Professional Documents
Culture Documents
Ce 64173110004 4
Ce 64173110004 4
วัสดุปอซโซลานที่แตกต่างกัน
MECHANICAL PROPERTIES AND TRANSFORMATION STUDIES OF
CALCIUM HYDROXIDE WHEN USING DIFFERENT POZZOLANIC
MATERIALS
ธีรพงษ์ โถชัย
วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา
คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
ปีการศึกษา 2565
สมบัติทางกลและการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของแคลเซียมไฮดรอกไซด์เมื่อใช้วัสดุ
ปอซโซลานที่แตกต่างกัน
ธีรพงษ์ โถชัย
วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา
คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
ปีการศึกษา 2565
MECHANICAL PROPERTIES AND TRANSFORMATION STUDIES OF CALCIUM
HYDROXIDE WHEN USING DIFFERENT POZZOLANIC MATERIALS
THEERAPONG THOCHAI
สารบัญ
หน้า
สารบัญ ก
สารบัญตาราง ข
สารบัญรูป ค
บทที่ 1 บทนำ 1
1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา 1
1.2 วัตถุประสงค์ของการวิจัย 2
1.3 ขอบเขตของการวิจัย 2
1.4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 3
บทที่ 2 ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 4
2.1 ปอซโซลาน 4
2.2 เถ้าลอย 5
2.3 ผงแก้ว 10
2.4 ซิลิกาฟูม 13
2.5 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 15
บทที่ 3 วิธีดาเนินการวิจยั 17
3.1 วัสดุที่ใช้ในการศึกษา 17
3.2 อุปกรณ์ทใี่ ช้ในงานวิจัย 18
3.3 การเตรียมวัสดุ 18
3.4 การทดสอบคุณสมบัติทางกายภาพและทางกลของวัสดุ 20
3.5 การเตรียมตัวอย่างของซีเมนต์เพสต์ 21
3.6 การเตรียมตัวอย่างของซีเมนต์มอร์ตาร์ 21
3.7 สัดส่วนผสมของตัวอย่างซีเมนต์เพสต์ และซีเมนต์มอร์ตาร์ 23
3.8 วิธีการทดสอบ 26
เอกสารอ้างอิง 31
ข
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้า
2.1 เกณฑ์กำหนดองค์ประกอบทางเคมีของปอซโซลานทั้ง 3 ชั้นคุณภาพ 5
2.2 การแบ่งชั้นคุณภาพของเถ้าลอยตามมาตรฐาน ASTM C618-94a 6
2.3 ออกไซด์ที่ใช้ผสมเพื่อให้สีในแก้ว 12
2.4 องค์ประกอบทางเคมีของซิลิกาฟูม 14
2.5 องค์ประกอบทางกายภาพของซิลิกาฟูม 15
3.1 สัดส่วนของซีเมนต์เพสต์ 24
3.2 สัดส่วนของซีเมนต์มอร์ตาร์ 25
ค
สารบัญรูป
รูปที่ หน้า
3.1 วัสดุตั้งต้นที่ใช้ในงานวิจัย 18
3.2 เถ้าลอย 19
3.3 ผงแก้ว 20
3.4 ซิลิกาฟูม 20
3.5 เครื่องมือไวแคต 22
3.6 แบบหล่อขนาด 5x5x5 เซนติเมตร 23
3.7 แบบหล่อขนาด 2.5x2.5x28.5 เซนติเมตร 23
3.8 เครื่องวัดความยาว 23
3.9 เครื่องทดสอบ Flow Table 24
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
ปอซโซลาน (Pozzolan) ตามมาตรฐาน ASTM C618 (2018) เป็นวัสดุที่มีซิลิกา (SiO2) และ
อลูม ินา (Al2O3) ตัวมันเองไม่ทำปฏิกิริยา แต่เมื่อมีความชื้นที่เพียงพอ สามารถทำปฏิกิริยากับ
แคลเซียมไฮดรอกไซด์ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการเชื่อมประสานได้วัสดุปอซโซลานที่นิยมนำมาใช้
ในงานก่อสร้างในประเทศไทย ได้แก่ เถ้าถ่านหิน เนื่องจากเป็นการลดต้นทุนของคอนกรีตหรือช่วย
ปรับคุณสมบัติของคอนกรีตสดเพื่อทำงานได้ง่ายขึ้น [เที่ยง ชีวะเกตุ และคณะ, 2563] อีกทั้งยังมี เถ้า
แกลบ เถ้าชานอ้อย และเศษแก้ว ซึ่งมีองค์ประกอบหลักได้แก่ ซิลิกา รวมถึง ซิลิกาฟูมที่มีการนำมาใช้
เป็นวัสดุผสมเพิ่ม เพื่อช่วยเพิ่มสมบัติทางกลให้กับงานคอนกรีตอีกด้วย
เถ้ า ลอย (Fly Ash) หรื อ เถ้ า ถ่ า นหิ น เป็ น ผลพลอยได้ จ ากการเผาถ่ า นหิ น เพื ่ อ ผลิ ต
กระแสไฟฟ้ามีออกไซด์ของซิลิกอน(Si) อะลูมิเนียม(Al) และเหล็ก(Fe) ซึ่งออกไซด์เหล่านี้สามารถทำ
ปฏิกิริยาปอซโซลานได้ดีและเพิ่มกำลังอัดของคอนกรีตได้สูงขึ้นเนื่องด้วยเถ้าลอยมีอนุภาคค่อนข้างเล็ก
และส่วนใหญ่เป็น เม็ดกลมเมื่อผสมในคอนกรีตเถ้าถ่านหินจะเข้าไปอุดช่องว่างในคอนกรีตทำให้
คอนกรีตแน่นขึ้น โดยนำมาใช้ในรูปแบบของการแทนที่ปูนซีเมนต์บางส่วนการนำเถ้าลอยมาใช้ในงาน
คอนกรี ต ทำให้ ค วามสามารถในการเทของคอนกรี ต ดี ข ึ ้ น ทำให้ ล ดอุ ณ หภู ม ิ ข องคอนกรี ต ลด
ความสามารถในการซึมผ่าน อัตราการแพร่กระจายของความชื้นและสารละลายเข้าไปในเนื้อของ
คอนกรีตยากขึ้น ลดการกัดกร่อนของซัลเฟต เพิ่มความทนทานและกำลังประลัยในระยะยาว [บวร
มณีรัตน์, 2559]
ผงแก้ว (Glass Powder) มีศักยภาพซึ่งสามารถเป็นปอซโซลานได้ คือ มีปริมาณซิลิกามาก
โดยเป็นส่วนประกอบที่สำคัญเพื่อให้โครงสร้างของแก้วแข็งแรง เป็นวัสดุอสัณฐานเนื่องจากมาจาก
กระบวนการผลิตจะทำให้แก้วเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วหลังการหลอม อีกทั้งแก้วเป็นวัสดุที่หาง่ายเพราะ
มีการใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวันและมีการรวบรวมเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ [ศุภนนท์ บรรจงเกลี้ยง, 2549]
และในการแทนที่ของผงแก้วในปูนซีเมนต์ยิ่งมีการแทนที่มากขึ้น จะทำให้ประสิทธิภาพของกำลังรับ
แรงอัดลดลงตามสัดส่วนปริมาณในการแทนที่ที่มากขึ้น [ภัสดา ภู่พูล, 2558]
ซิ ล ิ ก าฟู ม (Silica Fume) เป็ น ผลพลอยได้ ข องโรงงานผลิ ต ซิ ล ิ ก อนเมททั ล และเฟอร์ โ ร
ซิลิกอนอัลลอยด์ ซึ่งเป็นกระบวนการรีดักชันจากควอร์ด (Quartz) ที่บริสุทธิ์ไปเป็นซิลิกอนโดยวิธี
Electric Arc ที่อุณหภูมิสูงถึง 2,000 องศาเซลเซียสได้เป็นซิลิกอนไดออกไซด์ (SiO2) ซึ่งมีขนาดเล็ก
มากที่ไม่เป็นผลึกและมีรูปร่างกลม เนื่องจากซิลิกาฟูมมีอนุภาคที่เล็กมาก มีพื้นที่ผิวสูงมากและอยู่ใ น
รูปที่ไม่เป็นผลึก จึงสามารถทำปฏิกิริยาปอซโซลานได้อย่างรวดเร็ว [วินัย หอมศรีประเสริฐ และคณะ,
2551] การใช้ซิลิกาฟูมในการแทนที่ร้อยละ 8 ของปูนซีเมนต์ จะพบว่าให้ค่ากำลังอัดที่สูงสุด ที่อายุ
28 วัน
จากการศึกษางานวิจัยที่ผ่านมา พบว่า มีงานวิจัยที่ใช้วัสดุปอซโซลานข้างต้นแทนที่ปูนซีเมนต์
บางส่วนเพื่อศึกษาสมบัติทางกลต่างๆ เช่น กำลังอัด กำลังดัด ระยะเวลาการก่อตัว รวมถึงความ
ทนทานของปูนซีเมนต์ ซีเมนต์มอร์ต้า และคอนกรีตในสภาวะต่างๆ แต่ยังไม่พบเห็นการศึกษาสมบัติ
2
ทางกลร่วมการการเปลี่ยนแปลงของแคลเซียมไฮดรอกไซด์เมื่อใช้วัสดุปอซโซลานที่แตกต่างกัน ทำให้
งานวิจัยนี้สนใจในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของแคลเซียมไฮดรอกไซด์ด้วยเทคนิค FTIR ซึ่งเป็น
เทคนิคที่ตรวจสอบโครงสร้างทางเคมีของวัสดุที่สามารถพบการเปลี่ยนแปลงของแคลเซียมไฮดรอก
ไซด์ได้และการใช้เทคนิค Frattini test และ Saturated lime ในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงปริมาณ
แคลเซียม(Ca) และไฮดรอกไซด์(OH-) ทางเคมี โดยนำวัสดุปอซโซลานที่แตกต่าง ได้แก่ เถ้าถ่านหิน
เศษแก้วสีชา และซิลิกาฟูม แทนที่ปูนซีเมนต์ด้วยอัตราส่วนปูนซีเมนต์ต่อวัสดุปอซโซลาน 95:5,
90:10, 85:15, 80:20 และ 70:30 โดยน้ำหนัก เพื่อได้แนวทางในการพัฒนาวัสดุด้านวิศวกรรมโยธา
ด้วยการใช้วัสดุเหลือทิ้งและวัสดุที่เป็นผลพลอยได้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป
1.2 วัตถุประสงค์ของการศึกษา
1.2.1 เพื่อศึกษาองค์ประกอบทางเคมีและสมบัติทางกายภาพของวัสดุปอซโซลาน
1.2.2 เพื่อศึกษาสัดส่วนที่เหมาะสมของการแทนที่ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 ด้วย
วัสดุปอซโซลาน
1.2.3 เพื่อศึกษาเปรียบเทียบกำลังอัด ความหนาแน่น การดูดซึมน้ำ ของซีเมนต์เพสต์ที่ผสม
วัสดุปอซโซลาน
1.2.4 เพื่อศึกษาเปรียบเทียบกำลังอัด ความหนาแน่น การดูดซึมน้ำ ของมอร์ตาร์ที่ผสมวัสดุ
ปอซโซลาน
1.2.5 เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของแคลเซียมไฮดรอกไซด์ของซีเมนต์เพสต์เมื่อใช้วัสดุ
ปอซโซลานด้วยเทคนิค FTIR, เทคนิค Frattini test และเทคนิค Saturated lime
1.3 ขอบเขตของการวิจัย
1.3.1 ใช้วัสดุปอซโซลานในการแทนที่ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 ในอัตรา ส่วนร้อย
ละ 0, 5, 10, 15, 20 และ 30 โดยน้ำหนัก
1.3.2 ศึกษาสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของวัสดุตั้งต้น ด้วยเทคนิค Scanning Electron
Microscope (SEM), X-Ray Fluorescence Spectrometer (XRF) และเครื ่ อ งวั ด ขนาดอนุ ภ าค
(Particle Size Analyzer)
1.3.3 ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของแคลเซียมไฮดรอกไซด์ในซีเมนต์เพสต์ที่ใช้วัสดุปอซโซลาน
ด้วยเทคนิค Fourier Transform Infrared Spectrometer (FTIR), เทคนิค Frattini test และเทคนิค
Saturated lime
1.3.4 ศึกษากำลังอัด (Compressive Strength) ความหนาแน่น (Density) การดูดซึมน้ำ
(Water Absorption) ของมอร์ ต าร์ ท ี ่ ผ สมวั ส ดุ ป อซโซลาน ที ่ อ ายุ ก ารบ่ ม 1, 7, 14, 28, 60 และ
90 วัน
1.3.5 ศึ ก ษากำลั ง อั ด (Compressive Strength) ความหนาแน่ น (Density) การดู ด ซึ ม
(Water Absorption) ของซีเมนต์เพสต์ที่ผสมวัสดุปอซโซลาน ที่อายุการบ่ม 1, 7, 14, 28, 60 และ
90 วัน การหดตัวแห้ง (Drying shrinkage) ที่อายุการบ่ม 1, 3, 7, 14, 28, 60, 90 และ 120 วัน
3
1.4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.4.1 ทราบถึงองค์ประกอบทางเคมีและสมบัติทางกายภาพของวัสดุปอซโซลาน
1.4.2 ทราบถึงสัดส่วนที่เหมาะสมของการแทนที่ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 ด้วย
วัสดุปอซโซลาน
1.4.3 ทราบถึงกำลังอัด ความหนาแน่น การดูดซึมน้ำ การหดตัวแห้ง ของซีเมนต์เพสต์ที่ผสม
วัสดุปอซโซลาน
1.4.4 ทราบถึงกำลังอัด ความหนาแน่น การดูดซึมน้ำ ของมอร์ตาร์ที่ผสมวัสดุปอซโซลาน
1.4.5 ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของแคลเซียมไฮดรอกไซด์ของซีเมนต์เพสต์เมื่อใช้วัสดุ
ปอซโซลานด้วยเทคนิค FTIR, เทคนิค Frattini test และเทคนิค Saturated lime
บทที่ 2
ทฤษฏีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
เหมือนกับปูนซีเมนต์อีกด้วยคือสามารถทำปฏิกิริยากับน้ำแล้วเกิดแรงยึดประสานได้เลย เถ้าลอยใน
ชั้นคุณภาพนี้อาจมีปูนขาวปนอยู่มากกว่า 10 %
ชั้นคุณภาพ
องค์ประกอบทางเคมี
N F C
ผลรวมของซิลิคอนไดออกไซด์ (SiO2) อลูมิเนียมออกไซด์ (Al2O3)
ไอร์ออนออกไซด์ (Fe2SO3) ร้อยละ ไม่น้อยกว่า 70.0 70.0 50.0
ซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ (SO3) ร้อยละ ไม่เกิน 4.0 5.0 5.0
ความชื้นร้อยละไม่เกิน 3.0 3.0 3.0
การสูญเสียเนือ่ งจากการเผาร้อยละไม่เกิน 6.0 6.0 6.0
ที่มา : ASTM C618-91 : Standard Specification for Fly Ash and Raw or Calcined Natural
Pozzolan for Use as a Mineral Admixture in Portland Cement Concrete
คุณสมบัติ ประเภทของเถ้าลอย
ชั้นคุณภาพ F ชั้นคุณภาพ C
SiO2 + Al2O2 + Fe2O3 (น้อยที่สุดร้อยละ) 70.0 50.0
SiO2 (มากที่สุดร้อยละ) 5.0 5.0
ปริมาณความชื้น (มากที่สุดร้อยละ) 3.0 3.0
การสูญเสียเนื่องจากการเผาไหม้ (มากที่สุดร้อยละ) 6.0 6.0
ดัชนีกำลัง (น้อยที่สุดร้อยละ) 75.0 75.0
2.2.2 การใช้เถ้าลอยเป็นสารเชื่อมประสาน
เมื่อผสมเถ้าลอยกับน้ำอย่างพอเหมาะแคลเซียมออกไซด์ CaO ที่มีอยู่ในเถ้าลอยจะ
ทำปฏิกิริยากับน้ำเกิดเป็นสารแคลเซียมไฮดรอกไซด์ Ca(OH)2 ซึ่งจะเข้าทำปฏิกิริยาปอซโซลานิคระ
หว่างระหว่างซิลิกอนออกไซด์ (SiO)2 และอะลูมินาออกไซด์ (Al2O2)3 ให้แคลเซียมซิลิเกตไฮเดรต
(Calcium Silicate Hydrate) และ แคลเซียมอะลูมิเนตไฮเดรต (Calcium Aluminate Hydrate) ดัง
สมการที่ (2.1) และสมการที่ (2.2) [5]
2.2.3 การใช้เถ้าลอยในงานซีเมนต์เพสต์
นัฐกา การะศรี และคณะ (2551) ได้ทํ าการศึกษาผลกระทบของสารปอซโซลานต่อ
โครงสร้างโพรง ช่องว่างของซีเมนต์เพสต์ โดยสารปอซโซลานที่ศึกษาคือเถ้าลอย ทำการหล่อตัวอย่าง
ซีเมนต์เพสต์ที่อัตรา ส่วนผสมต่างๆกัน ทั้งอัตราส่วนน้ำต่อวัสดุประสาน อัตราส่วนการแทนที่วัสดุ
7
สารเคมี สี
Chromium oxide (Cr2O3) สีเขียว
Cobalt oxide (CoO) สีน้ำเงิน
Urenium (U) สีเหลือง
Nickle (Ni) สีน้ำตาล
Carbon-Sulfur-Iron (C-S-Fe) สีอำพัน
Manganese (Mn) สีชมพู
2.4.2 องค์ประกอบทางกายภาพของซิลิกาฟูม
ซิลิกาฟูมมีลักษณะเป็นฝุ่นผงที่ละเอียดมาก โดยทั่วไปมักจะมีสีเทาเข็มจนถึงดำมีค่า
ความถ่วงจำเพาะประมาณ 2.2 ความละเอียดทดสอบโดยวิธีของเบลนมีค่าประมาณ 150,000 cm2/g
ขนาดอนุภาคเฉลี่ยเมื่อขยายด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด (SEM) พบว่า มีขนาด
อนุภาคเฉลี่ยประมาณ 0.1 mm เนื่องจากซิลิกาฟูมมีขนาดเล็กมาก จึงมักมีการเอาผงของซิลิกาฟูมมา
อัดรวมกันให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เรียกว่า คอนเด้นซิลิกาฟูม องค์ประกอบทางกายภาพของซิลิกาฟูมแสดง
ในตารางที่ 2.5
ตารางที่ 2.5 องค์ประกอบทางกายภาพของซิลิกาฟูม
คุณสมบัติ ซิลิกาฟูม
ความละเอียดของเบลน (cm2/g) 150,000
ความถ่วงจำเพาะ 2.2
สี เทาดำ, ขาวอมเทา
2.4.3 การนำซิลิกาฟูมมาใช้ในงานคอนกรีต
การนำซิ ล ิ ก าฟู ม มาใช้ ใ นงานคอนกรี ต คื อ เพื ่ อ ลดค่ า การเยิ ้ ม น้ ำ เพราะหาก
เปรียบเทียบค่าความเยิ้มน้ำของคอนกรีตที่ผสมซิลิกาฟูมกับคอนกรีตทั่วไปแล้วจะพบว่าคอนกรีตที่
ผสมซิลิกาฟูม ให้ค่าความเยิ้มน้ำต่ำกว่าคอนกรีตธรรมดา ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ซิลิกาฟูมไปอุด
โครงสร้างของโพรงของไฮเดรตซีเมนต์ไว้ และยังไม่มีผลต่ออุณหภูมิภายในคอนกรีต ส่งผลให้คอนกรีต
ที่ได้มีค่ากำลังอัดที่สูงมาก และยังมีค่าการซึมผ่านที่ต่ำมาก [ชัย จาตุรพิทักษ์กุล, 2552]
2.4.4 การใช้ซิลิกาฟูมในงานซีเมนต์เพสต์
Donatello et al. (2010) ได้ทำการศึกษาปฏิกิริยาของปอซโซลานวัสดุทดแทน
ซีเมนต์มีความสำคัญ เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ที่มีความยั่งยืนมากขึ้น การศึกษา
ปฏิกิริยาปอซโซลานิกของเมทาคาโอลิน ซิลิกาฟูม เถ้าถ่านหิน เถ้าตะกอนจากตะกอนจากน้ำเสียและ
ทรายถูกนำมาเปรียบเทียบโดยใช้การทดสอบ Frattini การทดสอบปูนขาวอิ่มตัว และการทดสอบ
ดัชนีกิจกรรมความแข็งแรง มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญระหว่างการทดสอบดัชนีกิจกรรมความ
แข็งแรงและผลการทดสอบ Frattini แต่ผลลัพธ์จากการทดสอบเหล่านี้ไม่มีความสัมพันธ์กับผลการ
ทดสอบปูนขาวอิ่มตัว อัตราส่วนมวลของ Ca(OH)2 ต่อการทดสอบปอซโซลานเป็นพารามิเตอร์ที่
สำคั ญ ในการทดสอบ Frattini และการทดสอบดั ช นีก ิ จ กรรมความแข็ ง แรง อั ต ราส่ ว นจะอยู่ที่
ประมาณ 1:1 ในขณะที่ในการทดสอบปูนขาวอิ่มตัว จะมีอัตราส่วนอยู่ที่ 0.15:1 สิ่งนี้อธิบายได้ว่า
ทำไมความอิ่มตัวการทดสอบด้วยปูนขาวแสดงให้เห็นการกำจัด Ca(OH)2 ที่สูงขึ้น และเหตุใดผลลัพธ์
จากการทดสอบนี้จึงไม่สัมพันธ์กับวิธีการทดสอบอื่นๆ
2.5 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
Demirboga et al. (2001) ได้ทำการสืบค้นเพื่อศึกษาด้านกำลังอัดของคอนกรีตที่มีส่วนผสม
มวลรวมคละของหินเพอร์ไลต์ (EPA) และหินพัมมิซ (PA) โดยได้ทำการหาผลกระทบของซิลิกาฟูม
(SF) และเถ้าลอยเกรด C (FA) เป็นวัสดุมวลรวมน้ำหนักเบาในงานคอนกรีต (LWAC) โดยได้ใช้ผงซิลิ
กาฟูม และผงเถ้าลอยในอัตราส่วนร้อยละ 10, 20 และร้อยละ 30 ของซีเมนต์โดยน้ำหนัก ซึ่งมีความ
หนาแน่นเท่ากับ 200 กก./ลบ.ม. จากผลการนำแทนที่ปูนปอร์ตแลนด์ซีเมนต์ร้อยละ 1.5 โดยน้ำหนัก
ซึ่งมีการลดอัตราส่วนน้ำต่อซีเมนต์ (W/C) ได้ผลการทดสอบมีความหนาแน่นมีค่าลดลงอยู่ระหว่าง
1154-735 กิโลกรัมต่อลูกบากศ์เมตร ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้หินเพอร์ไลต์ที่เป็นส่วนผสมสำหรับสารซิ
ลิกาฟูมและเถ้าลอยที่ใช้ในส่วนผสมก็ทำให้หน่อยน้ำหนักลดลงเช่นกัน แต่ให้ผลด้านกำลังอัด มีค่า
เพิ่มขึ้นร้อยละ 52, 85 และร้อยละ 55 ของอายุการบ่ม 7 วัน และร้อยละ 80, 84 และร้อยละ 108
ของอายุการบ่ม 28 วัน ของการกำหนดใช้ส่วนผสมร้อยละ 20, 40 และร้อยละ 40 ของหินเพอร์ไลต์
(ใช้แทนที่ปูนซีเมนต์) โดยควบคุมถ้าใช้ผงเถ้าลอยลดลงในส่วนผสมของตัวอย่างอายุ 7-28 วัน และการ
ลดผงซิลิกาฟูมโดยการเพิ่มอัตราส่วนการใช้หินเพอร์ไลต์ในส่วนผสมนั้นพบว่าที่อายุการบ่ม 7 วัน ทำ
ให้ค่ากำลังอัดลดลง และพบว่าถ้ามีการลดการใช้ผงซิลิกาฟูมและเถ้าลอยจะทำให้ค่ากำลังอัดลดลง
อย่างมาก
ปริญญา จินดาประเสริฐ และ อินทรชัย หอวิจิตร (2528) พบว่า กำลังอัดคอนกรีตระยะต้น
ของ ปูนซีเมนต์ผสมเถ้าลอยมีค่าลดลงตามปริมาณเถ้าลอยที่ เพิ่มขึ้น เพราะปฏิกิริยาปอซโซลานยังไม่
16
3.1 วัสดุที่ใช้ในงานวิจัย
3.1.1 ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1
3.1.2 มวลรวมละเอียดร่อนผ่านตะแกรงมาตรฐานค้างเบอร์ 40 และ 50 ล้างน้ำสะอาดและ
ตากให้แห้งก่อนนำไปใช้ในการทดสอบ
3.1.3 น้ำประปาสะอาดทั่วไป
3.1.4 เถ้าลอยแหล่ง A (แม่เมาะ)
3.1.5 เถ้าลอยแหล่ง B (BLCP)
3.1.6 ผงแก้ว (Glass Powder) ร่อนผ่านตะแกรงเบอร์ 100
3.1.7 ซิลิกาฟูม (Silica Fume)
ค) ผงแก้ว ง) ซิลิกาฟูม
3.2 อุปกรณ์ที่ใช้ในงานวิจยั
3.2.1 เครื่องชั่งไฟฟ้าชั่งได้ละเอียดและแม่นยำในการชั่งน้ำหนักความละเอียด 0.1 กรัม
3.2.2 กระบอกตวง
3.2.3 เตาอบไฟฟ้า
3.2.4 แบบหล่อมอร์ตาร์ทำด้วยทองเหลือง ผิวภายในแบบหล่อเรียบและเป็นระนาบตรง ใช้
ขนาดกว้าง 5 เซนติเมตร ยาว 5 เซนติเมตร และสูง 5 เซนติเมตร
3.2.5 แบบหล่อขนาด กว้าง 2.5 เซนติเมตร สูง 2.5 เซนติเมตร และยาว 28.5 เซนติเมตร
3.2.6 เครื่องผสมมอร์ตาร์มาตรฐาน (Mixer) ประกอบไปด้วย ตัวเครื่อง ใบกวน และหม้อ
ผสม โดยใบกวนและตัวเครื่องสามารถปรับระดับการหมุนของใบพายได้อย่างน้อย 2 ระดับ คือ 140
± 5 รอบต่อนาที และ 285 ± 5 รอบต่อนาที
3.2.7 ชุดทดสอบการไหลของมอร์ตาร์
3.2.8 ชุดทดสอบระยะเวลาการก่อตัว (Vicat Apparatus, ASTM C 191)
3.2.9 เวอร์เนียร์คาลิปเปอร์ (Vernier Caliper)
3.2.10 เครื่องทดสอบแรงอัดคอนกรีต (Compression Machine)
3.3 การเตรียมวัสดุ
3.3.1 วิธีการเตรียมเถ้าลอย
สำรับเถ้าลอยที่ใช้ในการศึกษามี 2 แหล่ง คือเถ้าลอยจากโรงงานไฟฟ้าแม่เมาะ
จังหวัดลำปาง แหล่ง A และ เถ้าลอยจากโรงงานไฟฟ้า BLCP จังหวัดระยอง แหล่ง B โดยเถ้าลอยที่
นำมาใช้ในการศึกษาต้องอยู่ในสภาพแห้ง ดังรูปที่ 3.2
3.3.2 วิธีการเตรียมผงแก้ว
สำหรับผงแก้วที่ใช้ในการศึกษาได้มาจากเศษแก้วสีชา โดยการน้ำมาบดห้ละเอียด
แล้วนำไปร่อนผ่านตะแกรง เบอร์ 100 เพื่อให้พร้อมใช้งาน
ก) เศษแก้วสีชา ข) ผงแก้ว
3.3.3 วิธีการเตรียมซิลิกาฟูม
สำหรับซิลิกาฟูมจะใช้ Elkem Microsilica 940u
3.4.5 การทดสอบหาค่าการดูดซึมน้ำ
จุดประสงค์การทดสอบ เพื่อหาการดูดซึมน้ำของก้อนตัวอย่างในอายุการบ่มต่างๆ ที่
ใช้วัสดุปอซโซลานเป็นส่วนผสมตามมาตรฐาน ASTM C642-97
3.4.6 การทดสอบหาค่ากำลังอัด
จุดประสงค์การทดสอบ เพื่อหากำลังต้านทานแรงอัดของก้อนตัวอย่าง ซึ่งทำได้โดย
การกดหรื อ อั ด แท่ ง ทดสอบรู ป ลู ก บาศก์ ข นาดกว้ า ง 5 เซนติ เ มตร ยาว 5 เซนติ เ มตร และสู ง 5
เซนติเมตรที่บ่มจนได้อายุตามระยะเวลาที่กำหนดจนกระทั่งวิบัติ แล้วทำการคำนวณหาค่าความ
ต้านทานแรงอัดประลัย
3.4.7 การทดสอบการเปลี่ยนแปลงขนาด
จุดประสงค์การทดสอบ เพื่อหาการเปลี่ยนแปลงขนาดของก้อนตัวอย่างที่ผสมวัสดุ
ปอซโซลาน อ้ า งอิ ง มาตรฐาน ASTM C157/C157M-06 Standard Test Method for Length
Change of Hardened Hydraulic Cement Mortar แ ล ะ ASTM C490- 97 Standard Practice
for Use of Apparatus for the Determination of Length Change of Hardened Cement
Paste, Mortar and Concrete.
21
3.5 การเตรียมตัวอย่างของซีเมนต์เพสต์
ปูนซีเมนต์แทนที่ด้วย เถ้าลอยแหล่งA (แม่เมาะ), เถ้าลอยแหล่งB (BLCP), ผงแก้ว และ ซิลิกา
ฟู ม ร้ อ ยละ 5, 10, 15, 20 และ 30 % โดยหาค่ า น้ ำ จาก ปริ ม าณน้ ำ ที ่ เ หมาะสม (Normal
Consistency) โดยทำการทดสอบตามมาตรฐาน ASTM C 187 ด้ ว ยวิ ธ ี เ ข็ ม ไวแคท (Vicat
Apparatus) (รูปที่ 3.5) จากนั้นหล่อตัวอย่างการทดสอบขนาด 5x5x5 เซนติเมตร (รูปที่ 3.6) และบ่ม
ตัวอย่างเป็นเวลา 1, 7, 14, 28, 60 และ 90 วัน และทดสอบกำลังรับแรงอัด, ค่าการดูดซึมน้ำ และค่า
หน่วยน้ำหนัก และในส่วนของการทดสอบการเปลี่ยนแปลงขนาด จะทำการหล่อตัวอย่างขนาด
2.5x2.5x28.5 เซนติเมตร (รูปที่ 3.7) และทำการวัดขนาดทุกอายุการบ่ม 1, 3, 7, 14, 21, 28, 60
และ 90 วัน ด้วยเครื่องวัดความยาว (Length Comparator) ตามมาตรฐาน ASTM C 490 (รูปที่
3.8)
3.6 การเตรียมตัวอย่างของซีเมนต์มอร์ตาร์
ปูนซีเมนต์แทนที่ด้วย เถ้าลอยแหล่งA (แม่เมาะ), เถ้าลอยแหล่งB (BLCP), ผงแก้ว และ ซิลิกา
ฟูม ร้อยละ 5, 10, 15, 20 และ 30 % และ C:S เท่า 1:2.75 โดยหาค่าน้ำจาก การทดสอบหาค่าการ
ไหล (รูปที่ 3.9) จนได้ค่าการไหลร้อยละ 110±5 ตามมาตรฐาน ASTM C 1437 จากนั้นหล่อตัวอย่าง
การทดสอบขนาด 5x5x5 เซนติเมตร (รูปที่ 3.6) และบ่มตัวอย่างเป็นเวลา 1, 7, 14, 28, 60 และ 90
วัน และทดสอบกำลังรับแรงอัด, ค่าการดูดซึมน้ำ และค่าหน่วยน้ำหนัก
สัดส่วนผสมของซีเมนต์เพสต์ (กรัม)
ลำดับที่ สัญลักษณ์ ปูนซีเมนต์ วัสดุปอซโซลาน
ประเภทที่ 1 FA FB GP SF
1 PC 1.00 - - - -
2 PC-5FA 0.95 0.05 - - -
3 PC-10FA 0.90 0.10 - - -
4 PC-15FA 0.85 0.15 - - -
5 PC-20FA 0.80 0.20 - - -
6 PC-30FA 0.70 0.30 - - -
7 PC-5FB 0.95 - 0.05 - -
8 PC-10FB 0.90 - 0.10 - -
9 PC-15FB 0.85 - 0.15 - -
10 PC-20FB 0.80 - 0.20 - -
11 PC-30FB 0.70 - 0.30 - -
12 PC-5GP 0.95 - - 0.05 -
13 PC-10GP 0.90 - - 0.10 -
24
สัดส่วนผสมของซีเมนต์เพสต์ (กรัม)
ลำดับที่ สัญลักษณ์ ปูนซีเมนต์ วัสดุปอซโซลาน
ประเภทที่ 1 FA FB GP SF
14 PC-15GP 0.85 - - 0.15 -
15 PC-20GP 0.80 - - 0.20 -
16 PC-30GP 0.70 - - 0.30 -
17 PC-5SF 0.95 - - - 0.05
18 PC-10SF 0.90 - - - 0.10
19 PC-15SF 0.85 - - - 0.15
20 PC-20SF 0.80 - - - 0.20
21 PC-30SF 0.70 - - - 0.30
3.7.2 สัดส่วนของซีเมนต์มอร์ตาร์
กรณีสัดส่วนของซีเมนต์มอร์ตาร์ที่ใช้ในการทดสอบมีรายละเอียดแสดงดัง ตารางที่
3.2
สัดส่วนผสมของซีเมนต์เพสต์ (กรัม)
ลำดับที่ สัญลักษณ์ ปูนซีเมนต์ วัสดุปอซโซลาน
ประเภทที่ FA FB GP SF ทราย
1
1 PC 1.00 - - - - 2.75
2 PC-5FA 0.95 0.05 - - - 2.75
3 PC-10FA 0.90 0.10 - - - 2.75
4 PC-15FA 0.85 0.15 - - - 2.75
5 PC-20FA 0.80 0.20 - - - 2.75
6 PC-30FA 0.70 0.30 - - - 2.75
7 PC-5FB 0.95 - 0.05 - - 2.75
25
สัดส่วนผสมของซีเมนต์เพสต์ (กรัม)
ลำดับที่ สัญลักษณ์ ปูนซีเมนต์ วัสดุปอซโซลาน
ประเภทที่ FA FB GP SF ทราย
1
8 PC-10FB 0.90 - 0.10 - - 2.75
9 PC-15FB 0.85 - 0.15 - - 2.75
10 PC-20FB 0.80 - 0.20 - - 2.75
11 PC-30FB 0.70 - 0.30 - - 2.75
12 PC-5GP 0.95 - - 0.05 - 2.75
13 PC-10GP 0.90 - - 0.10 - 2.75
14 PC-15GP 0.85 - - 0.15 - 2.75
15 PC-20GP 0.80 - - 0.20 - 2.75
16 PC-30GP 0.70 - - 0.30 - 2.75
17 PC-5SF 0.95 - - - 0.05 2.75
18 PC-10SF 0.90 - - - 0.10 2.75
19 PC-15SF 0.85 - - - 0.15 2.75
20 PC-20SF 0.80 - - - 0.20 2.75
21 PC-30SF 0.70 - - - 0.30 2.75
3.8 วิธีการทดสอบ
3.8.1 การทดสอบกำลังอัดประลัย ตามมาตรฐาน ASTM C 109
1) เตรียมวัสดุให้ได้ปริมาณตามที่ได้ออกแบบไว้ โดยการชั่งส่วนผสมทั้งหมดให้ได้
สัดส่วนตามส่วนผสมที่ออกแบบไว้
2) ประกอบหม้อผสมและใบกวนที่แห้ง เข้ากับเครื่องผสม
3) ใส่ปูนซีเมนต์และวัสดุปอซโซลานในงานวิจัยลงในหม้อผสม จากนั้นเดินเครื่อง
ผสมกวนส่วนผสมระหว่างปูนซีเมนต์และวัสดุปอซโซลานให้เข้ากัน โดยใช้อัตราช้า 140±5 รอบต่อ
วินาที เป็นเวลา 30 วินาที
4) ใส่น้ำตามสัดส่วนที่ออกแบบไว้ลงในหม้อผสมที่ทำการกวนส่วนผสมระหว่าง
ปูนซีเมนต์และวัสดุปอซโซลานแล้ว ทิ้งไว้เป็นเวลา 30 วินาที
5) จากนั้นเดินเครื่องผสมเพื่อกวนน้ำกับปูนซีเมนต์และวัสดุปอซโซลานให้เข้ากัน
โดยอัตราช้า 140±5 รอบต่อวินาที เป็นเวลา 30 วินาที
6) ใส่ทรายลงในหม้อผสมอย่างช้า ๆ ภายในเวลา 30 วินาที ซึ่งขณะนี้ใบกวน ยังคง
กวนอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราช้า 140±5 รอบต่อวินาที
7) ผสมต่อด้วยอัตราปานกลาง 285±10 รอบต่อวินาที เป็นเวลา 30 วินาที
8) เมื่อผสมด้วยอัตราปานกลาง 285±10 รอบต่อวินาที เป็นเวลา 30 วินาที ให้หยุด
การผสมและปล่อยให้มอร์ตาร์ทิ้งไว้เป็นเวลา 90 วินาที และในระหว่างเวลา 15 วินาทีแรกให้ทำการ
ปาดมอร์ตาร์ที่ติดข้างหม้อผสมลงในหม้อ
9) เมื่อครบ 90 วินาที แล้วทำการเดินเครื่องผสมต่อด้วยอัตราปานกลาง 285±10
รอบต่อวินาที เป็นเวลา 1 นาที เป็นอันเสร็จสิ้นการผสมมอร์ตาร์
3.8.2 การทดสอบหาค่าการไหล
1) วางแบบทดสอบการไหลลงตรงกลางจานของโต๊ะการไหล
2) ตักมอร์ตาร์ใส่ในแบบทดสอบการไหลให้มีความสูงประมาณ 25 มิลลิเมตร และ
กระทุ้งด้วยไม้กระทุ้ง 20 ครัง้ ให้ทั่วตลอดหน้าตัดเพื่อให้มอร์ตาร์มีความสม่ำเสมอในแบบ
3) ตักมอร์ตาร์ใส่ในแบบชั้นที่ 2 ซึ่งมีความสูงประมาณ 25 มิลลิเมตร และกระทุ้ง
มอร์ตาร์อีก 20 ครั้ง สำหรับการใส่มอร์ตาร์ชั้นที่ 2 ให้มีความสูงกว่าแบบเล็กน้อยเพื่อทำการปาดหน้า
4) ใช้เกรียงเหล็กปาดผิวหน้า โดยการลากเกรียงเหล็กที่เกือบตั้งฉากกับผิวหน้าของ
แบบ และปาดมอร์ตาร์ส่วนเกินออกโดยใช้วิธีการเลื่อนไป-มาคล้าย ๆ กับการเลื่อยไม้
5) หากมีน้ำไหลออกมาใต้ฐานของแบบให้เช็คน้ำออก และนำส่วนของมอร์ตาร์ที่
ตกข้างแบบออกให้หมด
6) ยกแบบขึ้นในแนวตั้งอย่างช้า ๆ ซึ่งเวลาที่ใช้ตั้งแต่ใส่มอร์ตาร์ลงแบบจนถึงเวลาที่
ยกแบบออกจากผิวหน้าโต๊ะการไหลประมาณ 1 นาที
7) ภายหลังจากการยกแบบออกจากมอร์ตาร์ ให้ทำการหมุนที่หมุนของโต๊ะการไหล
ซึ่งจะยกจานของโต๊ะการไหลขึ้นสูง 13 มิลลิเมตร และปล่อยให้ตกลงอย่างอิสระจำนวน 25 รอบ
27
3.8.7 การศึกษาการเปลี่ยนแปลงของแคลเซียมไฮดรอกไซด์จากปฏิกิริยาปอซโซลาน
การศึกษาการเปลี่ยนแปลงของแคลเซียมไฮดรอกไซด์จากปฏิกิริยาปอซโซลานใน
งานวิจัยนี้ เลือกใช้หลักการเปลี่ยนแปลงแคลเซียมไฮดรอกไซด์ โดยแบ่งการศึกษาออกแบบ 2 วิธี
ได้แก่
1. การทดสอบการเปลี่ยนแปลงของแคลเซียมไฮดรอกไซด์ ด้วยเทคนิค Fourier Transform
Infrared Spectroscopy (FTIR)
อุณหภูมิห้อง นำมาไตเตรทด้วยสารละลายกรดไฮโดรคลอริกโดยใช้เมทิลออเร้นท์เป็นอินดิเคเตอร์
สำหรับการปรับพีเอชให้ได้ 12.5 หลังจากนั้นไตเตรทอีกครั้งด้วยสารละลาย EDTA โดยใช้ Patton
และ Reeders เป็นอินดิเคเตอร์ จากผลการศึกษาจะได้กราฟแสดงการเปลี่ยนแปลงของไฮดรอกไซด์
ในระบบเมื่อมีการใช้วัสดุปอซโซลานที่แตกต่างกันที่ช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
เอกสารอ้างอิง
Tseng YS, Huang CL, Hsu KC. The pozzolanic activity of a calcined waste FCC
catalyst and its effect on the compressive strength of cementitious materials. Cem
Concr Res 2005;35:782–7.