมตะโกนเรียกเนลอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบ
หมวดของทหารรัฐบาลเวียดนามใต้ก็ตั้งตัวไม่ทัน ดูเหมือนข้าศึก
จะอยู่ท่ามกลางพวกเขา และเมื่อเรายิงโต้ตอบ พวกเขาก็รีบวิ่งมาหาเรา
ผมตะโกนไปที่หมู่ของดอนที่อยู่ทางทิศใต้ให้หยุดยิงและปล่อยให้ทหาร
เวียดนามใต้ผ่านเข้ามา ดูเหมือนก�ำลังส่วนใหญ่ไม่เป็นอะไร แต่ก็มีคนเจ็บ
บ้าง เมือ่ เข้ามาถึงพวกเขาก็เข้าวางตัวในทีก่ ำ� บัง ซึง่ ดูแล้วคงช่วยอะไรผมได้
ไม่มาก
ผมตะโกนหาพลวิทยุเนลอีกครั้งเพราะต้องการใช้วิทยุเพื่อเรียก
ก�ำลังสนับสนุนโดยด่วน ผมเริ่มโมโห “เนลมาที่นี่เดี๋ยวนี้” ทันใดนั้นผมก็
ได้ยินเสียง “ผมไปหาไม่ได้ครับ” เนลอยู่ด้านหน้าผมและได้รับบาดเจ็บ
ผมตัดสินใจคลานเข้าไปหาเขา เนลมีแผลเลือดไหลไม่หยุดจากขาขวาและ
ก็ที่ปากอีกที่หนึ่ง ผมปลดวิทยุออกจากหลังเขาและก็ตะโกนไปที่หมู่ของ
ดอนเพื่อให้เสนารักษ์ชื่อลอเรนซ์มาหาด่วน

107
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เนลคือคนที่อยู่ใกล้ชิดผมมาก และผมก็ไม่อยากให้เขาเป็นอะไร
ผมเอาวิทยุใส่หลังและคลานไปทีพ่ ลปืนกล สัง่ ให้ทำ� การยิงใส่จดุ ทีข่ า้ ศึกอยู่
พร้อมกับวิทยุไปยังที่บังคับการกองร้อย พลวิทยุที่นั่นตอบมาว่า ผู้บังคับ
กองร้อยไม่อยู่ แต่กลับอยู่ ณ ที่บังคับการกองพัน เล่นเอาผมถึงกับอึ้ง
ผมสั่งให้พลวิทยุที่นั่นติดต่อไปที่บังคับการกองพันและให้ประสานกับผม
ด่วนที่ย่านความถี่ของวิทยุผม
ลูกน้องผม ๒ คนร้องด้วยความเจ็บปวดทางด้านซ้ายของผมเพราะ
ลูกระเบิด ขนาด ๔๐ มม. ได้ตกลงมาที่พวกเขาอยู่พอดี ตอนนี้ผมเหลือ
ก�ำลังพลในฐาน ๑๔ นายกับทหารเวียดนามใต้อกี ๑ นาย การต่อสูไ้ ด้ดำ� เนิน
ไปได้ประมาณ ๑๐ นาทีแล้ว ผมเคลื่อนที่ไปหาทหาร ๒ นายที่บาดเจ็บ
พร้อมกับยิงตอบโต้ด้วยปืน เอ็ม-๑๖ ของผม
จ่าเฮอนานเดซรองผู้บังคับหมวดออกมาจากบังเกอร์และก็คลาน
ไปทางทิศเหนือของฐาน แต่ทนี่ นั่ ไม่ได้มกี ารยิงทีด่ เุ ดือดนัก เขาสัง่ ให้ปนื กล
ที่นั่นไปประจ�ำด้านทิศใต้ที่มีการยิงที่ดุเดือด พร้อมกันนั้นผมก็ตะโกนบอก
ให้ทหาร ๓ นายทางทิศเหนือมาสมทบในที่ที่ผมอยู่ จากนั้นผมก็เคลื่อนไป
ทางทิศตะวันตกแทน
เมื่อทหาร ๓ นายมาถึง ผมก็วิ่งอย่างเร็วไปตรงกลางฐานแต่ก็ต้อง
รีบหมอบลงเพราะถูกยิงกดด้วยปืนกล ผมรออีกไม่กี่อึดใจก็วิ่งไปใหม่
มีทหารเวียดนามใต้บาดเจ็บนอนขวางทางอยู่ ผมเลยสะดุดเข้าอย่างจัง
ตรงสีข้างเขามีเลือดไหลออกมามาก เขาสบถด่าผมด้วยความเจ็บ แต่ดู
อาการแล้วผมว่าเขาไม่รอด
ผมดูแล้วคงไม่สามารถคลานต่อไปได้ไกล ผมก็ไปที่เนินดินเตี้ย ๆ
เพื่อวิทยุหาผู้บังคับกองร้อย คราวนี้เขาตอบวิทยุเอง แต่ฟังจากเสียง

108
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ดูเหมือนเพิง่ จะตืน่ นอนและก็บอกให้ผมบรรยายสถานการณ์อย่างละเอียด


มีอยู่ตอนหนึ่งถึงกับถามว่าข้าศึกแต่งกายอย่างไร ผมประเมินแล้วว่า
การสนทนาคงไม่ได้ทำ� ให้สถานการณ์ดขี นึ้ ผมเลยตัดบทและบอกว่าต้องไป
ควบคุมสถานการณ์เฉพาะหน้า
ผมตัดบทจากผู้กองได้ถูกจังหวะพอดี ทหารเวียดกงประมาณ
๒๐ - ๓๐ นายก�ำลังวิ่งมาทางทิศใต้ ผมตะโกนบอกให้ทหารเลื่อนฉาก
การยิงไปในทิศที่ข้าศึกมา แต่ความจริงถึงผมไม่สั่งพวกเขาก็ยิงอยู่แล้ว
พวกเราขว้างลูกระเบิดขว้างแบบส่องสว่างทุก ๆ ๓๐ วินาที ปืนกล
สองกระบอกก็ยิงตอบโต้เป็นชุด ชุดละ ๖ นัด ข้าศึกล้มลงเป็นใบไม้ร่วง
และหยุดเคลื่อนที่ทันที
เสียงวิทยุดังขึ้น ผมตอบทันที เป็นเสียงจากนายทหารยุทธการ
ของกองพัน พันตรี บัคเวอร์ท เขาถามผมว่าผมต้องการให้ช่วยอย่างไร
ไม่อ้อมค้อมเหมือนผู้บังคับกองร้อยผม ผมก็บอกไปว่าขอเฮลิคอปเตอร์
คอบร้าติดปืนกลมาช่วยสักสองสามล�ำและก็ให้กองพันยิงกระสุนส่องสว่าง
มา ณ ที่ตั้งหมวด เนื่องจากระเบิดขว้างแบบส่องสว่างของพวกเราใกล้จะ
หมดแล้ว ถ้าไม่มีการส่องสว่างเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ อีกทั้งถ้ามีการ
ส่องสว่างจากปืนใหญ่หรือ ค. เราจะตอบโต้ข้าศึกได้ดีขึ้นโดยใช้ปืน
เอ็ม-๗๙ ที่มีระยะยิง ๔๐๐ เมตร
การสนทนาระหว่างผมกับพันตรี บัคเวอร์ทจบลงไม่เยิ่นเย้อ
ไม่กี่นาทีก็มีลูกกระสุนส่องสว่างจากกองพันมาช่วย
ผมเคลือ่ นทีไ่ ปทางทิศตะวันตกเพราะรูว้ า่ ข้าศึกจะเคลือ่ นทีม่ าจาก
ตรงนั้นในไม่ช้า เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าปืนกล เอ็ม-๖๐ ที่หมวดของเรามีใช้
เป็นอาวุธทีท่ รงอานุภาพมากในการหยุดการเคลือ่ นทีข่ องข้าศึก ผมเคลือ่ นที่

109
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ไปหาพลปืนกลเพือ่ ควบคุมการยิงและดูเหมือนว่าเขาปฏิบตั หิ น้าทีไ่ ด้ดไี ม่มี


ทีต่ เิ ลย ปกติแล้วหน้าทีใ่ นการสัง่ การว่าจะให้เล็งปืนกลไปใส่เป้าหมายทีไ่ หน
เป็นหน้าที่ของผู้บังคับหมู่ แต่ตัวเขาเองได้รับบาดเจ็บที่ล�ำตัวท่อนบนและ
ล�ำคอไม่สามารถสัง่ การรบได้ ผมจึงต้องมาท�ำหน้าทีน่ แี้ ทน นายสิบทีอ่ าวุโส
ทีส่ ดุ ทีเ่ หลือในหมูน่ มี้ ยี ศสิบเอก ผมให้เขาปฏิบตั หิ น้าทีผ่ บู้ งั คับหมูต่ อ่ จากนี้
เพื่อที่ผมจะได้ไปควบคุมการรบที่จุดอื่น ทันใดนั้นก็มีกระสุนส่องแสงจาก
กองพันมาที่จุดที่พวกเราต้องการและก็เห็นข้าศึกประมาณ ๔๐ นายก�ำลัง
เคลื่อนที่เข้ามา และลูกน้องผมหมู่นี้ก็ไม่รอช้าจัดการส่งลูกตะกั่วไปให้
พวกนั้นกิน ผมเริ่มมีความมั่นใจขึ้นมามากว่าสุดท้ายพวกเราน่าจะหยุด
ข้าศึกได้
ทางด้านทิศใต้ ทหารเรา ๑ นายได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ และ
พยาบาลสนามที่มีอยู่เพียงคนเดียวก็ท�ำงานมือเป็นระวิง ตอนนี้ผมเหลือ
ลูกน้องอยู่เพียง ๑๓ เท่านั้น
รองผูบ้ งั คับหมวดก�ำลังท�ำหน้าทีจ่ า่ ยกระสุนเพิม่ เติมให้แก่ลกู น้อง
เดิมพวกเราแต่ละคนมีกระสุนอยูม่ ากพอสมควรในช่วงเปิดฉากการรบ แต่
การปะทะอันยาวนานท�ำให้เราใช้กระสุนไปมาก ผมเองก็พยายามควบคุม
ให้ใช้กระสุนอย่างประหยัด แต่ก็ท�ำได้ยาก ในสถานการณ์การรบที่หนัก
ขนาดนี้กระสุนส�ำรองที่คิดว่ามากก็อาจหมดได้ และส�ำหรับปืน เอ็ม-๑๖
ประจ�ำกายของผม ผมจะบรรจุกระสุนส่องวิถีทุก ๆ ๕ นัดไว้ในซองกระสุน
และจะมีอีก ๑ ซองที่บรรจุกระสุนส่องวิถีล้วน ๆ ฝ่ายข้าศึกเองก็มีกระสุน
ประเภทนี้เหมือนกันแต่เป็นสีเขียว เพราะฉะนั้นเวลาปะทะกันจะมีแสง
สีแดงและเขียวให้เห็น ในเวลากลางคืนจึงเป็นการประสานแสงและเสียง
แห่งความตาย คือแสงสว่างจากพลุส่องสว่างและเสียงจากความเจ็บปวด
ของทหาร และการตะโกนขอกระสุนเพิ่มหรือเพื่อการสื่อสารกันเอง
110
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

พลทหารแบรด ลอเรนซ์ เสนารักษ์ซึ่งมีพ่อเป็นนายทหารยศ


พันเอก ก็เป็นคนหนึ่งที่ท�ำหน้าที่หนักมากในคืนนี้เพราะมีทหารบาดเจ็บ
หลายคน ล่าสุดเป็นทหารที่โดนยิงเข้าที่หัวไหล่ แบรดไม่เคยคิดอยากจะ
เป็นทหารเลย แต่พอ่ เขาอยากให้เขาเป็น ดังนัน้ เพือ่ เป็นการพบกันครึง่ ทาง
เขาจึงเลือกมาเป็นพยาบาลสนามแทน โดยส่วนตัวผมชอบนิสยั เขา แต่เมือ่
สังเกตจากม่านตาของเขาที่ใหญ่มากกว่าปกติท�ำให้ผมคิดว่าเขาน่าจะ
เสพยาเป็นประจ�ำ
ค�่ ำ คื น อั น วุ ่ น วาย ลอเรนซ์ ท� ำ หน้ า ที่ ไ ด้ ส มบู ร ณ์ ในด้ า นทิ ศ
ตะวันออกเฉียงใต้มีผู้หญิงคนหนึ่งก�ำลังวิ่งมาที่ฐานเรา ในมือก�ำลังอุ้ม
บางอย่าง
ลอเรนซ์ตะโกน “อย่ายิง” ผมเองก็ไม่คอ่ ยจะแน่ใจในวิจารณญาณ
ของเขา เพราะถ้าสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นอุ้มเป็นวัตถุระเบิด มันจะไม่เป็นผลดี
ต่อเราเลยเพราะก�ำแพงลวดหนามก็จะถูกท�ำลาย ฐานก็จะแตกง่าย แต่ถ้า
ผู้หญิงคนนั้นอุ้มเด็กมาขอความช่วยเหลือล่ะ การยิงไปที่เธอก็จะท�ำให้
เกิดผลที่เลวร้ายมากในด้านจิตใจ
ในขณะที่ผมยังลังเล ห่ากระสุนของฝ่ายข้าศึกท�ำให้เธอต้อง
หมอบลง ลอเรนซ์ตดั สินใจวิง่ ไปช่วยเธอทัง้ วิง่ ทัง้ คลานต�ำ่ สิง่ ทีเ่ ธอก�ำลังอุม้
คือลูกสาวอายุ ๗ ขวบทีถ่ กู ยิง กระสุนทะลุปอด และในฐานะแม่เธอพยายาม
จะช่วยลูกให้ถึงที่สุด ลอเรนซ์เอาตัวไปขวางวิถีกระสุนไว้ไม่ให้โดนแม่และ
เด็ก และก็พยายามช่วยเด็กไม่ให้เลือดไหลและรักษาความดันภายใน
ร่างกายเด็กให้เป็นปกติให้มากที่สุดโดยการเอาพลาสติกอุดรูทั้งด้านหน้า
และด้านหลังของแผล ในขณะเดียวกัน บาร์นก็เข้ามายิงคุ้มกันให้และ
ลากแม่และเด็กเข้าไปในฐาน

111
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เมื่ อ ทั้ ง หมดเข้ า มาในฐานแล้ ว พวกเวี ย ดกงที่ ม าจากทางทิ ศ


ตะวันออกเฉียงใต้ก็พยายามตามมาติด ๆ แต่ก็ถูกปืนกลของฝ่ายเรายิง
ข่มไว้ ระดับความเข้มข้นของการต่อสู้เริ่มคงที่ ถึงแม้ข้าศึกจะระดมยิงปืน
เอ็ม-๗๙ ใส่ แต่เราก็พยายามท�ำตัวให้ต�่ำเข้าไว้ น่าตลกที่ทหารของรัฐบาล
เวียดนามใต้ที่มาประจ�ำที่หมู่บ้านไม่ได้มีส่วนในการช่วยพวกเราเลย และ
ในด้านก�ำลังคนพวกเราถือว่าตกเป็นรองมากและ ๑ ใน ๓ ก็ได้รับบาดเจ็บ
แต่ผมก็อนุ่ ใจทีเ่ รายังมีกระสุนเพียงพอและก�ำลังสนับสนุนก็กำ� ลังมา ถ้าฐาน
ของเราสามารถยันข้าศึกไม่ให้ถาโถมเข้ามาได้ เราก็จะรักษาฐานไว้ได้
ไม่นานเกินรอเสียงใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ที่แหวกอากาศก็ดัง
สนั่น เฮลิคอปเตอร์คอบร้า ๒ ล�ำบินเข้ามาพร้อมกับพ่นกระสุนจากปืนกล
หลายล�ำกล้องและจรวดจากท่อยิงข้างล�ำตัว
เสียงจากนักบินเครื่องที่เป็นหัวหน้าหมู่ดังเข้ามาในวิทยุ แม้ฟัง
ไม่ค่อยชัดเพราะเครื่องยนต์ดังมาก แต่สามารถจับใจความได้ว่าเขาก�ำลัง
จะท� ำ การยิ ง ใส่ ข ้ า ศึ ก แต่ อ ยากให้ ท างภาคพื้ น ดิ น ช่ ว ยชี้ เ ป้ า หมายให้
ในมุมมองของนักบินก็ไม่แน่ใจ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ว่าจะยิงตรงไหนดี โดย
ส่วนตัวผมรู้สึกโล่งอกไปมาก น�้ำเสียงของเขาฟังดูมั่นใจ ผมรู้สึกเหมือน
นายทหารอาวุโสที่เป็นนักบินหัวหน้าหมู่ก�ำลังจะช่วยผู้บังคับหมวดเด็ก ๆ
กับลูกน้องที่ก�ำลังย�่ำแย่ เขาบอกว่า
“ผมเห็นการเคลื่อนไหวจากไฟที่ก�ำลังไหม้ในหมู่บ้าน และจะยิง
ไปทางนั้น” มันไม่ใช่ค�ำถาม แต่เขาบอกผมว่าเขาก�ำลังจะยิง
เฮลิคอปเตอร์ก�ำลังปรับรูปขบวนเพื่อใช้อาวุธ ถ้าผมปล่อยให้เป็น
อย่างนัน้ สิง่ มีชวี ติ ทุกอย่างรวมทัง้ ชาวบ้านและหมูหมาเป็ดไก่กจ็ ะถูกยิงตาย
หมด ถ้าผมอยู่เฉย ๆ มันคงเกิดขึ้นและผ่านไปภายในเวลาไม่กี่วินาที

112
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมรีบตะโกนทันที “อย่ายิง อย่ายิง” ผมไม่สนใจว่าคนที่อยู่บน


เฮลิคอปเตอร์จะมียศอะไร ผมถือว่าผมเป็นผู้บังคับหน่วยภาคพื้นดินและ
ต้องรับผิดชอบในจุดนี้ และถึงแม้ว่าจะมีข้าศึกซ่อนอยู่ในหมู่บ้านและ
ก�ำลังพลของผมบาดเจ็บไปถึง ๑ ใน ๓ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่มีน�้ำหนัก
เพียงพอในการฆ่าทั้งหมู่บ้านรวมถึงผู้บริสุทธิ์ด้วย
“ขอให้ยิงไปที่ด้านทิศใต้และทิศตะวันตก ประมาณ ๗๕ เมตร
ผมจะยิงกระสุนส่องวิถเี พือ่ ชีเ้ ป้าหมาย และให้ยนื ยันเป้าหมายก่อนการยิง”
สั่งเสร็จผมรู้สึกว่าผมได้รับผิดชอบต่อสถานการณ์อย่างเต็มตัว ผมถึงกับ
ตัวสั่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกือบจะเกิดขึ้นถ้าผมไม่ยอมท�ำอะไร
เฮลิคอปเตอร์ทงั้ ๒ ล�ำโฉบลงต�ำ่ พร้อมกับยิงใส่ขา้ ศึกทีก่ ำ� ลังวิง่ หา
ที่ก�ำบัง ลูกน้องผมต่างร้องด้วยความดีใจและสะใจ
อ� ำ นาจการยิ ง และความคล่ อ งแคล่ ว ของฝ่ า ยอเมริ กั น ท� ำ ให้
พวกเราได้เปรียบมากเมือ่ การรบท�ำท่าจะติดพัน ส�ำหรับการรบทีเ่ วียดนาม
ถ้าหน่วยทหารสหรัฐ สามารถยืนหยัดอยู่ได้ในช่วงนาทีแรก ๆ โอกาสรอด
ในการรบก็มีสูง ในขณะเดียวกันข้าศึกที่โจมตีเราจะถูกบีบให้เลือกว่าจะ
ถอนตัวหรือสู้ต่อไปและตาย อีกสิบนาทีต่อมา หน่วยยานเกราะก็มาถึงเรา
แต่ก่อนหน้านั้น เวียดกงระดมยิงใส่เราอย่างหนัก ในนาทีนี้ผมรู้แล้วว่า
พวกเราเป็นฝ่ายได้เปรียบจึงคิดจะท�ำการรุกด้วยการน�ำก�ำลัง ๑ หมูป่ นื เล็ก
ออกไปรวมกับหมวดทหารม้าที่ก�ำลังมาช่วยเพื่อท�ำการขับไล่ข้าศึกต่อไป
แต่หมู่ของดอนสูญเสียไปมาก หมู่เจมส์จากวอลโดสต้า รัฐจอร์เจีย ที่ปกติ
จะเป็นคนกระตือรือร้น คราวนีก้ ไ็ ด้รบั บาดเจ็บ ส่วนหมูข่ องรอบินสันมีการ
ปะทะน้อยกว่าใคร ผมก็เลยพาหมู่นี้พร้อมด้วยรอบินสันไปท�ำการไล่ล่า
ข้าศึก ปล่อยให้รองผู้บังคับหมวดคือจ่าเฮอนานเดซรับผิดชอบในการ

113
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ดูแลหมวดและผู้บาดเจ็บให้เรียบร้อย รวมถึงการส่งผู้ป่วยไปรับการรักษา
ต่อไป
ผมวิทยุถึงหมวดทหารม้าที่ก�ำลังมาและบอกว่าพวกผมจะไปร่วม
ในการไล่ตดิ ตามข้าศึกทีก่ ำ� ลังหนีซงึ่ น่าจะไปทางทิศใต้ ผมออกจากฐานทาง
ทิ ศ เหนื อ และวิ ท ยุ คุ ย กั บ หมวดทหารม้ า เป็ น ระยะเพราะไม่ ต ้ อ งการ
ให้ พ วกเขาเข้ า ใจผิ ด คิ ด ว่ า พวกเราเป็ น ข้ า ศึ ก และในที่ สุ ด ผมและชุ ด
ลาดตระเวนรบก็มาเจอกับหมวดทหารม้า ผมปีนขึ้นไปนั่งบนรถของ
ผู้บังคับหมวดคือ หมวดลารี่ โอไบรอัน ซึ่งจบเวสต์พอยต์รุ่นเดียวกับผม
ถึงแม้ว่าเราจะไม่เคยเจอกันเลยที่โรงเรียน แต่การมาเจอกันในที่แบบนี้
มันดีใจจนบอกไม่ถูก
ตอนนี้ผมและหมู่ปืนเล็กที่ออกไปไล่ติดตามข้าศึกมีความรู้สึกว่า
ตัวเองแกร่งและไม่มีใครเอาชนะได้ การมานั่งบนรถถังที่เป็นเหล็กหนา
ท�ำให้รู้สึกปลอดภัย คราวนี้ผมให้หมวดทหารม้าเป็นพระเอกในการไล่ล่า
พวกทหารเวียดกงที่ก�ำลังหลบหนี ลารี่เปิดการโจมตีด้วยปืนกลและตาม
ด้วยกระสุนสังหารบุคคลที่ยิงจากปืนใหญ่รถถัง สุดท้ายข้าศึกก็หนีไปได้
เพราะด้วยสภาพภูมิประเทศแบบนี้ มนุษย์ย่อมเร็วกว่าเครื่องจักร
รถถังคันหนึ่งได้ท�ำให้บังเกอร์ใต้ดินของพวกเวียดกงยุบลงพร้อม
กับบดทับพวกเวียดกง ๒ คนที่ซ่อนตัวอยู่ และสุดท้าย ผมน�ำทหาร ๕ นาย
ที่มาพร้อมกันท�ำการกวาดล้างข้าศึกเป็นครั้งสุดท้ายโดยมีหมวดทหารม้า
ท�ำหน้าที่คุ้มกันให้ แล้วพวกเราก็กลับเข้าฐาน ตอนนี้เป็นเวลา ตี ๕
พวกเรารบกับข้าศึกเป็นเวลา ๔ ชั่วโมง ผมรู้สึกหมดแรง ไม่มีอารมณ์หรือ
ความรูส้ กึ ใด ๆ เลยเวลานี้ เช้าวันนีส้ งิ่ ทีผ่ มอยากท�ำเป็นสิง่ แรกคือปลดทุกข์
แต่ไม่มีอารมณ์จะขุดหลุมก็เลยถ่ายใส่กระสอบทรายแทน

114
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

หลังจากนั้นภารกิจที่เร่งด่วน คือการเสริมความมั่นคงให้กับฐาน
และเช็กผู้บาดเจ็บที่ยังไม่ได้ถูกส่งตัวไปรับการรักษา ศพนอนเกลื่อน
เรียงรายตั้งแต่ชายขอบหมู่บ้าน กลิ่นควันและกลิ่นความตายโชยไปทั่ว
บริเวณ ผมพยายามคิดถึงงานตรงหน้าและตรวจสอบการสูญเสียที่เกิดขึ้น
ส�ำหรับก�ำลังฝ่ายเราไม่มีใครเสียชีวิต จะมีก็แต่ผู้บาดเจ็บสาหัส
๒ นาย ซึ่งก็มีโอกาสรอดสูง พลวิทยุเนลนั้นได้รับบาดเจ็บที่ขา เลือดไหล
ออกมากและที่ปากโดนสะเก็ดระเบิดเข้าที่เหงือกท�ำให้ฟันหายไปซี่หนึ่ง
แต่ก็หายกลับมาท�ำงานได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ เราส่งเด็กหญิงที่ได้รับ
บาดเจ็บถูกยิงทะลุอกไปรับการรักษาทีโ่ รงพยาบาลแต่สดุ ท้ายเธอก็เสียชีวติ
ที่นั่น ส่วนทหารเวียดนามใต้ที่นอนบาดเจ็บและผมไปสะดุดก็เสียชีวิตใน
ตอนเช้าตรู่ หมูเ่ จมส์ทถี่ กู ยิงทีห่ วั ไหล่และล�ำตัวด้านซ้ายทีโ่ ดนสะเก็ดระเบิด
ก็หายดีเป็นปกติและกลับฐานก่อนเนลไม่กี่วัน ส�ำหรับพลเรือนที่เสียชีวิต
ในระหว่างการปะทะเป็นผู้หญิง ๒ คนถูกยิงเข้าที่ท้ายทอย ผมสันนิษฐาน
ว่าพวกเวียดกงคงยิงพวกเธอระหว่างที่รบกัน แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้นก็มี
ใบปลิวกล่าวหาว่าพวกเราเป็นคนฆ่า ผมถือว่ายังโชคดีทพี่ ลเรือนทีเ่ สียชีวติ
ทั้งหมดมีแค่ ๓ คนคือ เป็นผู้หญิง ๒ คน และเป็นเด็กผู้หญิงอีก ๑ คน
(เสียชีวิตที่โรงพยาบาล) ผมท�ำการส�ำรวจและนับศพเสร็จก็กลับเข้าฐาน
เพื่อนร่วมรุ่นเวสต์พอยต์ ลารี่ โอไบรอัน มาร่วมกินอาหารเช้ากับ
ผมที่ฐาน ในขณะที่ก�ำลังต้มน�้ำชงกาแฟ พวกเราก็ตกลงกันว่าจะให้หมวด
ทหารม้าของเขามาขึน้ ควบคุมทางยุทธการกับผม นีเ่ ป็นการรบครัง้ แรกของ
ลารี่ และดูเหมือนเขาจะภูมิใจมากกับสิ่งนี้ ผมแสดงความยินดีกับเขาที่
ประสบความส�ำเร็จในการช่วยหมวดทหารราบทีก่ ำ� ลังย�ำ่ แย่ และก็ดใี จมาก
ที่มีนายทหารมาคุยด้วยหลังจากที่อยู่โดดเดี่ยวมาโดยตลอด มันเหมือน
พี่น้องที่หายสาบสูญแล้วมาเจอกัน มันช่างต่างกันเหลือเกินสิ่งที่เกิดขึ้น
115
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เมื่อคืนกับเช้าวันนี้ บรรยากาศตอนกลางคืนเป็นบรรยากาศแห่งความเป็น
ความตาย แต่ตอนเช้ากลับกลายเป็นบรรยากาศแห่งความหวังและได้
เพือ่ นใหม่ อีกไม่นานผมจะออกไปลาดตระเวนอีก แต่ตอนนีข้ อกินและคุย
กับเพื่อนเสียหน่อย

116
บทที่ ๑๒
ผลของสงคราม

คิลลิแกนท�ำหน้าที่เป็นพลน�ำทางในการออกลาดตระเวนเช้า
วันนี้หลังจากการปะทะหนักเมื่อคืน เมื่อคืนเขาท�ำหน้าที่พลปืนกลได้อย่าง
ดีเยี่ยม ท�ำให้ข้าศึกไม่สามารถบุกเข้ามาได้ ในตอนต้นของการปะทะข้าศึก
เห็นความน่ากลัวของปืนกลที่คิลลิแกนยิงและพยายามจะจัดการเขาแต่ไม่
เป็นผล เห็นได้จากกระสอบทรายรอบ ๆ ที่ตั้งปืนกลที่เต็มไปด้วยรูกระสุน
และสะเก็ดระเบิด เขาไม่เคยย่อท้อหรือแสดงความหวาดกลัวตลอดการต่อสู้
และเช้าวันนี้เขาก็ก�ำลังท�ำหน้าที่เป็นพลน�ำทางในการลาดตระเวน
ก�ำลังพลที่เหลือพักผ่อนอยู่ในฐานเพราะเหนื่อยจากการสู้รบ
เมือ่ คืน ส่วนผมน�ำชุดออกลาดตระเวน ตลอดเส้นทางภูมปิ ระเทศดูสวยงาม
เว้นเสียแต่กลิน่ ศพโชยไปทัว่ หลังจาก ๒ ชัว่ โมงผ่านไปไม่เจอข้าศึก พวกเรา
จึงกลับเข้าฐาน ถึงแม้จะเหนื่อยล้าขนาดหนัก ผลจากการปะทะเมื่อคืน
ยังคงมีผลต่ออารมณ์ของผม แต่ผมก็มีความมั่นใจมากขึ้นส�ำหรับการ
เป็นผู้น�ำในการรบ ถึงแม้ว่าในตอนแรก ๆ ข้าศึกจะเป็นต่อ เมื่อคิดดูดี ๆ
เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สัมผัสที่หกของผมสามารถเชื่อถือได้ นั่นคือ
ผมตัดสินใจให้ชุดลาดตระเวนที่เพิ่งจะเดินออกไปให้กลับฐานทันที หาก
ข้าศึกโจมตีพวกเราในระหว่างที่ก�ำลังบางส่วนอยู่ข้างนอก ไม่ว่าจะเป็น

117
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

การโจมตีต่อฐานหรือต่อชุดลาดตระเวนผลของการปะทะอาจไม่เป็น
อย่างนี้
ผมเองก็ตระหนักดีว่าการปะทะเมื่อคืนนี้ผมและลูกน้องโชคดีที่
ผ่านมาได้ แต่เราจะโชคดีอย่างนี้ตลอดไปหรือ ผมเองก็ไม่แน่ใจ สักวันหนึ่ง
เราอาจจะเป็ น ศพในสมรภู มิ นี้ ก็ ไ ด้ สายตาผมมองไปที่ ศ พที่ เรี ย งราย
อยู่ด้านนอก ในใจอดสงสัยไม่ได้ว่าท�ำไมต้องเรียงด้วย หรือว่าเพื่อความ
สวยงามถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมมันไม่เอื้อเลย ผมเคยอ่านประวัติศาสตร์
สงครามโลกครัง้ ที่ ๒ ทหารเยอรมันจะวางเรียงศพของทหารอเมริกนั อย่าง
เป็นระเบียบ หรือว่ามันเป็นวิธีปฏิบัติต่อผู้เสียชีวิตที่เป็นสากล บางทีมันก็
เป็นเรื่องแปลกดีเหมือนกัน ความศิวิไลซ์กับความบ้าคลั่งของสงครามก็อยู่
ใกล้กันอย่างไม่น่าเชื่อ
ความรู้สึกปลาบปลื้มในชัยชนะของผมลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อ
ได้เห็นศพที่นอนเรียงรายกันอยู่ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าเขาเหล่านี้ต่าง
พยายามให้ได้ชัยชนะ ทุ่มเททุกอย่างที่พวกเขามี ชะตาชีวิตคนมันช่าง
ไม่แน่นอนจริง ๆ ตอนนี้แทบจะบอกได้เลยว่าผมกลายเป็นส่วนหนึ่งของ
สงครามไปแล้ว
เสี ย งเฮลิ ค อปเตอร์ ที่ ดั ง เข้ า มาเรื่ อ ย ๆ ปลุ ก ผมจากความคิ ด
ต่าง ๆ ในอีกไม่กนี่ าทีจะมีนายทหารมากมายทุกชัน้ ยศและผูม้ เี กียรติมาเยีย่ ม
พวกเขามักจะมาทันทีที่การปะทะจบลง ถ้ามองในแง่ดีนั่นคือเป็นความ
ห่วงใยจากผู้บังคับบัญชา แต่พวกเขาก็มักจะมาเมื่อเหตุการณ์สงบแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าพวกเขาก็รับความเสี่ยงอยู่มากเหมือนกันเพราะ
พวกเวียดกงอาจจะถือโอกาสนี้ในการจู่โจมเป้าหมายส�ำคัญซึ่งอาจจะมี
ผลต่อนโยบายของรัฐบาลเวียดนามใต้ก็เป็นได้ ผมถือว่าค�ำแนะน�ำจาก

118
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผู้บังคับบัญชาชั้นสูง เช่น การย้ายที่ตั้งของฐานมีประโยชน์มากเพราะ


ในเวลานี้ ข ้ า ศึ ก มี ข ้ อ มู ล เกี่ ย วกั บ ฐานเรามากแล้ ว ผมมองดู น ายทหาร
ชั้นนายพลที่มาตรวจเยี่ยม ท่านช่างดูเท่เสียเหลือเกิน เมื่อผมหันมามอง
ดูตัวเอง โอ้! มันช่างแตกต่างกันอะไรเช่นนี้ เนื้อตัวสกปรกมอมแมมสิ้นดี
ผมนึกย้อนกลับไป แทนทีจ่ ะมานัง่ กินข้าวกับเพือ่ นจากเวสต์พอยต์ ลารี่ โอ
ไบรอัน ผมน่าจะอาบน�ำ้ ท�ำให้เนือ้ ตัวสะอาดกว่านี้ ผมเดินตามท่านนายพล
เพือ่ น�ำตรวจฐานและอธิบายว่าเกิดอะไรขึน้ เมือ่ คืน ท่านบอกว่าก�ำลังพลใน
หมวดมีน้อยเกินไปและยิ่งน้อยลงมากตอนนี้ “ผมต้องส่งก�ำลังเสริมมาให้
ด่วน จริงไหมผูห้ มวด” ผมรีบตอบทันที “จริงครับท่าน” ความจริงผมอยาก
จะพูดว่าท่านน่าจะส่งก�ำลังเสริมมาให้ตั้งแต่รู้ข่าวว่าฐานผมจะโดนโจมตี
แต่ผมก็ไม่ได้พูดออกไป ตอนนี้ก�ำลังในหมวดเรามีมากกว่า ๑ หมู่ปืนเล็ก
ที่จัดแบบเต็ม ๆ นิดเดียวเอง
ในขณะที่ท่านนายพลก�ำลังเดินไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับ ท่าน
หันมากล่าวค�ำอ�ำลา ผมก็ยืนตรงเคารพท่าน และท่านก็บอกว่า “ผู้หมวด
แมคดาน่า เมื่อคืนท�ำดีมากที่ไม่ให้เฮลิคอปเตอร์ยิงปืนกลใส่หมู่บ้าน
ไม่อย่างนั้นคงมีคนตายอีกมาก”
ผมตอบ “ขอบคุณครับท่าน”
ผมว่าท่านไม่ได้ยินที่ผมตอบกลับไป แล้วท่านก็ขึ้นเครื่องออกไป
ส่วนผมก็ยังยืนในท่าตรงอยู่ และอยากจะถามออกไปดัง ๆ ว่า “แล้วท�ำไม
ท่านไม่พูดอะไรสักค�ำเมื่อคืน” แต่ถ้าถามไปจริง ๆ คงไม่เหมาะถือว่าไม่ให้
เกียรติท่านด้วย อีกอย่างท่านอาจจะคิดว่ามันเป็นหน้าที่โดยตรงที่ผมต้อง
ท�ำอยู่แล้วเพราะว่าผมเป็นคนอยู่ในเหตุการณ์ ผมท�ำวันทยาหัตถ์ให้ท่าน
ในขณะที่เฮลิคอปเตอร์ยกตัวออกไป

119
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

มีนายทหารนายหนึง่ ทีไ่ ม่ได้มาตรวจเยีย่ มด้วยคือผูบ้ งั คับกองร้อย


ของผมเอง การที่เขาไม่ได้มาในเวลาที่ควรจะมาเช่นนี้มันท�ำให้ผมมองเขา
ในแง่ลบมาก ๆ ปฏิกิริยาของเขาที่มีต่อสถานการณ์ช่างไม่มีความหมาย
ต่อความเป็นความตายของลูกน้องเลยในขณะนั้น ฟังจากเสียงพูดผม
ค่อนข้างจะมั่นใจว่าเขาเพิ่งตื่นนอนหรือไม่ก็เป็นผลจากการดื่มจัดแต่ไม่ว่า
สาเหตุของการไร้ประสิทธิภาพของเขาจะเป็นอะไรมันไม่ได้มีความหมาย
กับผม ในใจผมเขาถูกจ�ำหน่ายออกไปแล้ว ผมหมายถึงได้ตายจากใจของ
ลูกน้องไปแล้วเหตุที่เขาไม่มาดูเหตุการณ์จริงน่าจะเป็นเพราะคิดว่าไม่มี
ความจ�ำเป็นอะไรก็เป็นได้
หน่วยข่าวกรองทัง้ จากของทหารอเมริกนั และรัฐบาลเวียดนามใต้
ระบุ ว ่ า ฝ่ า ยข้ า ศึ ก รู ้ สึ ก เสี ย หน้ า มากที่ ไ ม่ ส ามารถยึ ด ฐานเล็ ก ๆ ของ
หน่วยทหารอเมริกันได้ มิหน�ำซ�้ำยังไม่สามารถน�ำศพของพวกเดียวกัน
กลับไปด้วยได้ ธรรมเนียมปฏิบัติของเวียดกงมีอยู่ว่าจะต้องน�ำศพของ
พีน่ อ้ งทีร่ ว่ มรบกลับไปท�ำพิธที กุ ครัง้ แต่คราวนีพ้ วกมันไม่ได้อะไรกลับไปเลย
สิ่งเดียวที่พวกมันอาจจะเรียกได้ว่าเป็นความส�ำเร็จคือ การปล่อยข่าวลือ
ออกไปว่าพวกอเมริกนั ฆ่าชาวบ้าน และสิง่ หนึง่ ทีพ่ วกมันต้องท�ำแน่นอนคือ
การพยายามเข้าตีอีกครั้ง
ตามที่ท่านนายพลได้สัญญาไว้ อาวุธยุทโธปกรณ์และก�ำลังเสริม
เริ่มถูกส่งเข้ามาที่ฐาน ตอนนี้หมวดของผมได้รับการสมทบ ๑ หมวด
ทหารม้า และ ๓ หมู่ทหารราบ รวมทั้งหมดเป็น ๖ หมู่ทหารราบ และ
เป็น ๖ หมูท่ หารราบทีม่ กี ารจัดเต็มอัตรา และการทีม่ หี มวดทหารม้ามาอยู่
ด้วยท�ำให้ผมอุ่นใจเพราะเรามีอ�ำนาจการยิงเพิ่มขึ้น หมวดทหารราบจาก
รัฐบาลเวียดนามใต้กไ็ ด้รบั ทดแทนก�ำลังแต่ผบู้ งั คับหมวดยังเป็นคนเดิม และ
ผมก็ไม่สามารถสั่งลูกน้องเขาได้โดยตรง โดยสรุปผมว่าหมวดทหารราบ
120
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ของรัฐบาลเวียดนามใต้พึ่งพาได้น้อย ก�ำลังพลทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การ
บังคับบัญชาของผมในขณะนีม้ มี ากกว่า ๙๐ นาย ซึง่ ถือว่าเป็นขนาดทีใ่ หญ่
พอ ๆ กับกองร้อยทหารราบในยามสงครามทีม่ อี ตั ราการสูญเสียสูง หมูท่ หาร
ราบ ๓ หมู่ที่มาสมทบสร้างปัญหาให้พอสมควร คือแต่ละหมู่มาจากแต่ละ
กองร้อยและมีลกั ษณะทางทหารทีไ่ ม่พงึ ปรารถนา ผมเดาว่าผูบ้ งั คับกองร้อย
คงถือโอกาสนี้ในการก�ำจัดลูกน้องที่ไม่ได้เรื่องออกไป มีทหารนายหนึ่ง
ที่ดูจะเตะตามากกว่าคนอื่น ๆ คือไม่ได้เรื่องเลย เขาเดินเข้ามาภายในเขต
ของฐานด้วยอากัปกิริยาที่ไม่ใช่ทหาร มันดูเหมือนไอ้ขี้ยามากกว่า เพียง
ไม่กี่นาทีเขาท�ำให้ทุกคนไม่พอใจ ผมเลยให้เขามารายงานตัวกับผม
“ชื่ออะไรพลทหาร” ผมถามเขา
“เรียกข้าว่าพรินซ์ก็ได้เพื่อน”
“ฉันถามอีกครัง้ ว่าชือ่ อะไร และให้ตอบมีครับผูห้ มวดหรือครับผม
ด้วย ไม่อย่างนั้นฉันจะให้แกขุดหลุมบุคคลขนาด ๖ ฟุตให้ฉัน”
เขาตอบใหม่ “ผมชื่อพลทหารเอดเวิร์ด ไพรเซอร์” เขาหยุด
สักระยะแล้วพูดต่อ “ครับผู้หมวด”
“อยู่ที่นี่มานานหรือยังไพรเซอร์”
“เพิ่งมา...ครับผู้หมวด”
“ฉันหมายถึงมาถึงเวียดนาม และให้พูดค�ำว่าครับผู้หมวดเร็วขึ้น
ด้วย”
“๕ ปีครับหมวด” เขาเริ่มตอบแบบเป็นมิตรมากขึ้น
“ท�ำไมอยู่นานจัง” ในใจผมไม่เชื่อเขาเลย

121
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

“เพราะว่าผมฆ่าคนตาย ๕ คนที่อเมริกาและกลับไปไม่ได้ครับ”
เขาตอบพร้อมกับยิ้มเยาะเย้ยที่ริมฝีปาก
“พลทหาร ฉันไม่สนว่านายจะเคยท�ำอะไรไว้ที่อเมริกา จะเคย
ฆ่าคนมากีค่ น แต่ทนี่ สี่ งิ่ ทีส่ ำ� คัญคือ ต้องสามารถฆ่าข้าศึกได้ในสนามรบและ
ก็มีทหารมากมายที่ฐานที่เป็นนักฆ่าที่ดีกว่านาย ให้ท�ำตามค�ำสั่งของ
ผู้บังคับหมู่อย่างเคร่งครัด อย่าได้ก่อปัญหากับใครเพราะจะไม่มีใครทนกับ
เรื่องไร้สาระของนาย” ขณะที่ผมคุยกับไพรเซอร์ มีทหารอีกสองสามคน
ยืนอยู่ใกล้ ๆ ในระยะที่ได้ยิน
ทหารที่มาทดแทนพวกที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บส่วนมากเป็นพวก
น้องใหม่ไร้ประสบการณ์ ผ่านการฝึกทหารประมาณ ๑๖ - ๑๘ สัปดาห์กอ่ น
มารบ ส่วนผมได้รับการเตรียมการมานานกว่าพวกเขาคือมากกว่า ๕ ปี
ภาระความรั บ ผิ ด ชอบหลั ก จึ ง เป็ น ของผมแน่ น อน เพราะแม้ ก ระทั่ ง
ผู้บังคับหมู่ที่นี่อายุก็ไม่ได้แตกต่างจากพวกทหารใหม่ที่มาทดแทนเลย
รองผูบ้ งั คับหมวด จ่าเฮอนานเดซ จะเป็นตัวหลักในการดูแลทหาร
คล้าย ๆ เป็นแม่บ้าน แต่ผลจากการรบท�ำให้เกิดรอยร้าวระหว่างเราอย่าง
เห็นได้ชัด เฮอร์นานเดซรู้สึกว่าผมได้ใช้อ�ำนาจเกินขอบเขตในระหว่าง
การรบ คือไปท�ำหน้าที่ของเขาโดยเฉพาะงานแจกจ่ายกระสุนหรืออาวุธ
แต่ที่ผมต้องท�ำอย่างนั้นไปก็เพราะว่าเฮอร์นานเดซเองถูกข้าศึกยิงกดไว้
ไม่สามารถท�ำอะไรได้ ผมต้องสัง่ การในภาพรวมเพือ่ ให้พวกเราสูร้ บได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ ในสนามรบความมีเอกภาพในการบังคับบัญชาส�ำคัญมาก
และนั่นเป็นหน้าที่ของผมในฐานะที่เป็นผู้บังคับหมวดโดยตรง แต่ถึงผม
จะมีเหตุผลอย่างไร แต่ความรู้สึกของเขาก็ได้เสียไปแล้ว คงต้องพยายาม
แก้ไขกันต่อไป

122
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ในด้านการเตรียมพร้อมส�ำหรับสถานการณ์ข้างหน้า ผมไม่รอ
ให้ข้าศึกเลือกโอกาสได้ตามใจชอบ ผมเตรียมการเพื่อให้ข้าศึกสับสน ใน
เวลากลางวันผมจะส่งหมวดทหารม้ายานเกราะออกไปลาดตระเวน ยกเว้น
รถถังเชอริแดน ๒ คัน เสียงของเครื่องยนต์บวกกับขนาดของยานเกราะ
สามารถท�ำให้ข้าศึกเสียขวัญได้ ส่วนในเวลากลางคืนผมส่งชุดลาดตระเวน
ออกไปข้างนอก โดยเก็บหมวดทหารม้ายานเกราะไว้ทฐี่ านเผือ่ มีเหตุการณ์
ฉุกเฉิน การทีม่ ที หารเข้ามาเพิม่ ท�ำให้ผมได้นอนน้อยลงไปเยอะมาก เพราะ
ต้องลงไปควบคุมการปฏิบัติของลูกน้อง
ทุ ก พื้ น ที่ ร อบ ๆ หมู ่ บ ้ า นทรองแลมมี ก ารเคลื่ อ นไหวมากขึ้ น
พวกเวียดกงพยายามท�ำทุกอย่างเพื่อที่จะลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล
เวียดนามใต้ ผมสงสัยว่าหมวดของผมน่าจะเป็นหน่วยทหารที่เผชิญกับ
สถานการณ์รบมากที่สุดแล้วในกองพลน้อยส่งทางอากาศที่ ๑๗๓
บรรยากาศของสงครามยังคงแผ่ไปทั่วทุกมุมรอบ ๆ หมู่บ้าน
ผมและลูกน้องจึงพยายามตื่นตัวอยู่เสมอเพราะรู้ว่าไม่ช้าไม่นานพวก
เวี ย ดกงคงท� ำ การบุ ก อี ก รอบ และผมก็ ยั ง ไม่ มั่ น ใจว่ า จะพึ่ ง พาทหาร
เวียดนามใต้ที่มาอยู่ในหมู่บ้านได้มากน้อยแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นหน่วย
ทหารบางส่วนของรัฐบาลเวียดนามใต้ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการของ
ผมแล้วในเวลานี้ ในฐานะที่เป็นผู้บังคับหมวดในสถานการณ์รบแบบนี้
ผมต้องจัดการกับปัญหามากมาย หนึ่งในนั้นคือการที่จะต้องประสาน
การใช้ทรัพยากรจ�ำนวนมากในพื้นที่ปฏิบัติการอันจ�ำกัด ซึ่งผมมองว่า
มันเป็นลางแห่งความหายนะ
คืนวันหนึ่งซึ่งมีแสงสว่างจากแสงจันทร์ร�ำไร ผมได้รับวิทยุจาก
หมูท่ ไี่ ปท�ำการออกซุม่ “แทงโก โรมิโอ ๒๖ จาก แทงโก โรมิโอ ๒๑ เปลีย่ น”

123
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

“โรมิโอ ๒๖ เปลี่ยน” ผมตอบด้วยเสียงกระซิบผ่านวิทยุ ชุด


ลาดตระเวนซึ่ ง เป็ น หมู ่ เ ดิ ม ของหมวดผมได้ ต รวจพบกลุ ่ ม คนซึ่ ง ก� ำลั ง
เคลื่อนที่บนสันเขาห่างจากจุดซุ่มไปหลายร้อยเมตรซึ่งสามารถมองเห็น
ผ่านกล้องส่องเวลากลางคืนได้ ผมเช็กต�ำแหน่งของลูกน้องทีอ่ อกไปปฏิบตั ิ
หน้าที่ปรากฏว่าต�ำแหน่งที่ชุดลาดตระเวนรายงานมาไม่ใช่ต�ำแหน่งของ
ลูกน้องเรา แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ เลยวิทยุไปเช็กกับทั้ง
กองร้อยและกองพันดูและได้รบั การยืนยันว่าไม่มหี น่วยทหารอเมริกนั หรือ
ของกองทัพเวียดนามใต้อยูใ่ นบริเวณทีผ่ มสงสัย เมือ่ เป็นทีแ่ น่ใจแล้วว่าไม่ใช่
ฝ่ายเราแน่นอน ผมเลยสั่งการต่อไป “ให้พลซุ่มยิงยิงก่อน จากนั้นก็เปิด
ฉากยิงทั้งหมด ให้ยิงเพื่อสังหารเลย” ความจริงการยิงก็เพื่อสังหารอยู่แล้ว
ไม่จำ� เป็นต้องพูดยิงเพือ่ สังหารเลย แต่มนั ติดปากและก็สะท้อนบางอย่างว่า
จริง ๆ แล้วผมเองก็ไม่ได้มั่นใจ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ว่าเป้าหมายที่ก�ำลังสังหาร
เป็นข้าศึกจริง ๆ ไม่นานหลังจากสั่งการไปแล้ว ผมก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น
หนึง่ นัดและหลังจากนัน้ ก็เป็นเสียงของปืนเล็กยาว ลูกระเบิดขนาด ๔๐ มม.
และจรวดต่อสู้รถถังขนาดเบา เป็นเวลาประมาณ ๑๕ วินาที
แล้วเสียงที่ไม่คาดคิดก็ดังมาทางวิทยุ “หยุดยิง ๆ คุณก�ำลังฆ่า
พวกเรา” ผมตกใจมากรีบสั่งการไปทางวิทยุ “๒๑ จาก ๒๖ หยุดยิง”
ผมว่าชุดลาดตระเวนคงได้ยินเสียงร้องให้หยุดยิงตั้งแต่แรกและก็ท�ำการ
หยุดยิงไปแล้ว และก็ได้ยินเสียงตามวิทยุเข้ามา “แม่งเอ๊ย! พวกเขาตาย
แล้ว”
“จากแทงโก โรมิโอ ๒๖ รายงานตัวด้วยเปลี่ยน” ผมตอบวิทยุ
ไปด้วยน�้ำเสียงที่ขาดความมั่นใจไปพอสมควร ประมาณ ๓๐ นาทีต่อมา
เรื่องราวทั้งหมดจึงกระจ่าง เป้าหมายที่ชุดลาดตระเวนตรวจพบคือหน่วย
ทหารของรัฐบาลเวียดนามใต้ที่มีที่ปรึกษาชาวอเมริกันอยู่ด้วยได้เดินออก
124
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

นอกเส้นทางที่ควรไปเป็นระยะทางถึง ๒,๕๐๐ เมตร โดยที่ไม่ได้มีการ


รายงานภารกิจให้ใครทราบเลย และชาวอเมริกนั คนนัน้ ทีไ่ ปด้วยก็ไม่เอะใจ
เลยว่าการโต้ตอบทางวิทยุที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับตรวจพบกลุ่มบุคคล
เคลื่ อ นที่ ใ นเวลากลางคื น จะเกี่ ย วข้ อ งกั บ พวกเขา เมื่ อ การยิ ง จบลง
ปรากฏว่า มีผู้เสียชีวิต ๑ นาย และบาดเจ็บสาหัส ๒ นาย
ผมไม่ได้มีโอกาสเจอทหารอเมริกันคนนั้น ถ้าเจอคงจะอดที่จะ
โกรธเขาไม่ได้ เพราะสิ่งที่เขาท�ำ พวกทหารเขาไม่ท�ำกันโดยเฉพาะการ
เดินหลงในเวลากลางคืนท่ามกลางสมรภูมิรบ ผมสั่งให้ยิงใส่คนเหล่านั้น
เพราะความผิดพลาดของที่ปรึกษาชาวอเมริกันคนนั้นแท้ ๆ ได้ข่าวว่า
เป็นนายทหารด้วย และเรือ่ งแบบนีไ้ ม่สมควรมีใครตาย ในสมรภูมริ บเดิมพัน
สู ง มาก หากตั ด สิ น ใจผิ ด มั น หมายถึ ง ความเป็ น ความตายของคนและ
ผลประโยชน์ชาติด้วย ที่ส�ำคัญมันย้อนกลับไปไม่ได้
ถนนจากหมู่บ้านทรองแลมมายังฐานระยะทางประมาณ ๔,๐๐๐
เมตร คดเคี้ยวไปมาและมาบรรจบกับถนนหมายเลข ๑ ซึ่งเป็นเพียงถนน
เส้นเดียวในเวียดนามทีล่ าดยางมะตอย รัฐบาลเวียดนามใต้ไม่ตอ้ งส่งเสบียง
อะไรไปดูแลคนในหมู่บ้านมากเพราะพวกเขาอยู่กันเองได้ แต่หลังจาก
หมู่บ้านโดนถล่ม รัฐบาลต้องส่งวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างมาช่วย และนั่น
หมายถึงงานที่เพิ่มขึ้นเพราะต้องมีการเก็บกู้กับระเบิดในเขตรับผิดชอบใน
เวลาที่รถขนส่งอุปกรณ์ก่อสร้างมาถึง
มันเป็นภารกิจที่น่าเบื่อและอันตรายมาก ทหารที่เข้าไปเก็บกู้
ถ้าเจอลูกระเบิดต้องเข้าไปใกล้มาก ๆ และต้องสัมผัสมันเพื่อท�ำการเก็บกู้
อีกทัง้ เราจะเปลีย่ นเส้นทางก็ไม่ได้ ท�ำให้ทหารทีท่ ำ� การเก็บกูร้ ะเบิดระหว่าง
ทางมีความเสี่ยงที่จะถูกซุ่มโจมตี เพื่อแก้ปัญหานี้เราต้องมีชุดลาดตระเวน

125
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

และซุ่มโจมตีไว้คอยคุ้มกันด้วย กฎข้อหนึ่งของการเดินลาดตระเวนคือ
เราจะไม่เดินซ�้ำทางเดิมในห้วงเวลาใกล้กัน แต่ในภารกิจคุ้มกันนี้ เราไม่มี
ทางเลือก ผมต้องคิดค้นวิธีการต่าง ๆ เพื่อใช้ในภารกิจคุ้มกันนี้ ความจริง
มันก็มีความเสี่ยงที่ทหารของเราจะถูกโจมตีได้ทุกเมื่อแม้ว่าพวกเราจะ
คิดว่าท�ำอย่างรอบคอบแล้วก็ตาม เป็นเรือ่ งตลกทีพ่ วกเราพยายามคุม้ กันรถ
ที่มาส่งวัสดุที่ใช้ในการซ่อมแซมบ้านให้กับหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยเด็กผู้หญิง
และคนชรา เพราะสามีของพวกเธอออกไปรบและอาจเป็นทหารเวียดกง
ที่พร้อมจะมาลอบสังหารเราได้ทุกเมื่อถ้าเผลอแม้แต่นิดเดียว
ภารกิจเก็บกู้วัตถุระเบิดนี้ท�ำเอาลูกน้องผมเสียขวัญไปไม่น้อย
พวกเขารู้ว่ามันเสี่ยงมากและก็รู้ด้วยว่าการที่รัฐบาลของเวียดนามใต้สั่งให้
ส่งวัสดุก่อสร้างมาซ่อมแซมหมู่บ้านนี้ มันเป็นส่วนหนึ่งของเกมการเมือง
ซึ่งคนที่มีทางเลือกจะไม่มีทางมาอยู่ในที่แบบนี้แน่นอน
ผมเองก็ตอ้ งร่วมไปกับลูกน้องในภารกิจเก็บกูร้ ะเบิดแบบเดียวกับ
การร่วมลาดตระเวนและซุ่มโจมตี บางครั้งก็ไม่พบอะไร แต่บางครั้งก็พบ
ระเบิดที่มีขนาดใหญ่พอที่จะท�ำให้รถหุ้มเกราะขนาดเล็กระเบิดเป็นชิ้น ๆ
ได้ มีครัง้ หนึง่ พวกเราท�ำการกวาดล้างเก็บกูร้ ะเบิดไปตามทางจนไปบรรจบ
กับหน่วยทหารข้างเคียงและในตอนขากลับก็ตรวจเจอทุ่นระเบิดดักรถถัง
๑ ลูก และทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอีก ๒ ลูก การ์ดตกไม่ได้เลยที่นี่ ไม่งั้น
ไม่รอดแน่
หมวดยานเกราะหรื อ ทหารม้ า ที่ ม าช่ ว ยพวกเราในการปะทะ
ที่ผ่านมาก็ได้รับภารกิจเพิ่มเติมคือการขนส่งวัสดุอุปกรณ์ส�ำหรับการ
ก่อสร้างไปที่หมู่บ้านทรองแลม และดูเหมือนเพื่อนของผม ลารี่จะมี
ความภูมิใจกับการได้เป็นผู้หมวดทหารม้าในสถานการณ์แบบนี้ แต่ในอีก

126
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ด้านหนึง่ ในภารกิจแฝงแบบนีเ้ ขาเองก็ไม่คอ่ ยสบายใจนักเพราะเห็นลูกน้อง


เขาหลายคนมีสหี น้าเริม่ เบือ่ กับงานขนวัสดุกอ่ สร้าง แต่ยานเกราะส่วนหนึง่
ก็ยงั คงช่วยในภารกิจเก็บกูร้ ะเบิด แต่มนั ก็ทำ� ความเสียหายให้กบั พืชไร่ของ
ชาวบ้านจนผมต้องหยุดใช้มัน
เจ็ ด วั น หลั ง จากการปะทะ ก� ำ ลั ง ของหมวดผมเริ่ ม ลดลง หมู ่
ทหารราบที่มาสมทบต้องกลับไปที่หน่วยเดิม ถึงแม้ผมจะไม่แยแสทหาร
ที่วินัยแย่ ๆ อย่างไพรเซอร์ แต่การที่มีก�ำลังลดลงท�ำให้ผมใจแป้วไป
เหมือนกัน แม้กระทั่งหมวดรถถังของลารี่เพื่อนผมก็ได้รับค�ำสั่งเตือนให้
ไปท�ำภารกิจอื่นหลังจากเสร็จจากการลากหลังคาสังกะสีไปให้หมู่บ้าน
ทรองแลมอีกหนึ่งครั้ง
ผมวางแผนกิ น ข้ า วกั บ เพื่ อ นอี ก ครั้ ง หนึ่ ง ก่ อ นที่ เขาจะจากไป
ในห้วงไม่กวี่ นั มานีผ้ มว่าผมท�ำอาหารเก่งขึน้ เมนูเด็ดคือการตักเอาซุปถัว่ กับ
ลูกชิน้ เนือ้ ออก ๑ ใน ๕ แล้วผสมด้วยชีสกระป๋อง แครกเกอร์ และซอสพริก
ตบท้ายด้วยของหวานคือเค้กกระป๋องราดหน้าด้วยแยมบลูเบอรี่
สักพักมีวทิ ยุเข้ามาขัดจังหวะการเตรียมอาหารของผม “คาราวาน
คอลเลอร์ ๕๑ จาก คาราวาน คอลเลอร์ ๖๒ เปลี่ยน” เป็นเสียงของจ่า
กองร้อยซึ่งปกติเขาจะไม่เรียกเข้ามาในข่ายวิทยุนี้ ผมตอบวิทยุกลับไป
“คาราวาน คอลเลอร์ ๕๑ เปลี่ยน” “จาก ๖๒ มีข่าวร้ายมาบอกครับ
เพื่อนของคุณเสียชีวิตแล้วจากยานเกราะทับทุ่นระเบิด ก�ำลังพลในรถ
เสียชีวิตทั้งหมด” ผมตกใจ ถามต่อไปว่า “ลักษณะบาดแผลเป็นอย่างไร”
ค�ำถามนี้ดูเหมือนจะส�ำคัญกับผมมากราวกับว่ามันจะเป็นภาพสุดท้าย
ในความทรงจ�ำผม

127
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

“จาก ๖๒ ไม่มีรอยบาดแผลบนร่างกายเลยแต่ใบหน้าสีเขียวช�้ำ
คงโดนแรงอัดมาก”
“จาก ๕๑ รับทราบ เปลี่ยน” ผมตอบวิทยุเป็นทางการมาก
“เสียใจด้วยครับ ผมทราบว่าเขาเป็นเพื่อนคุณ”
“จาก ๕๑ ทราบ เลิกติดต่อ”
ผมวางวิทยุลงและกินอาหารต่อไป น�้ำซุปที่เดือดก�ำลังจะล้นไป
ดับไฟที่ก�ำลังลุกไหม้ ผมรีบตักส่วนที่ล้นออก และกินคนเดียวเงียบ ๆ
ลารี่เคยบอกว่าเขามีแฟนรออยู่ที่สหรัฐ แฟนเขาคงไม่ต้องรอแล้วเพราะ
ลารี่จากไปโดยไม่มีวันหวนกลับ ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเสียชีวิตในขณะที่
ก�ำลังลากแผ่นหลังคาสังกะสีไปทีห่ มูบ่ า้ นทรองแลม ผมเอาน�ำ้ ร้อนทีเ่ ตรียม
ส�ำหรับกินกาแฟกับเขาเทดับไฟที่ก�ำลังลุกไหม้

128
บทที่ ๑๓
ทหารราบธรรมดา ๆ คนหนึ่ง

การท�ำหน้าที่ที่เวียดนามโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่เสี่ยงต่อ
การปะทะเช่นนีจ้ ติ ใจผมไม่คอ่ ยสงบสักเท่าไหร่ เพราะไม่รวู้ า่ จะมีคนเอาปืน
มาไล่ยงิ เราตอนไหน ในช่วงครึง่ หลังของเดือนตุลาคม ฝ่ายเวียดกงยังคงหา
ยุทธวิธีต่าง ๆ เพื่อมาเล่นงานเรา แต่พวกมันก็ยังไม่กล้าออกมาเผชิญหน้า
กั บ เราโดยตรงเพราะผลจากการปะทะคราวที่ แ ล้ ว แต่ อั น ตรายมี ทุ ก
หย่อมหญ้า การก้าวพลาดไปนิดเดียวอาจหมายถึงอันตรายถึงชีวติ ได้ ข้าศึก
ยังคงหาทางเล่นงานพวกเราต่อไป ข้าศึกยังสามารถทีจ่ ะยิงอาวุธใส่พวกเรา
ที่ฐานจากระยะ ๕๐๐ - ๖๐๐ เมตรได้ หรือแม้กระทั่งในระหว่างการเดิน
ลาดตระเวน ซึง่ หากถูกโจมตีดว้ ยกระสุนวิถโี ค้ง พวกเราจะตอบโต้ดว้ ยอาวุธ
ประจ�ำกาย, ปืนกล เอ็ม-๖๐ หรือแม้กระทั่งด้วยปืน เอ็ม-๗๙ ก็ยาก จะมี
ก็แต่กระสุนวิถีโค้งจากเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด ๘๑ มม. ณ ที่บังคับการ
กองร้อยที่จะสามารถจัดการกับข้าศึกได้ แต่กว่าจะเสร็จจากการขอ
ยิ ง ข้ า ศึ ก ก็ ค งเผ่ น ไปก่ อ นแล้ ว เพราะกองร้ อ ยต้ อ งตรวจสอบก่ อ นว่ า
ต�ำแหน่งที่เราอยากให้เขายิงช่วยอยู่ใกล้หมู่บ้านแค่ไหน ถึงแม้ว่าข้าศึก
จะยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไหร่ในระยะที่ห่างจากพวกเรามาก ๆ แต่
ถ้าหากพวกเราบาดเจ็บแค่วันละหนึ่งคน ในเวลาเพียงหนึ่งเดือนก�ำลังพล

129
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ในหมวดก็จะลดลงจนน่าเป็นห่วงและขวัญก�ำลังใจก็จะตกต�่ำ แต่ทหาร
อเมริกนั มีความสามารถพิเศษคือ จะไม่ปล่อยให้ตวั เองไม่มคี วามสุขในแต่ละ
วัน คือจะมีลักษณะนิสัยคล้ายพลวิทยุฟิล เนล ที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งตอนนี้
ก�ำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
วันนี้เป็นวันที่บรรยากาศสดใสอีกวันหนึ่ง หนานทหารเวียดกง
กลับใจที่มาประจ�ำอยู่กับเราก็นั่งลงพักผ่อนพร้อมกับเปิดกระป๋องพีชกิน
ผมรู้เลยว่าเขาก�ำลังคิดถึงหญิงหม้ายรูปร่างท้วมซึ่งเขาเจอขณะที่เธอก�ำลัง
ท�ำงานอยู่ในหมู่บ้าน ส่วนรองผู้บังคับหมวดเฮอร์นานเดซ และทหารอีก
ส่วนหนึ่งก�ำลังท�ำการเก็บกระสุนส�ำรองไว้ในโพรงเล็ก ๆ ที่เพิ่งขุดที่ด้าน
ข้างของเนินในฐาน และชุดลาดตระเวนที่เพิ่งกลับเข้าฐานก็ก�ำลังเตรียม
อาหารของตน ส่วนผมก�ำลังสัมภาษณ์ทหารนายหนึง่ ทีเ่ พิง่ เข้ามาประจ�ำการ
ที่ฐาน คือ พลทหารสตีฟ ฟริกเกอร์ จากเมืองไมนอท์ รัฐนอร์ท ดาโกต้า
ฟริกเกอร์เป็นคนที่มีลักษณะทหารที่ดี ฉลาด ปราดเปรียว แต่มีอย่างหนึ่ง
ที่ผมเป็นห่วงคือเขากินมังสวิรัติ ผมบอกเขาว่า “อาหารที่เรามีส่วนมาก
เป็นพวกเนื้อสัตว์นะ” เขาตอบ “ไม่มีปัญหาครับผู้หมวด เดี๋ยวผมจัดการ
เรื่องนี้เองว่าพอจะมีอะไรที่กินได้บ้าง เห็นมีคนบอกว่าแถวนี้มีกล้วย
พันธุ์เตี้ยลูกเล็กแต่อร่อยมากอยู่นะครับ”
ในขณะที่ ผ มก� ำ ลั ง คิ ด ว่ า จะหาทางแก้ ป ั ญ หาของทหารนายนี้
อย่างไร จู่ ๆ ก็มีห่ากระสุนพุ่งเข้าใส่พวกเรา ผมกับฟริกเกอร์รีบโดดลง
ที่หลุมที่ขุดไว้จนหัวเราเกือบชนกัน ส่วนหนานก็รีบพุ่งลงมาหลบกับเรา
ท�ำให้พีชกระป๋องที่เขาก�ำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยหกรดพวกเราไปด้วย “บ้า
เอ๊ยหนาน” ผมบ่นเล็กน้อย ส่วนฟริกเกอร์ก็เลียนิ้วมือในขณะที่กระสุนอีก
ชุดกระทบกองดินข้าง ๆ หนานโมโหมาก ไม่เพียงแต่กระป๋องพีชของเขา
จะหกหมด ความฝันกลางวันของเขาเกี่ยวกับหญิงหม้ายคนนั้นต้องพลอย
130
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

จบลงไปด้วย เขาด่าพวกเวียดกงที่ยิงเข้ามาเป็นภาษาเวียดนาม เนื่องจาก


ผมไม่สามารถใช้อาวุธประจ�ำกายยิงตอบโต้ได้ เลยลองใช้สงครามจิตวิทยา
ดูโดยให้หนานลองด่ากลับไปเป็นชุด พอเขาด่ากลับไปพวกนั้นก็ยิงเข้า
มาอีกแต่ยิงสะเปะสะปะไม่โดนอะไร ทหารอเมริกันก็ไม่น้อยหน้าตอนนี้
ร่วมกันด่าประสานเสียงกลับไป ข้าศึกคงตกใจไม่เคยเจอแบบนี้และคงไม่รู้
ว่าจะท�ำอย่างไรต่อ ก็เลยล่าถอยกลับไป
หลังจากรู้จุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม ผมก็คิดค้นแผนการตอบโต้
ในกรณี ที่ โ ดนโจมตี แ บบนี้ อี ก และซั ก ซ้ อ มแผนกั บ ผู ้ บั ง คั บ หมู ่ ทั้ ง หมด
โดยในขั้นแรกหลังจากที่โดนซุ่มยิงให้ระดมด่ากลับด้วยค�ำหยาบต่าง ๆ
เพื่อให้ข้าศึกขาดสมาธิ ในขณะเดียวกัน ให้ทหารที่ยิงปืนแม่นที่สุดในหมู่
พยายามมองหาแหล่งที่มาของกระสุนแล้วยิงเข้าไป พร้อมกันนี้ผมก็จะ
ให้ก�ำลังอีกหนึ่งหมู่ท�ำการโอบล้อมเข้าไปและไล่ให้ข้าศึกออกจากที่ก�ำบัง
เมื่อข้าศึกวิ่งออกมา พลแม่นปืนประจ�ำแต่ละหมู่ก็เลือกยิงเป้าหมายได้
เลย พวกเวียดกงหลงกลกับลูกเล่นของเราประมาณ ๓ - ๔ ครั้งก่อนที่จะ
รู้ตัว ส่วนตัวผมรู้สึกพอใจที่รู้ว่าข้าศึกที่แสนจะเจ้าเล่ห์ สุดท้ายก็ถูกเรา
เล่นงานได้เหมือนกัน พวกมันคงโกรธและรูส้ กึ เสียหน้าทีโ่ ดนพวกเราหลอก
ช่วงหลัง ๆ ก็เลยปรับกลยุทธ์ใหม่ คือต่อให้ถูกยั่วแค่ไหนก็จะนิ่งไม่ตอบโต้
พวกเวียดกงคงหวังผลอย่างอืน่ ด้วยถึงไปท�ำแบบนี้ เรือ่ งหนึง่ คืออยากท�ำให้
คนในหมูบ่ า้ นเห็นว่าพวกมันก็มนี ำ�้ ยาเหมือนกัน ฝ่ายรัฐบาลของเวียดนามใต้
ก็พยายามรักษาหน้าตัวเองเช่นกัน โดยพยายามท�ำให้สงั คมเห็นว่าสามารถ
รักษาหมู่บ้านไว้ได้โดยเฉพาะที่ทรองแลม และได้มีการส่งชุดปฏิบัติการ
พิเศษเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อช่วยในการสร้างบ้านเรือนด้วย พวกนี้จะ
คล้าย ๆ กับชาวอเมริกันที่ออกไปช่วยชาวบ้านในประเทศต่าง ๆ ของ
โครงการวิสต้าแอนด์พีซคอร์ (Vista and Peace Corps) ซึ่งส่วนมาก

131
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

จะเป็นเด็กหนุ่มสาวที่มีจิตใจที่ดีงาม มีอุดมการณ์ แต่แตกต่างกันก็ตรงที่


พวกที่เข้ามาในหมู่บ้านที่จังหวัดบินดินจะพกพาอาวุธมาด้วย ซึ่งบอกเป็น
นัยว่า แนวความคิดของชาวอเมริกันเกี่ยวกับโครงการวิสต้าแอนด์พีซคอร์
น่าจะไม่ประสบความส�ำเร็จที่นี่
พวกทีร่ ฐั บาลของเวียดนามใต้สง่ มาช่วยสร้างหมูบ่ า้ นมีดว้ ยกัน ๑๓
คน เป็นชาย ๑๒ คน และหญิงอีก ๑ คน ผมอนุญาตให้ท�ำงานได้เฉพาะ
ในเวลากลางวันภายใต้การคุ้มกันจากพวกผมและต้องเข้าไปพักในฐานใน
เวลากลางคืน ผมกางเต้นท์เล็ก ๆ ให้อยู่กลางฐานและแบ่งแนวคูป้องกัน
ให้ส่วนหนึ่งไว้เป็นที่หลบเผื่อโดนโจมตีจากพวกเวียดกง ผู้หญิงหนึ่งคน
ที่มาด้วยนั้นแต่งงานกับผู้ชายหนึ่งใน ๑๒ คนที่มาช่วยซ่อมแซมหมู่บ้าน
เธอท�ำงานเช่นเดียวกับพวกผู้ชายในตอนกลางวัน สักพักก็ต้องไปเตรียม
อาหารให้ทกุ คน เธอเตรียมอาหารในหมูบ่ า้ น แต่ในเวลากลางคืนผมอนุญาต
ให้เธอไปนอนกับสามีในฐานได้ เธอหน้าตาดีและเป็นผูห้ ญิงเพียงคนเดียวที่
ผมอนุญาตให้เข้ามาในฐาน แต่พวกทหารเราไม่ชอบใจเลยซึ่งผมเองก็ไม่มี
ทางเลือกในตอนนั้น พวกเวียดกงสามารถใช้เธอเป็นจุดอ่อนในการเข้าถึง
ตัวสามีเธอได้ แต่ผมปล่อยให้เธออยู่คนเดียวไม่ได้แน่ ๆ
รองผู้บังคับหมวด ผม จ่าเฮอร์นานเดซก็ไม่ชอบใจในสิ่งที่ผมท�ำ
เหมือนกัน โดยเฉพาะการน�ำพวกที่รัฐบาลเวียดนามใต้ส่งมาทั้ง ๑๓ คน
มาพักในฐาน อีกทั้งเขาไม่เคยชอบแนวคิดของรัฐบาลเวียดนามใต้ที่ส่ง
คนมาช่วยสร้างหมู่บ้านเลย “เป็นความคิดที่โง่สิ้นดี” นั่นเป็นค�ำพูดของ
เขา หนานก็เป็นอีกคนที่ไม่ชอบแนวคิดนี้ “เป็นอะไรหรือหนาน” ผมถาม
เขา “ผมไม่ชอบใจเลย ระแวงว่าจะมีพวกเวียดกงแฝงตัวมา” ค�ำเตือน
ของหนานท�ำให้พวกเราต้องระวังมากขึ้น ในขณะที่เวรยามในแต่ละผลัดก็

132
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เฝ้าระวังเหตุที่จะมาจากภายนอก ผม จ่าเฮอร์นานเอซ และหนานก็


เฝ้าจับตาดูทั้ง ๑๓ คนที่มาพักในฐานเรา
คืนวันหนึ่งเวลาประมาณ ๒๓๐๐ สามีของผู้หญิงชาวเวียดนาม
คนนั้นซึ่งมีรูปร่างที่เล็กก็คลานช้า ๆ ไปที่บังเกอร์ที่เราเก็บกระสุน จ่า
เฮอร์นานเดซซึ่งแอบอยู่เงียบ ๆ ในความมืดก็ไม่ได้กระโตกกระตากอะไร
ปล่อยให้เขาเข้าไปในบังเกอร์แล้วก็มาตามผม “ผู้หมวดตื่นเถอะ ไอ้พวก
เวียดนามที่มาพักกับเราก�ำลังก่อเรื่องครับ” “เกิดอะไรขึ้น” ผมถาม
“ไอ้เตี้ยนั่นมันเข้าไปในบังเกอร์ที่เก็บกระสุนครับ” ใจผมนึกถึงกระสุนที่
พวกเราเก็บไว้ใช้เป็นเวลา ๓ วัน ถ้ามันระเบิดก็จะท�ำให้ฐานได้รับความ
เสียหายไม่น้อยเลยทีเดียว ยังไม่นับแรงอัดมหาศาลที่จะท�ำให้พวกเรา
บาดเจ็บเสียชีวติ ได้ ผมใช้เท้าสะกิดให้หนานตืน่ แล้วพวกเราก็คลานเข้าใกล้
บังเกอร์อย่างช้า ๆ ผมมองเข้าไป เห็นมีคนก�ำลังเอาฝักแคระเบิดพันรอบ
ลังบรรจุดินระเบิด ฝักแคระเบิดดังกล่าวมีอานุภาพร้ายแรงมาก ถ้าใช้พัน
รอบต้นไม้แล้วจุดระเบิดสามารถท�ำให้ต้นไม้ล้มได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า
ผู้ชายข้างในบังเกอร์ประสงค์ดีหรือร้ายกับพวกเรา ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
ที่อื่นที่ไม่ใช่คลังแสงของพวกเราผมคงยิงไปแล้ว แต่นี่ผมกลัวว่าคลังแสง
อาจระเบิดไปด้วยผมให้สัญญาณจ่าเฮอร์นานเดซ แล้วก็พุ่งเข้าไปล็อกคอ
เขาไว้กับพื้น
ตอนนีเ้ ขากลายเป็นเชลยสงครามของพวกเราไปแล้ว ผมให้หนาน
ท�ำหน้าที่เป็นล่ามสนามในการซักถาม หนานโกรธมากที่มีพวกเวียดกง
เข้ามาในฐานของพวกเราได้ ค�ำถามถูกยิงออกไปเป็นชุด เช่น เป็นใคร
มีวัตถุประสงค์อะไรที่ท�ำอย่างนี้ และมีพวกของมันอีกกี่คนในบรรดา
๑๓ คนที่มาที่นี่ แผนการคืออะไรและมาจากไหน เป็นต้น เวียดกงรายนี้
ไม่ ไ ด้ มี อ าการหวาดกลั ว แต่ อ ย่ า งใด เขาตอบค� ำ ถามเราแค่ บ างส่ ว น
133
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เท่านั้นเอง หนานที่ทำ� หน้าที่เป็นล่ามก็คงจะไม่เข้าใจค�ำถามที่ผมระดมยิง


ออกไปเต็มที่นักและเชลยคนนี้ก็ตอบค�ำถามวกไปวนมา
ผมเลยหยุดการสอบสวนชั่วคราว ขยับเข้าไปใกล้ ๆ เผื่อว่าเขาจะ
เข้าใจค�ำถามมากขึ้น แต่เชลยคนนี้พยายามจะท�ำหน้าที่ของเขาขั้นสุดท้าย
ให้สมบูรณ์ โดยเอาใบมีดโกนที่เขาซ่อนไว้ในฝ่ามือพยายามปาดคอผม
ตอนที่พวกเราค้นตัวเขาก็ไม่เจอสิ่งนี้ ผมไหวตัวทันคว้ามือเขาไว้และบิดมือ
จนใบมีดหล่นที่พื้น ด้วยความโกรธผมขย�้ำคอเขาด้วยมือทั้งสองข้าง จน
หน้าเขาเปลีย่ นสี ผมกะจะเอาให้ตายคามือ จ่าเฮอร์นานเดซรีบตะโกนบอก
“หมวดครับ หมวดก�ำลังจะฆ่าเขา เราท�ำอย่างนั้นไม่ได้” พร้อมกับดึงผม
ออกมา เชลยชาวเวียดนามคนนั้นเริ่มหายจากความกลัว
ส่วนผมสติก็กลับมาพร้อมกับสั่งให้มัดเขาไว้และก็ปลุกให้ลูกน้อง
ในฐานตื่นให้หมดเตรียมพร้อมรับมือการโจมตีจากข้าศึกซึ่งน่าจะบุกคืน
นี้ ผมมั่นใจว่าข้าศึกจะจู่โจมคืนนี้และสั่งให้ชุดลาดตระเวนให้กลับมาที่
ฐานทันทีและให้ระวังการซุ่มโจมตีระหว่างทางด้วย ผมสั่งให้น�ำเอาพวก
เวียดนามทั้งหมด ๑๓ คนไปไว้ที่บังเกอร์ใต้ดินและมัดคู่สามีภรรยาไว้
เมือ่ ชุดลาดตระเวนกลับมาถึงฐานผมก็นบั ยอดและน�ำเข้ามาทีฐ่ าน ผมต้อง
นับเองเพราะไม่มนั่ ใจว่าจะมีพวกเวียดกงแอบแฝงเข้ามาท่ามกลางความมืด
หรือไม่
ข้าศึกเริ่มบุกเวลา ๐๑๐๐ แต่เราก็พร้อมแล้ว เราใช้กล้องส่อง
ในเวลากลางคืนและเห็นคน ๕ คนก�ำลังผ่านแนวลวดหนามเข้ามา พวกมัน
มีความช�ำนาญมาก ไม่ว่าลวดหนามจะหนาแน่นสักเพียงใดก็ผ่านเข้ามา
ได้ พอเข้ามาได้ระยะ ผมก็สั่งให้หมู่ด้านนั้นยิงพลุส่องสว่าง เราสังหาร
ข้าศึกทั้งหมดทันทีและรอประมาณ ๓๐ วินาทีดูว่าข้าศึกจะตอบโต้อย่างไร

134
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ข้าศึกรูต้ วั แล้วว่าแผนการทีว่ างไว้ลม้ เหลว ผมก็ไม่รอช้ารีบวิทยุแจ้งกองร้อย


ให้ทราบทันที แต่ใจหนึ่งก็หวั่นใจเพราะพวกข้าศึกก็เก่งในการดักฟังวิทยุ
อย่างมาก อีกไม่กี่อึดใจ ห่าระเบิดของกระสุน เอ็ม-๗๙ ก็ตกมาที่ฐาน
แต่พวกเราหลบอย่างปลอดภัยในคูที่ขุดไว้ ผมต้องชมพวกเวียดกงอย่าง
หนึง่ คือพวกมันใช้อาวุธชนิดนีไ้ ด้คอ่ นข้างแม่นย�ำ พนันได้เลยว่าถ้ามีกระสุน
พอ พวกมันสามารถยิงโดนกระติกสนามได้เลย ต่อจากระเบิด เอ็ม-๗๙
ก็เป็นกระสุนปืนเล็กยาวซึง่ ก็ไม่ได้มผี ลต่อพวกเรามากนัก ยิง่ ข้าศึกยิงเข้ามา
มากเท่าไหร่ก็ยิ่งท�ำให้พวกเราได้เปรียบเพราะท�ำให้รู้ต�ำแหน่งที่ตั้งของ
พวกมันได้ง่าย ผมตะโกนบอกให้ลูกน้องอย่าเพิ่งยิงและให้ยิงเมื่อผมสั่ง
เท่านั้น ข้าศึกอยู่ห่างจากเราออกไปเพียง ๒๕๐ เมตรเท่านั้น ซึ่งก็เป็นการ
ง่ายที่เราจะระดมอาวุธนานาชนิดเข้าใส่
กระสุนปืนใหญ่ส่องสว่างที่ยิงเข้ามาช่วยท�ำให้ท้องฟ้าสว่าง ท�ำให้
ข้าศึกเคลือ่ นไหวล�ำบาก แต่ขา้ ศึกก็เห็นทีต่ งั้ เราได้ถนัดเช่นกัน ในระหว่างนี้
ลูกน้องผม ๓ คนบาดเจ็บเล็กน้อยจากสะเก็ดระเบิด เอ็ม-๗๙ ยิง่ การปะทะ
ยาวนานเท่าไร พวกเราก็ย่ิงจะได้เปรียบเพราะอยู่ในที่ก�ำบังและมีอ�ำนาจ
การยิงที่สูงกว่า ดูเหมือนว่าข้าศึกก็ตระหนักในจุดนี้เช่นกันเลยลดระดับ
การยิงลง พวกมันพยายามจะท�ำให้พวกเรายิงตอบโต้เป็นครั้งสุดท้ายแต่ก็
ไม่เป็นผล เพราะเราจะไม่ทำ� การยิงแบบสะเปะสะปะ มีอยูช่ ว่ งหนึง่ ทีก่ ระสุน
ส่องสว่างขาดช่วง ข้าศึกกลุ่มหนึ่งพยายามวิ่งเข้ามาประชิด แต่เราก็ยิงพลุ
ส่องสว่างแบบกระแทกแล้วยิงกราดซ�้ำ
แผนการของพวกมันน่าจะเป็นการระเบิดคลังกระสุนของพวกเรา
และต่อด้วยการบุกจู่โจมจากทางด้านทิศตะวันออกด้วยหน่วยแซบเปอร์
ซึ่งเป็นหน่วยทหารช่างสนามของพวกเวียดกง พวกนี้พกลูกระเบิดขว้าง
มาเป็นจ�ำนวนมากส�ำหรับท�ำลายเปิดช่องเพื่อให้ก�ำลังส่วนใหญ่บุกเข้า
135
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

หลังจากเหตุการณ์สงบลง เราพบว่าพวกแซบเปอร์นี้มีลูกระเบิดสังหารถึง
๔๙ ลูก และหนึง่ ในนัน้ เป็นคนหนุม่ กล้ามเนือ้ เป็นมัด ๆ ดูแล้วคงมีอดุ มการณ์
สูง เขาแต่งกายด้วยผ้าเตี่ยวผืนเดียวรอบเอว และที่เหน็บในผ้านั้นเป็น
กระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่มีรายละเอียดของฐานเราค่อนข้างจะสมบูรณ์ มี
สัญลักษณ์ที่ตั้งของจ่าเฮอร์นานเดซและบังเกอร์ของผู้บังคับหมวดเขียน
เป็นภาษาเวียดนาม แต่พวกมันคงไม่คาดคิดว่าคนทีย่ ศสูงทีส่ ดุ ในฐานไม่ได้
อยู่ที่นั่น แผนการของพวกมันไม่ประสบความส�ำเร็จตั้งแต่สายลับถูกจับได้
ต่อด้วยหน่วยแซบเปอร์ถูกสังหารทั้งหมด เท่าที่ทราบพวกมันไม่มีความ
ยืดหยุ่นในการท�ำงาน พูดง่าย ๆ คือ ไม่มีแผนส�ำรอง ดังนั้นที่คาดว่า
เมือ่ เริม่ การเข้าตีจะเจอพวกเราทีห่ มดสภาพสะบักสะบอม ก็กลับกลายเป็น
เจอหน่วยทหารทีพ่ ร้อมรบและอยูใ่ นทีม่ นั่ ทีแ่ ข็งแรงแน่นหนา ชะตาพลิกผัน
นิดเดียวซึง่ เป็นสิง่ ทีพ่ วกเวียดกงไม่มที างควบคุมได้ ท�ำให้พวกมันพบความ
ตายแทนที่จะเป็นชัยชนะในคืนนั้น
หลั ง จากที่ พ วกเราประสบความส� ำ เร็ จ ในการยั บ ยั้ ง การเข้ า ตี
ของข้าศึกได้ ต่อไปก็เป็นการเก็บรายละเอียด นัน่ คือการออกติดตามข้าศึก
ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการรบด้วย ผมสั่งเตรียมก�ำลัง ๑ หมู่ปืนเล็ก
เพื่อออกไปติดตามข้าศึกที่น่าจะอยู่บริเวณทางทิศใต้ แต่ได้รับค�ำสั่งจาก
กองร้อยให้ท�ำการตีโต้ตอบ แนวความคิดของการตีโต้ตอบนั้นผมเข้าใจดี
แต่มันมีท้ังข้อดีและข้อเสียส�ำหรับหน่วยทหารขนาดเล็กเช่นหมวดทหาร
ราบเช่นนี้ ถ้าเราท�ำการตีโต้ตอบเต็มรูปแบบฐานก็จะอ่อนแอ อีกทั้งเรา
ยังต้องเผชิญความเสี่ยงทั้งจากการยิงของข้าศึกและจากการยิงของฝ่าย
เดียวกันด้วย
ในขณะที่พวกเราที่มีก�ำลังประมาณหนึ่งหมู่ปืนเล็กเตรียมออก
ไปท�ำการติดตามข้าศึก ผมเห็นคิลลิแกนมาท�ำหน้าที่เป็นพลน�ำทางก็รู้สึก
136
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

โล่งใจ ผมเชื่อว่าไม่มีใครสั่งให้เขามาท�ำหน้าที่นี้ แต่เขาคงคิดว่ามันเป็น


หน้าทีข่ องเขาทีต่ อ้ งท�ำ ในขณะทีช่ ดุ ลาดตระเวนก�ำลังออกไปติดตามข้าศึก
ผมสังเกตเห็นสีหน้าของพวกเขานิ่ง เหมือนพยายามสะกดความกลัวที่มี
อยู่ในใจให้ได้ จริง ๆ แล้วพวกเขาก็น่าเห็นใจไม่น้อย เพราะออกมาท�ำการ
รบเพื่อประเทศของตนโดยที่คนบางส่วนของประเทศก็ไม่เข้าใจ ส่วนพวก
ทีม่ โี อกาสในชีวติ ทีด่ กี ว่าก็ไม่ตอ้ งมารับความเสีย่ งเช่นพวกเขา พวกเขาเป็น
แค่วัยรุ่นอเมริกันเท่านั้นเอง แต่มีความมุ่งมั่นที่จะท�ำหน้าที่ของตัวเองให้
ดีที่สุด คอยดูแลระแวดระวังให้กันและกัน ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ท�ำงาน
ร่วมกับพวกเขา
พวกเราเดินออกผ่านแนวลวดหนามไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
โดยมีคลิ ลิแกนเดินน�ำ แล้วกลับมาทางใต้ของฐาน ผมสัง่ ยุตกิ ารยิงส่องสว่าง
ก่อนจะออกติดตามข้าศึก ผมเดาว่าข้าศึกก�ำลังเสียขวัญและขาดผูน้ ำ� ตัง้ แต่
ถูกพวกเราสังหารไปตอนปะทะช่วงแรก ๆ แต่ถึงอย่างไรเราจะประมาท
ไม่ได้ อีกอย่างพวกเรามีกันแค่ ๘ คน ลักษณะการยิงของข้าศึกบอกอะไร
บางอย่าง อาจเป็นไปได้ว่าข้าศึกก�ำลังเตรียมผละจากการปะทะหรืออาจ
ตรวจจับความเคลื่อนไหวของเราได้และเตรียมจะโอบปีก การเคลื่อนที่
ในเวลากลางคืนนั้นเป็นสิ่งที่ท�ำได้ไม่ง่ายนัก เพราะไม่สามารถรักษาระยะ
ห่างได้เท่าเวลากลางวัน ส่วนมากพวกเราจะเดินชิดกัน ซึ่งมีข้อเสียคือ
หากถูกยิงจากข้าศึก โอกาสที่จะมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็จะสูง ผม
ครุ่นคิดว่าจะปฏิบัติการติดตามไล่ล่าให้ส�ำเร็จได้อย่างไร เหงื่อก็เริ่มออก
มากขึ้น
ในขณะที่ก�ำลังคิดว่าจะท�ำอย่างไรต่อไป ผมก็ได้ยินเสียงกระซิบ
เบา ๆ อยูด่ า้ นหน้าห่างจากพวกเราไปประมาณ ๒๕ เมตร คิลลิแกนก็ได้ยนิ
เขาบอกให้ทั้งหมดหยุดและทุกคนก็อยู่ในท่าหมอบรอดูท่าที ผมเข้าไปหา
137
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

คิลลิแกนเพือ่ หาทีต่ งั้ ของเสียงนัน้ ท่ามกลางความมืดผมมองเห็นพุม่ ไม้และ


ที่โล่งด้านหลัง และเงาตะคุ่มของคน ๙ คน ผมคิดว่าถึงก�ำลังของเราจะ
น้อยกว่าแต่ถ้าใช้อ�ำนาจการยิงอย่างรุนแรงและฉับพลันเราก็น่าจะชนะ
ได้ ผมสั่งให้คิลลิแกนอยู่กับที่และผมก็น�ำลูกน้องมาวางตัวเป็นแนวหน้า
กระดาน
ใจจริงผมไม่อยากจะเอาคนของผมไปเสีย่ งเลย ผมไม่อยูใ่ นอารมณ์
จะฆ่าใคร คืนนี้เราสังหารข้าศึกไปมากแล้ว ก่อนที่ผมจะสั่งอะไรต่อไป
คิลลิแกนสะกิดผมที่แขนบอกให้คอยแป๊บนึง ดูเหมือนเขาจะอ่านใจผม
ออกและไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมก�ำลังจะท�ำ ผมจ้องที่ตาเขาบอกให้รู้ว่าผม
เป็นหัวหน้าและมีหน้าที่ในการตัดสินใจ ส่วนลูกน้องมีหน้าที่ในการปฏิบัติ
ตามค�ำสั่ง ผมไม่อยากคุยหรือเจรจาอะไรกับเขา แต่ดูเหมือนว่าสายตาผม
ทีม่ องเขาจะไม่มผี ลอะไร สักพักเขาก็พดู “ขอผมเช็กดูกอ่ น” ผมไม่สามารถ
จะปฏิเสธค�ำขอนีไ้ ด้ เขาไม่ได้ขอให้ใครไปเสีย่ งอะไรแทนเขา เขาคลานเข้าไป
ดูสถานการณ์อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ผมชื่นชมในความกล้าหาญของเขา
พวกเราที่เหลือคอยอยู่กับที่อย่างใจจดใจจ่อ เหงื่อผมไหลออกมาเต็มหน้า
สายตาก็เกร็งเพ่งไปในความมืดเพื่อสังเกตการณ์ สักพักคิลลิแกนก็คลาน
เข้ามาพร้อมกับบอกว่า “โอเคครับ พวกเราไปกันเถอะ” ผมถามเขาต่อ
“แล้วเป็นเสียงอะไร” เขาตอบสั้น ๆ “ครอบครัวชาวบ้านครับ”
ผมสั่งห้ามยิงแล้วให้เคลื่อนที่ต่อไป ภาพที่พวกเราเจอคือ หญิง
สูงอายุ ๒ คน ชายสูงอายุ ๑ คน ผู้หญิงวัยกลางคน ๑ คน และเด็กอีก
๔ คน หลบอยู่ในบ่อขยะ เด็ก ๆ มองเราด้วยสายตาที่ตกใจกลัว ผมเกือบ
จะฆ่าพวกเขาเสียแล้ว! ภาพที่เห็นมันสะเทือนใจผมเหลือเกิน ไหนบอก
ว่าโครงการหมู่บ้านยุทธศาสตร์ประสบความส�ำเร็จ ชาวบ้านมีความสุข
ปลอดภัย แต่ภาพที่เห็นมันไม่ใช่ ผมในฐานะที่เป็นผู้บังคับหมวดกล้าที่จะ
138
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

สั่งการในสนามรบโดยที่ไม่ยอมเสี่ยงอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่มันอาจจะส่งผลให้


คนบริสุทธิ์เสียชีวิต ส่วนคิลลิแกนทหารยศน้อย กลับกล้าที่จะเสี่ยงตาย
เพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าเป็นข้าศึกจริง ๆ ผมและนายทหารคนอื่น ๆ ถูกฝึก
มาเพื่อที่จะน�ำคนไปรบ ดังนั้นในสนามรบจึงต้องเด็ดขาด ไม่จ�ำเป็นต้อง
ไปฟังความเห็นของลูกน้องก็ได้ แต่ถา้ ท�ำอย่างนัน้ ก็เท่ากับว่าภาวะผูน้ ำ� นัน้
บกพร่องแน่นอน ในกองทัพบกสหรัฐ ลูกน้องมักจะเก่งกว่าหัวหน้าเมื่อ
ลงลึกถึงสถานการณ์ในสนามรบ ในคราวนี้ คิลลิแกนเก่งกว่าผม ผมห่วงเรือ่ ง
ความปลอดภัยของลูกน้องมากจนเกินไปจนลืมนึกถึงเรื่องอื่น ๆ ที่ส�ำคัญ
พอ ๆ กัน นั่นคือชีวิตของผู้บริสุทธิ์อื่น ๆ ในสนามรบผมถือคติที่ว่ายิงก่อน
แล้วค่อยถาม ในหลายกรณีมันก็ได้ผล แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผลก็คือ
ผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิต และผมคงรู้สึกแย่มาก อย่างในกรณีนี้ ถ้าผมสั่งให้
ยิงใส่เลยก็จะท�ำให้ผู้บริสุทธิ์กลายเป็นศพทันที ผมยกเครดิตคราวนี้ให้
คิลลิแกนซึ่งเป็นแค่ “ทหารราบอเมริกันธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง”
ผมจ�ำรายละเอียดในคืนนั้นหลังจากนั้นไม่ค่อยได้ แต่ที่แน่ ๆ เรา
ติดตามข้าศึกไปแต่ไม่เจออะไร เพราะพวกมันหนีกระจายเข้าป่าไปตั้งแต่
ตอนแรก ๆ ของการปะทะ แล้วทิง้ ไว้เฉพาะศพทีไ่ ม่สามารถเอากลับไปด้วย
ได้ ตอนเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ผมส่งผู้บาดเจ็บไปรับการรักษาแล้วรายงาน
ยอดก�ำลังพลให้หน่วยเหนือทราบ เวลาสาย ๆ ก็มีนายทหารระดับสูง
มาเยี่ยมเราที่ฐาน

139
บทที่ ๑๔
ฝนมา

ภายในระยะเวลาเพียงหนึง่ เดือนนับจากการปะทะกันคราวทีแ่ ล้ว


ที่ส่งผลให้พวกเวียดกงเสียชีวิตเป็นจ�ำนวนมาก พวกมันก็พยายามที่จะบุก
ฐานเราอี ก แต่ ก็ ไ ม่ ป ระสบความส� ำ เร็ จ ต้ อ งกลั บ ไปทบทวนแผนและ
รักษาตัวพอสมควร ถึงแม้วา่ ในการปะทะแต่ละครัง้ พวกเราจะสูญเสียน้อย
เมื่อเทียบกับพวกเวียดกงและเทียบกับอัตราการสูญเสียปกติจากการ
ลาดตระเวนและโดนกับระเบิด แต่กม็ ผี ลต่อพวกเราเหมือนกัน ตอนนีก้ ำ� ลัง
ของพวกเราเหลือเพียง ๑๘ นายเท่านัน้ เอง และในจ�ำนวนนีก้ เ็ ป็นทหารใหม่
ซึ่งยังพึ่งพาอะไรไม่ค่อยได้โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในบรรดา
ผู้บังคับหมู่ มีเฉพาะดอนเท่านั้นที่แสดงออกถึงความเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง
รอบินสันก็ยงั มีปญั หาเหมือนเดิม แต่หมูข่ องเขาอยูไ่ ด้เพราะมีคนอย่างบาร์น
ซึ่ ง มี ค วามฉลาดช�่ ำ ชองในด้ า นยุ ท ธวิ ธี คนที่ ม าแทนที่ ห มู ่ เจมส์ ซึ่ ง ได้
รับบาดเจ็บเมื่อต้นเดือนตุลาคมก็มาโดนกับระเบิดบาดเจ็บสาหัส กองทัพ
เลยส่งหมูท่ ลิ เลสมาแทน เดิมหน่วยของหมูท่ ลิ เลสย้ายกลับไปทีส่ หรัฐ แล้ว
แต่สง่ เขามาทีห่ มวดผม ทิลเลสดูจะเนือย ๆ กับการผ่านสมรภูมมิ ามาก ด้วย
ดวงตาใหญ่ ๆ หนวดหยุมหยิม หลังโค้ง ๆ และสีผวิ ทีซ่ ดี เซียวท�ำให้เขาดูแก่
เกินวัยไปมากทั้ง ๆ ที่อายุยังไม่มาก เขาเพิ่งเลยวัยที่กฎหมายสหรัฐ

140
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

อนุญาตให้ดมื่ เหล้าได้เท่านัน้ เอง ส่วนจ่าเฮอร์นานเดซนัน้ ถึงแม้จะพร้อมรบ


ทุกเมือ่ เมือ่ มีสถานการณ์แต่กม็ อี าการเหนือ่ ยล้าจากสงคราม ผมเลยเห็นว่า
พวกเราต้องมีเวลาพักบ้าง
การสูญเสียของเวียดกงในพื้นที่ท�ำให้พวกเรามีโอกาสได้ฟื้นตัว
เหมือนกัน เช่นเดียวกับสภาพลมฟ้าอากาศที่หน้าร้อนเริ่มจะผ่านไปและ
หน้าฝนเข้ามาแทนทีซ่ งึ่ เป็นลักษณะภูมอิ ากาศของแถบนี้ แม้บางครัง้ ฝนจะ
ตกลงมาอย่างหนัก แต่ส่วนมากจะตกปรอย ๆ แต่นาน ส่วนอุณหภูมิก็
ไม่ได้ลดลงมากนัก ร่างกายพวกเราเริม่ คุน้ เคยกับสภาพอากาศและความชืน้
ที่นี่ซึ่งบางช่วงก็เย็นสบาย แต่ถึงอย่างไรในความรู้สึกลึก ๆ พวกเรารู้สึกถึง
ความอ้างว้างโดดเดีย่ วอย่างบอกไม่ถกู แต่เราก็ยงั ออกลาดตระเวนเป็นปกติ
เหมือนเดิม และถึงแม้วา่ ข้าศึกจะอ่อนล้าไปบ้างจากการปะทะ แต่กย็ งั เป็น
อันตรายต่อพวกเราได้เสมอ ยิ่งหน้าฝนอย่างนี้เป็นโอกาสเหมาะที่พวกมัน
จะเพิ่มเติมก�ำลังเข้ามา เพราะการตรวจการณ์จากฝ่ายเราอาจจะท�ำได้
ไม่สะดวก ณ ปัจจุบันการโจมตีจากข้าศึกอาจจะยังไม่เกิดขึ้น แต่เกมยัง
ไม่จบ พวกเราก็ตอ้ งเตรียมพร้อมต่อไป หนานลากลับไปเยีย่ มบ้านหลังจาก
การปะทะครั้งที่ ๒ โดยมีชองมาแทน เห็นได้ชัดว่าชองมีอาการซึมเศร้า
จากการที่ครอบครัวถูกสังหาร มาคราวนี้อาวุธที่เขาใช้คือโทรโข่งเอาไว้
ประชาสัมพันธ์ให้คนในหมู่ทราบว่าอะไรเป็นอะไร ในแต่ละคืนเขาจะ
ตั้งแท่นปราศรัยภายในฐานเพื่อให้ชาวบ้านได้เข้าใจในสถานการณ์และ
บ่มเพาะความรักชาติไปในตัวด้วยการเปิดเพลงและดนตรีให้คนในหมูบ่ า้ น
ฟัง จะว่าไปแล้ว ชองก็ยังไม่เหมาะกับงานแบบนี้ในตอนนี้ ในภาพรวม
บรรยากาศในฐานที่เงียบและอากาศที่เย็น บวกกับสภาพจิตใจของชองที่
ยังไม่ปกติ ท�ำให้ผมนึกอยากจะให้ขา้ ศึกมาโจมตีเราให้มนั รูแ้ ล้วรูร้ อดกันไป
เลย

141
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมยังคงหมุนเวียนออกไปลาดตระเวนกับลูกน้องและใช้เวลากับ
ทิลเลสและรอบินสันมากกว่ากับดอนซึ่งรู้งานของตัวเองดี ในตอนเช้า
วันหนึ่งที่ฝนตกปรอย ๆ หมู่ของรอบินสันออกลาดตระเวนไปเจอบ้าน
เล็ก ๆ หลังหนึง่ ทีท่ ำ� เป็นกึง่ ๆ ทีห่ ลบภัย มีอโุ มงค์ทเี่ ก็บข้าวเปลือกไว้จำ� นวน
มาก ในบ้านมีเด็ก ๒ คน แม่เด็ก ๑ คน ชายชรา ๑ คน และหญิงชราอีก
๒ คน ตอนที่เราไปเจอ รู้สึกได้เลยว่าพวกเขากลัวเรามาก ไม่อยาก
ตอบค�ำถามอะไรทั้งนั้นโดยเฉพาะเรื่องที่มาของข้าวเปลือกจ�ำนวนมาก
ผมตัดสินใจน�ำพวกเขาไปสอบสวนต่อในฐาน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมน�ำครอบครัวชาวเวียดนามที่ต้องสงสัยไป
ท�ำการสอบสวน ปกติกจ็ ะน�ำไปสอบโดยขึน้ เฮลิคอปเตอร์โดยไปทีท่ ที่ ำ� การ
ของรัฐบาลที่แทมควาน ซึ่งเป็นที่ท�ำการส่วนต�ำบลเล็ก ๆ แต่ในคราวนี้ฝน
ที่ตกลงมาท�ำให้ยากต่อการเดินทางโดยอากาศยาน ผมจึงต้องรบกวน
เจ้าหน้าที่ต�ำรวจในพื้นที่ซึ่งผมได้ท�ำความรู้จักไว้ตั้งแต่ตอนต้นฤดูฝนให้
ท� ำ การสอบสวน ผมพาผู ้ ต ้ อ งสงสั ย ทั้ ง หมดมาท� ำ การสอบสวนที่ ฐ าน
ระหว่างเดินทางคนในครอบครัวก็หวั ร่อต่อกระซิกกัน แต่ดเู หมือนเด็กผูช้ าย
๒ คน จะดีใจที่ได้เดินกับทหารอเมริกันถึงแม้แม่เขาจะถลึงตาห้ามก็ตาม
ผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกโดยเฉพาะผู้หญิงสูงอายุ ๒ คนนั่นที่หัวร่อ
เมือ่ เห็นพวกเราหยุดเพือ่ ตรวจสอบจุดทีส่ งสัยว่าจะมีกบั ระเบิด และท่าทาง
ก็ดูเหมือนจะล้อเลียนการท�ำหน้าที่ของพวกเราด้วย
ส่วนต�ำรวจสองคนที่จะมาสอบสวนได้มาคอยพวกเราแล้วที่หน้า
ฐาน ทั้งคู่ดูยังเด็กอยู่เลย รูปร่างทะมัดทะแมงเหมือนชายเวียดนามทั่ว ๆ ไป
และมีรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าพร้อมจะท�ำงาน ผมมีหน้าที่ในการคุ้มกันไม่ให้
ต�ำรวจทั้ง ๒ นายนี้ได้รับอันตรายจากพวกเวียดกง แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้
เข้าไปก้าวก่ายในการสอบสวน “ขอบคุณผู้หมวด” ต�ำรวจนายหนึ่งชื่อดัก
142
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

พูดพร้อมกับยิ้มกว้างและดูเหมือนจะบอกเป็นนัยว่าชอบพวกเราทหาร
อเมริกัน ผมไม่หันไปมองดูครอบครัวชาวเวียดนามกลุ่มนี้มากนัก พวกเขา
ดูเงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด ช่างต่างจากช่วงบ่ายเสียเหลือเกิน ผมตัดสินใจ
ไปท�ำอย่างอื่นแทน แต่ก็ไม่สามารถละสายตาได้สนิท ต�ำรวจสองคนนั้นสั่ง
ให้พวกเขาทั้งหมดอยู่ในท่าเตรียมยึดพื้นแบบเท้าเปล่าบนแผ่นหินที่ได้
เตรียมไว้ ดักเอาไม้ไผ่ฟาดที่ฝ่าเท้าของหญิงที่เป็นแม่เด็กอย่างแรงและ
พร้อมกับต่อว่าเธอและชายสูงอายุ แม้จะถูกฟาดที่ฝ่าเท้าก็ไม่มีเสียงร้อง
ออกมาจากผูห้ ญิงคนนัน้ แม้แต่นอ้ ย ทุกครัง้ ทีแ่ ม่โดนฟาด เด็ก ๆ ก็จะสะดุง้
ด้วยความกลัว แขนของพวกเขาเองก็แทบจะไม่สามารถยกหน้าอกให้ลอย
พ้นพื้นได้อยู่แล้ว หญิงชราทั้งสองคนร้องขอความเมตตาว่าอย่าท�ำผู้หญิง
คนนั้นเลย
ผมกัดฟันแน่น ในใจอดถามตัวเองไม่ได้ว่าผมรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่
เวียดนามมากน้อยแค่ไหน บางทีพวกเขาอาจจะเป็นคนที่ตัดนมของ
มาม่าซังคนนั้นออกก็เป็นได้
ต�ำรวจฟาดไม้เรียวไปที่ฝ่าเท้าของผู้หญิงคนนั้นอีกโดยมีลูกมอง
ด้วยน�ำ้ ตาไหลพรากพร้อมกับแขนทีอ่ อ่ นแรงและพับลงกับพืน้ ต�ำรวจก็ดนั
ให้เด็กอยู่ในท่าเตรียมยึดพื้นอีก ลูกน้องผมเริ่มมามุงดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ผมทนดูอีกต่อไปไม่ได้ ระบบคุณธรรมในตัวผมสั่งให้ผมต้องท�ำอะไร
บางอย่าง ผมตะโกนบอกดัก “หยุด” พร้อมกับเดินไปหาเขา เขามองกลับ
มาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะกล้าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของ
เขา
ผมแย่งไม้ออกจากมือเขาโยนทิ้งไป “พอได้แล้ว และออกไปจาก
ที่นี่ซะ”

143
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ดักและเพื่อนต�ำรวจของเขาไม่รู้จะท�ำอย่างไรต่อ พร้อมกับถอย
ออกไปอย่างอารมณ์เสีย ผมหันไปตะคอกใส่ลูกน้องทหารอเมริกัน” กลับ
ไปท�ำหน้าที่ของแต่ละคนเดี๋ยวนี้”
ผมสั่งให้ครอบครัวชาวเวียดนามยืนขึ้น แม้กระทั่งตอนนี้สายตา
ของพวกเขาที่มองผมก็ไม่ได้เป็นมิตรเลย ราวกับว่าผมไปยุ่งเรื่องของพวก
เขา
“ชองช่วยพาพวกเขาไปหาที่หลบแดดหลบฝนหน่อย แล้วหา
อาหารให้กินด้วย” ชองเดินมาด้วยอาการงง ๆ แต่ก็ปฏิบัติตามด้วยดี
ผมไปค้นที่เป้สนามเพื่อเอาเสื้อเชิ้ตที่แห้งมาให้เด็ก ๆ ที่ก�ำลังสั่นด้วยความ
หนาว
ตลอดทั้ ง บ่ า ยผมนั่ ง มองครอบครั ว ชาวเวี ย ดนามที่ อ ยู ่ ใ นฐาน
ส่วนชองซึ่งครอบครัวถูกพวกเวียดกงสังหารก็ก�ำลังเตรียมอาหารอุ่น ๆ
ให้พวกเขา แน่นอนต�ำรวจทั้งสองต้องไม่พอใจผมอย่างแน่นอน และก็คง
รายงานเหตุการณ์ทเี่ กิดขึน้ ให้หวั หน้าเขาทราบ ส่วนแม่เด็กพวกนัน้ ก็กำ� ลัง
ดูแลฝ่าเท้าของตัวเองที่บวมแดง สายตาเธอมองมาที่ผมเหมือนจะบอกว่า
ช่างอ่อนแอเสียเหลือเกิน ส่วนเด็ก ๆ ก็แอบมองมาทีผ่ มเป็นระยะ ๆ แต่มกั
จะมองไปที่ดักเสียมากกว่า ส่วนคนสูงอายุก็ท�ำสีหน้านิ่ง ๆ ซ่อนความรู้สึก
ที่แท้จริงไว้ซึ่งเป็นเทคนิคที่คนแถวนี้เรียนรู้มานานแล้ว ผมมองครอบครัว
ชาวเวียดนามด้วยความรู้สึกที่สับสน และถ้าเลือกได้ ผมอยากไปรบกับ
ข้าศึกให้มนั รูแ้ ล้วรูร้ อดไปดีกว่าทีจ่ ะมาเจอสถานการณ์แบบนีท้ แี่ ยกไม่ออก
เลยว่าใครเป็นใคร เป็นผู้บริสุทธิ์หรือคนไม่ดี หรือคนที่ก่อความรุนแรง
สักพักผมก็เลิกคิดถึงเหตุการณ์นี้เพราะมีวิทยุเข้ามาเวลา ๑๕๐๐
“ให้เตรียมก�ำลังพลไว้ ๑ หมูป่ นื เล็กและให้พร้อมเวลา ๑๕๔๕ คุณไปด้วย”

144
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นจนกว่าจะได้รับการแจ้งเมื่อไปถึงที่หมาย ผมรู้
แต่เพียงว่ามันไม่ปกติ ผมสัง่ จ่าเฮอร์นานเดซว่าพวกเราจะไปสักพักไม่ทราบ
เวลากลับ ดังนั้นให้ดูแลผู้ต้องสงสัยทั้งหมดให้ดีก่อนที่จะให้มีการย้ายไป
ที่ใหม่ และอย่าให้ต�ำรวจสองคนนั่นมายุ่งกับพวกเขา จากนั้นผมก็สั่งให้
ผู้บังคับหมู่ทิลเลสเตรียมหมู่ของเขาให้พร้อมส�ำหรับการปฏิบัติภารกิจ
เมื่อถึงเวลาพวกเราก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่มารับท่ามกลางสายฝนปรอย ๆ
สิง่ เดียวทีน่ กั บินบอกเราได้คอื จะต้องส่งพวกเราลงทีฐ่ านของหน่วยเรนเจอร์
ที่เชิงเขาแห่งหนึ่ง
เวลา ๑๖๐๐ ผมได้รับทราบรายละเอียดของการปฏิบัติจาก
นายทหารติดต่อของกองพันและจะมีก�ำลังอีก ๒ หมู่ปืนเล็กจากกองร้อย
อื่นมาสมทบอีกในไม่ช้า ก�ำลังอีก ๒ หมู่ปืนเล็กที่มาสมทบกับ ๑ หมู่จาก
หมวดของผมท�ำให้กำ� ลังมีขนาดใหญ่ขนึ้ ภารกิจทีไ่ ด้รบั คือการลาดตระเวน
หาที่ตั้งของกองพันทหารเวียดนามเหนือที่ก�ำลังเคลื่อนไหว ผมได้รับแจก
กล้องมองในเวลากลางคืนด้วยส�ำหรับภารกิจนี้
ผมมองดูทหารจากหมูอ่ นื่ ทีม่ าสมทบ พวกเขาลงจากเฮลิคอปเตอร์
ด้วยสีหน้าทีบ่ อกให้รวู้ า่ ไม่รอู้ ะไรเลยยิง่ กว่าผมอีก ผมเดาได้เลยว่าพวกนีค้ ง
เป็นกลุ่มคนที่ผู้บังคับหน่วยไม่ต้องการสักเท่าไหร่ คือส่งให้ไปรับภารกิจ
ที่เสี่ยงและจ�ำหน่ายเสียชีวิตในสนามรบได้ เมื่อถึงเวลา ๑๗๐๐ พวกเรา
ก็พร้อมส�ำหรับไปปฏิบตั หิ น้าที่ นัน่ คือการติดตามค้นหาทีต่ งั้ ข้าศึกทีม่ ขี นาด
๑ กองพัน ซึ่งอาจมีก�ำลังพลถึง ๔๐๐ นาย แต่พวกเรามีเพียง ๑๗ นาย
พร้อมปืนกล ๒ กระบอกและอาวุธประจ�ำกาย แม้ในใจผมจะเต็มไปด้วย
ค�ำถามและลางสังหรณ์ แต่จะแสดงออกซึ่งความอ่อนแอให้พวกเขาเห็น
ไม่ได้ ทหารที่มียศรองจากผมคือสิบเอกทิลเลส พวกเราต้องน�ำก�ำลังแค่
หยิบมือไปค้นหาข้าศึกโดยมีข้อมูลในมือน้อยมาก ส�ำหรับทหารที่มา
145
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

สมทบนี้ แน่นอนว่าพวกเราไม่เคยรูจ้ กั กันมาก่อนและไม่เคยท�ำงานด้วยกัน


ที่ส�ำคัญระเบียบปฏิบัติก็ต่างกันด้วย ในอีกไม่ถึง ๓ ชั่วโมงท้องฟ้าก็จะมืด
แล้ว ผมมีลางสังหรณ์วา่ กองบังคับการหน่วยเหนือขึน้ ไปไม่รวู้ า่ ตัวเองก�ำลัง
ท�ำอะไร (ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทหารระดับล่าง ๆ มักรู้สึก) ในกรณีนี้คงเป็น
นายทหารฝ่ายอ�ำนวยการของกองพันที่ลอกแนวทางปฏิบัติจากต�ำรา
และผู้ปฏิบัติคือพวกเรา
ส�ำหรับปฏิบตั กิ ารในคราวนีผ้ มแต่งตัง้ ให้หมูท่ ลิ เลสเป็นรองผูบ้ งั คับ
หมวด มีอำ� นาจสัง่ การรองจากผม และให้ลกู หมูข่ องเขาขึน้ การบังคับบัญชา
กั บ นายสิ บ หนุ ่ ม ซึ่ ง เพิ่ ง มาอยู ่ ที่ เวี ย ดนามได้ เ พี ย ง ๓ สั ป ดาห์ เ ท่ า นั้ น
ขณะที่ผมให้ค�ำสั่งยุทธการฝนก็หยุดตกพอดี และแสงแดดก็ส่องลอด
ลงมา บางทีอาจไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ พวกเราเคลื่อนที่ออกไป เหตุการณ์
ปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อเดินไปถึงตีนเขาผมก็คิดว่านี่มันภารกิจอะไร
กันนี่ ตรงหน้าผมเป็นแม่น�้ำที่ไหลเชี่ยว และพวกเราก็ไม่มีเชือกติดมาด้วย
ทีส่ ำ� คัญไม่มกี ารแจ้งเตือนตอนรับภารกิจว่าจะมีการข้ามล�ำน�ำ้ พวกเราต้อง
ลุยข้ามล�ำน�้ำที่ไหลเชี่ยวโดยการจับมือกันไว้เป็นแนวเพื่อป้องกันการถูก
น�้ำพัดหายไป ความยากอีกอย่างที่เกิดขึ้นคือการอธิบายวิธีการข้ามให้
ลูกน้องที่มาจากหลายที่ให้เข้าใจตรงกัน ในระหว่างข้ามแม่น�้ำ พลปืนกล
๒ คนต้องท�ำการระวังป้องกันที่ฝั่งด้านใกล้และให้พลกระสุนข้ามไปก่อน
แต่มขี อ้ เสียเหมือนกันทีท่ ำ� อย่างนี้ เพราะกระสุนทีพ่ ลปืนกลมีจะจ�ำกัดมาก
หากมีการปะทะ อีกอย่างคือแทนทีจ่ ะใช้วธิ กี ารสือ่ สารอย่างทีค่ วรจะท�ำคือ
ใช้สัญญาณมือ ผมกลับต้องใช้การตะโกน ซึ่งเป็นเรื่องตลกสิ้นดีเพราะมัน
อันตรายมาก
เมือ่ ข้ามไปเสร็จ การนับยอดคนก็เป็นเรือ่ งยากเพราะผมไม่คนุ้ เคย
กับสมาชิกในกลุ่มบางส่วน ผมต้องนับถึง ๓ ครั้งเพื่อความแน่ใจ ถึงตอนนี้
146
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ทุ ก อย่ า งเปี ย กหมดรวมถึ ง แผนที่ ที่ ส� ำ คั ญ เราเสี ย เวลาไปมาก


ในการข้ามล�ำน�้ำ ประมาณ ๒,๒๐๐ เมตร ผมคิดว่าเรามาถึงที่หมายแล้ว
จากการกะระยะด้วยการนับก้าวและเช็กกับแผนที่ แต่เพื่อความแน่ใจ
ผมเช็ ก ด้ ว ยมุ ม กลั บ ของเข็ ม ทิ ศ อี ก รอบโดยอ้ า งอิ ง ภู เขาที่ อ ยู ่ ด ้ า นหลั ง
(ผมอ่ า นแผนที่ โ ดยใช้ แ สงไฟสี แ ดงจากไฟฉายและใช้ เ สื้ อ กั น ฝนคลุ ม )
ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่าเราใกล้ที่หมายมากโดยดูจากเครือข่ายเส้นทางเดิน
ผมแบ่งลูกน้องออกเป็น ๕ ชุด ชุดละ ๓ คนแยกกันการลาดตระเวน
หาที่ตั้งของกองพันข้าศึก หมู่ทิลเลสอยู่กับผม พร้อมวิทยุซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่
เรามีเพื่อใช้ติดต่อกับหน่วยแม่ในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือ ลักษณะ
ของการวางก�ำลังจะเป็นรูปดาวโดยมีผมและหมู่ทิลเลสอยู่ตรงกลางและ
ลูกน้องทีเ่ หลือลาดตระเวนอยูร่ อบ ๆ ทีต่ อ้ งท�ำอย่างนีก้ เ็ พราะหากมีปญ
ั หา
อะไรเราจะได้ช่วยแก้ได้ทัน สิ่งที่ยังเป็นปัญหาอยู่คือผมจะท�ำอย่างไร
หากตรวจพบหรือมีการปะทะกับข้าศึกซึ่งอาจมีจ�ำนวนมากกว่าพวกเรา
ระยะห่างของแต่ละชุดลาดตระเวนคือแค่ประมาณ ๓๐ เมตร ซึ่งจ�ำเป็น
มากในเวลากลางคืน เพราะจะได้สนับสนุนกันและกันได้หากมีเหตุการณ์
เรายังมีทุ่นระเบิดเคลย์มอร์ส�ำหรับใช้ในการป้องกันหากมีการปะทะ
เราขุดหลุมเพื่อใช้ป้องกันตัวเองแบบตื้น ๆ จะขุดลึกก็เกรงจะเกิดเสียงดัง
เกินไป หากชุดใดชุดหนึ่งมีการปะทะกับข้าศึกผมก็ต้องระดมก�ำลังทั้งหมด
ไปที่จุดนั้น ความที่พวกเราไม่รู้จักกันมาก่อนก็อาจท�ำให้เกิดปัญหาได้
ตอนที่ผมออกค�ำสั่ง แสงสว่างยังเพียงพอให้แต่ละชุดเข้าวางก�ำลังประจ�ำ
ที่ได้ แต่ก่อนจะวางก�ำลังเสร็จท้องฟ้าก็มืดสนิท แม้กระทั่งกล้องส่อง
เวลากลางคืนก็ช่วยไม่ได้
เพือ่ ความมัน่ ใจผมเช็กต�ำแหน่งของลูกน้องเป็นครัง้ สุดท้ายเพือ่ ให้
แน่ใจว่าพวกเขาท�ำตามค�ำสั่งอย่างถูกต้อง หากเกิดการปะทะทุกคนต้อง
147
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

รู้ว่าต้องท�ำอย่างไร แต่การเช็กต�ำแหน่งในความมืดสนิทอย่างนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง
ง่ายและอันตรายมาก เพราะพวกเราทัง้ ๑๗ คนไม่ได้คนุ้ กันทัง้ หมด ลูกน้อง
ในกลุ่มเกินครึ่งไม่รู้จักผมมาก่อนและอะไร ๆ ก็อาจเกิดขึ้นได้ อีกประการ
หนึ่ง เพื่อความปลอดภัยของส่วนรวมผมได้คิดรหัสผ่าน เช่น ผมก�ำหนดให้
เป็นเลข ๑๐ เวลาไปเจอลูกน้องผมก็จะถามไปก่อน เช่น ๓ ลูกน้องก็ต้อง
ตอบกลับมาเป็นตัวเลขทีร่ วมกันให้ได้ ๑๐ ในกรณีนกี้ จ็ ะเป็นเลข ๗ เป็นต้น
ถ้าผมถามไปเป็น ๖ เขาก็ต้องตอบกลับมาเป็น ๔ หากผิดไปจากนี้แสดงว่า
ไม่ใช่พวกเรา ผมซักซ้อมเรื่องนี้ก่อนออกปฏิบัติงานจริง
ส�ำหรับการเช็กต�ำแหน่งของลูกน้องแต่ละคนผมต้องท�ำด้วยความ
ระมัดระวัง เพราะการเคลื่อนที่ในเวลากลางคืนนั้นอันตรายมากโดยอาจ
ท�ำให้ลูกน้องเข้าใจผิดคิดว่าเป็นข้าศึกได้ ผมใช้วิธีคลานอย่างช้า ๆ ไปที่
ต�ำแหน่งของแต่ละคน และเมื่อไปถึงก็บอกลูกน้องให้ระวังข้าศึกที่อาจจะ
เข้ามาพร้อมกับเช็กต�ำแหน่งของปืนกลและทุ่นระเบิดเคลย์มอร์ท้ัง ๒ ลูก
ด้วย เมื่อเสร็จก็คลานกลับไปที่จุดตรงกลางใหม่และก็เช็กที่จุดอื่นต่อไป
แม้ ก ระทั่ ง การคลานมาที่ จุ ด ตรงกลางที่ มี สิ บ เอกทิ ล เลสอยู ่ ก็ ใช่ ว ่ า จะ
ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเขาอาจเข้าใจผิดว่าเป็นข้าศึกและยิงเอา
ก็ได้ ถ้าดูจากสภาพแวดล้อมทีม่ ดื มิดพวกเราควรอยูก่ บั ทีไ่ ม่ควรเคลือ่ นทีใ่ ห้
เป็นเป้า แต่ด้วยภารกิจที่ได้รับมา พวกเราจึงไม่มีทางเลือก ผมยอมรับว่า
เครียดและเหงื่อก็ไหลออกไม่หยุด ในสภาพแวดล้อมที่มืดสนิทแบบนี้
การมองเป็นปัญหาแน่นอน
ถ้ามีใครที่สามารถมองในความมืดได้คงเห็นใบหน้าของแต่ละคน
ดูน่าขันที่พยายามถ่างม่านตาให้เห็นได้ถนัด และจมูกที่ดมฟุดฟิดหาสิ่ง
ผิดปกติ ส�ำหรับต�ำแหน่งที่ ๒ เมื่อไปถึงเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นและตามด้วย
ฟ้าแลบในเสี้ยววินาที ลูกน้องในต�ำแหน่งที่ ๒ มีความตื่นตัวมากกว่า
148
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ต�ำแหน่งแรกพอสมควร เมื่อผมเข้าไปใกล้พวกเขาก็ถามด้วยรหัส เมื่อผม


ตอบถูกจึงให้เข้าไป ต�ำแหน่งนี้มีไม่อาวุธหนัก มีแต่อาวุธประจ�ำกาย หลัง
จากที่ ต รวจสอบเสร็ จ ผมก็ ก ลั บ ไปที่ ต รงกลางเหมื อ นเดิ ม ผมใช้ เวลา
ประมาณ ๑๕ นาทีในการตรวจ ๒ ต�ำแหน่ง และก็เริ่มออกไปส�ำรวจ
ต�ำแหน่งที่ ๓ ผมจ�ำได้ว่าต�ำแหน่งนี้มีทั้งปืนกล เอ็ม-๖๐ ปืนเล็กยาว
เอ็ม-๑๖ และเครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม-๗๙ ทั้งหมดนี้ไม่ได้มาจากหมวดของ
ผมแน่นอน โดยรู้ได้จากเมื่อผมเข้าไปใกล้ พวกเขาก็ซุบซิบกันเบา ๆ บอก
ให้รู้ว่ามีคนก�ำลังมา พอเข้าไปใกล้ในระยะ ๑๕ ฟุต ผมก็ได้ยินเสียงบอก
ต่อกันว่าให้เงียบ ผมหยุดอยู่กับที่คอยว่าจะมีใครถามด้วยรหัสผ่านตามที่
ซักซ้อมมาหรือไม่ เงียบไม่มเี สียงอะไร ผมสังหรณ์ใจว่าน่าจะมีอะไรผิดปกติ
สักพักก็มเี สียงดึงคันรัง้ ลูกเลือ่ นและปล่อยลูกเลือ่ นไปข้างหน้า ผมรีบหมอบ
ลงกับพื้นและตะโกนด้วยความกลัว “อย่ายิง ๆ นี่ผู้หมวดเอง”
ผมได้ยินพวกเขาพูดว่า “ยิงไอ้ลูกหมานั่นเร็ว” แน่นอนคราวนี้
ลูกกระสุนพร้อมจะลั่นทุกวินาที ผมพุ่งตัวขนานไปกับพื้นพร้อมกับกอดที่
บริเวณเข่าของคนที่ยิงท�ำให้เขาล้มลงกับพื้น เสียงกระสุน ๘-๙ นัดเฉียด
ล�ำตัวไปนิดเดียว เมื่อคนที่ยิงล้มลงกับพื้นผมก็ดันปากกระบอกปืนเขาชี้
ไปบนฟ้าพร้อมกับกระสุนที่ล้นออกมาอีกนัดสองนัด แล้วเพื่อนเขาที่อยู่
ใกล้ ๆ กัน อีกสองคนล่ะ ผมรีบตะโกนทันที “หยุดยิง ๆ ไอ้บา้ เอ๊ย นีผ่ หู้ มวด
เอง” เสียงปืนหยุดลง ผมพยายามควบคุมอารมณ์โกรธ และรวบรวม
ความคิดว่าจะท�ำอย่างไรต่อไป แน่นอนเกิดเรื่องแล้ว
ลูกน้องทั้ง ๓ นายหลงทิศ คือแทนที่จะหันหน้าออกไปหาข้าศึก
กลับหันหน้าไปในทิศทางตรงข้าม นั่นก็คือหันหน้ามากลางฐานรูปดาว
เมื่อผมเข้าไปหาพวกเขาจากด้านในพวกเขาเข้าใจผิดคิดว่ามีข้าศึกเข้ามา
จากด้านนอก ความที่กลัวว่าข้าศึกอาจมีมากกว่าก็เลยถือโอกาสยิงก่อน
149
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

โดยไม่ตอ้ งไปสนใจค�ำถามทีซ่ กั ซ้อมกันมาก่อนหน้านี้ กลุม่ กระสุนอยูเ่ หนือ


หัวผมซึ่งนอนราบกับพื้นประมาณ ๓ ฟุตกราดไปมาตามต�ำแหน่งของ
ลูกน้องคนอืน่ และทีส่ ำ� คัญพวกเขาก็อาจคิดว่าเป็นข้าศึกทีย่ งิ เข้ามา ถ้าเป็น
เช่นนั้นล่ะก็เป็นเรื่องใหญ่แน่
ผมตะโกนไปรอบ ๆ “อย่ายิง ๆ อย่าเพิ่งยิง” สักพักเสียงคุยกัน
ก็ดังขึ้น แต่ละคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและกลัว หลายวินาทีผ่านไปผมยัง
หมอบอยู่กับพื้น รอว่าจะมีเสียงปืนดังขึ้นอีกหรือไม่ “อย่ายิง ไม่เป็นไร
ทุกอย่างเรียบร้อย” น่าทึ่งที่ทุกคนปลอดภัยดี
ผมกลับมาหากลุ่มลูกน้อง ๓ คนที่ยิงใส่ผมแล้วจับพวกเขาหันไป
ยังทิศทางที่ถูกต้อง ผมต�ำหนิลูกน้องคนที่ยิงใส่ผมว่าท�ำไมไม่บรรจุกระสุน
ไว้ในรังเพลิงให้พร้อมใช้งานทุกเวลา ถึงแม้ว่าผมจะโชคดีที่เขาลืมท�ำตาม
ทีผ่ มต�ำหนิและรอดมาได้ และก็เตือนทัง้ ๓ คนให้ทำ� ตามระเบียบทีซ่ กั ซ้อม
กันมา นั่นคือการถามค�ำถามก่อนจะยิง ผมมีความรู้สึกว่าพวกเขามีความ
กระตือรือร้นอยากเรียนรู้ในสิ่งที่ก�ำลังเน้นย�้ำ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่
นักเรียนเกรดเอก็ตาม ผมสงบขึน้ มากในคราวนี้ เมือ่ กลับมาทีต่ รงกลางฐาน
รูปดาว ผมต้องมาคิดอีกทีวา่ จะเอาอย่างไรต่อ เพราะตามหลักการทีไ่ ด้เรียน
มาพวกเราจะต้องย้ายที่อยู่ เพราะทั้งเสียงปืนและเสียงพูดคุยเป็นการ
เปิดเผยที่ตั้งของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ที่ส�ำคัญคือ พวกเรามาลาดตระเวน
เพื่อหาที่ตั้งข้าศึกที่น่าจะมีจ�ำนวนมากกว่าพวกเรามาก ดังนั้นเราจึงไม่ควร
อยู่กับที่นานเกินไป และอีกอย่าง คืนนี้เป็นคืนที่มืดมาก ทัศนวิสัยต�่ำที่สุด
ถ้าข้าศึกเข้ามาประชิดในระยะใกล้ก็สามารถที่จะจัดการพวกเราได้ทันที
ก่อนที่พวกเราจะตอบโต้ได้ทัน และถึงแม้ข้าศึกจะยังไม่บุกเข้ามา การเดิน
ลาดตระเวนในคืนที่มืดมากขนาดนี้อาจจะไปสะดุดอะไรเข้าได้ง่าย และจะ
ยิ่งท�ำให้สถานการณ์ที่แย่อยู่แล้วแย่ลงไปอีก และยิ่งไปกว่านั้นการที่จะ
150
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ท�ำการเดินลาดตระเวนให้มีประสิทธิภาพ ผมในฐานะที่เป็นหัวหน้าก็ต้อง
เดินขึ้นลงระหว่างแถวเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีคนพลัดหลง ซึ่งในคืนที่มืด
อย่างนีม้ นั ก็ไม่งา่ ยเลย ผมคิดประเด็นนีอ้ ยูพ่ กั ใหญ่ และจากบทเรียนทีเ่ กือบ
โดนลูกน้องยิงท�ำให้ผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่เสี่ยงถูกยิงซ�ำ้ สองเพราะลูกน้อง
เข้าใจผิดในสถานการณ์อย่างนีผ้ มเชือ่ เลยว่าลูกน้องผมพร้อมจะยิงทุกอย่าง
ที่เข้ามาหาตัว
ความกลั ว เป็ น ตั ว บงการทุ ก อย่ า ง มั น สั่ ง ผมว่ า ให้ อ ยู ่ กั บ ที่
ก่อนหน้านี้ผมเป็นผู้บังคับหมวดที่มีประสิทธิภาพ ภูมิใจในตัวเอง แต่ใน
ค�่ำคืนนี้ ผมรู้สึกตัวเองเป็นอะไรก็ไม่รู้ ไม่ต่างจากคนทั่วไปที่มีความกลัว
ตอนนี้ผมเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ก�ำลังหลบอยู่ไหนสักแห่งในความมืด
คิดอะไรไม่ออก ตัวก็หนาวสั่น ความตายในสมรภูมิแห่งนี้อยู่ไม่ไกลเลย
มันพร้อมทีจ่ ะมาเยือนเราได้เสมอ ผมรูส้ กึ ว่าชีพจรก�ำลังเต้นดังอยูใ่ นหูและ
อยากจะอาเจียน ทุกนาทีทุกชั่วโมงที่ผ่านไปไม่ได้ท�ำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย
ความกลัวเข้าครอบง�ำทุกอย่าง ผมไม่แน่ใจว่าจะอยูร่ อดจนถึงเช้าหรือเปล่า
ความตายเป็นอย่างไรหนอ ตายแล้วไปไหนต่อ สมองผมคิดไปหลายเรื่อง
ตอนที่นอนลงไปที่พื้นใหม่ ๆ ก็ไม่ได้สังเกตว่ามีรังมดอยู่ มดบางส่วนไต่เข้า
มาบนตัวผมแต่ก็ยังไม่ทันรู้ตัวจนกระทั่งพวกมันส่งสัญญาณให้พรรคพวก
ที่เหลือมาสมทบ คราวนี้ทั้งหนาวและเจ็บจากมดกัด จะลุกขึ้นยืนก็ไม่ได้
เพราะกลัวลูกน้องจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นข้าศึก คราวนีอ้ าจจะไม่โชคดีเหมือน
เมื่อกี้นี้ ผมนอนให้มดกัดอยู่อย่างนั้น อยากกัดตรงไหนก็เชิญตามสบาย
สักพักฝนก็เทลงมานานนับชั่วโมง และเมื่อฝนหยุดผมก็ยังอยู่กับที่ยอมให้
ตัวเปียกและสกปรกอยู่อย่างนั้น
แสงสว่างเริ่มโผล่ขึ้นมา ค�่ำคืนที่ทรมานก็เริ่มหายไปและผมก็รู้ว่า
ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ ผมคลายเข็มขัดออกและเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อยืดเพื่อ
151
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เอามดที่ตายอยู่เป็นจ�ำนวนมากออกมา น่าแปลกดีเหมือนกันที่มดซึ่งนับ
เป็นสัตว์ที่มีการปรับตัวเก่งมากกลับต้องมาจบชีวิตอย่างง่ายดายเช่นนี้
ส่วนผมกลับยังมีชีวิตรอด มันคงยังไม่ถึงเวลาเป็นแน่ ผมรวบรวมก�ำลัง
ทั้งหมดออกจากแนวเขาและกลับไปที่ฐานของหน่วยเรนเจอร์ ค�่ำคืนที่
คาดว่าจะเจอข้าศึกจ�ำนวนมากกลับต้องมาเจอข้าศึกที่แท้จริงคือการ
เอาชนะใจตัวเอง ในความคิดผม ส�ำหรับค�ำ่ คืนอันแสนจะยาวนานทีผ่ า่ นมา
ผมเป็นผู้บังคับหมวดที่แย่มาก แต่ผมต้องเป็นผู้บังคับหมวดที่ดีกว่าเดิม
ให้ ไ ด้ ผลการติ ด ตามข้ า ศึ ก ในคื น นั้ น พวกเราไม่ พ บกองพั น ของข้ า ศึ ก
แต่เช้าวันนี้ฝนก็ยังเทลงมาไม่หยุดหย่อน ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าจะมีมดตาย
อีกกี่ล้านตัว
เช้าของวันที่สาม ผมเดินทางกลับมาที่ฐานหมวดของตัวเองที่
ทรองแลม ระหว่างที่ผมไม่อยู่มีลูกน้อง ๑ นายเสียชีวิตจากกับระเบิด
ซึ่งท�ำให้ขาข้างหนึ่งขาดจนถึงต้นขา ส่วนครอบครัวที่พวกเราสงสัยว่าจะ
เป็นพวกเวียดกงก็ยังอยู่ที่ฐานหมวด เพราะท้องฟ้ายังไม่เอื้อต่อการที่
เฮลิคอปเตอร์จะมารับพวกเขา สิ่งที่เห็นได้ชัดตอนนี้คือสีหน้าที่แสดงออก
ถึงความเกลียดชัง ไม่เว้นแม้กระทัง่ ในเด็ก ส่วนผูห้ ญิงทีเ่ ป็นแม่ ใบหน้าของ
เธอบอกได้ชัดถึงความพ่ายแพ้และหมดซึ่งความหวังความภาคภูมิใจ
ผมไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึน้ ทีน่ รี่ ะหว่างทีผ่ มไม่อยู่ และผมก็ไม่แน่ใจ
ว่าสิ่งที่ผมคิดเกี่ยวกับพวกเวียดกงครอบครัวนี้ถูกหรือผิด แต่สายตาของ
ผู้หญิงเวียดกงที่เป็นแม่กับจ่าเฮอร์นานเดซบอกอะไรผมบางอย่าง บางที
จ่าเฮอร์นานเดซอาจล่วงเกินอะไรเธอสักอย่าง แต่ไม่ว่าสิ่งที่ผมคิดเรื่องนี้
จะจริงหรือไม่ ผมจะไม่มีทางไว้ใจจ่าคนนี้อีกเป็นอันขาด ตอนสายของวัน
ผมสัง่ ให้มกี ารอพยพครอบครัวชาวเวียดนามออกไปและย้ายจ่าเฮอร์นานเดซ
ไปที่หน่วยอื่น จ่าเฮอร์นานเดซอยู่กับผมมานานและเป็นก�ำลังที่ส�ำคัญ
152
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ถือว่าเป็นมือขวาก็ว่าได้ แต่ถึงเวลาที่เขาต้องไป ผมคงไว้ใจเขาอีกไม่ได้แล้ว


ผมมองเฮลิคอปเตอร์บินจากไปด้วยความรู้สึกที่เศร้า มันหมายความว่า
หมวดของเราทีม่ คี นน้อยอยูแ่ ล้วก็จะขาดคนไปอีกหนึง่ คน แต่ทอ้ งฟ้าทีเ่ ปิด
และฝนที่เริ่มเทลงมาท�ำให้ผมรู้สึกสงบในใจ และรู้สึกว่าได้ตัดสินใจถูกแล้ว
ที่ย้ายเขาไปที่อื่น
ตอนนีเ้ นือ้ ตัวพวกเราเปียกปอนไปหมด นิว้ มือเป็นสีขาวซีด ผิวหนัง
ก็เป็นรอยย่นสีขาวลึก จดหมายที่ก�ำลังเขียนส่งกลับบ้านก็เปียกจนเห็น
เนือ้ หมึก ไอน�ำ้ ทีร่ ะเหยออกจากแผ่นหลังและต้นขาบอกให้รวู้ า่ ร่างกายเรา
พยายามใช้ความร้อนในตัวท�ำให้เนื้อตัวที่เปียกแห้ง แต่ก็ไม่ค่อยจะเป็นผล
เท่าไร เชือ้ เพลิงแข็งทีม่ ากับชุดอาหารสนามก็ไม่สามารถสูส้ ายฝนทีก่ ระหน�ำ่
ลงมาได้ พวกเราต้องกินอาหารที่เย็นและแสนจะชืดด้วยความจ�ำใจ
รอบินสันดูเหมือนจะไม่คอ่ ยมีความสุขสักเท่าไหร่กบั งานใหม่ของ
การท�ำหน้าทีร่ องผูบ้ งั คับหมวด เขาห่วงตัวเองมากจนเกินไป แม้กระทัง่ ตอน
เป็นผู้บังคับหมู่ก็ท�ำหน้าที่ได้ไม่ค่อยจะสมบูรณ์ และยิ่งมารับผิดชอบเป็น
รองผู้บังคับหมวดที่ต้องดูแลทั้งสามหมู่ปืนเล็ก เลยยิ่งแย่ไปใหญ่ เมื่อผม
บอกให้เขาออกไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับลูกน้องมากกว่านี้เขาก็จะอ้างว่า
“ขออนุญาตครับ ผมต้องดูแลอาหารการกินและกระสุนให้พร้อม”
ผมบอกเขาว่า “นี่คุณอาวุโสรองจากผมนะ” ผมอยากให้เขา
รับผิดชอบมากกว่านี้ แต่คงทนกับเรื่องนี้ไม่ได้นาน บางทีผมก็อดเสียดาย
ไม่ได้ที่ได้ย้ายจ่าเฮอร์นานเดซออกไป แต่ผมก็โชคดีเพราะว่าไม่นานก็ได้
ก�ำลังพลมาทดแทน ๒ นาย คือพลทหารทอมมี่ ลี รอบสัน จากเมือง
ฟลอร่า รัฐอิลลินอยส์ อีกคนเป็นจ่าท่าทางแกร่งชื่อรอเบิร์ต แพลโลแมน
จากเมืองแอลเบอร์ต้า ประเทศแคนาดา รอบสันเป็นเด็กวัยรุ่นที่ดูจะ
ตื่นเต้นกับสิ่งแวดล้อมใหม่ แต่ก็กลัวสุดขีดเหมือนผมตอนมาแรก ๆ
153
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ส่วนจ่าแพลโลแมนดูเหมือนจะไม่กลัวอะไรเลย เขาอายุประมาณ
๔๐ ปี เดินทางข้ามพรมแดนจากแคนาดามาสมัครเป็นทหารในกองทัพ
สหรัฐ เพื่อร่วมรบ ก่อนหน้านี้เขารับราชการในกองทัพอังกฤษและถูก
ส่งไปที่ไซปรัส แต่เมื่อจบภารกิจ เหตุการณ์สงบไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเขาก็
ลาออก และเมื่อประมาณปี ค.ศ. ๑๙๖๕ สหรัฐ ต้องเข้ารบที่สงคราม
เวียดนาม เขาเลยขอร่วมด้วย แพลโลแมนสูงประมาณ ๑๘๐ เซนติเมตร
รูปร่างสมส่วน ดูเหมือนไม่มีไขมันเลย และถึงแม้ใบหน้าจะดูเคร่งขรึม
มุ่งมั่น แต่เขาไม่ใช่คนอารมณ์ร้าย ดวงตาสีฟ้ายิ่งท�ำให้เขาดูอ่อนโยน เมื่อ
เขาพูดถึงภรรยาที่อยู่ที่บ้าน คนฟังต้องนึกถึงครอบครัวอบอุ่นอารมณ์ดี
ในเมืองเล็ก ๆ สักแห่งของอเมริกา แต่ตอนนี้แน่ชัดแล้วว่าเขาสมัครใจ
มารบ “สวัสดียามบ่ายครับหมวด ผม จ่าแพลโลแมน” เขาทักทายผมด้วย
ลักษณะท่าทางที่เข้มแข็งทะมัดทะแมง “สวัสดียามบ่ายเช่นกันจ่า ยินดี
ต้อนรับสู่ทรองแลม เออวันที่ได้เลื่อนยศเป็นวันไหนเหรอ” ผมถามเรื่อง
วันที่เขาได้รับแต่งตั้งเป็นจ่า เพื่อจะดูว่าระหว่างเขากับรอบินสันใครอาวุโส
กว่ากัน โชคดีที่เขาอาวุโสกว่าผมแต่งตั้งให้เขาเป็นรองผู้บังคับหมวดแทน
รอบินสัน เขาช่างต่างจากเฮอร์นานเดซและรอบินสันเหลือเกิน เพราะสอง
คนนั้น ผมต้องกดดันและกระตุ้นให้ออกไปลาดตระเวนพร้อมลูกน้อง ส่วน
แพลโลแมน ผมต้องรั้งเขาไว้บ้าง เขามีความเชื่อว่าการป้องกันที่ดีที่สุดคือ
การรุก ดังนั้นเขาจึงออกไปลาดตระเวนให้ลูกน้องเห็นเป็นตัวอย่างทุกวัน
มากที่สุดเท่าที่ผมจะอนุญาต และในการลาดตระเวนเขาจะไปอยู่ข้างหน้า
เสมอ บางทีก็ท�ำให้สับสนกับต�ำแหน่งของพลน�ำทาง และเมื่อเราออก
ลาดตระเวนชุดใหญ่ ผมจะสั่งให้เขาอยู่ท้ายแถวเพราะเกรงว่าผมจะห่าง
จากแถวเกินไป แพลโลแมนท�ำหน้าที่เป็นรองผู้บังคับหมวดได้ดีมาก
ถ้าไม่ติดที่ยศ จะให้ผมแสดงความเคารพเขาก็ยังได้ เขาช่างมาได้เวลาที่
เหมาะเหลือเกิน
154
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

และเมือ่ ใกล้สนิ้ เดือนตุลาคม ผมได้รบั ค�ำสัง่ ให้ไปปฏิบตั หิ น้าทีเ่ ป็น


นายทหารการเงินท�ำหน้าที่เอาเงินเดือนไปจ่ายให้ทหารตามหมวดต่าง ๆ
โดยไปถอนเงินทีพ่ ไู ท ซึง่ เป็นพืน้ ทีส่ ว่ นหลังของกองพลน้อย โดยในระหว่าง
ที่ ผ มไม่ อ ยู ่ รองผู ้ บั ง คั บ หมวดต้ อ งปฏิ บั ติ ห น้ า ที่ แ ทนผม ฝนกระหน�่ ำ
มาอีกครั้งและผมต้องเดินออกจากทรองแลมเพราะอากาศปิดไม่เอื้อ
ต่อการโดยสารโดยอากาศยานใด ๆ หนึ่งวันก่อนที่ผมจะไป ผู้บังคับหมู่
ทิลเลสก็ไปเหยียบกับระเบิดเข้าและผมก็ต้องย้ายคิลลิแกนมาท�ำหน้าที่
ผู้บังคับหมู่แทน ถึงแม้จะมียศเพียงสิบโท คิลลิแกนเองก็ไม่ชอบงานแบบนี้
สิ่งที่เขาชอบคือการรบ ไม่ใช่การมาท�ำหน้าที่เป็นผู้นำ� และเขาก็มีวิธีบอก
ให้ผมรู้ว่าไม่ชอบโดยการบ่นให้ได้ยิน “ผมไม่ชอบงานบ้า ๆ แบบนี้เลย”
ผมท�ำเป็นไม่ได้ยิน ในสถานการณ์แบบนี้เขาคือทางเลือกที่ดีที่สุดและก็ได้
รับภารกิจที่ถือว่ายากส�ำหรับเขาซึ่งก็คือการลาดตระเวนพร้อมกับผม
ไปที่ทางหลวงหมายเลข ๑ ที่นั่นจะมีรถยานเกราะมารับเราเพื่อไปที่แอลซี
อิงลิช และเมื่อส่งผมแล้ว คิลลิแกนก็ต้องพาชุดลาดตระเวนกลับไปที่ฐาน
ของหมวดที่ทรองแลมท่ามกลางสายฝนที่ตกมายามค�่ำคืน
ผมรู ้ สึ ก ผิ ด ที่ ใ ห้ คิ ล ลิ แ กนต้ อ งมารั บ ผิ ด ชอบในสิ่ ง ที่ เขาเกลี ย ด
เขาต� ำ หนิ ผ มด้ ว ยสายตา ขณะที่ ผ มก� ำ ลั ง ตะกายขึ้ น บนรถยานเกราะ
ล�ำเลียงพลในเวลาพลบค�่ำ ตลอดคืนผมเฝ้าฟังวิทยุติดตามสถานการณ์ใน
ขณะที่คิลลิแกนน�ำชุดลาดตระเวนกลับฐาน เสียงของเขาผ่านวิทยุฟังดู
ไม่ค่อยดีเลย เป็นลางสังหรณ์ยังไงไม่รู้ ระหว่างขากลับเขาต้องพาลูกน้อง
ข้ามล�ำธารเล็ก ๆ ซึ่งตอนขากลับได้กลายสภาพเป็นล�ำน�้ำที่ไหลเชี่ยว
เที่ยงคืนผ่านไป เสียงของเขาทางวิทยุเริ่มมีค�ำสบถลอดเข้ามาบ่อย ๆ เขา
เริม่ มีปญ
ั หาการควบคุมอารมณ์ในค�ำ่ คืนทีล่ ำ� บากอย่างนี้ ผมนึกออกเลยว่า
ทุกย่างก้าวที่เขาก้าวเดินเขาต้องสบถด่าผมไปตลอดทาง แต่ผมท�ำในสิ่งที่

155
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

จ�ำเป็นต้องท�ำและก็ถูกต้อง เมื่อมั่นใจว่าเขากลับถึงฐานอย่างปลอดภัย
ผมก็โล่งใจ และได้มีโอกาสดื่มเบียร์ในรอบ ๒ เดือน ผมดื่มจนหลับไป
เป็นการหลับที่สนิทและดีมาก ผมไม่รู้ว่าผมได้มีโอกาสหลับแบบนี้ครั้ง
สุดท้ายตอนไหน ตื่นมาตอนเช้ายังมีอาการเมาค้างเล็กน้อย ผมเริ่มการ
เดินทาง ๔๐ ไมล์ เพื่อไปที่พูไท ที่ผมตกใจคือผมต้องฝากอาวุธประจ�ำกาย
และระเบิดขว้างไว้กับหน่วยทหารอเมริกันที่ผมพักระหว่างทางก่อนการ
เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่และก็ได้รับแจกปืนพกแทน ซึ่งมันไม่ค่อยจะมี
ประโยชน์มากนักในสถานการณ์เช่นนี้ บางทีระเบียบของกองทัพก็ตึง
เกินไป ยิ่งกว่านั้นก็ไม่มีแผนการที่ชัดเจนในการส่งผมไปที่พูไท ว่าจะไป
อย่างไร ฝนทีต่ กลงมาก็ทำ� ให้เฮลิคอปเตอร์มารับไม่ได้ เมือ่ ค�ำนึงถึงศักดิศ์ รี
ของตัวเอง ผมหาทางไปเองดีกว่าโดยการโบกรถ
ในระหว่างสงครามเวียดนาม อเมริกาสูญเสียก�ำลังพลไปประมาณ
๑๐,๐๐๐ นาย ซึ่งไม่ได้เกิดจากการยิงของข้าศึกเลย เวียดนามเต็มไปด้วย
เล่ห์เหลี่ยม อันตราย และเมื่อถนนหมายเลข ๑ ถูกตัดขาดอันเนื่องจากฝน
ผมก็ไม่เสี่ยงเดินทางต่อ แต่หลังจากที่คอยให้เฮลิคอปเตอร์มารับที่ค่าย
ทหารใกล้ ๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง เพื่อนที่มาด้วยกันก็หมดความอดทน
ตัดสินใจเดินทางต่อด้วยรถยนต์ขนาด ๒ ๑/๒ ตันที่พวกเราโดยสารมา
แต่แรก แต่ผมไม่เอาด้วย รอให้เฮลิคอปเตอร์มารับดีกว่า พวกทีเ่ ลือกไปกับ
รถก็ต้องเสี่ยงกับสภาพถนนที่ถูกน�้ำท่วมและสุดท้ายรถก็พลิกคว�่ำท�ำให้มี
ผู้โดยสารเสียชีวิต ๓ นายพร้อมคนขับ ส่วนผมในวันรุ่งขึ้นก็ได้โดยสาร
เฮลิคอปเตอร์เพื่อไปที่พูไท
เมื่อไปถึงพูไท ผมก็รับเงินเดือนที่จะต้องเอาไปแจกจ่ายให้ทหาร
เงินจ�ำนวนนั้นมากถึง ๑๗,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ผมเริ่มวิตกว่าอาจจะเกิด
อันตรายได้ อาจจะมีคนไม่หวังดีคอยฉกไป ซึ่งอาจจะเป็นพวกเวียดกง
156
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เวียดนามใต้ หรือคนอเมริกันก็ได้ และพวกเขาอาจไม่รีรอที่จะฆ่าเพื่อให้ได้


เงิน และเมื่อนึกได้ว่าปืนพกที่ได้รับแจกมาไม่น่าจะมีประโยชน์เท่าใดนัก
และอาจท�ำให้เป็นทีส่ งสัย ผมเลยเอาซองปืนทิง้ ไปและเหน็บปืนไว้ให้มดิ ชิด
ภายในเสื้ อ และก็ เ ก็ บ มั ด เงิ น ไว้ ใ นตั ว ท� ำ ตั ว ให้ เ หมื อ นกั บ ว่ า เพิ่ ง มาถึ ง
เวียดนามใหม่ ๆ และไม่พดู กับใครเกีย่ วกับเรือ่ งเงิน อีกสองวันผมก็เดินทาง
ไปแอลซี อิงลิช การท�ำหน้าที่จ่ายเงินเดือนให้กับทหารในยามสงคราม
เช่นนี้ ดู ๆ ไปมันก็เหมือนจะไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย แต่มันเป็นสิทธิของ
ทหาร และส่วนมากพวกเขาจะให้ผมเปลี่ยนเป็นตั๋วแลกเงินส่งกลับไปบ้าน
ที่สหรัฐ ในขากลับไปที่พูไท ผมเบิกปืน เอ็ม-๑๖ มาไว้ป้องกันตัวเอง
ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นไปตามระเบียบของกองทัพ
เมื่อปฏิบัติหน้าที่จ่ายเงินเสร็จผมก็กลับ “บ้าน” ซึ่งก็คือ ฐาน
ของผม แพลโลแมนท�ำหน้าที่ได้สมบูรณ์ในระหว่างที่ผมไม่อยู่ มีทหารใหม่
มาเพิ่มบางส่วนและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตอีก ตอนนี้หมวดผม
ถือว่ามีก�ำลังเข้มแข็งพอสมควรคือประมาณกว่า ๒๐ นาย ฝนที่กระหน�่ำ
ลงมาในช่วงนี้ท�ำให้ข้าศึกหยุดการเคลื่อนไหวไปด้วย ซึ่งก็เป็นผลดีกับเรา
ผมคิดว่า พวกมันก็เป็นคนเหมือน ๆ เรา ต้องมีความรูส้ กึ พืน้ ฐานเหมือนกัน
มีความกลัวบางเรื่องและไม่กลัวในบางเรื่อง แต่ในบางครั้งก็ดูเหมือนจะ
แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเรา บรรยากาศอย่างนี้ท�ำให้พวกเราไม่อยากออก
ไปลาดตระเวน แต่การอยู่กับที่จะท�ำให้เราเป็นเป้านิ่ง สิ่งที่ดีที่สุดคือการ
ออกไปลาดตระเวนเหมือนทีเ่ คยท�ำ ผมไม่รอให้ขา้ ศึกเลือกเป้าหมายได้งา่ ย
เลยตัดสินใจไปบุกถึงถิ่นพวกมันดีกว่า สิ่งหนึ่งที่ผมท�ำภายในหมวดคือการ
ย้ายคิลลิแกนออกจากการท�ำหน้าที่ผู้บังคับหมู่ เพราะนายสิบที่เคยท�ำ
หน้าที่ได้กลับมาแล้ว และผมก็ได้บอกให้ผู้บังคับหมู่ของคิลลิแกนให้หาคน
มาท�ำหน้าที่พลน�ำทางใหม่แทนเขา ไม่ใช่ว่าคิลลิแกนท�ำหน้าที่ได้ไม่ดี แต่

157
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

โดยปกติคนที่จะถูกยิงเป็นคนแรกจากข้าศึกก็คือพลน�ำทาง สักวันหนึ่งเขา
อาจจะพลาดก็ได้ คิลลิแกนโกรธมากในเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่าค�ำสั่งผม
จะไม่มีความหมายส�ำหรับเขาเท่าไหร่นัก เวลาออกไปลาดตระเวนเขาก็จะ
ท�ำเนียน ๆ รีบวิ่งขึ้นไปข้างหน้า ส�ำหรับเขา หน้าที่พลน�ำทางเป็นของเขา
เท่านั้น

158
บทที่ ๑๕
ความฉลาดริเริ่มของคนอเมริกัน

ในตอนต้นเดือนพฤศจิกายนพวกเราได้รบั ค�ำสัง่ ให้ไปพักผ่อนและ


ฟื้นฟู ในสงครามอื่นทหารในแนวหน้าจะได้มีโอกาสไปพักในแนวหลังเป็น
พัก ๆ แต่ทเี่ วียดนามนีแ้ ตกต่างกันเพราะไม่มแี นวหลัง ทหารทีอ่ ยูใ่ นสมรภูมิ
รบจะอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆไม่มีช่วงพัก นั่นเป็นชะตากรรมของพวกเรา
พลวิทยุพีท สแพงเกลอร์ เป็นคนแรกที่กระจายข่าว เขายืนใกล้วิทยุตอนที่
มีคนวิทยุมาบอกข่าวและไม่กี่นาทีข่าวก็กระจายไปรอบฐาน
“เฮ้ พวกเราจะได้กลับบ้านแล้ว” และทหารคนหนึ่งก็ตอบมา
“ไม่ใช่บ้าน ไอ้โง่ แต่ไปในที่ที่ห่างจากที่แย่ ๆ แห่งนี้” สแพงเกลอร์ถาม
“แล้วพวกเขาจะพาเราไปไหนล่ะ” อีกคนก็ตอบ “ใครจะไปสนวะแค่ออก
จากที่นี่ได้ก็ดีถมถืดแล้ว ใช่ไหม” ทั้งคนใหม่คนเก่าต่างก็ตื่นเต้น ผมบังคับ
ตัวเองให้นึกแผนการที่จะป้องกันหมู่บ้านทรองแลมในระหว่างที่เราไปพัก
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะมารับพวกเราก็มีก�ำลังทหาร
ประมาณหนึ่งหมวดมารับหน้าที่ในการรักษาฐาน ก�ำลังที่มาใหม่มีคนน้อย
กว่าเรา มีนายสิบยศจ่าท�ำหน้าทีผ่ บู้ งั คับหมวด ตอนฟังการสรุปสถานการณ์
จากผมดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เขามาจากหน่วยที่ไม่ค่อยมี
159
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

การปะทะ ผมอธิบายถึงสถานการณ์ทั้งหมดรวมถึงยุทธวิธีที่ข้าศึกอาจจะ
ใช้ พวกเราจะไม่อยูแ่ ค่สามวัน แต่สำ� หรับจ่าคนนัน้ มันฟังดูเหมือนนานมาก
ฟังจากวิธีการพูดผมรู้ได้เลยว่าเขาคงไม่ท�ำอะไรเสี่ยง ๆ เช่น การออกไป
ลาดตระเวนเป็นแน่ คงอยูแ่ ต่ในฐานรอพวกเรากลับมา ผมไม่อยากต�ำหนิเขา
เพราะพวกเขามีก�ำลังเพียง ๑๕ คนเท่านั้น และผมก็คิดว่าในระหว่างที่เรา
ไม่อยู่พวกข้าศึกคงท�ำอะไรบางอย่างเพื่อต้อนรับตอนพวกเรากลับมา เช่น
วางกับระเบิดเพิ่มในบริเวณที่หมวดเรารับผิดชอบ แต่นั่นก็อีกตั้งสามวัน
ตอนที่พวกเราคอยอยู่ลานเฮลิคอปเตอร์ใกล้ฐาน พวกเราเหมือน
กับนักโทษที่เพิ่งออกจากคุกยังไงยังงั้น วันหยุดพักสามวันนี้รับรองว่าจะ
ไม่มีใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต พวกเราดีใจจนเนื้อเต้น ในสนามรบพวกเขา
ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ และในเวลาที่ได้
พักถึงแม้จะแค่สามวัน ก็น่าจะท�ำให้พวกเขาได้รู้รสชาติของการมีชีวิตอยู่
ว่ามันมีคา่ แค่ไหน เสียงดีใจก็ดงั สนัน่ เมือ่ เฮลิคอปเตอร์แบบชินคุ หรือซีเอช-
๔๗ (CH-47) มาถึง ฝุ่นตลบที่เกิดจากใบพัดของเครื่องก็ไม่สามารถพัดพา
รอยยิ้มออกจากใบหน้าลูกน้องผมได้ พวกเราเข้าไปอัดกันแน่นในเครื่อง
ในเวลาไม่กี่อึดใจ สามวันจากนี้ หมู่บ้านทรองแลมไม่ใช่สิ่งที่พวกเรา
ต้องห่วง
แต่ทุกอย่างก็ไม่สวยหรูเสมอไป นายทหารการเงินผู้หมวดไซมอน
เลกรี ทีก่ ำ� ลังถ่มน�ำ้ ลาย (คงเพือ่ ให้ตวั เองดูเท่) ถามผมว่า “คุณเป็นผูห้ มวด
ของทหารพวกนีใ้ ช่ไหม” ผมตอบด้วยท่าทางให้รวู้ า่ ฉันคือของจริงนะ ไม่ได้
มาอยู่สบายแบบแก “ใช่” แล้วเขาก็พูด “ผมต้องรบกวนให้คุณรวบรวมตั๋ว
แลกเงินจากลูกน้องคุณมาให้ผม วันนี้เป็นวันที่ต้องรวบรวมไว้ที่ส่วนกลาง
ก่อน ทุกดอลล่าร์เลย” ผมตะโกนด้วยความโมโหท่ามกลางเสียงเครือ่ งยนต์
ทีด่ งั กระหึม่ “บ้าแล้ว คุณจะมาเอาเงินของพวกเขาไปไม่ได้” แต่เขาไม่สนใจ
160
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

และพูดว่า “อ๋อได้สิ เพราะเป็นค�ำสั่งของผู้บัญชาการแม็ควี (MACV)


เดี๋ยวผมจะอ่านค�ำสั่งให้ฟัง” ผมเลยพูดว่า “น้อย ๆ หน่อยพวก ผมอ่าน
ออกนะ” และแล้วก็เป็นอย่างที่นายทหารการเงินพูดจริง ๆ “แล้วพวกเรา
จะได้เงินคืนตอนไหน” ผมถามทัง้ ทีร่ อู้ ยูว่ า่ เดีย๋ วก็ได้คนื “ประมาณ ๗ - ๑๐
วัน จะได้คืนครบหมด” เขาตอบด้วยความมั่นใจในวิชาชีพเขาของเหล่า
ทหารการเงิน
การเรียกคืนตัว๋ แลกเงินเป็นวิธกี ารอย่างหนึง่ ทีป่ อ้ งกันไม่ให้มนั หลุด
ไปในตลาดมืด เพราะที่เวียดนามสกุลเงินท้องถิ่นมีค่าน้อยมากและมีอัตรา
เงินเฟ้อสูง ดังนั้นอะไรที่เกี่ยวข้องกับเงินดอลล่าร์ดูเหมือนจะมีค่าหมด
รวมถึงตั๋วแลกเงินนี้ด้วย วิธีการในการป้องกันไม่ให้เงินที่ใช้ที่เวียดนาม
หลุดไปในตลาดมืดมีหลายอย่าง เช่น เปลี่ยนรูปแบบของตั๋วแลกเงินเป็น
ระยะ ๆ คนที่จะมาแสดงสิทธิ์ต้องเป็นเจ้าของตั๋วที่แท้จริงโดยมีชื่อก�ำกับ
คนที่ไม่ใช่เจ้าของตั๋วที่ถืออยู่ในตลาดมืดก็ไม่ต่างอะไรกับการถือกระดาษ
เปล่า ๆ แต่พวกที่อยู่ในตลาดมืดมักจะมีแหล่งข่าวท�ำให้รู้ล่วงหน้าว่าจะมี
การปรับเปลี่ยนอะไรช่วงไหนเพื่อลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น มีแต่คนโง่
อย่างผมที่ไม่รู้อะไรและก็ไม่สามารถช่วยอะไรลูกน้องได้มากในเรื่องเงิน ๆ
ทอง ๆ นี้
“โอเคทุกคน มองมาทางนีก้ นั หน่อย เดีย๋ วผูห้ มวดนัน่ จะเดินไปหา
พวกเราทีละคนเพื่อให้เซ็นเอกสารและให้เก็บใบเสร็จไว้ แล้วพวกเราจะได้
เงินคืนทีหลัง คนที่ไม่ให้ความร่วมมือหรือข่มขู่เขา ผมจะส่งกลับไปที่
ทรองแลมทันที” เสร็จแล้วผมก็นั่งลงพร้อมกับฟังเสียงบ่นและสบถที่
ตามมาจากลูกน้อง หมวดไซมอนรู้ดีว่าตัวเองท�ำให้พวกทหารไม่พอใจและ
เสี่ยงต่อการถูกโยนออกนอกเครื่องได้ แต่ละก้าวเดินของเขารู้สึกว่าจะเป็น
ไปด้วยความระมัดระวัง ผมเข้าใจในความรูส้ กึ ของลูกน้องดี มีสงิ่ เดียวทีเ่ งิน
161
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

จะซือ้ ได้ในทีท่ พี่ วกเราจะไปนัน่ คือผูห้ ญิง พวกเราก�ำลังมุง่ หน้าไปทีช่ ายหาด


ที่เตรียมไว้เฉพาะส�ำหรับพวกเรา ซึ่งด้านทิศเหนือและใต้กั้นด้วยเทือกเขา
ที่พวกเราเรียกว่า ไทเกอร์ เทือกเขานี้สูงชันมากจนยากที่ข้าศึกจะผ่านมา
ได้ และถึงจะผ่านมาได้ก็คงต้องหมดแรงจนไม่สามารถท�ำอะไรได้ อีกทั้ง
พวกเรายังสามารถสังเกตได้จากระยะไกล
ทีช่ ายหาดไม่มอี ะไรเลยนอกอาคารไม้โทรม ๆ และไม่มเี ฟอร์นเิ จอร์
อะไรเลย มันคือที่พักของพวกเราขณะอยู่ที่นั่น คลื่นลมก็แรงเพราะเป็นฤดู
มรสุม และลูกน้องผมไม่มีใครมาอาบแดดให้เห็นเลย มันไม่ได้เป็นสถานที่
พิเศษอะไรเลยนอกจากให้เรามานอนเฉย ๆ ถ้าไม่มผี หู้ ญิงชาวเวียดนามผ่าน
เข้ามา แต่พวกหล่อนก็มาจนได้ ถือได้ว่าเก่งกว่าเวียดกงเสียอีก
ไม่รู้พวกหล่อนท�ำอย่างไร สุดท้ายก็สามารถเข้ามาขายบริการ
ให้ พ วกเราได้ พวกหล่ อ นอาจจะมาทางเรื อ หรื อ ไม่ ก็ ไ ต่ ล งมาจาก
หน้าผาแล้วมาตั้งเป็นบังเกอร์นางโลมใกล้ ๆ กับที่พวกเราอยู่ห่างกัน
เพียง ๗๕ เมตรเท่านั้นเอง โดยมีลวดหนามเก่า ๆ กั้น ซึ่งก็คงเป็นความคิด
ของอนุศาสนาจารย์สกั คนเมือ่ สมัยพระเจ้าเหา ดูเหมือนความต้องการทีจ่ ะ
ได้เงินจากพวกเรามีสูงมากจนไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้ และก็มีเรื่องเล่า
มากมายถึงความสามารถในการยั่วยวนของพวกหล่อน แต่พวกเราก็ไม่ได้
ตกเป็นเหยื่อง่าย ๆ เพราะได้ส่งคืนตั๋วแลกเงินให้กับนายทหารการเงิน
ไปแล้ว ตอนที่พวกเราก�ำลังจะลงจากเฮลิคอปเตอร์ท่ามกลางฝุ่นทรายที่
คลุ้งไปทั่ว พวกหล่อนก็โบกมือให้อย่างตื่นเต้นดีใจ และพวกเราบางคน
ก็โบกมือตอบให้พวกเธอ แล้วก็โบกมือลาให้เฮลิคอปเตอร์ท่ีมาส่งและ
ตามด้วยให้สัญลักษณ์พิเศษแก่หมวดไซมอน เลกรี ด้วย

162
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เมื่อทุกคนพร้อม ผมท�ำการซักซ้อมแผนฉุกเฉินเผื่อข้าศึกโจมตี
โดยไม่รู้ตัว แต่ดูเหมือนจิตใจของลูกน้องจะไปอยู่ที่ผู้หญิงขายบริการ
เหล่านั้นจนหมดแล้ว พวกหล่อนโบกมือให้เหมือนจะบอกว่า “เงินมา
ผ้าหลุดจ้า” แต่น่าเสียดายที่พวกเราไม่มีเงินให้ พวกเราเลยนั่งที่ชายหาด
อย่างเศร้า ๆ มาคิดดูอีกที มันเกินไปหรือเปล่าที่ผมต้องมาห้ามลูกน้อง
ไม่ให้ไปยุ่งกับผู้หญิงพวกนั้น ความยุติธรรมในชีวิตมันอยู่ที่ไหนหนอ แต่
ผมก็ต้องท�ำ
ก่อนที่ลูกน้องผมจะคลั่งตายเพราะผู้หญิงขายบริการเหล่านั้น
กองทัพบกสหรัฐก็เข้ามาช่วยได้ทันเวลา พวกเขาไม่ปล่อยให้พวกเรามา
พั ก ผ่ อ นโดยที่ ไ ม่ มี อ ะไรช่ ว ยผ่ อ นคลาย เสี ย งเฮลิ ค อปเตอร์ ที่ บ รรทุ ก
เครื่องดื่มสารพัดก็มาถึง ทั้งเบียร์ โซดา นายทหารฝ่ายเสนาธิการสมัยโน้น
คงเห็นปัญหาว่าต้องมีอะไรพิเศษให้ทหารที่มารบได้กินดื่มกันบ้าง และ
ความจริงเครื่องดื่มพวกนี้เป็นโควต้าของหมวดเราที่ควรจะได้ตั้งแต่มาถึง
เวียดนามใหม่ ๆ แล้ว แต่ในที่สุดเราก็ได้มันมา พวกเราดีใจกันมาก บางคน
พยายามเข้าไปตั้งแต่เฮลิคอปเตอร์ยังไม่แตะพื้น
ผมว่าลูกน้องผมฉลาด แม้เราจะไม่มีเงินแต่ก็รู้วิธีเปลี่ยนสินทรัพย์
ที่มีจนได้ผู้หญิงเวียดนามพวกนั้นมาครองสมใจอยาก คืนนั้นผมคอยจะ
โทรศัพท์ทางไกลผ่านทางวิทยุสื่อสารไปหาภรรยาที่บ้าน คอยอยู่นาน
ดื่มเบียร์หมดไปมากมาย สุดท้ายก็ไม่ได้โทร แต่ก็ดีแล้วเพราะถ้าได้โทร
จริง ๆ ภรรยาผมคงรู้ว่าผมก�ำลังเมา ผมตื่นเช้ามายังมึน ๆ ศีรษะอยู่ แต่ก็
หลับดีมาก
วันที่สองของการพักผ่อนช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ผมได้มีโอกาส
พูดคุยกับลูกน้องด้วยบรรยากาศสบาย ๆ ท�ำให้ได้รู้ชีวิตส่วนตัวของแต่ละ

163
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

คนมากขึ้น และรู้ว่าแต่ละคนก็มีเอกลักษณ์ของตัวเองที่น่าคบหา แต่ก็ต้อง


รักษาระยะห่างเอาไว้ เพื่อความเหมาะสมในการปกครองบังคับบัญชา
ในอีกไม่นานพวกเราก็ตอ้ งกลับไปทีฐ่ านสูส่ ภาพเดิมของบรรยากาศการรบ
และผมก็ต้องเป็นคนตัดสินใจในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
และในวันทีส่ ามก็ถงึ เวลาทีพ่ วกเราต้องกลับไปฐานหลังจากใช้เวลา
อยู่ที่นี่ถึงกว่า ๔๘ ชั่วโมง และเชื่อว่าก�ำลังพลในหมวดของผมต้องเต็มไป
ด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ นี่ก็อาจเป็นสาเหตุที่ว่าท�ำไมพวกเวียดกง
จึงไม่มายุง่ กับพวกเราตอนอยูท่ ชี่ ายหาด เพราะพวกมันคิดว่าผูห้ ญิงนีแ่ หละ
คืออาวุธทีร่ า้ ยกาจทีส่ ดุ แต่พวกมันมองข้ามอาวุธลับทีม่ อี านุภาพสูงของเรา
นั่นคือ ยาเพนนิซิลิน
หมวดที่ ม ารั ก ษาฐานดี ใจมากที่ เ ห็ น พวกเรากลั บ มา พวกเขา
บอกว่าถูกซุ่มยิงบ้างแต่ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นและก็ดูเหมือนว่าพวกเขา
ไม่ได้ออกไปลาดตระเวนเลย บ่ายวันนั้นผมจัดก�ำลังหนึ่งชุดออกไปท�ำการ
ลาดตระเวนโดยผมไปด้วย ตอนนี้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมแล้ว

164
บทที่ ๑๖
ข้าศึกเพิ่มเติมกำ�ลัง

ฝนมาหยุดตกเอาประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน อากาศเริม่ กลับ


มาสดใสเหมือนเดิม ท้องฟ้าเปิดท�ำให้เฮลิคอปเตอร์สามารถน�ำเสบียงมาส่ง
ได้ตามปกติซึ่งรวมถึงจดหมาย พัสดุ อาหารดี ๆ และเครื่องแบบใหม่ ๆ
สะอาด ๆ นอกจากนัน้ ฟิล เนลก็ได้กลับมาจากการไปรักษาอาการบาดเจ็บ
พร้อมกับฟันหน้าที่หายไปถูกแทนที่ด้วยวัสดุเทียม “สวัสดีครับหมวด
สบายดีนะครับ” เขาทักทายผมด้วยรอยยิ้มที่ดูสว่างสดใสมากกว่าอากาศ
ในยามนีเ้ สียอีก “สวัสดีฟลิ ลมอะไรพัดมาแถวนีเ้ นีย่ ” “ระเบิดลงครับหมวด
ผมต้องรีบออกจากโรงพยาบาลก่อนที่พวกพยาบาลจะรู้ว่าพวกหล่อนท้อง
กับผมครับ อีกอย่างผมเบื่อที่ต้องมานั่ง ๆ นอนบนเตียงโดยไม่ได้ท�ำอะไร”
เนลไม่เปลีย่ นเลย ถึงเขาจะมีนสิ ยั ทีด่ ใี นแง่ทสี่ ามารถปรับตัวให้อยู่
ได้ในที่ต่าง ๆ แต่ก็คงจะเบื่อจริง ๆ จึงอยากจะกลับมาอยู่กับเพื่อน ๆ
“นี่ฟิล ฉันขอโทษที่ดุด่านายในคืนนั้น แต่ฉันต้องใช้วิทยุเพื่อติดต่อจริง ๆ
และหานายไม่เจอ” “ไม่เป็นไรครับหมวด ผมรู้ว่าหมวดต้องใช้มันและ
นั่นคือสาเหตุที่ผมต้องพยายามไปหาหมวดให้ได้ตอนนั้น เอ่อ เลยโดน
สอยครับ” เขายิ้มและผมก็รู้ว่าเขาให้อภัยผม ผมส่งเนลไปอยู่กับหมู่
ของรอบิ น สั น เพราะตอนนี้ มี พ ลวิ ท ยุ ค นใหม่ แ ล้ ว คื อ พลทหารพี ท

165
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

สแพงเกลอร์ จากเมืองยูม่า รัฐแอริโซน่า ซึ่งตอนนี้ก�ำลังเรียนรู้การใช้งาน


ให้คล่องอยู่ ผมเลยให้เวลาเขาสักพักในการฝึกการใช้ ส่วนเนลนั้นผมรู้ว่า
เขาเป็นทหารทีด่ แี ละต้องเป็นทีต่ อ้ งการของหมูข่ องรอบินสันอย่างแน่นอน
ส่วนจอน บาร์น ซึ่งเป็นตัวหลักของหมู่ก็อยู่ระหว่างการไปฟื้นฟู เป็นเวลา
๖ วัน ซึ่งเนลก็สามารถปฏิบัติหน้าที่แทนได้
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าข้าศึกใช้ประโยชน์จากช่วงฤดูฝนเตรียมก�ำลัง
ของตนให้แข็งแกร่งมากขึ้น มีสิ่งบอกเหตุให้เห็นหลายที่ ในการออกไป
ลาดตระเวนแต่ละครั้ง เราสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเป็นระยะ ๆ มีการ
ตรวจพบอุโมงค์และหลุมทีเ่ พิง่ ขุดใหม่ ๆ และกับระเบิดก็มมี ากขึน้ พวกเรา
ออกไปลาดตระเวนซุ่มโจมตีข้าศึกถี่ขึ้น แต่ก็ไม่ได้มีการปะทะใด ๆ หนาน
บอกเราว่ า พวกเวี ย ดกงมี วิ ธี ต รวจและเฝ้ า ติ ด ตามการเคลื่ อ นไหวของ
พวกเราโดยการใช้วิธีง่าย ๆ แต่ได้ผล เช่น ถ้าพวกเราออกลาดตระเวนตอน
พลบค�ำ่ กระท่อมบางหลังก็จะจุดไฟสว่างขึน้ เป็นสัญลักษณ์ให้รู้ ถ้าพวกเรา
ออกลาดตระเวนไปทางทิศเหนือ วิทยุสื่อสารของพวกมันก็จะส่งสัญญาณ
บอกกันและวัดเคาได๋ ที่อยู่ใกล้ ๆ ก็จะจุดตะเกียงและก็ตีฆ้องให้สัญญาณ
และเมื่อชุดลาดตระเวนกลับฐานหมดแล้วไฟก็จะดับ รูปแบบของไฟและ
เสียงที่ผสมกันจะเป็นการบอกถึงรูปแบบการรวมก�ำลังของฝ่ายเรา ในช่วง
การลาดตระเวนในเวลากลางวันพวกเด็ก ๆ จะเดินตามเราหลายร้อยเมตร
แล้วก็จะหายไป เพื่อแจ้งข่าวให้พวกเวียดกงรู้ว่าพวกเรามีจ�ำนวนเท่าไหร่
เป็นอยู่อย่างนี้เป็นระยะ ๆ และมักจะเป็นเด็กกลุ่มเดียวกัน
น่าตลกที่เด็กพวกนี้เห็นทหารอเมริกันเป็นทั้งผู้ที่มาปกป้องพวก
เขาและมาให้อะไรมากมาย แต่ในขณะเดียวกันเด็กพวกนี้ก็ก�ำลังเป็นส่วน
หนึง่ ของระบบทีค่ อยจะเข่นฆ่าพวกเรา ผมเริม่ เป็นห่วงเรือ่ งความปลอดภัย
ของพวกเรามากขึ้น ถ้าการข่าวของข้าศึกดีอย่างนี้ สักวันหนึ่งอาจเห็น
166
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

จุดอ่อนของพวกเราทีฐ่ านก็ได้ แม้กระทัง่ กับระเบิด ถึงแม้วา่ จะถูกตรวจพบ


เป็นจ�ำนวนมาก แต่พวกเราก็โดนไปมากเหมือนกัน เนือ่ งจากฐานของเรามี
พื้นที่จ�ำกัด ห้องสุขาจ�ำเป็นต้องอยู่นอกฐานซึ่งหมายถึงนอกรั้วลวดหนาม
ข้าง ๆ สนามเฮลิคอปเตอร์ สุขาของเราสร้างแบบง่าย ๆ คือเป็นคล้าย ๆ
กล่องไม้เจาะรูตรงกลาง ส่วนด้านล่างก็เป็นถังรองรับสิง่ ปฏิกลู มันเป็นภาพ
ที่ไม่น่าดูนักส�ำหรับนักบินที่น�ำเครื่องมาลงทีน่ ี่แต่ก็จ�ำเป็น ในเวลากลางวัน
นัน้ ปลอดภัยเพราะอยูใ่ กล้ฐาน แต่ถา้ ต้องการจะปลดทุกข์ในเวลากลางคืน
จะต้องมีกระสอบทรายกัน้ ด้วย เวลาชาวบ้านเดินผ่านไปมาก็จะเห็นได้อย่าง
สบาย ๆ และคนที่นั่งปลดทุกข์ก็เห็นคนที่สัญจรไปมาด้วย ส�ำหรับผมแล้ว
จะหลีกเลีย่ งชัว่ โมงเร่งด่วนในตอนเช้าซึง่ จะมีชาวบ้านผ่านไปผ่านมาเพือ่ ไป
ท�ำงานที่ไร่นา แต่บ่อยครั้งที่เกิดอาการท้องเสียซึ่งท�ำให้การใช้ชีวิตที่
ฐานนั้นล�ำบากเหมือนกัน อาการท้องเสียส่วนใหญ่เกิดจากการกินอาหาร
และน�้ำที่ไม่สะอาดพร้อมกับยาเม็ดป้องกันมาลาเรีย ส่วนผสมพิเศษนี้มัก
ท�ำให้ท้องไส้ปั่นป่วนบ่อย ๆ บางครั้งขณะที่นั่งปลดทุกข์ พวกชาวบ้านที่
เดินผ่านไปมาโบกมือให้พร้อมรอยยิม้ ผมก็โบกมือตอบเหมือนท่านนายพล
แมกอาเธอร์ท�ำ
เช้าวันหนึ่งผู้หมู่ดอน ผู้บังคับหมู่ ๓ ก�ำลังนั่งปลดทุกข์อยู่ มีผู้หญิง
ชาวบ้านก�ำลังเก็บฟืนอยู่ใกล้ ๆ สักพักเธอท�ำหน้าตาตื่นมองมาที่เขา ด้วย
สัญชาตญาณการเอาตัวรอด ดอนรีบกระโดดออกจากส้วมทันที หลังจาก
การตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เราให้พบว่ามีการต่อวงจรไฟฟ้าระหว่างสุขา
กับจรวด B-40 เล็งมาตรงทีค่ นนัง่ พอดี ถ้าคนทีม่ าปลดทุกข์ปดิ ฝาส้วมก็จะ
เป็นการท�ำให้วงจรไฟฟ้าท�ำงานและจรวดก็จะพุ่งเข้าใส่ทันที เป็นที่ชัดเจน
แล้วว่าข้าศึกนั้นท�ำทุกวิถีทางที่จะก่อกวนพวกเรา และดูเหมือนว่าตอนนี้
ข้าศึกมีเสรีในการปฏิบัติมากขึ้น

167
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมและรองผู้บังคับหมวดแพลโลแมนจึงต้องท�ำอะไรบางอย่าง
เป็นการตอบโต้ พวกเราจะท�ำให้การข่าวของพวกมันสับสนโดยการเปลีย่ น
ยุทธวิธรี ายวัน เช่นการซุม่ โจมตีจะเริม่ ต้นด้วยการท�ำเสียงดัง ๆ เพือ่ ให้ขา้ ศึก
รูว้ า่ พวกเราอยูท่ ไี่ หน จากนัน้ เราจะย้ายทีอ่ ยูใ่ นตอนมืดไปยังทีแ่ ห่งใหม่หา่ ง
ออกไปหลายร้อยเมตร ชุดลาดตระเวนทีอ่ อกไปช่วงหลังจะมีปนื กลออกไป
ด้วยเพื่อเพิ่มอ�ำนาจการยิง และระหว่างทางที่ออกลาดตระเวน เราจะทิ้ง
ชุดซุ่มโจมตีเล็ก ๆ เอาไว้ โดยชุดนี้จะกลับเข้าฐานหลังจากชุดลาดตระเวน
ชุดใหญ่ บางครัง้ พวกเราจะลุยผ่านนาข้าวซึง่ มีนำ�้ ท่วมสูงถึงคอเพือ่ ไปค้นหา
ที่อยู่หรือเส้นทางเคลื่อนที่ของพวกเวียดกง หากเราพบอุโมงค์ เราจะใช้
สารซีเอส (CS) ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้ในการควบคุมฝูงชนและก็ตามด้วย
ระเบิดสังหาร บางทีผมจะส่งชุดลาดตระเวนออกไปตอนช่วงเช้ามืดก่อน
สว่างเพือ่ จัดการกับทีห่ ลบซ่อนของพวกเวียดกง พวกเราเริม่ จัดการพวกมัน
ได้บางส่วนจากการเปลี่ยนกลยุทธ์แบบสายฟ้าแลบ
แน่นอนพวกเวียดกงก็ตอบโต้คืนด้วยการวางกับระเบิดและลอบ
โจมตีมากขึ้น เช้าวันหนึ่งผู้ใหญ่บ้านถูกเล่นงานขณะที่ก�ำลังอาบน�้ำที่ข้างๆ
บ่อน�้ำโดยวางเสื้อผ้าและปืนพกขนาด .๔๕ มม. อยู่ห่าง ๆ มีเด็กชายอายุ
แค่ ๙ ขวบ เดินมาที่ผู้ใหญ่บ้านแล้วยิงเขาด้วยปืนพกขนาด .๒๒ มม.
สองนัด ผู้ใหญ่บ้านบาดเจ็บแต่รอดชีวิตและกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในอีก
ไม่กี่สัปดาห์
ส่วนบาร์น เมื่อกลับจากการไปพักฟื้นที่ออสเตรเลียเป็นเวลา
๖ วัน ก็ต้องมาเสียขาขวาลึกถึงโคนขาจากการเหยียบกับระเบิด อีกราย
พลทหาร รอบสัน ซึง่ มาพร้อมกับแพลโลแมนก็เสียชีวติ จากการเข้าไปเคลียร์
อุโมงค์ สาเหตุคือเอาหัวมุดเข้าไปก่อน แต่พอเข้าไปได้สักพักก็ตกใจ
จนอาเจียนและก็ส�ำลักอาเจียนจนเสียชีวิตก่อนที่จะถูกดึงออกมา ทหาร
168
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

อีกคนเพิ่งมาถึงเวียดนามใหม่ ๆ ออกไปลาดตระเวน เมื่อถึงตอนจะนั่งพัก


ก็ไปทับกับระเบิดทีผ่ ลิตทีป่ ระเทศจีนเสียชีวติ ทันที สภาพศพน่าเวทนามาก
จ�ำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากกับระเบิดท�ำลายขวัญ
พวกเราพอสมควร และไม่วา่ พวกเราจะตรวจเจอกับระเบิดมากแค่ไหนก็จะ
ต้องมีคนที่ต้องเป็นตกเป็นเหยื่ออยู่เป็นจ�ำนวนมาก เพราะมันวางอยู่ทุกที่
ที่คาดว่าพวกเราจะผ่าน การวางแผนเพื่อจะผ่านพื้นที่ที่มีกับระเบิดมาก ๆ
ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย บางทีเราอยากจะปะทะข้าศึกให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
มากกว่า บางครั้งขณะเดินลาดตระเวน เราจะสังเกตเห็นดินเรียบ ๆ แต่ถ้า
ดูให้ดีจะมีโลหะเป็นสามง่ามโผล่ขึ้นมาจากดิน มันคือระเบิดสังหารบุคคล
ทีพ่ ร้อมจะท�ำให้รา่ งของคนทีเ่ หยียบกระจายไปทัว่ บริเวณ ยิง่ เราสังเกตมาก
เท่าไหร่โอกาสที่จะรอดชีวิตก็จะมีสูงเท่านั้น อย่างเช่น กองหินและกิ่งไม้ที่
วางไขว้กนั เป็นเครือ่ งหมายของพวกเวียดกงทีบ่ อกให้รวู้ า่ มีระเบิดอยูบ่ ริเวณ
นัน้ หรือเป็นพืน้ ทีส่ งั หาร และเมือ่ เราเจอสิง่ เหล่านี้ จะต้องหยุดอยูก่ บั ทีท่ นั ที
และมองหาสิง่ ทีน่ า่ จะเป็นอันตรายต่อเรา เช่น เถาวัลย์ทอี่ ยูผ่ ดิ ที่ (มักจะต่อ
กับสลักระเบิด) เส้นลวดเล็ก ๆ หรือพุ่มไม้ที่ถูกแหวกอย่างผิดธรรมชาติ ใน
ฐานะผู้น�ำเราต้องคิดถึงลูกน้องก่อนเสมอ แม้ในใจเรานึกอยากจะพุ่งหลบ
หากมีการตรวจพบระเบิด แต่ลูกน้องเราล่ะ พวกเราไปกันเป็นทีม เพราะ
ฉะนั้นต้องคอยเตือนกัน ระวังให้กันและกัน ผมจะสั่งให้ลูกน้องระวังก้าว
แต่ละก้าวที่เดินและให้ระวังสิ่งผิดปกติรอบด้านเสมอ แล้วถ้ามีการระเบิด
ใครกันที่จะตกเป็นเหยื่อ มันเป็นไปได้ทุกคนเลย บางทีเราก็ภาวนาอย่าให้
ข้าศึกโจมตีตอนที่พวกเราก�ำลังผ่านดงระเบิด เมื่อผ่านไปได้ก็โล่งใจแล้วก็
ไปเจออุปสรรคใหม่ต่อไป
ลูกน้องผมบางคนก็ทะลึ่งอยากโชว์ความกล้า วันหนึ่งหนานเจอ
ลูกกระสุน ค. ขนาด ๖๐ มม.เชือ่ มต่อวงจรกับลูกระเบิดควัน เขาปลดชนวน
169
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

มันออก แล้วก็ส่งต่อมาให้ผม “เฮ้ ตรวงอี้ (ผู้หมวดในภาษาเวียดนาม) ของ


ขวัญที่ระลึกชั้นหนึ่ง”
“ขอบใจหนาน” ผมตอบแบบประชด ๆ และก็ส่งลูกระเบิดให้
คิลลิแกนต่อ และก็เป็นสิ่งที่คาดเดาได้คือ คิลลิแกนไม่ส่งต่อให้ใครเขาถือ
ไว้อย่างนัน้ จนพวกเราไปถึงกระต๊อบร้างแห่งหนึง่ แล้วพันกระสุน ค. เข้ากับ
ระเบิดขว้างแบบสังหาร จากนัน้ ก็ถอดสลักนิรภัยแล้วโยนเข้าไปในกระต๊อบ
ร้าง มันระเบิดขึ้นเร็วจนคิลลิแกนแทบจะหลบไม่ทัน
ผมได้ปรับแผนเล็กน้อยเพือ่ ให้ทนั กับกลยุทธ์ของข้าศึกโดยการจ้าง
คนในพืน้ ทีใ่ ห้บอกเราว่าเส้นทางไหนมีกบั ระเบิด ตอนแรกเขาก็ไม่อยากช่วย
แกล้งท�ำเป็นไม่เข้าใจ แต่พอรู้ว่าพวกเรามีหนานอยู่ด้วยเขาก็ยอม แต่การ
ทีเ่ อาชาวบ้านมาเสีย่ งกับอันตรายแบบนีม้ นั เป็นสิง่ ทีเ่ หมาะแล้วหรือ บางที
พวกชาวบ้านอาจจ�ำเป็นต้องท�ำอะไรบางอย่างเพื่อความอยู่รอดของ
ครอบครัว ผมไม่สิทธิ์ที่จะไปตัดสินเขา แต่ในขณะเดียวกันลูกน้องผมก็
สมควรจะมีชีวิตรอดจากสงครามนี้เช่นกัน แล้วเส้นแบ่งเรื่องคุณธรรมมัน
อยูต่ รงไหน ผมจะไม่นำ� ลูกน้องผ่านพืน้ ทีอ่ นั ตรายโดยการปฏิบตั ติ ามแค่ใน
ต�ำราอย่างแน่นอน ทีผ่ า่ นมาหมวดเราสูญเสียลูกน้องไปมากจากกับระเบิด
ผูน้ ำ� ทีต่ อ้ งตัดสินใจในสนามรบโดยการรักษาสมดุลระหว่างการปฏิบตั ติ าม
กฎของสงครามและสิ่งที่ควรท�ำตามความเป็นจริงนั้นไม่ต่างอะไรกับการ
เดินทางบนพื้นที่อันตรายเลย เนื่องจากการตัดสินใจของผู้น�ำมีผลกระทบ
ต่อลูกน้องโดยตรง ดังนัน้ ผมต้องชัง่ ดูให้ดี ในฐานะผูบ้ งั คับหมวดทหารราบ
ในสนามรบผมต้องพยายามรักษาไว้ซึ่งความมีมนุษยธรรมด้วย อย่างเช่น
การซักถามเชลยศึกผมจะไม่ใช้การขู่หรือท�ำอะไรที่ไร้มนุษยธรรมโดย
เด็ดขาด แต่สุดท้ายผมต้องได้ข้อมูลที่เป็นจริง และเรื่องนี้ลูกน้องผมช่วย
ได้มากทีเดียว
170
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

วันหนึง่ ชุดซุม่ ของพวกเรามีการปะทะกับข้าศึก มีทหารถูกยิงทีข่ า


๑ นาย เลือดไหลออกมากท�ำให้ผมและชุดลาดตระเวนซึ่งอยู่อีกที่หนึ่งต้อง
รีบไปช่วย แต่ระหว่างทางต้องขึ้นเขา และผมสังเกตว่าที่ตีนเขาที่ก�ำลังจะ
ผ่านมีกบั ระเบิดเต็มไปหมด และชาวนาทีอ่ ยูต่ รงนัน้ ก็หลบอยูท่ พี่ งหญ้าด้วย
ความกลัว
“มานี่ซิ ปาป้าซัง หนาน ถามเขาซิว่าจะผ่านพื้นที่นี้ไปได้อย่างไร”
ชาวนาสั่นหัว ดูท่าทางเขากลัวมาก สักพักก็มีวิทยุเข้ามา “บ้าเอ๊ย ถ้าเรา
เอาเขาออกไปจากที่นี่ไม่ทันเขาต้องเลือดหมดตัวแน่ ๆ” ผมสั่งหนาน
“หนานถามเขาอีกทีซิ” แต่ชาวนายังสั่นหัวไม่ยอมบอก ผมชักโมโหเลยชัก
มีดออกมา “หนานบอกเขาไปว่าฉันจะฆ่าเขาแน่ถ้าเขาไม่ยอมบอก”
ผมล�้ำเส้นไปแล้ว ผมไม่ฆ่าเขาหรอก แต่ลุงชาวนานั่นไม่มีทางรู้
ความจริงเพียงแค่การขู่ฆ่าก็ถือเป็นความผิดแล้ว แต่ผมไม่มีทางเลือก
ลูกน้องผมก�ำลังบาดเจ็บสาหัส บางครัง้ ผูน้ ำ� ต้องตัดสินใจเองในสถานการณ์
ฉุกเฉินเช่นนี้ เขาต้องตัดสินใจให้ดที สี่ ดุ เพราะต้องอยูก่ บั ผลการตัดสินใจนัน้
ตลอดไป สงครามไม่ใช่กรณีศึกษาที่สามารถมาถกในห้องเรียนได้อย่าง
เสรี แต่ มั น เป็ น สถานการณ์ แ ห่ ง ความเป็ น ความตายที่ ก ารตั ด สิ น ใจ
แต่ละครั้งบีบคั้นความรู้สึกถึงขีดสุด อีกทั้งในภาวะสงครามจะต้องมีคน
เสียชีวติ ซึง่ ถ้าไม่ใช่ฝา่ ยเราก็ตอ้ งเป็นฝ่ายตรงข้าม ความจริงข้อนีท้ ำ� ให้ผนู้ ำ�
ตัดสินใจล�ำบากว่าจะเลือกอย่างไรระหว่างมโนธรรมกับความเป็นจริง
สุดท้ายชาวนาคนนั้นก็ยอมพาเราผ่านพื้นที่อันตราย พวกเรา
ผลักดันข้าศึกออกไปทันเวลาและล�ำเลียงลูกน้องที่บาดเจ็บออกไปได้
ผมขอบคุณชาวนาและปล่อยเขาไป เขามองผมอย่างแปลก ๆ คงนึกในใจว่า
ผมคงบ้าไปแล้ว

171
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ช่วงครึ่งหลังของเดือนพฤศจิกายน การข่าวก็รายงานมาว่าข้าศึก
จะท�ำการโจมตีครั้งใหญ่ในพื้นที่ที่ผมรับผิดชอบ เหมือนเช่นเคย ข่าวไม่ได้
บอกว่าการโจมตีจะเกิดขึ้นประมาณช่วงไหนและในลักษณะใด ส�ำหรับ
หมวดทหารราบการบอกเช่นนี้ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพราะการปะทะทุก
ครั้งมีความส�ำคัญหมด เพียงแต่ก็ท�ำให้พวกเราระวังตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
เอง ถึงแม้ว่าพวกเราจะระวังมากแค่ไหน แต่ก็ต้องมีช่องโหว่สักแห่งจนได้
อย่างบางครั้งที่ออกไปลาดตระเวน อาจมีบางช่วงที่เราอาจตกเป็นเป้านิ่ง
เช่นตอนข้ามล�ำน�้ำหรือพื้นที่โล่ง หรือตอนถูกบีบให้ต้องใช้ทางเดินแคบ ๆ
เพราะไม่สามารถใช้ทางอื่นได้
บ่ายวันหนึ่งผู้หมู่รอบินสันน�ำหมู่ของเขาออกไปลาดตระเวนและ
ต้องขึ้นที่สูงชันมาก พลทหารฟริกเกอร์เป็นคนเดินน�ำหน้า เขาระมัดระวัง
มากขณะผ่านดงหญ้าและป่าละเมาะที่หนาทึบ รอบินสันเดินอยู่ข้างหลัง
ห่างแค่ไม่กี่เมตรและมีฟิล เนลเดินต่อจากเขา พลทหารรอน วิลสัน
เด็กหนุ่มจากรัฐอลาบามาอายุเพิ่ง ๑๗ ปี เดินเป็นคนที่ ๔ และมีอีก ๓ คน
เดินต่อจากวิลสัน ฟริกเกอร์รู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก ไม่กี่วันก่อนหน้านี้
เขารู้สึกว่าวันของเขาใกล้จะมาถึงแล้ว “ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นครับหมวด
รู้สึกไม่ดีเลย” เขาบอกผมอย่างอาย ๆ ผมเลยถามว่า “นายหมายความว่า
อย่างไร ไม่สบายหรือเปล่า” เขาตอบว่า “เปล่าครับ ไม่ใช่อย่างนั้น ผมรู้สึก
ว่าบางอย่างร้าย ๆ ก�ำลังจะเกิดขึ้นกับผม” “บางทีนายอาจท�ำหน้าที่เป็น
คนน�ำทางนานเกินไป ฉันจะบอกผูบ้ งั คับหมูใ่ ห้หาคนใหม่มาท�ำหน้าทีแ่ ทน
ก็แล้วกัน” “ไม่นะครับ ได้โปรดอย่าท�ำอย่างนั้น ผมเป็นคนที่เหมาะกับ
หน้าที่นี้ที่สุดในหมู่ ผมไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจว่าผมขี้ขลาด”
ฟริกเกอร์ไม่ได้เป็นคนขี้ขลาด เขาเพียงแค่กลัว แต่ที่เขากลัว
มากกว่าคือกลัวว่าเพือ่ น ๆ จะผิดหวังในตัวเขา ผมแนะน�ำให้เขาลาพักผ่อน
172
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

แต่เขาไม่ยอม ผมบอกเรือ่ งนีใ้ ห้รอบินสันรู้ แต่พอฟริกเกอร์รเู้ ข้าก็มาขอร้อง


ผมให้เขาได้ท�ำหน้าที่เป็นคนน�ำทางเหมือนเดิม
ในเย็ น วั น นั้ น ฟริ ก เกอร์ เ ดิ น น� ำ ขึ้ น เนิ น อย่ า งระมั ด ระวั ง จู ่ ๆ
กระสุนปืนกลนัดหนึง่ ก็พงุ่ ทะลุเข้าทีห่ น้าอกของเขา รอบินสันเดินเป็นคนที่
๒ หันกลับและพุ่งลงเนินมาเป็นระยะทาง ๒๐ เมตร และสะดุดอะไร
บางอย่างจนข้อเท้าหัก ส่วนเนลและวิลสันได้ยนิ เสียงก็รบี พุง่ หลบหาทีก่ ำ� บัง
ฟริกเกอร์ทรุดตัวลงบนเข่าข้างหนึง่ และหันมาทางเพือ่ น ทีห่ น้าอก
มีเลือดผสมฟองอากาศพุ่งออกมา ปืนของเขาตกลงกับพื้น แขนของเขา
เหยียดออกมาเหมือนจะขอความช่วยเหลือ ขณะทีก่ ระสุนปืนกลข้าศึกเจาะ
เข้ากลางหลังเขาอีกหลายนัดจนล้มคว�่ำลง
วิลสันตะโกน “ฟริกเกอร์ตายแล้ว! พระเจ้า เขาตายแล้ว!” เสียง
ของเขาดังสนั่นไปทั่วป่า วิลสันกลัวว่าคนอื่นจะไม่ได้ยิน เขาจึงตะโกนอีก
สุดเสียง จนเนลต้องบอกให้เขาเงียบ “หุบปากได้แล้ว! เขาตายแล้วท�ำอะไร
อีกไม่ได้แล้ว” มีการยิงปะทะอีกเล็กน้อย และข้าศึกหรือพวกเวียดกงก็ได้
หลบหนีลงเขาไป ชุดลาดตระเวนได้น�ำศพของฟริกเกอร์กับรอบินสันที่
บาดเจ็บกลับฐานโดยมีเนลท�ำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุด
มันก็แค่นั้น ทหารอเมริกันได้เสียชีวิตลงอีกคนหนึ่ง จากจ�ำนวน
๕๘,๐๐๐ นาย ที่ได้เสียชีวิตที่เวียดนาม สักพักก็จะมีคนใหม่มาแทนที่เขา
เป็นอยู่อย่างนี้จนกว่าสงครามจะจบลง
ตอนนี้ฟริกเกอร์ได้เสียชีวิตแล้ว โอกาสที่เขาจะได้ใช้ชีวิตอย่าง
มีความสุขหลังสงครามได้หมดไป เหลือไว้แต่เพียงความทรงจ�ำในครอบครัว
และพวกเรา อีกไม่นานกองทัพก็จะแจ้งให้ครอบครัวเขารู้และส่งเหรียญ
กล้าหาญไปให้ ผมมาคิดดูอีกที ผมน่าจะเขียนจดหมายถึงครอบครัวเขา
173
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

แต่จะเขียนอย่างไรดี มันล�ำบากใจเหมือนกัน เขากลายเป็นคนที่รับลูก


กระสุนแทนเพือ่ น ๆ แต่ไม่ชา้ ไม่นานเพือ่ นๆของเขาก็อาจจะตามเขาไป มัน
เป็นสถานการณ์ที่น่าเศร้ามาก เหมือนอย่างที่เนลพูด “เขาตายแล้ว มันก็
จบแค่นั้น” พวกเวียดกงรู้การเคลื่อนไหวของหมู่ของรอบินสัน ผมจ�ำเป็น
ต้องท�ำลายระบบการข่าวของข้าศึกให้ได้ ไม่อย่างนัน้ พวกเราก็จะตกอยูใ่ น
สถานการณ์อันตรายต่อไปเรื่อย ๆ ผมให้เกียรติวัดเคาได๋เสมอมา แต่การที่
สถานทีศ่ กั ดิส์ ทิ ธ์แห่งนีก้ ลายเป็นสถานทีใ่ นการส่งข่าวสารให้ขา้ ศึกเนือ่ งจาก
อยูใ่ นทีส่ งู ทีส่ ดุ และฆ้องทีต่ ไี ด้ยนิ ไปไกลมากท�ำให้ผมต้องจัดการขัน้ เด็ดขาด
พลบค�่ำของวันนั้น ผมน�ำชุดลาดตระเวนไปที่วัดและบุกเข้าไปใน
ลาน จับเอาศิษย์วัดทั้งหมดมารวมในอาคารซึ่งค่อนข้างจะโล่งมีสัญลักษณ์
รูปดวงตาขนาดใหญ่ตงั้ อยูบ่ นแท่นด้านทิศตะวันออก และก็มลี กู บอลขนาด
ใหญ่ท�ำจากกระดาษ แขวนจากเพดานจรดพื้นอยู่ตรงกลางระหว่างผนัง ๒
ด้าน ข้างหน้ามีเทียน ๑ เล่มที่จุดอยู่
ผมสัง่ ดอนให้เอาปืนกลไปตัง้ บนหอคอย ส่วนหมูข่ องเนลก็ให้วาง
ก�ำลังซุ่ม ๓ จุดใกล้ ๆ กับวัด ส่วนพระ ผมให้อยู่ภายใต้การควบคุมของหมู่
ของดอน พวกเราคอยทัง้ คืนเพือ่ ให้พวกเวียดกงโผล่มา ดวงตาขนาดใหญ่ที่
อยู่ด้านหลังพวกเราคงก�ำลังดูว่าพวกเราที่ก�ำลังละเมิดความศักดิ์สิทธิ์ของ
สถานที่แห่งนี้จะท�ำอะไรต่อไป พระและผู้ช่วยก็นั่งอยู่ใกล้ ๆ เทียนท�ำอะไร
ไม่ได้ ไม่มีการส่งสัญญาณออกไปในคืนนั้น และเมื่อใกล้ถึงรุ่งเช้าก็มีพวก
เวียดกง ๓ คนเข้ามาดูวา่ เกิดอะไรขึน้ เราคอยจนพวกมันเข้ามาในระยะ ๓๐
เมตร แล้วก็สังหารด้วยปืนกลที่ตั้งอยู่บนหอคอย ผมไม่รู้สึกเสียใจในสิ่งที่
ท�ำลงไป เราแก้แค้นให้กับฟริกเกอร์แล้ว
สองวันต่อมาพวกเราไปลาดตระเวนที่เจดีย์พุทธแห่งหนึ่ง พระ

174
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

และหญิงชายตาบอดทีน่ นั่ ไม่ได้ทำ� ให้ผมเปลีย่ นใจ ผมรูว้ า่ มีเส้นแบ่งระหว่าง


มโนธรรมกับความต้องการปกป้องชีวิตลูกน้อง ถ้าผมล�้ำเส้นมโนธรรม
บ่อย ๆ ผมก็จะกลายเป็นอาชญากรในที่สุด
ไม่วา่ จะอย่างไร หอคอยในพืน้ ทีไ่ ด้หยุดส่งสัญญาณให้พวกเวียดกง
แล้ว

175
บทที่ ๑๗
เหตุเกิดที่ชายหาด

ถึงตอนนี้พวกเราเริ่มมีอาการทางผิวหนัง ที่เมื่อเป็นแผลแล้วจะ
หายช้ากว่าที่ควรจะเป็น ปกติเราจะมีบาดเผลที่เกิดขึ้นมากมายทั้งจาก
แมลงกัดหรือรอยขีดข่วน เหงื่อและความสกปรกจากดินท�ำให้ผิวหนัง
รอบ ๆ แผลกลายเป็นสีแดงและเป็นหนองที่ไม่มีวันตกสะเก็ด ผมบอก
ตัวเองว่าอย่าเกาแต่ก็อดห้ามใจไม่ได้ บางรายเป็นหนักถึงขนาดต้องไปรับ
การรักษาทีโ่ รงพยาบาล ผมก�ำชับกับผูบ้ งั คับหมูท่ งั้ หมดว่าให้สงั่ ให้ลกู น้อง
ใช้สบู่เวลาอาบน�้ำด้วย แต่น�้ำที่ใช้ในการช�ำระร่างกายก็ไม่ได้สะอาด
สักเท่าไหร่ มีลูกน้องคนหนึ่งไม่ค่อยได้รักษาสุขอนามัยที่ดีพอจนกลายเป็น
โรคตับอักเสบ
ผมจะสั่งลูกน้องให้เปลี่ยนถุงเท้าและตากเท้าให้แห้งอยู่เสมอ
เมื่อมีโอกาส แต่อากาศที่ร้อนและเหงื่อที่ออกมามากบวกกับการที่ต้อง
เดินเป็นเวลานานท�ำให้เท้าเกิดแผลบ่อย ๆ
ฝ่ายข้าศึกก็มักจะรบกวนเราโดยใช้เครื่องยิงลูกระเบิดหรือ ค.
ระดมยิงใส่พวกเราเป็นพื้นที่แล้วก็หนีไป เป็นการยากที่จะตามไปให้ทัน
อาวุธวิถีโค้งแบบนี้กองทัพของเราก็มี แต่อยู่ที่ฐานกองร้อยซึ่งในการยิง

176
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

แต่ละครั้งต้องร้องขอตามระเบียบ กว่าจะยิงได้ข้าศึกก็เผ่นไปไกลแล้ว
แต่ผมเข้าใจในเหตุผลทีต่ อ้ งมีความชัดเจนก่อนการยิง เพราะแถวนีม้ หี มูบ่ า้ น
อยู่ด้วย ผมอยากได้เครื่องยิงลูกระเบิดขนาด ๖๐ มม. มาไว้กับหมวด
เอาไว้ตอบโต้ขา้ ศึกให้ทนั เวลา แต่กองทัพบกสหรัฐได้ปลดประจ�ำการอาวุธ
ประเภทนี้ไปแล้วหลังสงครามเกาหลี แต่กองทัพของเวียดนามใต้และ
พวกเวียดกงยังมีใช้อยู่ แล้วอาวุธเหล่านี้เวียดกงก็เอามาใช้เล่นงานเรา
แต่ในเวียดนามเราสามารถจะหาของต่าง ๆ ได้ถ้าพร้อมจะจ่าย
ผมเอาเสบียงสนามที่กองทัพแจกจ่ายมาจ�ำนวน ๑๕ ลังไปแลก
เครือ่ งยิงลูกระเบิดขนาด ๖๐ มม. พร้อมกระสุนจ�ำนวน ๑๘ นัด จากกองทัพ
ของรัฐบาลเวียดนามใต้ ถึงแม้จะไม่มากแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรไว้ตอบโต้
ข้าศึกในยามฉุกเฉิน ส�ำหรับตลาดมืดก็มีการซื้อขายอาวุธกันคึกคัก และดู
เหมือนพวกเวียดกงก็จะได้ประโยชน์มากที่สุด ผมกับจ่าแพลโลแมน
พยายามใช้ประโยชน์จาก ค.ที่ได้มาให้ได้มากที่สุดโดยการซ่อนมันไว้ใต้
ผ้ายางกันฝนและฝึกใช้งานในตอนกลางคืน พลวิทยุพีท สแพงเกลอร์
พยายามจะเข้ามามีส่วนร่วมในการฝึกด้วย แต่เราไม่อนุญาต
สแพงเกลอร์เป็นลูกน้องที่ยังดูเด็กมากและดูเหมือนเขาจะภูมิใจ
ในความหน้าเด็กนี้มาก เขามักจะเดินอย่างสง่าผ่าเผย ที่ส�ำคัญเขาเป็น
คนขยั น และพยายามท� ำ หน้ า ที่ ข องตั ว เองอย่ า งดี ที่ แขนข้ า งซ้ า ยสั ก
ข้อความ “เกิดมาเพือ่ แพ้” และด้านขวาสักเป็นรูปเสือด�ำ แม้จะผอมแต่เขา
ก็แบกวิทยุอันหนักอึ้งโดยไม่เคยบ่น สแพงเกลอร์ชอบถือปืนโดยเอาพาน
ท้ายค�ำ้ ไว้ทเี่ อวเหมือนในหนังคาวบอย “ผูห้ มวดดูนคี่ รับ” เขาเรียกผมดูรปู
ทีเ่ พิง่ ส่งมาจากทางบ้าน “อะไรเหรอ” ความจริงผมไม่อยากดูแต่กต็ อ้ งรักษา
มารยาท “จากภรรยาผมครับ ดูสิ” ผมดูที่ปกของอัลบั้มที่เป็นสีเหลือง
สวยงามและบอก
177
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

“สวยดีนี่” ผมบอก
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับต้องดูรูปข้างในครับ”
“โอ้ โอเค”
ผมเปิดดูขา้ งในภาพแรกทีเ่ ห็นคือภรรยาเขาทีม่ หี นุ่ เหมือนนางแบบ
ในชุดกระโปรงสั้น เสื้อสีขาวมีระบายสวยงาม และแฝงไว้ด้วยความเซ็กซี่
“เธอดูดีมากพีท พนันได้เลยว่านายคงอยากกลับบ้านใจจะขาด”
“เปิดไปเรื่อย ๆ ครับเดี๋ยวก็เห็นของดี”
รู้สึกเขาจะตื่นเต้นมากและภูมิใจมาก ผมเปิดไปเรื่อย ๆ เห็นรูป
ของภรรยาเขาที่ค่อย ๆ นุ่งน้อยห่มน้อยไปเรื่อย ๆ เหลือแต่กระโปรงสั้น
และเสื้อที่โชว์สะดือ และภาพต่อไปเธอก็เหลือกระโปรงกับชุดชั้นในและ
ท้ายสุดเธอใส่เฉพาะกระโปรงและท่อนบนที่เปลือยล่อนจ้อน ผมไม่รู้ว่าจะ
พูดอะไรดี “เยี่ยมใช่ไหมล่ะหมวด” สแพงเกลอร์เหมือนเด็กน้อยที่ต้องการ
ความสนใจจากผู้ใหญ่ “ใช่พีท เธอดูดีมาก ยินดีด้วยนะ” ผมไม่รู้ว่าจะพูด
ต่อไปอย่าง แต่ดูเหมือนเขาจะดีใจมากที่คนอื่นชื่นชมภรรยาของเขา
คืนนัน้ ข้าศึกก็โผล่มาทักทายพวกเรา ผมอยูท่ างด้านทิศตะวันออก
ของฐานก�ำลังพูดคุยกับดอนอยู่ ส่วนจ่าแพลโลแมนอยู่ด้านทิศตะวันตก
และตรงกลางเป็นเครื่องยิงลูกระเบิดที่พวกเราเอาผ้ายางคลุมไว้และมี
สแพงเกลอร์นั่งอยู่ใกล้ ๆ แพลโลแมนพยายามพุ่งไปยังที่ตั้งของเครื่องยิง
แต่กระสุนปืนกลของข้าศึกที่สาดเข้ามาท�ำให้เขาต้องหลบอยู่ในคู ตอนนี้
ข้าศึกได้เปิดเผยที่ตั้งของตัวเองแล้ว เราอยากจะใช้เครื่องยิงลูกระเบิดนั้น
มาก แต่ผมขยับตัวไม่ได้เลยเพราะกลุ่มกระสุนที่ยิงเข้ามาตรงเป้ามาก
แพลโลแมนสบตาผมด้วยความรู้สึกที่เสียดายที่ท�ำอะไรมากไม่ได้ แต่แล้ว
สแพงเกลอร์ก็พูดขึ้น
178
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

“ผมยิงได้ไหมครับ “
“นายรู้วิธียิงเหรอ”
ผมอยากจะเตะตัวเองที่สงวนวิธีใช้ไว้เฉพาะผมกับจ่าแพลโลแมน
ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองกับจ่าแพลโลแมนสองคนจะเป็นผู้ใช้มัน แต่ตอนนี้
คนที่มีโอกาสได้ใช้กลับไม่เคยฝึกเลย
“ได้ครับ ผมท�ำได้” สแพงเกลอร์ตะโกนตืน่ เต้นเหมือนเด็กนักเรียน
มัธยมที่อยากให้โค้ชเลือกลงเล่นอเมริกันฟุตบอล เขารีบถลกผ้ายางที่คลุม
เครื่องยิงออกอย่างเก้ ๆ กัง ๆ โดยมีผมและจ่าแพลโลแมนตะโกนบอกว่า
ต้องท�ำอย่างไร ดูเหมือนเขาจะดีใจมากทีจ่ ะได้ใช้มนั โดยทหารในหมวดมอง
ดูอย่างใจจดใจจ่อ ในที่สุดขาหยั่งปืนและตัวปืนก็ถูกติดตั้งพร้อมใช้งานใน
ทิศทางทีถ่ กู ต้อง ก่อนทีผ่ มจะสัง่ ว่าให้ทำ� อะไรต่อไปเขาก็รบี หย่อนลูกกระสุน
ลงไปในกระบอกปืนและกระสุนก็พุ่งออกไป ทหารคนอื่นต่างก็ร้องเชียร์
ด้วยความดีใจ กระสุนพุ่งไปตกที่ไหนไม่รู้ แต่ไม่โดนข้าศึกและไม่มีการ
ระเบิด และข้าศึกก็ยังกระหน�่ำยิงใส่พวกเราต่อไป
“บ้ า เอ๊ ย สแพงเกลอร์ ต ้ อ งเอาส่ ว นบรรจุ อ อก ๓ อั น ก่ อ น”
ผมตะโกนบอกเขา และเขาก็ตอบด้วยเสียง “โอ้!” และเขาก็เอากระสุน
อีกลูกหย่อนลงไปในท่อ คราวนีเ้ ขาเอาส่วนบรรจุออกตามทีบ่ อก ทุกคนเฝ้า
ดูเช่นเคยและลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น
กระสุ น ตกลงบริ เวณที่ ข ้ า ศึ ก อยู ่ แต่ ไ ม่ มี ก ารระเบิ ด เพราะ
สแพงเกลอร์ไม่ได้ถอดสลักนิรภัยที่หัวกระสุนออก แต่มันก็ท�ำให้ข้าศึก
สงสัยว่าพวกเราก�ำลังท�ำอะไรอยู่ หรือว่ามันจะเป็นอาวุธขว้างแบบใหม่
ข้ า ศึ ก เลยหยุ ด ชะงั ก ไปครู ่ ห นึ่ ง ท� ำ ให้ ผ มมี โ อกาสพุ ่ ง ไปช่ ว ยเหลื อ
สแพงเกลอร์ได้ เมื่อไปถึงผมก็รีบดึงส่วนบรรจุและสลักนิรภัยออกแล้วก็
179
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

หย่อนลงในปากกระบอกปืน คราวนี้กระสุนตกและระเบิดบริเวณที่ข้าศึก
อยู่พอดี พวกมันตกใจหยุดยิงและล่าถอยไป
ผมต่อว่าสแพงเกลอร์ด้วยความผิดหวัง และตัวเขาเองก็รู้สึกแย่
มาก ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขา ผมไม่ได้ฝึกเขาเองแม้ว่าเขาอยากจะ
เรียนรู้ อีกอย่างผมยังกังวลว่าถ้าข้าศึกหากระสุนที่ยังไม่ระเบิดผม พวกมัน
ก็จะน�ำมันกลับมาเล่นงานเราได้ คืนนั้นสแพงเกลอร์หลบหน้าผมทั้งคืน
ส่วนผมเองก็ยังโกรธอยู่เลยไม่อยากคุยกับเขา
พอรุง่ เช้าอารมณ์ผมก็เป็นปกติ ท้องฟ้าทีส่ ดใสและแดดทีส่ าดส่อง
ลงมาท�ำให้บรรยากาศโดยรวมดีขนึ้ ผมและจ่าแพลโลแมนเดินตรวจดูความ
เป็นอยู่ของก�ำลังพลในหมวด ดูเหมือนหลายคนเป็นแผลเรื้อรัง อาการ
ติดเชื้อจากฤดูฝนที่ยาวนาน คงเป็นเพราะผิวหนังที่ชื้นเลยติดเชื้อง่าย หรือ
เมื่อถูกกิ่งไม้ใบไม้ขีดข่วนหรือเสียดสีกับเครื่องสนาม ผิวหนังก็เกิดแผลได้
ง่ายและหายยาก มีสองคนอาการหนักมาก
ผมนึกถึงทะเลที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก แค่ข้ามสันเขาทาง
ตะวันออกของหมู่บ้านก็ถึงแล้ว ที่นั่นชายหาดสะอาดมาก น�้ำทะเลเป็น
สีฟ้า และบรรยากาศเงียบสงบ ถ้าเป็นที่อื่นที่ไม่ใช่เวียดนาม มันคงจะเป็น
รีสอร์ทตากอากาศชั้นดีอย่างแน่นอน
ผมคิดว่าน�้ำทะเลเค็ม ๆ อาจท�ำให้บาดแผลหรืออาการผิวหนัง
อักเสบดีขึ้น ผมปรึกษาเรื่องนี้กับสกิบเปอร์ ไชฟ์ เสนารักษ์ที่มาจากเมือง
พอร์ทแลนด์ รัฐโอรีกอน เขาก็ยืนยันแนวความคิดนี้ว่าดี อีกอย่างการที่ได้
ไปสัมผัสน�ำ้ ทะเล ด�ำผุดด�ำว่ายก็นา่ จะลดความเครียดของพวกเขาลงได้บา้ ง
ถ้าการส่งไปครั้งแรกประสบผลส�ำเร็จ ผมก็จะพิจารณาหมุนเวียนให้ไปทั้ง
หมวด ลูกน้อง ๒ คนที่อาการหนักกว่าใครเห็นด้วยกับความคิดของผม

180
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

แต่ต้องมีอีก ๔ คนเพื่อให้ครบชุดลาดตระเวนที่สามารถป้องกันตัวเองได้
เจมส์ผบู้ งั คับหมู่ ๑ ทีเ่ พิง่ กลับจากการรักษาตัวทีโ่ รงพยาบาลหลังจากได้รบั
บาดเจ็บเมือ่ ต้นเดือนตุลาคมก็สามารถเป็นการ์ดได้เผือ่ มีคนจมน�ำ้ เขาอาสา
ที่จะน�ำชุดลาดตระเวนไปที่ชายหาด ที่น่าแปลกคือพลทหารคิงคนที่ลอง
ของผมด้วยการท�ำกระสุนปืนเอ็ม-๗๙ ลั่นคราวก่อน มาขอร้องผมว่าให้ส่ง
เขาไปด้วย
ผมต้องการอีก ๒ คนก็สามารถส่งชุดลาดตระเวนพิเศษนี้ออก
ไปได้ แต่ส่วนมากไม่อยากไปกัน สแพงเกลอร์ก็คนหนึ่งล่ะ “ท�ำไมไม่อยาก
ไปล่ะสแพงเกลอร์” ผมถามเขา “ผมไม่อยากไปครับ” สแพงเกลอร์
ยังคงรู้สึกผิดอยู่กับเรื่องการยิงเครื่องยิงลูกระเบิดนั่น “ไปเถอะ ถือว่าไป
พักผ่อนด้วย อีกอย่างเขาต้องการวิทยุนะ” ผมพยายามชมเขา “ผมไม่อยาก
ว่ายน�้ำครับ ผมแค่อยากนอน” “ฉันรู้ว่านายไม่อยากว่ายน�้ำ แต่อาบแดด
ก็ได้นะ” ผมส่งยิ้มให้เขา “โอเค ผมจะท�ำเพื่อส่วนรวมครับ”
ขาดอีกคนเดียว ผมอยากได้คนทีว่ า่ ยน�ำ้ เก่งเผือ่ มีคนจมน�ำ้ ผมเล็ง
ไปที่มาร์ค เอแวนส์ จากเมืองจอบลิน รัฐมิสซูรี รอน รอบสัน เพื่อนสนิท
ของเอแวนส์เคยบอกว่าเอแวนส์เป็นนักว่ายน�้ำโรงเรียนมาก่อน ทั้ง ๒ คน
เป็นเพื่อนสนิทกันและมาจากครอบครัวชาวชนบท ทั้งคู่ถูกชะตากันตั้งแต่
พบกันครั้งแรกที่เวียดนาม
“ได้ข่าวว่านายเป็นนักว่ายน�้ำเหรอ เอแวนส์” ผมลองหยั่งเชิงดู
“ใช่ครับ” เขาตอบด้วยน�้ำเสียงที่สุภาพ
“อยากไปที่ชายหาดกับพวกเขาไหม”
“ผมไม่อยากไปครับ ผมว่ายน�้ำในสระไม่ใช่ในทะเลน่ะครับ”
ผมอึ้งไปแต่ก็พยายามอีกครั้ง

181
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

“เออ ผู ้ ห มวดคงส่ ง ชุ ด ลาดตระเวนออกไปไม่ ไ ด้ ถ ้ า ไม่ มี นั ก


ว่ายน�้ำแข็ง ๆ สักคนหรือสองคนไปด้วย ทะเลอาจมีอันตรายน่ะ”
ในที่สุดเขาก็ตกลงไป ปกติผมจะสั่งให้ลูกน้องออกไปลาดตระเวน
แต่คราวนี้ผมใช้วิธีเกลี้ยกล่อมขายไอเดีย เพราะว่ามันเป็นประโยชน์ต่อ
พวกเขาเอง และผมก็ภูมิใจในความเป็นเซลส์แมนของตัวเอง ผมรู้ว่าชุดที่
ส่งออกไปมีความเสีย่ งจากข้าศึกเหมือนกันและก็มคี วามเสีย่ งจากทะเลด้วย
แต่เพื่อประโยชน์ของลูกน้องผมเลยตัดสินใจท�ำแบบนี้ ผมสั่งผู้บังคับหมู่
เจมส์ ให้ท�ำการเคลียร์พื้นที่ก่อนท�ำการคุ้มกันคนที่ลงน�้ำคือให้ท�ำหน้าที่
คุ้มกัน ๔ คน และอีก ๒ คนลงน�้ำ และก็ก�ำชับอีก “ให้ระวังเรื่องน�้ำทะเล
มันอาจดูสงบตอนนี้แต่ก็ประมาทไม่ได้ ให้ลงได้แค่เข่านะ ห้ามเกินนั้น”
หลังจากที่ผมให้ค�ำสั่งเสร็จ ชุดลาดตระเวนก็ออกจากฐาน และ
เวลา ๑๔๐๐ ผมได้รับวิทยุจากผู้บังคับหมู่เจมส์
“บราโว ๓๖ จาก บราโว ๓๑ เราเช็กพื้นที่แล้วปลอดภัย เปลี่ยน”
“จากบราโว ๓๖ ทราบ ให้วางก�ำลังป้องกันสองจุดด้วย เปลี่ยน”
“รับทราบรับปฏิบัติ เปลี่ยน”
“และก็ให้ตรวจดูน�้ำทะเลด้วยว่าอันตรายไหม เปลี่ยน”
“รับทราบรับปฏิบัติ เปลี่ยน”
“จาก ๓๖ เลิกติดต่อ”
ผมวางวิทยุลง ประมาณ ๑๐ นาทีจากนั้นก็มีเสียงวิทยุดังขึ้น
แต่ไม่ชัดจากผู้บังคับหมู่เจมส์ ประมาณ ๓๐ วินาทีผ่านไป ผมจึงรู้ว่าเป็น
เสียงเขา เขาวิทยุเข้ามาขอความช่วยเหลือ ฟังเสียงดูเหมือนจะร้องไห้
มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับชุดลาดตระเวนที่ชายหาด ต่อมาก็พอจะจับ
ใจความได้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เขาถูกคลื่นซัดที่ชายหาดเกือบจะเอาชีวิต

182
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ไม่รอดแต่ก็ฟังไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนอื่น ๆ ผมรู้ว่าจะนั่งคอยอยู่
อย่างนี้ไม่ได้แน่ก็เลยบอกให้ก�ำลังอีกหนึ่งหมู่เตรียมออกไปช่วยชุดลาด
ตระเวนที่ชายหาด ไม่ถึง ๖๐ วินาที พวกเราก็ออกจากฐาน เรียกได้ว่า
วิ่งไปก็ได้ ถ้ามีข้าศึกมาคอยซุ่มเราระหว่างทางเราคงเสร็จไปแล้ว แต่ใน
ตอนนัน้ สิง่ ทีผ่ มคิดคือต้องไปถึงชายหาดให้เร็วทีส่ ดุ ระหว่างทางก็วทิ ยุไปที่
กองร้อยบอกเรื่องราวให้ผู้บังคับกองร้อยทราบ และให้รีบส่งเฮลิคอปเตอร์
ไปที่ชายหาดโดยด่วน
การเดินทางไปที่ชายหาดไม่ต่างอะไรกับฝันร้ายส�ำหรับลูกน้อง
เพราะผมไม่ให้ลูกน้องพักเลย บางทีผมก็นึกต�ำหนิตัวเองที่ส่งลูกน้องไปที่
ชายหาดนั่น ภาพที่ชายหาดดูแล้วเศร้ามาก เจมส์ยังสะอื้นอยู่เลย ห่างไป
ไม่กี่ฟุตก็มีทหารนายหนึ่งนั่งหมดแรงและอาเจียนออกมา ส่วนทหาร
ที่ท�ำหน้าที่ระวังป้องกันสองนายก็นั่งกอดอาวุธท�ำอะไรไม่ถูก ดูเหมือนยัง
ช็อกกับสิ่งที่เห็น พวกเขาไม่กล้าไปไหนไกลจากอาวุธเพราะกลัวข้าศึกจะ
ลอบเข้ามา อีกทั้งบังคับหมู่เขาก็ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ คนที่หายไป
สองคนคือสแพงเกลอร์กับเอแวนส์ เป็นสองคนที่ไม่อยากมาตั้งแต่แรก
ผมเพ่ ง มองไปที่ ค ลื่ น ทะเลที่ ถ าโถมเข้ า มาเผื่ อ จะเจอพวกเขา
เมื่ อ หายจากอาการสะอื้ น เจมส์ ก็ บ อกว่ า ทั้ ง สองคนถู ก คลื่ น ซั ด หายไป
ในทะเลและตะโกนขอให้ช่วย ผมคิดอยู่สักพักว่าจะโดดลงไปในทะเล
ดีไหมเผื่อจะเจอพวกเขา ผมขยับตัวจะโดดลงไปแต่ลูกน้องที่มาด้วยดึงไว้
ในขณะนัน้ เฮลิคอปเตอร์กม็ าถึง แต่ทตี่ ลกคือคนทีม่ าด้วยเป็นผูห้ ญิงสองคน
จากสภากาชาด หรือที่เรียกกันในภาษาทั่วไป โดนัท ดอลลี่ หน้าที่ของ
พวกหล่อนคือมาให้ก�ำลังใจแก่ทหารที่อยู่ตามค่ายต่าง ๆ เพื่อให้หน่วย
นั้น ๆ มีชีวิตชีวา เมื่อพวกหล่อนลงจากเครื่อง ผมก็กระโดดขึ้นไปบน

183
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เฮลิคอปเตอร์และมองจากที่สูงเผื่อว่าจะเห็นลูกน้อง ๒ คนในทะเล แต่ดู


เหมือนจะไม่มปี ระโยชน์อะไร ถึงแม้วา่ นักบินจะบินวนไปวนมาบริเวณใกล้
ชายฝัง่ แต่กไ็ ม่เจอพวกเขา เมือ่ เชือ้ เพลิงใกล้จะหมดผมก็เลยสัง่ ให้นกั บินน�ำ
เครื่องกลับไปที่เดิม
เมื่อลงจากเครื่องผมก็เห็นร่างของสแพงเกลอร์นอนอยู่ที่ชายหาด
ตาปิดครึ่งหนึ่ง ใบหน้าแน่นิ่ง เขาได้เสียชีวิตแล้ว ผมไปยืนคร่อมที่ตัวเขา
เพื่อดูว่าเป็นอย่างไร ขณะที่น�้ำทะเลก็ซัดมาที่ตัวเขาเป็นระยะ ๆ ริมฝีปาก
ที่ช�้ำเป็นสีฟ้าตัดกับใบหน้าที่ซีดขาว ท�ำให้ดูน่ากลัวมาก ฟองน�้ำที่ล้นออก
มาจากปากเขาท�ำให้รู้ว่าน�้ำได้ท่วมที่ปอดเขา เขาตายแล้ว
ผมนึกในใจ “ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้สแพงเกลอร์ นายยังไม่ตาย” แต่
ค�ำพูดนั้นก็ไม่ได้ออกจากปากผม
สายตาผมก็ เ หลื อ บไปเห็ น เจ้ า หน้ า ที่ ก าชาดหญิ ง สองคนชาว
อเมริกนั ทีเ่ มินหน้าไปมองทีอ่ นื่ แทนทีจ่ ะมาดูศพของสแพงเกลอร์ มันท�ำให้
ผมโกรธขึ้นมาทันที พวกหล่อนมาท�ำอะไรที่นี่เพื่ออะไรกัน คิดว่ามาที่
เวียดนามแล้วจะได้เจออะไรถ้าไม่ใช่ความตาย และจริง ๆ แล้วผมโกรธ
ตัวเองทีช่ า่ งโง่อะไรเช่นนีท้ สี่ ง่ ลูกน้องมาตาย น�ำ้ ตาผมก�ำลังจะไหลแต่กก็ ลัน้
เอาไว้ได้ ผมถามผู้บังคับหมู่เจมส์ “มันเกิดอะไรขึ้น” สิ่งที่เกิดขึ้นคือทหาร
๔ นายลงไปในน�้ำและถูกกระแสน�้ำด้านล่างพัดออกไปไกลเป็นร้อยเมตร
จากฝัง่ ภายในเวลาไม่กวี่ นิ าที เจมส์สามารถว่ายกลับเข้าฝัง่ ได้ ส่วนเอแวนส์
ซึ่งก็ว่ายน�้ำเก่งแต่หมดแรงถูกคลื่นซัดออกไปไกลจากฝั่งเรื่อย ๆ ทหาร
อีกคนเกาะต้นมะพร้าวลอยน�้ำและพายไปหาสแพงเกลอร์ จากนั้นทั้งคู่ก็
พยายามพายกลับจนถึงฝัง่ สแพงเกลอร์หมดแรงและถูกคลืน่ ซัดกลับลงไป
ในทะเลอีก เมื่อคลื่นซัดเข้าฝั่งอีกครั้งเขาก็เสียชีวิตแล้ว

184
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมไม่สามารถต�ำหนิหมูเ่ จมส์ได้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำ� ตามค�ำสัง่ ผม


โดยเคร่งครัด ความผิดอยู่ที่ผมเพราะผมเป็นเจ้าของความคิดนี้และเป็น
ผู้ผลักดันมันไปสู่การปฏิบัติ ผมเป็นคนฆ่าสแพงเกลอร์และเอแวนส์เอง
ผมพาลูกน้องเดินทางกลับฐานอย่างหมดแรงและรู้สึกว่าตัวเองอายุเป็น
๑๐๐ ปีไปแล้ว ผมรูส้ กึ แย่มากทีส่ ง่ ลูกน้องไปตาย ผมคงไม่เหมาะกับการน�ำ
หน่วยนี้อีกต่อไป แต่โดยหน้าที่มันต้องท�ำ และต้องท�ำให้ดีที่สุดแม้มันจะ
เจ็บปวดในบางครั้ง
ตอนบ่ายพวกเราส�ำรวจดูสิ่งของของเอแวนส์และสแพงเกลอร์
ส�ำหรับเอแวนส์ เงินที่เขาเก็บไว้ให้ทางบ้านหายไป ๕๐๐ เหรียญ วิลสัน
เพื่อนของเขาเชื่อว่าเอแวนส์เก็บเงินไว้โดยเอายางเส้นรัดไว้ที่กระเป๋าเสื้อ
หรือกางเกง สองวันต่อมาพวกเราพบศพเขาที่ชายหาด กางเกงและเงิน
หายไป และเมื่อพวกเราตรวจค้นดูตัวของสแพงเกลอร์ ผมเจอรูปของ
ภรรยาเขาที่เขาเคยให้ผมดูอย่างภาคภูมิใจ ผมฉีกทิ้งเพื่อไม่ให้ใครเก็บไว้
ส่วนศพเขาถูกส่งกลับบ้านไปให้ญาติซึ่งก็คือ แม่เขานั่นเอง เขาแต่งงานได้
ไม่นานโดยที่ไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นและภรรยาเขาจะอยู่อย่างไร
หากเขาไม่รอดกลับไป

185
บทที่ ๑๘
วันขอบคุณพระเจ้า

วิลสันร้องไห้กับการตายของเพื่อนรัก มันกระทบกระเทือนใจเขา
อย่างมาก เขาขดตัวอยู่หลังปืนกลอย่างน่าสงสารทางด้านทิศใต้ของฐาน
ค�ำ่ คืนได้มาเยือนรวดเร็วมาก ผมยังต้องตัดสินใจว่าจะเอาใครมาเป็นพลวิทยุ
แทนสแพงเกลอร์ ระหว่างนีผ้ มเอาวิทยุใส่หลังและเดินไปหา วิลสันเพือ่ พูด
คุยเป็นเพื่อน
ผมชวนคุยเรื่องอื่น ๆ เพื่อให้เขารู้สึกดีขึ้นและค่อย ๆ วกกลับมา
คุยเรื่องการเสียชีวิตของเอแวนส์ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องศาสนาสัก
เท่าไหร่ แต่ผมก็บอกเขาว่าเป็นความประสงค์ของพระเจ้า หรือพูดง่าย ๆ
คือเขาไปดีแล้ว ผมรู้อยู่แก่ใจว่าการเสียชีวิตของเอแวนส์มันเป็นความผิด
ของผมคนเดียว ไม่เกี่ยวกับใครหรืออะไรเลย ผมผิดเองที่ส่งพวกเขาไปที่
ชายหาด และผมก็พยายามไถ่โทษตัวเองด้วยการพูดคุยให้เพื่อนสนิทเขา
สบายใจขึ้น ผมพูดถึงส่วนดีของเอแวนส์ บอกวิลสันว่าเอแวนส์ไปดีแล้ว
ไม่ต้องมาทนกับสงครามที่ทุกคืนเหมือนฝันร้ายอย่างนี้ ดูเหมือนค�ำพูดผม
จะได้ผล เพราะวิลสันเริม่ รูส้ กึ ดีและพวกเราเห็นพ้องร่วมกันว่ามันเป็นความ
ปรารถนาของพระเจ้า

186
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ไป ๆ มา ๆ ผมเองก็ชักไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนปลอบใคร บางที
เนื้อหาของค�ำพูดไม่ได้ส�ำคัญเท่าการที่ได้พูดมันออกไป คืนนั้นผมและ
วิลสันรู้สึกดี แต่ผมก็ยังไม่ให้อภัยตัวเองกับการเสียชีวิตของลูกน้องทั้งสอง
คน จะอย่างไรผมต้องขอบคุณลูกหมวดของผมที่พยายามไม่รื้อฟื้นเรื่องนี้
และให้หมวดเดินหน้ากับภารกิจที่ท้าทายต่อไป
ข้าศึกฉวยโอกาสตอนที่ผมคุยกับวิลสันยิงเข้าใส่เรา ในขณะที่
ผมพูดคุยอยู่กับวิลสันอยู่นั้นผมก็ถอดวิทยุออกเพื่อท�ำความสะอาดไปด้วย
เพราะมันยังเปียกน�ำ้ มาจากชายหาด กระสุนทีย่ งิ เข้าใส่นนั้ มาจากระยะใกล้
มาก แต่โดนกระสอบทรายที่วางขวางอยู่ด้านหน้าเสียก่อน ผมพุ่งหลบ
ท�ำให้ชิ้นส่วนของวิทยุกระจัดกระจายแต่ก็สามารถน�ำมาประกอบได้ทัน
ส่วนวิลสันก็ทำ� การยิงตอบโต้ขา้ ศึกทันที น่าอัศจรรย์ยงิ่ นักทีก่ ระสุนนัดหนึง่
ทะลุหมวกเหล็กของวิลสันแต่ไม่โดนศีรษะ เมือ่ ข้าศึกไปแล้ว พวกเราทัง้ สอง
คนเข้าใจทันทีว่า พวกเราสามารถเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ต้องวางไว้
ข้างหลัง จะมาเสียใจทุกขณะไม่ได้เพราะมีคนจ้องจะเอาชีวติ เราอยูท่ กุ เมือ่
เราต้องมีสติและกระตือรือร้นเสมอ เช้าวันรุง่ ขึน้ ผมแต่งตัง้ ให้คลิ ลิแกนเป็น
พลวิทยุ ที่ผ่านมาเขามักจะขัดค�ำสั่งผมที่ไม่ให้ไปท�ำหน้าที่พลน�ำทางอีก
ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความสามารถ ในทางตรงกันข้ามเขาเหมาะกับต�ำแหน่งนี้
มาก แต่มันเป็นต�ำแหน่งที่เสี่ยงที่สุดและผมเห็นว่าเขาก็ได้เสียสละมามาก
พอแล้ว หากปล่อยให้เขาท�ำหน้าทีพ่ ลน�ำทางต่อไปโอกาสทีเ่ ขาจะตายก็มาก
และในต�ำแหน่งพลวิทยุที่เขาจะมาเป็น ผมจะไม่มีทางที่จะให้เขาวิ่งไป
ข้างหน้าแถวเพื่อท�ำหน้าที่พลน�ำทางเป็นอันขาดเพราะผมต้องใช้วิทยุ
ถ้านับจากวันที่ผมมาท�ำหน้าที่ที่เวียดนามคือตั้งแต่เดือนสิงหาคม
ตอนนี้ มีทหารเก่าเหลืออยู่น้อยมากรวมถึงคิลลิแกน ที่เหลือเป็นพวก
หน้าใหม่หมด คิลลิแกนโกรธมากเมื่อรู้ว่าต้องมาท�ำหน้าที่เป็นพลวิทยุ
187
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เขาบ่นต่าง ๆ นานา ผมบอกเขา “โอเค คิลลิแกน ฉันได้ยินที่นายบ่นนะ


เอาวิทยุนนั่ ใส่หลังและก็อยูต่ ดิ ฉันทุกเวลาจนกว่าฉันจะบอกเป็นอย่างอืน่ ”
ดูจากสายตาเขาไม่พอใจมาก แต่เขาเป็นทหารที่มีวินัยและเชื่อฟังค�ำสั่ง
ตอนนี้ผมมีพลวิทยุคนใหม่แล้ว
ข้าศึกดูเหมือนจะเข้มแข็งขึ้นอีกครั้ง ตอนปลายเดือนพฤศจิกายน
ฐานของทหารเวียดนามใต้ที่อยู่ทางตอนใต้ของฐานเราถูกเวียดกงบุก เรา
ติดต่อกับพวกเขาไม่ได้เลย ในตอนเช้าพวกเราได้รบั ค�ำสัง่ ให้เข้าไปช่วย เมือ่
เข้าไปใกล้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของฐาน พวกเราเริ่มรู้สึกอะไร
บางอย่าง หน่วยทหารที่ถูกบุกท�ำลายนี้ตั้งอยู่บนตีนเขาและติดกับฐาน
ก็เป็นหมู่บ้าน มีเสียงร้องไห้น่าเวทนาดังมาจากที่นั่น นั่นคือเสียงของ
พวกแม่หม้ายที่สามีเพิ่งถูกพวกเวียดกงฆ่าตาย พวกเวียดกงได้หลบหนี
ไปแล้วเหลือไว้แต่ศพของทหารรัฐบาลเวียดนามใต้ ๓๐ คน ไม่มีทหาร
คนไหนรอดชีวิตเลย
เมื่อเราเข้าใกล้ที่หมายมากขึ้นสิ่งที่เจอคือศพของเวียดกงคนหนึ่ง
เป็นวัยรุ่นอายุน่าจะประมาณ ๑๘ ปี ที่ศพมีเชือกพันตัวผูกกับลวดหนามที่
ล้อมฐาน ภารกิจเขาคือการดึงรัว้ ลวดหนามให้ลม้ เพือ่ ทีใ่ ห้เวียดกงจะได้บกุ
เข้าไปได้ ร่างไร้วิญญาณเขาแกว่งไปมาตามแรงลมและมีกองทัพมดหลาย
ล้านตัวไต่ตามเส้นเชือกทีม่ ดั ล�ำตัวไปเจาะลูกตาเขา ดูแล้วน่าสยดสยองมาก
คนทีร่ อดชีวติ ในพืน้ ทีค่ อื พวกผูห้ ญิงหม้าย ภรรยาของทหารทีต่ าย
บอกว่าสามีของพวกเธอหยุดออกไปลาดตระเวนมาพักใหญ่เพือ่ รักษาก�ำลัง
เลยท�ำให้เวียดกงรวบรวมก�ำลังได้มากพอที่จะบุกท�ำลายฐานได้
ผมรายงานเหตุการณ์ไปยังที่บังคับการกองพัน ภารกิจผมตอนนี้
คือการตรึงพื้นที่ไว้จนกว่ากองก�ำลังของรัฐบาลเวียดนามใต้จะมาเปลี่ยน

188
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ในขณะที่พวกเรารวบรวมศพมาเรียงไว้ พวกชาวบ้านก็เริ่มอพยพออกจาก
หมู ่ บ ้ า นเพราะขาดความเชื่ อ มั่ น ในหน่ ว ยทหารที่ จ ะมารั ก ษาหมู ่ บ ้ า น
เหตุการณ์นี้ถือว่าพวกเวียดกงเป็นฝ่ายชนะ เพราะรัฐบาลเวียดนามใต้
ไม่สามารถรักษาหมู่บ้านไว้ได้
ในสถานการณ์เช่นนี้ผมต้องใช้สมาธิและสติในการคิดเรื่องต่าง ๆ
เป็นอย่างมาก และเสียงร้องไห้ของพวกผู้หญิงเหล่านั้นยิ่งท�ำให้ผมรู้สึก
ไม่ดี ผมเลยบอกหนานให้ไปขอร้องพวกหล่อนให้หยุดร้องไห้ แต่ไม่ได้ผล
ผมเลยต้องตะโกนออกไป “เงียบ ๆ หน่อยได้มั๊ย” และมันก็ได้ผลเพราะ
พวกเธอหยุดร้องไห้ทันที ที่จริงผมควรจะเสียใจกับการกระท�ำเช่นนี้ แต่
ผมต้องการความเงียบในการคิดแก้ไขปัญหา เมื่อพวกเราเดินทางกลับ
ในตอนสายของวั น ผมตั้ ง ปณิ ธ านว่ า ต้ อ งท� ำ การลาดตระเวนในพื้ น ที่
รับผิดชอบต่อไป จะไม่ยอมตกเป็นเป้านิ่งเด็ดขาด
ในวันขอบคุณพระเจ้ากองทัพบกสหรัฐได้จดั อาหารพิเศษมาให้เรา
มีไก่งวง เครื่องเคียงและขนมเค้กที่ห่อมาอย่างดี รวมทั้งขนมพายด้วย แต่
นมสดได้บูดก่อนที่จะมาถึงมือพวกเรา ผมเรียกก�ำลังให้ทั้งหมดมารวมกัน
ส�ำหรับเวลาพิเศษนี้แต่ใช้เวลาไม่นานเพราะเกรงจะเป็นเป้านิ่งให้ข้าศึก
เมื่อผมมองทหารที่มารวมกัน เหลือคนเก่าอยู่ไม่ก่ีคน และผมก็กลายเป็น
คนทีอ่ ยูน่ านทีส่ ดุ ไปโดยปริยาย “ผูห้ มวดอยากถือโอกาสนีข้ อบคุณพวกเรา
ทุกคนที่ได้เสียสละและท�ำให้พวกเราอยู่รอดมาได้ และขอขอบคุณที่ได้
สละเวลาแม้จะเป็นช่วงเวลาสัน้ ๆ เพือ่ ทีพ่ วกเราจะได้มากินอาหารมือ้ พิเศษ
ด้วยกันฉันเพื่อน พวกเราขอขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท�ำให้ครอบครัวที่สหรัฐ
ได้กินมื้อพิเศษนี้พร้อมกัน และพวกเขาเชื่อมั่นว่าพวกเราจะท�ำดีที่สุดที่จะ
ท�ำให้ชีวิตพวกเขาปลอดภัยมากขึ้น เอาล่ะ แยกย้ายกันไปได้ และขอให้
ผลัดกันกินมื้อพิเศษทีละหมู่”
189
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

นี่ เ ป็ น ครั้ ง แรกที่ ผ มได้ พู ด แบบนี้ ตั้ ง แต่ ม าที่ เ วี ย ดนามที่ มั น


คล้าย ๆ กับเป็นบทสวดขอบคุณพระเจ้า เลยท�ำให้ผมรู้สึกว่าเวลาที่นี่ไม่ได้
สูญเปล่า อย่างน้อยก็ท�ำให้ครอบครัวที่สหรัฐปลอดภัยมากขึ้นตามที่
ผมได้พูดไป และรู้สึกได้ว่าพวกทหารก็ชอบด้วย

190
บทที่ ๑๙
“เหมือนคุณกับผม”

เช้าวันหนึง่ ของต้นเดือนธันวาคมทีบ่ งั คับการกองร้อยได้แจ้งมาถึง


เราเพื่อมอบภารกิจพิเศษให้ท�ำ นั่นคือกองร้อยจะท�ำการโจมตีโฉบฉวย
ทีห่ มายทีค่ าดว่าจะเป็นข้าศึกขนาด ๑ หมวดปืนเล็กทีอ่ ยูท่ างทิศเหนือนอก
พื้นที่ปฏิบัติการของเรา กองร้อยจะวางก�ำลังเป็นแนวปะทะไว้ทางด้าน
ทิศเหนือของข้าศึก และให้หมวดของผมบุกเข้าไปจากทางทิศใต้ ส�ำหรับ
ภารกิจนี้ก�ำลังจากหมวดของผมต้องเดินทางในเวลากลางคืนในพื้นที่
ที่ไม่คุ้นเคยเป็นระยะทางที่ไกลพอสมควรและเหลือก�ำลังไว้ที่ฐานเล็กน้อย
ภายใต้การดูแลของจ่าแพลโลแมน
พวกเราออกเดินทางสามชั่วโมงหลังจากตะวันตกดิน คืนนั้น
เป็นคืนที่ไม่มีพระจันทร์และมืดมาก การเดินทางจึงค่อนข้างช้าและ
เราต้องไปถึงที่รวมพลใกล้ท่ีหมายก่อนสว่าง จากนั้นก็จะต้องเข้าตีข้าศึก
ตอนรุ่งเช้า
แทนที่ผมจะเลือกเส้นทางที่ตรงและสั้นแต่ก็เสี่ยงต่อการเปิดเผย
ผมเลือกเส้นทางที่อ้อมหน่อย กะว่าจะให้ไปถึงฐานออกตีพอดีกับเวลาที่
เข้าตี ผมพาหมวดเดินไปทางทิศตะวันตกก่อนที่จะตัดมาทางเดินด้าน

191
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พวกเราเดินผ่านนาข้าวและข้ามล�ำธารหลายแห่ง
ก่อนที่จะตัดมาผ่านป่าเตี้ย ๆ ซึ่งเป็นการเดินทางช่วงสุดท้าย
ผมศึกษาแผนที่ตลอดช่วงบ่ายก่อนออกเดินทางเพราะรู้ดีว่า
ในเวลากลางคืนการดูแผนทีจ่ ะไม่สะดวก แม้วา่ ผมจะสามารถเอาเสือ้ กันฝน
มาคลุมแล้วก็ใช้ไฟสีแดงจากไฟฉายส่องที่แผนที่ แต่การก�ำหนดทิศทางให้
ถูกต้องโดยการเทียบเคียงกับภูมปิ ระเทศท�ำได้ยากมาก ทีผ่ มท�ำคือนับก้าว
และดูเข็มทิศเป็นหลัก ส�ำหรับผม ๑๓๕ ก้าวเท่ากับ ๑๐๐ เมตร และ
ทุ ก ๑๐๐ เมตรที่ เ ดิ น ทางได้ ผ มจะเอาหิ น ๑ ก้ อ นหย่ อ นใส่ ก ระเป๋ า
วิธีนี้ท�ำให้ผมสามารถกะระยะทางได้ และจากแผนที่ผมจะจ�ำว่าต้องผ่าน
ล�ำธารกี่แห่ง นาข้าวกี่แปลงและทางเดินกี่ทาง มันช่วยให้ผมตรวจสอบได้
ว่าได้เดินทางมาได้ระยะหรือไม่
แต่การเดินทางในเวลากลางคืนนั้นไม่ง่ายและมีโอกาสสับสนง่าย
มาก อีกทั้งยังกินเวลานาน บางครั้งเราอาจเจอกับสิ่งกีดขวางท�ำให้ต้องใช้
ทางอ้อม อีกทั้งยังต้องคอยเดินตรวจสอบลูกน้องว่าอยู่ครบหรือไม่ ท�ำให้
การนับก้าวเช็กระยะทางดูสับสนไปบ้าง
ประมาณเวลาตีหนึ่ง พวกเราก็ข้ามคลองชลประทานสายหนึ่ง
ถ้าประมาณระยะทางจากการนับก้าว แสดงว่าเรามาถึงจุดที่จะต้องเลี้ยว
ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ผมรีบไปบอกคนน�ำทางและบอกให้ก�ำลัง
ที่เหลือเคลื่อนที่ตาม สักพักคิลลิแกนก็มาสะกิดที่แขน
“ผู้หมวดเลี้ยวเร็วเกินไปครับ” ท่าทางเขามั่นใจมาก
มันท�ำให้ผมหยุดและคิดว่าผมท�ำอะไรไป คิลลิแกนมีสัมผัสที่หก
ในเรื่องแบบนี้เหมือนเขาโตมากับสิ่งนี้ ส่วนผมเป็นเด็กในเมือง ผมไม่สนใจ
ในค�ำเตือนเขาไม่ได้ ผมพยายามที่จะนึกว่าได้เดินผ่านอะไรมาบ้าง หยุดไป
192
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

กี่ครั้ง และดูเหมือนทุกอย่างจะถูก ผมเลยบอกว่า “ไม่ ผู้หมวดว่าเรามา


ถูกแล้ว”
คิลลิแกนยื่นหน้ามาใกล้ผมและก็บอกว่า “ไม่ใช่ครับ นี่เป็นคู
ชลประทานที่เพิ่งขุด เราต้องเดินไปอีกประมาณ ๒๐๐ เมตร”
ถ้าคิลลิแกนพูดถูกแสดงว่าเราก�ำลังเดินเข้าไปในถิ่นของข้าศึก
ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมาก การเลี้ยวผิดอาจท�ำให้เจอข้าศึกหรือหน่วยทหาร
ฝ่ายเดียวกันโดยไม่รู้ตัวและอาจเกิดการยิงกันเองได้ ผมมองไปที่แนวเขา
ไกล ๆ และเห็นยอดเขาสองลูกที่สามารถใช้เข็มทิศเล็งไปเพื่อหาที่อยู่ของ
ตัวเองบนแผนที่ได้
ทฤษฎีทเี่ รียนมาถูกต้อง แต่การน�ำมาปฏิบตั ใิ นคืนทีม่ ดื อย่างนีย้ อ่ ม
มีอปุ สรรคบ้าง ประการแรกผมแทบจะมองไม่เห็นแนวเขาเลยเพราะมืดมาก
และอีกประการหนึ่งต้องหาค่าความเบี่ยงเบนทางสนามแม่เหล็ก โดยดูว่า
เข็มทิศเบนจากทิศเหนือจริงบนแผนที่ไปเท่าไหร่ แม้จะดูซับซ้อนบ้าง แต่
สุดท้ายผมก็สามารถยืนยันได้ว่าผมเป็นฝ่ายถูก
แต่คิลลิแกนก็ไม่เห็นด้วย “แย่ ๆ ผมยังยืนยันว่าพวกเราเลี้ยวเร็ว
เกินไป”
แต่คนตัดสินใจคือผม และความมั่นใจก็ลดลงเหมือนกัน ถ้าผม
เชื่อสัญชาตญาณก็ต้องเอาตามคิลลิแกน แต่ถ้าเอาหลักเหตุผลก็ต้องเชื่อ
ตัวเอง “พอ ๆ คิลลิแกน ทั้งหมดออกเคลื่อนที่ได้” ผมสั่งให้หมวดเคลื่อนที่
ออกไป
“ผู้หมวดก�ำลังพาพวกเราไปตายครับ” เขาพูดให้ได้ยินก่อนที่
ทั้งหมดจะเดินต่อไป

193
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ค�ำพูดของเขาท�ำให้ผมสะดุดอีก มันท�ำให้ผมขาดความมั่นใจและ
ผิดหวังในลูกน้องที่ผมมองว่าเป็นทหารที่ดีที่สุดในหมวด เขาไม่มีความ
ศรัทธาในการท�ำหน้าที่ผู้น�ำของผมเลย แต่นาทีนี้ผมไม่สน ผมสั่งให้หมวด
เดินต่อไป ถ้าผมผิด เขาก็ถูกก็แค่นั้นเอง
ผมกัดริมฝีปากและนับก้าวทีเ่ ดินไปด้วย สิง่ กีดขวางทางธรรมชาติ
ที่เจอระหว่างทางท�ำให้ผมท้อไปเหมือนกัน หรือว่าเราจะเดินผิดเส้นทาง
เหมือนอย่างที่คิลลิแกนทักท้วง ผมพยายามนึกเปรียบเทียบสิ่งที่จ�ำจาก
แผนทีแ่ ละสิง่ ทีเ่ จอในภูมปิ ระเทศจริงว่ามันตรงกันหรือไม่ บางทีภาพทีเ่ ห็น
ก็ดเู หมือนจะใหญ่เกินจริงเพราะทัศนวิสยั จ�ำกัด ในทีส่ ดุ ผมก็หยุดเพ่งสายตา
ในความมืดและใช้เฉพาะการนับก้าวและดูมุมของเข็มทิศ ตอนนี้พวกเรา
เหมือนคนตาบอดเดินหลงทาง แต่ละคนแทบจะมองไม่เห็นคนข้างหน้า
คนน�ำทางก็ต้องอาศัยให้ผมบอกทางว่า “ไปทางซ้าย ขวา ตรงไป…”
ส่วนคิลลิแกนนั้นเงียบไม่พูดอะไรตลอดทาง ผมสงสัยว่าเขาก�ำลังคิดอะไร
อยู่ หรือเขาจะคอยดูว่าผมจะหลงทางจริง ๆ ไหม
พอถึงเวลาตีห้า การนับก้าวบอกว่าเรามาได้ตามระยะทางที่
ก�ำหนด นัน่ แปลว่าถ้าผมถูกพวกเราก็ถงึ ทีห่ มายแล้ว ผมสัง่ ลูกน้องวางก�ำลัง
เป็นหน้ากระดานและรอให้สว่าง อย่างน้อยที่สุดในระหว่างการเดินทางที่
น่ากลัวนี้พวกเราไม่ถูกข้าศึกซุ่มโจมตี ที่เหลือก็แค่คอยดูว่าพวกเราจะห่าง
จากที่ที่ควรจะเป็นเท่าไหร่
พอแสงสว่างเริม่ จับขอบฟ้า ผมก็เริม่ เห็นสิง่ ต่าง ๆ ชัดขึน้ ด้านขวา
เป็นทุง่ นา ตรงหน้าเป็นทีโ่ ล่งมีหญ้าขึน้ และถัดไปเป็นป่าทึบ ผมกางแผนที่
ตรงหน้า หัวใจเต้นถี่ขึ้นแล้วก็ดีใจสุดขีดเพราะพวกเราอยู่ห่างจากที่หมาย
ไม่ถึง ๒๕ เมตรเท่านั้น! ผมค่อนข้างจะมั่นใจเพราะว่าลักษณะภูมิประเทศ
ข้างหน้าเป็นที่ลาดชันเล็กน้อยหลังป่าซึ่งตรงกับในแผนที่พอดี และนั่น
194
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

หมายความว่าข้าศึกอยู่ข้างหน้าเรานี่เอง ผมรอเวลาที่จะออกตีคือรุ่งเช้า
ส่วนลูกน้องผมก็อยู่ในท่าหมอบนิ่งรอเวลาออกตี แต่จากใบหน้าคงเครียด
เหมือนกันเพราะไม่รู้ว่าจะเจออะไร
เมื่ อ ใกล้ ถึ ง เวลาผมวิ ท ยุ แจ้ ง กองร้ อ ยว่ า พร้ อ มออกตี แ ต่ เ ลี่ ย ง
การมองไปที่คิลลิแกน เพราะไม่อยากให้เขาคิดว่าผมเยาะเย้ย เมื่อได้เวลา
ผมให้สัญญาณมือเพื่อให้ลูกน้องลุกขึ้นเป็นแนวและเข้าตี พวกเราเข้า
ประชิดอย่างเร็ว โผเข้าไป ๒๕ เมตรแรกโดยที่ข้าศึกยังไม่ทันรู้ตัว เหมือน
ที่คู่มือการรบได้บอก พวกเราเปิดการยิงก่อน ข้าศึกล้มลงเป็นใบไม้ร่วง
มีการยิงตอบโต้บ้างเล็กน้อย แต่ข้าศึกตกใจและเสียขวัญ กระสุนที่ยิง
ตอบโต้จงึ ข้ามหัวไปเป็นส่วนใหญ่ เราโชคดีมาก ลูกน้องผมไม่มใี ครบาดเจ็บ
เลย ข้าศึกส่วนที่เหลือก็วิ่งหนีสุดชีวิตไปยังทิศทางที่กองร้อยวางก�ำลังไว้
ห่างออกไปประมาณ ๓๐๐ เมตร
ผมน�ำลูกน้องเข้ากวาดล้างบริเวณที่หมาย การไล่ติดตามหรือ
ท�ำทีเป็นไล่ติดตามจะท�ำให้ข้าศึกยิ่งเสียขวัญหนักขึ้น เราติดตามข้าศึก
ไปอีกประมาณ ๗๕ เมตร
เรากลับมาเสริมความมั่นคง ณ ที่หมาย มีเวียดกง ๑ คน ที่ถูก
จับเป็นพร้อมอาวุธที่ถูกท�ำลาย ผมสั่งให้หนานมาที่เชลยคนนี้
“ถามเขาสิวา่ มีพวกมันอีกไหมทีอ่ ยูด่ า้ นนอก” หนานก็ไม่รอช้ารีบ
ถามไปทันทีและมันตอบกลับมาด้วยภาษาสแลงแบบเวียดนามอเมริกันว่า
“โน บิก” ซึ่งแปลว่า “ผมไม่เข้าใจ”
ผมตะคอกใส่หน้าเวียดกงคนนัน้ “ไอ้บา้ เอ๊ย เขาพูดภาษาเวียดนาม
ใส่แก แกก็ตอบสิวะ” หนานถามอีกแต่เขาก็ไม่ตอบและหันหน้าไปทางอื่น
อย่างท้าทาย
195
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมเริ่มโกรธ หลังจากความกังวลเรื่องเมื่อคืนว่าจะหาที่หมาย
เจอไหมและชัยชนะที่ได้หลังจากการเข้าตีส�ำเร็จ ทุกอย่างอาจเปลี่ยนไป
เพราะความยโสของเชลยคนนี้ คิลลิแกนซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ก็บอกผมว่า “อย่า
โกรธไปเลยผู้หมวด เขาก็เป็นแค่ทหารคนหนึ่งเหมือนผู้หมวดกับผม”
คิลลิแกนพูดถูก ผมคงท�ำเหมือนเชลยคนนี้ถ้าอยู่ในสถานการณ์
อย่างนั้น อีกแล้วสินะ คิลลิแกน ลูกน้องผมที่เป็นคนไม่ค่อยพูดและไม่ค่อย
ให้เกียรติกบั การท�ำหน้าทีผ่ นู้ ำ� ของผมสักเท่าไหร่ ท�ำให้ผมขาดความเชือ่ มัน่
ในการท�ำหน้าที่ของตัวเองพอสมควร ผมหยุดถามเชลยและสั่งให้มัดเขาไว้
และหันไปสนใจการเสริมความมั่นคงที่หมายที่เรายึดได้ เสียงปืนที่ได้ยิน
จากระยะไกลแปลว่ากองร้อยได้ท�ำหน้าที่ได้สมบูรณ์
การปฏิบัติการคราวนี้ประสบความส�ำเร็จอย่างงดงาม มีพวก
เวียดกงได้รับบาดเจ็บ ๒ คน คนหนึ่งเป็นผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่แขนและ
พวกเราก็ช่วยท�ำแผลให้ เธอถลึงตามองพวกเราอย่างท้าทาย ผลจากการ
จู่โจมคราวนี้มีพวกเวียดกงเสียชีวิต ๔ คน ผมมองไปที่ศพที่นอนอยู่
มันท�ำให้เกิดความรู้สึกแปลก ๆ ผมเห็นภาพอย่างนี้มามาก จนท�ำให้อดคิด
ไม่ได้ว่าเราจะเป็นโรคจิตไปแล้วหรือ ความรู้สึกเย็นชาแบบนี้ไม่ควรจะ
เกิ ด ขึ้ น กั บ คนที่ ม าจากโลกที่ เจริ ญ แล้ ว สงครามที่ เ กิ ด บนภาคพื้ น ดิ น
ไม่เหมือนกับการทิ้งระเบิดใส่ข้าศึกจากเครื่องบิน มันเป็นการปะทะที่
เกิดขึ้น โดยคนที่เกี่ยวข้องต้องเอาตัวเข้าไปร่วมโดยตรง ไม่เขาก็เราที่ต้อง
ตาย ซึ่งต่างจากการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินซึ่งนักบินไม่ได้มีอารมณ์ร่วม
โดยตรงกับสถานการณ์ อารมณ์นี้มีทั้งความกลัว ความเกลียดชัง ความ
สงสาร ความผิดหวังหดหู่ และความรู้สึกของชัยชนะ สภาพศพที่นอนเรียง
อยู่เหมือนจะบอกว่าพวกเขาได้ต่อสู้อย่างห้าวหาญในสิ่งที่พวกเขาเชื่อ
ในแต่ละวันพวกเราต้องเจอสิ่งเหล่านี้หลายครั้ง จนท�ำให้เกิดความเคยชิน
196
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ความสุขที่เกิดขึ้นในสนามรบคือการที่เรายังมีชีวิตอยู่ นั่นหมายความว่า
ข้าศึกต้องตายเพื่อให้เรารอด ถ้าไม่ฆ่าก็ต้องถูกฆ่า มันมีแค่นี้
หรือว่าพวกเราอยู่ในสนามรบนานเกินไปจนความรู้สึกของความ
มี ม นุ ษ ยธรรมถู ก แทนที่ ด ้ ว ยความเป็ น ความตาย แต่ ผ มไม่ มี เวลามา
คิดเรื่องแบบนี้นานจนเกินไป ผมสั่งให้ลูกน้องรวบรวมอาวุธของข้าศึก
ค้นศพว่ามีเอกสารส�ำคัญอะไรหรือไม่ และวางคนส�ำหรับท�ำแนวป้องกัน
๓๖๐ องศา แจกจ่ายกระสุนและกินอาหารทีละคนจากกลุ่มละสามคน
สิ่งที่พวกเราท�ำเป็นกิจวัตรที่นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหลักปรัชญาอะไรเลย
มันเป็นเรื่องที่ว่าจะท�ำอะไรอย่างไรเพื่อให้มีชีวิตรอดเท่านั้น
มีบางอย่างผิดปกติกับศพ สองศพแรกบาดแผลไม่ใหญ่นัก แต่
ท�ำให้อวัยวะภายในที่ส�ำคัญถูกท�ำลาย ส่วนอีกสองศพถูกยิงเข้าที่กลาง
หน้าผาก รูด้านหน้าดูเรียบแต่ด้านหลังเหวอะหวะ ส่วนอื่น ๆ ตามร่างกาย
มีบาดแผลที่ไม่ท�ำให้เสียชีวิตแต่พิการได้ มีบางอย่างผิดปกติ ผมดูที่แผล
ที่หน้าผากเห็นเขม่าดินปืนซึ่งแสดงว่าผู้ที่เสียชีวิตถูกยิงในระยะเผาขน
รูกระสุนก็ใหญ่เกินกว่าจะเป็นกระสุน เอ็ม-๑๖ แต่มันคือปืนพกขนาด
.๔๕ มม. และคนเดียวที่ปืนพกชนิดนี้คือพยาบาลสนาม เขาจะพกมันไว้
เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น
สกิบเปอร์ ไชฟ์ พยาบาลสนามซึง่ เป็นคนเดียวในหมวดทีม่ ไิ ด้เป็น
พลรบ (non combatant) คือคนทีผ่ มสงสัย ซึง่ เป็นพยาบาลสนามคนเดียว
ในหมวดเป็นผูต้ อ้ งสงสัย สถานะเขาคือท�ำหน้าทีร่ กั ษาผูป้ ว่ ยในสนาม ไม่ได้
มีหน้าที่มารบกับข้าศึก เขาเป็นคนที่เอาผ้าพันแผลให้กับทหารที่บาดเจ็บ
ปลอบทหารหรือท�ำให้เสียงร้องเบาลง และเป็นคนสุดท้ายที่ได้ยินค�ำพูด
ของทหารที่เสียชีวิต ผมเรียกเขามาคุยทันที

197
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

“มีข้าศึกที่ได้รับบาดเจ็บกี่คน หมอ”
“๒ คน ครับ” ไชฟ์ตอบ
“แล้วคนที่ตายล่ะ ไชฟ์ มีโอกาสที่จะรักษาเขาไหม”
“ไม่ครับ เสียชีวิตก่อนที่ผมจะไปถึง”
ผมมองไปที่ตาเขา พยายามหาพิรุธ “อย่างน้อยเวียดกงก็น้อยลง
ไปสี่คนนะ ฉันว่า”
สามวันต่อมาผมส่งไชฟ์ไปอยู่ที่กองร้อยเรนเจอร์ ผมและไชฟ์เห็น
ตรงกันว่าเขาน่าจะเหมาะกับการเป็นเรนเจอร์มากกว่าเป็นเสนารักษ์
เขาไม่เหมาะต่อหน้าที่นั้นอีกต่อไป เขากลายเป็นนักฆ่าที่ร้ายกาจมากกว่า
พวกเราเสียอีก และสิ่งที่เขาท�ำไม่สามารถให้อภัยได้ สงครามก็แย่พอ
อยู่แล้ว ผมจะไม่ให้มันแย่ไปกว่านี้อีก
หลังจากการปะทะในตอนเช้าจบลง ผมก็ประสานและจับมือกับ
กองร้อย ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คือหมวดทหารราบเพิ่มเติมก�ำลังมาท�ำหน้าที่เป็น
แนวกั้นให้ ผมส่งเชลยให้กับผู้หมวดที่ท�ำหน้าที่ควบคุมทหารมา ดู ๆ แล้ว
คงเป็นการรบครั้งแรกของเขา ผมทราบภายหลังว่าเขาเสียชีวิตในอีก ๒
สัปดาห์ต่อมา และก็เป็นไปตามคาดว่าผู้บังคับกองร้อยไม่ได้มาด้วย แต่อยู่
ที่ฐานของกองร้อย
“เอาไอ้พวกผิวเหลืองมาที่นี่” ผู้หมวดคนนั้นบอกลูกน้องผม
“พวกเขาไม่ใช่ไอ้พวกผิวเหลือง” ผมพูดกับเขาเบา ๆ “พวกเขา
ก็เป็นทหารเหมือนคุณกับผม”
แว๊บหนึ่งผมสังเกตเห็นสายตาของคิลลิแกนเป็นประกาย จากนั้น
เราก็ออกเดินทางกลับบ้าน

198
บทที่ ๒๐
คำ�สั่งบุก

กองทัพบกสหรัฐ เป็นกองทัพที่ยึดถือหลักนิยม มีกฎระเบียบและ


หลักการที่ทุกหน่วยต้องปฏิบัติตามเสมอไม่ว่าจะประจ�ำการอยู่ส่วนไหน
ของโลก และเมือ่ ต้องท�ำงานด้วยกันก็จะท�ำให้พดู ภาษาทหารเหมือนกันได้
อย่างไรก็ตามมันก็มีข้อเสียกับการท�ำอะไรซ�้ำ ๆ เพราะข้าศึกสามารถ
จับทางได้ง่าย และเวียดกงกับทหารเวียดนามเหนือก็เป็นศัตรูที่ชาญฉลาด
ในพื้นที่ปฏิบัติการที่หมวดผมรับผิดชอบจะมีรอยต่อที่หมวดผม
และหน่วยข้างเคียงตกลงร่วมกันว่าจะไม่มีทหารของหน่วยไหนเข้าไป เพื่อ
ป้องกันการยิงกันเอง พวกเวียดกงคงสังเกตได้ว่าพวกเราไม่เคยเข้าไปใน
รอยต่อนั้น ก็เลยแสวงประโยชน์จากมันในการใช้ล�ำเลียงพล และแผนของ
พวกเราคือป้องกันไม่ให้พวกมันใช้ประโยชน์จากรอยต่อดังกล่าว
ตอนนั้นวาระการท�ำงานของผู้บังคับกองร้อยผมใกล้จะหมดลง
จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนทีไ่ ม่มคี วามกล้าเอาเสียเลย อีกทัง้ ไม่เคยแสดงให้เห็น
ทักษะทางยุทธวิธีให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้เห็น แต่เนื่องจากก่อนจะหมด
วาระหน้าที่ เขาจะต้องถูกหน่วยเหนือประเมินผลการท�ำงาน เขาจึง
ตัดสินใจวางแผนการรบครั้งสุดท้าย

199
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ดังนั้นในตอนบ่ายวันหนึ่งผมได้รับวิทยุจากกองร้อยให้หมวดผม
ลาดตระเวนไปยังหมวดที่ ๓ ที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือห่างจาก
ฐานเราเป็นระยะทาง ๓,๐๐๐ เมตร และผูบ้ งั คับกองร้อยจะไปเจอพวกเรา
ทั้ง ๓ หมวดที่นั่นเพื่อให้ค�ำสั่งยุทธการ
ผู้บังคับหมู่เจมส์ และทหารอีก ๓ นายจะพาผมและพลวิทยุ
ไปทีจ่ ดุ นัดพบ แต่กอ่ นออกเดินทางผมเปลีย่ นต�ำแหน่งของลูกน้องเล็กน้อย
คือให้ฟิล เนลมาท�ำหน้าที่พลวิทยุเหมือนเดิมและให้คิลลิแกนไปอยู่กับ
หมู่ของเจมส์เพื่อท�ำหน้าที่พลน�ำทาง ซึ่งเป็นต�ำแหน่งที่เขาชอบมาก แต่
ก่อนหน้านี้คิลลิแกนก็กระแนะกระแหนและบ่นกับผมเรื่องที่ให้เขามาเป็น
พลวิทยุมาตลอด เขายิม้ ด้วยอาการดีใจอย่างเห็นได้ชดั และก็สง่ วิทยุพร้อม
คู่มือการเข้ารหัสให้กับเนล พร้อมกับเดินไปท�ำหน้าที่พลน�ำทางต่อไป
เส้นทางที่พวกเราต้องไปนั้นต้องไปทางทิศตะวันตกก่อนจากนั้น
จึงเลี้ยวไปทางทิศเหนือ คิลลิแกนท�ำหน้าที่เป็นพลน�ำทางได้ดีมาก โดยพา
เราเลี่ยงกับระเบิดสองจุดไปได้อย่างปลอดภัย ประมาณ ๑,๕๐๐ เมตร
ห่างจากฐานเราไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เขาพาพวกเราข้ามล�ำธาร
ที่ไหลเชี่ยว จากนั้นก็พาเราไปตามทางเดินไปทางทิศเหนือ แต่พอเดินไป
ได้ไม่กี่เมตรพวกเราก็ต้องหาทางเดินใหม่ให้ห่างจากทุ่งนา
เมื่อเราเข้าไปฐานของหมวดที่ ๓ ผมก็สังเกตเห็นผู้บังคับกองร้อย
คือร้อยเอก มอเรย์ ซึ่งยังดูหนุ่มมากยืนคุยกับผู้หมวดอีก ๒ คน มอเรย์ดู
สะอาดสะอ้านมาก สะอาดเกินไปส�ำหรับผู้บังคับหน่วยสนาม และดูจะ
สดชื่นมากจากการได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ อายุเขาก็พอ ๆ กับผม และเป็น
ศิษย์เก่าจากเวสต์พอยต์เหมือนกัน แต่ก่อนผมแค่ปีเดียว สมัยนั้นยศจะขึ้น
เร็วมาก จบมาได้หนึ่งปีก็ติดร้อยโท และอีกหนึ่งปีก็ร้อยเอก ส�ำหรับผม

200
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ปีหน้าก็จะติดร้อยเอกเหมือนเขา แต่หวังว่าจะไม่แสดงออกถึงความ
ไร้ประสบการณ์อย่างโจ่งแจ้งเหมือนที่มอเรย์ท�ำ
ไปถึงผมก็รายงานตัว “ผู้หมวดแมคดาน่ามารายงานตัวตามค�ำสั่ง
ครั บ ” ผมท� ำ วั น ทยาหั ต ถ์ ด ้ ว ยมื อ ขวาและมื อ ซ้ า ยก็ ถื อ ปื น เอ็ ม -๑๖
ปากกระบอกปืนชี้ลงพื้น
“สวัสดีจิม” ร้อยเอก มอเรย์ยิ้มทักทาย ผมหันไปพยักหน้าให้
ผู้หมวดอีก ๒ คนซึ่งเป็นคนใหม่ที่ผมไม่คุ้นหน้าเลย
อัตราการสูญเสียของผูบ้ งั คับหมวดในสนามรบโดยเฉพาะในระดับ
กองร้อยและกองพันสูงมาก ส�ำหรับผมถือว่าเป็นผู้หมวดทหารราบเพียง
ไม่กคี่ นทีอ่ ยูร่ อดมาได้นานขนาดนี้ บางทีผมอาจจะเป็นผูห้ มวดทีอ่ ยูร่ อดได้
นานที่สุดในกองพันก็ได้
“เอาล่ะสุภาพบุรุษทั้งหลาย นี่คือแผนของเรา” ผู้กองมอเรย์
บรรยายต่อ “หมวดที่ ๒ และ ๓ จะเข้าบรรจบกันหลังมืดค�่ำและปฏิบัติ
ภารกิจค้นหาและท�ำลายในพื้นที่ปฏิบัติการของกองร้อยแอลฟ่าที่อยู่ทาง
ทิศตะวันตก ส่วนหมวดที่ ๑ จะท�ำหน้าที่เป็นกองหนุนให้กับกองร้อยและ
ให้อยู่ที่หมวดของตัวเอง ส่วน ค.ของกองร้อยจะเป็นอาวุธยิงสนับสนุน”
“แล้วผู้กองจะอยู่ไหนครับ” ผมถามทั้ง ๆ ที่รู้ค�ำตอบอยู่แล้ว
“ฉันจะอยู่กับหมวดที่ ๑ เพื่อที่จะได้ควบคุมการปฏิบัติได้ทั้งหมด
รวมถึงการยิงสนับสนุน และการติดต่อกับกองพันและกองร้อยแอลฟ่าด้วย”
ผูก้ องมอเรย์ตอบค�ำถามผมอย่างระมัดระวัง ส�ำหรับแผนการนีผ้ กู้ องมอเรย์
จะอยู่ห่างจากที่ที่เราอยู่ในปัจจุบัน ๒,๐๐๐ เมตร และประมาณ ๔,๐๐๐
เมตรจากที่หมาย ผมพยายามระงับสีหน้าไม่ให้แสดงอาการดูถูกออกมา

201
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

“ขออนุญาตควบคุมการปฏิบัติของก�ำลังภาคพื้นในช่วงแรกของ
การเคลื่อนที่ครับ” ผมพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“ได้สิจิม มันก็มีเหตุผลดีนะ คุณเป็นผู้บังคับหมวดที่อาวุโสที่สุด
แล้วคุณมีแผนการอะไรไหม”
มอเรย์เป็นคนง่าย ๆ และผมจะใช้ประโยชน์จากตรงนี้เพื่อให้
ภารกิจส�ำเร็จ ผมเล่าแผนการทีผ่ มคิดไว้ในใจให้เขาฟัง รวมถึงเส้นทางทีค่ วร
ใช้ สถานทีท่ คี่ วรใช้เป็นจุดนัดพบ เวลาทีค่ าดว่าน่าจะมีการปะทะ และชนิด
ของอาวุธที่ควรจะน�ำไป เขาเห็นด้วยกับแผนการ และขอตัวกลับ
“ฉันต้องกลับไปที่ท�ำการกองร้อยและรายงานให้กองพันทราบ”
ผมเห็นโอกาสที่ท�ำให้การท�ำงานง่ายขึ้นเลยบอกเขา “ขออนุญาต
ครับ ระหว่างทีผ่ กู้ องไม่อยู่ ผมขออนุญาตสรุปแผนการปฏิบตั ใิ ห้ผหู้ มวดอีก
๒ คนทราบครับ”
“ได้สิ ตามสบายเลย” และเขาก็ไป พวกเราลุกขึ้นท�ำความเคารพ
ผมพยายามทีจ่ ะท�ำให้บรรลุวตั ถุประสงค์ของผูก้ องมอเรย์ ซึง่ ก็คอื
การขัดขวางเสรีการปฏิบัติของข้าศึกบริเวณแนวแบ่งพื้นที่ปฏิบัติการของ
หน่วยในพื้นที่ และพยายามใช้ยุทธวิธีที่รอบคอบ ผมรู้ว่าการที่หมวด
สองหมวดจะเข้ า บรรจบกั น ตอนเที่ ย งคื น นั้ น เป็ น สิ่ ง ที่ อั น ตรายมาก
มันไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายเลย ดังนั้นผมจะให้หมวดที่ ๓ อยู่กับที่
ในขณะเดียวกันผมก็จะท�ำเหมือนมีการลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบ
ของหมวดผมเพื่อลวงข้าศึก และขอให้ผู้หมวดของหมวด ๓ จัดพลน�ำทาง
ที่ดีที่สุดน�ำหมวดของผมผ่านพื้นที่ของหมวด ๓ ไปยังพื้นที่ปฏิบัติการ
ของกองร้อย

202
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

สมอลลี่ผู้บังคับหมวดที่ ๓ เห็นด้วย เขาเพิ่งมาประจ�ำที่สนามรบ


ได้แค่เดือนเดียวและดูเหมือนจะไม่เหมาะกับงานนี้เท่าไหร่ พ่อแม่สมอลลี่
เป็นคนชั้นกลางจากบอสตันและอาศัยอยู่ที่เมืองร็อกเบอรี่ เขาเป็นคน
รู ป ร่ า งเล็ ก และไม่ ค ่ อ ยพู ด เท่ า ไหร่ บางที เขาน่ า จะเลี่ ย งการถู ก ส่ ง มา
เวียดนามได้จากความสัมพันธ์ที่เขามีกับเพื่อน ๆ ที่เมืองเคมบริดจ์ แต่เขา
เลือกที่จะมาเป็นนายทหารเป็นเวลา ๒ ปี คือต่อยอดจากการฝึกทหาร
ในระหว่างเรียนที่มหาวิทยาลัย แทนที่จะไปจับใบด�ำใบแดง
ผมมองไปรอบ ๆ พื้นที่รับผิดชอบของหมวดสมอลลี่ และเห็นว่า
คงจะพึ่งพาเขาได้ไม่เท่าไหร่ ก็ต้องบอกว่าไม่น่าหวังพึ่ง ฐานดูไม่เรียบร้อย
มาก ไม่มีความพร้อมรบเลย ไม่มีการเคลียร์พื้นที่ส�ำหรับใช้เป็นแนวยิง
ป้องกัน หญ้าก็ขนึ้ รกบริเวณแนวลวดหนามทีม่ อี ยูเ่ พียงไม่กชี่ นั้ ฐานของเขา
อยู่ในบริเวณวัดร้างและทหารบางส่วนก็ผูกเปลนอน ขยะก็เต็มไปหมด
บ่งบอกให้รวู้ า่ วินยั ของหมวดนีแ้ ย่มาก และตอนนีก้ ม็ ที หารบางคนเปิดวิทยุ
ในคลื่นของกองทัพฟังอย่างสบายใจ ผมเห็นหลุมบุคคลอยู่บ้าง แต่ก็อยู่
ผิดที่ผิดทางและไม่ได้เสริมความแข็งแรงแต่อย่างใด
และที่ส�ำคัญไปกว่านั้น ผมสังเกตผู้หญิงสาว ๒ คนอยู่ในบริเวณ
นั้น พวกหล่อนใช้ตึกร้างเป็นซ่อง ในขณะที่นายทหารก�ำลังคุยกันอยู่
พวกเธอก็ให้บริการแก่ทหารที่มาจากที่อื่น และดูเหมือนซ่องนี้จะเปิดมา
นานพอสมควร สังเกตจากสีหน้าของทหารหมวดที่ ๓ ที่แสดงความอิจฉา
เวลาผู้หญิงเหล่านี้มีท่าทียินดีที่ได้เห็นทหารจากที่อื่นเข้ามา เมื่อเห็น
อย่างนี้ผมตัดสินใจที่จะไม่เอาหมวดของสมอลลี่เข้าท�ำการบุกด้วย เพราะ
ขนาดในฐานตัวเองยังขนาดนี้ ไม่ต้องหวังเลยว่าเขาจะสามารถพาลูกน้อง
ไปรบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

203
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ส่วนเอแวนส์ของหมวดที่ ๑ ก็ดูประหม่า เขาเพิ่งมารับต�ำแหน่ง


ได้เพียง ๑ สัปดาห์เท่านั้น และนี่ก็เป็นภารกิจแรกของเขา เขาเป็นคน
รูปร่างสูง มาจากตอนกลางของประเทศ ผมว่าเขาตื่นเต้นเกินไป เขา
รูส้ กึ แย่ทตี่ อ้ งท�ำหน้าทีเ่ ป็นเพียงกองหนุน แต่นนั่ เป็นค�ำสัง่ ของผูก้ องมอเรย์
บางทีผมอาจจะตัดสินคนอื่นเร็วเกินไปและวางแผนการต่าง ๆ บนพื้นฐาน
ของสิ่งที่ได้ตัดสินไปแล้ว แต่มันจ�ำเป็นเพราะว่าบุคคลรอบ ๆ เราจะมี
ผลต่อความเป็นความตายของลูกน้องเราโดยตรง เช่น ผูก้ องมอเรย์กข็ ขี้ ลาด
หมวดสมอลลี่ก็อ่อนแอเกินไป ส่วนหมวดเอแวนส์ก็ดูจะตื่นเต้นไปเสีย
ทุ ก อย่ า ง บางคนอาจจะหาว่ า ผมอวดดี ที่ ไ ปเที่ ย วตั ด สิ น คนอื่ น แบบนี้
แต่ผมจ�ำเป็นต้องท�ำ

204
บทที่ ๒๑
การลาดตระเวนกลับ

“โอเคผู้หมู่เจมส์ บอกให้ทุกคนเตรียมพร้อมออกเดินต่อ” ผม
สั่งการพร้อมกับเก็บแผนที่ไปด้วย
ส่วนพลทหารเจมส์ เทเลอร์ จากเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์
มองมาที่ผมแบบไม่ค่อยจะพอใจ คือเขาอยู่ในจุดที่สามารถมองเห็นสาว ๆ
พวกนั้นได้ถนัด “ผู้หมวดครับ พวกเราไม่ต้องรีบก็ได้นี่ครับ ขออีกสัก ๑๐
นาทีได้ไหมครับ”
“ไม่ เ อาน่ า เทเลอร์ ทุ ก คนก� ำ ลั ง รออยู ่ ว ่ า จะเอายั ง ไงกั น คื น นี้
ความจริงฉันท�ำเพื่อนายนะเนี่ย ฉันรู้ว่านายมีอีหนูพวกนี้อยู่ในใจเยอะมาก
จนสับสนวุ่นวายไปหมดแล้ว” ผมหัวเราะเบา ๆ บอกให้รู้ว่ารู้ทันความคิด
เขา
เทเลอร์เป็นหนึ่งในทหารผิวด�ำทั้งหมดสามคนในหมวดและเป็น
ทหารราบเกรดเอ เขาตัวสูงมากกว่า ๑๘๐ เซนติเมตร เคยได้รับบาดเจ็บ
มาแล้ว ๒ ครั้ง แต่ก็ยังกลับมาอีก เขาคิดว่าเพื่อน ๆ ต้องการเขา ไม่ว่าจะ
ผิวด�ำหรือขาว
คิลลิแกนพาพวกเราออกจากฐานมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ ใจผมยัง
ครุ่นคิดเกี่ยวกับแผนการในคืนนี้ ส่วนผู้บังคับหมู่เจมส์ซึ่งเดินเป็นล�ำดับ

205
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ที่สอง ก็ท�ำหน้าที่ควบคุมการเดินให้เรียบร้อย ไม่ใช้เส้นทางเดิมที่พวกเรา


เคยใช้เพือ่ ความปลอดภัย ตอนนีเ้ พิง่ จะเลยบ่ายสามมานิดเดียวพวกเราต้อง
เร่งฝีเท้าเพราะมีหลายสิง่ ทีต่ อ้ งท�ำก่อนทีจ่ ะค�ำ่ มืด พวกเราเดินมาใกล้ลำ� ธาร
ทีเ่ พิง่ จะข้ามมาก่อนหน้านีแ้ ละดูเหมือนภูมปิ ระเทศจะเดินยากขึน้ ทางด้าน
ทิศตะวันตกของพวกเรามีนาข้าวที่ทอดตัวแนวเหนือ-ใต้กว้างประมาณ
๕๐ เมตร บังคับให้พวกเราต้องเดินทางผ่านป่าที่รกทึบ ซึ่งยิ่งท�ำให้การ
เดินทางช้าลงไปอีก และข้าง ๆ ป่าเป็นทางเดินที่พวกเราเคยใช้ตอนขามา
และต้องเลี่ยงให้มากที่สุดที่จะไม่ใช้ทางเดิม
ประมาณ ๕๐ เมตรก่อนถึงจุดที่จะต้องข้าม คิลลิแกนพาพวกเรา
เลีย่ งโดยไปทางทิศตะวันตก แต่ตอ้ งไปใช้ทางเดินแทน การเดินทางนัน้ ต้อง
ผ่านป่าที่รก เล่นเอาเหงื่อออกตามหน้าผากเป็นหยดน�้ำ ท�ำให้ผมต้องหยุด
คิดเรื่องที่จะต้องท�ำคืนนี้ไปก่อน และจดจ่ออยู่ที่เรื่องเฉพาะหน้า เราก�ำลัง
จะเสี่ยงด้วยการใช้เส้นทางเดิมซึ่งผิดหลักยุทธวิธี และผมก็นึกอยากจะ
ตะโกนบอกคิลลิแกนให้ออกจากทางเดินเดิมนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็นึกว่า
อีกไม่นานก็จะถึงที่จะข้ามล�ำน�้ำแล้ว
ในขณะที่คิลลิแกนเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ผมเห็นเขา
ชะงักอยูแ่ ว๊บหนึง่ พร้อมมองไปทางด้านซ้ายตรงพุม่ ไม้สงู ๆ ข้างทางเหมือน
จะเห็นอะไรบางอย่าง ผมรู้ได้ทันทีว่าเราก�ำลังตกอยู่ในอันตรายเพราะ
เขาไม่เคยแสดงอาการแบบนี้มาก่อน คิลลิแกนหันมาทางพวกเราใบหน้า
บิ ด เบี้ ย วเหมื อ นกั บ จะพู ด อะไรบางอย่ า ง ผมรี บ ตะโกน “ซุ ่ ม โจมตี ! ”
พร้อมกับพุ่งหลบไปทางซ้าย ส่วนคิลลิแกนนั้นถูกแรงระเบิดในระยะ
เผาขน ในขณะเดียวกันผู้บังคับหมู่เจมส์ก็โดนยิงเข้าไปที่ไหล่ล้มลง ข้าศึก
ยิงใส่พวกเราจากอีกฟากหนึ่งของทุ่งนา ปรากฏว่าระเบิดที่คิลลิแกนโดน
เป็นระเบิดแบบบังคับจากระยะไกล
206
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมยั ง หมอบติ ด ดิ น เนื่ อ งจากข้ า ศึ ก ระดมยิ ง มาเป็ น ห่ า ฝน


ผมประเมินว่าตอนนีพ้ วกเราน่าจะเหลือกันอยูแ่ ค่ ๔ คน ผมเหลือบมองเห็น
ผู้หมู่เจมส์ก�ำลังคลานออกจากทางเดินโดยมีเลือดไหลอาบทั่วตัว เขาก�ำลัง
คลานไปหาคิลลิแกนซึ่งใบหน้าคว�่ำอยู่ในนาข้าว ถ้าเขายังไม่ตาย การอยู่
อย่างนั้นไม่กี่นาทีอาจท�ำให้เขาจมน�้ำตายได้
“ยิ ง คุ ้ ม กั น ด้ ว ย” ผมตะโกนสั่ ง ลู ก น้ อ ง ๓ คนที่ อ ยู ่ ด ้ า นหลั ง
พวกเขาท�ำตามที่สั่งทันทีคือยิงคุ้มกันให้เจมส์ซึ่งก�ำลังลงไปช่วยคิลลิแกน
ผมเองก็ยิงจนกระสุนหมดซองแล้วรีบโผเข้าไปทางด้านข้างของผู้หมู่เจมส์
ในนาข้าวทีน่ ำ�้ ลึกถึงเอว เราสองคนช่วยดึงคิลลิแกน แขนข้างหนึง่ ของเจมส์
ใช้การไม่ได้ ผมจึงลากคิลลิแกนออกจากนาข้าวและเอามาไว้ข้างหลัง
เนินดินด้านข้าง เจมส์เลยใช้ปนื พาดกับเนินดินแล้วยิงด้วยแขนข้างทีใ่ ช้การ
ได้เพื่อเสริมอ�ำนาจการยิงให้กับพวกอีกสามคน
คิลลิแกนยังไม่ตาย แต่มีแผลเต็มตัวและเลือดไหลออกมามาก
ผมพยายามฉีกเสื้อผ้าเขาออกเพื่อที่จะท�ำการปฐมพยาบาลได้สะดวก
แต่เป็นไปด้วยความยากล�ำบาก คิลลิแกนยังมีสติอยู่แต่พูดไม่ได้เพราะ
มีแผลที่ปากและคอ เขาพยายามช่วยโดยชี้ไปที่กระเป๋ากางเกง ผมล้วงไป
ก็เจอกับมีดพับคมกริบเลยใช้ตัดเสื้อผ้าออก
เนลคลานมาหาผม “แย่แล้วครับผู้หมวด พวกเราแย่แล้ว แล้ว
คิลลิแกนเป็นอย่างไรบ้าง” ผมโกหกเขา “ไอ้บ้านี่ไม่เป็นไรมากหรอก”
แล้วสั่งต่อ “เนล วิทยุรายงานสถานการณ์ถึง ผบ.ร้อย. ด่วน” ตอนนี้มีการ
ยิ ง กั น ไปมา ยิ่ ง พวกเราสามารถยั น ไว้ ไ ด้ น านเท่ า ไหร่ โ อกาสรอดก็ สู ง
เพราะจะมีส่วนสนับสนุนมาช่วย แต่ยิ่งนานเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อ
คิลลิแกน

207
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ในขณะที่ ผู ้ ก องมอเรย์ สั่ ง ให้ ห มวดของเอแวนส์ รุ ก ลงมาจาก


ทิศเหนือ ผมก็สั่งให้รองผู้บังคับหมวดแพลโลแมนน�ำลูกน้องมาช่วยโดยให้
เหลือไว้ที่ฐานเพียงแค่ ๓ คน ผมรู้ว่าจ่าแพลโลแมนจะมาถึงในไม่ช้า แต่
ในขณะที่ลูกน้องจากหมวดผมเคลื่อนที่มาจากทางทิศใต้ หมวดเอแวนส์
คงต้องใช้เวลาสักพักเพราะต้องรวบรวมก�ำลังของเขาหมวดของตัวเองก่อน
ที่จะมาช่วยพวกเรา ส่วนผู้กองมอเรย์ก็เป็นไปตามคาดคือเลือกที่จะอยู่
ณ ที่บังคับการกองร้อย
เนลท�ำหน้าทีข่ องตัวเองอย่างขะมักเขม้นซึง่ ส�ำคัญมากในการช่วย
คนที่บาดเจ็บรวมถึงการเรียกเฮลิคอปเตอร์มาช่วย ส่วนพลทหารเทเลอร์ก็
ยิงปืน เอ็ม-๗๙ ใส่ข้าศึกเป็นระยะ ๆ การที่ข้าศึกเลือกที่ซุ่มโจมตีจากระยะ
ไกล ท�ำให้พวกเราได้เปรียบ เพราะพวกมันจะจู่โจมข้ามทุ่งนามาได้ยาก
และหวังพึ่งเพียงแค่ให้พวกเราเข้าไปเหยียบกับระเบิดที่วางไว้และยิงใส่
พวกเราจากระยะไกล ผมรู้สึกว่าสัญชาตญาณของการเป็นนักมวยท�ำให้
ผมรอดชีวิตโดยการรีบพุ่งหลบและท�ำให้ลูกน้องคนอื่นรอดด้วย ส่วน
คิลลิแกนนั้นเสียสละโดยการหันหลังมาเตือนพวกเราและรับเคราะห์แทน
เสี้ยววินาทีที่เขาเสียสละท�ำให้พวกเรารอด
แต่ คิ ล ลิ แ กนคงไม่ ร อดถ้ า เขาไม่ ถึ ง มื อ หมอทั น เวลา การ
ปฐมพยาบาลของผมมีขีดจ�ำกัดและต้องยิงตอบโต้ข้าศึกด้วย ผู้กองมอเรย์
สัง่ ให้พวกเราตรึงข้าศึกไว้ และพวกเราก็พยายามท�ำให้ดที สี่ ดุ เพราะมีกนั แค่
๔ คนที่สามารถท�ำการรบได้เวลานี้ ณ ตอนนี้ ผมนับบาดแผลบนตัว
คิลลิแกนได้ ๑๗ แห่ง รวมถึง ๓ แห่งที่หัว ๑ แห่งที่คอ ๒ แห่งที่หน้าอก
๓ แห่งที่ท้อง และอีกหนึ่งแห่งที่สะโพก นัยน์ตาเขาตอนนี้เหมือนก�ำลัง
จะหลับยาวหรือเสียชีวิต

208
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

“ทนหน่อยไอ้เพื่อนรัก เดี๋ยวฉันจะเอานายออกจากที่นี่ในไม่ช้า”
ผมให้ค�ำมั่นสัญญากับเขา เขาเหลือบมามองที่ผมหนึ่งครั้ง มันท�ำให้ผม
ยิ่ ง ต้ อ งท� ำ ให้ เขารอดให้ ไ ด้ ไ ม่ ว ่ า จะด้ ว ยวิ ธี ไ หน ขณะนั้ น ก็ มี เ สี ย งของ
เฮลิคอปเตอร์มาพอดี เสียงของนักบินฟังไม่ค่อยถนัดผ่านมาทางวิทยุ
“จาก แคสเปอร์ ๔๙ ให้ยิงระเบิดควันด้วย เปลี่ยน” เนล เมื่อได้ยินดังนั้น
ก็ปาระเบิดควันสีแดงออกไป “เห็นแล้ว เป็นสีแดงสดเลย” นักบินตอบกลับ
ทางวิทยุ เนลตอบกลับไปว่า “ยืนยันครับ”
“ให้บอกที่จะลงจอด แล้วผมจะลงให้” ผมรู้สึกว่าเขาเรื่องมาก
แต่มันก็เป็นหน้าที่เขา ผมมองไปรอบ ๆ ที่ที่ใกล้ที่สุดเป็นป่าทึบ เครื่อง
ลงจอดไม่ได้แน่ และที่ที่เป็นไปได้มากที่สุดอยู่ทางด้านหลังออกไปทาง
ทิศตะวันออก ๓๐ เมตร เฮลิคอปเตอร์สามารถลอยตัวอยู่ได้ชั่วขณะ “ยิง
คุ้มกันสูงสุด” ผมตะโกนสั่งลูกน้องและบอกเนล “เนลรีบไปตรงที่เป็นที่
โล่งนั่นและให้ขว้างระเบิดควันอีกครั้งและให้รีบกลับมาหาที่ก�ำบัง” ส่วน
ผมก็อุ้มคิลลิแกนทั้งสองมือ ปืนเอ็ม-๑๖ ของผมที่พาดที่ตัวก็รั้งที่คอผม
ราวกับว่าจะตัดคอผมให้ขาด คิลลิแกนและผมต่างหนักคนละประมาณ
๑๕๐ ปอนด์ แต่ละก้าวของผมมันช่างนานและล�ำบากเหลือเกิน ผม
พยายามเดินผ่านดงป่าไปที่จุดของระเบิดควันสีเขียว เพื่อให้เฮลิคอปเตอร์
มารั บ รู ้ สึ ก ได้ ว ่ า แขนผมกระตุ ก เป็ น ระยะและทุ ก ครั้ ง ที่ มี ก ารกระตุ ก
คิลลิแกนจะกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด ถ้าเขาอ่อนแอป่านนี้คงหมดสติ
ไปแล้ว เลือดของคิลลิแกนไหลเป็นทางมาที่แขนผมผ่านข้อศอกหยดลงไป
บนพื้นดิน
ส่วนผู้บังคับหมู่เจมส์เห็นสภาพผมก็รีบมาเอาปืนออกจากล�ำคอ
เพราะกลัวผมจะขาดอากาศเสียก่อน โดยที่เขาก็ต้องถืออาวุธตัวเองและ
สั ม ภาระของคิ ล ลิ แ กนด้ ว ย พร้ อ มกั บ ต้ อ งกั ด ฟั น ทนกั บ บาดแผลของ
209
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ตัวเองอีก ผมกัดฟันเดินไปได้ประมาณ ๑๐ เมตร กระสุนหลายนัดก็วงิ่ ผ่าน


ข้างตัวไปโดนต้นไม้ข้าง ๆ ผมรู้สึกว่าโลกก�ำลังหมุน เม็ดเหงื่อจ�ำนวนมาก
ไหลลงมาเข้าตา ผมเริ่มหายใจไม่ออก มันแน่นหน้าอกไปหมด ส่วนเนล
ก็วิ่งผ่านผมไปที่จุดก�ำบังหลังจากปาระเบิดควันสีเขียวแล้ว
ตอนนี้คิลลิแกนยังมีสติอยู่ ผมเดินต่อไปอีก ๑๐ เมตร แต่เป็น
๑๐ เมตร ทีท่ รมานมาก ส่วนผูห้ มูเ่ จมส์กใ็ ห้กำ� ลังใจผมในระหว่างทีพ่ วกเรา
เดิ น ไปที่ เ ฮลิ ค อปเตอร์ ผมหยุ ด พั ก นิ ด หน่ อ ยโดยเอาหลั ง พิ ง ต้ น ไม้ ไว้
ในใจนึกอยากมีร่างที่ใหญ่กว่านี้จะได้อุ้มคิลลิแกนได้อย่างสบาย ๆ
ไม่ น านเฮลิ ค อปเตอร์ ก็ ล ดระดั บ ลงมาที่ จุ ด ของระเบิ ด ควั น
ผมออกแรงเฮือกสุดท้ายเพือ่ จะไปทีน่ นั่ เมือ่ ผมไปถึงเฮลิคอปเตอร์กล็ อยตัว
อยู่ที่ระดับหน้าอก แต่ใบหน้าของนักบินบ่งบอกถึงความกลัวอย่างเห็น
ได้ชัด เขาคงเพิ่งจะสังเกตว่าลูกกระสุนว่อนไปทั่วบริเวณ ส่วนพลปืนกลที่
ประจ�ำตรงประตูเครือ่ งพอได้จงั หวะก็สาดกระสุนตอบโต้ขา้ ศึก ผมพยายาม
ยกคิลลิแกนขึ้นไปวางบนพื้นของเครื่อง แต่เรี่ยวแรงมันเหมือนจะหมด
ในขณะนั้นนักบินก็ค่อย ๆ ยกเครื่องขึ้นในขณะที่เข่าผมทรุดลง ผมค่อย ๆ
วางคิลลิแกนลงบนพื้นดิน และดูเหมือนเขาก�ำลังจะจากพวกเราไปจริง ๆ
เพราะเลือดไหลออกมามากเหลือเกิน
ผมคว้าวิทยุที่เนลได้วางไว้เพื่อเรียกให้นักบินเอาเครื่องลงมา
“กลับลงมาเดี๋ยวนี้” ผมคิดว่าเนลรอบคอบมากเพราะถ้าเขาเอาวิทยุ
ไปด้วยในตอนนั้นผมคงล�ำบาก “ลงไปไม่ได้ สถานการณ์ข้างล่างอันตราย
มาก” นักบินตอบกลับมา ผมเลยตอบกลับไปว่า “เอาเครื่องลงมาเดี๋ยวนี้
ไอ้ขี้ขลาด ไม่งั้นฉันยิงนายแน่” ตอนนี้ผมไม่สนใจมารยาทในการสื่อสาร
ทางวิทยุแล้ว มันเป็นนาทีชีวิตของคนคนหนึ่ง

210
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

“นายลงมาเลย เดีย๋ วพวกฉันจะยิงคุม้ กันให้” ผมเจรจาแต่ไม่อยาก


จะพูดในเชิงขอร้อง ผมรีบวิ่งไปที่บริเวณนาข้าวพร้อมกับลากเอาปืน
เอ็ม-๑๖ ไปด้วย และก็ยิงรัวแบบอัตโนมัติจนหมดแมกกาซีนแล้วก็บรรจุ
อันใหม่เข้าไป ผมตะโกนบอกให้ลูกน้องอีก ๓ คนช่วยยิงปืนคุ้มกันให้
เฮลิคอปเตอร์ด้วย
“ยิงเข้าไป!” ผมรีบวิ่งไปที่คิลลิแกน และโกรธมากเพราะตาเขา
ปิ ด แล้ ว ผมอุ ้ ม เขาขึ้ น เพื่ อ ที่ จ ะวางบนเครื่ อ งที่ ล ดระดั บ มาคอยแล้ ว
และตะโกนบอกพลปืนกลให้ยงิ คุม้ กันให้เครือ่ งด้วย “ยิงปืนกลนัน่ เดีย๋ วนี!้ ”
เขาตกใจกลัว แต่รีบเอาสายกระสุนใส่ลงไปในรังเพลิงและรีบยิงทันที
ลูกตะกั่วพุ่งเป็นแนวยาวไหลออกจากปากกระบอกปืน
ผมพยายามเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อยกคิลลิแกนขึ้นวางบนเครื่องแต่
หมดเรี่ยวหมดแรงจริง ๆ ผมมองไปที่นักบินที่กลัวจนไม่รู้จะท�ำอย่างไร
ตอนนี้ถ้าไม่ท�ำอะไร คิลลิแกนคงไม่รอดแน่ ทันใดนั้นคิลลิแกนก็ลืมตาขึ้น
เขายืน่ มือไปจับทีฐ่ านของเครือ่ งและพยายามเอาคางขึน้ ไปเกย ผมรีบจับที่
เท้าเขาทั้งสองข้างและพยายามยกตัวเขาไปวางบนเครื่อง ผมสั่งให้ผู้หมู่
เจมส์ขึ้นไปบนเครื่องด้วยเพื่อดูแลคิลลิแกนระหว่างเดินทาง ชั่วอึดใจเดียว
เครื่องก็ยกตัวขึ้น
ตอนนี้มีผมกับลูกน้องอีก ๓ คนเท่านั้นเองที่ต้องตอบโต้ข้าศึก
ท้ายที่สุดคิลลิแกนก็ออกไปได้ เพราะเขายังไม่อยากตาย เช่นเดียวกับผมที่
ต้องท�ำการตอบโต้ข้าศึกเพราะผมเองก็ไม่อยากเป็นศพในสนามรบเช่นกัน
ผมคิดว่าถึงทีส่ ดุ แล้ว สิง่ ส�ำคัญในชีวติ เป็นเรือ่ งของความมุง่ มัน่ ทีจ่ ะท�ำอะไร
ให้ส�ำเร็จ ถ้าเราไม่ยอมแพ้มันก็ส�ำเร็จได้ เช่นเดียวกับสงครามที่ก�ำลัง
เกิดขึ้นที่นี่ถ้าเราไม่อยากตาย โอกาสรอดก็มีสูง ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ
ความหวังก็ยังมี
211
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

จ่าแพลโลแมนก�ำลังใกล้เข้ามาจากทางด้านทิศใต้ และก�ำลังของ
หมวดเอแวนส์ได้ข้ามนาข้าวมาแล้วเตรียมจะหันมาทางทิศใต้ แผนการคือ
กดดันให้ข้าศึกปะทะด้านหนึ่งแล้วโอบทางปีกทั้งสองข้าง ผมคิดว่าข้าศึก
คงพอจะเดาแผนการได้และพยายามผละออกจากการปะทะ ผมไม่สามารถ
ร้องขอการสนับสนุนปืนใหญ่หรือ ค. ได้เพราะเป็นพื้นที่ที่คนอยู่หนาแน่น
และกว่าจะขอได้ก็ใช้เวลานานมาก มีทางเลือกเพียงแค่ทางเดียวคือการ
ด�ำรงการกดดันโดยการไล่ติดตาม
ระยะทาง ๕๐ เมตร ทีจ่ ะข้ามทุง่ นาในสถานการณ์แบบนีถ้ อื ว่าไกล
มาก ไม่ต่างจากการข้ามพื้นที่ที่เต็มไปด้วยกับระเบิดเลย และข้าศึกก็
สามารถโจมตีเราได้ทกุ เมือ่ ดินทีเ่ กาะทีข่ าท�ำให้การเคลือ่ นทีย่ งิ่ ท�ำได้ชา้ จะ
หาทีก่ ำ� บังทีไ่ หนก็ยากและเมือ่ มองไปข้างหน้าสุดปลายของผืนนาข้าวก็เป็น
พุ่มไม้ที่ข้าศึกจะยิงออกมาจากตรงไหนก็ได้ น่าทึ่งที่ลูกน้องผมทั้ง ๓ คน
ปฏิบัติตามค�ำสั่งโดยเคร่งครัดที่ให้เคลื่อนไปข้างหน้า
จ่าแพลโลแมนท�ำเวลาได้ดีมากคือกระชับพื้นที่จากทางทิศใต้
ผมสามารถได้ยินเสียงปืนปะทะเป็นระยะ ๆ และเมื่อผมพาลูกน้องข้าม
ทุ่งนามาได้และเดินลุยเข้าไปในพุ่มไม้ที่อยู่ข้าง ๆ ผมก็เห็นข้าศึกก�ำลัง
หลบหนี และมีคนบาดเจ็บด้วย ไม่เหมือนพวกเราที่เมื่อได้รับบาดเจ็บ
ก็สามารถร้องขอเฮลิคอปเตอร์มาช่วยได้ทันที
หมวดที่ ๑ ซึ่งก�ำลังเข้ามาทางทิศเหนือรายงานว่าเห็นข้าศึกกลุ่ม
เล็ก ๆ ก�ำลังเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ผมรีบสั่งให้ลูกน้องซุ่มโจมตีทันที
โชคเข้าข้างข้าศึกคราวนี้ เพราะสิ่งมีชีวิตที่เข้ามาในพื้นที่สังหารของเราคือ
ชาวนากั บ ควาย ๒ ตั ว ซึ่ ง พอมั น ได้ ก ลิ่ น ก็ อ อกอาการฟ้ อ งว่ า เจอคน
ผมโบกมือให้ชาวนาคนนั้นและก็รู้ว่าตอนนี้ต�ำแหน่งที่พวกเราซุ่มไม่เหมาะ
อีกต่อไป
212
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมพาลู ก น้ อ งเดิ น กลั บ ไปทางทิ ศ ใต้ เ พื่ อ รวมกั บ ก� ำ ลั ง ที่ เ หลื อ


ของหมวด จ่าแพลโลแมนรายงานว่าในจ�ำนวนผู้สูญเสีย มีผู้หญิงชาวนา
คนหนึ่ ง ด้ ว ย ดู เ หมื อ นว่ า เธอจะโดนลู ก หลงเข้ า ที่ บ ริ เวณล� ำ คอขณะที่
ก�ำลังดูแลควายอยู่กลางทุ่ง ผมไม่แน่ใจว่าเป็นกระสุนของฝ่ายไหน ของ
พวกเราเองหรือว่าของพวกเวียดกง และไม่สามารถบอกได้จากบาดแผล
ที่เป็นรูบริเวณด้านซ้ายของล�ำคอ แม้ว่าสภาพศพจะน่ากลัวแต่ก็สามารถ
บอกได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยและดูยังเด็กอยู่
ถึงตอนนี้การปะทะได้จบลงเกือบหมดทุกจุดแล้ว และหมวด
เอแวนส์ก็ได้รายงานให้กองร้อยทราบว่าข้าศึกได้ถอยไปเรียบร้อยแล้ว ถึง
แม้ว่าหมวดที่ ๑ ของเอแวนส์ได้มีการปะทะกับข้าศึกกลุ่มหนึ่งแต่คนใน
หมวดก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เมื่อทุกอย่างสงบผมรายงานสถานการณ์ให้
กองร้อยทราบและให้หมวดที่ ๑ กลับไปยังพื้นที่ปฏิบัติการของตัวผมเอง
ก็ต้องพาลูกน้องกลับฐาน แต่ก่อนกลับ หมวดเอแวนส์ก็เดินมาที่ผมด้วย
ความรู้สึกและท่าทางที่กระตือรือร้นเหมือนเดิม “ผมได้ข่าวว่าคุณเองก็
จัดการได้ ๒ คน ศพอยู่แถวนี้ไหมครับ?” ผมรู้สึกไม่ค่อยดีกับค�ำถามของ
เขาเลยและค่อนข้างจะแน่ใจว่าเขายังไม่เคยเห็นศพคนจริง ๆ ตั้งแต่มาถึง
เวียดนาม
ส�ำหรับเขาสงครามยังเป็นเหมือนเกมที่แบ่งฝ่ายระหว่างดีกับเลว
ผมตัดสินใจท�ำให้เขาสงบลงบ้าง “อยู่ด้านโน้นหลังพุ่มไม้แล้วคุณจะเจอ
สิ่ ง ที่ คุ ณ ถามหา” ผมชี้ ไ ปทางศพของเด็ ก หญิ ง คนนั้ น หมวดเอแวนส์
ยิม้ แฉ่งและเดินไปทีท่ ผี่ มบอก พอไปถึงเขาก็ยนื ตัวแข็ง เส้นผมทีอ่ ยูด่ า้ นหลัง
ศีรษะเขาแทบจะเหยียดเป็นเส้นตรง สักพักเขาก็เอียงตัวไปด้านซ้ายแล้ว
ก็อาเจียน ไม่กี่นาทีเขาก็เดินกลับมาหาผมด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่าง

213
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

สิ้นเชิง สายตาบ่งบอกถึงความขยะแขยงและความเกลียดชัง ตอนนั้น


เหมือนผมกับเอแวนส์อยู่กันคนละโลก สภาพเขาคงเหมือนผมตอนที่
มาถึงเวียดนามใหม่ ๆ แต่ผมกับเขาคงต่างสายพันธุ์กันอย่างแน่นอน

214
บทที่ ๒๒
การเดินทางในเวลากลางคืน

จ่าแพลโลแมนก�ำลังเหมือนคนบ้า เขาไม่อยากจะอยู่ในพื้นที่นี้อีก
ต่อไปในคืนนี้ แต่อยากจะออกไปแก้แค้นให้คิลลิแกน แต่ผมต้องให้เขาอยู่
กับลูกน้องอีก ๗ คน ซึง่ ก็แทบจะไม่พออยูแ่ ล้ว เพราะผูน้ ำ� ทีด่ มี คี วามจ�ำเป็น
มากในสถานการณ์แบบนี้ ผมให้จ่าแพลโลแมนรักษาพื้นที่ไว้ ส่วนผมกับ
ลูกน้องที่เหลือ ๑๒ คน ต้องออกไปลาดตระเวน ผมต้องการคนแบบเขา
ยามที่ผมไม่อยู่
ก�ำลังของเราหายไป ๒ คน คือผู้บังคับหมู่เจมส์กับคิลลิแกน
ผมเลยขอยืมคนจากหมวดที่ ๓ มาจ�ำนวนหนึง่ ตอนนีถ้ อื ว่าผูบ้ งั คับหมูด่ อน
เป็นผู้บังคับหมู่ที่ดีที่สุด และผมก็จะให้เขาไปลาดตระเวนด้วยพร้อมกับ
ก�ำลังเสริมทีข่ อยืมตัวมา ส่วนคนทีจ่ ะมาแทนผูบ้ งั คับหมูเ่ จมส์เป็นพลทหาร
ซึ่งผมแต่งตั้งเอง แต่เขายังขาดประสบการณ์อยู่ ส่วนพลวิทยุผมไม่เปลี่ยน
ยังคงเป็นเนล เพราะถือว่าเขามีประสบการณ์การรบแล้ว สภาพของลูกน้อง
ตอนนี้เหนื่อยมาก แต่พวกเราจะตกเป็นเป้านิ่งไม่ได้ และก�ำลังที่เหลืออยู่
กับแพลโลแมนก็ถือว่าน้อยมาก ถ้าข้าศึกรู้ว่าก�ำลังในฐานมีน้อย พวกมัน
อาจจะย้อนกลับมาเล่นงานได้ง่าย ๆ ในระหว่างที่ก�ำลังส่วนใหญ่ออกไป

215
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ลาดตระเวน ผมเลยต้องวางแผนให้การออกจากฐานเป็นไปอย่างเงียบ ๆ
ไม่ให้ข้าศึกรู้และถึงจะรู้ก็บอกไม่ได้ว่าพวกเราออกไปกันมากแค่ไหน
พลทหารเทเลอร์เดินมาหาผม “ให้ผมท�ำหน้าที่เป็นคนน�ำทางเอง
ครับ หมวด”
“แล้วเป็นยังไงบ้างเทเลอร์?” ผมถามเพื่อจะดูว่าเขาเป็นอย่างไร
ในภาพรวม
เขาตอบ “ผมสบายดีครับ แค่อยากช่วยให้พวกเราไปถึงหมวดที่ ๓
ได้ปลอดภัย และอีกอย่างผู้หญิงของผมก็ก�ำลังคอยอยู่” ผมรู้ได้เลยว่าเขา
ก�ำลังโกหก เขาก็เหมือนกับพวกเราคือให้เกียรติคิลลิแกนมาก และตอนนี้
เขาคงอยากท�ำหน้าที่พลน�ำทางเพราะถือว่าเป็นเกียรติ
“ได้เลย ไปหาอะไรกินก่อน เพราะนายต้องการเรี่ยวแรง เราไม่รู้ว่า
จะมีอะไรรออยู่” พวกเราสื่อสารกันด้วยภาษาทหาร พอถึงเวลาพลบค�่ำ
ท้องฟ้าก็มืดสนิทไม่เห็นดาวหรือดวงจันทร์เลย พวกเราต้องเดินชิด ๆ กัน
ในระหว่างเดินทาง ผมให้ลกู น้องซักซ้อมการปฏิบตั กิ อ่ นทีแ่ สงสว่างจะหมด
ส�ำหรับภารกิจทีต่ อ้ งท�ำ การติดต่อสือ่ สารมีความส�ำคัญมาก ผมต้องใช้วทิ ยุ
สือ่ สาร ๒ เครือ่ งจากหมวดของตัวเองและต้องขอยืมอีก ๒ เครือ่ งจากหมวด
ที่ ๓
พอได้เวลา ๑๙๓๐ พวกเราก็ออกจากฐานโดยมีเทเลอร์เดินน�ำหน้า
ตามด้วยผู้บังคับหมู่มือใหม่ และเนลเป็นคนที่ ๓ ส่วนผมเป็นคนที่ ๔
ตามมาด้วยคิง พลยิงลูกระเบิด คนที่ยิงลูกระเบิดใส่ผมเพราะผมไปเผา
กัญชาเขาเข้าให้
พวกเราเดินลัดเลาะไปทางทิศตะวันตก ถ้าข้าศึกมาเห็นเราตอนนี้

216
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมก็หวังว่าจะกันไม่ให้พวกเขาไปที่ฐานได้เพราะที่นั่นก�ำลังของเรามีแค่
จ่าแพลโลแมนกับทหารไม่กคี่ น ถึงแม้มนั จะเป็นคืนทีม่ ดื มากแต่การควบคุม
เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แทบจะไม่มีเสียงคุยกันยกเว้นเสียงกระซิบของ
ผมที่บอกให้คนน�ำทางเลี้ยวซ้ายหรือขวาเท่านั้น หรือไม่ก็เป็นเสียงบอกให้
นับยอดมาจากทางด้านหลังเป็นระยะ ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนพลัดหลง
มันช่างเป็นวันที่ยาวนานเหลือเกิน แต่ ณ ตอนนี้ความเหนื่อยล้าแทบจะ
หายไปเกือบหมด พวกเราได้กินอาหารแล้ว และการได้อาหารถึงจะได้
พักผ่อนน้อยมันก็พอจะชดเชยกันได้ เราเปลี่ยนทิศทางการเดินไปทาง
ทิศเหนือเพื่อไปยังหมวดที่ ๓
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปที่พวกเราเดินทางออกจากทรองแลม ตอนนี้ที่
ที่พวกเรายืนอยู่คือปลายของทุ่งนาใกล้ ๆ กับที่ที่คิลลิแกนได้รับบาดเจ็บ
ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
น�้ำในนาข้าวสูงมาก ถ้าพวกเราก้าวขาลงไปก็ลึกถึงระดับเอวและ
การข้ามจะล�ำบากและส่งเสียงดัง ผมเลยสัง่ ให้เทเลอร์มองหาคันนาส�ำหรับ
เดินข้ามไป ผมคิดว่าความมืดคงจะท�ำให้ข้าศึกสังเกตเราได้ยาก
เราเดินบนคันนาไปได้ครึ่งทางก็มีเสียงปืนจากการปะทะกัน จาก
จุดที่ผมอยู่ ผมเห็นแต่ประกายไฟจากปากล�ำกล้องปืนและจากกระสุน
ส่องวิถี และผู้บังคับหมู่ก็ตะโกน “เทเลอร์ถูกยิง!”
เทเลอร์เจอเข้ากับพวกเวียดกง ๓ คนที่ก�ำลังข้ามคันนามาจาก
อีกด้านหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างก็ยิงใส่กันในทันที เป็นเรื่องปกติที่กระสุนนัด
แรก ๆ มักจะสูงจนข้ามหัว เทเลอร์ยิงจนกระสุนหมดซองแล้วหันหลังเพื่อ
จะตะโกนบอกพวกเราเลยถูกยิงเข้าที่กลางหลัง ร่างของเขาล้มลงไปใน
นาข้าว

217
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผู้บังคับหมู่ดอนซึ่งเดินเป็นคนที่ ๒ ก็รีบถอยออกมา ในเวลา


เดียวกันพวกเวียดกงก็รีบถอย ทั้งสองฝ่ายตอนนี้อยู่คนละฝั่งของทุ่งนา
ยิงตอบโต้กัน
“ดอน สั่งลูกน้องปรับแนวเป็นหน้ากระดานแล้วยิงคุ้มกัน” ผม
ตะโกนบอกดอนพร้อมกับลงไปในนาข้าวเพื่อหาร่างของเทเลอร์ ดอนเดิน
ตามผมมาติด ๆ เดินไปได้ ๑๐ เมตร ก็เจอร่างของเทเลอร์ที่ก�ำลังพยายาม
ยกหัวให้พน้ น�ำ้ แต่ดว้ ยสภาพการบาดเจ็บพร้อมกับดินโคลนด้านล่างท�ำให้
ตัวเขาก�ำลังจะจมน�้ำ ผมดึงเขาและลากมาหลบข้างคันนาพยายามลาก
มาทีค่ นั นาซึง่ เป็นจุดทีเ่ ขาถูกยิง แต่คนั นานีต้ งั้ ฉากกับวิถกี ระสุนพอดีทำ� ให้
หาทีก่ ำ� บังยาก พวกเราขดตัวอยูห่ ลังคันนาเพือ่ หลบวิถกี ระสุนซึง่ แล่นผ่าน
หัวไปอย่างฉิวเฉียด
“แม่งเอ๊ย เจ็บฉิบหาย!” เทเลอร์ร้องด้วยความเจ็บปวดจาก
บาดแผลที่แช่อยู่ในน�้ำ
ตอนนี้พวกเราและเวียดกงต่างไม่ยอมกันและกัน ไม่มีใครถอย
และท�ำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ผมสั่งให้ดอนไปที่หมู่ของตัวเองเพื่อยิงจรวด
ต่อสู้รถถังขนาดเบา (Light Anti-Tank Weapon-LAW) หรือลอว์ใส่
ข้าศึก แน่นอนว่าแถวนี้ไม่มีรถถังของข้าศึก แต่ผมก�ำชับให้น�ำมาในการ
ลาดตระเวนด้วย เสียงและแรงระเบิดของมันสามารถข่มขวัญข้าศึกได้
ผมและเทเลอร์คอยอยู่ในน�้ำนานประมาณ ๒ นาทีก็ได้ยินเสียงจรวดลอว์
พุ่งเข้าใส่ข้าศึกและมีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว มันได้ผล ข้าศึกถอยร่น
ทันที
“ดอนพาลู ก น้ อ งตามข้ า ศึ ก ไป” ผมตะโกนข้ า มหั ว เทเลอร์ ที่
บาดเจ็บอยู่ ในขณะที่ดอนพาลูกน้องไล่ล่าข้าศึกผมก็ลากเทเลอร์ขึ้นไป

218
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

บริเวณที่แห้ง ไม่นานเสนารักษ์ก็มาดูแลต่อ ส่วนผมก็ไปกับผู้หมู่ดอนเพื่อ


ติดตามข้าศึก ดอนมีความเป็นทหารอาชีพมาก เขาควบคุมสัง่ การให้ลกู น้อง
ประชิดข้าศึกจนพวกเวียดกงร่นถอยเข้าไปในดงไม้ เขาสั่งการลูกน้องด้วย
ท่าทีทมี่ นั่ ใจและเยือกเย็นราวกับสัง่ คนงานเก็บฝ้าย พอไปได้ประมาณ ๑๐๐
เมตร ผมสั่งให้ดอนหยุด เรายังมีภารกิจที่ต้องท�ำในคืนนี้และต้องพา
เทเลอร์ออกไปโดยด่วน เราถอยกลับมา วางก�ำลังป้องกันพื้นที่ที่จะให้
เฮลิคอปเตอร์ลงจอด ในขณะที่เนลเป็นคนวิทยุเรียกเฮลิคอปเตอร์เข้ามา
สภาพจิตใจของเทเลอร์ตอนนี้ดีมาก กระสุนนัดที่ยิงถูกเขาทะลุ
ผ่านซองกระสุน ๔ ซองในกระเป๋า กระสุนติดเข็มขัดสนามและทะลุผ่าน
เสื้อเกราะที่สวมอยู่ เข้าไปฝังในตัว ถ้ากระสุนทะลุผ่านแผลคงน่ากลัว
กว่านี้
“โห! ผมได้แผลที่มีค่าเป็นล้าน ๆ เหรียญเลยครับหมวดแมค”
เทเลอร์ยงั มีแก่ใจโม้ เห็นฟันสีขาวเป็นประกายเมือ่ เสนารักษ์เอาไฟฉายส่อง
ดูอาการเขา แต่อาการสั่นของเขามันฟ้องว่าอาการบาดเจ็บของเราไม่ใช่
เรื่องเล็กน้อย
เทเลอร์อาจจะโชคดี แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เฮลิคอปเตอร์จะต้องบิน
เข้ามารับเขาท่ามกลางความมืด ซึ่งยากกว่าตอนที่บินเข้ามารับคิลลิแกน
เมื่อก่อนหน้านี้ แม้ข้าศึกจะถอยไปแล้ว แต่ก็คงซุ่มอยู่ที่ไหนสักแห่ง พวก
มันอาจรอคอยเวลาเฮลิคอปเตอร์บนิ เข้ามาและคอยซุม่ ยิงเมือ่ เฮลิคอปเตอร์
เปิดไฟฉายค้นหาพื้นที่ลงจอด
ผมสั่ ง ให้ ลู ก น้ อ งกระจายไปรอบ ๆ บริ เวณที่ จ ะให้ เ ครื่ อ งลง
เทเลอร์รอคอยด้วยความอดทน แต่สีหน้าของเขาบ่งบอกอาการเจ็บอย่าง
เห็นได้ชัด

219
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เราได้ยนิ เสียงเฮลิคอปเตอร์บนิ เข้ามาตัง้ แต่ระยะไกล ผมสัง่ ลูกน้อง


ขยายวงออกไปอีก ๑๐ เมตร แล้วจุดพลุสีแดงแสดงที่ตั้งพื้นที่ร่อนลง
โชคดีท่ีผมน�ำไฟน�ำทางมาด้วยและใช้มันในการให้สัญญาณแก่
เครื่องที่ก�ำลังมา ผมกับนักบินมีการติดต่อสื่อสารกันตลอดเวลา และเมื่อ
นักบินเอาเครื่องลง พวกเราก็พาเทเลอร์ขึ้นเครื่องทันที ไม่กี่วินาทีเครื่อง
ก็ยกตัวออกไป การป้องกันรอบตัวของเราได้ผล เวียดกงพยายามเข้ามา
โจมตีและขัดขวางการส่งกลับผู้บาดเจ็บแต่ก็ไม่เป็นผลส�ำเร็จ เมื่อเทเลอร์
ไปแล้ว พวกเราก็ไม่ได้พบกับเขาอีกเลย แต่ก็เชื่อว่าเขาจะปลอดภัย
เมื่อไม่มีเทเลอร์ ผมต้องหาคนมาท�ำหน้าที่แทนเขาในต�ำแหน่ง
พลน�ำทาง มีหลายคนอาสาสมัครแต่ผมเลือกไว้แค่คนเดียว จากนั้นเราก็
ออกเดิน เริ่มจากพลน�ำทาง ผู้บังคับหมู่ หนาน ผม เนล และก�ำลังพล
ที่เหลือ
ถึงเวลา ๒๒๐๐ เราก็เดินมาถึงล�ำธารทีไ่ หลคดเคีย้ วไปทางทิศเหนือ
พวกเราต้องเดินลุยในน�ำ้ ทีท่ งั้ เย็นและลึกประมาณหน้าอกเพือ่ ไปยังทีห่ มาย
คือที่ตั้งชั่วคราวของหมวดที่ ๓ โดยยกปืนไว้เหนือศีรษะ และเพื่อป้องกัน
การพลัดหลงกันผมให้รน่ ระยะต่อเข้ามาอีก การเดินทางแบบนีไ้ ม่คอ่ ยดีเลย
บางช่วงน�้ำลึกมาก บางช่วงลูกน้องไม่กล้าเดินไปเลย ทั้งที่อีกไม่กี่ก้าวก็จะ
เป็นบริเวณน�้ำตื้น ในฐานะผู้บังคับหมวดผมต้องเดินขึ้น-ลงไปมาระหว่าง
แถวเพื่อคอยกระตุ้น
เวลาประมาณ ๒๓๐๐ ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังนับยอดขึ้นมาว่า
“หนึ่ง” นั่นหมายความว่า เมื่อนับคนข้างหน้าผมสามคน เราจะเหลือกัน
ทั้งหมด ๕ คน แสดงว่าข้างหลังผมหกคนหายไป ผู้น�ำที่ดีไม่ควรพยายาม
เป็นฮีโร่ เขาจะต้องไม่เดินน�ำเป็นคนแรกซึ่งเป็นต�ำแหน่งที่อันตรายที่สุด

220
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

โดยปกติ เราไม่ควรสูญเสียผูน้ ำ� แต่บางครัง้ ผูน้ ำ� ไม่สามารถขอร้องให้คนอืน่


ท�ำแทนตนในบางเรื่อง คราวนี้ผมจึงต้องออกไปตามหาลูกน้องเองเพราะ
มันคือความรับผิดชอบของผม การตามหาลูกน้องที่พลัดหลงกลางน�้ำใน
ยามค�่ำคืนไม่ใช่เรื่องสนุกเลย การติดต่อสื่อสารทางวิทยุก็ท�ำไม่ได้ อาจเป็น
เพราะวิทยุเปียกน�้ำบางส่วน ผมต้องใช้วิธีคล�ำหาในความมืด แน่นอนว่า
ตอนนี้พวกที่หายไปคงกลัวสุดขีดและพร้อมที่จะเหนี่ยวไกปืนได้ทุกเวลา
ต่อสิ่งที่เคลื่อนไหวรอบ ๆ
ก่อนที่ผมจะเริ่มออกไปตามหาลูกน้องที่เหลือ ผมให้ลูกน้องที่อยู่
กับผมขึ้นวางก�ำลังเพื่อซุ่มโจมตีบนตลิ่งพร้อมกับสั่งว่าถ้าผมไม่กลับมา
ภายในหนึ่งชั่วโมงให้เดินทางต่อไปที่หมวดที่ ๓ เลย
ความจริงผมรู้สึกกลัวที่ต้องเดินคนเดียวกลางแม่น�้ำในยามค�่ำคืน
เช่นนี้ ข้าศึกอาจจะอยู่ใกล้ ๆ และลูกน้องผมที่พลัดหลงอาจจะอยู่บนฝั่ง
ที่ไหนสักแห่งและวางก�ำลังพร้อมจะซุ่มโจมตี หรือผมอาจจะเดินไปเจอ
ลู ก น้ อ งเข้ า พอดี เ หมื อ นกั บ ที่ เ ทเลอร์ เจอพวกเวี ย ดกงเมื่ อ ไม่ น านมานี้
ใจหนึ่ ง ก็ ก ลั ว ว่ า ภารกิ จ จะล้ ม เหลวและความผิ ด มาตกที่ ผ ม หั ว ใจผม
เต้นถี่ขึ้น เป้ที่หนักและเปียกน�้ำเหมือนจะดูดผมให้จมลงใต้น�้ำ ตอนนี้
ผมต้องหาลูกน้องที่เหลือให้เจอให้ได้ มันเป็นความรับผิดชอบของผม
ผมมองไปตรงหน้าเห็นเป็นจุดสีด�ำเข้มกว่าบริเวณอื่น มันต้องเป็น
บางอย่างผมเข้าไปใกล้ให้มากที่สุดโดยไม่ส่งเสียง และก็ต้องรับกับความ
เสี่ยงที่ว่าถ้าเป็นคนแล้วเขาเหนี่ยวไกผมเสร็จแน่
“คิง นั่นนายใช่ไหม” ผมเรียกเบา ๆ แต่ถ้าไม่ใช่คิงล่ะ ผมจะท�ำ
อย่างไร ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ผู้หมวดหรือครับ” เสียงเขาดูเหมือนจะกลัวมาก
221
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

“ไม่เป็นไรคิง ไม่ต้องกลัว ท�ำใจดี ๆ” ผมบอกคิง แต่เสียงผมกลับ


สั่นเสียเอง
ผมใช้วิธีคล�ำในความมืดเพื่อเช็กว่าเป็นใคร ในที่สุดทั้ง ๖ คน
ก็อยูค่ รบ พวกเราร่นระยะต่อเข้ามาและก็เดินกลับไปรวมกับพวกแรกทีค่ อย
อยูท่ ฝี่ ง่ั เมือ่ รวมกันได้แล้วผมเลือกทีจ่ ะเดินบนฝัง่ แทนเพือ่ ไปยังหมวดที่ ๓
ตอนนี้พวกเราใกล้หมวดที่ ๓ เข้าไปทุกที เนลถอดวิทยุเพื่อเช็ด
ให้แห้งในความมืด และพยายามวิทยุติดต่อกับหมวดที่ ๓ แต่ก็ไม่มีเสียง
ตอบกลับ เราลองเช็กไปที่จ่าแพลโลแมน เสียงตอบกลับมาก็ปกติ แสดงว่า
วิทยุยังใช้งานได้ดีอยู่ แต่ท�ำไมถึงไม่มีเสียงตอบกลับจากหมวดที่ ๓
ตอนนี้พวกเราเดินห่างออกมาจากล�ำธารได้ประมาณ ๕๐๐ เมตร
ผมสัง่ ให้หยุด และคิดว่าอยูใ่ นบริเวณของหมวดที่ ๓ แล้ว ผมต้องติดต่อทาง
วิทยุกับหมวดที่ ๓ ให้ได้ก่อนเข้าไปใกล้กว่านี้
หมวดที่ ๓ ยังคงไม่ตอบวิทยุ ในทีส่ ดุ ผมตัดสินใจวิทยุไปทีก่ องร้อย
เพือ่ ให้กองร้อยติดต่ออีกทางหนึง่ ๓๐ นาทีผา่ นไป หมวดที่ ๓ ก็ยงั คงติดต่อ
ไม่ได้
พวกเราจะนัง่ อยูอ่ ย่างนีท้ งั้ คืนไม่ได้แน่เพราะภารกิจก็จะไม่สำ� เร็จ
ผมกะระยะว่าพวกเราอยู่ในระยะยิงของหมวดที่ ๓ พอดี และการเดิน
ดุ่ม ๆ เข้าไปอาจท�ำให้พวกเขาตกใจและยิงใส่พวกเราได้ง่าย ๆ ผมเองไม่มี
ความศรัทธาในภาวะความเป็นผู้น�ำของผู้หมวดที่ ๓ เลย การติดต่อทาง
วิทยุไม่ได้ยงิ่ เป็นการตอกย�ำ้ ความคิดนี้ ผมตัดสินใจแล้วว่าไม่มที างเลือกเลย
นอกจากเสี่ยงเดินเข้าไป และในสถานการณ์เช่นนี้ผมจึงต้องเดินน�ำเป็น
คนแรก

222
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เมื่อเดินไปได้ประมาณ ๕๐ เมตร ผมสะดุดพลุส่องสว่างเข้าให้


ท�ำให้บริเวณนั้นสว่างไปหมดและเปิดเผยต�ำแหน่งของผมในทันที ปืนกล
ของหมวดที่ ๓ หันปากล�ำกล้องมาทางผม ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังทรุดหมอบ
ทันควัน ผมรีบตะโกนทันที “อย่ายิง” ดอนพาร่างสูงใหญ่ขึ้นมายืนข้างผม
พร้อมส่งเสียงตะคอก “อย่ายิง ไอ้บ้าเอ๊ย!”
รูปร่างใหญ่และเสียงตะคอกคงจะช่วยให้พลปืนกลมั่นใจว่าเรา
ไม่ใช่เวียดกง ทหารในหมวดที่ ๓ คุยกันเซ็งแซ่ว่าพวกเราช่างโง่เหลือเกิน
ที่ท�ำแบบนี้ ตอนนี้พวกเราอยู่ในพื้นที่ของหมวดที่ ๓ เรียบร้อยแล้ว
ผมขอบคุณหมู่ดอน พร้อมกับเดินไปหาหมวดสมอลลี่ซึ่งก�ำลัง
นอนหลับพร้อมกับพลวิทยุ ผมต�ำหนิเขาอย่างไม่เกรงใจ แต่เขาแก้ตัวว่า
เขาและลูกน้องเหนื่อยมาทั้งวัน ผมจ้องตาเขาบอกให้รู้ว่ามันเป็นค�ำแก้ตัว
ที่ใช้ไม่ได้
ผมไม่เสียเวลามาถกเถียงเรื่องนี้กับเขาเพราะมันไม่เกิดประโยชน์
เลย ผมอธิบายให้เขาฟังถึงแผนการทีพ่ วกเราต้องท�ำในคืนนี้ ผมจะขอทหาร
๔ นายจากหมวดที่ ๓ ซึ่งรวมถึงพลน�ำทางด้วยและจะออกจากที่นี่ในเวลา
๐๔๐๐ แผนการของเราคือท�ำการซุ่มโจมตีหลาย ๆ จุดในบริเวณรอยต่อ
กับเขตปฏิบตั กิ ารของกองร้อยข้างเคียง เมือ่ อธิบายทุกอย่างเสร็จ ผมมีเวลา
นอนหลับประมาณ ๒ ชัว่ โมง ถึงจะหลับทันทีแต่กห็ ลับไม่สนิทเพราะภาระ
ความรับผิดชอบยังคงรบกวนสมองผมอยู่
ยามเช้าฝนตกลงมาปรอย ๆ บรรยากาศดูค่อนข้างจะหดหู่อย่าง
บอกไม่ถูก พวกเราเดินกันอย่างเงียบเชียบมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก
แต่ละคนไหล่งองุ้มจากเป้ที่หนักอึ้ง ใบหน้าที่ทาสีพรางดูดุดัน ดู ๆ ไปมันก็
แปลกดีเหมือนกันที่แต่ละคนที่มาจากต่างที่และอายุก็ยังอยู่วัยรุ่น เช่น

223
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

มาจากเมืองวอลโดสตา แซนดีเอโก โบลเดอร์ เมดิสัน และพอร์ตแลนด์


พวกเขามาเจอกันที่นี่เพื่อจะฆ่าเด็กหนุ่มเอเชียที่จ้องจะสังหารพวกเขา
เช่นเดียวกัน ในวันพรุง่ นีห้ รือวันต่อ ๆ ไป จะต้องมีแม่บางคนได้รบั จดหมาย
แล้วร้องไห้ แต่จะไม่มีอะไรมาหยุดยั้งการฆ่ากันในเช้าวันนี้
เวลา ๐๕๓๐ พวกเราวางก�ำลังซุ่มโจมตี ๔ จุดเพื่อซุ่มโจมตี
แบบพื้นที่ครอบคลุมเส้นทางที่ข้าศึกน่าจะเข้ามาโดยแต่ละจุดห่างกัน
๑๐๐ เมตร สามจุดแรกมีก�ำลังจุดละ ๔ คน และอีกจุดหนึ่งมี ๓ คน จุดที่
ผมอยู่ซึ่งอยู่ใกล้พุ่มไม้ใกล้แนวทางเดินมีเนล หนาน และทหารอีกคนที่
ยืมตัวมาจากหมวดที่ ๓ พวกเรานอนซุ่มอยู่บนพื้นที่เปียกแฉะ ในใจ
ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าภรรยาผมเป็นอย่างไรบ้าง ผมเองก็อยากกลับบ้าน
เช่นเดียวกับลูกน้องผม
หลายนาทีผ่านไปพวกเรานอกจากต้องต่อสู้กับข้าศึกแล้วยังต้อง
มาต่อสู้กับความง่วงที่พร้อมจะจู่โจมได้ทุกเมื่อ และแล้วฝนที่ตกปรอย ๆ
ก็หยุดและแสงสว่างเริม่ จับขอบฟ้า ทหารทีย่ มื ตัวมาจากหมวดที่ ๓ ก็คลาน
ออกไปปัสสาวะ หนานชาวเวียดนามซึ่งอายุเข้าเลขสี่แล้วก็หลับไปโดย
ไม่รู้ตัว ส่วนเนลก็ก�ำลังถอดวิทยุออกเพื่อเช็ดให้แห้ง ความชื้นตลอดคืน
ท�ำให้วทิ ยุใช้การไม่ได้ ผมเข้าไปช่วยเนล ในใจอดสงสัยไม่ได้วา่ จุดซุม่ ทีเ่ หลือ
เป็นอย่างไรบ้าง
จังหวะนั้นเองพวกเวียดกง ๓ คนก็ได้เดินเข้ามาในจุดซุ่มของ
พวกเรา โดยที่พวกเรายังไม่พร้อมยิง และพวกเวียดกงก็เดินผ่านไปยัง
จุดซุ่มที่อยู่ถัดไป พวกเรารีบประกอบวิทยุเข้าด้วยกันและแจ้งให้จุดอื่น ๆ
ทราบว่าข้าศึกได้เข้ามาในบริเวณ จังหวะใกล้เคียงกันข้าศึกอีกกลุ่มก็ได้
เดินเข้าไปในพื้นที่ของจุดซุ่มที่ ๓ และไปสะดุดกับระเบิดเสียชีวิตทั้งหมด

224
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ส่วนพวกเวียดกง ๓ คนแรกตกใจเสียงระเบิดรีบกระจัดกระจายกันหนี
คนหนึ่งหนีมาทางจุดที่ผมซุ่มอยู่ หนานยิงเข้าใส่โดนด้านข้างล�ำตัวล้มลง
และเข้าไปซ�้ำอีก ๒ นัดที่หัว ส่วนอีก ๒ คนตะเกียกตะกายหนีไปจุดที่
ผูบ้ งั คับหมูด่ อนซุม่ อยูแ่ ละถูกยิง คนหนึง่ เสียชีวติ คาที่ ส่วนอีกคนหนีเข้าไป
ในป่าใกล้ ๆ และผู้บังคับหมู่ดอนก็ตามเข้าไป เวียดกงคนนั้นมุดลงไปในรูที่
ขุดเตรียมไว้ แน่นอนว่าเขาคุ้นเคยกับพื้นที่แห่งนี้เป็นอย่างดี ดอนตะโกน
เป็นภาษาเวียดนามให้เขาออกมา แต่ไม่มีเสียงตอบ เขาเลยตะโกนอีกครั้ง
ทันใดนั้นลูกกระสุนก็พุ่งออกมาจากหลุมที่เวียดกงคนนั้นมุดลงไป ผู้บังคับ
หมู่ดอนเลยตัดสินใจโยนลูกระเบิดลงไป ทั้งก้อนดิน ใบไม้ และชิ้นเนื้อ
กระเด็นปลิวว่อนออกมาจากหลุม จากนั้นดอนก็โยนระเบิดสังหารเข้าไป
อีกลูกเป็นการปิดเกม
เขามองไปที่ทหารซึ่งเด็กสุดอายุเพิ่งจะ ๑๘ ปี และสั่งให้เข้าไป
ในหลุมเพื่อน�ำร่างของเวียดกงคนนั้นออกมา นี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
ในการฝึกให้ลูกน้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งส�ำหรับสถานการณ์ในวันข้างหน้า
ทหารคนนั้นก็เข้าไปลากเอาศพของทหารเวียดกงออกมา สภาพดูน่ากลัว
มาก คือเละไปหมดทั้งปาก จมูก หรือดวงตาหายไปหมด บาดแผลเต็ม
ทัว่ ร่าง แต่ยงั มีชวี ติ อยู่ พวกเราไม่สามารถจะช่วยอะไรเขาได้ นอกจากท�ำให้
เขาไม่ต้องทรมาน
ตอนนี้ภารกิจเป็นอันเสร็จสิ้น ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ในพื้นที่
ซุ่มโจมตีอีกต่อไป ผมเป็นห่วงลูกน้องที่เฝ้าฐานอยู่ที่ทรองแลม พวกเรา
ออกเดินทางกลับไปที่หมวดที่ ๓ เพื่อส่งคืนทหาร ๔ นายที่มาช่วยใน
ภารกิจในคืนนี้ และมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เพื่อกลับไปที่
บ้านของเรา

225
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมเรียกฐานทีท่ รองแลมว่าบ้าน เพราะพวกเราอยูก่ นั ทีน่ นั่ และรูส้ กึ


สบายใจและปลอดภัยมากกว่าอยู่ที่อื่นในสถานการณ์แบบนี้ เพราะทุกคน
ได้หล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว เราอยากจะไปถึงบ้านเร็ว ๆ
ถึงแม้ว่าภารกิจจะประสบความส�ำเร็จ แต่พวกข้าศึกคงยังไม่ยอม
วางมือง่าย ๆ เป็นแน่ พวกมันคงหาทางแก้แค้นเราจนได้ ในตอนขากลับ
พวกเวียดกงประมาณ ๑ หมู่ปืนเล็กได้ซุ่มโจมตีพวกเรา แต่กลุ่มกระสุน
พุ่งสูงไม่โดนใคร แล้วพวกมันก็วิ่งหนี แต่พวกเราไม่ยอมปล่อยให้พวกมัน
ไปง่าย ๆ จึงออกไล่ล่าติดตามไป
ตั้งแต่เมื่อวานผมเสียลูกน้องไป ๓ คน แต่พวกเวียดกงเสียคนไป
มากกว่าเราหลายเท่า ในคราวนีก้ เ็ หมือนกัน ถึงแม้วา่ พวกเราจะเหนือ่ ยและ
อ่อนล้า แต่จิตใจก็ยังรุกรบ เมื่อติดตามข้าศึกไปได้ประมาณ ๒๐๐ เมตร
ก็เจอกลุ่มกระท่อมอยู่ตรงหน้า คงต้องยิงกันสะบั้นหั่นแหลกกันอีกครั้ง
ผมให้ลูกน้อง ๕ คนวางตัวเป็นหน้ากระดานเพื่อยิงคุ้มกัน ส่วนอีก ๕ คน
รุกไปถึงก็เจอชาวบ้านกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ตรงพื้นที่ส่วนกลาง และถัดไป
ไม่กี่เมตรมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างยุ้งข้าว อายุน่าจะประมาณ ๑๘ ปี
รูปร่างผอมสูง ผมมุ่งความสนใจไปที่ชายคนนั้นทันที เพราะท่าทางดูมีพิรุธ
พวกเราตะโกนสั่งให้ทุกคนอยู่กับที่อย่าขยับ ทุกคนท�ำตามหมดยกเว้น
ชายคนที่ยืนข้างยุ้งข้าวที่เอียงตัวไปยังยุ้งข้าวทันที ผมรีบวิ่งไปที่เขาและ
ฟาดล�ำกล้องปืนเข้าทีใ่ บหน้าจนเขาล้มลงกับพืน้ ผมยืนคร่อมตัวชายคนนัน้
พร้อมกับเอากระบอกปืนเล็งไปที่หน้าอกพร้อมจะเหนี่ยวไก สายตาผมก็
สอดส่ายไปที่ยุ้งข้าวเพื่อมองหาอาวุธแต่ไม่เจอ
มี ผู ้ ห ญิ ง คนหนึ่ ง ในกลุ ่ ม นั้ น คุ ก เข่ า และขอร้ อ งให้ ผ มไว้ ชี วิ ต
ลูกชายเขา พร้อมทั้งคลานมาที่ผม เธอรู้เพราะดูจากสายตาผมว่าผมตั้งใจ

226
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

จะฆ่าลูกเขาแน่ ๆ ผมหันไปที่เด็กวัยรุ่นชายคนนั้น และเห็นแขนขาเขา


กระตุ ก เหมื อ นจะควบคุ ม ไม่ ไ ด้ เขาหั น มายิ้ ม ให้ ผ มพร้ อ มกั บ รอยปื ้ น
สีแดงทีแ่ ก้ม แน่นอนแล้วว่าเขาเป็นโรคชักกระตุก และการทีเ่ ขาเอียงตัวไป
ที่ยุ้งข้าวก็เป็นเพราะเขาควบคุมตัวเองไม่ได้นั่นเอง ตอนที่ผมยืนคร่อมบน
ตัวเขา แม่ของเขาก็เอาตัวไปกอดลูกไว้เป็นเกราะป้องกัน
ผมรีบหันหน้าหนี รู้สึกอายและผิดที่เกือบจะฆ่าคนพิการเข้าให้
ผมดึงผู้หญิงขึ้นและกล่าวขอโทษเธอเป็นภาษาอังกฤษและขอให้เธอ
ให้อภัยผม ผมตบที่หัวของเธอเบา ๆ เธอเริ่มยิ้มได้เพราะรู้ว่าอันตรายได้
ผ่านพ้นไปแล้ว
ผมหันกลับไปที่เด็กชายคนนั้นพร้อมกับเช็ดเลือดที่แก้มและฝุ่น
ที่จับเต็มเสื้อผ้า เขายิ้มให้ผมเป็นสัญลักษณ์ท่ีบอกให้รู้ว่าผมได้รับการ
ให้อภัยแล้ว ผมเกือบจะฆ่าเขาต่อหน้าญาติ ๆ ที่ยืนมองอยู่แล้ว นี่ถ้าเรา
ยืนอยู่ห่างกันพอสมควรผมคงยิงเขาไปแล้ว นี่เป็นเพราะระยะมันใกล้
เกินไปเลยท�ำให้ผมเลือกทีฟ่ าดเขาด้วยล�ำกล้องปืนแทน ถ้าผมฆ่าเขาขึน้ มา
จริง ๆ มันก็คงไม่ผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรมเพราะอยู่ในสภาวะสงคราม
แต่ มั น คงท� ำ ให้ ผ มรู ้ สึ ก ผิ ด ในใจไปอี ก นาน เหมื อ นดั่ ง ที่ เ นลพู ด ตอนที่
ฟริกเกอร์ตายว่า “มันก็เท่านั้นเอง” ตอนนี้ถือว่าจบภารกิจแล้ว ผมก�ำลัง
พาลูกน้องกลับไปทีท่ รองแลม ส�ำหรับวันนีก้ ารเข่นฆ่ากันได้จบแล้ว มีหลาย
ชีวิตได้ตายไปและพรุ่งนี้ก็เริ่มใหม่เป็นเช่นนี้

227
บทที่ ๒๓
จบภารกิจ

เวลาของผมในฐานะผู้บังคับหมวดปืนเล็กในสนามรบใกล้จะหมด
ลงแล้ว ซึ่งแนวทางการปฏิบัติที่กองทัพบกสหรัฐ ท�ำคือการให้นายทหาร
อยู่ในสนามรบประมาณครึ่งหนึ่งของวาระในเวียดนามและเวลาที่เหลือ
ให้ปฏิบัติหน้าที่อื่นในแนวหลัง หรือในที่ที่เสี่ยงอันตรายน้อยลง ผมได้รับ
การทาบทามให้ปฏิบตั หิ น้าที่ ณ ทีบ่ งั คับการกองพัน คือให้เลือก ๒ ต�ำแหน่ง
แต่ผมคงไม่เลือกถ้าผู้บังคับบัญชาให้ผมเป็นคนตัดสินใจ เพราะลูกน้องผม
ยังต้องท�ำงานอยูท่ ฐี่ านต่อไปจนกว่าจะได้รบั บาดเจ็บหรือเสียชีวติ พวกเขา
ไม่มีโอกาสเลือกเท่านายทหารอย่างผม ผมไม่สามารถจะเสแสร้งท�ำตัวให้
ปกติได้ เมื่อรู้ทั้งรู้ว่าลูกน้องเรายังต้องเสี่ยงอันตรายอยู่ ผู้น�ำที่ดีต้องไม่ทิ้ง
ลูกน้อง
แต่ธรรมเนียมปฏิบัติในเรื่องการหมุนเวียนนายทหารไปปฏิบัติ
หน้าที่ที่เวียดนาม กองทัพบกสหรัฐได้ท�ำมานานแล้วเพื่อให้นายทหาร
มีโอกาสได้รับประสบการณ์ในสนามรบเท่าเทียมกัน เพราะสหรัฐไม่ได้
เข้าร่วมสงครามนานมากนับตั้งแต่สงครามเกาหลีจบสิ้นลง แต่วงรอบใน
การหมุนเวียนนายทหารในเวียดนามทุก ๆ ๖ เดือน เกิดจากสมมติฐานว่า
สงครามจะไม่ยืดเยื้อยาวนาน แต่ในความเป็นจริงสงครามเวียดนามเป็น
สงครามที่ยืดเยื้อยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐไปเสียแล้ว และ
228
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

อะไรก็ ต ามที่ ก องทั พ ได้ ต กลงใจปฏิ บั ติ ไ ปแล้ ว รวมถึ ง การหมุ น เวี ย น


นายทหารไปรบ ก็เป็นเรื่องยากที่นายทหารตัวเล็ก ๆ อย่างผมจะแก้ไข
อะไรได้
ผมได้กลายเป็นผูบ้ งั คับหมวดทีม่ ปี ระสบการณ์ในการรบมากทีส่ ดุ
ในกองพันหรืออาจจะในกองพลน้อยไปแล้วในตอนนั้น และอัตราการ
สูญเสียของผู้บังคับหมวดในสนามรบก็มีสูงมาก ด้วยอายุของผมตอนนั้น
และทีต่ งั้ ของหมูบ่ า้ นทีร่ บั ผิดชอบคือทรองแลม ซึง่ อยูใ่ นถิน่ ของพวกเวียดกง
ท�ำให้ผมได้รับประสบการณ์สงครามอย่างมาก
ตลอดต้นเดือนธันวาคมมีข่าวลือว่าจะมีผู้บังคับหมวดคนใหม่มา
แทนผม แต่ผมก็ไม่สนใจเพราะผู้บังคับกองร้อยเพิ่งย้ายออกไป และมัน
อาจจะเป็นเหตุผลให้ผมอยู่ที่นี่ได้นานขึ้น แต่ผู้บัญชาการกองพลน้อยได้
เสนอชือ่ ผมเป็นนายทหารคนสนิทแทนคนเก่า คือนายพลส่วนมากมักชอบ
เอานายทหารเด็ก ๆ ที่เพิ่งผ่านประสบการณ์ในการรบไว้ใกล้ตัว เพราะว่า
สามารถให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสนามรบได้ดี เป็นต้นว่า ทหารในสนาม
คิดอย่างไร เป็นต้น ท่านนายพลคงคิดว่าผมเหมาะกับต�ำแหน่งนี้มาก และ
ดูเหมือนผมจะไม่มที างเลือกมากนัก แต่ผมก็ยงั มีเวลาอยูบ่ า้ งเล็กน้อยเพราะ
นายทหารคนสนิทคนปัจจุบันยังไม่พร้อมจะย้ายออกไป
ในตอนเช้าของวันคริสต์มาส ผมเรียกทหารทั้งหมดมารวมกัน ใน
คืนก่อนหน้าผมไม่ได้ให้ทหารออกไปลาดตระเวนเพราะอยู่ในช่วงหยุดยิง
ชั่วคราว ผมมองไปที่ลูกน้องทั้งหมด มีหลายคนที่เคยร่วมฉลองในวัน
ขอบคุณพระเจ้าและหายหน้าไปโดยไม่ได้กลับมา และแทบทั้งหมดที่
หายหน้าไปไม่มีใครได้กลับไปสหรัฐ เพราะท�ำหน้าที่ได้ครบเทอม และ
ยังมีอีก ๓ คนที่บาดเจ็บ นอกจากคิลลิแกน เทเลอร์ และเจมส์แล้ว

229
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ยังมีคนได้รับบาดเจ็บอีก ๓ คน เสียชีวิต ๒ คน และการสูญเสียก็ยังคง


เกิดขึ้นอยู่ต่อไป
เมื่อลูกน้องผมนั่งลง หรือยืนก้มตัวอยู่รอบ ๆ ผม ผมก็อธิษฐาน
และขอพรจากพระเจ้าให้ท่านคุ้มครองลูกหลานของท่านให้ปลอดภัยและ
ให้ครอบครัวของพวกเขาปลอดภัยด้วย ถึงแม้บรรยากาศจะไม่เหมือน
วันคริสต์มาสแต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเสียเลย จากนั้นผมก็บอกให้ลูกน้อง
พักผ่อนเอาแรง เพราะตลอด ๒๔ ชั่วโมงที่ตกลงกันว่าจะหยุดยิงทั้ง
๒ ฝ่าย พวกข้าศึกคงเตรียมการบางอย่างไว้รอเล่นงานพวกเราอยู่ และเมือ่
ครบ ๒๔ ชั่วโมง เราต้องท�ำงานให้มากขึ้นเพื่อเตรียมรับมือ
แต่ผมคิดผิดถนัด ข้าศึกไม่สนใจประเพณีของพวกเราเกี่ยวกับ
คริสต์มาสแม้แต่น้อย สิ่งที่พวกมันมอบให้ในวันนั้นคือลูกระเบิด ในขณะที่
จ่าแพลโลแมนและผมก�ำลังเตรียมท�ำอาหารมือ้ พิเศษในเวลา ๑๑๐๐ ข้าศึก
ก็ยงิ กระสุน ค. เข้ามา ลูกระเบิด ๑ ลูกจากทัง้ หมดทีย่ งิ เข้ามา ๕ ลูกก็ตกลง
มาใกล้ ๆ ที่พวกเราอยู่แต่ไม่มีใครเป็นอะไร และทุกคนก็พุ่งหลบลงไปใน
หลุ ม ทั น และพยายามมองหาว่ า ลู ก ระเบิ ด มั น มาจากไหน ปรากฏว่ า
ระเบิดทั้ง ๕ ลูกไม่ได้ท�ำความเสียหายแก่พวกเรามากนัก ผมปล่อยให้
แพลโลแมนเตรียมอาหารไปตามปกติ ส่วนผมน�ำลูกน้อง ๑ หมู่ปืนเล็ก
ออกไปท�ำการไล่ล่าหาที่อยู่ของข้าศึกและท�ำให้ข้าศึกถอยออกไป ในตอน
บ่ า ย จ่ า แพลโลแมนน� ำ ก� ำ ลั ง อี ก ๑ หมู ่ ป ื น เล็ ก ออกไปลาดตระเวน
ในขณะที่ ผ มพั ก ผ่ อ นอยู ่ ใ นฐาน และถึ ง แม้ ว ่ า ข้ า ศึ ก จะไม่ ส นใจเรื่ อ ง
วันคริสต์มาสของเราแต่ผมและลูกน้องก็สามารถพักผ่อนได้บา้ งตามอัตภาพ
ตกบ่ายแก่ ๆ พวกเราโดนโจมตีอีกเป็นครั้งที่ ๓ และ ๔ และการพักผ่อน
ในวั น พิ เ ศษก็ เ ป็ น อั น สิ้ น สุ ด ที่ ร ้ า ยไปกว่ า นั้ น กองร้ อ ยวิ ท ยุ ม าแจ้ ง ว่ า
ข้าศึกประมาณ ๑ หมู่ปืนเล็กได้ยิงเข้ามา ณ ที่บังคับการกองร้อยและ
230
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ถอนตัวไปทางทิศใต้ หน้าที่ของพวกเราคือต้องสกัดกั้นไว้ให้ได้
ผมน�ำก�ำลังประมาณ ๑ หมู่ปืนเล็กเพิ่มเติมก�ำลังเคลื่อนที่ออกไป
ทางทิศเหนือ แล้ววางก�ำลังเพื่อซุ่มโจมตีแบบเร่งด่วน ข้าศึกไม่ปรากฏตัว
และเนื่องจากเหลือเวลาอีกแค่ ๙๐ นาทีก็จะหมดแสงสว่าง ผมจึงพา
ลูกน้องเดินกลับฐาน แต่ออ้ มไปทางทิศตะวันตกก่อนเพือ่ ไม่ให้ยอ้ นรอยเดิม
พวกเราเดินไปถึงล�ำธารสายหนึ่ง ผมตัดสินใจข้ามโดยใช้สะพาน
ทีช่ าวนา ๒ คนทีท่ ำ� งานอยูด่ า้ นหน้าเพิง่ จะข้ามไป เพราะมันน่าจะปลอดภัย
จากกับระเบิด อีกอย่างยังเป็นวันคริสต์มาสอยู่ ผมไม่อยากให้ลูกน้อง
เครียดจนเกินไป แต่ผมก็ไม่ประมาท ใช้วิธีข้ามทางยุทธวิธีคือมีการระวัง
คุ้มกันเสมอ
ในขณะที่คนสุดท้ายก�ำลังข้าม เวียดกงคนหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาจาก
ใต้น�้ำพร้อมทั้งยกปืน เอเค-๔๗ ยิงใส่พวกเรา แต่กระสุนพุ่งสะเปะสะปะ
ไม่ถูกใคร แต่ทหารคนสุดท้ายที่ข้ามด้วยการเดินถอยหลังก็ยิงปืน เอ็ม-๑๖
สวนไป แต่ก็ไม่ถูกเช่นกัน และเวียดกงคนนั้นก็ด�ำน�้ำหนีไป
พวกเรางงมาก มันเหมือนกับก�ำลังต่อสูก้ บั เรือด�ำน�ำ้ ข้าศึกมาจาก
จุดไหนและจะไปไหนไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ ๆ คือมันวางแผนหลบหนีเอาไว้
ก่อนแล้ว ผมกระโดดลงไปในน�้ำและพบว่ามันลึกถึงระดับหน้าอก ในเมื่อ
ไม่สามารถใช้ปืนยิงได้ ผมจึงตัดสินใจขว้างระเบิดมือไปที่จุดที่เวียดกง
คนนั้นด�ำน�้ำหายไป ลูกแรกไม่ระเบิด ผมขว้างไปอีกลูก คราวนี้ระเบิดขึ้น
ทั้งสองลูกและท�ำให้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่บนฝั่งล้มลงมาเกือบจะทับผม มันคงดู
ตลกถ้ า ไม่ มี อ ะไรเกิ ด ขึ้ น ต่ อ จากนี้ แต่ แ ล้ ว ร่ า งของเวี ย ดกงคนนั้ น
ก็โผล่ขึ้นมาจากน�้ำเหมือนปลาที่ถูกอัดจากแรงระเบิด ที่ใบหน้าของมันไร้
บาดแผล แต่กลายเป็นสีเขียวช�้ำ

231
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ลูกน้องผมคนหนึ่งตรวจเจอทางเข้าที่อยู่ใต้น�้ำที่เวียดกงคนนั้นมุด
เข้าไปและในทางเข้านั้นก็ท�ำเป็นที่อยู่ที่คนคนหนึ่งสามารถเข้าไปผูกเปล
นอนได้ ต้องยอมรับในความกล้าหาญและอดทนของเวียดกงคนนี้มากที่
จุดตะเกียงในอุโมงค์เล็ก ๆ นั้นเพื่อรอคอยโอกาสที่จะได้จู่โจมพวกเรา
พวกเราแบกเขาไปที่หมู่บ้านทรองแลม เพื่อให้ร่างของเขาได้รับการฝัง
อย่างถูกต้องจากเพื่อนร่วมชาติ ในช่วงเย็นของวันพวกเราถูกโจมตีอีกด้วย
กระสุนวิถโี ค้งของข้าศึก จะว่าไปแล้ววันคริสต์มาสของพวกเราแทบจะไม่มี
ความหมายเลย และหลังเที่ยงคืนพวกเราก็ออกไปลาดตระเวนอีกเป็น
ครั้งแรกหลังจากหมดห้วงของการหยุดยิงชั่วคราว
เป็นที่ชัดเจนว่าข้าศึกก�ำลังเตรียมการที่จะบุกพวกเราอีกครั้ง
และการข่าวก็เตือนว่าให้พวกเราระวังการโจมตีจากเวียดกงประมาณ
๑ หรือ ๒ กองร้อย และจะมีก�ำลังสมทบจากทหารเวียดนามเหนือด้วย
อย่างไรก็ตาม หมวดของผมจะไม่ได้รบั ก�ำลังเพิม่ เติม เพราะข้าศึกได้ทำ� การ
กดดันตลอดทั้งพื้นที่ หมวดลาดตระเวนของกองพันถูกจู่โจมโดยไม่รู้เนื้อ
รู้ตัวจากหน่วยแซปเปอร์ข้าศึกที่เปิดทางให้ก�ำลังส่วนใหญ่บุกลุยเข้าไปถึง
ในฐาน ก�ำลังส่วนใหญ่ของหมวดถูกฆ่าตายหรือบาดเจ็บ แต่ตัวผู้หมวด
และก�ำลังอีกส่วนหนึ่งรอดมาได้ ต่อมาเขาก็ถูกย้ายไป แต่มันก็ไม่ช่วย
อะไรส�ำหรับการสูญเสียที่เกิดขึ้นไปแล้ว
ผมไม่ ไ ด้ กั ง วลมากนั ก ในเรื่ อ งก� ำ ลั ง เพิ่ ม เติ ม จากหน่ ว ยเหนื อ
เพราะมั่นใจในความสามารถของหมวดที่จะต้านทานการโจมตีขนาดใหญ่
เอาไว้ได้ ตราบใดทีเ่ ราไม่ทำ� อะไรโง่ ๆ ผมรอคอยด้วยการใช้การลาดตระเวน
อย่างรุกรบเพื่อเป็นการป้องกันมิให้ข้าศึกรวมก�ำลังเข้าประชิดเราได้ง่าย ๆ
และในฐานของเราก็มีการเข้มงวดด้านวินัยในการเตรียมการตั้งรับเป็น
อย่างดี ไม่มีทาง ผมมั่นใจว่าข้าศึกจะไม่สามารถบุกฐานเราได้ง่าย ๆ
232
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

แต่ผมประเมินจิตใจข้าศึกต�ำ่ ไป บางทีความเห็นต่างทางการเมือง
ก็ท�ำให้มนุษย์ท�ำอะไรที่เกินกว่าจะคาดการณ์ได้ในแง่มนุษยธรรม และ
ท้ายที่สุดพวกเราก็ต้องเสียหมู่บ้านทรองแลม
คืนวันที่ ๒๘ ธันวาคมดูผิวเผินก็ไม่ต่างอะไรจากคืนอื่น ๆ ผมส่ง
ชุดลาดตระเวนตอนกลางคืนออกไปตามปกติ พร้อมกับตรวจความพร้อม
ของฐานในการตั้งรับ เวลาประมาณ ๒๐๐๐ - ๒๒๐๐ ผมงีบหลับเอาแรง
ส่วนจ่าแพลโลแมนคอยดูแลความเรียบร้อยของลูกน้องในฐาน เวลา ๒๒๒๐
ผมเช็กยอดลูกน้องที่เพิ่งกลับเข้ามาจากการลาดตระเวน ถึงแม้ว่าลูกน้อง
ชุดที่ออกไปจะรายงานว่าไม่พบอะไรผิดปกติ แต่ผมก็ตัดสินใจออกไปกับ
ชุดลาดตระเวนชุดใหม่ในเวลาประมาณเที่ยงคืน ระหว่างที่รอผมก็คุยกับ
ทหารใหม่ที่ชื่อมาร์ค คลีเมนซ์ จากเมืองดิมอยน์ รัฐไอโอวา ซึ่งท�ำหน้าที่
เป็นพลปืนกล คลีเมนซ์เป็นคนพูดเสียงเบาและดูเหมือนจะชอบหน้าที่
ที่รับผิดชอบ และรู้สึกไม่ประหม่ากับภารกิจแรกนี้เลย ด้วยความมั่นใจว่า
คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมสงบนิ่งและมองไปที่หมู่บ้านทรองแลม ไม่มีแสงไฟ
ให้ เ ห็ น ไม่ มี เ สี ย งพู ด คุ ย มั น ช่ า งสงบอะไรเช่ น นี้ มั น เหมื อ นกั บ เมื อ ง
เบธเลเฮมทีผ่ มจินตนาการตอนเป็นเด็กไม่มผี ดิ กระท่อมหญ้าแฝกทีใ่ ช้เป็น
ทีพ่ กั พิงของผูค้ นและวัวควายทีช่ าวบ้านเลีย้ งไว้ใช้งานกลางแจ้งใต้ดวงดาว
ช่างเป็นภาพที่สงบและสวยงาม ผมหันไปคุยกับคลีเมนซ์ ขณะนั้นเวลา
ใกล้จะถึง ๒๓๐๐ แล้ว อีกไม่นานหมู่ ๒ ก็จะออกไปลาดตระเวน
จู่ ๆ ก็เกิดระเบิดทีก่ ระท่อมหลังหนึง่ ในหมูบ่ า้ นเสียงดังสนัน่ ไฟลุก
โชติชว่ งไปทัว่ “โอ้พระเจ้า” คลีเมนซ์รอ้ ง และมองไปทีห่ มูบ่ า้ นจากบังเกอร์
กระสอบทรายที่เขาอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสงครามกับตาตัวเอง
“ก้มหัวลงคลีเมนซ์” ผมเองก็ก้มหลบลูกกระสุนและสะเก็ดระเบิดที่
อาจจะมาทางพวกเรา ผมได้ยินจ่าแพลโลแมนตะโกนบอกให้ลูกน้อง
233
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เตรียมพร้อมรับมือการโจมตีที่จะตามมา เสียงระเบิดดังขึ้นอีกหลายลูก
พร้อมทั้งเสียงปืนกล พวกเราพยายามมองหาว่าเสียงมาจากทิศไหน
“จ่าแพลโลแมน พวกมันยิงใส่อะไร” ผมตะโกนถาม “ผมมองไม่เห็นอะไร
เลย”
เสียงแพลโลแมนตะโกนตอบกลับมา แต่ถูกกลบด้วยเสียงระเบิด
จนฟังไม่ถนัด แต่ผมไม่จ�ำเป็นรอค�ำตอบจากแพลโลแมนแล้ว เมื่อเห็น
ผู ้ ห มวดตางจากกองก� ำ ลั ง ของรั ฐ บาลเวี ย ดนามใต้ วิ่ ง มาทางฐานเรา
พร้อมกับขอเข้ามาในฐาน
“โอ้พระเจ้า” ผมร้องออกมา “พวกมันก�ำลังท�ำลายหมู่บ้าน”
นี่มันเป็นการสังหารหมู่ชัด ๆ หนานก�ำลังถามหมวดตางอย่างตื่นเต้น
ตางทิ้งลูกน้องมาหาเรา แต่พวกเขาไม่ใช่เป้าหมายของการโจมตี พวก
เวียดกงบุกเข้ามาทางทิศตะวันออกของหมูบ่ า้ น พวกมันบุกไปตามกระท่อม
ทีละหลัง โยนระเบิดเข้าไปและยิ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เคลื่อนไหว
ผมนึกภาพแล้วรู้สึกสยอง หมู่บ้านก�ำลังจะกลายเป็นสนามรบ
ที่ผ่านมาผมพยายามเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ถึงแม้ว่าจะเสี่ยงด้วย
ชีวิตของพวกเราเองก็ตาม แต่คืนนั้นผมเลี่ยงไม่ได้ ถึงอย่างไรข้าศึกก็จะ
ท�ำลายหมู่บ้านให้สิ้นซาก ผมจะต้องรบกับข้าศึกในที่ที่พวกมันเลือก หรือ
ไม่ก็มองมันท�ำลายหมู่บ้านทีละส่วน ๆ อยู่ห่าง ๆ ยุทธวิธีของพวกมัน
ฉลาดมาก ผมจะเป็นไอ้โง่ถ้าผมออกไปสู้กับมันที่นั่น แต่ถ้าผมอยู่เฉย ๆ
ผมก็เป็นไอ้ระย�ำตัวหนึ่งเหมือนกัน
“จ่าแพลโลแมนเหลือหมู่ที่ ๓ ไว้ที่ฐานและมากับผม พวกเราจะ
ตีโต้ตอบเข้าไปในหมู่บ้านในอีก ๒ นาที”

234
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

เราไม่มีเวลาขอรับการสนับสนุนกระสุนส่องสว่างจากกองพัน
ก� ำ ลั ง ๒ หมู ่ ป ื น เล็ ก และกองบั ง คั บ การหมวดก� ำ ลั ง คุ ก เข่ า อยู ่ ต รง
ช่องทางออกขณะที่ผมออกค�ำสั่งท่ามกลางเสียงปืนและเสียงหวีดร้อง
มาจากหมู่บ้าน “ผลักดันพวกเวียดกงออกไปจากหมู่บ้านให้เร็วที่สุด
ระวังอย่ายิงชาวบ้าน สังเกตให้ดีเพราะพวกเขาไม่มีอาวุธ ทหารรัฐบาล
เวียดนามใต้อาจจะสู้ ให้พวกเราใช้ดุลพินิจเอาเอง”
ผมตบพลุส่องสว่างด้วยฝ่ามือ แพลโลแมนตบพลุลูกที่สองตาม
พวกเราวิง่ ออกไปทีห่ มูบ่ า้ นขณะทีพ่ ลุลอยขึน้ ไปบนท้องฟ้า ภาพแรกทีเ่ ห็น
น่าสยดสยองเหลือเกิน ผู้หญิงคนหนึ่งก�ำลังอุ้มลูกที่ไม่มีศีรษะผ่านผมไป
โดยที่ตัวเธอเองก็แขนซ้ายเกือบจะขาด ข้างหลังมีเวียดกง ๒ คนก�ำลังจะ
ยิงเธอ ด้วยความโกรธผมยิงใส่พวกมันเข้าที่หน้าจนล้มลง
หมู ่ ที่ ๑ เคลื่ อ นที่ ผ ่ า นผมไป ในขณะที่ ห มู ่ ที่ ๒ ที่ น� ำ โดย
จ่าแพลโลแมนบุกขึ้นไปทางซ้าย แสงไฟไหม้จากกระท่อมบ่งบอกได้ว่า
พวกเวี ย ดกงได้ ท� ำ อะไรลงไป มี เ ด็ ก ผู ้ ห ญิ ง ๒ คนวิ่ ง มาที่ ผ มทั้ ง น�้ ำ ตา
มองเพียงแว๊บเดียวก็รู้ว่าพวกเธอได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด
“มาอยูข่ า้ งหลังนีแ่ ละก็อย่าไปไหน” ผมตะโกนบอกเด็กทัง้ สองคน
เป็นภาษาอังกฤษและเวียดนามผสมกัน
ภารกิจของพวกเวียดกงในคืนนีค้ อื การฆ่าชาวบ้านให้ได้มากทีส่ ดุ
และดูเหมือนพวกมันจะท�ำส�ำเร็จ แต่พวกมันไม่คิดว่าเราจะเข้ามาปะทะ
แบบซึ่ง ๆ หน้า ในช่วงเวลาแว่บเดียวที่พวกมันสับสน เราจึงได้เปรียบ
แต่กำ� ลังในส่วนทีส่ องปรับตัวได้ทนั และหันมายิงใส่เรา พลปืนเล็ก
ของเราคนหนึง่ ถูกกระสุน เอเค-๔๗ จนมือแหลก คนทีส่ องถูกสะเก็ดระเบิด
ที่สะโพกซ้ายจนกระดูกแหลก แต่เรายังคงบุกเข้าไปเพื่อฆ่าพวกมัน
235
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ผมสัง่ ให้จา่ แพลโลแมนปรับรูปขบวนหมูท่ ี่ ๒ ให้ขนึ้ มาเคียงข้างกับ


หมู่ที่ ๑ เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมและเพื่อป้องกันการยิงกันเอง ทหารที่
รอดชีวิตจากหมวดทหารของรัฐบาลเวียดนามใต้มาร่วมสมทบกับเรา
ท่ามกลางกลุ่มควันและเปลวไฟ มีผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มลูกชายใน
อ้อมกอดและวิ่งมาหาเรา เธอส่งร่างของเด็กให้ผมเพื่อให้ช่วย ร่างของ
เด็ ก พั บ งอเป็ น สองท่ อ นและเด็ ก ได้ เ สี ย ชี วิ ต ไปแล้ ว โดยมี ร อยแผลลึ ก
ที่กลางหลัง ผมจ้องหน้าเธอพร้อมกับบอกว่า “เอาไว้ก่อนนะ เดี๋ยวผม
จะมาช่วยคุณ”
พวกเราผลั ก ดั น ข้ า ศึ ก ไปจนถึ ง ชายขอบของหมู ่ บ ้ า น ตอนนี้
ประมาณ ๑ ใน ๔ ของหมู่บ้านถูกไฟไหม้ และทหารอเมริกันอีก ๑ คน
ถูกยิงเข้าที่หน้าอกทะลุปอดเสียชีวิตทันที แต่เราท�ำเอาพวกมันถึงกับ
หลังหัก ศพของพวกเวียดกงนอนอยู่เกลื่อนกลาด โดยเฉพาะบริเวณ
ลวดหนาม
ผมส่งหมู่ที่ ๑ ออกไปไล่ติดตามข้าศึกเลยหมู่บ้านออกไปเป็น
ระยะทางกว่า ๓๐๐ เมตร ส่วนผมกับลูกน้องที่เหลือมาดูแลหมู่บ้าน
ทรองแลมที่อยู่ในสภาพที่ถูกไฟไหม้ ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนอนเกลื่อน
ไปหมด ผู้ที่รอดชีวิตต่างก็ร้องไห้อย่างน่าเวทนายิ่งนัก เด็ก ๆ ต่างก็ร้องไห้
บ้างก็กอดกัน บ้างก็ร้องหาพ่อแม่หรือปู่ย่าตายาย มีผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มลูก
ที่เสียชีวิตและมีขาข้างเดียว ผมเห็นแล้วต้องขบกรามแล้วหันหน้าไป
ทางอื่น
งานทีผ่ มต้องท�ำหลังจากนีแ้ ทบจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ อันดับแรก
คือ ค้นหาให้ทั่วทั้งหมู่บ้านเพื่อหาข้าศึกที่อาจหลงเหลืออยู่ อันดับสองคือ
การรวบรวมผู้บาดเจ็บเพื่อรับการรักษา อันดับสาม ต้องวางมาตรการเพื่อ

236
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ให้มั่นใจว่าข้าศึกจะไม่ย้อนรอยกลับมาโจมตีพวกเราที่หมู่บ้านและที่ฐาน
ซึ่งมีก�ำลังแค่หยิบมือเดียว ในใจผมคิดวางแผนส�ำหรับสิ่งที่จะต้องท�ำอยู่
ตลอด แต่ลกึ ๆ แล้วผมรูส้ กึ โกรธจัด เพราะสิง่ เลวร้ายทีส่ ดุ ได้เกิดขึน้ พวก
เวียดกงได้โจมตีหมู่บ้านตรง ๆ สังหารชาวบ้านซึ่งอาจเป็นญาติตัวเองไป
มากมาย มันไม่นา่ เชือ่ ว่าจะเกิดขึน้ แต่กเ็ กิดขึน้ แล้ว ข้าศึกจะตายไปเท่าไหร่
ไม่สำ� คัญ แต่ทแี่ น่ ๆ หมูบ่ า้ นทรองแลมกลายเป็นความพ่ายแพ้ของพวกเรา
ไปเสียแล้ว พวกเราชาวอเมริกันเข้ามาต่อสู้เพื่อวัตถุประสงค์ที่จ�ำกัด แต่
พวกเวียดกงต่อสู้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองที่มีข้อจ�ำกัดน้อยกว่า
แน่นอนว่าถ้าเป็นอย่างนี้พวกเราแพ้ตั้งแต่เริ่มรบแล้ว
หมู่บ้านทรองแลมได้กลายเป็นเป้าหมายของพวกเวียดกงมานาน
แล้ว ส�ำหรับชาวอเมริกันและรัฐบาลเวียดนามใต้ หมู่บ้านนี้คือตัวแทน
อ�ำนาจของสหรัฐ และเวียดนามใต้ในจังหวัดเล็ก ๆ ที่ชื่อบินดิน ซึ่ง
ก่อนหน้านี้เคยอยู่ภายใต้อิทธิพลของพวกคอมมิวนิสต์เวียดกง ส�ำหรับ
พวกเวียดกง การที่หมู่บ้านนี้ยังตั้งอยู่ได้เท่ากับเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรี
ของพวกมัน ซึ่งได้ควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของต�ำบลแทมควานไว้ได้แล้ว
ตราบใดที่หมู่บ้านทรองแลมยังตั้งอยู่ได้ มันจึงไม่ต่างกับก้างขวางคอ
พวกเวียดกง
ผมรูต้ งั้ แต่แรกแล้วว่าคนในหมูบ่ า้ นบางส่วนฝักใฝ่พวกคอมมิวนิสต์
เวี ย ดกง แต่ ก็ เ พี ย งบางส่ ว นเท่ า นั้ น ไม่ ใช่ ทั้ ง หมด และส� ำ หรั บ พวก
เวียดกงบางคน พ่อแม่ลูกและภรรยาก็อยู่ในหมู่บ้านนี้ด้วย ผมจึงคิดว่า
ที่นี่เป็นที่ส�ำหรับหลบภัยหรือที่อยู่ที่ปลอดภัยที่สุดส�ำหรับทั้งสองฝ่าย
และหน้าที่ของหมวดผมก็คือรักษาหมู่บ้านนี้ไว้ให้ได้นานที่สุด ซึ่งพวกเรา
ก็ท�ำหน้าที่ได้อย่างดีที่สุด และเมื่อมีหน่วยทหารของรัฐบาลเวียดนามใต้
มาประจ�ำอยู่ด้วย มันก็ยิ่งแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
237
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ฐานของผมได้กลายเป็นเป้าหมายการโจมตีจากพวกเวียดกงมา
ตลอดเพราะพวกเราท�ำให้หมู่บ้านด�ำรงอยู่ได้ ถ้าพวกเราตายไป หมู่บ้านก็
อยู่ไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นพวกเราชาวอเมริกันเป็นแค่เป้าหมายรอง ส่วน
เป้าหมายหลักคือหมู่บ้านทรองแลม ถ้าชาวบ้านถูกฆ่าตายหมดก็ไม่มี
หมู่บ้านอีกต่อไป ผมเพิ่งจะมาเข้าใจเรื่องราวแบบนี้ก็ตอนนี้นี่เอง
ผมไม่คาดคิดว่าข้าศึกจะกล้าใช้มาตรการแบบนี้ การโจมตีหมูบ่ า้ น
ก็เท่ากับเป็นการจงใจฆ่าญาติ ๆ ของตัวเอง ในสมรภูมิรบที่เกิดขึ้นใน
หมู่บ้านมันยากมากที่จะแยกแยะว่าใครฝักใฝ่ฝ่ายใด ผมเห็นเด็ก ๆ ใน
หมู่บ้านทุกวัน พวกเขาก็เหมือนกับเด็ก ๆ ทั่วไปบนโลกใบนี้ ผมไม่สามารถ
ท�ำร้ายพวกเขาได้ แค่คิดก็ไม่ควรแล้ว
แต่สิ่งที่ผมคิดไม่ใช่สิ่งที่ข้าศึกคิด แม้ผมจะพยายามเข้าใจพวกมัน
หรือพยายามจะคิดอย่างที่พวกมันคิด แต่คิดอย่างไรก็ไม่มีวันเข้าใจ
ทรองแลมมีคนตายมากกว่าคนรอด และคนบาดเจ็บยิ่งมากกว่า
คนตายเป็นสองเท่า พอรุ่งเช้าชาวบ้านที่รอดชีวิตก็อพยพออกไป พวกเขา
น�ำไปแต่เฉพาะสิ่งของที่เหลืออยู่ แต่ละคนเดินไปอย่างเชื่องช้า ผ่านศพ
ที่นอนเกลื่อนกลาดไปอย่างเฉยเมย สายตามองไปข้างหน้าอย่างไร้ความ
รู้สึก พวกเขาคงคาดหวังว่าสถานที่ที่จะไปคงจะมีความรุนแรงน้อยกว่านี้
ตอนนี้มีแต่เฉพาะญาติของผู้เสียชีวิตเท่านั้นที่อยู่เพื่อจัดการเกี่ยวกับศพ
เสียก่อน
ผมยืนอยูข่ า้ ง ๆ ห้องน�ำ้ ทีเ่ คยใช้และก็จะอายทุกครัง้ ทีม่ คี นเดินผ่าน
ไปมา วันนี้ผมละอายใจที่ไม่สามารถคุ้มครองพวกเขาได้ เด็กผู้หญิงที่มี
แขนข้างเดียวเดินผ่านไป เป็นเด็กคนเดียวกันที่ได้รับบาดเจ็บเพราะบาร์น
ผมคิดว่าสายตาที่เธอมองนั้นเต็มไปด้วยความท้าทาย เด็ก ๆ ก�ำพร้าที่

238
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

หญิงชราเคยดูแลก็เดินผ่านไป แต่สายตากลับก้มมองต�ำ่ และเลีย่ งทีจ่ ะสบตา


ผม ส่วนผู้หญิงที่หนานเคยชอบก็เดินผ่านไปพร้อมกับแม่ที่อายุมากแล้ว
ส่วนหนานก็ไม่ได้สนใจมอง เขาได้แต่สูบบุหรี่และต้มน�้ำเพื่อชงกาแฟ
บรรยากาศภายนอกหมู่บ้านโดยเฉพาะที่ทุ่งนาและไร่มันฝรั่งยังดู
สงบเงียบน่าอยู่ แต่กลิ่นของความตายท�ำให้บรรยากาศดูเศร้าหมองลงไป
ถนัดตา
ตลอดช่วงเช้าชาวบ้านยังคงทยอยออกจากหมู่บ้านและพอสาย ๆ
ของวันหมู่บ้านก็กลายเป็นหมู่บ้านร้างทันที การตั้งอยู่ของหมวดทหาร
อเมริกนั ก็ดจู ะไม่มคี วามหมายอะไร บ่อน�ำ้ ทีผ่ ใู้ หญ่บา้ นถูกยิงก็ถกู ปล่อยให้
ร้างและพื้นดินรอบ ๆ ก็ยังเต็มไปด้วยเลือดจากเมื่อคืน หลังคาสังกะสีที่
หมวดโอไบรอันเพื่อนผมจากเวสต์พอยต์ได้ช่วยลากมาซ่อมแซมหมู่บ้าน
ส่งเสียงดังกรอบแกรบบนโครงสร้างที่ถูกไฟไหม้ ที่นั่นไม่มีทรองแลม
อีกแล้ว
พวกเรายั ง คงเดิ น ลาดตระเวนพื้ น ที่ ต ่ อ ไปอี ก สองสามวั น มั น
เป็นการปฏิบัติด้วยความเคยชิน ผมรู้สึกว่าสิ่งที่เราท�ำมันว่างเปล่า ไม่ได้มี
ความหมายอะไร แต่ก็ไม่ได้พูดเรื่องความรู้สึกนี้กับใคร ผมคิดว่าเมื่อคนเรา
จะท�ำอะไร เขาจะต้องเชื่อว่าสิ่งที่ท�ำนั้นมีความส�ำคัญ ผู้น�ำที่ดีต้องคิดใน
เชิงบวกเสมอ

239
บทส่งท้าย
หลังจากขึ้นวันแรกของปีใหม่ได้ไม่นาน เบื้องบนก็ตระหนักถึง
ความเป็นจริง ภารกิจของหมวดจึงเปลีย่ นแปลง เราต้องย้ายไปยังพืน้ ทีใ่ หม่
เพื่อแย่งชิงการควบคุมประชาชนกับเวียดกง แต่หมวดจะไม่มีผมไปด้วย
เวลาของผมมาถึงแล้ว หมวดของผมจะมีผู้หมวดคนใหม่มาน�ำไปยังพื้นที่
แห่งใหม่แทน
ในวันสุดท้ายของการปฏิบัติหน้าที่ ผมเรียกลูกน้องมารวมกันเพื่อ
ถ่ายภาพไว้เป็นทีร่ ะลึก ผมอยากจดจ�ำทุกคนทีอ่ ยูเ่ คียงข้างผมจนวันสุดท้าย
ของการท�ำหน้าทีผ่ บู้ งั คับหมวด ผมใช้เวลาไม่นานเพราะไม่อยากให้ตกเป็น
เป้านิ่งส�ำหรับข้าศึก หลายคนเป็นคนหน้าใหม่ ดูเหมือนเด็กมัธยมในงาน
ปาร์ตี้ พอผมมาดูรปู นีห้ ลายเดือนต่อมาจ�ำนวนคนในรูปก็คอ่ ย ๆ ลดลง บ้าง
ก็ได้รับบาดเจ็บ บ้างก็หมุนเวียนกลับไปสหรัฐ จนกระทั่ง ๖ เดือนผ่านไป
เหลือเฉพาะฟิล เนลเท่านั้น ถือได้ว่าเขาเป็นทหารราบผู้อยู่ยงคงกระพัน
ก็ว่าได้
ตกสาย ๆ ผู้หมวดคนใหม่ก็มาถึง ถึงแม้เขาจะรูปร่างใหญ่มี
กล้ามเนื้อ แต่ก็ออกจะไปทางอ้วนนิด ๆ เขาแสดงอาการกลัวจนเห็นได้ชัด
เพียง ๒๕ วันหลังจากที่ได้มาปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น เขาก็ถูกส่งกลับสหรัฐ
พร้อมขาที่เหลือเพียงข้างเดียว ตอนที่ผมสรุปสถานการณ์ให้เขาฟังใน
วันนั้น ความรู้สึกผมมีสองอย่างที่ก�ำลังเกิดขึ้นในใจ หนึ่งคือรู้สึกโล่งใจที่

240
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

จะได้กลับบ้าน อีกความรูส้ กึ คือละอายใจเพราะลูกน้องผมยังต้องรบต่อไป


และก่อนที่เฮลิคอปเตอร์ล�ำสุดท้ายจะมารับในวันนั้น ผมเดินไปกล่าว
ค�ำอ�ำลาเป็นการส่วนตัวกับลูกน้องทุกคน พวกเขาดูจะไม่ได้โกรธเคืองผม
แต่ประการใด บางคนยินดีกับผมด้วยซ�้ำ และมันยิ่งท�ำให้ผมรู้สึกเสียใจ
มากขึ้นที่ต้องทิ้งพวกเขาไป “ไม่ต้องห่วงพวกเราครับผู้หมวด” เนลพูด
“หมวดก็รู้ว่าผมเอาตัวรอดได้” จ่าแพลโลแมนจับมือผมไว้แน่น “พวกเรา
คงคิดถึงผู้หมวดครับ ที่ผ่านมาเราอัดพวกเวียดกงซะอยู่หมัดมาด้วยกัน”
ผมสบตาเขาและรู้สึกโล่งใจที่เขาจะดูแลหมวดต่อไป “ให้การ
สนับสนุนและช่วยเหลือผู้หมวดคนใหม่เหมือนกับที่ให้กับผมด้วยนะ และ
ที่ส�ำคัญอย่าประมาทเป็นอันขาด” ผมกล่าวค�ำอ�ำลาแต่ละคน และแม้
กระทั่งตอนท้าย ๆ ก่อนจากกัน ผมยังรู้สึกถึงความรับผิดชอบอันหนักอึ้ง
ในฐานะผู้น�ำ
ผมพยายามซ่อนความรู้สึกเสียใจและความห่วงใยไว้ในใจ เมื่อ
กล่าวค�ำอ�ำลาจบ ผมรู้สึกเหมือนบางสิ่งบางอย่างหายไป ไม่มีคิลลิแกน
น่าแปลกที่เขาไม่ได้อยู่เพื่อกล่าวค�ำอ�ำลา ส�ำหรับผมเขาคือหมวด เขาเป็น
ตัวแทนของทุกสิ่งทุกอย่างที่หมวดเราเป็น ทั้งความมุ่งมั่น ความสามารถ
ในการฟื้นตัว ผมรีบวิ่งไปที่เฮลิคอปเตอร์ที่มาคอยแล้ว เมื่อเครื่องยกตัว
ออกไปผมก็มองลงไปทีฐ่ านและหมูบ่ า้ นทรองแลม ซึง่ กลายเป็นหมูบ่ า้ นร้าง
ไปแล้ว ส่วนทหารในหมวดก็ก�ำลังวุ่นกับการเตรียมตัวออกไปลาดตระเวน
ซึ่งแทบจะไม่มีความหมายเลยเพราะไม่มีหมู่บ้านให้รักษาแล้ว หมู่บ้าน
ทรองแลมตอนนี้ก็มีหญ้าและต้นไม้เริ่มขึ้นปกคลุมแล้ว สักครู่ภาพของ
หมู่บ้านก็หายไป และผมก็ได้มาถึงแอลซี อิงลิช

241
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

หมวดได้ทำ� หน้าทีใ่ นการรบต่อไป ผมเองได้เฝ้าติดตามชะตากรรม


ของลูกน้องแต่ละคน เนลได้รบั บาดเจ็บและเข้ารับการรักษาทีโ่ รงพยาบาล
เป็นเวลา ๑ เดือน และกลับไปปฏิบัติหน้าที่พลวิทยุเหมือนเดิม ส่วน
จ่าแพลโลแมนออกไปท�ำหน้าที่ในการยิงปะทะได้รับบาดเจ็บสาหัสจาก
สะเก็ ด อาร์ พี จี เข้ า ที่ ข าขวา เขาโชคดี ที่ ไ ม่ ต ้ อ งถู ก ตั ด ขาทิ้ ง แต่ เวลา
ในสนามรบของเขาก็หมดลง ผมรู้มาว่าสิบตรี คิลลิแกนรอดชีวิตจากการ
โดนระเบิดในคราวนั้นถึงแม้ว่าจะเสียปอดไปข้างหนึ่งและถูกตัดล�ำไส้
ไปส่วนหนึ่ง ที่น่าทึ่งคือ สิบเอก ดอนได้กลับบ้านโดยไม่เป็นอะไรซึ่งเป็น
เรื่องที่เกิดขึ้นน้อยมาก ส่วนผู้บังคับหมู่อีกคน สิบเอก เจมส์ได้กลับไปที่
หมวดอีก เจมส์กับพลทหารคิงเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนจะด้วยสาเหตุ
อะไรผมก็ไม่ทราบแน่ชัด
การรบในเวียดนามยังคงด�ำเนินต่อไป และทหารราบทุกคนที่อยู่
ในสนามรบรู้ดีว่าเวลาของตัวเองเหลือน้อยลงไปทุกวันเพราะอัตราการ
สูญเสียสูง ถ้าผมกลับไปที่ฐานตอนนี้ก็คงจ�ำภาพเดิม ๆ ไม่ได้แล้ว
ในฤดูร้อนของปี ค.ศ. ๑๙๗๑ ผมบินออกจากอ่าวแคมรานห์เพื่อ
กลับไปที่สหรัฐ และจะได้พบหน้าลูกเมียหลังจากที่จากกันไปนาน และ
ผมเพิ่งจะติดยศร้อยเอกได้หมาด ๆ มันเป็นเวลา ๑๒ เดือนที่ยาวนาน
เหลือเกิน และผมรู้ตัวว่าผมเปลี่ยนไปมาก
ยศทีส่ งู ขึน้ ไม่ชว่ ยให้ผมรอดพ้นจากการถูกตรวจค้นยาเสพติด ก่อน
เดินทางออกจากเวียดนามหนึ่งวัน ผมต้องถูกตรวจปัสสาวะเช่นเดียวกับ
ทหารคนอืน่ ๆ และเมือ่ ไปถึงซีแอตเทิล ผมยังต้องถูกกักตัวเพือ่ รอการตรวจ
ค้นกระเป๋าสัมภาระเพื่อหาสิ่งของผิดกฎหมายนานถึงสองชั่วโมง

242
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ไม่มีพิธีการต้อนรับใหญ่โตใด ๆ ส�ำหรับพวกเราที่กลับมาจาก
สงคราม เมื่อผ่านการตรวจทางศุลกากรและยาเสพติดที่ฐานทัพอากาศ
แมคคอร์ดแล้ว พวกเราก็ต้องเดินทางไปสนามบินซีแอทเทิล-ทาโคมาเอง
ไม่มีเพื่อนร่วมชาติคนไหนเข้ามาทักทาย ราวกับว่าเราเพิ่งกลับมาจาก
ซือ้ ของทีร่ า้ นสะดวกซือ้ ในหมูพ่ วกเราต่างก็แยกย้ายกันไปโดยไม่มกี ารอ�ำลา
ทุกคนท�ำราวกับว่าเป็นคนแปลกหน้าไม่รจู้ กั กัน และไม่มใี ครเลยทีเ่ ดินทาง
ไปเวียดนามพร้อมกันกับผมและกลับมาพร้อมกันในคราวนี้ เพื่อนร่วมรุ่น
จากเวสต์พอยต์สองคนที่นั่งติดกันบนเครื่องตอนขาไปก็เสียชีวิตไปแล้วที่
เวียดนาม
ทีส่ นามบินแห่งชาติทกี่ รุงวอชิงตันดีซี มีผหู้ ญิงหน้าตาดีคนหนึง่ ยืน
รอผมอยู่ในอาคารผู้โดยสาร ข้าง ๆ เธอมีเด็กชายอายุ ๑๕ เดือนหน้าตา
น่ารัก ผมหยักศกสีทองยืนขยับขาไปมา ผมจูบทักทายพวกเขาทั้งสองคน
ภรรยาผมดู ดี อ กดี ใจ ส่ ว นเด็ ก ชายคนนั้ น ดู สั บ สน ส่ ว นผมเองทั้ ง ดี ใจ
และสับสน ในใจผมยังรูส้ กึ เศร้าใจ เสียใจให้กบั ลูกน้องทีผ่ มทิง้ เขาไว้ขา้ งหลัง
ผมรู้สึกหดหู่ทุกครั้งที่นึกถึงว่าประเทศของพวกเขาจะไม่มีวันรู้ว่าพวกเขา
เป็นทหารทีย่ อดเยีย่ มเพียงใด แต่ผมก็ภาคภูมใิ จทีไ่ ด้รว่ มงานกับพวกเขามา

243
บันทึกประสบการณ์ของนายทหารใหม่ในเวียดนาม
(PLATOON LEADER)

ประวัติผู้แต่ง
เจมส์ แมคดาน่า เป็นลูกของนายทหารชั้นประทวนในกองทัพบก
สหรัฐ จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์ในปี ค.ศ. ๑๙๖๙
เนื่องจากจบการศึกษาในอันดับต้น ๆ ของรุ่นเขามีสิทธิที่จะเลือกเหล่า
และหน่วยได้ก่อน เขาเลือกเหล่าทหารราบและอาสาไปรบที่เวียดนาม
ในกองพลน้ อ ยส่ ง ทางอากาศที่ ๑๗๓ อั น โด่ ง ดั ง ปั จ จุ บั น แมคดาน่ า
ยศพันโท (ยศในปี ๑๙๘๕ ที่หนังสือเล่มนี้ออกตีพิมพ์) ยังคงท�ำหน้าที่
รับใช้ชาติในฐานะผู้บังคับกองพันทหารราบที่ ๒ กรมทหารราบที่ ๔๑
ทีฟ่ อร์ทฮูด รัฐเท็กซัส ต�ำแหน่งอืน่ ๆ ทีเ่ คยปฏิบตั หิ น้าที่ เช่น ผูบ้ งั คับหมวด
ผู้บังคับกองร้อย นายทหารฝ่ายยุทธการกองพัน รองผู้บังคับกองพัน
รองเสนาธิการกรมทหารราบ อาจารย์สอนวิชารัฐศาสตร์ที่เวสต์พอยต์
นายทหารการข่าวประจ�ำกองบัญชาการกองทัพบกภาคพืน้ ยุโรป นายทหาร
โครงการพิเศษที่หน่วยงานนิวเคลียร์เพื่อความมั่นคง นายทหารติดต่อ
ประจ�ำกระทรวงการต่างประเทศ เขายังส�ำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท
จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งรัฐแมสซาชูเซตส์ (MIT) ด้วย
นอกจาก Platoon Leader แล้ว แมคดาน่ายังได้เขียนหนังสือ
Defense of Hill 781 และ The Limits of Glory ปัจจุบันเขาได้เกษียณ
จากกองทัพและอาศัยอยู่ในเมือง Tallahassee รัฐฟลอริดา พร้อม
ครอบครัว

244

You might also like