Professional Documents
Culture Documents
วิเคราะห์ ความสาคัญของ
ประวัติศาสตร์ ไทย (ส 4.3 ม. 4-6/1)
หัวข้ อ (ต่ อ)
สถานทูตฝรั่งเศส แหลมลาพูราย
เช้ า วัน ต่ อ มา ลู ก เรื อ ฌองบั ป ติ ส ต์ เ ซย์ ยั ง คงอยู่ บ นเรื อ ที่ เ กยตื้ น
สยามได้ ส่งเรื อเข้ ามาควบคุมเรื อกลไฟฌองบัปติสต์ เซย์ และได้ พยายามจม
เรื อแต่ ไม่ สาเร็จ
วันต่ อมาเรื อปื นฝรั่งเศส ฟอร์ แฟต (Forfait) ได้ มาถึงปากน้าและ
ส่ งเรื อพร้ อมทหารเต็มลาเข้ ายึดเรื อฌองบัปติสต์ เซย์ แต่ เมื่ อถึงเรื อกลับถูก
โจมตีขับไล่ถอยไปโดยทหารสยามทีย่ ดึ เรื ออยู่
เมื่อพลเรื อตรี อูว์มัน มาถึงกรุงเทพฯ เขาได้ ทาการปิ ดล้ อมและหัน
กระบอกปื นมาทางพระบรมมหาราชวัง ในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 ก็ได้
มีการลงนามในสนธิสัญญา ถือเป็ นการสิ้นสุ ดการรบ
ผลของวิกฤตการณ์ ครั้งนี้ทาให้ ฝ่ายไทยจาต้ องยอมยกดินแดน
ลาวฝั่งซ้ ายของแม่ น้าโขงให้ แก่ ฝรั่ งเศส นับเป็ นการขยายอิ ทธิพลครั้ ง
สาคัญครั้ ง หนึ่ ง ของฝรั่ ง เศสในภู มิ ภ าคอิน โดจี น และจะน าไปสู่ การ
สู ญเสี ยดินแดนประเทศราชของไทยในเขมรและลาวที่เหลืออยู่ในเวลา
ต่ อมาอีกด้ วย
เสียให้ฝรั ่งเศสเมื่อ
พ.ศ. 2436
(ร.ศ. 112)
กบฏ ร.ศ. 130
กบฏ ร.ศ. 130 หรื อ กบฏเก็กเหม็ง หรื อ กบฏน้าลาย เกิดขึ้นใน
ปี พ.ศ. 2455 (ร.ศ. 130) ก่ อ นการปฏิ วั ติ ส ยาม พ.ศ. 2475 สอง
ทศวรรษในสมั ยรั ช กาลที่ 6 เมื่ อ นายทหารและปั ญ ญาชนกลุ่ มหนึ่ ง
วางแผนปฏิ บั ติ ก ารโดยหมายให้ พระมหากษั ต ริ ย์ พ ระราชทาน
รัฐธรรมนูญให้ และเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ ระบอบประชาธิปไตย
แต่ แผนการแตกเสี ยก่ อน จึงมีการจับกุมผู้คิดก่ อการไว้ ได้ 91 คน มีการ
พิจารณาตัดสิ นลงโทษให้ จาคุกและประหารชีวิต แต่ ท้ายทีส่ ุ ดได้ รับการ
พระราชทานอภัยโทษ ด้ วยทรงไม่ มีจิตพยาบาทต่ อผู้คิดประทุษร้ ายแก่
พระองค์
คณะผู้ก่อการได้ รวมตัวกันเป็ นครั้ งแรกเมื่ อวันที่ 13 มกราคม
พ.ศ. 2455 ประกอบด้ วยผู้ร่วมคณะเริ่มแรกจานวน 7 คน คือ
1. ร.อ.ขุนทวยหาญพิทกั ษ์ (หมอเหล็ง ศรีจันทร์ ) เป็ นหัวหน้ า
2. ร.ต.เหรียญ ศรีจันทร์ จากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
3. ร.ต.จรูญ ษตะเมษ จากกองปื นกล รักษาพระองค์
4. ร.ต.เนตร์ พูนวิวฒ ั น์ จากกองปื นกล รักษาพระองค์
5. ร.ต.ปลัง่ บูรณโชติ จากกองปื นกล รักษาพระองค์
6. ร.ต.หม่ อมราชวงศ์ แช่ รัชนิกร จากโรงเรียนนายสิ บ
7. ร.ต.เขียน อุทยั กุล จากโรงเรียนนายสิ บ
คณะผู้ก่อการวางแผนจะก่ อการในวันที่ 1 เมษายน ซึ่งเป็ นวัน
พระราชพิธีถือน้าพระพิพฒ ั น์ สัตยา และวันขึน้ ปี ใหม่ ผู้ที่จับสลากว่ าจะ
เป็ นคนลงมือลอบปลงพระชนม์ คือ ร.อ.ยุทธ คงอยู่ (หลวงสิ นาด โยธา
รั กษ์ ) เกิดเกรงกลัวความผิด จึงนาความไปแจ้ งหม่ อมเจ้ าพันธุ์ ประวัติ
ผู้บังคับการกรมทหารช่ างที่ 1 รักษาพระองค์ และพากันนาความไปแจ้ ง
สมเด็จพระอนุ ช าธิ ราช เจ้ า ฟ้ า จั กรพงษ์ ภู วนาถ กรมหลวงพิษ ณุ โลก
ประชานาถ
ความทราบไปถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ าเจ้ าอยู่หัว คณะ
ทั้งหมดจึงถูกจับกุมเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถูกส่ งตัวไปคุมขังที่คุกกอง
มหันตโทษ และได้ รับพระราชทานอภัยโทษในพระราชพิธีฉัตรมงคล
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2467 ครบรอบปี ที่ 15 ของการครองราชย์
ส่ วนหนึ่งของผู้ก่อการกบฏ ร.ศ. 130
การปฏิ วั ติ ใ นครั้ ง นี้ จุ ด มุ่ ง หมายของคณะปฏิ วั ติ คื อ
ไม่ ต้องการให้ มีการนองเลือด
จุ ด มุ่ ง หมายแรกคื อ การทู ล เกล้ า ฯ ถวายหนั ง สื อแด่
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ าเจ้ าอยู่หัว ให้ ไ ด้ ทรงพิจ ารณา
อย่ างรอบคอบ และมีพระบรมราชวินิจฉัยให้ เป็ นไปตามหนั งสื อ
ของคณะปฏิวัติ คือลดพระราชอานาจลงมาอยู่ภายใต้ กฎหมาย
รั ฐ ธรรมนู ญ อั น จะน าพาประเทศก้ า วสู่ ความก้ า วหน้ า เยี่ ย ง
อารยประเทศ แต่ หากมิ ไ ด้ เ ป็ นไปตามความมุ่ ง หมายนี้ คณะ
ปฏิวตั ิอาจต้ องใช้ กาลังรุนแรงก็เป็ นได้
ร.อ.ยุ ท ธ คงอยู่ จั บ สลากได้ เ ป็ นผู้ ที่ จ ะลอบปลงพระชนม์
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ าเจ้ าอยู่หัว เมื่อพระองค์ จะเสด็จกลับจาก
พระราชวังสนามจันทร์ โดยทางรถไฟพระที่นั่ง ที่สถานีบางกอกน้ อย
อันเป็ นแผนการของคณะปฏิวัติ ร.ศ. 130 ตามที่ได้ ตกลงกันไว้
และแผนต่ อไปคื อ การจับกุมตัวพระบรมวงศานุ วงศ์ และข้ าราชการ
ชั้นผู้ใหญ่ ไว้ เป็ นหลักประกัน โดยแผนการครั้งนีเ้ ป็ นแผนการที่ค่อนข้ าง
ร้ ายแรงมาก เป็ นการเสี่ ยงมากทีเดียว
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้ าอยู่หัวทรงมีพระบรมราช
วินิจฉัยว่ า
“...ความผิดของพวกเหล่ านี้มีข้อสาคัญที่จะกระทาร้ ายต่ อ
ตัวเรา เราไม่ ได้ มีจิตพยาบาทอาฆาตมาดร้ ายต่ อพวกนี้ เห็น ควรที่จะ
ลดหย่ อนผ่ อนโทษโดยฐานกรุ ณา ซึ่งเป็ นอานาจของพระเจ้ าแผ่ นดิน
ที่จะยกให้ ได้ ”
คณะปฏิวตั ิได้ รับโทษดังนี้
ตลอดชีวติ
ชั้นที่ 2 จาคุกตลอดชีวติ 20 คน ลดโทษเป็ นชั้นที่ 3 จาคุก 20 ปี
20 ปี
10 10
คน คน
ชั้นที่ 3 จาคุก 20 ปี 32 คน
ชั้นที่ 4 จาคุก 15 ปี 6 คน ลดโทษเป็ นรอการลงอาญา
ชั้นที่ 5 จาคุก 12 ปี 30 คน
20 20 20
คน คน คน
ไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
สงครามโลกครั้ งที่ 2 ในประเทศไทย มีที่มาจาก
สงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรป เริ่มขึน้ ในปี พ.ศ. 2482 ตรง
กั บ รั ช สมั ย ของพระบาทสมเด็ จ พระปรเมนทรมหา
อานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รั ชกาลที่ 8 แห่ ง
ราชวงศ์ จักรี เมื่อเยอรมนี นาโดย อดอล์ ฟ ฮิตเลอร์ ได้ บุก
โปแลนด์ และอีกหลายประเทศในยุโรป และสถานการณ์
ทางเอเชี ย ญี่ปุ่นเริ่ มใช้ นโยบายชาตินิยมและก่ อสงคราม
มหาเอเชียบูรพาขึน้ ทีจ่ ีนและเกาหลี
การเข้ า มามีบ ทบาทของญี่ปุ่ น เป็ นที่ค าดหมายว่ า ญี่ปุ่ นจะ
ยาตราทัพเข้ าสู่ ประเทศไทยแน่ ในอนาคต รั ฐบาลไทยโดย จอมพล ป.
พิบูลสงคราม ได้ รณรงค์ ให้ ประชาชนปลูกผักสวนครัว เลีย้ งสั ตว์ และ
เสริมสร้ างเศรษฐกิจระดับต้ น ๆ เพื่อรองรับสถานการณ์ ที่อาจเกิดขึน้
ในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 กองทัพญี่ปุ่นได้ ยกพลขึน้ บก
ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุ มพร นครศรี ธรรมราช สงขลา สุ ราษฎร์
ธานี ปัตตานีและบางปู สมุทรปราการ และบุกเข้ าประเทศไทยทางบก
ที่ อ รั ญ ประเทศ กองทั พ ญี่ ปุ่ นสามารถขึ้น บกได้ โ ดยไม่ ไ ด้ รั บ การ
ต่ อต้ านที่บางปู ส่ วนทางภาคใต้ และทางอรั ญประเทศมีการต่ อสู้ อย่ าง
หนั กของทหาร ประชาชน และอาสาสมัครที่เป็ นเยาวชน ที่เรี ยกว่ า
ยุวชนทหารในบางจังหวัด
ในระหว่ างการสู้ รบร้ อยเอกถวิลน ากาลังยุ วชนทหารออกมา
ปะทะกองทหารญี่ปุ่น แม้ ร้อยเอกถวิลจะถูกทหารญี่ปุ่นยิงเสี ยชี วิต แต่
ยุวชนทหารยังคงสู้ ต่อไปจนกระทัง่ รัฐบาลสั่ งหยุดยิง
เมื่อรัฐบาลญีป่ ุ่ นทราบว่ ากลุ่มยุวชนทหาร
หลายคนเป็ นเพียงนั กเรี ยนมัธยม จึงส่ งหนั งสื อ
เชิ ดชู ความกล้ าหาญมายังกระทรวงกลาโหม และ
ร้ อยเอกถวิล นิยมเสน ได้ รับแต่ งตั้งขึน้ เป็ นพันโท