Professional Documents
Culture Documents
ศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีน (中国武术)
1. ประวัติความเป็นมาของศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีน
ตามตำนานกล่าวว่า ศิล ปะการต่อสู้ของประเทศจีนมีต้นกำเนิดในสมัยราชวงศ์เซี่ย ( 夏朝 )
เมื่อกว่า 4,000 ปีก่อน จักรพรรดิเหลืองหรือจักพรรดิหวงตี้ ( 皇帝 ) ได้นำระบบการต่อสู้ที่เก่าแก่ที่สุดมาสู่
ประเทศจีน จักรพรรดิเหลืองได้รับการอธิบายว่ าเป็นนายพลที่มีชื่อเสียง ซึ่งก่อนที่จะมาเป็นผู้นำประเทศจีน
ทรงเขียนบทความเกี่ยวกับการแพทย์ โหราศาสตร์และศิลปะการต่อสู้ และหนึ่งในฝ่ายตรงข้ามหลักของเขา คือ
จิคุณ ( 蚩尤 ) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เบิกทางให้กับศิลปะสมัยใหม่ของมวยปล้ำจีน
การกำเนิดของศิลปะการต่อสู้ ของประเทศจีนได้รับการบันทึกให้มีความจำเป็นในการป้องกันตัวเอง
เทคนิคการล่าสัตว์และการฝึกอบรมทางทหารในประเทศจีนโบราณ โดยการต่อสู้ด้วยมือเปล่าและการฝึกอาวุธ
มีความสำคัญในการฝึกทหารจีนในสมัยโบราณ ซึง่ ความรู้โดยละเอียดเกี่ยวกับสถานะและพัฒนาการของศิลปะ
การต่อสู้ของประเทศจีนเริ่มมีตั้งแต่ทศวรรษที่นานกิง ( พ.ศ. 2471 – 2580 ) เนื่องจากสถาบันกั๋วซู่กลาง
ที่จัดตั้งขึ้นโดยพรรคก๊กมินตั๋ง ได้พยายามรวบรวมแบบสำรวจสารานุกรมของโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่
ปี พ.ศ. 2493 เพื่อจัดศิลปะการต่อสู้จีนเป็นนิทรรศการและเต็มติดต่อกีฬาภายใต้หัวข้อของ “วูซู”
ศิลปะการต่อสู้ ของประเทศจีนนั้นมีประเพณีศิลปะการต่อสู้ที่ยาวนาน ซึ่งมีรูปแบบที่แตกต่างกัน
ออกไปหลายร้อยรูปแบบ ในช่วง 2000 ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนารูปแบบที่โดดเด่นมากมาย ซึ่งแต่ละรูปแบบ
มีชุดเทคนิคและแนวคิดของตัวเอง สำหรับรูปแบบที่แตกต่างกัน มักแบ่งตามตระกูล ( 家 ) , นิกาย ( 派 ) ,
ชั้นเรียน ( 门 ) และโรงเรียน ( 教 ) โดยมีรูปแบบที่เลียนแบบการเคลื่อนไหวจากสัตว์และอื่นๆ ที่รวบรวม
แรงบันดาลใจจากปรัชญาต่างๆของจีน
ความหลากหลายของรูปแบบได้นำไปสู่การสร้างรูปแบบการจัดหมวดหมู่มากมาย เช่น การจำแนก
ประเภทศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนตามที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ โดยศิลปะการต่อสู้แบบจีนโดยเฉพาะสามารถ
เรียกได้ว่าเป็นหมัดเหนือ ( 北拳 ) หรือหมัดใต้ ( 南拳 ) ขึ้นอยู่กับจุดกำเนิด ซึ่งแยกพิกัดทางภูมิศาสตร์
โดยใช้แม่น้ำแยงซีเป็นเส้นเขตแบ่ง รูปแบบทางเหนือใช้ธาตุหยางเป็นหลัก มักจะเน้นการเตะที่รวดเร็วและ
ทรงพลัง การกระโดดสูง และโดยทั่วไปแล้วจะเคลื่อนไหวอย่างลื่นไหล และรวดเร็ว ในขณะที่รูปแบบทางใต้ ใช้
ธาตุหยินเป็นหลัก จะเน้นไปที่เทคนิคแขนและมือที่แข็งแรงและมั่นคง ท่าทางที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้และ
การวางเท้าที่รวดเร็ว การจำแนกประเภทอีกรูปแบบหนึ่ง คือ แนวคิดภายนอก ( 外家拳 ) ที่เน้น ใน
การปรับ ปรุงและการออกกำลัง กายกล้ ามเนื้ อหัว ใจและหลอดเลื อด กับ แนวคิด ภายใน ( 内家拳 )
ที่มุ่งเน้นไปที่การควบคุมพลังชี่ ( 气 ) หรือลมปราณ เกณฑ์ในการจำแนกประเภทนี้ เกี่ยวข้องกับการเน้น
การฝึกอบรมของรูปแบบเฉพาะและความเกี่ยวพันทางศาสนา 3 ศาสนาที่ยิ่งใหญ่ได้แก่ ลัทธิเต๋า พุทธศาสนา
และลัทธิขงจื้อ นอกจากนี้ ยังมีเกณฑ์อื่นๆ อีกมากมายที่ใช้ จำแนกประเภทของศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีน
เช่ น การอธิ บ ายรู ป แบบตามการเน้ น การต่ อ สู้ สรุ ป ได้ ว ่ า ต้ น กำเนิ ด ศิ ล ปะป้ อ งกั น ตั ว ของจี น เริ ่ ม มี ใ น
ช่วงสมัยสังคมดั้งเดิมขณะที่มนุษย์ใช้เครื่องมือต่างๆ อย่างกระบี่กระบองเพื่อต่อสู้กับสัตว์ และค่อยๆ สั่งสม
2
ประสบการณ์ ก ารปะทะโจมตี ป ้ อ งกั น ตั ว เรื ่ อ ยมา ผู ้ ค นจึ ง นำเอาท่ า ทางอย่ า งการเตะ ต่ อ ย หมั ด มวย
มาเรียบเรียงลำดับเป็นชุดกระบวนท่าต่างๆ ขึ้นมาเพื่อใช้ฝึกซ้อม ภายหลังจึงเกิดชุดกระบวนท่าที่แตกต่างกัน
ออกมาอย่างนับไม่ถ้วนจนถึงปัจจุบัน
2. แก่นแท้ของศิลปะการต่อสู้
2.1 พัฒ นากลยุทธ์การต่อสู้และศึกษาสถานการณ์ต่างๆ ด้ว ยข้อมูล เช่น การต่อสู้ ของฝ่ายตรงข้า ม
และการฝึกซ้อมรายบุคคล เพื่อปรับให้เข้ากับเป้าหมายและพัฒนาการฝึกอบรม
2.2 การคิดและการใช้ยุทธวิธีในการเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ หลอมรวมทุกส่วนของร่างกายและใช้เทคนิค
ที่เกี่ย วข้ องกับร่างกายอย่างชำนาญ เช่น การเตะ การตี การขว้าง และการหยิบ รวมถึงการปรับทักษะ
เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์การต่อสู้ที่แตกต่างกัน
2.3 พัฒนาความรู้ความเข้าใจและจิตตานุภาพ พัฒนาจิตใจและร่างกายในทุกวิถีทาง เพื่อเพิ่มศักยภาพ
2.4 ปรับปรุงพลังงานชีวิต สมรรถภาพทางกายและการฝึกความแข็งแกร่ง
2.5 การผลิตอุป กรณ์ฝ ึก ที่ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการฝึก รวมถึง
การใช้โครงกระดูกภายนอก เพิ่มอวัยวะเทียม และวิธีการอื่นๆ เพื่อฝ่าฟันข้อจำกัดของโครงสร้างร่างกายมนุษย์
2.6 ส่งเสริมให้คนพัฒนาศิลปะการต่อสู้มากขึ้น ผ่านสื่อภาพยนตร์และโทรทัศน์ กิจกรรมเชิงพาณิชย์
และการส่งเสริมระดับชาติ กล่าวคือ ให้ผู้มีความสามารถในหลายสาขาร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาศิลปะการต่อสู้
3. จุดเด่นของศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีน
จุดเด่น ของศิล ปะการต่อสู้ แบบจีน อยู่ที่ การฝึ กฝน ไม่เพียงเพื่อเอาชนะในการประลองเท่ า นั้ น
แต่เพื่อให้กายใจรวมเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งการฝึกซ้อมแต่ละชุดมีความแตกต่างกัน โดยรวมแล้วประกอบด้วย
ท่าพื้นฐาน กระบวนท่า กำลังภายใน กำลังภายนอก ซึ่งใช้การฝึกมือ สายตา ร่างกาย ก้าวย่าง จิตใจ และ
พละกำลังเหล่านี้เป็นหลักสำคัญ ในปัจจุบันสมาคมศิลปะการต่อสู้นานาชาติต้องการส่งเสริมศิลปะการต่อสู้
ของประเทศจีน ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงแบ่งการแข่งขันศิลปะการต่อสู้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ
หมัดยาว หมัดใต้ และมวยไท้เก๊ก โดยในอนาคต ศิลปะการต่อสู้ ของประเทศจีนนี้อาจเป็นกีฬาชนิดหนึ่งใน
โอลิมปิก
3
4. ประเภทของศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีน
จากที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น การแบ่งประเภทของศิลปะการต่อสู้ของจีน สามารถแบ่งได้หลากหลาย
ประเภทโดยใช้เกณฑ์ที่แตกต่างกัน โดยในรายงานเล่มนี้ ผู้เขียนได้แบ่งประเภทของศิลปะการต่อสู้ของประเทศ
จีนโดยใช้เกณฑ์การเน้นการฝึกอบรมของรูปแบบเฉพาะและยุคสมัย ซึ่งสามารถแบ่งได้ ดังนี้
4.1 ศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนที่เป็นแนวคิดภายนอก ( 四大外家拳 )
4.1.1 มวยปาจี๋ หรือ มวยแปดปรมัตถ์ ( 八极拳 )
4.1.1.1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับมวยปาจี๋
4.1.1.3 บุคคลมีชื่อเสียงที่ใช้มวยปาจี๋
4.1.2.3 บุคคลมีชื่อเสียงที่ใช้มวยหย่งชุน
เจวียง ฮอกกิ่น ( Hokkin Chueng ), หว่อง ซัมเหลวียง , เจียง จกเฮง , เจียง ฮกกิ่น และอื่น ๆ ซึ่งสร้างชื่อเสียง
ในการประลองให้แก่มวยหย่งชุนเป็นอย่างมาก
ยิปมันเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1972 ที่เมืองมงก๊ก เกาลูน ฮ่องกง ด้วยโรคมะเร็งที่คอ
รวมอายุได้ 79 ปี และถูกยกย่องให้เป็นปรมาจารย์ในยุคปัจจุบันของมวยหย่งชุน
4.1.2.4 วิดิทัศน์มวยหย่งชุน
สามารถดูวิดิทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับมวยหย่งชุนได้โดยการแสกนคิวอาร์โค้ดนี้
- ชื่อวิดิทัศน์ : 永春白鹤拳 基本功法 Basic Skill of Yongchun Crane
ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=K2sJn2yS2Zc
4.1.3.1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับมวยหงฉวน
มวยหงเฉวี ย น หรื อ มวยสกุ ล หง เป็ น ศิ ล ปะการต่ อ สู ้ ป ้ อ งกั น ตั ว ทางตอนใต้ ข องประเทศจี น
ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวีรบุรุษในตำนานชาวจีนนามว่า หวง เฟยหง ผู้ซึ่งเป็นปรมาจารย์แห่งเพลงหมัดหงเฉวียน
10
4.1.3.3 บุคคลมีชื่อเสียงที่ใช้มวยหงเฉวียน
หวง เฟยหง เกิ ด เมื ่ อ วั น ที ่ 9 กรกฎาคม ค.ศ. 1847 ตรงกั บ ปี ท ี ่ 25 ในรั ช สมั ย ฮ่ อ งเต้ เ ต้ า กวง
แห่งราชวงศ์ชิง ( บางข้อมูลบอกว่า เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1856 ตรงกับปีที่ 6 ในรัชสมัยฮ่องเต้เสียนเฟิง ) ที่หมู่บ้าน
หลูเจ้า ใกล้ภูเขาสีเฉียว เมืองฝัวชาน มณฑลกวางตุ้ง เป็นบุตรของหวง ฉีอิง ( 黃麒英 ) ซึ่งเป็นปรมาจารย์
กังฟูผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม “ 10 พยัคฆ์กวางตุ้ง ” ( 伏虎拳 ) ที่มีชื่อเสียง
เช่นกันถึงแม้จะเป็นบุตรของปรมาจารย์กังฟู แต่ หวง ฉีอิง ก็มิได้ถ่ายทอดวิทยายุทธให้แก่บุตรชาย ด้วยเหตุผล
ที่ไม่แน่ชัดนัก หวง เฟยหง ได้มีอาจารย์สอนวิชากำลังภายในให้คือ ลู่ อาไฉ ( 陸阿采 ) ผู้เป็นสหายร่วม
สำนักเส้าหลิน กับ หง ซีกวน ( 洪熙官 ) วีรบุรุษกังฟูที่มีช ื่อเสียงอีกคน ถ่ายทอดวิช ามวยหงเฉวียน
โดยมีกระบวนท่าที่มีชื่ออย่าง “ หมัดพยัคฆ์ดำ – กระเรียนขาว ” ให้
นอกจากได้ ลู่ อาไฉเป็นอาจารย์แล้ว ในวัยเยาว์ หวง เฟยหง ยังได้ร่ำเรียนวิชาหงเฉวียนเพิ่มเติมจาก
หลิน ชื่อหรง ( 林世榮 ) จากนั้น ได้รับการสั่งสอนเพิ่มเติมจาก หวง ฉีอิง ผู้เป็นบิดา ในวัยเด็กครอบครัว
ของ หวง เฟยหง มีฐานะยากจน ต้องตระเวนรอนแรมไปเปิดทำการแสดงวิชาฝีมือและขายยาตามท้องถนน
โดยสรุปแล้ว ชีวิตในช่วงวัยเยาว์และวัยหนุ่มของ หวง เฟยหง เป็นระยะเวลาของการฝึกฝนวิชาฝีมือต่อสู้
ป้องกันตัว และการรับมรดกสืบทอดวิชาแพทย์จากบิดา ซึ่งเป็นแพทย์แผนโบราณที่ได้รับการยกย่องนับถือ
จากนั้น หวง เฟยหงได้สร้างวีรกรรมอันลือชื่อขึ้นมา 2 เหตุการณ์ที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เหตุการณ์
แรกเกิดขึ้นเมื่อหวง เฟยหง มีอายุ 16 ปี มีชาวตะวันตกกลุ่มหนึ่งคิดค้นกิจกรรมสร้างความบันเทิง โดยฝึกฝน
สุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด จนดุร้ายกระหายเลือด จากนั้น ก็เปิดเวทีท้าประลองให้ชาวจีนสู้กับสุนัข ผู้ชนะ
จะได้รับเงินรางวัลมูลค่าสูง แต่หากพลาดพลั้งบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ก็ถือเป็นคราวเคราะห์ที่ไม่มีผู้ใดรับผิดชอบ
กิจกรรมนี้กลายเป็นเรื่องโจษจันเกรียวกราวไปทั่ว ผู้คนจำนวนมากที่เข้าประลองล้วนแล้ว แต่พ่ายแพ้ บ้างโชคดี
ก็แค่บาดเจ็บ แต่มีจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไร้เปล่า
12
4.1.4 มวยเตะชัวเจี่ยว ( 戳脚 )
4.1.4.1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับมวยเตะชัวเจี่ยว
มวยเตะชัวเจี่ยวมีพื้นฐานมาจากกังฟูขาและเท้าเป็นหลัก มีต้นกำเนิดในราชวงศ์ซ่งและเจริญรุ่งเรืองใน
ราชวงศ์หมิงและชิง ซึ่งในวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 2014 มวยชนิดนี้ได้รับการอนุมัติให้ เป็นหนึ่งในมรดก
วัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของชาติ นอกจากนี้ มวยเตะชัวเจี่ยว ยัง ถูกระบุว่าเป็นการแสดงศิลปะการต่อสู้และ
การแข่งขันระดับชาติของประเทศจีน
4.1.4.2 รูปแบบของมวยเตะชัวเจี่ยว
สำหรับมวยชนิดนี้ ร่างกายจะต้องตั้งตรงและสามารถยืดหยุ่นร่างกายได้สะดวก โดยมีเอวและไหล่และ
สะโพกเป็นตัวช่วย โดยใช้ช่องว่างเอว ไหล่ และสะโพก และมักจะร่วมกับการเคลื่อนไหวภาคพื้นดิน
4.1.4.3 วิดิทัศน์มวยเตะชัวเจี่ยว
สามารถดูวิดิทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับมวยเตะชัวเจี่ยวได้โดยการแสกนคิวอาร์โค้ดนี้
- ชื่อวิดิทัศน์ : 中国武术戳脚翻子/金成胜老师/北京
ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=bskU2ArG-eM
14
เมื ่ อ วั น ที่ 18 ธั น วาคม พ.ศ. 2563 องค์ ก ารเพื ่ อ การศึ ก ษา วิ ท ยาศาสตร์ และวั ฒ นธรรมแห่ ง
สหประชาชาติ ( UNESCO ) ได้ขึ้นทะเบียน “ มวยไทเก๊ก ” ลงในรายชื่อมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
ของมนุษยชาติ
4.2.1.2 รูปแบบของมวยไทเก๊ก
มวยไทเก๊กมี ล ั กษณะนุ่ม นวล โอนอ่อน ผ่อนคลาย การเคลื่อนไหวลื ่น ไหลต่ อเนื่ อ ง การหายใจ
สอดประสานไปกั บ การเคลื ่ อ นไหว พร้ อ มทั ้ ง ต้ อ งตั ้ ง จิ ต ติ ด ตามการเคลื ่ อ นไหวของร่ า งกายไปตลอด
ทำให้เกิดสมาธิ เนื่องจากไม่มีการเกร็งกล้ามเนื้อหรือการออกแรงกระแทก จึงมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บร่างกาย
ได้น้อย เมื่อเทียบกับกีฬาที่ใช้แรงชนิดอื่นๆ ทำให้เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย แม้แก่ชราอายุ 90 – 100 กว่าปี
ก็ยังฝึกฝนได้ ประโยชน์ที่ได้รับนอกจากจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงทั้ งร่างกายและจิตใจแล้ว ยังสามารถใช้เป็น
ศิลปะป้องกันตัวได้หากได้รับการฝึกฝนเพื่อใช้ต่อสู้ ในปัจจุบัน ไทเก๊กมีผู้นิยมฝึกฝนกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
คุณลักษณะที่สำคัญของไทเก๊กมีอยู่ 5 ประการ คือ
1.) ความช้า ซึ่งช่วยพัฒนาความรับรู้
2.) ความเบา ช่วยให้การเคลื่อนไหวไปอย่างต่อเนื่องราบรื่น
3.) ความสมดุล ทำให้ร่างกายอยู่ในท่าที่ไม่ต้องเครียดเกร็ง
4.) ความสงบ ได้มาจากความต่อเนื่องที่มีการเคลื่อนไหวแบบไหลเรื่อยเสมอกัน
5.) ความชัดเจน คือ การชำระจิตใจให้สะอาดปราศจากความคิดที่เข้ามาบุกรุก
16
4.2.1.3 บุคคลมีชื่อเสียงที่ใช้มวยไทเก๊ก
จาง ซัน เฟิง ( สำเนีย งจีน กลาง ) หรือ เตียซำฮง ( สำเนียงแต้จิ๋ว ) เป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงใน
ประวัติศาสตร์จีน มักกล่าวถึงในภาพยนตร์หรือนิยายกำลังภายในที่มีชื่อเสียง เช่น เรื่อง ดาบมังกรหยก
ซึ่งเขียนโดยกิมย้ง หรือจินหยง ยอดนักเขียนนวนิยายกำลังภายในชาวจีนนั่นเอง
เชื่อกันว่าจาง ซันเฟิง เกิดเมื่อวั นที่ 9 เมษายน ค.ศ. 1247 ในสมัยปลายราชวงศ์ซ้อง ( ค.ศ. 960 -
ค.ศ. 1279 ) ที่มณฑลเหลียวหนิง มีชื่อเดิมว่า จาง เฉวียนอี หรือ จาง จวินอวี้ โดยที่ชื่อ ซันเฟิง นั้น เป็นฉายา
ในตอนที่เป็น นักบวชในลัทธิเต๋าแล้ว ท่านมีช ื่อเสียงในสมัยราชวงศ์ห ยวน ( ค.ศ. 1279 - ค.ศ. 1368 )
เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวบ้านสามัญชน จากการใช้กำลังภายในการช่วยเหลือคนเจ็บไข้ แล้วมีอายุยืนยาว
มาจนถึงราชวงศ์ห มิง ( ค.ศ. 1368 - ค.ศ. 1654 ) และค่อย ๆ หายหน้าไปจากหน้า ประวัต ิศ าสตร์ จี น
หลังปี ค.ศ. 1459 ท่านใช้ชีวิตมากว่า 200 ปี และไม่มีประวัติการเสียชีวิต หลายคนเชื่อกันว่าหลังจากนั้นเชื่อว่า
สำเร็จเป็นเซียนอมตะ
มีประวัติของจาง ซันเฟิงในหน้าประวัติศาสตร์มากมาย แต่ที่มีชื่อเสียงคือ การก่ อตั้งสำนักอู่ ตัง
หรือบู๊ตึ๊ง ในสำเนียงแต้จิ๋ว และการค้นคิดวิชามวยไทเก๊ก
เรื่องเล่าเกี่ย วกับ ท่านจาง ซั น เฟง คือ เรื่องที่ท่านได้พบเห็นนกกระเรียนสู้กับงู ณ ภูเขาวูตูซัน
ขณะที่กำลังสวดสาธยายพระคัมภีร์ภายในอาศรม เกิดได้ยินเสียงนกดูเหว่าหางยาวแผดร้องด้วยน้ำเสียง
ประหลาด ท่านลุกขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่างได้พบเห็นการต่อสู้ระหว่างนกดูเหว่ากับงู นกเกาะอยู่บนกิ่งสน
แสดงอาการดุดัน เกรี้ย วกราด ดุจ พญาเหยี่ยวผู้ห ิว โหยจ้องมองหาเหยื่อและเกาะก้มหัว ต่ำโน้มตัว ลงมา
เพ่งสายตาไปที่งูซึ่งกำลังขดเป็นวงกลมอยู่บนพื้นดิน ซึ่งกำลังจ้องเพ่งไปยังนกดุเหว่าดุจเดียวกัน ฉับพลัน
นกส่งเสียงแผดร้อง พร้อมกับโฉบลงและตีปีกไปยังงู แต่งูสามารถหลบหลีกด้วยลักษณะสุขุมโดยส่ายหั ว
กลับไปกลับมา เป็นการหลบฉากอย่างนุ่มนวล ทำให้การโฉบทำร้ายของนกไร้ผล หลายคราวที่ นกดุเหว่า
โฉบกลับ มาโจมตี งู ซึ ่ง ตั ้ง รั บ ด้ว ยความมั่น คง และรักษาตำแหน่ ง การเคลื่ อ นไหวเป็นวงกลมเคลื่ อ นไหว
เฉพาะส่วนบน ต่างทำร้ายกันไม่ได้ ( บางตำรากล่าวว่างูชนะ ) ท่านบรมครูสนใจการหลบหลีกอ่อนตามและ
การเคลื่อนไหวเป็นวงกลมของงู ท่านได้อาศัยหลักการต่อสู้ของงู ที่เคลื่อนตีวงกลม ผสมกับพลังที่แฝงมากับ
17
4.2.2.3 บุคคลมีชื่อเสียงที่ใช้มวยสิงอี้
4.2.3.2 รูปแบบของปากว้าจ่าง
ปากว้าจ่างมีชื่อเสียงด้านลักษณะที่ เป็นการหลบหลีกและจู่โจมด้วยมือที่แบอยู่ โดยลักษณะที่โดดเด่น
ของปากว้าจ่างอีกประการ คือ การเดินเป็นวงกลม การขยับร่างกายเป็นเกลียว ซึ่งการเคลื่อนไหวเป็นเกลียว
มีข้อได้เปรียบในการรับมือกับคู่ต่อสู้หลายคน คู่ต่อสู้ติดอาวุธ และใช้ทักษะในการตอบโต้พลกำลัง
โดยการฝึกฝนของปากว้าจ่าง กำหนดให้ผู้ฝึก ฝนเดินเป็นวงกลม โดยผู้ฝึกฝนจะต้องสามารถโคจรและ
หมุนร่างกายของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น การเรียนรู้ทิศทั้งแปดทิศของปากว้าจ่าง จะทำให้ผู้ฝึกฝน
สามารถจู่โจมและตั้งรับการโจมตีจากทุกทิ ศทาง และปากว้าจ่างใช้แรงจากการหมุนมือที่แบอยู่ทางแนวตั้ง
อย่างต่อเนื่อง ผู้ฝึกฝนจะขยับร่างกายอยู่เสมอเพื่อที่จะทำให้คู่ต่อสู้เสียสมดุล
4.2.2.3 บุคคลมีชื่อเสียงที่ใช้ปากว้าจ่าง
อย่ า งลั ท ธิ เ ซี ย นเข้ า กั บ วิ ช าหมั ด มวย เกิ ด เป็ น วิ ช าใหม่ เ รี ย กว่ า “ จ้ ว นจ่ า ง ” ( ฝ่ า มื อ หมุ น หรื อ ฝ่ า มื อ
เปลี่ยนแปลง ) ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนเชื่อเป็น “ปากว้าจ่าง” สืบมาจนถึงทุกวันนี้
4.2.3.4 วิดิทัศน์ปากว้าจ่าง
สามารถดูวิดิทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับปากว้าจ่างได้โดยการแสกนคิวอาร์โค้ดนี้
- ชื่อวิดิทัศน์ : China Kungfu: Baguazhang
ที่มา : https://youtu.be/-jR0Fn80fbs
ทงเป้ยเฉวียน เป็นเทคนิคการชกมวยที่มีประวัติยาวนานมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในศิลปะการต่อสู้
แบบดั้งเดิมและแพร่หลายอย่างกว้างขวาง โดยถือกำเนิดในสมัยราชวงศ์ชิงตอนปลาย ฉีซิ่น ชาวเจ้อเจียง
ได้ริเริ่มวิชาทงเป้ย เฉวียน ใช้ชื่อว่า ฉีซิ่น เฉวียน ซึ่ง ฉี ไท่ชาง ลูกชายของเขาใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของ
ตระกูลต่างๆ นำมารวบรวมกับวิชาการใช้แขนเดียว มือเดียวในการจู่โจมตีมาเป็นหนึ่งเดียว ผสมผสานกับ
ความแข็งแกร่งและความนุ่มนวลโดยใช้กำลังหลังเป็น แนวทาง ทงเป้ยเฉวียนจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและ
การเปลี่ยนแปลงท่าทางทีย่ ืดหยุ่นและรวดเร็ว
4.2.4.2 รูปแบบของทงเป้ยเฉวียน
ทงเป้ยเฉวียน ใช้หลักการขว้างข้อมือ ( สลัดข้อ ) การตบ การสอด การฟันลง การใช้หมัดข้อนิ้ว
มีวิธีการโจมตีชายโครงคู่ต่อสู้ 5 รูปแบบ โดยมีวิธีการใช้แขนวาดวงเพื่อเกาะเกี่ยวและจิกตี ทั้งการฟันฟาดตบ
23
4.2.4.3 วิดิทัศน์ทงเป้ยเฉวียน
สามารถดูวิดิทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับทงเป้ยเฉวียนได้โดยการแสกนคิวอาร์โค้ดนี้
- ชื่อวิดิทัศน์ : 通背拳基本功——穿
ที่มา : https://youtu.be/QLeq10P0f2M
24
4.3.1.2 รูปแบบของการต่อสู้แบบซานต่า
การโจมตีด้วยมือ
➢ กระทุ้ง
➢ ข้าม
➢ ตะขอ
➢ ฟาด
➢ Uppercut
➢ กลับกำปั้น
ข้อศอกและเข่า
➢ แนวนอน
➢ แนวตั้ง
➢ เส้นทแยงมุม
เตะ
➢ เตะแทงด้านหน้า
➢ เตะด้านหน้า
➢ เตะด้านข้าง
➢ Hook Kick
➢ ปัน่ กลับเตะ
➢ เตะวงกว้าง
➢ ขวานเตะ
พ่น
➢ สะโพกโยน
➢ ไหล่โยน
➢ กวาด
➢ การลบขาสองข้าง
➢ การลบขาเดียว
➢ การลบออกจากการล็อกร่างกาย
➢ เตะจับโยน
26
4.3.1.3 บุคคลมีชื่อเสียงที่ใช้การต่อสู้แบบซานต่า
4.3.2.2 รูปแบบของมวยปล้ำจีน
มวยปล้ำจีนสามารถแบ่งออกเป็นรูปแบบต่อไปนี้
รูปแบบเหอเป่ย รูปแบบนี้สืบเชื้อสายมาจากจักรพรรดิเหลืองที่ต่อสู้กับการต่อสู้อย่างเด็ดขาดกับ
Chi You และ Yan Emperor ในเขต 張家口 ในปัจจุบัน อยู่ทางตอนเหนือของเหอเป่ยไปทางตะวันตก
เฉียงเหนือของปักกิ่ง โดยวิธีและกฎการฝึกอบรมที่ทันสมัย ของรูปแบบนี้ได้รับการประมวลโดย 善撲营
( The Battalion of Excellency in Catching ) ของ 内務府 หน่วยบริหารภายในของกรมราชทัณฑ์
รูปแบบปักกิ่ง เป็นของเชื้อสายจากสรูปแบบ Manchu Buku ที่ฝึกฝนโดยกองพลทหารรักษาการณ์
ของจักรพรรดิ 善撲营 หมายถึง ผู้เชี่ยวชาญในหน่วยมวยปล้ำอย่างแท้จริ ง ลักษณะสำคัญของรูปแบบนี้
คือ การใช้ขาเตะและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียสมดุลและการใช้แขนล็อค
รูปแบบเทียนจิน เป็นของเชื้อสายของมวยปล้ำสมัยราชวงศ์หมิงผสมกับ Manchu Buku ลักษณะ
สำคัญของรูปแบบนี้ คือ การใช้ขาในการเตะและออกจากสมดุล และการใช้ปลายแขนในการบล็อกและการตี
รูปแบบ Style ( 保定 ) ‘เป็นขอเชื้อสายที่เรียกว่า Kuai Jiao ( 快跤 ) หรือ "Fast Wrestling"
ลักษณะสำคัญของรูปแบบนี้ คือ การใช้เทคนิคอย่างรวดเร็ว อีกลักษณะหนึ่ง คือ การปรับตัวของเส้าหลินกวน
จาก Ping Jingyi ครูสอนมวยปล้ำชื่อดังที่เรียนรู้ รูปแบบเส้าหลินจากตระกูล Meng ของ Nanguan County
แม้ว่าเขาจะเป็นมุสลิม
รูปแบบชานซี เป็นของเชื้อสายของมวยปล้ำสมัยราชวงศ์ซ่ง ส่วนใหญ่ฝึกฝนในมณฑลระหว่างเมืองขุด
Datong ในภาคเหนือของมณฑลซานซีและเมืองหลวงของมณฑลไท่ห ยวนในตอนกลางของมณฑลซานซี
ลักษณะเด่นของรูปแบบนี้ คือ เทคนิคการจับขา เนื่องจากนักมวยปล้ำมักสวมกางเกงรัดรูปยาวถึงเข่าเท่านั้น
4.3.2.3 บุคคลมีชื่อเสียงที่ใช้มวยปล้ำจีน
4.3.3 การต่อสู้โดยใช้ง้าว ( 大枪 )
4.3.3.1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการต่อสู้โดยใช้ง้าว
และหั น เหการโจมตี ข องคู ่ ต ่ อ สู้ แ ทนที ่ จ ะโจมตี ด้ ว ยเหตุ น ี ้ เ อง จึ ง มี ผ ้ า คลุ ม หน้ า ผื น ใหญ่ ต ิ ด อยู ่ ท ี ่ ป ลาย
เพื่อปราบศัตรูและทำให้คู่ต่อสู้สับสน ท่วงท่าของง้าวต้องแข็งกร้าว ดุดัน คมง้าวกวาดเป็นวงกว้าง
4.3.2.3 วิดิทัศน์การต่อสู้โดยใช้ง้าว
สามารถดูวิดิทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้โดยใช้ง้าวได้โดยการแสกนคิวอาร์โค้ดนี้
- ชื่อวิดิทัศน์ : dadao podao 男子大刀朴刀 第 7 名 山东队 李 壮 8 74 分 shan
dong li zhuang 中国传统武术套路 wushu kongfu
ที่มา : https://youtu.be/Hkm9sPhCPnk
1) หลักสูตรการป้องกันตัวส่วนบุคคล
หลักสูตรชุดป้องกันตนเองสำหรับการป้องกันตนเองส่วนบุคคล ( ชุด SD สำหรับระยะสั้น ) ได้รับ
การออกแบบมาสำหรับบุคคลทั่วไป รวมถึงโมดูลควบคุมหลัก การต่อสู้ระยะประชิด การต่อสู้ป้องกันตัว
แบบประชิดตัว การคุกคามแบบคงที่ และการป้องกัน อุป กรณ์ เหมาะสำหรับการป้ องกัน ตัว เองทุ ก วั น
เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับ ปรุงการป้องกันความปลอดภัยส่ว นบุคคลของประชาชนและความสามารถ
ในการจัดการวิกฤต
2) หลักสูตรชุดป้องกันตัวสตรี
หลักสูตรชุดป้องกันตัวสำหรับสตรี ( ชื่อย่อของ FSD ) ออกแบบมาสำหรับสตรี รวมทั้งการต่อสู้
ระยะประชิด การต่อสู้ป้องกันตัวแบบประชิดตัว และการต่อสู้โดยใช้อุปกรณ์ป้องกัน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ
การป้องกันตัวในแต่ละวันของผู้หญิง เพื่อจุดประสงค์ในการปรับปรุงการป้องกันความปลอดภัยส่วนบุคคลของ
ผู้หญิงและความสามารถในการจัดการภาวะวิกฤต
34
3) หลักสูตรชุดควบคุมตำรวจ
หลักสูตรชุดควบคุมตำรวจ ( ชุด PC สำหรับระยะสั้น ) ได้รับการออกแบบสำหรับเจ้าหน้าที่ของ
หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและแผนกความปลอดภัย เป็นชุดโมดูลยุทธวิธีการป้องกันที่สมบูรณ์ที่สร้างขึ้น
ตามขั้นตอนการทำงานและการใช้บรรทัดฐานของกำลังเพื่อจัดการกับการไม่ อาวุธร้ายแรงและอาวุธร้ายแรง
ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีการป้องกันและควบคุมที่ไม่มีอาวุธเพื่อความปลอดภัยและตำรวจ เทคโนโลยีการป้องกัน
และควบคุมที่ไม่มีอาวุธสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วไปและการใช้อุปกรณ์ตำรวจ และเทคโนโลยีการตอบโต้ที่มี
ความเสี่ยงสูงและการป้องกันวีไอพีสำหรับตำรวจสายตรวจและหน่วยยามพิเศษของเอกชน นอกเหนื อจาก
ทักษะส่วนบุคคลแล้ว ยังเน้นที่ความร่วมมือด้านเทคนิคแบบกลุ่มมากขึ้น
4.3.4.3 วิดิทัศน์การต่อสู้แบบเมทริกซ์ MDS
สามารถดูวิดิทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้แบบเมทริกซ์ MDS ได้โดยการแสกนคิวอาร์โค้ดนี้
- ชื่อวิดิทัศน์ : PTK 国际军警战术防卫体系宣传影像|为安全执法而训练
ที่มา : https://www.bilibili.com/video/BV1MQ4y1Z7aq/
35
บรรณานุกรม
红倾橙. //(2565).//中国的 13 种武术. //สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก
https://zhuanlan.zhihu.com
红倾橙.//(2565).//武术本质.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก
https://zhuanlan.zhihu.com
矩阵防卫体系总部.//(2560).// MDS 矩阵防卫体系简介.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน
2565,/จาก http://www.mdschina.com.cn/About.aspx?ClassID=15
Ebi Kung.//(2556).//ศิลปะการป้องกันตัวของจีน.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก
http://chinese2u.blogspot.com/2013/07/blog-post_9.html
InternetArchiveBot.//(2564).//ไทเก๊ก.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก
https://th.wikipedia.org/wiki/ไท่เก๊ก
InternetArchiveBot.//(2564).//สิงอี้เฉวียน.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก
https://th.m.wikipedia.org/wiki/สิงอี้เฉวียน
InternetArchiveBot.//(2564).//หวิงชุน.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก
https://th.m.wikipedia.org/wiki/หวิงชุน
InternetArchiveBot.//(2564).//หงฉวน.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก
https://th.m.wikipedia.org/wiki/หงฉวน
InternetArchiveBot.//(2565).//ปา-กว้าจ่าง.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก
https://th.m.wikipedia.org/wiki/ปา-กว้าจ่าง
Liang.//(2560).//หลักการและจุดเด่นของมวยสิงอี้.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก
http://www.internalartsthailand.com/xingyiquan-basic-principle
Matuszak Sascha.//(2558).//ฉ่วยเจียว.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก
https://hmong.in.th/wiki/Shuai_jiao
Matuszak Sascha.//(2558).//ซันดา(กีฬา).//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก
https://hmong.in.th/wiki/Sanda_(sport)
panty1214.//(2564).// 通背拳术.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก
https://baike.baidu.com/item/通背拳术
36