You are on page 1of 2

อื่น ยากต่อการแยกแยะ สมควรยกเลิกเสีย และหันมาใช้ ผิดพลาด โดยก่อนออกพระราชบัญญัติฉบับใหม่ ได้ทรง

ธงสยามหรื อ ธงชาติ ไ ทยมี ม าตั้ ง แต่ เ มื่ อ ใดไม่ ธงอย่างเรือหลวงเป็นธงชาติส ยามส าหรับเรือสามัญชน ทดลองใช้ธงชาติไทยแบบริ้วขาวแดงห้าริ้วติดอยู่ที่สนาม
ปรากฏเป็นที่แน่ชัด เท่าที่พบหลักฐานเชื่อกันได้ว่าน่าจะ ด้วย แต่โปรดเกล้าให้เอารูปวงจักรสีขาวออกเสีย เพราะ เสือป่าในช่วงระยะหนึ่งแต่เนื่องจากธงแดงขาวห้าริ้ว เมื่อดู
เกิดขึ้นในรัช สมัยสมเด็จ พระนารายณ์ มหาราช เผอิญใน เป็ น ของสู ง ซึ่ ง ถื อ เป็ น เครื่ อ งหมายเฉพาะของพระเจ้ า แล้วไม่สง่างาม จึงมีการปรับเปลี่ยนแถบตรงกลางซึ่งเป็นสี
สมัยนั้นธงสีแดงถือเป็นธงที่สยามใช้สาหรับเป็นธงนาทัพ แผ่นดินเท่านั้น โดยให้คงไว้แต่รูปช้างเผือกอยู่กลางธงแดง แดงให้เป็นสีน้าเงินขาบ
อยู่แล้ว สยามจึงนาธงแดงชักขึ้น จากนั้นฝรั่งเศสจึงยิงสลุต แต่ทว่าให้ปรับขนาดช้างเผือกให้ใหญ่ขึ้น โดยในช่วงแรก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็น
ให้ ด้วยเหตุนี้สยามจึงถือเอาธงสีแดงเป็นธงชาติสยาม เป็ น แบบช้ า งเผื อ กยื น พื้ น ต่ อ มาปรั บ รู ป ช้ า งเป็ น แบบ ด้วยกับข้อเสนอนี้ เมื่อทรงทดลองวาดภาพธงสามสีลงใน
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุ ฬาโลก ช้างเผือกปล่อย บันทึก ทรงเห็นว่างดงามดีกว่าริ้วขาวแดงที่ใช้อยู่ ต่อมา
(รัชกาลที่ ๑) ทรงมีพระราชดาริว่าเรือหลวงกับเรือราษฎร ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เมื่อเจ้าพระยาราม ไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้า
ควรมีเครื่ องหมายให้ เห็ น แตกต่างกัน จึ งมีพระบรมราช เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ก็ได้ออกพระราชบัญญัติว่าด้วย ฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ได้นาแบบธงไปถวาย
โองการให้ ท ารู ป "จั ก ร" สี ข าวติ ด ไว้ ก ลางธงสี แ ดงเป็ น แบบอย่างธงสยามเป็นครั้งแรก โดยทุกฉบับได้ยืนยันถึง เพื่อทูลขอความเห็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า
เครื่องหมายใช้เฉพาะเรือหลวง ส่วนเรือค้าขายของราษฎร ลักษณะของธงชาติส ยามเป็นแบบธงพื้นสีแดงตรงกลาง กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถก็ทรงเห็นชอบ และรับสั่ง
ทั่วไปนั้น ยังคงใช้สีแดงเกลี้ยงอยู่ เป็นรูปช้างเผือกสี ขาวปล่ อยหันหน้าเข้าหาเสา ให้แก้ธ ง ว่าถ้าเปลี่ยนในขณะนั้นจะได้เป็นอนุสรณ์ในการเข้าร่ว ม
ขึ้นรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า ชาติเปนพื้นสีแดง กลางเปนรูปช้างเผื อกทรงเครื่อง ยืน สงครามโลกครั้งที่ ๑ ด้วย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
นภาลั ย พ.ศ. ๒๓๖๐ - ๒๓๖๖ (รั ช กาลที่ ๒) ทรงพระ แท่น หน้าหันเข้าเสา สาหรับเปนธงราชการ" ประกาศมา เจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้พระยาศรีภูริปรี ชา ร่างประกาศแก้
กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทารูปช้างสีขาวยืนพื้นอยู่ในวงจักรสี ณ วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พระพุทธศักราช ๒๔๕๙ ซึ่งถือ แบบธงชาติสยาม และได้ทรงนาเรื่องเข้าที่ประชุมคณะ
ขาวติดไว้กลางธงแดงอันมีความหมายว่า “พระเจ้าแผ่นดิน เป็นธงช้างรูปสุดท้ายของธงในสมัยรัตนโกสินทร์ เสนาบดีเพื่อฟังความเห็น ที่ประชุมลงมติเห็นชอบธงสามสี
ผู้มีช้างเผือก” และธงรูปช้างเผือกสีขาวอยู่ในวงจักรสีขาวนี้ และช่วงท้ายในปีพ.ศ. ๒๔๕๙ ก็ได้มีการยกเลิกการใช้ธง ตามแบบที่ คิ ด ขึ้ น ใหม่ พระบาทสมเด็ จ พระมงกุ ฎ เกล้ า
ก็ใช้เฉพาะเรื อหลวงเท่านั้ น โดยใช้ธงสยามแบบนี้จ นถึง ชาติ แบบช้า งเผื อ กทรงเครื่ อง ยืน แท่น หน้ า หั น เข้า เสา เจ้ า อยู่ หั ว จึ ง ทรงพระกรุ ณ าโปรดเกล้ า ฯ ให้ ต รา
รัชกาลที่ ๓ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้ าเจ้าอยู่หั ว ทรง พระราชบั ญ ญั ติ ธ งขึ้ น เรี ย กว่ า พระราชบั ญ ญั ติ ธ ง พระ
ครั้ น ขึ้ น รั ช กาลพระบาทสมเด็ จ พระจอมเกล้ า พระราชดาริเปลี่ ยนธงช้างเป็นธงแถบสี เพราะทรงเห็ น พุทธศักราช ๒๔๖๐ ออกประกาศเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน
เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) ทรงพระราชดาริว่าธงสีแดงซึ่งเป็น ความล าบากของราษฎรที่ ต้ อ งสั่ ง ซื้ อ ธงช้ า งมาจาก พ.ศ. ๒๔๖๐ มีผ ลบัง คับใช้ ภ ายหลั งวั นออกประกาศใน
ธงที่ใช้กับเรือของสามัญชนชาวสยามนั้น ซ้ากับประเทศ ต่างประเทศ ซึ่งหากเปลี่ ยนเป็น ธงแถบสี แล้ ว ราษฎรก็ หนังสือราชกิจจานุเบกษาแล้ว ๓๐ วัน ซึ่งต่อมาธงสยาม
สามารถท าธงใช้ ไ ด้ เ อง และจะช่ ว ยขจั ด ปั ญ หาการติ ด แบบล่าสุดนี้ถูกเรียกว่า "ธงไตรรงค์"
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000
บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
118)
การกระท าอั น เป็ น การเหยี ย ดหยามต่ อ ธงชาติ 2. กระทาการใด ๆ ต่อธงชาติ รูปจาลองของธง
ได้แก่ การกระทาต่อธงชาติรูปจาลองของธงชาติ หรือแถบ ช าติ หรื อ แ ถบสี ของธ งช า ติ ตา มระ เบี ย บ ส านั ก
สีธ งชาติ ด้ว ยเจตนาเหยี ยดหยามประเทศชาติ เช่น ฉีก นายกรัฐมนตรีข้อ 19.2 ข้างต้น (ข้อความดังกล่าวลอกมา
ทาลาย ถ่มน้าลายรด ใช้เท้าเหยียบ วางเป็นผ้าเช็ดเท้า ซึ่ง จากพระราชบัญญัติธงอีกทีหนึ่ง) ต้องระวางโทษจาคุกไม่
เป็นการแสดงความดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามชาติไทย เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
3. ผู้ใดกระทาการกระทาใด ๆ อันมีลักษณะเป็น
การเหยียดหยามต่อธง รูปจาลองของธงชาติ หรือแถบสี
(1) การประดิษฐ์รูป ตัวอักษร ตัวเลข หรือ ของธงชาติ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับ
เครื่องหมายอื่นในผืนธงรูปจาลองของธง หรือแถบสีของธง ไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
(2) การใช้ ชัก หรือแสดงธง รูปจาลองของธง หรือ
แถบสีของธงอันมีลักษณะตามข้อ (1) การเคารพธงชาติในปัจจุบันได้ยึดถือหลักการตาม
(3) การใช้ ชัก หรือแสดงธง รูปจาลองของธง หรือ ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือ
แถบสีของธงไว้ ณ สถานที่หรือวิธีอันไม่สมควร การแสดงธงชาติ และธงของต่างประเทศ ในราชอาณาจักร
(4) การประดิษฐ์ธง รูปจาลองของธง หรือแถบสีธง พ.ศ. 2529 กล่ า วคื อ เมื่ อ มี ก ารชั ก ธงชาติ ขึ้ น และลง
ไว้ ณ ที่หรือสิ่งใด ๆ โดยไม่สมควร ให้ แ สดงความเคารพโดยการยื น ตรง หั น ไปทางเสาธง
(5) แสดงหรือใช้สิ่งใด ๆ ที่มีรูปธง รูปจาลองของ อาคาร หรือสถานที่ที่มีการชักธงชาติขึ้นและลง จนกว่าจะ
ธง หรือแถบสีธงอันมีลักษณะตามข้อ (4) เสร็จการ ในกรณีที่ได้ยินเพลงชาติหรือสัญญาณการชักธง
องค์การบริหารส่วนตาบล
ชาติ จะเห็นหรือไม่เห็นการชักธงชาติก็ตาม ให้แสดงความ
ปากท่า
เคารพโดยหยุดนิ่งในอาการสารวม จนกว่าการชักธงชาติ
1. กระทาการใด ๆ ต่อธงชาติหรือเครื่องหมายอื่น หรื อ เสี ย งเพลงช าติ หรื อ สั ญ ญาณการชั ก ธงชาติ โทรศัพท์ 035 387 164 ต่อ 104
www.paktha.go.th
ใด อันมีความหมายถึงรัฐ เพื่อเหยียดหยามประเทศชาติ จะสิ้นสุดลง
www.facebook.com/อบต.ปากท่า

You might also like