Professional Documents
Culture Documents
แบบจำลองเครือข่ำยคอมพิวเตอร์
แผนกำรสอนประจำหน่วย
รายวิชา การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย
บทที่ 4 แบบจาลองเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หัวข้อเนื้อหำหลัก
4.1 แบบจาลองโอเอสไอ
4.2 แบบจาลองทีซีพ/ี ไอพี
แนวคิด
1. แบบจาลองโอเอสไอ คือ สถาปัตยกรรมเครือข่ายที่มีการแบ่งกรอบการทางานของระบบ
เครื อข่ายคอมพิว เตอร์ออกเป็ นชั้น ๆ ซึ่งจะช่ว ยให้การออกแบบระบบเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสาร
ระหว่างกันได้ ไม่ว่าระบบเครือข่ายแต่ละระบบที่ติดต่อสื่อสารกันจะมีการออกแบบที่แตกต่างกันหรือใช้
ระบบคอมพิวเตอร์ต่างแพล็ตฟอร์มกันก็ตาม
2. แบบจาลองทีซีพ/ี ไอพี คือ ชุดของแบบจาลองที่ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อใช้สาหรับการแลกเปลี่ยน
ข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยใช้สถาปัตยกรรมที่มีลักษณะเป็นระดับชั้นที่เกี่ยวข้องกัน
วัตถุประสงค์
เมื่อศึกษาบทที่ 4 จบแล้ว ผู้เรียนสามารถอธิบายหัวข้อต่อไปนี้ได้
1. สถาปัตยกรรมระดับชั้นและโครงสร้างของแบบจาลองโอเอสไอ
2. สถาปัตยกรรมระดับชั้นและโครงสร้างของแบบจาลองทีซีพ/ี ไอพี
กิจกรรมระหว่ำงเรียน
1. ทาแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนบทที่ 4
2. ศึกษาเอกสารประกอบการสอนหัวข้อเนื้อหาหลักที่ 4.1 - 4.2
3. ปฏิบัติกิจกรรมตามที่ได้รับมอบหมายในเอกสารประกอบการสอน
4. ทาแบบประเมินผลตนเองหลังเรียนบทที่ 4
5. ทากิจกรรมประจารายวิชา
สื่อกำรสอน
1. เอกสารประกอบการสอน
2. แบบฝึกปฏิบัติ
กำรประเมินผล
1. ประเมินผลจากแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนและหลังเรียน
2. ประเมินผลจากการทากิจกรรมและแนวตอบท้ายเรื่อง
3. ประเมินผลจากกิจกรรมประจารายวิชา
4. ประเมินผลจากการสอบไล่ประจาภาคการศึกษา
84 บทที่ 4 แบบจำลองเครือข่ำยคอมพิวเตอร์
ข้อกำหนด
เมื่ออ่านแผนการสอนประจาบทที่ 4 แล้ว กาหนดให้ผู้เรียนทาแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน
บทที่ 4 ในแบบฝึกปฏิบัติ แล้วจึงศึกษาเอกสารการสอนต่อไป
4.1 แบบจำลองโอเอสไอ
หัวข้อเนื้อหำย่อย
4.1.1 แนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับแบบจาลองโอเอสไอ
4.1.2 ระดับชั้นของแบบจาลองโอเอสไอ
แนวคิด
1. แบบจ าลองโอเอสไอ เป็ น แบบจ าลอง ระบบเครื อข่ ายที่อ อกแบบโดยองค์ก ารมาตรฐาน
นานาชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ระบบเครือข่ายที่มีความแตกต่างกันสามารถติดต่อสื่อสารระหว่างกัน
ได้ ด้วยการใช้มาตรฐานสื่อสารที่เป็นสากลโดยไม่จาเป็นต้องเปลี่ยนแปลงซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ใดๆ
2. ระดับชั้นในแบบจาลองโอเอสไอถูกแบ่งออกเป็นระดับชั้นทั้งหมด 7 ชั้น ได้แก่ 1) ระดับชั้น
กายภาพหรือฟิสิคัล 2) ดาต้าลิงค์ 3) เน็ตเวิร์ก 4) ทรานสปอร์ต 5) เซสชัน 6) พีเซนเตชัน 7) แอพพลิเคชัน
วัตถุประสงค์
เมื่อศึกษาหัวข้อเนื้อหาหลักที่ 4.1 จบแล้ว ผู้เรียนสามารถอธิบายหัวข้อต่อไปนี้ได้
1. ความหมายของแบบจาลองโอเอสไอได้
2. ระดับชั้นของแบบจาลองโอเอสไอได้
3. หลักการทางานของแบบจาลองโอเอสไอได้
4. หน้าที่ของแต่ละระดับชั้นในแบบจาลองโอเอสไอได้
5. ความแตกต่างของระดับชั้นในแบบจาลองโอเอสไอได้
4.1.1 แนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับแบบจำลองโอเอสไอ
องค์การมาตรฐานนานาชาติหรือไอโซ (The International Standards Organization :
ISO) จัดตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1947 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกาหนดข้อตกลงรูปแบบมาตรฐานของการ
ติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่าย (network communication) ซึ่งรูปแบบมาตรฐานที่ถูกเสนอครั้งแรกเมื่อช่วง
ทศวรรษ 1970 เมื่อชื่อเรียกว่า "ระบบการเชื่อมต่อระหว่างกันแบบเปิดหรือโอเอสไอ (Open Systems
Interconnection : OSI)" ซึ่งวัตถุประสงค์ของระบบการเชื่อมต่อแบบเปิดนี้ ก็เพื่อออกแบบรูปแบบ
มาตรฐานของการติดต่อสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่สามารถทาให้ระบบที่มีความแตกต่างกัน
สามารถสื่อสารกันได้ด้วยการใช้มาตรฐานการสื่อสารสากล โดยไม่มีความจาเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลง
ฮาร์ดแวร์หรือซอฟแวร์ใด ๆ
1) ควำมหมำยของแบบจำลองโอเอสไอ
แบบจาลองโอเอสไอ (OSI) สถาปัตยกรรมเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีการแบ่งกรอบการ
ทางานออกเป็นชั้น ๆ เพื่อช่วยให้การออกแบบระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์สามารถติดต่อสื่อสารระหว่าง
กันได้ แม้ว่าระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แต่ระบบจะมีการออกแบบเชื่อมต่อระบบที่แตกต่างกันหรือใช้
ระบบคอมพิวเตอร์ที่ต่างแพล็ตฟอร์มกันก็ตาม
2) สถำปัตยกรรมของแบบจำลองโอเอสไอ
แบบจาลองโอเอสไอใช้สถาปัตยกรรมโดยแบ่งออกเป็น 7 ระดับชั้นที่มีความสัมพันธ์กัน
ดังนี้ 1) ระดับชั้นกายภาพหรือฟิสคัล (physical) 2) ระดับชั้นการเชื่อมต่อข้อมูลหรือดาต้าลิงค์ (data
link) 3) ระดับชั้นเครือข่ายหรือเน็ตเวร์ก (network) 4) ระดับชั้นขนส่งหรือทรานสปอร์ต (transport)
และ 7) ระดับชั้นประยุกต์หรือแอพพลิเคชัน (application) ดังแสดงในภาพที่ 4.1
จดหมำยถูกจัดส่งจำกที่ทำ ที่ ท ำ ก ำ ร ไ ป ร ษ ณี ย์
กำรไปรษณีย์สำขำต้นทำง ปลำยทำงรับจดหมำย
จดหมำยถูกนำส่งจำกที่ทำกำรไปรษณีย์ต้นทำงไปยัง
ที่ทำกำรไปรษณีย์ปลำยทำงโดยบุรุษไปรษณีย์
ภำพที่ 4.2 ขั้นตอนในกระบวนการรับส่งจดหมาย
ที่มา: ดัดแปลงจาก Behrouz A. Forouzan. (2007: 28).
จากภาพที่ 4.2 เมื่อผู้ส่ง (sender) ต้องการส่งจดหมายถึงผู้รับ (receiver) ก็จะเขียน
จดหมายแล้วใส่ซองตู้ไปรษณีย์ จดหมายจะถูกนาออกจากตู้ไปรษณีย์ก็จะนาจดหมายไปส่งที่ตู้ไปรษณีย์
สาขาที่ ใกล้ ที่สุ ด เพื่อ มาคัดแยกตามสถานที่ของผู้ รับ จากนั้นบุรุ ษไปรษณีย์ก็จ านาจดหมายไปส่ งที่ ตู้
ไปรษณีย์หน้าบ้านผู้รับ เมื่อผู้รับเปิดตู้ไปรษณีย์หน้าบ้านก็จะได้รับจดหมายของผู้ส่ง ซึ่งลักษณะการทางาน
ของขั้นตอนดังกล่าวก็จะคล้ายกับขั้นตอนการทานของระดับชั้นในแบบจาลองโอเอสไอ โดยภายในเครื่อง
คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องที่เชื่อมโยงในระบบเครือข่าย เมื่อมีการรับส่งข้อมูลระหว่างกัน แต่ละระดับชั้นจะ
เรี ย กใช้บริ การระดับ ชั้นที่อยู่ต่ากว่าลงไป เช่น ระดับชั้นที่ 3 จะเรี ยกใช้บริการระดับชั้นที่ 2 และใน
ขณะเดียวกันก็จะจัดหาบริการให้ระดับชั้นที่ 4 เป็นต้น
ในการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ ระดับชั้น X บนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่อง
หนึ่งจะติดต่อกับ ระดับชั้น X บนเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง ณ ระดับชั้นเดียวกัน การติดต่อสั่งการนี้จะ
เกี่ยวข้องกับกฎและข้อตกลงที่เรี ยกว่ า "โปรโตคอล" และกระบวนการที่แต่ละเครื่องติดต่อกับระดับชั้นที่
กาหนดเรียกว่า "เพียร์ทูเพียร์โปรเซส (peer-to-peer processes)" หรือกระบวนการแบบจุดต่อจุด
3) หลักกำรทำงำนของแบบจำลองโอเอสไอ
แบบจาลองโอเอสไอใช้หลักการทางานแบบเพียร์ทูเพี ยร์โปรเซส ซึ่งเป็นกระบวนการ
ติดต่อสื่อสารที่เกิดในระดับชั้นฟิสิคัลซึ่งรายละเอียดของระดับชั้นฟิสิคัลจะกล่าวต่อไป กระบวนการการ
ติดต่อสื่ อสารแบบเพียร์ ทูเพีย ร์ โ ปรเซส สามารถทาได้ โ ดยตรง ดังแสดงในภาพที่ 4.3 จากภาพเครื่อง
คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ A จะส่งข้อมูลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ B (ผ่านโหนดต่าง ๆ บน
เครือข่าย) การติดต่อสื่อสารจะเคลื่อนที่ลงผ่านระดับชั้นต่าง ๆ จากอุปกรณ์ A เคลื่อนที่ขึ้นผ่านระดับชั้น
ต่าง ๆ ของอุปกรณ์ B แต่ละระดับชั้น เมื่อฝ่ายผู้รับได้รับข้อความก็จะแกะข้อความออกอ่านทีละชั้น เช่น
ระดับชั้นที่ 2 จะนาข้อมูลที่ต้องการใช้ในระดับชั้นนั้นออกไป จากนั้นจึงส่งผ่านข้อมูลที่เหลือไปยังระดับชั้น
ที่ 3 ระดับชั้นที่ 3 ก็จะนาข้อมูลที่จะใช้ในระดับชั้นออก และส่งผ่านข้อมูลที่เหลือไปยังระดับชั้นที่ 4 และ
กระทาเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จนเสร็จ เป็นต้น
5) โครงสร้ำงระดับชั้น
แบบจ าลองโอเอสไอ แบ่ ง ออกเป็ น 2 ส่ ว น คื อ ระดั บขั้ น สู ง และระดั บ ขั้ น ต่ า โดย
ระดับชั้นสูง ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ ส่วนระดับชั้นต่าลงมาจะเกี่ยวข้องกับทั้งฮาร์ดแวร์และ
ซอฟแวร์ ยกเว้ น ระดั บ ชั้ น ฟิ สิ คั ล ซึ่ ง ส่ ว นใหญ่ จ ะเกี่ ย วข้ อ งกั บ ฮาร์ ด แวร์ ภาพรวมของระดั บ ชั้ น ใน
แบบจาลองโอเอสไอ ดังแสดงในภาพที่ 4.4
ไปยังระดับชั้นฟิสิคลั จำกระดับชั้นฟิสิคัล
ภำพที่ 4.6 แสดงรูปแบบการรับส่งข้อมูลในระดับชั้นดาต้าลิงค์
ข้อมูลในชั้นดาต้าลิงค์ที่ได้รับจากชั้นที่เน็ตเวิร์ก จะถูกนามาจัดการเพิ่มเติมข้อมูลในส่วน
หัว (Header) และส่วนหาง (Trailer) ก่อนจะทาการส่งไปยังชั้นฟิสิคัล เพื่อแปลงเป็นสัญญาณและส่งไปยัง
ปลายทางดังภาพที่ 4.6 ในทางกลับกัน เมื่อปลายทางได้รับข้อมูลที่ผ่านการจัดการจากชั้นฟิสิคัล เรียบร้อย
แล้ว จะดาเนินการแปลงข้อมูลระดับบิตกลับไปเป็นข้อมูลในรูปแบบของเฟรมและถอดข้อมูลที่เพิ่มเติมใน
ส่วนหัวและส่วนหางออก ซึ่งก็จะได้ชุดข้อมูลที่พร้อมจะส่งไปยังชั้นเน็ตเวิร์กต่อไป
ระดับชั้นดาต้าลิงค์มีหน้าที่ดังต่อไปนี้
จัดเฟรมข้อมูล (framing) ระดับชั้นดาต้าลิงค์จะทาการแบ่งข้อมูลที่ได้รับจาก
ระดับชั้นเน็ตเวิร์กเพื่อจัดลงในหน่วยข้อมูลทีเรียกว่า "เฟรม (framing)"
กาหนดตาแหน่งฟิสิคัลแอดเดรสหรือแมคแอดเดรส (physical addressing) ตาแหน่งฟิ
สิคัลแอดเดรสคือ ที่อยู่ทางกายภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ฝ่ายผู้รับและเครื่องคอมพิวเตอร์ฝ่ายผู้ส่ง
ควบคุมการไหลขอข้อมูล (flow control) ในกรณีที่อัตราการรับข้อมูลน้อยกว่า
อัตราการส่งข้อมูล ระดับชั้นดาต้าลิงค์จะทาการควบคุมการไหลของข้อมูล เพื่อป้องกันการท่วมทันของ
ข้อมูลจากฝ่ายผู้รับเนื่องจากอัตราการรับข้อมูลช้ากว่าอัตราการส่งข้อมูลของฝ่ายผู้ส่ง
ควบคุมข้อผิดพลาด (error control) ระดับชั้นดาต้าลิงค์ สามารถควบคุมข้อผิดพลาด
ของข้อมูลและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับข้อมูลที่ผ่านระดับชั้นฟิสิคัล โดยการเพิ่มกลไก (mechanism) เพิ่ม
ตรวจจับและ ส่งซ้าข้อมูลที่ถูกทาลายหรือสูญหายระหว่างการรับส่ง นอกจากนี้ยังมีวิธีการป้องกันการซ้าซ้อน
ของเฟรมข้อมูล โดยทาการเพิ่มรหัสควบคุมความผิดพลาดที่ด้านท้ายของเฟรมข้อมูลอีกด้วย
ควบคุมการเข้าถึง (access control) เมื่ออุปกรณ์ตั้งแต่สองชิ้นขึ้นไปเชื่อมต่อบน
ลิ งค์เดีย วกัน โปรโตคอลในระดับ ชั้น ดาต้าลิ งค์ จะทาหน้าที่ควบคุม การเข้าถึงข้อมูล โดยตรวจสอบว่ า
อุปกรณ์ชิ้นใดมีสิทธิ์เข้าใช้งานเครือข่าย ดังกล่าวในการส่งข้อมูล ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ๆ
10 20 30 40
T2 Data 10 40
ส่วนหาง ที่อยู่ต้นทาง ที่อยู่ปลายทาง
ภำพที่ 4.7 แสดงตัวอย่างการส่งข้อมูลในระดับชั้นดาต้าลิงค์
จากภาพที่ 4.7 เป็นการรับส่งข้อมูลภายในเครือข่ายที่ถูกจัดการโดยชั้นดาต้าลิงค์ หาก
ต้นทางและปลายทางมีที่อยู่ในระดับฟิสิคัล คือ 10 และ 40 ตามลาดับ ข้อมูลดังกล่าวจะถูกเพิ่มลงในส่วน
หัวของเฟรมข้อมูล ซึ่งจะมีข้อมูลเกี่ยวข้องกับที่อยู่ในระดับฟิสิคัล บรรจุไว้ด้วย ทาให้ข้อมูลถูกส่งไปยัง
เครื่องปลายทางที่อยู่ภายในเครือข่ายเดียวกันได้อย่างถูกต้อง
3) ระดับชั้นเน็ตเวิร์กหรือระดับชั้นเครือข่ำย
ระดับชั้นเน็ตเวิร์กจะเป็นชั้นที่ดูแลเกี่ยวกับเส้นทางในการรับส่งข้อมูลจากต้นทางไปยัง
ปลายทาง ซึ่งจะทาการค้นหาเส้นทางในการขนส่งข้อมูลและจัดการที่อยู่ของปลายทาง โดยชั้นเน็ตเวิร์ก
จะรับผิดชอบเฉพาะการติดต่อสื่อสารระหว่างต้นทางและปลายทางที่อยู่ต่างเครือข่ายกัน ส่วนการติดต่อที่
อยู่ภายในเครือข่ายหรือใช้เส้นทางการเชื่อมโยงเดียวกันจะเป็นหน้าที่ของชั้นดาต้าลิงค์ สาหรับข้อมูลที่ถูก
จัดการในชั้นนี้จะเป็นกลุ่มข้อมูลที่เรียกว่า "แพ็กเก็ต (packet)" ดังภาพที่ 4.8
จำกระดับชั้นทรำนสปอร์ต ไปยังระดับชั้นทรำนสปอร์ต
ระดับชั้น ระดับชั้น
H3 ข้อมูล แพ็กเก็ต H3 ข้อมูล แพ็กเก็ต
เน็ตเวิร์ก เน็ตเวิร์ก
ไปยังระดับชั้นดำต้ำลิงค์ จำกระดับชั้นดำต้ำลิงค์
ภำพที่ 4.8 แสดงการรับส่งข้อมูลในระดับชั้นเน็ตเวิร์ก
เมื่อได้รับข้อมูลจากชั้นทรานสปอร์ต ในระดับชั้นฟิสิคัลจะเพิ่มเติมข้อมูลในส่วนหัวเข้า
ไป ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะเป็นที่อยู่ในระดับลอจิคอล ที่จาเป็นต่อการส่งข้อมูลระหว่างเครือข่าย จากนั้นจึงส่ง
แพ็กเก็ตข้อมูลที่ถูกจัดการเรียบร้อยแล้วไปยังชั้นดาต้าลิงค์ สาหรับปลายทางในชั้นเน็ตเวิร์กเมื่อได้รับแพ็ก
เก็ตข้อมูลก็จะทาการถอดข้อมูลส่วนหัวออกและข้อมูลส่วนที่เหลือก็จะส่งไปยังชั้นทรานสปอร์ตต่อไป
ระดับชั้นเน็ตเวิร์กมีหน้าที่ดังต่อไปนี้
กาหนดตาแหน่งทางตรรกะหรือลอจิคัลแอดเดรส (logical addressing) หรือไอพี
แอดเดรส (IP address) จากที่กล่าวมาแล้วว่าที่อยู่ทางกายภาพหรือฟิสิคัลแอดเดรสจะถูกกาหนดที่
ระดับชั้นดาต้าลิงค์ เพื่อระบุที่อยู่ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เชื่อมอยู่บนระบบเครือข่ายเดียวกัน แต่ถ้าข้อมูล
แพ็ ก เก็ ต ใดๆ ต้ อ งการรั บ ส่ ง ข้ า มระบบเครื อ ข่ า ยก็ จ าเป็ น ต้ อ ง ทราบที่ อ ยู่ ข องอุ ป กรณ์ ห รื อ เครื่ อ ง
คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงอยู่ในอีกระบบเครือข่ายหนึ่ง ซึ่งที่อยู่ของอุปกรณ์สามารถ บอกความแตกต่าง
ระหว่างระบบเครือข่าย ต้นทางและระบบเครือข่ายปลายทางได้ ระดับชั้นเน็ตเวิร์ก จะทาการเพิ่มข้อมูลลง
ในส่วนหัวซึ่งประกอบด้วยที่อยู่ทางตรรกะหรือลอจิ คัลแอดเดรส (logical address) ของทั้งฝ่ายผู้ส่งและ
ฝ่ายผู้รับลงไปในแพ็กเก็ตข้อมูลที่มาจากระดับชั้นบน
เลื อกเส้ น ทาง (routing) เมื่อระบบเครือข่ายหรือลิ งค์ถูกเชื่อมต่อเข้าด้ว ยกัน
(internetwork) เพื่อสร้างหรือขยายเครือข่ายให้มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยทั่วไปจะมีการใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อที่
เรียกว่า "เราท์เตอร์ (router)" หรือสวิตช์ (switches)" ทาหน้าที่จัดหรือกาหนดเส้นทางที่ดีที่สุดหรือ
เหมาะสมทีส่ ุด เพื่อให้สามารถส่งข้อมูลไปยังปลายทางได้อย่างรวดเร็ว
ภาพที่ 4.9 เป็ น การส่ ง ข้อ มูล จากเครื่ องต้น ทางซึ่ง มีที่ อยู่ร ะดั บเน็ ต เวิร์ กและระดั บ
ฟิสิคัล คือ A (Network Address) และ 13 (Physical Address) โดยต้องการส่งข้อมูลไปยังเครื่อง
ปลายทางที่อยู่ ในเครื อข่าย LAN อีกเครือข่ายหนึ่ง ซึ่งมีที่อยู่ระดับเน็ตเวิร์กและระดับฟิสิคัล คือ Z
(Network Address) และ 75 (Physical Address) เนื่องจากเครื่องทั้งสองนั้นอยู่ต่างเครือข่ายกันจึงไม่
สามารถใช้เพียงที่อยู่ในระดับฟิสิคัลได้ ในการรับส่งดังกล่าวจาเป็นต้องใช้ที่อยู่ ของระดับเน็ตเวิร์กและที่อยู่
ระดับฟิสิ คัล ควบคู่กัน โดยที่อยู่ร ะดับเน็ตเวิร์กนั้นจะสามารถระบุที่อยู่ของเครื่องปลายทางซึ่งอยู่นอก
เครือข่าย LAN ของตนได้ สาหรับที่อยู่ระดับเน็ตเวิร์กนี้จะบรรจุอยู่ในแพ็กเก็ตข้อมูลที่ถูกกาหนดขึ้นจาก
การทางานของชั้นติดต่อระดับเน็ตเวิร์ก ซึ่งที่อยู่ระดับเน็ตเวิร์กนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้นเมื่อ
เดินทางระหว่างเครือข่าย แต่สาหรับที่อยู่ระดับฟิสิคัลนั้นจะเปลี่ยนแปลงเสมอเมื่อเดินทางเข้าสู่เครือข่าย
ใหม่ เมื่อผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่อของเครือข่ายนั้นที่อยู่ระดับฟิสิคัลจะถูกกาหนดขึ้นใหม่ตามรูปแบบของ
แต่ละเครือข่าย โดยสามารถอธิบายกระบวนการการรับส่งข้อมูล ได้ดังนี้
A B C D
13 25 39 55
ต้นทำง
T2 Data A 13 21 E 21
L Router
M 59
T2 Data A 59 49
23
O
N Router
49
Y Z
44 X
67 75
T2 Data A Z 38 75 ปลำยทำง
ภำพที่ 4.9 ตัวอย่างการส่งข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทางในระดับชั้นเน็ตเวิร์ก
ที่มา: ดัดแปลงจาก สุธี พงศาสกุลชัยและคณะ. (2551: 26)
จากภาพที่ 4.9 สามารถสรุปลาดับขั้นตอนได้ ดังต่อไปนี้
1) ข้ อ มู ล จากเครื่ อ งต้ น ทางจะถู ก บรรจุ ด้ ว ยที่ อ ยู่ ร ะดั บ เน็ ต เวิ ร์ ก ของต้ น ทางและ
ปลายทาง คือ A และ Z สาหรับที่อยู่ในระดับฟิสิคัล คือ 13 และ 21 โดย 21 นั้นจะเป็นหมายเลขที่อยู่
ระดับฟิสิคัลของอุปกรณ์เราท์เตอร์ที่เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายอื่นซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะต้องเดินทางผ่าน
เส้นทางนั้น
2) ข้อมูลจะถูกส่งจากเครื่องต้นทางไปยังเราท์เตอร์ เพื่อเดินทางออกจากเครือข่ายไป
ยังเครือข่ายอื่นที่เชื่อมต่ออยู่เพื่อหาเครือข่ายปลายทางที่ถูกต้อง เมื่อพบว่ายังไม่ใช่เครือข่ายปลายทางก็จะ
หาเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังเครือข่ายอื่นต่อไป
3) ข้อมูลที่เดินทางมายังเครือข่ายรูปวงแหวน จะต้องถูกเปลี่ยนที่อยู่ระดับฟิ สิคัลของ
ต้นทางและปลายทาง เนื่องจากเป็นที่อยู่ที่ใช้เฉพาะในเครือข่ายเดียวกัน คือ จาก 13 และ 21 เป็น 59
และ 49 โดย 59 เป็นที่อยู่ระดับฟิสิคัลของอุปกรณ์ซึ่งเป็นจุกที่ข้อมูลจากต้นทางเดินทางเข้ามาในเครือข่าย
ดังกล่าว และ 49 เป็นที่อยู่ระดับฟิสิคัลของอุปกรณ์ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายปลายทาง
4) จากนั้นข้อมูลจะเดินทางออกจากเครือข่ายวงแหวนโดยผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่อกับอีก
เครื อข่ายหนึ่ ง ซึ่ งเป็ น เครื อข่ายปลายทางเมื่อข้อ มูล เข้าสู่ เครือข่า ยดังกล่ าวก็จะถูก เปลี่ ยนที่อยู่ระดั บ
ฟิสิคัลใหม่อีกครั้ง โดยในเครือข่ายปลายทางจะถูกเปลี่ยนจาก 59 และ 49 เป็น 38 และ 75 เนื่องจาก
ข้อมูลมีต้นทางจากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายวงแหวนและเครือข่ายปลายทาง ซึ่ งจะพบว่าใน
จำกระดับชั้นเซสชัน ไปยังระดับชั้นเซสชัน
ระดับชั้น ระดับชั้น
H4 ข้อมูล H4 ข้อมูล H4 ข้อมูล H4 ข้อมูล
ทรำนสปอร์ต ทรำนสปอร์ต
เซ็กเมนต์ เซ็กเมนต์
ไปยังระดับชั้นเน็ตเวิร์ก จำกระดับชั้นเน็ตเวิร์ก
ภำพที่ 4.10 แสดงการรับส่งข้อมูลในระดับชั้นทรานสปอร์ต
ระดับชั้นทรานสปอร์ตทาหน้าที่ดังต่อไปนี้
แบ่งเซ็กเมนต์และรวมรวมเซ็กเมนต์ (Segmentation and reassembly ) ข้อมูล
จะถูกแบ่งออกเป็นเซ็กเมนต์ (segment) โดยแต่ละเซ็กเมนต์จะบรรจุระดับที่ ซึ่งระดับที่เหล่านี้ ทาให้
ระดับชั้นทรานสปอร์ตสามารถรวบรวมเซ็กเมนต์กลับเป็นข้อมูลได้ถูกต้องเหมือนเดิมที่ปลายทาง และ
สามารถระบุหรือแทนที่แพ็กเก็ตที่สูญหายในระหว่างการส่งได้ด้วย
ก าหนดต าแหน่ ง ที่ อ ยู่ ข องเซอร์ วิ ส พอยน์ (service-point addressing)
คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ๆ มักจะประมวลผลโปรแกรมหลาย ๆ โปรแกรมในเวลาเดียวกัน ด้วยเหตุผลนี้
การรับส่งข้อมูลจากต้นทางไปยังหลายทางไม่ได้หมายถึงแต่เพียงการส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง
ไปยังการประมวลผลบนคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งด้วย โดยที่ส่วนหัวของระดับชั้นทรานสปอร์ตต้องระบุที่
อยู่เรียกว่า เซอร์วิสพอยน์ หรือ พอร์ตแอดเดรส
จำกระดับชั้นพรีเซนเตชัน ไปยังระดับชั้นพรีเซนเตชัน
ไปยังระดับชั้นทรำนสปอร์ต ไปยังระดับชั้นทรำนสปอร์ต
ภำพที่ 4.11 แสดงการรับส่งข้อมูลในระดับชั้นเซสชัน
6) ระดับชั้นพรีเซ็นเตชัน
ระดับชั้นนี้จะเกี่ยวข้องกับไวยากรณ์ (syntax) และความหมาย (semantics) ของ
ข้อมูลที่รับส่งแลกเปลี่ยนกันระหว่างระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์สองระบบ เช่น การแปลความหมาย
ข้อมูล การเข้ารหัสข้อมูล การถอดรหัสข้อมูล การบีบอัดข้อมูล ฯลฯ ดังภาพที่ 4.12
จากระดับชั้นแอพพลิเคชัน ไปยังระดับชั้นแอพพลิเคชัน
H6 การเข้ารหัสและบีบอัด H6 การเข้ารหัสและบีบอัด
ข้อมูล ข้อมูล
ไปยังระดับชั้นเซสชัน จากระดับชั้นเซสชัน
ภำพที่ 4.12 แสดงการรับส่งข้อมูลในระดับชั้นพรีเซนเตชัน
ระดับชั้นพรีเซนเตชันจะเกี่ยวข้องกับหน้าที่ต่อไปนี้
การแปล (translation) การประมวลผลในสองระบบจะแลกเปลี่ยนข้อมูลในรูปแบบ
ของข้อความ ตัวเลขและอื่นๆ ข้อมูลควรจะถูกเปลี่ยนแปลงให้อยู่ในรูปของบิตก่อนที่จะถูกส่ง เนื่องจากเครื่อง
คอมพิ วเตอร์ แต่ละเครื่ องมั กจะใช้ ระบบเข้ ารหั สที่ แตกต่ างกัน ดั งนั้ นระดับชั้นพรี เซนเตชัน จึ งมี หน้ าที่
รับผิดชอบการทางานระหว่างวิธีการเข้ามักจะใช้ระบบเข้ารหัสที่แตกต่างกัน ดังนั้นระดับชั้นพรีเซนเตชันที่
ฝ่ายผู้ส่งเปลี่ยนแปลงข้อมูลจากรูปแบบของผู้ส่งเป็นรูปแบบที่ใช้ร่วมกัน (common format) จากนั้น
ระดับชั้นพรีเซนเตชันที่ฝ่ายผู้รับจะเปลี่ยนข้อมูลจากรูปแบบที่ใช้ร่วมกันเป็นข้อมูลในรูปแบบของผู้รับ
การเข้ารหัส (encryption) หมายถึง ฝ่ายผู้ส่งเปลี่ยนข้อมูลต้นฉบับไปเป็นข้อมูลอีก
รูปแบบหนึ่งและทาการส่งข้อมูลดังกล่าวผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เมื่อข้อมูลไปถึงฝ่ายผู้รับ ๆ จะทา
การถอดรหัสข้อมูลให้กลับเป็นข้อมูลต้นฉบับตามเดิม การถอดรหัสข้อมูล (decryption) หมายถึง การที่ผู้รับ
แปลงกลับข้อมูลที่ได้รับเป็นข้อมูลเดิมอีกครั้ง
ผู้ส่ง ผู้รับ
จากโปรแกรมประยุกต์ ไปยังโปรแกรมประยุกต์
H7 การเข้ารหัสและบีบอัด H7 การเข้ารหัสและบีบอัด
ข้อมูล ข้อมูล
ไปยังระดับชั้นพรีเซ็นเตชัน จากระดับชั้นพรีเซ็นเตชัน
ภำพที่ 4.13 แสดงการรับส่งข้อมูลในระดับชั้นแอพพลิเคชัน
สาหรับชั้นติดต่อระดับแอพพลิเคชันจะเป็นการติดต่อระหว่างผู้ใช้กับแอพพลิเคชัน เมื่อ
ผู้ใช้ทาการป้อนข้อมูลที่ต้องการส่งผ่านแอพพลิเคชันแล้ว ข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งไปยังชั้ นพรีเซนเตชัน
เพื่อเตรียมการเข้ารหัสและบีบข้อมูลต่อไป และในชั้นติดต่อระดับแอพพลิเคชันของปลายทางข้อมูลที่ผ่าน
การถอดรหัสและคลายข้อมูลจากชั้นพรีเซนเตชันแล้ว จะถูกนามาประมวลผลโดยแอพพลิเคชันหรือบริการ
ต่าง ๆ ที่เหมือนกับต้นทาง ทาให้ข้อมูลส่งมาตอบสนองต่อผู้ใช้ที่เครื่องปลายทางหรือผู้รับได้ตรงตามความ
ต้องการของผู้ส่ง กล่าวคือ แอพพลิเคชันหรือบริการจะเป็นตัวตอบสนองและนาเสนอข้อมูลจากผู้ส่งต่อ
ผู้รับนั่นเอง
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นการทางานและความสาคัญของแต่ละชั้นในแบบจาลองโอเอสไอ
โดยแต่ละชั้นจะมีการเพิ่มเติมข้อมูลต่างๆ ที่จาเป็นต่อการรับส่งข้อมูลหรือติดต่อสื่อสารจากเครื่องต้นทาง
ไปยังเครื่องปลายทาง ซึ่งแบบจาลองโอเอสไอ นั้นช่วยเป็นต้นแบบทาให้การพัฒนาโปรโตคอลเป็นไปใน
ทิศทางเดียวกันและมีรูปแบบที่เป็นมาตรฐาน
ตัว อย่ างของการติดต่อสื่อสารด้วยมาตรฐานโอเอสไอ คือ การส่ งข้อมูลระหว่าง
แอพพลิเคชัน หากผู้ส่งต้องการส่งข้อความ (Message) ไปยังผู้รับจะมีขั้นตอนการทางาน คือ โปรแกรม
ประยุกต์จะรับข้อมูลจากผู้ส่งซึ่งอยู่ในชั้นติดต่อระดับแอพพลิเคชันโดยจะแนบข้อมูลส่วนหั วที่เรียกว่ า
"ส่ ว นหั ว (Header)" ในระดั บ ชั้น ของตนไว้กั บข้ อมูล ต้น ฉบับ เพื่อให้ เป็ นระเบี ยบแบบแผนในการ
ติดต่อสื่อสารกับชั้นติดต่อรับแอพพลิเคชันของฝั่งผู้รับข้อมูล จากนั้นส่งข้อมูลให้กับระดับล่างซึ่งแต่ล ะ
ระดับชั้นจะแนบข้อมูลส่วนหัวของตนเองไปกับข้อมูลที่ตนได้รับมาจากชั้นสื่อสารที่อยู่ด้านบน เมื่อข้อมูลถึง
ขั้นติดต่อระดับฟิสิคัลแล้ว ข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งไปตามสายสัญญาณให้กับโหนดที่อยู่ติดกันจนกว่าจะถึง
โหนดปลายทางที่เป็นผู้รับข้อมูล เมื่อชั้นติดต่อระดับฟิสิคัลของผู้รับได้รับบิตข้อมูลแล้ว จะส่งต่อไปยังชั้น
ดาต้าลิงค์จากนั้นใช้ข้อมูลส่วนหัวเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้วถอดข้อมูลส่วนหัว (Header)
ในชั้นสื่อสารของตนออกและส่งต่อไปยังชั้นติดต่อระดับเน็ตเวิร์ก ซึ่งจะนาข้อมูลส่วนหัวในระดับชั้นของตน
มาตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนว่าเป็นโหนดปลายทางหรือไม่ หากเครื่องของตนเองไม่ใช่ โหนด
ปลายทางจะทาการค้นหาเส้นทางจากโหนดที่อยู่ติดกันเพื่อส่งข้อมูลไปยังเครื่องที่ถูกต้อง แต่ถ้าเครื่องของ
ตนเป็นเครื่องปลายทางจะถอดส่วนหัวในระดับชั้นของตนออกแล้วส่งข้อมูลให้กับระดับชั้นที่อยู่สูงกว่า โดย
ระดับชั้นทรานสปอร์ต ระดับชั้นเซสชัน และระดับชั้นพรีเซนเตชัน จะทางานในลักษณะดังกล่าวโดยใช้
ข้อมูลส่วนหัวในระดับชั้นของตนเพื่อตรวจสอบและควบคุมข้อมูล จนกว่าข้อมูลจะถูกส่งไปถึงชั้นติดต่อ
ระดับแอพพลิเคชัน เมื่อชั้นติดต่อระดับแอพพลิเคชันได้รับข้อมูล แล้วจะถอดข้อมูลส่วนหัวของตนออก ทา
ให้เหลือแต่ข้อมูลจริง
กิจกรรมที่ 4.1
1. แบบจาลองโอเอสไอคืออะไร และแบ่งออกเป็นกี่ระดับชั้น
2. จงอธิบายสถาปัตยกรรมระดับชั้นในแบบจาลองโอเอสไอ
3. จงอธิบายการทางานของระดับชั้นเซสชัน
4. จงอธิบายการทางานของระดับชั้นพรีเซนเตชัน
5. จงอธิบายการทางานของระดับชั้นแอพพลิเคชัน
วัตถุประสงค์
เมื่อศึกษาหัวข้อเนื้อหาหลักที่ 4.2 จบแล้ว ผู้เรียนสามารถอธิบายหัวข้อต่อไปนี้ได้
1. ความหมายของแบบจาลองทีซีพี/ไอพี
2. ความแตกต่างระหว่างแบบจาลองโอเอสไอและแบบจาลองทีซีพี/ไอพี
4.2.1 แนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับแบบจำลองทีซีพี/ไอพี
แบบจาลองทีซีพี/ไอพี (TCP/IP: Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
เป็นชุดแบบจาลองที่ได้รับการพัฒนามาจากระบบเครือข่ายที่ชื่อ "อาร์พาเน็ต (ARPANET)" ซึ่งได้รับการ
สนับสนุนทุนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา โดยในช่วงแรก อาร์พาเน็ต มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยง
การติดต่อสื่อสารระหว่า งคอมพิวเตอร์ในมหาวิทยาลัยและหน่วยงานของรัฐด้วยการใช้สายเช่าโทรศัพท์
(Leased Line) เพื่อเชื่อมโยงเครือข่าย ต่อมาได้มีการนาระบบสื่อสารด้วยคลื่นวิทยุและดาวเทียมมาใช้งาน
ในระบบ ทาให้ระเบียบแบบแผนในการติดต่อสื่อสารที่มีอยู่เดิมไม่สามารถนามาใช้งานได้ จึงจาเป็นต้องมี
การปรับเปลี่ยนข้อตกลงและสถาปัตยกรรมเครือข่าย โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ เชื่อมต่อระบบที่มีความ
แตกต่างกันให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ จนปี ค.ศ.1974 ได้เกิดโปรโตคอลที่ชื่อว่า ทีซีพี/ไอพี ขึ้นมา และ
ได้พัฒนาการทางานในด้านต่าง ๆ ของทีซีพี/ไอพี จนเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1988 โดยเรียกแบบจาลอง
ดังกล่ าวว่า แบบจ าลองทีซีพี/ไอพี (TCP/IP Model) หรือแบบจาลองอ้างอิงเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
(Internet Reference Model) สามารถนามาเปรียบเทียบกับแบบจาลองโอเอสไอ ได้ดังภาพที่ 4.15
แบบจำลองโอเอสไอ แบบจำลองทีซีพี/ไอพี
Application Layer Application Layer
Presentation Layer
Session Layer
Transport Layer Transport Layer
Network Layer Internet Layer
Data Link Layer
Host-to-Network Layer
Physical Layer
ภำพที่ 4.15 แสดงการเปรียบเทียบแบบจาลองโอเอสไอกับแบบจาลองทีซีพี/ไอพี
ทีซีพี/ไอพี มีจุดประสงค์ของการสื่อสารตามมาตรฐาน ดังนี้ (ชวลิต ทินกรสูติบุตร, 2554)
1) เพื่อใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างระบบที่มีความแตกต่างกัน
2) ความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบเครือข่าย เช่นในกรณีที่ผู้ส่งและผู้รับ
ยังคงมีการติดต่อกันอยู่ แต่โ หนดกลางที่ใช้เป็นผู้ช่ว ยรับ -ส่ง เกิดเสียหายใช้ งานไม่ได้ หรือสายสื่ อสาร
บางช่วงถูกตัดขาด กฎการสื่อสารนี้จะต้องสามารถจัดหาทางเลือกอื่นเพื่อทาให้การสื่อสารดาเนินต่อไปได้
โดยอัตโนมัติ
3) มีความคล่องตัวต่อการสื่อสารข้อมูลได้หลายชนิดทั้งแบบที่ไม่มีความเร่งด่วน เช่น การ
จัดส่งแฟ้มข้อมูล และแบบที่ต้องการรับประกันความเร่งด่วนของข้อมูล เช่น การสื่อสารแบบเรียลไทม์
(real-time) และทั้งการสื่อสารแบบเสียง (Voice) และข้อมูล (data)
4.2.2 ระดับชั้นของแบบจำลองทีซีพี/ไอพี
ระดับชั้นของแบบจาลองทีซีพี/ไอพี ประกอบด้วยระดับชั้นทั้งหมด 4 ชั้น ได้แก่ 1) ชั้น
ควบคุมการติดต่อระดับเครือข่าย (Host-to-Network Layer) 2) ชั้นติดต่อระดับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
(Internet Layer) 3) ชั้นขนส่งข้อมูล (Transport Layer) และ 4) ชั้นติดต่อระดับแอพพลิเคชัน
(Application Layer) ซึ่งในแต่ละลาดับชั้นมีหน้าที่แตกต่างกัน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1) ชั้นควบคุมการติดต่อระดับเครือข่าย (Host-to-Network Layer) เป็นชั้นที่ไม่ได้
กาหนดรายละเอียดอย่างเป็นทางการไว้ หน้าที่หลักของชั้ นสื่อสารนี้ คือ รับข้อมูลจากชั้นติดต่อระดับ
3.1) การสื่อสารของทีซีพี
โฮสต์ 1 โฮสต์ 2 โฮสต์ 1 โฮสต์ 2
(A) (B)
ภำพที่ 4.16 การสื่อสารของโปรโตคอลทีซีพี
ที่มา: ดัดแปลงจาก ชวลิต ทินกรสูติบุตร. (2554).
เมื่อเซกเมนต์ CONNECT (SYN = "1" และ ACK = "0") เดินทางมาถึง Entity
TCP ที่โฮสต์ปลายทางจะค้นหาโพรเซสตามหมายเลขพอร์ตที่กาหนดในเขตข้อมูล Destination port
ซึ่งถ้าหากไม่พบก็จะตอบปฏิเสธด้วยเซกเมนต์ที่มี RST = "1" กลับไปยังผู้ส่ง เซกเมนต์ CONNECT ของ
ผู้ ส่ งจะถู กส่ งต่อไปยั งโพรเซส ตามพอร์ต ที่ระบุซึ่ง อาจจะตอบรับหรือตอบปฏิเสธก็ไ ด้ ถ้าโพรเซสนั้ น
ต้องการสื่อสารด้วยก็จะส่งเซกเมนต์ตอบรับกลับไป ดังภาพที่ 4.16 (A) แสดงลาดับขั้นตอนการส่ ง
โปรโตคอลทีซีพี เซกเมนต์ในการสร้างการเชื่อมต่อในสภาวะปกติระหว่างผู้ส่งและผู้รับ
ในกรณีที่โฮสต์สองแห่งพยายามสร้างการเชื่อมต่อระหว่างซ็อคเก็ตคู่เดียวกันจะ
เกิดเป็นลาดับขั้นตอนแสดงในภาพที่ 4.16 (B) ผลสุดท้ายจะมีการเชื่อมต่อเกิดขึ้นเพียงหนึ่งช่องทางเท่านั้น
เนื่องจากการเชื่อมต่อในแต่ล ะช่องทางจะถูกกาหนดขึ้นโดยใช้หมายเลขซ็อคเก็ตผู้ส่งและผู้ รับ ถ้าการ
เชื่อมต่อลาดับแรกสาเร็จก็จะถูกบันทึกไว้ในตารางการสื่อสาร เช่น (x, y) ถ้าการเชื่อมต่อลาดับที่สอง
สาเร็จในเวลาต่อมา ข้อมูลนี้ก็จะถูกบันทึกไว้ที่เดียวกันคือ (x, y)
การเชื่อมต่อเริ่มต้นจากสถานะ CLOSED เมื่อเรียกใช้บริการ LISTEN หรือ
CONNECT ก็จะมีการเปลี่ยนสถานะไปจากเดิม และถ้าอีกฝ่ายตองการเชื่อมต่อด้วย การเชื่อมต่อก็จะ
เกิดขึ้นและย้ายไปอยู่ในสถานะ ESTABLISHED คือ การเชื่อมต่อสมบูรณ์ และเมื่อยกเลิกการติดต่อก็จะ
กลับไปสู่สถานะ CLOSED อย่างเดิม
3.2) การเริ่มต้นการสื่อสารของโปรโตคอลทีซีพี โดยใช้การบันทึกเวลาแบบการเริ่มต้น
การสื่อสารของโปรโตคอลโดยใช้การบันทึกเวลาการจับมือร่วมสามขั้นตอน (Three-way Handshake)
การเริ่มต้นการสื่อสารของโปรโตคอลโดยใช้การบันทึกเวลาการจับมือร่วมสาม
ขั้นตอน เป็นวิธีการส่งแพ็กเก็ตที่สามารถช่วยแก้ปัญหาในเรื่องแพ็กเก็ ตซ้าซ้อนได้ดี แต่วิธีนี้จาเป็นจะต้อง
สร้างช่องสื่อสารให้ได้ก่อนที่จะเริ่มรับ-ส่งข้อมูล อย่างไรก็ตาม แพ็กเก็ตควบคุมที่ใช้ในการต่อรองค่าตัวแปร
สาหรับการสื่อสารต่าง ๆ อาจเกิดการตกค้างอยู่ในระบบได้ ทาให้การกาหนดค่าหมายเลขลาดับมีปัญหาไป
ด้วย เช่น การสร้างช่องสื่อสารระหว่างโฮสต์ 1 และ โฮสต์ 2 เริ่มจาก โฮสต์ 1 ขอเริ่มการเชื่อมต่อด้วยการ
ส่งแพ็กเก็ต CR (Connection Request) ไปยังโฮสต์ 2 ซึ่งจะมีค่าตัวแปรต่าง ๆ สาหรับการสื่อสารรวมทั้ง
(A) (B)
ภำพที่ 4.17 การเริ่มต้นการสื่อสารของโปรโตคอลโดยใช้การบันทึกเวลาการจับมือร่วมสามขั้นตอน
ที่มา: ดัดแปลงจาก ชวลิต ทินกรสูติบุตร. (2554).
สมมติว่าได้เกิดปัญหาการสูญหายของแพ็กเก็ตในขณะที่สาเนาแพ็กเก็ตที่ค้างในระบบ
เดินทางไปถึงผู้รับแทน ดังภาพที่ที่ 4.17 (B) แสดงเหตุการณ์ที่แพ็กเก็ต TPDU (ตัวแรกในรูป) เป็นสาเนา
แพ็กเก็ตเก่าที่พึ่งจะเดินทางไปถึงโฮสต์ 2 โดยที่โฮสต์ 1 ไม่ทราบ โฮสต์ 2 ก็จะทางานตามปกติ คือ จะตอบ
รับด้วยการส่งแพ็กเก็ต CONNECTION ACCEPTED TPDU กลับมา ที่โฮสต์ 1 ซึ่งโฮสต์1 จะสามารถ
ตรวจสอบได้ว่า หมายเลขลาดับโฮสต์ 2 ตอบกลับมานั้นเป็นหมายเลขลาดับที่ได้เลิกใช้ไปแล้ว จึงมีการส่ง
แพ็กเก็ต REJECT กลับมายังโฮสต์ 2 เพื่อบอกยกเลิกการทางาน จะเห็นว่าวิธีการนี้อาศัยการสื่อสารผ่าน
แพ็กเก็ต 3 ตัวซึ่งเป็นที่มาของคาว่า "การจับมือร่วมสามขั้นตอน" ผลสุดท้าย ทั้งโฮสต์ 1 และโฮสต์ 2 ก็จะ
ไม่มีการสร้างช่องสื่อสารขึ้นมาจากข้อมูลในสาเนาแพ็กเก็ตเก่าแต่อย่างใด
4) ชั้นติดต่อระดับแอพพลิเคชัน (Application Layer) เป็นชั้นที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อ
ระหว่างผู้ใช้กับแอพพลิเคชัน และคอยควบคุมข้อมูลที่จะส่งผ่านไปยังชั้นอื่น ๆ นอกจากนี้ยังรวบรวมการ
เอ็นแคปซูเลชั่น
ชั้นติดต่อระดับ
User Data
แอพพลิเคชัน
TCP Segment
ชั้นขนส่งข้อมูล TCP Header User Data
IP Datagram
ชั้นติดต่อระดับ IP Header TCP Header User Data
เครือข่าย
อินเทอร์เน็ต
Ethernet Frame
ชั้นควบคุมการติดต่อ
ระดับเครือข่าย
Ethernet Header IP Header TCP Header User Data Ethernet trailer
Host-to-Network Layer
LAN IP TCP Get Web LAN
Header Header Header Page Trailer
Network Layer
IP TCP Get Web
Header Header Page
Transport Layer
Web Server TCP Get Web
Header Page
Application Layer
Get Web Get Web
Page Page
ภำพที่ 4.23 แสดงการรับข้อมูลของเว็บเซิร์ฟเวอร์
การส่งข้อมูลในลักษณะดังกล่าว ข้อมูลจะถูกส่งลงไปให้กับแต่ละชั้นสื่อสาร โดยแต่ละชั้น
จะเพิ่มเติมข้อมูลที่จาเป็นของตนเองลงไป เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับ Error Control, Network Addressing,
Error Detection และ Flow Control เป็นต้น ทาให้ข้อมูลมีขนาดใหญ่ขึ้น โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกห่อ
ห้อมและส่งไปยังปลายทาง เมื่อปลายทางได้รับแล้ว ข้อมูลจะถูกส่งขึ้นไปยังแต่ละชั้นสื่อสาร โดยแต่ละชั้น
จะถอดข้อมูลส่วนหัวของตนออกจนเหลือเฉพาะข้อมูลจริง จากนั้นแอพพลิเคชันจะนาข้อมูลดังกล่าวไปใช้
งานต่อไป
กิจกรรมที่ 4.2
1. จงอธิบายความแตกต่างระหว่างแบบจาลองโอเอสไอและทีซีพี/ไอพี
2. จงเปรียบเทียบระดับชั้นของแบบจาลองทีซีพี/ไอพีกับระดับชั้นของแบบจาลองโอเอสไอ
เอกสำรอ้ำงอิง