Professional Documents
Culture Documents
เมม
เมม
*การออกแบบสถานีไฟฟ้ า*
1.สถานีฟ้าต้องมีความน่าเชื่อถือความยืดหยุนความต่อเนื่องในการ
ให้บริ การ โดยที่จะต้องมีตน้ ทุนการลงทุนต่ำที่สุดและตอบสนอง
ความต้องการของระบบ
2.ความต้องการของระบบ
-ระดับแรงดันที่เหมาะสมซึ่ งขึ้นกับความต้องการของโหลด
และความยาวสายส่ ง
-ราคาที่ต้ งั ต่ำ
-ผลกระทบต่อสิ่ งแวดล้อมน้อยที่สุด
-แหล่งน้ำในการระบายความร้อนพอเพียงและหาได้ง่าย และแหล่ง
เชื้อเพลิงที่ประหยัด
3.ต้นทุนหลักของสถานีไฟฟ้ าจะมาจาก หม้อแปลง เซอร์กิตเบรกเกอร์
สวิตช์ตดั ตอน และรู ปแบบบัสและการจัดเรี ยง
4.รู ปแบบการจัดเรี ยงบัสของสถานีไฟฟ้ าจะต้องสอดคล้องกับความต้อง
การของระบบและสถานีไฟฟ้ านั้น เช่น จำนวนวงจรที่จะต้องการจ่ายไฟ
5.รู ปแบบการจัดเรี ยงบัสมีผลต่อการทำงาน การบำรุ งรักษา ราคาและ
การป้ องกันของสถานีไฟฟ้ า
6.การออกแบบสถานีไฟฟ้ า ทราบจำนวนของสายส่ งที่เข้าและออกจาก
สถานีหม้อแปลงและอื่นๆ
7.การจัดเรี ยงอุปกรณ์ทางกายภาพของสถานีไฟฟ้ า
*การจัดเรี ยงบัสบาร์*
บัสบาร์เป็ นอุปกรณ์จะใช้ในการเชื่อมต่อไฟฟ้ า โดยบัสบาร์มีหน้าที่ในการ
นำกระแสไฟฟ้ า รู ปแบบการจัดเรี ยงบัสบาร์ มีหลายรู ปแบบในการเลือก
รู ปแบบจัดเรี ยงบัส ดังนี้
-ระบบไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน
-บำรุ งรักษาอุปกรณ์ต่างๆได้ง่าย
-การดับของไฟ ระหว่างการบำรุ งรักษาน้อยที่สุด
-การขยายระบบในอนาคตตามการเพิ่มขึ้นของความต้องการทางไฟฟ้ า
-การเลือกรู ปแบบการจัดเรี ยงบัสที่เหมาะสมจะทำระบบไฟฟ้ ามีความน่า
เชื่อถือและปลอดภัย
*การจัดเรี ยงบัสบาร์ มี 6 แบบ*
1.Single bus บัสเดียว
2.Double bus double breaker บัสคู่เบรกเกอร์คู่
3.Main and transfer bus บัสหลักและบัสผ่าน
4.Double bus single breaker บัสคู่เบรกเกอร์เดี่ยว
5.Ring bus บัสแบบวงแหวน
6.Breaker and half เบรกเกอร์ครึ่ ง,แบบครึ่ งหนึ่ง
*ข้อดี
-ราคาถูก
-ใช้พ้ืนที่นอ้ ย
-ง่ายต่อการขยายวงจร
*ข้อเสี ย
-ความน่าเชื่อถือต่ำ
-ถ้าเกิด Fault ที่บสั จะเกิดการสู ญเสี ยทั้งสถานีไฟฟ้ า
-การตัดต่อวงจรเพื่อการบำรุ งรักษาจะค่อนข้างยุง่ ยาก และไม่ยดื หยุน่
*ข้อดี
-มีความยืดหยุน่ ในการใช้งานและมีความน่าเชื่อถือ
-สามารถแยกวงจรได้โดยไม่กระทบวงจรอื่น
-สามารถเลือกรับหรื อจ่ายไฟจากบัสใดก็ได้
-ถ้าเกิด Fault ที่บสั ใดบัสหนึ่งก็ไม่กระทบต่อวงจร
*ข้อเสี ย
-การออกแบบการป้ องกันและรี เลย์ค่อนค้างยุง่ ยาก
*ข้อดี
-มีความยืดหยุน่ ในการใช้งาน
-มีการจ่ายไฟจาก 2 ทางไปยังแต่ละวงจร
-ราคาถูกกว่า Double bus , Main and transfer bus
-สามารถขยายเป็ นการจัดบัสแบบ Breaker and half ได้
-การแยกบัสและเบรกเกอร์สำหรับการบำรุ งรักษาสามารถทำได้โดยไม่กระทบวงจรอื่น
*ข้อเสี ย
-เกิดการลัดวงจร การแยกออกจอง Ring bus อาจก่อให้เกิดรู ปแบบวงจรที่ไม่พ่ งึ ปรารถนาได้
-ไม่เหมาะกับระบบที่ก ำลังพัฒนา ยากต่อการขยายวงจร
*ข้อดี
-มีความยืดหยุน่ ในการใช้งานและมีความน่าเชื่อถือสู ง
-สามารถแยกบัสออกจากกันได้โดยไม่กระทบกับการให้บริ การ
-สามารถแยกเบรกเกอร์สำหรับการบำรุ งรักษาได้โดยไม่กระทบกับการให้บริ การ
-มีการจ่ายไฟจาก 2 ทางไปยังแต่ละวงจร
-หากเกิดการลัดวงจรบัสใดบัสหนึ่งก็ไม่กระทบกับการให้บริ การแก่วงจรใดๆในระบบ
*ข้อเสี ย
-การออกแบบรี เลย์ป้องกันจะยุง่ ยากขึ้นที่เบรกเกอร์ต ำแหน่งกลางซึ่ งต้องป้ องกันผลของ
การลัดวงจรที่อาจเกิดขึ้นจาก 2 วงจร
*อุปกรณ์สวิตช์ชิงแรงสู ง*
1.สวิตช์ปลดวงจร
-อุปกรณ์ตดั ตอนในการปลดวงจร ตัดหรื อต่อวงจรไฟแรงสู งขณะ
ไม่มีโหลด
-ใช้เป็ นสะพานไฟฟ้ าสำหรับแยกอุปกรณ์ที่ตอ้ งการปลดออกจาก
การจ่ายไฟฟ้ าเพื่อทำการซ่อมบำรุ งรักษา
2.สวิตช์สำหรับตัดโหลด
-อุปกรณ์ตดั ตอนในการปลดวงจร ตัดหรื อต่อวงจรไฟแรงสู งขณะ
มีกระแสไหลผ่านตัวเองได้ (ขณะมีโหลด)
-มีอุปกรณ์ดบั ประกายไฟฟ้ าหรื ออาร์ค ขณะตัดหรื อต่อวงจร
-เพิ่มความเร็ วในการทำงานเพื่อขัดขวางการเกิดอาร์ค
3.สวิตช์ต่อลงดิน
-อุปกรณ์ใช้สำหรับต่อส่ วนโลหะของบริ ภณั ฑ์ไฟฟ้ าลงดิน
-สามารถทนกระแสขณะเกิดการลัดวงจรได้
-ใช้มอเตอร์ในการทำงาน ตัดหรื อต่อวงจร
-เป็ นอุปกรณ์ที่มีความเร็ วสู ง
4.ฟิ วส์ก ำลัง
-เป็ นอุปกรณ์ป้องกันอุปกรณ์จากกระแสเกิน ตัดขาดหรื อหลอม
ละลายของสายฟิ วส์หรื อกระบอกฟิ วส์
-ฟิ วส์ขาดหรื อหลอมละลาย ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีก
-ขนาดของฟิ วส์ก ำลังที่ระดับแรงดันไม่เกิน
-ราคาถูกกว่าสวิตช์วงจรและเซอร์กิตเบรกเกอร์
5.สวิตช์วงจร
-เป็ นอุปกรณ์ตดั ต่อไฟฟ้ า ป้ องกันกระแสเกิน
-หลักการทำงานจะเป็ นการผสมกันระหว่างเซอร์กิตเบรกเกอร์
และสวิตช์ปลดวงจร
-แก้ไขแรงดันไม่สมดุล ป้ องกันแรงดันเกินและโหลดเกินชัว่ ครู่
-ป้ องกันสำหรับหม้อแปลง สายไฟ คาปาซิ เตอร์แบงค์ และอิ่นๆ
6.เซอร์กิตเบรกเกอร์
-เป็ นอุปกรณ์ตดั ตอน ใช้ตดั กระแสโหลดหรื อกระแสที่มีค่าสู งที่
เกิดจากการลัดวงจรได้ในเวลาที่เหมาะสม
-สามารถตัดต่อและให้กระแสไหลผ่านในเวลาที่ก ำหนด และตัด
กระแสในขณะที่เกิดสิ่ งผิดปกติได้
*อันตรายในสถานีไฟฟฟ้ า*
1.แรงดันบนดิน
2.แรงดันสัมผัส
3.แรงดันช่วงก้าว
4.แรงดันเมช
5.แรงดันสัมผัสโลหะกับโลหะ
6.แรงดันส่ งผ่าน
*ระบบรากสายดิน*
Grounding System ของสถานีไฟฟ้ าส่ วนใหญ่จะเป็ นแบบระบบกริ ด (Grid system)
ตัวนำไฟฟ้ าฝังใต้ดินลึกประมาณ 0.15 เมตร (0.5 ฟุต) และวางตัวเป็ นรู ปตาข่ายสี่ เหลี่ยม
ช่วงห่างระหว่างตัวนำจะขั้นอยูก่ บั แรงดันของสถานี ไฟฟ้ า โดยทัว่ ไปประมาณ 3.0-3.7
เมตร (10-12 ฟุต) จุดตัดของตัวนำทุกแห่งจะต้องเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน แล้วต่อเข้ากับอุปกรณ์
ทั้งหมดในสถานี รวมถึงรั้วและโครงสร้างโลหะด้วย นอกจากนี้ พ้ืนผิวกริ ดรอบสถานีตอ้ งใช้
หิ นกรวดโรยให้ทวั่ เพื่อลดอันตรายจากแรงดันช่วงก้าว ในกรณี เกิดการลัดวงจรอย่างรุ นแรง
*การป้ องกันฟ้ าผ่าสำหรับสถานีไฟฟ้ าแรงสู ง*
การป้ องกันไม่ให้ฟ้าผ่า ผ่าลงอุปกรณ์ภายในสถานีไฟฟ้ าแรงสู ง แต่จะให้ผา่ ไปยังตัวล่อฟ้ าแทน
*การออกแบบป้ องกันฟ้ าผ่า*
1.High Mast Air Terminal (การป้ องกันโดยใช้เสาล่อฟ้ า)
-การป้ องกันฟ้ าผ่าโดยการใช้ตวั นำล่อฟ้ า ติดตั้งบนเสาสู ง
2. Overhead Ground Wire (การป้ องกันโดยใช้สายดินล่อฟ้ าวางเหนือระบบ)
-เป็ นการป้ องกันฟ้ าผ่าโดยการใช้ตวั นำล่อฟ้ า ติดตั้งเหนือระบบ ใช้กบั งานออกแบบ-ก่อสร้าง
ในระบบสายส่ งและลานไกไฟฟ้ า
3.High Mast Air Terminal และ Overhead Ground Wire (การป้ องกันโดยใช้ท้ งั เสาล่อฟ้ าและ
สายดินล่อฟ้ าวางเหนือระบบ)
-เป็ นการป้ องกันฟ้ าผ่าโดยการใช้ท้ งั สองวิธีมารวมกัน ซึ่ งหากมีการติดตั้งอุปกรณ์สถานีไฟฟ้ า
ห่างออกไปเกินขอบเขตพื้นที่ปลอดภัยของวิธีสายดินล่อฟ้ าก็สามารถใช้เสาล่อฟ้ ามาเสริ มได้
ในระบบได้
*ระบบรากสายดินของสถานีไฟฟ้ าแรงสู ง*
-ระบบนำกระแสฟ้ าผ่าที่เข้ามาในสถานี ไฟฟ้ าให้ไหลลงดิน ค่าความต้านทานของระบบรากสาย
ดินควรมีค่าต่ำ (Rg) ระบายกระแสฟ้ าผ่ารวมถึงกระแสฟอลต์ ต่างๆให้ไหลลงดินได้อย่างรวดเร็ ว
-ช่วยลดความเสี ยหายของระบบให้นอ้ ยลงได้ กรณี เกิดฟ้ าผ่าให้ผา่ /เกิดฟอลต์
-ช่วยทำให้ระบบป้ องกันฟ้ าผ่ามีประสิ ทธิภาพในการล่อฟ้ าให้ผา่ ลงมาที่ตวั ล่อฟ้ าได้ดีข้ ึน
- Grounding System ของสถานีไฟฟ้ าส่ วนใหญ่จะเป็ นแบบระบบกริ ด (Grid system)
*กับดักฟ้ าผ่า*
-เป็ นอุปกรณ์สำหรับป้ องกันแรงดันเกิน ซึ่ งอาจเกิดจากฟ้ าผ่าหรื อการปิ ดเปิ ดวงจร
-ทำหน้าที่ลดแรงดันเกินให้ต ่ำลง ซึ่ งประกอบด้วยความต้านทานไม่เป็ นเชิงเส้น
ความต้านทานจะน้อยลงเมื่อกระแสมากขึ้น โดยในสภาวะปกติกบั ดักฟ้ าผ่าจะมี
ลักษณะเป็ นฉนวน
-Spark Gap Arrester ตัวต้านทานที่ข้ ึนกับแรงดันแบบไม่เป็ นเชิงเส้น (Varistor) ต่อ
อนุกรมกับ Spark Gap
- Arrester Without Spark Gap ตัวต้านทานโลหะออกไซด์ ที่มีลกั ษณะขึ้นกับแรงดัน
แบบไม่เป็ นเชิงเส้นอย่างมาก