You are on page 1of 13

13-1

สัปดาห์ที่ 13
การเรียนรู้จากกฎหมายและคดีด้านสิ่งแวดล้อมเหมืองแร่
13.1 ชื่อบทเรียน
13.1.1 บทนำเกี่ยวกับกฎหมำยเหมืองแร่
13.1.2 ข้อเปรียบเทียบของ พรบ.แร่ 2510 และ พรบ.แร่ 2560
13.1.3 ชำวบ้ำนฟ้องรัฐมนตรีว่ำกำรฯอธิบดีฯและพวกโดยชนะในชั้นศำลเพื่อไม่ให้ทำเหมือง
13.1.4 กพร.ฟ้องทีพีไอโพลีนรุกเหมืองหินปูนต่อศำลเรียกค่ำเสียหำย 6.3 พันล้ำน
13.1.5 ศำลฎีกำพิพำกษำให้เหมืองแร่ฯ จ่ำยชดเชยชำวบ้ำนคลิตี้ล่ำง 36 ล้ำนบำท
13.1.6 ศำลพิจิตรสั่งจำคุก 1 ปี และ ปรับ 8 หมื่นบำท ต่อNGOใส่ร้ำยบิดเบือน เหมืองแร่ทองคำ
13.1.7 ศำลปกครองกลำงยกฟ้องคดีประทำนบัตร-ใบอนุญำตประกอบโลหะกรรมเหมืองทองคำ

13.2 จุดประสงค์การสอน
13.2.1 เข้ำใจข้อเปรียบเทียบของ พรบ.แร่ 2510 และ พรบ.แร่ 2560
13.2.2 เข้ำใจกรณีศึกษำ บทบำทของประชำชนกับเจ้ำหน้ำที่รัฐเรื่องเหมืองแร่ ในชั้นศำลและ
บทลงโทษ
13.2.3 เข้ำใจกรณีศึกษำ บทภำครัฐเมื่อลงโทษผู้ประกอบกำรเหมืองแร่โดยคำสั่งศำลและกำรเทียบ
ปรับพร้อมบทลงโทษ
13.2.4 เข้ำใจกรณีศึกษำ บทบำทของเอกชนเหมืองแร่ถูกบังคับชดใช้ค่ำเสียหำยสู่ประชำชน
13.2.5 เข้ำใจกรณีศึกษำ บทบำทNGOใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อเหมืองแร่จนมีคำสั่งศำลลงโทษเป็นที่
สิ้นสุด
13.2.6 เข้ำใจกรณีศึกษำ กำรตัดสินของศำลกรณียกฟ้องคดีเหมืองแร่ทองคำวังสะพุง ที่ถูกประชำชนลง
ชื่อเรียกร้องให้หยุดกิจกำรเหมืองแร่
13-2

หน่วยที่ 13
การเรียนรู้จากกฎหมายและคดีด้านสิ่งแวดล้อมเหมืองแร่
13.3 บทนา
ควำมแตกต่ำงของกฎหมำยเกิดควำมห่วงใยจำกภำคประชำชนเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยกำรประกำศใช้
พระรำชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ได้เริ่มต้นใช้บังคับในวันที่ 29 สิงหำคม 2560 เป็นต้นไป พระรำชบัญญัติแร่
พ.ศ. 2560 อันมีเนื้อหำสำระสำคัญแตกต่ำงจำกพระรำชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ในประเด็นดังต่อไปนี้
สัดส่วนของคณะกรรมการ กำรจัดตั้งให้มีคณะกรรมกำรนโยบำยบริห ำรจัดกำรแร่แห่งชำติ ตำม
มำตรำ 8 ทั้งหมด 24 คน ประกอบด้วยนำยกรัฐมนตรีหรือรองนำยกรัฐมนตรีเป็นประธำนกรรมกำร รัฐมนตรี
4 คนเป็ น รองประธำนกรรมกำร ได้ แ ก่ รั ฐ มนตรี ว่ ำ กำรกระทรวงทรั พ ยำกรธรรมชำติ แ ละสิ่ ง แวดล้ อ ม
รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงอุตสำหกรรม รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย และรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงเกษตร
และสหกรณ์ รวมถึงกำรจัดตั้งกรรมกำรโดยตำแหน่งอีก 12 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลำโหม ปลัดกระทรวง
ทรั พยำกรธรรมชำติและสิ่ งแวดล้อม ปลั ดกระทรวงมหำดไทย ปลัดกระทรวงสำธำรณสุ ข ปลั ดกระทรวง
อุตสำหกรรม เลขำธิกำรคณะกรรมกำรพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ อธิบดีกรมธนำรักษ์ อธิบดีกรม
ศิ ล ปำกร เลขำธิ ก ำรส ำนั ก งำนกำรปฏิ รู ป ที่ ดิ น เพื่ อ เกษตรกรรม เลขำธิ ก ำรส ำนั ก งำนนโยบำยแ ละแผน
ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม ประธำนกรรมกำรสภำกำรเหมืองแร่ และประธำนสภำอุตสำหกรรมแห่ง
ประเทศไทย นอกจำกนี้มีกรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกิน 6 คนซึ่งประธำนกรรมกำรแต่งตั้งจำกผู้แทน
องค์ ก รปกครองส่ ว นท้ อ งถิ่ น 1 คน ผู้ แ ทนองค์ ก รเอกชน 1 คน ผู้ ซึ่ ง มี ค วำมรู้ ค วำม เชี่ ย วชำญ หรื อ มี
ประสบกำรณ์ด้ำนธรณีวิทยำ ด้ำนวิศวกรรมเหมืองแร่ ด้ำนสังคมศำสตร์หรือด้ำนสิ่งแวดล้อมไม่เกิน 4 คน โดย
กำรคั ด เลื อ กของคณะกรรมกำรสรรหำตำมกฎกระทรวง ส่ ว นอธิ บ ดี ก รมทรั พ ยำกรธรณี แ ละอธิ บ ดี ก รม
อุตสำหกรรมพื้นฐำนและกำรเหมืองแร่เป็นกรรมกำรและเลขำนุกำรร่วม และให้ รองอธิบดีกรมทรัพยำกรธรณี
และรองอธิบดีกรมอุตสำหกรรมพื้นฐำนและกำรเหมืองแร่เป็นกรรมกำรและผู้ช่วยเลขำนุกำรร่วม ซึ่งเป็นไปตำม
ระเบียบสำนักนำยกรัฐมนตรีว่ำด้วยคณะกรรมกำรนโยบำยบริหำรจัดกำรแร่แห่งชำติ พ.ศ. 2559 ถึงแม้ในกำร
จั ด ท ำแผนแม่ บ ทกำรบริ ห ำรจั ด กำรแร่ จ ะเปิ ด โอกำสให้ ป ระชำชนมี ส่ ว นร่ ว มก็ ต ำม แต่ ค ณะกรรมกำรที่
ประกอบด้วยสัดส่วนของหน่วยงำนรัฐเกือบทั้งหมดทำให้กำรเสนอแผนยุทธศำสตร์หรือกำรออกนโยบำยต่ำงๆ
เกี่ยวกับกำรบริหำรจัดกำรแร่ไม่มีกำรกำกับหรือกำรมีส่วนร่วมจำกภำคประชำชนในกำรถ่วงดุลอำนำจ และทำ
ให้มุมมองในแต่ละเรื่องของคณะกรรมกำรอยู่บนฐำนกำรได้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจของประเทศมำกกว่ำกำร
บริหำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติอย่ำงคุ้มค่ำ
ส่วนกำรกำกับดูแลส่วนกลำงตำมกฎหมำยแร่ฉบับนี้ ให้มีกำรจัดตั้งคณะกรรมกำรแร่ ตำมมำตรำ 23
โดยมีอำนำจหน้ำที่ให้ควำมเห็นชอบเกี่ยวกับคำขออำชญำบัตรพิเศษและคำขอประทำนบัตรสำหรับกำรทำ
เหมืองขนำดใหญ่ประเภทที่ 2, 3 และกำรทำเหมืองใต้ดิน และให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในกำรประกำศหรือ
ออกกฎกระทรวงตำมพระรำชบัญญัตินี้ รวมถึงกำรพิจำรณำข้อร้องเรียนหรือผลกระทบจำกกำรทำเหมืองขนำด
ใหญ่ประเภทที่ 2, 3 และกำรทำเหมืองใต้ดิน ส่วนกำรทำเหมืองขนำดเล็กให้มีคณะกรรมกำรแร่จังหวัด ตำม
13-3

มำตรำ 28 ซึ่งมีผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดเป็นประธำนและมีอำนำจควบคุมกำกับดูแลกำรออกประทำนบัตรหรือ
ปฏิบัติกำรอื่นใดตำมพระรำชบัญญัตินี้ ดังนั้น กำรให้ควำมเห็นชอบในกำรอนุญำตหรือไม่อนุญำต กำรต่ออำยุ
กำรโอน กำรเพิกถอนและกำหนดเงื่อนไขใดๆเกี่ยวกับประทำนบัตรนั้นจะขึ้นอยู่กับคณะกรรมกำรแร่ตำมที่
กฎหมำยกำหนดไว้ ในกรณีกำรเพิกถอนประทำนบัตรของผู้ประกอบกิจกำรเหมืองแร่ก็จะทำได้ยำกขึ้นเพรำะมี
ขั้นตอนกำรพิจำรณำเพิ่มเติมเข้ำมำ ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของกำรทำเหมือง
การแบ่งประเภทการทาเหมือง กำรปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์กำรแต่งแร่ และกำรประกอบโลหกรรม กำรทำ
เหมืองตำมพระรำชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 แบ่งกำรทำเหมืองออกเป็นสำมประเภท
ประเภทที่ 1คือ กำรทำเหมืองในเนื้อที่ไม่เกิน 100 ไร่ โดยให้เจ้ำพนักงำนอุตสำหกรรมแร่ประจำท้องที่
เป็นผู้ออกประทำนบัตร กำรทำเหมืองบนพื้นที่ขนำดเล็กจะมีคณะกรรมกำรแร่จังหวัดเป็นผู้ให้ควำมเห็นชอบ
แต่ไม่ได้กำหนดว่ำกำรออกประทำนบัตรต้องไม่เกินกี่ฉบับ อย่ำงไรก็ตำมมำตรำ 60 ยังได้กำหนดไว้ว่ำถ้ำผู้ถือ
ประทำนบัตรคนเดียวมีประทำนบัตรหลำยฉบับซึ่งมีเขตติดต่อกันให้ถือว่ำประทำนบัตรทั้งหมดมีเขตเหมืองแร่
เดียวกัน
ประเภทที่ 2 คือ กำรทำเหมืองในเนื้อที่ไม่เกิน 625 ไร่ แต่กำรขอประทำนบัตรในเขตอำชญำบัตร
พิเศษให้ขอได้ไม่เกินคำขอละ 2,500 ไร่
ประเภทที่ 3 คือ กำรท ำเหมื องที่ไ ม่ใ ช่ป ระเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 กำรท ำเหมื องในทะเลขอ
ประทำนบัตรได้ไม่เกินคำขอละ 10,000 ไร่ และกำรทำเหมืองใต้ดินขอประทำนบัตรได้ไม่เกินคำขอละ 50,000
ไร่ โดยกำรทำเหมืองประเภทที่ 2 และ 3 ให้ อธิบดีกรมอุตสำหกรรมพื้นฐำนและกำรเหมืองแร่โดยควำม
เห็นชอบของคณะกรรมกำรแร่เป็นผู้ออกประทำนบัตร แต่ประเภทของกำรทำเหมืองใดมีลักษณะของโครงกำร
ที่ต้องจัดทำรำยงำน EIA ก็ต้องกำหนดให้เป็นกำรทำเหมืองประเภทที่ 2 ส่วนกำรทำเหมืองประเภทที่ 3 เป็น
โครงกำรที่ต้องจัดทำรำยงำนกำรวิเครำะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภำพ (Environmental Health
Impact Assessment: EHIA) ซึ่งประทำนบัตรแต่ละฉบับมีระยะเวลำในกำรทำเหมืองเพิ่มขึ้นเป็น 30 ปี
ข้อกังวลอีกประกำรที่เป็นสำระสำคัญของพระรำชบัญญัติแร่ฉบับนี้คือกำรกำหนดให้ผู้ถือประทำนบัตร
มีสิทธิแต่งแร่และประกอบโลหกรรมในเขตประทำนบัตรได้ กำรกำหนดให้ผู้ถือประทำนบัตรไม่ต้องดำเนินกำร
ขออนุญำตในกำรประกอบโลหกรรมอีกขั้นตอนหนึ่งจึงทำให้กระบวนกำรตำมกฎหมำยเอื้อแก่ผู้ลงทุนมำกยิ่งขึ้น
ลดขั้นตอนลดระยะเวลาการพิจารณาคาขออาชญาบัตรและประทานบัตร กำรกำหนดขั้นตอนและ
ระยะเวลำในกำรพิจำรณำอนุญำตมีควำมรวดเร็วยิ่งขึ้น ในคำขอเกี่ยวกับอำชญำบัตรได้ตัดอำนำจกำรอนุญำต
ของรัฐมนตรีออกไปโดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจำรณำอนุญำตอำชญำบั ตรสำรวจแร่ภำยใน 10 วัน
ส่วนอำชญำบัตรผูกขำดสำรวจแร่และอำชญำบัตรพิเศษได้มีกำรกำหนดให้อธิบดีกรมอุตสำหกรรมพื้นฐำนและ
กำรเหมืองแร่ดำเนินกำรพิจำรณำอนุญำต โดยมีขั้นตอนตั้งแต่กำรยื่นคำขอต่อเจ้ำพนักงำนอุตสำหกรรมแร่
ประจำท้องที่เพื่อให้เจ้ำหน้ำที่รวบรวมเอกสำรพร้อมควำมเห็นของผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด ส่งให้กรมอุตสำหกรรม
พื้นฐำนและกำรเหมืองแร่ ในกรณีคำขออำชญำบัตรผูกขำดสำรวจแร่รวมระยะเวลำทั้งสิ้นไม่เกิน 85 วัน กรณี
13-4

อำชญำบัตรพิเศษจะมีขั้นตอนเพิ่มขึ้นโดยมีคณะกรรมกำรแร่พิจำรณำให้ควำมเห็นชอบ ซึ่งรวมระยะเวลำทั้งสิ้น
ไม่เกิน 137 วัน
ส่ ว นกำรท ำเหมื อ งที่ ไ ด้ แ บ่ ง ไว้ ส ำมประเภทนั้ น แต่ ล ะประเภทก็ มี ขั้ น ตอนและระยะเวลำในกำร
ดำเนินกำรพิจำรณำอนุญำตที่แตกต่ำงกันโดยคำขอประทำนบัตรประเภทที่ 1 จะใช้ระยะเวลำดำเนินกำรตั้งแต่
ยื่นคำขอจนถึงกำรออกประทำนบัตรทั้งสิ้นไม่เกิน 188 วัน
กำรทำเหมืองประเภทที่ 2 และ 3 จะใช้เวลำต่ำงกันเล็กน้อยในเรื่องกำรกำหนดเขตคำขอเพรำะพื้นที่
ในกำรทำเหมืองที่มีขนำดเล็กใหญ่ต่ำงกัน ส่วนระยะเวลำและขั้นตอนอื่นๆในกำรดำเนินกำรนั้นเหมือนกัน ทำ
ให้ กำรยื่ น ขอทำเหมืองประเภทที่ 2 นั้ น ใช้ระยะเวลำไม่เกิน 238 วัน ส่ ว นกำรทำเหมือ งประเภทที่ 3 ใช้
ระยะเวลำไม่เกิน 273 วัน
กรณีประทำนบัตรทำเหมืองใต้ดินจะมีระยะเวลำกำรกำหนดเขตคำขอยำวออกไปและมีกำรกำหนด
เรื่องกำรจัดรับฟังควำมคิดเห็นเป็นกรณีเฉพำะโดยให้ผู้ยื่นคำขอดำเนินกำรดังกล่ำวให้เสร็จภำยใน 150 วัน นับ
แต่วันที่รำยงำน EIA ได้รับควำมเห็นชอบแล้ว จึงทำให้คำขอทำเหมืองใต้ดินใช้ระยะเวลำทั้งสิ้นไม่เกิน 318 วัน
ขั้นตอนที่สำคัญในกำรดำเนินกำรพิจำรณำออกประทำนบัตรของหน่วยงำนรัฐนั้น พระรำชบัญญัติแร่
พ.ศ. 2560 ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีกำรในกำรรับฟังควำมคิดเห็นของชุมชนไว้ ซึ่งเป็นกำรดำเนินกำรจัด
ประชุมของหน่วยงำนรัฐประจำท้องที่ร่วมกับผู้ใหญ่บ้ำน และให้เจ้ำของโครงกำรชี้แจงในลักษณะกำรอภิปรำย
สำธำรณะโดยกำรส่งจดหมำยลงทะเบียนตอบรับพร้อมข้อมูลเพื่อประชำสัมพันธ์โครงกำรให้ชุมชนรับทรำบ ถ้ำ
ในกรณีที่ไม่สำมำรถจัดประชุมรับฟังควำมคิดเห็นในลักษณะกำรอภิปรำยสำธำรณะได้ก็ให้ดำเนินกำรรับฟัง
ควำมคิดเห็นโดยวิธีเปิดให้แสดงควำมคิดเห็นทำงไปรษณีย์ตอบรับ จะเห็นได้ว่ำหลักเกณฑ์กำรจัดประชุมรับฟัง
ควำมคิดเห็นของชุมชนไม่ได้เปิดให้มีส่วนร่วมสำธำรณะตั้งแต่ขั้นตอนแรกในกำรให้ข้อมูลของโครงกำร และยัง
เป็นกำรอำนวยควำมสะดวกต่อเจ้ำของโครงกำรและลดทอนกำรมีส่วนร่วมสำธำรณะของประชำชนผู้มีส่วนได้
เสียอีกด้วย
แม้หลักเกณฑ์กำรจัดรับฟังควำมคิดเห็นของชุมชนจะมีขั้นตอนกำรพิจำรณำรำยงำนกำรประชุมรับฟัง
ควำมคิดเห็นโดยกำรประชุมสภำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นก็เป็นขั้นตอนกำรพิจำรณำโดยปกติ แต่ในด้ำน
ระยะเวลำในกำรพิจ ำรณำนั้น หลักเกณฑ์ได้กำหนดให้ส ภำองค์กรปกครองส่ วนท้องถิ่นต้องส่งรำยงำนกำร
ประชุมต่ออุตสำหกรรมแร่ประจำท้องที่ภำยใน 45 วัน นับตั้งแต่กำรแจ้งผลกำรประชุมรับฟังควำมคิดเห็นของ
ชุมชน มิเช่นนั้นจะถือว่ำรำยงำนได้รับกำรพิจำรณำจำกสภำแล้ว แม้แต่กรณีที่ชุมชนหรือสภำองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นลงคะแนนเสียงเห็นชอบกั บกำรขอประทำนบัตรน้อยกว่ำกึ่งหนึ่งของผู้เข้ำร่วมประชุม ผู้มีอำนำจ
พิจำรณำอนุญำตกำรออกประทำนบัตรทำเหมืองแต่ละประเภทก็ย่อมวินิจฉัยกรณีที่ชุมชนหรือสภำไม่เห็นด้วย
กับกำรทำเหมืองได้ โดยพิจำรณำจำกเหตุผลที่ไม่เห็ นด้วย หำกมีเหตุผลเพียงพอก็เข้ำสู่ ขั้นตอนกำรจัดทำ
ประชำมติของประชำชนในพื้นที่ต่อไปซึ่งมีหลักเกณฑ์ตำมประกำศกระทรวงอุตสำหกรรม หำกมีเหตุผลไม่
เพียงพอก็ให้ดำเนินกำรตำมกระบวนกำรออกประทำนบัตรต่อไป ดังนั้น กำรแสดงควำมคิดเห็นของชุมชนตำม
หลั ก เกณฑ์ วิ ธี ก ำรที่ ก ำหนดขึ้ น ใหม่ นี้ ก็ ยั ง เป็ น กำรอ ำนวยควำมสะดวกแก่ เ จ้ ำ ของโครงกำรและเร่ งรั ด
13-5

กระบวนกำรให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพำะกำรจัดประชุมรับฟังควำมคิดเห็นของชุมชนในพื้นที่ก็อำจเป็นเพียง
พิธีกรรมที่หน่วยงำนรัฐจัดขึ้นโดยอ้ำงว่ำเป็นกำรส่งเสริมกำรมีส่วนร่วมและต้องได้รับกำรยอมรับจำกประชำชน
ก่อนกำรอนุญำตโครงกำร แต่ปัญหำกำรจัดรับฟังควำมคิดเห็นของประชำชนในพื้นที่ที่มีคำขอประทำนบัตรที่
ผ่ำนมำ หน่วยงำนรัฐและเจ้ำของโครงกำรไม่มีกำรให้ข้อมูลที่ชัดเจนเข้ำใจง่ำยหรือครอบคลุมทุกด้ำน อีกทั้ง
ชุมชนยังไม่มีควำมเข้ำใจในเรื่องกระบวนกำรขั้นตอนกำรขอประทำนบัตรเพียงพอที่จะมีส่วนร่วมสำธำรณะและ
ตัดสินใจได้ว่ำเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับโครงกำร
หน่วยงานรั ฐสามารถขอประทานบัตรเพื่อน าออกประมูล กำรพัฒนำและส่งเสริมกำรประกอบ
กิจกำรเหมืองแร่ตำมมำตรำ 138 ยังกำหนดเรื่องกำรพัฒนำแหล่งแร่เพื่อกำรทำเหมือง โดยให้กรมอุตสำหกรรม
พื้นฐำนและกำรเหมืองแร่จัดทำเอกสำรที่จำเป็นในกำรขอประทำนบัตร และจัดทำรำยงำน EIA สำหรับพื้นที่
นั้นเพื่อขอควำมเห็นชอบตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรส่งเสริมและรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อมแห่งชำติก่อนออก
ประทำนบัตรให้ทำเหมืองในพื้นที่ดังกล่ำว เมื่อรำยงำนกำรวิเครำะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับพื้นที่นั้น
ได้รับควำมเห็นชอบแล้ว กรมอุตสำหกรรมพื้นฐำนและกำรเหมืองแร่อำจนำพื้นที่นั้นออกประมูลโดยให้นำ
หลักเกณฑ์ วิธีกำร และเงื่อนไขที่ประกำศกำหนดมำบังคับใช้โดยอนุโลม ผู้ชนะกำรประมูลเพียงแต่ปฏิบัติตำม
มำตรกำรที่กำหนดไว้ในรำยงำน EIA และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประทำนบัตร รวมถึงชำระค่ำใช้จ่ำยที่กรม
อุตสำหกรรมพื้นฐำนและกำรเหมืองแร่ได้ดำเนินกำรไป ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดนี้หน่วยงำนรัฐได้ดำเนินกำรเอง
ทั้งสิ้น เพื่อลดขั้นตอนของกำรขอประทำนบัตรและควำมขัดแย้งที่อำจเกิดขึ้นกับประชำชนในพื้นที่ใกล้เคียง
แปลงประทำนบัตรที่อำจไม่เห็นด้วยกับโครงกำร รวมถึงเป็นหลักประกันว่ำหน่วยงำนรัฐเองย่อมดำเนิ นกำร
กิจกำรต่ำงๆเพื่อให้ได้มำซึ่งประโยชน์ของประเทศ ข้อสังเกตในเรื่องนี้คือกำรลดควำมเสี่ยงของกำรลงทุนและ
เป็นกำรกระตุ้นให้ผู้ลงทุนเข้ำมำประมูลพื้นที่ประทำนบัตรที่ผ่ำนขั้นตอนกำรดำเนินกำรที่ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
การคุ้มครองพื้นที่ตามสัญญาที่ไม่มีอายุกาหนด ประกำรสำคัญของพระรำชบัญญัตินี้ในบทเฉพำะ
กำลตำมมำตรำ 189 ที่มีกำรยกเว้นกำรจัดทำแนวพื้นที่กันชนกำรทำเหมืองและกำรจัดทำข้อมูลพื้นฐำนด้ำน
สิ่งแวดล้อมและสุขภำพของประชำชน กำรฟื้นฟูสภำพเหมืองแร่ กำรวำงหลักประกันและกำรจัดทำประกัยภัย
ให้ เ ป็ น ไปตำมเงื่ อ นไขที่ ก ำหนดไว้ ใ นกำรออกประทำนบั ต รก่ อ นกำรประกำศใช้ พ ระรำชบั ญ ญั ติ ฉ บั บ นี้
นอกจำกนั้นยังมีข้อยกเว้นตำมบรรดำข้อผูกพันตำมสัญญำต่ำงๆที่กระทำขึ้นภำยใต้บังคับพระรำชบัญญัติแร่
พ.ศ. 2510 ซึ่งมีอยู่กับรัฐบำลไทยโดยกระทรวงอุตสำหกรรมและกรมอุตสำหกรรมพื้นฐำนและกำรเหมืองแร่
ก่อนวันที่พระรำชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้มีผลใช้บังคับต่อไปตำมข้อผูกพันแห่งสัญญำนั้นๆจนกว่ำผลกำรใช้บังคับ
ตำมสัญญำจะสิ้นสุดลง ปัจจุบันมีสัญญำกำรทำเหมืองแร่ทองคำแปลงใหญ่ (น้ำคิว -ภูขุมทอง) ที่ไม่สำมำรถ
ยกเลิกได้เนื่องจำกไม่มีระยะเวลำกำหนดไว้ในสัญญำ ซึ่งสัญญำฉบับนี้ทำขึ้นระหว่ำงบริษัททุ่งคำฮำร์เบอร์
บริษัททุ่งคำ จำกัด และรัฐบำลไทย ทำให้สัญญำยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปได้ไม่สิ้นสุดระยะเวลำ นอกจำกมี
กฎหมำยกำหนดให้มีกำรยกเลิกหรือแก้ไขระยะเวลำสิ้นสุดในสัญญำดังกล่ำว มิเช่นนั้นจะถือว่ำเป็นกำรละเมิด
ข้อผูกพันตำมสัญญำและผู้ลงทุนหรือผู้ทำสัญญำกับรัฐบำลไทยสำมำรถเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรผิดสัญญำ
ต่อรัฐบำลไทยได้ ดังนั้น แม้จะมีกำรออกคำสั่งหัวหน้ำ คสช. ที่ 72/2559 ให้มีกำรแก้ไขปัญหำผลกระทบจำก
13-6

กำรประกอบกิจกำรเหมืองแร่ทองคำและให้ระงับกำรประกอบกิจกำรและเริ่มต้นแผนฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม แต่
คำสั่งดังกล่ำวเป็นเพียงกำรระงับ กำรประกอบกิจกำรเพียงชั่วครำว ซึ่งกำรยกเลิกหรือเพิกถอนประทำนบัตร
สำมำรถทำได้ยำก เนื่ องจำกมีเงื่อนไขที่ถูกกำหนดขึ้นใหม่ ขั้นตอนกำรขออนุญำตที่เร่งรัดและอำนวยจำก
หน่วยงำนรัฐมำกยิ่งขึ้นตำมควำมพระรำชบัญญัติแร่ฉบับนี้และข้อยกเว้นต่ำงๆที่เอื้อประโยชน์แก่ผู้ลงทุนมำก
ขึน้
นอกจำกนี้ มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 1 สิงหำคม 2560 ได้รับทรำบเรื่องกำรจัดทำกรอบนโยบำยและแผน
ยุ ท ธศำสตร์ ใ นกำรบริ ห ำรจั ด กำรทรั พ ยำกรแร่ ท องค ำ ตำมค ำสั่ ง หั ว หน้ ำ คสช. ที่ 72/2559 ซึ่ ง
คณะกรรมกำรนโยบำยบริหำรจัดกำรแร่แห่งชำติมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 12 มิถุนำยน 2560 มีสำระสำคัญ 7
ด้ำน คือ ด้ำนกำรบริห ำรจัดกำรแหล่ งแร่ทองคำ ด้ำนผลประโยชน์ตอบแทนแก่รัฐและท้องถิ่น ด้ำนควำม
ปลอดภัย ด้ำนกำรกำกับดูแลกำรประกอบกำร ด้ำนกำรมีส่วนร่วมของประชำชน ด้ำนควำมรับผิดชอบต่อสังคม
และชุมชน และด้ำนอื่นๆซึ่งกำหนดให้กำรขอต่ออำยุประทำนบัตรแร่ทองคำและกำรเพิ่มชนิดแร่ทองคำใช้
นโยบำยนี้โดยอนุโลม
กรอบนโยบำยและแผนยุทธศำสตร์ดังกล่ำวส่งผลให้หน่วยงำนรัฐและบริษัทเอกชนที่เข้ำมำสัมปทำน
สำมำรถดำเนิ น กำรพัฒนำโครงกำรและใช้ประโยชน์แหล่งแร่ทองคำได้อย่ำงต่อเนื่อง ขณะนี้ยังคงมีคำขอ
อำชญำบั ตรพิเศษส ำรวจแร่ ทองคำของบริ ษัทเอกชนที่ยื่นเข้ำมำประมำณ 13 บริษัทครอบคลุ มพื้นที่กว่ำ
30,000 ไร่ใน 10 จังหวัดที่ค้ำงพิจำรณำอยู่ ทำให้กำรพิจำรณำคำขออำชญำบัตรพิเศษและกำรพิจำรณำคำขอ
ประทำนบัตรทำเหมืองแร่ต่อไปต้องอยู่ภำยใต้กรอบนโยบำยและแผนดังกล่ำว และระเบียบหลักเกณฑ์ที่อยู่ใน
อนุบัญญัติที่ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 อย่ำงไรก็ตำม กำรทำเหมืองแร่ในทำงปฏิบัติที่ผ่ำน
มำยังมีปัญหำและข้อกังวลจำกประชำชนในหลำยพื้นที่ในเรื่องภำระกำรพิสูจน์ผลกระทบทำงลบที่เกิดขึ้นต่อ
ชุมชนและสิ่งแวดล้อม รวมถึงประเด็นกำรมีส่วนร่วมในกำรบริหำรจัดกำรแร่ระดับท้องถิ่น แม้ก ฎหมำยฉบับ
ใหม่จะกำหนดให้มีกำรมีส่วนร่วมของประชำชนก็ตำม แต่ก็ยังกำหนดนโยบำยและหลักเกณฑ์ให้หน่วยงำนรัฐ
เอื้อประโยชน์ให้ผู้ลงทุนโดยกระบวนกำรที่สะดวก รวดเร็ว และเร่งรัดยิ่งขึ้นด้วย เช่น กำรประมูลเข้ำสวมสิทธิ
กำรทำเหมือง หรือสิทธิประโยชน์ของผู้ประกอบกำร เป็นต้น
เนื้อหำในพระรำชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ยังไม่ได้ระบุรำยละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีกำรและ
เงื่อนไขในแต่ล ะเรื่ องโดยเฉพำะเจำะจง ดังนั้น ปัจจุบันหน่ว ยงำนที่รับผิ ดชอบได้เร่งยกร่ำงอนุบัญญัติซึ่ง
ประกอบด้วยร่ำงกฎกระทรวงอุตสำหกรรม ร่ำงประกำศกระทรวงอุตสำหกรรม ร่ำงประกำศกรมอุตสำหกรรม
พื้นฐำนและกำรเหมืองแร่ ระเบียบกรมอุตสำหกรรมพื้นฐำนและกำรเหมืองแร่ รวมทั้งสิ้นในขณะนี้ 37 ฉบับ
[10] เพื่อกำหนดรำยละเอียดหลังกำรใช้บังคับพระรำชบัญญัติเมื่อวันที่ 29 สิงหำคม 2560 ที่ผ่ำนมำ

ประเด็นสำคัญของร่ำงอนุบัญญัติแต่ละเรื่องนั้นน่ำสนใจในเรื่ องกำรแก้ไขเพิ่มเติมอย่ำงหนึ่งอย่ำงใดหรือไม่
หลังจำกเปิดรับฟังควำมคิดเห็นทำงเว็ปไซด์ของกรมอุตสำหกรรมพื้นฐำนและกำรเหมืองแร่อย่ำงน้อย 15 วัน
ซึ่งกำรรับฟังควำมคิดเห็นดังกล่ำว ประชำชนทั่วไปไม่สำมำรถเข้ำถึงได้และไม่สำมำรถรับรู้ข้อมูลและแสดง
13-7

ควำมคิดเห็นได้อย่ำงทั่วถึง โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งร่ำงอนุบัญญัติที่ขณะนี้มีมำกและมีประเด็นที่สำคัญเกี่ยวข้องกับ
ชุมชนเพียงไม่กี่ฉบับ อย่ำงน้อยหน่วยงำนรัฐควรต้องให้ข้อมูลแก่ประชำชนทั่วไปโดยกำรจัดเวทีรับฟังควำม
คิดเห็นเพื่อนำข้อเสนอแนะไปปรับปรุงแก้ไขร่ำงอนุบัญญัติให้ได้รับกำรยอมรับมำกขึ้ น อย่ำงไรก็ตำม หำกมี
กฎหมำยที่ถูกประกำศบังคับใช้แล้วประชำชนไม่เห็นด้วยหรือมีข้อเสนอแนะ บุคคลและชุมชนก็ย่อมมีสิทธิที่จะ
เข้ำชื่อกันเสนอแนะต่อหน่วยงำนรัฐให้ดำเนินกำรใดที่เป็นประโยชน์หรือให้งดเว้นกำรดำเนินกำรใดที่จะกระทบ
ควำมเป็นอยู่ของประชำชนและชุมชนโดยให้ประชำชนมีส่วนร่วมในกำรพิจำรณำด้วย ตำมรัฐธรรมนูญแห่ง
รำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2560 มำตรำ 43 (3) ดังนั้น ประเด็นที่เป็นพื้นฐำนสำคัญของกำรตรำกฎหมำยคือ
หลักกำรกำรมีส่วนร่วมสำธำรณะเพื่อเปิดรับฟังควำมคิดเห็นและสร้ำงดุลยภำพระหว่ำงผู้ปฏิบัติตำมด้วยกัน
และเพื่อลดปัญหำในทำงปฏิบัติประเด็นสำคัญอื่นๆให้น้อยลงด้วยเช่นกัน

ที่มำ: http://enlawfoundation.org/newweb/?p=3582 และ


http://enlawfoundation.org/newweb/?p=3590

13.4 ชาวบ้านฟ้องรัฐมนตรีว่าการฯอธิบดีฯและพวกโดยชนะในชั้นศาลเพื่อไม่ให้ทาเหมือง
สมำคมต่อต้ำนสภำวะโลกร้อนกับพวกรวม 32 คน ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมกำรสิ่งแวดล้อมแห่งชำติที่ 1
คณะกรรมกำรควบคุมมลพิษที่ 2 คณะกรรมกำรพัฒนำที่ดินที่ 3 รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่
4 รมว.ยุติธรรมที่ 5 อธิบดีกรมอุตสำหกรรมพื้นฐำนและกำรเหมืองแร่ที่ 6 เป็นคดีฐำนเป็นเจ้ำหน้ำที่ของรัฐ
กระทำกำรโดยไม่ชอบด้วยกฎหมำยและละเลยต่อหน้ำที่ตำมที่กฎหมำยกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้ำที่
ดังกล่ำวล่ำช้ำเกินสมควร
คดีดังกล่ำวได้ยื่ นฟ้องต่อศำลปกครองพิษณุโลกมำตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.2552 หลังจำกที่หน่ว ยงำน
ภำครัฐที่ถูกฟ้องคดีดังกล่ำว ปล่อยปละละเลย และใช้อำนำจอนุญำตให้มีเหมืองแร่สังกะสี ในบริเวณพื้นที่ต้น
น้ำของชำวบ้ำน จนทำให้เกิดกำรแพร่กระจำยของสำรแคดเมียมกระจำยไปในพื้นที่ นำข้ำวของชำวบ้ำนใน 3
ตำบล คือ ต.แม่ตำว ต.แม่กุ และต.พระธำตุ ผ ำแดง อ.แม่ ส อด จ.ตำก ท ำให้ ผ ลผลิ ตนำข้ ำวของชำวบ้ำ น
ปนเปื้อนด้วยสำรแคดเมียม จนไม่สำมำรถทำนำได้ตำมปกติ
คำพิพำกษำระบุว่ำ ให้จำเลยที่ 1 คณะกรรมกำรสิ่งแวดล้อมแห่งชำติ ใช้อำนำจตำมมำตรำ 43 แห่ง
พระรำชบั ญญัติ ส่ งเสริมรั กษำคุณภำพสิ่งแวดล้ อมแห่งชำติ พ.ศ.2535 แนะนำให้ รัฐมนตีว่ำกำรกระทรวง
ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม ออกกฎกระทรวง
กำหนดให้ พื้น ที่ลุ่ มน้ ำแม่ตำว อ.แม่สอด จ.ตำก เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่ งแวดล้ อม โดยให้ กำหนด
มำตรกำรคุ้มครองอย่ำงใดๆ ไว้ในกฎกระทรวงตำมมำตร 44 แห่งพระรำชบัญญัติดังกล่ำว ภำยใน 90 วัน นับ
แต่คดีถึงที่สุด ส่วนคำขออื่นนอกจำกนี้ให้ยก ทั้งนี้ คำพิพำกษำของศำลปกครองพิษณุโลก เป็นคำพิพำกษำ
ชั้นต้น ฝ่ำยจำเลย สำมำรถใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ศำลปกครองสูงสุดได้ภำยใน 30 วัน หลังจำกศำลปกครองอ่ำนคำ
พิพำกษำเสร็จ กลุ่มชำวบ้ำนที่ได้รับผลกระทบจำกสำรแคดเมี่ยมปนเปื้อน ที่มำร่วมฟังคำพิพำกษำวันนี้ ได้
13-8

แสดงควำมยินดี แม้ว่ำคดีจะยังไม่สิ้นสุดก็ตำม เพรำะคณะกรรมกำรสิ่งแวดล้อมแห่งชำติ ยังสำมำรถยื่นอุทธรณ์


ต่อศำลปกครองสูงสุดได้ และอยำกฝำกขอวิงวอนให้ภำครัฐ คณะกรรมกำรสิ่งแวดล้อมแห่งชำติ ไม่ ควรยื่น
อุทรณ์ จะเป็นผลดีต่อชำวบ้ำน หำกเป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม หำกหน่วยงำนยังจะอุทธรณ์ สมำคมโลก
ร้อน สภำพทนำยควำม และชำวบ้ำนจะต่อสู้ต่อไป
ที่มำ: https://www.posttoday.com/social/local/240485
13.5 กพร.ฟ้องทีพีไอโพลีนรุกเหมืองหินปูนต่อศาลเรียกค่าเสียหาย 6.3 พันล้าน
บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหำชน) มีกำรทำเหมืองหินปูน ออกนอกเขตพื้นที่ประทำนบัตร โดยเมื่อ
วันที่ 24 กรกฎำคม 2557 กพร. ได้มีกำรแจ้งควำมดำเนินคดี โดยจำกกำรตรวจสอบในปี 2558 พบว่ำ ทำง
บริษัทยังคงมีกำรกระทำควำมผิดซ้ำในพื้นที่คำขอประทำนบัตรเดิม และทำเหมืองในเขตพื้นที่ห้ำมทำเหมือง
(Buffer Zone) ในเขตประทำนบัตรของบริษัทจึงได้มีกำรแจ้งควำมดำเนินคดีอำญำเพิ่มอีก 1 คดี และ
ดำเนินคดีทำงแพ่งเพิ่ม 2 คดีคิดเป็นค่ำเสียหำยประมำณ 1.671 พันล้ำนบำท
กำรดำเนินคดีทั้งทำงแพ่งและอำญำกับบริษัท ฯปัจจุบันมีแล้วรวม 5 คดี โดยคดีอำญำ จำนวน 2 คดี
อยู่ระหว่ำงรวบรวมพยำนหลักฐำนของพนักงำนสอบสวน เพื่อเสนอควำมเห็นต่อพนักงำนอัยกำร ส่วนคดีแพ่ง
จำนวน 3 คดี ได้มีกำรฟ้องคดีเพื่อเรียกค่ำเสียหำยกับบริษัท คิดเป็นค่ ำเสียหำยรวมประมำณ 6.337 พันล้ำน
บำท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่ำงกำรดำเนินกำรในชั้นศำล ที่จะมีกำรพิสูจน์ข้อเท็จจริงโดยให้ศำลเป็นผู้ตัดสินต่อ
ที่มำ:จำกหนังสือพิมพ์ฐำนเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,152 วันที่ 28 - 30 เมษำยน พ.ศ. 2559

13.6 ศาลฎีกาพิพากษาให้เหมืองแร่ฯ จ่ายชดเชยชาวบ้านคลิตี้ล่าง 36 ล้านบาท


วันจันทร์ (11 กันยำยน 2560) นี้ ศำลฎีกำได้พิพำกษำยืนให้บริษัท ตะกั่วคอนเซนเตรทส์ (ประเทศ
ไทย) และกรรมกำรบริษัทเป็นจำเลยรวม 7 รำย จ่ำยเงินชดเชยให้แก่ชำวบ้ำนคลิตี้ล่ำง กว่ำ 36 ล้ำนบำท ฐำน
ปล่อยน้ำปนเปื้อนสำรมลพิษทำให้มีผู้ป่วยและระบบนิเวศน์เสียหำย
นำยนำยยะเสอะ นำสวนสุวรรณ และพวกรวม 151 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ตะกั่วคอนเซนเต
รทส์ (ประเทศไทย) และกรรมกำรบริ ษัท เป็น จำเลยรวม 7 รำย ในข้อ หำหรือ ฐำนควำมผิ ด ละเมิ ดตำม
พระรำชบัญญัติส่งเสริมและรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อมแห่งชำติ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมฯ) โดยพิพำกษำ
ยืนตำมศำลชั้นต้นและอุทธรณ์ให้บริษัทฯ จ่ำยค่ำชดเชยให้กับชำวบ้ำนเป็นเงินรวม 36,050,000 บำท
หลังฟังคำพิพำกษำว่ำ รู้สึกพึงพอใจกับคำพิพำกษำ แต่สิ่งที่ชำวบ้ำนต้องกำรเหนือกว่ำเงินชดเชยคือ
กำรปรับปรุงฟื้นฟูห้วยคลิตี้ให้กลับสู่สภำพเดิม เพื่อให้ชำวบ้ำนสำมำรถใช้อุปโภค-บริโภคได้
ในเรื่องกำรจ่ำยค่ำชดเชย และกำรช่วยเหลือฟื้นฟูจำกบริษัทนั้น ยังไม่สำมำรถกำหนดได้ว่ำจะมีกำร
ชดเชย หรือฟื้นฟูเมื่อใด เนื่องจำกในวันนี้ไม่มีตัวแทนจำกบริษัทฯ มำเข้ำฟังคำพิพำกษำ และยังไม่ได้มีกำร
ติดต่อเพื่อพูดคุยเรื่องนี้กับชำวบ้ำน
ที่มำ: https://www.benarnews.org/thai/news/TH-karen-court-09112017162938.html
13-9

13.6 ศาลพิจิตรสั่งจาคุก 1 ปี และ ปรับ 8 หมื่นบาท ต่อNGOใส่ร้ายบิดเบือน เหมืองแร่ทองคา


21 ม.ค. 61 ศำลจังหวัดพิจิตร ได้อ่ำนคำพิพำกษำคดีที่บริษัท อัครำ รีซอร์สเซส จำกัด (มหำชน) เป็น
โจทก์ ฟ้องนำงสำวสมรักษ์ หุตำนุวัตร จำเลย ซึ่งทำงำนองค์กรเอกชนหรือเอ็นจีโอด้ำนสิ่งแวดล้อม ควำมผิด
ต่อพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และ พระรำชบัญญัติส่งเสริมและรักษำคุณภำพ
สิ่งแวดล้อมแห่งชำติ
โจทก์ฟ้องสรุปว่ำจำเลยได้โพสต์ข้อควำมลงในเฟซบุ๊กชื่อ “ Somlak Hutanuratr”(Thai Leak ) ด้วย
ข้อควำมและรูปภำพว่ำ “อันตรำยมำกที่เร่งทำอย่ำงกอบโกย คันเขื่อนบ่อไซยำไนด์ ขนำด 1,400 ไร่ ไม่มีแกน
เขื่อนเปรำะบำงมำก อันตรำยมำก ห่ำงวัดและโรงเรียนแค่ 400-500 เมตร” ซึ่งข้อควำมดังกล่ำว โจทก์ เห็นว่ำ
เป็นกำรกระทำและให้ข้อมูลที่ไม่เป็นควำมจริงโดยมีเจตนำที่จะทำลำยชื่อเสียงของเหมืองแร่ทองคำอัครำพิจิตร
ศำลสืบพยำนบุคคลและพยำนเอกสำรของทั้ง 2 ฝ่ำย รับฟังได้ว่ำจำเลยเผยแพร่ข้อควำมที่ไม่เป็นควำม
จริงเกี่ยวกับอันตรำยจำกแหล่งกำเนิดมลพิษ โดยเจตนำทำลำยชื่อเสียงหรือควำมไว้วำงใจของสำธำรณชนต่อ
กำรดำเนินกิจกำรโดยชอบด้วยกฎหมำยของโจทก์
จึงพิพำกษำ ให้จำเลยมีควำมผิดตำมพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.
2550 มำตรำ 14 (2) วรรค 1 พระรำชบัญญัติส่ งเสริมและรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อมแห่งชำติ พ.ศ.2535
มำตรำ 101 วรรค 1 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมำยหลำยบทให้ลงโทษตำมพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรกระทำ
ผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อันเป็นบทหนักสุดตำมประมวลกฎหมำยอำญำมำตรำ 90 จำคุก1 ปี ปรับ 8 หมื่นบำท
อย่ำงไรก็ตำมไม่ปรำกฏว่ำจำเลยเคยรับโทษจำคุกมำก่อนเพื่อให้โอกำสกลับตนเป็นพลเมืองดีโทษ
จำคุกให้รอกำรลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี โดยกำหนดเงื่อนคุมควำมประพฤติจำเลยให้ละเว้นกำรนำเข้ำสู่ระบบ
คอมพิวเตอร์ หรือ กำรโพสต์ข้อควำม รูปภำพ อันอำจนำไปสู่กำรกระทำผิดควำมผิดในทำนองเดียวกันอีก
ภำยในกำหนดระยะ 1 ปี นับแต่อ่ำนคำพิพำกษำ
ที่มำ: http://www.thaipost.net/main/detail/1436
13.7 ศาลปกครองกลางยกฟ้องคดีประทานบัตร-ใบอนุญาตประกอบโลหะกรรมเหมืองทองคาวังสะพุง
28 ธันวำคม 2559 ศำลได้อ่ำนคำพิพำกษำคดี นำยสรำวุธ พรมโสภำกับพวกรวม 598 คน ฟ้องกับ
รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงอุตสำหกรรม (รมว.กระทรวงอุตสำหกรรม) ผู้ถูกฟ้องที่ 1 อธิบดีกรมอุตสำหกรรม
พื้นฐำนและกำรเหมืองแร่ ที่ 2 บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ที่ 3 (ผู้ถูกฟ้องคดี) เรื่อง คดีพิพำทเกี่ยวกับกำรที่หน่วยงำน
ทำงปกครองหรือเจ้ำหน้ำที่ของรัฐกระทำกำรโดยไม่ชอบด้วยกฎหมำยและละเลยต่อหน้ำที่ตำมที่กฎหมำย
กำหนดให้ ต้องปฏิบั ติ (คดีประทำนบั ตรเหมืองแร่ทองคำ อำเภอวังสะพุง) โดยศำลได้พิจำรณำยกฟ้องคดี
ดังกล่ำว โดยวินิจฉัยว่ำ กำรที่รมว.กระทรวงอุตสำหกรรม ได้ออกประทำนบัตรพิพำทและกำรที่อธิบดีกรม
อุตสำหกรรมพื้นฐำนและกำรเหมืองแร่ (กพร) ได้ออกใบอนุญำตและต่ออำยุใบอนุญำตประกอบโลหะกรรม
ให้แก่บริษัท ทุ่งคำ จำกัด เป็นกำรกระทำโดยชอบด้วยกฎหมำยอีกทั้งได้มีกำรควบคุมกำรประกอบกิจกำรไม่ให้
เกิดผลกระทบต่อสภำพแวดล้อมหรือเกิดอันตรำยตำมพระรำชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 แล้ว
13-10

ดังนั้น กำรที่รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงอุตสำหกรรมไม่เพิกถอนประทำนบัตรพิพำท และกำรที่อธิบดี


กรมอุตสำหกรรมพื้นฐำนและกำรเหมืองแร่ไม่เพิกถอนใบอนุญำตประกอบโลหะกรรมของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด
จึงไม่เป็นกำรละเลยต่อหน้ำที่ตำมที่กฎหมำยกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
ทั้งนี้ภำยหลังเสร็จสิ้นคำพิพำกษำชำวบ้ำนกลุ่มฅนรักษ์บ้ำนเกิด ที่เดินทำงมำร่วมรับฟังต่ำงแสดงท่ำที
ผิดหวังกับผลกำรพิพำกษำและหลำยคนร้องไห้เสียใจ แต่ยังประกำศต่อสู้ต่อไปและร่วมเรียกร้องให้รัฐบำลสั่ง
ปิดเหมืองทองคำถำวร พร้อมทั้งรวมตัวกันถือป้ำยข้อควำมยืนยันสู้ต่อและขอร่วมคัดค้ำนพระรำชบัญญัติ
(พรบ.)เหมืองแร่ฉบับใหม่ ให้ถึงที่สุด

รูปที่ 13.1 กลุ่มชำวบ้ำน กลุ่มฅนรักษ์บ้ำนเกิด ร้องไห้หลังได้ยินคำตัดสินของศำลปกครองกลำง


ที่มำ: http://transbordernews.in.th/home/?p=15506
นำงพรทิพย์ หงชัย ตัวแทนกลุ่มฅนรักษ์บ้ำนเกิด กล่ำวทั้งน้ำตำว่ำ กำรเสียน้ำตำของพี่น้องในวันนี้
ไม่ใช่น้ำตำแห่งควำมพ่ำยแพ้ แต่ที่ผ่ำนมำชำวบ้ำนที่คัดค้ำนเหมืองทองพยำยำมสู้ด้วยควำมรู้ของชำวบ้ำน และ
ทำเต็มที่ กระทั่งมีกำรปิดเหมืองชั่วครำว นั่นคือผลงำนกำรต่อสู้ของชำวบ้ำน ซึ่งได้มำโดยไม่ได้ร้องขอควำม
ยุติธรรม “พี่น้องเรำรู้อยู่แล้วว่ำชีวิตของชำวบ้ำนอย่ำงเรำเจออะไรมำกมำยที่ลำบำก ผู้คนเจ็บป่วย ล้มลง แค่
ไหนแต่ผู้มีอำนำจย่อมใช้อำนำจกลบเกลื่อนข้อเท็จจริงเสมอ ไม่ได้รู้สึกว่ำแพ้ แต่ยอมรับว่ำเสียใจที่ศำลยกฟ้อง
น้ำตำเรำไม่ใช่น้ำตำแห่งควำมพ่ำยแพ้ แต่มันเครียด มันน้อยใจ คนมีอำนำจเขำมองไม่เห็น ทำเป็นไม่รู้ไม่เป็นไร
ชำวบ้ำนถูกเหยียบย่ำมำสำรพัดก็ไม่เป็นไร เรำไม่ได้แคร์อยู่แล้ว” นำงพรทิพย์ กล่ำว
ด้ำนนำงไล ภักดิ์มี อำยุ 78 ปี ชำวบ้ำนกลุ่มฅนรักษ์บ้ำนเกิด กล่ำวว่ำ ตนอยู่มำตั้งแต่วังสะพุงอุดม
สมบูรณ์และค่อยๆ ล่มสลำยไปกับเหมืองทองคำ ถึงแม้วันนี้จะเสียใจกับคำพิพำกษำ แต่ไม่ขอหยุดต้ำนเหมือง
ทองคำ เพรำะอยู่ในพื้นที่มำตั้งแต่เกิดเห็นควำมเปลี่ยนแปลงในทำงเลวร้ำยมำโดยตลอด “น้ำกินไม่ได้ ผักกิน
ไม่ได้ แม่เองหยุดทำนำมำหลำยปีแล้ว แม่สู้ไม่ไหว ปลูกข้ำวไม่ขึ้นจะให้ทำยังไง ผื่นคันยังเต็มตัวก็ไปหำหมอทุก
เดือน เอำยำมำรักษำ แล้วในส่วนสำรหนู แคดเมียม ปรอท ที่หมอตรวจเจอในเลือดของแม่ก็ไม่เห็นมีใครมำ
ช่วยแม่นะ แม่ก็รักษำไป มีเงินก็ไปหำหมอ ไม่มีก็อยู่ ต่อไป เรำทำอะไรได้ ขึ้นมำกรุงเทพแต่ละครั้ง มำเพื่อพบ
ควำมผิดหวังก็ยังมำ เพรำะแม่รู้ตัวว่ำแม่กำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง” นำงไลกล่ำว
ด้ำ นนำงวิ ร อน รุ จิ ไ ชยวัฒ น์ กล่ ำวว่ ำ คำพิ พ ำกษำของศำลที่ ท ำให้ เ จ็ บ ช้ำน้ ำใจมำกที่ สุ ด คื อ ค ำ
พิพำกษำในประเด็นที่ว่ำเหมืองทองคำไม่ใช่อุต สำหกรรมที่ก่อเกิดมลพิษ โดยเชื่อคำรำยงำนของสถำบันวิจัย
13-11

สภำวะแวดล้อม จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย ที่ระบุว่ำสำรพิษต่ำงๆ ไม่ได้เกินมำตรฐำนและไม่มีผลกระทบต่อสัตว์


คน สิ่งแวดล้อมในพื้น ที่ ยิ่งคิดก็ยิ่ งเหมือนฝั นร้ำย พออ้ำงเรื่องวิชำกำรเมื่อใด ปำกคำของชำวบ้ำนจะไม่มี
ควำมหมำยเลย เพรำะชำวบ้ำนไม่มีควำมรู้ ไม่มีเกียรติไม่มีศักดิ์ศรี
นำงสุนี ไชยรส อดีตคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ กล่ำวให้กำลังใจชำวบ้ำนบริเวณหน้ำศำล
ปกครองทั้งน้ำตำว่ำ ตนได้ติดตำมข่ำวเหมืองแร่ทองคำและกำรต่อสู้ของกลุ่มชำวบ้ำนวังสะพุงมำตลอด รู้ว่ำชำว
วังสะพุงคือตัวอย่ำงของนักต่อสู้ และเป็นต้นแบบให้สังคมไทยหลำยอย่ำงโดยเฉพำะเรื่องกำรปกป้องชุมชนและ
กำรมีจุดยืน ในกำรรักษำสิ ทธิชุมชน ทั้งนี้ตนเองนั้นได้มีส่ว นร่ว มในกำรต่อสู้ คดีชำวบ้ำนที่ส่งผลกระทบต่อ
สิ่งแวดล้อมมำหลำยคดี เช่น คลิตี้ โรงโม่ที่หนองบัวลำภู ฯลฯ ยอมรับว่ำเรื่ องคดีแบบนี้มันยำก แต่หลำยที่
ชำวบ้ำนยังไม่ยอมแพ้ยังสู้อยู่ อยำกฝำกไว้ว่ำคดีเหมืองแร่มีผู้มีอำนำจ มีกำรเมือง มีโจทก์หลำยคน มีเงื่อนไข
พิเศษหลำยอย่ำงเชื่อมโยงกัน มีควำมซับซ้อน อย่ำงไรก็ตำมขอให้กำลังใจชำวบ้ำนและให้เดินหน้ำสู้ต่อ ตนจะ
ขอเป็นกำลังใจตลอดไปและยืนข้ำงชำวบ้ำนเสมอ
ที่มำ: http://transbordernews.in.th/home/?p=15506

13.8 แบบฝึกหัด
1.จงยกตัวอย่ำงคดีของประชำชนฟ้องเหมืองแร่แล้วชนะตำมคำสั่งศำล อธิบำยพอสังเขป
2.จงยกตัวอย่ำงคดีของประชำชนฟ้องรัฐบำลแล้วชนะตำมคำสั่งศำล อธิบำยพอสังเขป
3. จงยกตัวอย่ำงคดีของเหมืองแร่ฟ้องรัฐบำลแล้วชนะตำมคำสั่งศำล อธิบำยพอสังเขป
4.จงยกตัวอย่ำงคดีของเหมืองแร่ฟ้องประชำชนแล้วชนะตำมคำสั่งศำล อธิบำยพอสังเขป
5.น.ศ.มีควำมคิดเห็นอย่ำงไรถ้ำแกนนำของกำรประท้วงกำรทำเหมืองโดนอุ้มหำยไป จะเป็นผลดีต่อ
บริษัทเหมืองแร่ หรือ ผลร้ำย จงอภิปรำยพร้อมทั้งยกตัวอย่ำงคดีและกระแสสังคม พร้อมให้เหตุผลอ้ำงอิงกับ
กรณีที่หยิบยกมำอ้ำงอิงเพื่อเป็นแนวทำง

13.9 เอกสารอ้างอิง:

1. คชโส, สุทธิเกียรติ. "ควำมเห็นทำงกฎหมำยต่อพระรำชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 (ตอนที่ 2)." มูลนิธิ


นิติธรรมสิ่งแวดล้อม - EnLAW. https://enlawfoundation.org/newweb/?p=3590, 2018.
Web. 1 Sept. 2017.
2. "ศำลตัดสินให้ลุ่มแม่น้ำตำวเป็นพื้นที่คุ้มครอง." https://www.posttoday.com.
https://www.posttoday.com/social/local/240485, 2018. Web. 14 Aug. 2013.
13-12

3. ไผ่เจริญ, นนทรัฐ. "ศำลฎีกำพิพำกษำให้เหมืองแร่ฯ จ่ำยชดเชยชำวบ้ำนคลิตี้ล่ำง 36 ล้ำนบำท."


BenarNews. https://www.benarnews.org/thai/news/TH-karen-court-
09112017162938.html, 2017. Web. 9 Nov. 2017.
4. "ศำลพิจิตรสั่งจำคุก 1 ปี NGO เซ่นเหมืองแร่ทองคำ." Thai Post | อิสรภำพแห่งควำมคิด.
https://www.thaipost.net/main/detail/1436, 2018. Web. 21 Jan. 2018.
5. "กลุ่มฅนรักบ้ำนเกิดร่ำไห้ หลังศำลปกครองกลำงยกฟ้องคดีประทำนบัตร-ใบอนุญำตประกอบ
โลหะกรรมเหมืองทองคำวังสะพุง ประกำศเดินหน้ำสู้ต่อ." สำนักข่ำวชำยขอบ :
transbordernews. http://transbordernews.in.th/home/?p=15506, 2016. Web. 28
Dec. 2016.
13-13

ใบบันทึกการสอน
- สอนแบบบรรยำยตำมเนื้อหำ ถำม – ตอบ และให้นักศึกษำค้นคว้ำด้วยตนเอง
วิธีสอนและกิจกรรม
- นักศึกษำซักถำมและทำโจทย์ตัวอย่ำงร่วมกัน
หนังสืออ้ำงอิง - พรบ.แร่ 2560 ตำมรำชกิจจำนุเบกษำ

เอกสำรประกอบ - ใบเนื้อหำเรื่อง กำรเรียนรู้จำกกฎหมำยและคดี


ด้ำนสิ่งแวดล้อมเหมืองแร่
สื่อการสอน
- พรบ.แร่ 2560
โสตทัศนูปกรณ์/สื่อ -เอกสำรประกอบกำรสอน
-โทรศัพท์สมำร์ทโฟน
-Wifi ฟรีของมหำวิทยำลัยฯ
1. ให้นักศึกษำทำโจทย์ด้วยกันในห้องพร้อมอำจำรย์ ตรวจทวนและตรวจสอบร่วมกัน
งานที่มอบหมาย 2. ให้นักศึกษำทำแบบฝึกหัด ส่งก่อนเช้ำวันที่จะมีเรียนอีกครั้ง
3. ศึกษำเพิ่มเติมจำกเอกสำรอ้ำงอิง
1. ถำม – ตอบ
การวัดผล 2. สังเกตจำกพฤติกรรมและบรรยำกำศในห้องเรียน
3. แบบฝึกหัดและผลงำนที่ได้รับมอบหมำย
บันทึกการสอน :

You might also like