Professional Documents
Culture Documents
20190906 - การนำและผู้นำทางหทาร ok
20190906 - การนำและผู้นำทางหทาร ok
กลาโหม การน�ำและผู้น�ำทางทหาร
ผู้แปลและเรียบเรียง -
บรรณาธิการ -
ผู้ช่วยบรรณาธิการ -
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของส�ำนักหอสมุดแห่งชาติ
National Library of Thailand Cataloging ln Publication Data
กรมยุทธศึกษาทหารบก.
การน�ำและผูน้ ำ� ทางทหาร.-- กรุงเทพฯ : กรมฯ, ๒๕๕๖.
๒๓๐ หน้า.
๑. ผู้น�ำ. I. ชื่อเรื่อง.
๑๕๘.๔
ISBN 978-974-9752-57-9
จัดพิมพ์แจกจ่ายและจ�ำหน่ายโดย
ศูนย์พฒ
ั นาหลักนิยมและยุทธศาสตร์ กรมยุทธศึกษาทหารบก กระทรวงกลาโหม
๔๑ ถนนเทิดด�ำริ เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ หมายเลข ๐-๒๒๔๑-๔๐๓๗,
๐-๒๒๔๑-๔๐๖๗-๖๙ ต่อ ๘๙๒๓๐-๓๗
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ที่ cdsd_rta@cdsd-rta.net
เว็บไซต์ http://www.cdsd-rta.net
พิมพ์ที่ หจก. อรุณการพิมพ์
“...ทหารในฐานะทีเ่ ป็นสถาบันหนึง่ ซึง่ มีความเข้มแข็ง แข็งแกร่ง
จะต้องตั้งสติให้มั่น ท�ำความเห็นให้เข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่าง
แล้วร่วมกับให้ความรู้ ความคิดปฏิบัติภารกิจทั้งปวง ด้วยจิตวิญญาณ
ที่สุขรอบคอบ ด้วยความเป็นไทย ทั้งในความคิดจิตใจและการกระท�ำ
โดยยึดถือความมั่นคงของชาติ ความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมืองเป็น
เป้าหมาย จักได้เป็นตัวอย่างชักน�ำคนไทยทุกคน ทุกฝ่าย ให้มีจิตส�ำนึก
ในชาติ พร้อมใจกัน ที่จะร่วมมือ ร่วมงานกันเพื่อประโยชน์อันยั่งยืนของ
ประเทศชาติสือไป...”
พระบรมราโชวาทในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน
และสวนสนามของทหารรักษาพระองค์
วันพุธที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๐
...กองทัพที่เพียบพร้อมด้วยก�ำลังและยุทโธปกรณ์อันทันสมัย
จะไม่สามารถชนะข้าศึกได้เลย หากขาดผูบ้ งั คับบัญชาทีเ่ พียบพร้อมด้วย
คุณลักษณะของความเป็นผู้น�ำ เป็นปัจจัยหลักส�ำคัญยิ่งที่จะก่อให้เกิด
อ�ำนาจก�ำลังรบที่ไม่มีตัวตนให้แก่กองทัพได้สูงสุด โดยไม่อาจจะซื้อหา
มาได้ด้วยเงินงบประมาณ หากแต่ได้มาจากแรงกาย แรงใจที่แน่วแน่
ละประโยชน์ตน มุ่งส่วนรวมของทุกคน ในกองทัพ วันแล้ววันเล่า
ทั้งในยามปกติและในยามสงคราม...
กรมยุทธศึกษาทหารบก
“ทหารต้องเป็นคนที่อยู่ได้ แม้ในหมู่พวกเดียวกัน และต้องอยู่
ได้ในพวกที่มีความรู้สูง ต้องคบปราชญ์ได้ และต้องรู้จักใช้เทคโนโลยี
ระดับสูงได้ แต่ตอ้ งคบคนทีม่ กี ารศึกษาน้อยกว่าได้ดว้ ย ต้องรูจ้ กั ใช้วธิ ี
การแบบชาวบ้านได้ และต้องประสานคนในกลุม่ ต่างๆ เข้าด้วยกันได้”
หน้า
ค�ำน�ำ
บทน�ำ
ภาค ๑ พื้นฐานภาวะผู้น�ำ
บทที่ ๑ นิยาม “ภาวะผู้น�ำ”...................................................... ๑-๑
การมีอิทธิพลต่อผู้อื่น......................................................... ๑-๓
การสั่งการ......................................................................... ๑-๓
การจูงใจ............................................................................ ๑-๕
การปฏิบัติการ................................................................... ๑-๗
การปรับปรุง...................................................................... ๑-๘
บทที่ ๒ พื้นฐานภาวะผู้น�ำทางทหาร............................................. ๒-๑
เอกสารที่เป็นพื้นฐานของผู้น�ำทางทหาร............................ ๒-๑
การเชื่อมโยงระหว่างทหาร – พลเรือน.............................. ๒-๓
ภาวะผู้น�ำและอ�ำนาจการบังคับบัญชา............................... ๒-๖
ตัวแบบความต้องการในภาวะผู้น�ำของ
กองทัพบก.................................................................. ๒-๘
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้น�ำสู่ความเป็นเลิศ........... ๒-๑๑
บทที่ ๓ บทบาทการเป็นผู้น�ำ ระดับภาวะผู้น�ำ
และผู้น�ำ....................................................................... ๓-๑
บทบาทและความสัมพันธ์................................................. ๓-๒
นายทหารสัญญาบัตร........................................................ ๓-๓
นายทหารประทวน............................................................ ๓-๖
กองก�ำลังรบร่วม และกองก�ำลังหลายชาติ...................... ๓-๑๒
ข้าราชการพลเรือนกลาโหมแบบชั่วคราว........................ ๓-๑๓
บทบาทที่มีร่วมกัน........................................................... ๓-๑๔
ระดับของภาวะผู้น�ำ........................................................ ๓-๑๕
ภาวะผู้น�ำระดับสั่งการตรง.............................................. ๓-๑๗
ภาวะผู้น�ำระดับองค์กร.................................................... ๓-๑๘
ภาวะผู้น�ำระดับยุทธศาสตร์............................................. ๓-๑๙
ผู้น�ำทุกระดับชั้น.............................................................. ๓-๒๒
ภาวะผู้น�ำแบบเป็นทางการ............................................. ๓-๒๒
ภาวะผู้น�ำแบบไม่เป็นทางการ......................................... ๓-๒๓
ความหมายโดยนัยส�ำหรับผู้น�ำองค์กร
และผู้น�ำหน่วย......................................................... ๓-๒๔
โครงสร้างสายการบังคับบัญชา....................................... ๓-๒๔
การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา...................... ๓-๒๖
ภาวะผู้น�ำที่ปราศจากอ�ำนาจหน้าที่................................. ๓-๒๘
การมอบอ�ำนาจให้ผู้ใต้บังคับบัญชา................................. ๓-๒๙
ภาค ๒ ผู้น�ำทางทหาร : ลักษณะของผู้น�ำ การแสดงออก
และสติปัญญา
บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ.................................................................. ๔-๑
ค่านิยมกองทัพบก.............................................................. ๔-๒
การแสดงความเคารพ........................................................ ๔-๘
การท�ำหน้าที่โดยไม่เห็นแก่ตนเอง................................... ๔-๑๐
ความสามารถในการเข้าใจผู้อื่น....................................... ๔-๑๖
หัวใจนักรบ...................................................................... ๔-๑๘
การพัฒนาลักษณะผู้น�ำ................................................... ๔-๒๓
ลักษณะผู้น�ำและความเชื่อ.............................................. ๔-๒๔
ลักษณะผู้น�ำและจริยธรรม.............................................. ๔-๒๖
เหตุผลทางจริยธรรม....................................................... ๔-๒๗
จริยธรรมในการสั่งการ.................................................... ๔-๓๐
บทที่ ๕ การแสดงออกของผู้น�ำ..................................................... ๕-๑
ลักษณะท่าทางผู้น�ำทางทหาร............................................ ๕-๓
สมรรถภาพทางด้านสุขภาพ............................................... ๕-๓
สมรรถภาพทางด้านร่างกาย.............................................. ๕-๔
ความมั่นใจในตนเอง.......................................................... ๕-๖
บทที่ ๖ สติปัญญาของผู้น�ำ........................................................... ๖-๑
ไหวพริบปฏิภาณ............................................................... ๖-๒
ดุลยพินิจอันเที่ยงตรง........................................................ ๖-๔
นวัตกรรม.......................................................................... ๖-๕
การตระหนักถึงความหลากหลาย...................................... ๖-๖
การควบคุมตนเอง............................................................. ๖-๗
ปัจจัยในการแสดงอารมณ์................................................. ๖-๘
ดุลยภาพ............................................................................ ๖-๙
เสถียรภาพ......................................................................... ๖-๙
ความรู้ทางทหาร............................................................. ๖-๑๐
ความรู้ด้านยุทธวิธี........................................................... ๖-๑๐
ความช�ำนาญภาคสนาม................................................... ๖-๑๑
ความคล่องแคล่วทางยุทธวิธี........................................... ๖-๑๒
ความรู้ทางด้านเทคนิค.................................................... ๖-๑๓
การด�ำเนินการด้านยุทโธปกรณ์....................................... ๖-๑๓
การใช้ยุทโธปกรณ์........................................................... ๖-๑๓
ความรู้การรบร่วม............................................................ ๖-๑๔
ภาค ๓ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้น�ำระดับสั่งการโดยตรง
จนถึงระดับยุทธศาสตร์
บทที่ ๗ การน�ำ............................................................................... ๗-๑
การน�ำผู้อื่น........................................................................ ๗-๓
การเชื่อฟังและการรับมอบหน้าที่....................................... ๗-๔
เทคนิคการสร้างความเชื่อมั่น............................................. ๗-๕
เทคนิคการโน้มน้าวใจให้ปฏิบัติงาน................................... ๗-๙
การก�ำหนดเป้าประสงค์ แรงจูงใจ
และแรงบันดาลใจ.................................................... ๗-๑๐
การก�ำหนดความมุ่งหมาย............................................... ๗-๑๒
แรงจูงใจ และแรงบันดาลใจ............................................ ๗-๑๓
การสร้างและรักษาขวัญ.................................................. ๗-๑๘
สติปัญญาของผู้น�ำ........................................................... ๗-๑๙
มาตรการบังคับ............................................................... ๗-๒๐
การวิเคราะห์และตรวจสอบ............................................ ๗-๒๑
การปลูกฝังระเบียบวินัย.................................................. ๗-๒๒
การสร้างความสมดุลระหว่างภารกิจ
และสวัสดิการของเหล่าทหาร.................................. ๗-๒๓
การสร้างความไว้วางใจนอกเหนืออ�ำนาจหน้าที่.............. ๗-๒๗
การท�ำความเข้าใจบรรยากาศ วิธีการ
และข้อจ�ำกัดของอิทธิพล......................................... ๗-๒๙
การเจรจาต่อรอง การสร้างฉันทานุมัติ
และการสลายความขัดแย้ง...................................... ๗-๓๐
การน�ำโดยการเป็นแบบอย่าง.......................................... ๗-๓๐
การน�ำด้วยความมั่นใจในสภาพที่เป็นปฏิปักษ์................. ๗-๓๑
การแสดงความกล้าหาญด้านคุณธรรม............................ ๗-๓๒
การแสดงความสามารถ................................................... ๗-๓๓
การติดต่อสื่อสาร............................................................. ๗-๓๔
การฟังด้วยความตั้งใจ..................................................... ๗-๓๕
การก�ำหนดเป้าหมายส�ำหรับการปฏิบัติ.......................... ๗-๓๖
ให้มั่นใจว่ามีความเข้าใจร่วมกัน....................................... ๗-๓๗
บทที่ ๘ การพัฒนา......................................................................... ๘-๑
การสร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวก........................................ ๘-๒
ความยุติธรรม และความทั่วถึง........................................... ๘-๕
การสื่อสารแบบเปิดและตรงไปตรงมา................................ ๘-๖
สภาพแวดล้อมแห่งการเรียนรู้............................................ ๘-๖
การประเมินบรรยากาศ...................................................... ๘-๘
การสร้างให้เกิดการท�ำงานเป็นหน่วย
และการท�ำงานร่วมกัน............................................. ๘-๑๒
การกระตุ้นให้เกิดความริเริ่ม........................................... ๘-๑๓
การแสดงให้ถึงการดูแลเอาใจใส่...................................... ๘-๑๔
การเตรียมตนเอง............................................................. ๘-๑๔
การเตรียมการส�ำหรับความท้าทายที่คาดไว้
และไม่ได้คาดไว้....................................................... ๘-๑๕
การเพิ่มพูนความรู้........................................................... ๘-๑๘
การพัฒนาการตระหนักรู้ในตนเอง.................................. ๘-๑๙
การพัฒนาผู้น�ำ................................................................ ๘-๒๓
การประเมินความจ�ำเป็นในเชิงการพัฒนา...................... ๘-๒๕
การพัฒนาในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่............................ ๘-๒๗
การส่งเสริมด้านแนวทางรับราชการ
และความก้าวหน้า................................................... ๘-๒๗
การสนับสนุนการเรียนรู้.................................................. ๘-๒๙
การให้ค�ำปรึกษาทั่วไป.................................................... ๘-๓๐
การให้ค�ำปรึกษาตามสถานการณ์.................................... ๘-๓๒
การให้ค�ำปรึกษาตามผลงาน............................................ ๘-๓๒
การให้ค�ำปรึกษาด้านความก้าวหน้า
ในหน้าที่การงาน...................................................... ๘-๓๓
วิธีการให้ค�ำปรึกษา......................................................... ๘-๓๓
การให้ค�ำปรึกษาเฉพาะกรณี........................................... ๘-๓๕
การเป็นพี่เลี้ยงให้ค�ำปรึกษา............................................ ๘-๓๘
การสร้างทักษะการท�ำงานเป็นหน่วย
และกระบวนการท�ำงานเป็นหน่วย.......................... ๘-๔๒
ลักษณะของหน่วย.......................................................... ๘-๔๓
ขั้นของการสร้างทีม......................................................... ๘-๔๔
ขั้นการวางรูปแบบ........................................................... ๘-๔๔
ขั้นปรับปรุงให้ดีขึ้น.......................................................... ๘-๔๗
ขั้นด�ำรงรักษา.................................................................. ๘-๔๗
สารบัญ
หน้า
ภาพที่ ๒-๑ ค่านิยมกองทัพบก....................................................... ๒-๔
ภาพที่ ๒–๒ แบบจ�ำลองภาวะผู้น�ำทางทหาร.................................. ๒-๙
ภาพที่ ๒-๓ คุณลักษณะที่พึงประสงค์หลัก ๘ ประการ
และพฤติกรรมเสริมของผู้น�ำ....................................... ๒-๑๒
ภาพที่ ๓-๑ วิสัยทัศน์นายทหารประทวน....................................... ๓-๖
ภาพที่ ๓-๒ หลักความเชื่อของพลเรือนที่เข้ามา
ปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพบก.......................................... ๓-๑๐
ภาพที่ ๔-๑ หลักศรัทธาของทหาร.................................................. ๔-๒๐
ภาพที่ ๘-๑ ขั้นการสร้างหน่วย....................................................... ๔-๔๖
ภาคที่ ๑
พื้นฐานภาวะผู้น�ำ
การมีอิทธิพลต่อผู้อื่น
๑-๗ การมีอิทธิพลต่อผู้อื่น คือ การท�ำให้ ทหารข้าราชการพลเรือน
กลาโหม ท�ำในสิ่งที่จ�ำเป็น การมีอิทธิพลส่งผลที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
มากกว่าการใช้ค�ำสั่ง ส่วนการเป็นแบบอย่างนั้นมีความส�ำคัญเช่นเดียว
กับค�ำพูดทีก่ ล่าวออกมา ผูน้ ำ� เป็นแบบอย่างทัง้ ดีและไม่ดี ด้วยการกระท�ำ
ค�ำพูดทั้งในและนอกหน้าที่ ค�ำพูดและการเป็นแบบอย่างนี้เป็นสิ่งที่ผู้น�ำ
ใช้ในการสื่อสารวัตถุประสงค์ การอ�ำนวยการ และการจูงใจ
วัตถุประสงค์และวิสัยทัศน์
๑-๘ วัตถุประสงค์เป็นสิง่ ทีผ่ ใู้ ต้บงั คับบัญชาได้รบั รูเ้ หตุผลทีจ่ ะปฏิบตั ติ าม
ค�ำสัง่ เพือ่ ให้บรรลุผลลัพธ์ทตี่ อ้ งการ ผูน้ ำ� ควรก�ำหนดวัตถุประสงค์ทชี่ ดั เจน
โดยใช้วธิ กี ารทีห่ ลากหลาย ผูน้ ำ� สามารถใช้เครือ่ งมือโดยตรงในการส�ำรวจ
วัตถุประสงค์ ผ่านการร้องขอ หรือการสั่งให้ท�ำ
๑-๙ วิสัยทัศน์ คือ อีกวิธีการหนึ่งในการก�ำหนดวัตถุประสงค์ เป็นสิ่ง
ที่อ้างถึงวัตถุประสงค์ของหน่วยซึ่งอาจจะมีผลลัพธ์ที่กว้างกว่า หรือการ
แถลงวัตถุประสงค์อื่น ๆ ผู้น�ำในระดับสูงขึ้นไปจะเป็นผู้พิจารณาอย่าง
ระมัดระวังในการสื่อถึงวิสัยทัศน์
การสั่งการ
๑-๑๐ การสั่งการที่ชัดเจนเป็นการสื่อถึงวิธีการอันน�ำไปสู่การบรรลุ
ภารกิจ ประกอบด้วย การจัดล�ำดับกิจต่างๆ ที่ได้รับการมอบหมายความ
รับผิดชอบ และการท�ำให้ผใู้ ต้บงั คับบัญชาเข้าใจมาตรฐาน แม้วา่ ผูใ้ ต้บงั คับ
บัญชาต้องการและจ�ำเป็นต้องได้รับการสั่งการ ผู้สั่งการยังคาดหวังถึงกิจ
ทีม่ คี วามท้าทาย การฝึกทีม่ คี ณ
ุ ภาพ และทรัพยากรทีเ่ พียงพอ ผูส้ งั่ การจึง
ควรมีเสรีในการปฏิบัติที่เหมาะสม การสั่งการที่ชัดเจนท�ำให้ผู้ปฏิบัติตาม
๑-4 บทที่ ๑ นิยามภาวะผู้น�ำ
มีอิสระในการปรับแผนและค�ำสั่งตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป การ
สั่งการในขณะที่มีการปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงเป็นกระบวนการที่
มีความต่อเนื่อง
๑-๑๑ ตัวอย่าง : การรบที่เขาพนมปะ อ.ตาพระยา จว.สระแก้ว
(ปราจีนบุรี) เมื่อ ๓๑๐๕๐๐ มี.ค.๒๖ เขมรสามฝ่ายได้ร่นถอยจากการ
เข้าตีของทหารเวียดนาม กรม ๗๕๑ ซึ่งไล่ติดตามเข้ามาในเขตไทย
และได้ปะทะกับกองรักษาด่านรบของ ร. ๒๑ พัน.๒ รอ. ขณะนั้น
จ.ส.อ.อนันต์ แต้มทอง ซึ่งเป็น ผบ.กองรักษาด่านรบได้สั่งให้ก�ำลังพล
ท�ำการต่อสู้จนถึงขั้นรบประชิด โดยได้รับการสนับสนุนการยิงจากอาวุธ
หนักของกองพัน แม้ว่าจะมีก�ำลังน้อยกว่าแต่การต่อสู้อย่างกล้าหาญ
ท�ำให้ทหารเวียดนามไม่สามารถรุกล�้ำเข้ามาได้ และสูญเสียจ�ำนวน
มากและต้องถอนตัว ฝ่ายเรายึดศพทหารเวียดนามซึ่งถูกยิงชิดขอบ
ลวดหนามกองรักษาด่านรบได้ ๑ ศพ ต่อมาเมื่อ ๐๑๐๙๐๐ เม.ย.๒๖
ชุด ลว. ของ ร้อย.อวบ.๑ เขาพนมปะ น�ำโดย ส.อ.ส�ำเภา เสริฐเลิศ ได้
ปะทะกับก�ำลังทหารเวียดนามจ�ำนวนมากจน ชุด ลว. ฝ่ายเราไม่สามารถ
ถอนตัวกลับได้ และยังคงตรึงก�ำลังต่อสู้อย่างกล้าหาญ ร.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา ผบ.ร้อย.อวบ.ที่ ๑ สั่งการให้ จ.ส.อ.บัญญัติ จันทร์ศรีระมี
น�ำก�ำลังขึ้นไปสมทบโดยให้ จ.ส.อ.กุหลาบ ทองเขียว เป็นผู้น�ำ มว.ค.๖๐
ไปเข้าทีต่ งั้ ยิงบริเวณด้านหลังเขาพนมปะท�ำให้ชดุ ลว. ถอนก�ำลังกลับเข้า
จุดเฝ้าตรวจได้ แต่ทหารเวียดนามยังคงรุกไล่ติดตามเข้ามาและวางก�ำลัง
ห่ า งจากแนวลวดหนามของฐานจุ ด เฝ้ า ตรวจประมาณ ๕๐ เมตร
ร.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ขอ ป. ยิงสกัดกัน้ ตามแนวชายแดนกับสัง่ การ
ต่อชุด ลว. ให้ยงิ ตอบโต้เฉพาะเท่าทีต่ รวจการณ์เห็นและพยายามยึดพืน้ ที่
ไว้ไม่ให้ฝา่ ยทหารเวียดนามรุกคืบหน้าเข้ามาได้ ระหว่างนัน้ มีรายงานจาก
บทที่ ๑ นิยามภาวะผู้น�ำ ๑-5
การปฏิบัติการ
๑-๑๖ การปฏิบตั กิ าร กล่าวรวมถึง การกระท�ำทีม่ อี ทิ ธิพลต่อผูอ้ นื่ เพือ่ ให้
บรรลุภารกิจและการวางขัน้ การปฏิบตั ใิ นอนาคต ตัวอย่าง การรบที่ อ.ปัว
อ.ทุ่งช้าง จว.น่าน ของ ร.ต.ณรงค์เดช นันทโพธิเดช ขึ้นปฏิบัติภารกิจที่
จว.น่าน เมื่อ ต.ค.๑๕ และได้ใช้เวลาในการต่อสู้ ณ พื้นที่แห่งนั้นถึง ๔ ปี
ผลการปฏิบัติงานได้รับความส�ำเร็จเป็นอย่างดี ดังนี้
๑-๑๖.๑ เมื่อวันที่ ๑๔ ก.พ.๑๖ จัดก�ำลังชุดปฏิบัติการ ซุ่ม
โจมตีตามเส้นทางเข้าสู่หมู่บ้าน ผกค. ชุดแรก ได้เคลื่อนที่มายังพื้นที่ซุ่ม
โจมตี ชุดปฏิบัติการจึงได้ระดมยิงท�ำให้ ผกค. เสียชีวิตทันที ๕ คน ฝ่าย
ผกค. ทีต่ ดิ ตามมาได้สง่ ก�ำลังสนับสนุนเพิม่ เติมอีก ร.ต.ณรงค์เดชฯ ด�ำเนิน
กลยุทธ์หลอกล่อ ด้วยการถอนก�ำลังส่วนใหญ่ไปวางตัว ณ ภูมปิ ระเทศแห่ง
ใหม่ทไี่ ด้เปรียบ แล้วให้กำ� ลังทีป่ ะทะอยูส่ ว่ นน้อยนัน้ หลอกล่อให้ ผกค. ไล่
ติดตามมาอยูใ่ นพืน้ ทีส่ งั หาร ชุดปฏิบตั กิ ารทัง้ สองส่วนของฝ่ายเราระดมยิง
อย่างรุนแรง ท�ำให้มีผู้เสียชีวิตทันทีอีก ๗ คน จากการปะทะ ๒ ครั้ง ใน
วันเดียวกันท�ำให้ ผกค. เสียชีวิต ๑๒ คน ฝ่ายเราปลอดภัย
๑-๑๖.๒ เมื่อวันที่ ๒๙ พ.ค.๑๖ ชุดซุ่ม ร.ต.ณรงค์เดชฯ
ผบ.ชุด พร้อมทัง้ ก�ำลังพลทุกนายได้ปฏิบตั หิ น้าทีไ่ ด้ผลงานดีเด่น แสดงออก
ถึงความ กล้าหาญ เสียสละ มีปฏิภาณไหวพริบ มีจิตใจในการต่อสู้เป็น
อย่างดียิ่ง ผลการต่อสู้ ผกค. เสียชีวิต ๒ คน
๑-๑๖.๓ เมื่อวันที่ ๑๐ ธ.ค.๑๗ ร้อย.อวบ.ที่ ๒ พัน.ร.๒๑๒
พล.ม.สน. ได้รับรายงานว่า ผกค. ได้ใช้พื้นที่บริเวณบ้านน�้ำสอด อ.ทุ่งช้าง
จว.น.น. ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนประเทศลาวประมาณ ๖ กม. เป็นที่รับส่ง
เสบียง และเป็นขุมก�ำลังใหญ่ หน่วยจึงจัดชุดปฏิบัติการ ให้ ร.ต.ณรงค์
เดช นันทโพธิเดช เป็น ผบ.ชุด ออกเดินทางไปตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธ.ค.๑๗
๑-8 บทที่ ๑ นิยามภาวะผู้น�ำ
ผู้น�ำ
คือ
ผู้สร้างแรงบันดาลใจ
ให้ผู้ตาม
ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
ให้ส�ำเร็จ
บทที่ ๒
พื้นฐานภาวะผู้น�ำทางทหารของกองทัพบก
๒-๑ ตามประวัติศาสตร์ของชาติไทย เราได้วางรากฐานภาวะผู้น�ำทาง
ทหารไว้อย่างมั่นคง จากขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี ต�ำราพิชัย
สงครามและกฎมณเฑียรบาลทีใ่ ช้ยดึ ถือปฏิบตั สิ บื ต่อกันมายาวนาน ให้รกั
หวงแหน ปกป้อง รักษา จงรักภักดี และแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที
ต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ สืบทอดมาจนพัฒนาเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญใน
ปัจจุบัน ผลสืบเนื่องต่อมาท�ำให้เกิดการพัฒนาหลักนิยมกองทัพบกอย่าง
ค่อยเป็นค่อยไปตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและงบประมาณทีม่ อี ยู่
อย่างจ�ำกัด ผูน้ ำ� ประยุกต์ใช้ความรูเ้ หล่านีด้ ว้ ยความมัน่ ใจและการอุทศิ ตน
ซึ่งพัฒนาไปสู่การเป็นกองทัพบกที่มีวุฒิภาวะ คุณลักษณะที่พึงประสงค์
และท�ำให้กำ� ลังพลในกองทัพบกมีทกั ษะหลายด้าน ผูน้ ำ� ต้องมีความรับผิด
ชอบในการท�ำตนเป็นแบบอย่างและการมีคณ ุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ระดับ
ผู้เชี่ยวชาญ ในเวลาเดียวกันก็ต้องพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย
๒-๒ กองทัพบก จึงได้แบ่งคุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์หลักของผูน้ ำ� หรือพืน้
ฐานภาวะผูน้ ำ� ทางทหารของกองทัพบกเพือ่ ช่วยท�ำให้ผนู้ ำ� มีความสามารถ
ในทุกระดับของภาวะผูน้ ำ � ไว้ ๓ ประการ คือ การเป็นผูน้ ำ � นักพัฒนา และ
ผูซ้ งึ่ ด�ำรงความมุง่ หมายไปสูค่ วามส�ำเร็จคุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์และส่วน
ประกอบย่อย ๆ เหล่านีแ้ สดงถึงบทบาทและหน้าทีข่ องผูน้ ำ�
เอกสารที่เป็นพื้นฐานของผู้น�ำทางทหาร
๒-๓ กองทัพบกและภาวะผู้น� ำทางทหารตั้งอยู่บนพื้นฐานของการ
ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
๒-2 บทที่ ๒ พื้นฐานผู้น�ำทางทหาร
ภาวะผู้น�ำที่แข็งแกร่งให้ด�ำรงอยู่คู่แผ่นดินไทยจึงเป็นสิ่งที่ประจักษ์ชัดว่า
“กองทัพบก เป็นเสาหลักที่มั่นคงในการปกป้องผืนแผ่นดินไทย”
การเชื่อมโยงระหว่าง พลเรือน – ทหาร
๒-๖ กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี ๒๕๕๐ มาตรา ๗๗
กล่าวว่า “รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช
อธิ ป ไตย และบู ร ณภาพแห่ ง เขตอ� ำ นาจรั ฐ และต้ อ งจั ด ให้ มี ก� ำ ลั ง
ทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย จ�ำเป็น และเพียงพอ
เพือ่ พิทกั ษ์รกั ษาเอกราช อธิปไตย ความมัน่ คงของรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย ์
ผลประโยชน์ของชาติ การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหา
กษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อการพัฒนาประเทศ” อันน�ำมาซึ่งการให้
ความส�ำคัญในการสนับสนุนกองทัพบกให้ดำ� รงสิง่ ทีม่ นั่ คงและยัง่ ยืนเสมอ
มา คือกองทัพบกได้รับภารกิจในการปกป้องผืนแผ่นดินไทย ก�ำลังพลใน
กองทัพบกรวมถึงเหล่าทัพอื่น ๆได้รับสถานภาพพิเศษภายใต้กฎหมาย
ได้แก่ การมีเครือ่ งแบบ เครือ่ งหมาย และอ�ำนาจหน้าทีซ่ งึ่ นับเป็นเกียรติยศ
พิเศษ ให้สามารถปฏิบตั หิ น้าทีใ่ นสนามรบ มีการจัดโครงสร้างการปกครอง
ตามล�ำดับชั้นของอ�ำนาจหน้าที่ เริ่มตั้งแต่ทหารเป็นรายบุคคลสูงขึ้นไป
ตามชั้นยศ รวมถึงผู้น�ำที่เป็นพลเรือน
๒-๗ เพื่อให้เป็นระเบียบแบบแผน อันเป็นค�ำมั่นสัญญาต่อชาติ และ
เป็นการยืนยันว่า ค�ำมั่นสัญญาของทหารศักดิ์สิทธิ์และมีความมั่นคง เชื่อ
ถือได้ มากกว่าหนังสือสัญญาใด ๆ “ก�ำลังพลทุกนายของกองทัพบกต้อง
กระท�ำสัตย์ปฏิญาณตน” ที่จะสนับสนุนและปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์
รัฐธรรมนูญ จากข้าศึกศัตรูทั้งภายในและภายนอกประเทศ ในขณะ
เดียวกันทหารทุกนายยึดมั่นในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์
๒-4 บทที่ ๒ พื้นฐานผู้น�ำทางทหาร
จุดยืนของทหาร
“เหล่าทหาร ด�ำรงตนอย่างมั่นคง
อยู่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
แห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
องค์จอมทัพไทย
ปฏิบัติหน้าที่
ด้วยความสุจริต เสียสละ กล้าหาญ สามัคคี
รู้หน้าที่ มีวินัย
พร้อมถวายความจงรักภักดี
แด่องค์จอมทัพไทยด้วยชีวิต
เพราะเหล่าทหาร
ต่างส�ำนึกใน
พระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น”
๒-6 บทที่ ๒ พื้นฐานผู้น�ำทางทหาร
ค�ำปฏิญาณตนของทหารต่อธงชัยเฉลิมพล
ภาพ ๒ – ๒ ตัวแบบภาวะผู้น�ำของกองทัพบกที่ต้องการ
คุณลักษณะผู้น�ำ คุณลักษณะที่พึงประสงค์หลัก
ผู้น�ำทางทหารคืออะไร ของผู้น�ำ
ลักษณะของผู้น�ำ ผู้น�ำทางทหารท�ำอะไร
· ค่านิยมกองทัพบก น�ำ
· ความสามารถในการเข้าใจผูอ้ นื่ · น�ำผู้อื่น
· หัวใจนักรบ · เพิ่มอิทธิพลนอกเหนือจาก
กิริยาท่าทางของผู้น�ำ สายการบังคับบัญชา
· ท่าทางทางทหาร · น�ำโดยการเป็นแบบอย่าง
· ความสมบูรณ์ทางร่างกาย · การสื่อสาร
· ส่ ว นประกอบ, ความมั่ น ใจ พัฒนา
ตนเอง · สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี
· ความยืดหยุ่น · เตรียมตนเอง
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ทาง · พัฒนาผู้อื่น
ปัญญา บรรลุผลส�ำเร็จ
· ความยืดหยุ่น · ได้มาซึ่งผลการปฏิบัติ
· ไหวพริบปฏิภาณ
· การพิจารณา
· นวัตกรรม
· ความแนบเนียน
· ความรู้ทางทหาร
๒-10 บทที่ ๒ พื้นฐานผู้น�ำทางทหาร
และพฤติกรรมเสริม
๒-๒๓ เมือ่ ได้มกี ารพัฒนา รักษา และปรับปรุงคุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์
เพิ่มอิทธิพล น�ำโดยการ
น�ำผู้อื่น นอกเหนือไปจาก ท�ำตนเป็น การสื่อสาร
สายการบังคับบัญชา แบบอย่าง
- มอบ - สร้างความไว้วางใจ - แสดงลักษณะ - ฟังอย่าง
วัตถุประสงค์ ที่ น อกเหนื อ อ� ำ นาจ ผู้น�ำ เข้าใจ
น�ำ - มีมาตรฐาน หน้าที่ - น�ำโดย - ชี้แจงจุด
- มีความสมดุล - เข้าใจขอบเขต, ความมั่นใจ หมายที่
ระหว่างภารกิจ ความหมายและข้ อ ในเงื่อนไขที่ ต้องการ
และ จ�ำกัดของอ�ำนาจ แตกต่าง - มั่นใจว่า
สวัสดิการของ - แสดงให้เห็น ความเข้าใจ
ทหาร ถึ ง คุ ณ ลั ก ษณที่ ตรงกัน
พึงประสงค์
สร้างบรรยากาศ การเตรียมตนเอง การพัฒนาผู้น�ำ
ที่ดี
- ก�ำหนด - พร้อมส�ำหรับความ - ประเมินความจ�ำเป็นที่ได้
เงื่ อ นไขของ ท้ า ทายทั้ ง ที่ ไ ด้ ค าดพั ฒ นา, พั ฒ นาการปฏิ บั ติ
พัฒนา บรรยากาศทีด่ ี คิดและไม่ได้คาดคิด หน้าที่
- กระตุ ้ น ให้ - รั ก ษาความรั บ รู ้ - สนับสนุนความเจริญก้าวหน้า
เกิดการริเริ่ม ส่วนตัว ทั้ ง ด้ า นส่ ว นตั ว และอาชี พ
- แสดงการ - ช่วยเหลือเรือ่ งการเรียนรู้
เอาใจใส่ - ให้คำ� ปรึกษา, และเป็นพีเ่ ลีย้ ง
- สร้างทักษะและการท�ำงาน
เป็นทีม
ท�ำให้ได้ผลที่ต้องการ
- จัดให้มที ศิ ทาง, การแนะแนว, และล�ำดับความส�ำคัญ
ส�ำเร็จ - พัฒนาแผนและน�ำไปสูก่ ารปฏิบตั ิ
- ท�ำให้กจิ ทีไ่ ด้รบั ส�ำเร็จลุลว่ งด้วยความสอดคล้องกัน
๒-14 บทที่ ๒ พื้นฐานผู้น�ำทางทหาร
คุณลักษณะที่พึงประสงค์หลักของผู้น�ำ
คือ
ความสามารถในการประยุกต์ใช้
บทที่ ๓
บทบาทผู้น�ำ ระดับของผู้น�ำ
และ ผู้น�ำทางทหาร
๓-๑ ผูน้ ำ� ทางทหาร น�ำผูอ้ นื่ โดยการท�ำตนเป็นแบบอย่างและปฏิบตั อิ ย่าง
สอดคล้องกันกับการเป็นตัวแบบที่ดี ตลอดจนความพยายามในการอุทิศ
ตนทัง้ ชีวติ ในการเรียนรูแ้ ละพัฒนา ผูน้ ำ� ทางทหารน�ำผลส�ำเร็จอันเป็นเลิศ
สู่องค์กร เมื่อผู้ปฏิบัติตามมีวินัยต่อหน้าที่ น�ำค่านิยมกองทัพบกไปปฏิบัติ
และรู้ว่ามีอ�ำนาจที่จะท�ำให้บรรลุภารกิจใดๆ ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุง
องค์กรเพื่ออนาคต
ผู้น�ำทางทหาร ในกองทัพบก คือผู้น�ำตามสายการบังคับบัญชา
๓-๒ เมื่อผู้น�ำทางทหาร มองเห็นเส้นทางในอนาคตของอาชีพ เขาจึง
ตระหนักว่าความเป็นเลิศจะปรากฏออกมาได้ในหลายรูปแบบ ทั้งนี้หาก
บรรดาผู้น�ำทางทหารเหล่านั้นไม่ประสบความส�ำเร็จ กองทัพบกก็มิอาจ
บรรลุภารกิจได้เช่นกัน นั่นหมายความถึงการมีงานเพิ่มมากขึ้น ได้แก่
รายงานสถานภาพ การซ่อมแซมยานพาหนะ การวางแผนงบประมาณ
การจัดเก็บยุทโธปกรณ์หรือ หน้าที่เวรรักษาการณ์เป็นต้น กองทัพบก
ประกอบไปด้วยทหารที่ดีเยี่ยม วีรบุรุษนักรบ เนื่องมาจากบรรดา ทหาร
ทุกระดับ และ ข้าราชการพลเรือนกลาโหมในกองทัพบกซึง่ เป็นทัง้ แรงงาน
และผู้น�ำจ�ำนวนนับแสนร่วมแรงร่วมใจกันท�ำให้หน่วยที่กระจายอยู่ทั่ว
ประเทศบรรลุผลส�ำเร็จตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างดีเยี่ยมโดย
ต่อเนื่องตลอดมา
๓-2 บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร
๓-๕ กองทัพบกประกอบด้วยก�ำลังพลหลายประเภทซึ่งได้รับอ�ำนาจ
หน้าที่ตามกฎหมายและระเบียบต่างๆ ซึ่งก�ำหนดบทบาทและความรับ
ผิดชอบให้กับผู้น�ำทางทหารทุกหน่วยซึ่งมีส่วนที่คาบเกี่ยวกันและเป็น
องค์ประกอบทีท่ ำ� ให้แต่ละส่วนมีความสมบูรณ์ ทัง้ นีผ้ นู้ ำ� ทีเ่ ป็นทางการใน
กองทัพบกมี ๓ ประเภท คือ นายทหารสัญญาบัตร นายทหารประทวน
และข้าราชการพลเรือนกลาโหม
๓-๖ ก�ำลังพลแต่ละประเภทมีบทบาทที่แตกต่างกันไปถึงแม้ว่าบางครั้ง
อาจจะมีการคาบเกี่ยวกัน โดยส่วนรวมแล้วบรรดาผู้น�ำทางทหารเหล่า
นี้จะท�ำงานเพื่อมุ่งสู่จุดหมายเดียวกันและเป็นไปตามระบบค่านิยมทาง
สถาบันที่มีร่วมกัน ผู้น�ำทางทหารจะพบว่าต้องรับผิดชอบหน่วยหรือ
องค์กรที่ประกอบด้วยบุคคลเหล่านี้
นายทหารสัญญาบัตร
๓-๗ นายทหารสัญญาบัตรครองชัน้ ยศและหน้าทีค่ วามรับผิดชอบภายใต้
กฎหมาย โดยหน้าที่ความรับผิดชอบเหล่านี้ได้รับการยอมรับบนพื้นฐาน
ของความไว้วางใจและความมัน่ ใจในความเป็นคนรักชาติ ความกล้าหาญ
ความจงรักภักดี และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่มีในตัวนายทหาร หน้าที่
ความรับผิดชอบในการสัง่ การโดยตรงต่อผูใ้ ต้บงั คับบัญชา และต้องเชือ่ ฟัง
ผู้มีอาวุโสสูงกว่าตามล�ำดับ ในกองทัพบกนายทหารสัญญาบัตรหมายถึง
ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งยศตั้งแต่ร้อยตรีขึ้นไป
๓-๘ นายทหารสั ญ ญาบั ต รเป็ น ผู ้ ที่ มี ค วามส� ำ คั ญ ต่ อ กองทั พ บกใน
ฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วย ก�ำหนดนโยบาย และการบริหารจัดการ
ทรัพยากร ในขณะเดียวกันต้องบริหารความเสี่ยงและให้ความเอาใจใส่
ต่อผู้ที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชา ผู้น�ำทางทหารผสมผสานการฝึกของกลุ่ม
๓-4 บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร
ทั้งนี้มีการลงโทษตามกฎหมายที่ก�ำหนดส�ำหรับการกระท�ำผิดโดยฝ่าฝืน
อ�ำนาจหน้าทีข่ องนายทหารสัญญาบัตรและนายทหารประทวน และยังมี
การกระท�ำผิดทีเ่ ป็นเรือ่ งเฉพาะของนายทหารซึง่ เป็นผูท้ ตี่ อ้ งชีแ้ จงการกระ
ท�ำอย่างเคร่งครัด ผู้น�ำทางทหารท�ำหน้าที่ส่งผ่านความรับผิดชอบเฉพาะ
ส�ำหรับผลซึ่งมาจากการตัดสินใจ และคุณภาพของการรับข้อมูลที่เป็น
ทางการไปยังผู้น�ำทางทหารที่มีอาวุโสสูงกว่า
๓-๑๑ บรรดานายทหารได้ รั บ แนวทางการปฏิ บั ติ ห น้า ที่ ป ระจ� ำ วั น
จากค่านิยมของกองทัพบกซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติต่อผู้น�ำทางทหาร
ของกองทัพบกทุกนาย สิ่งส�ำคัญของความเป็นนายทหารก็คือการแบ่ง
ปันคุณลักษณะความเป็นทหารอาชีพ แนวคิดเกี่ยวกับตนเองนี้ประกอบ
ด้วยคุณลักษณะซึ่งมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ๔ ประการ ซึ่งเป็น
เหมือนแรงบันดาลใจและปรับพฤติกรรมของนายทหาร ได้แก่ ความ
เป็นนักรบ การรับใช้ชาติ ความเป็นทหารอาชีพ และลักษณะผู้น�ำ ใน
ฐานะนักรบและผู้น�ำของบรรดานักรบนั้น นายทหารยึดถือหลักนิยมของ
ทหาร และลักษณะความเป็นนักรบ ความรับผิดชอบของนายทหารใน
ฐานะผูร้ บั ใช้สาธารณชน ได้แก่ชาติเป็นสิง่ แรก ต่อไป คือ กองทัพบก และ
ต่อไป คือ หน่วย และทหารภายใต้การบังคับบัญชา ในฐานะทหารอาชีพ
นายทหารมีพนั ธะในการพัฒนาตนเองให้เป็นผูม้ คี ณ ุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์
ทันความต้องการที่มีการเปลี่ยนแปลงเสมอ สุดท้ายในเรื่องลักษณะผู้น�ำ
นายทหารเป็นผู้ที่ได้รับการคาดหวังว่าเป็นผู้ที่ด�ำเนินชีวิตอยู่ภายใต้
กฎหมายรัฐธรรมนูญ ด้วยความเป็นทหารมืออาชีพ
๓-6 บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร
นายทหารประทวน
๓-๑๒ นายทหารประทวนปฏิบัติงานประจ�ำวันในกองทัพ ซึ่งจะรับวิสัย
ทัศน์ที่ก�ำหนดบทบาทของนายทหารประทวนภายในโครงสร้างของกอง
ทัพบก (ดูภาพ ๓ – ๑)
ฝึกจากประสบการณ์
คงไว้ซึ่งการปฏิบัติตามมาตรฐาน
ดูแลทหาร
ปรับตัวให้เข้ากับโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง
ภาพ ๓ – ๑ วิสัยทัศน์นายทหารประทวน
๓-๑๓ กองทัพบก ขึ้นอยู่กับนายทหารประทวนซึ่งมีคุณลักษณะที่พึง
ประสงค์ในการปฏิบัติการในระดับยุทธวิธีที่ซับซ้อน มีการสร้างความ
สามารถในการตัดสินใจที่ถ่ายทอดมาจากเจตนารมณ์ และเป็นผู้ที่ปฏิบัติ
การในการรบ การปฏิบัติการร่วมกันระหว่างองค์กรต่างๆ และระหว่าง
ชาติต่างๆ ได้ นายทหารประทวนต้องสามารถน�ำข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ
บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร ๓-7
จากผู้บังคับบัญชาไปยังผู้ใต้บังคับบัญชา ท�ำให้ทหารมองว่านายทหาร
ประทวนคือผู้ให้ค�ำตอบ แนะแนวทาง และเป็นแรงบันดาลใจ ให้ก�ำลัง
พลภายในการปกครองบังคับบัญชาพลทหารจะมีความสัมพันธ์กับนาย
ทหารประทวนก็ต่อเมื่อเขาได้เข้ามาเป็นพลทหาร ซึ่งเขาคาดหวังว่านาย
ทหารประทวนจะเป็นเสมือนตัวกลาง เป็นผู้กรองข้อมูลข่าวสารที่มาจาก
นายทหารสัญญาบัตรไปสูพ่ ลทหาร และจัดให้มคี ำ� แนะน�ำวันต่อวันเพือ่ ให้
งานเสร็จ ในการตอบค�ำถามเกี่ยวกับความท้าทายของการปฏิบัติการใน
สภาพแวดล้อมในปัจจุบัน นายทหารประทวนต้องฝึกพลทหารให้พร้อม
รับมือ เตรียมการ และปฏิบัติงานได้ในทุกสถานการณ์ภายใต้กฎหมาย
รัฐธรรมนูญ ด้วยความเป็นทหารมืออาชีพ
๓-๑๔ ผู้น�ำระดับนายทหารประทวนเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดเตรียม
และการรักษาไว้ซงึ่ มาตรฐาน และวินยั ให้มคี ณ
ุ ภาพสูงสุด กล่าวได้วา่ นาย
ทหารประทวนคือ ผู้ที่มีมาตรฐาน นั่นเอง ในประวัติศาสตร์นั้น ธง คือ
“หลักชัย” ของทหาร เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ส�ำคัญซึ่งผู้ที่ได้รับมอบ
ความรับผิดชอบก็คอื นายทหารประทวน และยังท�ำหน้าทีใ่ นการดูแลและ
ท�ำตนให้เป็นแบบอย่างให้กับพลทหาร
๓-๑๕ นายทหารประทวนท�ำงานอยู่กับพลทหารเป็นประจ�ำทุกวัน
บุคคลที่ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการในกองทัพบกต้องเผชิญหน้าเป็น
คนแรกก็คือ นายทหารประทวน มีหน้าที่ท�ำให้พลทหารที่ได้รับการคัด
เลือกเข้าประจ�ำการในกองทัพบกเป็นพลทหาร สอนทักษะพื้นฐานให้
เป็นผู้สาธิตวิธีการท�ำความเคารพต่อผู้ที่มีอาวุโสสูงกว่า แม้กระทั่งหลัง
จากที่ ก ระบวนการเปลี่ยนผ่านจากพลเรือ นเป็ น ทหารเสร็ จ สมบู ร ณ์
นายทหารประทวนยั ง คงเป็ น ผู ้ น� ำ หลั ก ในระดั บ หน่ ว ยที่ ค อยสั่ ง การ
ฝึกทักษะเป็นรายบุคคล หน่วยขนาดเล็ก จนถึงระดับกองร้อย
๓-8 บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร
ในขณะที่ก�ำลังก่อร่างความเป็นทหารมืออาชีพ และสร้างข้อผูกมัดกับ
นายทหารบนพื้นฐานของความไว้วางใจซึ่งกันและกันและการมีจุดหมาย
ร่วมกัน การเฝ้าระวังข้างหลังให้กนั และกัน คือพืน้ ฐานแรกของการสร้าง
ความเป็นหน่วยและความสามัคคี
๓-๑๘ ส�ำหรับผู้บังคับกองพัน จ่ากองพัน คือ แหล่งศูนย์รวมส�ำคัญของ
ความรู้และวินัยในทุกสาระส�ำคัญของพลทหารในกองพัน
๓-๑๙ แนวโน้มของการท�ำงานร่วมกันระหว่างทหาร และข้าราชการ
พลเรือนกลาโหมในสภาวะแวดล้อมปัจจุบัน และอนาคตนั้นมีมากขึ้น
จะเห็นได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาคโลก
เป็นสถานการณ์ที่ทุกภาคส่วนของรัฐ รวมทั้งภาคเอกชนต้องร่วมมือด้วย
ความสามัคคี สอดคล้องกันจึงจะคลี่คลายปัญหาได้ ดังนั้นกองทัพบกจึง
ต้องมีความพร้อมที่จะเผชิญกับทุกๆ สถานการณ์ ส่วนหนึ่งก็คือสามารถ
รองรับก�ำลังพลจากข้าราชการพลเรือนกลาโหมที่มีประสบการณ์และ
ความสามารถเข้ารับหน้าทีส่ งั กัดในกองทัพบกได้ หรือบางครัง้ อาจเป็นการ
ขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากภาคส่วนต่างๆ ของรัฐมาท�ำงาน
ร่วมกันกับทหารในภาวการณ์ทมี่ คี วามจ�ำเป็น ข้าราชการพลเรือนกลาโหม
เหล่านี้ คือ ส่วนที่จะแยกออกมิได้จากกองทัพบก เนื่องจากข้าราชการ
พลเรือนกลาโหมเหล่านี้ มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่ส�ำคัญยิ่งในภารกิจ
เสถียรภาพ และความต่อเนื่องในระหว่างสงคราม และยามสงบในการ
สนับสนุนทหาร ข้าราชการพลเรือนกลาโหมทีเ่ ข้าสังกัดกองทัพบกจะต้อง
ท�ำหน้าที่ให้การสนับสนุนในแต่ละภารกิจด้วยความเป็นมืออาชีพ โดย
ปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ดังที่แสดงตนไว้ในหลัก
ศรัทธาของข้าราชการพลเรือนกลาโหมในสังกัดกองทัพบก ดูภาพ ๓ – ๒
หลักศรัทธาของข้าราชการพลเรือนกลาโหมในสังกัดกองทัพบก
๓-10 บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร
ระหว่างผู้น�ำทางทหารและข้าราชการพลเรือนกลาโหมก็คือ ข้อก�ำหนด
ของต�ำแหน่ง วิธีการที่เขาได้รับทักษะภาวะผู้น�ำ และรูปแบบการพัฒนา
แนวทางการรับราชการ
๓-๒๑ หน้าที่ของข้าราชการพลเรือนกลาโหมที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่
ในกองทัพบกขึ้นอยู่กับความเหมาะสมต่อต�ำแหน่งที่จะบรรจุ หนังสือ
แนะน�ำตัวแสดงให้เห็นถึงความช�ำนาญในต�ำแหน่งทีเ่ ข้าไปบรรจุ ซึง่ ความ
ช�ำนาญนี้ได้มาจากการศึกษาและการฝึกที่ได้รับ ประสบการณ์ และอายุ
การท�ำงานในวงความรู้ระดับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนั้น ต่างจากก�ำลัง
พลทหาร กล่าวคือข้าราชการพลเรือนกลาโหมท�ำงานโดยไม่ต้องค�ำนึง
ถึงชั้นยศ แต่เป็นการท�ำงานตามต�ำแหน่ง ข้าราชการพลเรือนกลาโหม
ต้องปฏิบตั หิ น้าทีต่ ามการบังคับบัญชาทางทหาร อย่างไรก็ตามข้าราชการ
พลเรือนกลาโหมสามารถได้รบั การแต่งตัง้ ให้ปฏิบตั หิ น้าทีใ่ ห้เป็นผูด้ แู ลใน
ด้านธุรการ หรือให้ค�ำปรึกษาในด้านต่างๆ ที่ต้องใช้ความสามารถพิเศษ
๓-๒๒ กองทัพบกยังไม่มีการจัดการแนวทางรับราชการข้าราชการ
พลเรือนกลาโหมให้เหมือนกับทหาร แต่ขา้ ราชการพลเรือนกลาโหมเหล่า
นีเ้ ป็นผูส้ นับสนุนส�ำหรับการท�ำงานเฉพาะด้าน ซึง่ สิง่ ทีจ่ ดั ให้นมี้ ไี ว้เพือ่ เป็น
เส้นทางความเจริญก้าวหน้า ข้าราชการพลเรือนกลาโหมในสังกัดกองทัพ
บกมีอสิ ระในการเลือกอยูใ่ นต�ำแหน่งต่อไป หรือเลือ่ นต�ำแหน่งสูงขึน้ ตาม
ผลการประเมินค่าความสามารถประจ�ำปีในขณะที่ไม่มีการบังคับในเรื่อง
การปรับเปลีย่ น แต่จะมีบางระดับ หรือบางต�ำแหน่งทีต่ อ้ งท�ำตามข้อตกลง
ในการปรับเปลี่ยน นโยบายด้านก�ำลังพลกล่าวไว้ว่าข้าราชการพลเรือน
กลาโหมควรอยูใ่ นต�ำแหน่งทีไ่ ม่ตอ้ งการใช้กำ� ลังพลทางทหาร ด้วยเหตุผล
ของกฎหมาย การฝึก การรักษาความปลอดภัย วินัย การหมุนเวียน หรือ
ความพร้อมรบ ในขณะที่แนวทางรับราชการของข้าราชการ
๓-12 บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร
ปฏิบัติภารกิจร่วมระหว่างกองก�ำลังที่ไปขึ้นสมทบ ผู้น�ำทางทหารต้อง
ด�ำเนินการโดยใช้ภาวะของผู้น�ำหลายรูปแบบที่จะมีอ�ำนาจและเป็นการ
แนะแนวความประพฤติ การปฏิบตั ขิ องสมาชิกของก�ำลังพันธมิตรทีป่ ฏิบตั ิ
หน้าทีอ่ ยูภ่ ายใต้การบังคับบัญชา ผูน้ ำ� ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาวะปัจจุบนั
และดูแลบรรยากาศในการบังคับบัญชาและให้เกิดความเคารพในระหว่าง
ก�ำลังพลทุกคนของหน่วยกองทัพบกไทย และก�ำลังที่ร่วมปฏิบัติ
ข้าราชการพลเรือนกลาโหมแบบชั่วคราว
๓-๒๕ ส่วนประกอบย่อยหนึ่งของกองทัพบกก็คือ ข้าราชการ
พลเรือนกลาโหมแบบชั่วคราว ซึ่งเป็นส่วนเติมเต็มช่องว่างระหว่างก�ำลัง
พลทหารกับพลเรือน บุคคลเหล่านี้เข้าไปท�ำงานในฐานะผู้เชี่ยวชาญทาง
เทคนิคเฉพาะด้านซึ่งมีความจ�ำเป็น โดยเฉพาะเกี่ยวกับระบบอาวุธใหม่ๆ
แทนการส่งทหารไปศึกษาในต่างประเทศซึง่ ต�ำแหน่งทีจ่ ะบรรจุขา้ ราชการ
พลเรือนกลาโหมชัว่ คราวได้จะเป็นต�ำแหน่งในโครงการทีม่ รี ะยะเวลาสัน้ ๆ
นอกจากความจ�ำเป็นด้านเทคนิคเฉพาะดังกล่าวแล้ว ยังมีการบ�ำรุงรักษา
สถานที่ เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสถานที่ ในหน่วยที่มีภารกิจ
จ�ำนวนมาก หรือบรรจุในต�ำแหน่งเป็นผู้ให้ค�ำแนะน�ำในเทคนิคเฉพาะแก่
ทหาร ปฏิบัติงานได้ในห้วงระยะเวลาตามข้อตกลง ข้าราชการพลเรือน
กลาโหมชั่วคราวเป็นส่วนหนึ่งของ ตอน ทีม หรือหน่วย ซึ่งต้องใช้เทคนิค
เฉพาะ หรือไม่มีชั้นความลับเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพบก
๓-๒๖ การจัดการก�ำลังพลข้าราชการพลเรือนกลาโหมแบบชั่วคราว
ต้องใช้วิธีการของภาวะผู้น�ำแตกต่างออกไป กล่าวคือข้าราชการพลเรือน
กลาโหมมิได้เป็นส่วนหนึ่งของสายการบังคับบัญชาทางทหาร ก�ำลังพล
ข้าราชการพลเรือนกลาโหมชัว่ คราวควรได้รบั การจัดการภายใต้ระยะเวลา
๓-14 บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร
ระดับของภาวะผู้น�ำ
๓-๒๘ กรณีศึกษาของกองทัพบกสหรัฐฯ : ระดับภาวะผู้น�ำ ๓ ระดับ
ได้แก่ ระดับยุทธศาสตร์ ระดับองค์กร และระดับสั่งการตรง ปัจจัยที่
ใช้พิจารณาต�ำแหน่งของระดับภาวะผู้น�ำรวมถึงช่วงห่างของต�ำแหน่งที่
ควบคุม ระดับของหน่วยเหนือ ขอบเขตของอ�ำนาจของผูน้ ำ� ในการควบคุม
อ�ำนาจที่มีตามต�ำแหน่ง ปัจจัยอื่นๆ ได้แก่ ขนาดของหน่วยหรือองค์กร
ประเภทของการปฏิบัติการ จ�ำนวนคนที่ได้รับมอบ และขอบเขตความ
รู้ในการวางแผน ภาพ ๓–๓ แสดงให้เห็นถึงระดับภาวะผู้น�ำ ๓ ระดับ
ระดับยุทธศาสตร์
ระบบและ
ขั้นตอน ระดับองค์กร
ในองค์กร
ระดับสั่งการตรง
หน่วย, หน่วยเฉพาะกิจ
ภาพ ๓ -๓ ระดับภาวะผู้น�ำทางทหาร
๓-16 บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร
ท�ำหน้าที่ควบคุมสิ่งอ�ำนวยความสะดวกที่มีผู้ใต้บังคับบัญชา ๑๒ คน
ท�ำงานอยู่ที่ระดับสั่งการตรง รองผู้บังคับการของค่ายซึ่งเป็นข้าราชการ
พลเรือนกลาโหมทีม่ ชี ว่ งห่างของอ�ำนาจในการสัง่ การคนจ�ำนวนหลายพัน
คนเป็นผู้น�ำระดับองค์กร
ภาวะผู้น�ำระดับการสั่งการตรงหรือผู้บังคับบัญชาโดยตรง
๓-๓๒ ภาวะผู้น�ำระดับการสั่งการตรงหรือผู้บังคับบัญชาโดยตรงมี
ลักษณะการน�ำตัวต่อตัวหรือภาวะผู้น�ำในระดับแรก ซึ่งจะเห็นได้ใน
องค์กรที่ผู้ใต้บังคับบัญชาคุ้นเคยกับการได้พบกับผู้บังคับบัญชาของเขา
ได้ตลอดเวลา ได้แก่ระดับ หน่วย หมู่ ตอนหมวด และกองร้อยทหารราบ
กองร้อยทหารปืนใหญ่ กองร้อยทหารม้า และกองพัน ช่วงห่างของผู้น�ำ
ระดับสั่งการตรงของการมีอ�ำนาจอาจจะมีขอบเขตจากคนจ�ำนวนเพียง
เล็กน้อยจนถึงจ�ำนวนหลายร้อยคน นายทหารประทวนทีอ่ ยูใ่ นภาวะผูน้ ำ�
ประเภทสัง่ การตรงมีมากกว่านายทหารและข้าราชการพลเรือนกลาโหมที่
อยู่ด้วยกัน
๓-๓๓ ผู้น�ำระดับสั่งการโดยตรงพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชาแบบตัวต่อตัว
และมีอ�ำนาจต่อองค์กรทางอ้อมโดยผ่านทางผู้ใต้บังคับบัญชานั่นเอง
ตัวอย่างเช่น ผู้บังคับหมู่มีความใกล้ชิดเพียงพอที่จะมีอ�ำนาจโดยตรงเมื่อ
เขาเข้าไปตรวจการฝึก หรือมีผลกระทบซึง่ กันและกันต่อผูใ้ ต้บงั คับบัญชา
ในระหว่างมีพันธกิจที่มีก�ำหนดเวลาอื่นๆ
๓-๓๔ กล่าวโดยทั่วไปผู้น�ำระดับสั่งการตรงมีประสบการณ์ที่มีความ
แน่นอนมากกว่าและมีความซับซ้อนน้อยกว่าในระดับองค์กรและระดับ
ยุทธศาสตร์ เนื่องจากผู้น�ำระดับสั่งการตรงมีความใกล้ชิดเพียงพอที่จะ
ท�ำการพิจารณาหรือพูดถึงปัญหาต่างๆ ตัวอย่างภารกิจของภาวะผู้น�ำ
๓-18 บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร
มากกว่า และมีจ�ำนวนของผลที่เกิดตามภายหลังโดยไม่ได้ตั้งใจจ�ำนวน
มากกว่า ผูน้ ำ� ระดับองค์กรมีอำ� นาจบังคับบัญชาคนผ่านทางการบูรณาการ
นโยบายและระบบเข้าด้วยกันมากกว่าการเผชิญหน้ากันโดยตรง
๓-๓๘ การออกจากห้องท�ำงานไปพบปะกับส่วนต่างๆ ขององค์กรเป็น
สิ่งส�ำคัญส�ำหรับผู้น�ำระดับองค์กร โดยหาเวลาในการออกสนาม ไป
ตามหน่วยต่างๆ เพื่อตรวจสอบรายงานของฝ่ายอ�ำนวยการ จดหมาย
อิเล็กทรอนิกส์ และผลงานว่าเป็นไปตามที่มีการบรรยายสรุปหรือไม่
สภาพต่างๆ ที่คนต้องเผชิญ และความเข้าใจเกี่ยวกับความก้าวหน้าใน
องค์กรต่อการบรรลุภารกิจ ผูน้ ำ� ระดับองค์กรใช้การสังเกตโดยตนเอง และ
การมอบหมายฝ่ายอ�ำนวยการให้ประเมินผลว่าผู้ใต้บังคับบัญชามีความ
เข้าใจเจตนารมณ์ของผูบ้ งั คับบัญชาเพียงใด เพือ่ พิจารณาว่ามีความจ�ำเป็น
ในการเพิ่มเติมก�ำลังหรือประเมินล�ำดับความเร่งด่วนขององค์กรใหม่
ภาวะผู้น�ำระดับยุทธศาสตร์ ผู้น�ำตามล�ำดับชั้น
๓-๓๙ ผู้น�ำระดับยุทธศาสตร์ ได้แก่ ผู้น�ำทางทหารในระดับการบังคับ
บัญชาเป็นหลัก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (รมว.กห.) กองทัพบก
มีต�ำแหน่งทางทหารที่มีชั้นความลับในฐานะผู้น�ำระดับยุทธศาสตร์คือผู้
บัญชาการทหารบก ซึ่งบังคับบัญชารับผิดชอบกองทัพบกซึ่งเป็นองค์กร
ขนาดใหญ่ และมีอ�ำนาจในการสั่งการคนหลายพันคนจนถึงนับหมื่นนับ
แสนคน ผูน้ ำ� ระดับยุทธศาสตร์ จัดตัง้ โครงสร้าง จัดสรรทรัพยากร สือ่ วิสยั
ทัศน์ระดับยุทธศาสตร์ และเตรียมการบังคับบัญชากองทัพบกในฐานะผู้
ก�ำหนดบทบาทในอนาคต
๓-20 บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร
๓-๔๐ ผู้น�ำระดับยุทธศาสตร์ท�ำงานภายใต้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยน
แปรง่าย ไม่แน่นอนซึ่งมีปัญหาซับซ้อน ไม่ชัดเจน อันมีผลกระทบ
หรือได้รบั ผลกระทบจากเหตุการณ์หรือองค์กรต่างๆ ภายนอกกองทัพบก
มีบอ่ ยครัง้ ทีก่ ารปฏิบตั ขิ องผูบ้ ญ
ั ชาการทหารบก มีผลกระทบอันวิกฤตต่อ
การเมืองในประเทศ ระดับภูมิภาค ผู้บัญชาการทหารบก บังคับบัญชา
กองทัพบกในการปฏิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่มีความต่อเนื่องซึ่งมีลักษณะ
เป็นองค์กรขนาดใหญ่มีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่
๓-๔๑ ผู้น�ำระดับยุทธศาสตร์ประยุกต์คุณลักษณะที่พึงประสงค์หลัก
ของผู้น�ำที่ได้รับเช่นเดียวกับผู้น�ำระดับสั่งการตรงและระดับองค์กร
แต่ปรับให้เหมาะส�ำหรับความเป็นจริงที่ซับซ้อนกว่าของสภาพแวดล้อม
ระดับยุทธศาสตร์ซงึ่ ได้แก่ พันธกิจขององค์ประกอบทัง้ หมดของกองทัพบก
การตัดสินใจของผู้น�ำระดับยุทธศาสตร์ต้องยึดถือมติคณะรัฐมนตรีใน
การปฏิบัติภารกิจนอกเหนือการสงคราม ขีดจ�ำกัดด้านงบประมาณของ
กองทัพบก การจัดหาระบบอาวุธใหม่ๆ แผนงานระยะยาว การวิจัยทาง
ยุทธศาสตร์ การพัฒนาหลักนิยม และการประสานความร่วมมือระหว่าง
หน่วยต่าง ๆ
๓-๔๒ ผู้น�ำระดับยุทธศาสตร์เหมือนกับผู้น�ำระดับสั่งการตรงและระดับ
องค์กรในแง่ของการประมวลข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็ว ประเมินทาง
เลือกด้วยข้อมูลที่สมบูรณ์ การตัดสินใจ จะก่อให้เกิดการสนับสนุน
อย่างไรก็ตามการตัดสินใจของผู้น�ำระดับยุทธศาสตร์มีผลกระทบต่อคน
จ�ำนวนมากกว่า ผูกมัดต่อทรัพยากรมากกว่า มีขอบเขตของผลทีต่ ามมาก
ว้างขวางกว่าทั้งในมิติของพื้นที่และเวลา และมีผลกระทบทางการเมือง
มากกว่าการตัดสินใจของผู้น�ำระดับองค์กรและระดับสั่งการตรง
บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร ๓-21
๓-๔๓ ผู้น�ำระดับยุทธศาสตร์เป็นผู้เร่งปฏิกิริยาคนส�ำคัญของการแปร
สภาพ และการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากต้องปฏิบัติตามวิธีการระยะ
ยาวในการวางแผน การเตรียมการ และการบริหารงาน ซึ่งผู้น�ำระดับ
ยุทธศาสตร์ไม่ได้เห็นความคิดที่บรรลุผลในระหว่างที่ด�ำรงต�ำแหน่งใน
เวลาอันจ�ำกัด การแปรสภาพกองทัพบกมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น มีการ
จัดวางก�ำลังอย่างรวดเร็ว และมีหน่วยที่มีอาวุธร้ายแรงมากยิ่งขึ้น อย่าง
เช่น หน่วยก�ำลังรบระดับกรมผสม เป็นตัวอย่างทีด่ ี ของการวางแผนระดับ
ยุทธศาสตร์ในระยะยาว สิ่งเหล่านี้เป็นงานที่ซับซ้อน ซึ่งต้องการการปรับ
ให้เหมาะสมกับการเมืองทีม่ กี ารเปลีย่ นแปลง งบประมาณและข้อเท็จจริง
เชิงเทคนิคอย่างต่อเนื่อง เมื่อการแปรสภาพมีความก้าวหน้า กองทัพบก
ต้องด�ำรงคุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ในการท�ำให้ตรงตามความประสงค์ทไี่ ด้
ตกลงไว้ในการปฏิบตั กิ ารเต็มย่านของการปฏิบตั กิ ารทางทหาร ในขณะที่
กองทัพบกขึ้นอยู่กับหน่วยต่างๆ ในกองทัพบก นอกจากนั้นยังขึ้นอยู่กับ
การมีอ�ำนาจที่สูงกว่าผู้น�ำระดับองค์กรในการลงนามรับรองวิสัยทัศน์ใน
ระยะยาวเพือ่ ให้เกิดความเข้าใจตรงกันไปถึงองค์กรทุกระดับในกองทัพบก
๓-๔๔ หากเปรียบเทียบระหว่างผู้น�ำระดับต่างๆ นั้น การบังคับบัญชา
ของผู้น�ำระดับยุทธศาสตร์มีโอกาสน้อยมากในการไปตรวจเยี่ยมหน่วย
ระดับต�่ำที่สุดขององค์กร นั่นเป็นเหตุผลว่าท�ำไมจึงจ�ำเป็นต้องมีประสาท
สัมผัสที่ดีในการรู้ว่าควรไปตรวจเยี่ยมเมื่อใดและที่ใด เนื่องจากอ�ำนาจ
การบังคับบัญชาพื้นฐานที่มีอยู่นั้นใช้ได้โดยผ่านทางฝ่ายอ�ำนวยการและ
ผู้ใต้บังคับบัญชาที่วางใจได้ ผู้น�ำระดับยุทธศาสตร์ต้องพัฒนาทักษะที่
แข็งแกร่งในการเลือกและพัฒนาความสามารถพิเศษของผู้น�ำส�ำหรับ
ต�ำแหน่งหน้าที่มีความวิกฤต
๓-22 บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร
ผู้น�ำทุกระดับชั้น
๓-๔๕ ผูน้ ำ� ทุกระดับชัน้ ตระหนักดีว่า กองทัพบกมีลกั ษณะเป็นหน่วยงาน
ตามสายการบังคับบัญชา โดยทีห่ น่วยเหล่านีม้ ปี ฏิสมั พันธ์กนั ด้วยพันธกิจ
ของหน่วยทีม่ อี ยูม่ ากมายซึง่ ก�ำหนดให้ปฏิบตั ภิ ารกิจทีม่ คี วามจ�ำเป็นและ
ภารกิจซึ่งท�ำให้เกิดขึ้นด้วยความประสานสอดคล้องของความพยายามมี
ส่วนร่วมจากทุกคนในส่วนต่างๆ ของกองทัพบก ทุกคนถือเป็นส่วนหนึ่ง
ของหน่วยท�ำหน้าทีท่ งั้ เป็นผูน้ ำ� หรือผูใ้ ต้บงั คับบัญชาซึง่ มีความรับผิดชอบ
การปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุดของหน่วยนั้นผู้น�ำและผู้ใต้บังคับบัญชาต้องมี
ความไว้วางใจและเคารพซึ่งกันและกัน เข้าใจถึงความสามารถพิเศษที่
มีอยู่ และมีส่วนท�ำให้ความสามารถพิเศษและคุณลักษณะที่พึงประสงค์
เป็นสิ่งที่ดีร่วมกันขององค์กรด้วยความตั้งใจ ภาวะผู้น�ำของกองทัพบก
มี ๒ รูปแบบ คือ
- แบบตามหลักการ (เป็นทางการ)
- แบบตามอ�ำนาจ (ไม่เป็นทางการ)
ภาวะผู้น�ำแบบเป็นทางการ
๓-๔๖ ภาวะผู้น�ำแบบเป็นทางการหรือภาวะผู้น�ำตามกฎหมายได้รับ
การยอมรั บ จากบุ ค คลด้ ว ยคุ ณ สมบั ติ ที่ ดี แ ละน่ า ชื่ น ชมของการมอบ
หมายความรับผิดชอบในต�ำแหน่ง และด้วยการท�ำงานตามชั้นยศและ
ประสบการณ์ ต�ำแหน่งงานบนความสามารถของตนเองแล้วย่อมอยู่บน
พื้นฐานระดับผู้น�ำที่มีประสบการณ์การท�ำงานและการฝึก มีการก�ำหนด
ขั้นตอนในการพิจารณาการปรับต�ำแหน่ง และการเลื่อนยศ โดยมีขั้น
ตอนหนึง่ ทีม่ กี ารเลือกใช้สำ� หรับการก�ำหนดอ�ำนาจหน้าทีต่ ามกฎหมายคือ
ผู้บังคับบัญชาโดยตรงและผู้บังคับบัญชาตามล�ำดับชั้นเป็นผู้พิจารณา
บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร ๓-23
๓-๕๔ กระบวนการภาวะผู้น�ำร่วมเกิดขึ้นเมื่อผู้น�ำจ�ำนวนมากมีส่วน
ท� ำ ให้ เ กิ ด ความรู ้ ที่ ม ารวมกั น และอ� ำ นาจหน้ า ที่ ข องบุ ค คลในการน� ำ
องค์กรไปสู่จุดหมายหรือปฏิบัติภารกิจร่วมกัน กระบวนการภาวะผู้น�ำ
ร่วมเกี่ยวข้องกับการมีอ�ำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันใน
การตัดสินใจ การวางแผน และการบริหารงาน
๓-๕๕ ภาวะผูน้ ำ� ร่วมมักเกิดขึน้ ในระดับองค์กร และระดับยุทธศาสตร์ซงึ่
บรรดาผูน้ ำ� ต่างชัน้ ยศ ต่างต�ำแหน่งมารวมกันเพือ่ วางความท้าทายเฉพาะ
กิจหรือภารกิจใดภารกิจหนึ่งซึ่งไม่มีการจัดตั้งสายการบังคับบัญชา ไม่มี
การมอบอ�ำนาจหน้าที่ ในเชิงองค์กรซึ่งอาจหมายถึงการไม่มีตัวตน เมื่อ
สมาชิกของส่วนต่างๆ จ�ำนวนมากและเหล่าทัพต้องท�ำงานด้วยกันในการ
สนับสนุนความท้าทายที่รออยู่เบื้องหน้า
๓-๕๖ บางครั้งการใช้รูปแบบของภาวะผู้น� ำ องค์ ก รแต่ ล ะองค์ ก ร
โดยล�ำพังแล้วอาจมีการวางแผนและการด�ำเนินการท่ามกลางสภาพ
สุญญากาศ โดยทีห่ น่วยจะได้รบั อ�ำนาจให้เลือกผสมผสานฐานความรูแ้ ละ
ความเชี่ยวชาญของแต่ละบุคคลจ�ำลองแผนและน�ำมาซึ่งหนทางปฏิบตั ิที่
ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ผลก็คือ การร่วมผนึกก�ำลังกันเป็นผู้น�ำทางทหาร
ระดับทางข้าง สามารถด�ำเนินการเป็นส่วนหนึ่งของแผนได้
การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความรับผิดชอบ
๓-๕๗ ผู้น�ำเกือบทั้งหมดมีสถานะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาในเวลาเดียวกัน
ภายใต้บริบทขององค์กร หรือสถาบันที่เรียกว่ากองทัพบก ก�ำลังพล
ทัง้ หมดของกองทัพบกคือส่วนหนึง่ ขององค์กรทีม่ ขี นาดใหญ่มผี บู้ ญ
ั ชาการ
ทหารบก ในฐานะผู้น�ำของกองทัพบก ไม่เพียงแต่ก�ำกับดูแลทางการ
บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร ๓-27
บังคับบัญชา แต่ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความ
รับผิดชอบให้คำ� แนะน�ำในฐานะผูเ้ ชีย่ วชาญด้านความมัน่ คงต่อผูน้ ำ� ระดับ
ยุทธศาสตร์ และผู้น�ำรัฐบาล
๓-๕๘ ส่วนหนึ่งของการเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความรับผิดชอบแสดง
ถึงการสนับสนุนตามสายการบังคับบัญชา และท�ำให้มนั่ ใจได้ว่าหน่วยของ
ตนท�ำงานสนับสนุนองค์กรทีใ่ หญ่กว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ขององค์กร
โดยเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรที่ใหญ่กว่า เพื่อท�ำหน้าที่ให้กับบรรดาทหาร
ข้าราชการพลเรือนกลาโหมและครอบครัวของพวกเขา
๓-๕๙ ผูน้ ำ� ต้องแสดงถึงความกล้าหาญซึง่ ถูกต้องด้วยศีลธรรมทีจ่ ะแสดง
ความเห็นต่อวิธีการที่จะช่วยพัฒนาหน่วยขึ้น ความเห็นที่แตกต่างมิได้
แสดงถึงการท�ำลายซึ่งสายการบังคับบัญชาหรือแสดงว่าไม่เคารพนับถือ
ทั้งนี้อาจน�ำไปสู่ทางเลือกหรือค�ำตอบที่ดีกว่าได้ อันอาจท�ำให้ผู้ใต้บังคับ
บัญชารักษาไว้ซงึ่ ทัศนคติทดี่ ตี อ่ ผูบ้ งั คับบัญชาและเสนอทางเลือกทีด่ กี ว่า
และสามารถปฏิบัติได้
๓-๖๐ สุดท้ายแล้วการพิจารณาต้องน�ำไปสูข่ อ้ สรุปได้และผูน้ ำ� หน่วยควร
ยอมรับการตัดสินใจของผูบ้ งั คับบัญชา จากจุดนีผ้ นู้ ำ� หน่วยต้องสนับสนุน
การตัดสินใจนี้และด�ำเนินการให้ได้มาตรฐานสูงสุด หากลองจินตนาการ
ดูว่าองค์กรจะเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงหรือไม่ ถ้าหากผู้ใต้บังคับบัญชา
มีอิสระที่จะเลือกว่าจะเชื่อค�ำสั่งใดและเพิกเฉยต่อค�ำสั่งใด นั่นก็คือการ
ที่จะรักษาไว้ซึ่งความไว้วางใจและความมั่นใจต่อสายการบังคับบัญชา
และความสามารถโดยรวมของหน่วยรองมีความส�ำคัญต่อผู้บังคับบัญชา
ตามล�ำดับชั้น
๓-28 บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร
ภาวะผู้น�ำที่ปราศจากอ�ำนาจหน้าที่
๓-๖๑ บ่อยครั้งที่ภาวะผู้น�ำเกิดขึ้นจากผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความรับ
ผิดชอบ เป็นผู้เข้าควบคุมและท�ำให้งานเสร็จสมบูรณ์โดยไม่มีแนวทาง
ที่ชัดเจนจากผู้บังคับบัญชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อสถานการณ์มีการ
เปลี่ยนแปลง หรือมีสถานการณ์ใหม่เกิดขึ้นโดยที่ผู้น�ำมิได้ให้ค�ำแนะน�ำ
ไว้หรือมีค�ำสั่งใดๆให้ปฏิบัติ และไม่สามารถติดต่อกับผู้บังคับบัญชา
ได้ในทันที
๓-๖๒ ภาวะผู ้ น� ำ โดยปราศจากอ� ำ นาจหน้ า ที่ ส ามารถเริ่ ม ได้ จ ากผู ้
เชี่ยวชาญคนหนึ่งในสายเทคนิค ถ้าหากคนอื่นๆ รวมทั้งผู้ที่มียศสูงกว่า
ก�ำลังต้องการทหารหรือบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งบุคคลผู้นี้แสดงให้
เห็นถึงความรับผิดชอบที่จะตัดสินใจเมื่อมีความเหมาะสมในการริเริ่มท�ำ
ในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับงานนั้นๆ เมื่อมีการน�ำโดยปราศจากการมอบหมาย
อ�ำนาจหน้าทีเ่ ช่นนี้ ผูน้ ำ� ควรชืน่ ชมต่อผลกระทบทีม่ ศี กั ยภาพนีแ้ ละกระท�ำ
ในสิ่งที่มีส่วนท�ำให้น�ำมาซึ่งความส�ำเร็จของหน่วย
๓-๖๓ ภาวะผูน้ ำ� โดยปราศจากอ�ำนาจหน้าทีน่ เี้ กิดขึน้ ได้บอ่ ยครัง้ เมือ่ คน
ใดคนหนึง่ ต้องริเริม่ ทีจ่ ะท�ำให้ผบู้ งั คับบัญชามีความตืน่ ตัวถึงปัญหาทีอ่ าจ
เกิดขึ้นได้ หรือท�ำนายผลที่ตามมาหากองค์กรยังคงอยู่ในภาวะปัจจุบัน
ผู้น�ำอย่างไม่เป็นทางการซึ่งปราศจากอ�ำนาจหน้าที่อย่างเป็นทางการนี้
จ�ำเป็นที่จะแสดงถึงภาพลักษณ์ของผู้น�ำซึ่งมีความมั่นใจในตนเองและ
นอบน้อมถ่อมตน
๓-๖๔ ทหารทุกคนในกองทัพบกควรมีภาวะผู้น�ำ ทั้งๆ ที่ไม่ได้รับมอบ
หมายอ�ำนาจหน้าที่ ต้องมีความตระหนักถึงความรับผิดชอบในต�ำแหน่ง
บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร ๓-29
หน้าที่ ผู้น�ำทุกคนควรมีศักยภาพในการสันนิษฐานหน้าที่ความรับผิด
ชอบพื้นฐานได้
การมอบอ�ำนาจให้ผู้ใต้บังคับบัญชา
๓-๖๕ ผู้น�ำที่เก่ง จะรู้ว่าวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างหน่วยที่มั่นคง คือการ
มอบหน้าที่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยการมอบหมายภาระงาน มอบหน้าที่
ซึ่งมีความจ�ำเป็นให้ท�ำแทน และอนุญาตให้ปฏิบัติงาน การให้อ�ำนาจกับ
หน่วยรองมิได้หมายถึงการละเลยการตรวจสอบ และต้องเข้าไปแก้ไข
เมื่อจ�ำเป็น เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น ผู้น�ำต้องมั่นใจว่าผู้ใต้บังคับบัญชา
บอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นและท�ำไม การทบทวนหลังการปฏิบัติ (ทลป.)
ทีม่ คี ณ
ุ ภาพจะช่วยให้ผนู้ ำ� หน่วยรองเรียนรูจ้ ากความผิดพลาดในทางบวก
ทหารทุกนายและผูน้ ำ� ทุกคนท�ำผิดกันได้ ทหารทีด่ แี ละผูน้ ำ� ทีป่ ฏิบตั หิ น้าที่
อย่างซื่อตรงเรียนรู้ได้จากความผิดพลาด
๓-๖๖ การเรียนรู้ที่ดีที่สุดของผู้ใต้บังคับบัญชาได้จากการปฏิบัติ ดังนั้น
ผู้น�ำจึงควรมีความตั้งใจในการค�ำนวณความเสี่ยงและยอมรับถึงความ
เป็นไปได้ ซึง่ ผูใ้ ต้บงั คับบัญชาผูด้ อ้ ยประสบการณ์อาจท�ำผิดพลาดได้ หาก
ผู้น�ำที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาพร้อมที่จะเติบโตและเกิดความไว้วางใจนั้น
การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ก็จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ผู้น�ำที่ดีจะมีพื้นที่ว่างให้
ส�ำหรับผูใ้ ต้บงั คับบัญชาได้ทดลองปฏิบตั ติ ราบเท่าทีย่ งั อยูใ่ นขอบเขตของ
ค�ำสั่งและแผนซึ่งเป็นพื้นฐานของเจตนารมณ์
๓-๖๗ กรณีศึกษาเรื่องผู้บังคับบัญชาที่อ่อนประสบการณ์ :ผู้บังคับ
บัญชาที่อ่อนประสบการณ์ผู้ซึ่งไม่เคยฝึกผู้ใต้บังคับบัญชา บางครั้งเขา
จะยืนกรานว่า “พวกเขาไม่สามารถท�ำได้หากไม่มีผม” ผู้น�ำใช้ความเป็น
๓-30 บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร
ศูนย์กลางของความเอาใจใส่ ซึง่ มีบอ่ ยๆ ทีร่ สู้ กึ ว่าไม่จำ� เป็น เพือ่ ทีจ่ ะเรียก
ร้องขึ้นมาว่า “ผมไม่สามารถมีวันหยุดได้เลย ต้องอยู่ที่นี่ตลอดเวลา
ต้องเฝ้าดูลกู น้องอยูต่ ลอดทุกความเคลือ่ นไหวเพราะใครจะไปรูว้ า่ อะไร
จะเกิดขึ้น?” ข้อเท็จจริงคือไม่มีผู้น�ำคนใดที่ไม่มีผู้ที่สามารถมาท�ำแทน
ได้ กองทัพบกจะไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะผู้น�ำคนใดคนหนึ่งหลีกออก
ไปข้างหนึ่งไม่ว่าเขาจะอาวุโสหรือท�ำตัวเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งเพียงใด
ในสนามรบการสูญเสียผู้น�ำสามารถท�ำให้หน่วย อกสั่นขวัญหนีแต่หน่วย
“ต้องอยู่” และ “จะต้อง” ปฏิบัติภารกิจต่อไปได้
๓-๖๘ กรณี ศึ ก ษาเรื่ อ งหน่ ว ยต้ อ งอยู ่ แ ละ จะต้ อ งปฏิ บั ติ ภ ารกิ จ
ต่อไปได้ : ในบางเหตุการณ์ผบู้ งั คับกองร้อยเผชิญกับสถานการณ์ทยี่ งุ่ ยาก
มีความมั่นใจว่าผู้หมวดมีความลึกซึ้งและมีประสบการณ์ในการสร้างสาย
การบังคับบัญชาขึ้นมาใหม่ ตัวอย่างเช่น การที่นายทหารชั้นประทวนได้
มอบอ�ำนาจให้กบั ผูใ้ ต้บงั คับบัญชาซึง่ มีความสามารถให้แสดงออกมา และ
ริเริ่มภาวะผู้น�ำในการสร้างภาพให้เกิดขึ้นในใจ มองเห็นถึงเจตนารมณ์
ของผู้บังคับบัญชา เขาผู้นี้เข้าควบคุมเหตุการณ์ ได้เนื่องจากว่านายสิบ
ในหมวดของเขาได้สั่งสอน เป็นพี่เลี้ยง และคอยให้ค�ำปรึกษาให้กับเขา
โดยที่เขาได้แสดงถึงความกล้าหาญที่จะเปิดเผยตัวเองในระหว่างการยิง
ของข้าศึกและสร้างความมั่นใจให้กับทหารได้อย่างรวดเร็ว ผู้ใต้บังคับ
บัญชาได้รักษาไว้ซึ่งความมั่นใจว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยและเฝ้าบอกถึง
สถานการณ์ทางยุทธวิธซี งึ่ ก�ำลังคลีค่ ลาย เมือ่ ไม่เป็นไปตามแผน ผูใ้ ต้บงั คับ
บัญชาที่ท�ำหน้าที่ผู้น�ำในหมวดนั้นก็สร้างแรงบันดาลใจให้กับหน่วยด้วย
ความอุตสาหะและมีพันธนาการต่อการเอาชนะปัญหาอุปสรรคทั้งปวง
บทที่ ๓ บทบาทผู้น�ำระดับของผู้น�ำและผู้น�ำทางทหาร ๓-31
หลักนิยมกองทัพบกว่าด้วยภาวะผู้น�ำจะกล่าวถึงภาวะผู้น�ำ
ในทุกแง่มุมซึ่งเป็นสิ่งส�ำคัญที่สุดในการเป็นผู้น�ำทางทหาร ในภาค ๒ นี้
เป็นการพิจารณาถึงบุคคล และประเด็นส� ำคัญซึ่งผู้น�ำทางทหารทุก
คนสามารถน�ำไปประพฤติปฏิบัติเพื่อน�ำไปสู่การเป็นทหารอาชีพที่มี
ศักยภาพได้ตงั้ แต่การเป็นผูน้ ำ� ระดับการสัง่ การตรงจนกระทัง่ ถึงผูน้ ำ� ระดับ
ยุทธศาสตร์ โดยแสดงถึงการเริ่มต้นของทหารและข้าราชการพลเรือน
กลาโหมในสังกัดกองทัพบกในฐานะผู้น�ำ พวกเขาน�ำมาซึ่งค่านิยมและ
คุณลักษณะที่เป็นค่านิยมซึ่งติดตัวมาจากครอบครัว และมีความถนัด
ในการกีฬาบ้างตามสมควร หรือมีความสามารถทางปัญญา อาทิ การ
เรียนรู้ภาษาต่างชาติ การฝึกเกี่ยวกับสถาบันกองทัพบก การผสมผสาน
การศึกษา การฝึกต่าง ๆ และการพัฒนาในการปฏิบัติหน้าที่จริง มีจุด
หมายเพือ่ ทีจ่ ะใช้คณ ุ ภาพและศักยภาพทีม่ อี ยูใ่ นการพัฒนาผูน้ �ำทีม่ คี วาม
สามารถรอบด้าน ด้วยการก�ำหนดรูปแบบคุณลักษณะที่ต้องการ คือ
ลักษณะผู้น�ำ ความประพฤติ และสติปัญญา การพัฒนาคุณลักษณะเหล่า
นีต้ อ้ งการผูน้ ำ� ทางทหารทีเ่ อาใจใส่ ตระหนักในการพัฒนาตนเองอยูเ่ สมอ
และมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ผู้น�ำทางทหารต้องมี ลักษณะผู้น�ำ
ความประพฤติดี และมีสติปัญญา
กองทัพบก
ต้องการ
“ผู้น�ำทางทหารที่เอาใจใส่ ตระหนักใน
การพัฒนาตนเองอยู่เสมอ และมีการ
เรียนรู้ตลอดชีวิต”
บทที่ ๔
ลักษณะผู้น�ำ
๔-๑ ลักษณะผู้น�ำบางประการ ได้แก่ ความประพฤติทางด้านศีลธรรม
และความรู้ที่มีคุณภาพเกี่ยวกับหลักจรรยาช่วยให้ก�ำหนดสิ่งต่างๆ ได้
อย่างถูกต้อง และท�ำให้เกิดการจูงใจทีจ่ ะท�ำในสิง่ ทีเ่ หมาะสมโดยไม่คำ� นึง
ถึงกรณีแวดล้อมหรือผลทีต่ ามมา หิรโิ อตตัปปะทางจริยธรรมซึง่ ได้รบั การ
บอกกล่าวนัน้ ถูกต้องตรงกันกับผูน้ ำ� ทีท่ ำ� ให้ค่านิยมของกองทัพบกมีความ
แข็งแกร่งเพื่อที่จะสร้างทางเลือกที่ถูกต้องเมื่อเผชิญกับประเด็นที่ยากๆ
ตัง้ แต่ผนู้ ำ� ทางทหารค้นหาทีจ่ ะท�ำในสิง่ ทีถ่ กู ต้องและบันดาลใจให้ผอู้ นื่ ท�ำ
เช่นเดียวกัน ผู้น�ำจึงต้องท�ำค่านิยมให้เห็นเป็นรูปธรรม
๔-๒ การปฏิ บั ติ ข องทหารในระหว่ า งปฏิ บั ติ ก ารในอดี ต ที่ ผ ่ า นมา
ไม่ว่าเป็นการรบตามแบบ หรือการปฏิบัติการป้องกันและปราบปราม
การก่อความไม่สงบ หรือแม้กระทั่งการปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ ได้กล่าว
เกี่ยวกับค่านิยม, คุณลักษณะ และลักษณะผู้น�ำ
๔-๓ ข้อสังเกตของทหารสะท้อนภาพให้เห็นถึงความส�ำคัญของลักษณะ
ผู้น�ำที่อยู่บนพื้นฐานของค่านิยมกองทัพบก มีการเชื่อมโยงระหว่ าง
ลักษณะของผู้น�ำและสิ่งที่ปฏิบัติโดยตรง ลักษณะผู้น�ำ วินัย และข้อ
พิจารณาที่ดีท�ำให้รองผู้บังคับหมวด และพลประจ�ำอาวุธด�ำรงการยิง
เพือ่ กดดันให้ขา้ ศึกยอมแพ้ได้อย่างเหมาะสม เหตุผลทีด่ แี ละการพิจารณา
ทางจริ ย ธรรมเป็ น แนวทางในการตั ด สิ น ใจของรองผู ้ บั ง คั บ หมวดที่
จะป้องกันผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งผู้ใต้บังคับบัญชาได้ท�ำการปกป้องรักษา
ค่านิยมกองทัพบก และมาตรฐานของปฏิบัติการทางทหาร ในการปฏิบัติ
หน้าที่ด้วยความรับผิดชอบและกล้าหาญ
๔-2 บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ
ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ทั้งปวงนี้ขึ้นอยู่กับว่าทหารและ
ข้าราชการพลเรือนกลาโหมท�ำให้ค่านิยมกองทัพบกเป็นรูปธรรมขึ้นมา
ได้ดีเพียงใด
๔-๗ กองทัพบกตระหนักถึงค่านิยม ๗ ประการ ซึ่งต้องได้รับการพัฒนา
ให้กบั บุคคลทุกคนในกองทัพบก เมือ่ อ่านอักษรตัวแรกของค่านิยมกองทัพ
บกจะได้รูปแบบของค�ำย่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “LDRSHIP” ได้แก่
- ความจงรักภักดี (Loyalty)
- หน้าที่ (Duty)
- ความเคารพ (Respect)
- การปฏิบัติหน้าที่โดยไม่เห็นแก่ตนเอง (Selfless service)
- เกียรติยศ (Honour)
- ความซื่อสัตย์สุจริต (Integrity)
- ความกล้าหาญที่มีในตนเอง (Personal courage)
ความจงรักภักดี
๔-๘ ทหารและข้าราชการพลเรือนกลาโหมทุกคน ต้องสาบานตนด้วย
ค�ำปฏิญาณอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะสนับสนุนและปกป้องรัฐธรรมนูญแห่งราช
อาณาจักรไทย ในขณะเดียวกันทหารและประชาชนก็มหี น้าทีค่ วามรับผิด
ชอบตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ ไว้ดงั นี้
มาตรา ๗๐
บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้
๔-4 บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ
มาตรา ๗๑
บุคคลมีหน้าทีป่ อ้ งกันประเทศ รักษาผลประโยชน์ของชาติ และ
ปฏิบัติตามกฎหมาย
มาตรา ๗๗
รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช
อธิปไตย และบูรณภาพแห่งเขตอ�ำนาจรัฐ และต้องจัดให้มีก�ำลังทหาร
อาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย จ�ำเป็น และเพียงพอ เพื่อ
พิทกั ษ์รกั ษาเอกราช อธิปไตย ความมัน่ คงของรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์
ผลประโยชน์แห่งชาติ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระ
มหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ด้วยเหตุนผี้ ลทีต่ ามมาก็คอื ผูน้ ำ� ในฐานะสมาชิกของกองทัพบก
จึงมีข้อผูกมัดที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มก�ำลังความสามารถ ด้วยความ
อดทน ซื่อสัตย์ และเสียสละ
๔-๙ พั น ธนาการของความจงรักภักดีนี้ไม่เพี ย งแต่ ร วมพื้ น ฐานทาง
กฎหมายของชาติและสถาบันเอาไว้แล้วยังรวมไปถึงทุกๆ หน่วยและ
องค์กรด้วย ณ ระดับหน่วยและระดับองค์กร ความจงรักภักดีเปรียบเป็น
ค�ำมั่นสัญญาสองทางระหว่างผู้น�ำและผู้ใต้บังคับบัญชา
๔-๑๐ ความจงรักภักดีของผู้ใต้บังคับบัญชาคือ ของขวัญที่ผู้น�ำสมควร
ได้ รั บ ทั้ ง นี้ ผู ้ น� ำ จะได้ รั บ ความจงรั ก ภั ก ดี จ ากผู ้ ใ ต้ บั ง คั บ บั ญ ชาด้ ว ย
การฝึกอย่างดี ให้ความยุติธรรม และการด�ำเนินชีวิตโดยยึดถือตามค่า
นิยมกองทัพบก ผู้น�ำที่มีความจงรักภักดีต่อผู้ใต้บังคับบัญชาคือผู้ที่ไม่เคย
ปล่อยให้มีการใช้ทหารในทางที่ผิดหรือถูกข่มเหง ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เชื่อ
มั่นในตัวของผู้น�ำจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างไม่ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์
ที่ยุ่งยากเพียงใด
บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ ๔-5
สภาพวิกฤตของกองทัพไทยเกิดขึ้นทันที เวลานั้นไม่มีก�ำลังพลที่จะต่อสู้
ท่านแม่ทพั ขุนพลแก้ว จึงเกณฑ์พวกควาญช้างและคนในกองโคเอามาแต่ง
กายเป็นทหารและให้นำ� อาวุธของทหารป่วยมาให้คนกองช้างและกองโค
ต่อสูแ้ ทน ทหารป่วยทุกคนพากันคัดค้านไม่ยอม ทหารทุกคนร้องขอท่าน
แม่ทัพขุนพลแก้วจะขอต่อสู้กับข้าศึกจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ท่านแม่ทัพ
ขุนพลแก้วจึงประกาศเจตจ�ำนงเด็ดเดี่ยวร่วมตายกับทหารทุกคนว่า
“...ฉันตั้งใจที่จะยอมสละชีวิตเป็นครั้งที่ ๑ ก่อนคนทั้งหลาย เมื่อฉัน
ตายแล้วคนในกองทัพจึงตายเป็นครั้งที่ ๒ ท�ำอย่างไรๆ เสีย ฉันจะไม่ทิ้ง
กันเลย...”
ประกาศิตของท่านแม่ทพั ขุนพลแก้วข้างต้นนี้ ช่วยสร้างให้ขวัญ
และก�ำลังใจการต่อสู้ของนักรบไทยอยู่ในระดับสูงสุด หมดความเกรง
กลัวต่อมัจจุราชที่แลเห็นอยู่เบื้องหน้า ท่านขุนพลแก้วรวบรวมก�ำลังพล
ได้ประมาณ ๒๐๐ คนเศษ ยกก�ำลังออกไปตั้งรบนอกค่ายใหญ่ กระสุน
ปืนที่กองทัพไทยยิงเข้าค่ายข้าศึก ตกไปถูกภูเขาเบื้องหลังค่ายฮ่อระเบิด
อย่างรุนแรง พวกฮ่อเสียขวัญนึกว่ามีกองทัพไทยอีกกองหนึ่งยกเข้าโอบ
ตีทางเบื้องหลัง ทหารไทยจึงยึดค่ายข้าศึกไว้ได้ด้วยความกล้าหาญ
๔-๑๒ ความจงรักภักดีและความไว้วางใจเป็นส่วนผสมที่ส�ำคัญอย่างยิ่ง
ส�ำหรับการปฏิบัติการประจ�ำวันให้ประสบความส�ำเร็จของทุกองค์กรซึ่ง
โดยมากแล้วเป็นการผสมกันของทหาร และข้าราชการพลเรือนกลาโหม
ประจ�ำกองทัพบก การส่งก�ำลังบ�ำรุงและความต้องการทางการเมืองของ
สงครามสมัยใหม่ได้เพิ่มบทบาทของข้าราชการพลเรือนกลาโหมตาม
สัญญาจ้าง อาทิ พนักงานราชการทีม่ คี วามสามารถพิเศษเฉพาะทาง หรือ
ตามที่กองทัพบกต้องการ การส่งเสริมของข้าราชการพลเรือนกลาโหม
นี้มีความส�ำคัญยิ่งต่อความส�ำเร็จของภารกิจจ�ำนวนมากไม่ว่าจะเป็น
บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ ๔-7
๔-๑๕ ส่วนหนึ่งของการท�ำหน้าที่ให้สมบูรณ์ก็คือการใช้ความริเริ่ม
ซึ่งหมายถึงการคาดการณ์ได้ว่าจะท�ำสิ่งใดได้ก่อนที่จะมีคนมาบอกให้
ท�ำ ผู้น�ำทางทหารใช้ความริเริ่มเมื่อต้องการให้เป็นไปตามความมุ่งหมาย
ของกิจต่างๆ และค�ำสั่งที่ได้รับ โดยที่กิจนี้ยังไม่สมบูรณ์จนกว่าจะบรรลุ
ผลลัพธ์ตามเจตนารมณ์ เมื่อผู้บังคับหมวดสั่งผู้บังคับหมู่ ให้ตรวจอาวุธ
ผูบ้ งั คับหมูก่ เ็ พียงท�ำตามค�ำสัง่ ตามหน้าทีเ่ มือ่ มีการตรวจสอบ แต่หากเขา
พบว่าอาวุธไม่สะอาด หรือปลดประจ�ำการไปแล้ว นัน่ หมายถึงความส�ำนึก
ในหน้าทีไ่ ด้ยำ�้ เตือนให้เขาท�ำมากกว่าค�ำสัง่ ทีไ่ ด้รบั จากผูบ้ งั คับหมวด การ
ท�ำหน้าที่ให้สมบูรณ์ ผู้บังคับหมู่ต้องแก้ปัญหาและมั่นใจว่าอาวุธทั้งหมด
ของหน่วยได้มาตรฐาน เมื่อผู้น�ำแสดงความริเริ่มนั่นคือเขาพร้อมที่จะรับ
ผิดชอบต่อการกระท�ำและผูใ้ ต้บงั คับบัญชาของเขา การท�ำด้วยความรูส้ กึ
ในด้านดีเป็นคุณสมบัตขิ องมนุษย์โดยหน้าทีซ่ งึ่ เป็นสิง่ ทีอ่ ยูภ่ ายใน ทัง้ นีก้ าร
ท�ำด้วยความรู้สึกในด้านดีหมายถึงการที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งมีความรับ
ผิดชอบสูงที่ได้ท�ำเพื่อกองทัพ โดยการแสดงออกถึงการอุทิศให้กับความ
ทุ่มเท การจัดการอย่างเป็นระบบ ความละเอียดถี่ถ้วน ความน่าเชื่อถือ
และความเป็นนักปฏิบัติ นอกจากนี้ยังย�้ำเตือนให้ผู้น�ำท�ำในสิ่งที่ถูกต้อง
ไม่ว่าจะอ่อนล้าหรือรู้สึกท้อถอยเพียงใด
๔-๑๖ ในบางกรณีผนู้ ำ� ต้องมีสำ� นึกทีจ่ ะแย้งและชีแ้ จงเหตุผลทีจ่ ะไม่ปฏิบตั ิ
ตามค�ำสั่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ผู้น�ำต้องเลือกท�ำในสิ่งที่ถูกต้องตาม
หลักกฎหมายและหลักจริยธรรมเสมอ
การแสดงความเคารพ
ปฏิบัติต่อผู้คนตามที่สมควร
๔-๑๗ วินัยสร้างทหารของประเทศให้มีความน่าเชื่อถือ ไว้วางใจได้
ทั้งในยามปกติและในสนามรบ วินัยมิใช่การได้มาด้วยวิธีการรุนแรง
บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ ๔-9
หรือการกดขี่บังคับซึ่งเป็นการท�ำลายมากกว่าการสร้างการปลูกฝังวินัย
ควรใช้กระบวนการทีส่ ขุ มุ สุภาพ แต่เข้มแข็ง หนักแน่น และชัดเจน ท�ำให้
รู้สึกอยากเชื่อฟัง สิ่งที่ควรท�ำก็คือ การบอกกล่าว และการใช้ค�ำสั่งด้วย
ท่าทางและน�้ำเสียงที่เหมาะสมเพื่อมิให้กระทบความรู้สึกของทหารแต่
ท�ำให้เขารูส้ กึ อยากเชือ่ ฟัง ในทางตรงกันข้ามการใช้ทา่ ทางและน�ำ้ เสียงที่
ไม่เหมาะสมก่อให้เกิดความไม่พอใจและไม่เชื่อฟัง ทั้งนี้ วิธีการใดวิธีการ
หนึ่ง หรือ วิธีการใดๆ ที่น�ำมาใช้กับผู้ใต้บังคับบัญชาควรเป็นวิธีการ
ทีม่ าจากใจทีบ่ ริสทุ ธิข์ องผูบ้ งั คับบัญชา นัน่ หมายความถึงการค�ำนึงถึงใจ
เขาใจเรานั่นเอง เพราะคนเราจะรู้สึกได้ถึงการเคารพที่มาจากคนที่ได้รับ
การกระตุ้นให้เขาพิจารณาตนเอง
๔-๑๘ ความเคารพในบุคคลคือพืน้ ฐานส�ำหรับหลักนิตธิ รรม ซึง่ เป็นหลัก
สากลของกฎหมาย นั่นคือ แก่นที่กองทัพบก ยึดถือ การเคารพหมาย
ถึงการปฏิบัติต่อผู้อื่นตามที่สมควร ค่านิยมนี้เป็นการกล่าวย�้ำว่า “คน”
คือทรัพยากรทีส่ ำ� คัญทีส่ ดุ และสิง่ นัน้ ก็มงุ่ ตรงไปทีก่ ารปฏิบตั ติ อ่ ผูอ้ นื่ ด้วย
การให้เกียรติและความเคารพ
๔-๑๙ จากประวั ติ ศ าสตร์ ที่ ผ ่ า นมาจะเห็ น ได้ ว ่ า ประเทศไทยเป็ น
ประเทศที่ มี ค วามหลากหลายทางขนบธรรมเนี ย มประเพณี ท ้ อ งถิ่ น
และศาสนา ท�ำให้ผู้น�ำต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้คนที่มีความแตกต่างทาง
ขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น และศาสนามากยิ่งขึ้น ผู้น�ำทางทหาร
ควรป้องกันความเข้าใจผิดอันเกิดจากความแตกต่าง ทัง้ ต่อตนเองและผูใ้ ต้
บังคับบัญชา สามารถช่วยได้โดยให้มีการเรียนรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียม
ประเพณีท้องถิ่นและศาสนา ทั้งนี้เพื่อให้มีการตอบสนองอย่างเร็วใน
ขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นและศาสนา ผู้น�ำสามารถท�ำได้โดยการ
ก�ำหนดนายทหารพี่เลี้ยง หรือ เป็นพี่เลี้ยงที่ปรึกษา การท�ำหน้าที่ครูฝึก
๔-10 บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ
หรือการให้ค�ำปรึกษาแนะน�ำเรื่องต่างๆ และการเป็นที่ปรึกษาทั่วไปให้
กับผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งแสดงออกได้ด้วยการให้ความเคารพเมื่อต้องการ
เข้าใจถึงภูมิหลัง มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้จากทัศนคติ และขนบธรรมเนียม
ประเพณีท้องถิ่นและศาสนา อันเป็นสิ่งส�ำคัญผู้คนที่มีความแตกต่างทาง
ขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น และศาสนา
๔-๒๐ ผู้น�ำทางทหารควรดูแลบรรยากาศโดยรวมให้มีความสอดคล้อง
กั น ด้ ว ยความซื่ อ สั ต ย์ แ ละความเคารพ ค� ำ นึ ง ถึ ง ความแตกต่ า งทาง
ขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น หรือความเชื่อทางศาสนา ทั้งนี้การดูแล
ความสมดุลและบรรยากาศการท�ำงานให้ดูดีเริ่มด้วยการที่ผู้น�ำท�ำเป็น
แบบอย่างทีด่ ี การทีผ่ นู้ ำ� ยึดถือค่านิยมกองทัพบกในการด�ำรงชีวติ เป็นการ
แสดงให้ผใู้ ต้บงั คับบัญชาได้เห็นว่าควรประพฤติตนอย่างไร การสอนเรือ่ ง
ค่านิยมเป็นความรับผิดชอบส�ำคัญของผูน้ ำ� ซึง่ เป็นการช่วยกันสร้างความ
เข้าใจร่วมกันในเรื่องมาตรฐานของค่านิยมกองทัพบก
การท�ำหน้าที่โดยไม่เห็นแก่ตนเอง
ค�ำนึงถึงประโยชน์ของชาติ กองทัพบก และผู้ใต้บังคับบัญชาก่อน
ประโยชน์ของตนเอง
๔-๒๑ ค�ำทีก่ ล่าวว่า ทหารคือ “ผูร้ บั ใช้ชาติ” หมายถึง ก�ำลังพลในกองทัพ
บกรับใช้ประเทศชาติ การไม่เห็นแก่ประโยชน์สว่ นตนจึงหมายถึงการกระ
ท�ำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อประเทศชาติ กองทัพบก องค์กร และผู้ใต้ผู้บังคับ
บัญชา โดยที่ความต้องการของกองทัพบกและประเทศชาติต้องมาก่อน
แต่กม็ ไิ ด้หมายความว่าให้เมินเฉยต่อครอบครัวหรือตนเอง ในทางตรงกัน
ข้ามการละเลยครอบครัวหรือตนเอง ก็ท�ำให้ผู้น�ำอ่อนแอลงและยังเป็น
อันตรายมากกว่าเป็นสิ่งดีต่อกองทัพบก
บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ ๔-11
ที่มีความซื่อสัตย์จะไม่สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปรับให้ได้จ�ำนวนที่ต้องการ
แต่เป็นหน้าที่ของผู้น�ำที่จะรายงานข้อเท็จจริง และเลือกที่จะปฏิบัติด้วย
เกียรติและความซือ่ สัตย์ ทัง้ นีก้ ารแสดงให้เห็นถึงประเด็นส�ำคัญ และการ
เพิ่มคุณภาพในที่สุดแล้วจะสามารถช่วยชีวิตของทหารได้
๔-๓๒ หากผู้น�ำส่งผ่านข้อมูลข่าวสารที่บกพร่องไปโดยไม่ตั้งใจ ก็ควร
แก้ไขให้ถูกต้องเท่าที่สามารถท�ำได้เมื่อพบความผิดพลาดนั้น ผู้น�ำที่มี
ความซื่อสัตย์ท�ำในสิ่งที่ถูกต้องมิใช่เพื่อความสะดวกสบายแต่เพราะไม่
สามารถเลือกทางเลือกอืน่ ได้ และเส้นทางทีเ่ ลือกได้คอื เส้นทางแห่งความ
จริงเท่านัน้ นัน่ เป็นด้วยลักษณะของภาวะผูน้ ำ� ยินยอมให้ทำ� ได้เพียงเท่านี้
๔-๓๓ การท� ำ หน้ า ที่ ด ้ ว ยความซื่ อ สั ต ย์ ป ระกอบด้ ว ยองค์ ป ระกอบ
มากกว่า ๑ อย่าง โดยที่องค์ประกอบเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการที่ผู้น�ำมีความ
เข้าใจซึ่งมีอยู่เป็นปกติวิสัยระหว่างถูกและผิด สมมติว่าผู้น�ำสามารถ
แยกแยะความแตกต่างได้ เขาก็ควรแยกสิ่งที่ถูกออกจากสิ่งที่ผิดได้ในทุก
สถานการณ์ “สิ่งส�ำคัญคือผู้น�ำควรท�ำแต่สิ่งที่ถูกต้องเสมอ” แม้ว่าจะ
เป็นการลงทุนด้วยตนเอง
๔-๓๔ ผู ้ น� ำ ไม่ ส ามารถซ่ อ นการกระท� ำ ได้ จึ ง ต้ อ งตั ด สิ น ใจในการ
กระท�ำใดๆ อย่างระมัดระวัง ผู้น�ำทางทหารถูกน�ำไปยกเป็นตัวอย่างอยู่
เสมอ เพราะการปลูกฝังค่านิยมกองทัพบกให้กับผู้อื่น ผู้น�ำต้องแสดงตน
เป็นแบบอย่าง ค่านิยมส่วนบุคคลอาจมีนอกเหนือไปจากค่านิยมกองทัพ
บกได้ เช่นค่านิยมทางการเมือง ทางวัฒนธรรม หรือความเชือ่ ทางศาสนา
ทัง้ นีใ้ นฐานะทีเ่ ป็นผูน้ ำ� ทางทหาร หรือบุคคลทีม่ คี วามซือ่ สัตย์ ควรให้การ
สนับสนุนค่านิยมกองทัพบก และไม่ควรที่จะขัดแย้ง
บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ ๔-15
๔-๓๕ ความขัดแย้งระหว่างค่านิยมส่วนบุคคลกับค่านิยมกองทัพบกควร
ได้รบั การแก้ไขก่อนทีผ่ นู้ ำ� คนนัน้ จะเป็นผูน้ ำ� ทางทหารอย่างสมบูรณ์ หาก
มีข้อกังขา ผู้น�ำควรปรึกษากับผู้ให้ค�ำปรึกษาเฉพาะทางด้วยความเคารพ
ต่อคุณค่าและค�ำปรึกษาที่ได้รับ
ความกล้าหาญในตนเอง
๔-๓๖ ความกล้าหาญของคนเราไม่ไร้ซึ่งความกลัว หากเป็นความ
สามารถในการเก็บความกลัวไว้แล้วท�ำในสิ่งที่จ�ำเป็นต้องท�ำ ซึ่งมีอยู่
๒ รูปแบบ คือ ทางกายและทางใจ โดยที่ผู้น�ำต้องสามารถแสดงออกได้
ทั้ง ๒ รูปแบบ
๔-๓๗ ความกล้าหาญที่แสดงออกทางร่างกาย ได้แก่ เอาชนะความกลัว
ในยามที่ร่างกายได้รับความเจ็บปวดในขณะปฏิบัติหน้าที่ นั่นเป็นการ
แสดงถึงความกล้าหาญซึ่งท�ำให้ทหารกล้าที่จะเสี่ยงออกไปท�ำการรบถึง
แม้จะหวาดกลัวการบาดเจ็บหรือแม้กระทั่งกลัวความตาย
๔-๓๘ ความกล้าหาญที่เกี่ยวกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเป็นความตั้งใจที่
จะยืนหยัดอย่างมั่นคงในค่านิยม หลักการ และความเชื่อมั่น สิ่งเหล่านี้
เองทีท่ ำ� ให้ผนู้ ำ� ตัง้ อยูบ่ นความเชือ่ ทีถ่ กู ต้องโดยไม่ตอ้ งค�ำนึงถึงผลทีต่ ามมา
เนือ่ งจากเขาต้องเป็นผูร้ บั ผิดชอบในการตัดสินใจและการกระท�ำเพือ่ แสดง
ถึงความกล้าที่จะรับผิดชอบ ถึงแม้ว่าเป็นการกระท�ำที่ผิดพลาดก็ตาม
“ข้าพเจ้า ขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”
๔-๓๙ การแสดงออกของผู้น�ำระดับสูงสุด จะเป็นผู้น�ำซึ่งแสดงถึงความ
กล้าทีจ่ ะรับผิดชอบอันยิง่ ใหญ่ ในระหว่างทีเ่ ขาปฏิบตั หิ น้าที่ แสดงให้เห็น
ถึงความกล้าหาญ
๔-16 บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ
๔-๔๐ ความกล้าที่จะรับผิดชอบยังแสดงให้เห็นถึงความตรงไปตรงมา
ซึ่งหมายถึงความเป็นคนเปิดเผย ซื่อสัตย์ และจริงใจต่อผู้อื่น รวมทั้งต้อง
เป็นคนที่ปราศจากความล�ำเอียง อคติ หรือความมุ่งร้ายพยาบาทต่อผู้อื่น
เมื่อรู้สึกว่าไม่สบายใจ หรืออาจจะดีกว่าหากจะอยู่เงียบ ๆ
๔-๔๑ กรณีตัวอย่างของการเป็นคนตรงไปตรงมา อาทิ ผูบ้ ังคับกองร้อย
ค่อยๆ อธิบายให้สิบเอกคนหนึ่งว่าทหารคนหนึ่งควรได้รับการลงโทษใน
ระดับต�่ำกว่า ถึงแม้ว่าสิบเอกคนนั้นจะยืนยันโดยชี้ประเด็นว่าผู้บังคับ
กองร้อยกระท�ำเกินไปส�ำหรับการสัง่ การปรนนิบตั บิ ำ� รุงให้กบั ทัง้ กองร้อย
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ เนื่องจากมีผู้หมวดคนหนึ่งไม่ผ่านการตรวจสอบ
อีกประการหนึง่ คือความสัมพันธ์ทเี่ กีย่ วกับความไว้วางใจระหว่างผูน้ ำ� กับผู้
ใต้บงั คับบัญชาขึน้ อยูก่ บั ความตรงไปตรงมา หากไม่มกี ารสัง่ การปรนนิบตั ิ
บ�ำรุงให้กับทั้งกองร้อยในวันหยุดสุดสัปดาห์ ผู้ใต้บังคับบัญชาจะทราบว่า
ถ้าพวกเขาท�ำงานไม่ได้มาตรฐานแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับทุกคนในหน่วย
ความสามารถในการเข้าใจผู้อื่น
๔-๔๒ ผู้น�ำทางทหารมักแสดงนิสัยชอบที่จะแบ่งปันประสบการณ์กับ
บุคลากรในหน่วย เมื่อมีการวางแผนและการตัดสินใจก็จะพยายามแสดง
ภาพที่มีอยู่ในใจที่มีผลต่อทหารและผู้ใต้บังคับบัญชา นอกจากนี้ยังมี
ความสามารถในการมองเห็นในสิ่งที่ผู้อื่นไม่เห็นได้จากแง่คิดของคนอื่นๆ
โดยสามารถชีใ้ ห้เห็นได้ และเข้าใจถึงอารมณ์และความรูส้ กึ ท�ำให้สามารถ
เอาใจใส่ผู้อื่น ซึ่งได้แก่ ข้าราชการพลเรือนกลาโหม ทหาร พร้อมทั้ง
ครอบครัวของเขา
๔-๔๓ ผู้น�ำใช้ความรู้และความสามารถในการเข้าใจทหารโดยท�ำการ
ฝึก การปรนนิบัติบ�ำรุงยุทโธปกรณ์ และสนับสนุนในสิ่งที่เขาต้องการ
บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ ๔-17
เพื่อที่จะรักษาชีวิตของทหารในการรบและบรรลุภารกิจ ในยามสงคราม
ในการปฏิบตั ภิ ารกิจทีย่ ากล�ำบาก ผูน้ ำ� ทีม่ คี วามเข้าใจจะร่วมทุกข์ยากกับ
ก�ำลังพลเพื่อประเมินว่าแผนและการตัดสินใจนั้นอยู่บนสภาพความเป็น
จริง ผู้น�ำที่มีความรู้และความสามารถในการเข้าใจผู้อื่นยังตระหนักถึง
ความจ�ำเป็นในการจัดให้ทหารและข้าราชการพลเรือนกลาโหม มีความ
สุขสบาย และใช้เวลาที่เหลือในการบ�ำรุงขวัญและคงภารกิจให้เป็นผล
อย่างแท้จริง เมื่อก�ำลังพลในหน่วยได้รับความทุกข์ทรมานจากการ
บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ผู้น�ำที่มีความเข้าใจผู้อื่นจะสามารถช่วยบรรเทา
ความเจ็บปวดและความทุกข์ใจที่เกิดขึ้นในหน่วยเพื่อท�ำให้หน่วยมีความ
พร้อมปฏิบัติหน้าที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่ท�ำได้
๔-๔๔ ผู ้ น� ำ ยุ ค ใหม่ ยั ง ตระหนั ก ด้ ว ยว่ า ความสามารถในการเข้ า ใจ
ผู้อื่น นั้นรวมถึงการถนอมความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างก�ำลังพลของ
กองทัพบกกับบรรดาครอบครัว ผู้น�ำกองทัพบกในทุกระดับช่วยเหลือ
ครอบครัวให้มีความพอเพียงและมีพลานามัยที่ดี เพื่อสร้างกองก�ำลังที่
มีความพร้อม และเข้มแข็ง ทั้งนี้การท�ำความเข้าใจครอบครัวยังรวมถึง
การให้เวลาในการฟื้นฟูหลังจากที่ได้ปฏิบัติภารกิจอันหนักหน่วง ให้การ
ปกป้องในห้วงเวลาที่ต้องห่างจากหัวหน้าครอบครัว ผู้น�ำอาจจะอนุญาต
ให้มีการนัดหมายได้ในกรณีส�ำคัญ และสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยน
ข้อมูลข่าวสาร และการสร้างกลุ่มของครอบครัว
๔-๔๕ ความต้ อ งการให้ ผู ้ น� ำ มี ค วามเข้ า ใจในผู ้ อื่ น นี้ ยั ง ขยายไปยั ง
ข้าราชการพลเรือนกลาโหม ทหาร และครอบครัวของทหารภายในสภาพ
แวดล้อมของหน่วยขนาดใหญ่ ผู้น�ำที่มีความเข้าใจผู้อื่นอาจช่วยได้เมื่อ
ต้องท�ำงานกับประชาชนในท้องถิ่นและพวกเชลยศึก การจัดสิ่งที่มีความ
๔-18 บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ
จ�ำเป็นต่อชีวิตให้กับประชาชนท้องถิ่นในพื้นที่ปฏิบัติการ อาจท�ำให้คน
ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนใจมาให้ความร่วมมือกับฝ่ายเราได้ “วิธีดีที่สุด
ที่น�ำมาซึ่งชัยชนะอย่างถาวรคือท�ำให้ศัตรูกลายเป็นมิตร”
หัวใจนักรบ
๔-๔๖ ความจ�ำเป็นส�ำหรับการมี หัวใจนักรบ โดยเน้นให้เป็นแบบเดียวกัน
ทั่วทั้งกองทัพบก ทุกองค์กรมีวัฒนธรรมภายในองค์กรและมีลักษณะ
พื้นฐานของตัวเอง ลักษณะพื้นฐานนักรบที่แท้จริงต้องยึดถือตามค่านิยม
และแบบธรรมเนียมของกองทัพบก ทหารอบรมจิตใจให้มีหัวใจนักรบที่
ฝังลึกตามหลักจรรยาด้วยการแสดงอย่างชัดเจนต่อการให้ค�ำมั่นซึ่งไม่
เปลี่ยนแปลง นั่นคือการปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ เมื่อกล่าวถึงกองทัพบก
จะหมายรวมถึงหัวใจนักรบนีด้ ว้ ยเสมอแต่ความจ�ำเป็นของการแปรสภาพ
ต้องการความพยายามที่จะมั่นใจได้ว่าทหารทุกนายเข้าใจอย่างแท้จริง
และท�ำให้หัวใจนักรบ ปรากฏเป็นรูปธรรม
๔-๔๗ หัวใจนักรบกล่าวถึงความเชื่อและทัศนคติในวิชาชีพซึ่งอธิบาย
ถึงลักษณะของทหาร โดยย�้ำให้เห็นถึงการรับรู้เกี่ยวกับข้อก�ำหนดและ
สะท้อนให้เห็นความรับผิดชอบโดยไม่คำ� นึงถึงตนเองของทหารทีม่ ตี อ่ ชาติ
ภารกิจ หน่วย และเพื่อนทหารด้วยกัน หัวใจนักรบได้รับการพัฒนาและ
ด�ำรงไว้ได้ดว้ ย วินยั การให้คำ� มัน่ ทีม่ ตี อ่ ค่านิยมกองทัพบก และความภาค
ภูมิใจที่มีต่อสิ่งที่สืบทอดกันมาของกองทัพบก ซึ่งด�ำเนินอยู่ได้ด้วยทหาร
และการอุทิศตนของบรรดาข้าราชการพลเรือนกลาโหม หัวใจนักรบที่
แข็งแกร่งคือพื้นฐานส�ำหรับจิตวิญญาณในการเอาชนะซึ่งซึมซาบอยู่
ทั่วทั้งกองทัพบก
บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ ๔-19
ข้า คือนักรบและเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพบก
ข้า ปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน
ข้า ด�ำเนินชีวิตตามค่านิยมกองทัพบก
ข้า ค�ำนึงถึงภารกิจเหนือสิ่งอื่นใด
ข้า ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
ข้า ไม่ยอมเลิก
ข้า ไม่ทิ้งเพื่อนทหารไว้ข้างหลัง
ข้า เป็นผู้ได้รับการฝึกให้มีวินัย ฝึกกายใจให้แข็งแกร่ง ฝึกฝนจนมี
ความช�ำนาญในกิจและทักษะของนักรบ
ข้า รักษาไว้ซึ่งอาวุธยุทโธปกรณ์
และตัวข้าเอง
ข้า พร้อมไปวางก�ำลัง เข้าปะทะ ท�ำลายข้าศึกของประเทศ ด้วยการ
รบประชิด
ข้า คือผู้พิทักษ์อิสระ ส่งเสริมวิถีชีวิตเสรี
ของปวงชน
ข้าคือ ทหารมืออาชีพ
ภาพ ๔- ๑ หลักศรัทธาของทหาร
บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ ๔-21
การพัฒนาลักษณะผู้น�ำ
๔-๕๕ ผู้ที่เข้ารับราชการในกองทัพบกในฐานะทหารและข้าราชการ
พลเรือนกลาโหมในสังกัดกองทัพบกด้วยอุปนิสัยเดิม ซึ่งขัดเกลามาจาก
ภูมิหลัง ความเชื่อ การศึกษา และประสบการณ์ งานของผู้น�ำทางทหาร
จะง่ายขึน้ หากเพียงมีการตรวจสอบค่านิยมส่วนบุคคลของสมาชิกในหน่วย
ที่มีต่อค่านิยมกองทัพบก และพัฒนาแผนง่ายๆ ในการท�ำให้เป็นไปใน
แนวทางเดียวกัน ทั้งที่ในความจริงนั้นมีความแตกต่างกันมาก การเป็นผู้
ทีม่ นี สิ ยั ดีและเป็นผูน้ ำ� ทีม่ นี สิ ยั ดีเป็นกระบวนการรับราชการทีย่ าวนานซึง่
เกี่ยวข้องกับประสบการณ์วันต่อวัน การศึกษา การพัฒนาตนเอง การให้
ค�ำปรึกษาที่มีการพัฒนา การท�ำหน้าที่เป็นครูฝึก และการเป็นนายทหาร
พีเ่ ลีย้ ง คนทุกคนมีความรับผิดชอบในการพัฒนาอุปนิสยั ของตนเอง โดยที่
ผู้น�ำรับผิดชอบในการส่งเสริม สนับสนุน และประเมินความทุ่มเทของ
ผู ้ ใ ต้ บั ง คั บ บั ญ ชา การเป็ น ผู ้ น� ำ เกี่ ย วกั บ อุ ป นิ สั ย สามารถท� ำ ได้ โ ดย
ผ่านการศึกษา การไตร่ตรอง ประสบการณ์ และการตอบสนอง ผู้น�ำ
มั ก ยึ ด ถื อ ตนเองและต้ อ งการให้ ผู ้ ใ ต้ บั ง คั บ บั ญ ชามี ม าตรฐานสู ง สุ ด
มาตรฐานและค่านิยมเหล่านีจ้ ะแพร่กระจายไปในหน่วย หรือองค์กร และ
ทั่วทั้งกองทัพบกในที่สุด
๔-๕๖ การท�ำในสิ่งที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่ดี แต่การท�ำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อ
เหตุผลและเป้าหมายที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่ดีกว่า คนที่มีอุปนิสัยดีต้อง
ปรารถนาที่จะท�ำสิ่งใดๆ ด้วยหลักจริยธรรม ความรับผิดชอบพื้นฐาน
ของผู้น�ำประการหนึ่งคือการรักษาไว้ซึ่งการประพฤติตามหลักจริยธรรม
ไปพร้อมๆ กับสนับสนุนการพัฒนาลักษณะนิสัย โดยที่บรรยากาศเชิง
จริยธรรมขององค์กรเป็นสิ่งที่เพาะบ่มความประพฤติทางด้านคุณธรรม
จริยธรรม ความตั้งใจของคน เวลา ความคิด ความรู้สึก และปฏิบัติตน
๔-24 บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ
ตามหลักจริยธรรม หล่อหลอมให้พวกเขามีอุปนิสัยที่ดีอันเนื่องมาจาก
ลักษณะภายใน “สภาพแวดล้อม ท�ำให้ภาพลักษณ์ทหารเปลีย่ นแปลงไป”
ลักษณะผู้น�ำ และความเชื่อ
๔-๕๗ ความเชือ่ เป็นสิง่ ส�ำคัญเพราะช่วยให้คนเข้าใจถึงประสบการณ์ ซึง่
ท�ำให้มีจุดเริ่มต้นในการปฏิบัติประจ�ำวัน
ความเชื่อเป็นความมั่นใจในการยึดถือความจริง
ค่านิยมเป็นสิ่งเฉพาะส่วนบุคคลที่อยู่ในส่วนลึก ซึ่งก่อให้เกิด
ความประพฤติส่วนบุคคล ทั้งความเชื่อและค่านิยมนี้เปรียบเป็นหลัก
ส�ำคัญของอุปนิสัย “จงเชื่อมั่นในผู้บังคับบัญชา”
๔-๕๘ ผู ้ น� ำ ทางทหารควรตระหนั ก ถึ ง บทบาทของความเชื่ อ ใน
การเตรียมทหารเข้าสูส่ นามรบ ทหารมักต้องท�ำการต่อสูอ้ ยูบ่ อ่ ยครัง้ และ
เอาชนะ โอกาสความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ เมื่อมั่นใจใน
ความเชือ่ ส�ำหรับสิง่ ทีเ่ ข้าท�ำการต่อสู้ การน�ำทหารเข้าท�ำการรบด้วยความ
เชือ่ ในความยุตธิ รรม อิสระ และเสรีภาพจึงเป็นส่วนผสมส�ำคัญในการสร้าง
และรักษาไว้ซึ่งความตั้งใจที่จะต่อสู้และการเอาชนะ รวมทั้งหัวใจนักรบ
ก็เป็นอีกประการหนึ่งของความเชื่อในลักษณะแบบเดียวกันนี้
๔-๕๙ ความเชือ่ เป็นสิง่ ทีไ่ ด้รบั มาจากการเลีย้ งดูอบรมสัง่ สอน วัฒนธรรม
ภูมิหลังทางศาสนา และประเพณี ด้วยเหตุนี้ความเชื่อทางศีลธรรมที่แตก
ต่าง สืบเนื่องมาจากศาสนาและประเพณีซึ่งเกี่ยวกับปรัชญา ผู้น�ำทาง
ทหารรับใช้ชาติดว้ ยการปกป้องหลักการพืน้ ฐาน ซึง่ คนมีอสิ ระในการเลือก
ที่จะเชื่อ อย่างเช่น ความแข็งแกร่งของประเทศไทย ก็ได้รับประโยชน์มา
จากความแตกต่างเหล่านี้ ผูน้ ำ� ทีม่ ปี ระสิทธิภาพระมัดระวังทีจ่ ะท�ำสิง่ ทีข่ ดั
ต่อความเชื่อของผู้อื่นโดยการออกค�ำสั่ง หรือการส่งเสริมที่ผิดกฎหมาย
หรือการกระท�ำที่ไร้หลักจริยธรรม
บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ ๔-25
๔-๖๐ รัฐธรรมนูญของประเทศสะท้อนให้เห็นถึงหลักการพื้นฐานของ
ชาติ หนึง่ ในหลักการนีค้ อื การรับรองความเป็นอิสระในการนับถือศาสนา
กองทัพบกได้บรรจุค่านิยมไว้ในสิทธิ์ของทหารที่จะปฏิบัติตามหลักค�ำ
สอนของศาสนาที่ทหารเคารพซึ่งแตกต่างกันไปตามภูมิหลังของความ
รู้สึกผิดและชอบรวมทั้งการตัดสินส่วนบุคคล ในขณะที่ความเชื่อและ
การปฏิ บั ติ ท างศาสนายั ง คงเป็ น การตั ด สิ น ใจของความรู ้ สึ ก ผิ ด ชอบ
ของแต่ละบุคคล ผู้น�ำทางทหารมีหน้าที่รับผิดชอบในการท�ำให้ทหาร
และข้าราชการพลเรือนกลาโหมมั่นใจได้ว่ามีโอกาสที่จะปฏิบัติตามค�ำ
สอนในศาสนาของตน ผูบ้ งั คับบัญชามีหน้าทีท่ ำ� ให้เป็นไปตามระเบียบมัก
จะอนุมัติการร้องขอที่เอื้ออ�ำนวยต่อการปฏิบัติทางศาสนา เว้นแต่ว่าการ
ปฏิบตั นิ นั้ จะมีผลกระทบต่อความพร้อมของหน่วย ความพร้อมของบุคคล
ความสามัคคีของหน่วย ขวัญ วินยั ความปลอดภัย และ/หรือสุขภาพ ด้วยเหตุ
นี้จึงไม่มีผู้น�ำคนใดใช้อ�ำนาจบังคับ หรือท�ำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาล�ำบากใจ
ด้วยการอ้างอิงถึงเรือ่ งทีเ่ กีย่ วกับศาสนา อนุศาสนาจารย์ทำ� หน้าทีเ่ ป็นฝ่าย
อ�ำนวยการทางด้านศาสนาซึง่ ได้รบั การฝึกมาเป็นพิเศษและมีความรับผิด
ชอบเฉพาะในการให้ความมั่นใจขณะท�ำการฝึก รวมทั้งให้ค�ำแนะน�ำและ
คอยช่วยเหลือให้กับผู้น�ำทางทหารทุกระดับชั้น “สร้างนักรบด้วยการฝึก
สร้างขุนศึกด้วยการศึกษา สร้างผู้บังคับบัญชาด้วยคุณธรรม”
๔-๖๑ เชลยศึกไทยสมัยสงครามเกาหลี และสงครามเวียดนามได้แสดง
ถึงสาระส�ำคัญของความเชื่อที่ได้รับการปลูกฝังจากวัฒนธรรม ซึ่งช่วยให้
พวกเขาทนทานต่อความยากล�ำบากของการถูกกักขัง
๔-26 บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ
ลักษณะผู้น�ำ และจริยธรรม
๔-๖๒ ค่านิยมซึ่งกองทัพบกรวบรวมมาจากการยึดมั่นต่อหลักการอัน
เป็นสิ่งส�ำคัญต่อการส่งเสริมมาตรฐานความประพฤติในเชิงจริยธรรมขั้น
สูง เนือ่ งจากความประพฤติอนั ไร้จริยธรรมเป็นการท�ำลายขวัญและความ
สามัคคีขององค์กรได้อย่างรวดเร็ว เป็นการบ่อนท�ำลายความไว้วางใจและ
ความมัน่ ใจของการท�ำงานเป็นทีมและการบรรลุภารกิจ การกระท�ำในสิง่
ที่ถูกต้องด้วยความประสานสอดคล้องกัน เป็นการสร้างความแข็งแกร่ง
ให้กับอุปนิสัยในตัวบุคคล และขยายการสร้างวัฒนธรรมการไว้วางใจไป
ทั่วทั้งองค์กร
๔-๖๓ จริยธรรมเป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่คนใดคนหนึ่งจะประพฤติตน
อย่างไร ค่านิยมแสดงถึงความเชื่อที่เขามี ค่านิยม ๗ ประการของกอง
ทัพบกเป็นตัวแทนของความเชื่อร่วมซึ่งผู้น�ำคาดหวังที่จะสนับสนุนและ
ส่งเสริมด้วยการกระท�ำของก�ำลังพลและครอบครัว การแปรจริยธรรมที่
ต้องการไปเป็นค่านิยมภายในอันน�ำไปสู่การประพฤติจริงเป็นเรื่องของ
การมีเสรีที่จะเลือกปฏิบัติ
๔-๖๔ การประพฤติตามหลักจริยธรรมสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมและ
ความเชื่อ ของทหารและข้าราชการพลเรือนกลาโหมในกองทัพบกที่ยึด
มัน่ ในค่านิยมกองทัพบกเนือ่ งจากต้องการด�ำเนินชีวติ ด้วยการมีจริยธรรม
และปฏิญาณตนต่อค่านิยมนั้นเพราะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง การรับเอา
ค่านิยมที่ดีมีความส�ำคัญในการสร้างลักษณะของผู้น�ำ ท�ำให้มีทางเลือก
ทางด้านจริยธรรม
บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ ๔-27
การคิด และการบูรณาการในองค์รวมของกองทัพบกแบบเป็นทางการ
การพิจารณาทางจริยธรรมเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติในระหว่างทุกขั้น
ตอนของกระบวนการแบบเป็นทางการ จากการระบุถึงปัญหาตลอดจน
การตัดสินใจและน�ำไปสู่การปฏิบัติจริยธรรมเป็นการพิจารณาที่ชัดเจน
ต่อการเลือกป้องกัน ไม่ให้เกิดการกระท�ำที่ไม่ถูกต้องตามธรรมโดย
ท�ำการวิเคราะห์เปรียบเทียบทางเลือกที่เป็นไปได้
๔-๖๙ ทางเลือกตามหลักจริยธรรม อาจอยู่ระหว่าง “ถูก” กับ “ผิด”
“เงามืดของสีเทา” หรือ “ถูกทั้งสอง” ศูนย์กลางของปัญหาบางประการ
อยูร่ ะหว่างภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทีต่ อ้ งพิจารณาให้เป็นไปตามหลัก
จริยธรรมให้มากยิง่ ขึน้ ผูน้ ำ� ใช้ทศั นคติ ทีห่ ลากหลายเพือ่ ทีจ่ ะคิดเกีย่ วกับ
ปัญหาทางด้านจริยธรรม การประยุกต์ใช้ทั้ง ๓ ทัศนคติเพื่อพิจารณาทาง
เลือกตามหลักจริยธรรม ให้มากที่สุด หนึ่งในทัศนคติได้มาจากมุมมอง
ทางด้านคุณธรรม ได้แก่ ความกล้าหาญ ความยุติธรรม และความเมตตา
กรุณา ซึ่งท�ำให้เกิดผลลัพธ์ในเชิงจริยธรรม ทัศนคติ ด้านที่ ๒ มาจากกฎ
ต่าง ๆ หรือค่านิยมทีม่ กี ารตกลงกันไว้ อย่างเช่น ค่านิยมกองทัพบก สิทธิที่
ก�ำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญ และทัศนคติ ด้านสุดท้ายตั้งอยู่บนผลที่ตามมา
ของการตัดสินใจในสิง่ ทีด่ ที สี่ ดุ ให้ได้ปริมาณมากทีส่ ดุ เป็นสิง่ ทีพ่ งึ ประสงค์
๔-๗๐ ค�ำสัตย์จริงที่ผู้น�ำในกองทัพบกได้กล่าวเมื่อปฏิญาณตน บุคคล
เหล่านีจ้ งึ เป็นผูท้ สี่ มควรกระท�ำในสิง่ ทีถ่ กู ต้องบนเหตุผลทีถ่ กู ต้องอยูต่ ลอด
เวลา อันท�ำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติตามผู้น�ำเสมอมากกว่าที่จะท�ำ
ไปด้วยความช�ำนาญในทางเทคนิคและทางยุทธวิธี พวกเขาต้องปฏิบตั ติ าม
การตัดสินใจทีด่ ซี งึ่ รวมถึงด้านจริยธรรมของผูน้ ำ� ทัง้ นีก้ ารตัดสินว่าสิง่ ใดดี
และไม่ดีเป็นสิ่งที่กระท�ำได้ยาก สิ่งที่ป้องกันไม่ให้ท�ำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องคือ
บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ ๔-29
ความเข้าใจในค�ำกล่าวของขงจื้อที่สอนลูกศิษย์ เมื่อต้องเดินทางไปรับ
ราชการเป็นแม่ทัพใหญ่ความว่า “จงอย่าชายตามอง คิด หรือหวัง ในสิ่ง
ที่เป็นความเลว”
๔-๗๑ ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในการตัดสินใจตามหลักจริยธรรม
มิได้เป็นสิ่งใหม่ส�ำหรับผู้น�ำ การได้รับข่าวกรองภายในเวลาที่เหมาะสม
และมีคุณค่าจากผู้ก่อการที่ถูกกักขังหรือนักโทษฝ่ายข้าศึกเป็นสิ่งส�ำคัญ
มาตรการใดจึงจะเหมาะสมกับการได้มาซึ่งข้อมูลข่าวสารส�ำคัญยิ่งจาก
ฝ่ายข้าศึกที่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้? การที่หน่วยเหนือเข้าใจได้อย่าง
ชัดเจนอาจแสดงให้เห็นว่าท�ำไมบางครั้งผู้ใต้บังคับบัญชาจึงผลักดันข้อ
จ�ำกัดของขอบข่ายงานว่าเป็นไปตามกฎหมาย โดยเชื่อว่าก�ำลังท�ำหน้าที่
จะไม่มีสิ่งใดที่เป็นอันตรายเมื่อมองจากด้านจริยธรรม รวมทั้งไม่ท�ำให้
กองทัพบกเสียชื่อเสียงหรือเสียภารกิจ หากมีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้น
เป็นค�ำถามที่ชัดเจน ค�ำตอบก็คือ ค่านิยมกองทัพบกจะน�ำทุกคนเข้ามา
เกีย่ วข้องโดยไม่คำ� นึงถึงชัน้ ยศเพือ่ ด�ำเนินการอย่างใดอย่างหนึง่ ทัง้ นีเ้ ป็น
ความรับผิดชอบและหน้าที่ของผู้น�ำในการค้นคว้าค�ำสั่ง กฎ ระเบียบ ที่
ส�ำคัญ มีความเกี่ยวเนื่องกัน และตรงประเด็น เพื่อให้เกิดความชัดเจน
ของการออกค�ำสั่ง ป้องกันความเข้าใจที่อาจน�ำไปสู่การแปรเป็นการท�ำ
ผิดกฎหมาย หรือการน�ำไปใช้ในทางที่ผิด
๔-๗๒ ในทางปฏิบัติเหตุผลทางจริยธรรมเป็นสิ่งซับซ้อนที่ต้องระลึก
ไว้เสมอ กระบวนการในการแก้ปัญหาภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทาง
ด้านจริยธรรมเกี่ยวข้องกับการคิดเชิงวิกฤตซึ่งอยู่บนพื้นฐานของค่านิยม
กองทัพบก ไม่มีสูตรใดตายตัว สิ่งที่ได้รวมไว้ในค่านิยมกองทัพบกเพื่อใช้
ในการปกครองการปฏิบตั ขิ องบุคคล ให้เข้าใจระเบียบและค�ำสัง่ การเรียน
๔-30 บทที่ ๔ ลักษณะผู้น�ำ
สิ่งที่ผู้น�ำควรมี
คือ
ความมั่นใจในตนเอง
และจริยธรรม
บทที่ ๕
การแสดงออกของผู้น�ำ
ภาวะผู้น�ำมิใช่คุณสมบัติทางธรรมชาติ ซึ่งมีการสืบทอดได้
เหมือนกับสีของดวงตาหรือผม อันที่จริงแล้ว ภาวะผู้น�ำ คือ ทักษะซึ่ง
สามารถศึกษาได้ เรียนรู้ได้ และสมบูรณ์ได้จากการปฏิบัติ
๕-๑ การที่ผู้น�ำท�ำให้ผู้อื่นเกิดความประทับใจมีส่วนท�ำให้ประสบความ
ส�ำเร็จในการน�ำ ทัง้ นีก้ ารทีผ่ อู้ นื่ ยอมรับในตัวผูน้ ำ� ได้นนั้ ขึน้ อยูก่ บั ลักษณะ
ภายนอก พฤติกรรม ค�ำพูด และการกระท�ำของผู้น�ำ
๕-๒ ผูใ้ ต้บงั คับบัญชาจ�ำเป็นต้องมีวธิ กี ารคาดเดาผูน้ ำ� ของตนซึง่ ขึน้ อยูก่ บั
การที่ผู้น�ำอยู่ ณ จุดใด ในระดับองค์กร ในระดับยุทธศาสตร์ผู้น�ำสามารถ
ไปได้ทกุ หนแห่ง รวมทัง้ ในทีม่ สี ภาพเลวร้ายทีส่ ดุ ทีจ่ ะแสดงให้เห็นว่าผูน้ ำ�
เอาใจใส่ดแู ล ไม่มแี รงบันดาลใจใดทีย่ งิ่ ใหญ่ไปกว่าการทีผ่ นู้ ำ� อยูร่ ว่ มหัวจม
ท้ายด้วยแม้ในยามทุกข์ยากและมีอันตราย การปฏิบัติหน้าที่ท�ำให้ผู้น�ำมี
ความรู้ปฐมภูมิ เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่แท้จริงที่ทหารหรือข้าราชการ
พลเรือนกลาโหมก�ำลังเผชิญอยู่ ซึง่ คนเหล่านีเ้ ป็นผูท้ ไี่ ด้เห็นหรือได้ยนิ เมือ่
ผูบ้ งั คับบัญชารับรูแ้ ละชืน่ ชมทีห่ น่วยได้รบั มอบหมายให้ทำ� งานส�ำคัญด้วย
ความทุกข์ยาก และเสี่ยงอันตราย
๕-๓ การแสดงออกมิได้หมายถึงสิ่งที่ผู้น�ำแสดงให้เห็น ณ เวลานั้น
เท่านั้น ยังเกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของผู้น�ำด้วย การแสดงออกเป็นการ
ถ่ายทอดความเป็นตัวตนของผู้น�ำโดยผ่านทางค�ำพูด การกระท�ำ และ
ลักษณะท่าทาง ส่วนชือ่ เสียงถ่ายทอดได้จากการทีผ่ อู้ นื่ ให้การเคารพ การ
๕-2 บทที่ ๕ การแสดงออกของผู้น�ำ
บัญชา ภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพในหน้าที่
ความแข็งแรงสมบูรณ์ทางร่างกาย มีสข ุ ภาพดีทงั้ ร่างกาย
และจิตใจ แข็งแรง อดทน และความสามารถเชิงความคิดภายใต้สภาพ
ความกดดันที่ยืดเยื้อ
ความมัน ่ ใจ แสดงให้เห็นถึงความมัน่ ใจในตนเองและความ
แน่นอนด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของหน่วยที่จะประสบความส�ำเร็จ
ในสิ่งใด ๆ ที่ปฏิบัติ สามารถท�ำให้เห็นถึงความสงบของจิตใจและความ
สงบที่สามารถมองเห็นได้ผ่านการควบคุมอยู่เหนืออารมณ์ได้อย่างมั่นคง
ความยืดหยุ่น การแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่จะฟื้นฟูจาก
ลักษณะท่าทางของผู้น�ำทางทหาร
๕-๕ ความภาคภูมิใจในตนเองเริ่มจากภาพลักษณ์ ผู้น�ำกองทัพบกได้
รับการคาดหวังว่าจะเป็นผู้ที่มีความเป็นทหารมืออาชีพ พวกเขาต้องรู้
วิธีการสวมเครื่องแบบหรือชุดพลเรือนที่มีความเหมาะสม และท�ำด้วย
ความภาคภูมิใจ ทหารที่ปรากฏตัวในที่สาธารณะด้วยเครื่องแบบที่ไม่ติด
กระดุม หรือใส่ชดุ เขียวคอแบะแล้วไม่ผกู เนกไทซึง่ ไม่ได้แสดงถึงความภาค
ภูมใิ จและความเป็นทหารมืออาชีพ และยังท�ำให้ในสายตาของประชาชน
เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อหน่วย และเพื่อนทหาร นอกจากนี้การมีส่วน
สูง และน�้ำหนักตามเกณฑ์ที่ก�ำหนดยังเป็นส่วนหนึ่งของบทบาทในความ
เป็นมืออาชีพ การที่ผู้น�ำแสดงออกถึงมารยาท และภาพลักษณ์ทางทหาร
เป็นการบ่งบอกที่ชัดเจนว่า
“ข้าพเจ้ามีความภาคภูมิใจในเครื่องแบบ หน่วย และประเทศชาติ”
๕-๖ ทักษะของความเป็นทหารมืออาชีพ ได้แก่ ความแข็งแรงสมบูรณ์ของ
ร่างกาย มารยาท ภาพลักษณ์ทางทหารทีเ่ หมาะสม ซึง่ สามารถช่วยให้ผา่ น
พ้นสถานการณ์ทยี่ งุ่ ยากได้ ทหารมืออาชีพแสดงภาพลักษณ์ดว้ ยเกียรติ
เพราะว่าเป็นสิ่งที่ท�ำให้ได้รับความเคารพ การเป็นทหารมืออาชีพต้องมี
คุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ดว้ ย “เขามองดูดเี นือ่ งจากเขาท�ำดี”
สมรรถภาพทางด้านสุขภาพ
๕-๗ โรคภัยไข้เจ็บยังคงเป็นศัตรูที่ทรงอ�ำนาจในสนามรบสมัยใหม่ การ
รักษาสุขภาพและความแข็งแรงสมบูรณ์ทางร่างกายเป็นสิ่งส�ำคัญในการ
ป้องกันทหารจากโรคภัยไข้เจ็บ และท�ำให้เขาแข็งแกร่งพร้อมที่จะเผชิญ
กับผลกระทบทางด้านจิตวิทยาเมื่อต้องเข้าสู่สนามรบ ทหารจะมีความ
๕-4 บทที่ ๕ การแสดงออกของผู้น�ำ
คุ้นเคยกับระบบสนามรบที่มีความซับซ้อน เช่นเดียวกับรถถังที่ต้องมีการ
ปรนนิบัติบ�ำรุงและเติมน�้ำมัน ทหารต้องมีการฝึก พักผ่อนนอนหลับให้
เพียงพอ และได้รับอาหารและน�้ำอย่างเพียงพอต่อการท�ำงานหนัก
๕-๘ ความแข็ ง แรงสมบู ร ณ์ ท างด้ า นสุ ข ภาพหมายถึ ง การท� ำ ทุ ก วิ ถี
ทางที่จะท�ำให้มีสุขภาพที่ดี รวมทั้งการปฏิบัติตามวงรอบการทดสอบ
ร่างกาย การรักษาสุขภาพในช่องปาก การดูแลเครื่องแต่งกาย ทรงผม
ต้องเรียบร้อย การรักษาความสะอาด การสร้างภูมิคุ้มกันโรค และการ
เอาใจใส่ดูแลสุขภาพทางด้านจิตใจ การรักษาสุขภาพ และสุขลักษณะ
ของทหารปฏิบตั ไิ ด้ผลสูงสุดในสภาพแวดล้อมของการปฏิบตั กิ าร ถ้าหาก
ผู้บังคับหมู่คนหนึ่งของหมวดที่ได้รับฝึกเป็นอย่างดีเกิดเจ็บป่วยขึ้น แสดง
ว่าเกิดจุดอ่อนขึ้นในห่วงโซ่ และท�ำให้ทั้งหมู่นั้นเกิดความอ่อนแอและมี
ความสามารถในการท�ำลายได้นอ้ ยลง ความแข็งแรงสมบูรณ์ของสุขภาพ
ยังรวมถึงการหลีกเลี่ยงสิ่งที่บั่นทอนต่อสุขภาพ ได้แก่ การเสพสารผิด
กฎหมาย การมีน�้ำหนักตัวมากเกินไป การดื่มสุราจนไม่สามารถควบคุม
สติของตนเองได้ และการสูบบุหรี่
สมรรถภาพทางด้านร่างกาย
๕-๙ ความพร้อมของหน่วยเริ่มจากความพร้อมทางร่างกายของทหาร
และผู้น�ำหน่วย ส�ำหรับการรบที่ต้องใช้ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และ
อารมณ์ ความสมบูรณ์ทางร่างกายมีความส� ำคัญมากต่อความส�ำเร็จ
ในสนามรบ มีความส�ำคัญต่อก�ำลังพลทุกคนของกองทัพบกไม่ใช่เพียง
เฉพาะทหารเท่านั้น ความสมบูรณ์ของร่างกายจะท�ำให้คนรู้สึกว่าตนเอง
มีความสามารถและมีความมั่นใจมากขึ้น สามารถควบคุมความกดดันได้
ดีขึ้น ท�ำงานได้นานและยากขึ้น และฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้เป็น
คุณสมบัติที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าในทุกสภาพแวดล้อม
บทที่ ๕ การแสดงออกของผู้น�ำ ๕-5
ความมั่นใจในตนเอง
๕-๑๓ ความมั่นใจเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือซึ่งเป็นความสามารถที่ผู้น�ำต้องมี
เพื่อให้ปฏิบัติได้เหมาะสมในทุกสถานการณ์ แม้ภายใต้ความกดดันที่มี
ข้อมูลข่าวสารเพียงเล็กน้อย ผู้น�ำที่มีความมั่นใจคือผู้ซึ่งรู้คุณลักษณะที่
พึงประสงค์และมีความเชื่อมั่นในตนเอง ซึ่งพัฒนามาจากคุณลักษณะที่
พึงประสงค์ในความเป็นทหารมืออาชีพ การมีความเชื่อมั่นในตนเองมาก
ไปอาจท�ำให้เสียหายได้เช่นเดียวกับการขาดความเชื่อมั่น ทั้งสองสิ่งนี้ขัด
ขวางการเรียนรู้ และการท�ำให้เหมาะสม ค�ำพูดวางโต คุยโว หรือยกตนเอง
ไม่ใช่ความมัน่ ใจ ผูน้ ำ� ทีม่ คี วามมัน่ ใจไม่จำ� เป็นต้องโฆษณาตนเอง เพราะ
การกระท�ำจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ความสามารถ
๕-๑๔ ความมั่นใจเป็นสิ่งส�ำคัญต่อผู้นำ� และหน่วย ความมั่นใจของผู้นำ�
ที่ดีจะท�ำให้มีผู้เอาเป็นแบบอย่างและแทรกซึมไปทั่วทั้งหน่วยได้อย่าง
รวดเร็วโดยเฉพาะในสถานการณ์ทเี่ ลวร้าย ในสนามรบผูน้ ำ� ทีม่ คี วามมัน่ ใจ
ช่วยให้ทหารควบคุมความเคลือบแคลง รวมทั้งลดความกระวนกระวาย
การผสมผสานความตั้งใจที่เข้มแข็งและวินัยในตนเอง และความมั่นใจ
กระตุ้นให้ผู้น�ำท�ำในสิ่งที่ต้องท�ำในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่น่าจะง่ายกว่าการ
ไม่ได้ท�ำอะไรเลย
ความยืดหยุ่น
๕-๑๕ ผู้น�ำที่มีความยืดหยุ่นจะสามารถฟื้นฟูจากความพ่ายแพ้ ความ
ตกใจ การบาดเจ็บ และความกดดันจากการด�ำรงไว้ซึ่งภารกิจและเพ่ง
ความสนใจให้กับหน่วย ความยืดหยุ่นจะตั้งอยู่บนความตั้งใจที่มีจากแรง
ขับเคลื่อนภายในที่จะบังคับให้ผู้น�ำต้องท�ำต่อไป แม้จะหมดเรี่ยวแรง
หิว กลัว หนาวสั่น และตัวเปียกชื้น ความยืดหยุ่นจะช่วยให้ผู้น�ำและ
หน่วยฝ่าฟันภารกิจที่ยุ่งยากไปสู่ความส�ำเร็จได้
บทที่ ๕ การแสดงออกของผู้น�ำ ๕-7
๕-๑๖ ความยืดหยุ่นและความตั้งใจที่จะประสบความส�ำเร็จไม่เพียงพอ
ส�ำหรับการผ่านพ้นวันอันยากล�ำบาก คุณลักษณะที่พึงประสงค์เป็นสิ่งที่
น�ำพาพลังแห่งความตั้งใจจริงมุ่งไปสู่หนทางปฏิบัติที่ทำ� ให้ประสบความ
ส�ำเร็จ และได้รบั ชัยชนะในสนามรบ กิจอันเป็นเลิศของผูน้ ำ� ก็คอื การเพาะ
นิสัยให้มีความยืดหยุ่น และชนะใจผู้ใต้บังคับบัญชาให้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้อง
เริ่มต้นด้วยความยากและการฝึกที่สมจริง
๕-๑๗ ความยืดหยุน่ เป็นสิง่ ทีจ่ �ำเป็นเมือ่ ต้องการมุง่ ไปสูก่ ารบรรลุภารกิจ
ไม่วา่ จะมีเงือ่ นไขใดในการท�ำงาน ทัศนคติสว่ นบุคคลทีเ่ ข้มแข็งก็จะช่วยให้
มีชยั ชนะเหนือเงือ่ นไขภายนอกซึง่ ไม่เป็นผลดีได้ ก�ำลังพลทุกคนในกองทัพ
บก ได้แก่ ทหารประจ�ำการ กองก�ำลังส�ำรอง หรือข้าราชการพลเรือน
กลาโหม จะได้รับประสบการณ์จากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ดูเหมือนง่ายที่
จะเลิกท�ำกิจต่าง ๆ มากกว่าที่ท�ำให้เสร็จ ในช่วงเวลาเช่นนี้เองที่ทุกคน
ต้องการพลังที่มาจากข้างในอันจะท�ำให้ภารกิจเสร็จสมบูรณ์ ในยามที่
เกิดสิ่งเลวร้ายผู้น�ำจึงต้องดึงพลังจากภายในมาช่วยให้เกิดความอุตสาหะ
พยายาม “ผู้น�ำคือผู้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชาภาคภูมิใจ
พึ่งพาตนเองได้ มั่นใจ พร้อมน�ำพาตนเองไปสู่ ความเป็นและความตายที่
รออยู่เบื้องหน้าได้ด้วยสติปัญญาของตนเอง”
๕-8 บทที่ ๕ การแสดงออกของผู้น�ำ
การแสดงออกของผู้น�ำทางทหาร
- ลักษณะท่าทาง
- ความสมบุรณ์แข็งแรงของร่างกาย
และจิตใจ
- ความมั่นใจ
- ความยืดหยุ่น
บทที่ ๖
สติปัญญาของผู้น�ำ
๖-๑ สติปัญญาของผู้น�ำในกองทัพบกดึงแนวโน้มทางจิตใจและไหวพริบ
ปฏิภาณ เพือ่ การปรับความสามารถทีเ่ กีย่ วกับกรอบความคิด อันเป็นการ
ประยุกต์ใช้กบั หน้าทีแ่ ละความรับผิดชอบของคนใดคนหนึง่ ความสามารถ
ทีเ่ กีย่ วกับกรอบความคิดท�ำให้มกี ารตัดสินใจทีด่ กี อ่ นทีจ่ ะลงมือปฏิบตั ติ าม
แนวความคิดหรือแผนใด ๆ ซึง่ จะช่วยให้ผนู้ �ำคิดอย่างสร้างสรรค์ มีเหตุผล
ด้วยการวิเคราะห์ วิจารณ์ได้ อย่างมีศีลธรรมจริยธรรม และเป็นไปตาม
วัฒนธรรมทีม่ คี วามอ่อนไหว เพือ่ พิจารณาในสิง่ ทีไ่ ม่ตงั้ ใจให้เกิดขึน้ ให้มผี ล
ตามมาดัง่ ทีต่ งั้ ใจ เหมือนกับคนทีเ่ ล่นหมากรุกทีพ่ ยายามคาดการณ์ไว้ลว่ ง
หน้าว่าฝ่ายตรงข้ามจะเดินหมาก ๓ ถึง ๔ ตาอย่างไร (ปฏิบัติ – ตอบโต้
– ต่อต้านการตอบโต้) ผู้น�ำต้องคิดให้ครบว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเพื่อการ
ตัดสินใจ ซึง่ ในบางครัง้ เป็นการตัดสินใจทีอ่ ยูน่ อกเหนือไปจากห่วงโซ่ของ
เหตุการณ์ ดังนัน้ ผูน้ �ำจึงต้องพยายามทีจ่ ะประมาณสถานการณ์ และผลก
ระทบทีม่ ตี อ่ ค�ำสัง่ ครัง้ ทีส่ อง ครัง้ ทีส่ าม ของการปฏิบตั แิ ต่ละครัง้ ถึงแม้วา่
จะเป็นการปฏิบัติของผู้น�ำระดับต�่ำกว่าก็อาจมีผลกระทบนอกเหนือไป
จากสิ่งที่คาดไว้เช่นกัน
๖-๒ องค์ ป ระกอบของแนวความคิ ด ที่ มี ผ ลกระทบต่ อ สติ ป ั ญ ญา
ของผู้น�ำ ประกอบด้วย
- ไหวพริบปฏิภาณ - ดุลยพินิจอันเที่ยงตรง
- นวัตกรรม - ความแนบเนียน
- ความรู้ทางทหาร
๖-2 บทที่ ๖ สติปัญญาของผู้น�ำ
ไหวพริบปฏิภาณ
๖-๓ ไหวพริบปฏิภาณ หรือความว่องไวทางจิตใจ หมายถึง ความยืดหยุน่
ของจิตใจ ความสามารถในการคาดการณ์ล่วงหน้า หรือปรับให้เข้ากับ
สถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ไหวพริบปฏิภาณเป็นการช่วยให้คดิ ให้ถว้ นถีเ่ กีย่ วกับผลกระทบของค�ำสัง่
ที่สอง และที่สาม ของการตัดสินใจ ณ ปัจจุบัน หรือการปฏิบัติไม่ได้รับ
ผลกระทบตามทีต่ อ้ งการ ซึง่ ช่วยให้หลุดออกจากรูปแบบความคิดทีเ่ คยชิน
เพื่อที่จะนึกขึ้นได้โดยทันทีเมื่อเผชิญกับทางตัน และสามารถประยุกต์
ใช้มุมมองหลายๆ ด้านส�ำหรับพิจารณาหนทางปฏิบัติหรือทางเลือกใหม่
๖-๔ ไหวพริบปฏิภาณ มีความส�ำคัญต่อภาวะผู้น�ำทางทหาร เนื่อง
เพราะว่านักการทหารที่ยิ่งใหญ่จะปรับตัวเพื่อต่อสู้กับข้าศึกศัตรูไม่ใช่กับ
แผนที่วางไว้ ผู้น�ำที่มีไหวพริบปฏิภาณ มักจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับ
การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและการวางแผนที่ไม่สมบูรณ์เพื่อ
ให้พร้อมทีจ่ ะจัดการกับปัญหาไว้ลว่ งหน้า ส่วนไหวพริบปฏิภาณ ซึง่ อยูใ่ น
การปฏิบัติการหมายถึงความสามารถในการสร้างสรรค์ความมุ่งประสงค์
เฉพาะ ท�ำให้เป็นหน่วยที่มีความคิดสร้างสรรค์เชิงยุทธวิธีซึ่งจะปรับให้
เหมาะสมสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยผู้น�ำสามารถเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมเพื่อให้ง่ายต่อการส่งผ่านจากสงครามที่มีการด�ำเนินกลยุทธ์
แบบเต็มอัตราศึกไปเป็นการปฏิบัติการเพื่อเสถียรภาพ เป็นต้น
๖-๕ พื้นฐานไหวพริบปฏิภาณ คือความสามารถในการให้เหตุผลอย่าง
พินิจพิเคราะห์ โดยการเปิดใจให้กว้างในทุกความเป็นไปได้จนกระทั่งได้
ทางเลือกทีเ่ หมาะสมทีส่ ดุ ความคิดเชิงวิกฤตเป็นกระบวนการความคิด
ซึ่งมีความมุ่งหมายในการค้นหาให้ได้ความจริงเมื่อการสังเกตโดยตรง
บทที่ ๖ สติปัญญาของผู้น�ำ ๖-3
ดุลยพินิจอันเที่ยงตรง
๖-๙ ดุลยพินิจเป็นสิ่งที่ควบคู่กับไหวพริบปฏิภาณ ซึ่งต้องการความ
สามารถในการประเมินสถานการณ์หรือกรณีแวดล้อมต่าง ๆ ได้อย่างหลัก
แหลม และดึงบทสรุปที่เป็นไปได้ออกมา ดุลยพินิจที่ดีสามารถท�ำให้ผู้น�ำ
มีความเห็นทีต่ รง ท�ำให้เกิดการตัดสินใจทีส่ มควร และการเดาทีน่ า่ เชือ่ ถือ
ทัง้ นีห้ ากตัง้ อยูบ่ นพืน้ ฐานของความสอดคล้องกันจึง เป็นสิง่ ส�ำคัญต่อผูน้ ำ�
ที่ประสบความส�ำเร็จ ซึ่งได้มาจากประสบการณ์เป็นส่วนมาก ผู้น�ำมักจะ
ได้ประสบการณ์จากการลองผิดลองถูก และการดูจากประสบการณ์ของ
ผู้อื่น การเรียนรู้ประสบการณ์ผู้อื่น การได้เป็นนายทหารพี่เลี้ยง การ
ฝึกสอนโดยนายทหารอาวุโส เพื่อนร่วมงานในระดับเดียวกัน หรือแม้แต่
ผู้ใต้บังคับบัญชาบางคน นอกจากนั้นการเพิ่มพูนประสบการณ์ยังได้แก่
การพัฒนาตนเองโดยการอ่านอัตประวัติของบุคคลต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้
จากความส�ำเร็จ และความล้มเหลวจากบุคคลเหล่านั้น
๖-๑๐ บ่อยครัง้ ทีผ่ นู้ ำ� ต้องปกปิดความจริงเอาไว้ รวมทัง้ ข้อมูลทีน่ า่ สงสัย
และใช้ความอดทนสูงเพือ่ การตัดสินใจทีม่ คี ณ ุ ภาพ ดุลยพินจิ ทีด่ ชี ว่ ยให้เกิด
การตัดสินใจทีด่ สี ดุ ในสถานการณ์ทกี่ ำ� ลังเผชิญอยู่ สิง่ นีเ้ ป็นคุณสมบัตหิ ลัก
ของการบังคับบัญชา และการเปลี่ยนผ่านจากความรู้ไปเป็นความเข้าใจ
และการด�ำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ
๖-๑๑ ดุลยพินิจที่ดีเป็นการเสริมสร้างความสามารถในการพิจารณา
หนทางปฏิบัติที่เป็นไปได้ และตัดสินใจว่าจะกระท�ำสิ่งใด อีกทั้งยังท�ำให้
มีการพิจารณาถึงผลที่ตามมาและมีการคิดอย่างมีแบบแผนก่อนที่จะ
เลือกหนทางปฏิบตั ิ สิง่ ทีช่ ว่ ยให้สามารถตัดสินได้ดี ได้แก่ เจตนารมณ์ของ
บทที่ ๖ สติปัญญาของผู้น�ำ ๖-5
อย่างมาก หากผู้น�ำไม่สามารถควบคุมตนเองได้แล้วก็ไม่ต้องคาดหวังว่า
ผู้ใต้บังคับบัญชาจะสามารถควบคุมตนเองได้เช่นกัน
ปัจจัยในการแสดงอารมณ์
ใคร ๆ ก็โกรธได้ – ซึ่งเป็นเรื่องง่าย... แต่ การโกรธให้ถูกคน ถูกเรื่อง ถูก
เวลา และถูกวิธี ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทุกคนจะท�ำได้
อริสโตเติล นักปรัชญา ชาวกรีก
และอาจารย์ของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช
๖-๒๑ การควบคุมตนเองของผู้น�ำ การรักษาสมดุล และความมั่นคง
เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลสูงต่อความสามารถในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น มนุษย์
อยู่ได้ด้วยความหวัง ความกลัว ความกังวล และความฝัน ความเข้าใจ
เกี่ยวกับสิ่งจูงใจและความอดทนถูกจุดประกายด้วยพลังแห่งอารมณ์
ซึง่ เป็นเครือ่ งมือทีท่ รงอ�ำนาจของผูน้ ำ� การให้ผลสะท้อนกลับในเชิงก่อให้
เกิดแรงบันดาลใจ ก่อให้เกิดประโยชน์และจะช่วยระดมพลังแห่งอารมณ์
ความรู้สึกของทุกคนในหน่วยให้สามารถบรรลุภารกิจอันหนักหน่วง
ในเวลายากล�ำบากได้
๖-๒๒ การควบคุมตนเอง การรักษาสมดุล และการมีความมั่นคงทาง
จิตใจยังช่วยให้สร้างทางเลือกในเชิงศีลธรรมได้อย่างถูกต้อง ผู้น�ำที่มี
คุณธรรมประสบความส�ำเร็จในการประยุกต์ใช้หลักการเชิงคุณธรรม
เพื่อที่จะตัดสินใจและรักษาการควบคุมตนเอง ผู้น�ำไม่สมควรน�ำความ
รู้สึกส่วนตัวเช่นความเมตตาปรานีที่มาจากอารมณ์ความรู้สึกตนเอง
มาเกี่ยวข้องกับภารกิจความรับผิดชอบ เพราะสิ่งส�ำคัญคือการรักษา
ความสงบของจิตใจภายใต้ความกดดันต้องใช้กำ� ลังความสามารถใน
บทที่ ๖ สติปัญญาของผู้น�ำ ๖-9
สิ่งที่อยู่ในอ�ำนาจการบังคับบัญชาและต้องไม่กังวลในสิ่งที่ไม่สามารถ
ควบคุมได้ อันเป็นเรื่องวิกฤตของผู้น�ำ
๖-๒๓ วุฒิภาวะทางอารมณ์และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้น�ำต้อง
พึงระวังในเรื่องของความแข็งแกร่งและความอ่อนแอของตนเอง การใช้
ก�ำลังความสามารถไปในเรื่องของการปรับปรุงตนเอง ในขณะที่ผู้นำ� ที่
ไม่มีวุฒิภาวะมักจะสูญสียก�ำลังความสามารถไปกับการปฏิเสธสิ่งใดๆ ที่
เห็นว่าผิดหรือการวิเคราะห์อยู่กับปัญหาเฉพาะหน้า การมีวุฒิภาวะทาง
อารมณ์หมายถึงผู้น�ำซึ่งได้รับประโยชน์จากผลสะท้อนกลับในวิถีทางที่
ผู้ขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์ไม่สามารถท�ำได้
ดุลยภาพ
๖-๒๔ ผู้น�ำซึ่งสามารถรักษาสมดุลทางอารมณ์สามารถแสดงอารมณ์ได้
เหมาะสมกับสถานการณ์สามารถอ่านระดับความรูส้ กึ อารมณ์ของผูอ้ นื่ ได้
ซึง่ จะได้มาจากประสบการณ์และการเปิดโอกาสให้ผใู้ ต้บงั คับบัญชาได้เปิด
เผยความรูส้ กึ นึกคิดในเหตุการณ์ตา่ งๆ พวกเขามีขอบเขตของทัศนคติจาก
การผ่อนคลายความตึงเครียดด้วยวิธกี ารซึง่ แตกต่างกันไปตามสถานการณ์
ผูน้ ำ� รูว้ า่ จะเลือกสิง่ ใดในกรณีแวดล้อมหนึง่ ๆ ได้อย่างไร ผูน้ �ำทีม่ ดี ลุ ยภาพ
จะรู้ว่าการส�ำรวจสิ่งต่างๆ คือความเร่งด่วนที่ต้องไม่นำ� หน่วยไปสู่ความ
สับสนยุ่งเหยิงนั้นจะท�ำได้อย่างไร
เสถียรภาพ
๖-๒๕ ผูน้ ำ� ทีม่ ปี ระสิทธิภาพคือผูท้ มี่ คี วามหนักแน่น มีอารมณ์มนั่ คงเมือ่
อยูภ่ ายใต้ความกดดันและความเหนือ่ ยอ่อน และมีความสงบเมือ่ เผชิญกับ
๖-10 บทที่ ๖ สติปัญญาของผู้น�ำ
ความรู้ทางด้านเทคนิค
การรู้จักยุทโธปกรณ์
๖-๓๓ ความรู้ทางด้านเทคนิคเกี่ยวข้องกับอาวุธยุทโธปกรณ์ และระบบ
เป็นการรวมทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ปืนไปจนถึงคอมพิวเตอร์ซึ่งใช้ติดตาม
การปฏิบัติของบุคคล การที่ผู้น�ำระดับสั่งการตรงเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องใกล้
ชิดกับยุทโธปกรณ์ตา่ งๆ มากกว่าผูน้ �ำระดับองค์กรและระดับยุทธศาสตร์
ดังนั้นเขาจึงจ�ำเป็นต้องรู้วิธีการท�ำงานและรู้ว่าจะใช้อย่างไร อีกทั้งเป็น
ผู้ที่สามารถแก้ปัญหาได้หากเกิดปัญหาเกี่ยวกับยุทโธปกรณ์ ให้สามารถ
ใช้ได้ดีขึ้น ประยุกต์ใช้ได้อย่างไร ซ่อมแซมได้อย่างไร และดัดแปลงได้
อย่างไร
การด�ำเนินการด้านยุทโธปกรณ์
๖-๓๔ บรรดาทหารและข้าราชการพลเรือนกลาโหมรูว้ ธิ ดี ำ� เนินงานเกีย่ ว
กับยุทโธปกรณ์ในหน่วยของตนและมัน่ ใจว่าทุกคนจะท�ำได้ดเี ช่นกัน ผูน้ ำ�
จึงมักท�ำด้วยวิธกี ารท�ำเป็นตัวอย่าง เมือ่ มียทุ โธปกรณ์ใหม่มาถึง ผูน้ ำ� ระดับ
สัง่ การตรงจะเรียนรูว้ ธิ กี ารใช้และฝึกให้กบั ผูใ้ ต้บงั คับบัญชา เมือ่ คนแต่ละ
คน แต่ละหน่วย ได้รบั การฝึก หน่วยทัง้ หน่วยก็จะได้รบั การฝึกด้วย ผูน้ ำ� รูด้ ี
ว่าความเข้าใจเกีย่ วกับจุดเด่นและจุดด้อยของยุทโธปกรณ์เป็นสิง่ ส�ำคัญยิง่
การปรับปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งจ�ำเป็นต่อความส�ำเร็จในสนามรบ
การใช้ยุทโธปกรณ์
๖-๓๕ ผู้น�ำทุกระดับตั้งแต่ระดับสั่งการตรง ระดับองค์กร และระดับ
ยุทธศาสตร์ จ�ำเป็นต้องรู้ถึงคุณค่า และหน้าที่ของยุทโธปกรณ์ที่มี และ
รู้วิธีการใช้งานยุทโธปกรณ์ในหน่วยและองค์กร ระดับหน่วยที่สูงขึ้นนั้น
๖-14 บทที่ ๖ สติปัญญาของผู้น�ำ
เป็นทางการในแผนงานการฝึกศึกษาทางทหารระดับการรบร่วม และฝึก
ปฏิบัติให้เกิดความพร้อมเมื่อได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายอ�ำนวย
การในองค์กรร่วม ผู้น�ำต้องยอมรับว่าทหารทุกหน่วยเหล่าน�ำมาซึ่งความ
เข้มแข็งและข้อจ�ำกัดเมือ่ เข้าสูส่ นามรบ มีเพียงความร่วมมือของทุกหน่วย
เหล่าที่สามารถท�ำให้มั่นใจในความส�ำเร็จของภารกิจได้อย่างรวดเร็วใน
สภาพแวดล้อมทางการปฏิบัติการที่ซับซ้อนที่ทหารเผชิญอยู่
ความรู้เชิงวัฒนธรรม และภูมิรัฐศาสตร์
๖-๓๗ วัฒนธรรมประกอบด้วย ความเชื่อ ค่านิยมที่มีร่วมกัน และ
สมมติฐานว่าสิง่ ใดส�ำคัญ ปัจจัยทางวัฒนธรรมซึง่ ผูน้ ำ� ต้องเอาใจใส่มปี จั จัย
อยู่ ๓ ประการ คือ
- รับรูถ้ งึ ความแตกต่างเกีย่ วกับภูมหิ ลังเพือ่ ดึงความสามารถทีซ่ อ่ นเร้น
ของสมาชิกในหน่วยออกมาให้ได้มากที่สุด
- เคารพวัฒนธรรมของประเทศที่เข้าไปปฏิบัติการ
- เมื่อต้องท�ำงานร่วมกับกองก�ำลังต่างชาติให้พิจารณาเกี่ยวกับจารีต
ประเพณี หลักการทางทฤษฎี และวิธีปฏิบัติการ
๖-๓๘ ความเข้าใจเกีย่ วกับวัฒนธรรมของฝ่ายตรงข้าม และของประเทศ
ที่เข้าไปปฏิบัติการนั้นมีความส�ำคัญเท่ากับการที่เราเข้าใจถึงวัฒนธรรม
ของทหารภายในประเทศและองค์กรของเราเอง สภาพแวดล้อมทางการ
ปฏิ บั ติ แ บบเดี ย วกั น ต้ อ งการให้ ผู ้ น� ำ ทุ ก คนมี ค วามระแวดระวั ง ทาง
วัฒนธรรมและภูมิศาสตร์การเมือง ซึ่งวางหน่วยที่เล็กกว่าในสถานการณ์
ทีซ่ บั ซ้อนทางวัฒนธรรมมากกว่าด้วยการสืบข่าวทางสือ่ โดยต่อเนือ่ ง ผลที่
ตามมาก็คอื การระมัดระวังเหตุการณ์ปจั จุบนั โดยเฉพาะในส่วนทีเ่ ป็นผล
๖-16 บทที่ ๖ สติปัญญาของผู้น�ำ
องค์ประกอบของแนวความคิด
ที่มีผลกระทบต่อสติปัญญาของผู้น�ำ ประกอบด้วย
- ไหวพริบปฏิภาณ
- ดุลยพินิจอันเที่ยงตรง
- นวัตกรรม
- ความแนบเนียน
- ความรู้ทางทหาร
ภาค ๓
คุณลักษณะที่พึงประสงค์
ในการเป็นผู้น�ำทุกระดับ
ในอนาคตอันใกล้ ผูน้ ำ� ทุกระดับในศตวรรษนีจ้ �ำเป็นต้องมีความ
สามารถเหมือนนักปัญจกรีฑา กล่าวคือเป็นผูท้ มี่ ที กั ษะหลายด้าน สามารถ
ประสบความส�ำเร็จได้ในสภาพแวดล้อมของการปฏิบตั งิ านทีซ่ บั ซ้อนและ
ไม่แน่นอน ผู้น�ำซึ่งท�ำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและท�ำอย่างเหมาะสม เป็น
ผูท้ เี่ ชีย่ วชาญทัง้ ศาสตร์และศิลป์ในการใช้ก�ำลังรบด้วยความเป็นมืออาชีพ
กองทัพบกต้องการผูน้ ำ� ทีก่ ล้าตัดสินใจ ชอบการเปลีย่ นแปลง มี
ทักษะการดัดแปลงให้เหมาะสม มีไหวพริบในเชิงวัฒนธรรม มีการสือ่ สาร
ที่มีประสิทธิภาพ และอุทิศตนเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ผู้น�ำเป็นผู้ที่สมควรมอบความมุ่งหมาย ทิศทาง และการจูงใจ
ผู้น�ำต้องท�ำงานหนักเพื่อที่จะ “น�ำผู้อื่น” พัฒนาตนเอง ผู้ใต้บังคับบัญชา
และหน่วย เพื่อให้ภารกิจที่ได้รับส�ำเร็จลุล่วงสามารถผ่านข้ามย่านความ
ขัดแย้งไปได้
ผู ้ น� ำ ที่ ต ้ อ งการให้ ส ภาพแวดล้ อ มในเชิ ง ปฏิ บั ติ ก ารมี
ประสิทธิภาพต้องพิจารณาถึงผลกระทบของมิติต่าง ๆ ที่มีต่อสมาชิกใน
องค์กร สภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศเป็นตัวก�ำหนดรูปแบบพื้นฐาน
การปฏิบตั กิ ารทัง้ ปวงเปรียบเหมือนกับวงรอบกลางวันและกลางคืน ทัง้ นี้
สภาพแวดล้อมพื้นฐานนี้ได้รับอิทธิพลจากเทคโนโลยี ผลกระทบของการ
ประยุกต์อำ� นาจการยิง การด�ำเนินกลยุทธ์ การพิทกั ษ์หน่วย และภาวะผูน้ ำ �
การผสมผสานของผลกระทบเชิงจิตวิทยาของภยันตราย ผลกระทบ
ของอาวุธ ภูมิประเทศที่ยากล�ำบาก และก�ำลังฝ่ายตรงข้ามที่เผชิญอยู่
สามารถสร้างความยุ่งยากและความสับสน ท�ำให้สามารถเปลี่ยนจาก
แผนทางยุทธวิธีและทางยุทธการง่าย ๆ ไปเป็นความพยายามที่ท้าทาย
อย่างยิ่งยวดได้
การสร้างค่านิยมและคุณลักษณะให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ให้
เท่ากับความรู้ในอาชีพที่ได้ร�่ำเรียนมา เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเป็น
ผู้น�ำที่เก่งมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ภาวะผู้น�ำจะส�ำเร็จได้ก็ต่อเมื่อผู้น�ำ
ปฏิบัติและประยุกต์ใช้คุณลักษณะที่พึงประสงค์หลักและรองได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ อย่างเช่นคนที่ต้องก้าวจากการเป็นผู้น�ำระดับสั่งการตรง
ไปเป็นผู้นำ� ระดับองค์กรและยุทธศาสตร์ คุณลักษณะที่พึงประสงค์เหล่า
นี้ถือได้ว่ายอมรับความซับซ้อนและความแตกต่างที่มีเพียงเล็กน้อย
ในฐานะผูน้ �ำระดับสัง่ การตรง ตัวอย่างของการน�ำอาจเป็นการ
จัดให้มเี จตนารมณ์ของภารกิจ ณ ระดับองค์กร ผูน้ �ำอาจจัดให้มวี สิ ยั ทัศน์
และการมอบอ�ำนาจให้กับผู้อื่นด�ำเนินการแทน ในระดับยุทธศาสตร์
ผูน้ ำ� คนเดียวอาจน�ำการเปลีย่ นแปลงและปรับเปลีย่ นทัง้ หน่วย เพือ่ น�ำ
ไปสู่ความส�ำเร็จในอนาคต
บทที่ ๗
การน�ำ
๗-๑ ผู้น�ำประยุกต์ลักษณะ ท่าทางการแสดงออก ความฉลาด ให้เข้ากับ
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ในขณะเดียวกันจะให้แนวทางแก่ผู้อื่นโดยการ
ก�ำหนดเป้าหมายร่วมและการน�ำไปสู่การบรรลุภารกิจ ผู้น�ำระดับสั่งการ
ตรงมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้อื่นในลักษณะตัวต่อตัวอย่างเช่น ผู้น�ำที่
ให้ค�ำแนะน�ำ ท�ำให้ตระหนักถึงความส�ำเร็จ และการกระตุ้นให้ท�ำงาน
หนัก ผู้น�ำระดับองค์กรและระดับยุทธศาสตร์จะใช้ผลของความเชื่อ
มั่นในขอบเขตอ�ำนาจบังคับบัญชาของตนเอง รวมทั้งผู้ใต้บังคับบัญชา
เจ้าหน้าที่ และฝ่ายอ�ำนวยการ แต่กม็ ีบ่อยครั้งทีต่ ้องใช้วิธีทางอ้อมในการ
มอบแนวทางให้กบั หน่วย ระดับผูน้ ำ� ทีส่ งั่ การโดยตรง ผูห้ มวดรูว้ า่ ผูบ้ งั คับ
กองพันต้องการให้ท�ำสิ่งใดให้บรรลุภารกิจ ไม่ใช่เพราะว่าผู้หมวดเป็นผู้ที่
เข้าใจง่ายและรวดเร็ว แต่เป็นเพราะว่าผูห้ มวดต้องเข้าใจเจตนารมณ์ของ
ผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไป ๒ ระดับ โดยที่เจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชา
เป็นตัวเชือ่ มโยงทีจ่ ำ� เป็นระหว่างผูน้ ำ� ระดับองค์กรกับผูน้ ำ� ระดับสัง่ การตรง
ทัง้ นี้ ผูน้ ำ� ทุกระดับต้องอาศัยประโยชน์จากกระบวนทัง้ ทีเ่ ป็นทางการและ
ไม่เป็นทางการ ในการขยายความเชื่อมั่นตามสายการบังคับบัญชาที่มีอยู่
๗-๒ การแบ่งประเภทการน�ำ ตามคุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์หลักของผูน้ ำ�
ประกอบด้วยความสามารถ ๔ ประการ โดยที่ความสามารถ ๒ ประการ
เน้นทีก่ ารสร้างความเชือ่ มัน่ ให้แก่ผตู้ าม และอ�ำนาจหน้าทีแ่ ละการบังคับ
บัญชา ได้แก่ การน�ำผูอ้ นื่ และการเพิม่ ความเชือ่ มัน่ นอกเหนือจากสายการ
บังคับบัญชา ส่วนความสามารถอีก ๒ ประการ จะกล่าวถึงวิธีการ ๒ วิธี
๗-2 บทที่ ๗ การน�ำ
ซึ่งแสดงถึงการสร้างความเชื่อมั่นโดยตัวผู้น�ำ นั่นคือการน�ำโดยการ
เป็นแบบอย่าง และการสื่อสาร
- การน�ำผู้อื่นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการมีอ�ำนาจบังคับบัญชา
ทหาร และข้าราชการกลาโหมพลเรือนในหน่วยหรือใน
องค์กร ความสามารถในการน�ำผู้อื่นประกอบด้วย การมี
ทิศทางที่ชัดเจน การบังคับให้ท�ำตามมาตรฐาน การสร้าง
สมดุลในการดูแลเอาใจใส่ ผู้ใต้บังคับบัญชากับความ
ต้องการของภารกิจ เพราะผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านี้คือ
ทรัพยากรทีก่ อ่ ให้เกิดผลงาน การน�ำภายใต้สายการบังคับ
บัญชาด้วย กฎ ระเบียบวิธีปฏิบัติ และบรรทัดฐานต่างไป
จากการน�ำนอกเหนือไปจากการยอมรับขององค์กร หรือ
การข้ามสายการบังคับบัญชา
- การเพิ่มอิทธิพลให้นอกเหนือไปจากสายการบังคับบัญชา
หมายถึง ความสามารถในการปฏิบตั งิ านในสภาพแวดล้อม
ใดๆ ที่รวมโครงสร้างการบังคับบัญชาที่สูงกว่าและต�่ำกว่า
เข้าไว้ด้วย โดยใช้ความเชื่อมั่นของผู้ที่อยู่นอกสายการ
บังคับบัญชาที่มีอยู่ ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติการร่วม การ
ท�ำงานกับชาติพันธมิตร และนานาชาติ ได้เทียบเท่ากับ.
การปฏิบตั ขิ องหน่วยปกติ รวมทัง้ งานทีท่ ำ� โดยองค์กรและ
ไม่ใช่องค์กรของรัฐบาล ทั้งนี้ผู้น�ำต้องไม่ปฏิบัติงานโดย
ไม่กำ� หนดอ�ำนาจหน้าที่ หรือปฏิบตั โิ ดยทีผ่ อู้ นื่ ไม่ตระหนัก
ว่าเป็นอ�ำนาจหน้าที่
บทที่ ๗ การน�ำ ๗-3
- การน�ำโดยการเป็นแบบอย่างเป็นสิ่งส�ำคัญส�ำหรับการน�ำ
อย่างมีประสิทธิภาพที่ต้องใช้เวลา ไม่ว่าจะมีเจตจ�ำนง
หรือไม่ ผู้น�ำก็ต้องท�ำเป็นแบบอย่างให้ผู้อื่นพิจารณาและ
ท�ำตาม ซึ่งก็คือการเป็น “ตัวแบบ” นั่นเอง และเป็นสิ่งที่
ผู้น�ำควรวางรากฐานไว้ในค่านิยม และปลูกฝังไว้ในความ
เป็นหัวใจนักรบ
- การสื่อสารท�ำให้มั่นใจว่าผู้น�ำเข้าใจอย่างชัดเจนว่าสิ่งใด
ที่จ�ำเป็นต้องท�ำให้เสร็จ และท�ำไมต้องท�ำสิ่งนั้นภายใน
องค์กร ความสามารถในการติดต่อสือ่ สารเกีย่ วข้องกับการ
จดจ่ออยูก่ บั ความพยายามของหน่วยในการไปสูเ่ ป้าหมาย
และกิจที่จะท�ำให้บรรลุภารกิจ ช่วยสร้างความสอดคล้อง
และเครือ่ งมือทีจ่ ำ� เป็นต่อการปฏิบตั กิ ารให้สำ� เร็จลุลว่ งใน
สภาวะที่ต้องปฏิบัติงานร่วมกับนานาชาติ ผู้น�ำที่ประสบ
ความส�ำเร็จจะแก้ไขความสามารถในการสื่อสาร โดยการ
พัฒนาทักษะการพูด การเขียน และการฟัง ผูบ้ งั คับบัญชา
ต้องใช้การออกค�ำสั่งมอบภารกิจที่ชัดเจน และเที่ยงตรง
และรูปแบบมาตรฐานที่แสดงถึงการตัดสินใจให้กับผู้ใต้
บังคับบัญชา
การน�ำผู้อื่น
๗-๓ ผูน้ ำ� คือบุคคลหนึง่ ความพร้อมรบขึน้ อยูก่ บั ความพร้อมของบุคคล
ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือเป็นหน่วย ซึ่งเราพิสูจน์แล้วว่าความพร้อม และ
“การท�ำจิตใจให้พร้อม” ท�ำได้โดยการฝึก การจูงใจ และการให้การ
สนับสนุน การท�ำให้เขารู้สึกว่ามีส่วนร่วมในความส�ำเร็จของกองทัพบก
๗-4 บทที่ ๗ การน�ำ
๗-๔ คุณลักษณะที่พึงประสงค์หลักของผู้น�ำโดยเฉพาะการน�ำผู้อื่น
เกี่ยวข้องกับการมีอ�ำนาจโน้มน้าวผู้น�ำสามารถน�ำเทคนิคต่างๆ มาใช้
เพื่อให้มีอ�ำนาจโน้มน้าวต่อผู้อื่น ซึ่งมีขอบเขตนอกเหนือจากการเชื่อฟัง
อันจะสร้างการรับมอบหน้าที่ ในการท�ำให้บรรลุผลส�ำเร็จ การเชื่อฟัง
เป็นการกระท�ำที่จะท�ำให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะ หรือตาม
ความจ�ำเป็น การรับมอบหน้าที่ คือความตั้งใจที่จะอุทิศตน หรือมีความ
จงรักภักดีตอ่ องค์กร หรือต่อความมุง่ หมายทีม่ กี ารต่อต้าน ซึง่ มีความหมาย
ตรงกันข้ามกับการเชื่อฟัง การรับมอบหน้าที่คือเทคนิคของการท�ำให้มี
อ�ำนาจโน้มน้าวผู้อื่นสามารถท�ำได้โดยบังคับ หรือมอบหมาย ซึ่งผู้น�ำอาจ
ใช้เพียงอย่างเดียว หรือมากกว่านั้นเพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ใด ๆ
การเชื่อฟัง และการรับมอบหน้าที่
๗-๕ การมีอทิ ธิพลแบบมุง่ เน้นการเชือ่ ฟัง มีพนื้ ฐานมาจากอ�ำนาจหน้าที่
ของผู้น�ำ การออกค�ำสั่งโดยตรงไปยังผู้ตามเป็นวิธีการหนึ่งที่จะได้รับการ
ยินยอมที่จะปฏิบัติตามในห้วงการปฏิบัติกิจใดกิจหนึ่ง เทคนิคการท�ำให้
เชื่อฟังเหมาะส�ำหรับห้วงระยะเวลาสั้นๆ ความต้องการที่เกิดปัจจุบันทัน
ด่วน และงานใดๆ ที่ไม่ต้องการความเสี่ยง หรือมีความเสี่ยงได้น้อยที่สุด
เหมาะส�ำหรับผู้น�ำที่จะใช้กับผู้ที่ปฏิบัติงานที่ไม่คุ้นเคย หรือไม่ตั้งใจ หรือ
ไม่สามารถรับมอบหน้าที่ตามที่ร้องขอได้ ในกรณีที่มีความจ�ำเป็นต้องท�ำ
บางสิง่ ให้สำ� เร็จด้วยปัจจัยเวลาอันจ�ำกัด และไม่มเี วลาให้ผใู้ ต้บงั คับบัญชา
ท�ำความเข้าใจว่าท�ำไมต้องท�ำ เมื่อนั้นการท�ำให้เชื่อฟังจึงเป็นวิธีที่ได้รับ
การยอมรับ ถ้าหากจุดหมายของผู้น�ำ คือการสร้างความริเริ่มและความ
นับถือระดับสูงภายในทีม การมีอิทธิพลแบบมุ่งเน้นการเชื่อฟังก็ไม่ใช่
เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพนัก
บทที่ ๗ การน�ำ ๗-5
๗-๖ โดยปกติแล้วการสร้างความเชื่อมั่นแบบมุ่งเน้นการรับมอบหน้าที่
จะมีผลกระทบเป็นวงกว้างและในระยะยาว ในขณะที่การท�ำให้เชื่อฟัง
เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ตาม แต่การท�ำให้รับมอบหน้าที่
เป็นการเข้าถึงที่ลึกซึ้งกว่ากัน คือเป็นการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและความ
เชื่อ ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้น�ำสร้างให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีความรับผิดชอบ
ผู้ใต้บังคับบัญชาก็จะแสดงความริเริ่ม ความคิดสร้างสรรค์ และน�ำตนเอง
เข้ามาเกีย่ วพันมากขึน้ ความปรารถนาของปัจเจกบุคคลท�ำให้ได้รบั ความ
รู้สึกของการควบคุม และการพัฒนาคุณค่าของตนเอง แล้วจะเผื่อแผ่
ไปยังองค์กรด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ โดยที่ผู้น�ำสามารถท�ำให้
การรับมอบหน้าที่หนักแน่นขึ้นได้โดยการส่งเสริมการยอมรับของผู้ใต้
บังคับบัญชาด้วยปัจจัยเหล่านี้ คือ ชาติ (ความจงรักภักดี) กองทัพบก
(ความเป็นอาชีพมือทหาร) หน่วยหรือองค์กร (การท�ำหน้าที่โดยไม่เห็น
แก่ตน) ภาวะผู้น�ำในหน่วย (ความเคารพ) และต่องานที่ได้รับมอบหมาย
เทคนิคการสร้างความเชื่อมั่น
๗-๗ ในการสร้างอ�ำนาจโน้มน้าว ผูน้ ำ� จะใช้เทคนิคเฉพาะหลายประการ
ประกอบกันเพื่อให้เป็นไปตามส่วนที่ต่อเนื่องระหว่างการท�ำให้มีอ�ำนาจ
โน้มน้าวและการท�ำให้เชือ่ ฟัง เทคนิค ๑๐ ประการ ทีจ่ ะกล่าวต่อไป แสดง
ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการเชื่อฟังกับการรับมอบหน้าที่ซึ่งวัด
ขอบเขตได้จากการเริ่มต้นของการเชื่อฟังกับการสร้างความสัมพันธ์ที่จุด
เริ่มต้นของการรับมอบหน้าที่
๗-๘. การบีบบังคับ ใช้เมื่อผู้น�ำออกค�ำสั่งที่ชัดเจนเพื่อท�ำให้ยินยอม
ปฏิบัติตาม อย่างเช่น การก�ำหนดเส้นตายในการท�ำงานให้เสร็จสมบูรณ์
โดยต้องก�ำหนดผลลัพธ์ของการท�ำงานทีไ่ ม่บรรลุผลไว้ดว้ ย การบีบบังคับ
๗-6 บทที่ ๗ การน�ำ
ความสามารถพิเศษของผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความไว้วางใจซึ่งท�ำให้เขา
แข็งแกร่งขึน้ ก่อนทีจ่ ะไปปฏิบตั ภิ ารกิจอันยากล�ำบาก ในการบรรยายสรุป
ของที่ประชุมครั้งส�ำคัญ หากนายทหารยุทธการรู้ว่าฝ่ายเสนาธิการของ
ผูบ้ งั คับบัญชาต้องการท�ำงานให้ดที สี่ ดุ เขาอาจต้องถามฝ่ายเสนาธิการถึง
เจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชาก่อนที่จะท�ำการบรรยาย
๗-๑๒ ความร่วมมือ จะน�ำมาใช้เมื่อผู้น�ำ ร่วมในการจัดให้มีความช่วย
เหลือหรือทรัพยากรในการปฏิบัติตามค�ำสั่งหรือการร้องขอให้ลุล่วง ผู้น�ำ
สร้างทางเลือกให้นา่ สนใจโดยการเตรียมความพร้อมทีจ่ ะเข้าไปแก้ปญ
ั หา
ใดๆ การทุ่มเทในการวางแผนหลักก่อนที่จะเข้าวางก�ำลังเข้าช่วยเหลือ
ทางด้านสิทธิมนุษยชนซึง่ ต้องการความร่วมมือกับหน่วยงานร่วม ระหว่าง
องค์กร หรือองค์กรนานาชาติ
๗-๑๓ การชักจูงด้วยเหตุผล ผู้น�ำต้องมีหลักฐาน หลักตรรกในการถก
แถลง และอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าสิง่ ทีร่ อ้ งขอน�ำไปสูเ่ ป้าหมายได้อย่างไร
ซึง่ เป็นวิธแี รกๆ ทีจ่ ะได้รบั การยอมปฏิบตั ติ าม หรือการทีผ่ ใู้ ต้บงั คับบัญชา
ยอมรับที่จะปฏิบัติหน้าที่ นั้นจะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อผู้น�ำได้รับการ
ยอมรับว่าเป็นผูเ้ ชีย่ วชาญในด้านนัน้ ๆ ทัง้ นีเ้ มือ่ ต้องท�ำการโน้มน้าวใจ ผูน้ ำ�
จะดึงประสบการณ์ของตนเองในการให้เหตุผล ซึง่ ในบางงานมีความพร้อม
ที่ส�ำเร็จได้เนื่องจากผู้น�ำได้ใช้ความพยายามและได้ลงมือท�ำ
๗-๑๔ การชี้แจง จะน�ำมาใช้เมื่อผู้น�ำอธิบายว่าท�ำไมการร้องขอนั้นมี
ประโยชน์ตอ่ ผูผ้ ใู้ ต้บงั คับบัญชา อย่างเช่น การให้ผใู้ ต้บงั คับบัญชามีความ
พอใจกับงานที่ท�ำ หรือปฏิบัติงานได้โดยประหยัดเวลาลงเหลือครึ่งหนึ่ง
ตรงข้ามกับเทคนิคการเปลีย่ นแปลง ประโยชน์ทไี่ ด้รบั จะอยูน่ อกเหนือการ
๗-8 บทที่ ๗ การน�ำ
ควบคุมของผู้น�ำ ผู้บังคับบัญชาอาจใช้เทคนิคนี้ในการบอกให้นายทหาร
ประทวนที่ปฏิบัติหน้าที่ในต�ำแหน่งเจ้าหน้าที่ในสายงานยุทธการ ก่อนที่
จะให้รับหน้าที่ใหม่เป็นรองผู้บังคับหมวด ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่ตรง
กับต�ำแหน่งที่จะได้รับมอบหมายนัก ผู้บังคับบัญชาควรชี้ให้เห็นว่าการมี
ความรู้เพิ่มเติมอาจช่วยให้นายทหารชั้นประทวนมีผลงานที่ดีกว่าเพื่อน
ร่วมงาน และเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะได้รับการเลื่อนยศหรือต�ำแหน่งให้
สูงขึ้น
๗-๑๕ แรงบันดาลใจ จะน�ำมาใช้เมื่อผู้น�ำต้องการปลุกเร้าให้เกิดความ
กระตือรือร้นต่อการร้องขอโดยกระตุน้ อารมณ์ทจี่ ะสร้างความมัน่ ใจ ผูน้ ำ�
อาจใช้วธิ สี ร้างความกดดันโดยไม่ให้ความช่วยเหลือ ซึง่ อาจน�ำหน่วยเข้าไป
สู่ความเสี่ยงได้ ทั้งนี้ระดับการกดดันที่เหมาะสมอาจมีผลท�ำให้เกิดการ
ยอมรับในหน้าที่ให้มากขึ้น ผู้น�ำหน่วยสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับ
ผู้ใต้บังคับบัญชา ที่จะท�ำงานให้เลยระดับมาตรฐานน้อยที่สุดแต่ไปได้ถึง
สถานภาพของผลงานในระดับยอดเยี่ยม
๗-๑๖ การมีส่วนร่วม จะเกิดขึ้นเมื่อผู้น�ำขอให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไป
มีส่วนร่วมในการวางแผนในการจัดการปัญหา หรือท�ำตามวัตถุประสงค์
การเข้าร่วมงานซึง่ ก�ำลังปฏิบตั อิ ยูน่ ำ� ไปสูก่ ารตระหนักในคุณค่าและความ
เข้าใจที่มีมากขึ้น และยังก�ำหนดคุณค่าของความพยายามและสร้างการ
ยอมรับในหน้าที่เพื่อที่จะด�ำเนินการตามที่ได้รับการมอบหมาย การเชิญ
ชวนให้เข้าไปเกีย่ วพันเป็นสิง่ ส�ำคัญเมือ่ ผูน้ ำ� พยายามทีจ่ ะก�ำหนดวิสยั ทัศน์
ส�ำหรับการเปลีย่ นแปลงระยะยาว โดยให้ผนู้ ำ� ทุกระดับเข้าไปเกีย่ วข้องใน
ระหว่างขัน้ ของการวางแผน แต่ตอ้ งมัน่ ใจว่าผูใ้ ต้บงั คับบัญชาทุกคนมีการ
ประเมินวิสยั ทัศน์นนั้ แล้ว ผูใ้ ต้บงั คับบัญชาเหล่านีต้ อ่ ไปจะสามารถด�ำเนิน
บทที่ ๗ การน�ำ ๗-9
๗-๑๙ หากผู้น�ำจะโน้มน้าวใจผู้ใต้บังคับบัญชาควรพิจารณาสิ่งเหล่านี้
- ก�ำหนดวัตถุประสงค์ให้อยู่ภายในขอบเขตของค่านิยม
กองทัพบก จริยธรรม กฎหมายทางทหาร หัวใจนักรบ
และหลักความเชื่อทางพลเรือน
- น�ำเทคนิคการโน้มน้าวใจแบบต่างๆ มาใช้เพือ่ ให้เกิดความ
ยินยอมที่จะปฏิบัติตามและความรับผิดชอบในหน้าที่
- การโน้มน้าวแบบท�ำให้ยอมปฏิบัติตาม ซึ่งเน้นการพบปะ
และอธิบายเหตุผลของการท�ำงานเฉพาะกิจ
- การโน้มน้าวแบบกระตุน้ ให้เกิดความรับผิดชอบ ซึง่ เน้นใน
เรื่องการให้อ�ำนาจและความไว้วางใจในระยะยาว
การก�ำหนดเป้าประสงค์ แรงจูงใจ และแรงบันดาลใจ
๗-๒๐ ผู้น�ำโน้มน้าวใจผู้อื่นเพื่อท�ำให้บรรลุเป้าประสงค์อย่างใดอย่าง
หนึ่ง ทั้งนี้ผู้น�ำต้องมีเป้าหมายไว้ในใจจึงจะท�ำให้ส�ำเร็จได้ ซึ่งบางครั้งเป้า
หมายนั้นอาจเป็นสิ่งที่เฉพาะเจาะจง เช่นการลดจ�ำนวนการเกิดอุบัติเหตุ
ในการฝึกลงครึ่งหนึ่งในเวลา ๖ เดือน เป้าหมายโดยทั่วไปอาจไม่สามารถ
วัดได้เหมือนกับตัวอย่างนี้ แต่ก็ยังคงมีเหตุผลและมีความหมายเช่นกัน
บทที่ ๗ การน�ำ ๗-11
- เจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชา
- ความริเริ่มของผู้ใต้บังคับบัญชา
- ค�ำสั่งให้ปฏิบัติภารกิจ
- ทรัพยากรที่มีอยู่
การก�ำหนดความมุ่งหมาย
๗-๒๔ ผู้น�ำที่อยู่ในต�ำแหน่งผู้บังคับบัญชาใช้เจตนารมณ์ของผู้บังคับ
บัญชาในการถ่ายทอดความมุ่งหมาย เจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชาที่
ชัดเจนและรัดกุมซึ่งก�ำลังทหารต้องท�ำและเป็นเงื่อนไขอันจะน�ำไปสู่
ความส�ำเร็จเหนือข้าศึก ภูมิประเทศ และจุดหมายปลายทางที่ต้องการ
การน�ำซึ่งนอกเหนือไปจากการบังคับบัญชาหรือมิใช่การประยุกต์ทาง
ยุทธวิธี ผูน้ ำ� จะต้องสร้างกิจและสภาวะทีจ่ ะน�ำไปสูก่ ารบรรลุความส�ำเร็จ
ในสถานการณ์เช่นนี้ของผู้น�ำทางทหารและผู้ที่น�ำข้าราชการกลาโหม
พลเรือน
ข้าศึก และภูมิประเทศอาจแทนที่ด้วยจุดหมาย หรือปัญหา
อุปสรรคของหน่วย ผู้น�ำจะสื่อสารความมุ่งหมายโดยการใช้ค�ำสั่งและ
แสดงนัยที่ชัดเจน ซึ่งท�ำให้ผู้อื่นอาจใช้ความริเริ่มในขณะเดียวกันก็ยังคง
มุ่งความสนใจต่อความมุ่งหมายได้ ยิ่งถ้าหากมีโอกาสซึ่งไม่ได้คาดหมาย
เกิดขึน้ หรือทางแก้ปญ ั หาเดิมๆ ไม่สามารถน�ำมาใช้ได้อกี การสือ่ สารความ
มุ่งหมายก็ยิ่งมีความส�ำคัญมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ผู้น�ำในระดับการสั่งการตรง
กับผูน้ ำ� องค์กรจะก�ำหนดความมุง่ หมายหรือเจตนารมณ์ แต่ผนู้ ำ� ในระดับ
ยุทธศาสตร์จะก�ำหนดวิสัยทัศน์ในระยะยาว หรือรูปแบบของแนวความ
คิดให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา
บทที่ ๗ การน�ำ ๗-13
แรงจูงใจและแรงบันดาลใจ
๗-๒๕ แรงจูงใจเป็นเหตุผลส�ำหรับการท�ำบางสิ่งบางอย่างหรือเป็น
ระดับของการกระตุ้นให้ท�ำสิ่งหนึ่งสิ่งใด แรงจูงใจมาจากความต้องการ
ภายในที่จะใช้ความทุ่มเทให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ คนเราจะมีขอบเขต
ของความต้องการอยู่ ซึ่งรวมถึงความต้องการพื้นฐาน เช่น ความอยู่รอด
ความปลอดภัย และความต้องการความเจริญก้าวหน้า อย่างเช่น ความ
เป็นเจ้าของ และความรู้สึกอยากประสบความส�ำเร็จ ดังนั้น จึงควร
ระมัดระวังในการตอบสนองความต้องการของผู้คน โดยเฉพาะหากไม่
สามารถท�ำให้พอใจแล้วก็ต้องหาวิธีที่ชาญฉลาดที่สุดมาใช้
๗-๒๖ ผู้น�ำทางทหารใช้ความรู้ในการจูงใจผู้อื่นด้วยวิธีการโน้มน้าวใจ
การล่วงรู้ว่าทหาร หรือบุคคลใดที่จะโน้มน้าวใจได้ ท�ำให้ผู้น�ำเข้าใจอย่าง
ลึกซึง้ ทีจ่ ะมอบแนวทางให้กบั หน่วยหรือการท�ำให้บรรลุผลส�ำเร็จในระดับ
ที่สูงกว่านั้น การเข้าใจถึงกลไกของแรงจูงใจจะท�ำให้มองเห็นได้อย่าง
ถ่องแท้ถึงการกระท�ำของคน รวมทั้งรู้ว่าเป็นแรงผลักดันอันทรงพลังให้
คนเราท�ำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างไร
๗-๒๗ การล่วงรูค้ วามต้องการของผูอ้ นื่ เป็นสิง่ ทีก่ ระท�ำได้ยาก แต่ชว่ ยให้
สามารถพิจารณาถึงค�ำนิยามของแรงจูงใจได้ ๓ ประการ คือ
- สิ่งดลใจ หมายถึง ความต้องการ หรือความปรารถนาซึ่ง
ยั ง ไม่ ไ ด้ รั บ การตอบสนอง หรื อ อยู ่ ใ นระดั บ ต�่ ำ กว่ า
ความคาดหมาย
- ทิศทาง หมายถึง จุดมุ่งหมาย หรือแนวทางซึ่งชี้แนวทาง
การปฏิบัติในการทุ่มเทความพยายามและพฤติกรรม
๗-14 บทที่ ๗ การน�ำ
ผู้น�ำสามารถสร้างแรงจูงใจโดยการส่งเสริมประสิทธิภาพภายในตนเอง
โดยการพัฒนาความรู้และทักษะที่จ�ำเป็น ทักษะและความรู้เฉพาะ
ทางจะไปสร้างเสริมการท�ำงานที่ชาญฉลาด ท�ำให้ท�ำงานได้หนักและ
ยาวนานมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นตัวอย่างของการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพที่
จะปฏิบัติงานโดยไม่ท�ำให้คุณภาพของการท�ำงานลดลง
๗-๓๐ แรงบันดาลใจทางอารมณ์เป็นอีกทางหนึ่งซึ่งผู้น�ำสามารถสร้าง
เสริมแรงจูงใจ การจัดให้มวี สิ ยั ทัศน์ทางด้านแรงบันดาลใจของจุดมุง่ หมาย
ในอนาคตเป็นการเพิ่มความปรารถนาในส่วนลึกของผู้ใต้บังคับบัญชาใน
การบรรลุถึงวิสัยทัศน์ ผู้น�ำสามารถใช้การพูดผ่านการจินตนาการให้เกิด
แรงบันดาลใจ จินตนาการทางด้านแรงบันดาลใจจะเป็นพลังทีท่ ำ� ให้หน่วย
มีความพึงพอใจในประโยชน์แห่งตนและความคาดหวังที่เกินพอดีได้ ใน
สถานการณ์การรบและเกิดภัยคุกคามต่อชีวิตจะท�ำให้เกิดการกระตุ้นที่
เพียงพอเนือ่ งจากเป็นการตอบสนองทางธรรมชาติ นัน่ คือในสถานการณ์
เช่นนีผ้ นู้ ำ� ไม่จำ� เป็นต้องกระตุน้ ให้เกิดพลังขึน้ มา แต่ถา้ หากต้องการท�ำให้
การกระตุ้นซึ่งมากเกินไปกลับไปสู่ภาวะพอเพียงด้วยการโน้มน้าวและมุ่ง
มั่นอย่างสงบและมั่นคง การสร้างการกระตุ้นทางอารมณ์ให้อยู่ในระดับ
ทีถ่ กู ต้องจะท�ำให้เกิดการกระท�ำทีส่ มดุล การฝึกภายใต้สภาวะยากล�ำบาก
และกดดันจะท�ำให้แต่ละบุคคลได้รับประสบการณ์ของระดับการกระตุ้น
ที่แตกต่างกัน
๗-๓๑ ผู้น�ำสามารถส่งเสริมให้ผู้ใต้บังคับบัญชาก�ำหนดจุดมุ่งหมายด้วย
ตนเอง และก�ำหนดจุดมุ่งหมายร่วมกัน เมื่อจุดมุ่งหมายได้รับการยอมรับ
จะช่วยให้เกิดความเอาใจใส่และน�ำไปสู่การปฏิบัติ และเพิ่มความทุ่มเท
๗-16 บทที่ ๗ การน�ำ
พยายามอย่างไม่ลดละในการเผชิญกับความล้มเหลว และพัฒนาหลักนิยม
และยุทธศาสตร์ที่จะช่วยให้จุดมุ่งหมายนั้นประสบความส�ำเร็จ
๗-๓๒ การส่งเสริมในเชิงบวกโดยการใช้สิ่งจูงใจ (ตัวอย่างเช่น การให้
เงินรางวัล หรือการเพิ่มวันหยุด) เช่นเดียวกันกับรางวัลที่เกิดจากภายใน
(ตัวอย่างเช่น ค�ำยกย่อง และการแสดงว่าเห็นคุณค่า) ในการเสริมสร้างแรง
จูงใจ การลงโทษสามารถใช้เมือ่ เกิดมีเหตุทจี่ ะต้องหยุดยัง้ มิให้เกิดอันตราย
หรือความประพฤติอนั ไม่น่าพึงประสงค์ อีกทัง้ ยังแสดงให้ทกุ คนในหน่วย
เห็นถึงว่าควรประพฤติตนอย่างไร และผลที่ตามมาของการประพฤติ
อันไม่สมควร ทัง้ นี้ ผูน้ ำ� สามารถก�ำหนดบรรทัดฐานทางสังคมภายในหน่วย
ขึ้นมา สิ่งที่พึงระวังก็คือควรสงวนการใช้การลงโทษเมื่อมีความจ�ำเป็น
เฉพาะในกรณีทกี่ ระท�ำเกินขอบเขต เนือ่ งจากอาจน�ำไปสูค่ วามไม่พอใจได้
๗-๓๓ ผู้น�ำที่มีประสิทธิภาพจะสร้างความสมดุลระหว่างค่านิยมและ
การมีจุดมุ่งหมายร่วมกันในขอบเขตซึ่งสามารถโน้มน้าวในการจูงใจผู้อื่น
ผู้น�ำจะส่งเสริมการแสดงออกถึงผลสะท้อนกลับของความรับผิดชอบ
ต่อหน้าที่ อย่างเช่นการมีจุดมุ่งหมายร่วมกันภายในหน่วย นอกจากนี้
การมีค่านิยมร่วมกันภายในหน่วยยังก่อให้เกิดพื้นฐานของความรับผิด
ชอบต่อหน้าที่ของบุคคล เช่น ความกล้าหาญ เกียรติยศ และความจงรัก
ภักดี ซึง่ การท�ำให้ผอู้ นื่ ล่วงรูว้ ่ากิจเฉพาะต่างๆ มีความเชือ่ มโยงกับภารกิจ
ซึ่งใหญ่กว่า หรือวัตถุประสงค์ หรือจุดมุ่งหมายได้อย่างไร นับได้วา่ เป็น
เทคนิคการจูงใจที่ได้ผลดี
๗-๓๔ การจูงใจบุคคลด้วยหน้าที่ที่เขาปฏิบัติ โดยทั่วไปหากว่าคนเรา
ปฏิบัติงานด้วยความสุขใจ ประกอบกับมีแรงจูงใจจากภายใน การแสดง
บทที่ ๗ การน�ำ ๗-17
การสร้างและรักษาขวัญ
๗-๓๗ นักประวัตศิ าสตร์ทางทหารมักจะมุง่ กล่าวถึงกองทัพบกอันเกรียง
ไกรว่า ประกอบด้วย อาวุธยุทโธปกรณ์ การฝึก และเหตุปัจจัยของชาติ
ได้แก่ จ�ำนวน หรือปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถวิเคราะห์ได้ วัดได้ และเปรียบ
เทียบได้ แต่นักประวัติศาสตร์จ�ำนวนมากจะเน้นถึงปัจจัยเชิงวิกฤตซึ่งวัด
ได้ไม่งา่ ยนัก นัน่ คือ องค์ประกอบทางความรูส้ กึ อารมณ์ทเี่ รียกว่า “ขวัญ”
๗-๓๘ ขวัญคือองค์ประกอบส�ำคัญที่สุดของมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากเกิน
กว่าจะอธิบาย เป็นเครื่องวัดว่ามนุษย์มีความรู้สึกต่อตนเอง ต่อหน่วย
และต่อผู้น�ำของเขาอย่างไร ขวัญดีจะมาจากภาวะผู้น�ำที่ดี การร่วมกัน
ทุ่มเทความพยายาม และการเคารพซึ่งกันและกัน ความรู้สึกผูกพันกัน
เกิดมาจากการมีหัวใจนักรบ มีค่านิยมร่วมกัน อย่างเช่น ความจงรักภักดี
ความเชือ่ ทีว่ า่ กองทัพบกจะดูแลครอบครัวของทหารเป็นอย่างดี นอกจาก
นี้ขวัญที่ดียังได้มาจากความสามัคคีในหมู่คณะในอันที่จะบรรลุจุดหมาย
ร่วมกัน ผู้น�ำที่มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ “ขวัญ” เป็นองค์ประกอบที่
ส�ำคัญของมนุษย์ ทีท่ ำ� ให้หมูค่ ณะอยูร่ ว่ มกันได้และด�ำรงไว้ได้แม้ในยาม
ทีเ่ ผชิญกับความยากล�ำบากและสิง่ ทีก่ อ่ ให้เกิดความท้อแท้สนิ้ หวังเมือ่
อยู่ในยามสงคราม
๗-๓๙ ผู้ได้รับเหรียญกล้าหาญ และเหรียญตราชั้นสูงสุดในสงครามโลก
ครั้งที่ ๒ กล่าวถึง “ขวัญ” ด้วยถ้อยค�ำเรียบง่ายว่า
“ท่านมีความรักในผองเพือ่ น...มีความปรองดองกัน ซึง่ ท่านจะ
หาไม่ได้ในสังคมของเรา ผมคิดว่ามันมาจากการที่เราไม่ได้รับอะไรเลย
นอกจากการสิ้นสุดของสงคราม ที่ไม่มีการแข่งขัน เงินไม่มีค่า มีเพียงคน
บทที่ ๗ การน�ำ ๗-19
สงคราม ดังนั้นงานประจ�ำวันของผู้น�ำจึงรวมถึงการก�ำหนดเป้าหมายใน
ระยะสัน้ เพือ่ เตรียมองค์กรให้ไปสูม่ าตรฐาน ทัง้ นีผ้ นู้ ำ� จะต้องใช้วงรอบการ
ฝึกประจ�ำปีของกองทัพบก เพือ่ เป็นหนทางไปสูค่ วามส�ำเร็จในการด�ำเนิน
การดังกล่าว ขัน้ ตอนจัดการการฝึก ใช้สำ� หรับก�ำหนดเป้าหมายของการฝึก
ให้เหมาะสม รวมทั้งใช้ในการวางแผน จัดการทรัพยากร การด�ำเนินงาน
และการประเมินผลการฝึกให้มีความสอดคล้องกัน
การวิเคราะห์และตรวจสอบ
๗-๔๖ การก�ำกับดูแลทีเ่ หมาะสมเป็นสิง่ จ�ำเป็นทีจ่ ะท�ำให้มนั่ ใจได้วา่ การ
บรรลุความส�ำเร็จนัน้ ได้มาตรฐาน ซึง่ เป็นส่วนประกอบทีส่ ำ� คัญในการดูแล
เอาใจใส่ทหาร การทีพ่ วกเขารูจ้ กั ทหารและหน่วยมากเพียงใด เขาก็จะตรง
เข้าหาความสมดุลในการค้นหารายละเอียดต่างได้มากขึ้น การฝึกให้ผู้ใต้
บังคับบัญชาสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างอิสระจึงเป็นเรื่องที่ส�ำคัญ ผู้น�ำ
โดยตรง จะออกค�ำสั่งและมอบเจตนารมณ์ทางภารกิจที่ชัดเจน จากนั้น
จะปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติจนเสร็จโดยไม่เข้าไปก้าวก่าย
๗-๔๗ ความส�ำเร็จในภารกิจของหน่วยในโลกแห่งความเป็นจริงเป็นสิ่ง
ส�ำคัญยิ่ง นั่นคือหน่วยและก�ำลังพลทุกนายต้องมีการเตรียมการอย่างดี
นีค่ อื เหตุผลว่าท�ำไมผูน้ ำ� ต้องท�ำการตรวจสอบสิง่ ต่าง ๆ ได้แก่ การตรวจสอบ
ก่อนปฏิบตั กิ าร และการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ ซึง่ การตรวจสอบนีจ้ ะ
ท�ำให้มนั่ ใจได้วา่ ทหาร หน่วย และระบบ มีคณ ุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์เต็มที่
และพร้อมทีจ่ ะปฏิบตั ภิ ารกิจ ภายใต้เวลาและทรัพยากรทีม่ อี ยู่
๗-๔๘ สิ่งที่ควรตรวจสอบ คือ สิ่งที่ท�ำให้เกิดโอกาสที่จะวางเฉย หรือเกิด
ความผิดพลาดให้นอ้ ยทีส่ ดุ ซึง่ มีผลท�ำให้ไม่เป็นไปตามภารกิจทีไ่ ด้วางแผน
๗-22 บทที่ ๗ การน�ำ
และความทุ่มเทของหมู่คณะเป็นสิ่งส�ำคัญอันน�ำมาซึ่งความส�ำเร็จในการ
ก�ำหนดสิ่งต่าง ๆ ในการปฏิบัติการ
“พึ่งพาตนเองได้ มั่นใจ ฝึกฝนจนช�ำนาญ”
๗-๕๑ โดยทัว่ ไปวินยั ทีม่ สี ว่ นร่วมโดยทุกคนและวินยั ส่วนบุคคลเป็นสือ่ ที่
จะน�ำพาก�ำลังพลทุกคนไปเมื่อองค์กรต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยุ่งยาก
และซับซ้อน โดยเริ่มจากความยืดหยุ่น คุณลักษณะที่พึงประสงค์ และ
การที่บุคคลคนหนึ่งซึ่งมีวินัยในตนเองเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นปฏิบัติ
ตามแบบอย่างจะสามารถเปลีย่ นสถานการณ์เชิงลบให้ไปสูค่ วามส�ำเร็จได้
๗-๕๒ ทหารเอาชนะสถานการณ์การต่างๆ ที่ไม่น่าไว้วางใจตั้งแต่อดีต
จนถึงปัจจุบนั มีตวั อย่างเกิดขึน้ มากมาย เป็นความสามารถซึง่ เป็นรากอัน
หยัง่ ลึกถึงความมัน่ ใจในตนเอง ผองเพือ่ น ผูน้ ำ� ยุทโธปกรณ์ ตลอดจนการ
ฝึกของพวกเขา สิ่งส�ำคัญที่สุดคือ ทหารมีความทนทานเนื่องมาจากพวก
เขามีวินัยและความยืดหยุ่น
การสร้างความสมดุลระหว่างภารกิจและสวัสดิการของเหล่าทหาร
๗-๕๓ การคิ ด พิ จารณาถึ ง ความต้ อ งการของทหารและข้ า ราชการ
พลเรื อ นกลาโหมเป็ น หน้ า ที่ พื้ น ฐานของผู ้ น� ำ ทุ ก คนในกองทั พ บก
การดูแลเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาให้มีความเป็นอยู่ที่ดีไปด้วยกันได้กับ
การจูงใจ การเป็นแรงบันดาลใจ และการมีความเชื่อมั่นหรือการโน้มน้าว
ใจ ท�ำให้ทหารและข้าราชการพลเรือนกลาโหมเหล่านัน้ มีความตัง้ ใจท�ำสิง่
ใดสิง่ หนึง่ เพือ่ ผูน้ ำ� ทีม่ องเห็นความต้องการของผูใ้ ต้บงั คับบัญชาให้มากยิง่
ขึ้น การส่งทหารหรือข้าราชการพลเรือนกลาโหมด้วยวิธีการหรือหนทาง
ที่อันตรายเพียงเพื่อบรรลุภารกิจนั้นดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับค�ำว่า
๗-24 บทที่ ๗ การน�ำ
“ดูแลเอาใจใส่” ผู้น�ำดูแลผองเพื่อนร่วมตายโดยส่งเขาไปปฏิบัติภารกิจ
ซึง่ อาจหมายถึงความตายได้อย่างไร หากไปถามนายทหารทีอ่ าวุโสน้อยๆ
หรือนายทหารประทวนจะได้รบั ค�ำตอบเดียวกันก็คอื “การดูแลเอาใจใส่
ของผู้น�ำที่มีต่อทหาร” นั่นเอง
๗-๕๔ การดูแลเอาใจใส่ทหารส่งผลที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เป็นการสร้าง
สภาพแวดล้อมภายใต้วินัยที่ซึ่งเขาสามารถเรียนรู้และเติบโตขึ้น นั่นคือ
ท�ำการฝึกและเตรียมเขาให้มีมาตรฐานในการท�ำงานให้อยู่ในระดับสูง
เขาก็จะประสบความส�ำเร็จในยามปกติ และชนะเมื่ออยู่ในยามสงคราม
สิ่งส�ำคัญของการดูแลเอาใจใส่ทหารก็คือ การให้ความยุติธรรมและ
เท่าเทียม ร่วมทุกข์ร่วมสุข และการเป็นแบบอย่างที่ดี
๗-๕๕ การเอาใจใส่ดูแลทหารยังหมายถึงการบังคับบัญชาให้เขาท�ำ
หน้าที่ แม้ว่าจะเสี่ยงต่อชีวิตก็ตาม การเตรียมทหารไว้ส�ำหรับเผชิญกับ
ความโหดร้ายในสนามรบแห่งความเป็นจริงเป็นหน้าที่อันส�ำคัญยิ่งของ
ผู้น�ำโดยตรง ต้องไม่ใช่การตามใจหรือท�ำการฝึกให้ง่ายและสะดวกสบาย
เพื่อเอาอกเอาใจกันเกินไป การละเลยต่อการฝึกอาจมีผลท�ำให้ทหาร
เสียชีวิต การฝึกต้องเข้มงวดแม่นย�ำและมีความใกล้เคียงกับความเป็น
จริงในสนามรบมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยค�ำนึงถึงความปลอดภัย
อยู่ในใจเสมอ ผู้น�ำ น�ำการบริหารความเสี่ยงมาใช้เพื่อท�ำให้มั่นใจว่า
มาตรฐานด้านความปลอดภัยมีความเหมาะสมแล้ว ระหว่างการปฏิบัติ
การในยามสงคราม ผูน้ ำ� หน่วยต้องพิจารณาความเหมาะสมในการอ�ำนวย
ความสะดวกเพือ่ บ�ำรุงขวัญ และคงประสิทธิภาพในการรบทีย่ าวนานไว้ได้
“ความสบายต้องมาที่หลังภารกิจเสมอ”
บทที่ ๗ การน�ำ ๗-25
๗-๕๖ การดูแลเอาใจใส่ผู้อื่นเป็นการค้นหาสภาวะส่วนบุคคลของ
ทหารในแต่ละวัน หรือทัศนคติที่เขามีต่องานงานหนึ่ง เราสามารถน�ำ
คุณลักษณะ ๓ ประการของผูน้ ำ� ได้แก่ บุคลิกลักษณะ การแสดงออก และ
ความสามารถทางสติปญ ั ญามาประยุกต์ใช้เป็นรายการส�ำหรับตรวจสอบ
สวัสดิภาพและความพร้อมของทหารและข้าราชการพลเรือนกลาโหมได้
เช่นกัน ขึน้ อยูก่ บั ผูน้ ำ� ว่าจะกระตุน้ ให้เกิดแรงผลักดันทีจ่ ะท�ำให้เกิดความ
สมบูรณ์ของงาน หรือเมื่อใดที่ต้องการความผ่อนคลายเพื่อหลีกเลี่ยง
ความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้หรือเป็นอันตราย และหาวิธีการอื่นที่ท�ำให้งาน
บรรลุผลส�ำเร็จ
๗-๕๗ ผู้น�ำจ�ำนวนมากจะคลุกคลีกับผู้ใต้บังคับบัญชา ถึงระดับความ
เป็นส่วนตัว ดังนั้นเขาจึงสามารถคาดคะเนและเข้าใจถึงสถานการณ์และ
ความจ�ำเป็นของแต่ละบุคคลได้ ดังที่ได้กล่าวในบทก่อนหน้านี้การสร้าง
ความสัมพันธ์เป็นวิธีเดียวที่จะท�ำให้กับผู้ใต้บังคับบัญชายอมให้มีอิทธิพล
เหนือกว่าตนและยอมรับในหน้าที่ความรับผิดชอบ ผู้น�ำที่ประสบความ
ส�ำเร็จจ�ำนวนมากใช้พื้นฐานในการรู้จักผู้อื่นเพื่อให้ปฏิบัติต่อผู้อื่นได้เป็น
อย่างดี ซึง่ รวมถึงทุกสิง่ ทุกอย่างด้วยความมัน่ ใจว่าทหารมีเวลาส�ำหรับการ
ตรวจฟันประจ�ำปี รูว้ า่ เขาชอบงานอดิเรกอะไร และใช้เวลาว่างไปกับการท�ำ
สิง่ ใด ผูน้ ำ� ควรหาเวลาให้เพียงพอส�ำหรับครอบครัวด้วย รวมทัง้ สร้างเครือ
ข่ายที่มีความพร้อม โดยให้แต่ละครอบครัวให้ความช่วยเหลือกันและกัน
เพื่อท�ำให้มั่นใจได้ว่าครอบครัวของทหารจะได้รับการดูแลเอาใจใส่ไม่ว่า
เขาจะท�ำงานอยู่ที่ใด ทั้งในและนอกประเทศ
๗-26 บทที่ ๗ การน�ำ
๗-๖๙ การขยายขอบเขตของหน่วยหรือองค์กรที่มีความแตกต่างกัน
โดยสิ้นเชิงเป็นงานที่ต้องใช้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษ ทั้งนี้กุญแจของการ
มีความเชื่อมั่นภายนอกสายการบังคับบัญชาก็คือการเรียนรู้เกี่ยวกับคน
และองค์กร โดยการท�ำความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่ต้องการและสิ่งที่
ปรารถนา ผู้น�ำต้องรู้ว่าอะไร คือ เทคนิคซึ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นที่
ได้ผล ผูน้ ำ� สามารถเรียนรูศ้ ลิ ป์ในการจัดการกับผูค้ นซึง่ มีความต้องการผล
ประโยชน์ทแี่ ตกต่างกันได้จากภาคธุรกิจซึง่ ต้องเกีย่ วข้องกับการประสาน
ผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน ของกลุ่มต่าง ๆ ที่มีความแตกต่างกัน
การเจรจาต่อรอง การสร้างฉันทานุมัติ และการสลายความขัดแย้ง
๗-๗๐ เมือ่ มีการปฏิบตั กิ ารภายนอกสายการบังคับบัญชา ผูน้ ำ� ต้องสลาย
ความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ของกองทัพบกกับประชาชนในท้องถิน่
หรือคนอืน่ ๆ ความรุนแรงของความขัดแย้งชีใ้ ห้เห็นถึงความแตกต่างและ
ความคล้ายคลึงกันในท่าทีของกลุ่มซึ่งมีความหลากหลาย เมื่อน�ำความ
แตกต่างที่ได้ไปวิเคราะห์ก็จะเข้าใจว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังความแตกต่าง
นั้น จึงมีการจัดท�ำเอกสารวิจัย ขึ้นเพื่อทบทวนการแปลความหมายของ
ความแตกต่างหรือการประนีประนอมด้วยการถกแถลงเพื่อน�ำไปสู่ความ
เข้าใจร่วมกันหรือให้มีจุดหมายร่วมกัน ทั้งนี้ ความไว้วางใจ ความเข้าใจ
และความรูเ้ กีย่ วกับเทคนิคของการมีความเชือ่ มัน่ ทีถ่ กู ต้องในสถานการณ์
ต่าง ๆ เป็นปัจจัยที่ต้องน�ำมาพิจารณาเมื่อมีการเจรจาต่อรอง การสร้าง
ฉันทานุมัติ และการสลายความขัดแย้ง
การน�ำโดยการเป็นแบบอย่าง
การแสดงลักษณะทหาร
บทที่ ๗ การน�ำ ๗-31
มากเกินไปในสถานการณ์อันยุ่งยากอาจจะท�ำให้ขาดความเหมาะสมใน
การเอาใจใส่หรือกังวลสนใจต่อการแสดงความรู้สึก (เก็บความรู้สึกไม่ได้)
๗-๗๕ การน�ำด้วยความมัน่ ใจต้องมีการระวังตนเองเป็นอย่างดีและต้อง
มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ดังนั้น การพัฒนาความสามารถ
ที่จะคงไว้ซึ่งความมั่นใจในตนเองในสถานการณ์ต่างๆ จึงเกี่ยวพันกับสิ่ง
ต่างๆ ดังต่อไปนี้
- มีโอกาสทีจ่ ะเรียนรูป้ ระสบการณ์เกีย่ วกับปฏิกริ ยิ าโต้ตอบ
ของสถานการณ์รุนแรงต่างๆ
- คงไว้ซึ่งทัศนคติในเชิงบวกเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่มี
ความสับสนหรือมีการเปลี่ยนแปลง
- ตัดสินใจหลังจากที่พบปัญหา
- ให้ก�ำลังใจเมื่อมีผู้แสดงความอ่อนแอ
การแสดงความกล้าหาญด้านคุณธรรม
๗-๗๖ การแสดงความมั่นใจในสนามรบและสถานการณ์อื่นๆ ต้องใช้
ความกล้าหาญด้านคุณธรรม และด้านกายภาพ ความกล้าหาญด้าน
กายภาพจะส่งผลให้ทหารปกป้องแผ่นดินของเขาถึงแม้ว่าข้าศึกได้รุกล�้ำ
แนวการป้องกันตนเองของฝ่ายเราเข้ามาได้แล้ว หรือแม้วา่ จะเห็นกระสุน
ตกลงมาใกล้ๆ ส่วนความกล้าหาญด้านคุณธรรมจะท�ำให้ผู้น�ำยืนหยัดใน
ค่านิยม หลักการ และการลงทัณฑ์ในสถานการณ์เดียวกัน ผู้น�ำที่มีความ
รับผิดชอบเต็มตัวในการตัดสินใจและการกระท�ำแสดงให้เห็นถึงความ
กล้าหาญด้านคุณธรรม ผูน้ ำ� ทีม่ คี วามกล้าหาญในเชิงคุณธรรมจะใช้ความ
ตั้งใจมองลึกเข้าไปในตนเอง พิจารณาความคิดใหม่ ๆ และเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่ก่อให้เกิดความล้มเหลว
บทที่ ๗ การน�ำ ๗-33
๗-๗๗ ความกล้าหาญด้านคุณธรรมในวันต่อวันของการปฏิบัติในยาม
สงบมีความส�ำคัญเท่ากับความกล้าหาญทางด้านกายภาพชั่วขณะหนึ่ง
ในสนามรบ ผู้น�ำซึ่งด�ำเนินการพิจารณาว่ายุทโธปกรณ์ทางทหารชิ้นใหม่
มีความสามารถไม่ตรงกับคุณสมบัติเฉพาะที่ก�ำหนด เป็นการทดสอบ
ความกล้าหาญทางด้านศีลธรรมจะเตรียมตัวที่จะรับความกดดันและ
ด�ำรงไว้ซึ่งวัตถุประสงค์และความยุติธรรมในขั้นตอนการทดสอบและบท
สรุป ความกล้าหาญทางด้านคุณธรรมเป็นพื้นฐานของการใช้ชีวิตด้วย
ค่านิยมของกองทัพบกในเรื่องความซื่อสัตย์และเกียรติยศ ไม่ว่าจะเป็น
พลเรือนหรือทหารก็ตาม
การแสดงความสามารถ
๗-๗๘ ผูใ้ ต้บงั คับบัญชาใช้เวลาไม่มากนักทีจ่ ะสังเกตว่าผูน้ ำ� ทีท่ ำ� ท่ามัน่ ใจ
ในตนเองแต่ไม่มคี วามสามารถจริงตามนัน้ การมีความรูใ้ นระดับทีเ่ หมาะ
สมเป็นสิ่งส�ำคัญในการเตรียมผู้น�ำให้มีความสามารถซึ่งแสดงให้เห็นถึง
ความมั่นใจในตนเองโดยผ่านทางทัศนคติ การกระท�ำ และค�ำพูด
๗-๗๙ เมื่อพิจารณาถึงความส�ำคัญของการปฏิบัติการทางทหารของ
หน่วยเล็กๆ มีหลายสิง่ ทีไ่ ม่แน่นอนจนกระทัง่ ผูน้ ำ� ทีม่ คี วามสามารถและมี
ความมั่นใจมาท�ำให้เกิดความแตกต่าง ผู้น�ำที่มีความสามารถจะประยุกต์
ลักษณะเฉพาะของการตัดสินใจที่จะมีอิทธิพลในสถานการณ์ทางยุทธวิธี
หรือยุทธการในเวลาทีถ่ กู ต้อง ลักษณะส่วนตัวและอิทธิพลในทางอ้อมจะ
ช่วยระดมขวัญและความตัง้ ใจน�ำไปสูก่ ารเป็นผูท้ จี่ ะประสบชัยชนะในทีส่ ดุ
๗-๘๐ การน�ำโดยการท�ำตัวเป็นแบบอย่างต้องการผู้น�ำที่ยังคงระวัง
ว่าแนวทางและแผนการของตนได้ถูกน�ำไปปฏิบัติ หากผู้น�ำระดับสั่ง
๗-34 บทที่ ๗ การน�ำ
การตรงและผู้น�ำระดับองค์กรท�ำการวางแผนที่มีความซับซ้อนโดยไม่ได้
พิจารณาว่าทหารของเขามีประสบการณ์หรือไม่ ก็จะไม่สามารถรักษา
ความปลอดภัยไว้ได้แม้ว่าจะอยู่ในกองบัญชาการ พวกเขาต้องมีความ
กล้าหาญทีจ่ ะออกไปยังทีท่ จี่ ะปฏิบตั ิ ไม่วา่ จะเป็นในสนามรบ หรือในห้อง
ปฏิบัติการ ผู้น�ำที่ดีจะสานความสัมพันธ์กับผู้ใต้บังคับบัญชาโดยการร่วม
ทุกข์รว่ มสุขและสือ่ สารกันอย่างเปิดอกเพือ่ ให้เข้าใจอย่างชัดเจนและรูส้ กึ
ถึงความเป็นไปในมุมมองของผู้ใต้บังคับบัญชา
๗-๘๑ ผู้น�ำทางทหารทุกระดับต้องจดจ�ำไว้ว่าภาพแห่งความเป็นมนุษย์
ทีเ่ ป็นสัญลักษณ์ต่างๆบนแผนทีซ่ งึ่ ทหารมีอยูใ่ นใจก็คอื การต่อสูใ้ นระยะที่
ใกล้ชดิ มากๆ เพือ่ พิสจู น์วา่ แผนจะประสบความส�ำเร็จได้ ผูน้ ำ� ทีเ่ ป็นนักรบ
แท้จริงจะท�ำการน�ำและร่วมเป็นร่วมตายกับทหารอยูใ่ นแนวหน้า การเห็น
และมีความเข้าใจแผนทีจ่ ะน�ำไปสูก่ ารปฏิบตั จิ ะช่วยเสริมให้ผนู้ ำ� ประเมิน
สถานการณ์ได้ดขี นึ้ และมีความเชือ่ มัน่ ต่อการปฏิบตั ดิ ว้ ยการปรากฏตัวใน
ทันที ผู้น�ำที่รักษาตนเองให้ปลอดภัยโดยการรักษาระยะห่างจากความ
เสีย่ งในแนวหน้าเป็นการท�ำลายความไว้วางใจและความเชือ่ มัน่ ของทหาร
เช่นเดียวกันกับผูน้ ำ� สายงานธุรการเมือ่ ต้องปฏิบตั งิ านภายใต้สถานการณ์
อันยุ่งยาก หรือภารกิจการส่งก�ำลังที่มีอันตรายเพื่อสนับสนุนให้กับ
การเข้าวางก�ำลังทางทหาร เขาต้องถามตัวเองว่า สิ่งที่ขอให้ลูกน้องท�ำ
เราได้ท�ำแล้วหรือยัง
๗-๘๒ หากท�ำการน�ำร่วมอยู่ในแนวหน้าและวางแผนด้วยความเข้าใจ
อย่างชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ในแนวหน้าเป็นกุญแจแห่งความส�ำเร็จ
ผู ้ บั ญ ชาการหรื อ หั ว หน้ า ฝ่ า ยเสนาธิ ก าร (ในขณะเดี ย วกั น
เป็นได้แค่ต�ำแหน่งใดต�ำแหน่งหนึ่งเท่ านั้น) และหนึ่งในบรรดาคณะ
บทที่ ๗ การน�ำ ๗-35
ก็คือการเข้าใจความคิดของผู้ส่งสาร ผู้ฟังควรแสดงตัวชี้วัดถึงผู้พูดว่า
ยังคงตั้งใจฟังอยู่ การฟังด้วยความตั้งใจยังหมายถึงการหลีกเลี่ยงที่จะ
ขัดจังหวะการพูด การจดจ�ำค�ำพูด หรือการจดบันทึกประเด็นส�ำคัญหรือ
สิ่งที่ต้องการความชัดเจน ผู้ฟังที่ดีจะรับทราบรายละเอียดของข้อความ
รวมทั้งความเร่งด่วนและอารมณ์ของเรื่องที่พูด
ขวัญ
คือ
องค์ประกอบส�ำคัญทีส่ ดุ ของมนุษย์ท�ำให้มนุษย์
มีความสุข
และความสุขนี้เอง
ท�ำให้เกิดผลตอบแทนทางใจซึง่ เป็นแรงจูงใจให้
ทหารปฏิบัติงานได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์
บทที่ ๘
การพัฒนา
ลักษณะผู้น�ำที่ดี
๘-๑ ผู้น�ำที่ดีจะใช้ความอุตสาหะเพื่อท�ำให้องค์กรดีขึ้นกว่าที่เคยเป็น
และคาดหวังว่าผู้น�ำคนอื่น ๆ ในกองทัพจะท�ำเช่นเดียวกัน ผู้น�ำสามารถ
สร้างสรรค์บรรยากาศในเชิงบวก การเตรียมตนเองเพือ่ ทีจ่ ะท�ำหน้าทีข่ อง
ตนให้ดี รวมทั้งช่วยให้คนอื่นท�ำให้ดีด้วย โดยผู้น�ำจะต้องมองไปข้างหน้า
และเตรียมทหารและข้าราชการพลเรือนกลาโหมทีม่ คี วามสามารถพิเศษ
เพือ่ รับผิดชอบในต�ำแหน่งทีม่ คี วามรับผิดชอบด้านภาวะผูน้ ำ� มากยิง่ ขึน้ ใน
องค์กรของตนและงานทีจ่ ะได้รบั มอบหมายในอนาคต รวมทัง้ ต้องท�ำการ
พัฒนาตนเองเพื่อเตรียมไว้ส�ำหรับความท้าทายในอนาคต
๘-๒ ผู้น�ำต้องจัดล�ำดับความเร่งด่วนและประเมินความต้องการในการ
แข่งขันเพื่อมุ่งไปสู่อนาคตและรักษาความสมดุล ณ ปัจจุบัน ผู้น�ำต้อง
น�ำให้เกิดความทุ่มเทพยายามขององค์กรอย่างระมัดระวังไปสู่เป้าหมาย
ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ในขณะเดียวกันต้องคงความต่อเนื่องในการ
จัดการกับความต้องการทีน่ ำ� มาซึง่ การบรรลุเป้าหมายเหล่านัน้ ส่วนความ
ต้องการทีต่ อ้ งใช้เวลาและทรัพยากรขององค์กรจะท�ำให้งานของผูน้ ำ� ยาก
ยิ่งขึ้น การชี้น�ำของหน่วยเหนือขึ้นไปอาจช่วยได้ แต่ผู้น�ำต้องสร้างความ
ต้องการที่เหนียวแน่นเพื่อรักษาความสมดุลเอาไว้
๘-2 บทที่ ๘ การพัฒนา
บรรยากาศในการท�ำงานจะแสดงถึงสภาพแวดล้อมของหน่วยและองค์กร
ซึง่ โดยพืน้ ฐานแล้วผูน้ ำ� ระดับสัง่ การตรงและระดับองค์กรจะเป็นผูก้ ำ� หนด
๘-๕ การดูแลเอาใจใส่คนและท�ำให้มผี ลงานสูงสุดได้รบั อิทธิพลจากการที่
ผูน้ ำ� สร้างบรรยากาศในการท�ำงานได้ดเี พียงใด บรรยากาศเป็นความรูส้ กึ
ของสมาชิกที่มีต่อองค์กร และมาจากการแบ่งปันการรับรู้และทัศนคติ
เกี่ยวกับหน้าที่การงานประจ�ำวันของหน่วย สิ่งเหล่านี้มีผลกระทบเป็น
อย่างยิ่งต่อการจูงใจและการเชื่อมั่นต่อความรู้สึกที่มีต่อหน่วยและผู้น�ำ
โดยทั่วไปแล้วบรรยากาศต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นประสบการณ์ในระยะสั้น ๆ
ซึ่งขึ้นอยู่กับการที่แต่ละบุคคลเชื่อมโยงกันในองค์กรเล็กๆ บรรยากาศ
ภายในองค์กรจะเปลี่ยนแปลงไปตามบุคคลที่มาและจากไป เมื่อทหาร
พูดว่า “รองหมวดคนที่แล้วของผมค่อนข้างดี แต่คนใหม่นี่ยอดเยี่ยม”
นั่นหมายถึงทหารผู้นั้นก�ำลังชี้ให้เห็นถึงหนึ่งในองค์ประกอบที่มีอยู่ซึ่งจะ
มีผลกระทบต่อบรรยากาศขององค์กร
๘-๖ วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ยืนยาวและมีความซับซ้อนของกลุ่มที่มีความ
คาดหวังร่วมกันมากกว่าบรรยากาศในการท�ำงาน ซึง่ เป็นการสะท้อนภาพ
ของความคิดและความรูส้ กึ ของคนเกีย่ วกับองค์กรในขณะนัน้ วัฒนธรรม
ประกอบด้วยการมีสิ่งเหล่านี้ร่วมกัน ได้แก่ ทัศนคติ ค่านิยม เป้าหมาย
และการปฏิบตั ซิ งึ่ แสดงถึงลักษณะพิเศษของสถาบันขนาดใหญ่กว่าในห้วง
ตลอดระยะเวลาหนึ่ง ทั้งยังแสดงถึงความเชื่อ ขนบธรรมเนียม และการ
ปฏิบตั ทิ สี่ งั่ สมมาในระดับรากแก้ว ผูน้ ำ� ต้องสร้างบรรยากาศของสถาบันที่
มีความคงทน เพือ่ สร้างวัฒนธรรมของการทีค่ นพึงรูว้ า่ ตนเป็นส่วนหนึง่ ของ
บางสิ่งที่ใหญ่กว่าตนเอง ซึ่งเขาจะต้องรับผิดชอบไม่เพียงแต่ผู้คนรอบ ๆ
ตัวเขาแต่รวมไปถึงคนที่อยู่มาก่อนและก�ำลังจะมา
๘-4 บทที่ ๘ การพัฒนา
การสร้างเงื่อนไขส�ำหรับบรรยากาศเชิงบวก
๘-๙ บรรยากาศและวัฒนธรรมแสดงถึงการที่ผู้น�ำและผู้ตามมีปฏิกิริยา
ต่อกัน แต่ละองค์ประกอบจะมีผลต่อกันและกัน การวิจยั ทางทหาร รัฐบาล
และองค์กรธุรกิจ แสดงให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมเชิงบวกจะน�ำไปสู่คน
ท�ำงานทีม่ คี วามรูส้ กึ ดีขนึ้ เกีย่ วกับตนเอง การให้คำ� มัน่ ทีจ่ ะท�ำหน้าทีอ่ ย่าง
หนักแน่นยิง่ ขึน้ และมีผลงานทีด่ ขี นึ้ ถ้าหากผูน้ ำ� สามารถสร้างบรรยากาศ
ในเชิงบวกได้ คนอื่น ๆ ก็จะตอบสนองในลักษณะเดียวกัน
๘-๑๐ ผู้น�ำที่ดีจะมักสร้างบรรยากาศซึ่งเรียกได้ว่ามีความยุติธรรม
ทั่วถึง และใช้หลักจริยธรรม ความยุติธรรมหมายถึงการปฏิบัติอย่างเท่า
เทียมกัน โดยมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษโดยสามารถ
ท�ำตามอ�ำเภอใจได้ทั่วถึง หมายถึง ทุกคนต้องปฏิบัติหรือได้รับอย่าง
เดียวกัน โดยไม่มีความแตกต่าง นั่นคือ ทุกคนรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน หลัก
จริยธรรม หมายถึง ทุกคนในองค์กรปฏิบัติเหมือนกันตามหลักการทาง
จริยธรรมและค่านิยมกองทัพบก
ความยุติธรรม และความทั่วถึง
๘-๑๑ ผูน้ ำ� ทีใ่ ช้นโยบายและมีทศั นคติในการทีจ่ ะดูแลผูอ้ นื่ แบบเดียวกัน
นี้ ถือได้วา่ เดินมาถูกทางส�ำหรับการสร้างบรรยากาศเชิงบวก ถึงแม้วา่ ผูน้ ำ�
ดูแลผู้อื่นอย่างเท่าเทียมและมีความสอดคล้องกัน แต่ละคนจะได้รับการ
ดูแลไม่เหมือนกัน เนื่องจากคนเรามีขีดความสามารถและความต้องการ
ที่แตกต่างกัน ดังนั้นผู้น�ำจึงควรพิจารณาความแตกต่างบางประการ
ในขณะเดียวกันก็วางเฉยกับความแตกต่างที่ไม่ชัดเจน ในเมื่อคนเราได้
รับการดูแลที่แตกต่างกัน ผู้น�ำที่มีความยุติธรรมจะต้องใช้หลักการและ
ค่ า นิ ย มเดี ย วกั น เป็ น เกณฑ์ เ พื่ อ หลี ก เลี่ ย งการดู แ ลใครคนใดคนหนึ่ ง
เป็นพิเศษ
๘-6 บทที่ ๘ การพัฒนา
เทคนิคและระเบียบปฏิบัติที่ท�ำให้ความมุ่งหมายอยู่ได้ยืนยาวกว่า โดย
การสร้างบรรยากาศซึ่งท�ำให้เกิดค่านิยมและสนับสนุนอย่างเปิดเผยต่อ
ผู้น�ำและคนในองค์กร โอกาสส�ำหรับการฝึกและการศึกษาจะถูกก�ำหนด
ขึน้ และสนับสนุนอย่างเต็มที่ เนือ่ งจากผูน้ ำ� มีผลโดยตรงต่อการสร้างสรรค์
บรรยากาศซึ่งท�ำให้เกิดค่านิยมการเรียนรู้ผ่านอาชีพการเป็นทหารแห่ง
กองทัพบก สิ่งนี้เป็นการตอบสนองต่อจุดมุ่งหมายเดียวกันกับการเรียน
รู้ตลอดชีวิต
การเรียนรู้ตลอดชีวิต คือ ทางเลือกตลอดชีวิตของปัจเจกบุคคล
ทีจ่ ะไล่ตามความรูอ้ ย่างว่องไวและเปิดเผย ความเข้าใจเกีย่ วกับแนวความ
คิดต่าง ๆ และขยายออกไปเชิงลึก ในทีใ่ ดๆ ก็ตามทีเ่ ป็นมากกว่าการพัฒนา
และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เรียกว่าการเรียนรู้ตลอดชีวิต
๘-๑๕ ผูน้ ำ� ผูซ้ งึ่ เรียนรูท้ จี่ ะมองประสบการณ์ของตนเองและหาวิธกี ารทีด่ ี
กว่าเพือ่ ท�ำสิง่ ต่าง ๆ ต้องอาศัยความกล้าหาญในการสร้างสภาวะแวดล้อม
แห่งการเรียนรู้ ผูน้ ำ� ทีอ่ ทุ ศิ ให้กบั สภาพแวดล้อมแห่งการเรียนรูต้ อ้ งไม่กลัว
ที่จะท้าทายกับการที่ตนเองหรือองค์กรจะต้องปฏิบัติอย่างไร เมื่อผู้น�ำ
ถามว่า “ท�ำไมเราถึงท�ำแบบนี้” จากนั้นก็พบว่ามีเพียงเหตุผลเดียวก็คือ
“เพราะว่าเราท�ำแบบนี้เสมอ” ซึ่งถึงเวลาแล้วที่จะต้องมองกระบวนการ
เหล่านี้อย่างใกล้ชิด หน่วยที่ค้นพบวิธีการท�ำงานที่ได้ผลอาจจะไม่ได้ใช้
วิธีที่ดีที่สุด เว้นแต่ว่าผู้น�ำตั้งใจที่จะถามว่า ณ ขณะนี้สิ่งต่าง ๆ จะด�ำเนิน
ไปได้อย่างไร นั่นก็จะไม่มีใครรู้ว่าจะท�ำอะไรดี นอกจากวิธีที่ท�ำอยู่นี้ นั่น
คือกระบวนการกระตุ้นให้คิดเพื่อค้นพบวิธีการท�ำงานที่ได้ผล ที่แตกต่าง
จากวิธีที่ท�ำเสมอมา
๘-8 บทที่ ๘ การพัฒนา
หน่วยควรมีความรู้สึกว่าการทุ่มเทพยายามด้วยความสัตย์ซื่อและมีการ
รวมก�ำลังกันเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมแม้ว่าผลที่ได้รับจะไม่สมบูรณ์นัก พวกเขา
ควรรู้สึกว่าผู้น�ำของเขาได้ค�ำนึงถึงค่านิยมในทุก ๆ โอกาสส�ำหรับใช้เป็น
เครื่องมือในการเรียนรู้ที่จะท�ำให้ดีขึ้น
๘-๒๕ ผู้น�ำที่ดีทราบดีว่าความล้มเหลวและการเสื่อมถอยที่มีเหตุผลมัก
จะเกิดขึ้นไม่ว่าหน่วยท�ำทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างถูกต้องหรือไม่ก็ตาม ผู้น�ำ
ควรแสดงให้เห็นถึงความส�ำคัญของคุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์และแรงจูงใจ
แต่กต็ อ้ งเข้าใจถึงจุดอ่อนทีม่ อี ยู่ “ความผิดพลาดสร้างโอกาสในการเรียน
รู้บางอย่างซึ่งอาจน�ำมาเก็บไว้เป็นข้อเตือนใจ”
๘-๒๖ ทหารและข้าราชการพลเรือกลาโหมประจ�ำกองทัพบกคาดหวัง
มาตรฐานสูงทีต่ งั้ อยูบ่ นความเป็นจริง ท้ายทีส่ ดุ อาจมีความรูส้ กึ ต่อตนเอง
ดีขนึ้ เมือ่ ประสบความเร็จในการบรรลุกจิ ต่าง ๆ จึงมีความมัน่ ใจในตัวผูน้ ำ�
ซึง่ ช่วยก�ำลังพลเหล่านัน้ ให้สามารถด�ำรงสถานะอยูใ่ นระดับมาตรฐานและ
จะสูญเสียความมั่นใจหากมีผู้น�ำที่ไม่รู้ถึงมาตรฐานหรือล้มเหลวต่อความ
ต้องการผลการปฏิบัติงานที่มีคุณภาพ
การกระตุ้นให้เกิดความริเริ่ม
๘-๒๗ หนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ส�ำหรับผู้น�ำคือการกระตุ้นผู้ใต้
บังคับบัญชาให้มีความริ่เริ่ม ทหารและข้าราชการพลเรือนกลาโหมที่ไม่
ได้อยู่ในต�ำแหน่งผู้น�ำมักรีรอที่จะรับงานมาเป็นความรับผิดชอบของตน
และก้าวต่อไป รวมถึงเรื่องการท�ำให้ทหารพูดออกมาเกี่ยวกับความรู้ทาง
ด้านเทคนิคทีเ่ ขามีหรือให้ขอ้ มูลข่าวสารทีเ่ กีย่ วกับสถานการณ์ซงึ่ ผูบ้ งั คับ
บัญชาไม่มี
๘-14 บทที่ ๘ การพัฒนา
๘-๓๕ การพัฒนาตนเองส�ำหรับผู้น�ำที่มีอาวุโสน้อยซึ่งมีลักษณะเป็น
โครงสร้างและจะต้องให้ความสนใจมากขึน้ กว่าปกติ โดยเน้นให้ครอบคลุม
กว้างขวางให้เหมือนกับการบอกได้ถึงจุดอ่อนและจุดแข็งของตนเอง
รวมถึงพิจารณาความต้องการของแต่ละบุคคล และมีความเป็นตัวของ
ตัวเองมากขึ้น โดยที่ความรู้และมุมมองต่าง ๆ ดีขึ้นได้จากการที่มีอายุ
ประสบการณ์ การอบรม และการได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการต่าง ๆ
มากขึ้น ด้วยเหตุนี้การปฏิบัติอันมีจุดมุ่งหมายที่เป็นไปเพื่อการพัฒนา
ตนเองจะท�ำให้ไปเพิม่ พูนและขยับขยายให้มที กั ษะและความรูม้ ากยิง่ ขึน้
ดังนัน้ บรรดาทหารและข้าราชการพลเรือนกลาโหมจึงสามารถคาดหวังได้
ว่าผู้น�ำจะช่วยในเรื่องของการพัฒนาตนเอง
๘-๓๖ การศึกษาทั้งทางด้านพลเรือนและด้านการทหารเป็นส่วนส�ำคัญ
ของการพัฒนาตนเอง ผู้น�ำไม่เคยหยุดการเรียนรู้และมองหาโอกาสเพื่อ
ที่จะฝึกและศึกษาที่นอกเหนือไปจากการเรียนในโรงเรียนเหล่ าสาย
วิทยาการตามแนวทางรับราชการหรือระหว่างการท�ำหน้าที่ที่ได้รับมอบ
หมาย การเตรียมการส�ำหรับความรับผิดชอบในอนาคตนั้น ผู้น�ำควร
ส�ำรวจการศึกษานอกเวลาเวลาราชการ เช่น หลักสูตรของมหาวิทยาลัย
ซึ่งมีการสอนทักษะและความรู้ในด้านต่าง ๆ ในชีวิต เช่นเดียวกันกับ
การกระจายหลักสูตรการเรียนรู้เกี่ยวกับหลักการจัดการหรือหัวข้อ
เกี่ยวกับภาวะผู้น�ำโดยเฉพาะ
๘-๓๗ ผู ้ น� ำ ได้ รั บ การท้ า ทายที่ จ ะพั ฒ นาตนเองและช่ ว ยเหลื อ ผู ้ ใ ต้
บังคับบัญชาให้ได้มาซึ่งคุณสมบัติที่ดี มีความขีดสามารถทางด้านสติ
ปัญญา และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่จะเป็นผู้น�ำกองทัพบกในอนาคต
การท�ำให้ได้มาซึ่งภาวะผู้น�ำที่ประสบความส�ำเร็จในสภาพแวดล้อมทาง
๘-18 บทที่ ๘ การพัฒนา
การพัฒนาการตระหนักรู้ในตนเอง
๘-๔๐ พัฒนาการตระหนักรูใ้ นตนเองเป็นองค์ประกอบหนึง่ ในการเตรียม
ตนเอง ที่ได้รับการเตรียมการและการปฏิบัติในสถานการณ์และการมี
ปฏิสมั พันธ์กบั ผูอ้ นื่ การตระหนักรูใ้ นตนเองมีศกั ยภาพในการช่วยให้ผนู้ ำ�
มีการปรับสภาพและท�ำให้มปี ระสิทธิภาพมากขึน้ การตระหนักรูใ้ นตนเอง
มีส่วนสัมพันธ์กับการปฏิบัติการร่วมสมัยที่เกี่ยวข้องกับความอ่อนไหว
ทางวัฒนธรรม และมีไว้สำ� หรับผูน้ ำ� ในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
๘-๔๑ การตระหนักรูใ้ นตนเองท�ำให้ผนู้ ำ� ตระหนักถึงจุดแข็งและจุดอ่อน
ทั้งหมดที่มี และน�ำจุดแข็งมาปรับแก้จุดอ่อนที่มีอยู่ การท�ำให้มีความ
ตระหนักรู้ในตนเอง ผู้น�ำต้องมีความรู้ที่เที่ยงตรงในตนเอง พร้อมกับ
รวบรวมข้อมูลย้อนกลับเกี่ยวกับการรับรู้ของผู้อื่น แล้วเปลี่ยนแปลงแนว
ความคิดของตนเองให้เหมาะสม การมีความตระหนักรูใ้ นตนเองทีแ่ ท้จริง
นัน้ ผูน้ ำ� ต้องพัฒนาภาพลักษณ์ในเรือ่ งของขีดความสามารถและขีดจ�ำกัด
ได้อย่างซื่อสัตย์และชัดเจน
การตระหนักรู้ในตนเอง เป็นการตระหนักที่จะรับรู้ของคนใด
คนหนึ่ง ซึ่งรวมถึงคุณสมบัติ ความรู้สึก และพฤติกรรมของคนคนนั้น
๘-๔๒ เมือ่ สถานการณ์มกี ารเปลีย่ นแปลงไป การประเมินเกีย่ วกับความ
สามารถและขีดจ�ำกัดของผู้น�ำก็ต้องปรับเปลี่ยนตามไปด้วย ผู้น�ำทุกคน
มีขีดความสามารถในเรื่องการตระหนักรู้ในตนเอง ผู้น�ำที่มีคุณลักษณะ
ที่ พึ ง ประสงค์ จ ะเข้า ใจถึ ง ความส� ำ คั ญ และด� ำ เนิ น การพั ฒ นาในเรื่ อ ง
การตระหนักรู้ในตนเอง ในทางตรงกันข้าม ผู้น�ำที่ขาดการตระหนักรู้
ในตนเองจะหยิ่งทะนงตนและขาดการเชื่อมโยงจากผู้ใต้บังคับบัญชา
๘-20 บทที่ ๘ การพัฒนา
อาจจะมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์แต่ก็ขาดการรับรู้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชา
มองผู้น�ำอย่างไร สิ่งเหล่านี้อาจท�ำให้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้และ
การปรับตัว ซึ่งมีผลต่อการถอยห่างจากการสร้างบรรยากาศการท�ำงาน
เชิงบวกและการท�ำให้องค์กรท�ำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น
ผู้น�ำที่มีการตระหนักรู้ในตนเองจะมีความเข้าใจในความหลากหลายของ
ทหารและข้าราชการพลเรือนกลาโหมในหน่วย สามารถรู้สึกได้
๘-๔๓ ผูน้ ำ� ทีม่ กี ารตระหนักรูใ้ นตนเองเป็นคนเปิดเผยทีจ่ ะรับรูแ้ ละค้นหา
ข้อมูลด้วยความคล่องแคล่ว จุดมุง่ หมายของการรับข้อมูลย้อนกลับก็เพือ่
ที่จะพัฒนาการรับรู้ของตนเอง ได้อย่างเที่ยงตรงโดยการมีความเข้าใจใน
การรับรู้ของผู้อื่นด้วย ผู้น�ำจ�ำนวนมากประสบความส�ำเร็จในการใช้การ
ประเมินรอบด้าน และหาวิธีการใช้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อให้มีความเข้าใจ
อย่างลึกซึ้ง การประเมินรอบด้านเป็นเครื่องมือวัดอย่างเป็นทางการของ
ผู้ร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้บังคับบัญชา และความรู้สึกชื่นชมตนเอง
ของแต่ละบุคคล ซึง่ อาจท�ำให้ได้รบั ข้อมูลย้อนกลับทีม่ คี วามส�ำคัญยิง่ และ
มีความลึกซึ้งซึ่งไม่ปรากฏในที่อื่น
๘-๔๔ กระบวนการทบทวนหลังการปฏิบตั ขิ องกองทัพบก เป็นเครือ่ งมือ
ที่ใช้ได้ดีกับการรับรู้ โดยมีเป้าประสงค์เพื่อช่วยให้หน่วยและแต่ละบุคคล
รูจ้ ุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง การทบทวนตนเองที่ได้ผลเกิดขึ้นเมื่อคน
ใดคนหนึ่งมีการพิจารณาตนเอง และใช้เป็นหลักในการประพฤติตน และ
การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
๘-๔๕ ผู้น�ำควรให้ผู้อื่นช่วยเหลือในการสร้างประสบการณ์ที่ดี การ
สนทนากับครูฝกึ เพือ่ น หรือบุคคลทีส่ ามารถไว้วางใจซึง่ สามารถให้ขอ้ มูล
บทที่ ๘ การพัฒนา ๘-21
ข่าวสารทีม่ คี ณ
ุ ค่าได้ ผูน้ ำ� ส่วนใหญ่แต่ไม่ทงั้ หมดจะหาผูใ้ ห้คำ� แนะน�ำ หรือ
นายทหารพี่เลี้ยงที่สามารถไว้วางใจได้เพื่อให้คอยกระตุ้นและให้ข้อมูล
ย้อนกลับอย่างซื่อสัตย์
๘-๔๖ สิ่งที่ส�ำคัญคือการตระหนักถึงข้อมูลย้อนกลับไม่ต้องรวบรวม
ข้อมูลที่เป็นทางการจากการปรึกษา การส�ำรวจ หรือจัดประชุมเพื่อร่วม
กันพิจารณา ข้อมูลย้อนกลับทีด่ สี ว่ นหนึง่ ได้มาจากการนัง่ ลงคุยกับบรรดา
ทหารและข้าราชการพลเรือนกลาโหมแบบไม่เป็นทางการ ผู้น�ำจ�ำนวน
มากได้รับข้อมูลข่าวสารที่มีค่าเกี่ยวกับตนเองได้จากการรับประทาน
อาหารร่วมกับทหารแล้วถามถึงบรรยากาศและการฝึกของหน่วย
๘-๔๗ ผู้น�ำที่มีความรับรู้ในตนเองจะวิเคราะห์ตนเอง และถามค�ำถาม
ยาก ๆ เกีย่ วกับประสบการณ์ เหตุการณ์ตา่ ง ๆ และการกระท�ำ ซึง่ พวกเขา
ควรพิจารณาความประพฤติของตนเองอย่างจริงจัง ผู้น�ำที่มีคุณลักษณะ
ที่พึงประสงค์และมีความมั่นใจในตนเองจะสามารถเข้าใจประสบการณ์
ของตนเอง และใช้มันเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับตนเองให้มากขึ้น บันทึกประจ�ำ
วัน และการทบทวนหลังการปฏิบตั ิ (ทลป.) เป็นเครือ่ งมือทีม่ คี า่ ยิง่ ในการ
ช่วยให้เข้าใจประสบการณ์และปฏิกิริยาที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพ
แวดล้อม การวิพากษ์วิจารณ์ตนเอง สามารถท�ำได้ง่ายเท่ากับการถาม
เกีย่ วกับพฤติกรรม ความรู้ หรือความรูส้ กึ อีกทัง้ ยังสามารถท�ำในลักษณะ
เป็นทางการด้วยการให้ค�ำตอบต่อชุดค�ำถามที่มีลักษณะเป็นโครงสร้าง
เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ค�ำถามที่ส�ำคัญยิ่งเหล่านี้ได้แก่
- เกิดอะไรขึ้นบ้าง
- เรามีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไร
- คนอื่นมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไร และท�ำไม
๘-22 บทที่ ๘ การพัฒนา
- สิ่งใดที่เราเรียนรู้เกี่ยวกับตนเองจากสิ่งที่เราท�ำและรู้สึก
- เราประยุกต์ใช้สิ่งที่เราเรียนรู้ได้อย่างไร
๘-๔๘ สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปของก�ำลังทหารทั้งในปัจจุบัน
และอนาคต ผู้น�ำจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยและไม่แน่นอน
ส�ำหรับผูน้ ำ� แล้วการตระหนักรูใ้ นตนเองเป็นปัจจัยส�ำคัญยิง่ ในการประเมิน
สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงให้ถูกต้อง รวมทั้งขีดความสามารถและ
ข้อจ�ำกัดส่วนบุคคลที่จะปฏิบัติในสภาพแวดล้อมนั้น ๆ การตระหนักรู้
ในตนเองยังช่วยให้ผู้น�ำใช้การฝึกที่เคยได้รับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่
เปลี่ยนแปลงไป และหาข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆ ที่ต้องการตามสถานการณ์
นอกจากนี้ผู้น�ำที่มีการตระหนักรู้ในตนเองยังสามารถชี้แจงได้ดีกว่าและ
พิจารณาได้ว่าสิ่งใดจ�ำเป็นต่อการเรียนรู้ และช่วยให้สามารถรองรับกับ
สถานการณ์ได้
๘-๔๙ การปรับความนึกคิด ความรู้สึก และการกระท�ำของคนคนหนึ่ง
อยูบ่ นพืน้ ฐานของการตระหนักรูใ้ นตนเอง เรียกได้วา่ ระเบียบในตนเอง ซึง่
เป็นการเข้าไปควบคุมสถานการณ์และติดตามเชิงตรรกของการตระหนัก
รู้ในตนเอง เมื่อผู้น�ำได้พิจารณาพบช่องว่างจาก “ตนเอง” ที่แท้จริง กับ
“ตนเอง” ที่ต้องการ เขาก็ควรที่จะปิดช่องว่างนั้น ผู้น�ำสามารถค้นหามุม
มองใหม่ ๆ เกีย่ วกับตนเองและเปลีย่ นมุมมองเหล่านัน้ ให้เป็นข้อได้เปรียบ
ของภาวะผูน้ ำ� เนือ่ งจากผูน้ ำ� ไม่สามารถหยุดการเรียนรูไ้ ด้ ผูน้ ำ� ควรค้นหา
วิธีการปรับปรุงตนเองและเติบโตขึ้น การท�ำให้เป็นผู้ตระหนักรู้มากขึ้น
มิได้เกิดขึน้ ได้เอง ผูน้ ำ� ทีม่ คี ณ
ุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์และความมัน่ ใจจะหา
ข้อมูลน�ำเข้าและปรับปรุงไปจนตลอดช่วงชีวิตของการรับราชการ
บทที่ ๘ การพัฒนา ๘-23
การพัฒนาผู้น�ำ
๘-๕๐ การพัฒนาผู้น�ำเป็นงานละเอียดอ่อน โดยต้องท�ำอย่างต่อเนื่อง
ต้องท�ำตามล�ำดับขัน้ และเป็นกระบวนการทีม่ คี วามก้าวหน้าโดยอยูบ่ นพืน้
ฐานของค่านิยมกองทัพบก ท�ำให้ทหารและข้าราชการพลเรือนกลาโหม
เติบโตขึ้นไปเป็นผู้น�ำคนที่มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์และมีความมั่นใจ
สามารถท�ำหน้าทีอ่ ำ� นวยการหน่วยและองค์กรให้ปฏิบตั งิ านทีส่ ำ� คัญยิง่ ได้
การพัฒนาผู้น�ำให้มีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ อย่างสืบเนื่องไป
จนตลอดชีวิต ท�ำได้โดยให้การฝึกศึกษาในสถาบัน และการฝึกเป็นหน่วย
ประสบการณ์ทไี่ ด้จากการปฏิบตั ิ การพัฒนาตนเอง และการเรียนรูต้ ลอด
ชีวิต
๘-๕๑ สิง่ ทีต่ อ้ งไตร่ตรองให้รอบคอบในการพัฒนาผู้นำ� คือ การทบทวน
ดูว่าผู้น�ำทางทหาร คือทหารโดยก�ำเนิด ดังนั้น ต้องพัฒนาทั้งทางเทคนิค
และยุทธวิธีให้ช�่ำชองเพื่อปรับให้เหมาะกับการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น การ
ฝึกของกองทัพบกและการพัฒนาผูน้ ำ� จึงมีศนู ย์กลางอยูท่ กี่ ารสร้างหน่วยที่
มีความพร้อมและมีการฝึกทีด่ ี ซึง่ น�ำโดยผูน้ ำ� ทีม่ คี ณ
ุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์
และมีความมั่นใจในตนเอง ตามแนวความคิดที่จะให้ความส�ำคัญต่อการ
มีปฏิสัมพันธ์ของการฝึกทหารในปัจจุบันกับการพัฒนาผู้น�ำไว้ส�ำหรับ
อนาคต
๘-๕๒ ประสบการณ์การเรียนรู้ที่ส�ำคัญยิ่งในอาชีพของทหารและการ
เป็นผู้น�ำ ได้รูปแบบมาจากขอบเขตหลัก ๓ ประการ คือ
- การฝึกทางทหาร
- การฝึก การศึกษา ประสบการณ์การท�ำงาน ทีไ่ ด้รบั ระหว่าง
การปฏิบัติหน้าที่
- การพัฒนาตนเอง
๘-24 บทที่ ๘ การพัฒนา
หน้าที่อย่างเต็มที่ และกระตุ้นให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับโอกาสเหล่านั้น
รวมทั้งการช่วยแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ให้ได้ประโยชน์จากโอกาสที่
ได้รับ และคอยติดตามดูว่าเขาได้รับการเสริมสร้างความรู้และทักษะเพื่อ
น�ำกลับไปใช้งาน
การสนับสนุนให้มีการเรียนรู้
๘-๖๔ เมื่อมีการพัฒนาความสัมพันธ์ใด ๆ แล้ว ผู้น�ำสามารถปรับวิธี
เฉพาะเพื่อช่วยให้เกิดการเรียนรู้ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของผู้น�ำในการ
ช่วยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้เรียนรู้ ค�ำแนะน�ำช่วยให้คนเรียนรู้ได้อย่าง
ชัดเจน เป็นการอธิบายถึงความส�ำคัญของสิ่งที่จะท�ำ ผู้น�ำต้องแสดงว่า
ค�ำแนะน�ำนั้นจะช่วยให้ทั้งบุคคลและองค์กรปฏิบัติหน้าที่ได้ดีขึ้น และ
เกีย่ วข้องกับกระบวนการเรียนรูข้ องผูใ้ ต้บงั คับบัญชาเป็นอย่างยิง่ ตัวอย่าง
เช่น อย่าพยายามสอนขับรถโดยการใช้ต�ำราในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว
ที่สุดแล้วคนเราต้องท�ำตามกงล้อของเวลา เพื่อหมั่นท�ำให้สิ่งต่าง ๆ น่า
สนใจอยู่เสมอ หมั่นให้ค�ำบรรยายทั้งที่เกี่ยวข้องกับการฝึกโดยตรงไม่ว่า
จะมากหรือน้อยก็ตาม
๘-๖๕ การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงไม่สามารถท�ำได้เสมอไป ไม่มี
ผูน้ ำ� คนใดทีม่ ที กุ ประสบการณ์จากการฝึก พวกเขาทดแทนด้วยการแสวง
ประโยชน์จากประสบการณ์ของผู้อื่นโดยไม่จ�ำเป็นต้องใช้ประสบการณ์
ตรงของตนเอง สิ่งที่ควรท�ำคือการถ่ายทอดประสบการณ์ของตนเองใน
ระหว่างการให้คำ� ปรึกษา การสอน การเป็นพีเ่ ลีย้ ง อย่างเช่น ทหารผ่านศึก
แบ่งปันประสบการณ์ของตนให้กับทหารที่ยังไม่เคยไปร่วมรบในสงคราม
ในปัจจุบันศูนย์พัฒนาหลักนิยมและยุทธศาสตร์ กรมยุทธศึกษาทหารบก
๘-30 บทที่ ๘ การพัฒนา
ได้รวบรวมบทเรียนจากการปฏิบัติ เพื่อรวบรวมประสบการณ์จากการ
ปฏิบัติที่ผ่านมาในอดีต เพื่อเพิ่มโอกาสการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
ที่ได้รวบรวมไว้
- การให้ค�ำปรึกษาตามเหตุการณ์
- การให้คำ� ปรึกษาตามผลงาน
- การให้ค�ำปรึกษาด้านความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
การให้ค�ำปรึกษาตามเหตุการณ์
๘-๖๙ การให้ ค� ำ ปรึ ก ษาตามเหตุ ก ารณ์ ค รอบคลุ ม เหตุ ก ารณ์ ห รื อ
สถานการณ์เฉพาะ ซึ่งอาจเป็นเหตุการณ์ส�ำคัญ เช่น การมีชื่อได้รับการ
เลื่อนต�ำแหน่ง หรือเข้าศึกษาในหลักสูตรต่าง ๆ รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่
ที่ได้รับการยกเว้น มีปัญหาในการปฏิบัติงาน หรือปัญหาส่วนบุคคล การ
ให้ค�ำปรึกษาตามเหตุการณ์ยังเป็นข้อเสนอแนะส�ำหรับเป็นข้อยกเว้นใน
หน่วยหรือองค์กรในภาวะวิกฤต และส�ำหรับการเปลี่ยนผ่านของหน่วย
หรือการแยกออกจากกองทัพบก
การให้ค�ำปรึกษาตามผลงาน
๘-๗๐ การให้ค�ำปรึกษาตามผลงาน เป็นการทบทวนผลการปฏิบัติงาน
ตามหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาในห้วงเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยที่ผู้น�ำและ
ผู้ใต้บังคับบัญชาจะร่วมกันก�ำหนดวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติงานและมี
มาตรฐานที่ชัดเจนส�ำหรับห้วงการให้ค�ำปรึกษาในคราวต่อไป ซึ่งในการ
ให้ค�ำปรึกษานี้จะเน้นถึงข้อเด่น ข้อที่ควรปรับปรุง และศักยภาพของ
ผูใ้ ต้บงั คับบัญชา การให้คำ� ปรึกษาทีม่ ปี ระสิทธิภาพยังรวมไปถึงการจัดให้
มีตวั อย่างเฉพาะทีเ่ กีย่ วกับข้อเด่น และข้อทีจ่ ำ� เป็นต้องปรับปรุง รวมทัง้ จัด
ให้มแี นวทางในการปรับปรุงผลการปฏิบตั งิ านด้วย ทัง้ นีก้ ารให้คำ� ปรึกษา
เป็นสิง่ ที่ต้องมีในระบบการรายงานประเมินค่าของนายทหารสัญญาบัตร
นายทหารประทวน และข้าราชการพลเรือนกลาโหมทีบ่ รรจุในกองทัพบก
บทที่ ๘ การพัฒนา ๘-33
การให้ค�ำปรึกษาด้านความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
๘-๗๑ การให้ค�ำปรึกษาด้านความก้าวหน้าในหน้าที่การงานเป็นการ
วางแผนเพื่อความส�ำเร็จและการตั้งเป้าหมายของแต่ละบุคคล โดยมี
การก�ำหนดทิศทางและให้การช่วยเหลือแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาในการบรรลุ
เป้าหมายของตนเอง รวมทัง้ องค์กรด้วย นอกจากนีย้ งั รวมถึงการทบทวน
และถกแถลงเกี่ยวกับข้อเด่นและข้อด้อยของผู้ใต้บังคับบัญชา รวมถึง
แผนที่ก�ำหนดขึ้นเพื่อลดข้อด้อยแต่คงข้อเด่นเอาไว้
๘-๗๒ ส่วนหนึ่งของการให้ค�ำปรึกษาเกี่ยวกับความก้าวหน้าในหน้าที่
การงานเป็นการถกแถลงเกี่ยวกับ “เส้นทางสู่ความส�ำเร็จ” ซึ่งเป็นการ
ก�ำหนดเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาวไว้ส�ำหรับผู้ใต้บังคับบัญชา
เป้าหมายเหล่านี้อาจรวมถึงโอกาสทางการศึกษาอบรมทั้งหลักสูตรทาง
ทหารและพลเรือน หน้าที่ที่จะมอบหมายให้ในอนาคต แผนงานนอก
เหนือจากปกติ หรือทางเลือกในการสมัครกลับเข้ามาเป็นทหาร ซึ่งผู้น�ำ
จะช่วยในการพัฒนาปรับปรุงหนทางปฏิบัติให้เป็นรายบุคคล ตัวอย่าง
เช่น การให้ค�ำปรึกษาในการที่พลทหารจะสมัครสอบเข้าเป็นนักเรียน
นายสิบทหารบก การให้คำ� ปรึกษาในการทีน่ ายทหารประทวน และ/หรือ
บุคคลพลเรือนสอบเลื่อนฐานะเป็นนายทหารสัญญาบัตร ให้เป็นไปตาม
มาตรฐานของกองทัพบก
วิธีการให้ค�ำปรึกษา
๘-๗๓ ในบางครั้งผู้น�ำที่ขาดประสบการณ์อาจรู้สึกไม่สะดวกใจเมื่อ
ผูใ้ ต้บงั คับบัญชาปฏิบตั งิ านไม่ได้ตามมาตรฐาน การให้คำ� ปรึกษามิใช่เรือ่ ง
๘-34 บทที่ ๘ การพัฒนา
ให้ข้อมูลย้อนกลับที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพของการ
ประเมินผล ทั้งนี้ ประโยชน์ของข้อมูลที่ได้รับ และความ
ก้าวหน้าจะน�ำไปใส่ไว้ในแผนการพัฒนาตนเอง ความรับ
ผิดชอบในการติดตามผลของการให้คำ� ปรึกษาเฉพาะกรณี
ซึง่ เพิม่ เข้าไปในแผนการพัฒนาตนเอง และการปฏิบตั ติ าม
แผนการพัฒนาตนเอง เป็นความรับผิดชอบของหน่วย
ตามสายการบังคับบัญชา ผู้น�ำตามสายการบังคับบัญชา
ซึ่งจัดให้มีการให้ค�ำปรึกษาเฉพาะกรณี จะมีผลอย่างมาก
ต่อการพัฒนาผู้น�ำของผู้ใต้บังคับบัญชา พวกเขาเป็นแบบ
อย่างและให้ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม รวมทั้งกระตุ้นให้ผู้ใต้
บังคับบัญชามีการพัฒนาตนเอง นอกจากนี้ยังจัดให้มีการ
ประเมิ น ผลตอบกลั บ แบบไม่ เ ป็ น ทางการในเวลาที่
เหมาะสม เข้าไปควบคุมสถานการณ์ รวมทั้งการให้ค�ำ
ปรึกษาแบบเป็นทางการ เพื่อ เป็ น แรงบั น ดาลใจและ
ปรับปรุงผู้ใต้บังคับบัญชา
การเป็นพี่เลี้ยง ให้ค�ำปรึกษา
๘-๘๑ สภาพแวดล้อมของสนามรบในอนาคตจะท�ำให้เกิดความกดดัน
ในการพัฒนาผู้น�ำโดยเร่งให้มีการก้าวเดินอย่างรวดเร็ว ในการช่วยผู้น�ำ
เหล่านี้ให้มีความสามารถตามที่ต้องการ ขึ้นอยู่กับระบบการพัฒนาผู้น�ำ
ของกองทัพบกซึ่งจะเป็นตัวบีบและเร่งการพัฒนาผู้เชี่ยวชาญทางอาชีพ
ทหาร วุฒิภาวะ แนวความคิด และการสร้างทักษะในการท�ำงานเป็น
ทีม ซึ่งที่ปรึกษาเฉพาะด้านเป็นเครื่องมือที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถ
บทที่ ๘ การพัฒนา ๘-39
๘-๘๓ การให้ค�ำปรึกษาเฉพาะด้านเป็นความสมัครใจซึ่งอยู่นอกเหนือ
สายการบังคับบัญชา ลักษณะของการให้ค�ำปรึกษาเฉพาะด้าน มีดังนี้
- การให้ ค� ำ ปรึ ก ษาเฉพาะด้ า นเกิ ด ขึ้ น เมื่ อ ที่ ป รึ ก ษา
ให้ค�ำแนะน�ำแก่ผู้น�ำที่ด้อยประสบการณ์ ในเรื่องเกี่ยวกับ
การรับราชการและความเจริญก้าวหน้า
- ผู้น�ำที่ก�ำลังพัฒนาตนเองมั ก จะเริ่ ม ความสั ม พั น ธ์ แ ละ
มองหาค�ำปรึกษาจากที่ปรึกษาเฉพาะด้าน ซึ่งเขาจะเริ่ม
จากการตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่และการพัฒนา
ตนเองของบุคคลคนนั้น
- การให้คำ� ปรึกษาเฉพาะด้านมีผลทัง้ ต่อการพัฒนาส่วนบุคคล
(วุฒภิ าว, การมีสงั คม, และทักษะการติดต่อสือ่ สารกับผูอ้ นื่ )
และการพัฒนาทางอาชีพการงาน (ความรูท้ างด้านเทคนิค
และยุทธวิธี รวมถึงแนวทางในการรับราชการ)
๘-40 บทที่ ๘ การพัฒนา
- การให้ค�ำปรึกษาเฉพาะด้านยังช่วยให้กองทัพบกรักษาไว้
ซึ่งผู้น�ำที่มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์สูง
- ความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์ในการให้ค�ำปรึกษา
เฉพาะด้านขึ้นอยู่กับความวางใจและความเคารพซึ่งกัน
และกั น โดยต้ อ งค� ำ นึ ง ถึ ง การประเมิ น ผล ปฏิ กิ ริ ย า
สะท้อนกลับ และแนวทางต่าง ๆ โดยทีข่ อ้ พิจารณาเหล่านี้
จะมีผลต่อความเจริญก้าวหน้าด้วยความแข็งแกร่งของ
ความสัมพันธ์ในการให้ค�ำปรึกษาเฉพาะด้านขึ้นอยู่กับ
ความวางใจและความเคารพซึ่งกันและกัน โดยต้องค�ำนึง
ถึงการประเมินผล ปฏิกริ ยิ าสะท้อนกลับ และแนวทางต่าง ๆ
โดยทีข่ อ้ พิจารณาเหล่านีจ้ ะมีผลต่อความเจริญก้าวหน้าด้วย
๘-๘๔ ความสัมพันธ์ของการให้ค�ำปรึกษาเฉพาะด้านมิได้จ�ำกัดอยู่
ระหว่างผูบ้ งั คับบัญชากับผูใ้ ต้บงั คับบัญชา แต่มอี ยูร่ ะหว่างเพือ่ นร่วมงาน
และระหว่างนายทหารชัน้ ประทวนกับนายทหารสัญญาบัตรทีย่ งั มีอาวุโส
น้อย ๆ นอกจากนี้ยังมีระหว่างชั้นยศที่มีความแตกต่างกันในระดับต่าง ๆ
และในหลาย ๆ โอกาสยังขยายออกไปนอกเหนือสายการบังคับบัญชา
๘-๘๕ การให้ค�ำปรึกษาเฉพาะด้านในลักษณะสนับสนุนใช้เมื่อ
ทีป่ รึกษามิได้มตี ำ� แหน่งหรือสถานภาพสูงกว่าผูร้ บั ค�ำปรึกษา แต่มคี วามรู้
และประสบการณ์มากกว่า ทั้งนี้หากเปรียบเทียบประสบการณ์ของนาย
ทหารสัญญาบัตรบรรจุใหม่จะเท่ากับนายทหารประทวนอาวุโส ซึ่งความ
สัมพันธ์ที่มาจากประสบการณ์เช่นนี้ ใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนานาย
ทหารสัญญาบัตรที่เพิ่งบรรจุใหม่ มีบ่อยครั้งที่นายทหารสัญญาบัตรได้
บทที่ ๘ การพัฒนา ๘-41
ตระหนักว่านายทหารชั้นประทวนที่เคยท�ำงานร่วมกันในช่วงการบรรจุ
ใหม่ ๆ จะเป็นที่ปรึกษาเฉพาะด้านที่มีผลกระทบเป็นอย่างยิ่งต่อการ
พัฒนาของพวกเขา
๘-๘๖ ก�ำลังพลทุกนายต้องเข้าร่วมในกระบวนการพัฒนาตนเอง โดย
ไม่ต้องคอยให้ที่ปรึกษาเป็นผู้เลือก แต่ให้เขามีความรับผิดชอบที่จะเข้า
ควบคุมการพัฒนาของตนเอง ทัง้ นีต้ อ้ งรูว้ ่าตนเองมีขอ้ ดี ข้อด้อยอะไรบ้าง
สิง่ ใดทีต่ อ้ งปรับปรุง ซึง่ แต่ละคนควรมีแผนการพัฒนาของตนเองเพือ่ แก้ไข
ข้อบกพร่องเหล่านี้ ยุทธศาสตร์ที่อาจน�ำมาใช้มีดังนี้
- ถามค�ำถามและรับฟังผู้เชี่ยวชาญ
- อ่านและศึกษา
- เฝ้าดูบรรดาผู้ที่อยู่ในต�ำแหน่งผู้น�ำ
- หาโอกาสศึ ก ษาอบรมเพิ่ ม เติ ม (หลั ก สู ต รพลเรื อ น,
หลักสูตรทางทหาร และหลักสูตรทางไปรษณีย์)
- หาและเข้าร่วมโอกาสใหม่ ๆ และมีความหลากหลาย
๘-๘๗ ทหารสามารถเพิ่มโอกาสให้ตนเองได้รับค�ำปรึกษาโดยการหา
ข้อมูลย้อนกลับและการสร้างทัศนคติให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต การ
พัฒนาตนเองจะช่วยให้มีโอกาสทางการให้ค�ำปรึกษาเฉพาะทาง ผู้ที่มอง
หาข้อมูลย้อนกลับ เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาของพวกเขา ให้เชื่อมต่อกับ
การอุทิศตน มีที่ปรึกษาที่ดี จะเป็นพื้นฐานของการปลูกฝังแนวความคิด
ของการเรียนรู้ตลอดชีวิต การพัฒนาตนเอง และการปรับตัวให้เข้ากับ
วัฒนธรรมกองทัพบก
๘-42 บทที่ ๘ การพัฒนา
๘-๘๘ การให้ค�ำปรึกษาเฉพาะทางเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปรับปรุงผล
การปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้มีความเจริญก้าวหน้า แต่มิได้
รวมถึงมิติทางจิตใจ อนุศาสนาจารย์หรือผู้อื่นจะท�ำหน้าที่ฝึกทางด้าน
จิตใจหรือท�ำให้บุคคลมีความเข้าใจแจ่มแจ้งขึ้น อันเป็นบทบาทส�ำคัญที่
ช่วยให้ทหารสามารถทนต่อความกดดันต่าง ๆ และหาความสมดุลและ
เป้าหมายที่ดีกว่าได้
การสร้างทักษะการท�ำงานเป็นหน่วยและกระบวนการท�ำงานเป็นหน่วย
๘-๘๙ เรื่องที่เกี่ยวกับชาติ เป้าหมายของภารกิจ และความกังวลอื่น ๆ
อาจจะไม่เห็นได้จากมุมมองของทหารในสนามรบ ประเด็นทีเ่ ป็นเรือ่ งใหญ่
กว่านั้น ก็คือ ทหารปฏิบัติหน้าที่ในสนามรบเพื่อคนอื่น ๆ ในหมู่ ในทีมใน
เรือหรือเครื่องบินล�ำเดียวกัน เพื่อคนที่อยู่ข้างซ้ายหรือข้างขวา ซึ่งเป็น
พื้นฐานของความจริงอันเกิดมาจากการมี “หัวใจนักรบ” นั่นเอง เห็นได้
ว่า ทหารปฏิบตั กิ จิ ให้เสร็จสิน้ ได้กเ็ นือ่ งมาจากไม่ตอ้ งการให้เพือ่ นต้องล้ม
ลงต่อหน้า รวมทั้งพลเรือนที่ปฏิบัติงานในกองทัพบกก็รู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง
ของหน่วยหรือทีมในองค์กร และต้องการเป็นผู้ชนะเช่นกัน
๘-๙๐ การพัฒนาหน่วยแบบปิด เป็นงานยาก ต้องใช้ความอดทน และ
มีทักษะในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลซึ่งเป็นงานส่วนหนึ่งของ
ผู้น�ำ อันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะทีมที่ดีจะท�ำให้ภารกิจเสร็จสิ้นได้
ทันเวลาภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่ แต่สงวนก�ำลังโดยให้ใช้น้อยที่สุด ใน
สนามรบทีมที่มีความแน่นแฟ้นเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและมี
การบาดเจ็บน้อยที่สุด
บทที่ ๘ การพัฒนา ๘-43
ลักษณะของหน่วย
๘-๙๑ สิ่งที่แสดงถึงความเป็นหน่วย ได้แก่
- มีความเชื่อใจซึ่งกันและกัน รู้ใจกันว่าแต่ละคนในหน่วย
จะท�ำอะไร
- การท�ำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุภารกิจ
- ปฏิบัติกิจให้ลุล่วงอย่างรวดเร็ว
- ท�ำงานให้ได้หรือเกินมาตรฐาน
- ประสบความส�ำเร็จในสิ่งที่ท้าทาย
- เรียนรู้จากประสบการณ์และภาคภูมิใจกับความส�ำเร็จ
ที่ได้รับ
๘-๙๒ กองทัพบกเป็นสถาบันที่มีก�ำลังพลจ�ำนวนมากที่ไม่ได้เป็นทหาร
อันประกอบด้วยข้าราชการกลาโหมพลเรือน พนักงานราชการชั่วคราว
และก�ำลังพลอาสาสมัครทหารพราน ซึ่งท�ำงานปราบปรามการก่อการ
ร้ายที่มักจะถูกลืมเลือน อันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมการปฏิบัติการ
ในปัจจุบันที่ไม่สามารถบรรลุภารกิจได้หากปราศจากก�ำลังพลเหล่านี้ซึ่ง
สนับสนุนกองทัพบกโดยการอุทิศตนของก�ำลังพลเหล่านี้ กองทัพบกจึง
ควรตระหนักถึงความส�ำคัญของก�ำลังพลเหล่านีว้ า่ เป็นส่วนหนึง่ ทีม่ คี วาม
ส�ำคัญต่อกองทัพบกตลอดมา
๘-๙๓ ภายในหน่วยขนาดใหญ่อาจมีหน่วยเล็ก ๆ ที่ต้องการการพัฒนา
แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น ก�ำลังพลในหน่วยของหมูท่ ี่ ๑ อาจคุน้ เคย
กับการท�ำงานร่วมกัน มีความเชือ่ ใจกันและกัน ปฏิบตั ภิ ารกิจได้ลลุ ว่ งและ
๘-44 บทที่ ๘ การพัฒนา
ขั้นการปรับปรุงให้ดีขึ้น
๘-๑๐๐ หน่วยใหม่และสมาชิกของหน่วยใหม่จะค่อย ๆ เปลีย่ นจากการ
ตัง้ ค�ำถามในทุก ๆ เรือ่ งไปเป็นการเชือ่ ใจตนเอง เพือ่ นร่วมงาน รวมถึงผูน้ ำ�
ของเขา โดยทีผ่ นู้ ำ� จะเรียนรูท้ จี่ ะไว้วางใจด้วยการฟัง ติดตามสิง่ ทีไ่ ด้ยนิ มี
สายของอ�ำนาจหน้าทีท่ ชี่ ดั เจน รวมทัง้ การก�ำหนดมาตรฐานในการท�ำงาน
สิ่งส�ำคัญ คือ การฝึกอันจะท�ำให้หน่วยมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งจะฝึก
ในลักษณะเป็นกลุ่ม ท�ำให้หลอมรวมกันเป็นหน่วยเดียวกัน เพื่อเตรียม
การให้บรรลุภารกิจร่วมกัน ทั้งนี้ ในทุกขั้นของการสร้างหน่วยมีการฝึก
รวมอยู่ด้วย โดยเฉพาะในขั้นนี้จะให้ความส�ำคัญเป็นพิเศษเป็นการสร้าง
ความเชี่ยวชาญให้กับหน่วย
ขั้นด�ำรงรักษา
๘-๑๐๑ ในขัน้ นีเ้ ป็นขัน้ ทีร่ ะบุได้วา่ ใครเป็นสมาชิกของหน่วยไหน มีความ
รู้สึกเป็นเจ้าของ มีความภาคภูมิใจ และต้องการให้หน่วยประสบความ
ส�ำเร็จ ท�ำในสิ่งที่จ�ำเป็นได้โดยไม่ต้องออกค�ำสั่ง หรือบอกให้ท�ำ ทุกครั้งที่
ได้รับภารกิจใหม่ คือโอกาสของผู้น�ำในการท�ำให้เกิดความผูกพัน รวมถึง
ความท้าทายอันจะท�ำให้หน่วยต้องการประสบความส�ำเร็จยิง่ ขึน้ ด้วยเหตุ
นี้ผู้น�ำจึงพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชาเนื่องจากรู้วา่ คนเหล่านี้จะเป็นผู้น�ำได้ใน
วันข้างหน้า ดังนัน้ จึงควรมีการฝึกอย่างต่อเนือ่ งเพือ่ รักษาความเชีย่ วชาญ
ในกลุ่มและงานส่วนบุคคลซึ่งต้องท�ำให้บรรลุภารกิจ
๘-48 บทที่ ๘ การพัฒนา
กองทัพบก
ต้องการผู้น�ำที่กล้าตัดสินใจ
ชอบการเปลี่ยนแปลง
มีทักษะในการดัดแปลงให้เหมาะสม
มีไหวพริบปฏิภาณ
มีการสื่อสารที่มีคุณภาพ
มีคุณธรรม อุทิศตน
และเป็นผู้รักการเรียนรู้ตลอดชีวิต
บทท้าย
คณะอนุกรรมการพิจารณาและจัดท�ำร่างหลักนิยม รส.๖-๒๒
ว่าด้วย การน�ำและผู้น�ำทางทหาร ได้รับการแต่งตั้งโดย จก.ยศ.ทบ./
ประธานคณะกรรมการ ปรับปรุงพัฒนาหลักนิยมและยุทธศาสตร์ของ
ทบ. ตามค�ำสั่งคณะกรรมการปรับปรุงพัฒนาหลักนิยมและยุทธศาสตร์
ของ ทบ. ที่ ๒/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๑๕ พ.ย.๕๔
มีองค์ประกอบ ดังนี้
๑. พล.ต.ไพรัช ขยันส�ำรวจ ประธานอนุกรรมการ
(ผอ.ศพย.ยศ.ทบ.)
๒. พ.อ.ยุทธ์นเรศ พัทธะเศรษฐี รอง ประธานอนุกรรมการ
(รอง ผอ.ศพย.ยศ.ทบ.)
๓. พ.อ.พชรวัฒน์ ธนพรานสิงห์ อนุกรรมการ(ผู้แทน วทบ.)
(ผช.อจ. อ�ำนวยการส่วน วทบ.)
๔. พ.อ.ธนากร ทองศุข อนุกรรมการ(ผู้แทนรร.สธ.ทบ.)
(รอง ผบ.รร.สธ.ทบ.)
๕. พ.อ.สุธี กอรี อนุกรรมการ(ผู้แทน กพ.ทบ.)
(นปก. ประจ�ำ กพ.ทบ.)
๖. พ.อ.วัชรวิทย์ ณรงค์พันธุ์ อนุกรรมการ(ผู้แทน ขว.ทบ.)
(ผอ.กศ.รร.ขว.ทบ.)
๗. พ.อ.ทรงพล รัตนโกเศรษฐ อนุกรรมการ(ผู้แทน ยก.ทบ.)
(นปก. ประจ�ำ ยก.ทบ.)
๘. พ.อ.ธนภูมิ ดวงแก้ว อนุกรรมการ(ผู้แทน กบ.ทบ.)
(รอง ผอ.กอง กบ.ทบ.)
๙. พ.อ.อรรถสิทธ์ หัสถีธรรม อนุกรรมการ(ผู้แทน กร.ทบ.)
(รอง ผอ.กนผ.กร.ทบ.)
๑๐. พ.อ.ชัยสิทธิ์ ปั้นรัตน์ อนุกรรมการ(ผู้แทน สปช.ทบ.)
(นปก.ประจ�ำ สปช.ทบ.)
๑๑. พ.ท. จเร ทรัพย์เที่ยง อนุกรรมการ(ผู้แทน กช.)
(หน.วิชาการ กวก.กช.)
๑๒. พ.อ. กิตติ สมสนั่น อนุกรรมการ(ผู้แทน สส.)
(อจ.หน.วสว.รร.ส.สส.)
๑๓. พ.อ. วัชระ ถนัดรบ อนุกรรมการ(ผู้แทน ศร.)
(หน.วช.ศร.)
๑๔. พ.อ. ณัฏฐชัย บุญมาก อนุกรรมการ(ผู้แทน ศม.)
(รอง ผอ.กวก.ศม.)
๑๕. พ.อ. อ�ำภรณ์ คงนวล อนุกรรมการ(ผู้แทน ศป.)
(หน. วิชาการ กวก.ศป.)
๑๖. พ.อ.อิสระ สมัย อนุกรรมการ(ผู้แทน กยข.ยศ.ทบ.)
(หน.แผนกแผน กยข.ยศ.ทบ.)
๑๗. พ.อ.วิสันต์ ทองอร่าม อนุกรรมการ(ผู้แทน กศ.ยศ.ทบ.)
(รอง ผอ.กศ.ยศ.ทบ.)
๑๘. พ.อ.พลวุฒ ล�ำเจียก อนุกรรมการ(ผู้แทน กฝ.ยศ.ทบ.)
(รอง ผอ.กฝ.ยศ.ทบ.)
๑๙. พ.อ.สุรัต แสงสว่างด�ำรง อนุกรรมการ/เลขานุการ
(ผอ.กพล.ศพย.ยศ.ทบ.)
๒๐. พ.อ.กฤตติภูมิ หอมหวล อนุกรรมการ/ผู้ช่วยเลขานุการ
(รอง ผอ.กพล.ศพย.ยศ.ทบ.)
มีการด�ำเนินการและอ�ำนาจหน้าที่
๑. พิจารณาแก้ไข เพิม่ เติม ปรับปรุง เนือ้ หาร่างหลักนิยม ว่าด้วย การน�ำ
และผูน้ ำ� ทางทหารว่ามีความเหมาะสมส�ำหรับใช้กบั ทบ. ไทย สามารถน�ำ
มาใช้เป็นกรอบแนวทางให้หน่วย/เหล่าสายวิทยาการที่เกี่ยวข้องพัฒนา
เป็นหลักนิยมของเหล่าได้ และเสนอให้ จก.ยศ.ทบ./ประธานกรรมการ
ปรับปรุงพัฒนาหลักนิยมและยุทธศาสตร์ น�ำเรียน ผบ.ทบ.(ผ่าน ยก.ทบ.)
พิจารณาเพื่อประกาศใช้เป็นหลักนิยมของ ทบ.
๒. ให้ประธานอนุกรรมการพิจารณาและจัดท�ำร่างหลักนิยม ว่าด้วย
การน�ำและผูน้ ำ� ทางทหาร มีอำ� นาจเชิญผูแ้ ทนหน่วยทีเ่ กีย่ วข้องหรือบุคคล
อื่นๆ เข้าร่วมประชุมได้ตามความเหมาะสม
หมายเหตุ ผลการประชุมคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่าเพือ่ ให้เป็น
แนวทางส�ำหรับผูน้ ำ� ทางทหารยุคใหม่ จึงสมควรน�ำเสนอ รส.๖-๒๒ การน�ำ
และผู้น�ำทางทหาร ที่พัฒนาขึ้นให้ก�ำลังพลในกองทัพบกได้ศึกษาเพื่อ
ความเข้าใจร่วมกันว่า การเป็นผูน้ ำ� ทางทหารในปัจจุบนั และอนาคตยึดถือ
คุณธรรม จริยธรรม กฏหมาย และผลที่จะเกิดตามมาในภายหลังเพื่อให้
กองทัพบกเป็นกองทัพเพือ่ ประชาชนตามสากลนิยมในระดับหนึง่ ส�ำหรับ
ความประสบผลส�ำเร็จการให้ความส�ำคัญในการสร้างแรงจูงใจโครงสร้าง
องค์กรของผู้น�ำ สมควรมีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับบริบทของกอง
ทัพบกไทยรวมทั้งผู้น�ำระดับยุทธศาสตร์คณะอนุกรรมการฯ มีความเห็น
ชอบร่วมกันว่าสมควรน�ำเสนอแยกต่างหากจาก รส.๖-๒๒ การน�ำและ
ผู้น�ำทางทหาร เนื่องจาก ศูนย์พัฒนาหลักนิยมและยุทธศาสตร์ กรมยุทธ
ศึกษาทหารบก อยู่ในระหว่างการเสนอแนวคิดในการปรับปรุงโครงสร้าง
องค์กรให้เป็น องค์กรแห่งความส�ำเร็จในทุกภารกิจ เพื่อกองทัพบกน�ำไป
พิจารณาใช้ประโยชน์ต่อไป
พันเอก
(สุรัตแสงสว่างด�ำรง)
ผู้อ�ำนวยการกอง พัฒนาหลักนิยม
ศูนย์พัฒนาหลักนิมและยุทธศาสตร์ กรมยุทธศึกษาทหารบก/
อนุกรรมการ/เลขานุการ
๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕