Professional Documents
Culture Documents
มคว2 NMKKU 2565
มคว2 NMKKU 2565
เพือวุฒิบัตรความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
พ.ศ. 2565
หน่วยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ สาขาวิชารังสีวิทยา
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
kku.world/nmkku2565curriculum
คํานํา
ในปจจุบันเทคโนโลยีทางด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์มีการพัฒนาขึนอย่างมากทังทางด้านภาพถ่ายทางรังสี
และการรักษาโรคด้วยสารเภสัชรังสีชนิดต่าง ๆ คณะอนุกรรมการฝกอบรมและสอบความรู้ความชํานาญในการ
ประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ จึงได้มีการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรการฝกอบรมสาขา
เวชศาสตร์นิวเคลียร์ให้มีความทันสมัยและเหมาะสม เปนไปตามแนวทางการฝกอบรมของ World Federation for
Medical Education (WFME)
หน่วยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ สาขาวิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปนหน่วย
เวชศาสตร์นิวเคลียร์ทีมีความพร้อมด้วยเครืองมือทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ทีครบถ้วนและทันสมัย ประกอบกับ
จํานวนผู้ปวยทีมาก และคณาจารย์แพทย์ทีเชียวชาญด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ซึงหน่วยฯ ได้รับอนุมัติให้เปนสถาน
ฝกอบรมแพทย์ประจําบ้านสาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ และรับแพทย์ประจําบ้านรุน
่ แรกเมือป พ.ศ. 2553 เรือยมา
ตราบจนเท่าปจจุบัน โดยหลักสูตรฉบับล่าสุดก่อนนีคือฉบับป พ.ศ. 2561
การปรับปรุงหลักสูตรอบรมแพทย์ประจําบ้านสาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ฉบับ ป พ.ศ. 2565 เล่มนี มี
วัตถุประสงค์เพือให้หลักสูตรมีความทันสมัย เท่าทันกับความรู้และวิวัฒนาการของศาสตร์ด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์ที
รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยในการปรับปรุงหลักสูตรครังนี เปนไปตาม “เกณฑ์หลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจํา
บ้านเพือวุฒิบัตรความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ พ.ศ. 2565 ของ
ราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมเวชศาสตร์นิวเคลียร์แห่งประเทศไทย” โดยคณะทํางานในการ
ปรับปรุงหลักสูตรคือ “คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้านเพือวุฒิบัตรความรู้ความ
ชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น” ซึงประกอบด้วย
คณาจารย์ผู้ให้การอบรม ผู้เชียวชาญด้านแพทยศาสตรศึกษา และตัวแทนผู้มีสว
่ นได้สว
่ นเสียของหลักสูตร (ภาค
ผนวก 1)
คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรฯ หวังเปนอย่างยิงว่าการปรับปรุงหลักสูตรฯ ในครังนีจะช่วยให้เกิดความ
เหมาะสมกับการฝกอบรมแพทย์เวชศาสตร์นิวเคลียร์ และแพทย์ผู้ผา่ นการฝกอบรมนีจะสามารถนําเอาความรู้ และ
ประสบการณ์จากการฝกอบรมฯ ไปประกอบวิชาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีมาตรฐาน อันจะเปนประโยชน์แก่
ผู้ปวย สังคม และประเทศชาติสืบไป
( รองศาสตราจารย์จรูญศักดิ สมบูรณ์พร )
ประธานคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้านเพือ
วุฒิบัตรความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
นิยามศัพท์
มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
อาจารย์ประจําหลักสูตร อาจารย์ประจําทีมีคณ
ุ วุฒิตรงหรือสัมพันธ์กับสาขาวิชาของหลักสูตร ซึงมีหน้าที
สอน ประเมินผล และค้นคว้าวิจัยในสาขาวิชาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
สารบัญ
หน้า
คํานํา 2
นิยามศัพท์ 3
สารบัญ 4
1. ชือสาขา 8
2. ชือหนังสือวุฒบ
ิ ต
ั รแสดงความรูค
้ วามชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม 8
3. หน่วยงานทีได้รบ
ั มอบหมายให้กํากับดูแลการฝกอบรมและทีเกียวข้อง 8
4. พันธกิจของหลักสูตรการฝกอบรม 9
5. ผลสัมฤทธิของแผนงานฝกอบรม 11
5.1 การบริบาลผู้ปวย 11
5.2 ความรู้และทักษะหัตถการเวชกรรม 12
5.3 ทักษะระหว่างบุคคลและการสือสาร 12
5.4 การเรียนรู้และการพัฒนาจากฐานการปฏิบัติ 12
5.5 ความสามารถในการทํางานตามหลักวิชาชีพนิยม 12
5.6 การทําเวชปฏิบัติให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพ 13
6. แผนงานการฝกอบรม 13
6.1 วิธีการให้การฝกอบรม 13
6.2 มาตรฐานผลการเรียนรู้ทีสะท้อนคุณสมบัติและขีดความสามารถของแพทย์เฉพาะทางสาขา 15
เวชศาสตร์นิวเคลียร์
6.3 เนือหาการฝกอบรม 16
6.4 การทําวิจัย 17
6.5 จํานวนระดับชันของการฝกอบรม 18
6.6 การบริหารกิจการและการจัดการฝกอบรม 18
6.7 สภาพการปฏิบัติงาน 18
6.8 การวัดและประเมินผล 19
7. การรับและการคัดเลือกผูเ้ ข้ารับการฝกอบรม 21
7.1 คุณสมบัติของผู้รับการฝกอบรม 21
7.2 จํานวนผู้รับการฝกอบรม 21
7.3 การรับสมัครผู้สมัครเพือรับการคัดเลือกเปนผู้รับการฝกอบรม 22
หน้า
7.4 ความรับผิดชอบในการคัดเลือกผู้เข้ารับการฝกอบรม 22
7.5 เกณฑ์การให้คะแนนในกระบวนการคัดเลือกผู้เข้ารับการฝกอบรม 22
7.6 การประกาศผลผู้ทีได้รับการคัดเลือกเปนผู้เข้ารับการฝกอบรม 22
7.7 การอุทธรณ์ผลการคัดเลือก 22
8. อาจารย์ผใู้ ห้การฝกอบรม 23
8.1 จํานวนอาจารย์ผู้ให้การฝกอบรม 23
8.2 คุณสมบัติสําหรับอาจารย์ประจําหลักสูตร 23
8.3 คุณสมบัติของคณะกรรมการกํากับดูแลการฝกอบรม 24
9. การรับรอง วุฒบ
ิ ต
ั ร หรือ หนังสืออนุมัติ ให้มค
ี ณ
ุ วุฒิ “เทียบเท่าปริญญาเอก” 24
10. ทรัพยากรทางการศึกษา 24
11. การประเมินแผนงานฝกอบรม 25
12. การทบทวนและการพัฒนา 26
14. การประกันคุณภาพการฝกอบรม 26
ภาคผนวก 3 ตารางแสดงความสัมพันธ์ระหว่างสมรรถนะทีพึงประสงค์กับประสบการณ์การเรียนรู้และ 34
การประเมินผล
ภาคผนวก 4 กิจกรรมทางวิชาชีพทีแพทย์ประจําบ้านสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีการกํากับ 41
ดูแล (Entrustable professional activities; EPA)
ภาคผนวก 5 เนือหาความรู้ในหลักสูตรการฝกอบรมสาขาวิชาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ 50
ภาคผนวก 6 การทําวิจัย 55
ภาคผนวก 7 แนวทางการเขียนโครงร่างงานวิจัยและส่วนประกอบของวิทยานิพนธ์ 59
ภาคผนวก 11 ปฏิทินกิจกรรมการประเมินประจําปการศึกษา 76
หน้า
ภาคผนวก 13 เกณฑ์การตรวจรักษาขันตาทีผู้เข้ารับการฝกอบรมจะต้องมีประสบการณ์เพือประกอบการ 84
สอบเพือ วุฒิบัตรฯ และหนังสืออนุมัติ สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
ภาคผนวก 15 คําสังแต่งตังคณะอนุกรรมการสอบคัดเลือกแพทย์ใช้ทุนและแพทย์ประจําบ้าน 88
สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ภาคผนวก 18 ประกาศหลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้านเพือวุฒิบัตรความรู้ความชํานาญในการ 91
ประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เรือง แนวทางการจัดการต่อ
การอุทธรณ์ผลการคัดเลือกเปนผู้เข้ารับการฝกอบรม
ภาคผนวก 19 นโยบายการสรรหาและคัดเลือกอาจารย์ประจําหลักสูตร 92
ภาคผนวก 20 คุณสมบัติของอาจารย์ผู้ให้การฝกอบรมประจําหลักสูตร 93
ภาคผนวก 21 รายชือและคุณสมบัติอาจารย์ผู้สอนประจําหลักสูตร 95
ภาคผนวก 22 ทรัพยากรทางการศึกษา 96
ภาคผนวก 24 การจัดประสบการณ์ในการปฏิบัติงานเปนทีมร่วมกับผู้รว
่ มงานและบุคลากรวิชาชีพอืน 104
(หน้าว่าง)
หลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้าน
เพือวุฒบ
ิ ต
ั รแสดงความรูค
้ วามชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
สาขาวิชาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
หน่วยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ สาขาวิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ฉบับ พ.ศ. 2565
1. ชือสาขา
ภาษาไทย หลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้านเพือวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชํานาญในการ
ประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
2. ชือหนังสือวุฒบ
ิ ต
ั รแสดงความรูค
้ วามชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ชือเต็ม
ชือย่อ
คําแสดงวุฒก
ิ ารฝกอบรมท้ายชือ
ภาษาอังกฤษ Diplomate, Thai Board of Nuclear Medicine หรือ Dip., Thai Board of Nuclear
Medicine
3. หน่วยงานทีได้รบ
ั มอบหมายให้กํากับดูแลการฝกอบรมและทีเกียวข้อง
● หน่วยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ สาขาวิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภายใต้การกํากับ
ดูแลของราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมเวชศาสตร์นิวเคลียร์แห่งประเทศไทย
4. พันธกิจของหลักสูตรการฝกอบรม
4.1. สถานการณ์ของสาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ในประเทศไทย
เวชศาสตร์นิวเคลียร์เปนสาขาทางการแพทย์ทีนําหลักการการใช้รังสีจากแหล่งกําเนิดทีไม่ปดผนึกมาใช้
เพือการวินิจฉัยโรคโดยการถ่ายภาพทางรังสี และการรักษาโรค โดยต้องอาศัยความรู้อย่างกว้างขวางและลึกซึง
ร่วมกับความสามารถในการทําหัตถการ ในการดูแลผู้ปวยก่อน ในระหว่าง และหลังการตรวจหรือรักษาด้วยสาร
เภสัชรังสี รวมถึงการปองกันอันตรายจากรังสีทังแก่ผู้ปวย บุคคลแวดล้อมทีเกียวข้อง และสภาพแวดล้อม
ในปจจุบันเทคโนโลยีทางด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์มีการพัฒนาขึนอย่างมากทังทางด้านภาพถ่ายทางรังสี
และการรักษาโรคด้วยสารเภสัชรังสีชนิดต่าง ๆ ราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทยจึงได้มีการปรับปรุงและ
พัฒนาหลักสูตรการฝกอบรมสาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ให้มีความทันสมัยและเหมาะสม ตลอดจนสอดคล้องกับ
ความเปลียนแปลงในปจจุบัน เพือเปนการรองรับและตอบสนองนโยบายการผลิตและพัฒนากําลังคนด้าน
แพทย์สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ทีขาดแคลนตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ให้มีปริมาณแพทย์ทีเพียง
พอต่อความต้องการของชุมชน สังคมและระบบบริการสุขภาพทีมีการขยายงานบริการอย่างกว้างขวางใน
ภูมิภาคต่าง ๆ โดยในป พ.ศ. 2560 ได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่ง
ประเทศไทยกับกระทรวงสาธารณสุข เพือส่งเสริมการผลิตบุคลากรทางด้านรังสีวิทยาให้เพียงพอกับระบบ
บริการสุขภาพของประเทศ (ภาคผนวก 2)
5. ผลสัมฤทธิของแผนงานฝกอบรม
หลักสูตรกําหนดผลสัมฤทธิ/ระดับความสามารถระหว่างการฝกอบรมทีประสงค์ (intended learning
outcomes/milestones) ครอบคลุมประเด็นทังหมด 6 ด้านดังต่อไปนี
5.1. การบริบาลผูป
้ วย (patient care) โดยยึดหลักการผูป
้ วยเปนศูนย์กลางบนพืนฐานของการดูแลแบบ
องค์รวม คํานึงถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย รวมทังสามารถปฏิบต
ั ิงานได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้อง
มีการกํากับดูแล
5.1.1. มีทักษะในการซักประวัติ รวบรวมข้อมูลจากประวัติ การตรวจร่างกาย ผลการตรวจทางห้อง
ปฏิบัติการและการตรวจพิเศษต่าง ๆ เพือนํามาวิเคราะห์หาสาเหตุของโรค
5.1.2. บันทึกเวชระเบียนอย่างเปนระบบถูกต้อง โดยใช้แนวทางมาตรฐานสากล
5.1.3. มีทักษะในการตรวจวินิจฉัย สามารถแนะนําและเลือกวิธีการตรวจและการรักษาทางเวชศาสตร์
นิวเคลียร์ให้เหมาะสมกับปญหาของผู้ปวย รวมถึงรู้ข้อจํากัดของตนเอง ปรึกษาผู้มีความรู้ความ
ชํานาญมากกว่าหรือส่งต่อผู้ปวยไปรับการรักษาอย่างเหมาะสม
5.1.4. มีทักษะในการขอใบแสดงความยินยอมในตรวจและการรักษาทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์รวมถึงการ
ทําหัตถการ
5.1.5. มีทักษะในการให้คําปรึกษาและแนะนํา การเตรียมผู้ปวย การปฏิบัติตัว รวมถึงการปองกัน
อันตรายทางรังสีหลังการตรวจและการรักษาทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์
5.1.6. สามารถบรรยายและแปลผลการตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ได้ โดยสามารถให้การวินิจฉัยและ
การวินิจฉัยแยกโรคได้ รวมถึงการรายงานผลการตรวจตามมาตรฐาน
5.2. ความรูแ
้ ละทักษะหัตถการเวชกรรม (medical knowledge and procedural skills) โดยสามารถทํา
เวชปฏิบต
ั ิได้อย่างครอบคลุมและเหมาะสม
5.2.1. มีความรู้พืนฐานทาง medical radiation physics และ radiobiology
5.2.2. มีความรู้พืนฐานทาง anatomical imaging
5.2.3. มีความรู้ทางด้านสารเภสัชรังสี (radiopharmaceutical)
5.2.4. มีความรู้ในเรืองการปองกันอันตรายทางรังสี หลักการการใช้เครืองมือในการวัดความแรงรังสี
รวมถึงระเบียบ ข้อบังคับและกฎหมายทีเกียวข้อง
5.2.5. มีความรู้พืนฐานและเข้าใจเรืองการใช้เครืองมืออุปกรณ์ในการตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์
หลักการและเทคนิคการถ่ายภาพทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ รวมถึงหลักการ quality control ของ
เครืองมือต่าง ๆ
5.2.6. สามารถคิด วิเคราะห์ และอ้างอิงหลักฐานเชิงประจักษ์เพือนําไปประยุกต์ในการตรวจวินิจฉัย การ
แปลผลการตรวจ การรักษาโรค และการทําหัตถการทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม
5.4. การเรียนรูแ
้ ละการพัฒนาจากฐานการปฏิบต
ั ิ (practice-based learning and improvement) โดย
สามารถปฏิบต
ั ิงานแบบสหวิชาชีพหรือเปนทีมได้
5.4.1. สามารถเรียนรู้และเพิมพูนทักษะได้ด้วยตนเองจากการปฏิบัติเพือนํามาใช้ในดูแล รักษา และ
ติดตามผู้ปวย แบบสหสาขาวิชาชีพ ได้อย่างเหมาะสม
5.4.2. สามารถวิพากษ์ ประเมินค่างานวิจัย และทบทวนวรรณกรรมอย่างเปนระบบ
5.4.3. สามารถทํางานวิจัยทางการแพทย์และงานวิชาการอืนเพือสร้างองค์ความรู้ใหม่ได้
5.6. การทําเวชปฏิบต
ั ิให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพ (systems-based practice) มีความรูค
้ วามเข้าใจเกียว
กับระบบสุขภาพของประเทศ ระบบพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผูป
้ วย รวมทังการใช้ทรัพยากร
สุขภาพอย่างเหมาะสม
5.6.1. สามารถปฏิบัติงานเข้ากับระบบงานทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศ
5.6.2. มีความเข้าใจกระบวนการในการกํากับดูแลความปลอดภัยทางด้านรังสี (radiation safety) ต่อทัง
ผู้ปวย ญาติ บุคลากรทีเกียวข้อง และสิงแวดล้อม
5.6.3. เข้าใจระบบบริการสุขภาพและสาธารณสุขของประเทศ การส่งต่อผู้ปวย โดยคํานึงถึงหลักต้นทุน
และประสิทธิผลทีเกียวข้องในงานทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์
5.6.4. มีสว
่ นร่วมในกิจกรรมพัฒนาคุณภาพ
6. แผนงานการฝกอบรม
6.1. วิธก
ี ารให้การฝกอบรม
หลักสูตรจัดแผนงานการฝกอบรมเพือให้แพทย์ประจําบ้านผู้เข้ารับการฝกอบรมมีความรู้ความสามารถ
ทางวิชาชีพ และผลการเรียนรู้ทีพึงประสงค์ทัง 6 ด้าน หลักสูตรจัดให้ผู้รับการฝกอบรมได้ประสบการณ์
การเรียนรู้ทีสอดคล้องกับผลสัมฤทธิการฝกอบรมทีพึงประสงค์ทัง 6 ด้าน ทังภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
(curricular mapping) เน้นการฝกอบรมโดยใช้การปฏิบัติเปนฐาน (practice-based training) มีสว
่ นร่วม
ในการบริบาลและรับผิดชอบผู้ปวยคํานึงถึงศักยภาพและการเรียนรู้ของผู้รับการฝกอบรม
(trainee-centered) มีการบูรณาการภาคทฤษฎีกับภาคปฏิบัติ บูรณาการการฝกอบรมกับงานบริบาลผู้
ปวยอย่างเหมาะสม โดยให้ระบุวิธีการฝกอบรม กิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้แต่ละ competency ราย
ละเอียดการปฏิบัติงาน (การจัด rotation, elective, การเรียนรู้ด้วยตนเอง, สภาวะการทํางานทีเหมาะสม
เปนต้น) และ เปาประสงค์หลักในแต่ละช่วงหรือแต่ละขันขีดความสามารถ (milestone) ของการฝก
อบรม มีการติดตามตรวจสอบ กํากับดูแล (supervision) การประเมินค่า (appraisal) และให้ข้อมูลปอน
กลับ (feedback) อย่างสมาเสมอ ดังนี
6.1.1. การจัดรูปแบบหรือวิธีการฝกอบรม รูปแบบการจัดการฝกอบรมมีหลายรูปแบบ ได้แก่
6.1.1.1. การเรียนรู้ภาคทฤษฎี โดยจัดให้มีการเรียนรู้ควบคู่ไปกับการฝกปฏิบัติงานอย่างสมาเสมอ
และเพียงพอเพือให้บรรลุผลสัมฤทธิของการฝกอบรมผ่านรูปแบบต่าง ๆ เช่น การสอน
บรรยายเนือหาวิชาเวชศาสตร์นิวเคลียร์และรังสีวิทยาทีเกียวข้อง medical physics
radiobiology วิทยาศาสตร์การแพทย์ประยุกต์ การประชุมวิชาการหรือการปรึกษาผู้ปวย
ทังภายในและระหว่างภาควิชา
6.1.1.2. การเรียนรู้จากการปฏิบัติงาน โดยจัดให้มีการหมุนเวียนการฝกปฏิบัติงานตลอดช่วงระยะ
เวลา 36 เดือน ของการฝกอบรม ดังนี
การฝกปฏิบต
ั ิงาน ระยะเวลา
ในหน่วยงานเวชศาสตร์นิวเคลียร์ 24 เดือน
● ปฏิบัติงานในชันปที 1 4 เดือน
● ปฏิบัติงานในชันปที 2 10 เดือน
● ปฏิบัติงานในชันปที 3 10 เดือน
ในหน่วยงานรังสีวินิจฉัย ปฏิบต
ั ิงานในชันปที 1 (ต้องให้เสร็จสินภายใน 18 เดือน
6 เดือน
แรกของการฝกอบรม)
ในหน่วยงานรังสีรก
ั ษาและมะเร็งวิทยา ปฏิบต
ั ิงานในชันปที 1 (ต้องให้เสร็จสิน
2 เดือน
ภายใน 12 เดือนแรกของการฝกอบรม)
● อายุรศาสตร์
● กุมารเวชศาสตร์
● พยาธิวิทยา
กิจกรรมเลือกเสรีภายนอกสถาบันฝกอบรมทังในและ/หรือต่างประเทศ ปฏิบต
ั ิงาน
2 เดือน
ในชันปที 3 โดยการเลือกอยูภ
่ ายใต้การดูแลแนะนําจากอาจารย์ทปรึ
ี กษา
● หน่วยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ในสถาบันการฝกอบรม หรือสถาบันทีมีการบริการ
ทางการแพทย์ด้านเวชศาสตร์ขันสูงในประเทศไทย เช่น หน่วยเวชศาสตร์
นิวเคลียร์ในโรงเรียนแพทย์อืน
● หน่วยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ในสถานพยาบาลทีไม่ใช่สถาบันฝกอบรม เพือการ
เรียนรู้เกียวกับระบบสุขภาพของประเทศ เช่น โรงพยาบาลมหาราช โรง
การฝกปฏิบต
ั ิงาน ระยะเวลา
● หน่วยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ในต่างประเทศ
ทังนีเพือให้แพทย์ประจําบ้านผู้เข้ารับการฝกอบรมได้มีประสบการณ์การเรียนรู้ทีหลากหลายในสาขา
เวชศาสตร์นิวเคลียร์ จึงได้มีแนวทางในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพือให้สอดคล้องกับผลสัมฤทธิการ
ฝกอบรมทีพึงประสงค์ทัง 6 ด้าน โดยยึดหลักการ “O: Objectives” “L: Learning experience” และ “E:
Evaluation” (OLE) ดังแสดงในภาคผนวก 3
6.2. มาตรฐานผลการเรียนรูท
้ สะท้
ี อนคุณสมบัติและขีดความสามารถของแพทย์เฉพาะทางสาขา
เวชศาสตร์นิวเคลียร์
6.2.1. กิจกรรมวิชาชีพทีเชือถือไว้ใจได้ (Entrustable Professional Activities: EPA) ประกอบไปด้วย 4
กิจกรรม โดยมีรายละเอียดดังในภาคผนวก 4
● EPA 1 การวางแผนการตรวจผู้ปวยด้วยการถ่ายภาพทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ (planar
image, SPECT, SPECT/CT, PET/CT, DXA)
● EPA 2 การแปลผลการตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์เพือให้การวินิจฉัย รวมถึงการวินิจฉัย
แยกโรค
● EPA 3 การสือสารผลการตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ รวมถึงการแนะนําการตรวจเพิมเติม
ทีเกียวข้อง และ/หรือการรักษาทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์
1. การบริบาลผูป
้ วย ++ ++ + ++
2. ความรูแ
้ ละทักษะหัตถการเวชกรรม ++ ++ + ++
3. ทักษะระหว่างบุคคลและการสือสาร + ++ ++ ++
4. การเรียนรูแ
้ ละการพัฒนาจากฐานการปฏิบต
ั ิ ++ ++ ++
5. ความสามารถในการทํางานตามหลักวิชาชีพนิยม รวมทัง + + + +
คุณลักษณะของความเปนผูเ้ รียนรูต
้ ลอดชีวิต หรือการพัฒนา
วิชาชีพต่อเนือง
6. การทําเวชปฏิบต
ั ิให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพ + +
+ หมายถึง เกียวข้องน้อย
++ หมายถึง เกียวข้องมาก
6.2.2. ขันขีดความสามารถ
● ขันขีดความสามารถ (level of entrustment) โดยจําแนกผลการเรียนรู้ และขีดความ
สามารถในกิจกรรมวิชาชีพทีเชือถือไว้ใจได้ (entrustable Professional Activities: EPA)
แต่ละอย่างเปน 5 ขัน ดังนี
○ ขันที 1 สามารถปฏิบัติกิจกรรมได้ภายใต้การควบคุมของอาจารย์อย่างใกล้ชิด
○ ขันที 2 สามารถปฏิบัติกิจกรรมได้ภายใต้การชีแนะของอาจารย์
○ ขันที 3 สามารถปฏิบัติกิจกรรมได้โดยมีอาจารย์ให้ความช่วยเหลือเมือต้องการ
○ ขันที 4 สามารถปฏิบัติกิจกรรมได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องกํากับดูแล
○ ขันที 5 สามารถปฏิบัติกิจกรรมได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องกํากับดูแล และ ควบคุมผู้มี
ประสบการณ์น้อยกว่าได้
6.3. เนือหาการฝกอบรม
เนือหาการฝกอบรมครอบคลุมประเด็นหรือหัวข้อต่อไปนี
6.3.1. ความรู้ของสาขาวิชาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ (รายละเอียดดังในภาคผนวกที 5) ทีเกียวข้องกับการ
วินิจฉัย การบริบาลโรคหรือภาวะของผู้ปวย
1) ความรู้พืนฐานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทีมีความสัมพันธ์กับการตรวจวินิจฉัย และ
การรักษาโรคทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์
2) ความรู้ทางวิชาแพทย์สาขาอืน ๆ ทีเกียวข้อง
3) ความรู้พืนฐานทางฟสิกส์การแพทย์และชีวรังสี
4) ความรู้และหลักการพืนฐานทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์
5) ความรู้ทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์คลินิก
6) Radionuclide non-imaging studies
7) ความรู้และหลักการของสารเภสัชรังสี
8) ความหนาแน่นของกระดูก (Bone mineral density; BMD) และการวิเคราะห์องค์
ประกอบของร่างกาย (body composition)
9) การรักษาโรคทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ (Therapeutic uses of radionuclides)
10) ความรู้พืนฐานทางด้านรังสีวินิจฉัย
11) ความรู้พืนฐานและหลักการทางด้านรังสีรักษา
6.3.2. หัตถการทางคลินิก
6.3.3. การตัดสินใจทางคลินิก
6.3.4. การใช้ยาและสารเภสัชรังสีอย่างสมเหตุผล
6.3.5. ทักษะการสือสาร
6.3.6. จริยธรรมทางการแพทย์
6.3.7. การสาธารณสุข และระบบบริการสุขภาพ
6.3.8. กฎหมายการแพทย์
6.3.9. หลักการบริหารจัดการ
6.3.10. ความปลอดภัยและสิทธิของผู้ปวย
6.3.11. การดูแลสุขภาวะทังกายและใจของตนเอง
6.3.12. ระเบียบวิจัยทางการแพทย์และเวชศาสตร์ระบาดวิทยาทางคลินิก
6.3.13. เวชศาสตร์อิงหลักฐานเชิงประจักษ์
6.3.14. พฤติกรรมและสังคมศาสตร์ในบริบทของสาขาวิชา (Radiation protection and waste
management)
6.3.15. ปญหาสุขภาพทีเกิดจากการเปลียนแปลงของโลก (เช่น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรค สังคม
เศรษฐกิจ สิงแวดล้อม อุบัติภัย โรคอุบัติใหม่ เปนต้น)
6.4. การทําวิจัย
ผู้รับการฝกอบรมต้องทํางานวิจัยอย่างน้อย 1 เรือง ได้แก่ งานวิจัยแบบ retrospective, prospective,
cross sectional, systematic review หรือ meta-analysis ในระหว่างการฝกอบรม โดยเปนผู้วิจัยหลัก
หรือผู้นิพนธ์หลัก โดยต้องระบุลักษณะของงานวิจัยอย่างน้อยดังหัวข้อต่อไปนี (รายละเอียดการทําวิจัย
ระบุโดยละเอียดในภาคผนวก 6 และรายละเอียดแนวทางการเขียนโครงร่างงานวิจัยและส่วนประกอบ
ของวิทยานิพนธ์ระบุโดยละเอียดใน ภาคผนวก 7)
1) คุณลักษณะของงานวิจัย
2) วิธีดําเนินการ
3) ขอบเขตความรับผิดชอบ
4) กรอบเวลาการดําเนินงานวิจัย
6.5. จํานวนระดับชันของการฝกอบรม
● กําหนดระยะเวลาฝกอบรมทังหมด 3 ป
● การฝกอบรมแบ่งเปน 3 ระดับ โดยหนึงระดับเทียบเท่าการฝกอบรมแบบเต็มเวลาไม่น้อยกว่า 11
เดือน รวมระยะเวลาทัง 3 ระดับแล้วเทียบเท่าการฝกอบรมเต็มเวลาไม่น้อยกว่า 33 เดือน
6.6. การบริหารกิจการและการจัดการฝกอบรม
● การจัดทําแผนอบรมจัดทําในรูปแบบของคณะกรรมการ คือ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรการฝก
อบรมแพทย์ประจําบ้านสาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (ภาคผนวก 8) ซึงมีหน้าที
รับผิดชอบและอํานาจใน การบริหาร การจัดการ การประสานงาน และการประเมินผล สําหรับ
แต่ละขันตอนของการฝกอบรม รวมถึงการให้ผู้มีสว
่ นได้สว
่ นเสียทีเหมาะสมมีสว
่ นร่วมในการ
วางแผนฝกอบรม ดังนี
● ประธานคณะกรรมการบริหารหลักสูตรการฝกอบรมฯ มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในสาขา
เวชศาสตร์นิวเคลียร์มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ป และได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยทีกํากับดูแล
6.7. สภาพการปฏิบต
ั ิงาน
หลักสูตรจัดให้ผู้รับการฝกอบรมเข้าร่วมกิจกรรมวิชาการ (รวมถึงการอยูเ่ วร) ทีเกียวข้องกับการฝกอบรม
ระบุกฎเกณฑ์และประกาศอย่างชัดเจนเรืองเงือนไขงานบริการและความรับผิดชอบของผู้รับการฝกอบรม
มีการกําหนดการฝกอบรมทดแทนในกรณีทีผู้รับการฝกอบรมมีการลาพัก (เช่น การลาคลอดบุตร การเจ็บ
ปวย การเกณฑ์ทหาร การถูกเรียกฝกกําลังสํารอง การศึกษาดูงานนอกแผนงานฝกอบรม) จัดให้มีค่า
ตอบแทนผู้รับการฝกอบรมอย่างเหมาะสมกับตําแหน่งและงานทีได้รับมอบหมาย และมีการระบุชัวโม
งการทํางานทีเหมาะสม ดังนี
6.7.1. มีการจัดให้แพทย์ประจําบ้านผู้เข้ารับฝกอบรมเข้าร่วมกิจกรรมวิชาการทีเกียวข้องกับการฝก
อบรม
6.7.2. มีการจัดให้แพทย์ประจําบ้านผู้เข้ารับฝกอบรมอยูเ่ วรซึงเปนส่วนหนึงของการฝกอบรม
6.7.3. มีกฎเกณฑ์และการประกาศอย่างชัดเจนเรืองเงือนไขงานบริการและความรับผิดชอบของแพทย์
ประจําบ้านผู้เข้ารับฝกอบรม
6.7.4. มีการกําหนดการฝกอบรมทดแทนในกรณีทีผู้รับการฝกอบรมมีการลาพัก (เช่น การลาคลอดบุตร
การเจ็บปวย การเกณฑ์ทหาร การถูกเรียกฝกกําลังสํารอง การศึกษาดูงานนอกแผนงานฝกอบรม)
ดังระบุในภาคผนวก 12
6.7.5. จัดให้มีค่าตอบแทนผู้รับการฝกอบรมอย่างเหมาะสมกับตําแหน่งและงานทีได้รับมอบหมาย
6.7.6. การระบุชัวโมงการทํางานทีเหมาะสมสําหรับผู้รับการฝกอบรม โดยแพทย์ประจําบ้านผู้รับการฝก
อบรมปฏิบัติงาน
6.8. การวัดและประเมินผล
ประกอบด้วย
6.8.1. การวัดและประเมินผลระหว่างการฝกอบรมและการเลือนชันป
หลักสูตรมีการวัดและประเมินผลการปฏิบัติงานของแพทย์ประจําบ้านผู้เข้ารับการฝกอบรมเมือ
สินสุดการฝกอบรมในแต่ละระดับหรือแต่ละชันป เพือส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ของแพทย์
ประจําบ้านผู้เข้ารับการฝกอบรม โดยต้องกําหนดวิธีการวัดและประเมินผลครอบคลุมดังนี
1) ด้านความรู้
2) ทักษะ
3) เจตคติ
4) การประเมินกิจกรรมวิชาชีพทีเชือถือไว้ใจได้ (Entrustable Professional Activities: EPA)
5) การบันทึกแฟมสะสมผลงาน (portfolio)
● การพิจารณาเกียวกับการเลือนชันปจะดําเนินการในรูปของคณะอนุกรรมการ โดยแต่งตัง “
คณะอนุกรรมการพิจารณาการเลือนชันปของแพทย์ประจําบ้าน สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น” (ภาคผนวก 9)
● เพือเปนการวัดและประเมินผลความรู้ความสามารถทางวิชาชีพตามสมรถนะการเรียนรู้ทีพึง
ประสงค์ จึงได้มีการกําหนดกรอบของ EPA ทีแพทย์ประจําบ้านผู้เข้ารับการฝกอบรมต้อง
สามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีการกํากับดูแลเมือสินสุดการฝกอบรมในระดับชันป
ที 3
● ในระหว่างการฝกอบรม แพทย์ประจําบ้านผู้เข้ารับการฝกอบรมจะต้องได้รับการประเมินผล
การเรียนรู้ทีพึงประสงค์ตาม EPA และ milestone ทีกําหนดในแต่ละชันป (ภาคผนวก 4 และ
ภาคผนวก 10) รวมทังได้รับข้อมูลปอนกลับจากอาจารย์ผู้ให้การฝกอบรมเพือพัฒนาตนเอง
ทังนีแพทย์ประจําบ้านผู้เข้ารับการฝกอบรมต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเนืองและแสดงให้เห็น
ว่าบรรลุผลการเรียนรู้ทีพึงประสงค์ตามระดับทีกําหนด จึงจะได้รับอนุญาตให้เลือนระดับของ
การฝกอบรม
● แพทย์ประจําบ้านผู้เข้ารับการฝกอบรมภายใต้การกํากับดูแลของอาจารย์ทีปรึกษาและ
อาจารย์ประจําหลักสูตร ทําการบันทึกข้อมูลในส่วนทีเกียวข้องกับการปฏิบัติงานและการ
ประเมิน (portfolio) เพือเปนการรวบรวมหลักฐานทีแสดงถึงความก้าวหน้าของการฝกอบรม
ทังด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ ตามสมรรถนะทีกําหนด ประเมินและสะท้อนตนเองเปน
ระยะอย่างต่อเนืองสมาเสมอภายใต้การกํากับดูแลของอาจารย์ทีปรึกษา อาจารย์ประจํา
หลักสูตร และคณะกรรมการทีดูแลการฝกอบรม เพือรับฟงการประเมินและข้อเสนอแนะร่วม
กับการวางแผนพัฒนา โดยมีการให้ข้อมูลปอนกลับแก่แพทย์ประจําบ้านผู้เข้ารับการฝก
อบรมทียึดหลักทันกาล จําเพาะ สร้างสรรค์และเปนธรรม
● แนวทางในการประเมินผลนันจัดให้มีความสัมพันธ์สอดคล้องกับสมรรถนะทีพึงประสงค์ และ
ประสบการณ์การเรียนรู้ ดังแสดงในภาคผนวก 3
● ในการกําหนดแบบประเมินตามมาตรฐานของสถาบันนัน สถาบันรับผิดชอบให้แบบประเมิน
สอดคล้องกับกรอบของราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย
● การดําเนินการประเมินผลนันจัดอย่างเปนระบบ โดยวางแผนและกําหนดปฏิทินกิจกรรมการ
ประเมิน 1 เดือนก่อนเริมปการศึกษา ภาคผนวก 11
● หลักสูตรมีระบบอุทธรณ์ผลการวัดและประเมินผล โดยกําหนดเกณฑ์การเลือนระดับชัน
จํานวนครังของการอนุญาตให้สอบแก้ตัว รวมถึงเกณฑ์การยุติการฝกอบรมของแพทย์ประจํา
บ้านผู้เข้ารับการฝกอบรมอย่างชัดเจน (ภาคผนวก 12) และแจ้งให้แพทย์ประจําบ้านผู้เข้ารับ
การฝกอบรมทราบก่อนเริมการฝกอบรม โดยสถาบันฝกอบรมต้องรายงานผลการประเมินต่อ
คณะอนุกรรมการฝกอบรมและสอบฯ
6.8.2. การประเมินงานวิจัย
การผ่านการประเมินงานวิจัยเปนคุณสมบัติหนึงของผู้มีสิทธิเข้าสอบเพือวุฒิบัตรฯ สาขา
เวชศาสตร์นิวเคลียร์ โดยจะมีการประเมินโดยอนุกรรมการฝกอบรมและสอบสาขาเวชศาสตร์
นิวเคลียร์ (รายละเอียดในภาคผนวก 6 และ ภาคผนวก 7)
7. การรับและการคัดเลือกผูเ้ ข้ารับการฝกอบรม
หลักสูตรกําหนดและดําเนินนโยบายการรับและคัดเลือกแพทย์ประจําบ้านผู้รับการฝกอบรมทีชัดเจน โดย
เปนไปอย่างสอดคล้องกับพันธกิจของแผนงานฝกอบรม กระบวนการคัดเลือกมีความโปร่งใสและยุติธรรม มีคณะ
กรรมการคัดเลือกผู้รับการฝกอบรม รวมทังมีระบบอุทธรณ์ ดังรายละละเอียดต่อไปนี
7.1. คุณสมบัติของผูร้ บ
ั การฝกอบรม
คุณสมบัติของผู้รับการฝกอบรมเปนไปตามเกณฑ์หลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้านเพือ
วุฒิบัตรความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ พ.ศ. 2565 โดย
ราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมเวชศาสตร์นิวเคลียร์แห่งประเทศไทย รวมถึงเกณฑ์
แพทยสภา ดังนี
1) ได้รับปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต หรือเทียบเท่าทีได้รับการรับรองการขึนทะเบียนเปนผู้
ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม
2) เปนผู้ทีมีคณ
ุ สมบัติอ้างอิงตามประกาศกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท) เรือง
คุณสมบัติเฉพาะของผู้ทีสมัครเข้าศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต (ฉบับป พ.ศ. 2559 ) โดย
ไม่จํากัดเพศ เชือชาติ ศาสนา และภาวะสุขภาพทีไม่มีผลกระทบต่อการฝกอบรม และ
3) มีคณ
ุ สมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์แพทยสภาในการเข้ารับการฝกอบรมแพทย์เฉพาะทางของปการ
ฝกอบรมนัน ๆ
7.2. จํานวนผูร้ บ
ั การฝกอบรม
● หลักสูตรรับผู้รับการฝกอบรมได้จํานวน 2 คนต่อปการอบรม
● ศักยภาพในการฝกอบรมดังกล่าวพิจารณากําหนดจากสัดส่วนของจํานวนอาจารย์ผู้ให้การฝกอบรม
แบบเต็มเวลาหรือเทียบเท่า และปริมาณงานบริการ โดยเปนไปตามเกณฑ์หลักสูตรการฝกอบรม
แพทย์ประจําบ้านเพือวุฒิบัตรความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขา
เวชศาสตร์นิวเคลียร์ พ.ศ. 2565 ของราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคม
เวชศาสตร์นิวเคลียร์แห่งประเทศไทย (ภาคผนวก 13 และ 23)
7.3. การรับสมัครผูส
้ มัครเพือรับการคัดเลือกเปนผูร้ บ
ั การฝกอบรม
● ประชาสัมพันธ์รับสมัครผ่าน website ของสาขาวิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ขอนแก่น และช่องทางอืน ๆ ตามความเหมาะสม เช่น Facebook ของสาขาวิชา
○ https://www.radiology.kku.ac.th
○ https://www.facebook.com/RadiologyMDKKU
● ผู้สมัคร แผน ก. ส่งเอกสารประกอบการสมัครไปทางราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย
● ผู้สมัคร แผน ข. สามารถยืนใบสมัครได้โดยตรงทีฝายธุรการ สาขาวิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
7.6. การประกาศผลผูท
้ ได้
ี รบั การคัดเลือกเปนผูเ้ ข้ารับการฝกอบรม
● ประกาศผลผู้ทีได้รับการคัดเลือกเปนแพทย์ประจําบ้านผู้เข้ารับการฝกอบรมผ่าน website ของ
สาขาวิชารังสีวิทยา https://www.radiology.kku.ac.th
● นอกจากนี ผู้สมัคร แผน ก. สามารถตรวจสอบผลการคัดเลือกจากผลประกาศของแพทยสภาซึง
สาขาวิชาทําการส่งผลไปโดยผ่านราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย
● นอกจากนี ผู้สมัครสามารถโทรศัพท์สอบถามได้โดยตรงกับฝายธุรการสาขาวิชารังสีวิทยา คณะ
แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
7.7. การอุทธรณ์ผลการคัดเลือก
● ผู้สมัครเพือรับการคัดเลือกเปนผู้รับการฝกอบรมสามารถอุทธรณ์ผลการคัดเลือกได้ตามแนวทางใน
ประกาศหลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้านเพือวุฒิบัตรความรู้ความชํานาญในการประกอบ
วิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เรือง แนวทางการจัดการต่อการ
อุทธรณ์ผลการคัดเลือกเปนแพทย์ประจําบ้านผู้เข้ารับการฝกอบรม (ภาคผนวก 18)
8. อาจารย์ผใู้ ห้การฝกอบรม
8.1. จํานวนอาจารย์ผใู้ ห้การฝกอบรม
● กําหนดอัตราส่วนของอาจารย์เต็มเวลาหรือเทียบเท่าทังหมดต่อผู้รับการฝกอบรมแต่ละระดับชัน
เท่ากับสองต่อหนึง (2 : 1) และต้องไม่น้อยกว่า 2 คน
● หลักสูตรอาจจัดให้มีอาจารย์ผู้ให้การฝกอบรมแบบไม่เต็มเวลาร่วมด้วย ทังนีอาจารย์ผู้ให้การฝก
อบรมแบบเต็มเวลาของหลักสูตรจะต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของจํานวนอาจารย์ผู้ให้การฝก
อบรมทังหมด เพือให้สามารถติดตามความก้าวหน้าของผู้รับการฝกอบรมได้ และภาระงานในสาขา
นันของอาจารย์ผู้ให้การฝกอบรมแบบไม่เต็มเวลาเมือรวมกันทังหมดแล้ว จะต้องไม่น้อยกว่าภาระ
งานของจํานวนอาจารย์ผู้ให้การฝกอบรมแบบเต็มเวลาทีต้องทดแทน โดยภาระงานของอาจารย์
แบบไม่เต็มเวลาแต่ละคนต้องไม่น้อยว่าร้อยละ 50 ของภาระงานอาจารย์เต็มเวลา
● อาจารย์ผู้ให้การฝกอบรมต้องมีเวลาเพียงพอสําหรับการให้การฝกอบรม ให้คําปรึกษา ให้การกํากับ
ดูแล และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนือง ทังทางการด้านการบริบาลเวชกรรมและด้านแพทย
ศาสตรศึกษา
● หลักสูตรจัดให้มีการพัฒนาอาจารย์อย่างเปนระบบ และมีการประเมินอาจารย์เปนระยะ
8.2. คุณสมบัติสา
ํ หรับอาจารย์ประจําหลักสูตร
● อาจารย์ผู้สอนประจําหลักสูตรเปนผู้ทีได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติในการแสดงความรู้ความ
ชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์จากแพทยสภา
● สถาบันฝกอบรมได้กําหนดและดําเนินนโยบายการสรรหาและคัดเลือกอาจารย์ผู้ให้การฝกอบรม
(อาจารย์ประจําหลักสูตร) ให้สอดคล้องกับพันธกิจของแผนงานฝกอบรม ดังแสดงในภาคผนวก 19
● สถาบันฝกอบรมระบุคณ
ุ สมบัติของอาจารย์ผู้ให้การฝกอบรมทีชัดเจนให้ครอบคลุมความรู้ ความ
ชํานาญทีต้องการ คุณสมบัติทางวิชาการ ความเปนครู ความชํานาญทาง เวชกรรม พฤติกรรมที
เหมาะสม รวมทังระบุหน้าทีความรับผิดชอบ ภาระงานของอาจารย์ และสมดุลระหว่างงานด้านการ
ศึกษา การวิจัย และการบริบาลเวชกรรม ดังแสดงในภาคผนวก 20
● หลักสูตรมีคณะกรรมการซึงมีหน้าทีรับผิดชอบและอํานาจในการบริหาร การจัดการ การประสาน
งาน และการประเมินผล สําหรับแต่ละขันตอนของการฝกอบรม รวมถึงการให้ผู้มีสว
่ นได้เสียที
เหมาะสมมีสว
่ นร่วมในการวางแผนฝกอบรม คือ “คณะกรรมการบริหารหลักสูตรการฝกอบรม
แพทย์ประจําบ้านเพือวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขา
เวชศาสตร์นิวเคลียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น” ดังแสดงในภาคผนวก 8
● ประธานคณะกรรมการบริหารหลักสูตรฝกอบรมแพทย์ประจําบ้านเพือวุฒิบัตรความรู้ความชํานาญ
ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ขอนแก่น ต้องมีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในสาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์มาแล้วไม่น้อยกว่าห้าป
และได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยทีกํากับดูแล
8.3. คุณสมบัติของคณะกรรมการกํากับดูแลการฝกอบรม
● คณะกรรมการกํากับดูแลการฝกอบรม คือ “คณะกรรมการบริหารหลักสูตรการฝกอบรมแพทย์
ประจําบ้านเพือวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขา
เวชศาสตร์นิวเคลียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น” (ภาคผนวก 8)
● คณะกรรมการบริหารฯ ประกอบด้วยกรรมการซึงเปนแพทย์เวชศาสตร์นิวเคลียร์ทีได้รับวุฒิบัตร
หรือหนังสืออนุมัติเพือแสดงความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์
นิวเคลียร์
● ประธานคณะกรรมการบริหารฯ เปนแพทย์ผู้ปฏิบัติสาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์มาแล้วอย่างน้อย 5 ป
ภายหลังได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติ ฯ
รายชือและคุณสมบัติอาจารย์ผู้ประจําหลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้านเพือวุฒิบัตรความรู้ความ
ชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แสดงในภาคผนวก 21
9. การรับรอง วุฒบ
ิ ต
ั ร หรือ หนังสืออนุมต
ั ิ ให้มค
ี ณ
ุ วุฒิ “เทียบเท่าปริญญาเอก”
การรับรองคุณวุฒิหรือวุฒิการศึกษา วุฒิบัตร (วว.) หรือหนังสืออนุมัติ (อว.) ให้ “เทียบเท่าปริญญาเอก” นัน
ให้เปนไปตามความสมัครใจของแพทย์ประจําบ้านผู้เข้ารับการฝกอบรม โดยแจ้งให้สถาบันทราบเปนลายลักษณ์
อักษรก่อนหรือในระหว่างการฝกอบรม ผลงานวิจัยทีนํามาใช้ขอรับรองต้องเปนงานวิจัยทีดําเนินการระหว่างการฝก
อบรมตามทีระบุในข้อ 6.4 และได้รับตีพิมพ์ในวารสารระดับชาติหรือนานาชาติในฐานข้อมูล Thai-Journal Citation
Index (TCI) ตีพิมพ์มาไม่เกิน 5 ปนับจากวันทีมีจดหมายขอให้พิจารณาคุณวุฒิ “เทียบเท่าปริญญาเอก” หรือเปนไป
ตามระเบียบของราชวิทยาลัยรังสีแพทย์ฯ
อนึง ในกรณีที วว. หรือ อว. ได้รับการรับรองว่า “เทียบเท่าปริญญาเอก” ไม่ให้ใช้คําว่า Ph.D. หรือ ปร.ด.
ท้ายชือในคุณวุฒิ หรือวุฒิการศึกษา รวมทังการใช้คําว่า ดร. นําหน้าชือ แต่สถาบันสามารถให้ผู้ทีได้ วว. หรือ อว. ที “
เทียบเท่าปริญญาเอก” นี เปนอาจารย์ประจําหลักสูตรการศึกษาอาจารย์รับผิดชอบหลักสูตรการศึกษา อาจารย์คุม
วิทยานิพนธ์ หรือเปนวุฒิการศึกษาประจําสถานศึกษาได้
10. ทรัพยากรทางการศึกษา
หลักสูตรกําหนดและดําเนินนโยบายเกียวกับทรัพยากรการศึกษาให้ครอบคลุมประเด็นต่อไปนี ซึงแสดง
รายการโดยละเอียดในภาคผนวก 22
10.2. มีจํานวนผู้ปวยเพียงพอและชนิดของผู้ปวยหลากหลายสอดคล้องกับผลสัมฤทธิของการเรียนรู้ทีคาดหวัง
ทังผู้ปวยนอก ผู้ปวยใน และผู้ปวยนอกเวลาทําการ (ตามเกณฑ์หลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้าน
เพือวุฒิบัตรความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ พ.ศ. 2565
ดังแสดงในภาคผนวก 23) การเข้าถึงสิงอํานวยความสะดวกทางคลินิกและการเรียนภาคปฏิบัติทีพอเพียง
สําหรับสนับสนุนการเรียนรู้ (ภาคผนวก 22)
10.4. มีการจัดประสบการณ์ในการปฏิบัติงานเปนทีมร่วมกับผู้รว
่ มงานและบุคลากรวิชาชีพอืน (ภาคผนวก 24)
10.5. มีการให้ความรู้และการประยุกต์ความรู้พืนฐานและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในสาขาวิชาทีฝกอบรม
มีการบูรณาการและสมดุลระหว่างการฝกอบรมกับการวิจัยอย่างเพียงพอ (ภาคผนวก 25)
11. การประเมินแผนงานฝกอบรม
หลักสูตรมีการกํากับดูแลการฝกอบรมให้เปนไปตามแผนงาน ฝกอบรมเปนประจํา มีกลไกในการประเมิน
หลักสูตรและนําไปใช้ได้จริง โดยการประเมินแผนงานฝกอบรม ครอบคลุมประเด็นดังต่อไปนี
1. พันธกิจของแผนงานฝกอบรม
2. ผลสัมฤทธิ การเรียนรู้ทีพึงประสงค์
3. แผนฝกอบรม
4. ขันตอนการดําเนินงานของแผนฝกอบรม
5. การวัดและประเมินผล
6. พัฒนาการของผู้รับการฝกอบรม
7. ทรัพยากรทางการศึกษา
8. คุณสมบัติของอาจารย์ผู้ให้การฝกอบรม
9. ความสัมพันธ์ระหว่างนโยบายการรับสมัครผู้รับการฝกอบรมและ ความต้องการของระบบสุขภาพ
10. แผนงานฝกอบรมร่วม/สมทบ
11. ข้อควรปรับปรุง
ทังนีหลักสูตรมีการแสวงหาข้อมูลปอนกลับเกียวกับแผนการฝกอบรมและหลักสูตร จากผู้ให้การฝกอบรม
ผู้รับการฝกอบรม นายจ้าง และผู้มีสว
่ นได้เสียหลัก รวมถึงการใช้ข้อมูลปอนกลับเกียวกับความสามารถในการปฏิบัติ
งานของ แพทย์ผู้สําเร็จการฝกอบรม ในการประเมินแผนการฝกอบรมและหลักสูตร ดังแสดงในภาคผนวก 26
12. การทบทวนและการพัฒนา
หลักสูตรจัดให้มีการทบทวนและพัฒนาคุณภาพของหลักสูตรและแผนงานฝกอบรมเปนระยะ ๆ อย่างน้อย
ทุก 5 ป ปรับปรุงกระบวนการ โครงสร้าง เนือหา ผลสัมฤทธิ และ สมรรถนะของผู้สําเร็จการฝกอบรม รวมถึงการวัด
และการประเมินผล และ สภาพแวดล้อมในการฝกอบรมให้ทันสมัยอยูเ่ สมอ ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง ทีตรวจพบ มี
ข้อมูลอ้างอิง และแจ้งผลการทบทวน และพัฒนาให้แพทยสภารับทราบ
14. การประกันคุณภาพการฝกอบรม
หลักสูตรจัดให้มีระบบและกลไกการประกันคุณภาพการฝกอบรมภายในสถาบันฝกอบรมเปนประจํา อย่าง
น้อยทุก 2 ป รวมทังมีการประกันคุณภาพการฝกอบรมโดยราชวิทยาลัยทีกํากับดูแลการฝกอบรมสาขานันตามระบบ
กลไก และเกณฑ์ทีแพทยสภากําหนด อย่างน้อยทุก 5 ป
ภาคผนวก
ภาคผนวก 1
คําสังแต่งตัง คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้านเพือวุฒบิ ต
ั รความรูค
้ วาม
ชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ภาคผนวก 2
บันทึกความร่วมมือระหว่างราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย
กับกระทรวงสาธารณสุข
ภาคผนวก 3
ตารางแสดงความสัมพันธ์ระหว่างสมรรถนะทีพึงประสงค์
กับประสบการณ์การเรียนรูแ
้ ละการประเมินผล
เพือให้แพทย์ประจําบ้านผู้เข้ารับการฝกอบรมได้มีประสบการณ์การเรียนรู้ทีหลากหลายในสาขาเวชศาสตร์
นิวเคลียร์ จึงได้มีแนวทางในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพือให้สอดคล้องกับผลสัมฤทธิการฝกอบรมทีพึง
ประสงค์ทัง 6 ด้าน โดยยึดหลักการ “O: Objectives” “L: Learning experience” และ “E: Evaluation” ดังแสดงใน
ตารางนี
สมรรถนะทีพึงประสงค์ วิธก
ี ารฝกอบรม/การจัด แนวทางการประเมินผล
(Objectives) ประสบการณ์การเรียนรู ้ Evaluation
(Learning experience)
1. การบริบาลผูป
้ วย (patient
care)
สมรรถนะทีพึงประสงค์ วิธก
ี ารฝกอบรม/การจัด แนวทางการประเมินผล
(Objectives) ประสบการณ์การเรียนรู ้ Evaluation
(Learning experience)
● เรียนรู้จากการปฏิบัติงานใน
หน่วยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ (On
the job learning)
2. ความรูแ
้ ละทักษะหัตถการ
เวชกรรม (medical knowledge
and procedural skills)
สมรรถนะทีพึงประสงค์ วิธก
ี ารฝกอบรม/การจัด แนวทางการประเมินผล
(Objectives) ประสบการณ์การเรียนรู ้ Evaluation
(Learning experience)
สมรรถนะทีพึงประสงค์ วิธก
ี ารฝกอบรม/การจัด แนวทางการประเมินผล
(Objectives) ประสบการณ์การเรียนรู ้ Evaluation
(Learning experience)
3. ทักษะระหว่างบุคคลและการ
สือสาร (interpersonal and
communication skills)
3. สามารถสือสารกับผู้รว
่ มงาน ทีม ● กิจกรรม Multidisciplincary ● Multisource feedback
สหสาขาวิชาชีพ ได้อย่างเหมาะสม conference
● การฝกปฏิบัติงานในภาควิชา
รังสีวิทยา
สมรรถนะทีพึงประสงค์ วิธก
ี ารฝกอบรม/การจัด แนวทางการประเมินผล
(Objectives) ประสบการณ์การเรียนรู ้ Evaluation
(Learning experience)
4. การเรียนรูแ
้ ละการพัฒนาจาก
ฐานการปฏิบต
ั ิ (practice-based
learning and improvement)
5. ความสามารถในการทํางาน
ตามหลักวิชาชีพนิยม
(professionalism) รวมทัง
คุณลักษณะของความเปนผูเ้ รียนรู ้
ตลอดชีวิต (continuing medical
education) หรือการพัฒนา
วิชาชีพต่อเนือง (continuing
professional development
1. มีคณ
ุ ธรรม จริยธรรม และเจตคติ ● การเรียนแบบบูรณาการ ● Direct observation
อันดีต่อผู้ปวย ญาติ ผู้รว
่ มงาน ● การฝกปฏิบัติงานในหน่วย ● Multisource feedback
เพือนร่วมวิชาชีพและชุมชน เวชศาสตร์นิวเคลียร์
● การทําเปนตัวอย่างทีดีของ
อาจารย์แพทย์ (Role model)
สมรรถนะทีพึงประสงค์ วิธก
ี ารฝกอบรม/การจัด แนวทางการประเมินผล
(Objectives) ประสบการณ์การเรียนรู ้ Evaluation
(Learning experience)
6. การทําเวชปฏิบต
ั ิให้สอดคล้อง
กับระบบสุขภาพ (systems-based
practice)
สมรรถนะทีพึงประสงค์ วิธก
ี ารฝกอบรม/การจัด แนวทางการประเมินผล
(Objectives) ประสบการณ์การเรียนรู ้ Evaluation
(Learning experience)
ภาคผนวก 4
กิจกรรมทางวิชาชีพทีแพทย์ประจําบ้านสามารถปฏิบต
ั ิได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีการกํากับดูแล
(Entrustable professional activities; EPA)
กิจกรรมทางวิชาชีพทีแพทย์ประจําบ้านสามารถปฏิบต
ั ิได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีการกํากับดูแลเมือสําเร็จการ
ฝกอบรม แพทย์ประจําบ้านสาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
ประกอบด้วย
● EPA 1 การวางแผนการตรวจผู้ปวยด้วยการถ่ายภาพทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ (planar image, SPECT,
SPECT/CT, PET/CT, DXA)
● EPA 2 การแปลผลการตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์เพือให้การวินิจฉัย รวมถึงการวินิจฉัยแยกโรค
● EPA 3 การสือสารผลการตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ รวมถึงการแนะนําการตรวจเพิมเติมทีเกียวข้อง
และ/หรือการรักษาทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์
● EPA 4 ทักษะในการตรวจ การทําหัตถการ และการรักษาทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์
ขันขีดความสามารถ
ขันขีดความสามารถ (level of entrustment) โดยจําแนกผลการเรียนรู้ และขีดความสามารถในกิจกรรม
วิชาชีพทีเชือถือไว้ใจได้ (entrustable Professional Activities: EPA) แต่ละอย่างเปน 5 ขัน ดังนี
● ขันที 1 สามารถปฏิบัติกิจกรรมได้ภายใต้การควบคุมของอาจารย์อย่างใกล้ชิด
● ขันที 2 สามารถปฏิบัติกิจกรรมได้ภายใต้การชีแนะของอาจารย์
● ขันที 3 สามารถปฏิบัติกิจกรรมได้โดยมีของอาจารย์ให้ความช่วยเหลือเมือต้องการ
● ขันที 4 สามารถปฏิบัติกิจกรรมได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องกํากับดูแล
● ขันที 5 สามารถปฏิบัติกิจกรรมได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องกํากับดูแล และ ควบคุมผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าได้
EPA 1 การวางแผนการตรวจผูป
้ วยด้วยการถ่ายภาพทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ (planar image, SPECT,
SPECT/CT, PET/CT, DXA)
EPA 1 รายละเอียด
ลักษณะเฉพาะและข้อจํากัด 1. สามารถเลือกวิธีการตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ให้เหมาะสมกับ
(specification and limitations) ปญหาของผู้ปวย โดยคํานึงถึง
● ข้อบ่งชีทางคลินิก ข้อมูลทางคลินิกต่างๆของผู้ปวย ผลการตรวจ
ทางห้องปฏิบัติการและผลการตรวจทางรังสีก่อนหน้าทีเกียวข้อง
● ข้อห้ามและข้อควรระวัง
● หลักต้นทุนและประสิทธิผล
EPA 1 รายละเอียด
เขตความรู้ความชํานาญทีเกียวข้อง ● การบริบาลผู้ปวย
มากทีสุด (most relevant ● ความรู้และทักษะหัตถการเวชกรรม
domains of competence) ● ทักษะระหว่างบุคคลและการสือสาร
● การเรียนรู้และการพัฒนาจากฐานการปฏิบัติ
● ความสามารถในการทํางานตามหลักวิชาชีพนิยม รวมทัง
คุณลักษณะของความเปนผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต หรือการพัฒนา
วิชาชีพต่อเนือง
● การทําเวชปฏิบัติให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพ
EPA 1 รายละเอียด
EPA 2 รายละเอียด
ลักษณะเฉพาะและข้อจํากัด 1. สามารถวิเคราะห์และรายงานผลการตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ชนิด
(specification and limitations) ต่างๆ โดยให้การวินิจฉัยและวินิจฉัยแยกโรคได้ตามมาตรฐาน
2. สามารถคิด วิเคราะห์ และอ้างอิงหลักฐานเชิงประจักษ์เพือนําไป
ประยุกต์ในการให้การวินิจฉัยให้เหมาะสมกับบริบทของผู้ปวย
3. ทราบผลบวกลวงและผลลบลวงของการตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์
ชนิดนัน ๆ
EPA 2 รายละเอียด
(context)
เขตความรู้ความชํานาญทีเกียวข้อง ● การบริบาลผู้ปวย
มากทีสุด (most relevant ● ความรู้และทักษะหัตถการเวชกรรม
domains of competence) ● ทักษะระหว่างบุคคลและการสือสาร
● การเรียนรู้และการพัฒนาจากฐานการปฏิบัติ
● ความสามารถในการทํางานตามหลักวิชาชีพนิยม รวมทัง
คุณลักษณะของความเปนผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต หรือการพัฒนา
วิชาชีพต่อเนือง
● การทําเวชปฏิบัติให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพ
EPA 2 รายละเอียด
EPA 3 รายละเอียด
เขตความรู้ความชํานาญทีเกียวข้อง ● การบริบาลผู้ปวย
มากทีสุด (most relevant ● ความรู้และทักษะหัตถการเวชกรรม
domains of competence) ● ทักษะระหว่างบุคคลและการสือสาร
● การเรียนรู้และการพัฒนาจากฐานการปฏิบัติ
EPA 3 รายละเอียด
● ความสามารถในการทํางานตามหลักวิชาชีพนิยม รวมทัง
คุณลักษณะของความเปนผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต หรือการพัฒนา
วิชาชีพต่อเนือง
● การทําเวชปฏิบัติให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพ
EPA 3 รายละเอียด
ต้องการ
ขันที 4 สามารถปฏิบัติกิจกรรมได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องกํากับดูแล
ขันที 5 สามารถปฏิบัติกิจกรรมได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องกํากับดูแล และ
ควบคุมผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าได้
EPA 4 รายละเอียด
เขตความรู้ความชํานาญทีเกียวข้อง ● การบริบาลผู้ปวย
มากทีสุด (most relevant ● ความรู้และทักษะหัตถการเวชกรรม
domains of competence) ● ทักษะระหว่างบุคคลและการสือสาร
EPA 4 รายละเอียด
● การเรียนรู้และการพัฒนาจากฐานการปฏิบัติ
● ความสามารถในการทํางานตามหลักวิชาชีพนิยม รวมทัง
คุณลักษณะของความเปนผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต หรือการพัฒนา
วิชาชีพต่อเนือง
● การทําเวชปฏิบัติให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพ
EPA 4 รายละเอียด
decision)
ภาคผนวก 5
เนือหาความรูใ้ นหลักสูตรการฝกอบรมสาขาวิชาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
1. ความรูท
้ างวิทยาศาสตร์การแพทย์
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ทีมีความสัมพันธ์กับการตรวจวินิจฉัย และการรักษาโรคทางเวชศาสตร์
นิวเคลียร์ ได้แก่
● กายวิภาคศาสตร์
● สรีรวิทยา
● เภสัชวิทยาประยุกต์
● พยาธิวิทยา
● ความรู้พืนฐานทางฟสิกส์ เคมี ชีวเคมีและชีววิทยา
2. ความรูท
้ างวิชาแพทย์สาขาอืน ๆ ทีเกียวข้อง
● อายุรศาสตร์
● กุมารเวชศาสตร์
● ระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine system)
● ระบบทางเดินอาหารและระบบทางเดินนาดี (Gastrointestinal and biliary systems
● ระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular system)
● ระบบทางเดินหายใจ (Pulmonary system)
● ระบบเลือดและนาเหลือง (Hematology and lymphatic system)
● ระบบประสาท (Neurology)
● ระบบทางเดินปสสาวะ และระบบสืบพันธุ์ (Nephrology, genitourinary and reproductive
system)
● ระบบกระดูกและกล้ามเนือ (Musculoskeletal system)
● มะเร็งวิทยา (Oncology)
3. ความรูพ
้ ืนฐานทางด้านรังสีวินิจฉัย
● ภาพตัดขวางทางรังสี (Cross-sectional anatomy - basic clinical CT and MRI including those
findings)
● ความรู้รวบยอดในการให้การวินิจฉัยโรคโดยภาพถ่ายทางรังสี (Comprehensive knowledge of
imaging diagnostic thinking (e.g., advantages and limitations of various CT protocols
that can be used in PET/CT))
● ภาพถ่ายทางรังสีอืน ๆ ทีสัมพันธ์กับการแปลผลภาพถ่ายทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ (Correlative
imaging of NM images and those from other imaging techniques)
● การตรวจพิเศษทางรังสีอืน ๆ ทีช่วยในการวินิจฉัยโรคระบบต่าง (Special diagnostic
investigations in cardiology, lung disease, gastroenterology, hepatobiliary dysfunction,
nephro-urology, neurology and psychiatry, endocrinology, hematology, oncology and
infection)
● หลักการและชนิดของการใช้สารทึบรังสีและสารเปรียบเทียบความต่างของเนือเยือ รวมถึงข้อห้าม
ข้อควรระวัง และภาวะทีไม่พึงประสงค์ รวมถึงการดูแลเบืองต้นเมือเกิดภาวะไม่พึงประสงค์ (Types
and applications of X-ray contrast materials and gadolinium chelates, contraindications
of contrast agents and management of their adverse reaction)
4. ความรูพ
้ ืนฐานและหลักการของรังสีรก
ั ษา
● เครืองมือทางรังสีรักษา
● การใช้การตรวจและเทคนิคทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ในการวางแผนรักษาผู้ปวยมะเร็ง (ในแง่การ
ตรวจเพือการแบ่งระยะของโรค การกําหนดขอบเขตการฉายรังสี)
● ฟสิกส์พืนฐานของรังสีรักษา
● ผลของรังสีต่อเนือเยือปกติและก้อนมะเร็ง
● ผลแทรกซ้อนจากการรักษาด้วยรังสี
● ภาวะฉุกเฉินทางรังสีรักษา
5. ความรูท
้ างฟสิกส์การแพทย์และชีวรังสี*
● ฟสิกส์รังสี (Radiation physics)
● ชีวรังสี (Radiobiology)
● การปองกันอันตรายจากรังสี (Radiation protection)
● *โดยอ้างอิงตามหลักสูตรของสมาคมนักฟสิกส์การแพทย์ไทย
6. ความรูแ
้ ละหลักการทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์
● หลักการทางฟสิกส์ สถิติ คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์
● สารเภสัชรังสี (Radiopharmaceuticals) และการเลือกใช้สารเภสัชรังสีทีเหมาะสมในแต่ละโรคและ
อวัยวะ
● Tracer kinetic model
● การใช้เครืองมือ (PET/CT, SPECT/CT, gamma probe) หลักการในการถ่ายภาพทางเวชศาสตร์
นิวเคลียร์ และ Image processing รวมถึงหลักการการทํา quality control
● หลักการในการวัดปริมาณรังสี
● หลักการของการตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูกโดยใช้ Dual energy X-ray absorptiometry
(DXA)
● Radionuclide associated treatment technique
7. ความรูท
้ างเวชศาสตร์นิวเคลียร์คลินิก
ต้องมีความรู้เกียวกับ Patterns of radiopharmaceutical uptake; normal and abnormal appearances
of images, normal variants and common artifacts in images ในระบบต่างๆ ดังนี
● ระบบประสาท (Central nervous system)
● ระบบกระดูกและกล้ามเนือ (Musculoskeletal system)
● ระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular system)
9. ความรูแ
้ ละหลักการของสารเภสัชรังสี
● คุณสมบัติหรือคุณลักษณะของสารเภสัชรังสี (Characteristics of an ideal radiopharmaceutical
and precautions)
● Production of radionuclides
○ Reactor-produced radionuclides
○ Cyclotron products
○ Nuclide generators
● ความรู้เบืองต้นในการเตรียมสารเภสัชรังสี (Preparation of radiopharmaceuticals, including
SPECT and PET pharmaceuticals)
● ความรู้พืนฐานในการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพของสารเภสัชรังสี (Quality control of
radiopharmaceuticals): Radionuclide purity, chemical purity, radiochemical purity,
Biological controls (including testing for pyrogens, sterility and undue toxicity, specific
tests (in some labeled compounds, kits, colloids)
● ความรู้พืนฐานเกียวกับการจัดเก็บสารเภสัชรังสีและความคงตัว (Stability studies and storage
conditions: Problems of radiopharmaceuticals during storage, mechanism of
decomposition, factors affecting stability of labeled compounds)
● ผลอันไม่พึงประสงค์จากการใช้สารเภสัชรังสี (Complications in the use of
radiopharmaceuticals): Adverse reactions to radiopharmaceuticals, alterations in
radiopharmaceutical biodistribution
ภาคผนวก 6
การทําวิจัย
ขอบเขตความรับผิดชอบ
เนืองจากความสามารถในการทําวิจัยด้วยตนเองเปนสมรรถนะหนึงทีแพทย์ประจําบ้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์
ต้องบรรลุตามหลักสูตรฯ ฉบับ พ.ศ. 2565 และ ผลงานวิจัยฉบับสมบูรณ์เปนองค์ประกอบหนึงของการประเมิน
คุณสมบัติผู้ทีจะได้รับวุฒิบัตรฯเมือสินสุดการฝกอบรม ดังนันสถาบันฝกอบรมจะรับผิดชอบการเตรียมความพร้อม
ให้กับแพทย์ประจําบ้านตังแต่การเตรียมโครงร่างการวิจัย ไปจนสินสุดการทํางานวิจัยและจัดทํารายงานวิจัยฉบับ
สมบูรณ์หรือนิพนธ์ต้นฉบับทีได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการแล้วหรือได้รับการตอบรับตีพิมพ์ เพือนําส่งคณะ
อนุกรรมการฝกอบรมและสอบความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ทังนี
สถาบันฝกอบรมรายงานชืองานวิจัย อาจารย์ทีปรึกษา การนําเสนอโครงร่างวิจัย และความคืบหน้าของงานวิจัย ตาม
กรอบเวลาทีกําหนดไปยังคณะอนุกรรมการฝกอบรมและสอบความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์เพือให้มีการกํากับดูแลอย่างทัวถึง
คุณลักษณะของงานวิจัย
1) เปนผลงานทีริเริมใหม่ หรือเปนงานวิจัยทีใช้แนวคิดทีมีการศึกษามาก่อนทังในและต่างประเทศ แต่นํามา
ดัดแปลงหรือทําซาในบริบทของสถาบัน หรือเปนผลงานวิจัยประเภทการปริทัศน์เปนระบบ (systematic
review) และ meta-analysis หากสามารถทําได้และเหมาะสม
2) แพทย์ประจําบ้านและอาจารย์ผู้ดําเนินงานวิจัยทุกคน ควรผ่านการอบรมด้านจริยธรรมการวิจัยในคน และ
good clinical practice (GCP)
3) งานวิจัยทุกเรืองต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยฯ ตามเกณฑ์ของสถาบัน
4) งานวิจัยทุกเรือง ควรดําเนินภายใต้ข้อกําหนดของ GCP หรือระเบียบวิจัยทีถูกต้องและเหมาะสมกับคําถาม
วิจัย
5) ใช้ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษในการนําเสนอผลงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ แต่บทคัดย่อให้มีทังภาษาไทยและ
ภาษาอังกฤษ
6 จัดเตรียมคําถามวิจัยและติดต่ออาจารย์ทีปรึกษา
9 จัดทําโครงร่างงานวิจัย
11 สอบโครงร่างงานวิจัย
13 ขออนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย ขอทุนสนับสนุนงานวิจัยจากแหล่งทุนทัง
ภายในและนอกสถาบัน (ถ้าต้องการ)
15 เริมเก็บข้อมูล
21 รายงานความคืบหน้างานวิจัย ภายใต้การดูแลของอาจารย์ทีปรึกษา
29 วิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลงานวิจัย
30 จัดทํารายงานวิจัยฉบับร่างหรือนิพนธ์ต้นฉบับให้อาจารย์ทีปรึกษาปรับแก้ไข
31 ส่งรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์หรือนิพนธ์ต้นฉบับทีได้รับการตีพิมพ์แล้วหรือได้รับการตอบรับตี
พิมพ์ต่ออนุกรรมการสอบฯให้ทําการประเมินผลสําหรับประกอบคุณสมบัติการเข้าสอบเพือ
วุฒิบัตรฯ
หมายเหตุ:
1. กําหนดเวลาดังกล่าวอาจเปลียนแปลงได้ตามความเหมาะสมและตามความเห็นของคณะอนุกรรมการสอบฯ
2. กําหนดการดังกล่าวเปนการดําเนินการอย่างช้า ดังนันแพทย์ประจําบ้านสามารถดําเนินการเร็วกว่ากําหนดการได้
ขันตอนการทําวิทยานิพนธ์
● แพทย์ประจําบ้านชันปที 1 นําเสนอโครงร่างการวิจัยต่อคณะอนุกรรมการฯ ตามคําแนะนําของอาจารย์ที
ปรึกษาภายในเดือนมิถุนายน โดยให้สง่ โครงร่างงานวิจัยให้คณะอนุกรรมการฯ 1 เดือนก่อนวันนําเสนอโครง
การฯ
● แพทย์ประจําบ้านชันปที 3 ขอสอบวิทยานิพนธ์ ได้ต่อเมือได้ตรวจสอบว่าปฏิบัติตามเกณฑ์ต่าง ๆ ต่อไปนี
ครบถ้วนแล้ว
○ ผ่านการปฏิบัติงานตามทีกําหนดในหลักสูตรอย่างน้อย 30 เดือน ยกเว้นมีเหตุจําเปนอันสมควร และ
มีจดหมายรับรองจากหัวหน้าสาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์หรือหัวหน้าภาควิชา ของสถาบันทีฝกอบรม
○ จัดพิมพ์วิทยานิพนธ์ทีเขียนด้วยภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ และบทคัดย่อทังภาษาไทยและภาษา
อังกฤษให้คณะอนุกรรมการฯ ภายใน 1 เดือน ก่อนกําหนดสอบวิทยานิพนธ์ หรือหากผลงานวิจัยได้
รับการตีพิมพ์หรือตอบรับตีพิมพ์แล้ว ให้สง่ นิพนธ์ต้นฉบับแทนได้
● กําหนดการสอบวิทยานิพนธ์ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ หากมีการแก้ไขวิทยานิพนธ์ จะต้องส่งร่างวิทยานิพนธ์
ทีแก้ไขเรียบร้อยแล้วให้คณะอนุกรรมการฯ ภายในสามสัปดาห์หลังสอบผ่าน
การสอบวิทยานิพนธ์
การสอบวิทยานิพนธ์มีวัตถุประสงค์เพือพิจารณาความสามารถของผู้วิจัย โดยมีสาระสําคัญ คือ ความ
สามารถในการทําวิจัย โดยเฉพาะทีเกียวกับเรืองทีทําวิจัยเพือวิทยานิพนธ์ ความสามารถในการนําเสนอผลงาน ทัง
ในด้านการพูดและการเขียน ความรอบรู้ในเนือหาทีเกียวกับเรืองทีทําการวิจัย ความสามารถเชิงความรู้ ความเข้าใจ
ความชัดเจน ตลอดจนปฏิภาณและไหวพริบในการตอบคําถาม
การประเมินการนําเสนอและเนือหาวิทยานิพนธ์
แบ่งการประเมินเปน 2 ส่วน คือ (1) เนือหาในเล่มวิทยานิพนธ์ และ (2) การนําเสนอวิทยานิพนธ์ ดังแสดง
รายละเอียดในตารางต่อไปนี
ประเด็นทีประเมิน คะแนน
ประเด็นทีประเมิน คะแนน
ประเด็นทีประเมิน คะแนน
ส่วนที 1 เนือหาในเล่มวิทยานิพนธ์ *
หัวเรือง 5
บทคัดย่อ 15
ทีมาและเหตุผล การทบทวนวรรณกรรม 15
คําถามการวิจัยและวัตถุประสงค์ 10
วัสดุและวิธีการ 10
วิธีการเก็บและนําเสนอข้อมูล (ผลการศึกษา) 15
อภิปรายและสรุป 20
การเสนอแนะแนวทางการประยุกต์และการใช้ประโยชน์ 10
คะแนนรวมส่วนที 1 100
ส่วนที 2 การนําเสนอวิทยานิพนธ์
นําเสนอด้วยความมันใจ 5
การลําดับเนือเรืองมีความน่าสนใจและชวนติดตาม 5
การรักษาเวลา 5
การตอบข้อซักถาม 10
หัวข้อเรือง 10
ทีมาและเหตุผล การทบทวนวรรณกรรม 10
คําถามการวิจัยและวัตถุประสงค์ 10
ชนิดการวิจัย 10
วัสดุและวิธีการ 10
วิธีการเก็บและนําเสนอข้อมูล 10
การเสนอแนะแนวทางการประยุกต์และการใช้ประโยชน์ 10
คะแนนรวมส่วนที 2 100
หมายเหตุ * แพทย์ประจําบ้านสามารถส่งใบสมัครเพือสอบฯ ได้ตามหมายกําหนดการของราชวิทยาลัยฯ แต่ต้อง
สอบวิทยานิพนธ์ให้ผา่ นตามเกณฑ์และระยะเวลาก่อน จึงจะมีสิทธิเข้าสอบข้อเขียนและสอบปากเปล่า
เกณฑ์การสอบผ่าน
แต่ละส่วน จะต้องได้คะแนนมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 60 จากกรรมการสอบฯ 6 ใน 10 ท่าน กรณีใช้
นิพนธ์ต้นฉบับแทนเล่มวิทยานิพนธ์ ให้สง่ นิพนธ์ต้นฉบับพร้อมหลักฐานการได้รับการตีพิมพ์หรือการตอบรับการตี
พิมพ์ และไม่ต้องประเมินส่วนที 1
ข้อกําหนดสําหรับแพทย์ประจําบ้านทีสอบ “ไม่ผา
่ น”
1. แพทย์ประจําบ้านสามารถขอสอบซ่อมในส่วนทีไม่ผา่ นได้อีก 1 ครัง โดยใช้เกณฑ์ผา่ นเดิม หากการสอบซ่อม
ยังคงไม่ผา่ น จะไม่มีสิทธิสอบข้อเขียนและสอบปากเปล่า
2. หากสอบไม่ผา่ นในส่วนที 1 จะต้องดําเนินการปรับปรุงเล่มวิทยานิพนธ์ และส่งฉบับปรับปรุงให้กรรมการส
อบฯ ประเมินใหม่เพือให้กรรมการประเมินอีกครังภายในกําหนดการรับสมัครสอบฯของราชวิทยาลัย
รังสีแพทย์
3. หากสอบไม่ผา่ นในส่วนที 2 จะต้องนําเสนอวิทยานิพนธ์ใหม่ต่อคณะกรรมการสอบฯ ภายใน 1 เดือน
4. หากแพทย์ประจําบ้านไม่สามารถปฏิบัติตามเงือนไขภายในระยะเวลาทีกําหนด แพทย์ประจําบ้านต้องแจ้ง
เหตุผลเพือให้คณะกรรมการสอบฯ พิจารณาอนุมัติขยายเวลาการสอบซ่อม มิฉะนันคณะอนุกรรมการฯ จะ
ถือว่าผลการสอบเปน “ตก”
5. หากผลการสอบเปน “ตก” และต้องการขอสอบใหม่ แพทย์ประจําบ้านจะต้องเริมต้นขันตอนการทํา
วิทยานิพนธ์ใหม่ทังหมด รวมถึงการนําเสนอโครงร่างวิทยานิพนธ์ ตามดุลยพินิจของคณะอนุกรรมการฯ
และระยะเวลาทีกําหนดให้
หมายเหตุ สมัครสอบได้แต่ต้องให้เสร็จภายในกําหนด
ภาคผนวก 7
แนวทางการเขียนโครงร่างงานวิจัยและส่วนประกอบของวิทยานิพนธ์
แนวทางการเขียนโครงร่างวิจัย
สําหรับรูปแบบงานวิจัยทัวไป โครงร่างวิจัยควรมีองค์ประกอบและคําอธิบาย ดังนี
1. ชืองานวิจัย (Research title)
● ชือเรืองควรมีความหมายสัน กะทัดรัดและชัดเจน
● ระบุถึงเรืองทีจะทําการศึกษาวิจัย ว่าทําอะไร กับใคร ทีไหน อย่างไร เมือใด หรือต้องการผลอะไร
2. ชือแพทย์ผว
ู้ ิจัยและชืออาจารย์ทปรึ
ี กษาหลัก
● กล่าวถึงชือแพทย์ผู้วิจัย และชืออาจารย์ทีปรึกษาหลัก รวมถึงชือสถาบันฝกอบรม
8. ขอบเขตของการวิจัย (Setting)
● เปนการระบุให้ทราบว่าการวิจัยทีจะศึกษามีขอบข่ายกว้างขวางเพียงใด เนืองจากผู้วิจัยไม่สามารถ
ทําการศึกษาได้ครบถ้วนทุกแง่ทุกมุมของปญหานัน จึงต้องกําหนดขอบเขตของการศึกษาให้แน่นอน
ว่าจะครอบคลุมอะไรบ้าง
● ซึงอาจทําได้โดยการกําหนดขอบเขตเรืองให้แคบลงเฉพาะตอนใดตอนหนึงของสาขาวิชา หรือกําหนด
กลุ่มประชากร สถานทีวิจัย หรือระยะเวลา
9. คํานิยามเชิงปฏิบต
ั ิทจะใช้
ี ในการวิจัย (Operational definition)
● ในการวิจัยอาจมีตัวแปร (variables) หรือคําศัพท์ (terms) เฉพาะต่างๆ ทีใช้สําหรับการวิจัยเรืองนันๆ
จึงจําเปนต้องให้คําจํากัดความอย่างชัดเจน ในรูปทีสามารถสังเกต (observation) หรือวัด
(measurement) ได้ ไม่เช่นนันแล้วอาจมีการแปลความหมายไปได้หลายทาง ตัวอย่างเช่น คําว่า
คุณภาพชีวิต ตัวแปรทีเกียวกับความรู้ ทัศนคติ ความพึงพอใจ ความปวด เปนต้น
10. ประโยชน์ทคาดว่
ี าจะได้รบ
ั จากงานวิจัย (Expected benefits and application)
● อธิบายถึงประโยชน์ทีจะนําไปใช้ได้จริง เช่น นําไปวางแผนในการดูแลรักษาผู้ปวย การกําหนด
นโยบายต่างๆ เพือหาแนวทางพัฒนาให้ดีขึน เปนต้น
11. ระเบียบวิธว
ี ิจัย (Research methodology)
● เปนการให้รายละเอียดเกียวกับ ขันตอนในการดําเนินการวิจัยว่าแต่ละขันตอนจะทําอย่างไร โดย
ทัวไปเปนการให้รายละเอียดในเรืองต่อไปนี คือ
11.1 ลักษณะการออกแบบงานวิจัย (Study design) จะเลือกใช้วิธีวิจัยรูปแบบใด เช่น การวิจัยแบบสังเกต
(observational study) การวิจัยแบบทดลอง (experimental study) การปริทัศน์เปนระบบ (systematic
review) เปนต้น นอกจากรูปแบบงานวิจัยแล้ว ควรระบุด้วยว่างานวิจัยนันมีวัตถุประสงค์เปนในลักษณะใด
เช่น การศึกษาความแม่นยําของการตรวจวินิจฉัย (diagnostic accuracy) การศึกษาผลการรักษา
(intervention study) หรือ การศึกษาเพือการทํานายหรือพยากรณ์ (prognostic study) เปนต้น
11.2 แหล่งข้อมูล (source of information) จะเก็บข้อมูลจากแหล่งใดบ้าง เช่น จะเก็บข้อมูลทุติยภูมิ จาก
ทะเบียนราษฎร์ สมุดสถิติรายป สํามะโนประชากรและเคหะ ฯลฯ หรืออาจเปนข้อมูลปฐมภูมิ จากการสํารวจ
การสนทนากลุ่ม การสังเกต การสัมภาษณ์ระดับลึก ฯลฯ เปนต้น
11.3 ประชากรทีจะศึกษา (study population) ระบุให้ชัดเจนว่า ใครคือประชากรทีต้องการศึกษา และ
กําหนดคุณลักษณะของประชากรทีจะศึกษา เกณฑ์ในการคัดเข้า (inclusion criteria) และคัดออก
(exclusion criteria) ของประชากรให้ชัดเจน
11.4 ขนาดตัวอย่าง (sample size) แสดงการได้มาซึงขนาดตัวอย่างทีจะใช้ในการตอบคําถามวิจัยหลัก หลัก
การ/สูตรทีใช้ในการคํานวณขนาดตัวอย่าง
11.5 วิธีการสุม
่ ตัวอย่าง (sampling method) ควรอธิบายว่าจะใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างอย่างไร
11.6 วิธีการเก็บข้อมูล (data collection process) ระบุว่าจะใช้วิธีการเก็บข้อมูลอย่างไร ใช้ลักษณะการเก็บ
ข้อมูลแบบไปข้างหน้า (prospective data collection) หรือย้อนหลัง (retrospective data collection) มี
การใช้เครืองมือและทดสอบเครืองมืออย่างไร เช่น จะใช้วิธีการส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์ หรือการ
สัมภาษณ์แบบมีแบบสอบถาม เปนต้น
11.7 การประมวลผลข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล ระบุการประมวลผลข้อมูล ว่าจะทําอย่างไร จะใช้เครือง
มือหรือสถิติอะไรบ้างในการวิเคราะห์ข้อมูล เพือให้สามารถตอบคําถามของการวิจัยทีต้องการได้
11.8 ตารางหุน
่ (dummy table) ผู้วิจัยควรจะวางแผนการนําเสนอผลการศึกษาตามวัตถุประสงค์ทีตังไว้
โดยแสดงในรูปของตารางหุน
่ ซึงหมายถึงตารางทีมีการระบุชือตาราง รวมทังระบุหัวข้อตามสดมภ์และแถว
ทังหมด เพือทีจะแสดงให้เห็นว่า เมือได้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลออกมาและนํามาใส่ในตารางทีออกแบบไว้
ล่วงหน้านีแล้ว ผลการศึกษาจะออกมาเปนอย่างไร เช่น
ตารางที 1. แสดงข้อมูลพืนฐานของกลุ่มตัวอย่าง
ตารางที 2. แสดงผลการศึกษาของวัตถุประสงค์หลัก
ตารางที 3. แสดงผลการศึกษาของวัตถุประสงค์รอง เปนต้น
หลักการนีใช้กับการแสดงผลการศึกษาในรูปชองกราฟหรือแผนภูมิลักษณะต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน
● ผู้วิจัยต้องระบุถึงระยะเวลาทีคาดว่าจะใช้ในการดําเนินงานวิจัยทังหมดว่าจะใช้เวลานานเท่าใด และ
ควรระบุระยะเวลาทีใช้สําหรับแต่ละขันตอนของการวิจัย
● ระบุว่าจะเริมแต่ละขันตอนเมือใด นานเท่าใด ตัวอย่างเช่น
○ ขันตอนการเตรียมการ : ค้นหาชือเรืองหรือปญหาทีจะทํา
○ ขันตอนการเก็บข้อมูล
○ ขันตอนการประมวลผลข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล
○ การเขียนรายงาน และการเผยแพร่ผลงาน
● หรืออาจเขียนในลักษณะ ตารางปฏิบัติงานโดยใช้ Gantt chart
วิทยานิพนธ์ทีเปนรูปเล่มทีสมบูรณ์มีสว
่ นประกอบทีสําคัญ 3 ส่วน คือ ส่วนนํา ส่วนเนือความ และส่วนอ้างอิง
หรือ ส่วนท้าย
1. ส่วนนํา
เปนส่วนทีแสดงรูปลักษณ์และส่วนที “ย่อ” เพือให้รู้ตอนหรือ หน้าของวิทยานิพนธ์ทีแสดงเนือหา
หลักของวิทยานิพนธ์ ส่วนนําของวิทยานิพนธ์ ประกอบด้วยส่วนย่อยหรือหัวข้อดังต่อไปนี : ปกนอก หน้าปก
ในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หน้าเสนอ วิทยานิพนธ์ หน้าอนุมัติโดยคณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์
กิตติกรรมประกาศ หน้าบทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สารบัญ สารบัญตาราง สารบัญภาพหรือ
สารบัญแผนภูมิ และคําอธิบายสัญลักษณ์และคําย่อ
2. ส่วนเนือความ
หมายถึงส่วนทีเปนเนือหาหลักของวิทยานิพนธ์ ส่วนเนือความของวิทยานิพนธ์มีองค์ประกอบที
สําคัญ คือ บทนํา ตัวเรือง ข้อสรุป และข้อเสนอแนะ ซึงแต่ละองค์ประกอบทีกล่าวมานียังมีหัวข้อย่อยอีก
● บทนํา จะเปนการเริมต้นของส่วนเนือความ กล่าวถึงความเปนมาหรือเหตุทีทําการศึกษาวิจัยเรืองหรือ
หัวข้อทีมาทําวิทยานิพนธ์นี
● ตัวเรือง เปนส่วนหลักของส่วนเนือความ ซึงยังอาจแบ่งเปนการปริทัศน์วรรณกรรมทีเกียวข้อง วิธีการ
วิจัย รายงานผล และอภิปรายผลการวิจัย
● ข้อสรุป เปนการรวมความมาเขียนโดยย่อเอาเฉพาะแต่ประเด็นสําคัญทีเปนผลของการวิจัยเพือ
วิทยานิพนธ์
● ข้อเสนอแนะ เปนความเห็นทีเปนผลจากการทําวิจัยเพือวิทยานิพนธ์ทีจะเปนประโยชน์ในด้านต่าง ๆ
ต่อไป เช่น การนําผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้ การชีแนะหัวข้อหรือประเด็นทีควรไปศึกษาวิจัยเพิมเติม
เพือให้ได้ความรู้เพิมเติม หรือความรู้ในแนวใหม่ทีอาจจะเปนประโยชน์มากกว่า หรือเพือหาคําตอบ
ต่อประเด็นต่อเนืองทีเกิดขึนใหม่จากการวิจัยเพือวิทยานิพนธ์เรืองนี เปนต้น
3. ส่วนอ้างอิงหรือส่วนท้าย
ประกอบด้วยรายการต่างๆ ดังนี
● รายการเอกสารอ้างอิง ทีผู้เขียนวิทยานิพนธ์อ้างถึงเพือประกอบเหตุผล หรือเพืออธิบายข้อความหรือ
เนือความตอนนันๆ
● ภาคผนวก (ถ้ามี) หมายถึง ส่วนเพิมเติมทีใส่เข้าไว้เพือให้เกิดความเข้าใจทีสมบูรณ์ขึนในข้อมูล เนือหา
กระบวนการของการวิจัย และผลของการวิจัย
● ประวัติผู้วิจัย หมายถึง ประวัติโดยย่อของผู้ทําวิทยานิพนธ์ ซึงโดยปรกติจะต้องระบุ ชือ นามสกุล วัน
เดือนปเกิด สถานทีเกิด ประวัติการศึกษา รางวัลเรียนดี หรือทุนการศึกษา หรือทุนวิจัยทีได้รับ
ตําแหน่งและสถานทีทํางาน
ตัวอย่างส่วนประกอบของวิทยานิพนธ์
ตัวอย่างหน้าปกวิทยานิพนธ์ภาษาไทย
ชือเรืองวิทยานิพนธ์
โดย
ชือผู้นิพนธ์
วิทยานิพนธ์นีเปนส่วนหนึงของการศึกษาตามหลักสูตรเพือวุฒิบัตร
แสดงความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
แพทยสภาแห่งประเทศไทย
ปการฝกอบรม ...
ตัวอย่างหน้าปกวิทยานิพนธ์ภาษาอังกฤษ
By
ตัวอย่างหน้าแผ่นรองปก
ชือเรืองวิทยานิพนธ์: ชือภาษาไทย
ชือภาษาอังกฤษ
ชือผู้นิพนธ์:
อาจารย์ทีปรึกษา:
สถาบันทีฝกอบรมฯ:
ตัวอย่างสารบัญภาษาไทย
สารบัญ
หน้า
บทคัดย่อภาษาไทย
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ
กิตติกรรมประกาศ
สารบัญ
สารบัญตาราง
สารบัญภาพประกอบ
รายการคําย่อ
บทที 1 บทนํา
1.1 ความสําคัญและทีมาของคําถามการวิจัย
1.2 วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1.3 ขอบเขตของการวิจัย
1.4 ประโยชน์ทีคาดว่าจะได้รับ
1.5 คําจํากัดความ
บทที 2 ทบทวนวรรณกรรมทีเกียวข้อง
2.1 ทฤษฎี
2.2 งานวิจัยทีเกียวข้อง
บทที 3 วิธีดําเนินการวิจัย
3.1 รูปแบบการวิจัย
3.2 ระเบียบวิธีการวิจัย
3.2.1 ประชากรเปาหมาย
3.2.2 กฎเกณฑ์ในการคัดเลือกเข้ามาศึกษา
3.2.3 กฎเกณฑ์ในการตัดออกจากการศึกษา
3.2.5 การคํานวณขนาดตัวอย่าง
3.2.5 ขันตอนการวิจัย
3.3 การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ
3.4 จริยธรรมการวิจัย
บทที 4 ผลการวิจัย
บทที 5 อภิปรายและสรุปผลการวิจัย
5.1 อภิปรายผลการวิจัย
5.2 สรุปผลการวิจัย
5.3 ข้อเสนอแนะ
เอกสารอ้างอิง
ภาคผนวก
ประวัติผู้วิจัย
ตัวอย่างสารบัญภาษาอังกฤษ
CONTENT
Page
ABSTRACT (THAI)
ABSTRACT (ENGLISH)
ACKNOWLEDGEMENTS
CONTENT
LIST OF TABLES
LIST OF FIGURES
LIST OF ABBREVIATIONS
CHAPTER 1 INTRODUCTION
1.1 Background and rationale 1
1.2 Objective(s)
1.3 Scope
1.4 Expected benefits
1.5 Definitions
CHAPTER 2 REVIEW OF RELATED LITERATURES
2.1 Theory
2.2 Related literatures
CHAPTER 3 RESEARCH METHODOLOGY
3.1 Research design
3.2 Materials and methods
3.2.1 Target population
3.2.2 Inclusion criteria
3.2.3 Exclusion criteria
3.2.4 Sample size estimation
3.2.5 Methods
3.3 Statistic analysis
3.4 Ethical consideration
CHAPTER 4 RESULTS
CHAPTER 5 DISCUSSION AND CONCLUSION
5.1 Discussion
5.2 Conclusion
5.3 Recommendation
REFERENCES
APPENDICES
VITAE
การเขียนประวัติผู้วิจัย
ประวัติผว
ู้ ิจัย
คําอธิบายวิธเี ขียนวิทยานิพนธ์หลักสูตรเพือวุฒบ
ิ ต
ั รแสดงความรูค
้ วามชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
1. เขียนเปนภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ แต่ต้องเขียนบทคัดย่อทัง 2 ภาษา
2. หัวข้อในสารบัญทีให้มาให้ทําเหมือนตัวอย่าง แต่อาจเพิมเติมหัวข้อได้ โดยหัวข้อย่อยต้องลงไปไม่เกิน 2
จุดทศนิยมเช่น 3.1.1 ไม่ต้องลงไปถึง 3.1.1.1 หากเกินให้ใส่ในเนือหา
3. ตัวอักษรใช้ TH Sarabun New ขนาด 16
4. การเว้นบรรทัดใช้ single space
5. เริมย่อหน้าใหม่ให้ใช้ยอ
่ หน้า ใช้ single space เช่นกัน
6. การอ้างอิง references ในเนือเรือง ให้ใส่ตัวเลขในวงเล็บหลังประโยค โดยอ้างอิงตามลําดับการอ้างอิงก่อน
หลัง เช่น (1) และให้ใช้ Vancouver style สามารถอ่านได้จาก
http://www.library.uq.edu.au/training/citation/vancouv.pdf
7. ตารางใช้เส้นเฉพาะในแนวนอนเท่านัน และใช้คําว่า ตารางที 1. หรือ Table 1. (ตัวหนา) ส่วนคําอธิบาย
ตารางใช้ตัวบางให้ไว้ทีด้านบนของตาราง
8. รูปภาพใช้คําว่า รูปที 1. หรือ Figure 1. (ตัวหนา) ตามด้วยคําอธิบายภาพตัวบาง ให้ไว้ทีด้านล่างของภาพ
9. เลขหน้าใส่ทีมุมบนขวาของหน้า
10. ภาคผนวก (Appendix) หน้าแรกของภาคผนวกให้ขึนหน้าใหม่ มีคําว่า ภาคผนวก อยูก
่ ลางหน้ากระดาษ
บรรทัดต่อมาพิมพ์ชือของภาคผนวก ถ้าหากภาคผนวกมีหลายภาค ให้ใช้เปนภาคผนวก ก ภาคผนวก ข และ
ภาคผนวก ค ตามลําดับ ให้ขึนหน้าใหม่เมือขึนภาคผนวกใหม่
11. กําหนดมาตรฐานกระดาษทีใช้พิมพ์วิทยานิพนธ์เปนกระดาษสีขาว ไม่มีบรรทัดขนาดมาตรฐาน A4 และไม่
ตากว่า 80 แกรม ให้พิมพ์เพียงหน้าเดียว
ภาคผนวก 8
คําสังแต่งตัง คณะกรรมการบริหารหลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้าน
สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ภาคผนวก 9
คําสังแต่งตัง คณะอนุกรรมการพิจารณาการเลือนชันปของแพทย์ประจําบ้าน
สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ภาคผนวก 10
Milestones ของผลลัพธ์การเรียนรูส
้ า
ํ หรับแต่ละชันปของการฝกอบรม
ผลลัพธ์การเรียนรูเ้ มือสินสุดปการศึกษาที 1
หมวด ผลลัพธ์
ผลลัพธ์การเรียนรูเ้ มือสินสุดปการศึกษาที 2
หมวด ผลลัพธ์
หมวด ผลลัพธ์
ผลลัพธ์การเรียนรูเ้ มือสินสุดปการศึกษาที 3
หมวด ผลลัพธ์
หมวด ผลลัพธ์
ภาคผนวก 11
ปฏิทินกิจกรรมการประเมินประจําปการศึกษา
กันยายน Project monitoring 1 Chart audit and review of Chart audit and review of
Reflection + Portfolio report 2 report 4
evaluation 1
เมษายน Mini-CEX 2
Mini-IPx 2
Formative 2
ภาคผนวก 12
เกณฑ์การเลือนระดับชัน การอุทธรณ์ผลการวัดและประเมินผล เกณฑ์การปฏิบต
ั ิงานชดเชย และ
เกณฑ์การยุติการฝกอบรม
ภาคทฤษฎี
ภาคปฏิบต
ั ิ
กิจกรรมวิชาการ
การประเมิน EPA
ภาคทฤษฎี
ภาคปฏิบต
ั ิ
กิจกรรมวิชาการ
ความก้าวหน้าวิทยานิพนธ์
เจตคติ
การประเมิน EPA
● EPA 3 ระดับ 3
● EPA 4 ระดับ 3
เกณฑ์การผ่านชันปที 3 เพือส่งรายชือเข้ารับการสอบเพือวุฒบ
ิ ต
ั ร
ภาคทฤษฎี
ภาคปฏิบต
ั ิ
กิจกรรมวิชาการ
ความก้าวหน้าวิทยานิพนธ์
เจตคติ
การประเมิน EPA
● EPA 3 ระดับ 4
● EPA 4 ระดับ 4
การอุทธรณ์ผลการวัดและประเมินผล
เพือให้การดําเนินการในการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้าน ในหลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้าน เพือ
วุฒิบัตรความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ของหน่วยเวชศาสตร์
นิวเคลียร์ สาขาวิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีมาตรฐาน เปนไปตามหลักธรรมาภิบาล มี
ความโปร่งใส และตรวจสอบได้ ดังนันแพทย์ประจําบ้านสามารถยืนอุทธรณ์หรือข้อร้องเรียนทีเกียวกับการฝกอบรม
ซึงรวมถึงผลการวัดและประเมินผลด้วย โดยมีขันตอนดังต่อไปนี
1. ผู้ร้องเรียนต้องเขียนคําร้องในแบบฟอร์มการร้องเรียนเกียวกับการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้าน สาขา
เวชศาสตร์นิวเคลียร์ หน่วยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ขอนแก่น Template อุทธรณ์-ร้องเรียน
2. ข้อร้องเรียนจะได้รับการพิจารณาและลงความเห็น โดยคณะกรรมการบริหารหลักสูตรฯ ภายใน 5 วันทําการ
หลังจากได้รับข้อร้องเรียน
3. ข้อร้องเรียนและความเห็นของคณะกรรมการบริหารหลักสูตรฯ จะได้รับการพิจารณาและลงความเห็นโดย
คณะกรรมการการศึกษาหลังปริญญา สาขาวิชารังสีวิทยา ภายใน 15 วันทําการหลังจากทีคณะกรรมการ
บริหารหลักสูตรฯ ลงความเห็น
4. คณะกรรมการบริหารหลักสูตรฯ แจ้งผลการพิจารณาตามข้อ 3. ให้ผู้ร้องเรียนทราบภายใน 5 วันทําการหลัง
จากทีคณะกรรมการการศึกษาหลังปริญญา สาขาวิชารังสีวิทยา ลงความเห็น
เกณฑ์การปฏิบต
ั ิงานชดเชย
อ้างอิงตามข้อ 6.5 ว่าด้วยจํานวนระดับชันของการฝกอบรม ซึงกําหนดให้การฝกอบรมแบ่งเปน 3 ระดับ โดย
หนึงระดับเทียบเท่าการฝกอบรมแบบเต็มเวลาไม่น้อยกว่า 11 เดือน รวมระยะเวลาทัง 3 ระดับแล้วเทียบเท่าการฝก
อบรมเต็มเวลาไม่น้อยกว่า 33 เดือน ดังนันหากแพทย์ประจําบ้านปฏิบัติงานไม่ครบตามเกณฑ์ดังกล่าว จะต้องปฏิบัติ
งานชดเชยโดยมีหลักการดังนี
1. หากการปฏิบัติงานไม่ครบอย่างน้อย 11 เดือนในชันปใด คณะกรรมการบริหารหลักสูตรจะยืนเรืองไปยัง
คณะอนุกรรมการฝกอบรมและสอบ (อฝส.) เพือพิจารณาเหตุผลความจําเปนสําหรับแต่ละกรณี เพือกําหนด
แนวทางการฝกปฏิบัติชดเชยทีเหมาะสมตามแต่กรณี เพือให้เปนไปตามข้อกําหนดของระยะเวลาฝกอบรม
2. จะต้องรับการประเมินผลเพือเลือนชันปดังเช่นปกติ โดยกําหนดการประเมินผล จะจัดตามความเหมาะสม
เปนกรณีไป
เกณฑ์การยุติการฝกอบรม
การยุติการฝกอบรมของแพทย์ประจําบ้านก่อนกําหนดจะเกิดขึนเมือมีเหตุการณ์ข้อใดข้อหนึงดังต่อไปนีเกิด
ขึนกับแพทย์ประจําบ้านรายนัน
1. เสียชีวิต
2. ลาออก
3. ต้องคําพิพากษาถึงทีสุดให้จําคุก เว้นแต่โทษสําหรับความผิดโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
4. ต้องคําพิพากษาให้เปนคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
5. ต้องโทษทางวินัย และมหาวิทยาลัยมีคําสังปลดออก ให้ออก หรือไล่ออก
6. ขาดการปฏิบัติงานติดต่อกันเกิน 10 วันทําการโดยไม่มีเหตุอันควร หรือไม่แจ้งเหตุผล
7. ขาดการปฏิบัติงานติดต่อกันเกิน 2 วันทําการโดยไม่มีเหตุอันควร หรือไม่แจ้งเหตุผล จํานวน 3 ครัง
ภาคผนวก 13
เกณฑ์การตรวจรักษาขันตาทีแพทย์ประจําบ้านผูเ้ ข้ารับการฝกอบรมจะต้องมีประสบการณ์เพือ
ประกอบการสอบเพือ วุฒบ
ิ ต
ั รฯ และหนังสืออนุมัติ สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
การตรวจรักษา เกณฑ์
การตรวจวินิจฉัยโรคทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ (ตลอดหลักสูตรการฝกอบรม)
● Endocrine system (Thyroid scan, I-131 WBS, I-131 uptake etc.) 600 ราย
การรักษาโรคทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์
● การรักษาโรคด้วยสารกัมมันตรังสี I-131
● การรักษาโรคด้วยสารกัมมันตรังสีชนิดอืน ๆ 10 ราย
ภาคผนวก 14
แนวทางและเงือนไขการสมัครสอบและสอบเพือวุฒบ
ิ ต
ั รฯและหนังสืออนุมัติ สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
เงือนไข
เรือง
วุฒบ
ิ ต
ั ร หนังสืออนุมัติ
เงือนไข
เรือง
วุฒบ
ิ ต
ั ร หนังสืออนุมัติ
Genitourinary system 4%
(including breast)
เงือนไข
เรือง
วุฒบ
ิ ต
ั ร หนังสืออนุมัติ
Gastrointestinal and 5%
hepatobiliary system
Reticuloendothelial and 2%
lymphatic system
Miscellaneous 3%
ภาคผนวก 15
คําสังแต่งตังคณะอนุกรรมการสอบคัดเลือกแพทย์ใช้ทน ุ และแพทย์ประจําบ้าน
สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ภาคผนวก 16
เกณฑ์การคิดคะแนนตามเกณฑ์การพิจารณารับสมัครแพทย์ประจําบ้าน สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
● การรับทุนจากต้นสังกัดจากหน่วยงานของรัฐ 10
ไม่ได้รับทุน 0
รับทุนจากต้นสังกัดนอก 7
ภาคอีสาน
รับทุนจากต้นสังกัดใน 10
ภาคอีสาน
● ประวัติการทํางานวิจัยหรือการเสนอผลงานวิจัย 5 0 ถึง 5
● ประวัติการทํากิจกรรมพิเศษหรือกิจกรรมจิตอาสา 5 0 ถึง 5
● Portfolio 5 0 ถึง 5
คะแนนรวม 100
ภาคผนวก 17
เกณฑ์การคิดคะแนนตามเกณฑ์การพิจารณารับสมัครแพทย์ใช้ทน
ุ สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
< 5 วันทําการ 2
= 5 วันทําการ 3
6-9 วันทําการ 4
≥ 10 วันทําการ 5
● ประวัติการทํางานวิจัยหรือการเสนอผลงานวิจัย 5 0 ถึง 5
● ประวัติการทํากิจกรรมพิเศษหรือกิจกรรมจิตอาสา 5 0 ถึง 5
● Portfolio 5 0 ถึง 5
คะแนนรวม 100
ภาคผนวก 18
ประกาศหลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้านเพือวุฒบ ิ ต
ั รความรูค
้ วามชํานาญในการประกอบ
วิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เรือง แนวทางการจัดการต่อการ
อุทธรณ์ผลการคัดเลือกเปนแพทย์ประจําบ้านผูเ้ ข้ารับการฝกอบรม
( รองศาสตราจารย์จรูญศักดิ สมบูรณ์พร )
ประธานคณะกรรมการบริหารหลักสูตรฝกอบรมแพทย์ประจําบ้าน
เพือวุฒิบัตรความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ภาคผนวก 19
นโยบายการสรรหาและคัดเลือกอาจารย์ประจําหลักสูตร
ประกาศหลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้านเพือวุฒบ
ิ ต
ั รความรูค
้ วามชํานาญในการประกอบ
วิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เรืองนโยบายการสรรหาและคัดเลือก
อาจารย์ประจําหลักสูตร
เพือให้การสรรหาและคัดเลือกอาจารย์ประจําหลักสูตร ของหลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้านเพือ
วุฒิบัตรความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปน
ไปอย่างเหมาะสม เพือให้การสรรหาและคัดเลือกอาจารย์ผู้ให้การฝกอบรมสอดคล้องกับพันธกิจของหลักสูตรและ
แผนงานฝกอบรม จึงกําหนดนโยบายในการสรรหาอาจารย์ โดยมุง่ หมายให้ได้อาจารย์ทีมีศักยภาพสูงด้านวิจัยและ
วิชาการ เพือให้มีอาจารย์ทีมีศักยภาพสูง เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอน การวิจัย และการบริการวิชาการ โดย
ผ่านกระบวนการสรรหาอาจารย์ทีเปนโปร่งใส เสมอภาค เท่าเทียม ยุติธรรม ปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อนมีความ
เปนธรรม และไม่เหลือมลาแบ่งแยก ส่งเสริมอาจารย์มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนือง ทังด้านการเรียนการสอน การ
วิจัย วิชาการ และการพัฒนาตนเองด้านอืน ๆ มีการธํารงไว้ซึงคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของอาจารย์ มี
ความเจริญก้าวหน้าตามเส้นทางวิชาชีพ
อาจารย์ทีจะรับเข้าจะต้องมีคณ
ุ สมบัติเปนไปตาม ข้อบังคับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่าด้วย การบริหารงาน
บุคคล พ.ศ. 2558 ข้อ 11 และรายละเอียดในภาคผนวกที 20 ทังนีผู้สมัครเปนอาจารย์จะได้รับการพิจารณา
คุณสมบัติจากอาจารย์ในสาขาวิชาฯ โดยอาศัยข้อมูลจากวุฒิการศึกษา ผลงานวิจัย การปฏิบัติงานในขณะฝกอบรม
สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ และทีทํางานก่อนทีจะมาสมัครเปนอาจารย์แพทย์ จากนันจะต้องผ่านกระบวนการรับ
สมัครและรับการสัมภาษณ์โดยคณะกรรมการคัดเลือกทีแต่งตังโดยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
( รองศาสตราจารย์จรูญศักดิ สมบูรณ์พร )
ประธานคณะกรรมการบริหารหลักสูตรฝกอบรมแพทย์ประจําบ้าน
เพือวุฒิบัตรความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ภาคผนวก 20
คุณสมบัติของอาจารย์ผใู้ ห้การฝกอบรมประจําหลักสูตร
คุณสมบัติของอาจารย์ผใู้ ห้การฝกอบรม
อาจารย์ผู้ให้การฝกอบรมจะต้องมีคณ
ุ สมบัติทัวไป และไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังทีกําหนดในข้อบังคับ
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่าด้วย การบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2558 ข้อ 11📁 และมีคณ
ุ สมบัติเฉพาะดังนี
คุณสมบัติทัวไป
(1) มีอายุไม่ตากว่าสิบแปดปบริบูรณ์
(2) เปนผู้เลือมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเปนประมุข
(3) หากเปนชายจะต้องเปนผู้ผา่ นการเกณฑ์ทหาร หรือได้รับการยกเว้นการเปนทหาร
ลักษณะต้องห้าม
(1) เปนผู้ดํารงตําแหน่งข้าราชการการเมือง
(2) เปนคนวิกลจริตหรือจิตฟนเฟอนไม่สมประกอบ หรือเปนโรคทีกฎ ก.พ.อ. หรือ ก.บ.ม. กําหนด
(3) เปนผู้อยูใ่ บระหว่างถูกสังพักราชการ หรือถูกสังให้ออกจากราชการไว้ก่อน หรือ หยุดงานเปนการชัวคราว
ตามกฎหมายอืนทีเกียวข้อง
(4) เปนผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดี
(5) เปนกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าทีในพรรคการเมือง
(6) เปนบุคคลล้มละลาย หรือเคยถูกศาลสังให้เปนผู้เสมือนไร้ความสามารถ หรือไร้ความสามารถ
(7) เคยถูกต้องโทษโดยคําพิพากษาถืงทีสุดให้จําคุก เว้นแต่เปนโทษสําหรับความผิดทีได้ กระทําโดยประมาท
หรือความผิดลหุโทษ
(8) เปนบุคคลทีหลบหนีคดีอาญาหรือหลบทีคุมขัง
(9) เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การ มหาชนหรือหน่วยงานอืน
ของรัฐ หรือเคยกระทําผิดวินัยร้ายแรงตามกฎหมายอืนทีเกียวข้อง
คุณสมบัติเฉพาะ
(1) มีปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต
(2) มีวุฒิบัตรเพือแสดงความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ จาก
แพทยสภา
(3) ไม่มีปญหาเรืองทีพักอาศัยและสามารถปฏิบัติงานนอกเวลาราชการได้
(4) มีคะแนนทักษะภาษาอังกฤษข้อใดข้อหนึงต่อไปนี
ภาคผนวก 21
รายชือและคุณสมบัติอาจารย์ผส
ู้ อนประจําหลักสูตร
ตารางแสดงรายชือและคุณสมบัติอาจารย์ประจําหลักสูตรและอาจารย์ผส
ู้ อนการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้านเพือ
วุฒบ
ิ ต
ั รความรูค
้ วามชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
รศ. ดร. นพ.ดริส ธีระกุลพิศุทธิ กรรมการบริหารฯ และ แพทยศาสตรบัณฑิต พ.ศ. 2549 เต็มเวลา
อาจารย์ประจํา
หลักสูตร วว. เวชศาสตร์ พ.ศ. 2556
นิวเคลียร์
ภาคผนวก 22
ทรัพยากรทางการศึกษา
ตารางแสดงข้อมูลบุคลากรหน่วยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ สายวิชาการและสายสนับสนุน
ตารางสรุปจํานวนบุคลากร
บุคลากร จํานวน
อาจารย์แพทย์ 4
อาจารย์รังสีเทคนิค 2
นักรังสีการแพทย์ 6
พยาบาล 3
พนักงานการแพทย์ 1
พนักงานประจําห้อง (ห้องเครืองตรวจ) 3
พนักงานประจําห้อง (เคาท์เตอร์) 2
ธุรการหน่วยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ 1
ธุรการการศึกษาหลังปริญญา 1
ตารางแสดงข้อมูลด้าน สถานทีและโอกาสในการเรียนรูท
้ ังภาคทฤษฎีและภาคปฏิบต
ั ิ
ห้องอ่านฟลม์ห้องใหญ่ 1 ห้อง
ห้องอ่านฟลม์ห้องเล็ก 1 ห้อง
บริเวณเก็บกากกัมมันตรังสี 1 ห้อง
คอมพิวเตอร์ตังโต๊ะ 6 ชุด
ตารางแสดงข้อมูลด้าน การเข้าถึงแหล่งข้อมูลทางวิชาการทีทันสมัย
● Acta Radiologica
● Clinical Radiology
● EJNMMI Physics
● EJNMMI Research
● Molecular Imaging
● Radiography
● Radiology
● Scopus
● STATdx
● ClinicalKey
● Journal Link
● SCIMAGO
● UpToDate
● Scopus
● KKU Scholar
● PubMed
● ExpertPath
● Micromedex
ตารางแสดงข้อมูลด้าน จํานวนผูปวย
้ เพียงพอและชนิดของผูปวย
้ หลากหลายสอดคล้องกับผลลัพธ์ของการเรียน
รูท
้ คาดหวั
ี ง
Conventional diagnostic NM
GI tract and hepatobiliary system 156 163 145 123 122 142
Advanced diagnostic NM
Therapeutic NM
ตารางแสดงข้อมูลด้าน สืออิเล็กทรอนิกส์สา
ํ หรับการเรียนรูท
้ ผู
ี เ้ ข้ารับการฝกอบรมสามารถเข้าถึงได้
รายการ รายละเอียด
รายการ รายละเอียด
การรายงานผลภาพวินิจฉัยทางรังสีวิทยาและเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ซึงแพทย์
ประจําบ้านรายงานผลแบบ draft หรือแบบ prelim และอาจารย์แพทย์ทําการ
ตรวจสอบแก้ไขเพือรายงานผลขันสุดท้ายแบบ flinalized
ภาคผนวก 23
ปริมาณงานบริการขันตาทีต้องมีสอดคล้องกับจํานวนแพทย์ประจําบ้านผูเ้ ข้ารับการฝกอบรม
ปริมาณงานบริการขันตาทีต้องมีสอดคล้องกับจํานวนแพทย์ประจําบ้านผูเ้ ข้ารับการฝกอบรม
จํานวนผูเ้ ข้ารับการฝกอบรม (คน)
งานบริการ 1 2 3 4 5
จํานวนการขันตาบริการ (ครัง/ป)
Conventional diagnostic NM
Oncology 60 70 80 90 100
Endocrinology (CA Thyroid, thyroid, parathyroid) 200 250 300 350 400
Respiratory system 10 11 12 13 14
Urinary tract 50 55 60 65 70
Others 10 11 12 13 14
Therapeutic NM
ภาคผนวก 24
การจัดประสบการณ์ในการปฏิบต
ั ิงานเปนทีมร่วมกับผูร้ ว
่ มงานและบุคลากรวิชาชีพอืน
ในหลักสูตรมีการจัดประสบการณ์ในการปฏิบัติงานเปนทีมร่วมกับผู้รว
่ มงานและบุคลากรวิชาชีพอืนดังต่อไปนี
● การทํา imaging conference ประจําวัน โดยแพทย์ประจําบ้านภายใต้การดูแลของอาจารย์แพทย์ นักรังสี
การแพทย์ พยาบาล เภสัชกรรังสี ประชุมกันในเวลา 15.00 น. เพือกําหนด imaging protocol ของผู้ปวยที
จะมารับการตรวจภาพวินิจฉัยในวันรุง่ ขึน
● กิจกรรม tumor conference ระหว่าง สาขาอายุรศาสตร์โรคมะเร็ง ศัลยศาสตร์ รังสีรักษา รังสีวินิจฉัย
เวชศาสตร์นิวเคลียร์ (ทุกวันจันทร์ 8.00 น.)
● กิจกรรม tumor conference ระหว่าง สาขาโสต ศอ นาสิก กุมารเวชศาสตร์ รังสีรักษา รังสีวินิจฉัย
เวชศาสตร์นิวเคลียร์ (ทุกวันศุกร์เวลา 13.30 น.)
ภาคผนวก 25
การให้ความรูแ
้ ละการประยุกต์ความรูพ
้ นฐานและกระบวนการทางวิ
ื ทยาศาสตร์
ในหลักสูตรจัดมีการให้ความรู้และการประยุกต์ความรู้พืนฐานและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในสาขาวิชาทีฝก
อบรม มีการบูรณาการและสมดุลระหว่างการฝกอบรมกับการวิจัยอย่างเพียงพอ
● กิจกรรม Joural Club ซึงเปนส่วนหนึงของกิจกรรมวิชาการ Academic Friday
● การทําวิจัยของแพทย์ประจําบ้านภายใต้การกกํากับดูแลของอาจารย์แพทย์ โดยกําหนดให้มีการรายงาน
research progress ในกิจกรรมวิชาการ Academic Friday เปนระยะ
ภาคผนวก 26
การประเมินแผนงานฝกอบรม
เพือให้การดําเนินการของหลักสูตรเปนไปอย่างมีคุณภาพและมีการพัฒนาอย่างต่อเนือง เปนไปตามแผน
งาน จึงกําหนดกลไกในการประเมินหลักสูตร โดยการประเมินแผนงานฝกอบรม ครอบคลุมประเด็นดังต่อไปนี
1. ประเด็นทีประเมิน
● พันธกิจของแผนงานฝกอบรม
● ผลสัมฤทธิ การเรียนรู้ทีพึงประสงค์
● แผนฝกอบรม
● ขันตอนการดําเนินงานของแผนฝกอบรม
● การวัดและประเมินผล
● พัฒนาการของผู้รับการฝกอบรม
● ทรัพยากรทางการศึกษา
● คุณสมบัติของอาจารย์ผู้ให้การฝกอบรม
● ความสัมพันธ์ระหว่างนโยบายการรับสมัครผู้รับการฝกอบรมและ ความต้องการของระบบสุขภาพ
● แผนงานฝกอบรมร่วม/สมทบ
● ข้อควรปรับปรุง
2. ผูท
้ ให้
ี ข้อมูลปอนกลับ
ผูม
้ ส
ี ว
่ นได้สว
่ นเสียหลัก (principal stakeholders)
● ผู้ให้การฝกอบรม (อาจารย์ประจําหลักสูตร)
● ผู้รับการฝกอบรม (แพทย์ประจําบ้านปที 1 - 3)
● กรรมการบริหารหลักสูตรฝกอบรม
● ผู้สําเร็จการฝกอบรม (ศิษย์เก่า)
ผูม
้ ส
ี ว
่ นได้สว
่ นเสียอืน ๆ (other stakeholders)
● หัวหน้างานของผู้สําเร็จการฝกอบรม (ผู้ใช้บัณฑิต)
3. วิธก
ี ารได้มาซึงข้อมูลปอนกลับจากผูใ้ ห้ข้อมูล
เลขานุการคณะกรรมการบริหารหลักสูตรการฝกอบรมแพทย์ประจําบ้าน สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ดําเนินการขอข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลสมาเสมอตามกําหนดดังตารางนี โดยใช้แบบประเมิน
หลักสูตรส่งให้ผู้ประเมินทางไปรษณีย์หรืออีเมล
ผูท
้ ให้
ี ข้อมูลปอนกลับ กําหนดการขอข้อมูล
ผูท
้ ให้
ี ข้อมูลปอนกลับ กําหนดการขอข้อมูล
ภาคผนวก 27
เอกสารประกอบ
ประวัติความรูค
้ วามชํานาญอาจารย์ประจําหลักสูตร
ข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรฯ
ข้อเสนอแนะ การแก้ไขตามข้อเสนอแนะ
เปน
“กําหนดอัตราส่วนของอาจารย์เต็มเวลาหรือเทียบเท่า
ทังหมดต่อผู้รับการฝกอบรมแต่ละระดับชันเท่ากับสอง
ต่อหนึง (2 : 1) และต้องไม่น้อยกว่า 2 คน ”
ข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย
ประวัติการแก้ไขเล่มหลักสูตร
ลิงค์ไปยังโฟลเดอร์และไฟล์ทเกี
ี ยวข้อง
เอกสาร ลิงค์
ประวัติอาจารย์ประจําหลักสูตร CV อาจารย์ประจําหลักสูตร
กฏระเบียบทีเกียวข้อง กฎระเบียบทีเกียวข้อง
คําสังแต่งตังคณะกรรมการต่าง ๆ คําสังแต่งตัง
เอกสารภาคผนวก ภาคผนวก