You are on page 1of 118

บทที่ 901 พวกเจ้าสบายดีหรือไม่?

โหยวฉินเลี่ยยืนสารวมอยู่ที่ด้านข้าง
หมิ ง เยวี่ ย เยี่ ย หลั ง จากถื อ ครองอ านาจเป็ น เวลาสิ บ ปี คล้ า ยแปร
เปลี่ยนเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง นางแม้ยังคงงดงามสะคราญ แต่หว่างคิ้ว
แฝงเค้าอานาจบารมี ดวงตาคู่งามที่ส ดใสมีชีวิตชีวากลับกลายเป็นลึกล้า
ดุจห้วงสมุทร
ไม่มีผู้ใดคานึงถึงเรื่ องอายุของนางอีก เมื่ออยู่เบื้องหน้านาง ทุกคนมี
แต่ความครั่นคร้ามยาเกรง แทบไม่กล้าหายใจแรง
ในช่ ว งสิ บ ปี ม านี้ หมิ ง เยวี่ ย เยี่ ย ในที่ สุ ด ก็ ก าจั ด ฝ่ า ยตรงข้ า มที่ เ ป็ น
เครื่องกีดขวางนางจนสิ้น ซาก เผ่าอสูรทั้งหมดหลงเหลือ เพี ยงหนึ่ง เสี ย ง
เท่ า นั้ น นั่ น คื อ เสี ย งของนาง สภาผู้ อ าวุ โ สรุ่ น นี้ ไ ร้ พ ลั ง อ านาจแท้ จ ริ ง
หน่วยงานสาคัญและกองทัพชั้นยอดทั้งหมดล้วนอยู่ในมือนาง
หลังจากอ่านรายงานทั้งหมด หมิงเยวี่ยเยี่ยขมวดคิ้ว “เหลียงเวย?”
นางมีสีหน้าหวนราลึก นามนี้เห็นได้ว่าแจ่มชัดอยู่ท่ามกลางความทรง
จามากมายของนาง “เหลียงเวยของกองกาลังน้าแข็งเย็นเยือก?”
นางมี ค วามทรงจ าต่ อ นามนี้อ ยู่ บ้ า ง คนผู้ นี้ คื อ แม่ ทั พ บั ญ ชาการศึก
ระดับเงินที่ประสบความส าเร็จ ในการทาศึกล่วงลึกเข้าไปในแดนคุนหลุน
ต่อมามันถูกปลดออกจากกองทัพ ปล่อยให้อยู่ว่าง เรื่องนี้ ยังเคยถู ก นาง
นามาใช้เป็นชนวนเหตุเพื่อมุ่งเป้ า โจมตีส ภาผู้อาวุโสในยุคนั้ น ก่อให้เกิ ด
การเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าคว่าดินในภายหลัง
“เป็นมันเอง!” โหยวฉินเลี่ยกล่าวอย่างรวบรัด ทว่าหนักแน่นชัดเจน
“มันไฉนไปถึงดินแดนแห่งความมืด?”
“ไม่อาจทราบได้” โหยวฉินเลี่ยกล่าวอย่างเยือกเย็น “สมควรทาการ
สืบสวนหรือไม่?”
ใบหน้าของมันสงบราบเรียบ ปราศจากร่องรอยพิรุธ ใด แม้ว่าเรื่องที่
มันเคยติดต่อพบปะกับเหลียงเวยเมื่อครั้งอดีตจะถูกกลบฝังไปแล้ว แต่มัน
ไม่ เ คยวางใจแม้ แ ต่ น้ อ ย คนยิ่ ง เร้ น กายอยู่ ใ นเงามื ด นานเท่ า ใด จะยิ่ ง
กลายเป็นรอบคอบระมัดระวั งมากขึ้นเท่ านั้น มันไม่มีวันทิ้งช่องโหว่ นี้ ไ ว้
เป็นอันขาด
ดังนัน
้ โหยวฉินเลี่ยพากเพียรส่งเสริมเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าที่เคยมี
ส่วนร่วมในการพบปะครั้งนั้นอย่างสม่าเสมอ เลื่อนตาแหน่งให้แก่พวกมัน
มอบอานาจให้พวกมันมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในช่วงสิบปีมานี้ ภารกิจสาคัญที่สุดของพวกมันคือการกวาดล้า งขุม
อานาจเก่า โหยวฉินเลี่ยคือดาบสังหารที่คมกล้าที่สุดในมือของหมิงเยวี่ย
เยี่ย เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของมันย่อมต้องมีส่วนร่วมในภารกิจเหล่านี้ด้วย
การเลื่อนตาแหน่งหมายความว่าพวกมันต้องแบกรับภารกิจที่ยากล าบาก
และเสี่ยงอันตรายมากกว่าเดิม
ดังนั้น คนเหล่านี้ค่อย ๆ ลดจานวนลงทีละคนสองคน
สิ บ กว่ า ปี ม านี้ ทางด้ า นเหลี ย งเวยเก็ บ ตั ว เงี ย บสงบ ไม่ เ คยปรากฏ
ออกมาเบื้ อ งหน้ า สายตาผู้ ค นอี ก คนเหล่ า นี้ ห ลงลื ม มั น ไปตั้ ง แต่ แ รก ใน
บรรดาพวกมันทั้งหมดแม้แต่ผู้ที่ชาญฉลาดที่สุดยังไม่เคยฉุกคิดแม้สักครั้ง
เดียว ว่าเรื่องของเหลียงเวยกลับเป็นสาเหตุแท้จริงที่ทาให้พวกมันต้องตาย
และเนื่องเพราะพวกมันสละชีวิต เพื่ อหน้า ที่ เพื่อความสงบสุข ของ
เผ่าอสูร ดังนั้นครอบครัวของพวกมันได้รับการดูแลอย่างดี ลูกหลานของ
พวกมันสามารถเข้าเรียนในตาหนักศาสตร์อสูรที่ดีที่สุด มีหน้าที่การงานที่
มีเกียรติและมั่นคง
ยุคสมัยแห่งความไม่สงบเป็นเครื่องปกปิดที่ดีที่สุด ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
การเสียสละอย่างเป็นลาดับขั้นตอนของคนเหล่านี้ แม้แต่ในหมู่พวกมันเอง
ก็ไม่เคยมีผู้ใดระแคะระคายมาก่อน
ในสิบปีมานี้จานวนผู้ที่สละชีพเพื่อความสงบของเผ่าอสูรมีมากมาย
เกินไป กระทั่งโหยวฉินเลี่ยยังได้รับบาดเจ็บปางตายอยู่หลายครั้ง มิหนาซ้า
มีอยู่สองสามครั้งที่แทบจะเอาชีวิตไม่รอด
ดังนั้นในกระบวนการทั้งหมดนี้ อย่าว่าแต่จะมีผู้ใดสงสัยมัน แม้แต่ผู้ที่
จะสังเกตเห็นเงื่อนงายังไม่มีแม้แต่คนเดียว
โหยวฉินเลี่ยนึกยินดีต่อความรอบคอบระมัดระวังของมันในครั้งนั้น
หากคนใดคนหนึ่งในหมู่คนเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่ เกรงว่าจะเป็นปัญหายุ่งยาก
แล้ว หากผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าของมันเหล่านั้นยังอยู่ที่นี่ จะต้องมีคนจดจา
เหลียงเวยที่ผุดเด่นขึ้นอย่างฉับพลันภายใต้ร่มธงของหมิงอ๋องออกอย่าง
แน่นอน จากนัน
้ ทุกคนจะพบว่าเรื่องนี้น่าประหลาดยิง่
หมิ ง เยวี่ ย เยี่ ย ไม่ ส นใจค าถามของมั น นางทอดถอนใจอย่ า งเศร้ า
เสี ย ดาย “ข้ า มองพลาดไปแล้ ว ครั้ ง นั้ น ข้ า เข้ า ใจว่ า มั น เป็ น เพี ย งแม่ ทั พ
บัญชาการศึกระดับเงินที่โดดเด่นอยู่บ้าง ไม่มีคุณค่าเพียงพอให้รับตัวไว้ใช้
สอย นึกไม่ถึงว่าพรสวรรค์ของมันกลับไม่ด้อยกว่ามู่ซีแม้แต่น้อย ข้าถึงกับ
มองข้ามแม่ทัพอัจฉริยะผู้หนึ่ง นับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของข้าจริง
ๆ! นอกจากนี้ ใ นฐานะอสู ร ผู้ ห นึ่ ง มั น กลั บ ผุ ด เด่ น ขึ้ น มาด้ ว ยการน าทั พ
กองทัพปิศาจ นี่ไยมิใช่ว่าเผ่าอสูรเราก็มีแม่ทัพอันพิสดารเฉกเช่นเดียวกัน
กับเปี๋ ยหานอยู่คนหนึ่ง!”
หมิงเยวี่ยเยี่ยยิ่งคิดยิ่งเศร้าเสียดาย ด้วยสภาพของเหลียงเวยในยาม
นั้น ขอเพียงนางเอ่ยปากสักคามันจะซื่อสัตย์ภักดีต่อนางไปจนตาย
ไพร่พลหนึ่งพันหาได้ไม่ยากนัก แต่แม่ทัพบัญชาการศึกผู้หนึ่งยากจะ
พบพาน โดยเฉพาะแม่ทัพอันล้าเลิศเช่นนี้
ศึกครั้งนี้หนุนส่งเหลียงเวยขึ้นสู่ระดับยอดแม่ทัพอย่างแท้จริง
หมิงเยวี่ยเยี่ยสะบัดศีรษะแรง ๆ สลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป “การต่อสู้
ระหว่างคุนหลุนกับม่ออวิ๋นไห่เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ทั้ ง สองฝ่ า ยเริ่ ม เปิ ด ฉากสู้ ร บอย่ า งเต็ ม ตั ว ” โหยวฉิ น เลี่ ย มุ่ ง ความ
สนใจอยู่กับม่ออวิ๋นไห่เป็นพิเศษ จึงทราบกระจ่างเป็นอย่างดี “จากข่าวลับ
ที่พวกเราสืบทราบมา ทั้งสองฝ่ายล้วนไม่ได้เตรียมตัวสาหรับศึกสุดท้ายที่
จะตัดสินความเป็นความตายของพวกมันมาก่อน เดิมทีจิตเจตนาแรกเริ่ม
ของม่ออวิ๋นไห่ คือใช้เทียนหวนเหนือดึงความสนใจของคุนหลุน เพื่อที่พวก
มันจะได้ลอบโจมตีจากช่องว่างรอยโหว่ ริดลอนกาลังของคุนหลุน ส่วนทาง
ฝ่ายคุนหลุนคิดกลืนกินเทียนหวนเป็นอันดับแรก ทางหนึ่งเพื่อกาจัดหอก
ข้างแคร่ ในเวลาเดียวกันก็เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ขุมกาลังของพวก
มันด้วย จากนัน
้ ค่อยมุ่งเป้าไปยังสี่มหานิกายพุทธหรือไม่ก็กู่เหลียงเตา เพื่อ
บีบบังคับให้ม่ออวิ๋นไห่ออกมาทาศึกตัดสินกับพวกมันทันที”
หมิงเยวี่ยเยี่ยพยักหน้า “กระบวนท่าของหลีเซียนเอ๋อร์นี้รวบรัดหมด
จดยิ่ง ม่ออวิ๋นไห่ได้แต่ต้องยอมรับข้อเสนอของนาง คุนหลุนก็มิอาจถอน
กาลังล่าถอย ได้แต่จาใจเปิดฉากสู้รบอย่างเต็มรูปแบบ”
จากนั้นนางยิ้มละไม “ยักษ์ ใหญ่ท้ังสองเมื่อเริ่มรบราฆ่าฟันกัน เกรง
ว่าคงไม่จบสิ้นลงง่าย ๆ เราจะใช้โอกาสนี้พักผ่อนสะสมกาลัง รอจนทั้งสอง
ฝ่ า ยล้ ว นรั บ บาดเจ็ บ บอบช้ า จะถึ ง เวลาที่ เ ผ่ า อสู ร ของข้ า ได้ ผ งาดขึ้ น
มาแล้ว!”
เผ่าอสูรที่เพิ่งจะฟื้ นกาลังเล็กน้อยหลังจากสงครามกวาดล้างตลอด
สิบปี ย่อมไม่อาจขยับเคลื่อนไหว ในความขัดแย้งภายในตลอดช่วงสิบปีมา
นี้ เผ่าอสูรสูญเสียขุมกาลังความเข้มแข็งไปมากมายเท่าใด เกรงว่าไม่มีผู้ใด
ทราบกระจ่างไปกว่าหมิงเยวี่ยเยี่ยอีก ในสายตาของนาง การสู้รบภายใน
ของแดนซิวเจ่อและแดนปิศาจ เป็นสวรรค์ประทานพรให้แก่เผ่าอสูรของ
นาง ให้เผ่าอสูรได้มีเวลาฟื้ นฟูกาลัง
“ต้าเหรินปราดเปรื่องยิ่ง!” โหยวฉินเลี่ยกล่าวด้วยสีห น้ายอมรับนับ
ถือ
หากแต่ในใจมัน กาลังหัวร่อเย้ยหยันอย่างเย็นชา
มันรู้จักผูดี แม้ว่าผูไม่ได้กล่าวออกมา แต่มันสามารถดูออกว่าผูจะต้อง
มีกระบวนท่าตามหลังอย่างแน่นอน!
โหยวฉินเลี่ยเฉลียวฉลาดยิ่ง อีกทั้งมันยังทางานอยู่ในแวดวงการข่าว
มานานปี มี ฝี มื อ ในการสื บ ค้ น ความจริ ง จากเบาะแสร่ อ งรอยแม้ เ พี ย ง
เล็ ก น้ อ ย เหลี ย งเวยจู่ ๆ ปรากฏตั ว ขึ้ น ใต้ ร่ ม ธงของหมิ ง อ๋ อ ง เมื่ อนึ ก ถึ ง
น้าเสียงเชื่อมั่นของผู การหวนกลับไปยังม่ออวิ๋นไห่ของพวกเหวยเสิ้ง และ
การกลับมาที่ล่าช้าออกไปของจั่วม่อ มันได้มาถึงข้อสรุปที่เหลวไหลถึงที่สุด
ประการหนึ่ง เป็นไปได้ว่าหมิงอ๋องก็คือจั่วม่อ!
กล่าวตามความสัต ย์ แม้แต่มันยังแทบขวัญหนีดีฝ่อด้วยข้อสรุ ปของ
ตนเอง
แต่ในไม่ช้ามันก็สงบใจลง หากนี่เป็นความจริง เช่นนั้นจั่วม่อในยามนี้
ก็มีขุมกาลังแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน นี่จะเป็นฝั นร้ายของผู้
ยิ่งใหญ่รายอื่น ๆ
ในความเห็นของมัน วิหารเทพปิศาจสมควรไม่อาจยืนหยัดได้นาน ขุม
กาลังของทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันเกินไป
การรวมเป็นหนึ่งของเผ่าปิศาจ ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งได้
และหากการคาดเดาของมันถูกต้อง... ...
ทันทีที่จ่ัวม่อปราบพิชิตวิหารเทพปิศาจ ก็จะครอบครองดินแดนร้อย
เถื่อน ดินแดนแห่งความมืดและม่ออวิ๋นไห่ กลับกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีขุม
กาลังกล้าแข็งที่สุดในใต้หล้า หนทางเดียวที่จะต่อกรกับมันได้ คือเผ่าอสูร
และคุนหลุนจะต้องจับมือเป็นพันธมิตรกัน
แต่ในยามนี้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าอสูรหมิงเยวี่ยเยี่ย กลับตกลงใจว่าจะนั่ง
อยู่บนภูชมดูสองพยัคฆ์เข่นฆ่ากันจนกว่าจะจบสิ้น ... โหยวฉินเลี่ยลอบยิ้ม
เยาะอยู่ในใจ
ขอเพียงจั่วม่อรวมเผ่าปิศาจเสร็จสมบูรณ์ มันจะมีขุมกาลังกล้าแข็ง
กว่าคุนหลุน ที่สาคัญไปกว่านั้น คือคุนหลุนคงไม่มีวันคาดคิดไปถึงว่าหมิง
อ๋องก็คือราชันแห่งม่ออวิ๋นไห่ ศัตรูเก่าของพวกมันเอง
ด้ ว ยแผนการอั น อุ ก อาจของจั่ ว ม่ อ คุ น หลุ น มี ช ะตากรรมที่ จ ะต้ อ ง
ประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่!
โหยวฉินเลี่ยรู้จักฝีมือของผูเป็นอย่างดี อสูรเฒ่าผู้นี้หากไม่เคลื่อนไหว
ก็แล้วกันไป แต่เมื่อใดที่มันลงมือ ต้องจู่โจมปลิดชีพอย่างเฉียบขาดดุดัน
ที่สุด จะไม่เปิดโอกาสให้คุนหลุนได้พลิกฟื้ นอีกเป็นครั้งที่สอง
เมื่อถึงเวลานัน
้ ... ...
เผ่าอสูรยังจะเป็นคู่มือของจั่วม่ออีกหรือ?

ไม่ มี ผู้ ใ ดคาดฝั น หลั ง จากการสู้ ร บทั้ ง หมด แม่ ทั พ ที่ โ ดดเด่ น ที่ สุ ด
ภายใต้ร่มธงของหมิงอ๋องกลับไม่ใช่อันม่อ แต่เป็นเหลียงเวย ที่ผ่านมาผู้คน
เข้าใจว่าจุดด้อยของหมิงอ๋องอยู่ที่เรื่องนี้เอง มันแม้มีกาลังทหาร แต่ข าด
แคลนแม่ทัพบัญชาการศึก ที่มีค วามสามารถ แม่ทัพบัญชาการศึก ในที่ นี้
ย่อมหมายถึงชนชั้นยอดแม่ทัพ
ดินแดนร้อยเถื่อนตกอยู่ในกลียุค เกิดการรบพุ่งวุ่นวายมาโดยตลอด
ขุมกาลังโดยรวมลดน้อยถอยลง แต่ในขณะเดียวกัน พวกมันกลับให้กาเนิด
ยอดแม่ ทั พ จ านวนหนึ่ ง ไม่ ว่ า วิ ห ารเทพปิ ศ าจ สหพั น ธ์ จ อมปิ ศ าจหรื อ
พันธมิตรวีรบุรุษ ล้วนแล้วแต่มียอดแม่ทัพ
ในเรื่องนี้พวกมั นแม้อ่ อนด้อยกว่า พวกซิ วเจ่ ออยู่ ม าก แต่ก็เข้มแข็ ง
กว่าดินแดนแห่งความมืดเป็นอันมาก ดินแดนแห่งความมืดสงบสุขมานาน
ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากหมิงอ๋องคนก่อนรวมแผ่นดินแห่งความมืด
เป็นหนึ่ง พวกมันก็ไม่ได้รบราฆ่าฟันกันอีก
เมื่อไม่มีประสบการณ์การสู้รบ ก็ยากที่แม่ทัพบัญชาการศึกผู้หนึ่งจะ
เติ บ โตขึ้ น เป็ น ยอดแม่ ทั พ แม้ แ ต่ ส านั ก ใหญ่ เ ช่ น คุ น หลุ น ซึ่ ง มี ร ะบบการ
ฝึ ก อบรมแม่ ทั พ บั ญ ชาการศึ กอย่ า งดี เ ลิศ มี จ านวนแม่ ทัพ บั ญ ชาการศึก
มากมายนั บ ไม่ ถ้ ว น แต่ ย อดแม่ ทั พ ที่ แ ท้ จ ริ ง จะถื อ ก าเนิ ด จากการสู้ ร บ
เท่านั้น
แ ต่ แ ล้ ว ถึ ง ย า ม นี้ จุ ด อ่ อ น ข้ อ นี้ ข อ ง ห มิ ง อ๋ อ ง ถู ก ข จั ด ไ ป สิ้ น
นอกเหนือจากเหลียงเวยผู้ที่ราวกับว่าจู่ ๆ ก็ผุดขึ้นจากอากาศธาตุ บัดนี้ยัง
มีชีซิงแห่งพันธมิตรวีรบุรุษ
พันธมิตรวีรบุรุษที่ยังคงอยู่รอดปลอดภัยภายใต้การกระหนาบรุ กราน
ของวิ ห ารเทพปิ ศ าจและสหพั น ธ์ จ อมปิ ศ าจ ส่ ว นใหญ่ แ ล้ ว เป็ น ความดี
ความชอบของชี ซิงผู้ นี้เ อง มันเป็นแม่ทัพ บั ญ ชาการศึ ก ที่ แข็ง แกร่ ง ที่ สุ ด
ของพั น ธมิ ต รวี ร บุ รุ ษ และเป็ น ยอดแม่ ทั พ เพี ย งหนึ่ ง เดี ย วที่ พั น ธมิ ต ร
วีรบุรุษมีอยู่
แต่ ชี ซิ ง นั บ ว่ า เคราะห์ ร้ า ยยิ่ ง ในศึ ก ครั้ ง นี้ เ หลี ย งเวยคอยหลี ก เลี่ ย ง
ตาแหน่งของมันอย่างชาญฉลาด พร้อมกันนั้นก็เร่งจู่โจมบรรดาแกนหลัก
ของพั น ธมิ ต รวี ร บุ รุ ษ ชี ซิ ง อ่ า นสถานการณ์ อ อกทั น ที รี บ รุ ดกลั บ ไป
ช่ ว ยเหลื อ แกนน าเหล่ า นั้ น แต่ ยั ง คงสายไปก้ า วหนึ่ ง ชนชั้ น ผู้ น าของ
พันธมิตรวีรบุรุษทั้งหมดล้วนยอมจานน มันกระทั่งโอกาสจะตีโต้ยังไม่มี ได้
แต่ยอมจานนตาม
หากเอ่ยถึงในฐานะนักรบ ชีซิงยังไม่อาจเปรียบเทียบกับอันม่อได้ นี่
สามารถเห็นได้จากขนาดกองทัพของทั้งสอง ด้วยพลังฝีมือของชีซิง เพียง
สามารถนาทัพมือดีหกพันคน แต่อันม่อสามารถนาทัพหนึ่งหมื่นคนโดยไม่
ลาบากกินแรง แต่ในด้านประสาทสัมผัสอันเฉียบคม ปฏิภาณไหวพริบและ
ความสามารถเชิงกลยุทธ์ อันม่อนับว่าด้อยกว่าชีซิงอยู่มาก
จั่วม่อทาการเลือกเฟ้นยอดฝีมือจากแต่ละกองทัพ เพื่อสร้างกองทัพ
ใหม่สาหรับชีซิงโดยเฉพาะ
ในความเห็นของจั่วม่อ ยอดแม่ทัพย่อมคู่ควรกับกองพันล้าเลิศ ชีซิง
แม้ไม่เลว แต่กองทัพเดิมของมันกลับไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่จ่ัวม่อมีมากที่สุดใน
ยามนี้ก็คือกาลังคน เหลียงเวยสู้รบประสบชัยอย่างหมดจดงดงาม คร่ากุม
ชนชั้นผู้นาของพันธมิต รวีรบุรุษ ทั้งเป็น เมื่อพันธมิต รวีรบุรุษ ทั้งเบื้ อ งสู ง
เบื้องต่าล้วนยอมศิโรราบ หมายความว่าจานวนกองทัพของจั่วม่อขยายตัว
ขึ้นอีกครั้ง
เมื่อมีกองทัพมากมายถึงเพียงนี้ คิดสร้างกองพันล้าเลิ ศให้แก่ชีซิงสัก
ทัพหนึ่ง ลาบากแค่เพียงยกมือเท่านั้น
มันไม่ระแวงสงสัยชีซิงแม้แต่น้อยนิด มันเชื่อว่าชีซิงย่อมมิใช่ตัวโง่งม
จั่วม่อในยามนี้เท่ากับมีหัวหอกอันคมกล้าสองเล่ม เหลียงเวยและชีซิง
มันยังมีอันม่อผู้มีประสบการณ์และน่าเชื่อถือ รับหน้าที่แม่ทัพใหญ่ควบคุ ม
ภาพรวมของกองทัพ แทบไม่มีสงิ่ ใดที่มันต้องทาอีก
ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ทุกอาณาจักรภายใต้อาณัติข องวิ ห าร
เทพปิศาจเริ่มระดมกาลังอย่างเต็มที่
สภาพการณ์ดาเนินไปในทิศทางที่ชวนให้ผู้คนต้องสิ้นหวัง ความเร็ว
ในการรุ กคืบของกองทัพ หมิง อ๋อ งแทบจะอยู่ เหนือ ความเข้ า ใจของผู้ ค น
ทันทีที่พันธมิต รวีรบุรุษ ยอมจานน เท่ากับวิห ารเทพปิศาจต้องสู้ศึกเพียง
ลาพัง ไม่มีที่ให้พวกมันล่าถอยอีก
หลายปี ม านี้ วิ ห ารเทพปิ ศาจขย าย ดิ น แ ดนก ว้ าง ไกล แทบจ ะ
ครอบครองดินแดนร้อยเถื่อนกว่าครึ่ง กลายเป็นขุมกาลังที่ใหญ่โตที่สุดของ
ดินแดนร้อยเถื่อน ในบรรดาห้าเทพปิศาจ พวกมันมีท้งั ปรมาจารย์ยุทธและ
ยอดแม่ทัพ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับหมิงอ๋องแล้ว พวกมันยังคงอ่อนด้อยกว่า
มาก
โดยเฉพาะหลังจากที่ การโจมตี ระดั บ เทพยุทธ์ข องหมิงอ๋ องท าลาย
แนวป้ อ งกั น อาณาจั ก รเที ย นมู่ ใ นกระบวนท่ า เดี ย ว สร้ า งความสะท้ า น
สะเทือนไปทั่วหล้า
ในศึ ก ริ ม แม่ น้ า หมิ ง อ๋ อ ง ผู้ ค นเคยประจั ก ษ์ ใ นพลัง ด่ า นเทพยุท ธ์มา
ก่อน แต่ประสบการณ์ที่ได้ลิ้มรสด้วยตัวเอง นับว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อันม่อเป็นแม่ทัพใหญ่ เหลียงเวยและชีซิงรับหน้าที่แม่ทัพกองหน้ า
ขบวนทัพโจมตีรูปสามง่ามบังเกิดขึ้น อันม่อแม้ไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่
มันหนักแน่นน่าเชื่อถือ ได้รับความเคารพจากกองทัพทั้งหมด มอบให้มัน
เป็นแม่ทัพใหญ่ดูแลภาพรวมของกองทัพ จั่วม่อไม่วิต กกังวลแม้แต่ น้ อ ย
ส่วนเหลียงเวยไม่จาเป็นต้องเอ่ยถึง มันถือเป็นดาวรุ่งที่พุ่งแรงที่สุดในรอบ
หลายปี นี้ จั่ วม่ อ ยั ง คาดหวั ง ในตั ว ชี ซิ ง ไม่ น้ อ ย มั น ต้ อ งการชมดู ขี ด
ความสามารถของชีซิง
อย่างไรก็ตาม จั่วม่อกาลังพยายามจัดระเบียบการปกครองในดินแดน
ร้ อ ยเถื่ อนส่ ว นที่ มั น ยึ ด ครองได้ มั น ต้ อ งการวางกรอบเค้ า โครงทางการ
ปกครองให้เรียบร้อยเสียก่อน จึงสามารถบุกโจมตีวิห ารเทพปิศาจอย่า ง
วางใจ เมื่อเสร็จเรื่องทางด้านวิห ารเทพปิศาจแล้ว จะเป็นเวลาที่พวกมัน
หันหัวหอกไปจัดการกับคุนหลุน
เมื่อถึงเวลานั้น อาจไม่มีเวลาให้มันมัวพะวงกับเรื่องเหล่านี้อีก
ศึกชี้เป็นชี้ต ายกับคุนหลุนอาจยืดเยื้อเป็นเวลานาน ถึงยามนั้น แนว
หลังที่มั่นคงจึงเป็นสิ่งสาคัญที่สุด
นอกจากนี้ การปกครองดินแดนร้อยเถื่อน ไม่เหมาะที่จะให้ปิศาจจาก
ดินแดนแห่งความมืดเป็นผู้รับไป มันต้องการคนของดินแดนร้อยเถื่อน มี
แต่ ท าเช่ น นั้ น มั น จึ ง จะสามารถสร้ า งความมั่ น คงในดิ น แดนร้ อ ยเถื่ อน
โดยเร็วที่สุด
จั่วม่อเคยพบปะกับเหล่าชนชั้นผู้นาของพันธมิตรวีรบุรุษมาแล้ว แต่
ไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อพวกมันเท่าใด อาจบางทีคนเหล่านั้นมีความสามารถ
พื้นเพธรรมดาเกินไป ไม่เพียงพอที่จะกระทาการใหญ่
ผู้ อ่ ื นอาจเข้า ใจว่ า จั่ว ม่ อไม่ มีผู้ คนให้ใ ช้ ส อย แต่ ห าได้ ล่ ว งรู้ ไ ม่ ในใจ
จั่วม่อกาหนดตัวบุคคลที่มันพึงพอใจเอาไว้แต่แรก
มันหวนคะนึงถึงช่วงเวลาในเมืองมหาสันติ สีห น้าทอแววหวนราลึก
แววตานุ่มนวลลง
เสียกงจู่ พี่น้องตระกูลหลัน พวกเจ้าสบายดีหรือไม่?
บทที่ 902 ศึกตัดสินสองสุดยอด! เทพยุทธ์สาแดงเดช!

กองพันเสวียตงที่ก าลั งเร่ง รุ ด เดิ นทางอย่ า งเต็ มก าลัง กลับมีเหตุ ใ ห้


ต้องหยุดลงกลางคัน
เนื่องเพราะที่เบื้องหน้า มีกองทัพหนึ่งรอคอยพวกมันอย่างเงียบ ๆ
เสวียตงม่านตาหดแคบลงทันควัน
ค่ายจูเชวี่ย!
หลั ง จากได้ ยิ น ว่ า เปี๋ ยหานและกองพั นบาปเคราะห์ป รากฏตัวขึ้นที่
แนวหน้าอย่างกะทันหัน เสวียตงก็ไม่มีอันใดให้แปลกใจอีกแล้ว นี่กลับยิ่ง
ช่วยยืนยันว่าสี่มหานิกายพุทธลอบยืนอยู่ฝ่ายม่ออวิ๋นไห่ต้ังแต่ต้น ในเขต
แดนของสี่ ม หานิ ก ายพุ ท ธ ต าแหน่ ง เคลื่ อนทั พ ของเสวี ย ตงย่ อ มไม่ อ าจ
ปกปิดหูตาของพวกมัน ด้วยขีดความสามารถของกงซุนเสี่ยวเหนียง ไยจะ
มิอาจคาดเดาจิตเจตนาของมันได้?
ทันใดนั้นเสวียตงมุม ปากผุ ด รอยยิ้ มสมใจ ในดวงตาลุกโชนด้ ว ยจิ ต
วิญญาณการต่อสู้ ซึ่งความจริงมันคาดหวังรอคอยศึกนี้ม าเป็นเวลานาน
นักหนาแล้ว!
แม่นางน้อยกงซุน! ค่ายจูเชวี่ย!
ยอดแม่ทัพไร้พ่าย! สุดยอดทัพแกร่งที่ไม่เคยปราชัยมาก่อน!
มีเพียงคนระดับนี้เท่านั้นที่คู่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้ของมัน ในสายตาของ
เสวียตง ผู้ที่ส ามารถเป็นคู่มือที่ทัดเทียมกับมัน ทอดตาทั่วหล้ามีเพียงกง
ซุนชาผู้เดียวเท่านั้น สาหรับเปี๋ ยหานหรือคนเช่นหย่างหยวนฮ่าวกับกู่ เหลี
ยงเตา หาได้ อ ยู่ ใ นสายตาของมั น ไม่ แม่ ทั พ ระดั บ นั้ น ไม่ มี ค่ า พอให้ มั น
เหลือบแล
มีเพียงคนเดียวที่สามารถสนทนาภาษาเดียวกันกับมัน นั่นคือกงซุน
ชา ยอดแม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งม่ออวิ๋นไห่ แม่นางน้อยผู้แย้มยิ้มอย่างหมด
จดงดงาม ขณะที่ทาให้ท้ังโลกหวาดสะพรึ งด้ วยฝีมืออัน แกร่งกล้ าเกรี ย ง
ไกรของมัน!
เรื่องเกี่ยวกับกงซุนชา เสวียตงเฝ้าติดตามศึกษาในเชิงลึกมาก่อน ยิ่ง
มันสืบค้นมากเท่าใด ยิ่งนับถือเลื่อมใสอีกฝ่ายมากเท่านั้น เสวียตงในฐานะ
แม่ทัพบัญชาการศึกผู้หนึ่ง เดิมทีเข้าใจว่ามันบรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว แม้ว่า
ยั ง ไม่ ถึ ง ระดั บ ใต้ ห ล้ า ไร้ เ ที ย มทานอย่ า งแท้ จ ริ ง แต่ ก็ ไ ม่ เ คยมี ก องทั พ ใด
สามารถทาให้มันรู้สึกกดดันมาก่ อน แม้แต่กู่เหลียงเตา ขุนพลพยัคฆ์แห่งซี
เซวียนผู้นั้นก็ตาม มันเคยบดขยี้อีกฝ่ายจนราบคาบมาแล้ว หากมิใช่ว่ากง
ซุนชามาทันเวลา กู่เหลียงเตากระทั่งโอกาสหลบหนีเอาชีวิตรอดยังไม่มี
เสวียตงประเมินกงซุนชาเอาไว้สูงยิ่ง กงซุนชาเป็นเช่นเดียวกันกับมัน
พวกมั น ล้ ว นไม่ มี จุ ด อ่ อ นที่ ชั ด เจน และเฉกเช่ น เดี ย วกั บ มั น กงซุ น ชามี
ความสามารถในการเกาะกุมจุดอ่อนของผู้คน เฉกเช่นเดียวกับมัน กงซุน
ชาถนัดจัดเจนพิชัยยุ ทธ์ทุ กรู ป แบบ สามารถแปรเปลี่ยนยุ ทธวิธี ไ ด้ ด่ั ง ใจ
ปรารถนา
ข้ อ แตกต่ า งระหว่ า งพวกมั น มี เ พี ย งหนึ่ง เดี ย ว นั่ น คื อ แบบฉบั บ การ
ต่อสู้
แบบฉบับการต่ อสู้ของเสวียตงเปรียบประดุจค้อนยักษ์ เกรี้ยวกราด
ดุดัน บดขยี้ไปทุกทิศทางโดยไร้ผู้ต้าน ส่วนกงซุนชาเป็นดั่งมีดคมกล้า ทั้ง
พลิ ก แพลงและปราดเปรี ย วถึ ง ขั้ น สุ ด ยอด การโจมตี แ ต่ ล ะครั้ ง สามารถ
เชือดเนื้อเลาะกระดูกอย่างหมดจด
แต่ในด้านของการฝึกอบรมอัจ ฉริยะหน้าใหม่ เสวียตงยอมรับว่ามัน
ยั ง ห่ า งไกลจากกงซุ นชาอยู่ ม าก กงซุ น ชาฝึ ก อบรมแม่ ทั พ บั ญ ชาการศึก
ชั้นหนึ่งให้แก่ม่ออวิ๋นไห่คนแล้วคนเล่า แม่ทัพเหล่านี้เป็นหัวใจส าคั ญ ใน
ความแข็งแกร่งของม่ออวิ๋นไห่ กล่าวตามความสัต ย์ กระทั่งคุนหลุนยังมิ
อาจไม่ยอมรับ ว่าระดับฝีมือของแม่ทัพคุนหลุนไม่อาจเทีย บได้กับแม่ทัพม่
ออวิ๋นไห่
ในช่วงสิบปีมานี้ นอกเหนือจากการนาทัพออกรบ เสวียตงทุ่มเทเวลา
แทบทั้งหมดในการฝึกอบรมแม่ทัพหน้าใหม่ของคุนหลุน เมื่อมีกงซุนชาผู้
ยอดเยี่ยมเป็นคู่แข่งในใจมัน เสวียตงไม่อาจทาใจยอมรับให้กงซุนชาเหนือ
ล้ากว่าตนได้ ไม่ว่าในด้านใดก็ตาม
การปรากฏขึ้นของเหล่าแม่ทัพอัจ ฉริยะหน้าใหม่ของคุนหลุนในช่ วง
หลายปีมานี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความมานะบากบั่นของเสวียตง
อย่างไรก็ต าม เสวียตงยังคงรู้สึกอยู่เสมอ ว่าแม่ทัพหน้าใหม่ข องคุน
หลุนเหล่านี้ ยังไม่อาจเทียบได้กับพวกม้าฝานและแม่ทัพอื่นๆ ของม่ออวิ๋น
ไห่ นี่ทาให้มันไม่พอใจอย่างมาก
ดังนั้นเสวียตงเฝ้าวาดหวังมาโดยตลอด หวังว่าจะได้ทาศึกตัดสิน กับ
กงซุนชาในสักวัน
นึกไม่ถึงว่าสวรรค์จะประทานโอกาสสาหรับศึกตัดสินระหว่างพวกมัน
เร็วถึงเพียงนี้!
เสวียตงก้าวออกมาจากแถวทัพ แทบจะราวกับว่าพวกมันตกลงกันไว้
ล่วงหน้า กงซุนชาเองก็ปรากฏตัวที่ด้านหน้าขบวนทัพในเวลาเดียวกัน
มันเห็นกงซุนชาที่เอียงอาย เสวียตงแม้เคยชมดูภาพของกงซุนชาใน
บันทึกภาพมายามาก่อน ยังคงงงงันไปวูบหนึ่ง คนผู้นี้ต รงกันข้ามกับมั น
อย่างสิ้นเชิง ราวกับเด็กชายข้างบ้านที่อบอุ่นอ่อนโยนและเป็นมิต ร ไม่มี
กลิน
่ อายฆ่าฟันแม้แต่น้อย เสวียตงไม่อาจเชื่อมโยงคนเบื้องหน้ากับยอดแม่
ทัพไร้ผู้ต้าน ซึ่งศัตรูเพียงได้ยินชื่อก็พากันหลบลี้หนีหน้าผู้นั้น
“ผู้น้องเสวียตง คารวะกงซุนเซียนเซิง!” เสวียตงประสานมือค้อมกาย
อย่างมีมารยาท
“เสวียเซียนเซิงเกรงใจเกินไปแล้ว!” รอยยิม
้ ของกงซุนชายิ่งเอียงอาย
กว่าเดิม
เสวียตงย่อมไม่ถูกรอยยิ้มอันชวนสนิทสนมของกงซุนชาหลอกลวง
แต่ ยั ง คงรู้ สึ ก ถึ ง ความย้ อ นแย้ง อย่ า งประหลาด แต่ มั น ตั้ ง สติ ทั นที กล่ า ว
เสียงดังฟังชัด “เดิมทีเข้าใจว่าศึกระหว่างเราจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อจั่วม่อเซียน
เซิ ง กลั บ มาแล้ ว นึ ก ไม่ ถึ ง ว่ า จะได้ พ บกั น เร็ ว ถึ ง เพี ย งนี้ ดู เ หมื อ นว่ า ศึ ก
ระหว่างเราท่านจะเป็นฟ้าลิขิตแล้ว”
“ย่อมมิใช่ฟ้าลิขิต” กงซุนชายังคงแย้มยิ้มอย่างอ่อนหวาน ทว่าถ้อย
วาจากลับแหลมคมดุจใบมีด “นี่เป็นกลยุทธ์”
เสวี ย ตงใจสั่น สะท้ า น แต่ สี ห น้ า ยั งคงสงบราบเรี ยบ มั น หั ว ร่ อ อย่ าง
ขบขัน “กลยุทธ์ ข้าชอบคานี้”
“เสวี ย เซี ย นเซิ ง เมื่ อชมชอบก็ ดี ” กงซุ น ชาส่ ง ยิ้ ม ไม่ มี พิ ษ เป็ น ภั ย
“เสวียเซียนเซิงเมื่อชมชอบ ข้าจะได้มีความมั่นใจมากขึ้น อา ศิษย์พี่ของ
ท่ า นนั บ เป็ น ยอดอั จ ฉริ ย ะแห่ ง ยุ ค ผู้ ห นึ่ ง เสวี ย เซี ย นเซิ ง เองก็ เ ป็ น แม่ ทั พ
บัญชาการศึกไร้พ่าย หากต้องร่วงหล่นลงมา ช่า งชวนให้ผู้คนนึกเสีย ดาย
นัก”
“ฮ่ า ฮ่ า !” เสวี ย ตงแหงนหน้ า หั ว ร่ อ เสี ย งดั ง กระหึ่ ม “ใต้ ห ล้ า มี ผู้ ใ ด
สามารถเป็นคู่มือของศิษย์พี่ใหญ่ข้าได้? ผู้ใดสามารถเป็นคู่มือของข้า?”
วาจาเหล่านี้เย่อหยิ่งล าพองถึงที่สุด แต่ในสุ้มเสียงแฝงไว้ด้วยความ
เชื่อมั่นอย่างแรงกล้า บันดาลให้ผู้คนเชื่อวาจาของมันอย่างสนิทใจ
“เป็ น ความจริ ง ?” รอยยิ้ ม ของกงซุ น ชายิ่ ง มายิ่ ง เอี ย งอายกว่ า เดิ ม
“หรื อ เสวี ย เซี ย นเซิ ง เข้ า ใจว่ า เทพยุ ท ธ์ จ ะไร้ เ ที ย นทานจริ ง ๆ ? หรื อ
เสวียเซียนเซิงเข้าใจว่าใต้หล้านี้มีเพียงหลินเชียนผู้เดียว? เสวียเซียนเซิง
ข้าว่าท่านดูแคลนเหล่าจอมยุทธ์ท่ัวหล้าเกินไปแล้ว!”
เสวียตงใจหายวาบ ดวงตาหรี่แคบลง อย่างไรก็ตาม เพียงถ้อยคาข่ม
ขวัญตามเล่ห์อุบายศึกเช่นนี้ ไหนเลยจะส่งผลกระทบต่อยอดแม่ทัพระดับ
มันได้ มันหัวร่อพลางกล่าว “ศึกใหญ่กาลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ไยต้องเสียเวลา
ประคารมเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ มาเถอะ มาสู้กัน ข้าเฝ้ารอเวลานี้มานานมาก
แล้ว!”
“เสวียเซียนเซิงกล่าวถูกต้อง” มุมปากของกงซุนชาสยายกว้างเป็น
รอยยิ้มที่แหลมคมดุจใบมีด เค้าความเอียงอายพลันกลับกลายเป็นรังสีฆ่า
ฟันอันรุนแรง “น่าเสียดายนัก สงคราม ไม่เหมือนกับในกาลก่อนอีกแล้ว”
ค่ายจูเชวี่ยปะทะกองพันเสวียตง!
สองสุดยอดแม่ทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า สองกองทัพที่กล้าแกร่ง
เกรียงไกรไร้เทียมทานที่สุด เปิดศึกอย่างเต็มรูปแบบ!

เหวยเสิ้งรวดเร็วถึงขีดสุด ในใจร้อนรุ่มดั่งไฟสุม มันเร่งความเร็วเหาะ


เหินอย่างสุดกาลัง
เป้าหมายของมันคือหลินเชียน!
กงซุ น ชากล่ า วไม่ ผิ ด สงครามเปลี่ ย นไปแล้ ว การปรากฏตั ว ของ
ปรมาจารย์ด่านเทพยุทธ์เปลี่ยนโฉมของสงครามอย่างสิน
้ เชิง ในอดีตไม่ว่า
คนผู้หนึ่งจะมีพลังฝีมือสูงล้าสุดยอดเพียงใด ยังไม่อาจแปรเปลี่ยนผลของ
สงครามได้ด้วยกาลังของตนเองเพียงลาพัง
แต่สภาพเช่นนี้ พังทลายไปด้วยการมีอยู่ของเทพยุทธ์
สาหรับเทพยุทธ์ผู้หนึ่ง ปลิดปลงศีรษะแม่ทัพศัตรู ท่ามกลางทหารนับ
หมื่นไม่ใช่เรื่องยาก ชนชั้นเทพยุทธ์ครอบครองพลังมากพอ ที่จะสามารถ
ล่วงลึกเข้าไปในดินแดนของศัตรูดุจเดินเล่นในสวนหลังบ้านตน
ปลิดศีรษะแม่ทัพศัตรูดุจหยิบฉวยวัตถุจากถุงย่าม!
ฝี มื อ อั น น่ า กลั ว นี้ สามารถเปลี่ ย นพลิ ก สถานการณ์ ก ารสู้ ร บจาก
รากฐาน
คุนหลุนเองก็หยั่งซึ้งถึงพลังของกลยุทธ์นี้เช่นกัน
ตามสายข่ า วที่ พ วกมั น สื บ ทราบมา หลิ น เชี ย นแยกตั ว จากเสวี ย ตง
ตั้งแต่แรก เวลานี้ไม่มีผู้ใดทราบว่ามันอยู่ที่ใด
เป้าหมายของหลินเชียน หากไม่ใช่กู่เหลียงเตาก็ต้องเป็นหย่างหยวน
ฮ่าว!
ไม่ว่ากู่เหลียงเตาหรือหย่างหยวนฮ่าว ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งหลิน
เชียนได้ เนื่องเพราะใต้ร่มธงของพวกมันไม่มีชนชั้นเทพยุทธ์ ที่สาคัญคือ
ไม่ว่าสูญเสียกู่เหลียงเตาหรือหย่างหยวนฮ่าว ล้วนเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
สาหรับฝ่ายของม่ออวิ๋นไห่
ม่ออวิ๋นไห่ไม่เคยนิ่งนอนใจ พวกมันทาการศึกษาและปรึกษาหารือซ้า
แล้วซ้าเล่า ได้ข้อสรุปว่าระดับเทพยุทธ์ไม่ใช่สิ่งที่สามารถหยุดยั้งได้ในเวลา
นี้ ความไม่สมดุลนี้จะดาเนินต่อไปชัว
่ ระยะเวลาหนึ่ง อย่างน้อยสิบปี
หลั ง จากผ่ า นไปสิบ ปี ระดั บ ฝี มื อ เฉลี่ ย ของกองทั พ จะเพิ่ มสู งขึ้นอีก
สองระดับ และจะบังเกิดชนชั้นกึ่งเทพยุทธ์มากขึ้น กึ่งเทพยุทธ์ห้าคนเพียง
พอที่จะต่อกรกับเทพยุทธ์
เมื่ อ ถึ ง เวลานั้ น สงครามจะเริ่ ม มาถึ งสมดุ ล ใหม่ อีก ครั้ ง ปรมาจารย์
เทพยุทธ์จะมิใช่ไร้เทียมทานอีกต่อไป การมีตัวตนของแม่ทัพบัญชาการศึก
จะกลับมามีคุณค่าความหมายอีกครั้ง
ยอดแม่ทัพเช่นกู่เหลียงเตาหรือหย่างหยวนฮ่าว ย่อมไม่ส ามารถผุด
ขึ้นได้เอง แต่จะเพาะสร้างขึ้นด้วยการฝึกอบรมและการสู้รบเป็นเวลานาน
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจสูญเสียพวกมันไป
ในช่ ว งสิ บ ปี ห ลั ง จากนี้ ผู้ ใ ดครอบครองปรมาจารย์ เ ทพยุ ท ธ์ ผู้ ใ ดมี
จานวนเทพยุทธ์มากที่สุด จะถือครองข้อได้เปรียบเหนือผู้อ่ น

ระหว่างเร่งรุ ดไป เหวยเสิ้งยังเฝ้าครุ่นคิดว่าระหว่างหย่างหยวนฮ่าว
และกู่เหลียงเตา ผู้ใดเป็นเป้าสังหารของหลินเชียน?
เมื่อใคร่ครวญถึงต าแหน่งทัพ เหวยเสิ้งเชื่อว่าทางด้านของกู่เหลี ย ง
เตามีความป็นไปได้มากกว่า
ระดับฝีมือของกู่เหลียงเตาและหย่างหยวนฮ่าวแม้ไม่แตกต่างกัน แต่
ในขุมกาลังของพวกมัน กู่เหลียงเตาเห็นได้ว่ามีศักดิ์ฐานะสูงส่งกว่า ยิ่งไป
กว่านั้น กู่เหลียงเตายังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับม่ออวิ๋นไห่มากกว่าหย่ าง
หยวนฮ่าว
หากสามารถปลิดปลงกู่เหลียงเตา จะส่งผลกระทบร้ายแรงกว่าการ
สังหารหย่างหยวนฮ่าว
นอกจากนี้ กู่เหลียงเตายังล่วงลึกเข้าไปในแดนคุนหลุนมากกว่าหย่าง
หยวนฮ่าว กู่เหลียงเตาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จ ะล้างแค้น ทวงหนี้
อัปยศที่ได้รับจากเสวียตงในครั้งนั้น หมายความว่ามันย่อมบุกทะลวงเข้า
ไปเร็วกว่าหย่างหยวนฮ่าว
และยังหมายความว่าหลินเชียนจะสามารถหาตัวมันพบได้ง่า ยกว่ า
หย่างหยวนฮ่าว

หลินเชียนทอดตามองกองทัพของกู่เหลียงเตาที่เบื้องล่าง ในสายตา
ของมัน คนเหล่านี้ไม่ต่างจากมดปลวกกลุ่มหนึ่ง
ซวงอวี่ท่ัว ร่ างเต็ มไปด้ วยบาดแผลสาหัส ใบหน้าขาวซี ด ดุจ คนตาย
แขนขวาถูกหลินเชียนตัดขาดจากร่ าง แต่มันไม่คิดหยุดโลหิต ที่ ห ลั่งไหล
ออกมาดุจสายน้า เพียงจ้องมองเงาร่างที่กลางเวหาตาเขม็ง
หลินเชียนถือกระบี่ยืนตระหง่านดุจขุนเขา ชายเสื้อขาวพิสุทธิ์สะบัด
ปลิวกลางสายลม ประหนึ่งเทพเทวะที่อยู่สู ง เกิน กว่ าดิ นแดนของมนุ ษ ย์
ปุถุชน
กองทัพกู่เหลียงเตาโหมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ลาแสงจู่โจมจากเทพวิชา
นั บ ไม่ ถ้ ว นกระหน่ า ยิ งขึ้ นไปบนท้ อ งฟ้ า ทว่ า หลิ น เชี ย นไม่ ส ะทกสะท้าน
ม่านแสงรอบกายมันไม่ส ะเทือนแม้แต่น้ อย แม้แต่ภายใต้พายุก ารโจมตี
ประดุจลมคลุ้มฝนคลั่ง พื้นผิวของม่านแสงยังไม่บังเกิดระลอกอันใด
“ยอมจ านนเถอะ กู่ เ หลี ย งเตา การฆ่ า โดยไม่ จ าเป็ น หาได้ มี คุ ณ ค่ า
ความหมายไม่”
สุ้มเสียงเย็นชาของหลินเชียนดังกังวานลงมาจากฟากฟ้า
จิตวิญญาณการต่อสู้ของกู่เหลียงเตาดับมอดสิ้น มันเหม่อมองเงาร่าง
บนท้องฟ้า นี่ก็คือระดับชั้นเทพยุทธ์เช่นนั้นหรือ?
นี่เป็นครั้งแรกที่มันรู้สึกไร้พลังอานาจโดยสิ้นเชิง แม้แต่ครั้งที่พ่ายแพ้
ต่อเสวียตงอย่างหมดรู ป ยังไม่ถึงกับสิ้นหวังถึงเพียงนี้ ความสิ้นหวังนี้ไม่ใช่
เพราะพลั ง ฝี มื อ อั น สู ง ส่ ง สุ ด ยอดของหลิ น เชี ย น แต่ เ ป็ น เพราะมั น พลั น
พบว่า กองทัพไม่ใช่พลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอีกต่อไป
ต่อจากนี้ไป สิ่งที่จะครอบครองใต้หล้าคือชนชั้นเทพยุทธ์
“พี่ใหญ่!” สุ้มเสียงแหบห้าวพลันร้องเรียกออกมา
กู่เหลียงเตาหันกลับไปมอง เป็นซวงอวี่ ดวงตาของมันพลันทอแวว
นุ่มนวล มันมองดูพี่น้องที่ติดตามมันมาด้วยชีวิต ทันใดนั้นรู้สึกว่าหัวใจที่
ร้อนรุ่ม กลับกลายเป็นสงบลง “อาอวี่ สานึกเสียใจบ้างหรือไม่?”
“ส านึ ก เสี ย ใจ?” ซวงอวี่ พ ลั น หั ว ร่ อ ดั ง ลั่ น “พี่ ใ หญ่ ไฉนถามเช่ น นี้ ?
พวกเราไม่มีผู้ใดสานึกเสียใจ!”
“ระดับเทพยุทธ์ นับว่ากล้าแกร่งเกรียงไกรโดยแท้!” กู่เหลียงเตาหัน
กลับไปมองบนท้องฟ้า ราพึงออกมาเบา ๆ
“พี่จ่ัวจะล้างแค้นให้แก่พวกเราเอง” ซวงอวี่สีหน้าเปี่ ยมไปด้วยความ
มั่นใจ
“ถูกของเจ้า!” กู่เหลียงเตาพลันแย้มยิ้มกว้างขวาง กล่าวด้วยท่วงท่า
องอาจห้าวหาญ “เช่นนั้นวันนี้เราลองมาทดสอบกันดูสักครา ปรมาจารย์
เทพยุทธ์จะเก่งกาจสักเท่าใดกัน!”
กู่เหลียงเตาทาสัญญาณให้กองทัพหยุดการโจมตี
ห่าลาแสงคลุมฟ้าหายวับไปทันที ทุกผู้คนมองไปยังผู้นาของพวกมัน
เป็นตาเดียว
เมฆหมอกในใจกู่เหลียงเตาปลาสนาการไปสิ้น มันชูมือขึ้นสูง สีหน้า
เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน จิต วิญญาณการต่อสู้ลุกโชนจนกลายเป็นแผดเผา
ตนเอง ตวาดอย่างห้าวหาญรันทด “สู้ตาย!”
“สู้ตาย!” ทุกผู้คนตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน
“สู้ตาย!” กู่เหลียงเตาผมเผ้าลุกชี้ชัน เสียงคารามดุดันปานพยัคฆ์ร้าย
พยัคฆ์ร้ายที่ไม่แยแสสนใจแม้แต่ชีวิตของตน
“สู้ต าย!” สิ่งที่ต อบกลับมา คือคลื่นเสียงคารามสะเทือนฟ้าดินของ
กองทัพคู่ใจ
“สู้ตาย!” กู่เหลียงเตากู่ร้องด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี กระทั่งสุ้มเสียง
ยังกลายเป็นแหบห้าว แต่ไม่ว่าผู้ใดล้วนรู้สึ กได้ ชัด เจน ถึงจิต เจตนาที่มุ่ ง
หน้าไปโดยไม่คิดมีชีวิตกลับมา
“สู้ตาย! สู้ตาย! สู้ตาย!” เสียงกู่คารามสะท้านขวัญวิญญาณของผู้เป็น
นายเหนือ บันดาลให้จิตวิญญาณการต่อสู้ของพวกมันลุกโชนราวกับเปลว
ไฟเสียดฟ้า ไม่มีความหวาดกลัว ไม่ส านึกเสีย ใจ ไม่ห ลบหนี มีแต่มุ่งหน้า
ไปสู่ความตาย!
“ฆ่า!” กู่เหลียงเตาชี้ปลายกระบี่ตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ฆ่า!” ซวงอวี่แม้เหลือเพียงแขนเดียว แต่พลังเทพของมันกาลังลุก
ไหม้อย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าที่สุภาพอ่อนโยนกลายเป็นบิดเบี้ยวเกรี้ยวกราด
มันประดุจเปลวไฟอันคลุ้มคลั่งกลุ่มหนึ่ง ดีดพุ่งเข้าหาเงาร่างที่กลางเวหา
อย่างไม่เสียดายชีวิต ขอเพียงสามารถเผาผลาญเงาร่างอันน่าชังที่คล้าย
สถิตอยู่เหนือโลกโลกิยะนั้นไปด้วยก็พอ
“ฆ่ า !” กองทั พ ทั้ ง หมดพร้ อ มใจกั น ทะยานเข้ า หาหลิ น เชี ย นที่ บ น
ฟากฟ้า ราวกับคลื่นทะเลเพลิงอันคลุ้มคลั่งผืนหนึ่ง
หลินเชียนสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย แต่ยังคงทอดถอนใจเบาๆ
กระบี่เทพไท่กู่ในมือกรีดวูบ ลาแสงกระบี่อันแหลมคมสายหนึ่งสว่าง
วาบโดยพลัน
ซวงอวี่ที่ด้านหน้าสุด ถูกลาแสงกระบี่ทะลวงร่างในชัว
่ พริบตา
จากนั้นลาแสงกระบี่ที่ไม่มีอันใดน่าดูชมสายนี้ พุ่งผ่านเข้าไปในขบวน
ทัพที่ประดุจคลื่นเพลิงพิโรธของกู่เหลียงเตา!
กู่เหลียงเตาบนทรวงอกปรากฏหลุมโลหิตขนาดเท่ากาปั้ นหลุมหนึ่ง
ลาแสงกระบี่ของหลินเชียนทะลวงผ่านกองทัพทั้งหมดในคราวเดียว
ทว่ากู่เหลียงเตายังคงแย้มยิ้ม แย้มยิ้มอย่างเฉิดฉันยิ่ง
หลินเชียนพลันสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
บทที่ 903 ในนามของศิษย์พี่ใหญ่

ทัพใหญ่ท้งั หมดพลันระเบิดขึ้นต่อหน้าต่อตาหลินเชียน
พลั ง เทพปริ ม าณมหาศาลระเบิ ด ออกในคราวเดี ย ว ก่ อ ให้ เ กิ ด คลื่น
พลังงานอันบ้าคลั่งกลืนกินหลินเชียนลงไปทันที หลินเชียนมือข้างหนึ่งกุม
กระบี่เทพไท่กู่แนบแน่น ได้รับการปกป้องอยู่ด้านหลังม่านโล่แสง ในใจเต็ม
ไปด้วยความเศร้าเสียดาย
ยอดแม่ทัพนามกระเดื่องผู้หนึ่ง กลับตกตายง่ายดายถึงเพียงนี้
คิดฉุดลากข้าร่วมกลบฝังไปด้วยหรือ?
น่าเสียดาย... ...
ทั น ใดนั้ น เอง หลิ น เชี ย นคล้ า ยสั ม ผั ส ได้ ถึ ง บางสิ่ ง แทบจะในเวลา
เดียวกัน พลังอันเกรี้ยวกราดดุดันขุมหนึ่ง พุ่งชนม่านโล่แสงของมันอย่าง
ถนัดถนี่
ม่านโล่แสงแตกกระจายเป็นละอองแสงทันที นี่คือการโจมตีก่อนตาย
ของซวงอวี่
ชั่วพริบตาที่โล่แสงแตกสลาย กระบี่เทพไท่กู่ในมือหลินเชียนดีดขึ้น
กรีดวาดเป็นวงกลม ป้องกันอยู่ที่เบื้องหน้า
เพียะเพียะเพียะ!
คลื่นพลังเทพอันบ้าคลั่งคล้ายเสาะพบเป้าหมาย ไหลบ่าเข้ามาทันที
คลื่นกระแทกแต่ล ะระลอกไม่นับเป็นอะไรได้ส าหรับหลินเชียน เพียงแต่
พวกมันรวดเร็วเกินไป ถี่กระชัน
้ เกินไป ทั้งยังมีจานวนมากเกินไป!
วงกลมกระบี่แตกสลายตามไป
หลินเชียนแค่นเสียงหนัก ๆ หยิบยืมแรงกระแทกขุมนี้ พาตัวหลุดพ้น
จากมหาสมุทรพลังเทพอันบ้าคลั่ง
เมื่อหลุดออกมาได้ หลินเชียนดีดกายปราด จากนั้นมองดูทะเลคลั่ง
พลังเทพจากในระยะไกล
มั น เฝ้ า มองทะเลคลั่ ง ค่ อ ย ๆ สงบลง จนกระทั่ ง คลื่ นพลั ง ระลอก
สุ ด ท้ า ยสลายหายไปในอากาศ ทิ้ ง ไว้ เ พี ย งความว่ า งเปล่ า และนามของ
วีรบุรุษผู้ล่วงลับ
ช่างเป็นศัตรูอันเหี้ยมหาญดุดันนัก!
หลินเชียนทอดถอนใจอีกครา การโจมตีครั้งสุดท้ายของกู่เหลียงเตา
ใช้ขีดความสามารถทั้งหมดในการควบคุมกระบวนทัพค่ายกล กู่เหลียงเตา
ใช้ ก ระบวนทั พ ค่ า ยกลรู ป แบบหนึ่ ง ผสานกั บ วิ ช าลั บ อั น น่ า อั ศ จรรย์
ควบคุมให้กองทัพทั้งหมดระเบิดตัวเองอย่างพร้อมเพรียง สร้างแรงทาลาย
ล้างที่เพียงพอจะบดขยี้ฟ้าดิน การโจมตีอันบ้าคลั่งนี้นับว่าไม่เคยได้ยินได้
ฟังจากที่ใดมาก่อน กระทั่งหลินเชียนยังมิอาจไม่ยอมรับ นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่ควร
ค่าแก่การนับถือเลื่อมใสอย่างแท้จริง
นับตั้งแต่ผ่านเข้าสู่ด่านเทพยุ ทธ์ นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้ รับ บาดเจ็ บ
บอบช้า
อาการบาดเจ็บไม่ร้ายแรงเท่าใด เพียงใช้เวลาพักรักษาตัวสองสามวัน
ก็ จ ะทุ เ ลาหายดี หลิ น เชี ย นไม่ วิ ต กกั ง วลนั ก การที่ ต้ อ งจ่ า ยค่ า ตอบแทน
เล็กน้อยเพียงเท่านี้ แลกกับการทาลายล้างยอดแม่ทัพผู้ห นึ่ง พร้อมด้วย
กองพันล้าเลิศทัพหนึ่ง เรียกได้ว่าคุ้มค่ายิ่ง
น่าเสียดายที่ ห ย่างหยวนฮ่าวกลอกกลิ้งมากกว่ า ยากจะเสาะหามั น
พบ หากมิใช่ว่ากู่เหลียงเตาปรารถนาจะล้างแค้นมากเกินไป คุนหลุนคงไม่
อาจต้อนมันจนมุมได้โดยง่ายถึงเพียงนี้
ด้วยการตายของกู่เหลียงเตา สมควรส่งผลกระทบต่อม่ออวิน
๋ ไห่อย่าง
รุนแรง เมื่อนึกได้เช่นนี้ หลินเชียนก็พึงพอใจยิ่ง
ในเวลานี้เอง เสียงแหวกฝ่าอากาศดังกระหึ่มมาจากที่ห่างไกล
สุ้ ม เสี ย งดั ง สนั่ น นี้ คล้ า ยแฝงเร้ น ไปด้ ว ยกลิ่ น อายสภาวะของพญา
มังกรอย่างเลือนราง
หลินเชียนหันไปมองในทิศทางของเสียงค าราม ขอบฟ้าคล้ายย้ อ ม
ด้วยสีแดงดุจโลหิต ชวนประหวั่นพรั่นพรึงอย่างบอกไม่ถูก เงาร่างสายหนึ่ง
ราวกับขีดวาดเส้นสีโลหิตข้ามแผ่นฟ้า พุ่งตรงเข้ามาด้วยระดับความเร็วอัน
น่าแตกตื่นสะท้านใจ
ทันใดนั้นเงาร่างสายนั้นหายวับไปจากครรลองสายตามัน
ชั่วพริบตาถัดมา เงาร่างที่ต้ังตรงดุจ คันทวน ในมือถือกระบี่สีโลหิ ต
พลันปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าหลินเชียน
หลินเชียนม่านตาหดแคบลงทันควัน
เหวยเสิง้ !
สิ่งที่ทาให้ห ลินเชียนหัวใจหนักอึ้ง คือกลิ่นอายสภาวะของมังกรอั น
เลือนรางที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของอีกฝ่าย เหวยเสิ้งมีพลังสภาวะดุจ
เดียวกันกับที่มันมี หลินเชียนทราบแน่แก่ใจว่าหมายความว่าอย่างไร
เทพยุทธ์!
เหวยเสิ้งเป็นเทพยุทธ์!
ในหั ว ใจอั น สงบนิ่ ง ของมัน พลัน บั ง เกิ ด ระลอกปั่ นป่ ว น ในศึ ก ที่ ร าบ
ภาคกลางเมื่อครั้งกระโน้น มันประจักษ์ด้วยสายตาตนเองว่าเหวยเสิ้ง เผา
ผลาญพลั ง เทพเพื่ อ ต่ อ สู้ กั บ ผู้ อ าวุ โ สสู ง สุ ด เที ย นหวน มั น ทราบดี ว่ า ผล
สุดท้ายของการเผาผลาญพลังเทพโดยไม่คิดหน้าคิดหลังคือสิ่งใด อาศัย
ระดับพลังของเหวยเสิ้งในยามนั้น ผลลัพธ์เดียวในการเผาผลาญพลังเทพ
คือความตาย เหวยเสิ้งต่อให้โชคดีเอาชีวิตรอดมาได้ ก็สมควรกลายเป็นคน
พิการ
เป็นไปได้อย่างไร... ...มันจะกลายเป็นเทพยุทธ์ไปได้อย่างไร!
เหวยเสิ้งดวงตาทอประกายโศกเศร้าหดหู่สุดระงับ!
มันมาสายไปก้าวหนึ่ง!
เศษเสี้ยวพลังเทพที่หลงเหลืออยู่ในที่นี้ บ่งบอกชัดเจนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่ เ มื่ อ สายตาของเหวยเสิ้ ง มองมายั ง ใบหน้ า ของหลิ น เชี ย น พลั น กลั บ
กลายเป็นเด็ดเดี่ยวมั่นคงดุจเหล็กกล้า
“พี่เหวย ไม่ได้พบกันนานแล้ว” หลินเชียนแย้มยิ้มอย่างอบอุ่นและมี
มารยาท “นึกไม่ถึงว่าพี่เหวยจะบรรลุด่านเทพยุทธ์เช่นกัน พี่เหวยในที่สุด
ก็ค้นพบวิถีกระบี่ในใจตน สมแล้วที่เป็นพวกเราเหล่าเซียนกระบี่”
เหวยเสิ้งสั่นศีรษะ “กระบี่ที่ข้าแสวงหา ไม่เหมือนกับกระบี่ของเจ้า”
“มิผิด” หลินเชียนพยักหน้า “บนวิถีแห่งกระบี่ ผู้ใดถูกผู้ใดผิดยากจะ
บอกได้ อย่างไรก็ต าม ผู้ใดแข็งแกร่ง ผู้ใดอ่อนแอ กลับสามารถพิสูจน์ได้
โดยง่าย เหวยเสิ้ง เจ้ากล้าต่อสู้กับข้าในนามของกระบี่หรือไม่?”
ปลายกระบี่ในมือหลินเชียนชี้ตรงไปยังเหวยเสิ้ง เสื้อยาวสีขาวสะบัด
ปลิว แผ่ซ่านกลิ่นอายสภาวะอันน่าแตกตื่นสะท้านโลก
“หากเปลี่ยนเป็นผู้อ่ ืน ข้าย่อมให้โอกาสพวกมันต่อสู้อย่างยุติ ธ รรม
แต่การต่อสู้ระหว่างเราท่าน ข้ามพ้นการศึกษาวิถีกระบี่ไปนานแล้ว นี่เป็น
เรื่องของบุญคุณความแค้นที่รอการชาระสะสาง” เหวยเสิ้งไม่ห ลบเลี่ยง
สายตาของหลิ น เชี ย น กล่ า วอย่ า งเปิ ด เผยตรงไปตรงมา “ข้ า เคยสั ต ย์
สาบานด้วยกระบี่ เพื่อส านัก กระบี่ สุญตาข้าจะทาลายล้างคุนหลุน ให้สิ้น
ซาก วันนี้หากมิใช่เจ้าตายก็เป็นข้าสิน
้ !”
สุ้มเสียงของเหวยเสิ้งราวกับเสียงคารามของกระบี่ เฉียบขาดและแฝง
ด้วยอานาจคุกคามคน กระบี่โลหิตสังหารเทพในมือของมันจี้ตรงไปยังหลิน
เชียน กรีดเสียงคารามแหลมอย่างดุร้าย
หลินเชียนทราบว่าแผนการของมันล้มเหลวแล้ว เมื่อครู่มันเพิ่งได้รับ
บาดเจ็บบอบช้าเล็กน้อย หากศัตรูเป็นผู้อ่ น
ื มันจึงไม่ใส่ใจกับข้อเสียเปรียบ
เล็กน้อยเพียงเท่านี้ แต่คิดไม่ถึงว่าเหวยเสิ้งจะบรรลุด่านเทพยุทธ์เ ช่ นกัน
ในการต่ อ สู้ ข องเทพยุ ท ธ์ ด้ ว ยกั น อาการบาดเจ็ บ เล็ ก น้ อ ยที่ เ หมื อ นไม่ มี
อะไรสาคัญ อาจกลายเป็นจุดอ่อนร้ายแรงถึงชีวิตได้
มั น เดิ ม ที คิ ด อาศั ย คาพู ด กระตุ้ น ศรั ท ธาความเชื่ อ ที่ มีต่อ กระบี่ข อง
เหวยเสิ้ง ชิงจู่โจมจิตใจของฝ่ายตรงข้ามเป็นอันดับแรก หลินเชียนเชื่อว่า
เหวยเสิ้งจะต้องยินยอมเห็นด้วย หากอีกฝ่ายไม่ยอมเห็นด้วย ต่อให้เป็น
ฝ่ายได้ชัย ก็จะเป็นชัยชนะที่ไม่ยุติธรรม และจะทิ้งเงามืดไว้ในใจเหวยเสิ้ง
ตลอดไป
มันไม่ได้คาดคิดว่าเหวยเสิ้งจะสัตย์ซ่ อ
ื ตรงไปตรงมาต่อตนเองถึงเพียง
นี้ บุคคลเช่นนี้ย่อมไม่หวั่นไหวด้วยคาพูดง่ายๆ เพียงไม่กี่คา
ผลกระทบที่ไม่คาดคิดจากแผนการในปีนั้น กลับเพาะสร้างศัต รู อัน
ร้ายกาจเช่นม่ออวิ๋นไห่ขึ้นมา นี่ได้แต่บอกว่าโชคชะตากลั่นแกล้งคน
หลินเชียนสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากใจ มันแม้เป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เล็กน้อย แต่หาได้หวั่นเกรงไม่ มันแย้มยิ้ม “ประเสริฐ! ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่
แห่ ง คุ น หลุ น และศิ ษย์ พี่ ใ หญ่ แ ห่ งส านัก กระบี่ สุญ ตา เช่ น นั้ น ในนามของ
ศิษย์พี่ใหญ่ มาจบเรื่องกันเสียที!”
คุ น หลุ น ผู้ สู ง ส่ ง ไร้ เ ที ย นทานและส านั ก เล็ ก ๆ ในชนบทเช่ น ส านั ก
กระบี่ สุ ญ ตา ด้ ว ยวาจาของหลิ น เชี ย นประโยคนี้ ในที่ สุ ด ถู ก วางไว้ ใ น
ตาแหน่งที่เท่าเทียมกันเป็นครั้งแรก
เหวยเสิ้งสีหน้าสงบราบเรียบ แต่ในใจบังเกิดความสะท้อนใจ
ท่านอาจารย์ อาจารย์อา ทุกคนที่อยู่บนสวรรค์ ศิษย์เหวยเสิ้งผู้นี้ ใน
ที่สุดก็มีโอกาสชาระแค้น!
กระบี่ โ ลหิ ต ประหารเทพในมื อ คล้ า ยรั บ รู้ ถึ ง ความคั บ แค้ น ความ
โศกเศร้า และความตื่นเต้นยินดีของเหวยเสิ้ง มันสั่นอย่างรุ นแรง ท้องฟ้า
ทั้งหมดแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงดุจโลหิต หมู่เมฆม้วนตลบ ฟ้าดินคล้ายพลิก
คว่า สานึกฆ่าฟันอันเกรี้ยวกราดรุนแรงปกคลุมทั่วฟ้าดิน
ต้ น ไ ม้ ใ บ ห ญ้ า บ น พื้ น เ หี่ ย ว เ ฉ า อ ย่ า ง ร ว ด เ ร็ ว แ ม่ น้ า ใ ห ญ่ น้ อ ย
เปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน รอยแยกพาดผ่านทั่วพื้นดิน ราวกับว่ามีทะเลโลหิต
พลุ่งทะลักออกมาไม่ขาดสาย
ทั่วอาณาจักร ประหนึ่งว่ากลายเป็นขุมนรกโลหิตก็มิปาน
กระบี่เทพไท่กู่ในมือหลินเชียนสั่นอย่างรุนแรง เจตจานงกระบี่คมกล้า
สุดเปรียบปานปะทะชนกันกลางอากาศ แตกระเบิดดังระรัว
ปราณกระบี่สีโลหิตที่เบาบางดุจเส้นไหม เมื่อเข้าใกล้หลินเชียน จะถูก
ฉีกทาลายจนแหลกละเอียด
หลินเชียนสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณการต่อสู้อันรุ นแรงจากกระบี่เทพ
ไท่ กู่ ที่ อ ยู่ ใ นมื อ มั น ก้ ม ศี ร ษะคารวะ กล่ า วด้ ว ยความแน่ ว แน่ มั่ น คงผิ ด
ธรรมดา “ท่านอาจารย์ ศิษย์จะไม่ทาให้ช่ อ
ื ของคุนหลุนต้องเสื่อมเสีย!”
เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง หลินเชียนดวงตาเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอมขาวดุจสี
โลหะ สานึกกระบี่คมกล้าสุดเปรียบปาน เต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟัน ทาให้
บรรยากาศรอบข้างหนักหน่วงขึ้นเล็กน้อย
กระบี่เทพหนึ่งแดงหนึ่งน้าเงิน ฟาดฟันปะทะกันกลางอากาศอย่างเร่ง
ร้อน เปรียบประดุจการเผชิญหน้าของศัตรูคู่ฟ้า

เปี๋ ยหานมองดู กระบวนทั พค่ า ยกลอันละลานตาของมู่เ ซวียนอย่ า ง


เฉยเมย ราวกับว่าไม่เห็นอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
มันย่อมกระจ่างแจ้งในจิต เจตนาของฝ่ายตรงข้าม มู่เซวียนคิดลาก
ถ่วงมัน จนกว่ากาลังหนุนจะมาถึง
น่าเสียดาย หากมู่เซวียนทราบว่าเสวี่ยตงกาลังเปิดศึกตัดสินกับกงซุน
ชา และหมี่หนานต้องประสบกั บ ความสูญ เสีย อย่ างหนั กหนาสาหั ส ด้ ว ย
น้ามือของเทียนหวน นางจะยังคงกระทาเช่นนี้อยู่อีกหรือไม่?
เปี๋ ยหานกวาดตามองดูนักรบกองพันบาปเคราะห์ของตน
ใบหน้าเหล่านั้น ช่า งคล้า ยคลึ งกั นนั ก มันหวนคิดถึงป้ ายวิญ ญาณที่
วางเรียงรายอย่างเรียบร้อยบนแท่นบูชาในเกาะนิทรา ไม่ขาดหายไปแม้สัก
ป้ายเดียว สมาชิกกองพันบาปเคราะห์ทุกคนล้วนหลับใหลอย่างสงบในที่
แห่งนั้น
กองพันบาปเคราะห์ในปัจจุบันไม่ใช่กองพันบาปเคราะห์ในกาลก่อน
กองพั น บาปเคราะห์ ใ หม่ ค รอบครองดวงวิ ญ ญาณครบถ้ ว นสมบู ร ณ์
นั บ ตั้ ง แต่ พ วกมั น ถื อ ก าเนิ ด ขึ้ น ก็ เ ชื่ อมโยงจิ ต ใจกั บ เปี๋ ยหาน พวกมั น
ใกล้เคียงกับพาหนะปิศาจมากกว่าหุ่นเชิด แต่ยังคงรักษาสัญชาตญาณการ
ต่อสู้ของสมาชิกกองพันบาปเคราะห์ด้ังเดิมเอาไว้อย่างครบถ้วน ผลึกเทพ
แทบทั้งหมดที่ม่ออวิ๋นไห่ขุดได้จากเหมืองแร่ ล้วนทุ่มลงมากับการสร้างกอง
พันบาปเคราะห์ใหม่ชุดนี้
กองพั น บาปเคราะห์ชุ ด นี้ สมควรเป็ น กองทัพ ที่ มีร าคาแพงที่สุดใน
โลกแล้ว
เมื่อป้ายวิญญาณป้ายสุดท้า ยถูกวางลงบนแท่น ห่วงโซ่ สุดท้ายในใจ
เปี๋ ยหานก็ข าดสะบั้นไป มันคล้ายหลุดพ้นจากพันธนาการอันมืดมน กอง
พันบาปเคราะห์ใหม่ทาให้มันรู้สึกยินดีและคาดหวังรอคอย ราวกับเด็กน้อย
ได้รับของถูกใจ
กองพั น บาปเคราะห์ ด้ั ง เดิ มหน่ว งหนั ก ด้ ว ยกลิ่น อายแห่ งความตาย
กองพันบาปเคราะห์ใหม่เต็มไปด้วยพลังชีวิต
มันก้าวพ้นจากขอบเขตสีเทาอันไร้ซึ่งความหวัง ได้สัมผัสความอบอุ่น
ของแสงตะวัน
พวกมั น เคยเฝ้ า ดู ต นศึ ก ษาพิ ชั ย ยุ ท ธ์ อ ย่ า งเดี ย วดายภายใต้ เ สี ย ง
ตะเกียงหม่นมัว ท่ามกลางวันคืนอันเย็นเยือกที่วัดเสวียนคง พวกมันเคยรับ
ฟั ง ค าร าพั น โทษว่ า โชคชะตาฟ้ า ดิ น ของมั น ในยามที่ ยั ง เยาว์ วั ย ไม่ ว่ า
ลาบากตรากตราสักเพียงใด พวกมันไม่เคยจากไป
นิทราอย่างเป็นสุขเสียเถิด
ไม่ต้องห่วงกังวลกับข้าแล้ว
เปี๋ ยหานดวงตาทอแววนุ่มนวลวูบหนึ่ง
จากนั้นมันเงยหน้าขึ้น ดวงตาเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบอีกครั้ง กองพันมู่
เซวี ย นแปรกระบวนทั พ ด้ ว ยระดั บ ความเร็ ว อั น น่ า ตระหนก แต่ ไ ม่ ไ ด้
ก่อให้เกิดระลอกในใจมันแม้แต่น้อย
กองพันมู่เซวียนนับเป็นขบวนทัพที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงมาก
ที่ สุ ด เท่ า ที่ มั น เคยพบเห็ น มา พวกมั น ประดุ จ บ่ อ น้ า ที่ ไ หลริ น สามารถ
แปรเปลี่ยนกระบวนทัพได้ด่งั ใจปรารถนา
กองทัพทั่วไปหากพบพานศัตรูเช่นนี้ จะพบว่าตึงมือยิ่ง
แต่สาหรับเปี๋ ยหาน เพียงมองปราดเดียวก็พบเห็นจุดอ่อนของพวกมัน
กองพันมู่เซวียนเสาะแสวงหาความเปลี่ยนแปลงมากเกินไป แต่ท้ังในด้าน
พลังจู่โจมและพลังป้องกัน ฝืมือของพวกมันอ่อนด้อยกว่ามาก
การเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนแต่ปราศจากพลัง มองจากระดับชั้นของ
เปี๋ ยหาน นี่ไม่ต่างอันใดกับเพลงมวยที่ใช้แสดงในงานเลี้ยงเท่านั้น
เปี๋ ยหานสูดหายใจลึก เปลวไฟล่องลอยออกมาจากร่างของนักรบกอง
พันบาปเคราะห์ทุกคน เปลวไฟหลายพันสายลอยขึ้นอย่างพร้อมเพรีย ง
พุ่งทะยานขึ้นบนเวหา นับเป็นภาพอันงดงามตระการตาฉากหนึ่ง
‘เพลิงผลาญ’ เปล่งแสงสว่างไสว เปลวไฟนับไม่ถ้วนลอยหายเข้าไป
ในร่างของเปี๋ ยหานอย่ างรวดเร็ ว ชั้นของเปลวไฟไหลเวียนไปบนพื้ นผิ ว
ของชุดเกราะเทพ ขนนกที่สร้างจากเปลวไฟสะบัดพลิ้วอย่างไร้ข้อจากัด
แผนผังปิศาจสีน้าเงินบนใบหน้าและลาคอ เปล่งแสงประกายน่าขน
พองสยองเกล้า
มู่เซวียนสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
ยุทธวิธีสู้รบของเผ่าปิศาจ!
นางพลั น นึ ก ขึ้นได้ เปี๋ ยหานเป็ น แม่ ทั พ บั ญ ชาการศึก ที่ มี ฝีมื อ ทั้งใน
ยุ ท ธวิ ธี ข องซิ ว เจ่ อ และยุ ท ธวิ ธี แ บบปิ ศ าจทั้ ง สองประการ กองพั น บาป
เคราะห์ยังเป็นกองทัพเดียวในใต้หล้า ที่สามารถต่อสู้ได้ท้งั สองรูปแบบ
มู่เซวียนล่วงรู้จุดอ่อนจุดแข็งในกองทัพของตนเป็นอย่างดี
กับยุทธวิธีการสู้รบอันไร้เหตุผลของเผ่าปิศาจ นางหาได้เกรงกลัวไม่!
ในความเห็ น ของนาง ยุ ท ธวิ ธี สู้ ร บของเผ่ า ปิ ศ าจแม้ เ หี้ ย มหาญดุ ดั น แต่
ปราศจากฝี มื อ พลิ ก แพลง ใช้ แ ต่ แ รงเข้ า ว่ า สุ ด ท้ า ยก็ เ หมื อ นกั น ทั้ ง หมด
สาหรับแม่ทัพปิศาจทั่วไปนางไม่เคยเกรงกลัวแม้แต่น้อย แม้จะมีคากล่าว
ที่ ว่ า ห นึ่ ง ก า ลั ง ส ย บ สิ บ ท่ ว ง ท่ า แ ต่ รู ป แ บ บ ก า ร สู้ ร บ ที่ มุ่ ง เ น้ น ก า ร
เปลี่ยนแปลงขบวนทัพค่ายกล ล้วนอาศัยอ่อนหยุ่นสยบแข็งกร้าวอยู่แล้ว
ในด้านฝีมือการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัพ มู่เซวียนเชื่อมั่นว่ากองทัพ
ของนางบรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว ไม่มีกองทัพใดจะเหนือกว่านางในด้านนี้
เปี๋ ยหานแม้รุมล้อมด้วยเปลวไฟ แต่จิตใจเย็นยะเยือกดุจน้าแข็ง
เมื่ อรั ก ษาความเยื อ กเย็ น ดุ จ หิ ม ะน้ า แข็ ง เอาไว้ ไม่ ว่ า จะเผชิ ญ กั บ
สถานการณ์เช่นไร มันจะยังคงมีจิตใจกระจ่างแจ่มใสอยู่เสมอ
กระบวนทัพฝ่ายศัตรู แปรเปลี่ยนไปอีกคารบ ปราณกระบี่เบาบางนับ
ไม่ ถ้ ว นก่ อ ตัว เป็น วั งวนมหึม า ไม่ ว่ า การโจมตี ที่ รุ นแรงสัก เพีย งใด จะถูก
ปราณกระบี่เหล่านี้บดทาลายจนสลายไป
แต่น่าเสียดายนัก ศัตรู จานวนมากคล้ายหลงลืมไปแล้ว ก่อนการศึกที่
จู่ โ จมสั ง หารซางอวี่ เ ซิ ง แห่ ง สหพั น ธ์ จ อมปิ ศ าจ เปี๋ ยหานก็ ท ะยานเข้ าสู่
ทาเนียบยอดแม่ทัพตั้งแต่แรก โดยไม่เคยต้องพึ่งพายุทธวิธีการสู้ร บแบบ
เผ่าปิศาจแม้แต่น้อย
การเปลี่ยนแปลงกระบวนทัพ คือหนึ่งในอาวุธร้ายที่เปี๋ ยหานถนัดจัด
เจนเป็นที่สุด
เปี๋ ยหานแววตาเย็นยะเยีย บอย่ างสิ้น เชิ ง มุมปากยกยิ้มเย็นชา เมื่อ
ปลดเปลื้ องจากภาระที่ แ บกรั บ มาชั่ ว ชี วิ ต เปี๋ ยหานยั ง คงลุ่ ม หลงงมงาย
ยังคงบ้าคลั่ง แต่มันสงบเยือกเย็นลงเช่นกัน
มันยื่นมือออก จี้ดรรชนีกลางอากาศ ชี้ไปยังใจกลางวังวนปราณกระบี่
พลังอันเกรี้ยวกราดระเบิดออกจากปลายดรรชนี
แสงสีแดงเจิดจ้าบาดตา พุ่งวาบไปยังใจกลางกระบวนทัพของมู่เซวีย
นราวกับดาวตก และยังไม่จ บสิ้นเพียงเท่านั้น เปี๋ ยหานกรีดดรรชนีจี้ออก
อีกหลายครั้งครา ราวกับกาลังดีดพิณก็มิปาน
จุดแสงสีแดงที่เล็กกว่าอีกสี่จุด พุ่งวาบไปยังมุมทั้งสี่ด้านของวังวน ก่อ
ตัวเป็นรูปแบบค่ายกลชุดหนึ่ง
ห้าดาราทลายค่ายกล!
บทที่ 904 เปี๋ ยหานปะทะมู่เซวียน

เส้นทางการฝึกฝนแม่ทัพบัญชาการศึกของเปี๋ ยหานยากเย็นแสนเข็ญ
ยิ่งกว่าที่คนภายนอกเข้าใจมาก ผู้คนเพียงได้ยินว่าวัดเสวียนคงมีอัจฉริยะที่
เด่นล้าอยู่ส องคน หนึ่งเรียกว่าเจียงเจ๋อ อีกหนึ่งคือเปี๋ ยหาน แต่ผู้ที่ล่วงรู้
ความจริงเบื้องลึกกลับมีอยู่น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
เปี๋ ยหานเผยประกายความสามารถออกมาตั้ งแต่ ต้น เพี ย งแต่ ด้ ว ย
สถานะอั น ละเอี ยดอ่ อ นของมั น กลับ กลายเป็ นอุ ป สรรคต่อ การศึ ก ษาร่า
เรี ย นเหมื อ นศิ ษย์ท่ั ว ไป ดั ง นั้ น มั น ได้ แ ต่ร่ าเรี ย นผ่า นแบบจ าลองกลยุทธ์
ศึกษาพิชัยยุ ทธ์ด้วยตัวเอง มันเปรียบประดุจ อัจ ฉริยะผู้เดียวดาย เรียนรู้
จากการลองผิดลองถูกซ้า ๆ ซาก ๆ ถูกละเลย ถูกทิ้งขว้างไว้ในมุมมืด ไร้
คนเหลียวแล
ความดื้อรั้นดึงดันของมัน นิสัยใจคออันเย็นชาของมัน ล้วนถูกเพาะ
สร้างขึ้นในช่วงเวลานั้นเอง
แม้ ใ นภายหลั ง เมื่ อมั น กลายเป็ น ผู้ น าของกองพั น บาปเคราะห์
นอกเหนือจากได้รับสิทธิใ์ ห้อ่านม้วนหยกแม่ทัพบัญชาการศึกแล้ว ยังคงไม่
มีผู้ใดประสิทธิ์ประสาทวิชาให้แก่มัน ถึงกับไม่มีผู้ใดยอมสนทนากับมัน
อย่างไรก็ตาม มันประพฤติตนเฉกเช่นอัจฉริยะผู้เงียบขรึมและอดทน
อดกลั้นทั่วไป ยังคงกระทาสิ่งที่เรียบง่าย ซ้าแล้วซ้าเล่า ไม่เคยหยุดลง
กระบวนทั พ ค่ า ยกล เป็ น หนึ่ ง ในสิ่ ง ที่ มั น เฝ้ า ศึ ก ษาค้ น คว้ า อย่ า ง
ละเอียดลึกซึ้งที่สุด ทั้งยังเป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่มันได้รับ อนุญ าตให้เ รี ย นรู้
มันศึกษากระบวนทัพค่ายกลสารพัดรู ปแบบ เรียนรู้ท้ังหมดที่มีอยู่ในม้วน
หยกซึ่งวัดเสวียนคงยอมให้มันได้พลิกอ่านดู ต่อมามันไม่พึงพอใจกับเพียง
แค่การท่องจา มันเริ่มแยกแยะกระบวนทัพค่ายกลเหล่านั้น ทดสอบจาลอง
พยายามทาความเข้าใจทั้งหมดจากฐานราก
กองพั น บาปเคราะห์ก ลายเป็ นเครื่ องทดลองของมั น ใช้ ท ดสอบว่ า
ความคิดของมันถูกหรือผิด
ผลก็คือ เปี๋ ยหานค้นพบวิธีแก้ค่ายกลมากมายซึ่งผู้อ่ ืนไม่ล่วงรู้
ห้าดาราทลายค่ายกลเป็นหนึ่งในนั้นเอง
กลวิธีนี้ไม่ได้มาจากม้วนหยกเล่มใด แต่คิดค้นผ่านการศึกษาค้ นคว้า
และลองผิดลองถูกในกระบวนทัพค่ายกลจานวนมาก เป็นวิธีการที่เรียบ
ง่าย แต่มีประสิทธิภาพในการทาลายค่ายกล
นี่เป็นครั้งแรกที่มันนามาใช้ในการต่อสู้จริง
จุดแสงทั้งห้าคล้ายลอยช้าๆ เข้าไปในวังวน วังวนปราณกระบี่ที่กาลัง
หมุนคว้างอย่างเกรี้ยวกราดหยุดชะงักลงโดยพลัน
มู่เซวียนตกตะลึงพรึงเพริด นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ค่ายกลวังวนกระบี่ชุดนี้เป็นหนึ่งในค่ายกลกระบี่ที่ดีที่สุดของนาง ที่
ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน แม้แต่การโจมตีที่ทรงพลังที่สุด มี
แต่จะถูกทาลายจนสิ้นซากภายในค่ายกลกระบี่ของนาง
นี่คือ... ...
นางสามารถรู้สึกได้ชัดเจน คล้ายมีม่านพลังล่องหนแบ่งแยกปราณ
กระบี่แต่ละเล่มออกจากกัน มู่เซวียนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง จะเป็นไปได้
อย่ า งไร? เหตุ ผ ลที่ ค่ า ยกลกระบี่ วั ง วนมี พ ลั ง อั น ร้ า ยกาจ ก็ เ นื่ องเพราะ
ปราณกระบี่แต่ละเล่มเชื่อมประสานกันด้วยรู ปแบบพิเศษเฉพาะ พวกมัน
สามารถดึงดูดซึ่งกันและกัน และผลักไสซึ่งกันและกัน ระหว่างปราณกระบี่
แต่ละเล่มสร้างสนามพลังอันหยุ่นเหนียวที่มองไม่เห็น
สายน้าจะทรงพลังเมื่อไหลแรง
ทันทีที่กลายเป็นช้าลง พลังของมันจะลดน้อยถอยลงอย่างมาก
จุดแสงทั้งห้าคือสิ่งใดกันแน่... ...
เมื่อปราณกระบี่ยิ่งมายิ่งไหลช้าลงๆ มู่เซวียนสีหน้าเปลี่ยนเป็นขัดตา
นางตัดสินใจอย่างฉับพลัน ตวาดสั่งการ “ค่ายกลกระบี่สามถาโถม!”
กระบวนทัพค่ายกลที่อยู่ในรู ปแบบของวังวนพลันแตกกระจายออก
กลายเป็นกระบวนทัพที่เคลื่อนไหวเป็นระลอกดุจคลื่นน้า คลื่นแต่ล ะชั้น
บั ด เดี่ ย วเปิ ด ออก บั ด เดี๋ ย วหุ บ ลง เป็ น จั ง หวะจะโคนอั น สอดคล้ อ งกั บ
ธรรมชาติชนิดหนึ่ง
ทันใดนั้นเอง เหล่าเซียนกระบี่ที่ด้ านหลังสุ ดของกระบวนทั พ พลัน
ปลดปล่อยปราณกระบี่ออกมาอย่างพร้อมเพรียง
ไล่จากด้านหลังสุดของกระบวนทัพ พวกมันทยอยปลดปล่อยปราณ
กระบี่ติดต่อตามกัน ผนึกรวมเป็นระลอกคลื่น รอจนเหล่าปราณกระบี่สาด
พุ่งมาถึงด้านหน้าของกระบวนทัพ มวลปราณกระบี่ก็กลับกลายเป็นคลื่น
พิโรธผืนหนึ่ง!
วู้ม!
คลื่นอันเกรี้ยวกราดที่ก่อตัวขึ้นจากปรารณกระบี่หลายพันสาย แผด
เสียงคารามที่ชวนให้ผู้คนอกสัน
่ ขวัญผวา
เปี๋ ยหานสีหน้าไร้ค วามรู้สึ ก กับเพียงแค่ค่ ายกลพื้น ฐานเช่น ค่ า ยกล
กระบี่สามถาโถม มันไหนเลยจะไม่รู้จักได้ ? ค่ายกลกระบี่สามถาโถม คลื่น
ลูกหลังทรงพลังกว่าคลื่นลูกแรก ยิ่งนานยิ่งกล้าแกร่งทรงพลังมากขึ้นเรื่อย
ๆ คลื่นกระบี่แต่ละคลื่นเชื่อมประสาน เมื่อคลื่นลูกแรกกวาดซัดถึงตัวศัตรู
คลื่นลูกที่สามจะก่อตัวขึ้นพอดี
คลื่นพิโรธลูกแล้วลูกเล่าถาโถมอย่ างเร่ งร้อน แต่ล ะคลื่นยิ่งทวีพลั ง
กล้าแข็งมากขึ้นทุกขณะ รวบรัด เรียบง่ายเพียงนี้เอง แต่อาศัยระดับฝีมือ
อันสูงส่งของกองพันมู่เซวียน ผู้คนโดยมากเมื่อเผชิญกับคลื่นโจมตีอันเร่ง
ร้อนถึงเพียงนี้ ย่อมบังเกิดความตื่นตระหนก
เซียนกระบี่แต่ล ะนางในกองพันมู่เซวียนล้วนแล้วแต่เ ด่นล้า ปราณ
กระบี่ ที่ พ วกนางปลดปล่ อ ยออกมาจดจ่ อ รวมรั้ ง และทรงอานุ ภ าพ การ
เคลื่อนไหวรวบรัดหมดจด เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบส าหรับสนามรบ ฝีมือ
ควบคุมของพวกนางยังแม่นยายิ่ง
คลื่ นกระบี่ ที่ ร วมรั้ ง จากปราณกระบี่ นั บ หมื่ น สาย ไม่ มี ร่ อ งรอยของ
ความสับสนแม้แต่น้อย
เปี๋ ยหานหยั่ งทราบความคิ ด ของมู่เ ซวี ย นอย่า งชั ด แจ้ง มู่ เ ซวี ย นคิด
อาศัยความจริงที่ว่ากองพันบาปเคราะห์มีจานวนไม่มาก ใช้กาลังคนเข้า
ข่มเหงรังแกพวกมัน ค่ายกลกระบี่ส ามถาโถมไม่ใช่ค่ายกลกระบี่ที่ ลึ ก ล้ า
หรือซับซ้อนอันใด พลานุภาพของมันขึ้นอยู่กับจานวนคนและการฝึกปรือ
กองพันมู่เซวียนมีข้อได้เปรียบเรื่องจานวนคน ในฐานะหนึ่งในกอง
พันล้าเลิศแห่งคุนหลุน นางสามารถอาศัยระบบเซียนกระบี่อัน ทรงพลั ง
ของคุนหลุน สร้างทัพใหญ่ที่ต้องการอย่างง่ายดาย หากมิใช่ว่านางชมชอบ
แต่ เ ซี ย นกระบี่ ห ญิ ง ขนาดกองทั พ ของนางยั ง จะใหญ่ โ ตกว่ า นี้ อี ก นี่ ไ ม่
เหมื อ นกั บ เสวี ย ตง มู่ เ ซวี ย นไม่ ไ ด้ เ จาะจงเลื อ กเฟ้ น แต่ เ ซี ย นกระบี่ ที่
แข็งแกร่งที่สุด แต่มุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการปฏิบัติตามคาสั่ง และ
ความเคร่งครัดในระเบียบวินัยของพวกนาง กองทัพของนางสามารถเสริม
กาลังคนได้โดยง่าย ด้วยเหตุนี้ กาลังพลของนางจึงมีจานวนมากกว่ ากอง
พันล้าเลิศอื่น ๆ
ก่อนหน้านี้นางประสบความสูญเสียเล็กน้อยภายใต้เงื้อมมือของกง
เหยี่ยเสี่ยวหรง แต่ยังคงมีกาลังพลเกือบหมื่นคน
เปี๋ ยหานไม่สะทกสะท้าน การต่อสู้ระหว่างกองพันล้าเลิศไม่ได้ขึ้นอยู่
กับจานวนไพร่พล
เผชิญกับคลื่นพิโรธของปราณกระบี่ เปี๋ ยหานยังคงมีสี หน้าไร้อารมณ์
มันพลันดีดร่าง โถมทะยานเข้าหาคลื่นปราณกระบี่มหึมาผืนนั้น กองพัน
บาปเคราะห์กระจายตัวออก ติดตามไปเบื้องหลังอย่างเงียบเชียบ
เปี๋ ยหานฟันมือลง
คลื่นพลังเทพสีแดงสดฟันวาบออกไปราวกับใบมีด
กองพันบาปเคราะห์ฟันมือลงอย่างพร้อมเพรียง
ปราณดาบมือสีแดงฉานนับพันสายราวกับมวลวิหคคืนรัง กรีดพุ่งไป
รวมกันในปราณดาบมือของเปี๋ ยหานเป็นจุดเดียว
ทั น ใดนั้ น ปราณดาบมื อ ขยายใหญ่ ขึ้ น หลายเท่ า แผดเสี ย งค าราม
กึกก้อง ฟาดฟันเข้าปะทะกับคลื่นปราณกระบี่พิโรธอย่างอย่างหักโหม
ในโลกหล้าคล้ายคงเหลือเพียงพลังทั้งสองสายนี้ หนึ่งน้าเงิน หนึ่งแดง
หนึ่งกราดเกรี้ยวทรงพลัง หนึ่งแหลมคมเย็นเยียบ
แต่แล้วการกระทาถัดไปของเปี๋ ยหาน แทบขู่ข วัญผู้คนจนขวัญหนีดี
ฝ่อ
มันโถมทะยานติดตามไป!
เปี๋ ยหานนากองพันบาปเคราะห์พุ่งทะยานอย่างเร่งร้อน ลากเป็นเส้น
สายสี แ ดงยาวเหยี ย ดทิ้ ง ไว้ เ บื้ อ งหลั ง ไล่ ติ ด ตามปราณดาบมื อ สี แ ดงสด
อย่างกระชัน
้ ชิด
คนผู้นี้ใช่เสียสติไปแล้วหรือไม่?
มู่เซวียนงงงันไปชั่วขณะ แทบอุทานออกมาอย่างตกใจ คลื่นพลังสอง
ขุมหากปะทะชนกันตรง ๆ จะเกิดระเบิดอย่างรุ นแรง โถมเข้าไปในตอนนี้
ไยมิใช่แส่หาที่ตาย?
แรงทาลายล้างที่เกิดจากการปะทะหักหาญของพลังเทพ เพียงพอจะ
บดทาลายเมืองจนราบเป็นหน้ากลอง ต่อให้เป็นกองพันบาปเคราะห์ หาก
กระโจนเข้าไปในรัศมีของแรงระเบิด มีแต่หนทางตายสถานเดียว
เปี๋ ยหานที่โถมมาเบื้องหน้า แผ่นหลัง งองุ้ มลงเล็ กน้อย กองพันบาป
เคราะห์ ท้ั ง หมดกระท าท่ า ทางเลี ย นแบบมั น ไม่ มี ผิ ด เพี้ ย น พวกมั น ติ ด
ตามหลังเปี๋ ยหานอย่างกระชั้นชิด ยังคงรักษารู ปแบบกระบวนทัพค่ายกล
ของพวกมันเอาไว้
หากเปลี่ยนเป็นสถานที่อ่ ืน มู่เซวียนจะพบว่าสภาพเช่นนี้น่าหัวร่อยิ่ง
แต่นางในยามนี้ กระทั่งหัวร่อยังหัวร่อไม่ออกแล้ว
เนื่องเพราะคนผู้นี้คือเปี๋ ยหาน
มู่เซวียนเบิกตากลมกว้าง แทบไม่กล้ากะพริบตา
รอจนนางเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา นางก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองแล้ว
คว้าก!
เสียงเหมือนผ้าหนา ๆ ถูกฉีกขาด ปราณดาบมือสีแดงราวกับมีดร้อน
ตัดผ่านเนย พลังสีแดงเพลิงผ่าคลื่นปราณกระบี่ร ะลอกแรกขาดจากกั น
อย่างง่ายดาย
ปัง!
ชั่ ว พริ บ ตาที่ พ ลั ง สี แ ดงเพลิง ผ่า คลื่ นปราณกระบี่ คลื่ นปราณกระบี่
พลันแตกระเบิดดุจหมอนขนห่าน ปราณกระบี่นับหมื่นสายราวกับขนนก
ปลิ ว กระจายไปทั่ ว แผ่นฟ้ า แผ่นดิ น เกิ ด เป็ น ภาพอั น งดงามตระการฉาก
หนึ่ง
สุ้มเสียง ‘ปัง’ นั้นไม่ดังเท่าใด แต่กลับคล้ายฟ้าร้องกรอกหูมู่เซวียน
นางเหม่อมองกลุ่มปราณกระบี่กระจัดกระจายเต็มฟ้า หลุดออกจาก
การควบคุมของนางอย่างสิ้นเชิง มันกลับทาลายกระบวนท่าโจมตีของนาง
อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้
เป็นไปได้อย่างไร... ...จะเป็นไปได้อย่างไร... ...
ภาพเบื้ องหน้ า นี้ อ ยู่ เ หนื อ สามั ญ ส านึ ก ของนางอย่ า งสิ้ น เชิ ง การ
ทาลายค่ายกลกระบี่ส ามถาโถมด้วยวิธี การเช่นนี้ นางไม่เคยได้ยินได้ ฟั ง
จากที่ใดมาก่อน
ทันใดนั้นถ้อยคาหนึ่งผุดขึ้นในใจนาง แยกสลาย!
ใช่แล้ว นี่คือการแยกสลาย!
คลื่นปราณกระบี่ถูกแยกสลายในชั่วพริบตาเดียว!
นั่นคือเหตุผลที่ไม่มีการระเบิด!
กลุ่มปราณกระบี่ที่ปราศจากคนควบคุมพุ่งผ่านเข้าไปในกระบวนทัพ
ของเปี๋ ยหาน กองพั น บาปเคราะห์ เ ปล่ ง แสงสว่ า งไสว ที่ ใ จกลางของ
กระบวนทั พ ค่ า ยกล เห็ น ดอกบั ว สี ข าวมหึม าปรากฏขึ้น จากนั้ น หมุนวน
อย่ า งช้ า ๆ ปลดปล่ อ ยม่ า นก าแพงแสงอั น เบาบางออกมา ปราณกระบี่
เหล่านัน
้ เมื่อกระแทกชนม่านแสง เพียงบังเกิดระลอกสัน
่ ไหวเล็ก ๆ เท่านัน

มู่เซวียนจดจาค่ายกลนี้ได้ทันที ค่ายกลคุ้มกันยอดนิยมแห่งวัดเสวียน
คง ค่ายกลพิทักษ์ดอกบัวไม้!
มู่เซวียนแม้ประหลาดใจ แต่การต่อสู้ไม่ได้หยุดชะงักแม้แต่ชั่ววูบ
ทันใดนั้นแผนผังปิศาจสีฟ้าน้าแข็งบนใบหน้าเปี๋ ยหานพลันสว่างวาบ
ใบมีดเพลิงแดงฉานเบื้องหน้ามันทามุมเอียงลาดลงเล็กน้อย
คว้าก!
ปัง!
สุ้ ม เสี ย งเป็ น เช่ น เดี ย วกั น กั บ ก่ อ นหน้ า นี้ กระทั่ งผล ลั พ ธ์ ก็ เ ป็ น
เช่นเดียวกัน
คลื่นปราณกระบี่ระลอกที่ส องพังทลายลงทันที ปราณกระบี่ปลิ วละ
ล่องเต็มฟ้า
คว้าก! ปัง!
คลื่นปราณกระบี่ระลอกที่ส ามมาเร็วยิ่ง แทบจะบรรลุถึงเปี๋ ยหานใน
ชั่วพริบตาเดีย วกันกั บ คลื่น ระลอกที่ส อง อย่างไรก็ต าม กลับไม่ได้ส่ ง ผล
คุกคามต่อเปี๋ ยหานแม้แต่น้อย
มู่เซวียนหัวใจเย็นเฉียบ นางสูดได้กลิ่นอายอันตรายชนิดหนึ่ง
นางรู้ สึ ก ถึ ง ความกลั ว ผุ ด ขึ้ น ในใจ เป็ น ความกลั ว ที่ มี ต่ อ ฝี มื อ เชิ ง
กระบวนทัพของเปี๋ ยหาน นึกไม่ถึง ว่าจะมีวันที่นางพ่ายแพ้ในด้านที่นาง
ถนัดจัดเจนที่สุด
ระดับความเข้าใจในค่ ายกลกระบี่ส ามถาโถมของเปี๋ ยหานเหนื อ ล้ า
กว่านางมาก นางไม่อาจทาเช่นที่มันทาได้
นางทราบดี ดาบเพลิงของเปี๋ ยหานจะต้องจู่โจมถูกจุดสาคัญของคลื่น
ปราณกระบี่อย่างแม่นยา จึงสามารถสาแดงอานุภาพอันน่าแตกตื่นสะท้าน
ใจเช่นนี้ได้ อย่างไรก็ตาม นางแม้ล่วงรู้ต้นสายปลายเหตุเป็นอย่างดี ยังคง
หวาดกลัวจับใจ ควรทราบว่าคลื่นปราณกระบี่ประกอบไปด้วยปราณกระบี่
กว่าหมื่นสาย ในชั่วอึดใจเดียว พวกมันสามารถบังเกิดความเปลี่ยนแปลง
นับหมื่นประการ
ภายใต้ ก ารเปลี่ ย นแปลงสลั บ ซั บ ซ้ อ นถึ ง เพี ย งนี้ มั น กลั บ สามารถ
ค้นพบจุดอ่อนของคลื่นปราณกระบี่!
ชัว
่ ชีวิตนี้เกรงว่านางไม่อาจกระทาได้!
แต่ยามนี้ไม่มีเวลาให้นางได้คิด เปี๋ ยหานร่นระยะระหว่างพวกมันใกล้
เข้ามาทุกขณะ
หากเป็นไม่กี่อึดใจก่อนหน้านี้ นางจะต้องยินดียิ่ง ฝีมือที่นางถนัดจัด
เจนที่สุดคือใช้ค่ายกลกระบี่ล้อมกักฝ่ายตรงข้าม แต่ยามนี้นางไม่มีความ
เชื่อมั่นแม้แต่น้อย ค่ายกลกระบี่จะสามารถล้อมกักคู่ต่อสู้เช่นนี้ได้หรือ?
ปัญหานี้นางไม่กล้าขบคิดในเชิงลึก
นางพยายามสงบใจลง กระบี่ ย าวในมื อ โบกเป็ น สั ญ ญาณ กองทั พ
รอบตัวนางกระจายออกด้านข้างเหมือนสายน้าไหล
เปี๋ ยหานบนท้องฟ้าเห็นเหตุการณ์ท้งั หมด แต่มันไม่แยแสสนใจ ยังคง
ติดตามเบื้องหลังปราณดาบมือสีแดงเพลิง กองพันบาปเคราะห์เคลื่อนย้าย
เปลี่ยนตาแหน่งรอบตัวมันอย่างเงียบเชียบ
ค่ า ยกลพิ ทั ก ษ์ ด อกบั ว ไม้ พ ลั น แปรเปลี่ ย นกระบวนทั พ กลายเป็ น
กระบวนทัพบุกโจมตียอดนิยมชุดหนึ่ง ค่ายกลอาจหาญทะลวงศึก!
ค่ า ยกลอาจหาญทะลวงศึ ก มี ที่ ม าจากรอยประทั บ อาจหาญของ
เซียนวรยุทธ์ มุ่งเน้นที่ไม่หวาดหวั่นพรั่นพรึง จิตใจรวมเป็นหนึ่ง บุกทะลวง
อย่างซึ่งหน้า อาศัยสุดแกร่งกร้าวปราบพิชิตศัตรูที่ขวางทาง
ค่ายกลอาจหาญทะลวงศึกอันเลื่องชื่อแห่งวัดเสวียนคง มู่เซวียนไหน
เลยจะไม่รู้จักได้?
นางสูดหายใจลึก ชูกระบี่ขึ้น ปราณดาบวงกลมพลันลอยออกมาจาก
ใต้ฝ่าเท้าของนาง
ภายในกระบวนทัพที่แปรเปลี่ยนไม่หยุดยั้ง นักรบทุกคนชูกระบี่บินใน
มือเช่นเดียวกันกับมู่เซวียน ปราณกระบี่วงกลมปรากฏขึ้นที่ใต้ฝ่าเท้าของ
ทุกคน
ค่ายกลวงกลมโอบล้อม!
รู ป วงกลมลอยขึ้ น จากใต้ ฝ่ า เท้ า ของเหล่ า เซี ย นกระบี่ เลื่ อนผ่ า น
ร่างกายของพวกนาง แล่นไปตามตัวกระบี่ พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
หากมีคนมองลงมาจากเบื้องบน จะมองเห็นสานึกกระบี่ทรงกลมนับ
พันนับหมื่นลอยขึ้นกลางอากาศ พวกมันดูนุ่มนิ่มและอ่อนแอ ไม่ต่างจาก
ฝูงแมงกระพรุนล่องลอยกลางทะเลใหญ่
ค่ายกลวงกลมโอบล้อมเป็นดาวข่มของค่ายกลอาจหาญทะลวงศึก
ไม่ว่าแม่ทัพคนใดหากผ่านการฝึกอบรมอย่ างเป็นทางการในคุนหลุน
จะไม่ทาผิดพลาดกั บเรื่อ งนี้ สี่ส านักยิ่งใหญ่ในอดีต ประชันขัน แข่ ง อย่ า ง
ดุเดือด คุ้นเคยกับกระบวนทัพ ค่า ยกลของแต่ล ะฝ่ายเป็นอย่า งดี ในวิช า
พื้นฐานของแม่ทัพบัญชาการศึก จะบ่งบอกบรรยายกระบวนทัพค่ายกล
ยอดนิยมของสานักอื่นอย่างละเอียด รวมถึงวิธีเอาชนะพวกมัน
กระบวนทัพค่ายกลของคุนหลุนมุ่งเน้นไปที่พลังบุกโจมตี ค่ายกลวง
กลมโอบล้ อ มกลั บ ไม่ มี จุ ด เด่ น ด้ า นนี้ แต่ นั บ เป็ น ตั ว เลื อ กที่ ดี ที่ สุ ด ในการ
จัดการกับค่ายกลอาจหาญทะลวงศึก กระทั่งในต าราของวัดเสวียนคงใน
ครั้งนั้น ยังเน้นย้าว่าไม่สามารถใช้ค่ายกลอาจหาญทะลวงศึกต่อสู้กับ ค่าย
กลวงกลมโอบล้อมของคุนหลุน
ทว่ามุมปากของเปี๋ ยหานขยับเป็นรอยยิม
้ ที่มองไม่เห็น
เป็นไปตามที่คาด!
มันไม่มีเจตนาจะเปลี่ยนกระบวนท่าแม้แต่น้อย ระยะห่างระหว่างทั้ง
สองฝ่ายร่นใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นกองพลันบาปเคราะห์ส่องประกายเจิดจรัส สองมือของเปี๋ ย
หานผนึกท่ามุทรา ดุจมวลบุปผาบานสะพรั่ง
ฝ่ามือยักษ์สีทองพลันปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของกระบวนทัพ
ฝ่ามือก่อเกิดรอยประทับอาจหาญ!
ทันใดนั้น พลังสภาวะอันแกร่งกร้าวและอาจหาญแผ่ทะลักออกมา
รอยประทับอาจหาญเมื่อปรากฏขึ้น ประดุจ ขุนเขากดทับลงมาโดย
พลัน พลังสภาวะเกรี้ยวกราดดุดันสุดเปรียบปาน จนผู้คนบังเกิดความรู้สึก
ว่ า ไม่ อ าจต่ อ ต้ า นแข็ ง ขื น เมื่ อเที ย บกั น แล้ ว ปราณดาบมื อ สี แ ดงเพลิ ง
กลายเป็นเล็กกระจ้อยร่อยยิง่
มู่เซวียนในใจเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย แต่นางไม่มีเวลาให้
ขบคิด ได้แต่เตรียมปะทะหักหาญอย่างซึ่งหน้า
แต่แล้วโดยไม่มีผู้ใดคาคคิด รอยประทับอาจหาญอันใหญ่โตและทรง
พลั ง พลั น ดิ่ ง วู บ ลง กระแทกใส่ ป ราณดาบมื อ สี แ ดงเพลิ ง ที่ ผู้ ค นเพิ่ ง จะ
มองข้ามไป!
บทที่ 905 กระบี่ของเหวยเสิ้ง

ปราณดาบมือกลับไม่แตกสลาย!
แต่ถูกกระแทกหายวับไปในอากาศแทบจะในทันที ชั่วพริบตาถัดมา
ก็ทะลวงลึกเข้าไปในขบวนค่ายกลวงกลมโอบล้อมโดยไม่มีวี่แววล่วงหน้า!
มู่เซวียนในใจเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ปราณดาบมืออันน่า
กลั ว นั้ น เฉี ย ดผ่ า นร่ า งของนางไปเพี ย งแค่ คื บ เดี ย ว คมดาบเย็ น ยะเยี ย บ
บันดาลให้นางขนลุกชี้ชันจนสุดปลาย แต่บรรดาเซียนกระบี่ที่อยู่ข้างกาย
นางกลับไม่ได้โชคดีเท่า บริเวณข้างเคียงกลับกลายเป็นความว่างเปล่าผืน
หนึ่ ง นางรู้ สึ ก ราวกั บ ยื น เปลื อ ยเปล่ า อยู่ ก ลางที่ โ ล่ ง แจ้ ง ไม่ มี ค วามรู้ สึ ก
ปลอดภัยแม้แต่น้อย
ราวกับว่ามีถนนใหญ่ที่ร้างไร้ผู้คนสายหนึ่ง ทอดผ่านข้างกายนางไป
หากมีคนมองลงมาจากบนฟ้า จะเห็นคล้ายกับรอยแผลอันน่ากลัว ผ่า
กองทัพทั้งหมดแยกออกเป็นสองส่วน!
มู่ เ ซวี ย นกร าศึ ก น้ อ ยใหญ่ อ ย่ า งโชกโชน เคยผ่ า นประสบการณ์
อันตรายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยมีครั้งใด ที่เฉียดใกล้ความตายมากเท่า
ครั้งนี้
เงื้อมหัตถ์แห่งมัจจุราชมาอย่างฉับพลันทันใด ไม่มีคาเตือนล่วงหน้า
ชั่ ว พริ บ ตาที่ ป ราณดาบเฉี ย ดผ่ า นร่ า งนาง มู่ เ ซวี ย นถึ ง กั บ ไม่ อ าจ
กระดิกตัวแม้แต่น้อย
เปี๋ ยหานที่ บ นฟ า ก ฟ้ า รู้ สึ ก ว่ าน่ า เสี ย ด าย นั ก วิ ถี โ จมตี ข อ ง มั น
คลาดเคลื่อนไปเล็กน้อย หากปราณดาบเมื่อครู่ส ามารถกาจัดฆ่ามู่เซวียน
ศึ ก นี้ เ ท่ า กั บ กุ ม ชั ย ชนะอย่ า งเด็ ด ขาดแล้ ว มั น แม้ นึ ก เสี ย ดาย แต่ ไ ม่ มั ว
พิรี้พิไรมากความ รีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากใจ รวมรวบสมาธิจิตใจ
จดจ่ออยู่กับศึกเบื้องหน้าอย่างเต็มที่
แต่แล้วอย่างรวดเร็ว เปี๋ ยหานคล้ายสังเกตเห็นบางสิ่งในกองทัพของ
ศัตรู
ท่าสังหารเมื่อครู่คล้ายสร้างความแตกตื่นตระหนกให้แก่ข้าศึก ยิง่ กว่า
ที่มันคาดคิดไว้ ทหารศัตรูยังคงมีท่าทีราวกับว่าพวกนางยังไม่หายจากการ
ตื่นตะลึง ปฏิกิริยาเฉื่อยช้าลงไปมาก
โอกาส!
เปี๋ ยหานตระหนักทันที นี่เป็นโอกาสดีงามที่ยากจะพบพาน
กองพั น บาปเคราะห์ ป ระดุ จ ฝู ง สุ นั ข ป่ า จอมจอมเจ้ า เล่ ห์ เริ่ ม ท่ อ ง
ทะยานไปรอบ ๆ กองพันมู่เซวียน ทันทีที่พวกมันพบเห็นช่องว่างรอยโหว่
จะกระโจนเข้าขย้าอย่างดุร้าย
เปี๋ ยหานมีฝีมืออันแม่นยาถึงที่สุด ทุกครั้งที่โถมเข้าโจมตี จะต้องนามา
ซึ่งแม่น้าเลือดฝนโลหิตสาดกระเซ็นทั่วฟ้า มันนากองพันบาปเคราะห์ไล่
ต้อนกองทัพมู่เซวียนโดยไม่ให้ต้งั ตัวติด อาศัยการบุกเข่นฆ่ากลับไปกลับมา
เพียงไม่กี่รอบ กองพันมู่เซวียนประสบกับความสูญเสียอย่างสาหัส
มู่ เ ซ วี ย น ใ น ที่ สุ ด ค่ อ ย ตั้ ง ส ติ ไ ด้ เ ห็ น ก อ ง ทั พ ข อ ง น า ง ปั่ น ป่ ว น
ระส่าระสาย ต้องขัดเคืองใจสุดระงับ
นางถึงกับหวาดกลัวเปี๋ ยหานจริง ๆ!
มันไม่ควรเป็นเช่นนี้!
มู่เซวียนเพียรปลุกปลอบความตื่นตัว นางทราบแน่แก่ใจ วันนี้หากไม่
ระวัง อาจต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แล้ว ทันใดนั้นนางฉุกคิดถึงคาสั่งของเสวียตง
ถ่วงเวลาเปี๋ ยหาน เพื่อเปิดโอกาสให้หมี่หนานและเสวียตงล้อมสังหารเปี๋ ย
หาน
นางดวงตาฟื้ นคืนประกายทันที
กล่าวตามความสัตย์ นางมิอาจไม่ยอมรับว่าฝีมือในเชิงกระบวนทัพ
ค่ายกลของเปี๋ ยหานเหนือล้ากว่านางจริงๆ แต่หากนางตัดสินใจยืนหยัดทา
ศึกป้องกันอย่างเต็มรูปแบบ ต่อให้เป็นเปี๋ ยหานยังไม่อาจเอาชัยได้โดยง่าย
ถ่วงเวลา!
มู่เซวียนเมื่อตกลงใจก็เปลี่ยนยุทธวิธีสู้รบโดยพลัน
เปี๋ ยหานค้นพบการเปลี่ยนแปลงของศัตรูทันที มันฉุกใจคิด พลันคาด
เดาจิตเจตนาของมู่เซวียนออก
คิดถ่วงเวลา?
มันยังคงมีสีหน้ายะเยียบเย็นชา เริ่มชะลอจังหวะการสู้รบ เปลี่ยนเป็น
วนเวียนอยู่รอบ ๆ กองพันมู่เซวียนอย่างช้า ๆ
ชนชั้นยอดแม่ทัพเช่นมู่เซวียน ย่อมมีความสามารถรวมรั้งสมาธิจิตใจ
จดจ่อเป็นเวลานาน แต่ทหารในกองพันของนางย่อมไม่มี ความสามารถ
เช่ น นี้ พวกนางจะค่ อ ย ๆ เหน็ ด เหนื่ อยจนเกิ น ต้ า นทาน เกิ ด ความคิ ด
วอกแวกฟุ้งซ่าน หรือไม่ก็คลายความตื่นตัวลงไปเอง แต่กองพันพันบาป
เคราะห์ ไ ม่ มี ปั ญ หาเรื่ องนี้ ตราบใดที่ เ ปี๋ ยหานยั งสามารถตั้ งสมาธิจ ดจ่อ
กองพันบาปเคราะห์ก็จะไม่มีวันวอกแวกวุ่นวาย
นี่กลับกลายเป็นศึกประลองความอดทน
และเปี๋ ยหานมีความอดทนมากพอ
มันไม่มีความจาเป็นต้องรีบร้อน
แม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นยอดแม่ทัพอันดับหนึ่ง เสวียตง แต่มันเชื่อ มั่นใน
ฝีมือของกงซุนชา
ทางด้ า นหมี่ ห นาน เปี๋ ยหานไม่ แ ยแสสนใจคนผู้ นี้ อ ย่ า งสิ้ น เชิ ง ใน
ความเห็นของเปี๋ ยหาน หมี่หนานสูญเสียคุณสมบัติของยอดแม่ทัพไปตั้งแต่
แรก
หมี่ห นานแม้ดูผิวเผินยังทรงพลังอานาจ แต่อันที่จ ริง ความสามารถ
โดยรวมในกองทัพของมันลดน้อยลงไปมาก พวกมันสูญเสียสิ่งที่ยึดมั่นใน
ใจ ฝ่ายมู่ซวงแม้มีกาลังพลอ่อนด้อยกว่า แต่มู่ซวงสู้โดยไม่คานึงถึงชีวิต มี
ขีดความสามารถในการฉุดลากหมี่หนานลงนรกไปด้วย
ในเวลานี้ ด้วยการมาของเปี๋ ยหาน ดินแดนแถบนี้ท้ังหมดอยู่ในความ
คุ้มครองของม่ออวิ๋นไห่ แรงกดดันต่อเทียนหวนเบาบางลงไปมาก ดังนั้ น
เสบี ย งบ ารุ ง จ านวนมาก รวมถึ ง กองทั พ และก าลั ง คน เริ่ ม หลั่ ง ไหลไป
รวมกันยังสมรภูมิของมู่ซวง
นอกจากนี้เปี๋ ยหานเพิ่งได้รั บข่าว กงเหยี่ยเสี่ยวหรงยังไม่ได้ก ลั บ ไป
พักผ่อนฟื้ นฟูกาลัง แต่นากาลังพลที่เหลือ เร่งรุ ดไปยังแนวป้องกันของมู่
ซวงเช่นกัน
เปี๋ ยหานทราบว่ากงเหยี่ย เสี่ยวหรงไม่ได้ไปเพื่อเอาชนะหมี่หนาน แต่
เพื่อป้องกันไม่ให้มู่ซวงแสวงหาความตายเพียงเพื่อจัดการกับหมี่หนาน
เปี๋ ยหานจ้องมองกองพันมู่เซวียนไม่คลาดสายตา ดวงตาเต็มไปด้วย
ประกายแหลมคมเย็นชา ไม่ต่างจากสุนัขป่าจ้องมองเหยื่อของตน

เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!


เงาร่ า งหนึ่ ง แดงหนึ่ ง ฟ้ า กะพริ บ วู บ วาบกลางเวหา สลั บ เปลี่ ย น
ตาแหน่งอย่างเร่งร้อน ทิ้งภาพติดตานับไม่ถ้วนไว้เบื้องหลัง กระบี่ท้ังสอง
ปะทะหักหาญอย่างถี่ยิบ!
ในการปะทะแต่ล ะครั้ง พลังเทพอันน่าสะพรึงกลัวแตกปะทุราวกับ
ภูเขาไฟ คลื่นพลังเทพที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กวาดทาลายทุก
สรรพสิง่ จนราบเป็นหน้ากลอง
ที่เบื้องล่างของพวกมัน เทือกเขาน้อยใหญ่พังทลาย พื้นปฐพีแตกเป็น
ทางยาว รอยแยกไร้ก้นบึ้งอันชวนประหวั่นพรั่นพรึงแผ่ลามไปทั่วทุก แห่ง
หน
กระทั่งท้องนภายังเริ่มปรากฏรอยแตกร้าว
เงาร่างสีแดงอาบท่วมไปด้วยเลือด ราวกับว่าเพิ่งแช่ร่างในบ่อโลหิตก็
มิ ป าน กระบี่ ใ นมื อ แผดเสี ย งกรี ด แหลมกระหายเลื อ ด ทุ ก กระบี่ ที่ จู่ โ จม
ออกไป จะปรากฏเป็นหมอกโลหิตกลุ่มหนึ่ง
เงาร่างสีน้าเงินไม่แปดเปื้อนฝุ่นธุลี สูงส่งสง่างามประหนึ่งเทพเทวา
สภาวะกระบี่อันคมกล้าพวยพุ่งขึ้นไปถึงชั้นฟ้า แต่ละกระบี่คล้ายสะบั้นฟ้า
ผ่าแยกปฐพี ใต้หล้าไร้ผู้เทียมทาน
ภายใต้เพลงกระบี่ส ะท้านภพของเทพยุทธ์ท้ังสอง อาณาจักรแห่งนี้
เริ่มเผยให้เห็นสัญญาณของการพังทลาย
เหวยเสิ้งกระด้างเย็นชาดั่งหินผา ทุกกระบี่ใช้ออกด้วยพลังทั้ ง หมด
โดยไม่ออมรั้งยั้งมือ!
ความสามารถในการสร้ า งโลหิ ต ของหั ว ใจมั ง กร เข้ า คู่ กั น อย่ า ง
เหมาะเจาะพอดีกับกระบี่โลหิตประหารเทพ ราวกับสวรรค์สรรค์สร้างมาคู่
กัน ตั้งแต่แรกเริ่มมันก็อุทิศตนเพื่อกระบี่ ไม่ว่าจะผ่านกาลเวลาสักกี่ปี ใจ
กระบี่ของมันก็ไม่เคยแปรผัน
นอกจากกระบี่แล้ว มันไม่เคยต้องให้ความสนใจกับเรื่องอื่นใด ดังนั้น
เจตจานงกระบี่ของมัน ถึงกับบริสุทธิ์มากกว่าหลินเชียนส่วนหนึ่ง
กระบี่โลหิต ประหารเทพอันโหดเหี้ยมอามหิตอยู่ภายใต้การควบคุม
ของเหวยเสิ้งอย่างสมบูรณ์ กลุ่มหมอกเลือดทาให้ฟ้าดินอาบย้อมไปด้วย
กลิ่นคาวเลือด แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเหวยเสิ้งแม้แต่น้อย
หลินเชียนประหลาดใจสุดระงับ
มั น ไม่ เ คยดู แ คลนเหวยเสิ้ ง มาก่ อ น แต่ ยั ง คงไม่ ไ ด้ ค าดฝั น ว่ า
ความสาเร็จเชิงกระบี่ของเหวยเสิ้งจะสูงส่งกว่าที่คิดเอาไว้มาก ควรทราบ
ว่าหลินเชียนนับเป็นยอดอัจฉริยะที่เด่นล้าที่สุดในประวัติศาสตร์คุนหลุน
มันเลิศ ล้าในทุกด้าน เพียบพร้อมด้วยพรสวรรค์ที่ผู้คนทั่วหล้าต้องริษยา
รวมถึงในด้านการฝึกฝีมือด้วย
มั น ยื น อยู่ ใ นจุ ด สู ง สุ ด ของคุ น หลุ น ไม่ ว่ า ในอดี ต ที่ ผ่ า นมาหรื อ ใน
อนาคตเบื้องหน้า หากเอ่ยถึงระดับความเร็วในการฝึกฝีมือ ยังคงไม่มีผู้ใด
ในคุนหลุนจะสามารถยกขึ้นเปรียบเทียบกับมันได้
ฝีมือเชิงกระบี่ของมันยังเหนือล้ากว่าผู้เป็นอาจารย์ ในประวัติศาสตร์
คุนหลุนไม่มีผู้ใดทัดเทียมกับมัน
ทว่ามันไม่คาดฝันมาก่อน ในโลกนี้ถึงกับยังมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่ามันอยู่
อีก!
กระบี่โลหิต ประหารเทพของอีกฝ่ายทรงอานุภาพอย่างน่าตระหนก
หลินเชียนสามารถรู้สึกได้ ทุกครั้งที่ประกระบี่กัน กระบี่เทพไท่กู่ในมือของ
มันจะถูกหมอกโลหิตกัดกร่อนทีละน้อย
หากเปลี่ยนเป็นเวลาอื่น หลินเชียนเพียงแค่คิด ก็ส ามารถขับสลาย
พลังโลหิตที่กัดกร่อนกระบี่ของมันได้อย่างง่ายดาย หากแต่ในยามนี้ พวก
มันทั้งสองอยู่ในระหว่างการปะทะหักหาญอย่างกระชั้ นเร่งร้อน เพียงชั่ว
อึดใจเดียว พวกมันประกระบี่กันนับร้อยกระบวนท่า
มั น จ าต้ อ งทุ่ม เทสมาธิจิต ใจทั้ ง หมดกั บ การปิ ด ป้ องต้า นทาน และจู่
โจมตอบโต้ ไม่มีเวลามาให้ความสนใจกับพลังกัดกร่อนอันน้อยนิดนี้
เคราะห์ดีที่กระบี่เทพไท่กู่หาได้อ่อนด้อยกว่ากระบี่โลหิตประหารเทพ
ไม่ ถึ ง กั บ ยั ง กล้ า แข็ ง กว่ า ขั้ น หนึ่ ง ทุ ก ครั้ ง ที่ ก ระบี่ ป ะทะกั น กระบี่ โ ลหิ ต
ประหารเทพของอีกฝ่ายจะถูกรัศมีอันคมกล้าของกระบี่เ ทพไท่ กู่ฝ ากริ้ ว
รอยเอาไว้
คู่ ต่ อ สู้ ท้ั ง สองกั ด ฟั น ยื น หยั ด อย่ า งทรหด ไม่ มี ผู้ ใ ดยิ น ยอมล่ า ถอย
แม้แต่ก้าวเดียว
อาการบาดเจ็บบอบช้าเล็กน้อยที่เกิดจากการโจมตีก่อนตายของกู่เห
ลียงเตา ในที่สุดทาให้หลินเชียนค่อยๆ ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้า
เหวยเสิ้งสงบนิ่งเยือกเย็น สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย มันโหมจู่
โจมอย่างดุเดือด แต่จิตใจกลับล่องลอยไปไกล
จุดสูงสุดของกระบี่อยู่ที่ใด?
มันยังคงไม่พบคาตอบ
จุ ด สู ง สุ ด แห่ ง มรรคากระบี่ คื อ สิ่ ง ที่ มั น เสาะแสวงหามาโดยตลอด
ทันใดนัน
้ มันหวนนึกถึงสิง่ ที่ประสบพบเจอระหว่างการฝึกฝีมือ ภูเขาสุญตา
ท่านเจ้าสานัก ท่านอาจารย์ นึกถึงเมื่อครั้งที่อยู่กับพวกจั่วม่อและทุกคนใน
สนามรบปิดผนึกล้างเผ่ าพันธุ์ คาสาบานกระบี่ดั งก้ องอยู่ในสองหู ดุ จ ฟ้ า
คารน
ใบหน้ามากมายนับไม่ถ้วน วาบผ่านบนทะเลเลือดเบื้องหน้ามัน
กระบี่คือสิ่งใด?
มันบรรลุถึงด่านเทพยุทธ์ แต่กระบี่ของมันยังคงไม่อาจทาให้แก่ท่าน
เจ้าสานักและคนอื่นๆ กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ดวงตามันทอแววสับสนเลื่อนลอยวูบหนึ่ง
กระบี่โลหิตประหารเทพในมือสะบัดฟันออกตามสัญชาตญาณ
พลั ง อั น ยิ่ ง ใหญ่ ไ พศาลปะทุ ขึ้ น ทั น ใดนั้ น เหวยเสิ้ ง ได้ ส ติ รู้ สึ ก ตั ว
ร่องรอยแห่งความรู้แจ้งก่อตัวขึ้นช้าๆ
จุดสูงสุดแห่งมรรคากระบี่อยู่ที่ใด? มันยังคงไม่มีคาตอบ แต่ในเวลานี้
มันเพิ่งเข้าใจบางสิ่ง สายธารแห่งชีวิตปรวนแปรไม่แน่นอน ผู้คนมีชีวิตอยู่
ในปัจจุบัน แม้แต่กระบี่ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่สุด ยังไม่อาจนาความสุข
ที่ล่วงลับไปกลับคืนมาได้ ความหมายของกระบี่ คือการปกป้องคุ้มครอง
ชีวิตที่งดงามในปัจจุบัน
พี่น้องของมัน ญาติมิตรของมัน! การปฏิบัติตามคาสาบานของมัน!
กระบี่คือชีวิตของมัน คือหัวใจของมัน มีเพียงกระบี่ในมือ จึงจะช่วย
ให้มันปกป้องสิ่งที่มันรักใคร่ห วงแหนเหล่านั้น ได้ มันยินดีใช้ชีวิต ของมั น
เพื่อปกป้องสิ่งดีงามในชีวิตนี้!
นี่ก็คือกระบี่ของมัน กระบี่ของเหวยเสิง้ !
ในร่างกายของมันคล้ายมีบางสิ่งแตกสลาย จิต ใจสงบ เป็นสุข และ
เยือกเย็นอย่างสมบูรณ์
ราวกับว่าหยั่งทราบถึงจิต ใจของเหวยเสิ้ง กระบี่โลหิต ประหารเทพ
พลั น ระเบิ ด แสงสว่ า งวาบ กลิ่ น อายโหดเหี้ ย มอ ามหิ ต ในประกายแสงสี
เลื อ ด สลายหายไปพร้ อ มกั บ กลิ่น คาวเลื อด ประกายแสงสี แ ดงดั่ งโลหิต
กลับกลายเป็นสีแดงอ่อน พิสุทธิ์ส ดใสราวกับแก้วผลึก แผ่ซ่านกลิ่นอาย
สภาวะอันโอ่อ่าผ่าเผยที่ชาแรกผ่านเข้าไปในจิตใจผู้คนโดยตรง
หลิ น เชี ย นรู้ สึ ก ถึง ความแตกต่า งทั น ที เดิ ม ที ใ นเจตจ านงกระบี่ข อง
เหวยเสิ้งแฝงเร้นไว้ด้วยความดุร้ายอามหิต ระคนเคียดแค้นชิงชัง ความดุ
ร้ายและความเคียดแค้นแม้ทรงพลัง แต่ไม่อาจส่งผลกระทบต่อใจกระบี่
ของหลินเชียนแม้แต่น้อย
เนื่องเพราะมันไม่เคยสานึกเสียใจ ทั้งไม่เคยรู้สึกผิดอันใดกับเรื่องราว
ที่เกิดขึ้นในอดีต
แผนการทั้งหมดดาเนินไปเพื่อคุนหลุน ชีวิตและจิตวิญญาณของมัน
เป็นของคุนหลุน!
สิ่ ง อื่ นใดนอกเหนื อ จากคุ น หลุ น ในสายตามั น เป็ น เพี ย งมดปลวก
เท่านั้น
แต่บัดนี้ เจตจานงกระบี่ของเหวยเสิ้งกลับกลายเป็นสุขสงบ ปราศจาก
ความพลุ่งพล่านดาลใจ เต็มไปด้วยรัศมีกลิ่นอายอันโอ่อ่าผ่าเผย แต่กลับ
สร้างแรงกดดันให้แก่มันมากกว่าเดิม เจตจานงกระบี่ของอีกฝ่ายคล้ายเพิ่ม
ความหนักหน่วงอย่างกะทันหัน แต่ละกระบี่ที่จู่โจมเข้ามา ล้วนกระแทกทา
ร้ายกระแสพลังเทพในร่างมันจนพลุ่งพล่านปั่ นป่วน
นี่มัน... ...
หลินเชียนจ้องมองไปพบใบหน้าของเหวยเสิ้ง ม่านตาหดแคบลงทัน
ควัน บนใบหน้าของเหวยเสิ้งปราศจากร่องรอยของความเคียดแค้นชิง ชัง
ดวงตากระจ่างใสดุจบ่อน้า ทว่าหลินเชียนยังคงเห็นได้ชัดเจน ความเด็ ด
เดี่ยวแน่วแน่ในดวงตาของเหวยเสิ้ง ยังกล้าแข็งกว่าเดิมเสียอีก!
รู้แจ้ง!
มันถึงกับบรรลุความรู้แจ้งในเวลาเช่นนี้!
หลินเชียนหัวใจดิง่ วูบ
เมื่ อ มาถึ ง ระดั บ ชั้ น ของพวกมั น เคล็ ด วิ ช าหรื อ เพลงกระบี่ ไ ม่ ใ ช่ สิ่ ง
สาคัญที่สุดอีกต่อไป พวกมันประชันขันแข่งกันด้วยเจตจานงกระบี่ จิตใจ
พลังเทพและความมุ่งมั่น แต่ล ะกระบี่แฝงไว้ด้วยระดับความเข้าใจในวิถี
กระบี่และกฏเกณฑ์แห่งฟ้าดินของพวกมัน ผู้ที่ไม่อาจต้านทานรับไหว จะ
เผชิญกับผลสะท้อนจากอีกฝ่ายในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นจิตใจ สิ่งที่ตาเห็น
หรือเสียงที่ได้ยิน
ทุกกระบี่ของพวกมันที่จู่โจมออก หากมิใช่เทพยุทธ์ ล้วนแต่ตกตายใน
กระบี่เดียว!
แต่ในสายตาของทั้งสองฝ่าย พวกมันสามารถเข้าใจความลี้ลับในวิถี
กระบี่ข องฝ่ายตรงข้าม พวกมันยังทราบแน่แ ก่ใจ ส าหรับตัวมันเองหรื อ
ฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าเล่ห์กลอุบายใดล้วนไร้ประโยชน์
แต่พวกมันไม่คิดถอยหนี
กระบี่ท้ังสองโหมจู่โจมด้วยระดับความเร็วอันน่าแตกตื่นสะท้านโลก
ระดับความคับขันอันตรายที่แฝงอยู่ภายในนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ยอดฝีมือชั้นต่า
กว่าเทพยุทธ์จะสามารถเข้าใจได้
พลังเทพของพวกมันถูกผลาญไปด้วยความเร็วอันน่าตระหนก พวก
มันพากันดูดซับพลังทั้งหมดจากอาณาจักรนี้โดยไม่ออมรั้ง
อาณาจักรแห่งนี้ใกล้จะล่มสลายลงในทุกขณะจิต
ในสายตาของหลินเชียน เหวยเสิ้งยิ่งมายิ่งสูงใหญ่เสียดฟ้า ยิ่งนานยิ่ง
กล้าแกร่งเกรียงไกรมากขึ้นทุกขณะ ประหนึ่งเทพสงครามเข่นฆ่าลงมาใน
โลกเบื้องล่าง เต็มไปด้วยพลังที่สามารถทาลายล้างโลกมนุษย์!
หลินเชียนทราบว่านี่เป็นเพราะเจตจานงกระบี่ของเหวยเสิ้งแทรกซึม
เข้ามาในจิตใจมัน รบกวนใจกระบี่ของมันจนสั่นคลอนขึ้นมา
พลังเทพภายในกายมันแทบจะถูกใช้ไปจนหมดสิน

เหวยเสิ้งกลับยิ่งสู้ยิ่งกล้าแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ นี่มิใช่หมายความว่าพลัง
เทพของเหวยเสิ้งแข็งแกร่งกว่าหลินเชียน แต่เหวยเสิ้งบรรลุความรู้แจ้งใน
วิ ถี ก ระบี่ ข องตน จิ ต ใจแข็ ง แกร่ ง มั่ น คงกว่ า เดิ ม หลั ง จากสะบั้ น ท าลาย
กาแพงทางจิตใจ ใจกระบี่ของเหวยเสิ้งก็แกร่งกร้าวปานหินผา ไม่มีวันถูก
ทาลายได้
อาการบาดเจ็ บ เล็ก น้อ ยที่ ห ลินเชี ย นได้ รับ มาก่ อนหน้า นี้ เดิ ม ที เ ป็น
เพี ย งจุ ด อ่ อ นที่ ไ ม่ ค วรค่ า แก่ ก ารเอ่ ย ถึ ง แต่ ย ามนี้ จุ ด อ่ อ นเล็ ก ๆ นี้ ค่ อ ยๆ
ขยายกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ
หลินเชียนทราบแน่แก่ใจ ภายในยี่สิบลมหายใจ มันจะพ่ายแพ้อย่าง
สมบูรณ์
มันหลงเหลือเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น
หนี! หลบหนีไปจากที่นี่!
หลินเชียนลอบทอดถอนใจ การหลบหนีครั้งนี้จะทิ้งเงามืดอันลึกล้าไว้
ในใจมันอย่ างหลีกเลี่ย งไม่ไ ด้ ทั้งยังไม่ทราบว่ าต้อ งใช้ ความพยายามอี ก
มากมายเท่าใด จึงสามารถขจัดเงามืดนี้ออกจากใจ
แต่ท้งั หมดนี้ เพื่อคุนหลุน!
หลินเชียนดวงตาทอประกายเด็ดเดี่ยว
บทที่ 906 จุดจบของคนทรยศ

เสียกงจู่วิตกกังวลอยู่บ้าง
นางประสบความสาเร็จในการขึ้นเป็นผู้กุมอานาจของตระกูลตั้งแต่
หลายปีก่อน สมดังความตั้งใจในครั้งนั้น ภายใต้การนาของนาง หลายปีมา
นี้ตระกูลเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่ต้องใช้ความพยายามมากมาย
ในการประสานรอยร้าวระหว่างขุมกาลังสาคัญต่าง ๆ ภายในตระกูล แต่นี่
เป็นสิ่งนางถนัดจัดเจน ด้วยรู ปโฉมภายนอกอันนุ่มนวลชวนสนิทสนม แต่
หัวใจแข็งแกร่งมั่นคงดุจเหล็กกล้า นางแม้ล้มเหลว พลาดพลั้ง ผิดหวัง แต่
ไม่เคยท้อถอย คนในตระกูล ทั้งเบื้อ งสูง เบื้ องต่ าล้ วนเลื่ อมใสศรัทธานาง
จากใจจริง
นางยั ง คงสะคราญปานหยาดฟ้า มาดิ นเฉกเช่ น เดี ย วกั นกั บ ในเมื อง
มหาสันติเมื่อครั้งกระโน้น แต่ให้ความรู้สึกของสตรีที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่มาก
กว่าเดิม
การถูกเรียกตัวอย่างกะทันหันทาให้นางหวาดวิตกไม่น้อย ลาพังวิหาร
เทพปิ ศ าจก็ เ พี ย งพอให้ น างต้ อ งแหงนมองอยู่ ไ กลๆ แล้ ว หมิ ง อ๋ อ งยั ง
แข็ ง แกร่ ง ทรงพลั ง ยิ่ ง กว่ า วิ ห ารเทพปิ ศ าจอี ก นางไหนเลยจะไม่ ท้ั ง วิ ต ก
กังวล ทั้งไม่แน่ใจในอนาคต การศึกระหว่างหมิงอ๋องกับวิห ารเทพปิ ศ าจ
เป็นสิ่งที่นางเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดในระหว่างนี้ การสู้รบรุ นแรงยิ่ง วิหาร
เทพปิศาจนับว่าตกเป็นรองอยู่หลายขุม
หลั ง จากการล่ มสลายของสหพั น ธ์จ อมปิ ศาจและพั นธมิ ต รวี รบุรุษ
วิหารเทพปิศาจมิอาจแสวงหาพันธมิตรใดจากในดินแดนร้อยเถื่อนอีก ทุก
คนเชื่อว่าการรวมเผ่าปิศาจของหมิงอ๋องเพียงเป็นเรื่องของเวลาเท่ า นั้ น
แต่แล้วจอมคนผู้มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นผู้ครองแดนปิศาจทั้งมวล กลับ
เจาะจงเรียกหานางเข้าพบอย่างกะทันหัน เสียกงจู่ไม่อาจคาดคะเนได้ ว่า
สิ่งที่รอนางอยู่เป็นโชควาสนาหรือชะตากรรมอันเลวร้ายกันแน่
“กงจู่เชิญเข้า องค์ราชารอท่านอยู่ด้านใน” แม่ทัพชั้นสูงผู้หนึ่งให้การ
ต้อนรับเสียกงจู่อย่างสุภาพเรียบร้อย
อั น ม่ อ ต้ อ งออกไปบั ญ ชาการการสู้ ร บกั บ วิ ห ารเทพปิ ศ าจ ดั ง นั้ น
คัดเลือกองครักษ์ส่วนตัวหลายคนให้ทาหน้าที่รับใช้ข้างกายองค์ราชา
คนเหล่านี้ล้วนติดตามอันม่อมานานปี ทั้งยังเข้าร่วมในระหว่างเจ็ดวัน
แห่งปาฏิหาริย์ ด้านความจงรักภักดีไม่มีปัญหา ความงามของเสียกงจู่ ทา
ให้ แ ม่ ทั พ หนุ่ ม ผู้ นั้ น ถึ ง กั บ ตะลึ ง ลานกั บ ไปชั่ ว ขณะ ...องค์ ร าชาชมชอบ
นางงามเช่นนี้หรือ?
เสี ย กงจู่ ป ลุ ก ปลอบก าลั ง ขวั ญ เดิ น เข้ า ไปในห้ อ งโถงใหญ่ อ ย่ า ง
ระมัดระวัง
บุรุษผมขาวผู้หนึ่งคล้ายกาลังทอดตามองไปในที่ห่างไกล เมื่อได้ยิน
เสียงเคลื่อนไหวของเสียกงจู่ก็หันกลับมามองทันที
“ไม่ พ บกั น นานแล้ ว ” สุ้ ม เสี ย งทั ก ทายแฝงแววยิ น ดี ประกายตา
นุ่มนวลลง
เสียกงจู่พบเห็นใบหน้าที่ท้ังคุ้นตา ทั้งแปลกหน้าอยู่บ้าง พลันนิ่งขึง
ตะลึงงันอยู่กับที่ เนิ่นนานยังไม่รู้สึกตัว
จากนัน
้ น้าตาสองสายหลั่งรินลงโดยไม่อาจระงับยับยัง้

กงเหยี่ยเสี่ยวหรงนากองทัพของมันซ่อนตัวอย่างระมัดระวัง
กาลังพลของมันในยามนี้หลงเหลือเพียงหนึ่งพันเท่านั้น แต่ไพร่พัน
ทั้งหนึ่งพันล้วนพร้อมใจกันติดตามมันเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง ทุกผู้คนทราบ
แน่ แ ก่ ใ จ เที ย นหวนจบสิ้ น ไปแล้ ว แต่ ไ ม่ มี ผู้ ใ ดท้ อ แท้ ท อดอาลั ย เนื่ อง
เพราะต้าเหรินบอกพวกมันว่าทุกคนจะต้องใช้ห ยาดเหงื่อ และเลือ ดเนื้ อ
ของพวกมั น เพื่ อ แสวงหาความอยู่ ร อดปลอดภั ย และอนาคตอั น ดี ง าม
ให้แก่ครอบครัวของพวกมัน
ยิง่ ไปกว่านัน
้ ครัง้ นี้ต้าเหรินยังนาพวกมันมาต่อสู้กับหมี่หนาน
หากถามว่าพวกมันเกลียดชังผู้ใดมากที่สุดในโลก ทุกคนล้วนตอบเป็น
เสียงเดียวกัน หมี่หนาน!
คนผู้ นี้ มี ศั ก ดิ์ ฐ านะสู ง ส่ ง ในเที ย นหวน ได้ รั บ ประโยชน์ โ พดผลจาก
เทียนหวนเหลือคนานับ แต่กลับเป็นมันเอง ที่เป็นต้นเหตุการล่มสลายของ
เทียนหวน! หากมีโอกาสที่จะได้ต่อสู้กั บหมี่ ห นาน ย่อมไม่มีผู้ใดในเที ย น
หวนยินยอมจากไป!
พวกมันตรงเข้าใกล้ส มรภูมิอย่างเงียบเชียบ กองพันหมี่ห นานไม่ได้
สังเกตเห็นพวกมัน
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายดุเดือดรุ นแรงถึงที่สุด เมื่อดาเนินมาถึง
ขั้นนี้ แม้แต่กาลังพลเพียงหนึ่งคนยังมีค่ายิ่ง กองทัพหมี่หนานเรียกหน่วย
ลาดตระเวนทั้งหมดของพวกมันกลับมา ทุ่มเทกาลังทั้งมวลในการต่อสู้อัน
โหดร้ายนี้
กองพันมู่ซวงใกล้หมดสิ้นเรี่ยวแรงทีละน้อย แต่ที่ นี่เป็นดินแดนของ
เทียนหวนเหนือ การที่จะมีกองทัพเข้ามาเสริมกาลังไม่ใช่เรื่องยาก ที่สาคัญ
คื อ แม้ ว่ า กองทั พ ของหมี่ ห นานล้ว นเป็ น กองพัน ชั้ นยอด แต่ พ วกมั น ไม่มี
กาลังเสริมอีก
มู่ซวงในยามนี้กลายเป็นแม่ทัพบัญชาการศึกผู้เลือดเย็น เสียสละชีวิต
ของกองพันสามัญนับไม่ถ้วน เพื่ อเปลี่ยนสมรภูมิแห่งนี้ให้กลายเป็นโม่หิน
บดเนื้อ
กองพันสามัญซึ่งยามปกติเป็นเพียงแค่ เบี้ ยตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ ยามนี้
ปราศจากความกลัวเกรงโดยสิ้นเชิง เนื่องเพราะศัต รู ข องพวกมันคื อ หมี่
หนาน หมี่หนานผู้ที่เทียนหวนเคียดแค้นชิงชังมากที่สุด!
เนื่องเพราะคนผู้นี้ ในหมู่พวกมันมี คนนั บ ไม่ถ้ ว นต้อ งประสบชะตา
กรรมบ้ า นช่ อ งพิ น าศผู้ ค นล้ ม ตาย สงครามภายในอั น ยาวนานระหว่ า ง
เทียนหวนเหนือและเทียนหวนใต้ ได้สลักความเกลียดชังฝังลึกลงในกระดูก
ของพวกมัน
พวกมันยังคงโถมเข้าแลกชีวิตกับศัตรูอย่างไม่ขาดสาย
ในสมรภูมิแห่งนี้ ชีวิตคนเป็นเพียงตัวเลขบอกจานวน ทหารหาญแห่ง
เทียนหวนเหนือมากกว่าห้าหมื่นคนล้วนพลีชีพในที่แห่งนี้
ทว่าเมื่อข่าวการศึกแพร่กระจายไปยังแนวหลัง ไม่เพียงไม่ทาให้ผู้คน
ตื่นตระหนกหรือหวาดกลัว แต่กลับยิ่งชักนากองทัพมากมายยิ่งกว่าไหลบ่า
เข้ามาอย่างไม่มีที่สุดสิน
้ บางกองทัพตระเตรียมไปจากเทียนหวนเหนือ รอ
ที่จะเข้าสู่ม่ออวิ๋นไห่ พอได้ยินข่าวพลันหันกลับมาทันที
ในบางกองทัพที่ผู้นาทัพไม่ยินดีย้อนกลับมา ทหารหาญมากมายพา
กันผละจากกองทัพ จัดตั้งขบวนทัพเล็ก ๆ ของพวกมันเอง มุ่งหน้ากลับมา
โดยไม่คานึงถึงสิ่งใด
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เพียงเพื่อฉุดลากคนทรยศหมี่หนานลงนรกไปพร้อม
กับพวกมัน
หากกระทั่ ง มู่ ซ วงต้ า เหริ น ยั ง ยิ น ดี ที่ จ ะตายไปพร้ อ มกั บ หมี่ ห นาน
เทียบกันแล้วชีวิตเล็ก ๆ ของพวกมันยังจะมีคุณค่าความหมายอันใดเล่า?
หมี่หนานถูกล้อมกักอยู่ที่นี่ด้วย ‘เหล่าอาหารสัตว์กระสุนปืนใหญ่’ ที่
พวกมั น เคยหยามดู แ คลน หลายต่ อ หลายครั้ ง ที่ มั น คิ ด ว่ า จะทะลวงฝ่ า
ออกไปได้ แต่ ก ารโถมเข้า เข่นฆ่ า แลกชี วิต อย่า งคลุ้มคลั่ง โดยปราศจาก
ความกลัวเกรงของคนเหล่านี้ ทาให้โอกาสของมันต้องหลุดลอยไป
เมื่อมองดูรอบกาย เห็นขวัญกาลังใจที่ตกต่าถึงที่สุดบนใบหน้าไพร่พล
ของตนเอง หมี่หนานรู้สึกความเย็นสายหนึ่งแผ่ซ่านขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ
ไฉนเป็นเช่นนี้?
มันคือยอดแม่ทัพในทาเนียบ! กองทัพของมันคือกองพันล้าเลิศ!
แล้วเหตุใดพวกมันกลับถูกไล่ต้อนจนมีสภาพเช่นนี้?
กองทั พ ของมั น หลงเหลื อ อยู่ เ พี ย งไม่ ถึ ง ครึ่ ง ที่ น่ า กลั ว ยิ่ ง กว่ า ก็ คื อ
นับตั้งแต่เมื่อคืนวาน กลับเริ่มปรากฏทหารหนีทัพจ านวนมาก หมี่ห นาน
เป็นแม่ทัพคุมกาลังมาหลายสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่กองทัพของมันปรากฏ
ทหารหนีทัพ!
มันทราบแน่แก่ใจ กองพันล้าเลิศซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของมัน อยู่ไม่
ไกลจากการล่มสลายทั้งกองทัพ
แต่มันกลับไม่มีหนทางแก้ไข มันกระทั่งไม่อาจหลบหนี หากการเข้า
ร่วมกับคุนหลุนของมันไม่อาจสาเร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์ พวกมันจะไม่ได้
รับการปฏิบัติที่ดีอย่างที่พวกมันปรารถนา คุนหลุนเต็มไปด้วยอัจฉริยะมาก
หน้าหลายตา ไม่มีที่ว่างสาหรับคนนอก อย่าว่าแต่คนนอกที่ไร้ค่า หากมัน
ไม่สามารถกระทาภารกิจนี้ให้สาเร็จลุล่วง สิ่งที่รอคอยมันอยู่ในยามที่หวน
กลับไป จะมีแต่ความชืดชาไร้ไมตรี
คุนหลุนจะไม่เชื่อถือมันอีกต่อไป
คนในตระกู ล ของมั น จะสู ญ เสี ย ทุ ก สิ่ ง พวกมั น จะไม่ มี วั น มองเห็ น
อนาคตอันเรืองรองอีกเป็นครั้งที่สอง
มันตายได้ แต่ไม่อาจหลบหนี!
ทว่ า มั น แม้ ยิ น ดี ต่ อ สู้ จ นตั ว ตาย แต่ ก องทั พ ของมั น กลั บ ไม่ ยิ น ดี
กองทั พ เที ย นหวนต่อ สู้ส ละชี วิต เพื่ อ คุน หลุน ? นี่ มั น เรื่ อ งเหลวไหลอันใด
กัน?
หมี่หนานท้อแท้ทอดอาลัยถึงที่สุด
สิ่งที่มันไม่ทันรู้ตัวก็ คือ มีส ายตาที่เต็มไปด้วยความเคี ยดแค้น ชิ ง ชั ง
หนึ่งพันคู่ กาลังจ้องมองมันจากในความมืด
การซุ่มจู่โจมของกงเหยี่ยเสี่ยวหรงคะเนเวลาได้อย่างหมดจดสมบูรณ์
กองพันหมี่หนานเพิ่งจะถอยร่นลงไปถึงแนวรับของพวกมัน ยังไม่ทัน
จะได้ปรับขบวนทัพรับศึก กงเหยี่ยเสี่ยวหรงพลันบุกโจมตีโดยไม่ทันให้ต้งั
ตัว กองพันหมี่หนานเดินมาถึงริมขอบแห่งความพินาศในทุกขณะจิตแล้ว!
“ฆ่าหมี่หนาน!”
“ฆ่าหมี่หนาน!”
เสียงกู่คารามดังกึกก้องไปทั่วสมรภูมิ
กองพันหมี่หนานเฉกเช่นฝูงแมลงวันไร้หัว หลายต่อหลายคนแตกตื่น
จนขวัญหนีดีฝ่อ หมุนตัวหลบหนีเอาชีวิตรอด หายลับไปในความมืด กิริยา
ท่าทางของพวกมันในยามนี้กระทั่งทหารใหม่ยังไม่ย่าแย่เท่า ไม่หลงเหลือ
ร่องรอยของกองพันล้าเลิศแม้แต่น้อยนิด
หมี่หนานคล้ายชราภาพลงนับสิบปีในชั่วอึดใจเดียว มันยืนเหม่อลอย
กลางสายลม คล้ายไม่ได้ยินเสียงพญามัจจุราชที่เข่นฆ่าใกล้เข้ามาทุกขณะ
ลาแสงคมกล้าสายหนึ่งฟันใส่ลาคอของมันอย่างหักโหม
มันยืนนิ่งไม่ไหวติง ราวกับรูปสลักคนที่ทาจากไม้
ศีรษะหลุดลอยขึ้นกลางอากาศ
สีหน้านั้นยังคงแข็งทื่อราวกับท่อนไม้
คนทรยศผู้เป็นต้นเหตุความพินาศของเทียนหวน ชดใช้หนี้กรรมของ
มันในที่นี้
กองพั น บาปเคราะห์ ข องเปี๋ ยหานยัง คงเฝ้า วนเวี ย นอยู่ร อบ ๆ กอง
พันมู่เซวียนติดต่อกันหลายชัว
่ ยาม ราวกับว่าพวกมันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
มู่เซวียนไม่กล้าผ่อนคลายการระวังป้องกันแม้แต่น้อย นางรู้ว่าหาก
ประมาทพลั้งเผลอแม้ แต่ ชั่ ววู บ เปี๋ ยหานจะเผยคมเขี้ ยวของมันในทั น ที
นางยังคงปลุกเร้ากองทหารของนางให้ต่ น
ื ตัวอยู่ตลอดเวลา
ตราบใดที่พวกนางสามารถยืนหยัดต้านทานเปี๋ ยหาน พวกนางจะเป็น
ฝ่ายชนะในท้ายที่สุด
เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า
เวลายิ่งผ่านไปมากเท่าใด มู่เซวียนยิ่งหัวใจเย็นเฉียบมากขึ้นเท่านั้น
นางไม่ เ คยนึ ก ฝั น มาก่ อ น คนผู้ ห นึ่ ง ไฉนยัง คงสามารถรั ก ษารู ปแบบการ
เคลื่อนไหวอันละเอี ย ดลออเช่ นนี้ ติดต่อกันนานกว่ าห้ า ชั่ วยาม เส้นทาง
เคลื่อนที่ของเปี๋ ยหานไม่เคยซ้าแบบเดิม นางไม่อาจคาดเดาการเคลื่อนไหว
ถัดไปของมันได้แม้แต่น้อย
คนที่น่ากลัวนัก!
มู่เซวียนบังเกิดสังหรณ์ร้าย แม้ว่านางจะพยายามกระตุ้นเตือนเหล่า
นั ก รบของนางอย่ า งต่ อ เนื่ อง แต่ มี ค นจ านวนมากเริ่ ม ไม่ อ าจยื น หยั ด
ต้านทานได้อีก
และเมื่ อ มั น เกิ ด ขึ้ น ดาบสั ง หารของเปี๋ ยหานจะจู่ โ จมทั น ที โ ดยไม่มี
วี่แววล่วงหน้า
กองพั น บาปเคราะห์ ข องเปี๋ ยหานประดุ จ คมดาบสุ ด อ ามหิ ต เจาะ
ทะลวงเข้ามาในช่องโหว่ของกองพันมู่เซวียนในบัดดล ชั่วพริบตานั้นโลหิต
ฉีดพุ่ง แขนขาปลิวกระเด็น!
หลายคนกระทั่ ง ไม่ ทั น ได้ รู้ สึ ก ตั ว ยามเมื่ อ เทพมฤตยู ป ลิ ด ชี วิ ต ของ
พวกนางไป
จู่โจมสังหารเพียงหนึ่งดาบ แล้วถอยทัพยืดระยะห่างออกไปทันที!
มู่เซวียนยังไม่ทันจะได้ตอบโต้ กองพันบาปเคราะห์ก็หนีห่างออกไป
รวดเร็วเหมือนสายฟ้าแลบ กลับสู่สภาพวนเวียนรอโอกาสดุจวิญญาณร้าย
เฝ้าทวงชีวิตดังเดิม
กองพันมู่เซวียนประกอบด้วยเซียนกระบี่หญิงทั้งสิ้น พวกนางแต่ล ะ
คนแม้ ว่ า กร าศึ ก มานัก ต่อ นัก แต่ ส ตรี จ ะอย่ างไรยัง คงเป็ นสตรี ภาพโชก
เลือดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทาให้พวกนางหน้าเปลี่ยนสี
พวกนางไม่ได้หวาดกลัวความตายหรือการต่อสู้ แต่ยังอดมีปฏิกิริ ยา
กั บ ภาพโชกเลื อ ดไม่ ไ ด้ โดยเฉพาะอย่ า งยิ่ ง เมื่ อ มั น เกิ ด ขึ้ นต่ อหน้า ต่อตา
พวกนาง
คราวนี้ไม่มีผู้ใดกล้าย่อหย่อนอีก ทุกนางปลุกปลอบสมาธิจิตใจ ระวัง
ป้องกันอย่างเต็มที่
เปี๋ ยหานกลับสู่สภาวะเฉื่อยชาคล้ายง่วงงุนของมันอีกครั้ง นากองพัน
บาปเคราะห์วนเวียนอยู่รอบๆ กองพันมู่เซวียนโดยไร้รูปแบบ
จนกระทั่งราตรีกรายมาอีกครั้ง
มู่เซวียนยิ่งหวาดวิตกกว่าเดิม นางยิ่งมายิ่งตื่นตระหนกสุดระงับ แม้ว่า
นางพยายามทาทุกวิถีทาง แต่ยังคงไม่อาจติดต่อกับหมี่หนานและเสวียตง
ได้
เกิดเรื่องอันใดกับพวกมัน?
มู่เซวียนพลันบังเกิดลางสังหรณ์อัปมงคล
คนเช่นหมี่หนานเป็นที่หยามดูแคลนของนาง หากมีคนทรยศต่อคุน
หลุน นางจะเป็นคนแรกที่ตัดศีรษะของพวกมันลงมา หากมิใช่ว่าเจ้าส านัก
ข อ ใ ห้ พ ว ก น า ง ป ฏิ บั ติ อ ย่ า ง สุ ภ า พ ต่ อ ห มี่ ห น า น มู่ เ ซ วี ย น จ ะ ไ ม่
เกรงอกเกรงใจต่อคนเช่นนี้เป็นอันขาด และไม่ใช่แค่มู่เซวียนเพียงคนเดียว
ชาวคุนหลุนแทบทั้งหมดล้วนไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อหมี่หนาน
ความเป็ น น้ า หนึ่ ง ใจเดี ย วของคุ น หลุ น ยากที่ ค นภายนอกจะขบคิ ด
เข้าใจได้ ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงหยามดูแคลนหมี่หนาน ผู้ที่ทรยศได้แม้แต่
สานักที่เคยฟูมฟักเลี้ยงดูมันและมอบผลประโยชน์นับไม่ถ้วนให้แก่มัน
แต่เสวียตงเล่า?
เป็นผู้ใดสามารถขวางทางเสวียตง?
นางไม่อาจเชื่อได้ลง
แต่จ นกระทั่งถึงยามนี้ นางยังคงไม่เห็นวี่แววของกองทัพเสวียตง ที่
น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ แม้แต่จะติดต่อกับเสวียตง ยังไม่อาจกระทาได้
กองพันเสวียตงคือกองทั พที่ แข็ง แกร่ง ที่สุดของคุ นหลุน ศักดิ์ฐานะ
ของเสวี ย ตงในคุ น หลุ น ไม่ มี แ ม่ ทั พ อื่ นใดสามารถยกขึ้ น เปรี ย บเที ย บได้
เนื่ องเพราะเหตุนี้ กองพันเสวียตงประกอบไปด้วยผู้เข้มแข็งที่สุดของคุน
หลุนแทบทั้งหมด
เหล่าบุตรแห่งคุนหลุนกว่าครึ่ง ล้วนอยู่ในกองพันเสวียตง
เซี ย นกระบี่ ทุ ก คนในกองทั พ ผ่ า นการคั ด เลื อกและทดสอบไม่น้อย
กว่าหกรอบ แต่ละคนเป็นมือดีที่ยากจะพบพานในแดนดิน
เสวียตงมีฝีมือไร้ ผู้ต้าน ผนวกกับกองทัพยอดเซียนกระบี่ที่ผ่านการ
คัดเลือกซ้าแล้วซ้าเล่า และยอดยุทธ์นับไม่ถ้วน การฝึกฝนอย่างเข้มงวด
และรุ นแรง มู่เซวียนเชื่อว่าไม่มีกองทัพใดในโลกจะเทียบได้กับกองพัน เส
วียตง กระทั่งขุนพลพยัคฆ์แห่งซีเซวียน กู่เหลียงเตา ผู้มีนามกระเดื่องไป
ทั่วทั้งสามภพ เมื่อเผชิญกับเสวียตงยังพ่ายแพ้อย่างเอนจอนาถ
ผู้ใดจะสามารถเอาชนะกองทัพเช่นนี้ได้?
มู่เซวียนจึงไม่มีเชื่อว่าโลกนี้มีผู้ใดกระทาได้
แม้ว่าเปี๋ ยหานจะร้ายกาจ กองพันบาปเคราะห์ทรงพลังยิ่งกว่า ที่นาง
คาดคิด แต่นางเชื่อว่าขอเพียงเสวียตงมาถึง เปี๋ ยหานจะไม่มีโอกาสแม้แต่
น้อย
แต่ทว่า... ...เสวียตงกาลังเผชิญกับปัญหาใดกันแน่?
สังหรณ์ร้ายยิ่งรุ นแรงขึ้นกว่าเดิม ภารกิจครั้งนี้คล้ายต้องสะดุดในทุก
ที่
ต่ อ ให้ ไ ม่ นั บ บุ ญ คุน ความแค้ นระหว่ า งกั น ความขั ด แย้ ง ระหว่ างคุน
หลุนและม่ออวิ๋นไห่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ถึงเวลาที่ท้งั สองฝ่ายต้องเปิดศึกอย่างเต็มรูปแบบ
ทว่ากลับไม่มีการรุกไล่ประสบชัยชนะต่อเนื่อง อย่างที่นางจินตนาการ
ไว้ นางรู้สึกราวกับว่าคุนหลุนไม่ว่าไปยังที่แห่งใด ล้วนเผชิญกับอุปสรรค
ขวากหนามในทุกที่
การที่นางเพลี่ยงพล้าให้แก่การตอบโต้ของกงเหยี่ยเสี่ยวหรง นั่นเป็นเพราะ
นางไม่ทันระวัง แต่ในการต่อสู้กับกองพันบาปเคราะห์นางไม่ได้ออมรั้งสิ่ง
ใดไว้เลย แต่ยังคงถูกสยบอย่างสิ้นท่าในทุกรูปแบบ
เปี๋ ยหานเก่งกล้าสามารถมากกว่าที่นางคิด นางถึงกับมีความรู้สึกว่า
เปี๋ ยหานยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดของมันด้วยซ้า
หรือว่านี่ก็คือแสนยานุภาพที่แท้จริงของม่ออวิ๋นไห่?
บทที่ 907 อรุ ณรุ่งใกล้ทอแสง

หย่างหยวนฮ่าวตะลึงมองจดหมายที่อยู่ในมือ คนแข็งทื่อดุจรูปปั้ นดิน


นิ่งขึงอยู่ในสภาพนั้นเป็นครึ่งค่อนวัน
การพลี ชี พ กลางที่ ร บของกู่ เ หลี ย งเตา สร้ า งความสะท้ า นสะเทื อ น
ให้แก่มันอย่างที่สุด ในตอนแรกเริ่มที่พวกมันลงมือตอบโต้ ไม่มีผู้ใดคาดคิด
ว่าสงครามเต็ มรู ป แบบระหว่ า งคุ นหลุน และม่ ออวิ๋น ไห่จ ะเปิ ดฉากขึ้ น ใน
สภาพเช่นนี้ กระทั่งถึงยามนี้มันยังรู้สึกสับสนงุนงงอยู่บ้าง
แต่ ลู ก ธนู ที่ ยิ ง ออกไปแล้ ว ย่ อ มไม่ อ าจเหนี่ ย วรั้ ง กลั บ คื น ต่ อ ให้
ย้อนกลับไปได้จริง ตัวมันเองก็ไม่ได้มีหนทางให้เลือกมากอันใด มันเชื่อว่ากู่
เหลียงเตาเองก็ยังจะเลือกเส้นทางสายนี้อยู่ดี
คุนหลุน คุนหลุน ... ...ฮาฮ่า!
น่าเสียดายที่กู่เหลียงเตาต้องล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง!
ซึ่งความจริงสภาพของมันคล้ายคลึงกับกู่เหลียงเตาเป็นอย่างยิ่ง ข้อ
แตกต่างเพียงหนึ่งเดียวระหว่างพวกมัน ก็คือกู่เหลียงเตามีภาระรับผิดชอบ
มากกว่า หย่างหยวนฮ่าวแม้เปรียบเสมือนทั้งดาบและโล่ของสี่มหานิ กาย
พุทธ แต่เบื้องบนยังมีคนที่อยู่เหนือมัน คอยปกป้องคุ้มครองมันให้พ้นจาก
ลมฝนของการเมืองภายใน แต่มองจากด้านนี้กู่เหลียงเตากลั บโดดเดี่ ย ว
ล าพัง ไม่มีผู้ใดคอยค้ายันอยู่เบื้องหลังมัน ตั้งแต่เริ่มแรกก็ไม่มีแล้ว เนื่อง
เพราะมันพาตัวออกห่างจากซีเซวียน หลังจากนั้นด้วยการสนับสนุนของ
จงเต๋อ มันกลายเป็นประมุขแห่งซีเซวียน แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันยังคงสูญเสีย
การสนับสนุนเพียงหนึ่งเดียวนั้นไปในศึกที่ราบภาคกลาง
มิหนาซ้ากู่เหลียงเตายังไม่ใช่จ่ว
ั ม่อ
ในฐานะแม่ทัพบัญชาการศึก กู่เหลียงเตาฝีมือเด่นล้าไม่แพ้ผู้ใด คนผู้
นี้ขวัญกล้าจิตใจละเอียดอ่อน การพ่ายแพ้อย่างหมดรู ปของมันในครั้งนั้น
แทนที่ จ ะบอกว่ า มั น พ่ า ยแพ้ ใ ห้ แ ก่ เ สวี ย ตง มิ สู้ บ อกว่ า มั น พ่ า ยแพ้ ต่ อ คุน
หลุน
ตั้งแต่แรกเริ่ม กู่เหลียงเตาก็แบกรับภาระหน้าที่มากเกินไป มันทั้งไม่
มีทางเลือกและไม่มีทางหนี ยกตัวอย่างการทรยศต่อซีเซวียน หากมิใช่ว่า
ถูกบีบคั้นบังคับจนหมดสิ้นหนทาง ผู้ใดจะยินดีทรยศต่อสานักอันเป็นบ้าน
เกิ ด เมื อ งนอนของตน? หรื อ อย่ า งเช่ น การที่ มั น ขึ้ น เป็ นเจ้า ปกครองแว่น
แคว้นหนึ่ง หย่างหยวนฮ่าวรู้สึก ว่ า เรื่ องเหล่านี้ จึง เป็นตั วการส าคั ญ เป็น
ภาระที่แท้จ ริงที่บั่นทอนจิตปณิธานของยอดแม่ทัพผู้เกรียงไกรเช่นกู่เหลี
ยงเตา
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเช่นจั่วม่อ หย่างหยวนฮ่าวอดนึกถึงประโยคนี้
อีกครั้งไม่ได้
หย่างหยวนฮ่าวมีความสานึกตัวเป็นอย่างดี เช่นเดียวกันกับแบบฉบับ
การสู้ ร บที่ มั น ถนั ด จั ด เจน มั น จะเลื อ กในสิ่ ง ที่ ส มเหตุ ส มผลที่ สุด ซึ่ ง อาจ
ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด แต่รับประกันได้ว่าจะไม่เลวร้ายที่สุด
หย่างหยวนฮ่าวมิใช่ว่าบุกเข้ามาในคุนหลุนเยี่ยงคนหูห นวกตาบอด
แม้ว่ากองพันสามัญซึ่งประจาการอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ ของคุนหลุน
จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่มันรู้สึกว่าไม่มีเหตุผ ลที่จะต้องล่วงลึกเข้าไปใน
ยามนี้ ซึ่ ง จะท าให้ ก ารจั ด ส่ ง เสบี ย งบ ารุ งและก า ลั ง หนุ น เป็ น ไปโดย
ยากล าบาก มู ล ค่ า เชิ ง กลยุ ท ธ์ ที่ ส ามารถกระท าได้ มี จ ากั ด ยิ่ ง แต่ จ ะเพิ่ ม
ความเสี่ยงอันตรายโดยใช่เหตุ สถานการณ์ในยามนี้แตกต่างจากในกาล
ก่อน ม่ออวิ๋นไห่กับคุนหลุนเริ่มเปิดศึกชนิดที่ว่าไม่ใช่เจ้าตายก็เป็นข้าสิ้น
หย่างหยวนฮ่าวจาต้องขบคิดใคร่ครวญสถานการณ์ให้ดีอีกครั้ง
จั่วม่อยังไม่กลับมา กงซุนชาและเปี๋ ยหานยังสู้รบติดพัน ยามนี้มันต้อง
ไตร่ตรองด้วยตนเอง
แต่เมื่อข่าวจากเหวยเสิ้งส่งมาถึง หย่างหยวนฮ่าวแทบไม่อาจเชื่ อ ได้
ลง มันตะลึงมองนกกระเรียนกระดาษในมืออยู่เป็นครึ่งค่อนวัน
เหวยเสิ้งถึงกับสู้ชนะหลินเชียน!
หลินเชียนพ่ายแพ้หลบหนี!
นี่ นี่มัน นี่มัน... ...
ผลของการต่อสู้ที่แนวหน้า ต่อให้มีข่าวว่ากงซุนชาได้ชัยเหนือเสวียตง
ยังไม่อาจทาให้หย่างหยวนฮ่าวตกตะลึงพรึงเพริดเท่ากับข่าวนี้
ไม่สอดคล้องกับหลักเหตุผล! นี่ไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆ!
นั่นคือหลินเชียน! เจ้าสานักคุนหลุนที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์
หลินเชียน!
หลังจากจมอยู่ในความงงงวยเป็นเวลานาน หย่างหยวนฮ่าวค่อย ๆ
สงบใจลง มันเริ่มใคร่ครวญถึงผลกระทบที่จะตามมา
มันมิอาจไม่ยอมรับว่า ข่าวนี้จะต้องส่งผลกระทบต่อขวัญกาลังใจของ
คุนหลุนอย่างใหญ่หลวง ศักดิ์ฐานะของหลินเชียนในคุนหลุนไม่มีผู้ใดเทียบ
ได้ คนผู้นี้ได้รับการยอมรับ อย่ างกว้า งขวาง ในบรรดาเจ้ าส านั กคุ น หลุ น
ทั้งหมดในประวัติศาสตร์ นับมันโดดเด่นเลิศล้าที่สุด แม้แต่ในยุคสมัยของ
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ มันยังคงเรียกได้ว่าไร้ที่ติ คุนหลุนภายใต้การนาของ
มันเติบโตกล้าแข็งมากขึ้นเรื่อย ๆ
หากเอ่ยถึงข้อผิดพลาดเพียงหนึ่งเดียวของหลินเชียน คงมีเพียงเรื่อง
ที่มันไม่อาจหยุดยั้งไม่ให้ม่ออวิน
๋ ไห่ปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาได้
แต่ใต้หล้านี้ ยังจะมีผู้ใดสามารถหยุดยั้งม่ออวิ๋นไห่ได้เล่า?
หลินเชียนเป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์พร้อม มันสุภาพถ่อมตน
ขวัญกล้าจิต ใจละเอียดอ่อน ความศรัทธาและความจงรักภัก ดีที่มี ต่ อ คุ น
หลุนสลักลึกเข้าไปในกระดูก แม้แต่ศิษย์ที่พยศถือดีที่สุดในคุนหลุน ยังเชื่อ
ฟังทุกถ้อยคาของมั น โดยไร้ข้ อกั งขา มันเคยล่วงลึกเข้ า ไปในแดนปิ ศ าจ
และใช้กระบี่เพียงเล่มเดียวสยบเผ่าปิศาจไปทั่วทั้งสิบทิศ มันเป็นคนแรก
ในคุนหลุนที่บรรลุถึงพลังเทพอันลี้ลับ นาพาคุนหลุนเข้าสู่ยุคสมัยแห่งพลัง
เทพ มันนาความเปลี่ยนแปลงมากมายมาสู่คุนหลุน ใช้สอยเฉาซิงและกลุ่ม
คนหนุ่มสาวที่ไม่เคยมีช่ อ
ื เสียงเรียงนาม ในสี่มหาสานักแห่งแดนซิวเจ่อ คุน
หลุนเป็นเพียงส านักเดียวที่ไม่เสื่อมทรุ ดลง ไม่ประสบกับความพินาศดับ
สูญไปกับยุคสมัยอันเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ มันไม่เคยพ่ายแพ้ เป็น
ผู้นาโดยกาเนิด เกิดมาเพื่อยืนอยู่เหนือผู้คนทั่วหล้า
แต่บุคคลเช่นนี้กลับพ่ายแพ้หลบหนี!
หย่างหยวนฮ่า วตระหนัก ทัน ที คุนหลุนถูกไล่ต้อนไปยัง ริมขอบเหว
แล้ว
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหลินเชียนจะพ่ายแพ้
สงครามใหญ่ระหว่างคุนหลุนและม่ออวิ๋นไห่เพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น แต่
สถานการณ์กลับเปลี่ยนพลิกเหนือคาดหมายเกินไป ในความเห็นของหย่าง
หยวนฮ่าว หลินเชียนคือจุดที่เข้มแข็งที่สุดของคุนหลุ นโดยไม่มีข้อ กั ง ขา
เป็นผู้ที่ไม่มีทางพ่ายแพ้ตลอดกาล แม้ว่าพวกเหวยเสิ้งจะกลับมาทันเวลา
หย่างหยวนฮ่าวเดิมยังเข้าใจว่าพวกมันหากสามารถประมือกับหลินเชียน
สักครา ก็นับว่าดีมากแล้ว
ต่อให้ได้ชัยเหนือมู่เซวียนหรือเสวียตง ยังไม่กระทบถึงฐานรากของ
คุนหลุน มีเพียงพิชิต หลิ นเชีย น จึงสามารถสร้ างความแตกตื่นตระหนก
ให้แก่คุนหลุนอย่างแท้จริง
หลินเชียนแพ้แล้ว!
คุนหลุนตกอยู่ในวิกฤติการณ์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทว่าเรื่องราวยังคงพัฒนาไปในทิศทางที่เหนือความเข้าใจของหย่ าง
หยวนฮ่าวยิ่งกว่า

ข่าวการพ่ายแพ้ของหลินเชียนสะท้านไปทั่วโลก!
นี่ มิ ใ ช่ ว่ า หย่ า งหยวนฮ่ า วกระจายข่ า วออกไป เพี ย งแต่ ภ ายใต้ วิ ช า
หลบหนีไร้รอยของหลินเชียน เหวยเสิ้งไม่อาจหาตัวมันพบ จึงตัดสินใจไป
ยังคุนหลุนโดยตรง
เหวยเสิ้งถือกระบี่เล่มเดียว บุกเข่นฆ่าเปิดทางไปยังคุนหลุนตามลาพัง
มั น ไม่ ป กปิ ด ตั ว ตน ไม่ ไ ด้ ล อบเร้ น กายเข้า ไป แต่ ใ ช้ เ ส้ น ทางตรง มุ่ ง
หน้าไปยังยอดเขาสูงสุดของคุนหลุนกลางวันแสก ๆ
เหวยเสิ้งไม่ว่าผ่านไปยังที่ใด พบคนฆ่าคน พบเมืองทาลายเมือง ไม่มี
ผู้ใดหยุดมันได้ ทั้งกองทัพและยอดยุทธ์ข องคุนหลุน พากันไหลบ่ามายัง
เหวยเสิ้งราวกับน้าป่า แต่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจขวางทางมันได้
ไม่มีผู้ใดต้านทานมันได้แม้แต่กระบี่เดียว
ระดับเทพยุทธ์แกร่งกล้าไร้เทียมทานเพียงใด เหวยเสิ้งใช้กระบี่ข อง
มันบอกต่อผู้คนทั่วหล้าแล้ว
ภายใต้ความแข็งแกร่งที่อยู่เหนือสามัญสานึกทั้งมวลของเหวยเสิ้ง ใต้
หล้าได้แต่แตกตื่นตะลึงลาน!
คุนหลุนประหวั่นลนลานแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามการคาดการณ์ของ
หย่างหยวนฮ่าว การพ่ายแพ้ของหลินเชียนสร้างความหวาดวิตกให้แก่คุน
หลุนทั้งเบื้องสูงเบื้องต่า พฤติการณ์อุกอาจของเหวยเสิ้งไม่ต่างจากหวด
ฟาดรังแตน กองทัพและเหล่ายอดยุทธ์ท่ัวแดนคุนหลุน พากันเร่งรุ ดไปยัง
ยอดเขาสูงสุดของคุนหลุนอย่างไม่คิดชีวิต
ยอดเขาหลักของคุนหลุนคือหัวใจสาคัญของคุนหลุน เป็นสถานที่รวม
ใจของคุนหลุนทั้งหมด เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของชาวคุนหลุนทั้งมวล
มันมีศักดิ์ฐานะที่ไม่มีสิ่งใดเทียบเท่า ไม่เคยเผชิญกับไฟสงครามมา
ก่อน เป็นความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสาหรับชาวคุนหลุนทุกคน!
ปกป้องยอดเขาสูงสุด!
ปกป้องท่านเจ้าสานัก!
ประดุจฝูงแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ พวกมันพากันโถมเข้ามาโดยไร้ซึ่ง
ความกลัว พยายามหยุดเหวยเสิง้ อย่างสุดชีวิต
คุนหลุนกลายเป็นเสียสติไปแล้ว
ใต้หล้าล้วนเสียสติไปด้วย

เสวียตงสองตาแดงฉาน ไม่แยแสสนใจค่ายจูเชวี่ยที่ไล่ติดตามมาไม่
ห่างแม้แต่น้อย
มันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ศิษย์พี่ใหญ่จะพ่ายแพ้ได้อย่างไร?
จะเป็นไปได้อย่างไร?
เริ่ ม แรกเมื่ อ มั น ได้ รั บ ข่ า ว เสวี ย ตงแทบหั ว ร่ อ ออกมา ศิ ษ ย์ พี่ ใ หญ่นี่
หรื อ ถู ก คนโค่ น พ่ า ยแพ้ ? จะเป็ น ไปได้ อ ย่ า งไร! มั น ก าลั ง จมอยู่ กั บ ความ
เพลิดเพลินในการต่อสู้กับกงซุนชา ทั้งสองฝ่ายโรมรันพันตูอย่างคู่คี่ก้ากึ่ง
ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน ข่าวที่ว่าเหวยเสิ้งกาลังเข่นฆ่าไปยังยอดเขาหลัก
ของคุนหลุนก็ส่งมาถึง มันเข้าใจในที่สุด ศิษย์พี่ใหญ่แพ้แล้วจริงๆ
เสวี ย ตงไม่ ลั ง เลแม้ แ ต่ ชั่ ว วู บ น าทั พ พุ่ ง กลั บ ไปยั ง คุ น หลุ น โดยไม่
คานึงถึงสิ่งใด!
มันรู้สึกราวกับตกอยู่ในฝันร้าย เพียงชั่วข้ามคืนเดียว คุนหลุนพลันติด
อยู่ในวิกฤติการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ปกป้องยอดเขาสูงสุด!
ปกป้องท่านเจ้าสานัก!
จากค ากล่ า วสองประโยคนี้ สามารถเห็ น ได้ ว่ า คุ น หลุน อยู่ใ นสภาพ
ง่อนแง่นเพียงใด มู่เซวียนยังคงต่อสู้พัวพันกับกองพันบาปเคราะห์ของเปี๋ ย
หาน ไม่อาจสลัดหลุดรอดพ้น แต่มันยังคงสั่งให้มู่เซวียนเร่งรุ ดกลับไปยัง
คุนหลุน ไม่ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนหนักหนาสาหัสสักเท่าใด!
แม้ว่านางจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม!
ชั่วพริบตานี้ เสวียตงจิตใจกระจ่างชัดเจนเป็นพิเศษ ทุกคนในคุนหลุน
สามารถสละชีวิต ได้ แม้แต่ตัวมันเอง มีเพียงศิษย์พี่ใหญ่เท่านั้นที่ไม่อ าจ
ตายได้!
มันเริ่มขบคิดใคร่ครวญถึงปัญหาของการพ่ายศึกแล้ว สถานการณ์ยิ่ง
เร่งด่วนมากเท่าใด มันยิ่งสงบเยือกเย็นมากเท่านั้น การพ่ายแพ้ไม่ใ ช่สิ่งที่
ต้องกลัว ขอเพียงศิษย์พี่ใหญ่ยังอยู่ แม้อาจต้องสูญเสียดินแดนบางส่วนไป
บ้าง พวกมันยังคงสามารถกอบกู้สถานการณ์ได้ทุกเมื่อ
ไม่ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนสักเท่าใด พวกมันก็ต้องหยุดเหวยเสิ้งให้จง
ได้!
กองพันเสวียตงเร่งรุดไปราวกับไม่คานึงถึงชีวิตของพวกมัน และอันที่
จริงพวกมันก็ไม่ได้คานึงถึงชีวิตของพวกมันอีกแล้วจริงๆ ดังนั้นทิ้งห่างจาก
ค่ายจูเชวี่ยที่ไล่ตามมาด้านหลังอย่างรวดเร็ว

เมื่อเทียบกับคุนหลุนที่แตกตื่นตระหนก ฝ่ายม่ออวิ๋นไห่กลับเต็ม ไป
ด้วยบรรยากาศของความปลาบปลื้มยินดี
“เหวยซือแข็งแกร่งยิ่ง! กลับสามารถโค่นหลินเชียนพ่ายแพ้จ ริง ๆ!
สวรรค์!”
“เหวยซือนับว่ากลับมาได้ ประจวบเหมาะพอดี ข้านึกอยู่แล้วว่าเหวย
ซือต้องเป็นเทพยุทธ์!”
“โอ้ สวรรค์ ท รงโปรดเถอะ เจ้ า เพิ่ ง จะล่ ว งรู้ เ มื่ อความจริ ง ปรากฏ
นี่เอง!”
“อาศัยพลังของตนเองเพียงลาพัง เหวยซือกลับเข่นฆ่าเปิดทางไปยัง
ยอดเขาหลักของคุนหลุน เพียงแค่นึกภาพดู ข้าก็รู้สึกว่าเลือดในกายเดือด
พล่านขึ้นมาแล้ว!”
แม้แต่กงซุนชายังมีรอยยิ้มน้อย ๆ อยู่บนใบหน้า การต่อสู้ของมันกับ
เสวียตงเพิ่งเริ่มหยั่งเชิงซึ่งกันและกันเท่านั้น กลับถูกขัดจังหวะกลางคัน
ด้วยเรื่องนี้ ทั้งสองฝ่ายทราบดีว่านี่ยังไม่ใช่เวลาที่พวกมันจะเปิดศึกตัดสิน
กัน ดังนั้นต่างฝ่ายต่างยังไม่ได้ทุ่มเทอย่างสุดกาลัง
แต่ในระหว่างการหยั่งเชิง ทั้งสองฝ่ายต่างพบว่าอีกฝ่ายตึงมือยิ่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อทราบว่าเหวยเสิ้งแกร่งกล้าอหังการเสียจนเปิดฉาก
เข่นฆ่าตรงไปยังยอดเขาหลักของคุนหลุนโดยไร้ผู้ต้านติด กระทั่งกงซุนชา
ยังต้องตะลึงงันจนปากอ้าตาค้าง
พลั ง อั น น่ า สะพรึ ง กลั ว ของระดั บ ชั้ น เทพยุ ท ธ์ ส าแดงออกมาอย่ า ง
เต็มที่ในศึกนี้ เหวยเสิ้งเพียงลาพังผู้เดียว กลับสามารถก่อกวนคุนหลุนจน
แทบถล่มทลาย
ในไม่ ช้ า กงซุ น ชากั บ พวกก็ ส งบลงจากอารมณ์ ต่ ืน เต้ นยิน ดี ผู้ ค นใน
กองทัพเริ่มปรึกษาหารือเรื่องกลยุทธ์ที่จ ะใช้รับมือกับเทพยุทธ์ หลังจาก
ถกเถียงกันอยู่ครึ่งค่อนวัน สุดท้ายกลับมาถึงข้อสรุ ปเดิม มีเพียงเทพยุทธ์
เท่ า นั้ น ที่ ส ามารถต่ อ กรกั บ เทพยุ ท ธ์ ไม่ เ ช่ น นั้ น ก็ ต้ อ งรอจนสิ บ ปี ใ ห้ ห ลั ง
จนกว่าพลังฝีมือเฉลี่ยของทุกคนจะสูงขึ้นอีกสองระดับ กองพันขั้นสุดยอด
อาจมีขีดความสามารถพอที่จะต่อสู้กับเทพยุทธ์
นี่เท่ากับว่าไม่ได้ปรึกษาหารือ การสนทนาจึงหันเหไปยังเรื่องโอกาส
อันดีที่วางกองอยู่เบื้องหน้าพวกมันแทน
หากพวกมันพลาดโอกาสที่พันปียากจะพบพานครั้งนี้ เกรงว่าจะต้อง
ถูกฟ้าลงทัณฑ์แน่
สาหรับกลุ่มคนที่เต็มไปด้วยความลึกซึ้งชั่วร้ายเหล่านี้ หัวข้อนี้ประดุจ
งานฉลองครัง้ ยิง่ ใหญ่ ทุกผู้คนเริม
่ ถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน
แผนการร้ า ยที่ วิ ญ ญู ช นไม่ อ าจทนฟั ง ได้ เริ่ ม เป็ น รู ป เป็ น ร่ า งอย่ า ง
รวดเร็ว

จั่วม่อเมื่อได้รับข่าวเหวยเสิ้งได้ชัยเหนือหลินเชียน แม้แต่มันยังตะลึง
งันไปชั่วขณะ แต่ในไม่ช้า พอรับทราบรายละเอียดทั้งหมด ความปิติยินดี
ของมันมลายสิ้น
พี่ใหญ่กู่ตายแล้ว ซวงอวี่ก็ตายแล้ว
กู่เหลียงเตาผู้อาจหาญและโอ่อ่าผ่าเผย ซวงอวี่ที่สุภาพเรียบร้อยและ
จิตใจบริสุทธิ์ นึกถึงเมื่อครั้งที่พวกมันพบกันในปีนั้น สนิทสนมกลมเกลียว
จนกระทั่งนับถือกันเป็นพี่น้อง จั่วม่อโศกสลดหดหู่ยิ่ง มันยังเข้าใจว่ารอจน
กลั บ ไปยั ง ม่ อ อวิ๋ น ไห่ ทุ ก คนจะได้ ร่ ว มดื่ มให้ ส มใจ มิ ท ราบว่ า จะสุ ข กาย
สบายอารมณ์ถึงเพียงไหน
นึกไม่ถึงว่า... ...
จั่ ว ม่ อ จ้ อ งมองท้ อ งฟ้ า ยามรั ต ติ ก าลนิ่ ง นาน อากุ่ ย คอยเฝ้ า ดู อ ย่ า ง
ห่ ว งใยกั ง วล แต่ น างไม่ เ อ่ ย ค าใด นางทราบว่ า ในเวลาเช่ น นี้ นายน้ อ ย
ต้องการอยู่เงียบ ๆ ตามลาพัง
เนิน
่ นานให้หลัง จั่วม่อสงบใจลง ซุกงาความโศกเศร้าและสานึกเสียใจ
ไว้ในอก ที่ขอบฟ้าด้านนอกปรากฏแสงราไร โดยไม่ทันรู้สึกตัว ราตรีมืดมน
กาลังจะเคลื่อนผ่าน อรุณรุ่งกรายใกล้เข้ามาแล้ว
อีกไม่นานแสงอรุณจะสาดส่อง... ...
ความโศกเศร้ า เสี ย ใจส่ ว นเสี้ ย วสุ ด ท้ า ยลบเลื อ นไปจากดวงตาของ
จั่วม่อ สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความมุ่งมั่น
มันหันกลับมา พลันกล่าวกับสตรีข้างกาย “อากุ่ย เราจะต้องจบศึก
ครั้งนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด!”
อากุ่ยมองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของจั่วม่อ มองเลยไปยัง
ผมขาวราวหิ ม ะของมัน ในใจรู้ สึ ก เจ็ บ ปวดยิ่ง นางพยั ก หน้ า พลางกล่าว
อย่างจริงจัง “ย่อมแน่นอน!”
จั่วม่อมองดูอากุ่ย สายตาทอแววอบอุ่นอ่อนโยน
แต่ในไม่ช้า สายตาของมันกลับเป็นหนักแน่นแกร่งกร้าวดุจเหล็กกล้า
อีกครั้ง ราวกับว่าต่อให้มีภูเขาดาบทะเลไฟกั้นขวางอยู่เบื้องหน้า ก็ไม่อาจ
หยุ ด ยั้ ง ก้ า วย่ า งของมั น ได้ โครงสร้ า งการปกครองดิ น แดนร้ อ ยเถื่ อนถู ก
ก าหนดโดยคร่ า ว ๆ แล้ ว เสี ย กงจู่ กั บ พี่ น้ อ งตระกู ล หลั น ถนั ด จั ด เจนใน
หน้าที่ข องพวกนางเป็นอย่ างดี การเรียกหาเสียกงจู่ กั บพวกนั บ ว่าส่ ง ผล
อย่ า งดี เ ยี่ ย ม ดิ น แดนร้ อ ยเถื่ อนซึ่ ง จั่ ว ม่ อ เพิ่ ง จะยึ ด ครองมา บั ง เกิ ด
เสถียรภาพอย่างรวดเร็ว
“ทุกประการสาเร็จลุล่วงไปด้วยดี”
“ถึงเวลาจัดการกับวิหารเทพปิศาจแล้ว”
บทที่ 908 ประมุขเทพปิศาจเสียสติ

บรรยากาศภายในวิหารเทพปิศาจตึงเครียดยิ่ง
แนวป้องกันที่ด้านหน้ายังไม่ได้ถูกตีแตกพ่าย พวกมันยังเอาชนะศึก
เล็กๆ สองสามรอบ แต่บนใบหน้าของเหล่าเทพปิศาจหาได้มีร่องรอยปิติ
ยิ น ดี ไ ม่ กองทั พ ของอั น ม่ อ รุ ก คื บ อย่ า งหนั ก แน่ น มั่ น คง กดดั น เข้ า มาใน
ดินแดนของพวกมันอย่างช้าๆ เหลียงเวยและชีซิงก็ไม่ดาเนินแผนเสี่ย ง
อันตราย พวกมันเพียงเพิ่มแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง รุกคืบเข้ามาทีละก้าว
บัดเดี๋ยวรุ กคืบ บัดเดี๋ยวหยุดพัก ประโยคนี้ใช้อธิบายพฤติการณ์ข อง
พวกมันได้ดีที่สุด
แต่เทพปิศาจทั้งห้ าไม่ใ ช่ตั วโง่ง ม พวกมันทราบว่ าสถานการณ์ ข อง
พวกมั น ยิ่ ง มายิ่ ง คั บ ขั น อัน ตรายมากขึ้น เรื่ อย ๆ ฝี เ ท้ า รุ ก คื บ ของศั ต รู แม้
เชื่ อ งช้ า แต่ ไ ม่ เ ปิ ด โอกาสให้ วิ ห ารเทพปิ ศ าจได้ ต อบโต้ แ ม้ แ ต่ น้ อ ย ศั ต รู
ระมัดระวังเสียจนเหมือนกับว่าพวกมันเป็นฝ่ายที่อ่อนแอกว่าเสียเอง
พิ ชั ย ยุ ท ธ์ เ ช่ น นี้ ท าเอาฝ่ า ยวิ ห ารเทพปิ ศ าจอึ ด อั ด ขั ด ข้ อ งจนแทบ
กระอักเลือด
พวกมั น ได้ แ ต่ เ บิ ก ตาดู ศั ต รู รุ ก คื บ เข้ า มาที ล ะก้ า ว ๆ แต่ ไ ม่ มี ปั ญ ญา
แก้ไขกลับกลาย ทัพศัตรูเมื่อกดดันเข้ามา แนวป้องกันของพวกมันก็ค่อย ๆ
ถูกผลักถอยร่นลงมาทุกขณะ
นี่เป็นสัญญาณอันตราย
แนวป้ อ งกั น เมื่ อถอยร่ น ลงมา หมายความว่ า ระยะห่ า งจะยิ่ ง ลด
น้อยลง อีกฝ่ายมีโอกาสบุกทะลวงผ่านกองกาลังของพวกมันในคราวเดียว
ไม่ ว่ า แม่ ทั พ บั ญ ชาการศึ ก ใดล้ ว นล่ ว งรู้ ดี ว่ า สภาพเช่ น นี้ อั น ตราย
เพียงใด
แต่พวกมันพานไม่มีหนทางแก้ไข ได้แต่เบิกตาดูพวกตนถูกผลักไปยัง
ริมขอบเหวทีล ะน้อย ความแตกตื่นลนลานและความสิ้นหวัง แผ่กระจาย
อยู่ในใจพวกมันโดยไม่อาจสะกดควบคุม
ความแตกต่างระหว่างขุมกาลังทั้งสองฝ่ายใหญ่โตเกินไป
“ไม่เช่นนั้นก็ล องรวบรวมก าลังตอบโต้ดูสักครั้งเป็นอย่า งไร?” โหย
วซือหย่าเค่อเหลือบมองประมุขเทพปิศาจ ลองถามหยั่งเชิง
ประมุข เทพปิศาจนิ่งเงียบงัน ในใจขมขื่นสุดทานทน ตอบโต้ ? พวก
มันจะอาศัยอะไรไปตอบโต้ กองทัพฝ่ายตรงข้ามปราศจากช่องว่างจุดอ่อน
เสริมสร้างแนวป้องกันอย่างแน่นหนา สามารถลากถ่วงผู้คนจนตาย หาก
บุกเข่นฆ่าออกไป ไยมิเท่ากับเอาซาลาเปาไส้เนื้อขว้างสุนัข ไม่มีการคาย
กลับออกมา
ประมุ ข เทพปิ ศ าจกวาดตามองไปทั่ ว ห้ อ งโถงใหญ่ อ ย่ า งเลื่ อนลอย
หากเปรียบกับเมื่อไม่นานมานี้ วิหารเทพปิศาจยังคงโอ่อ่าสง่างาม หากแต่
ในเวลานี้เยือกเย็นจับใจ ทั้งร้างไร้ผู้คน
นี่เป็นสัญญาณความปราชัยของพวกมันหรือไม่?
มันนึกถึงความมานะบากบั่นของตนในช่วงหลายปีมานี้ อาศัยการทา
ศึ ก สงคราม วิ ห ารเทพปิ ศ าจเติ บ โตกล้ า แข็ ง มากขึ้ น ไม่ เ ว้ น แต่ ล ะวั น จน
กลายเป็นขุมกาลังที่เข้มแข็งที่สุดในดินแดนร้อยเถื่อน นี่ ทาให้ประมุขเทพ
ปิศาจทระนงภาคภูมิถึงที่สุด จนกระทั่งครั้งหนึ่งมันเคยเชื่อว่าวิห ารเทพ
ปิศาจไม่มีวันพ่ายแพ้! แต่รอจนกองทัพหมิงอ๋องมาถึง มันค่อยพบว่าวิหาร
เทพปิศาจที่ดูคล้ายแกร่งกล้าเกรียงไกร กลับไม่อาจหยุดฝีเท้ารุ กคืบของ
อีกฝ่ายได้
ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป!
เปรียบกับทัพหมิง อ๋อง วิห ารเทพปิศาจอ่ อนแอจนน่ าเวทนา ความ
แตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายเหมือนผู้ใหญ่กับเด็ก เป็นช่องว่างกว้างใหญ่ที่
ไม่อาจข้ามได้
วิ ห ารเทพปิ ศ าจต่ อสู้ต้า นทานอย่า งเหนีย วแน่น แม้ แ ต่ ป ระมุ ข เทพ
ปิศาจยังไม่อาจเรียกร้องสิ่งใดจากผู้ใต้บังคับบัญชาของมันได้มากไปกว่ านี้
อีก การปกครองของวิหารเทพปิศาจในช่วงหลายปีมานี้ เป็นที่ช่ น
ื ชอบของ
ผู้คนในดินแดนของพวกมันไม่น้อย
“หมิงอ๋องมาแล้วหรือไม่?” ประมุขเทพปิศาจพลันกล่าวถาม สุ้มเสียง
แหบพร่า
“มิผิด” โหยวซือหย่าเค่อผงกศีรษะ “มันเลือกให้เสียกงจู่และพี่ น้อง
ตระกูลหลันดูแลจัดการดิน แดนร้อยเถื่อน ฝีมือนี้หมดจดงดงามยิ่ง ทั้งสอง
ตระกูล นี้ล้วนมีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีส ายสัมพันธ์มากมายในดินแดน
ร้ อ ยเถื่ อน เมื่ อ มี พ วกมั น คอยควบคุ ม ดู แ ล จิ ต ใจของผู้ค นก็ ส งบลงอย่าง
รวดเร็ว”
มันยักไหล่ แบสองมือ กล่าวด้วยสีหน้าอับจนปัญญา “แน่นอนว่านี่ยิ่ง
เป็นอันตรายต่อเรามากกว่าเดิม”
“เหล่ า ซื่ อ 6 เจ้ า เห็ น ว่ า อย่ า งไร?” ประมุ ข เทพปิ ศ าจมองไปยั ง เทพ
ปิศาจลาดับที่สี่ซึ่งนิ่งเงียบมาโดยตลอด
เทพปิศาจล าดับที่สี่ไม่สูงใหญ่กาย า คล้ายมีร่างกายอ่อนแออยู่ บ้ า ง
ผมเผ้ า ยุ่ ง เหยิ ง เล็ ก น้ อ ง ใบหน้ า ซี ด ขาวคล้ า ยคนอมโรค ดู ไ ปบอบบาง
สะโอดสะองนัก ปราศจากกลิ่นอายของพลังอานาจเฉกเช่นบุรุษชาวปิศาจ
ทั่วไป
แต่ไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนมันเนื่องเพราะรูปลักษณ์ภายนอกของมัน มัน
มาจากตระกู ล เก่ า แก่ อั น สู ง ศั ก ดิ์ ป็ น ผู้ สื บ ทอดของถ้ า พฤกษาเงิ น ซึ่ ง ถู ก
บั น ทึ ก ไว้ ใ นประวั ติ ศ าสตร์ โ บราณ ดั ง นั้ น ในสายตาของผู้ ค น มั น ยิ่ ง
กลายเป็นลี้ลับมากกว่าเดิม
นามของมันคือสุ่ยเยวี่ย
ประมุขเทพปิศาจไม่ทราบทุ่มเทความพยายามไปมากมายเท่าใด กว่า
จะดึงตัวสุ่ยเยวี่ยผู้นี้เข้าร่วมกับวิหารเทพปิศาจ กลายเป็นเทพปิศาจลาดับ
ที่สี่ คนผู้นี้พลังฝีมือไม่กล้าแข็งเท่าใด แต่เป็นแม่ทัพบัญชาการศึกฝีมือเลิศ
นี่คือเหตุผ ลที่ประมุขเทพปิศาจให้ความส าคัญกับคนผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง ใน
บันทึกโบราณหลายเล่ มกล่ า วว่ า ผู้สืบทอดของตระกูล พฤกษาเงิ น ได้ รั บ
การสืบทอดวิชาความรู้ของแม่ทัพโบราณอย่างครบถ้วน

6
คาเรียกหาบุคคลที่อยู่ลาดับที่สี่
สุ่ยเยวี่ยก็ไม่ได้ทาให้ประมุขเทพปิศาจต้องผิดหวัง หลายปีมานี้การ
ขยายดินแดนของวิหารเทพปิศาจ ส่วนใหญ่เป็นความดีความชอบของมัน
สุ่ยเยวี่ยเป็นคนเงียบขรึม ไม่เคยสร้างปัญหาให้กับผู้ใด ทั้งยังฝีมือเป็น
เลิศ ผู้ใดจะไม่ชมชอบผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นนี้?
“ศึกสุดท้ายมาถึ งแล้ ว ” สุ่ยเยวี่ยสงบเยือ กเย็นเหมือนเช่น ปกติ มัน
กล่ า วเสี ย งราบเรี ยบ “ฝ่ า ยตรงข้ า มก าลังจะเริ่ มเปิ ด ฉากโจมตีอย่ างเต็ม
รูปแบบ”
ทั่วทั้งห้องโถงสงัดเงียบโดยพลัน
ชั่ ว อึ ด ใจให้ ห ลั ง ประมุ ข เทพปิ ศ าจในที่ สุ ด ค่ อยกล่า วอย่ า งยากเย็น
“พวกเรามีโอกาสต้านรับไว้ได้สักกี่ส่วน?”
“หนึ่งในสิบ” สุ่ยเยวี่ยยังคงเยือกเย็น
โหยวซือหย่า เค่ อทอดถอนใจ มันแม้มีนิสัยไม่ อินังขั งขอบ ไม่ถือสา
ผลได้ผลเสียมากเท่ากับผู้อ่ ืน ยังคงถูกความสิ้นหวังอับจนที่เกิดจากความ
แตกต่างของพลังกดทับจนอึดอัดขัดข้องแทบตาย
“หากเราระดมทุกคนในวิหารเทพปิศาจออกรับศึกเล่า?” ประมุขเทพ
ปิศาจพลันเค้นเสียงลอดไรฟันถามออกมา
“เราเรียกระดมกองทัพทั้งหมดมาแล้ว” โหยวซือหย่าเค่อตอบตาม
สัญชาตญาณ แต่ทันใดนั้นพลันฉุกใจคิด สิ่งที่มันฉุกคิดได้กลับทาให้นิ่งขึง
ตะลึงงัน เหม่อมองประมุขเทพปิศาจอย่างตระหนก
ประมุขเทพปิศาจใบหน้าปรากฏสีเลือดสูบฉีด ดวงตาลุกโชนราวกับ
เปลวไฟสองกลุ่ม “ไม่ เราจะเรียกระดมทุกคน! ทุกครอบครัวในวิหารเทพ
ปิศาจ ปิศาจทุกตนที่ฝึกปรือพลังเทพ ไม่ว่าชายหรือหญิง ทุกคนต้องไปยัง
สนามรบ! เราสามารถสร้างกองทัพที่ใหญ่โตกว่ากองทัพหมิงอ๋องเป็นสิบ
ยี่สิบเท่า... ...”
แผนการอันบ้าคลั่งของประมุขเทพปิศาจขู่ขวัญทุกผู้คนจนขวัญหนีดี
ฝ่อ
“แต่ว่า ... ...” โหยวซือหย่าเค่อหวาดกลัวจนไม่กล้าเอ่ยออกมา
หลังจากจบศึกครั้งนี้ พวกมันไม่ว่าแพ้หรือชนะ แผ่นดินของวิหารเทพ
ปิ ศ าจก็ จ ะกลั บ กลายเป็ น แดนร้ า ง การต่ อ สู้ อั น บ้ า คลั่ ง เช่ น นี้ ไ ม่ เ คยเกิ ด
ขึ้นมาก่อน แม้กระทั่งในศึกหฤโหดระหว่างซิวเจ่อและอสูรปิศาจก็ตาม
นี่คือการใช้ชีวิตคนเพื่อถมช่องว่างที่ไม่มีทางถมได้เต็ม!
“ใช่ ! มี แ ต่ ต้ อ งท าเช่ น นี้ เ ท่ า นั้ น ! เราจะเปลี่ ย นวิ ห ารเทพปิ ศ าจให้
กลายเป็นนรก! นรกที่จะฉุดลากหมิงอ๋องลงมาด้วย!” ประมุข เทพปิศาจ
แผดเสียงตะโกนสุดเสียง กรีดมือวางเท้าอย่างดุเดือด ราวกับว่าภายในร่าง
ของมันกาลังเอ่อท้นด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้อีกครั้ง
ทุกผู้คนกลายเป็นเงียบสงัดเสมือนตาย
หากสงครามด าเนิ น ไปถึ ง ขั้ น นั้ น จริ ง จ านวนผู้ บ าดเจ็ บ ล้ ม ตายจะ
มากมายมหาศาลจนแทบทับถมวิหารเทพปิศาจทั้งแผ่นดิน เผ่าปิศาจทั้ง
มวลจะเสื่อมทรุดลง
“นี่เป็นเพียงศึกภายในของเผ่าปิศาจ จะอย่างไรล้วนเป็นเผ่าปิศาจ
ด้วยกัน... ...” โหยวซือหย่าเค่ออดกล่าวมิได้ มันแม้ถือกาเนิดจากวิหารเทพ
ปิ ศ าจ ทั้ ง ไม่ มี ค วามรู้ สึ ก ที่ ดี ต่ อ หมิ ง อ๋ อ ง แต่ . .. ...ความเสี ย หายที่ จ ะเกิ ด
ขึ้นกับเผ่าปิศาจทั้งมวล... ...”
ประมุข เทพปิศาจหันขวับมาทันที ถลึง ตาจ้องเทพปิศาจล าดับสาม
โหยวซื อ หย่ า เค่ อ ดวงตาราวกั บ ว่ า มี เ ปลวไฟพวยพุ่ ง ออกมา “หุ บ ปาก!
โหยวซือหย่าเค่อ นับแต่วันนี้ไปกองพันโหยวซือ มอบให้ เหล่า เอ้ อ 7เป็ น ผู้
ควบคุมดูแล!”
โหยวซือหย่าเค่อใบหน้าซีดขาวราวขี้เถ้า แต่จ ากนั้นเพลิงโทสะที่ไม่
อาจระงับพวยพุ่งขึ้นบนใบหน้า มันแค่นหัวร่ออย่างเย็นชา “ฮ่า! ท่านเสีย
สติไปแล้ว!”
ประมุขเทพปิศาจใบหน้าทอประกายฆ่าฟัน
“เป็ น ไร? คิ ด ฆ่ า ข้ า ด้ ว ยกระมั ง ?” โหยวซื อ หย่ า เค่ อ เชิ ด ศี ร ษะอย่ า ง
ทระนงถือดี แต่ดวงตาเย็นเยียบราวน่าแข็ง “หากมีกาลังขวัญก็เข้ามา!”
กล่ า วจบค าก็ ห มุ นตัว ออกจากห้ องโถงไป โดยไม่ เ หลื อ บแลประมุข
เทพปิศาจแม้แต่แวบเดียว
ประมุ ข เทพปิ ศ าจสี ห น้ า เขี ย วคล้ า อารมณ์ เ ดื อ ดดาลแทบระเบิ ด
พยายามสะกดกลั้นอย่างยากเย็น มันทราบแน่แก่ใจ หากลงมือต่อโหยวซือ
หย่าเคอในเวลานี้ วิหารเทพปิศาจจะแตกแยกพินาศโดยยังไม่ทันได้สู้รบ
“ผู้ใดมีความเห็นอื่นอีกหรือไม่?” ประมุขเทพปิศาจสีหน้าดาทะมึน
คนอื่น ๆ ไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก

7
อันดับสอง – หมายถึงเทพปิศาจแรด ทีเ่ คยฆ่าขบวนยอดฝีมือของวัดเสวียนคง
ประมุขเทพปิศาจสีหน้าคลายลงเล็กน้อย คนที่เหลือไม่ได้ต่อต้านการ
ตัดสินใจของมัน ทาให้มันรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย สุ้มเสียงจึงผ่อนคลายลง “ข้า
มิ ใ ช่ ไ ม่ ท ราบว่ า จ านวนผู้ บ าดเจ็ บ ล้ ม ตายจะมากมายมหาศาล แต่ นี่ เ ป็ น
โอกาสได้ ชั ย เพี ย งหนึ่ ง เดี ย วของพวกเรา พวกเราไม่ ต้ อ งค านึ ง ถึ ง
ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายออกไป เราจะให้หมิงอ๋องได้รับรู้ วิหารเทพปิศาจเรา
มีความแน่วแน่ ยินดียอมเป็นหยกศิลาล้วนแหลกลาญแต่ไม่ยอมสยบ...”
สุ้มเสียงคลุ้มคลั่งของประมุขเทพปิศาจดังกังวานไปทั่วห้องโถง

ที่พานักของสุ่ยเยวี่ย
อู เ ล่ อ ยกเหยื อ กสุ ร าฤทธิ์ ร้ อ นแรงกรอกปากติ ด ต่ อ กั น หลายอึ ก มั น
คล้ายคนที่กระหายน้ามาแรมปี ปล่อยให้สุราทุกหยาดหยดหายเข้าไปใน
ปากและลาคอ รอจนมันวางเหยือกลง ใบหน้าปรากฏสีแดงซ่าน มันราพึ ง
กึ่งเมามาย “โหยวซือหย่าเค่อกล่าวไม่ผิด เหล่าต้าเสียสติไปแล้ว”
เบื้องหน้าสุ่ยเยวี่ยวางไว้ด้วยขวดสุราเล็ก ๆ และจอกน้อยใบหนึ่ง มัน
รินสุราทีละน้อย ค่อย ๆ จิบช้า ๆ อย่างเฉื่อยชา
หลังจากเทพปิศาจสามคนแรก พวกมันทั้งคู่เป็นเทพปิ ศ าจล าดั บ สี่
และลาดับห้าที่เข้าสังกัดมาพร้อมกัน ดังนั้นใกล้ชิดสนิทสนมกว่าผู้อ่ น

“ข้าอาจไม่ใช่แ ม่ทั พบั ญ ชาการศึ ก” อูเล่อยกสุรากรอกปากอี ก ครั้ ง
จากนั้ น สั่ น ศี ร ษะ “แต่ ข้ า ทราบว่ า การท าเช่ น นี้ ไม่ ต่ า งจากดื่ มยาพิ ษ ดั บ
กระหาย ยามนี้พวกเรายังครองใจของผู้คน แต่เมื่อใดที่เริ่มกระทาการคลุ้ม
คลั่งเยี่ยงนัน
้ เราจะสูญเสียศรัทธาความเชื่อจากคนทั้งหมด”
“มันแบกรับความกดดันมากเกินไป” สุ่ยเยวี่ยกล่าวอย่างไม่เข้าข้าง
ฝ่ายใด
“ไม่ว่าจะอย่างไร มันก็ไม่อาจทาเช่นนี้!” อูเล่อสีหน้าทอแววผิดหวัง
“น่ า เสี ย ดาย ข้ า เพี ย งอยู่ ห่ า งจากด่ า นเทพยุ ท ธ์ แ ค่ ก้ า วเดี ย ว หากข้ า
แข็งแกร่งเหมือนกับเหวยเสิ้ง สถานการณ์ของเราคงไม่เลวร้ายถึงขั้นนี้”
“เจ้าทาได้ดีแล้ว” สุ่ยเยวี่ยปลอบโยน นับตั้งแต่ที่อูเล่อต่อสู้กับเหวย
เสิ้งในซากโบราณสถานครั้งนั้น อูเล่อก็คร่าเคร่งฝึกปรือไม่เว้นแต่ละวัน มัน
แม้เป็นเทพปิศาจลาดับห้า แต่มีพลังฝีมือกล้าแข็งที่สุดในบรรดาเทพปิศาจ
ทั้งห้า
ประมุ ข เทพปิ ศ าจเคยปลุ ก เร้ า ให้ อู เ ล่ อ เรี ย นรู้ เ พื่ อที่ จ ะเป็ น แม่ ทั พ
บัญชาการศึก ด้วยพลังฝีมืออันสูงส่งสุดยอดของมัน ต่อให้ฝีมือด้านแม่ทัพ
บัญชาการศึกจะอ่อนด้อยไปบ้าง ยังคงแข็งแกร่งกว่าแม่ทัพบัญชาการศึก
ส่วนมากแล้ว
แต่อูเล่อไม่มีความสนใจที่จะเป็นแม่ทัพบัญ ชาการศึก ความคิดจิตใจ
ทั้งหมดของมันจดจ่ออยู่กับการฝึกฝีมือ เนื่องเพราะเป้าหมายของมันคือ
เหวยเสิ้ง
อู เ ล่ อ ดื่ มสุ ร าอึ ก ใหญ่ พร่ า ร าพั น ว่ า ” สิ บ ปี ที่ แ ล้ ว ข้ า พ่ า ยแพ้ ใ ต้ ค ม
กระบี่ของเหวยเสิ้ง สิบปีให้หลัง มิเพียงไม่อาจไล่ติดตามมันทัน กลับยิ่งถูก
ทิ้งห่างกว่าเดิม ข้าได้แต่ยอมรับนับถือจนหมดใจ บุรุษเช่นนี้เป็นผู้ที่พวก
เราสมควรนามาเป็นแบบอย่าง สิบปีที่แล้วทุกคนพากันบอกว่าเหวยเสิ้ ง
ตายไปแล้ว ข้าหัวร่อเยาะพวกมัน บุรุษเช่นนี้ไฉนเลยจะตกตายง่ายดายถึง
เพียงนั้น?”
สุ่ยเยวี่ยรับฟังเงียบ ๆ มันทราบว่าอูเล่อเพียงต้องการเสาะหาผู้ที่มัน
จะระบายความคับข้องใจออกมา
“กระทั่งหลินเชียนยังพ่ายแพ้ใต้คมกระบี่ของเหวยเสิ้ง ข้าไม่ชมชอบ
หลินเชียน แต่มิอาจไม่ยอมรับว่าคนผู้นี้เป็นยอดอัจฉริยะที่แท้จริง อาเยวี่ย
เจ้าเห็นว่าอย่างไร เรื่องทางโลกไฉนเปลี่ยนพลิกรวดเร็วถึงปานนี้ ?” อูเล่อ
ดวงตาเคว้งคว้าง เต็มไปด้วยความสับสนงุนงง อาจบางทีมันเมามายแล้ว
“หมิงอ๋องผู้นั้นจู่ ๆ ก็ผุดขึ้นจากที่ใดไม่ทราบ มันก่อเรื่องใหญ่โตในดินแดน
แห่งความมืด แต่เท่านั้นยังไม่ห นาใจ ยังคิดฝันรวมเผ่าปิศาจให้เป็นหนึ่ง
เดียว ฮ่า ทาให้เราต้องมามีสภาพน่าอนาถเช่นนี้ ! ยามนี้ม่ออวิ๋นไห่เปิดศึก
กับคุนหลุน เหวยเสิ้งที่ไม่ได้ เห็นมาสิ บปี บัดนี้กลับกลายเป็นเทพยุ ทธ์ ขู่
ขวัญหลินเชียนจนต้องซุกหัวหดหาง คุนหลุนนับว่าเสียหน้าครั้งใหญ่ ทั้งยัง
ต้องประหวั่นพรั่นพรึง หลินเชียนช่างน่าเวทนานัก พวกมันทั้งคู่ต่างเป็น
เทพยุทธ์เหมือนกันแท้ ๆ นี่เป็นความอัปยศอดสูครั้งใหญ่ อัปยศอดสูยิ่งนัก
... ...โลกนี้... ...กาลังจะเป็นอะไรแล้ว... ...อ่านไม่ออกแม้แต่น้อย... ...”
อูเล่อยิ่งกล่าว สุ้มเสียงยิ่งอ้อแอ้ไม่ชัดเจน สุดท้ายมันซบหน้ากับท่อน
แขน เริ่มส่งเสียงกรนออกมา
มันหดหู่สิ้นหวังถึงที่สุด ที่มายังเคหะสถานของสุ่ยเยวี่ย ก็เพียงเพื่อ
เมามายสักครา
สุ่ยเยวี่ยนั่งนิ่งสงบ ค่อย ๆ จิบสุราอย่างแช่มช้า สุราร้อนแรงราวกับ
เปลวไฟไหลผ่านลงไปในลาคอ
ทันใดนัน
้ ในดวงตาที่สงบเยือกเย็นอยู่ตลอดเวลา พลันเริม
่ ทอประกาย
ร้อนแรงราวกับลุกไหม้ มันหวนนึกถึงพันธสัญญาโลหิต เมื่อครั้งกระโน้น
นึกถึงความสับสนงุนงงในระหว่างการเฝ้ารอนานถึงสิบปีเต็ม นึกถึงการที่
มันเฝ้าถามไถ่ตัวเองทุกค่าคืน นึกถึงเรื่องราวนานัปการ
มั น คล้ า ยร าพึ ง กั บ ตั ว เอง โดยที่ อู เ ล่ อ ผู้ ห ลั บ ใหลด้ ว ยความเมามาย
ไม่ได้สดับฟังแม้แต่น้อย
“เนื่องเพราะเมล็ดพันธุ์ที่ปลูกไว้ ย่อมต้องงอกเงยเป็นต้นไม้ใหญ่”

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หมายเหตุ
- เทพปิศาจลาดับที่สี่ ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในบทที่ 805 กล่าวกันว่าเป็นแม่ทัพบัญชาการศึ ก
ผู้หนึ่ง แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดมากนัก
- สุ่ยเยวี่ย ปิศาจจากตระกูลจันทร์วารี (สุ่ยเยวี่ย) ปรากฏตัวครั้งแรกในบทที่ 559 มาตาม
พั น ธสั ญ ญาโลหิ ต ของเว่ ย (หนึ่ งในสามคน ร่ ว มกั บโหยวฉิ น เลี่ ย กั บ เฟ่ ยเหลย) อดี ตเคยเป็ น
นายพรานที่มีฝีมือ แต่ชีวิตยากจนแร้นแค้น ปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในบทที่ 677 โดยการปลอม
ตัวเป็นคนของตระกูลพฤกษาเงิน กาลังสมัครเข้าร่วมกับขุมกาลังบางแห่ง
- เทพปิศาจลาดับที่ห้า อูเล่อ เคยประมือกับเหวยเสิ้งในวิหารโบราณ ก่อนหน้าที่พวกจั่วม่อ
จะต่อสู้กับผู้อาวุโสสูงสุดช่วงหนึ่ง
บทที่ 909 เทพกระบี่เหวยเสิ้ง!

มู่เซวียนตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย
นางยังคงประเมินเปี๋ ยหานต่าเกินไป กองทัพของนางประสบกับความ
เสียหายร้ายแรง หากแต่นางไม่มีความรู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจ เปี๋ ยหาน
แข็งแกร่งกว่านาง นางยอมรับความพ่ายแพ้จากใจจริง
แต่รอจนนางได้รับกระบี่บินส่งข่าวจากเสวียตง ยอดแม่ทัพสตรีนางนี้
ถึงกับนิ่งขึงตะลึงลาน
เจ้าสานักพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับเหวยเสิ้ง!
จะเป็นไปได้อย่างไร? ปฏิกิริยาแรกของมู่เซวียนคือไม่เชื่อ ร้อยไม่เชื่อ
พันไม่เชื่อ แต่ข่าวนี้เป็นเสวียตงส่งมาด้วยตัวเอง คาสั่งการในนั้นยังแฝง
ความร้อนใจอย่างที่สุด นางยอมรับอย่างรวดเร็วว่านี่เป็นเรื่องจริง
มู่ เ ซวี ย นตระหนั ก ทั น ที คุ น หลุ น อยู่ ใ นวิ ก ฤติ ก ารณ์ อ ย่ า งที่ ไ ม่ เ คย
ปรากฏมาก่อน!
เหวยเสิ้งกาลังเข่นฆ่าเปิดทางไปยังยอดเขาหลักของคุนหลุนอย่างสุด
อหังการ หากมันเหยียบเท้าลงบนยอดเขาหลักของคุนหลุนได้จริง สาหรับ
ชาวคุนหลุนทั้งมวล จะเป็นหายนะอย่างแท้จริง!
คุนหลุนไร้เทียมทาน ยังไม่เคยถูกหยามอัปยศถึงเพียงนี้มาก่อน
อุบาทว์บัดซบ!
มู่เซวียนปรารถนาจะติดปีกโบยบินกลับไปยังคุนหลุนในบัดดล ทว่า
เปี๋ ยหานย่อมไม่ปล่อยให้พวกนางจากไป หากมู่เซวียนเผยช่องว่างรอยโหว่
แม้เพียงน้อยนิด ศัตรูที่น่ากลัวนี้จะกระโจนเข้าขย้าจนจมเขี้ยว
เปี๋ ยหานประหนึ่ ง สุ นั ข ป่ า จอมวายร้ า ย ทั้ ง กลอกกลิ้ ง เจ้ า เล่ ห์ และ
อามหิตเลือดเย็น
กองพันมู่เซวียนนับว่าบอบช้าอย่างสาหัส เพียงช่วงเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่
วัน ผู้ที่ตกตายภายใต้คมเขี้ยวของกองพันบาปเคราะห์ที่นาโดยเปี๋ ยหาน มี
มากกว่าหนึ่งพันคน ที่เลวร้ายไปกว่านั้น คือมีผู้ได้รับบาดเจ็บในจ านวนที่
ใกล้เคียงกัน ที่สาคัญคือมู่เซวียนยังทราบแน่แก่ใจ นี่เป็นเปี๋ ยหานจงใจทิ้งผู้
ที่ได้รับบาดเจ็บจานวนมากเอาไว้ เพื่อเป็นเครื่องถ่วงของพวกนาง คนเจ็บ
จ านวนมากจะส่ ง ผลกระทบต่ อ ขวั ญ ก าลั ง ใจกองทั พ อย่ า งร้ า ยกาจ
มิหนาซ้ายังทาให้กองทัพสูญเสียความคล่องตัวแทบหมดสิน

กองพันมู่ เซวียนหลังจากรบแพ้ส องครั้งติดต่อกัน ขวัญกาลังใจของ
กองทัพต่าเตี้ยเรี่ ยดิ นอย่ า งที่ ไม่ เคยมี ม าก่ อน มู่เซวียนทราบว่ า ในสภาพ
เช่นนี้ นางไม่มีปัญญาเอาชนะเปี๋ ยหานได้
ยามนี้นางเร่งขบคิดหาวิธีกลับไปยังคุนหลุนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทา
ได้ คุนหลุนกาลังถูกไล่ต้อนเข้าสู่ วิกฤติการณ์ ร้ ายแรงที่สุด เท่า ที่เ คยมี ม า
สถานการณ์เปลี่ยนพลิกอย่างฉับพลันทันใด กระทั่งมู่เซวียนยังรู้สึกใจหาย
อยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม เปี๋ ยหานคล้ายคาดเดาจิตเจตนาของนางออก มันยังคง
ประพฤติตนประหนึ่งกอเอี๊ยะหนังสุนัข 8 ไล่ล่าขบกัดพวกนางอย่างเหนียว
แน่น สร้างความพะว้าพะวังและอึดอัดขัดข้องอย่างที่สุด
เป็ น ครั้ ง แรกที่ มู่ เ ซวี ย นรู้ สึ ก ไร้ พ ลั ง อ านาจถึ ง เพี ย งนี้ นางควรท า
อย่างไรดี?
“ต้าเหริน!” รองแม่ทัพของมู่เซวียนขัดจังหวะความคิดของนาง
มู่เซวียนเงยหน้าขึ้นมองอย่างฉงน
“ให้บริวารผู้นี้ ทาหน้าที่รั้งท้ายเถอะ!” รองแม่ทัพของมู่เซวียนกล่าวอ
ย่างเด็ดเดี่ยว สีหน้านางสงบราบเรียบ ราวกับว่ากาลังเอ่ยถึงเรื่องธรรมดา
สามัญสักเรื่อง
มู่เซวียนใจสั่นสะท้าน นางมองดูเพื่อนคู่หูที่ติดตามนางมานานกว่าสิบ
ปี เห็ น ดวงตาของอี ก ฝ่า ยทอแววเข้ม แข็ง เด็ ด เดี่ ย ว คนทั้ ง สองเติบ โตมา
ด้วยกันตั้งแต่เยาว์วัย สนิทสนมกลมเกลียวฉันเจี่ยเม่ย
“เพื่อคุนหลุน!” ผู้ที่เป็นทั้งแม่ทัพคนสนิทและเสี่ยวเม่ยของนางสุ้ม
เสียงหนักแน่นมั่นคง
มู่เซวียนจับจ้องมองดูนางอยู่ชั่วอึดใจ จากนั้นกล้ากลืนความเศร้าใน
ส่วนลึกของหัวใจ พริ้มตาหลับลง ใช้ความเข้มแข็ง ส่วนเสี้ยวสุดท้ายของ
นางกล่าวว่า “เพื่อคุนหลุน!”

8
กอเอี๊ยะหนังสุนข
ั หมายถึงยาราคาถูก ใช้รักษาไม่ได้ อุปมาว่า สิ่งที่หลอกลวงคน แต่ในที่นี้น่าจะใช้ใน
ความหมายตรงตัวเลย คือเกาะติดไม่ยอมหลุด
รองแม่ทัพคนสนิทเผยอยิ้มอ่อนหวาน จากนั้นหมุนตัวจากไปโดยไม่
เหลียวกลับมาอีก
มู่เซวียนน้าตาสองสายไหลรินเป็นทาง
บรรยากาศโศกสลดปกคลุมทั่วกองทัพ ทุกคนเข้าใจการตัดสินใจของ
เบื้องบนดี ผู้ได้รับบาดเจ็บหนึ่งพันคนและเซี ยนกระบี่หญิงอีกสองพัน ถูก
เลือกให้รับหน้าที่รั้งท้าย พวกนางจะใช้ชีวิตของตนเพื่อถ่วงเวลาเปี๋ ยหาน
ลมหนาวเย็นเฉียบเหมือนคมมีด
“เพื่อคุนหลุน!”

เหวยเสิ้งในมือถือกระบี่ พุ่งตรงไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง สีหน้าเคร่งขรึม


เย็นเยียบ มันไม่ว่าผ่านไปยังที่ใด ทั้งแผ่นฟ้ าแผ่นดิน ประหนึ่ง ถูกย้อมไป
ด้วยโลหิต
กระบี่โลหิตประหารเทพคล้ายดื่มโลหิตจนสาสมใจ รังสีฆ่าฟันของมัน
ปกคลุมเต็มฟ้า
ดวงตาของเหวยเสิ้งกระจ่างสดใส เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
หลายวันมานี้มันฆ่าคนไปมากมายเท่าใด แม้แต่ตัวมันเองก็ไม่อาจนับ
ได้แล้ว เซียนกระบี่คุนหลุนพากันโถมเข้าหามันอย่างปราศจากความกลัว
เกรง มีจานวนมากมายมหาศาลราวกับกระแสน้าหลาก
พลังฝีมือของพวกมันไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง แต่ความมุ่งมั่นจนแทบ
จะกลายเป็นคลุ้มคลั่งของพวกมัน ทาให้แม้แต่เหวยเสิ้งยังต้องสะท้านใจ
แต่ก็เพียงเท่านัน
้ พวกมันทาได้เพียงแค่เพิม
่ จานวนคนตายเท่านัน

ใจกระบี่ของเหวยเสิ้งแกร่งกร้าวมั่นคงดุจหินผา คาสาบานกระบี่เมื่อ
ครั้งกระโน้นดังก้องอยู่ในใจมัน ระหว่างมันกับคุนหลุน ไม่ตายไม่เลิกรา นี่
คือหนี้แค้นที่ไม่ยินยอมอยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน!
เพื่อที่จ ะหยุดยั้งมัน คุนหลุนทาลายค่ายกลเคลื่อนย้ายที่อยู่ระหว่าง
ทางจนหมดสิ้น แต่นี่ไม่ได้ส่งผลอันใดต่อเหวยเสิ้ง ปรมาจารย์เทพยุทธ์เช่น
มัน สามารถท่องทะยานไปในห้วงมิติความว่างเปล่าอย่างอิสระ

รอจนเทือกเขาคุนหลุ นปรากฏขึ้น ในครรลองสายตา ความยิ่ ง ใหญ่


ไพศาลและโอ่ อ่ า สง่ า งามของเทื อ กเขาอั น ดั บ หนึ่ ง แห่ ง แผ่ น ดิ น เทื อ กนี้
แม้แต่เหวยเสิ้งยังอดครั่นคร้ามยาเกรงไม่ได้
เห็ น ยอดเขานั บ หมื่ น พุ่ ง ทะยานเสี ย ดฟ้ า ราวกั บ ป่ า กระบี่ ยื ด ขยาย
อย่างไร้ที่สิ้นสุด ยอดเขาแต่ล ะลูกประดุจ กระบี่บิน เล่มหนึ่ง มีรูปร่างเค้ า
โครงและรัศมีกลิ่นอายที่ผิดแผกแตกต่างกัน ไป บ้างสูงชัน บ้างกว้างใหญ่
กระการตา บ้ า งปกคุ ล มด้ ว ยหิ ม ะน้ า แข็ ง หมื่ น ปี หรื อ มี ล าธารหิ น หลอม
เหลวไหลลงมา แม้แต่เหวยเสิ้งผู้ท่องทะยานผ่านสถานที่มากมาย ยังเพิ่ง
จะเคยพบเห็นสถานที่อันพิเศษเฉพาะเช่นนี้เป็นครั้งแรก
สมแล้วที่เป็นคุนหลุน สวรรค์ช่างเอื้อเอ็นดูพวกมันจริง ๆ
เหวยเสิ้งราพันในใจ สายตากวาดมองไปยังยอดเขาหลักของคุนหลุน
ในบรรดายอดเขานับหมื่น นับยอดเขาหลักของคุนหลุนโดดเด่นสะดุด
ตาที่สุด เนื่องเพราะความสูงใหญ่เหนือผู้ใดของมัน ยอดเขาหลักของคุน
หลุนตั้งตระหง่านเสียดฟ้า ครอบครองพื้นที่อันไพศาล สุดที่ยอดเขาอื่น ๆ
จะเที ย บเที ย มได้ ยอดเขาอื่ น ๆ ที่ ด้ า นข้ า งไม่ ต่ า งจากหิ่ ง ห้ อ ยแข่ ง แสง
จันทรา ยอดเขาหลักแห่งคุนหลุนไม่ทราบว่าสูงใหญ่กว่าเท่าใด มองแต่ไกล
คล้ายกระบี่เล่มมหึมา แทงทะลุขึ้นไปถึงสวรรค์ชน
ั้ ฟ้า
คุนหลุนไร้เทียมทาน!
เห็นค่ายกลอาคมหวงห้ามปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ทับซ้อนเป็นชั้นๆ
ไม่รู้ว่ากี่ชั้น เพิ่มประกายคล้ายชั้นแพรไหมอันสวยสดงดงามให้แก่ยอดเขา
หลักแห่งคุนหลุน ระยิบระยับละลานตาอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์
นี่ก็คือคุนหลุน?
ทันใดนั้นเหวยเสิ้งดวงตาทอประกายสดใสเจิดจ้า แม้ว่ายอดเขาหลัก
แห่งคุนหลุนจะกอรปด้วยกลิ่นอายสภาวะเขย่าขวัญวิญญาณผู้คน แต่ภาพ
ในใจมันกระจ่างชัดด้วยภูเขาเล็ก ๆ ที่รกร้างห่างไกล ไม่มีผู้ใดรู้จัก ภูเขาสุญ
ตา
ภูเขาน้อยลูกนั้นไม่ได้กว้างใหญ่ไพศาล ไม่ได้เปี่ ยมไปด้วยพลังอันน่า
แตกตื่นสะท้านใจ ทั้งไม่เคยเป็นที่เคารพบูชาของผู้คนนับไม่ถ้วน
ไม่มีสิ่งใดเทียบได้กับเทือกเขาที่เบื้องหน้า
แต่ภูเขาน้อยลูกนั้น เป็นภูเขาที่สาคัญที่สุดในใจมัน!
ในนามของสุญตา!
เหวยเสิ้ ง สู ด ลมหายใจลึ ก ดวงตาสาดประกายมุ่ ง มั่ น เด็ ด เดี่ ย ว ยก
กระบี่โลหิตประหารเทพขึ้นช้า ๆ

“มันมาแล้ว!”
“เหวยเสิ้ง!”
ยอดเขาหลักแห่งคุนหลุนชุมนุมไปด้วยผู้คนที่คล้ายกาลังเดือดพล่าน
ยอดเขาทุกลูกในเทือกเขาคุนหลุนล้วนเต็มไปด้วยผู้คน
ศิษย์คุนหลุนนับไม่ถ้วนแห่แหนกันมาจากทุกสารทิศ
“เพื่อคุนหลุน!”
บางคนกู่คารามอย่างฮึกเหิม แทบทุกคนชูกระบี่ในมือขึ้นสูง ร่าร้อง
ตะโกนตาม
“เพื่อคุนหลุน!”
“เพื่อคุนหลุน!”
เสียงกู่คารามสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังกึกก้องอยู่กลางอากาศ คล้าย
ดังมาจากเทือกเขาทุกลูก ดังออกมาจากหัวใจของศิษย์คุนหลุนทุกคน!
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
เงาร่างนับไม่ถ้วนโผพุ่งขึ้นจากยอดเขาทุกลูกในเทือกเขาคุนหลุน มืด
ฟ้ามัวดินไปหมด
พวกมันประหนึ่งทะเลเพลิงที่กาลังลุกฮือโหม ปรารถนาจะใช้เปลวไฟ
แห่งชีวิตของพวกมัน เพื่อแผดเผาเงาร่างอันน่าสะพรึงกลัวนั้นให้มอดไหม้
เป็นจุณ ใบหน้าของพวกมัน ปราศจากความกลัว เกรง หากกระทั่ง ความ
ตายพวกมันยังไม่กลัว พวกมันยังจะต้องหวาดกลัวสิ่งใดอีกเล่า!
ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายก็คือ คนที่อยู่ในระยะไกลผู้นั้น กลับไม่
มีทีท่าว่าจะบุกเข่นฆ่าเข้ามาเหมือนดังที่พวกมันคาดคิด
ไม่ทราบเพราะเหตุใด หลายคนลอบทอดถอนใจอย่างโล่งอก
แต่แล้วในเวลานี้เอง เหวยเสิ้งพลันยกกระบี่ในมือขึ้น
ทุกผู้คนงงงันวูบ แม้แต่บรรดาศิษย์คุนหลุนที่ก าลั งโถมเข้าหาเหวย
เสิ้งอย่างไม่คิดชีวิต ยังพากันหยุดชะงัก
มันคิดจะทาอะไร?
เหวยเสิ้งยังอยู่ห่างจากยอดเขาหลักแห่งคุนหลุนกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบลี้
หากมิใช่ว่าพวกมันจัดตั้งค่ายกลถ่ายทอดภาพไว้ล่วงหน้า พวกมันเองยังไม่
อาจมองเห็นแม้แต่เงาของเหวยเสิง้
นี่ใช่เป็นการยั่วโทสะของพวกมันหรือไม่?
ในระยะไกลลิบลิ่วถึงเพียงนี้ ยังจะเงื้อกระบี่ทาอะไร?
ทว่าพวกมันยังไม่ทันจะได้ข บคิดเข้าใจ ปราณกระบี่สีแดงเลือดสาย
หนึ่งพลันพุ่งวาบออกจากกระบี่ของเหวยเสิง้
ปราณกระบี่สีโลหิตนั้นไม่ได้เจิดจ้าบาดตา ไม่ได้มีสิ่งใดน่าดูชมแม้แต่
น้อย ทว่าปราณกระบี่ที่คล้ายสามัญธรรมดายิ่งสายนี้ กลับคล้ายทะลุผ่าน
ห้วงมิติ ตัดผ่านอากาศมาถึงตรงหน้าพวกมันในบัดดล!
ปราณกระบี่อันนามาซึ่งทะเลโลหิตอันกว้างใหญ่ไพศาลไม่มีที่สิ้นสุด!
คลื่นพิโรธสีโลหิตระเบิดพลังสูงเทียมฟ้า ประหนึ่งพญามารร่างมหึมา
นับไม่ถ้วนกาลังอ้าปากกว้าง ม้วนโถมเข้าใส่พวกมันในบัดดล
เหล่ า ศิ ษ ย์ คุ น หลุ น ยั ง ไม่ ทั น ได้ มี ป ฏิ กิ ริ ย าใด ก็ ถู ก คลื่ นพิ โ รธสี โ ลหิต
กลืนกินลงไปหมดสิ้น คลื่นโลหิตเหล่านั้นมิเพียงไม่หยุดลงเพียงเท่านี้ พวก
มันกลับยิ่งกล้าแข็งกว่าเดิม ม้วนกวาดไปยังยอดเขาหลักของคุนหลุนด้วย
ระดับความเร็วอันชวนสะท้านใจ
ระยะทางไม่ว่ากว้างใหญ่สักเท่าใด ล้วนเหมือนกับว่าไม่มีอยู่จริง
แทบจะชั่วพริบตาเดียว คลื่นพิโรธสีโลหิตพกพาพลังสภาวะอันเกรี้ยว
กราดและมั่นคงดุจเหล็กกล้า กระแทกใส่ยอดเขาหลักแห่งคุนหลุนอย่างหัก
โหม!
บึม!
บรรดาอาคมหวงห้ามที่ทับซ้อนเป็นชั้นๆ บนยอดเขาหลักมีสภาพไม่
ต่างจากกระดาษบางๆ พากันแตกกระจายเป็นละอองแสงหลากสีสัน สาด
กระเซ็นไปทั่วแผ่นฟ้าแผ่นดิน ค่ายกลคุ้มกันสานักซึ่งเหล่ายอดคนแห่งคุน
หลุนรุ่นแล้วรุ่นเล่าเพียรพยายามจัดตั้งขึ้น เบื้องหน้าปราณกระบี่สะท้าน
ฟ้ า ของเหวยเสิ้ ง ถึ ง กั บ ไม่ อ าจต้ า นทานได้ แ ม้ แ ต่ ชั่ ว อึ ด ใจเดี ย ว ก่ อ นจะ
แหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี
กระแสคลื่นคลุ้มคลั่งบดขยี้สิ่งกี ดขวางทั้ งมวล กระแทกชนกั บ ยอด
เขาหลักแห่งคุนหลุนอย่างถนัดถนี่!
บึม!
ชั่วพริบตานี้กาลเวลาคล้ายหยุดลง ทุกผู้คนสีหน้าทอแววสับสนเลื่อน
ลอย สมองขาวว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
ยอดเขาหลักแห่งคุนหลุนอันยิ่งใหญ่ไพศาล ค่อย ๆ พังทลายลงต่อ
หน้าต่อตาพวกมัน
ครืน ครืน ครืน!
ยอดเขาหลักใหญ่โตเกินไป จนเมื่อยามที่ร่วงฟาดลง สะเก็ดหินและ
เศษฝุ่นจากแรงระเบิดถึงกับม้วนตลบขึ้นไปถึงชั้นฟ้า ราวกับเมฆรู ปเห็ ด
มหึ ม า เสี ย งกึ ก ก้ อ งกั ม ป นา ท บั น ด าล ให้ เ ทื อก เข าคุ นหลุ น ทั้ ง ห ม ด
สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปด้วย
เงียบสงัดเสมือนตาย!
เป็นความเงียบที่หากมีเข็มตกสักเล่มยังได้ยินชัดเจน!
ทุ ก ผู้ ค นใบหน้ า ซี ด ขาวดุ จ คนตาย ริ ม ฝี ป ากสั่ น ระริ ก สี ห น้ า สั บ สน
งุนงง มีอาการคล้ายไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
ยอดเขาหลัก... ยอดเขาหลักอันเกรียงไกรแห่งคุนหลุน ถึงกับถูกฟัน
ลงมาในกระบี่เดียว... ...
ศิษย์คุนหลุนทั้งมวลใบหน้าขาวเผือด ในใจของพวกมันคล้ายมีบางสิ่ง
แตกสลาย
เสี ย งร่ า ไห้ ค ร่ า ครวญอั น เปี่ ยมไปด้ ว ยความสิ้ น หวั ง อย่ า งลึ ก ล้ า ดั ง
ระงมไปทั่วแผ่นดิน!

เหวยเสิ้งบุกเดี่ยวไปยังคุนหลุน ฟันยอดเขาหลักแห่งคุนหลุนลงมาใน
กระบี่เดียว!
ข่าวอันน่าแตกตื่นสะท้านโลกนี้ประดุจพายุหมุนมหายักษ์ กวาดผ่าน
ไปทั่ ว โลกในชั่ ว ข้ า มคื น ไม่ มี สิ่ ง ใดจะน่ า อั ศ จรรย์ เ ท่ า นี้ อี ก แล้ ว คุ น หลุ น
จักรพรรดิแห่งใต้หล้า กลับถูกคนเพียงคนเดียวโค่นลง ถูกเหวยเสิ้งฟันยอด
เขาหลักอันเป็นหัวใจแห่งคุนหลุนพังทลายลงมา!
ไม่ว่าผู้ใดเมื่อได้ยินข่าว ล้วนตะลึงงันไปชั่วขณะ
หากความพ่ายแพ้ของหลินเชียนทาให้ผู้คนรู้สึกเหลือเชื่อ เหตุการณ์นี้
ก็เกินกว่าที่คาว่าเหลือเชื่อจะอธิบายได้
คุ น หลุ น คื อ ส านั ก ที่ แ ข็ ง แกร่ ง ที่ สุ ด ในโลกตลอดหลายพั น ปี เป็ น ขุ ม
กาลังที่ทรงพลังอานาจที่สุดในใต้หล้า!
ไม่มีสานักใดเทียบได้กับคุนหลุน
คุนหลุนไร้เทียมทาน!
ซึ่งความจริงคากล่าวประโยคนี้คุนหลุนไม่ได้บัญญัติขึ้นเอง เพียงแต่
อานาจบารมีซึ่งคุนหลุนสั่งสมมาตลอดหลายพันปี ยังคงฝังลึกอยู่ในใจผู้คน
เหล่าศิษย์แห่งคุนหลุนจึงมักทระนงตนอยู่เสมอ ทุกคนเข้าใจว่าพวกมันมี
คุณสมบัติที่จะทระนงถือดี นี่เป็นความทระนงถือดีที่มาจากความเป็นจริง
ที่ไม่มีผู้ใดสามารถโต้แย้ง เนื่องเพราะพวกมันมาจากคุนหลุน
ไม่ ว่ า เมื่ อใดพวกมั น ก็ เ ต็ ม ไปด้ ว ยขวั ญ ก าลั ง ใจ เต็ ม ไปด้ ว ยความ
เชื่ อ มั่ น ไม่ ว่ า เมื่ อ ใด พวกมั น ก็ เ ป็ น คนหนุ่ ม สาวที่ เ ด่ น ล้ า ที่ สุ ด เป็ น เซี ย น
กระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุด พวกมันคือผู้ที่จะปกครองโลกในอนาคตอันใกล้ ทั้ง
ในสายตาของผู้อ่ ืนและในหัวใจของพวกมัน ล้วนเชื่อมั่นเช่นนี้โดยไม่มีข้อ
กังขา
คุนหลุนคือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเซียนกระบี่
พวกมันเป็นผู้บุกเบิกวิถีทางฝึกปรือแห่งเซียนกระบี่อันกล้าแกร่งทรง
พลังที่สุด และพัฒนาเรื่อยมา จนกระทั่งเซี ยนกระบี่ กลั บกลายเป็ น ยอด
ยุทธ์ที่แกร่งกล้าเกรียงไกรที่สุดในบรรดาซิวเจ่อทั้งมวล
แต่ ก ระนั้ น แดนศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ แ ห่ ง เซี ย นกระบี่ ซึ่ ง เคยฟู ม ฟั ก ยอดเซี ย น
กระบี่ นั บ ไม่ ถ้ ว น บั ด นี้ ก ลั บ ต้ อ งคุ กเข่า ลงแทบเท้ า เซี ย นกระบี่ จ ากส านัก
กระบี่ไร้ช่ อ
ื เสียงเรียงนามผู้หนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นสานักใด นี่ไม่เพียงแต่เป็นความอัปยศอดสูอย่างที่สุด แต่
ไม่ต่างจากการทาลายรากเหง้าของพวกมันโดยตรง
ไม่ว่าเซียนกระบี่ผู้ใดเมื่อได้ยินข่าวนี้ ล้วนไม่อาจปริปากกล่าววาจา
ในใจของพวกมันคล้ายมีบางสิ่งแตกสลายไปอย่างเงียบ ๆ
คุนหลุนไม่ได้เป็นคุนหลุนไร้เทียมทานอีกต่อไป
ยอดเขาหลักที่พังพินาศสิ้น ศักดิ์ศรีสูงสุดอันไร้ที่เปรียบแห่งคุนหลุน
ล้วนกลับกลายเป็นเครื่องหนุนเสริมอันเพียบพร้อมสมบูรณ์ให้แก่คนผู้หนึ่ง
นามของเทพกระบี่เหวยเสิ้ง นับแต่วันนี้ไปจะไม่มีผู้ใดกังขาอีก
เทพกระบี่สูงสุด ใต้หล้าไร้เทียมทาน!
บทที่ 910 กระบี่ของหลินเชียน

เหวยเสิ้ ง ใช้ ก ระบี่ เ ดี ย วฟั น ยอดเขาหลั ก แห่ ง คุ น หลุ น ขาดร่ ว งลงมา


ข่าวนี้น่าแตกตื่นสะท้านโลกเกินไป เมื่อเทียบกันแล้ว การที่วิหารเทพปิศาจ
ทั้ ง เบื้ อ งสู ง เบื้ อ งต่ า พร้ อ มใจกั น ยอมจ านนต่ อ หมิ ง อ๋ อ ง กลั บ ไม่ ไ ด้ ดึ ง ดู ด
ความสนใจของผู้คนมากนัก
อย่างไรก็ตาม นี่ย่อมไม่ได้หมายรวมถึงชาวเผ่าปิศาจ
สายตาของชาวเผ่าปิศาจทั้งมวลล้วนเฝ้ามองกองทัพหมิงอ๋องที่อยู่ใน
ดินแดนร้อยเถื่อน ระดับความเป็นปฏิปั กษ์ ที่ชาวดินแดนร้อยเถื่อนมีต่อห
มิงอ๋องลดน้อยลงไปมาก เหวยเสิ้งเพียงลาพังเข่นฆ่าอาละวาดไปทั่ ว แดน
คุนหลุน ก่อกวนจนคุนหลุนปั่ นป่วนแทบถล่มทลาย ทาให้ชาวปิศาจต้อง
หั น กลั บ มาขบคิ ด พิ จ ารณาถึ ง สถานะของปรมาจารย์ เ ทพยุ ท ธ์ อี ก ครั้ ง
แม้แต่ตัวตนอันแกร่งกร้าวเกรียงไกรเช่นคุนหลุน ยังถูกเหวยเสิ้งจัดการเสีย
จนตกอยู่ในสภาพดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง
ระดับเทพยุทธ์ นั่นจึงเป็นจุดสูงสุดที่แท้จริงของโลกใบนี้ ขุมกาลังใด
ไม่มีชนชั้นเทพยุทธ์ ต้องประสบกับชะตากรรมพ่ายแพ้ดับสูญ ในบรรดา
เผ่าปิศาจทั้งสองดินแดน มีเทพยุทธ์เพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือหมิงอ๋อง
ด้วยเหตุนี้เอง ความเป็นศัต รู ข องชาวปิศาจในดินแดนร้ อยเถื่ อนจึ ง
บรรเทาเบาบางลงไปมาก มิ ห น าซ้ า ยั ง รู้ สึ ก เบาใจอยู่ บ้ า ง ท้ า ยที่ สุ ด เผ่ า
ปิศาจก็ยังมีเทพยุทธ์ของตนเองเช่นกัน
หลายคนเริ่มวาดฝันถึงยุคสมัยแห่งความสงบสุข หมิงอ๋องคือจอมคน
ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดในการรวมเผ่าปิศาจอย่างไม่ต้องสงสัย
เรื่ องการก่ อ กบฏภายในของวิ ห ารเทพปิ ศ าจไม่ ไ ด้ เ หนื อ ความ
คาดหมายมากนัก ว่ากันว่าการตัดสินใจอันบ้าคลั่งของประมุข เทพปิศ าจ
สร้างความไม่พอใจให้แก่เทพปิศาจที่เหลือทั้งหมด ซึ่งความจริง คาสั่งอัน
เป็นชนวนเหตุของความแตกแยกนี้ ไม่น่าแปลกใจเท่าใด ในความเห็นของ
หลาย ๆ คน วิ ห ารเทพปิ ศ าจตกอยู่ ภ ายใต้ แ รงกดดั น อัน หนัก หนาสาหัส
เช่นนี้ สามารถพังทลายลงเมื่อใดก็ได้
หลังจากที่ตอนแรกแตกตื่นตระหนก ต่อจากนั้นชาวปิศาจไม่ว่าเบื้อง
สูงเบื้องต่า พากันเข้าสู่ช่วงของการเฉลิมฉลองในทันที
เผ่าปิศาจรวมเป็นหนึ่งเดียว!
หลังจากหลายพันปีล่วงผ่าน เผ่าปิศาจในที่สุดก็รวมเป็นหนึ่งอี กครั้ง
ในประวัติศาสตร์ของเผ่าปิศาจ ทุกครั้งที่เผ่าปิศาจผนึกรวมเป็นหนึ่ง นั่นจะ
เป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองแห่งความรุ่งโรจน์ พวกมันมีเหตุผ ลมากพอให้
เชื่อว่าเผ่าปิศาจกาลังจะก้าวเข้าสู่อยุคสมัยใหม่อันเรืองรอง
ราชาแห่งเผ่าปิศาจ!
ประมุขเทพปิศาจถูกฆ่าตายในศึกภายในวิหารเทพปิศาจ เทพปิศาจ
แรดไม่ยินดีที่จะรับตาแหน่งภายใต้การปกครองใหม่ มันถอนตัวจากวิหาร
เทพปิศาจ กลับไปยังดินแดนบ้านเกิดเพื่อเป็นผู้นาตระกูล ของตน วิหาร
เทพปิศาจยังคงหลงเหลือกองพันโหยวซือและกองพันสุ่ยเยวี่ย อู เล่อรับ
ตาแหน่งองครักษ์ข้างกายคนใหม่ของราชาปิศาจ ส่วนตาแหน่งอื่น ๆ ราชา
ปิศาจองค์ใหม่เป็นผู้จัดสรรให้ด้วยตัวเอง
สี่ยอดกองพันเลิศล้าแห่งเผ่าปิศาจ เริม
่ เป็นรูปเป็นร่างอย่างรวดเร็ว
กองทั พ แตรศึ ก แห่ ง ราชั น ของเหลีย งเวยกลายเป็ นทั พ ปิ ศ าจล าดับ
แรก ส่วนอีกสามกองพันล้าเลิศที่เหลือประกอบไปด้วย กองพันชีของชีซิง
กองพันโหยวซือของโหยวซือหย่าเค่อ และกองพันสุ่ยเยวี่ยของสุ่ยเยวี่ย
อันม่อขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่อันดับแรก รับหน้าที่ควบคุมดูแลทุกกองทัพ
สิ่ ง เดี ย วที่ เ หนื อ ความคาดหมายของผู้ ค นก็ คื อ จู้ ห นานเยวี่ ย ขุ น พลหญิง
อั น ดั บ หนึ่ ง แห่ ง วั ง ที่ ร าบน้ า แข็ ง แดนเหนื อ นางนี้ กลั บ กลายเป็ น กุ น ซื อ
อันดับหนึ่งในคณะที่ปรึกษายุทธวิธีของแม่ทัพใหญ่อันม่อ
เนื่ อ งเพราะจั่ ว ม่ อ ยื ม มื อ เสี ย กงจู่ แ ละพี่ น้ อ งตระกู ล หลัน จั ด วางเค้า
โครงการปกครองไว้ต้ังแต่แรก ดังนัน
้ ทุกอย่างดาเนินไปอย่างราบรื่น

“มู่ซีต้าเหริน ที่พักของท่านได้จัดเตรียมไว้แล้ว โปรดตามข้ามา” บุรุษ


องครั ก ษ์ เ งาในชุ ด ด าผู้ห นึ่ง ค้อ มกายคารวะอย่ า งนอบน้ อม จากนั้ น ออก
นาไปเบื้องหน้า
“รบกวนแล้ว” มู่ซีพยักหน้ารับ นาองครักษ์ส่วนตัวของนางติดตามไป
“ต้าเหรินเกรงใจเกินไป!” องครักษ์เงาตอบอย่างสุภาพ
บรรดาองครั ก ษ์ ข้ า งกายมู่ ซี มี สี ห น้ า ผิ ด ปกติ อ ยู่ บ้ า ง คล้ า ยแฝงแวว
ระแวดระวังชนิดหนึ่ง ต่อหน้าองครักษ์เงาอันดามืด แม้แต่ทหารชาญศึกที่
ผ่านสมรภูมิและความตายมานักต่อนัก ยังอดรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้
องครักษ์ เงาเป็นหน่วยงานที่ทรงพลังอย่ างยิ่ง เป็นดาบสังหารที่ ค ม
กล้าที่สุด ซึ่งหมิงเยวี่ยเยี่ยต้าเหรินไว้วางใจมากที่สุด สองปีมานี้ยังนับว่าดี
ขึ้นไม่น้อย ในช่วงหลายปีก่อนหน้า คนเหล่านี้ล้วนซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ทา
การกวาดล้างสังหารศัตรูของหมิงเยวี่ยเยี่ยต้าเหรินอย่างโหดเหี้ยม
ในการกวาดล้างครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของ
เผ่าอสูร ผู้ที่มีบทบาทมากที่สุด ก็คือหน่วยองครักษ์เงา
มู่ซีสังเกตเห็นความกังวลของบรรดาองครักษ์ข้างกาย นางเองก็ไม่ได้
ชมชอบองครักษ์เงาเช่นกัน แต่นางไม่คิดตอแยพวกมัน องครักษ์เงามิเพียง
เป็ น เครื อ ข่ า ยข่ า วสารที่ เ ข้ ม แข็ ง ทรงพลั ง ที่ สุ ด ยั ง เป็ น ผู้ พิ ทั ก ษ์ ที่ เ ชื่ อ ถื อ
ได้มากที่สุดของหมิงเยวี่ยเยี่ยต้าเหริน
ผู้ น าของพวกมั น โหยวฉิ น เลี่ ย ได้ รั บ ความไว้ ว างใจจากหมิ ง เยวี่ ย
เยี่ยต้าเหรินเป็นอย่างยิง่
สาหรับเหล่าแม่ทัพบัญชาการศึก โดยธรรมชาติแล้วย่อมไม่ชมชอบ
นั ก ฆ่ า ที่ เ ร้ น กายอยู่ ใ นเงามื ด มากกว่ า ครึ่ ง เคยแสดงความกั ง วลต่ อ พลั ง
อานาจขององครักษ์เงา ที่นับวันมีแต่จะมากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งเดียวที่พอให้
ผู้คนนึกยินดีอยู่บ้าง คือโหยวฉินเลี่ยไม่เคยเสาะแสวงหาอานาจใดๆ ทั้งยัง
ปฏิบัติต่อต้าเหรินท่านอื่นๆ ด้วยความเคารพนอบน้อมอยู่เสมอ อย่างไรก็
ตาม ผู้คนยังคงหวาดวิตกต่อพฤติการณ์โหดเหี้ยมอามหิตของโหยวฉินเลี่ย
ไม่คลาย
มู่ ซี ดึ ง ความคิ ด จิ ต ใจกลั บ มา ถามว่ า “ปิ ง หลั น ต้ า เหริ น มาแล้ ว
หรือไม่?”
“ปิงหลันต้าเหรินมาถึงตั้งแต่เมื่อคืนวันวาน”
มู่ ซี ท ราบว่ า หมิ ง เยวี่ ย เยี่ ย ต้ า เหริ น เหตุ ไ ฉนเรี ย กพวกนางทั้ ง หมด
กลับมา ระยะนี้สถานการณ์ในแผ่นดินมีการเปลี่ยนแปลงปานพลิกฟ้าคว่า
ดิ น คุ น หลุ น และม่ อ อวิ๋ น ไห่ เ ปิ ด ศึ ก อย่ า งเต็ ม รู ป แบบ หลิ น เชี ย นพ่ า ยแพ้
หลบหนี ยอดเขาหลักอันเป็นหัวใจของคุนหลุนถูกศัตรู ฟันลงมา คุนหลุน
เผชิญกับวิกฤตการณ์ร้ายแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
มู่ซีกับชาวอสูรทั้งหลาย พากันอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง
คุนหลุนกล้าแกร่งเกรียงไกรเพียงใด พวกมันที่เป็นคู่แค้นกันมานาน
นับพันปีย่อมล่วงรู้ดีกว่าผู้ใด
แต่คลื่นลูกแรกยังไม่ทันจะจางหาย คลื่นลูกที่สองซึ่งใหญ่โตไม่แพ้กัน
พลั น ไล่ ต ามมาอย่ า งกระชั้ น ชิ ด วิ ห ารเทพปิ ศ าจจู่ ๆ ก็ เ กิ ด การก่ อ กบฏ
ภายใน ประมุขเทพปิศาจถูกสังหาร เทพปิศาจแรดถอนตัวจากทางโลก อีก
สามเทพปิศาจที่เหลือยอมสวามิภักดิ์ต่อหมิงอ๋องโดยไม่มีเงื่อนไข
เผ่าปิศาจรวมเป็นหนึ่ง!
เรื่องนี้เองที่ทาให้เผ่าอสูรรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงขึ้นมาทันที
ไม่มีผู้ใดกังขาในความแข็งแกร่งของเผ่าปิศาจที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
ทุกครั้งที่เผ่า ปิศ าจรวมเป็นหนึ่ ง จะเป็นเวลาที่ พวกมั นเข้ ม แข็ง ทรงพลั ง
ที่สุด และยังเป็นช่วงเวลาที่ความกระหายในการขยายดินแดนของพวกมัน
ทวีความรุนแรงมากที่สุด
สองยั ก ษ์ ใ หญ่ ม หาอ านาจแห่ ง แดนซิ ว เจ่ อ ก าลั ง ต่ อ สู้ โ รมรั น อย่ า ง
ดุเดือด หมิงอ๋องไม่ใช่ตัวโง่งม ย่อมไม่เสนอตัวเข้าร่วมกับศึกทางด้านนัน

เช่นนั้นเผ่าปิศาจเมื่อคิดขยับขยาย ย่อมหลงเหลือเพียงทิศทางเดียว
แดนอสูร!
หลายพันปีมานี้ อสูรปิศาจรักษาสัมพันธไมตรีอันดีต่อกัน โดยปกติ
แล้วเผ่าอสูรไม่มีความจาเป็นต้องกังวลต่อการรุ กรานของเผ่าปิศาจ หาก
ทว่ายามนี้ เผ่าปิศาจกลับกาเนิดราชาปิศาจองค์ใหม่!
ราชาปิศาจผู้นี้มีความเป็นมาลี้ลับ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ตัวตนที่แท้จ ริ งของ
มั น อย่ า งไรก็ ต าม ทั น ที ที่ มั น ขึ้ น ครองบั ล ลั ง ก์ แ ห่ ง ความมื ด ความ
ทะเยอทะยานของมันก็เผยตัวออกมาอย่างชัดแจ้ง มันกรีธาทัพห้าสิบหมื่น
เข้าพิชิตดินแดนร้อยเถื่อน เร่งรวมเผ่าปิศาจให้เป็นหนึ่งเดียว
ความปรารถนาอันแรงกล้าในการขยายอานาจของราชาปิศาจองค์
ใหม่ ไฉนเลยจะไม่สร้างความหวาดวิตกให้แก่เผ่าอสูรทั้งมวล
มู่ ซี ก็ ไ ม่ ใ ช่ ตั ว โง่ ง ม อสู ร ปิ ศ าจที่ มี ค วามสั ม พั น ธ์ อั น ดี ต่ อ กั น มานาน
เนื่องเพราะอสูรปิศาจมีศัตรู คนเดียวกัน แต่ยามนี้ซิวเจ่อกาลังรบราฆ่าฟัน
กันเอง เผ่าปิศาจเข้มแข็ง เผ่าอสูรอ่อนแอ หากเผ่าปิศาจไม่ฉวยโอกาสกลืน
กินเผ่าอสูร คงต้องถูกสวรรค์ลงทัณฑ์เป็นแน่!
มู่ซีเองก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
การประชุ ม ครั้ ง นี้ ถื อ เป็ น ระดั บ สู ง สุ ด ชนชั้ น ผู้ น าของเผ่ า อสู ร แทบ
ทั้งหมดล้วนมากันพร้อมหน้า ทั่วแดนอสูรตกอยู่ในบรรยากาศอันตึงเครียด
การประชุมหารือครั้งนี้ จะเป็นเครื่องตัดสินชะตากรรมของเผ่าอสูร
เปี๋ ยหานมองดูกลุ่มควันหนาทึบเหนื อเมืองที่กาลังถูกไฟไหม้ จากนั้น
นากองพันบาปเคราะห์หมุนตัวจากไปโดยไม่รีรอลังเล
นี่เป็นเมืองใหญ่แห่งที่เก้าที่มันเข้าทาลายล้าง
นอกเหนื อ จากทั พ ชายแดนของคุ น หลุ น ที่ ไ ม่ ก ล้ า เคลื่ อนไหวโดย
พลการ กองทัพอื่น ๆ แทบทั้งหมดในคุนหลุนพากันเร่งรุ ดไปเสริมก าลังที่
ยอดเขาหลักของคุนหลุน หลินเชียนไม่ปรากฏตัว เสวียตงไม่อยู่ที่นี่ ทั่วทั้ง
คุ น หลุ น ตกอยู่ ใ นความโกลาหลวุ่ น วาย พวกมั น ได้ แ ต่ ต อบสนองไปตาม
สัญชาตญาณของตนเท่านั้น
แต่แนวชายแดนเมื่อเปราะบางถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะต้านทานกงซุน
ชา เปี๋ ยหานและหย่างหยวนฮ่าวได้?
กองทั พ ทั้ ง สามเพี ย งออกแรงเล็ ก น้ อ ยก็ ท ะลวงผ่ า นเข้ า ไปอย่ า ง
สะดวกดาย แดนคุ น หลุ น อั น กว้ า งใหญ่ แ ละเปลื อ ยเปล่ า แผ่ ก ว้ า งอยู่ ใ น
สายตาของพวกมัน
กงซุนชากับพวกเลือกที่จะไม่ยึดครองดินแดนใด ๆ
การปกครองของคุนหลุนหยั่งรากฝังลึกในดินแดนเหล่านี้มานานนับ
พั น ปี ขุ ม ก าลั ง น้ อ ยใหญ่ ต่ อสู้ แ ย่ง ชิ ง มาโดยตลอด หากม่ อ อวิ๋ น ไห่ ฝื นยึด
ครองสถานที่เหล่านี้ กองทัพของม่ออวิ๋นไห่จะเผชิญกับแรงต้านอย่างหนัก
หน่วงรุนแรงกว่าเดิม กลายเป็นสู้รบติดพัน หรืออาจทิ้งชนวนเหตุเภทภัยไว้
ในภายหลัง
ดังนั้นแผนการของกงซุนชากับพวกนั้นเรียบง่ายยิ่ง แต่ก็ดุดันอามหิต
ยิง่
ทาลายล้าง ทาลายล้างอย่างต่ อเนื่อง! ทาลายล้างความสามารถใน
การผลิตและโครงสร้างพื้นฐานของคุนหลุนให้สิ้นซาก!
พวกมันไม่ว่าผ่านไปยังที่ใด ล้วนไม่ได้ทาการยึดครอง แต่มุ่งทาลาย
ล้าง ความเสียหายชนิดนี้ แ ม้ไม่ อาจพิฆ าตคุนหลุน ในทัน ทีทั นใด แต่ก็ไ ม่
ต่างจากเชือดเนื้อเถือหนัง ทิ้งรอยแผลฉกรรจ์นับพันแห่งไว้บนร่างกายอัน
ใหญ่โตมหึมาของคุนหลุน
โลหิตจะไหลหลั่งอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อเวลาผ่านไป คุนหลุนจะค่อย ๆ
อ่อนแอลงโดยไม่มีหนทางเลี่ยง
ติ ด ตามหลั ง สามกองพั นล้ า เลิศ เป็ น กองพั น ชั้ น หนึ่ ง ดั ง เช่ น ม้ า ฝาน
และถังเฟย กงซุนชาทราบดีว่าโอกาสเช่นนี้อาจไม่เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง
มันไม่ได้ออมรั้งสิ่ง ใดไว้เลย ไม่ว่ากองพันชั้นหนึ่งหรือ กองพัน ชั้นยอดใด
ล้วนถูกเรียกระดมมาหมดสิน

พวกมันติดตามมาทางเบื้องหลังของสามกองพันล้าเลิศ ล่วงล้าเข้าสู่
แกนกลางอันกว้างใหญ่ไพศาลของคุนหลุน
เวลา!
เงื่อนปมสาคัญที่สุดในยามนี้ก็คือเวลา!
กงซุนชาสั่งการอย่างเฉียบขาด ภายในสิบวัน ทุกทัพจะต้องถอนตัว
ออกจากคุนหลุน
และบริเวณแนวชายแดนของม่ออวิ๋นไห่ ป้อมปราการอาคมหวงห้าม
ถู ก เร่ ง สร้ า งขึ้นทั้ ง วั นทั้ ง คืน คุ น หลุ น เมื่อ ประสบความสูญเสีย อย่ า งใหญ่
หลวง มีความเป็นไปได้สูงยิง่ ที่จะเปิดฉากตอบโต้อย่างสุดกาลัง
หลายวันต่อจากนั้น ท้องฟ้าเหนือคุนหลุนปกคลุมไปด้วยควันไฟ
เจ้าสานักพ่ายแพ้หลบหนี ยอดเขาหลักถูกศัตรู ฟันลงมา ตัวเมืองนับ
ไม่ถ้วนถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน... ...
คุนหลุนคล้ายมาถึงจุดจบในชั่วข้ามคืน
ก่อนที่ชาวคุนหลุนจะได้ทันได้ตอบโต้ กองทัพของม่ออวิ๋นไห่ก็หายลับ
ไปกับยามวิกาล
มองดูคุนหลุนที่เสียหายย่อยยับ ชาวคุนหลุนหลั่งน้าตาปิ่มว่าจะขาด
ใจ

หลินเชียนคิดใคร่ตาย
คุนหลุนร่าไห้คร่าครวญอยู่ภายใต้กีบเท้าเหล็กของม่ออวิ๋นไห่ คุนหลุน
ย่อยยับอัปราภายใต้กระบี่ของเหวยเสิ้ง แต่ในเวลานี้ มันกลับไม่ส ามารถ
ปรากฏตัว มันไม่อาจต่อสู้เพื่อคุนหลุนอันเป็นที่รักของมัน ได้แต่ซ่อนตัวอยู่
ภายในถ้า มุ่งรักษาอาการบาดเจ็บอย่างสุดความสามารถ
หลินเชียนบีบด้ามกระบี่เทพไท่กู่แนบแน่น ใบหน้าหล่อเหลาขาวซีด
ผิดธรรมดา ในช่วงเวลาแค่สิบกว่าวัน มันกลับผ่ายผอมลงมาก ริมฝีปากที่
ปราศจากสีเลือดสั่นระริก ดวงตาอันว่างเปล่าปรากฏน้าตาสองสายไหล
หลั่งลงมาเงียบ ๆ ผ่านใบหน้า หยดลงบนพื้น
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ขออภัยด้วย!”
“ขออภัยด้วย... ...”
ความทระนงตนของมันถูกทาลายสิ้น คุนหลุนเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของ
มัน ชีวิตมันคงอยู่เพื่อคุนหลุน มันจะมีชีวิตอยู่เพื่อคุนหลุนตลอดไป!
หากมิใช่ว่ามันพ่ายแพ้ คุนหลุนคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเลวร้ายถึ ง
เพียงนี้ ยอดเขาหลักก็คงไม่ต้องถูกทาลาย คุนหลุนจะไม่พ่ายแพ้เช่นนี้ คุน
หลุนคงไม่ต้องถูกหยามอัปยศ!
“ข้าคือคนบาป!”
“คนบาปของคุนหลุน!”
มันพร่ากล่าวกับตัวเอง ราวกับกาลังตัดสินโทษให้แก่ตนเอง
ทันใดนั้นมันยืดตัวตรง ดวงตาว่างเปล่าพลันทอประกายขึ้นทีละน้อย
ประกายตายิ่งมายิ่งเจิดจ้า
ศีรษะที่แข็งทื่อเงยขึ้นช้า ๆ
มันนั่งนิ่งเงียบ ดวงตาค่อย ๆ ทอประกายลิงโลดระคนบ้าคลั่ง ความ
มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวอย่างที่ยากจะบ่งบอกบรรยายเปล่งประกายอยู่ในดวงตา
ไหลเวียนไปในเลือดเนื้อและวิญญาณของมัน
กระบี่ เ ทพไท่ กู่ ใ นมื อ แผดเสี ย งค ารามกระหึ่ ม ในใจมั น เต็ ม ไปด้ ว ย
ความรู้แจ้งที่ไม่อาจพรรณนาได้ชนิดหนึ่ง
กระบี่ของมันคือคุนหลุน!
ไม่ ไ ด้ ค งอยู่ เ พื่ อฟ้ า ดิ น ไม่ ใ ช่ เ พื่ อ กฏเกณฑ์ แ ห่ ง ธรรมชาติ อั น ใด ไม่
เกี่ยวข้องกับความรู้สึกของมนุษย์ปุถุชน เพียงเพื่อคุนหลุนเท่านั้น!
สังขารร่างกายนี้เป็นของคุนหลุน กระบี่นี้เป็นของคุนหลุน!
กฏเกณฑ์ท้ังหลายทั้งปวงในโลกอยู่ภายใต้คุนหลุน อารมณ์ความรู้สึก
ทั้งมวลในโลกก็อยู่ภายใต้คุนหลุน
นี่ก็คือกระบี่ของมัน คุนหลุนอยู่เหนือทุกสิง่ !
พลังเทพภายในร่างของหลินเชียนทันใดนั้นเริ่มโคจรหมุนเวียนด้วย
ตัวเอง อาการบาดเจ็บทุเลาลงกว่าครึ่ง ขอบเขตแห่งเจตจานงกระบี่ของ
มัน ในที่สุดก็รุดหน้าอีกครั้ง!
ในการต่อสู้กับเหวยเสิ้ง เมื่ อหลายวันก่ อน เหวยเสิ้งค้นพบวิถี ก ระบี่
ของตน วันนี้หลินเชียนก็ค้นพบวิถีกระบี่ของมันเช่นกัน
คุนหลุนยามนี้อยู่ในห้วงคับขันอันตรายถึงที่สุด
หลินเชียนหาได้ปิติยินดีไม่ ในเวลานี้ขอบเขตแห่งเจตจานงกระบี่ของ
มั น แม้ ทั ด เที ย มกั บ เหวยเสิ้ง แต่ อ าการบาดเจ็ บ ของมั นยัง ไม่ ทุ เ ลาหายดี
อย่างสมบูรณ์ มันยังคงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
แต่มันไม่คิดเสียเวลาพักรักษาตัวอีกต่อไป คุนหลุนมาถึงริมขอบของ
หน้าผาแล้ว
มันต้องออกไปเบื้องหน้า!
ตัวมันเองก็อยู่ภายใต้คุนหลุน!

You might also like