You are on page 1of 42

1

บทที่ 1
บทนำ
1. ความเป็นมาและความสำคัญ
เนื่องจากปัจจุบันประเท โลกที่ นึ่ง ลายประเท มีการกล่า ถึง ปิตาธิปไตยใน ลายแง่มุม
นำไป ู่การเปลี่ยนแปลงด้านการเมืองการปกครองและ ่งผลใ ้ ังคมเกิดค ามตระ นักในเรื่องอื่น ๆ
ตามมา ซึ่งประเท ไทยเป็น นึ่งในประเท ที่ปิตาธิปไตยเข้ามามีบทบาทในด้านต่าง ๆ และมีอำนาจ
ครอบคลุมบทบาท พฤติกรรม ิธีคิดทั้งของเพ ญิงเพ ชาย และเพ อื่น ๆ นำมาซึ่งปัญ าด้าน
อาชญากรรมร้ายแรงซึ่ง ่งผลกระทบต่อปัญ าทาง ุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้ถูกกระทำ และที่
ำคัญปิตาธิปไตยได้เข้ามามีบทบาททางเ ร ฐกิจ กฎ มาย และการเมืองการปกครองเช่นกัน โดยที่
คนทั่ ไปไม่รู้ตั
าเ ตุของปัญ าปิตาธิปไตยเกิดจากคนใน ังคมไทย ่ นใ ญ่ ล่อ ลอมมายาคติเรื่องเพ
อย่างไม่ มเ ตุ มผล เช่น อาชญากรรมที่เ ็นในข่า จนกลายเป็นเรื่องที่ ังคมคิด ่าปกติ อย่างคดี
ข่มขืน โดยการ ิพาก ์ ิจารณ์ของคนบาง ่ นนั้นกลับโท ผู้ถูกกระทำ ่าไม่รู้จักระ ังตั ในขณะที่
ผู้กระทำไม่มีคนประณาม รืออาจจะเป็น ุภา ิต อน ญิงที่ปลูกฝังกันตั้งแต่ยังเป็นเด็ก อนใ ้ผู้ ญิง
รู้จักรักน ล ง นตั ต้องอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นภรรยาที่ซื่อ ัตย์ ต้องรู้จักเคารพ ้ามเถียง ้าม
ก้า ร้า ต่อ ามี แต่คนที่เขียน ุภา ิตนั้นกลับเป็นผู้ชาย รืออาจจะเป็นผู้ชายที่ถูก อน ่า เกิดเป็น
ผู้ชาย ้ามร้องไ ้ ้ามอ่อนแอ ต้องรู้จักเ ีย ละ ต้องรู้จักใ ้เกียรติผู้ ญิง เ ล่านี้ล้ นแต่เกิดขึ้นจาก
มายาคติที่ ังคมปิตาธิปไตย ล่อ ลอมขึ้นมา ซึ่งการแก้ปัญ าปิตาธิปไตยนั้นต้องเริ่มจากต้นตอของ
ปัญ า เนื่องจากคน นึ่งคนเกิดมานั้นอาจจะโดนครอบครั ปลูกฝังกันมาตั้งแต่ยังเล็ก พอโตขึ้นอาจ
โดนปลูกฝังจากการ ึก าที่ไม่มีคุณภาพ พอมีเพื่อนก็ซึมซับทั นคติ ที่ ลาก ลายจากเพื่อน พอ ัย
ทำงานก็เจอเพื่อนร่ มงานที่ทั นคติต่างกัน ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกา เข้าถึง ังคมที่ดี การแก้ปัญ า
จึงต้องเริ่มจากจุดเริ่มต้นของแน คิดรายบุคคล
จาก ิ่งที่กล่า มาในเบื้องต้นเป็นตั อย่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังมีปัญ าอีกมากมายใน
ปัจจุบันที่ผู้คนอาจจะกำลัง นใจ รือบางคนอาจจะมอง ่าเป็นเรื่องทั่ ไป รือ ลาย ๆ คนที่ไม่เคยรับรู้
มาก่อน ซึ่งผู้จัดทำมีค าม นใจและต้องการนำเ นอออกมา เพื่อ ึก าเกี่ย กับแน คิดปิตาธิปไตย
ร มไปถึงการ ึก าต้นตอของ าเ ตุ ผลกระทบ และแน ทางแก้ปัญ าปิตาธิปไตยที่มีใน ังคมไทย
โดย ึก า าค ามรู้จากบทค ามที่ได้มีการอ้างอิงมาจาก นัง ือ และการ ืบค้นจากอินเทอร์เน็ ต
เพื่อใ ้เกิดค ามตระ นักเรื่องค ามเท่าเทียมทางเพ ต่อทั้งตั ผู้จัดทำเองและผู้ที่จะ ึก าต่อไป
2

2. วัตถุประสงค์
2.1 เพื่อ ึก าแน คิดปิตาธิปไตยใน ังคมไทย
2.2 เพื่อ ึก าผลกระทบของปิตาธิปไตย
2.3 เพื่อ ึก าแน ทางการแก้ปัญ าปิตาธิปไตย

3. ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
3.1 ขอบเขตพื้นที่การ ึก า
การ ึก าครั้งนี้มุ่ง ึก าค้นค ้าข้อมูลจากบทค าม และการค้นค ้าข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
3.2 เป้า มาย
การ ึก าครั้งนี้มุ่ง ึก าเกี่ย กับปัญ าปิตาธิป ไตยใน ังคมไทย เพื่อที่ จะ ึก าแน คิด
ปิตาธิปไตย ร มไปถึงการ ึก าต้นตอของ าเ ตุ ผลกระทบ และแน ทางแก้ปัญ าปิตาธิปไตยที่มีใน
ังคมไทย
3.3 ระยะเ ลาในการดำเนินการ
21 กรกฎาคม 2564 – 27 กันยายน 2564

4. สมมติฐาน
4.1 แน คิดของคนใน ังคม ่ นใ ญ่คิด ่าเพ ชายเ นือก ่าเพ อื่น ๆ
4.2 เพ ญิงและเพ อื่น ๆ เข้าถึงโอกา ทางด้านการงานได้น้อยก ่าเพ ชาย
4.3 ังคมจะเกิดการรณรงค์และ ร้างค ามตระ นักเรื่องค ามเท่าเทียมทางเพ ในอนาคต

5. นิยามศัพท์เฉพาะ
ปิต าธิปไตย (Patriarchy) แต่เดิม มายถึง “อำนาจของบิด า” แต่ในปัจจุบ ัน มายถึ ง
“ระบบชายเป็นใ ญ่”
อาชญากรรมทางเพศ มายถึง การกระทำผิดทางเพ ที่ผู้กระทำผิดอาจกระทำตามลำพัง
รือร มกันเป็นกลุมกระทำผิดตอชาย รือ ญิงก็ตามโดยผู้ถูกกระทำนั้นไม่ได้เต็มใจ รืออยูในภา ะที่
ไม่ ามารถขัดขืนได้ รือถูกทำใ เขาใจผิด ่าผู้กระทำเป็นบุคคลอื่น
มายาคติ แปลตาม ัพท์ ่า “การดำเนินไปแ ่งมายา” มายค ามตามนัยที่ประ งค์ ่า
เรื่องรา รือค ามเชื่อถือที่ ืบกันมา รือที่ถูก ร้างขึ้น แต่ไม่อาจพิ ูจน์ รือยืนยันได้ ่าเป็นจริง รือไม่
เป็นจริง
เพศ (Sex) มายถึง ค ามแตกต่างทางชี ิทยา ระ ่างผู้ ญิงและผู้ช าย ไม่ ามารถ
เปลี่ยนแปลงได้ เช่น ผู้ ญิงมีมดลูก ผู้ชายมีอ ุจิ ซึ่งค ามแตกต่างระ ่าง ญิงชายทางชี ิทยา ่งผล
ใ ้ ญิง ชายมี น้าที่ที่แตกต่างกัน เช่น ผู้ ญิง มี น้าที่ในการตั้งครรภ์และคลอดบุตร
3

เพศภาวะ (Gender) คือ คุณลัก ณะ และบทบาททาง ังคมที่ ังคมกำ นด“ค ามเป็น


ญิง” (Femininity) และ “ค ามเป็นชาย” (Masculinity) โดยผ่านกระบ นการขัดเกลาทาง ังคม
ผ่านทาง ถาบันทาง ังคมต่าง ๆ ซึ่งคุณลัก ณะและบทบาทดังกล่า ่งผลต่อการแ ดงบทบาททาง
เพ ค ามคาด ัง ค าม ัมพันธ์ การเข้าถึง ิทธิ และโอกา ใน ังคมของผู้ ญิง ผู้ชาย เด็ก ญิง
เด็กชาย และผู้ที่มีอัตลัก ณ์ทางเพ อื่น ๆ ที่แตกต่างกัน
เพศวิถี (Sexual Orientation) คือ ค ามรู้ ึก ร นิยมทางเพ ร มถึงค ามพึงพอใจทาง
เพ ที่มีต่อบุคคลอื่น โดยจะแบ่งออกเป็น 4 ลัก ณะ ลัก ๆ ได้แก่
1. รักต่างเพ คือผู้ที่มีร นิยมชื่นชอบเพ ตรงข้าม รือบุคคลต่างเพ เช่น ผู้ชายที่ชอบผู้ ญิง
รือผู้ ญิงที่ชอบผู้ชาย
2. รักเพ เดีย กัน คือผู้ที่มีร นิยมชื่นชอบเพ เดีย กัน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ลัก ๆ ได้แก่
เล เบี้ยน (Lesbian) และเกย์ (Gay)
3. ไบเซ็กช ล (Bisexual) คือผู้ที่มีร นิยมชื่นชอบทั้งเพ ญิงและเพ ชาย โดยจะมีอารมณ์
เ น่ ากับเพ ตรงข้าม รือเพ เดีย กันก็ได้
4. ไม่ฝักใฝ่ทางเพ คือผู้ที่ไม่ นใจเรื่องเพ ัมพันธ์ แต่เพียงรู้ ึก นิท นม ผูกพันกับบุคคลอื่น
อัตลักษณ์ทางเพศ (Gender Identity) คือ การรับรู้ ่าตนเองต้องการเป็นผู้ชาย รือผู้ ญิง
ซึ่งบางคนอาจมีอัตลัก ณ์ทางเพ ตรงกับอ ัย ะเพ และโครง ร้างทางร่างกาย แต่บางคนอาจมีอัต
ลั ก ณ์ ท างเพ แตกต่ า งจากโครง ร้ า งทางร่ า งกาย รื อ เรี ย กคนกลุ ่ ม นี ้ ่ า “คนข้ า มเพ
(Transgender)” โดยคนข้ามเพ อาจเป็นผู้ที่ไม่ ามารถกำ นดใ ้ตนเองเป็นผู้ชาย รือผู้ ญิงเพียง
เพ ใดเพ นึ่งได้ด้ ย
LGBTQIA+ คือตั อัก รย่อของกลุ่มผู้ที่มีค าม ลาก ลายทางเพ
1. L ย่อมาจาก Lesbian รือ เล เบี้ยน มายถึง ผู้ ญิงที่ชอบผู้ ญิงด้ ยกัน
2. G ย่อมาจาก Gay รือ เกย์ มายถึง ผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้ ยกัน และใช้ ื่อค าม มาย
ครอบคลุมถึงผู้รักร่ มเพ ทุกคน
3. B ย่อมาจาก Bisexual รือ ไบเซ็ กช ล มายถึง คนที่ชอบได้ทั้ง ญิงและชาย รู้ ึก
ดึงดูดทางเพ กับเพ ตรงข้าม รือเพ เดีย กันก็ได้
4. T ย่อมาจาก Trans รือ Transgender มายถึง คนที่รู้ ึกพอใจกับอัตลัก ณ์ทางเพ
ซึ่งตรงข้ามกับเพ กำเนิดของตน โดยทั่ ไป ื่อค าม มายถึงคนข้ามเพ คือผ่านการ
ผ่ า ตั ด เปลี ่ ย นแปลงเพ มาแล้ ระบุ ใ ้ แ คบลงได้ ่ า transwoman รื อ male to
female transgender (MtF) คือ ผู้ชายที่แปลงเพ ไปเป็นผู้ ญิง ่ น transman รือ
female to male transgender (FtM) คือ ผู้ ญิงที่แปลงเพ ไปเป็นผู้ชาย
5. Q ย่อมาจาก Queer รือ เค ียร์ มายถึง คนที่ไม่ได้จำกัดตั เอง ่าต้องชอบเพ ตรงกัน
ข้าม (heterosexual) เท่านั้น รือต้องคงเพ ภาพตรงกับเพ กำเนิด (cisgender)
ตลอดชี ิต แต่เป็นคนที่มีค ามไ ลลื่นทางเพ ไม่ยึดติดกับเพ ใดๆ ขณะเดีย กัน Q ยัง
4

ใช้แทนคำ ่า Questioning ด้ ย มายถึง การตั้งคำถามต่อตั เอง ำ รับคนที่ยังไม่


แน่ใจในร นิยมทางเพ รืออัตลัก ณ์ทางเพ ของตั เอง
6. I ย่อมาจาก Intersex รือ เพ กำก ม มายถึง ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับโครโมโซมเพ และมี
ลัก ณะทางกายภาพของเพ เช่น ระบบ ืบพันธุ์ อ ัย ะเพ ต่างจากเพ ญิงและเพ
ชาย เป็นไปได้ ่าร่างกายอาจปรากฏใ ้เ ็นลัก ณะทางเพ ทั้งเพ ญิง รือเพ ชาย
7. A ย่อมาจาก Asexual รือ ไม่ฝักใจทางเพ มายถึง คนที่รู้ ึกได้ถึงค ามรัก แต่ไม่มี
แรงดึงดูดทางเพ และไม่ต้องการมีเพ ัมพันธ์กับใครเลย ไม่ ่าจะเพ ใดก็ตาม
8. + รือ plus คือ เครื่อง มายบ กซึ่งใช้เป็น ัญลัก ณ์แทนกลุ่มผู้มีค าม ลาก ลายทาง
เพ อื่นๆ นอกเ นือจากตั อัก รย่อ LGBTQIA ทั้ง 7 กลุ่ม และ ื่อค าม มายถึงการ
เปิดก ้างรับค าม ลาก ลายทางเพ ใ ม่ๆ ที่เกิดขึ้นได้ในอนาคต

6. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
6.1 ทราบถึงผลกระทบของปิตาธิปไตย
6.2 ทราบแน ทางการแก้ปัญ าปิตาธิปไตย
6.3 ได้ค ามรู้จากการ ึก าแน คิดของคนใน ังคมและผลกระทบที่เกิดขึ้น นำ ู่การออกมา
เรียกร้องเรื่องค ามเท่าเทียมทางเพ ในปัจจุบันและอนาคต
5

บทที่ 2
เอก ารที่เกี่ย ข้อง
รายงานการ ึก าค้นค ้าเรื่อง “การ ึก าปัญ าปิตาธิปไตย” ในครั้งนี้ ผู้ ึก าได้ค้นค ้า
ข้อมูล ที่เกี่ย ข้อง ทั้งนี้เพื่อนำค ามรู้ ที่ได้ มาปรับใช้ในการ ึก าใ ้เกิดประโยชน์ โดยจะเ นอ
ตามลำดับดังต่อไปนี้
1. ทฤ ฎีและแน คิดเกี่ย กับปิตาธิปไตย
2. าเ ตุของการเกิดปัญ าปิตาธิปไตย
3. ผลกระทบของปิตาธิปไตย
4. แน ทางการแก้ปัญ าปิตาธิปไตย

1. ทฤ ฎีและแน คิดเกี่ย กับปิตาธิปไตย


1.1 แน คิดเรื่องเพ ภา ะ
เพ ภา ะ ่งผลถึงค ามเชื่อ บทบาท และการแบ่ง น้าที่ของผู้ ญิง และผู้ชายในแต่ละ ังคม
โดย Hurlock ได้ อ ธิ บ ายถึ ง บทบาทเพ ภา ะแบบดั ้ ง เดิ ม (Traditional Gender Roles) และ
บทบาทเพ ภา ะแบบเท่าเทียม (Egalitarian Gender Roles) ดังนี้
1.1.1 บทบาทเพ ภา ะแบบดั้งเดิม (Traditional Gender Roles)
แน คิดบทบาทเพ ภา ะแบบดั้งเดิม คือ แน คิดเชื่อ ่า ญิงชายมี บทบาทที่แตกต่างกัน
ผู้ชายจะมีบทบาทค ามเป็นชาย ูงแต่เพียงอย่างเดีย (High Masculinity) ่ นผู้ ญิงจะมีบทบาท
ค ามเป็น ญิง ูงแต่เพียงอย่างเดีย (High Femininity) นอกจากนี้ แน คิดนี้ยังเชื่อ ่าบทบาท ญิง
ชายถูกกำ นด เนื่องจากค ามแตกต่างทางเพ ทางชี ิทยา ซึ่งแน คิดดังกล่า ก่อใ ้เกิดค ามเชื่อ
ค ามคาด ังและการแบ่งบทบาท น้าที่ของผู้ ญิงและชายใน ังคม ดังนี้
ตารางที่ 1 แ ดงบทบาทเพ ภา ะแบบดั้งเดิม (Traditional Gender Roles)
ผู้ชาย ผู้ ญิง
มีค ามเป็นผู้นำโดยมีลัก ณะก้า ร้า เป็นผู้ตามและใ ้บริการในทุก ถานการณ์
ามารถประ บค าม ำเร็จและยก ถานะทาง ยก ถานะทาง ังคมโดยการแต่งงานกับผู้ชาย ที่มี
ังคมได้โดยค าม ามารถ ถานภาพทาง ังคม ูงก ่าตน
ามารถค บคุมอารมณ์ได้ มักแ ดงอารมณ์ออกมา
มีพลังมากก ่าผู้ ญิง มีพลังน้อยก ่าผู้ชาย
มี น้าที่รับผิดชอบในการ ารายได้เลี้ยงครอบครั มี น้าที่รับผิดชอบดูแลครอบครั และงานบ้าน
มีอำนาจตัด ินใจในเรื่อง ำคัญของครอบครั ใ ้อำนาจผู้ชายในการตัด ินใจ
เลือกทำงานที่มีเกียรติและได้ค่าจ้างที่ ูง ทำงานนอกบ้านในกรณีที่จำเป็นและทำงานที่ใช้
ทัก ะที่ตำ่ และได้รับค่าจ้างที่ต่ำ
6

รูปที่ 1 บทบาทเพ ภา ะแบบดั้งเดิม


(ที่มา : https://pantip.com/topic/32578822)

1.1.2 บทบาทเพศภาวะแบบเ มอภาค (Egalitarian Gender Roles)


แน คิดบทบาทเพ ภา ะแบบเ มอภาค คือ แน คิดที่ยอมรับ ่า ญิงชายนั้นมี ค ามเท่า
เทียมกันและบทบาทของ ญิงชายนั้นไม่มีค ามแตกต่างกัน บทบาทของ ญิงชายไม่มีลัก ณะตายตั
ามารถปรับเปลี่ยนได้ ังคมที่มีค ามเชื่อในเรื่องเพ ภา ะแบบค ามเ มอภาคจะมีลัก ณะ ดังนี้
ตารางที่ 2 แ ดงบทบาทเพ ภา ะแบบเ มอภาค (Egalitarian Gender Roles)
ผู้ชาย ผู้ ญิง
ยอมรับและใ ้ค าม ำคัญกับเพ ตรงข้าม ตระ นัก ่าตนเองมีค าม ำคัญ
ามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้โดยไม่คำนึง ่าเป็น ามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้โดยไม่คำนึง ่าเป็น
น้าที่ของ ญิง รือชาย น้าที่ของ ญิง รือชาย
ช่ ยเ ลืองานบ้านและเลี้ยงดูบุตร ทำงานนอกบ้านและ าโอกา ในการทำงานเท่า
เทียมกับผู้ชาย
ใ ้โอกา มาชิกในครอบครั ในการตัด นิ ใจเรื่อง ามารถตัด ินใจได้ด้ ยตั เอง
ต่าง ๆ
ไม่ลังเลที่จะทำงานที่ถูกเชื่อ ่าเป็นงานของผู้ ญิง ไม่รู้ ึกผิดที่เลือกที่จะทำงานนอกบ้านมากก ่า
เลี้ยงดูบุตร
ามารถทำงานโดยมี ั น้างานเป็นผู้ ญิงได้โดย าโอกา ในการดำรงตำแ น่งบริ าร
ปรา จากค ามคิดต่อต้าน
7

รูปที่ 2 บทบาทเพ ภา ะแบบเ มอภาค


(ที่มา : https://dekaus.com/featured-articles/1964/1964/)

จากการที่ ังคมกำ นดและคาด ังต่อ ญิงชายที่แตกต่างกัน ทำใ ้ผู้ ญิงและผู้ชายถูก


กำ นดอยู่ใน ถานะทาง ังคมที่แตกต่างกัน เช่น ังคมเชื่อ ่าผู้ชาย มีค ามเป็นเ ตุเป็นผลจึง
กำ นดใ ้เป็นผู้นำมีบทบาทอยู่ในพื้นที่ าธารณะ เช่น ทำงานนอกบ้าน ผู้นำชุมชน นักการเมือง
ในขณะที่ผู้ ญิงถูกมอง ่าเป็นผู้ที่อ่อนแอและมีอารมณ์อ่อนไ จึงถูกกำ นดบทบาทอยูในพื้นที่
่ นตั เช่น เป็นผู้ใ ้การดูแล มาชิกในครอบครั อยู่ในบ้าน ซึ่งเป็น ที่มาของปัญ า ภาพเ มาร มใน
เรื่องเพ ภา ะ รือการตีตราในเรื่องบทบาทเพ (Gender Stereotype) โดยเชื่อ ่าบทบาทเ ล่านี้
เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ทำใ ้มีการจำกัด ิทธิและโอกา ของผู้ ญิง การกีดกัน และอคติ นำไป ู่การเลือก
ปฏิบัติทางทางเพ (Gender Discrimination) เช่น การที่ผู้ ญิงต้องรับภาระในการเลี้ยงดูบุตรและ
ค ามรับผิดชอบในครั เรือน การจำกัด ิทธิของผู้ ญิงในการเข้า ึก าใน าขาใด าขา นึ่ง การไม่
่งเ ริมใ ้ผู้ ญิงเป็นผู้นำในทุกระดับ ใน ่ นของกลุ่มคนผู้ที่มีค าม ลาก ลายทางเพ ก็ได้รับ
ผลกระทบจากระบบปิตาธิปไตย ซึ่งทำใ ้ถูกเลือกปฏิบัติและจำกัด ิทธิและโอกา ต่าง ๆ เช่น ิทธิใน
การ ร้างครอบครั ตามกฎ มาย การจำกัด ิทธิในการเข้า ถานที่บางแ ่ง โอกา ในการเข้าทำงาน
เป็นต้น (พีรดา ภูมิ ั ดิ์. 2563 : ออนไลน์)

1.2 แนวคิดเพศภาวะกับการดำเนินงานภาครัฐ
การนำแน คิดเพ ภา ะเข้า ู่การดำเนินงานภาครัฐนั้นมีเป้า มาย ำคัญคือ การ ร้างค าม
เ มอภาคระ ่างเพ (Gender Equality) โดย ประชาชาติได้เ ็นพ้องร่ มกันในการนำแน คิดเพ
ภา ะเข้า ู่กระบ นการ กำ นดนโยบาย แผนงาน โครงการและกิจกรรมของรัฐในการประชุมระดับ
โลก ่าด้ ยเรื่อ ง ตรีครั้งที่ 4 ซึ่งแน คิดนี้ เรียก ่า การบูรณาการเพ ภา ะใ ้เป็นกระแ ลัก
(Gender Mainstreaming)
8

1.2.1 การบูรณาการเพศภาวะใ ้เป็นกระแ ลัก (Gender Mainstreaming)


คือ กระบ นการในการประเมินผลที่ผู้ ญิงและผู้ชายได้รับจากการปฏิบัติใด ๆ ไม่ ่าจะเป็น
กฎ มาย นโยบาย แผนงานในทุกประเด็นและทุกระดับ เพื่อใ ้ค ามต้องการจำเพาะ ิ่งที่จำเป็น
และประ บการณ์ของผู้ ญิงและผู้ชาย ได้ถูกบรรจุเป็นประเด็น ำคัญในการออกแบบ การดำเนินการ
การติดตามและการประเมินผลนโยบายและแผนงานในมิติทางการเมือง เ ร ฐกิจ และ ังคม เพื่อที่
ผู้ ญิงและผู้ชายจะได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมและขจัดค ามไม่เ มอภาค ซึ่งเป้า มาย ูง ุดของ
การบูรณาการเพ ภา ะใ ้เป็นกระแ ลักคือการบรรลุค ามเ มอภาคระ ่าง
ใน น่ ยงานภาครัฐ ประกอบด้ ยการนำมิติเพ ภา ะเข้า ู่กระบ นการนโยบายตั้งแต่การ
กำ นดเป้า มาย การออกแบบนโยบาย การกำ นดนโยบาย การดำเนินการ และการติดตามและ
ประเมินผลต่าง ๆ เช่น
1.2.2.1 การวิเคราะ ์มิติเพศภาวะ (Gender Analysis - GA)
คือ การ ิเคราะ ์ถึง ิธีการ การได้รับประโยชน์ และผลกระทบจากโครงการกิจกรรมต่าง ๆ ที่
รัฐกำ นดขึ้น โดยคำนึงถึงค ามแตกต่าง ข้อจำกัด ปัญ าและอุป รรคของผู้ ญิงและชายที่แตกต่าง
กัน เพื่อกำ นดนโยบาย ร มทั้งที่ ่งผลใ ้ผ ู้ ญิง ผู้ช าย และกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ใน ังคม ได้รับ
ผลประโยชน์จากการดำเนินการของรัฐอย่าง ูง ุด
1.2.2.2 การจัดทำข้อมูลจำแนกเพศ (Sex-disaggregated Data)
คือ การจัดเก็บข้อมูลจำแนกเพ เพ ภาพ อายุ และ ถานะต่าง ๆ เช่น ค ามพิการ ถานะ
ทางเ ร ฐกิจ ังคม เพื่อใ ้เ ็นถึงจำน นของผู้ ญิง ผู้ชาย เด็ก ญิง เด็กชาย ในการเข้าถึงและการ
ได้รับประโยชน์จากการดำเนินนโยบายมาตรการ โครงการและกิจกรรมของรัฐ

1.2.2.3 การจัดทำงบประมาณที่มีมิติเพศภาวะ (Gender Responsive


Budgeting – GRB)
คือการจัดทางบประมาณที่มีการ ิเคราะ ์ถึงค ามจำเป็น การเข้าถึงผลประโยชน์และผลกระทบที่
แตกต่างของ ญิง ชาย และประชากรกลุ่มต่าง ๆ ใน ั งคม เพื่อใ ้เกิดการกระจายทรัพยากรที่เป็น
ธรรมและเ มาะ มแก่ประชากรกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งเป้า มายคือการลดค ามเ ลื่อมล้ำทาง ังคม และการ
่งเ ริมค ามเ มอภาคระ ่างเพ (พีรดา ภูมิ ั ดิ์. 2563 : ออนไลน์)

2. าเ ตุของการเกิดปัญ าปิตาธิปไตย
2.1 ทุนนิยม
ระบบทุนนิยม ล่อ ลอมมโนทั น์เรื่องการ ะ มทุนและการ ร้างอำนาจต่อรองทาง ังคม
ทั้งยัง ร้างพันธกิจใ ้ผู้เป็นพ่อดูแลครอบครั และผลิต มาชิกออก ู่ ังคม นำมาซึ่งการใช้อำนาจ
ปิตาธิปไตย ระบบทุนนิยมยังเปลี่ยนแปลงจารีตที่กำ นดเพ ถานะและเพ ิถี ถานะของเพ ญิง
ที่ต้องยึดติดอยู่กับพื้นที่ ่ นตั มีบทบาทเป็นผู้ทำงานในบ้านมีโอกา ทำงานนอกบ้านทัดเทียมกับเพ
ชาย ่ นเพ ิถีของชายและ ญิงยังถูกจารีตทาง ังคมค บคุมใ ้เป็นค าม ัมพันธ์แบบชาย ญิง ใน
ขณะเดีย กันก็กดทับค าม ัมพันธ์ระ ่างเพ เดีย กัน นอกจากนี้ ระบบทุนนิยมทำใ ้พื้นที่เมือง
9

กลายเป็น ูนย์ร มค ามเจริญทางเ ร ฐกิจ แต่ก็ยังมีพื้นที่ซ่อนเร้นซึ่งมีลัก ณะเป็นพื้นที่ชายขอบที่ยัง


ไม่เจริญ ระบบทุนนิยมยัง ล่อ ลอมมโนทั น์และ ิถีชี ิตแบบปัจเจกบุคคล ในขณะเดีย กันก็เปิด
โอกา ใ ้การบริโภค ัตถุเป็นไปอย่างเ รี ระบบทุนนิยมยังก่อใ ้เกิดการใช้อำนาจปิตาธิปไตยใน
ครอบครั เพราะพันธกิจของบทบาทพ่อที่ได้รับอิทธิพลจากระบบทุนนิยม แต่ก็ถูกลดทอนลงทุกขณะ
อีกทั้งอำนาจปิตาธิปไตยซึ่งเป็นตั กำ นดเพ ถานะและเพ ิถีใ ้เป็นชายกับ ญิงยังถูกท้าทายและ
ตอบโต้ด้ ยการมีเพ ิถีที่นอกเ นือจากบรรทัดฐานของ ังคมซึ่งก็คือเพ ิถีระ ่า งเพ เดีย กัน
(ขอบคุณ มบูรณ์ ง ์. 2558 : ออนไลน์)
2.1.1 ความเป็นชายภายใต้ทุนนิยม
ภายใต้มายาคติและ มมติฐานเรื่อง “ค ามเป็นชาย” ที่มีเอกลัก ณ์และค ามคงที่ในเพ
รีระและเพ ภา ะ คือการ ร้างบรรทัดฐานแบบรักต่างเพ (Heteronormativity) กล่า คือ ผู้ชาย
จะกลายเป็น ูนย์กลางของการ ร้างค าม ัมพันธ์ทางเพ ที่ต้องตอบ นองการ ร้างครอบครั แบบผั
เดีย เมียเดีย ดังนั้น การมีเพ ัมพันธ์ของผู้ชายก็ต้องเป็นไปตามอุดมการณ์ครอบครั คือ มีประเ ณี
กับเพ ญิง เป็น ั น้าครอบครั และเลี้ยงดูภรรยาและบุตร พื้นที่ทาง ังคมของผู้ชายภายใต้มายา
คตินี้ คือพื้นที่ าธารณะที่ผู้ชายจะออกไปทำงานนอกบ้านและเป็นผู้แบกรับภาระทางเ ร ฐกิจ ิ่งนี้
ตอบ นองระบบทุนนิยม มัยใ ม่ที่ต้องการแรงงานที่แข็งแรงอดทนทำงานใ ้คุ้มค่ากับค่าแรงที่จ่ายไป
มายาคตินี้ทำใ ้ผู้ชายกลายเป็น “คนรักต่างเพ ” ที่จะต้องมีอารมณ์ปรารถนาทางเพ กับผู้ ญิง
เท่านั้น ถ้าผู้ชายคนใดแ ดงอารมณ์ทางเพ และมีการเ พ ัง าทกับคนเพ เดีย กัน ก็จะถูกมอง ่า
ไม่ใช่ “ผู้ชาย” ซึ่งเป็นเรื่องเ ื่อมเ ียทาง ังคมอย่างมาก ดังนั้นการกดทับใ ้เพ ชายดำรงอยู่ในเพ
ภา ะ “ผู้ชาย” และ เพ ิถี “รักต่างเพ ” จึงเป็นกฎระเบียบที่เคร่งครัดและเป็น ีลธรรมที่ค บคุม
ค าม ัมพันธ์ระ ่างผู้ชายกับผู้ ญิง และผู้ชายกับผู้ชาย พฤติกรรมและตั ตนทางเพ ของผู้ชายจึง
เป็นเป้า มายของการจัดระเบียบ ่าอะไรคืออารมณ์เพ ที่ปกติและไม่ปกติ นั่นคือ ผู้ชายจะต้องดำรง
ตนอยู่ในค ามเข้มแข็งและเป็นรักต่างเพ ที่จะต้องแต่งงานกับผู้ ญิง เพื่อ ร้างครอบครั และผลิต
ทายาทใ ้ออกไปเป็นแรงงานในระบบทุนนิยมต่อไป (นฤพนธ์ ด้ ง ิเ . 2560 : ออนไลน์)
2.2 ชนชั้นปกครอง
ชนชั้นปกครองในยุค ยามคือผู้มีบทบาทชี้นำ ังคมในการที่จะกำ นด ่าผู้ชายจะต้องทำ
น้าที่อย่างไร แน คิดเรื่อง “ ุภาพบุ รุ ” ที่ปรากฎอยู่ใน าทกรรมของชนชั้น ูง ะท้อนใ ้เ ็น ่า
“ค ามเป็นชาย” เป็น ิ่งที่มีลัก ณะพิเ และจะต้องถูกค บคุมจัดระเบียบเพื่อทำใ ้ผู้ชายอยู่ใน ังคม
ได้อย่าง ง่างาม คือ ต้องมีมารยาท เคารพและใ ้เกียรติผู้ ญิง รู้จักกาละเท ะ มีค ามรับผิดชอบต่อ
น้าที่การงาน ิ่งต่าง ๆ เ ล่านี้คือค ามคาด ังที่ชนชั้น ูงต้องการทำใ ้ผู้ชายกลายเป็นคนที่ต้อง
ระมัดระ ังตั มากขึ้นในการที่จะติดต่อ ัมพันธ์กับผู้ ญิง ค าม มายของ “ ุภาพบุรุ ” จึงไม่ใช่การ
ทำใ ้ผู้ชายเป็นคนที่เ ีย ละ เ ็นใจ รือเข้าใจผู้ ญิงมากขึ้น แต่เป็นการทำใ ้ผู้ชายฝึก ที่จะค บคุม
อารมณ์และพฤติกรรมทางเพ ของตั เองเมื่ออยู่ในพื้นที่ าธารณะ ค าม ัมพันธ์ระ ่าง ญิงชายใน
พื้นที่ าธารณะจะกลายเป็น ิ่งที่ถูกค บคุมมากขึ้น รืออาจกล่า ได้ ่าค าม ัมพันธ์แบบเพ คู่ตรงข้าม
แบบรักต่างเพ ค่อย ๆ ำแดงตั เองในพื้นที่ าธารณะมากขึ้น ค ามคิด เรื่อง “ ุภาพบุรุ ” จึงมิใช่
10

แค่การบอก ่าผู้ชายจะมีบทบาททางเพ อย่างไร แต่ยังเป็นการ ถาปนาบรรทัดฐานรักต่างเพ ใ ้มี


ค ามแข็งแรง และแทรกซึมเข้าไปอยู่ในชี ิตประจำ ันของรา ฎรมากขึ้น
ค ามคิดดังกล่า นี้เป็นเรื่องใ ม่ใน ังคม ยามในช่ งเ ลานั้นและมันก็กลายเป็น าทกรรม
ทาง ังคมที่ครอบงำค ามคิดของผู้ชายชนชั้นปกครอง ข้าราชการ และเจ้าขุนมูลนาย ตั อย่างเช่น
ราช ำนักของรัชกาลที่ 5 การแ ดงค ามเป็น ุภาพบุรุ ถูกตีค ามผ่านการแ ดงออกทางร่างกาย เช่น
การ มชุด ูท ากล ูบซิการ์ ถือไม้เท้า ซึ่งเป็นการรับเอาธรรมเนียมแบบอังกฤ มาใช้ในราช ำนัก
จนกระทั่งใน มัยรัชกาลที่ 6 อิทธิพล ัฒนธรรม ิคตอเรียก็เข้ามาอย่างเข้มข้น พระบาท มเด็จพระ
มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่ ั ซึ่งถูกขนานพระนาม ่า Victorian Siam Prince ทรงนำธรรมเนียมปฏิบัติของ
ผู้ชายแบบอังกฤ มาใช้ใน ยามประเท เช่น ตั้งกองท ารเ ือป่า และโรงเรียนชาย ชิรา ุธ และการมี
เน้นย้ำคุณค่าของ “ ุภาพบุรุ ” ในปริมณฑลต่าง ๆ ที่พระองค์เข้าไปมีบทบาท แต่อย่างไรก็ตาม
“ค ามเป็น ุภาพบุรุ ” ที่ชนชั้นปกครองเอามาปรับแต่งนั้นอาจจะเป็นคนละเรื่องกับ “ค ามเป็น
ชาย” ที่อยู่นอกราช ำนัก รือพบเ ็นใน ังคมชา นาและชนชั้นไพร่
การ ึก าเรื่องค ามเป็นชาย มัยใ ม่ใน ยาม มักจะมีข้อถกเถียง ลักอยู่ที่เรื่องการตอบโต้
กับลัทธิอาณานิคมและการทำใ ้ประเท ทัน มัยเจริญก้า น้าเพื่อที่ชา ตะ ันตกจะไม่เข้ามามี
อิทธิพลเ นือพระราช ง ์และราชอาณาจักร ข้อถกเถียงของนัก ิชาการพยายามมอง “ค ามเป็น
ชาย” ในฐานะเป็นเครื่ องมือทางการเมืองที่ชนชั้นปกครองได้ปรับตั และนำเอา ิธีคิดเรื่องเพ แบบ
ิคตอเรียมาใช้ใน ยาม ร มทั้งมอง ่าผู้นำ ยามได้พยายาม ร้าง “เพ ภา ะ” ของผู้ชายภายใต้ลัทธิ
ชาตินิยม เช่นการ ึก าของ กาลีน่า(2009) มอง ่ารัชกาลที่ 6 ได้ ร้างค่านิยมและบรรทัดฐานใ ม่
ของ “ค ามเป็นชาย” ที่ต้องเคารพระบบผั เดีย เมียเดีย ค ามจงรักภักดี ค ามซื่อ ัตย์ ค าม
เ ีย ละ ค ามรักพ กรักพ้อง ิ่งเ ล่านี้เกิดขึ้นจาก ิธีการมองโลกของรัชกาลที่ 6 ที่มองเ ็นชาติเป็น
ดั้งกองท ารและพระองค์คือแม่ทัพ เมื่อมาถึงการปกครองแบบประชาธิปไตย โดยเฉพาะ มัยจอม
พล ป. พิบูล งคราม การ ึก าค ามเป็นชายจะเป็นการถกเถียง ่าผู้นำชาติได้ ร้างกฎระเบียบ
เกี่ย กับเพ ภา ะ ญิงชายเพื่อใ ้ประชาชนยึดถือปฏิบัติตาม ตามอุดมการณ์ “รัฐนิยม” ซึ่งเป็นรัฐที่
พยายามแยกบทบาท ญิงชายออกจากกัน เ ็นได้จากการ ึก าของ ะโรจน์( 2553) ที่ชี้ ่าเมื่อ
ยามเปลี่ยนไป ู่รัฐชาติไทย ค ามคิดเรื่อง ุภาพบุรุ ก็ถูกทำใ ้แพร่ ลายในแ ด งปัญญาชน เช่น
เกิด นัง ือพิมพ์ชื่อ “ ุภาพบุรุ ” ซึ่งผลิตโดยกลุ่มนักเขียนรุ่นใ ม่ (เลือดใ ม่) ที่เรียกตั เอง ่า “คณะ
ุภาพบุรุ ” ค ามเป็นชายที่ป รากฎอยู่ในกลุ่มปัญญาชนรุ่นใ ม่นี้ไม่ได้ต่างจากค ามคิดของชนชั้น
ปกครองเท่าใดนักเพราะยังคงเชื่อ ่าผู้ชายจะต้องใ ้เกียรติผู้ ญิง เป็น ั น้าครอบครั ทำ น้าที่
เลี้ยงดูบุตรและภรรยา เป็นคนดี และประพฤติดี
ในการ ึก าของก้อง กล ก ินร ีกุล(2545) ก็ชี้ใ ้เ ็น ่าค ามเป็นชาย มัยใ ม่ของรัฐไทย
เป็นเรื่องเชิงการเมืองที่ผู้นำชาติต้องการนำค ามคิดเรื่อง ิ ิไลซ์และค ามมีอารยะมาไ ้บนร่างกาย
ของประชาชน กล่า คือ ร่างกายของผู้ชายจะถูก ร้างใ ม่ผ่านใต้อุดมการณ์และบรรทัดฐานรักต่าง
เพ ร มทั้งค ามคิดเรื่อง ุขภาพอนามัยที่ดี ผู้ชายจะต้องทำ น้าที่เป็น ั น้าครอบครั (พ่อและ ามี)
และออกกำลังเป็นประจำเพื่อใ ้มี ุขภาพแข็งแรง ในช่ ง มัยนี้ ผู้ชายไทยจะเริ่ม ร้างร่างกายของตน
ใ ้มีกล้ามเนื้อใ ญ่โตเ มือนชา ตะ ันตก แน คิดเรื่อง ุภาพบุรุ และการมี ุขภาพแข็งแรงทำใ ้
11

ผู้ชายไทยม งดูร่างกายข งตั เ งในเชิงชี ิทยาและกามารมณ์มากขึ้น กล่า คื ร่างกายข งผู้ชาย


ถูกประเมินจากเพ รีระ/ ัย ะเพ และกล้ามเนื้ ผู้ชายต้ ง กกำลังกาย เล่นกี า รื ฝึกกาย
บริ ารเพื่ ทำใ ้ตนเ งมี ุขภาพแข็งแรงและมี “ทรงงาม” (ก้ ง กล, 2545, น.103.) ผู้ชายเริ่มม งดู
ร่างกายข งตนต่างไปจากผู้ ญิ ง และม งเ ็นร่างกายข งเพ ชายเป็นด้านตรงข้ามกับผู้ ญิงภายใต้
ิธีคิดแบบรักต่างเพ ผู้ชายจะ ันเข้า ถานกายบริ ารภายใต้แน คิด “ผู้ชายต้ งเป็นชายใ ้ มชาย”
ค าม มายข งค ามเป็นชายใน มัยจ มพล ป. จึงต่างไปจากยุคก่ น น้านั้น โดยมุ่งไป ู่เรื่ ง ุขภาพ
นามัย รื กล่า ได้ ่าค ามเป็นชายคื การเป็น “พ่ พันธุ์” (ก้ ง กล, 2545, น.110.) เป็นผู้ที่
จะต้ งทำ น้าที่ ืบทายาท เป็นพ่ และเป็น ามี พ่ พันธุ์ใน ุดมคติต้ งกำยำล่ำ ัน ูงใ ญ่ ไม่ผ ม
แ ้ง รูปร่างได้ ัด ่ น รัฐจึง ่งเ ริมใ ้มีการประก ดชายฉกรรจ์ใน ันปีใ ม่และได้รับค ามนิยมจาก
ประชาชน กล่า ีกนัย นึ่งคื ค ามเป็นชายจะถูกเทียบเคียงและเปรียบเทียบกับการเป็นรักต่างเพ
ซึ่งร่างกายข งผู้ชาย จะเป็นพื้นที่ดึงดูดทางเพ ที่มีไ ้ ำ รับผู้ ญิง การฝึกร่างกายข งผู้ชายไทยใน
ถานบริ ารร่างกาย มัยใ ม่ จึงเป็นการต กย้ำค ามคิดเรื่ งค ามแข็งแรงข ง ุ ขภาพที่จำเป็นต่
การ ืบพันธุ์ และการมีบุตร
จะเ ็น ่าข้ ถกเถียงเรื่ ง “ค ามเป็นชาย” จากการ ึก าที่มี ยู่ ได้นำเ าค ามคิดเรื่ งเพ
ภา ะไปโยงกับเรื่ งการ ร้างชาติ และการทำใ ้ชาติร ดพ้นจากลัทธิ าณานิคม ในขณะเดีย กันก็
ม ง ่าค ามเป็นชายเป็นกระจก ะท้ นการเปลี่ยนแปลงทาง ังคม ัฒนธรรม และบทบาท น้าที่ข ง
ผู้ชายชา ยามเปลี่ยนจากการมีภรรยา ลายคนไป ู่การมีภรรยาคนเดีย ผู้ชายจะค่ ย ๆ เป็น
ูนย์กลางข ง ถาบันผั เดีย เมียเดีย และมีบทบาทในการ ร้างคร บครั การค บคุมเพ ิถีใ ้ ยู่
กับ ุดมการณ์รักต่างเพ และการแยกพื้นที่ผู้ชายใ ้ ยู่ ่างจากพื้นที่ข งผู้ ญิง การ ธิบายในทำน ง
นี้ไม่ได้ทำใ ้เราเข้าใจค าม ลาก ลายข งค ามเป็นชายที่ปรากฎ ยู่ก่ น น้านั้น และม งข้าม
ค าม ัมพันธ์ระ ่างเพ ภา ะ มัยใ ม่กับ ิธีคิดเรื่ งเพ ที่มี ยู่ดั้งเดิม ดังนั้น การ ธิบายค ามเป็น
ชายใน ังคม ยามจึงไม่ค รม งจาก ายตาข งชนชั้นปกคร งและเจ้านายเท่านั้น แต่ค รทำค าม
เข้าใจ “ค ามเป็นชาย” ที่ปรากฎ ยู่น กปริมณฑลราช ำนักและการเมื งเรื่ งการ ร้างชาติ และการ
ทำใ ้ ยาม ิ ิไลซ์ จะเ ็น ่าข้ จำกัดในการ ึก าค ามเป็นชายใน ังคม ยาม มาจากการม ง
ประ บการณ์ในระดับผู้นำชาติ ซึ่งมี ำนาจที่จะบ่งการและชี้นำ ังคมใ ้ปฏิบัติตามค ามเป็นชายที่ถูก
ร้างขึ้นจากบริบททางการเมื งและระบบชนชั้นใน ยามประเท เป็นเพียงฉาก นึ่งข ง “ค ามเป็น
ชาย” แบบ ื่น ๆ ที่นัก ิชาการมักจะละเลยและม งข้ามไป (นฤพนธ์ ด้ ง ิเ . 2560 : นไลน์)

3. ผลกระทบของปัญหาปิตาธิปไตย
3.1 การเกณฑ์ทหาร
คำ ่า ‘รักชาติ’ ‘จงรักภักดี’ ที่ท ารช บ ้างก็เป็น ำนึกรักชาติบ้านเกิดเมื งน นแบบ
patriotism ซึ่งรากมาจากคำ ่า patrios ข งกรีกที่แปล ่า ‘ข งพ่ ’ (‘พ่ ’ รื father ก็มีราก
ัพท์มาจาก pater) ำนึกรักชาติพรรค์นี้จึงมักเชื่ มโยงประเท ชาติใ ้เป็นบ้านข งพ่ มากก ่าจะ
เป็นข งประชาชนร่ มกัน และปิตาธิปไตย (patriarchy) ที่มาจากรากเดีย กันเ งก็เป็นการนิยาม
โครง ร้าง ังคมที่ม ง ่าชุมชนตนเ งคล้าย ‘คร บครั ’ บ้าน ลัง นึ่งที่ปกคร งแบบ ‘พ่ ปกคร ง
ลูก’ มีผู้ชายเป็น ั น้าคร บครั มี ำนาจ ูง ุดเป็น ูนย์ร ม รัทธา เป็นคุณพ่ ผู้ประเ ริฐและรู้ดี
12

คอยใ ้โอ าท ั่ง อน ่าบาปชี้ผิดชี้ถูก ลูก ลานก็เชื่อฟังตามอย่าง ่าง่าย อันเป็น ิ่งที่เฟมินิ ต์


พยายามคลื่อนไ รื้อ ร้างอยู่ตลอดและ ำนึกท ารนิยมนั้นทำใ ้ท ารกลายเป็นอาชีพเดีย ที่ ถูกใ ้
ค าม มาย ่ารักชาติก ่าอาชีพอื่น ๆ ผูกขาดค าม มายของการรับใช้ชาติ รา กับ ่าอาชีพอื่นไม่ได้
ัมพันธ์อะไรกับการพัฒนาชาติ ทำใ ้ชาติมั่นคงขณะเดีย กันก็นิยามใ ้เป็น น้าที่ รือครั้ง นึ่งในชี ิต
ลูกผู้ชาย เป็นบทพิ ูจน์ ‘ ักดิ์ รีลูกผู้ชาย’ ที่รัฐปิตาธิปไตยเอามาค้ำคอใ ้ผู้ชายต้องถูกเกณฑ์เป็นพล
ท ารอดทนอดกลั้น ต่ อ การถูก กดขี่ กดทับ ใน ัง คมชนชั้ นของท าร (ชานันท์ ยอด ง ์ . 2562 :
ออนไลน์)
3.2 ความไม่เท่าเทียมทางหน้าที่การงาน
ผู้ ญิง ่ นใ ญ่ต้องเผชิญกับปัญ าและอุป รรคต่าง ๆ ในที่ทำงาน ไม่ ่าจะเป็นเรื่องค ามไม่
เท่าเทียมกันในเรื่องเงินเดือน ทั้ง ๆ ที่ได้รับมอบ มายใ ้รับผิดชอบงานเ มือนกัน รือการทำงาน
อย่าง นักเพื่อพิ ูจน์ใ ้ ั น้างานยอมรับในค าม ามารถ และการได้ค ามไ ้ างใจและเชื่อใจจากผู้
ที่เป็นลูกน้อง ปัญ าต่าง ๆ เ ล่านี้ทำใ ้ผู้ ญิงมีค ามกดดันในที่ทำงาน ูง ร มถึงต้องทำงานอ ย่าง
นักเพื่อใ ้ตั เองเป็นที่ยอมรับ ดังนั้นการประ บค าม ำเร็จในที่ทำงานจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ำ รับ
ผู้ ญิง ผู้ ญิงที่ทำงานอย่าง นักเพื่อใ ้ตั เองประ บค าม ำเร็จใน น้าที่การงานนั้น มักจะต้องเผชิญ
กับค ามเ ร้า ค ามเจ็บป ด และการถูกทอดทิ้งจากคนใกล้ชิด ซึ่งถือเป็นค าม ูญเ ีย รือค ามเ ร้า
ที่เกิดขึ้นในชี ิตของผู้ ญิง ่ นใ ญ่ที่จะต้องแลกมา (Sasiphattra Siriwato. 2560 : ออนไลน์)
3.3 การเมืองและเศรษฐกิจ
3.3.1 นักการเมืองหญิง
เมื่อปิตาธิปไตยครอบคลุมไปในทุกปริมณฑล ไม่ ่าจะเป็นพื้นที่ครอบครั พื้นที่ าธารณะ
รือพื้นที่การเมือง คำถามที่ตามมาคือ แล้ อะไรคือคุณ มบัติของนักการเมือง ญิง เพราะเพ ญิงใน
การเมืองมิได้ทำ น้าที่เป็นนักการเมืองอย่างเดีย เท่านั้น แต่บทบาทที่ ังคมมองเ ็นนักการเมือง ญิง
ยังพ่ งมาด้ ย น้าที่ของแม่ ภรรยา รือกระทั่งลูก า และน้อง า ภาพที่ติดมาพร้อม ๆ กับบทบาท
นักการเมือง ญิงจึง ะท้อนใ ้เ ็น ่า เพ ญิงไม่ ามารถจะ ลัดทิ้งอัตลัก ณ์ค ามเป็นผู้ ญิงในพื้นที่
าธารณะได้ การเป็นนักการเมือง ญิงใน ังคมชายเป็นใ ญ่จึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทุกครั้งที่มองไปยัง
พื้นที่ของนักการเมือง ญิง โดยรู้ตั รือไม่นั้น พื้น ที่ดังกล่า จะต้องมีภาพนักการเมืองชายปรากฏอยู่
ด้ ยเ มอ ไม่เ ้นแม้กระทั่งเรื่อง ‘คุณ มบัติ’ ของนักการเมือง ญิง
ถาบันพระปกเกล้า โดย ิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น จัดโครงการเ ทีท้องถิ่น เรื่อง
“ ตรีกับการเมือง: ค ามเป็นจริง พื้นที่ทางการเมือง และการขับเคลื่อน” เมื่อ ันที่ 10 มีนาคม พ. .
2551(3) เ ทีดังกล่า ได้พูดถึง ตรีกับการเมืองใน ลายมิติ นึ่งในประเด็นที่ ง ิชาการร่ มถกเถียงคือ
ประเด็นเรื่องคุณ มบัติของนักการเมือง ญิง ซึ่ง นางลดา ัลย์ ง ์ รี ง ์ ได้นำเ นอใน ั ข้ อ
“ า ตร์ทั้ง 7 ในการเข้า ู่และดำรงอยู่ในการเมือง” นางลดา ัลย์ใ ้ค ามเ ็น ่าผู้ ญิงที่จะเป็น
นักการเมืองและรัก า ถานภาพทางการเมืองได้ จะต้องมีคุณลัก ณะดังนี้
1. การ ร้างคุณค่า -คุณภาพ : เป็นการแ ง าค ามรู้ค าม ามารถ และการพัฒนาตนเองอยู่
ตลอดเ ลาไม่ ่าจะเป็นการ ึก า าค ามรู้จากตํารา ื่ออิเล็กทรอนิก ์ ประกอบกับการฟัง การ
เรียนรู้จากผู้รู้ต่าง ๆ ที่ ำคัญจะต้อง “เน้นการฟังใ ้มากขึ้น และจะต้องลดการพูดติฉินนินทาลง”
13

2. การได้รับการ นับ นุนจากครอบครั : ครอบครั มี ่ น ำคัญในการ ร้างกําลังใจ ร้างค าม


เชื่อมั่น และผลักดันใ ้ผู้ ญิงโลดแล่นในเ ทีการเมือง อาทิ กรณีของพ่อแม่ ต้องคอยใ ้กําลังใจ
่งเ ริมและ ร้างโอกา ในขณะที่คนที่เป็น ‘ ามี’ ก็ต้องทำ น้าที่ ลายอย่างแทนผู้เป็นภรรยา
เพือ่ ใ ้ภรรยาได้ทำ น้าที่ในทางการเมืองอย่างเต็มที่
3. การมีฐานเ ียง รือผู้ นับ นุนในพื้นที่ : การจะประ บค าม ำเร็จได้ในทางการเมือง ิ่ง ำคัญที่
ต้องมีคือ ‘ฐานเ ียง’ ากไม่มีฐานเ ียงก็ไปไม่รอดในทางการเมือง ดังนั้น ต้องมีน้ำใจ มี ังค ะ
ัตถุ มีธรรมะ และทำใ ้ฐานเ ียงรักและไ ้ใจในตั เรา
4. การมีผู้ นับ นุนทางการเมืองระดับ ูง : ในทางการเมืองจําเป็น อย่างยิ่งที่จะต้องได้ร ับ การ
นับ นุนจาก ั น้าพรรค รือเลขาธิการพรรค ซึ่งค าม มายทั่ ไปก็คือ’ผู้ใ ญ่ของพรรค’ และ
ิ่งที่เป็น ั ใจ ำคัญคือ จะต้องเรียนรู้ ่าจะเข้าถึงใจของบุคคลเ ล่านั้นอย่างไร
5. การได้รับการ นับ นุนจากเพื่อนนักการเมือง : ในการโลดแล่นทางการเมืองนั้น ั ใจ ำคัญอีก
ประการ นึ่งได้แก่การได้รับ การ นับ นุน จากเพื่ อนนั กการเมื องด้ ยกัน ไม่ ่าจะเป็นการ
ช่ ยเ ลือกันในทางการเมือง การแลกเปลี่ยนประ บการณ์ มุม มองระ ่างกัน และการเป็น
‘กัลยาณมิตร’ ในทางการเมือง
6. การได้รับการ นับ นุนจาก ื่อ : ื่อม ลชนจะเป็นพันธมิตรที่ ำคัญ ำ รับนักการเมือง เพราะ ื่อ
จะทำ น้าที่ประชา ัมพันธ์ผลงานและการทำงานของนักการเมืองใ ้ไป ู่การรับรู้ของประชาชน
กลุ่ม ื่อม ลชนมีอิทธิพลและมีพลังมากต่อนักการ เมือง ญิง
7. การมีผู้ นับ นุนด้านการเงิน : แม้ ่าในการ าเ ียงเลือกตั้งจะไม่มีการซื้อเ ียง แต่เงินก็มีค าม
จําเป็นอย่างยิ่ง เนื่อง จากนักการเมืองต้องใช้เงินในการจัดพิมพ์โป เตอร์ แผ่นพับ ใบปลิ รถ า
เ ียง ค่าทีมงาน และการที่มีผู้อุปถัมภ์ทางการเงินก็เป็นการช่ ยพรรคในการลดค่าใช้จ่ ายใน ่ น
ของพรรคการเมือง แต่ ิ่งที่ค รระ ัง ได้แก่ การที่จะไม่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของผู้อุปถัมภ์ที่มีอิทธิพล
และเป็นนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชัน รือทำผิดกฎ มาย “เราต้อง ยิ่งใน ักดิ์ รีแล้ เลือกอย่างมี
คุณธรรม ่าคนนี้เป็นผู้อุปถัมภ์ของเราได้ รือไม่ได้ ตรงนี้คือ ั ใจ”

คุณ มบัติของนักการเมือง ญิง ที่นางลดา ัลย์ ง ์ รี ง ์นำเ นอ ะท้อนใ ้เ ็นถึง ‘พื้นที่’


ของเพ ญิงในการ เมืองที่ไม่ ามารถจะก้า พ้นปริมณฑลของเพ ชายไปได้ ดังจะเ ็นได้ตั้งแต่
คุณ มบัติข้อแรกที่นักการเมือง ญิงจะต้องลดการติฉินนินทา ตามมาด้ ยบทบาทของ ามี การมี
ผู้ใ ญ่ข องพรรค นั บ นุน การเป็นกัล ยาณมิต รใน ทางการเมื อ ง และมีผ ู้ อุ ป ถั มภ์ท างการเงิ น
คุณ มบัติเ ล่านี้ยิ่งเป็นการ ร้างภาพจำใ ้เพ ญิงเป็น ‘นางเอก’ ในโลกการเมือง เพราะคุณ มบัติที่
กล่า มานั้นล้ นเป็นการทำใ ้ภาพนักการเมือง ญิงต้องเป็นกุล ตรี บริ ุทธิ์ อ่อนโยน ไม่ ามารถจะ
อยู่ได้ด้ ยลำแข้งของตนเอง จำเป็นที่ต้องมีผู้ใ ญ่ของพรรค และผู้อุปถัมภ์ทางการเงินคอยอุ้มชู
นับ นุน เพราะฉะนั้น นักการเมือง ญิงจึงจำเป็นที่จะต้องเรี ยบร้อย อ่อนโยน เพื่อจะ ามารถรัก า
พื้นที่ของตั เองในการเมืองต่อไปได้ ในขณะที่นักการเมืองชายในพื้นที่ าธารณะ เพ ชายกลับไม่
จำเป็นที่จะต้องแบกรับ รือรับผิดชอบต่อภาพลัก ณ์เท่าเพ ญิง นักการเมืองชายไม่จำเป็นที่จะต้อง
ได้รับการ นับ นุนจากครอบครั ผู้ใ ญ่ของพรรค รื อต้องเป็นกัลยาณิมิตรทางการเมืองกับใครเท่า
นักการเมือง ญิง (เมธาพัฒน์ พะระรามัน ์. 2562 : ออนไลน์)
14

3.3.2 ราคาผ้าอนามัย
ประจำเดือนเป็นธรรมชาติตามเพ รีระ ญิงบ่งบอกถึง ัยเจริญพันธุ์ ดังนั้นการใช้ผ้าอนามัย
จึ ง ไม่ ใ ช่ เ รื ่ อ ง ่ นตั ทั ้ ง ผ้ า อนามั ย แบบใช้ ภ ายนอก (sanitary pad) และผ้ า อนามั ย แบบ อด
(tampon) ผ้าอนามัยจึงเป็นอีกปัจจัยในการดำรงชี ิตของเพ รีระ ญิงในแต่ละเดือน ที่ ัมพันธ์กับ
ุขอนามัยและค่าครองชีพ และเป็นอีก ิทธิอนามัยขั้นพื้นฐานที่ประชาชนต้องได้ เป็น ิทธิอนามัย
เจริญพันธุ์ที่รัฐจะต้องกระจายใ ้ประชาชนเข้าถึงได้ ลาก ลายเ มาะกับ รีระเงื่อนไขร่า งกาย
ประชาชน ญิงที่ ลาก ลาย ในขณะที่ถุงยางอนามัยที่รัฐบริการใ ้ฟรี มีประ ิทธิภาพ ามารถเข้าถึง
ได้ทุกขนาด และยัง าซื้อตามร้าน ะด กซื้อได้ง่ายก ่า เลือกกลิ่น ผิ ัมผั ได้ตามร นิยมได้อีกด้ ย
เพราะด้ ย ังคมปิตาธิปไตย รัฐผู้ชาย รือ male state ที่มองข้ามผู้ ญิง มีนโยบาย ั ดิการต่าง ๆ
ที่ gender blind ก็มักจะละเลย ไม่ นใจ ่าในแต่ละเดือนผู้ ญิงต้องแบกรับค่าใช้จ่ายนี้ ทั้ง ๆ ที่มัน
ไม่ได้ราคาถูก
จากการคำน ณ ด้ ยระยะเ ลาโดยเฉลี่ยของรอบเดือนประมาณ 4-7 ัน ในแต่ละ ันใช้
ผ้าอนามัยประมาณ 4-7 ชิ้น เดือน นึ่งผู้ ญิง 1 คน จะต้องจ่ายค่าผ้าอนามัย 350-400 บาท ขณะที่
ค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 300 บาทต่อ ัน (ชานันท์ ยอด ง ์. 2564 : ออนไลน์)
3.3.3 ผู้หญิงในร้านอาหาร
การขยายตั อย่างร ดเร็ ของระบบเ ร ฐกิจแบบทุนนิยมซึ่งนำไป ู่การเกิดขึ้นของคนชนชั้น
กลางได้ทำใ ้ร้านอา ารเริ่มมีการขยายตั มากขึ้น แต่ร้านอา ารยุคแรก ๆ เป็นการดำเนินกิจการเอง
ภายในครอบครั ทำใ ้ยังไม่มีการกดขี่ รือการใช้ค ามรุนแรงทางเพ ต่อผู้ ญิงมากนัก แต่ภาย ลั ง
จากที่มีร้านอา ารเพิ่มมากขึ้น และมีการแข่งขันในทางเ ร ฐกิจตามระบบทุนนิยมใน ังคมปัจจุบัน
ูงขึ้น การใช้ค ามรุนแรงต่อผู้ ญิง การคุกคามทางเพ และการเอาเปรียบทางเพ ามารถพบเ ็นได้
ทั่ ไปในร้านอา าร ผ่านทางนโยบายทางการตลาดและ ิธีการบริ ารจัดการ
อา ารจากที่เคยเป็นแค่ของกินเพื่อการมีชี ิตรอดถูกทำใ ้กลายมาเป็น ินค้าและบริการที่ถูก
นำมาแลกเปลี ่ ย นค้ า ขายเพื ่ อ ค ามพึ ง พอใจ ถู ก ใช้ เ ป็ น เครื ่ อ งมื อ ในการแ ดงถึ ง อำนาจและ
ค าม ัมพันธ์เชิงอำนาจระ ่าง ญิงชาย รือเพ ภา ะ ชนชั้นและอายุ ที่ปรากฏใ ้เ ็นโดยการตั้ง
ชื่อเมนูใ ้แปลก แต่มีลัก ณะกดขี่ทางเพ รือทำใ ้ผู้ ญิงเป็น ัตถุทางเพ เพื่อดึงดูดค าม นใจขอ
ลูกค้า เช่นเดีย กับการแต่งกายของพนักงานที่มีค ามแตกต่างกันโดยผู้ ญิงถูกคาด ังใ ้แต่งตั าบ
ิ ด้ ยเ ื้อผ้าน้อยชิ้นเพื่อดึงดูดลูกค้า ่ นการแบ่งงานกันทำที่มีการแบ่งบทบาท น้าที่โดยอา ัย
ค ามแตกต่างแ ่งเพ รีระอย่างชัดเจนก็ล้ นเป็นผล ืบมาจากกระบ นการขัดเกลาทาง ังคมและ
การ ร้างค ามเป็น ญิง-ชาย และปฏิ ัมพันธ์ของกลุ่มคนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นไปในลัก ณะที่ผู้ชายเอา
เปรียบทางเพ กดขี่ รือใช้ค ามรุนแรงต่อผู้ ญิงทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยที่ผู้ ญิงเอง ยบย อม
โดยไม่รู้ตั รือถูก อนใ ้ยอมรับการเอาเปรียบทางเพ เ ล่านั้นเพื่อรัก างานเอาไ ้
จากรู ป แบบของค าม ั ม พั น ธ์ ท ั ้ ง มดที ่ เ กิ ด ขึ ้ น ในร้ า นอา ารได้ แ ดงใ ้ เ ็ น ถึ ง การ
เปลี่ยนแปลงรูปแบบและพฤติกรรมในการบริโภคจากการบริโภคอา ารเพื่อการมีชี ิตรอดมาเป็นการ
บริโภคบรรยากา การบริการ รือเพ ิถีของผู้ ญิงในร้านอา าร โดยการทำใ ้ผู้ ญิงเป็นเพียงแค่
่ น นึ่งของการบริโภคของกลุ่มลูกค้าผู้ชาย เพื่อผลประโยชน์ ูง ุดของกลุ่มนายทุนที่เป็นเจ้าของ
ร้านและเป็นผู้ชายเช่นเดีย กัน อีกทั้ง “ปรากฏการณ์ทาง ังคม” ที่เกิดในร้านอา ารแ ่งนี้มิใช่เป็น
15

เพียงเรื่องธรรมดา ามัญเท่านั้น ากแต่เป็น “ปรากฏการณ์” ที่แ ดงใ ้เ ็นถึงกระบ นการ ร้างและ


ผลิตซ้ำเพ ภา ะ ซึ่งทั้ง มดนั้นเป็น ิ่งที่ถูกประกอบ ร้างขึ้นมาจาก ังคมระบอบทุนนิยมปิตาธิปไตย
3.4 วัฒนธรรมการใ ้ ิน อด
ิน อดเป็น ิ่งที่อยู่คู่กับ ังคมไทยมาโดยตลอด แต่เมื่อยุค มัยเปลี่ยนไป การมอบ ิน อดก็
ถูกตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อย ๆ จากทั้งฝ่ายชายและฝ่าย ญิง บางคนมอง ่า ิน อดค รมีต่อไปเพราะ
เป็นประเพณีที่ทำ ืบต่อกันมาอย่างยา นาน และเพื่อเป็น ลักประกันใ ้ทางบ้านฝ่าย ญิงมั่นใจ ่ า
ฝ่ายชายจะดูแลลูก า ที่พ กเขาเลี้ยงดูมาได้ บางบ้านก็มอง ่าเป็นการมอบเงินทุนใ ้บ่า า ไปใช้ตั้ง
ต้นชี ิตคู่ต่อไป แต่การมี ิน อดนั้น แท้จริงแล้ กำลังทำร้ายคู่ มร ทั้ง องฝ่ายอยู่ รือเปล่า
ฝ่ายชายมักถูก ังคมกดดันใ ้ต้องมอบ ิน อด บ้างก็ ่าเป็น ลักประกันเพื่อไม่ใ ้ นีการ
แต่งงาน (ในอดีต) บ้างก็ ่าเป็นการประเมินฐานะทางการเงินของเจ้าบ่า และยังแ ดงถึง ถานะของ
ตนใน ังคมได้ด้ ย เมื่อจ่ายค่า ิน อดมาก ค ามคาด ังในตั ฝ่าย ญิง (เช่น พ กเธอต้องเพียบพร้อม
มากขึ้น และมีคุณ มบัติของการเป็นภรรยาที่ดีตามแบบที่ ังคมคาด ัง อาทิ ทำอา ารได้ ทำงาน
บ้านเก่ง เป็นแม่ที่ดี) ก็จะมากขึ้นตามไปด้ ย ในขณะเดีย กัน ฝ่าย ญิงเองก็อาจมองได้ ่าพ กเธอถูก
ัดคุณค่าของตั เองผ่านเงิน รือทรัพย์ ินที่ได้รับจากฝ่ายชาย ยิ่งถ้าผู้ ญิงคนนั้นมีคุณ มบัติไม่ตรงกับ
จารีตเดิม (เช่น เคยแต่งงาน รือมีลูกมาแล้ ) ก็จะถูกลดทอนคุณค่าลงไป เ มือนพ กเธอกำลังถูกมอง
เป็นของซื้อของขายของครอบครั มากก ่าเ ียอีก ถึงแม้ ังคมไทยจะเริ่มมีค ามตระ นักเกี่ย กับ
ค ามเท่าเทียมระ ่างเพ เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ปฏิเ ธไม่ได้ ่าการมีอยู่ของ ิน อดยังคงแ ดงถึงค่านิยม
เดิมที่ผู้ ญิงจะต้องเป็น แม่ รีเรือน ดูแลบ้าน และฝ่ายชายต้องรับ น้าที่ าเลี้ยงครอบครั ซึ่งขัดกับ
การ ่งเ ริมค ามเท่าเทียมใน ังคมอยู่
3.5 อาชญากรรมทางเพศ
3.5.1 ความรุนแรงในครอบครัว
ปัจจุบันการใช้ค ามรุนแรงในครอบครั นั้น มีอัตราการเกิดที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเ ็นได้ชัด จาก
รายงาน รุปจำน นคดีค ามรุนแรงในครอบครั จำแนกตามประเภทค ามรุน แรงแบบรายปีช ่ ง
ปี2551-2559 จากเ ็บไซต์ ูนย์ข้อมูลค ามรุนแรงต่อเด็ก ตรีและค ามรุนแรงในครอบครั ของ
กระทร งการพัฒนา ังคมและค ามมั่นคงของมนุ ย์ชี้ ่า รา 90% ของผู้ถูกกระทำเป็นผู้ ญิง โดย
ประเภทค ามรุนแรงที่พบมากที่ ุด คือ ทางร่างกาย จิตใจ เพ และทาง ังคม ตามลำดับ (Ministry
of Social Development and Human Security, 2016) ซึ่งปัญ าการใช้ค ามรุนแรงในครอบครั
ที่พบเ ็น ่ นใ ญ่จะเป็นเรื่องของการทะเลาะตบตีกันของ ามีภรรยา การทำร้ายร่างกายและจิตใจ
ร มไปถึงการกระทำทารุณทางเพ กดขี่ข่มเ ง เป็นต้น นอกจากนั้นปัญ าค ามรุนแรงในครอบครั
ยัง ่งผลใ ้เกิดปัญ าแก่ ังคมไทยตามมามากมาย ไม่ ่าจะเป็นการขาดการดูแลบุตร ลาน ่งผลใ ้
เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบ บุตร ลานกลายเป็นเด็กมีปัญ า ทำใ ้เด็กต้อง าที่พึ่งโดยการ คบเพื่อน
ที่ไม่ดีแล้ ถูกชักจูงไปในทางที่ผิด เกิดปัญ ายาเ พติด การล่ งละเมิดทางเพ มีการลักเล็กขโมยน้อย
ค้าประเ ณีทำใ ้เกิดการตั้งครรภ์ไม่พึงประ งค์ ปัญ าโรคเอด ์
ในปัจจุบัน การใช้ค ามรุนแรงในครอบครั ระ ่าง ามีภรรยา ่ นใ ญ่มี าเ ตุมาจากการมี
พฤติกรรมคบชู้ของฝ่ายใดฝ่าย นึ่ง เมื่อมีฝ่ายใดจับได้จึงมีการทะเลาะ ิ าทกันเกิดขึ้น ไม่ ่าจะเป็น
การทำร้ายร่างกาย ทางจิตใจ รืออาจรุนแรงไปถึงขั้นการทำใ ้อีกฝ่ายถึงแก่ค ามตาย และ าเ ตุอีก
16

อย่างที่มีผลใ ้เกิดค าม รุนแรงในครอบครั ระ ่าง ามีภรรยาคือ การมีทั นคติค่านิยม ค ามเชื่อที่


ผิดๆ ่า ผู้ชายเป็นผู้นำและมีอำนาจเ นือผู้ ญิง จึงเป็น าเ ตุใ ้ภรรยามักจะถูก ามีกดขี่ข่มเ ง ทำ
ร้ายร่างกาย และอาจถูกปิดกั้นไม่ใ ้ได้รับอิ รภาพ
3.5.1.1 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความรุนแรงในครอบครัว
จากการ ึก าเรื่องรา าเ ตุต่างๆ ที่ ทำใ ้เกิดค ามรุนแรงในครอบครั พบ ่า ปัจจัยที่มี
อิทธิพลต่อค ามรุนแรงในครอบครั ได้แก่
1) ปัจจัย ่ นบุคคลพื้นฐานการเกิดปัญ าค ามรุนแรง ่ นใ ญ่มาจาก ทั นคติค ามคิด และอารมณ์
ในตั บุคคล
2) ปัจจัยด้านครอบครั อาจเกิดจากการขาดค ามรัก ค ามอบอุ่น ขาดการดูแลเอาใจใ ่ ที่เ มาะ ม
จากครอบครั ขาดค ามเข้าใจซึ่งกันและกัน รือบางกรณีบางคนอาจเกิดในครอบครั ที่มีการใช้
ค ามรุนแรงอยู่แล้
3) ปัจจัยด้านพฤติกรรม จากการ ึก าปัญ าค ามรุนแรงในครอบครั ในปัจจุบันพบ ่า ครอบครั ที่มี
มาชิกที่ชอบบังคับขู่เข็ญ มีนิ ัยก้า ร้า อารมณ์ร้อน ดื่ม ุรา มีค ามเครียดมาจากกการทำงาน รือ
ในบางรายอาจมี มาชิกที่ติด ารเ พติด จะมีโ อกา เกิดค ามรุนแรงในครอบครั มากก ่า เมื่อ
เปรียบเทียบกับครอบครั ที่ มาชิกไม่มีพฤติกรรม
4) ปัจจัยด้าน ื่อ พบ ่า ครอบครั ที่มีพฤติกรรมค ามชอบ ่ นตั ที่ชอบดู ื่อประเภทที่มีการแข่งขัน
ต่อ ู้ รือในบางครอบครั จะมี มาชิกที่ชอบเ พ ื่อประเภทเกมออนไลน์ที่มีการ ื่อถึงค ามรุนแรงจะ
มีโอกา เกิดค ามรุนแรงในครอบครั มากก ่า เมื่อเปรียบเทียบกับครอบครั ที่ไม่มีผู้ที่ชอบดู ื่อเ ล่านี้
3.5.2 การคุกคามทางเพศ
ขึ้นชื่อ ่าการคุกคามทางเพ ก็นับ ่าเป็นการกระทำที่ไม่ ามารถ าค ามชอบธรรมใ ้กับผู้
คุกคามได้ ไม่ ่าผู้คุกคามนั้นจะเป็นเพ อะไรก็ตาม โดยการคุกคามทางเพ ไม่จำเป็นต้องรุนแรงถึงขั้น
ข่มขืน เพราะไม่ ่าจะเป็นการคุกคามทางคำพูด แซ แทะโลม (Catcalling) รือการคุกคามทาง
ายตา ที่อาจจะดูเป็นเรื่องเบา ๆ ไม่ได้ ่งผลร้ายแรงนัก แต่ ากเกิดขึ้นโดยละเมิดค ามยินยอมจาก
อีกฝ่าย รือทำใ ้อีกฝ่ายรู้ ึกอัดอัด ไม่ บายใจ และไม่ปลอดภัย ก็นับ ่าเป็นการคุกคามทั้งนั้น แล้
เ ตุใด เ ลาที่เราเ ็นข่า ผู้ ญิงถูกคุกคามทางเพ ถึงเป็นเรื่องใ ญ่และดูรุนแรง แต่เ ลาที่ผู้ชายถูก
คุกคามทางเพ นั้น กลับถูกมอง ่าเป็นเรื่องไม่รุนแรง รือมอง ่าเป็นเรื่องขำ ๆ เราต้องย้อนกลับไปดู
ถึงต้นตอของ ิ่งที่ทำใ ้ ังคมมอง ่าการที่ผู้ชายโดนคุกคามทางเพ ไม่ใช่เรื่องรุนแรง ซึ่งก็คือ “ระบอบ
ปิตาธิปไตย” ที่ได้กำ นดบทบาทและค ามคาด ังของเพ ชาย ่าเป็นเพ ที่ “เข้มแข็ง” ตามคำ
นิยามของคำ ่า “ค ามเป็นชาย” (Masculinity) และเพ ญิงเป็นเพ ที่ “อ่อนแอ” ตามคำนิยาม
ของคำ ่า “ค ามเป็น ญิง” (Femininity)
Internalized Patriarchy (การฝังรากลึกของระบอบปิตาธิปไตย) เมื่อ ังคมได้ซึมซับบทบาท
และค่านิยม “ค ามเป็นชาย” และ “ค ามเป็น ญิง” เข้าไปแล้ ทำใ ้ผู้ชายถูกมอง ่าเป็นเพ ที่ไม่
ามารถถูกคุกคามทางเพ ได้เพราะเป็นเพ ที่ เข้มแข็ง แข็งแรง กำยำ ้ามอ่อนแอ จนกลายเป็น
ค ามเป็นชายที่เป็นพิ (Toxic Masculinity) ทำใ ้แทบจะไม่มี Male Victims รือเ ยื่อผู้ชายคน
ไ นกล้าออกมาเรียกร้อง รือขอค ามช่ ยเ ลือผู้อื่นเมื่อถูกคุกคามทางเพ เพราะจะถูก ังคมมอง ่า
17

“เป็นผู้ชายอ่อนแอ” รือที่ได้ยินกันบ่อย ๆ ว่า “เป็นถึงผู้ชายทำไมถึงปล่อยใ ้เขาลวนลาม” รือ


นักไปกว่านั้นคือ “เป็นผู้ชายโดนผู้ ญิงลวนลามก็น่าจะชอบอยู่แล้ว” รือ “เป็นผู้ชายโดนพูดแซว
นิด น่อยก็เปราะบางแล้วเ รอ” ในขณะเดียวกัน Internalized Patriarchy ก็ทำใ ้เพศ ญิง ามารถ
ใช้โอกา นี้ในการคุกคามผู้ชายได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นเพศที่ถูก ังคมมองว่าเป็นเพศอ่อนแอ ไม่มี
อันตรายเ มือนเพศชาย ดังนั้นการที่ผู้ ญิงพูดจาแทะโลม รือลวนลามผู้ชาย จึงถูกมองว่าเป็นเรื่องขำ
ๆ ตลก ๆ อย่างที่เราจะเ ็นได้ในความคิดเ ็นบนโลกอินเทอร์เน็ตเช่น “คนนี้ผัวฉัน” “อยากอมของ
ลวง” รือ “พ่อของลูก” รือแม้กระทั่งในละคร ลังข่าวที่มักทำใ ้ฉากที่ผู้ชายโดนผู้ ญิงลวนลาม
เป็นฉาก “น่ารัก” รือ “ตลก ๆ” (Wattanapong Kongkijkarn. 2021 : ออนไลน์)

รูปที่ 3 การคุกคามทางเพศ
(ที่มา : https://www.tcijthai.com/news/2019/18/asean/9228)

3.6 LGBTQIA+ กับปิตาธิปไตย


3.6.1 สมรสเท่าเทียม
ในขณะที่ ลาย ๆ ประเทศเปิดกว้างเรื่องการมีอยู่ของ LGBTQIA+ และมีการร่างกฎ มายใ ้
มร กันได้นั้น ประเทศไทยก็ได้มีการข้อเรียกร้องเรื่องการ มร เท่าเทียมเช่นกัน ทว่าตัวแปรที่จะทำ
ใ ้ข้อเรียกร้อง ำเร็จนั้นคือทัศนคติของคนในประเทศ แม้ในปัจจุบันประเทศไทยจะมีกฎ มายที่ ร้าง
ขึ้นมาใ ม่เพื่อ อดรับกับกลุ่ม LGBTQIA+ โดยมีพรบ.คู่ช ีวิต แต่เนื้อ าของกฎ มายนั้นกลับ ไม่
ครอบคลุมการเข้าถึง วั ดิการและ ิทธิประโยชน์ของคู่ชีวิตใน ลาย ๆ ด้าน พรบ.นี้ระบุว่า "คู่ชีวิต"
มายถึงบุคคล องคนซึ่งเป็นเพศเดียวกันโดยกำเนิดและได้จดทะเบียนคู่ชีวิตตามพรบ.นี้ ซึ่งเป็นการ
ร่างพรบ.ขึ้นมาใ ม่เพื่อจดทะเบียน ำ รับบุคคลเพศเดียวกันโดยเฉพาะ อ้างอิงจากประมวลกฎ มาย
แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1448 กล่าวไว้ชัดเจนว่า การ มร จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อ “ชายและ ญิง” มี
อายุ 17 ปีบริบูรณ์ ทำใ ้เ ็นได้ชัดว่าคู่ชีวิตไม่เท่ากับคู่ มร นี่เป็นผลผลิตของปิตาธิปไตยที่กำ นดว่า
โลกนี้มีค่าเริ่มต้นที่ชาย ญิงเพียงเท่านั้น (rightsforlovescampaign. 2561 : ออนไลน์)
18

รูปที่ 4 ข้อเรียกร้องการแก้ไขกฎ มายแพ่งว่าด้วยการ มร


(ที่มา : https://twitter.com/taweechaibest/status/1439898646170857472)

3.6.2 LGBTQIA+ กับการถูกด้อยค่า


แม้ทุกวันนี้ ภาพของประเทศไทยจะดูมีเ รี เปิดกว้างใ ้กับเพศที่ 3 รือเพศทางเลือก พบ
LGBTQIA+ ได้ทั่วไป ไม่ต้อง ลบซ่อน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ังคมไทยกลับยังมีพื้นที่ที่ปิดกั้น และ
ไม่ได้เปิดออก ยอมรับคนเ ล่านี้อย่างเต็มที่ รือแม้จ ะมีการยอมรับ ก็เป็นการยอมรับ อ ย่างมี
‘เงื่อนไข’
19

3.6.2.1 LGBTQIA+ ในแวดวงวิชาชีพ


ในแ ด ง ิชาชีพ คนก็จะยึดติดอยู่กับการแบ่งแยกเพ แบบชัดเจน เพราะมันทำใ ้คนเข้าไป
อยู่ในระบบระเบียบ อยู่ในค ามตกลงขององค์กรได้ง่าย เช่นองค์กรมีชุดเครื่องแบบผู้ชาย ผู้ ญิง คนที่
มี ลาก ลายทางเพ ก็อาจจะรู้ ึก ่าอาจจะไม่ ได้อยากใ ่ฟอร์มตามเพ ปัญ าแบบนี้จะเกิดขึ้น คน
จะมอง ่า LGBTQIA+ ไม่ได้อยู่ในกล่องของเพ ที่กำ นดไ ้ ิ่งที่เกิดขึ้นคือ องค์กรก็ไม่พอใจ คนที่ไป
ทำงานในองค์กรก็จะไม่พอใจที่ต้องไปทำ ยิ่งเฉพาะคนข้ามเพ ปัญ าเรื่องการแต่งกายและค าม
คาด ังจะเกิดขึ้น เ ลาทำบัตรพนัก งาน “มีนาย รือเปล่า รูปล่ะ ต้องเป็นผู้ ญิง รือผู้ชาย?”
กลายเป็นค ามขัดแย้งที่เกิดขึ้นในองค์กร องค์กรก็ต้องทำตามระเบียบ ยิ่งพูดถึง งการ ึก า ยิ่งมี
ค ามต้องการที่ ูงมาก ค ามต้องการแรกของ น่ ยงานคือใ ้คนอยู่ในระเบียบ ามารถค บคุมได้
และไม่ได้อนุญาตใ ้คนเป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็น เพราะ ิชาชีพมันต้องมีค ามน่าเชื่อถือ ดังนั้นการ
เป็น LGBTQIA+ ในงาน ิชาชีพมักจะถูกพูดและเข้าใจเ มอ ่าคนพ กนี้ไม่มีค ามน่าเชื่อถือ เพราะมี
บุคลิกภาพที่ไม่เป็นที่ยอมรับ อาจจะไม่มี ภา ะทางจิตใจที่ดี เพราะมีอารมณ์ ลาก ลาย และจนก ่า
คน ๆ นึ่งจะอธิบายค ามเป็นเพ กับองค์กรก็ต้องใช้ค ามคุ้นชิน ต้องใช้ประ บการณ์พิ ูจน์ตั เอง ่า
เป็นคนเรียบร้อย พูดจาดี (Karoonp Chetpayark. 2561 : ออนไลน์)
3.6.3 LGBTQIA+ กับการคุกคามทางเพศ
ประเด็นการคุกคามทางเพ ในกลุ่ม LGBTQIA+ ที่ ลาย ๆ คนก็มอง ่าการพูดจาคุกคาม
ผู้ชายเป็นเรื่องตลก ๆ เนื่องจากเ ตุผล นึ่งคือภาพจำจาก ื่อที่ทำใ ้ “กะเทย” เป็นตั ตลก และเป็น
เรื่องธรรมดาที่จะพูดจา องแง่ องง่าม จนทำใ ้มีกลุ่มที่มีไ ้เพื่อจุดประ งค์ในการลงรูปและพูดจา
คุกคามผู้ชาย ร มไปถึงการคุกคามเ ยื่อผู้ชายที่ยังเป็นผู้เยา ์ยังไม่บรรลุนิติภา ะ และในทางกลับกันก็
ยังมีอีก ลาย ่ นในคอมมูนิตี้ที่มอง ่าที่เป็น “กะเทย” ก็ต้องชอบเ ลาถูกผู้ชายล นลาม รือคุกคาม
ทางเพ ทำใ ้ปัญ าเ ยื่อการคุกคามที่เป็น LGBTQIA+ ก็ไม่ได้รับการใ ้ค าม ำคัญเท่าที ่ค ร
เช่นกัน (Wattanapong Kongkijkarn. 2021 : ออนไลน์)

4. แนวทางการแก้ปัญหาปิตาธิปไตย
ถาบันก ัตริย์ ระบบท าร การเมืองการปกครอง ถ้ามองถึงรูปแบบอำนาจปิตาธิปไตย รือ
โครง ร้างชายเป็นใ ญ่ที่ครอบงำประเท และโลกนี้อยู่ ค าม ัมพันธ์แบบพึ่งพาและ ่งเ ริมเกื้อกูลซึ่ง
กันและกันระ ่างระบบเ ร ฐกิจแบบทุนนิยมและอุดมการณ์แบบชายเป็นใ ญ่ ทำใ ้ผู้ ญิงและเพ
อื่น ๆ ไม่ได้ประ บเพียงช่อง ่างและการแบ่งชนชั้นทางเ ร ฐกิจและ ังคมเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญกับ
การถูกกีดกันทางเพ ทั้งในบ้านและในที่ทำงานด้ ย การกีดกันเ ล่านี้อยู่ในรูปแบบการถูกแบ่งแยก
และกำ นดบทบาทการผลิ ตใ ้จำกัดอยู่เพียงแค่การ ืบพันธุ์ การถูกทำใ ้เป็นเ ยื่อของการบริโภค
เพื่อประกอบ ร้างอัตลัก ณ์ นอกจากนี้ ระบบทุนนิยมปิตาธิปไตยยัง ร้างบรรทัดฐานที่ทำใ ้ผู้ถูกกดขี่
ถูกกดขี่อย่างซ้ำซ้อนโดยผู้ถูกกดขี่ด้ ยกันเอง ท้ายที่ ุด การ มดค ามอดทนต่อค ามไม่เป็นธรรมและ
การถูกเอารัดเอาเปรียบภายใต้ระบบทุนนิยมปิตาธิปไตยได้กลายเป็นมูลเ ตุ ำคัญที่กระตุ้นใ ้ผู้ ญิง
และเพ อื่น ๆ ลุกขึ้นมากระทำการประท้ งด้ ยการเ นอแน ทางแก้ไข ดังนี้
20

4.1 ถาบันครอบครั
4.1.1 การปลูกฝัง
การปลูกฝังตั้งแต่ที่ลูกยังเป็นเด็กจะทำใ ้เด็กซึมซับได้ง่าย พ่อแม่ค รปลูกฝังใ ้ลูกรู้จักการ
เคารพผู้อื่นไม่ ่าเขาคนนั้นเป็นเพ ใด จะช่ ยใ ้ลูกไม่ตี กรอบเพ ใดเพ นึ่งมากเกินไปและรู้จัก
ยอมรับในตั บุคคลอื่น
4.1.2 น้าทีภ่ ายในบ้าน
มัยก่อนผู้ ญิงมักถูก อนใ ้ทำงานบ้านเพื่อ นองมายาคติที่ ่าผู้ ญิงต้องเป็นแม่ รีเรือน
ดูแลปรนนิบัติ ามีและเป็นแม่ที่ดี ในขณะที่ผู้ชายต้องเป็น ั น้าครอบครั และต้องออกไปทำงาน า
เงินเพื่อยังชีพ การจะพังกรอบปิตาธิปไตยนั้นค รคิด ่าการทำงานบ้านคือ น้าที่ที่ไม่ ่า เพ ใดก็
ามารถทำได้ การออกไปทำงานเพื่อ าเงินเลี้ยงครอบครั ก็เช่นกัน
4.1.3 ตั ตนของลูก
พ่อแม่ค ร นับ นุน ิ่งที่ลูกชอบอย่างเต็มที่ ใ ้ลูกได้เป็นเพ ที่ลูกเลือก ใ ้ลูกได้ใช้ชี ิตที่ลูก
อยากใช้ และที่ ำคัญครอบครั ค รใ ้ค ามรักค ามอบอุ่นกับลูกเ มอ
4.2 ถาบันการ ึก า
กระทร ง ึก าธิการค รมีค ามคิดก้า ทันโลก เนื่องจาก ลัก ูตรการ ึก ามีผลต่อค ามคิด
ค ามอ่านของเด็ก เนื้อ าค ร อนใ ้เด็กรู้จักเคารพซึ่งกันและกัน และไม่ทำใ ้เกิดการแบ่งแยก อย่าง
ใน นัง ือ ุข ึก าปัจจุบันค รเปลี่ยนคำ ่า “ผู้เบี่ยงเบนทางเพ ” เป็น LGBTQIA+ เพื่อเป็นการ
เคารพการมีอยู่ของ ังคมเพ ที่ ลาก ลายในปัจจุบัน และยังช่ ยใ ้เด็กไม่แบ่งแยกเพ นอกจากนี้ตั
ผู้ อนค รมีทั นคติก้า ไกลและไม่ปิดกั้นเด็กอีกด้ ย
4.3 ถาบันเ ร ฐกิจ
ปิตาธิปไตยมีบทบาททางด้านเ ร ฐกิจเป็นอย่างมาก ในปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำที่ไม่มากพอทำ
ใ ้เกิดอาชญากรรมมากมาย อีกทั้งยังไม่เพียงพอต่อการซื้อของใช้ที่จำเป็น เช่น แรงงานผู้ ญิงที่ าเช้า
กินค่ำมักจะมีเงินไม่พอ ำ รับค่าผ้าอนามัยในเดือนนั้น เนื่องจากค่าแรงที่ต่ำเกินไปนั้นได้ นำไปซื้อ
อา ารประทังชี ิตก็แทบไม่มีเงินเก็บแล้ นายทุนและรัฐบาลค รใ ้ค าม ำคัญต่อคนกลุ่มนี้
4.4 ถาบันการเมืองการปกครอง
4.4.1 ากการเมืองดี
ปิตาธิปไตยนั้นมีบทบาทอย่างมากในด้านการเมือง ากการเมืองดี ระบบขน ่ง าธารณะจะดี
่งผลทำใ ้เกิดการคุกคามทางเพ บนรถขน ่ง าธารณะที่แออัดลดน้อยลง และ ากการเมืองดีแล้
ผังเมืองย่อมดีตาม จะช่ ยลดการเกิดปัญ าอาชญากรรมบนถนนมืด ๆ ตอนกลางคืนได้ ิ่งนี้เป็น
เ ตุผลที่ ่าเ ตุใดทุกคนค รใ ้ค าม นใจด้านการเมืองเพื่อช่ ยลดการเกิดปัญ าจากรัฐปิตาธิปไตย
4.4.2 กฎ มาย
กฎ มายในรัฐปิตาธิปไตย ่งผลต่อประชากรในประเท ทางตรงโดยที่ ลาย ๆ คนอาจจะยัง
ไม่ทราบ ากไม่มีผลกระทบต่อตั เอง รือคนใกล้ตั าก ันใดที่ตั เราชอบเพ เดีย กันขึ้นมา ต่อใ ้
ังคมจะยอมรับ ่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ แต่ ากกฎ มายนั้นไม่ ามารถใ ้จดทะเบียน มร ได้มันจะมี
21

ประโยชน์อย่างไร นั่นเป็นเ ตุผลที่ทุกคนค รช่ ยกันผลักดันข้อเรียกร้องเรื่อง มร เท่าเที ยมและ


กฎ มายที่ใ ้ค ามเป็นธรรมแก่ทุกเพ
4.4.3 การเลือกผู้นำ
ผู้นำที่ดีค รมีทั นคติก ้างไกล การมอง ่าทุกเพ เท่าเทียมกันนั้นเป็นคุณ มบัติอย่าง นึ่งที่
ผู้นำค รมี ากมีผู้นำที่ดีจะ ่ งผลใ ้นโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลมีประ ิทธิภาพและลดการเกิดปัญ า
ปิตาธิปไตย เช่น เรามักจะเ ็นประเท โลกที่ นึ่งมีนโยบายแจกผ้าอนามัยฟรี ำ รับประชาชนเป็น
ผลตอบแทนของการเลือกผู้นำที่ดี ทุกคนจึงค รใ ่ใจการเมืองการปกครองและการเลือกผู้นำเป็นอย่าง
มากเพราะการเมือง ่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง
4.5 สถาบันนันทนาการ
งการบันเทิงในปัจจุบันเรามักจะพบเ ็น ื่อ ซีรี ์ ภาพยนตร์ ที่นำเ นอออกมาเป็นค ามรัก
ของคนรักร่ มเพ รือมีเนื้อ าพูดถึง community ของ LGBTQIA+ และ ่ นมากได้รับค ามนิยมจน
เ มือน ่าประเท ไทยมีทั คติที่เปิดก ้างต่อ LGBTQIA+ แต่ ากมองลึกลงไปนั้น ื่อที่เรามักพบเ ็น
เป็นประจำเป็นเพียงการใช้ค ามรักของคนกลุ่ม นึ่งมาขายใ ้คนอีกกลุ่ม นึ่งเพียงเท่านั้น ยิ่งเป็นการ
ตอกย้ำ ่า LGBTQIA+ มีประโยชน์แค่เรื่อง ‘ าเงิน’ ใ ้นายทุน และนายทุนกลับไม่ได้มีการออกมา
ผลักดันประเด็นค ามเท่าเทียมทางเพ ใด ๆ ผู้เ พ ื่อจึงต้องมี ิจารณญาณในการเ พ ื่อเป็นอย่าง
มาก
4.6 สถาบันสื่อสารมวลชน
งการ ื่อ ารม ลชนค รใ ้ค าม ำคัญต่อการพาด ั ข้อข่า และการรายงาน ถานการณ์
ต่าง ๆ อย่างเป็นธรรม เพราะในปั จจุบัน เรามักพบเ ็นข่า ที่ทำใ ้เกิดการโท เ ยื่อ รือชักจูงใ ้เกิด
การคุกคาม
22

บทที่ 3
วิธีดำเนินการศึกษา
รายงานการ ึก าค้นค ้า เรื่อง ปัญ าปิตาธิปไตย มี ิธีดำเนินการ ึก า ดังต่อไปนี้
1. แหล่งข้อมูล
1.1 บทค าม ิจัยเกี่ย กับปิตาธิปไตย
1.2 ื่อ าร นเท เกี่ย กับปิตาธิปไตย

2. เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล
2.1 คอมพิ เตอร์
2.2 ไอแพด
2.3 โทร ัพท์
2.4 อินเทอร์เน็ต
2.5 ื่อ าร นเท
2.6 แ ่นตากรองแ ง

3. การเก็บรวบรวมข้อมูล
เนื่องจากเป็นการ ึก าเชิงเอก าร การ ิเคราะ ์ข้อมูลจะทำเป็นขั้นตอนอย่างเป็นระบบ เพื่อ
ตอบ ัตถุประ งค์ตามกรอบในบทที่ 1 โดย ิเคราะ ์เนื้อ าตามลำดับ คือ ึก าจากเนื้อ าเกี่ย กับ
ค าม มาย าเ ตุและผลกระทบของแน ปิตาธิปไตย แล้ นำมาเ นอเป็นลำดับขั้นตอน ดังนี้
3.1 ผู้จัดทำอ่าน ำร จข้อมูลที่มีเนื้อ าเป็นลายลัก ณ์อัก รที่ตรง รือ อดคล้อง รือมีนัย
ที่ ื่อถึงกรอบแน คิดที่ ึก าในเรื่องแน คิดปิตาธิปไตย
3.2 ผู้จัดทำยกข้อค ามจากข้อมูล นำมา ิเคราะ ์และตีค ามตามกรอบแน คิดที่ ึก า โดย
แยกประเด็นในการ ิเคราะ ์ ดังนี้
3.2.1 ิเคราะ ์ในประเด็น าเ ตุของการเกิดแน คิดปิตาธิปไตย
3.2.2 ิเคราะ ์ในประเด็นผลกระทบด้านการแ ดงค ามคิดเ ็นทางการมืองของผู้ ญิง
3.2.3 ิเคราะ ์ในประเด็นผลกระทบด้านการประกอบอาชีพของผู้ ญิง
3.2.4 ิเคราะ ์ในประเด็นผลกระทบด้านค ามเป็นอยู่และการใช้ชี ิ ตประจำ ันของ
ผู้ ญิง
3.2.5 ิเคราะ ์ในประเด็นผลกระทบด้านค ามปลอดภัยของผู้ ญิง
3.2.6 ิเคราะ ์ในประเด็นผลกระทบด้าน LGBTQIA+
3.3 การ ิเคราะ ์ข้อมูล นำข้อมูลมา ิเคราะ ์ตาม ัตถุประ งค์ที่ตั้งไ ้
3.4 การ รุปผล นำผลการ ิเคราะ ์ข้อมูลมา รุปผลการ ึก า
3.6 จากนั้นนำข้อมูลที่ได้นำมาเรียบเรียงข้อมูลและจัดทำเป็นรูปเล่ม เพื่อเผยแพร่ผลงาน
3.6 นำองค์ค ามรู้ที่ได้รับ นำไปปรับใช้กับชี ิตประจำ ันและ ังคม
23

4. การวิเคราะ ์ข้อมูลและ ถิติที่ใช้


คณะผู้จัดทำใช้การอ่าน ำร จข้อมูลที่มีเนื้อ าตรง รือ อดคล้อง รือมีนัยที่ ื่อถึงกรอบ
แน คิดที่ ึก าในเรื่องปิตาธิปไตย ในการ ึก าจะมีการ ิเคราะ ์เนื้อ า (Content analysis) ที่
ปรากฏในเอก ารโดยพิจารณาจากภา า เนื้อ าที่ ะท้อนใ ้เ ็นถึงค ามเชื่อ ่าชายเป็นใ ญ่ที่แ ดง
ออกมา ในคุณค่าค ามเป็นชายต่าง ๆ โดยใช้กรอบการมองแน ของแน คิดปิตาธิปไตยซึ่ง างตำแ น่ง
ผู้ชายเป็น ูนย์กลางในการ ิเคราะ ์ เพื่อแ ดงใ ้เ ็น ่าชายมีอำนาจเ นือก ่า ญิง ซึ่งอ ยู่ภายใต้
กรอบค ามคิ ด ของ ั ง คมชายเป็ น ใ ญ่ ท ี ่ ค บคุ ม ผู ้ ญิ ง ในลั ก ณะต่ า ง ๆ อั น ประกอบไปด้ ย
กระบ นการดังต่อไปนี้
คณะผู้จัดทำได้ทำการ ิเคราะ ์โดยการจำแนกชนิดข้อมูล (Typological Analysis) โดย
ขั้นตอนของการ ิเคราะ ์จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับการเก็บร บร มข้อมูล มีการจัดระบบข้อมูล
โดยอา ัย ลักเกณฑ์ที่ผู้จัดทำกำ นดขึ้น และทำการ ิเคราะ ์ ร้างข้อ รุปและ าขั้นตอนการทำ
ข้อ รุปได้ ดังนี้
4.1 ขั้นตอนที่ 1 การกำ นดเกณฑ์การคัดเลือกเอก าร เป็นการกำ นดใ ้ชัดเจน ่าผู้จัดทำ
คัดเลือกเอก ารอะไร ประเภทใด มาทำการ ิเคราะ ์ซึ่งผู้จัดทำจะต้องตั้งกฎเกณฑ์ขึ้น ำ รับ
การคัดเลือกเอก ารและ ั ข้อที่จะทำการ ิเคราะ ์ใ ้ชัดเจน
4.2 ขั้นตอนที่ 2 การ างเค้าโครงการ ิเคราะ ์ เพื่อช่ ยใช้ผู้ ิเคราะ ์ ามารถที่จะนำเนื้อ า
ใดมา ิเคราะ ์และจะตัดเนื้อ าใดออกไป
4.3 ขั้นตอนที่ 3 การ ิเคราะ ์ข้อมูล เป็นการ ิ เคราะ ์เชื่อมโยง รุปบรรยายข้อมูลที่
จำแนกได้ อ้างอิงไป ู่ข้อมูลทั้ง มดในเอก ารนั้น ๆ
5. การตร จ อบข้อมูล
5.1 คณะผู้จัดทำตร จ อบค าม มบูรณ์ของข้อมูลที่ได้จากเอก ารตามค ามมุ่ง มายของ
การ ึก า
5.2 คณะผู้จัดทำใช้ ิธีการตร จ อบข้อมูลแบบ ามเ ้า (Methodological Triangulation)
ได้แก่ การแ ง าค ามเชื่อถือได้ของข้อมูลจากแ ล่งที่แตกต่างกัน ดังนี้
5.2.1 ด้านข้อมูล ประกอบด้ ย
1) ด้านเอก าร
ใช้การร บร มข้อมูลเรื่องเดีย กันที่มาจากแ ล่งต่างกัน ที่ทำการ ึก าในเรื่อง รือ
ประเด็นที่ใกล้เคียงกัน มาตร จ อบ ่าได้ข้อมูลผลการ ึก า อดคล้องกัน รือไม่
2) ด้านบุคคล
ใช้การตร จ อบค ามถู กต้อ งของข้ อ มูล โดยนั ก ิช าการ ผู้เชี่ย ชาญ รือผู ้ มี
ประ บการณ์
5.2.2 ด้านแน คิดและทฤ ฎี ใช้เนื้อ าในบทที่ 2 เป็นเครื่อง
24

บทที่ 4
ผลการ ิเคราะ ์ข้อมูล
รายงานการ ึก าค้นค ้า เรื่อง การ ึก าปัญ าปิตาธิปไตย ผู้จัดทำได้กำ นด ัตถุประ งค์
ไ ้ 3 ประการ คือ
1. เพื่อ ึก าแน คิดปิตาธิปไตยใน ังคมไทย
2. เพื่อ ึก าผลกระทบของปิตาธิปไตย
3. เพื่อ ึก าแน ทางการแก้ปัญ าปิตาธิปไตย

เิ คราะ ต์ าม ัตถุประ งค์


1. ได้ ึก าแน คิดปิตาธิปไตยใน ังคมไทย
1.1 แน คิดเรื่องเพ ภา ะ ได้ ึก าบทบาทเพ ภา ะแบบดั้งเดิม (Traditional Gender Roles)
และบทบาทเพ ภา ะแบบเ มอภาค (Egalitarian Gender Roles)
1.2 แน คิดเรื่องเพ ภา ะกับการดำเนินงานภาครัฐ ได้ ึก าการบูรณาการเพ ภา ะใ ้เป็น
กระแ ลัก (Gender Mainstreaming)

2. ได้ ึก า าเ ตุของปัญ าปิตาธิปไตย


2.1 ทุนนิยม ร้างบรรทัดฐาน น้าที่ของชาย ญิง
2.2 ค ามเป็นชายภายใต้ทุนนิยม ร้างจารีต ค ามเชื่อในการเป็นผู้ชายและการ ร้างครอบครั
2.3 ชนชั้นปกครอง เป็นต้นแบบ รือกรอบในการเป็นผู้ชาย

3. ได้ ึก าผลกระทบของปัญ าปิตาธิปไตย


3.1 การเกณฑ์ท าร ถูก ล่อ ลอม ่าท ารเป็นอาชีพเดีย ที่รักชาติและนิยามใ ้เป็น น้าที่ ่า
ครั้ง นึ่งได้รับใช้ชาติ
3.2 ค ามไม่เท่าเทียมทาง น้าที่การงาน ผู้ ญิงจะประ บค าม ำเร็จใน น้าที่ การงานได้ต้อง
ทำงานอย่าง นักและรับค ามกดดันที่ ูง และในบางครั้งแม้จะได้รับผิดชอบงานเ มือนกัน
แต่ยังได้เงินเดือนน้อยก ่า
3.3 การเมืองและเ ร ฐกิจ
1) ด้านการเมือง เมื่อมีผู้นำ รือนักการเมืองที่เป็นผู้ ญิงจะต้องถูกถามถึงคุณ มบัติอยู่เ มอ
2) ด้านเ ร ฐกิ จ ผู้ ญิงถูกใช้ ารายได้ จากโครง ร้ า งทางกายภาพ ทั้งการเก็ บ ภา ี
ผ้าอนามัยและการใช้ผู้ ญิงเป็นบรรยากา ในการไปร้านอา าร
3.4 ัฒนธรรมการใ ้ ิน อด ิน อดเป็นตั ัดฐานะของฝ่ายชายและคาด ังในตั ฝ่าย ญิงใน
การเป็นภรรยาที่ดี เป็นแม่ที่ รือบางทีเป็นการตีราคา ่าฝ่าย ญิงมีค่าเท่าใด
3.5 อาชญากรรมทางเพ มีทั้งค ามรุนแรงในครอบครั ที่เ ็นได้ ่ นใ ญ่คือ ามีทำร้ายภรรยา
รือพ่อทำร้ายลูก และการคุกคามทางเพ ทั้งทางคำพูด ายตา และการกระทำ
25

3.6 LGBTQIA+ ถูกด้อยค่าทั้งด้าน ิชาชีพและการคุกคามทางเพ และยังถูกกีดกันเรื่องการ มร


อีกด้ ย

4. ได้ศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาปิตาธิปไตย
4.1 ถาบันครอบครั
1) ปลูกฝังใ ้ลูกรู้จักการเคารพผู้อื่นไม่ ่าเขาคนนั้นจะเป็นเพ ใด
2) มีการแบ่ง น้าที่ในบ้านอย่างเท่าเทียม
3) ใ ้ลูกเป็นตั ของตั เองและ นับ นุน ่งที่ลูกชอบอย่างเต็มที่ และค รใ ้ค ามรัก
ค ามอบอุ่นกับลูกเ มอ
4.2 ถาบันการ ึก า
กระทร ง ึก าธิการจัด ลัก ูตรและ นัง ือที่ใ ้ค ามเคารพแก่ LGBTQIA+ เพื่อช่ ยใ ้
นักเรียนเคารพและไม่แบ่งแยกเพ
4.3 ถาบันเ ร ฐกิจ
เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำและจัด ั ดิการเรื่องผ้าอนามัย
4.4 ถาบันการเมืองการปกครอง
1) ด้านการเมือง ากการเมืองดีจะ ่งผลต่อระบบขน ่ง าธารณะ ผังเมืองและอื่น ๆ ดี
ไปด้ ย ทำใ ้ลดปัญ าการจราจรแออัด รือปัญ าอาชญากรรมในทางเปลี่ย ได้
เช่นเดีย กัน
2) ด้านกฎ มาย ผลักดันข้อเรียกร้องเรื่อง มร เท่าเทียม
3) ด้านทั นคติของผู้นำ ผู้นำค รมีทั นคติที่ก ้างไกลและเปิดก ้าง ่งผลใ ้มองเ ็ น
่าทุกเพ เท่าเทียม ทำใ ้พัฒนาบ้านเมืองได้ก้า ไกลมากขึ้น
4) ด้านงบประมาณ ค รจัดงบประมาณแจกแจงของใช้ที่จำเป็นใ ้กับทุกเพ อย่างเท่า
เทียม
4.5 ถาบันนันทนาการ
นายทุนที่ ร้าง ื่อเกี่ย กับ LGBTQIA+ ค รออกมาผลักดันเรื่องค ามเท่าเทียมต่าง ๆ ของ
กลุ่ม (Community) ที่ตั เองได้ประโยชน์ด้ ย
4.6 ถาบัน ื่อ ารม ลชน
ผู้เ พข่า ค รมี ิจารณญาณในการเ พข่า และไม่ นับ นุน ื่อที่ใช้แน คิดปิตาธิปไตยมาเป็น
่ นเกี่ย ข้อในการเ นอข่า
26

บทที่ 5
สรุปผล อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
1. สรุปผล
การจัดทำรายงาน เรื่อง การ ึก าปัญ าปิตาธิปไตย ามารถ รุปผลได้ ดังนี้ าเ ตุของ
ปัญ าปิตาธิปไตย เป็นผลอันเนื่องมาจากระบบเ ร ฐกิจแบบทุนนิยม ซึ่งระบบทุนนิยมเปลี่ยนแปลง
จารีตที่กำ นดเพ ถานะและเพ ิถี ถานะของเพ ญิงที่ต้องยึดติดอยู่กับพื้นที่ ่ นตั มีบทบาท
เป็นผู้ทำงานในบ้าน ใ ้มีโอกา ทำงานนอกบ้านทัดเทียมกับเพ ชาย ่ นเพ ิถีของชายและ ญิงยัง
ถูกจารีตทาง ังคมค บคุมใ ้เป็นค าม ัมพันธ์แบบชาย ญิง ในขณะเดีย กันก็กดทับค าม ัมพันธ์
ระ ่างเพ เดีย กัน นอกจากนี้ยังเปิดโอกา ใ ้การบริโภค ัตถุเ ป็นไปอย่างเ รี ระบบทุนนิยมยัง
ก่อใ ้เกิดการใช้อำนาจปิตาธิปไตยในครอบครั เพราะพันธกิจของบทบาทพ่อที่ได้รับอิทธิพลจาก
ระบบทุนนิยม แต่ก็ถูกลดทอนลงทุกขณะ อีกทั้งอำนาจปิตาธิปไตยซึ่งเป็นตั กำ นดเพ ถานะและ
เพ ิถีใ ้เป็นชายกับ ญิงยังถูกท้าทายและตอบโต้ด้ ยการมีเพ ิถี ที่นอกเ นือจากบรรทัดฐานของ
ังคมซึ่งก็คือเพ ิถีระ ่างเพ เดีย กัน
ผลกระทบของปิตาธิปไตยมีอยู่ ลายด้าน อาทิ การเกณฑ์ท ารที่ยังมีอยู่ในปัจจุบันที่ปลูกฝัง
โดยคำ ่า ‘รักชาติ’ รือคำ ่า ‘เกิดเป็นชายชาติท าร’ ด้านค ามไม่เท่าเทียมทาง น้าที่การงานที่
ผู้ชายมักมีโอกา เข้าถึงได้มากก ่าเพ อื่น ๆ ่ นในด้านอาชญากรรมทางเพ นั้นมีแน โน้ม ูงขึ้นใน
แต่ละปี ซึ่ง ่งผลต่อภา ะทางจิตใจของผู้ถูกกระทำอีกทั้ง ยัง ร้างค าม าดระแ งใ ้ผู้คนใน ังคม
ปิตาธิปไตยทำใ ้ผู้ ญิงถูกใช้ ารายได้จากโครง ร้างทางกายภาพ ทั้งการเก็บภา ีผ้าอนามัยและการ
ใช้ผู้ ญิงเป็นบรรยากา ในการไปร้านอา าร และ LGBTQIA+ มักถูกด้อยค่า รือเลือกปฏิบัติ แต่
นายทุนกลับนำ ังคมกลุ่มนี้ไปใช้ประโยชน์ในการ ารายได้โดยไม่มีการผลักดันประเด็นกฎ มายด้าน
ค ามเท่าเทียม รือแ ดงใ ้เ ็น ่าคนกลุ่มนี้มีตั ตนอยู่จริงใน ังคม
แน ทางการแก้ไขปัญ าปิตาธิปไตยที่เป็นไปได้ง่ายที่ ุด คือ การออกมาเรียกร้องและ ร้าง
ค ามตระ นักใ ้แก่ผู้คนใน ังคม และผู้คนใน ังคมค รเปิดใจรับฟังค ามคิดเ ็นที่แตกต่าง ทั้งนี้
ทั้งนั้น ค ามเ ็นที่แตกต่างออกไปจาก ังคมไม่ได้มีค่า ัด ่า ิ่งใดถูก รือผิด ตราบใดที่ค ามคิดเ ็นนั้น
ไม่ได้ ร้างค ามเดือดร้อนใ ้ แก่ผู้อื่น ดังนั้น ทุกคน ามารถรับรู้ ตระ นัก แ ดงจุดยืน และแ ดง
ค ามเ ็นที่แตกต่างออกไปได้ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย

2. อภิปรายผล
การจัดทำรายงาน เรื่อง การ ึก าปัญ าปิตาธิปไตย ามารถอภิปรายผลได้ดังนี้ จาก
การ ึ ก าพบ ่ า ปั ญ าปิ ต าธิ ป ไตยมี ผ ลมาจากระบบเ ร ฐกิ จ แบบทุ น นิ ยมที ่ เข้ า มามีบ ทบาท
เปลี่ยนแปลงจารีตที่กำ นดเพ ถานะและเพ ิถี ่งผลใ ้เกิดปัญ าการใช้อำนาจกดขี่ ปัญ าด้าน
การเมืองและเ ร ฐกิจ และปัญ าด้านอาชญากรรม
27

3. ข้อเสนอแนะ
3.1 ขอบเขตของเนื้อ าคณะผู้จัดทำ ึก าเฉพาะปัญ าปิตาธิปไตยในประเท ไทยเท่านั้ น
ากผู้อ่านจะนำไป ึก าต่อจะต้อง าข้อมูลเพิ่มเติม
3.2 แ ล่งข้อมูลที่คณะผู้จัดทำใช้ าข้อมูลมีเพียง ิจัย บทค ามในอินเทอร์เน็ตเท่านั้น าก
ผู้อ่านต้องการ ึก าเพิ่มเติม อาจ ึก าเพิ่มเติมจาก นัง ือได้
28

บรรณานุกรม
29

ขอบคุณ สมบูรณ์วงศ์. (2558). “ปัจเจกบุคคล ครอบครัว และชุมชน: วิถีชีวิตใน งั คมไทยที่


เปลี่ยนแปลงในวรรณกรรมของอุทิศ เ มะมูล.” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ จาก :
http://www.tnrr.in.th/?page=result_search&record_id=10164836 สืบค้น 4
กันยายน 2564

กรมกจิการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์.
(2563). “ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับความเ มอภาคระ ว่างเพศ.” [ออนไลน์]. เข้าถึง
ได้จาก : https://ycap.go.th/download-content_detail/302 สืบค้น 4 กันยายน
2564.

ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ. (2554). “รื้อ ร้างมายาคติ “ความเป็นชาย” ใน ังคมไทย – การ


ทบทวน ความเป็นชายใน ังคม ยาม.” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://www.sac.or.th/conference/2017/blog-post สืบค้น 4 กันยายน 2564.

Sasiphattra Siriwato. (2556). “ความ ูญเ ียของผู้ ญิงที่ต้องแลกมากับความ ำเร็จใน


น้าที่ การงาน.” [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก : http://gotomanager.com/content/%
สืบค้น 4 กันยายน 2564

สุกัญญา สดศรี. “ปัญ าความรุนแรงของครอบครัวใน ังคมไทย.” [ออนไลน์].


เข้าถึงได้จาก : https://so03.tcithaijo.org/index.php/journalpeace/article/ สืบค้น
4 กันยายน 2564.

Wattanapong Kongkijkarn. (2564). “ผู้ ญิงคุกคามทางเพศ ผู้ชายไม่ใช่เรื่องที่ตลก.”


[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://spectrumth.com/2021/06/23/%E0%B8%9C%E
สืบค้น 4 กันยายน 2564.

Rightsforlovescampaign. (2564). “ทำไมต้อง มร เท่าเทียม.” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก


: https://www.instagram.com/p/CTFdAUzJH3b/?utm_source=ig_web_copy_link
สืบค้น 4 กันยายน 2564.

Karoonp Chetpayark. (2561). “ ังคมไทยยอมรับ LGBT แบบมีเงื่อนไข กำแพงปิดกั้น


ความ ลาก ลายทางเพศ ในมุมมองของครูเคท.” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://thematter.co/social/lgbt-inequality-with-krukath/48901 สืบค้น 4
กันยายน 2564.
30

Chanan Yodhong. (2562). "ความรักชาติแบบชายเป็นใ ญ่ กับความล้มเ ลวของ


ขบวนการเคลื่อนไ ว ตรี." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://thematter.co/thinkers/paternalism-patriotism-and-women-in-it/
ืบค้น 4 กันยายน 2564

เมธาพัฒน์ พะระรามัน ์. (2562). "รัฐ ภานี่นี้ใครครอง? : มองรัฐ ภาผ่านปิตาธิปไตย."


[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://www.tcijthai.com/news/2019/12/scoop/9210
ืบค้น 4 กันยายน 2564

Chanan Yodhong. (2564). "#ผ้าอนามัยไม่มีภา ี ผ้าอนามัยต้องเป็น วั ดิการของรัฐและ


รัฐต้องไม่ ากินกับเมน ์ประชาชน." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://thematter.co/thinkers/let-free-tampon-tax/150378 ืบค้น 4 กันยายน
2564
31

ภาคผนวก ก ภาพการดำเนินงาน
32

รูปที่ 5 รูปการหาข้อมูล

รูปที่ 6 รูปการหาข้อมูล
33

รูปที่ 7 รูปการหาข้อมูล

รูปที่ 8 รูปการหาข้อมูล
34

รูปที่ 9 รูปการหาข้อมูล
35

รูปที่ 10 รูปการสนทนาเกี่ยวกับารทำงาน

รูปที่ 11 รูปการสนทนาเกี่ยวกับการทำงาน
36

รูปที่ 12 รูปการสนทนาเกี่ยวกับการทำงาน

รูปที่ 13 รูปการสนทนาเกี่ยวกับการทำงาน
37

ภาคผนวก ข ประวัติผู้จัดทำ
38

ประวัติผู้ศึกษา

ชื่อ - นาม กุล นาง า ณัฐฐิรา ท ีจรั โรจน์


ัน เดือน ปีเกิด 5 กันยายน 2548
เกิดที่ โรงพยาบาลบำรุงรา ฏร์ เขต ัฒนา กรุงเทพม านคร
ประ ัติการ ึก า ระดับประถม ึก า โรงเรียนอนุบาล ุรินทร์ อำเภอเมือง
ุรินทร์ จัง ัด ุรินทร์ พ. . 2560
ระดับมัธยม ึก าตอนต้น โรงเรียน ุร ิทยาคาร อำเภอเมือง ุรินทร์ จัง ัด ุรินทร์
พ. . 2563
ระดับมัธยม ึก าตอนปลาย กำลัง ึก าอยู่ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 4/1
โรงเรียน ุร ิทยาคาร
39

ชื่อ - นาม กุล นาง า ไตรรัตน์ อัตไพบูลย์


ัน เดือน ปีเกิด 17 กรกฎาคม 2548
เกิดที่ โรงพยาบาลปรา าท อำเภอปรา าท จัง ัด ุรินทร์
ประ ัติการ ึก า ระดับประถม ึก า โรงเรียนอนุบาล ุรินทร์ อำเภอเมือง
ุรินทร์ จัง ัด ุรินทร์ พ. . 2560
ระดับมัธยม ึก าตอนต้น โรงเรียน ุร ิทยาคาร อำเภอเมือง ุรินทร์ จัง ัด ุรินทร์
พ. . 2563
ระดับมัธยม ึก าตอนปลาย กำลัง ึก าอยู่ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 4/1
โรงเรียน ุร ิทยาคาร
40

ชื่อ - นาม กุล นาง า ธนภรณ์ มีโชค


ัน เดือน ปีเกิด 20 กรกฎาคม 2548
เกิดที่ โรงพยาบาล ุรินทร์ อำเภอเมือง ุรินทร์ จัง ัด ุรินทร์
ประ ัติการ ึก า ระดับประถม ึก า โรงเรียนอนุบาล ุรินทร์ อำเภอเมือง
ุรินทร์ จัง ัด ุรินทร์ พ. . 2560
ระดับมัธยม ึก าตอนต้น โรงเรียน ุร ิทยาคาร อำเภอเมือง ุรินทร์ จัง ัด ุรินทร์
พ. . 2563
ระดับมัธยม ึก าตอนปลาย กำลัง ึก าอยู่ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 4/1
โรงเรียน ุร ิทยาคาร
41

ชื่อ - นาม กุล นาง า นพ รรณ ืบ ัฒนพง ์กุล


ัน เดือน ปีเกิด 2 มกราคม 2549
เกิดที่ โรงพยาบาล ุรินทร์ อำเภอเมือง ุรินทร์ จัง ัด ุรินทร์
ประ ัติการ ึก า ระดับประถม ึก า โรงเรียนอนุบาล ุรินทร์ อำเภอเมือง
ุรินทร์ จัง ัด ุรินทร์ พ. . 2560
ระดับมัธยม ึก าตอนต้น โรงเรียน ุร ิทยาคาร อำเภอเมือง ุรินทร์ จัง ัด ุรินทร์
พ. . 2563
ระดับมัธยม ึก าตอนปลาย กำลัง ึก าอยู่ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 4/1
โรงเรียน ุร ิทยาคาร
42

ชื่อ - นาม กุล นาง า ชัญญา ท ี าร


ัน เดือน ปีเกิด 28 พฤ ภาคม 2549
เกิดที่ โรงพยาบาลจอมพระ อำเภอจอมพระ จัง ัด ุรินทร์
ประ ัติการ ึก า ระดับประถม ึก า โรงเรียนอนุบาล ุรินทร์ อำเภอเมือง
ุรินทร์ จัง ัด ุรินทร์ พ. . 2560
ระดับมัธยม ึก าตอนต้น โรงเรียน ุร ิทยาคาร อำเภอเมือง ุรินทร์ จัง ัด ุรินทร์
พ. . 2563
ระดับมัธยม ึก าตอนปลาย กำลัง ึก าอยู่ชั้นมัธยม ึก าปีที่ 4/1
โรงเรียน ุร ิทยาคาร

You might also like