You are on page 1of 44

ประวัติความเป็ นมาของแต่ ละชาติพนั ธ์ ล้วนแต่ เป็ นเรื่ องทีน่ ่ าสนใจ

น่ าค้ นคว่ า แต่ หลายครั้งข้ อมูทเี่ รามีอาจะไม่ เพียงพอ ดังนั้นสาหรับ


ข้ อมูลทีเ่ รามีนี้ หวังว่ าคงจะเป็ นประโยชย์ สาหรบผู้ทสี่ นใจค้ นคว่ าได้
เป็ นอย่ างดี
จัดทาโดย Gunสุ ดหล่ อ ผู้ก่อตั้ง เพจ ขายเสื้อกะเหรี่ยงแห่ งประเทศ
ไทย
1

ประวัตศิ าสตร์ ชนเผ่ าปกา


เกอะญอ

1. ประวัตศิ าสตร์ ท่ อี ้ างจาก


เอกสาร
ก. ลาดับเหตุการณ์ก่อนคริสตศตวรรษ
B.C. 2617 ชนชาติกะเหรี่ ยงอพยพ
ถอยร่นลงมาจากมองโกเลีย
B.C. 2013 ชนชาติกะเหรี่ ยงอพยพมาถึงปากีสถานตะวันออก
B.C. 1866 อพยพออกจากปากีสถานตะวันออก
B.C. 1864 ชนชาติกะเหรี่ ยงอพยพจากธิเบต
B.C. 1385 ชนชาติกะเหรี่ ยงอพยพมาถึงยูนาน ประเทศจีน
B.C. 1128 กะเหรี่ ยงรุ่นแรกอพยพจากยูนานมาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
B.C. 1125 กะเหรี่ ยงรุ่นแรกมาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
B.C. 741 กะเหรี่ ยงรุ่นสองอพยพจากยูนานมาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
B.C. 739 ชนชาติกระเหรี่ ยงรุ่นที่สองได้ มาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ประเทศพม่าปั จจุบนั )

ข. ประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับการอพยพจาก
ประเทศจีน

ใ น ด้ า น ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ว
กะเหรี่ ยงสืบเชื อ้ สายมาจากเผ่ามองโกล
ชนกะเหรี่ ยงเป็ นเผ่าแรกสุด ที่ตงรกรากอยู
ั้ ่
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

ในพื ้นที่ติดกับต้ นแม่น ้าแยงซีเกียงในทะเลทรายโกบีซงึ่ รู้จกั กันว่า Land or the Flowing sand (ดินแดนแห่ง
ทรายไหล)

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
2

จากสถานที่ดงั กล่าวนี ้เอง ชนชาวกะเหรี่ ยงได้ อพยพสูท่ างใต้ เข้ ามาตังแหล่


้ งพานักอาศัยอยูใ่ นพื ้นที่
ในชัยภูมิซงึ่ เป็ นสหภาพพม่าขณะนี ้ ประมาณปี พ.ศ. 739 หรื อประมาณ 1788 ปี มาแล้ ว

นักประวัติศาสตร์ สว่ นใหญ่ มีความเห็นสอดคล้ องกันว่า ชนชาติกะเหรี่ ยงคือชนเผ่าแรกสุด

ที่อพยพ โยกย้ ายถิ่นทามาหากินร่นลงสูต่ อนใต้ มาตังรกรากใหม่


กะเหรี่ ยง ได้ ขนานนามผืนแผ่นดินใหม่นี ้ว่า KOW – LAH (กอลาห์) หมายถึงดินแดนที่

เขียวขจี มีความชุ่มชื ้น ชนชาติกะเหรี่ ยงจึงได้ เริ่ มต้ น หักร้ างถางพง ไถพรวนพื ้นดิน ลงมือเพาะปลูกโดยไม่มี
อุปสรรคใด ๆ ขัดขวางทังสิ
้ ้น

ผลิตผลจากหยาดเหงื่อแรงงาน ได้ ให้ ผลตอบแทนต่อพวกเขาอย่างน่าชื่นชม ด้ วยสาเหตุอนั นี ้ชน


ชาติกะเหรี่ ยงจึงได้ เปลี่ยนแปลงชื่อของแผ่นดินที่ให้ ความอุดมสมบูรณ์ตอ่ เขาว่า “ก่อทูเล” รัฐที่สลัดทิ ้งสิ ้นซึง่
ความชั่วช้ าเลวทราม-ความอดอยากยากแค้ น -สลดสังเวชและการโกลาหลอลหม่าน ซึ่งความชั่วช้ า เลว
ทรามทังหลายทั
้ งปวงจะไม่
้ มี ณ ดินแดนแห่งนี ้ เป็ นดินแดนใหม่ที่แสนสะดวกสบาย พรั่งพร้ อมอุดมสมบูรณ์
โดยไม่ร้ ู จักความยุ่งยาก ชนชาติกะเหรี่ ยง ได้ ดารงชีพอยู่กันมาช้ านานหลายศตวรรษ ตราบจนการเข้ า
แทรกแซงก่อกวนของชาวพม่าเกิ ดขึน้ จึงมี การเข่น ฆ่าทาลายวิถีชีวิตที่ ใฝ่ แสวงหาแต่สันติของชนชาติ
กะเหรี่ ยงจนพินาศพังทะลายลง

คีรีมาตชื่อจริ งว่า พุ่งเลียงเฮ่และมิชชัน่ นารี ชาวตะวันตกเชื่อว่า บ้ านเมืองเดิมของชาวกะเหรี่ ยงอยู่


ทางตะวันตกของจีน ในกวางสีก่อนที่พวกเขาจะอพยพสูด่ ินนแดนที่พวกเขาอาศัยอยูใ่ นปั จจุบนั ชาวจีนเชื่อ
ว่าแม่น ้าแยงซีเกียงนันเป็
้ น “แม่น ้าของพวกกะเหรี่ ยง”

ชนชาวกะเหรี่ ยงเข้ าสู่ดินแดนอินโดจีนตามสายนา้ สาคัญ 3 สายคือ พวกแรกเมื่อ 1128 ปี ก่อน


คริ สตกาล กลุ่มที่ 2 เข้ ามาเมื่อ 799ปี ก่อนคริ สตกาล กลุ่มสุดท้ ายเข้ ามาเมื่อ 741 ปี ก่อนคริ สตกาล การ
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

อพยพเข้ ามาในเส้ นทางที่ 1 ชาวกะเหรี่ ยงกลุม่ นี ้อพยพเข้ าไปในดินแดนที่เป็ นประเทศพม่าในปั จจุบนั ตาม
สายน า้ อิ ร วดี ลงไปตามที่ ร าบลุ่ม ปากแม่น า้ อิ ร วดี หรื อ เดลต้ า ในพื น้ ที่ เมื อ งแปร เฮนซาดะ พะสิ ม
หรื อบะเส่ง เมือง ละเกิง หรื อ ย่างกุ้ง ชาวกะเหรี่ ยงฟื น้ ที่แห่งนี ้เป็ นกลุม่ ที่ได้ รับการศึกษาสูงในสมัยที่องั กฤษ
ปกครองพม่า ซอ บา อู ยี ผู้นาชาวกะเหรี่ ยงเป็ นคนที่พะสิม การอพยพเข้ ามาในเส้ นทางที่ 2 ชาวกะเหรี่ ยง

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
3

กลุ่มนีอ้ พยพเข้ ามาตามสายนา้ สาละวิน แม่นา้ สะโตง สายนา้ เมย และแม่นา้ ตะนาวศรี โดยมีชุมชนที่
หนาแน่นอยูท่ ี่เมือง ตองอู ผาปูน ผาอ่าง ท่าตอน

เมาะละแหม่ง พะโค (หงสาวดี) กะเหรี่ ยงกลุ่มนีอ้ ยู่ปะปนกับชาวมอญ จึงถูกเรี ยกว่า “บาม่ากะ


ยิน” เมืองที่สาคัญที่เป็ นที่กล่าวถึงของชาวกะเหรี่ ยง คือ เมืองตองอู ซึง่ เป็ นเมืองเก่าดังเดิ
้ มของ

ชาวกะเหรี่ ยงสกอ ส่วนกะเหรี่ ยงโพล่ง นันมี


้ เมืองดังเดิ
้ มที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้ ตงหลั
ั ้ กฐานมัน่ คงเรี ยก
เมืองนันว่
้ า “ กวยเกอบ่อง” เมืองดูยอ ณ ที่เมืองนี ้เป็ นพื ้นที่ราบ มีภเู ขาหินตังอยู
้ ่เด่น เป็ นสง่าท่ามกลางที่
ราบเป็ นที่นาเวิ ้งว้ าง พวกเขาถูกพม่า มอญ และคนไทย กวาดต้ อนกระจัดกระจายไปตามที่ตา่ ง ๆ พวกเขามี
ความเชื่อว่า สักวันหนึง่ พวกเขาจะได้ กลับมารวมตัวกันอีกครัง้ ที่เมืองกวยเกอบ่อนี ้

การอพยพเข้ า มาในเส้ น ทางที่ 3 ชาวกะเหรี่ ย งกลุ่ม นี อ้ พยพเข้ า มาตามสายน า้ แม่โ ขง แม่น า้


เจ้ า พระยา เข้ า มาอยู่ใ นอิ น โดจี น คื อ ในดิ น แดนกัม พูช า และถอยร่ น กลับ ขึน้ มาทางเหนื อ อี ก ครั ง้ ใน
พงศาวดารพม่า โดยพระเจ้ าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ กล่าวว่า “พวกตองซู”่ (กะเหรี่ ยงเผ่า
ปะโอ)นี ้ เป็ นคนที่มนุษย์ตา่ งแดนข้ างเคียงรู้จกั กันมาก รู้จกั กันทัว่ กรุงสยามและเมืองเขมรจนกระทัง่ แถบแม่
โขงตอนล่าง ราวเมืองนครจาปาศักดิแ์ ละแก่งพันเกาะ ในหัวเมืองไทยใหญ่

ค. ประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวกับประเทศไทย

ชนชาติกะเหรี่ ยง ซึง่ ชนชาติไตยในรัฐฉานและชาวมณฑลพายัพรวมกันเรี ยกพวกเขาว่า

“ยาแดง” อีกชนเผ่าหนึ่งเราเรี ยกพวกเขาว่า “ยางขาว” และพวกเขาเองซึง่ เป็ นยางแดง เรี ยกชนชาติของเขา


เองว่า กะยา พวกยางขาวเรี ยกชนชาติของเขาว่า “ก่อทูเล” กะเกรี่ ยงยางแดง และกะเหรี่ ยงยางขาว แบ่ง
ออกเป็ นสองพวกด้ วยกัน

ความสัมพันธ์ระหว่างชนชาติกะเหรี่ ยงขาวกับกะเหรี่ ยงแดงนัน้ ได้ มีปรากฏขึ ้นในประวัติศาสตร์


ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

และพงสาวดารของเมื อ งเชี ย งใหม่ ในต้ นรั ช สมั ย ของพระบาทสมเด็ จ พระพุ ท ธยอดฟ้ าจุ ฬ าโลก
มหาราช (รัชกาลที่ 1) แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

ในรัชสมัยดังกล่าวนี ้ ตรงกับปี เถาะ พ.ศ. 2326 ขณะนันเมื


้ องเชียงใหม่ได้ ตกอยูใ่ นความ

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
4

ปกครองของพระมหากษัตริ ย์ไทย แห่งกรุ งสยาม ในสมัยดังกล่าวนี ้ พระเจ้ าบรมราชาธิบดีกาวิละยังทรงมี


บรรดาศักดิ์เป็ นพระยาวชิรปราการ เจ้ าผู้ครองนครเชียงใหม่อยู่ในขณะนัน้ พระอนุชาของพระองค์ มีสอง
พระองค์คือ พระเจ้ าเชียงใหม่ช้างเผือกธรรมาลังกา (พระเจ้ าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 2 ) ยังมีบรรดาศักดิ์
เป็ นพระยาอุปราชเมืองเชียงใหม่และเจ้ าเศรษฐี คาฝั น้ ซึ่งยังมีบรรดาศักดิ์เป็ น พระยารัตนหัวเมือง เมือง
เชียงใหม่

พระเจ้ ากาวิละ ได้ ออกจากเมืองนครลาปาง เพื่อมารับตาแหน่งเจ้ าเมืองเชียงใหม่ ซึ่งในขณะนัน้


เมืองเชียงใหม่ยงั เป็ นป่ ารก มีป่าไม้ เคลือบคลุมหนาแน่น อีกทังก
้ าลังผู้คนก็มีน้อย ไม่มากพอที่จะรักษาพื ้นที่
อันกว้ างใหญ่ของตังเมื
้ องได้ จึงได้ หยุดกาลังทัพจัดตังเมื
้ องอยู่ที่บ้านป่ าซางเมืองลาพูน ซึง่ มีสภาพเป็ นป่ า
เช่นเดียวกับเมืองเชียงใหม่ในขณะนันเช่
้ นกัน

ในกาลครัง้ นัน้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกที่มหาราช ทรงโปรดเกล้ าแต่งตังให้


้ พระ
อนุชาทังสองพระองค์
้ ของพระเจ้ ากาวิละ มารับตาแหน่งเป็ นพระยาอุปราชและพระยารัตนหัวเมืองในเมือง
เชียงใหม่ร่วมกับพระเชษฐาด้ วย

ในปี เถาะ พ.ศ. 2326 พระเจ้ ากาวิละกับพระอนุชาทังสองพระองค์


้ ได้ ทรงสืบทราบว่าทางด้ าน
เหนือขึ ้นไปนันเป็
้ นดินแดนที่อดุ มไปด้ วยป่ าไม้ สกั ซึง่ ขึ ้นอยู่อย่างหนาแน่นตลอดสองแนวฝั่ งแม่น ้าคง (สาละ
วิน) โดยมีชนชาติเผ่ากะเหรี่ ยงยางแดง อยู่ทางด้ านฝั่ งตะวันออกของแม่น ้าทางด้ านทิศตะวันตกมีชนชาติ
เผ่ากะเหรี่ ยงขาวอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น แต่กะเหรี่ ยงยางแดงและกะเหรี่ ยงยางขาวทังสองชนชาติ
้ นี ้มิได้
ขึ ้นกับชนชาติพม่าแต่อย่างใด ได้ ตงเมื
ั ้ องเป็ นอิสระปกครองตนเองเรื่ อยมา

ภูมิประเทศของเมืองยางแดงนี ้ เคลือบคลุมไปด้ วยป่ าไม้ สกั ซึง่ เป็ นการยากต่อการรุกรานของชน


ชาติพม่า ประกอบกับดินแดนของชนสองเผ่านี ้เป็ นชัยภูมิด้านหน้ าของเชียงใหม่ ซึ่งถ้ าพม่าจะยกทัพเข้ า
มาตีเมืองเชียงใหม่ จะข้ ามน ้าสาละวินมาได้ อย่างรวดเร็ว
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

จากแผนการป้องกันชาติบ้านเมืองดังกล่าวพี่น้องทังสามองค์
้ ได้ นาปั ญหานี ้มาปรึกษาหารื อกัน
และ ได้ ตกลงกันว่า จะต้ องเจริญสัมพันธ์ไมตรี ผูกมิตรต่อกันไว้ ดีกว่า ทังนี
้ ้จะได้ พงึ่ พาชนชาติ

กะเหรี่ ยงแดง ทางด้ านฝั่ งตะวันออกของแม่น ้าสาละวิน ซึ่งเป็ นดินแดนผืนเดียวกันกับอาณาจักร


ล้ านนาไทย ให้ เป็ นเมืองหน้ าด่านของเมืองเชียงใหม่ด้วย จึงได้ ตกลงมอบให้ พญาสามล้ าน ผู้เป็ นทังนั
้ กการ
Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย
ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
5

ฑูตและนักการทหาร โดยนาถ้ วยชาม 60 ชิ ้น ผ้ าแพรและหนังสือ เป็ นฑูตสันถวไมตรี เดินทางออกจากเมือง


เชียงใหม่พร้ อมคณะ ถึงบ้ านหัวตาดเป็ นอันดับแรก ซึง่ ต่อมาภายหลังบริเวณบ้ านเหล่านี ้ ได้ กลายเป็ นแหล่ง
ชุมชนที่หนาแน่น และได้ กลายเป็ นเมือง กันตะระวดี บรรดาเมืองเล็กเมืองน้ อยในบริ เวณใหล้ เคียงต่างมี
ความเจริญขึ ้นตามลาดับ

เจ้ าแสนตาดดา ประมุขกะเหรี่ ยงแดงในขณะนัน้ ได้ ต้อนรับคณะฑูตจากเมืองเชียงใหม่ด้วย


อัธยาศัยไมตรี อนั ดียิ่ง พร้ อมกับรับของที่ระลึกจากพระเจ้ ากาวิละแห่งเมืองเชียงใหม่ ที่มอบฝากคณะฑูต
สันถวไมตรี มาให้ ได้ แก่ ถ้ วยชาม ผ้ าแพร และของใช้ ที่จาเป็ นอีกจานวนหนึ่ง จากนัน้ ได้ กรุ ณาแนะนา
หัว หน้ า ชาวเมื อ งเชี ย งใหม่ , ล าพูน ซึ่ง อพยพลี ภ้ ัย มาตัง้ รกรากในถิ่ น กะเหรี่ ย งแดงจ านวนหลายร้ อย
ครอบครัว ตามบริ เวณฝั่ งแม่น ้าสาละวินหลายแห่งด้ วยกัน พร้ อมกันนันได้
้ จดั กาลังทหารกะเหรี่ ยงแดงให้
เข้ าร่วมในการเดินทางไปเกลี ้ยงกล่อมนายบ้ าน นายแขวงบ้ านตองโผะ( ตองปุ) ซึง่ เดิมทีมีรกรากอยู่ในเมือง
เชียงใหม่ ขอให้ อพยพกลับไปยังถิ่นเดิม พร้ อมกับรับรองให้ ความปลอดภัยและความอบอุ่นแก่พวกเขา
เหล่านันเป็
้ นอย่างดี หัวหน้ าชาวบ้ านตองโผะก็ได้ รวบรวมพรรคพวกเดินทางอพยพมาแต่โดยดี โดยกลับมา
ตัง้ ถิ่ นฐานที่ บ้านป่ าซาง จึงเป็ นการเพิ่ มพลเมืองเป็ นอัน ดับแรก ตามแบบฉบับของพระเจ้ ากาวิละที่ มี
นโยบาย เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้ าใส่เมือง

เจ้ าแสนหลวงได้ ถือโอกาสชักชวน เจ้ าอุปราชธรรมลังกา และคณะให้ เดินทางไปพบ เจ้ าฟ้าน้ อย


ระภาผ่อ พ่อเมืองทลาง (ผาปูน) เพื่อสนับสนุนในการปลูกสัมพันธ์ไมตรี ตอ่ กันด้ วย

เมื่อเดินทางมาถึงทลางแล้ ว เจ้ าฟ้าน้ อยระภาผ่อได้ ทราบเจตจานงทางเมืองเชียงใหม่ ขึ ้นมา


เชื่อมสัมพันธ์ ไมตรี ด้วย มีความปรี ดาปราโมทย์เป็ นอย่างมาก ได้ จดั อาหารเลี ้ยงต้ อนรับเจ้ าอุปราชธรรม
ลังกาและคณะอย่างเต็มที่ตลอดจนที่พกั ในคุ้มหลวงด้ วย

เมื่อได้ กล่าวถึงเมืองจนเป็ นที่เข้ าใจกันดีแล้ ว เจ้ าอุปราชธรรมลังกาและเจ้ ารัตนเมือง


ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

แก้ วคาฝั น้ ได้ จัดพิธีมอบสิ่งของกานัลอันเป็ นที่ระลึกจากเจ้ าเมืองเชียงใหม่เป็ นถ้ วยชาม 30 ชิน้ ผ้ าแพร
หลายพับให้ กบั เจ้ าฟ้าน้ อยระผ่อพ่อเมืองทลาง(ผาปูน)

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
6

เมืองทลาง (ผาปูน) นีเ้ ป็ นเมือง ๆ หนึ่งที่มีผ้ ูคนจากเชียงใหม่ ลาพูน อพยพหลบหนีภัยพม่า


ข้ าศึก เป็ นจานวนมากและได้ รับความอยูเ่ ย็นเป็ นสุขโดยถ้ วนหน้ า ซึง่ เจ้ าฟ้าน้ อยระภาผ่อได้ ให้ ความเมตตา
ปราณีเช่นคนชาติกะเหรี่ ยงเหมือนกัน

วันต่อมา เจ้ าฟ้าน้ อยระภาผ่อ พ่อเมืองทลาง ได้ จดั พิธีร่วมน ้าสาบานเป็ นมิตรไมตรี ต่อกัน ตาม
ธรรมเนียมของเขาระหว่างเมืองกะเหรี่ ยงและเมืองเชียงใหม่ขึ ้น โดยได้ ปลูกประราพิธีขึ ้นหลังหนึ่งที่ท่าน ้า
เมืองทลางเรี ยกว่า ท่าสะยา พิธีได้ เริ่ มขึ ้นโดยเจ้ าฟ้าน้ อ ยระภาผ่อได้ สงั่ ให้ ล้มกระบือตัวใหญ่ที่สดุ อ้ วนพี
สมบูรณ์ ที่สุด ที่มีในเมือง 1 ตัวเพื่อเข้ าพิธี ได้ ชาแหละตัดเขากระบือผ่าออกเป็ น 2 ซีกด้ วยกัน แล้ วยื่นซีก
หนึ่งให้ เจ้ าอุปราชธรรมลังกาถือเอาไว้ ซีกหนึ่ง เพื่อแทนชาวเชียงใหม่ทงมวล
ั้ เจ้ าฟ้าระภาผ่อได้ ขอให้ เจ้ า
อุปราชธรรมลังกา และที่ประชุมได้ กล่าวสัจจะปฏิญาณต่อกันไว้ วา่

“ตราบใดแม่น้าคงไม่หาย เขาควายไม่ซื่อ ถ้าช้างเผือกไม่ยบุ

เมืองยางแดงกับเมืองเชียงใหม่ ยังเป็ นไมตรี กนั ตราบนัน้ …”

ทังสองฝ่
้ ายได้ กล่าวเป็ นภาษาของตนและต่างเก็บเขากระบือรักษาไว้ ถือเป็ นวาจาสัตย์ที่มีต่อกันสืบต่อไป
ในภายภาคหน้ า

ต่อมาเจ้ ารัตนเมืองแก้ วคาผัน้ อนุชาของเจ้ าอุปราชธรรมลังกา ซึง่ ได้ เดินทางไปในครัง้ นี ้ได้ เกิดมี
ใจสมัครผูกพันธ์รักใคร่เป็ นน ้าหนึง่ ใจเดียวกับเจ้ านางตาเวยบุตรี ของเจ้ า ฟ้าน้ อยระภาผ่อและต่างตกลงปลง
ใจเป็ นคูช่ ีวติตอ่ กัน หลังจากเสร็จพิธีการแล้ วได้ เดินทางกลีบเมืองเชียงใหม่

นับเป็ นครัง้ แรกที่เจ้ านายฝ่ ายเหนือของเมืองเชียงใหม่ ได้ ทาการสมรสกับเจ้ าหญิงกะเหรี่ ยง บุตรี


เจ้ าฟ้าเมืองยางแดง ซึง่ มีศกั ดิ์และมีฐานันดรเป็ นเช่นเดียวกันและเจ้ านางตาเวยองค์นี ้ ต่อมาภายหลังได้ รับ
พระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ว่า “เนตรนารี ไวย”

ภายหลังต่อมาได้ มีราชบุตรและธิ ดากับเจ้ ารัตนเมืองแก้ วคาฝั น้ นหรื อเจ้ าหลวงเศรษฐี คาฝั น้


ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

ถึง 5 องค์ด้วยกัน ราชบุตรองค์ใหญ่ชื่อ เจ้ ามหาพรมคาคง ได้ เข้ ารับราชการในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระ


นั่งเกล้ าเจ้ าอยู่หัว เป็ นรัชกาลที่ 3 ต่อมาได้ เป็ นเจ้ าราชวงศ์ของเมืองเชียงใหม่ ในแผ่นดินพระจอมเกล้ า

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
7

เจ้ าอยู่หวั รัชกาลที่ 4 เจ้ าราชวงศ์ทรงเป็ นพระบิดา พระเจ้ าอินทวิไชยยานนท์ (อิทนนท์ ณ เชียงใหม่) เจ้ าผู้
ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7

แม่เจ้ าเนตรนารี ไวยเป็ นทายาทเจ้ าของป่ าไม้ สกั ซึง่ ทาความมัง่ คัง่ ให้ กบั เจ้ าหลวงเศรษฐี

คาฝั น้ และบุตรหลานในสกุล ณ เชียงใหม่ ผู้สืบสายตรงจากแม่เจ้ าเนตรนารี ไวยและสืบสายจาก

เจ้ าฟ้าน้ อยระภาผ่อ

ครัน้ ต่อมา พระเจ้ ากาวิละได้ ถึงแก่พิราลัยแล้ ว เจ้ ามหาอุปราชธรรมลังกาได้ ขึ ้นเสวยเมืองแทน


เป็ นพระเจ้ าเชียงใหม่สืบต่อมา ทรงมีพระนามว่า พระเจ้ าช้ างเผือกธรรมลังกา ที่ขนานนามนี ้เพราะว่าใน
สมัยของท่านได้ ทรงนาช้ างเผือก ซึ่งได้ พบในเมืองเชี ยงใหม่ไปถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ า
นภาลัย (รัชกาลที่ 2) ณ กรุงรัตนโกสินทร์ จนถือได้ วา่ สยาม – กะเหรี่ ยง เป็ นทังญาติ
้ สนิท เป็ นทังมิ
้ ตรสหาย
กันมาช้ านาน และมีเชื ้อสายสืบทอดกันมาแต่โบราณกาล ดังที่กล่าวมาแล้ ว

2. ประวัตศิ าสตร์ จากคาบอกเล่ า


ก. ตานานจากการสร้ างเมืองเชียงใหม่

ตานานเรื่ องเมืองเชียงใหม่เป็ นที่เล่าขานของชนเผ่าปกาเกอะญอมาแต่โบราณ เล่าขานกันมาตังแต่



อดีตจนถึงปั จจุบนั ตานานกล่าวถึงเจ้ าฟ้าเมืองเชียงใหม่กบั เมืองสุนขั เก่งของท่าน ตานานได้ ถกู จดจาเอาไว้
ในบทลานาสองบทที่มีใจความว่า

เลอ เปลอ ฉวี ่ ลู ตา พะ มี ครั้งกระโน้นสุนขั ไล่ตามเลียงผา

หย่อ ถ่อ เลอะ หล่อ โอะ ดี ยังมีรอยเท้าติ ดอยู่ทีผ่ าตราบจนทุกวันนี ้

ชนปกาเกอะญอเล่าขานกันว่าเจ้ าฟ้าเชียงใหม่และสุนัขของท่านได้ ไล่เลียงผาตัวหนึ่งจากฝั่ ง


ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

ตะวันตกของแม่น ้าสาละวินเข้ ามายังฝั่ งตะวันออก จนกระทัง่ ไล่มาถึงที่ราบแห่งหนึ่ง เจ้ าฟ้าเชียงใหม่ทรง


ทอดพระเนตรสุนขั ของพระองค์กินอาหารที่นนั่ เนื่องจากหิวโซ พอเจ้ าฟ้าทรงตามมาทันจึงทาเสียงดุและด่ า
ตะเพิดด้ วยความไม่สภุ าพว่า “เจ้ าไล่เลียงผามิใช่หรื อ ทาไมมัวกินและกลืนอะไรอยู่” ด้ วยเหตุดงั กล่าวที่ราบ
แห่งนี ้จึงมีชื่อว่า “หมื่อ อยู่ ปู” ซึง่ แปลว่า “เมืองกลืน” (ปั จจุบนั คือแม่สะเรี ยง) มาจนถึงทุกวันนี ้ หลังจากกิน

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
8

อาหารแล้ วเจ้ าฟ้าเชียงใหม่ก็ทรงไล่สนุ ขั ของพระองค์ให้ ล่าเลียงผาต่อไป ระหว่างทางสุนขั ได้ ปัสสาวะลงที่


ลาธารหนึง่ จึงถูกเรี ยกชื่อภายหลังว่า “ห้ วยสุนขั เยี่ยว” (อยูร่ ะหว่างอาเภอแม่สะเรี ยงและอาเภอฮอด) จนถึง
ทุกวันนี ้ จากนันสุ
้ นขั ก็ลา่ เลียงผาต่อไป จนกระทัง่ ถึงที่ราบอีกแห่งหนึ่ง ณ ที่ราบแห่งนี ้สุนขั ก็หายไปอย่างไร้
ร่องรอย เจ้ าฟ้าเชียงใหม่ทรงตามหาอย่างไรก็ไม่ทรงพบ ถึงกับทรงกรรแสง ดังนันที
้ ่ราบแห่งนี ้จึงถูกเรี ยกชื่อ
ภายหลังว่า “มือ ฮอ ปู” แปลว่า “เมืองร้ องให้ ” ซึ่งต่อมาได้ เพี ้ยนไปเป็ น “เมืองฮอด” (ปั จจุบนั คืออาเภอ
ฮอด) จนถึงทุกวันนี ้

เจ้ าฟ้าเชียงใหม่ทรงพักผ่อนที่นนั่ จนกระทัง่ สุนขั ของพระองค์กลับมาหาเอง จากนันทั


้ งสองก็
้ พา
กันออกเดินทางล่าเลียงผาต่อไป การเดินทางมุ่งสู่ทิศตะวันออก แล้ วก็ไปถึงถ ้าแห่งหนึ่งและทรงนัง่ พักผ่อน
ในถ ้าแห่งนัน้ ถ ้าแห่งนี ้และบริ เวณที่ราบรอบ ๆ ถูกเรี ยกว่า “เมืองเหล่อปู” แปลว่า “เมืองถ ้า” และต่อมาได้
เพี ้ยนไปเป็ น “เมืองลาพูน” (ปั จจุบนั คือจังหวัดลาพูน) มาจนถึงทุกวันนี ้

หลังจากหายเหนื่อยแล้ วก็เริ่ มล่าเลียงผาต่อไป จนกระทั่งมาถึงหน้ าผาแห่งหนึ่ง สุนัขตามล่า


เลี ย งผาตามซอกผาซอกหิ น แต่ ก็ ไ ม่ พ บ ณ สถานที่ แ ห่ ง นี ไ้ ด้ กลายเป็ นเมื อ งที่ มี ชื่ อ ว่ า “เมื อ งเล
ปา” แปลว่า “เมืองหน้ าผา” ซึง่ ทีหลังเพี ้ยนไปเป็ น“เมืองลาปาง” (ปั จจุบนั คือจังหวัดลาปาง) จนถึงทุกวันนี ้

การล่าเลียงผาไม่ได้ ผลสาเร็ จเพราะร่ องรอยหายไป ณ ผาแห่งนี ้ ดังนันเจ้


้ าฟ้าเชียงใหม่จึงหัน
กลับมุ่งหน้ าขึ ้นสู่ที่ราบลุม่ แม่น ้าปิ งและได้ ตงรกรากอยู
ั้ ่ที่นนั่ สุนขั ตัวเก่งของเจ้ าฟ้าเชียงใหม่ก็สิ ้นลมหายใจ
ณ ที่แห่งนี ้ เล่าขานกันว่าก่อนสุนขั ตัวนันจะสิ
้ ้นใจตาย เท้ าสี่ข้างเหยียบลงบนหลังเต่าข้ างละหนึ่งตัว หาง
สอดเจ้ ารู ลิ่ม ปากคาบตะกวด ตาเหลือบไปยังรังผึง้ เจ้ าฟ้าเชียงใหม่ได้ ฝังศพของสุนัขของท่า นตัวนี ้ ณ
บริเวณที่ตงวั
ั ้ ดเจดีย์หลวงในปั จจุบนั

จากนันเจ้
้ าฟ้าเชียงใหม่ก็ทรงสร้ างบ้ านเรื อนที่นนั่ ภายหลังมีผ้ คู นเข้ ามาตังรกรากสมทบมากขึ
้ ้น
จนกลายเป็ นเมืองใหญ่ เจ้ าฟ้าเชียงใหม่ทรงตังชื
้ ่อเมืองว่า “เหว่กี่แม” แปลว่า “เมืองหม่าย” ต่อมามีคนต่าง
แดนซึง่ เป็ นพวกคนจีน (เจ๊ ก) เข้ ามาค้ าขายและสามารถยึดครองที่ดินอย่างกว้ างขวางและกลายเป็ นกลุม่ ที่
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

มีอิทธิพลทางด้ านเศรษฐกิจอย่างสูง ถึงกับเปลี่ยนชื่อเมืองจาก “เหว่กี่แม” ไปเป็ น “เมืองเจ๊ กใหม่” ซึง่ ต่อมา


เพี ้ยนไปเป็ น “เมืองเชียงใหม่” มาจนถึงปั จจุบนั

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
9

ตานานเมืองเชียงใหม่ (เหว่กี่แม) ถูกบันทึกไว้ ในบทลานาของชนเผ่าปกาเกอะญอมากมายดัง


ตัวอย่างที่ยกมาดังนี ้

- พอ เจ โบะ พะ เลอ กี ่ แม ดอกไม้บานทีเ่ มืองเชียงใหม่

พะ ลอ หล่า แก เลอ ปกา แว บานสะพรั่งทีส่ ดุ ก็เป็ นของคนอืน่

- เหว่ เล กี ่ แม อะ หน่ า บอ เมื อ งหน้า ผาแลดู เ หลื อ งอร่ า ม (ก าแพงเมื อ งสี


ทอง) เลอ เปลอ เหม่ ยวา หล่อ เฉ่ นอ เป็ นทีป่ ระทับของพระเจ้าในอดีต

ถิ่นที่อยู่อาศัยของชนเผ่ ากปาเกอะญอ
1. หมู่บ้าน

ชนปกาเกอะญอส่วนใหญ่ในเมืองไทยตังถิ
้ ่นฐานบ้ านเรื อนอยู่ตามชายเขาที่ต่าลุม่ กว่าเผ่าอื่น ๆ
และมีชื่อเสียงในการทาเกษตรกรรมแบบแผ้ วแล้ วเผาโดยมีแบบแผนที่ทากันมาดังนี ้

- ทานา ทาไร่ เพียงฤดูเดียว แล้ วพักดินห้ าถึงสิบสองปี

- แผ้ วถางดินแล้ วเผาต้ นไม้ ใบหญ้ าโดยกันมิให้ ลกุ ลามไหม้ ป่าโดยรอบอย่างพิถีพิถนั

- รักษาป่ าบนดอยเหนือบริเวณที่เพาะปลูกอย่างดี ไม่ตดั ไม้ หรื อทาลายกล้ าใหม่เลย

- ถอนวัชพืชและไม่ไถนา (ไม่พลิกหน้ าดิน) ก่อนเพาะปลูก

ด้ วยวิธีการนี ้จึงสามารถรักษาคุณภาพของดินให้ อดุ มอยูไ่ ด้ นานและเมื่อพักดินก็มกั ไม่มีปัญหาเรื่ องหญ้ าคา


ขึ ้นในนา น่าเสียดายที่ปัจจุบนั ปั ญหาเรื่ องจานวนประชากรที่เพิ่มขึ ้นและที่ดินทากินน้ อยลงทาให้ ชนปกา
เกอะญอหมดโอกาสเปลี่ยนบริเวณเพาะปลูกและพักดินนาน ๆ จึงไม่ได้ ดินที่อดุ มเช่นแต่ก่อน
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

หมู่บ้านปกาเกอะญอบนดอยเติบโตขยายบริ เวณออกไปทุกทีเริ่ มจากหนึ่งไปสอง เพราะจานวนพลเมืองใน


แต่ละหมู่บ้านเพิ่มเป็ นสองเท่าทุกระยะ 24 ปี ขณะที่พลเมืองเพิ่มผู้คนก็ต้องออกไปหาที่ทากิ นไกลออกไป
จากหมู่บ้านทุก ขณะจนเดิน ไปกลับไม่ไหวต้ องย้ ายบ้ านช่องไปอยู่ใกล้ ที่ท ากิ นจึง เกิ ดเป็ นหมู่บ้านย่อย
Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย
ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
10

ล้ อมรอบหมูบ่ ้ านใหญ่และโยงใยข่ายการปกครองกับหมู่บ้านใหญ่ นอกจากพวกที่ทานาดาอยู่ในที่ลมุ่ ซึง่ จะ


ตังระบบบการปกครองของเองไม่
้ ขึ ้นกับใคร

บางครัง้ ก็มีเหตุที่หมู่บ้านต้ องย้ าย เช่น พระประจาหมู่บ้านสิ ้นชีวิตแต่ก็ไม่ย้ายไปไกลจากที่เดิมนัก


บางที กระเถิบไปสองสามเมตร เอาเป็ นพิธีเท่านัน้ เมื่อไม่ต้องย้ ายไปไกล ก็ไม่ต้องสละละทิง้ สมบัติพัส
สถานที่สะสมไว้ จึงสามารถทาเกษตรถาวรเช่น ทาสวนขนุน มะม่วงหรื อผลไม้ ตระกูลส้ ม สามารถทาสวน
ครัวใหญ่พอเก็บของขาย ทาไร่ยาสูบซึง่ ผิดกันไกลกับสภาพของชาวเขาเผ่าอื่น ๆ

การเข้ าไปเป็ นสมาชิกใหม่ของหมูบ่ ้ านนัน้ ต้ องได้ รับอนุญาตจากพระและผู้เฒ่าผู้แก่ประจาหมู่บ้าน


ที่เรี ยกว่า “ฮี โข่” เสียก่อนแล้ วจึงทาพิธีเซ่นไหว้ เจ้ าที่ แต่ก่อนจะชื่นชมต้ อนรับสมาชิกใหม่ของหมู่บ้ านเพราะ
ยิ่งมีคนมากก็ยิ่งอุ่นหนาฝาคัง่ แต่หลายปี ล่วงมานี ้ที่ดินทากินชักไม่พอ ทังพระและผู
้ ้ เฒ่าจึงไม่คอ่ ยปลื ้มกับ
การรับสมาชิกใหม่เหมือนเมื่อก่อน

2. บ้ านและครัวเรือน

ชนปกาเกอะญอสร้ างบ้ านใต้ ถนุ สูงแบบต่าง ๆ พื ้นและฝาฟากหลังคามุงจากหรื อตองตึง ใต้ ถนุ นัน้
เป็ นที่นงั่ เล่นและทากิจวัตรเช่น ตาข้ าว ผ่าฟื น เลื่อยไม้ ในเวลากลางวัน กลางคืนก็จะต้ อน หมู ไก่ และวัว
ควายเข้ าล้ อมไว้ ที่ใต้ ถนุ นี ้ พ่อบ้ านที่ดีก็มกั จะผูกชิงช้ าไว้ ใต้ ถนุ ให้ ลกู เล่น

บ้ านชนปกาเกอะญอแท้ มีห้องเดียว สมาชิกของครอบครัวปูเสื่อนอนกันรอบเตาผิง ซึง่ อยู่กลาง


ห้ อง อาจมีการกันบั
้ งตาเป็ นสัดส่วนให้ ลกู สาววัยกาดัดอยูร่ วมกันมุมหนึง่ ของห้ อง

ยุ้งฉางเก็บข้ าวเปลือกและพืชผลสร้ างต่างหากจากตัวบ้ านแต่จะต้ องอยูต่ ่ากว่าตัวบ้ านแต่จะต้ อง


ไม่อยู่หน้ าหรื อหลังบ้ าน หากอยู่เยื ้องกันและหากบ้ านอยู่บนไหล่เขา ยุ้งฉางก็จะต้ องอยู่ต่ากว่าตัวบ้ าน ถ้ า
สร้ างผิดไปจากธรรมเนียมที่วา่ นี ้เชื่อว่าจะทาให้ เกิดการเจ็บป่ วยขึ ้นในครอบครัวได้
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

การสร้ างบ้ านเรื อนมีธรรมเนียมอยู่ว่าญาติข้างมารดาจะอยู่รวมกลุ่มกัน ไม่ควรมีคนอื่นมาสร้ าง


บ้ านแทรกกลางบ้ านให้ ผีบ้านผีเรื อนขัดใจ จะต้ องไม่สร้ างบ้ านสามหลังในลักษณะสามเส้ า หากฝ่ าฝื นข้ อ
ห้ ามนี ้ก็จะมีเหตุเพทภัยอัปมงคลต่าง ๆ เกิดขึ ้น

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
11

แต่ละบ้ านไม่จาเป็ นต้ องมีครกตาข้ าวของตนเองอาจใช้ รวมกันหลาย ๆ ครอบครัวได้ และเป็ น


ชุมชนอีกแห่งหนึง่

แต่ละครัวเรื อนก็พยายามรักษาเอกสิทธิ์ในที่ดนิ ทรัพย์สนิ ของตนไม่เบียดเบียนและไม่พงึ่ พาผู้อื่น

ครอบครัวประกอบด้ วยสามี ภรรยาและบุตรธิดาซึง่ ยังโสดเท่านัน้ ผิดกับเผ่าอื่น ๆ ซึง่ ครอบครัว


มักมีสมาชิกสามชัว่ คน สาหรับชนปกาเกอะญอสตรี ที่มิได้ เป็ นญาติกบั ภรรยาเจ้ าของบ้ านจะเข้ ามาอยู่ร่วม
ชายคาในครอบครัวมิได้ ถือว่าผิดผี มีตวั อย่างหญิงหม่ายซึง่ อาศัยอยู่กบั ครอบครัวของลู กชายแม้ จะสร้ าง
บ้ านอยูต่ า่ งหากเพียงไปร่วมกินอาหารกับบ้ านลูกชายเท่านัน้ เมื่อลูกสะใภ้ เสียชีวิตในการคลอดบุตรในเวลา
ต่อมา ชาวบ้ านก็ลงความเห็นว่าเป็ นเพราะ “แพ้ ผี”แม่ผวั นัน่ เอง

เพราะความกลัวผีนนั่ เองชนปกาเกอะญอจึงไม่กล้ ามีภรรยาน้ อยหรื อแม้ แต่แต่งงานใหม่ จนกว่า


ลูกจะโตออกเหย้ าออกเรื อนไปแล้ ว ซึ่งลาบากมากสาหรับพ่อหม้ ายลูกอ่อนที่จะต้ องออกไร่ และเลี ้ยงดูลกู
เล็ก ๆ ในเวลาเดียวกัน

ชนปกาเกอะญอถือธรรมเนียมเคร่งครัดเรื่ องจะให้ ใครนอนในบ้ าน หากครอบครัวมีทงั ้

ลูกชายและลูกสาววัยรุ่น ลูกชายก็จะต้ องย้ ายสามะโนครัวไปนอนชานบ้ านเพื่อนที่ไม่มีพี่น้องวัยเดียวกัน ผู้ที่


มิใช่สมาชิกของครอบครัวที่มาพักอยูด่ ้ วยจะต้ องนอนนอกชานเสมอ
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

พิธีกรรมที่สาคัญของชนปกาเกอะญอ

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
12

พิธีกรรมมีความสาคัญต่อวิถีชีวิตของชนปกาเกอะญอ เป็ นการสืบทอดทางวัฒนธรรม เพื่อ


กาหนดบรรทัดฐานและควบคุมพฤติกรรมทางสังคม ตลอดจนแสดงถึงความสัมพันธ์ ของชนปกาเกอะญอ
กับสิ่งแวดล้ อม

ธรรมชาติที่มีผลต่อการดารงชีพในกระบวนการผลิตและความสัมพันธ์ กับระบบความเชื่อของสิ่งที่เหนือ
ธรรมชาติ

1. พิธีกรรมหลักในรอบชีวิต

ก. การเกิด(ดึ ต่า เบล)

เมื่อทารกเกิดสายรกที่ตดั ออกแล้ วก็จะไปแล้ วผู้เป็ นบิดาของทารกก็จะบรรจุลงกระบอกไม้ ไผ่ปิดฝา


ด้ วยเศษผ้ าแล้ วนาไปผูกไว้ ตามต้ นไม้ ในป่ ารอบหมู่บ้านพร้ อมกับอธิษฐานให้ เด็กน้ อยโต แข็งแรงดังต้ นไม้
ยืนต้ นนี ้ ต้ นไม้ ต้นนันเรี
้ ยกชื่อว่า “เด ปอ ทู่” แปลว่าต้ นสายรก และต้ นไม้ ต้นนี ้จะห้ ามตัดโดยเด็ดขาด เพราะ
เชื่อว่าขวัญของทารกจะอาศัยอยู่ที่นนั่ หากตัดทิ ้งจะทาให้ ขวัญของทารกหนีไปและทาให้ ทารกล้ มป่ วยลง
หากว่าผู้ใดตัดไม้ ต้นนี ้โดยเจตนาหรื อไม่เจตนาจะต้ องถูกปรับด้ วยไก่หนึ่งตัว พ่อแม่ก็จะนาไก่ตวั นี ้ไปทาพิธี
เรี ยกขวัญทารกกลับคืนมา

วันที่ไปผูกสายรกของทารกติดกับต้ นไม้ นนเพื


ั ้ ่อนบ้ านทุกคนจะไม่ออกไปทางาน ซึง่ ถือเป็ นข้ อห้ าม
เรี ยกข้ อห้ ามนี ้ว่า “ดึ ต่า เบล”เป็ นประเพณีที่สืบทอดกันมาตังแต่
้ อดีต เมื่อถึงเวลาขัวสายทารกหลุ
้ ดออกไปผู้
เป็ นพ่อก็ จะไปทาพิธีผูก มื อเรี ย กขวัญทารก โดยไปท าพิธีที่ ใต้ ต้น ไม้ ที่ผูกติดสายรกต้ นนัน้ เพื่อให้ ขวัญ
กลับมาอยูท่ ี่บ้าน เรี ยกว่า “กี่เบลจือ” คือพิธีผกู ขวัญครัง้ แรกของบุคคลผู้นี ้ที่เกิดมาลืมตาอยู่บนโลก ชนปกา
เกอะญอเชื่อว่าขวัญของคนมีอยู่ 37 ขวัญ

ข. การแต่งงาน (ดึ เทาะ โค่ เบล)

เรื่ องราวของการสู่ขอจะเป็ นดังนี ้ เมื่อเป็ นที่รับรู้ แล้ วว่าชายหญิ งชอบพอกัน พ่อแม่และญาติพี่


ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

น้ อง (ญาติผ้ ใู หญ่) ของฝ่ ายหญิงก็จะส่งคนไปหาฝ่ ายชายเพื่อสอบถามให้ แน่ใจว่าฝ่ ายชายรักและยินดีที่จะ


แต่งงานกับฝ่ ายหญิงจริง ๆ หรื อไม่ หากฝ่ ายชายรักชอบพอและยินยอมที่จะแต่งงานกับฝ่ ายหญิงก็จะมีการ
นัดหมายวันเวลาทาพิธีแต่งงานกันในเวลานัน้ (ประเพณีปกาเกอะญอฝ่ ายหญิงจะไปสูข่ อฝ่ ายชาย)

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
13

การหมัน้ (เตอะ โหล่ ) เมื่ อ ฝ่ ายชายตกลงปลงใจว่าจะแต่ง งานกับ หญิ ง และนัดหมายวัน เวลา


แต่งงานที่แน่นอนแล้ วฝ่ ายชายก็ส่งเถ้ าแก่ไปทาพิธีหมันหมายฝ่
้ ายหญิงก่อนวันแต่งงาน ในพิธีฝ่ายหญิงจะ
ฆ่าไก่หนึ่งคูท่ าอาหารเพื่อเลี ้ยงรับเถ้ าแก่ฝ่ายชาย วันรุ่งขึ ้นก็จะนัดหมายวันเวลาที่ฝ่ายชายและเพื่อน ๆ จะ
มาหาฝ่ ายหญิงเพื่อทาพิธีแต่งงานต่อไป

หมูแรกทาพิธี (เทาะเตาะ) เทาะเตาะคือหมูตวั แรกที่ฆ่าในพิธีแต่งงาน เนือ้ หมูตวั นีจ้ ะเอาไว้ เป็ น


เครื่ องบูชาเพื่อขอเทพยดามาอวยพรเจ้ าบ่าวเจ้ าสาวและผู้มาร่ วมงานทุกคน เมื่อถึงเวลาออกเดินทางไปสู่
หมู่บ้านเจ้ าสาว เถ้ าแก่ฝ่ายเจ้ าบ่าวและเพื่อนเจ้ าบ่าวจะลงไปอยู่พร้ อมกันที่พิงพักหน้ าบ้ านที่สร้ างไว้
ชัว่ คราว เถ้ าแก่จะทาพิธีรินหัวเหล้ าและอธิษฐานขอพร เสร็ จพิธีก็จะออกเดินทางโดยมีเจ้ าบ่าวและเพื่อน
ๆ ร่วมเดินทางอย่างพร้ อมเพรี ยงกัน

เมื่อเดินทางมาถึงบ้ านเจ้ าสาว เถ้ าแก่ฝ่ายเจ้ าสาวและเพื่อนบ้ านก็จะคอยต้ อนรับโดยจะไปพักที่


เพิงพักชัว่ คราวหน้ าบ้ านเพื่อทาพิธีดื่มหัวเหล้ า (เดะ ซิ โข่) เสร็ จพิธีดื่มหัวเหล้ าก็จะขึ ้นไปสูบ่ ้ านเจ้ าสาว เพื่อ
พักผ่อนและมีการเลี ้ยงสังสรรค์กนั ดื่มเหล้ าพร้ อมกับขับลานาโต้ ตอบกันระหว่างกลุม่ เถ้ าแก่ เพื่อนเจ้ าบ่าวที่
เป็ นคนต่างถิ่นและกลุ่มเถ้ าแก่ เพื่อนเจ้ าสาวที่เป็ นคนในถิ่น เวลาเดียวกันนี ้ญาติพี่น้องเจ้ าสาวก็จะฆ่าหมู
ทาอาหารสาหรับเลี ้ยงแขกที่มางาน เมื่อทาอาหารเสร็ จแล้ วเขาก็จะให้ เถ้ าแก่ทงฝ่
ั ้ ายเจ้ าบ่าวและะเจ้ าสาว
ทาพิธีถวายข้ าวแด่เทพยดาเพื่อขอพร จากนันก็
้ เ รี ยกแขกทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนเจ้ าบ่าวที่มาจาก
แดนไกลมารับประทานอาหาร เสร็ จแล้ วก็จะเป็ นเวลาส่วนตัวของแต่ละคนที่จะพักผ่อนนอนหลับหรื อเยี่ยม
เยียนเพื่อนบ้ านอื่น ๆ และขับลานาโต้ ตอบกัน ซึง่ บางคนบางหมูบ่ ้ านก็จะเที่ยวขับลานาตลอดทังคื
้ น

ไก่เริ่ มต้ นพิธีบก๊ ะ (ชอเก๊ าะเก) ช่วงหนึ่งของพิธีแต่งงานจะมีการฆ่าไก่ 2 ตัวต้ มให้ สุกโดยไม่ปรุ ง


อะไรลงไปทังสิ
้ ้น ผู้เฒ่าผู้แก่จะเลือกเด็กหญิงและเด็กชายฝ่ ายละคน โดยที่เด็กทังสองคนต้
้ องเป็ นเด็กที่มี
ครอบครัวครบสมบูรณ์คือทังพ่
้ อและแม่ยงั มีชีวิตอยู่ เด็กทังสองคนนี
้ ้จะมีหน้ าที่จดั คาข้ าวและเนื ้อไก่ 2 ตัว
นันแล้
้ วมอบให้ เจ้ าบ่าวและเจ้ าสาวรับประทาน โดยเด็กหญิงจะจัดให้ เจ้ าสาวและเด็กชายจะจัดให้ เจ้ าบ่าว
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

ฝ่ ายเจ้ าบ่าวและเจ้ าสาวก็จะให้ สร้ อยลูกปั ดหนึ่งสายและเงินหนึ่งบาทแก่เด็กหญิงและชายตามลาดับ เป็ น


การตอบแทนน ้าใจที่มาช่วยเหลือ

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
14

ขันหมาก (เกอะเนอ) ชนปกาเกอะญอมีวฒ


ั นธรรมขันหมากเป็ นของผู้หญิงหรื อผู้หญิงมีขนั หมาก
ฝ่ ายชายจะเป็ นฝ่ ายนาขันหมากมาให้ ขันหมากของชนปกาเกอะญอประกอบด้ วยผ้ าซิ่นทอ 1 ผืน เสื ้อทอ
ผู้ชาย 1 ตัวผ้ าโพกศีรษะ 1 ผืน เสียม 1 ด้ าม เสื ้อแม่บ้าน (เช โหม่ ซู) 1 ตัว และเกลือ 1 ห่อ แต่ผ้ หู ญิงบาง
คนอาจจะมีขนั หมากมากกว่านี ้ก็ได้ ในวันที่เจ้ าบ่าวและเพื่อน ๆ เดินทางมาที่บ้านเจ้ าสาวนัน้ จะมีแม่บ้าน
คนหนึ่ง ถื อ ขัน หมากมาด้ ว ย แม่บ้า นคนนี ต้ ้ อ งเป็ นแม่บ้า นที่ มีค รอบครั ว ที่ ส มบูรณ์ คือ สามี ยัง มี ชีวิ ตอยู่
วันรุ่ งขึ ้นก็จะมีการทาพิธีขอขันหมาก การทาพิธีจะทาโดยเถ้ าแก่ฝ่ายหญิงและฝ่ ายชาย ฝ่ ายหญิงจะเป็ นผู้
ขอ ส่วนฝ่ ายชายจะเป็ นผู้ให้ โดยที่ ก ารขอจะต้ องขอด้ ว ยการขับ ล าน าโต้ ต อบกัน ทัง้ สิน้ การท าพิธี ข อ
ขันหมากใช้ เวลามาก เพราะต้ องขับลานาผ่านขันตอนและมี
้ ลีลาของการอ้ อยอิ่ง เบี่ยงบ่ายเป็ นพิธี

ไก่ขอพรระระหว่างเดินทางกลับ (ชอโจ่ลอ) การเดินทางกลับของเถ้ าแก่และเพื่อนเจ้ าบ่าว ฝ่ าย


หญิงจะฆ่าไก่ 2 ตัวต้ มให้ สกุ แล้ วห่อให้ เพื่อนเจ้ าบ่าวนากลับไปด้ วยเพื่อเป็ นอาหารระหว่างเดินทาง เมื่อถึง
เวลาอาหารก่อนรับประทานเถ้ าแก่จะทาพิธีถวายหัวอาหารแด่เทพยดาเพื่ออวยพระผู้ร่วมเดินทางให้ ได้ รับ
ความปลอดภัยจากภยันตรายทังหลายและกลั
้ บถึงบ้ านด้ วยความสวัสดิภาพ พอกลับถึงบ้ านแล้ วทุกคนก็
จะมารวมกันที่เพิงพักหน้ าบ้ านเจ้ าบ่าวก่อนที่จะแยกย้ ายกันกลับบ้ านของตน และที่เพิงพักนี ้เถ้ าแก่ก็จะทา
พิธีดื่มหัวเหล้ าอีกครัง้ หนึ่งเป็ นครัง้ สุดท้ าย วันรุ่ งขึ ้นวันหนึ่งเพื่อนบ้ านทุกคนจะหยุดงาน ซึง่ ถือเป็ นข้ อห้ า ม
เรี ยกข้ อห้ ามนี ้ว่า“ดึ เทาะ โค่ เบล” แปลว่า “ข้ อห้ ามหัวหมู”

ค. การตาย

การเตรี ยมศพ ในหมู่บ้านหากผู้หนึ่งเสียชีวิตลง เพื่อนบ้ านทุกคนจะหยุดงานเพราะถือเป็ นข้ อห้ าม


ซึ่งเรี ยกว่า “ดึ ปกา ซะ ลอ หม่า ” หมายความว่า ข้ อห้ ามสาหรับวิญญาณที่หลุดหายไป แม้ แต่ตาข้ าวซึ่ง
ปกติจะทากันทุกวันเช้ าและเย็นก็จะงดทาทังสิ
้ ้น ขันแรกญาติ
้ พี่น้องก็จะอาบน ้าศพ นาเสื ้อผ้ าใหม่ ๆ มาสวม
ใส่ให้ เสร็จแล้ วก็จะห่อศพด้ วยเสื่อตีข้าว

การเตรี ย มสัม ภาระให้ ศ พ หลัง จากห่ อ ศพแล้ ว จะหาไม้ ไ ผ่ ท่ อ นหนึ่ ง ยาวประมาณ 5 ศอก ผ่ า
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

ออกเป็ น 4 ซี ก เท่ า ๆ กั น ครึ่ ง ท่ อ นแล้ ว ง่ า มลงบนศพเพื่ อ ยึ ด ศพให้ มั่น เรี ย กไม้ ไ ผ่ ท่ อ นนี ว้ ่ า “ไม้ ง่ า ม
ศพ” จากนันจะน
้ าเสื ้อผ้ าของศพที่ญาติพื่น้องมอบให้ แขวนไว้ ที่ปลายท่อนไม้ ไผ่ เสื ้อผ้ าและข้ าวของศพนี ้

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
15

เรี ยกว่า “ต่า ซี อะ จกื่อ” มีความหมายว่า “สัมภาระศพ” เป้าหมายการเตรี ยมสัมภาระของศพเพื่อทาความ


ร่มรื่ น อยูเ่ ย็นเป็ นสุข ให้ ผ้ ตู ายได้ ใช้ ขณะเดินทางกลับไปยังโลกหน้ า

การขับลานา ตกเย็นจะเป็ นเวลาแห่งการขับลานาส่งวิญญาณศพ โดยชายหนุ่มและพ่อบ้ านจะ


ขึ ้นมาขับลานา ลานาที่ขบั ในช่วงแรกนี ้จะมีเนื ้อหาเกี่ยวกับคนตาย ลานาสาหรับศพนี ้ผู้ขบั จะจากัดเฉพาะ
แต่ผ้ ชู ายเท่านัน้ ผู้หญิงจะขับลานานี ้ไม่ได้ ถือเป็ นสิง่ ต้ องห้ าม ผู้หญิงที่กาลังตังท้
้ องและเสียชีวิตลงจะมีการ
ขับลานาส่งวิญญาณเช่นเดียวกัน แต่ผ้ มู าขับลานาจะเป็ นเฉพาะผู้ชายเท่านัน้

ลานาที่ขบั มีชื่อว่า “ทา โหร่ ควา” มีความหมายว่า “บทลานารวบรวมชาย” หรื อ “บทลานา

ชุมชุมชาย” ผู้เสียชีวิตที่เป็ นหนุ่ม สาวจะมีการไปสร้ างกระต๊ อบหลังเล็กที่กิ่วดอยแห่งใดแห่งหนึ่ง


ใกล้ หมู่บ้านและเป็ นทางเดินที่ผ้ ูเสียชีวิตเคยเดินไปมา และนาเสื ้อผ้ าและข้ าวของต่าง ๆ ไปวางไว้ ให้ ใน
กระต๊ อ บหลัง นัน้ สิ่ ง นี เ้ รี ย กว่ า “เสอะ เล” ผู้เ สี ย ชี วิ ต กลุ่ม นี ม้ ี ล าน าส่ ง วิ ญ ญาณโดยเฉพาะเช่ น กัน ซึ่ง
เรี ยกว่า “ทา เยอ ลอ” แปลว่า ลานาคนึงหา หรื อลานาอาลัยอาวรณ์

ข้ อห้ ามหลังปลงศพ คือจะไม่ให้ คนในหมู่บ้านออกไปทามาหากินนอกบ้ าน ส่วนจะห้ ามกี่วนั นัน้


ขึน้ อยู่กับว่า ศพนัน้ มี ก ารเก็ บ ไว้ กี่ วัน หากเก็ บ ไว้ 1 วัน ก็ จ ะห้ า มออกไปท างาน 1 วัน เป็ นต้ น ข้ อ ห้ า มนี ้
เรี ยกว่า “ดึ นา เกอะ เกราะ” หมายความว่า ข้ อห้ ามผีผ้ ตู าย เพราะปกาเกอะญอเชื่อว่าหลังจากปลงศพผี
ของผู้ตายยังเดินไปมาภายในบริ เวณรอบ ๆ หมู่บ้านอยู่จนกว่าจะพ้ นจานวนวันที่เก็บศพไว้ เพราะฉะนัน้
หากผู้ใดออกนอกหมูบ่ ้ านในช่วงนี ้ผีผ้ ตู ายอาจจะเห็นเข้ าและจับขวัญของผู้นนแล้
ั ้ วจะทาให้ ล้มป่ วยลงได้

พืชผักของผู้ตาย หากมีผ้ เู สียชีวิตลงในกลางปี และผู้เสียชีวิตไม่มีโอกาสได้ รับประทานพืชผักที่ตนปลูกไว้ ใน


กรณีหลังจากการเก็บเกี่ยวแล้ วญาติพี่น้องก็จะนาผลผลิตของพืชผักต่าง ๆ ในรอบปี นันไปฝากไว้
้ ที่ไร่หรื อใต้
ต้ นไม้ บริเวณของผู้ตาย ทังนี
้ ้เพื่อให้ วิญญาณผู้ตายจะได้ กลับมารับประทานผลผลิตของพืชผักเหล่านันแล้
้ ว
จะได้ กลับไปสู่ สุขคติด้วยความสงบสุข จะได้ ไม่กลับมารบกวนขอญาติพี่น้องอีกต่อไป
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

2. พิธีกรรมระดับครอบครัว

ก. เลี ้ยงหมูแรกไก่แรก (เทาะ โข่ ทิ ชิ โข่ ทิ)

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
16

ชนปกาเกอะญอจะมีสตั ว์เลี ้ยง 2 ชนิดที่จาเป็ นและเกี่ยวข้ องกับพิธีกรรมในระดับครอบครัวเสมอ


คือไก่และหมู ไก่และหมูค่แู รกที่เลี ้ยงเรี ยกว่า “ เทาะ โข่ ทิ ชอ โข่ ทิ” มีความหมายว่า หมูแรกไก่แรก หมูคู่
แรกและไก่ค่แู รกนี ้ก็จะทาลงไปหลังจากการออกเหย้ าออกเรื อนแล้ วไม่นาน การทาพิธีกรรมเลี ้ยงหมูและไก่
คูแ่ รกนี ้เรี ยกว่า “บึ โถ่ ต่า” หมายความการเลี ้ยงให้ สงบราบรื่ น หรื อเลี ้ยงให้ ยงั่ ยืน

ข. การขึ ้นบ้ านใหม่ (ถ่อ เดอะ ซอ)

หลังจากปลูกบ้ านเสร็ จแล้ วก็จะถึงเวลาทาพิธีขึ ้นบ้ านใหม่เจ้ า ของบ้ านต้ องเตรี ยมเหล้ า 1 คู่ และ
ไก่ 1 คู่ (หรื อหมู 1 ตัว) และเชิญผู้อาวุโสคนใดคนหนึ่งในหมู่บ้านมาทาพิธีเรี ยกขวัญเจ้ าของบ้ าน เสร็ จพิธี
เรี ยกขวัญก็จะฆ่าไก่หรื อหมูทาอาหาร จากนันก็
้ จะเรี ยกญาติพี่น้องทุกคนมาที่บ้านมาผูกข้ อมือเรี ยกขวัญ
เจ้ าของบ้ าน การผูกข้ อมือเรี ย กขวัญนี ้จะมีการอวยพรให้ ครอบครัวเจ้ าของบ้ านมีความสุขในชีวิตที่จะอยู่
อาศัยบ้ านใหม่หลังนี ้ จากนันก็
้ จะร่วมรับประทานอาหารอย่างพร้ อมเพรี ยงกัน

ค. พิธีกินเชื่อมความสัมพันธ์ ( เอาะ บก๊ ะ)

พิธีจะเริ่ มต้ นด้ วยสามีภรรยาจะฆ่าไก่ค่แู รกที่เลี ้ยงไว้ เรี ยกพ่อแม่ของตน (ฝ่ ายหญิง) มาขอพรให้
เนื ้อไก่นนสามี
ั ้ ภรรยาจะรับประทานเล็กน้ อยพอเป็ นพิธีก่อน จากนันพ่
้ อแม่จะนาสารับเนื ้อไก่และข้ าววางลง
บนพื ้นบ้ านและเริ่ มอธิษฐานขอพร โดยเรี ยกขานชื่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ วให้ มาร่วมรับประทานอาหาร
ที่ลกู หลานได้ เตรี ยมให้ นี ้ เสร็ จการอธิษฐานก็จะร่ วมรั บประทานอาหารร่ วมกัน วันรุ่ งขึ ้นอีกหนึ่งวันก็จะเป็ น
การทาพิธีกรรมของฝ่ ายชายซึง่ มีขนตอนเหมื
ั้ อนกับฝ่ ายหญิงทุกประการ

ง. พิธีผกู ขวัญ (กี่ จือ)

ผูกขวัญนี ้ในพิธีจะใช้ หมูหรื อไก่ก็ได้ พ่อแม่จะเรี ยกบุตรหลานทุกคนทังยั


้ งโสดและแต่งงานแล้ ว หาก
แต่งงานแล้ วที่เป็ นผู้หญิงก็ จะเรี ยกมาพร้ อมกับลูกทุกคน แต่หากเป็ นผู้ชายก็จะมาตัวคนเดียวเท่านัน้ ห้ าม
พาลูกมาด้ วย จากนันก็
้ จะผูกขวัญให้ และอวยพรให้ อยู่ดีมีสขุ พ้ นจากโรคภัยไข้ เจ็บทังปวงและขั
้ นสุ
้ ดท้ ายก็
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

จะคัว่ ข้ าวเปลือกแล้ วไปโปรยลงใต้ ต้นไม้ ต้นใดต้ นหนึง่

3. พิธีกรรมระดับหมู่บ้าน
Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย
ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
17

ก. พิธีผกู ข้ อมือเรี ยกขวัญขึ ้นปี ใหม่ (กี่ จือ นี่ ซอ โค่)

เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตจากไร่เสร็ จราวต้ นเดือนมกราคม ผู้นาหมู้บ้านหรื อฮี่โข่จะแจ้ งให้ ลกู บ้ านทราบ


ว่าถึงเวลาที่จะต้ องทาพิธีขึ ้นปี ใหม่แล้ ว ลูกบ้ านทุกครอบครัวจะต้ มเหล้ าสาหรับทาพิธี ก่อนทาพิธีหนึ่งวัน
ชาวบ้ านจะทาขนมและของคบเคี ้ยวซึง่ ประกอบด้ วย ข้ าวปุ๊ ก(ข้ าวเหนียวตาคลุก) ข้ าวต้ มและข้ าวหลามเพื่อ
เป็ นของถวายแต่เทพเจ้ าและเป็ นอาหาร ขนมกินเล่นในวันทาพิธีขึ ้นปี ใหม่นี ้ วันรุ่งขึ ้นทุกครอบครัวจะทาพิธี
ผูกมื อเรี ยกขวัญ และวันนัน้ จะไม่มี ผ้ ูใดออกนอกบ้ าน ทุกคนต้ องอยู่ร่วมงานปี ใหม่ ถื อเป็ นวันพักผ่อน
ประจาปี หลังจากพิธีผูกขวัญของแต่ละครอบครัวและรับประทานอาหารเสร็ จแล้ ว ผู้นาหมู่บ้านก็จะออก
ตระเวนไปตามบ้ านของลูกบ้ านแต่ละครอบครัวเพื่อทาพิธีรินหัวเหล้ าเพื่ออธิษฐานและอวยพรให้ ครอบครัว
ทุกคนมีความสุข ความเจริ ญ พิธีกรรมวันขึ ้นปี ใหม่นี ้เรี ยกว่า “กี่ จือ นี่ ซอ โค่” แปลว่า ผูกข้ อมือเรี ยกขวัญ
วันขึ ้นปี ใหม่นนั่ เอง

ข. พิธีผูกข้ อมือเรียกขวัญเดือนสิงหาคมกลางปี (กี่ จือ ลา คุ)

ราวต้ นเดือนสิงหาคม ผู้นาหมู่บ้านจะแจ้ งให้ ลกู บ้ านทราบอีกครัง้ ว่าถึงเวลาที่จะต้ องทาพิธีกลางปี


อีกแล้ ว พิธีกรรมกลางปี นี ้เรี ยกว่า “กี่ จือ ลา คู” หมายความว่า พิธีผกู ข้ อมือเรี ยกขวัญเดือนสิงหาคม หรื อ
พิธีกลางปี รู ปแบบและขันตอนจะเหมื
้ อนกับพิธีปีใหม่ทกุ ขันตอน
้ จะต่างกันตรงที่ความหมาย กล่าวคือ พิธี
ปี ใหม่จะเป็ นพิธีขอพรจากเทพยดาให้ ลงมาอวยพรพืชผลให้ เจริ ญ งอกงามดี ส่วนพิธีกลางปี จะเป็ นพิธี
ขอบคุณเทพยดาที่ประทานความอุดมสมบูรณ์ทกุ อย่างที่ขอจากพิธีปีใหม่ในต้ นปี นัน้

ค. ต่ า หลื่อ หี่ (การสืบชะตาหมู่บ้าน)

พิธีเลี ้ยงหมูบ่ ้ านเป็ นหน้ าที่ของผู้นาหมูบ่ ้ านที่เรี ยกว่า “อี่ โข่” แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากลูกบ้ าน
ด้ วยกล่าวคือ หากจาเป็ นต้ องทาพิธีเลี ้ยงหมู่บ้านผู้นาหมู่บ้า นต้ องแจ้ งให้ ลกู บ้ านทราบ ลูกบ้ านครอบครัว
หนึ่งต้ องนาข้ าวสารหน่ อยหนึ่ง และไก่ 1 ตัว นาไปให้ ผ้ ูนาหมู่บ้านเพื่อเป็ นเครื่ องเซ่น ไหว้ ในพิธีผ้ ูที่ร่วม
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

พิธีกรรมนี ้ได้ คือผู้ชายเท่านัน้

เมื่อถึงสถานที่ประกอบพิธีก็จะสร้ างหอเซ่นไหว้ แล้ วผู้นาหมูบ่ ้ านจะอธิษฐานภาวนาขอพรจากเทพย


ดา จากนันก็
้ จะบอกให้ ลกู บ้ านฆ่าไก่ที่เป็ นเครื่ องเซ่นไหว้ เพื่อทาอาหาร เมื่อทาอาหารเสร็ จ แล้ วจะนาอวัยวะ
ส่วนต่าง ๆ ทุกส่วน ส่วนละหน่อยหนึ่งมาทาเป็ นเครื่ องเซ่นไหว้ ผ้ นู าหมู่บ้านจะนาเครื่ องเซ่นไหว้ ไปไว้ บนหอ
Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย
ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
18

เซ่นไหว้ แล้ วยกมือไหว้ อธิษฐานภาวนาอีกครัง้ หนึ่ง ส่วนลูกบ้ านทุกคนที่มาร่ วมงานจะยกมือไหว้ ตามด้ วย


หลังจากอธิษฐานภาวนาก็จะทาพิธีเสี่ยงทายดูว่า ณ เวลานี ้เป็ นฤกษ์ งามยามดีที่จะรับประทานแล้ วหรื อยัง
หากฤกษ์ งามยามดีแล้ วก็จะร่วมรับประทานอาหาร แต่ก่อนรับประทานอาหารแล้ วผู้นาหมู่บ้านจะทาพิธีริน
หัวเหล้ า(เหล้ าขวดแรก) จากนันแล้
้ วก็จะร่ วมรับประทานอาหารด้ วยกัน เมื่อรับประทานอาหารเสร็ จแล้ ว
ผู้นาหมู่บ้านจะทาพิธีรินก้ นเหล้ า (เหล้ าขวดสุดท้ าย) ทุกคนจะต้ องช่วยกันดื่มก้ นเหล้ าจนหมด ก็เป็ นอันว่า
เสร็จพิธี และทุกคนจะแยกย้ ายกันกลับบ้ านได้

การที่ จ ะต้ อ งท าพิ ธี นี เ้ ป็ นประจ าทุ ก ปี (หรื อ ทุก 2 ปี หรื อ ทุ ก 3 ปี แล้ ว แต่ แ ต่ ล ะหมู่บ้ า นจะ
กาหนด) ก็เพราะชนปกาเกอะญอมีประสบการณ์ว่าไม่สามารถมองเห็นล่วงหน้ าว่าจะเกิดอะไรขึ ้นกับชีวิต
และสังคมหมู่บ้าน แต่เชื่อว่าเทพเจ้ าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะรู้ และสามารถปกป้องคุ้มครองได้ จึงต้ องทาพิธีเลี ้ยง
หมู่บ้านเพื่อขอเทพยดามาปกป้องคุ้มครองและฝากชีวิตความเป็ นอยู่ทงั ้ หมดไว้ กับเทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
สูงสุด

ง. การขอขมา (ต่า มา เง)

ต่า เก ต่า หรื อพิธีขอขมาเป็ นบทบาทที่ของผู้นาหมู่บ้านเช่น หากเกิดกรณีหนุ่มสาวผิดประเวณีก็


จะต้ องให้ ผ้ นู าหมูบ่ ้ านทาพิธีขอขมาตามกฎหมายประเพณีของหมูบ่ ้ าน คูห่ นุ่มสาวจะต้ องไปที่เชิงบันไดของ
ผู้นาหมู่บ้านและขอผู้นาหมู้บ้านทาพิธีขอขมาให้ ที่นนั่ ฝ่ ายหญิงจะต้ องต้ มเหล้ าและส้ มป่ อย ฝ่ ายชายต้ อง
หาซื ้อหมูหรื อวัวหรื อควาย 1 ตัว (แล้ วแต่ข้อกาหนดของหมู่บ้าน) แล้ วนาไปรวมกันที่เชิงบันไดผู้นาหมู่บ้าน
ที่เชิงบันไดนีจ้ ะต้ องขุดหลุมไว้ หนึ่งหลุม ข้ างในหลุมจะปูด้วยใบตอง ผู้นาหมู่บ้านจะนาข้ าวสุกวางลงใน
หลุมพร้ อมกับริ นเหล้ าลงไป จากนัน้ ผู้หญิ งจะจับขาหมูส่วนผู้ชายจะเชือดคอและเทเลือดลงในหลุม ใน
้ ้ นาหมูบ่ ้ านจะอธิษฐานภาวนาขอขมาต่อสิง่ ศักดิส์ ทิ ธิ์ให้ กบั ทังสองด้
ขณะเดียวกันนันผู ้ วย

จ. พิธีการคืนดี หรื อพิธีกินสันติ (เอาะ ขื่อ ต่า)


ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

เอาะ ขื่อ ต่า หรื อพิธีคืนดีจะเป็ นพิธีที่กระทาต่อเนื่องจากพิธีขอขมา กล่าวคือเมื่อทาพิธี ขอขมาซึง่ มี


ความหมายถึงผู้กระทาความผิดขอโทษต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้นาหมู่บ้านและเพื่อนบ้ านแล้ วก็จะทาพิธีเอาะ
ขื่อต่าหรื อพิธีคืนดี ซึ่งมีความหมายถึงการคืนดีต่อกันระหว่างผู้กระทาผิดกับเพื่อนบ้ าน และระหว่างสิ่ง
สูง สุด พิ ธี คื น ดี นี ก้ ็ เ พื่ อ ให้ ทุก สิ่ ง ทุก อย่า งในหมู่บ้ า นกลับ เข้ า สู่ภ าวะปกติ สุข เหมื อ นปกติ ไม่ ต้ อ งมี ก าร

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
19

บาดหมางผิดใจกันและมีความทุกข์ร้อนต่อกันอีกต่อไป ขอให้ ความชัว่ ผ่านพ้ นไปสิ ้นสุดลงเพีย งเท่านี ้และ


เริ่มต้ นชีวิตใหม่กนั อีกครัง้ หนึง่

ผู้ทาพิธีก็คือผู้นาหมูบ่ ้ านเช่นกัน คูก่ ระทาผิดประเวณีต้องช่วยกันหาซื ้อวัวหรื อควายหนึง่ ตัวเพื่อเป็ น


สัญญลักษณ์แห่งการคืนดีกนั ก่อนฆ่าทาอาหารจะต้ องให้ ผ้ ทู าความผิดฝ่ ายชายเป็ นผู้จงู และฝ่ ายหญิงเป็ น
ผู้ต้อนโดยจูงไปรอบหมู่บ้าน พร้ อมกับให้ ทงสองตะโกนด้
ั้ วยเสียงดังทานองว่าเพื่อน ๆ ทังหลายจงอย่
้ าเอา
เยี่ยงอย่างเพราะเป็ นสิง่ ไม่ดี หลังจากนันเพื
้ ่อนบ้ านก็จะช่วยกันฆ่าวัวตัวนันและแบ่
้ งเนื ้อให้ กบั ทุกครอบครัว
ยกเว้ นผู้กระทาความผิดและครอบครัวญาติพี่น้องทังฝ่้ ายหญิงและฝ่ ายชาย จะไม่กินเนื ้อนี ้[9]

ระบบคุณค่ าทางคุณธรรมและจริยธรรม
สุภ าษิ ต ค าพัง เพย และค าสอน เป็ นข้ อ คิ ด และสิ่ง เตื อ นใจเป็ นสิ่ง ที่ ห ล่อ หลอมจิ ต ใจให้ คน
ประพฤติปฎิบตั ิตามแบบแผนวิถีชีวิตอันดีงามของชนปกาเกอะญอตลอดจนการปฎิบตั ิตนในการอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้ อมได้ อย่างสมดุลยัง่ ยืน

1. สุภาษิต

ก. สุภาษิตสอนความมีใจอดทน

อดเปรี ้ยวได้กินหวาน, น้าขุ่นย่อมไม่ชนะน้าใส, ตกไฟไม่ไหม้ ตกน้าไม่ไหล

ข. สุภาษิตสอนความมีใจกว้ าง

เห็นคนรวยอย่างยิ้ ม เห็นคนจนอย่างทาหน้าบึ้ง , ท้ายทอยของตนเองจะมองไม่เห็น , ที จะรวยช้าดัง่ น้าหยด ที จะ


จนเร็ วดัง่ น้าหก, แม่หม้ายอย่ารังแก กาพร้าอย่าเข่นฆ่า

ค. สุภาษิตความมีใจเอื ้อเฟื อ้ เผื่อแผ่

ลูกก็จิตภรรยาก็ใจ เวลานอนทัง้ สองก็ขนาบข้าง, มารดาคือเจดีย์ บิ ดาคือวัด ป้ าคือมารดา ลุงคือบิ ดา


ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

ง. สุภาษิตสอนการมีใจสารวม

อย่าปล้นบ้านเขา อย่าลงหลังยุง้ ผูอ้ ื น่ , อย่าล่าดืม่ หัวเหล้าเขา, อย่าล่ากิ นหัวข้าวผูอ้ ื น่ , เปิ ดฝายุง้ เขา อย่าตักก้น
ยุง้ ผูอ้ ื น่

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
20

จ. สุภาษิตสอนความมีใจถ่อมตน

มี ดคมจะอยู่ในฝั ก หอกคมจะอยู่ในฝั ก, เชือ่ แม่ได้เป็ นใหญ่ เชือ่ พ่อได้เป็ นเจ้า,

เชื อ่ ผูเ้ ฒ่าได้แหวน เชื อ่ ผูแ้ ก่ได้เพชร, คนฉลาดจะล้มทีร่ าบ คนโง่จะล้มทีช่ นั

ช. สุภาษิตสอนความมีใจไกล่เกลี่ย

หลงทางให้หนั กลับ ผิ ดพลาดให้ยอมรับ, ฟ้าไม่พน้ เมฆ คนไม่พน้ ผิ ด, อยู่ในกระบุงไม่สามารถยกตัวเองออกได้

2. บทสอน

ทากับดักหนูได้ กินหนูกิน ทาไร่ทานาได้ ข้าวกิน, ค่อย ๆ ทา ค่อย ๆ กิน,

ทางานอย่างทาส กินอย่างราชา, ห้ วยกลายเป็ นบึง บึงกลายเป็ นห้ วย,

งานให้ ทาเอาไว้ อย่าเอางานไว้ ทา, โง่ไม่หมด ฉลาดไม่สิ ้น,

ช้ างดีเพราะควาญ สตรี ดีเพราะสามี, ไก่ดีที่กระดูก คนดีที่ตระกูล,

คนใจโหดย่อมพบกับคนใจเหี ้ยม, แม่ตายเฉือนหูไว้ พ่อตายเฉือนลิ ้นไว้ ,

ผู้หญิงขึ ้นต่อผู้ชาย ผู้ชายขึ ้นต่อราชา, ม้ ามีพลังที่กีบเท้ า คนมีพลังที่บุตรหลาน, ป้องกันไว้


ดีกว่าคาถา, อยูใ่ นบ้ านต้ องเข้ าข้ างหมูบ่ ้ าน, ของฟรี ราคาแพง, หากรวยก็รวยอย่าง
สัตย์ซื่อ(อิสระ) หากจนก็จนอย่างสัตย์สตั ย์ซื่อ(อิสระ), สอนลูกหลานให้ เข้ มงวดเพราะความชัว่ หมุน
ดัง่ วงล้ อ, แม่เสือลาย ลูกเสือก็ลายตาม, ของใหญ่แบ่งกันกิน ของเล็กจิ ้มกิน (ให้ กินอย่างประหยัด)

แข็งเกินไปจะหัก อ่อนเกินไปจะง่อยเปลี ้ยปวกเปี ยก(ง่อนเปลี ้ย), ตัวแมลงกู่หนีไม่พ้นตอไม้


ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

กินหนูแต่ไม่เห็นกับดัก กินข้ าวแต่ไม่เห็นไร่ , ไผ่อยูท่ ี่ลาปล้ อง คนอยูท่ ี่ตระกูล

3. คาพังเพย

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
21

ไม่มีใครกล้ าตัดนิ ้วตนเอง, จะดีก็พี่น้อง จะเลวก็พี่น้อง, สิ่งอร่อยคือข้ าว สิ่งดีงามคือคน, แม่บญ


ุ ธรรม
พ่อบุญธรรมไม่เหมือนพ่อแม่แท้ , ห้ ามขายเหล้ าที่ทาพิธี, แม่สอนไม่ฉลาด ให้ สอนตนเองเถิด , ผู้ที่
ไม่เชื่อฟั งคาแม่ ก็จะพบแต่ทางตันเรื่ อยไป, ลูกเอ๋ยอย่าขัดคาแม่เลย แม่เคยขัดและถูกไม้ เรี ยวมาแล้ ว

อย่าสาปแช่งเวลาเดินในป่ าใหญ่ทบึ , ห้ ามไปนอนค้ างคืนวันที่มีพิธีบก๊ ะ, ห้ ามออกไปค้ างคืนเมื่อมีงาน


ศพในหมูบ่ ้ าน, หมูแรกไก่แรกห้ ามขาย, ลูกของลูกชายห้ ามมาร่วมพิธีบก๊ ะของปู่ ย่า

ข้ อห้ ามและข้ อปฏิบัตติ ามจารีตประเพณี


การอยู่ร่วมกันในสังคมจะต้ องยึดถือระเบียบข้ อบังคับ กฎจารี ตประเพณี และเห็นคุณค่าของ
ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อให้ ชมุ ชนดาเนินชีวิตอยูร่ ่วมกันอย่างมีความสุข

1. ข้ อห้ ามระหว่ างคนกับธรรมชาติ

ป่ าช้ า ป่ าช้ าจะเป็ นป่ าหวงห้ ามสาหรับหมู่บ้าน ห้ ามการเข้ าไปตัดไม้ และทาประโยชน์ใดทุกคนต้ อง


เคารพข้ อห้ ามนี ้ เพราะถือเป็ นแหล่งพักพิงของเหล่าวิญญาณบรรพบุรุษ ซึ่งพวกท่านก็ต้องการความสงบ
ร่มเย็นเช่นเดียวกัน

ไร่ เหล่า ก่อนถางไร่ เหล่า ห้ ามผู้ใดเข้ าไปตัดไม้ บริ เวณนี ้ เพราะเชื่อว่าดินจะเสื่อมคุณภาพและเสีย


ความสม่าเสมอด้ านความอุดมสมบูรณ์ ห้ ามเผาป่ าบริ เวณไร่เหล่าด้ วยเหตุผลเช่นเดียวกัน สัตว์ป่า ชะนี นก
กก และสัตว์ป่าขนาดใหญ่หลายชนิดจะห้ ามล่า และเมื่อถึง ฤดูวางไข่ ผสมพันธุ์และเลี ้ยงลูกอ่อนจะห้ ามล่า
สัตว์ป่าทุกชนิด เพราะเป็ นช่วงที่สตั ว์ป่าขยายพันธุ์ หากมี การล่าในช่วงนี ้ก็จะทาให้ สตั ว์ป่าสูญพันธุ์ไป
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

ได้ ง่าย

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
22

แม่น ้าลาธาร บริ เวณต้ นน ้าลาธาร โดยเฉพาะตาน ้าผุดจะห้ ามการตัดไม้ ทาลายป่ า ปลา ที่อยู่
ในตาน ้าผุดหรื อถ ้าลอดจะห้ ามจับ เพราะเชื่อกันว่าปลาเหล่านี ้มีเจ้ าของเลี ้ยงไว้ หากผู้ใดฝ่ าฝื นข้ อห้ ามผู้นนั ้
เจ้ าของธรรมชาติเหล่านี ้จะลงโทษ โดยการทาให้ เจ็บป่ วยต่าง ๆ นานาได้ ง่าย

พื ช ผัก ต้ น ไม้ ผลไม้ จ ะต้ อ งรอให้ มัน สุก ถึ ง จะเก็ บ มากิ น ได้ เวลาเก็ บ ผลไม้ ไ ม่ ใ ช้ วิ ธี โ ค่ น ต้ น ลง
ทัง้ หมด ห้ ามเก็บกินขณะขณะยังลูก อ่อน พืชผักและต้ นไม้ ทุกชนิดห้ ามตัดทิง้ โดยเปล่าประโยชน์
ห้ ามกาต้ นไม้ เพราะเชื่อว่า ต้ นไม้ ก็มีชีวิต รู้ จักเจ็บ รู้ จักร้ องไห้ เช่นเดียวกับมนุษย์ ต้ นไม้ ที่ให้ ผลเป็ น
อาหารแก่มนุษย์ห้ามนามาสร้ างบ้ าน

ดิน ที่ดินบริ เวณใดหรื อต้ นน ้าลาธารที่มีสนิมเหล็กขึ ้น บริ เวณนันจะห้


้ ามการทาลายไม่ว่าด้ วยวิธีใด
ๆ ทังสิ
้ ้น เช่น ขุดบ่อน ้า เบิกนา เป็ นต้ น ดินบริเวณรอบ ๆ โป่ งจะห้ ามการขุด และห้ ามถมโป่ ง

2. ข้ อห้ ามระหว่ างคนกับชุมชน

ในสังคมชนปกาเกอะญอ จะมีกฎของชุมชนเพื่อให้ คนในหมู่บ้านยึดถือปฏิบตั ิในทิศทางเดียวกัน


เพื่อให้ สงั คมอยูได้ อย่างปาติสขุ ดังนันจึ
้ งมีกฎข้ อห้ ามหลายประการดังนี ้

- ข้ อห้ ามเกี่ยวกับกาลเวลา

- ข้ อห้ ามเกี่ยวกับการย้ ายเข้ า ย้ ายออกของคนในชุมชน

กระบวนการผลิตและการพิธีกรรมที่เกี่ยวข้ อง
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

การเกษตรกรรมและหัตถกรรมของชุมชน มีกระบวนการผลิตเป็ นขันตอนและมี


้ พิธีกรรมความ
เชื่อ เพื่อให้ ได้ ผลผลิตที่สมบูรณ์ สอดคล้ องกับวิถีชีวิตของชุมชนในการอนุรักษ์ สงิ่ แวดล้ อม

1. การทาไร่ หมุนเวียน

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
23

ก.แนวคิดระบบความเชื่อที่เกี่ยวกับการทาไร่หมุนเวียน

ระบบการทาไร่ของชนปกาเกอะญอ เป็ นระบบการทาไร่ในลักษณะหมุนเวียน โดยมีการหมุนเวียน


ใช้ เวลาประมาณ 7 –10 ปี ทาให้ ระบบนิเวศที่ถกู ทาลายไปเหล่านันมี
้ การฟื น้ ตัวกลับสูส่ ภาพเดิมมีการปลูก
พืชผัก หลายชนิดในไร่ เช่น พันธุ์ข้าวประมาณ 2 – 3ชนิด ถัว่ แตงกวา ฟั กทอง ฟั กเขียว และเครื่ องเทศอีก
หลายชนิด

ข. ขันตอนและวั
้ ฏจักรการทาไร่หมุนเวียน

กระบวนการเลือกที่ ทาไร่ มีดังนี ้ ต้ องไม่เป็ นพืน้ ที่ ป่าต้ องห้ ามตามประเพณี ต้ องไม่เป็ นข้ อห้ าม
ประเพณีในการเลือกพื ้นที่ทาไร่ และต้ องไม่มีลางร้ ายบอกเหตุ ในระหว่างรอการฟั นไร่

การปลูกข้ าว มีวิธีปลูกและการดูแลรักษาดังนี ้ คือการเตรี ยมพื ้นที่ปลูกข้ าว การถางไร่

รางกิ่ง การทาแนวกันไฟ การเผา การสะสมพันธุ์พืช การปั ดกวาดเศษไม้ การปลูกข้ าว พิธีแม่ข้าว 7 หลุม


(9 หลุม) พิธีเซ่น บูชาเทพต่าง ๆ พิธีมดั มือ

ค.พิธีกรรมที่เกี่ยวข้ อง

พิธีกินเชื ้อพันธุ์ข้าว พิธีเลี ้ยงผีไร่ พิธีเลี ้ยงผีไร่ขอพร พิธีเลี ้ยงไร่ปัดรังคราญ พิธีเลี ้ยงเทพอัคคี

พิธีเลี ้ยงเทพขวัญข้ าว พิธีไล่ความชัว่ ในไร่ พิธีกินหัวข้ าว พิธีนวดข้ าว พิธีขอข้ าว พิธีเรี ยกขวัญข้ าว

พิธีเลี ้ยงนกขวัญข้ าว(โถ่ บือ ฆ่า) พิธีกินข้ าวก้ นเพิงนวด พิธีกินข้ าวก้ นยุ้ง พิธีกรรมช่วงการเก็บเกี่ยวผลผลิต

2. การทาสวน

ระบบการทาสวนของสังคมปกาเกอะญอ มีด้วยกันหลยประเภทซึง่ แต่ละประเภทนันจะมี


้ การใช้
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

ประโยชน์ที่แตกต่างกัน สวนในสังคมปกาเกอะญอ ประกอบด้ วย

ก.สวนครัว

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
24

เป็ นสวนที่อยู่ในหมู่บ้านโดยปกติแล้ วชนปกาเกอะญอ ทุกครอบครัวจะมีไว้ สาหรับปลูกพืชผักสวน


ครัว เช่น พริก มะเขือ อ้ อย เผือก ฟั ก บวบ มะระ และอื่น ๆ

ข.สวนในไร่ ปลายนา

เป็ นสวนที่อยูห่ ่างไกลจากหมูบ่ ้ าน แต่จะอยู่ใกล้ กบั พื ้นที่ทากิน เช่น นา ไร่เหล่า สวนประเภทนี ้ชนป
กาเกอะญอ ไม่สามารถมีได้ ทกุ ครอบครัว พืชที่ปลูกในสวนเช่น กล้ วย มะละกอ มะม่วง ขนุน เป็ นต้ น

ค.สวนในหมูบ่ ้ านร้ าง

เป็ นสวนที่เกิดจากการตังถิ
้ ่นฐานในพื ้นที่นนมาก่
ั้ อนโดยคนยุคนันได้
้ ปลูกพืชผัก ผลไม้ ยืนต้ นเอาไว้
ดังนัน้ หลังจากการละทิง้ หมู่บ้านหรื อการอพยพไปตังหมู
้ ่บ้านที่อื่นไม่ว่าด้ วยสาเหตุอะไรก็ตาม พันธุ์พืช
เหล่านี ้จะยังคงอยูแ่ ละมนุษย์จะใช้ เป็ นอาหารได้ ตลอดไป โดยทัว่ ไปแล้ วสวนบ้ านร้ างนี ้ถือเป็ นสวนส่วนรวม
หรื อสวนสาธารณะ ซึง่ ทุกคนมีสทิ ธิในการเก็บผลผลิตได้ โดยไม่มีใครแสดงความเป็ นเจ้ าของ

3. การทานา

ระบบการผลิตของชนปกาเกอะญอ นาถือเป็ นสิง่ พึงปรารถนาของทุกคนเพราะนาเป็ นพื ้นที่ทากินที่


มีความแน่นอนด้ านการให้ ผลผลิต และถ้ าใครมีนาถือได้ ว่าบุคคลนันมี
้ ฐานะที่มนั่ คงพอกินพอใช้ และเป็ น
คนมีหน้ ามีตาในชุมชน สาหรับลักษณะการทานาในสังคมปกาเกอะญอ เป็ นนาแบบขันบั
้ นได จะอยู่ตามที่
ราบลุม่ หุบเขา ริมแม่น ้า ลาธาร ที่สามารถผันน ้าเข้ าไปในพื ้นที่นาได้

ก. พิธีกรรมที่เกี่ยวข้ องกับการทานา

พิธีเลี ้ยงผีเหมือง-ฝาย การผูกขวัญควาย พิธีผกู ขวัญช้ าง


ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

การอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ
ความเชื่อแนวคิดของชุมชนทาให้ เกิดการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติโดยปฏิบตั ิตาม

กฎระเบียบข้ อควรปฏิบตั ิและข้ อห้ ามของชุมชนทาให้ เกิดการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติตอ่ ชุมชนตลอดไป

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
25

1. การอนุรักษ์ ทรัพยากรป่ าไม้

ก.ป่ าหวงห้ ามที่มีวิญญาณชัว่ สิงสถิต

ป่ าหวงห้ ามประเภทนี ้เชื่ อว่ามีจิตชัว่ สิงสถิตหรื อเป็ นทางเดินผ่านของภูตผี ลักษณะป่ าจะมีต้นไม้ ที่
ขนาดเท่า ๆ กันจานวนมากและเป็ นต้ นไม้ ที่โตเต็มที่แล้ วไม่ใหญ่ขึ ้นและเล็กลง คงขนาดไว้ เท่านัน้ มักเป็ นป่ า
ต้ นน ้าลาธาร สัตว์เลี ้ยงเช่นวัวและควายมักไม่เดินเข้ าไป บริ เวณป่ านี ้จะไม่มีใครกล้ าเข้ าไปทาไร่หรื อแม้ แต่
ตัดต้ นไม้ สร้ างบ้ านประโยชน์อื่น หากหมู่บ้านใดเคารพยาเกรงป่ าประเภทนี ้อย่างเคร่ งครัดเชื่อกันว่าจะทา
ให้ มู่บ้านนัน้ มีความร่ มเย็ นเป็ นสุข แต่ห ากหมู่บ้านใดที่ ฝ่าฝื นข้ อห้ าม เข้ าไปท าไร่ ห รื อตัดต้ น ไม้ เพื่อใช้
ประโยชน์อย่างอื่นก็จะทาให้ หมู่บ้านนันได้
้ รับความทุกข์ร้อน หรื อครอบครัวใดที่มีสมาชิกฝ่ าฝื นก็จะทาให้
สมาชิกคนใดคนหนึง่ ของครอบครัวนันเจ็
้ บป่ วยหรื อเสียชีวิตลง

ข.ป่ าเขาน ้าล้ อม (เดะ หมื่อ เบอ)

ป่ าเขาน ้าล้ อมเป็ นป่ าที่อยู่บนเนินเขาที่มีลาห้ วยสองสายไหลล้ อมรอบและบรรจบกัน เชื่อกันว่าบน


เนินเขาที่เป็ นป่ าประเภทนี ้จะเป็ นที่อยูอ่ าศัยของภูตผี ไม่มีผ้ ใู ดกล้ าเข้ าใกล้ และเข้ าไปทาประโยชน์ในบริ เวณ
นี ้ บางหมูบ่ ้ านจะมีป่าประเภทนี ้หลายแห่ง แต่บางหมู่บ้านไม่มีเลย มีข้อห้ ามว่าห้ ามเข้ าไปทาประโยชน์และ
ใช้ สอยใด ๆ ทังสิ
้ ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตังหมู
้ บ่ ้ านจะไม่สามารถ ทาได้ เลยถือเป็ นข้ อห้ ามอย่างเด็ดขาด

ค.ป่ าที่ราบเขาล้ อม (เดะ หมื่อ วอ)

ป่ าต้ นน ้าลาธารก็ดี ป่ าที่ราบลุม่ ลาห้ วยที่มีเขาล้ อมรอบก็ดีชนปกาเกอะญอถือเป็ นเขตป่ าหวงห้ าม


ด้ วยเช่นกัน เป็ นป่ าที่มีภูตผีเป็ นเจ้ าของ ไม่มีใครกล้ าเข้ าไปแตะต้ อง จึงมีการห้ ามเข้ าไปทากิจกรรมใด
ๆ ทังสิ
้ ้น เช่น ห้ ามทาไร่ ห้ ามสร้ างหมูบ่ ้ าน ห้ ามเบิกนาและห้ ามนอนค้ างคืน เป็ นต้ น

ง.ต้ นโพธิ์ ต้ นไทร


ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

ชนปกาเกอะญอ เชื่อว่าต้ นโพธิ์ต้นไทรเป็ นต้ นไม้ ของภูตผี โดยเฉพาะต้ นโพธิ์ต้นไทรที่มีขนาดใหญ่


และมีโพรง เพราะมักจะมีการนาศพทารกไปเก็บไว้ ในโพรงโดยเชื่อว่าวิญญาณบรรพบุรุษคอยอยู่ที่นี่ ต้ น
โพธิ์ต้นไทรเป็ นต้ นไม้ ที่ไม่เคยตายเลย เพราะก่อนต้ นแม่จะตายก็จะลงรากบนดินและแตกหน่อใหม่เสียก่อน
ต่อเมื่อหน่อเจริ ญเติบโตได้ เองแล้ ว ต้ นแม่จะเหี่ยวเฉาและตายไป เชื่อกันว่าหากต้ นโพธิ์ต้นไทรโค่นลงจะยัง
Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย
ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
26

ความวิเวกวังเวงแก่ลูกหลานยิ่งนัก ลูกหลานทัง้ ที่เป็ นภูตผีและสัตว์ป่านานาพันธุ์ เพราะสัตว์ป่าเหล่านี ้


อาศัยต้ นโพธิ์ต้นไทรเป็ นแหล่งอาหารและความร่มเย็นเป็ นสุข ด้ วยเหตุนี ้ชนปกาเกอะญอจะห้ ามตัดต้ นโพธิ์
ต้ นไทรอย่างเด็ดขาดเพราะหากตัดจะถือว่าได้ ทาบาปต่อลูกหลานผู้อาศัย เชื่อกันว่าผู้ใดฝ่ าฝื นข้ อห้ ามจะไม่
มีลกู หลานสืบตระกูลต่อไป

ต้ นโพธิ์ต้นไทรจะอยู่ทกุ หมู่บ้านและทุกแผ่นดิน หมู่บ้านใดแผ่นดินใดมีต้นโพธิ์ต้นไทรมากและผู้คน


เคารพนับถืออย่างดีจะทาให้ หมูบ่ ้ านหรื อแผ่นดินนันมี
้ ความสงบและร่มเย็นอย่างแท้ จริง

2. การอนุรักษ์ ทรัพยากรนา้

ก. แม่น ้าลาธาร

แม่น า้ ล าธารทุก สายจะมี เ จ้ า ของ ชนปกาเกอะญอเรี ย กว่า “นา ที ” หมายความว่า “วิ ญ ญาณ
น ้า” หรื อ “ผีน ้า” มนุษย์ต้องเคารพยาเกรงหากผู้ใดไม่เคารพยาเกรงแม่น ้า อุจจาระปั สวะลงไปหรื อตัดต้ นไม้
บริเวณต้ นน ้าลาธาร “นาที” จะลงโทษผู้นนโดยให้
ั้ ล้มป่ วยลง และผู้นนต้
ั ้ องทาพิธีขอขมาลาโทษต่อนาทีด้วย
การฆ่าหมูหรื อไก่มาเลี ้ยง แต่ตรงกันข้ ามหากเราเคารพยาเกรงท่าน ท่านก็จะคอยปกปั กษ์ ค้ มุ ครองชีวิตเรา
ให้ มีความร่มเย็นเป็ นสุขเช่นเดียวกัน

ข.น ้าลอด (ที หนึ)

ลักษณะน ้าลอดคือลาห้ วยหรื อแม่น ้าที่ลอดเข้ าถา้ หรื อภูเขาเข้ าไป เชื่อกันว่าน ้าลอดนี ้มีเจ้ าของที่
เป็ นงูหรื อภูตผีก็ได้ เจ้ าของที่เป็ นงูได้ แก่งเู หลือมและพญานาคเป็ นต้ น หากเข้ าไปในน ้าลอดแม้ จะกล่าวคา
หยาบหรื อสาปแช่งอะไรเล็ก ๆ น้ อย ๆ ก็ไม่สามรารถทาได้ เพราะถือเป็ นข้ อห้ ามโดยเด็ดขาด
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

ค.ตาน ้าผุด (นา อุ๊ หรู่ )

ตาน ้าผุดเป็ นแหล่งกาเนิดของน ้าตามธรรมชาติอย่างหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ บางแห่งใหญ่จนสามารถ


ไหลลงมาเป็ นลาห้ วยได้ เลย เป็ นแหล่งกาเนิดของน ้าที่ชนปกาเกอะญอให้ ความเคารพยาเกรงเป็ นอย่างยิ่ง

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
27

บริ เวณรอบ ๆ จะมีต้นไม้ ขึ ้นมากมาย ซึง่ ทาให้ มีความร่ มเย็นและชุ่มชื ้นตลอดทังปี


้ ห้ ามผู้ใดมารบกวนและ
ทาลายต้ นไม้ ในบริเวณนี ้ หากผู้ใดฝ่ าฝื นจะได้ รับความเจ็บไข้ ได้ ป่วยหรื อล้ มตายอย่างแน่นอน

ง.โป่ ง (มอ)

โป่ งเป็ นแหล่งธาตุอาหารประเภทเกลือของสัตว์ป่าหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสั ตว์ป่าขนาด


ใหญ่ เช่น กระทิง ควายป่ า กวาง เก้ ง และแรด เป็ นต้ น ชนปกาเกอะญอจะเคารพยาเกรงและอนุรักษ์ โป่ งไว้
อย่างดี ห้ ามการตัดไม้ บริเวณรอบ ๆ โป่ ง ผู้ใดฝ่ าฝื นก็ถือว่าผู้นนจะท
ั ้ าบาปต่อสัตว์ป่าที่มากินโป่ งเหล่านัน้

3. การอนุรักษ์ สัตว์ ป่า

สัตว์ป่าทุกชนิดเชื่อว่ามีเจ้ าของคอยติดตามตัวและคอยคุ้มครองดูแล เจ้ าของสัตว์ป่าเหล่านี ้จะมีทงั ้


ดุร้ายและไม่ดุร้ายทัง้ ที่ตระหนี่และใจดี โดยเฉพาะสัตว์ป่าขนาดใหญ่ เจ้ าของจะดูแลคุ้มครองเป็ นพิเศษ
ไม่ให้ มนุษย์ลา่ เนื ้อ เช่นยิงไม่ออกแม้ ยิงออกแต่ไม่ถกู เชื่อกันว่าเจ้ าของคือภูตผีที่ขี่หลังติดตามตัวตลอดทุก
เมื่อเชื่อวัน สัตว์ป่าเหล่านี ้ ตัวอย่างเช่น หมู่ป่าตัวผู้ หมี เสือ แรด ช้ างป่ า เก้ ง กวาง เลียงผาและหมี เป็ นต้ น
เจ้ าของสัตว์ป่าเหล่านี ้ชนปกาเกอะญอเชื่อว่ามนุษย์เคารพท่านและท่านก็จะเคารพมนุษย์ด้วยเช่นเดียวกัน

การดูแลรักษาสุขภาพ
การใช้ สมุนไพร การเสี่ยงทาย การทานายและการใช้ คาถา เป็ นภูมิปัญญาพื ้นบ้ านที่ใช้ ในการตรวจ
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

วินิจฉัยโรค ป้องกันและการรักษาโรควิธีหนึง่ ของชนปกาเกอะญอ

1. ระบบความเชื่อที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ

ชนปกาเกอะญอ เชื่อว่าคนเราจะมีสขุ ภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ได้ นนขึ


ั ้ ้นอยูก่ บั สภาพของขวัญ ซึง่ มีอยู่
ทังหมด
้ 37 ขวัญ คือถ้ าคนใดมีขวัญอยู่กบั เนื ้อกับตัวหรื อขวัญแข็ง จะทาให้ มีสภุ าพที่แข็งแรงสมบูรณ์ส่วน
Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย
ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
28

คนที่มีขวัญอ่อนหรื อขวัญหนีไปไม่อยู่กับตัว หรื อทาผิดกฎทาให้ เจ้ าที่เจ้ าทาง หรื อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงโทษทาให้


เกิดการเจ็บป่ วยลงไป

2. ระบบความเชื่อที่เกี่ยวกับการเจ็บป่ วย

สาเหตุของการเจ็บป่ วยทุกชนิดเชื่อว่าเกิดจากสาเหตุ 2 ประการ ประการแรกเกิดจากการทาของผี


ซึง่ เป็ นผีร้าย ผีตายโหง ผีหิวโหย จับเอาขวัญไปเป็ นตัวประกันเพื่อแลกเปลี่ยนกับอาหารของเครื่ องเซ่นไหว้
ของตน ประการที่สองเกิดจากการพฤติกรรมของมนุษย์เอง เช่น การบริ โภคอาหารที่มีพิษ ทาให้ เกิดโรคได้
การผิ ด กฎจารี ต ของสัง คม ครอบครั ว ท าให้ สิ่ ง ศัก ดิ์ สิ ท ธิ์ ที่ ค้ ุ มครองหมู่ บ้ า นลงโทษ ดัง นั น้ ชนปกา
เกอะญอื ปกาเกอะญะ ได้ แบ่งสาเหตุการเจ็บป่ วยออกเป็ น 2 ประเภท

2.1 การเจ็บป่ วยสาเหตุมาจากการกระทาของผี

ก. การเจ็บป่ วยแบบฉับพลัน

การเจ็บป่ วยประเภทนี ้เชื่อว่าเป็ นการทาของผีร้ายประเภทต่าง ๆ ซึง่ มีวิธีการรักษาโดยการไปหาผู้


เสี่ยงทาย(คนทรง) เรี ยกว่า“เซอะ หระ ก่า ต่า ” เพื่อดูเมื่อว่าถูกผีตนไหนกระทาจับขวัญไปเมื่อไร ที่ไหน
ต้ องการอะไร หลังจากนันจะเลื
้ อกวิธีการรักษา ซึง่ มีวิธีการรักษาดังนี ้

หวี่ ต่า เชื่อว่าผีก๊ะป่ าออกไปหากินและจับขวัญของผู้ป่วยไว้ ดังนันจะต้


้ องนาอาหารไปแลกเพื่อให้
ขวัญกลับมาอยู่กบั ตัวดังเดิม เซอ ต่า (การส่งสะตวง) เชื่อว่าผีตายโหงชนปกาเกอะญอเชื่อว่าเป็ นวิญญาณ
หิวโซ ต้ องการอาหารและจับขวัญคนป่ วยไป ดังนันก็
้ ต้องเอาของต่าง ๆ ไปไหว้ ผี เคลาะ แกว๊ ะ ต่า เชื่อว่าผี
ช้ างผีม้า จับขวัญคนป่ วยต้ องไปแลกด้ วยข้ าวเปลือก ข้ าวสารขมิ ้น ส้ มป่ อย เศษหม้ อดิน ขนไก่ เปลือกไข่ ตา่
ต่อ เส่ เชื่อว่าผีก๊ะป่ าจับขวัญของคนป่ วยไปดังนันต้
้ องนาอาหารสิง่ ของไปแลกหรื อไถ่คืนมา

ข. การเจ็บป่ วยแบบค่อยเป็ นค่อยไป


ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

การเจ็บป่ วยในลักษณะนี ้เชื่อว่า เป็ นการกระทาของผีเช่นกัน แต่อาการนันจะไม่


้ ปรากฏทันทีทนั ใด
แต่อาการจะเกิดขึ ้นทีละน้ อย เช่นเจ็บตา เจ็บข้ อมือข้ อเท้ า รวมทังอาการไม่
้ เป็ นปกติของสภาพจิตใจ เช่น
ไม่อยากกลับไปอยู่บ้าน พูดเพ้ อเจ้ อ นอนละเมอ เลอะเลือน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ไม่มีแรงทางานเป็ นต้ น

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
29

การรักษานันเริ
้ ่ มจากการไปหาเซอะ หระ ก่า ต่า (คนทรง) ในหมู่บ้านเพื่อค้ นหาสาเหตุและมีวิธีการรักษา
ดังนี ้

แบล ถ่อ ที (การโรยข้ าวสารทิง้ ไข่ลงในนา้ ) เป็ นวิธีการรักษาตามความเชื่ อว่าที่ เชื่อว่าเป็ นการ
กระทาของผีน ้าที่เรี ยกว่า นา ที ซึง่ สาเหตุนนมาจากผู
ั้ ้ ป่วยไปรบกวนนาทีทาให้ นาทีไม่สบายดังนันนาที
้ ก็ทา
ให้ ผ้ ปู ่ วยไม่สบายด้ วย

กี่ ฉู่ จือ (การมัดมือ) เชื่อว่าผีป่าจับขวัญไปโดยผู้ป่วยจะมีอาการในสภาพขวัญหนีจิตใจไม่ปกติ


ฟุ้งซ่าน ละเมอ อาการอ่อนเพลีย จึงทาการมัดมือเพื่อให้ ขวัญกลับมาอยู่กบั ผู้ป่วยหรื อทาให้ ขวัญแข็งขึ น้ (มี
ความมัน่ ใจมากขึ ้น)

ต่า แกว๊ ะ พือ เชื่อว่าวิญญาณของพ่อแม่ที่ตายแล้ วจับเอาขวัญไปอยูใ่ นปลือก่อ

(โลกแห่งวิญญาณ) ดังนันจะต้
้ องเตรี ยมเหล้ า ข้ าวต้ ม เหล็กงอ ลูกปั ด ไก่ 1 คู่ (ตัวผู้ – ตัวเมีย) ไปทาพิธีที่เส่
ฆะ ทิ (ต้ นไม้ ที่ตายแล้ ว) หลังจากนันกลั
้ บไปมัดมือผู้ป่วยที่บ้านวิธีการรักษาแบบนี ้จะทาให้ สาหรับคนอายุ
ตังแต่
้ 50 ปี ขึ ้นไป

2.2 การเจ็บป่ วยจากเชือ้ โรค ของมีพษิ และอุบัตเิ หตุ

การเจ็บป่ วยประเภทนี ้เชื่อว่าสาเหตุจากพฤติกรรมของมนุษย์โดยแยกออกได้ ดงั นี ้

เกิดจากการรับประทานอาหารโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรื ออาหารที่มีพิษทาให้ เกิดการเจ็บป่ วยขึ ้น

เจ็บท้ อง แน่นท้ อง เกิดจากการรับประทานอาหารที่ผิดเวลา

ท้ องร่วง ( ลู ) เชื่อว่าเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีเชื ้อโรค เช่น อาหารบูด อาหารที่เสียแล้ ว

(แจวะ) เชื่ อ ว่า เกิ ดจากการรั บประทานอาหารที่ มี พิ ษร้ ายแรง เช่ น เห็ ด อาการของคนป่ วย
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

อาเจียนและท้ องร่วงอย่างรุนแรง

ก. เกิดจากการทาผิดกฎของหมูบ่ ้ าน สังคม

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
30

เช่น การผิดลูกเมียผู้อื่น ทาให้ ผ้ ปู ่ วยหรื อญาติพี่น้องผู้ป่วยเองไม่สบายหรื อแม้ คนในชุมชนเองเจ็บป่ วยก็


เป็ นได้

ข. เกิดจากการกระทาผิดกฎของระบบทามาหากินที่เรี ยกว่า “ ถิ”

“ถิ” แปลว่า หนีบหรื อทับ ทาให้ เจ้ าของไร่ นา ไม่สบายซึง่ ในบางรายถึงกับชีวิต

ค. เกิดจากการกระทาผิดกฎบรรพบุรุษ

เชื่ อว่า ซิ โข่ หมื่อ ฆา หรื อผี บรรพบุรุษถูกกระตุ้นจากผีร้ายญาติ (นาจิ๊ นา จิ๊ เทาะ)ให้ ไปรบกวนทาให้
ลูกหลานเจ็บป่ วยลง จึงต้ องทาพิธีเอาะ บก๊ ะ

3. วิธีการรักษาอาการเจ็บป่ วย

ประเภทของหมอพื ้นบ้ าน

คาว่าหมอในภาษาชนปกาเกอะญอ นันจะไม่
้ มีคาแปลโดยตรง แต่จะมี ความหมายที่ตรงกับผู้ร้ ู ผู้
ชานาญหรื อผู้มีญาณพิเศษ ในแต่ละด้ านเรี ยกว่า “เซอะ หระ” ซึง่ แปลว่า ครูหรื ออาจารย์ ในที่นี ้หมายถึงผู้มี
ความรู้ความสามารถที่จะรักษาผู้ป่วยได้ ดังนันจาการศึ
้ กษาสามารถจาแนกออกได้ ดงั นี ้

ก. กลุม่ เซอะ หระ ก่า ต่า

เป็ นกลุม่ คนที่มีความรู้ความสามารถในการเสี่ยงทาย ทานายทายทัก หาสาเหตุของการเจ็บป่ วยที่


เชื่อว่ามาจากภูตผี เช่น อาการปวดหัว เจ็บข้ อมือข้ อเท้ าอาการหน้ ามืดตาลาย ดังนันคนไข้
้ หรื อญาติจะไป
หา เซอะ หระ ก่า ต่า ในหมู่บ้านเพื่อทานายหาสาเหตุ โดยใช้ เทคนิควิธีการหลายอย่าง เช่น ข้ าวสารหรื อ
ข้ าวหรื อผ้ า

ข. เซอะ หระ แก เลาะ ต่า


ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

เป็ นกลุม่ คนที่มีความรู้ความสามารถในด้ าน การรักษาอาการของคนไข้ ประกอบด้ วย

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
31

กลุ่ม หมอยาสมุน ไพร กลุ่ม นี จ้ ะมี ค วามรู้ ความสามารถในการใช้ ย าสมุน ไพร บางคนก็ มี ค วามรู้ ด้ า น
คาถาอาคมด้ วย เพราะในการรักษาคนไข้ นนจะให้
ั้ ยาสมุนไพร และคาถาอาคมควบคู่ไปด้ วยกัน กลุ่มหมอ
ประเภทบีบ นวด จับชีพจร (จือ เซ) กลุม่ นี ้แบ่งออกเป็ น 3 กลุม่ ย่อย คือ หมอตาแย

จะมีความสามารถในการทาคลอดทารก หมอจับเส้ นบีบนวด เป็ นผู้ร้ ู ด้ านการบีบนวดเส้ นเอ็น


อาการเคล็ดขัด ยอก และหมอจับชี พ จร เป็ นกลุ่ม ที่ มีค วามสามารถในการจับ ชี พ จรแต่ใช้ ควบคู่ไ ปกับ
คาถาอาคมในการวินิจฉัยโรคหรื ออาการเจ็บป่ วย

ค.หมอผี (คนเข้ าทรง)

เป็ นผู้มีที่มีความรู้ความสามารถด้ านการใช้ คาถาอาคมโดยเฉพาะ ประกอบด้ วย

เซอะ หระ ป๊ ะ ต่า จะรักษาคนไข้ ที่ผีจบั เอาขวัญไป

เซอะ หระ หวี่ โดะ ต่า จะรักษาคนไข้ ที่มีสขุ ภาพอ่อนแอที่เชื่อว่าผีป่าจับขวัญคนป่ วยไป

4. การวินิจฉัยโรค

การวินิจฉัยอาการโรคของกลุ่มหมอต่าง ๆ นันขึ
้ ้นอยู่กบั ประสบการณ์ความรู้ ความสามารถที่ได้ ร่ า
เรี ยนมา จะเห็นได้ ว่ากลุม่ หมอพื ้นบ้ านที่มีความรู้ด้านการจับเส้ นเอ็น บีบนวด จะวินิจฉัยโรคโดยอาศัยการ
สังเกตอาการของโรค หมอผีจะวินิจฉัยโรค โดยอาศัยคาถาอาคม การจับชีพจรผู้ป่วยและเครื่ องมือ อุปกรณ์
พืน้ บ้ า นช่ ว ย หมอสมุน ไพรจะวิ นิ จ ฉัย โรคโดยการสั ง เกตอาการของผู้ป่ วยว่า เป็ นอะไรที่ ผ่า นมาได้ ท า
อะไรบ้ าง และอาศัยประสบการณ์ของหมอพื ้นบ้ าน

5. วิธีดแู ลรักษาสุขภาพ

การรักษาอาการเจ็บป่ วยของหมอพืน้ บ้ านแต่ละคน แต่ละประเภทจะใช้ ความรู้ ความสามารถ


ประสบการณ์และระบบความเชื่อที่มีฝีมือการปรุงยาซึง่ ชนปกาเกอะญอเอามารักษากับอาการการเจ็บ ป่ วย
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

ซึ่งว่าคนเราแต่ละคนจะมีโชคชะตาราศีที่ไม่ตรงกันไม่เหมือนกัน ดังนันหมอพื
้ ้นบ้ านแต่ละคนไม่สามารถ
รักษาคนไข้ ให้ หายได้ ทกุ คน คือหมอพื ้นบ้ านคนหนึ่งอาจรักษาคนป่ วยคนหนึ่งให้ หายได้ ก็ได้ แต่กบั คนป่ วย
อีกคนหนึง่ อาจรักษาไม่หาย ดังนันวิ
้ ธีการรักษาอาจจะมีหลายรูปแบบหลายวิธีการดังนี ้

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
32

ก. การรักษาด้ านร่างกาย

การรักษาด้ านร่างกาย หมายถึง การรักษาอาการของโรคของคนป่ วยที่เกิดจากทั ง้ ภายนอกภายใน


ซึง่ สาเหตุของโรคมาจากหลายสาเหตุ เช่น เชื ้อโรค อุบตั ิเหตุ และอื่น ๆ วิธีการรักษานัน้

หมอพืน้ บ้ านใช้ หลายรู ปแบบ ทัง้ นีข้ ึ ้นอยู่กับความรู้ ความสามารถและระบบความเชื่อของหมอ


พื ้นบ้ านซึง่ สามารถแยกวิธีออกเป็ นดังนี ้

การรักษาด้ วยยาสมุนไพร ตัวยาสมุนไพรที่ใช้ ได้ มาจากพืช สัตว์ แร่ธาตุ และพลังงาน การรักษาจะ


มีความหลากหลาย ขึ ้นอยูก่ บั ลักษณะและรูปแบบของการเจ็บป่ วยดังตัวอย่าง

ก. อาการช ้าใน รักษาโดยการต้ มยาให้ ดื่ม

ข. อาการฟกช ้า เคล็ดขัดยอก รักษาโดยการนวด การพอกยา

ค. อาการท้ องเสีย กินอาหารพิษ รักษาโดยให้ รับประทานยาสมุนไพร

ง. อาการฟื น้ ไข้ ผู้หญิงหลังคลอดลูก รักษาโดยการอบไอน ้าสมุนไพร เป็ นต้ น

สมุนไพรที่รักษาการเจ็บไข้ ได้ ป่วยได้ มาจาก ทังสั


้ ตว์ แร่ธาตุ และพลังงานการักษา ตัวอย่างเช่น

จ. สมุนไพรที่ได้ จากพืช เช่น ว่านชนิดต่าง ๆ ขิง ขมิ ้น

ฉ. สมุนไพรที่ได้ จากสัตว์ เช่น เขากวาง ก้ างปลา กระเพาะตัวนิ่ม

ช. สมุนไพรที่ได้ จากแร่ธาตุ เช่น ดิน จอมปลวก

ซ. สมุนไพรที่ได้ จากพลังงาน เช่น การเผาก้ อนหินให้ ร้อน

การรักษาโดยการใช้ คาถาอาคม หมอพื ้นบ้ านบางคนมีความสามารถด้ านคาถาอาคมโดยเฉพาะ


ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

ดังนัน้ กลุ่มนีจ้ ะใช้ คาถาอาคมในการรักษาโรค ซึ่งสามารถรักษาโรคที่เกิดจากทัง้ ภายนอกและภายใน


ร่างกายดังตัวอยางดังนี ้

ก. คาถาใช้ รักษาอาการปวดหัว

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
33

ข. คาถาใช้ รักษาอาการโรคงูสะหวัด

ค. คาถาใช้ รักษาแผลสด จากอุบตั ิเหตุ

ง. คาถาใช้ รักษาอาการช ้าใน เลือดตกในจากอุบตั ิเหตุ เป็ นต้ น

การรักษาโดยใช้ คาถาอาคมและยาสมุนไพร โดยปกติแล้ วคนที่เป็ นหมอพื ้นบ้ านที่เป็ นผู้ชายทุกคน


จะมีความรู้ ความสามารถทังตั
้ วยาสมุนไพร และคาถาอาคม ดังนันหลายครั
้ ง้ จะมีการรักษาโดยใช้ ทงสอง
ั้
แบบควบคูก่ นั ไป เช่นกระดูกหัก จะมีการใช้ ยาสมุนไพรและคาถาอาคมพร้ อม ๆ กันไปกับการรักษาโดยการ
จับเส้ น บีบนวดซึง่ เป็ นการรักษา อาการเคล็ด ขัดยอก ปวดเมื่อยตามร่างกาย

ข. การรักษาด้ านจิตใจ

การรักษาด้ านจิตเป็ นการรักษาอาการของคนไข้ ที่ใช้ ภมู ิปัญญาองค์ความรู้ และความเชื่อเพื่อเป็ นกาลังใจ


ให้ แก่คนไข้ เพื่อให้ สามารถต่อสู้กบั โรคภัยได้ ในระบบหมอพื ้นบ้ านของชน

ปกาเกอะญอ พอสรุปได้ ดงั นี ้

ก. ต่า กี่ จือ (การมัดมือ) เป็ นการรักษาคนไข้ ที่มีอาการอ่อนเพลีย การฟื น้ ไข้ หรื อสภาพจิตใจที่ไม่ปกติ

ข. ต่า เก๊ าะ เก่อ ลา (การเรี ยกขวัญ) เป็ นการักษาคนไข้ ตามความเชื่อว่าขวัญไม่อยู่ กับ เนื ้อกับตัว หนีไป
เนื่องจากสาเหตุ การตกใจ การสะดุ้งอย่างรุนแรง

ค. ต่า แกวะ พือ เป็ นการรักษาคนไข้ ที่มีอายุมากแล้ วที่อาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหารและสภาพจิตใจไม่


ปกติ ซึง่ เชื่อว่าพ่อแม่ที่ตายแล้ วนา เก่อ ลา ไปที่ยมโลก หมายถึง “ปลือก่อ”

ง. ต่า เดาะ หลื่อ เป็ นการรักษาคนไข้ ที่มีอาการหนักมาก โดยเชื่อว่าวิญญาณของคนไข้ ไปอยูท่ ี่ ปลือ ก่อ
แล้ ว
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

จ. การลงผีเจ้ านายและการเซ่นไหว้ ด้วยวิธีตา่ ง ๆ

ฉ. ข้ อห้ ามและข้ อปฏิบตั ิ

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
34

ขณะรักษาด้ วยหมอสมุนไพรหรื อหมอพื ้นบ้ านบางคนจะมีการห้ ามและข้ อปฏิบตั ิสาหรับผู้ป่วยที่


ต้ องอดอาหารบางประเภท เช่น เนื ้อสัตว์บางชนิดที่มีกลิ่นแรง (ต่า เนอ ปก่า) เช่น เนื ้อวัว เนื ้อควาย เนือ้
แพะ เป็ นต้ น พืชบางชนิด เช่น ฟั กทอง ส่วนข้ อปฏิบตั ิหลังรักษาเสร็ จแล้ วนัน้ ผู้ป่วยทุกคนต้ องมาดาหัวให้
หมอพื ้นบ้ าน อันเป็ นความกตัญํู ความเคารพ

ค. ภูมิหลังของการดูแลรักษาสุขภาพ

จากความเชื่อที่ว่าการเจ็บป่ วยเกิดจากการกระทาของผี คือผีจบั เอาขวัญมนุษย์ไปหรื อมาจากการละเมิด


กฎจารี ตของสังคม ถูกเจ้ าที่เจ้ าทางลงโทษทาให้ มีการเจ็บป่ วยเกิดขึ ้น ดังนันการรั
้ กษาคนไข้ หมอพื ้นบ้ าน
อาจมีวิธีการรักษาหลายวิธี และคนไข้ บางคนอาจใช้ หมอรักษาหลายคนการเจ็บป่ วยจึงหาย ทังนี
้ ้ชนปกา
เกอะญอ เชื่ออีกว่า คนเราแต่ละคนจะมีจิตผูกพันธ์ในระดับที่แตกต่างกัน

ง. การดูแลรักษาสุขภาพของผู้หญิงตังครรภ์

ในด้ านการดูแลรักษาสุขภาพให้ มีความแข็งแรงนันได้


้ รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ จากบรรพบุรุษ
เดิมเช่นเดียวกับชนเผ่าอื่น ๆ คือเริ่ มตังแต่
้ เด็กที่อยู่ในท้ องมารดาจนถึงวัยชราภาพ ซึง่ จะเห็นได้ จากจะมีข้อ
ห้ ามและข้ อพึงปฏิบตั ิทงบิ
ั ้ ดา มารดาจะมีข้อห้ ามและข้ อปฏิบตั ิดงั นี ้

ก. ข้ อห้ ามของมารดาช่วงขณะตังครรถ์

ห้ ามกินตัวอ่อนของตัวต่อ

ห้ ามกินอาหารที่มียาง เช่น เผือก ขนุน

ห้ ามกินเนื ้อหมูป่าและสัตว์ที่ถกู เสือกัดตาย

ห้ ามนอนหลับมากเกินไปและทางานหนักเกินไป
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

ข. ข้ อห้ ามสาหรับบิดา

ห้ ามทะเลาะกับผู้อื่น

ห้ ามมีคดีความฟ้องร้ อง

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
35

ห้ ามดุดา่ ลูกเมีย

ห้ ามล่าสัตว์บางชนิดและกินเนื ้อสัตว์ป่าที่คนล่าได้

ห้ ามเข้ าใกล้ เตาตีเหล็ก

ค. ข้ อสาหรับบิดามารดา

มารดาให้ กินผักบารุ งร่ างกาย รักษาความสะอาด ทางานให้ มีความพอเหมาะ และรักษาอารมณ์ ให้ ดีอยู่
เสมอ สาหรับบิดาให้ รักษาอารมณ์ จิตใจให้ แจ่มใสอยูเ่ สมอ และจัดอาหารให้ เหมาะสมแก่ภรรยา

6. ความหมายและประโยชน์ ของการเสี่ยงทาย

การดูดวงชะตาหมายความว่าหลายครัง้ ชีวิตการทามาหากินและความเป็ นอยู่ไม่เป็ นไปตามที่


เราคาดหวังเอาไว้ และซ ้าร้ ายไปกว่านันชี
้ วิตต้ องพบกับอุปสรรคเกินกว่าที่เราแก้ ปัญหาและ

ทาใจยอมรับได้ เมื่อเป็ นเช่นนี ้เราจะต้ องหาทางออกด้ วยการไปหาผู้ที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน และผู้นนก็


ั้
ให้ คาแนะนาหรื อเตือนเราให้ ระวังสิ่งนันสิ
้ ่งนี ้ที่จะเกิดขึ ้น การปฏิบตั ิเช่นนี ้หลายครัง้ และหลายคนมีชีวิตที่ดี
ขึ ้นได้

การเสี่ยงทายแยกได้ หลายประเภทตามวัตถุประสงค์ เช่น การเสี่ยงทายสาหรับคนป่ วย การเสี่ยง


ทายสาหรับการทามาหากิน การเสี่ยงทายสาหรับสัตว์เลี ้ยงหาย การเสี่ยงทายสาหรับล่าสัตว์ป่า การสี่ยง
ทายสาหรับการเดินทาง และการเสี่ยงทายเพื่ อดูขวัญว่าอ่อนหรื อแข็ง เป็ นต้ น เรื่ องราวจะเป็ นเป็ นอย่างไร
หรื อจะเกิดอะไรขึ ้นในอนาคตก็จะปรากฏออกมาในการเสี่ยงทายทังสิ
้ ้น

นอกจากการเสี่ยงทายจะแยกตามวัตถุประสงค์แล้ วยังสามารถแยกได้ ตามวัสดุอปุ กรณ์ที่ใช้ ใน


ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

การเสี่ยงทายได้ ด้วย

7.ประเภทของการเสี่ยงทาย

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
36

การเสี่ย งทายด้ ว ยกระดูก ไก่ การเสี่ ย งทายด้ ว ยกระดูก ไก่ ส ามารถเสี่ ย งทายได้ ทัง้ ส าหรั บ การ
เจ็บป่ วย ทรัพย์สมบัติหรื อสิ่งของใด ๆ หาย การทามาหากินและอื่น ๆ อีกหลายอย่างหรื ออาจจะเรี ยกได้ ว่า
ใช้ ในพิธีเสี่ยงทายได้ เกือบทุกประเภทชนปกาเกอะญอเชื่อว่าไก่เป็ นสัตว์ที่มีญาณมองเห็นการณ์ไกลกว่า
สัตว์อื่น ๆ การเสี่ยงทายด้ วยกระดูกไก่นนจะน
ั้ ากระดูกโคนขาไก่สองข้ างมาขูดพอเป็ นรู จากนันก็
้ จะนาซี่ไม้
ไผ่เล็ก ๆ สองอันเสียบลงไปที่รูกระดูกไก่นนั ้ วางลงบนพื ้นให้ อยู่ในระดับเดียวกันและสังเกตความลาดเอียง
ของซี่ไม้ ไผ่จะมีความแตกต่างกันไป ผู้ทาพิธี ก็จะใช้ ความลาดเอียงนี ้เป็ นเกณฑ์ในการทานายการเสี่ยงทาย
ด้ วยไข่ไก่ การเสี่ยงทายด้ วยไข่ไก่สว่ นใหญ่จะใช้ กบั คนเจ็บป่ วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนป่ วยที่มีอาการหนัก ๆ
การทาพิธีเพื่อดูวา่ สาเหตุของอาการป่ วยนี ้มาจากไหน ขันตอน

การทาพิธีไม่ย่งุ ยากมากนัก ผู้ทาพิธีจะนาไข่มาหนึ่งฟอง เป่ าโดยใช้ คาถา จากนันก็


้ จะทุบแตกและ
หยอดลงในถ้ วย และจะสังเกตว่าลักษณะของไข่เป็ นเช่นไร ผิดปกติหรื อไม่ เช่น มีเลือดปนอยู่ มีก้อนเนื ้อปน
อยู่ ไข่ขาวและไข่แดงคลุกเคล้ ากันทังฟอง
้ เป็ นต้ น ซึง่ ผู้ทาพิธีก็จะรู้ว่าลักษณะไข่ที่ผิดปกติเหล่านี ้ได้ บง่ บอก
ถึงอะไร

การเสี่ยงทายด้ วยข้ าวสาร การเสี่ยงทายด้ วยข้ าวสารเป็ นการเสี่ยงทายเพื่อหาหมอที่ถกู ชะตากรรม


กับคนป่ วยและสามารถรักษาคนป่ วยให้ หายจากโรคได้ เพราะเชื่อว่าคนแต่ละคนจะมีหมอประจาของ
ตนเอง หมอคนอื่นจะไม่สามารถรักษาให้ หายจากโรคได้ ด้ วยเหตุนี ้คนทาพิธีเสี่ยงทายมักจะรู้จกั หมอหลาย
ๆ คน หลักการก็คือหมอคนใดที่ผ้ ทู าพิธีเรี ยกชื่อขณะหยิบเม็ดข้ าวสารขึ ้นมาและได้ เป็ นคู่ทงสามครั
ั้ ง้ แสดง
ว่าหมอผู้นนจะรั
ั ้ กษาคนป่ วยให้ หายจากโรคได้ หากไม่เป็ นไปตามนี ้ก็จะหยิบข้ าวสารและเรี ยกชื่อหมออื่น
จนกว่าจะได้ หมอที่เข้ าหลักการดังกล่าวมาแล้ วข้ างต้ น

การเสี่ยงทายด้ วยด้ วยใบไม้ การเสี่ยงทายด้ วยใบไม้ สว่ นใหญ่จะเสี่ยงทายสาหรับการเลือกสถานที่


ที่จะไปหาของป่ า เช่น จับปลา ล่าสัตว์ เป็ นต้ น หากการเสี่ยงทายบ่งชี ้ว่าสถานที่ใดเมื่อไปแล้ วจะได้ อาหาร
กลับมาก็จะเลือกไปที่นนั่ ขันตอนการท
้ าพิธีคือผู้ทาพิธีจะเด็ดใบไม้ มาแล้ วยื่นออกไปทางทิศใดทิศหนึ่งและ
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

สังเกตว่าใบไม้ มีลกั ษณะอาการเช่นไรและได้ บ่งชี ้อะไร หากบ่งชี ้ว่าไปแล้ วดีก็จะไปที่นนั่ แต่หากบ่งชี ้ว่าไป
แล้ วไม่ดีก็จะเด็ดใบไม้ ใหม่และยื่นไปในทิศใหม่ จะกระทาเช่นนี ้จนกว่าจะได้ สถานที่ที่น่าพอใจ

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
37

การเสี่ยงทายด้ วยการจับชีพจร คือจับชีพจรเพื่อตรวจลักษณะการเต้ นของหัวใจของผู้ป่วย ผู้ป่วย


บางคนจะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยอ่อน เมื่อยล้ าหรื อเบื่อหน่ายอาหาร โดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้ทาพิธีจะจับ
ชีพจรของผู้ป่วยและสามารถบอกได้ ว่าอาการเหล่านี ้มีสาเหตุมาจากอะไร และจะต้ องรักษาด้ วยวิธีใด เช่น
ผูกเรี ยกขวัญ สะเดาะเคราะห์ เป็ นต้ น

ศิลป - วัฒนธรรม - วรรณกรรม


ศิลปะวัฒนธรรมและวรรณกรรมเป็ นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ที่เป็ นเอกลักษณ์ของชนเผ่าซึง่ มี
คุณค่าและมีความสาคัญต่อวิถีชีวิต ควรมีการอนุรักษ์ ไว้ สืบไป ในที่นี ้จะกล่าวถึง ภาษา

การแต่งกายและดนตรี

1. ภาษา

ชนปกาเกอะญอ เป็ นกลุม่ ชนเผ่าที่มีภาษาพูดและภาษาเขียนเป็ นของตนเองนอกจากนี ้แล้ วยังมี


ขนบธรรมเนี ยมประเพณี และวัฒนธรรมเป็ นของตนเองซึ่งได้ รับการถ่ายถอดจากบรรพบุรุษในอดีตใน
รู ป แบบของการเล่า ขานกัน มา และจากประสบการณ์ ใ นการใช้ ชี วิ ต ประจ าวั น ส าหรั บ การจดบัน ทึ ก
ประวัติศาสตร์ หรื อสิ่งที่เกิดขึ ้นในอดีตนัน้ ชนปกาเกอะญอใช้ ตวั อักษรตระกูลเดียวกับตัวหนังสือพม่า โดย
เรี ยกตัวหนังสือประเภทนีว้ ่า “ลิ วา” ส่วนในประเทศไทยมีมิสชันนารี ชาวผรั่งเศสได้ พฒ
ั นารู ปแบบภาษา
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

เขียนจากตัวอักษรโรมันประเภทนี ้เรี ยกว่า “ลิ โร เหม่”

2. การแต่ งกาย

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
38

ชนปกาเกอะญอ ในแต่ละกลุ่มจะมี เครื่ องแต่ง กายที่ เป็ นลักษณะเฉพาะตัวในด้ านสีสัน แต่


รู ปแบบลักษณะการแต่งกายจะเหมือนกันคือผู้ชายจะนิยมใส่เสื ้อทอสีแดงเรี ยกว่า “เช กอ” ใส่กางเกงขา
ทรงกระบอก ส่วนผู้หญิงที่เป็ นโสดจะใส่เสื ้อทอทรงกระบอกสีขาวเรี ยกว่า “เช ว่า”

ชนปกาเกอะญอทางฝั่ งพม่าจะมีหลากสีมากกว่า จะมีทงสี


ั ้ ขาวและสีแดง ส่วนผู้หญิงที่แต่งงานแล้ วจะใส่
ผ้ าซิน่ ทอใส่เสื ้อทอสีดาหรื อสีแดง ซึง่ จะใส่สีที่กลมกลมกัน บนเสื ้อจะมีการประดับด้ วย

ลูกเดือยหรื อปั กด้ วยด้ ายหลากสีในลวดลายชนิดต่าง ๆ ซึ่งแต่ละชนิดจะเลียนแบบจากธรรมชาติ ซึง่ มีการ


เรี ยกชื่อเฉพาะโดยจะให้ ความรู้สกึ และอารมณ์ที่แตกต่างกันไป

3. ดนตรี

ก.ซอ ระนาด (เสอะ เลาะ ปอกุ๊)

ซอ ระนาดเป็ นเครื่ องดนตรี ตงเดิ


ั ้ มของชนปกาเกอะญอชนิดหนึ่ง ทาขึ ้นมาเองด้ วยกระบอกไม้ ไผ่
หรื อกะลาน ้าเต้ า คันซอทาด้ วยไม้ ไผ่ สายซอทาด้ วยใยกาบกล้ วย และสีทาด้ วยเส้ นผมของผู้หญิงหรื อหาง
ม้ า ชนปกาเกอะญอจะมีซอและขับลานาไปด้ วย ผู้ที่เชี่ยวชาญการสีซอนัน้ เสียงซอของเขาจะคล้ อยตามบท
ลานาที่ขบั เมื่อได้ ยินแล้ วจะมีความไพเราะยิ่งนัก

ข.กลองมโหระทึก (โกละ)

โกละ เป็ นเครื่ องดนตรี ชนิดหนึง่ ที่มีราคาค่อนข้ างแพง จะใช้ ในงานประเพณีตา่ ง ๆ เช่น ประเพณีขึ ้น
ปี ใหม่ ประเพณีงานศพ เป็ นต้ น เมื่อตีเสียงจะก้ องดังทัว่ หมู่บ้าน ไม่นิยมตีอย่างพร่ าเพรื่ อ แต่จะตีในโอกาส
สาคัญและจาเป็ นเท่านัน้ สามารถตีได้ ทงเด็
ั ้ กและผู้ใหญ่ หากหมู่บ้านใดมีกลองมโหระทึกประจาอยู่ เชื่อกัน
ว่าหมูบ่ ้ านนันจะมี
้ ความร่มเย็นเป็ นสุข

ค.พิณเตหน่า (เตหน่า)
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

เตหน่า เป็ นเครื่ องดนตรี ชนิดหนึ่งของชนปกาเกอะญอที่มีมาแต่โบราณเช่นกันมีลกั ษณะคล้ ายพิณ


ฐานทาด้ วยขอนไม้ ที่แกะเป็ นรูกลวง คันจะมีลกั ษณะโค้ งงอเข้ าหาตัวเอง ระหว่างฐานและคันก็จะขึงสายซึง่
มีทงหมด
ั้ 6 เส้ น แต่บางคนทา 7 เส้ น หรื อ 9 เส้ นหรื อ12 เส้ นก็มี การดีดจะดีดร่ วมกับการขับลานา ผู้ที่มี

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
39

ความเชี่ยวชาญการดีดพิณเสียงของเขาจะมีหลากหลาย ซึง่ มีความไพเราะเป็ นอย่างยิ่ง เตหน่าสามารถเล่น


ได้ ในทุกโอกาส ไม่จากัดเฉพาะโอกาสงานประเพณีสาคัญ ๆ เท่านัน้

ง. ฆ้ อง ฉิ่ง กลอง (โม จว๊ ะ เดอ)

ฆ้ อง (โม) เป็ นเครื่ องดนตรี ที่ไม่ใช่ชนปกาเกอะญอทาขึ ้นเอง แต่รับเอามาจากพวกมอญ เพราะพวก


มอญและชนปกาเกอะญอเป็ นชนชาติที่สายเลือดใกล้ เคียงกันและอาศัยอยู่ในถิ่นแดนเดียวกัน และเคย
ช่วยเหลือเกื ้อกูลกันมาก่อน

ฉิ่ ง ฉาบ (จว๊ ะ ) เป็ นเครื่ องดนตรี ป ระเภทตีก ระทบกัน ฉาบหนึ่ง ชุดจะมี อ ยู่สองข้ าง ท ามาจาก
ทองแดงผสมเหล็กเป็ นเครื่ องดนตรี ที่มาจากพวกมอญเช่นกัน

กลอง (เดอ) เป็ นเครื่ องดนตรี ที่ทามาจากไม้ แกะเป็ นรู ปกลวง และขึงหนังกลองด้ วยหนังวัว หรื อ
แพะ เป็ นต้ น เป็ นเครื่ องดนตรี ประเภทตี ชนปกาเกอะญอสามารถผลิตขึ ้นมาด้ วยตนเอง มีลกั ษณะกลม
กลวง เรี ยงลงไปในส่วนหางและบานออกที่สดุ ปลายหาง ส่วนหัวจะขึงด้ วยหนังสัตว์ ซึง่ เป็ นส่วนที่ใช้ ตีให้ มี
เสียงดัง

โม จว๊ ะ เดอ ปกติจะใช้ เล่นในวงเดียวกัน เรี ยกได้ ว่าเป็ นเครื่ องดนตรี ที่ต้องผสมโรงเล่นด้ วยกัน
ตลอดไป จะขาดประเภทใดประเภทหนึ่งไม่ได้ ใช้ เล่นบางโอกาสในงานประเพณีสาคัญ ๆ เช่น ประเพณีขึ ้น
ปี ใหม่ พิธีเลี ้ยงเจดีย์ เป็ นต้ น แต่ที่นิยมเล่นกันมากที่สดุ คือประเพณีมงคลสมรส

จ.แตร ปี่ ไม้ ทาเสียง (แกว ปี๊ ส่อ เฆ)

แกว ปี๊ เป็ นเครื่ องดนตรี ประเภทเป่ า แกว อาจทามาจากเขาหรื องาหรื อสัตว์ ไม้ เช่น งาช้ าง เขา
ควาย เขาวัว เขาเลียงผาก็ได้ เชื่อกันว่าแกวที่ทาด้ วยเขาควายแม่ที่ตายขณะตังครรภ์
้ อยู่นนั ้ เมื่อเดินเป่ า
วนรอบไร่ สามรอบควายจะไม่ลอดรัว้ เข้ าไปกินข้ าวในไร่ เลย โดยปกติแล้ วจะใช้ เป่ าขณะเดินทางไปทางาน
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

ตามท้ องไร่ ท้องนา ในฤดูเก็บเกี่ยวข้ าวระหว่างเดือ นพฤศจิกายน หากได้ ยินเสียงทุกคนก็จะรับรู้ ว่าถึงเวลา


เก็บเกี่ยวข้ าวแล้ ว ชายหนุ่มบางคนไปทางานโดยไม่มีเพื่อนร่วมเดินทางก็จะเอาแกวนี่แหละเป็ เพื่อนทดแทน

ปี๊ เป็ นเครื่ องดนตรี ที่ทามาจากไม้ ไผ่ ใช้ เป่ าในโอกาสทัว่ ๆ ไปและทุกเพศทุกวัยสามารถเป่ าได้ ผู้เชี่ยวชาญ
จะสามารถเป่ าได้ หลายหลากเสียง เมื่อเป่ าปี่ จะไม่นิยมขับลานาตามไปด้ วย สาหรับ
Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย
ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
40

ส่อ เฆ ทามาจากไม้ ไผ่เช่นกัน เป็ นเครื่ องดนตรี ประเภทเป่ า และดีด ในเวลาเดียวกัน เล่นได้ ใน
โอกาสทัว่ ๆ ไป และทุกเพศทุกวัยสามารถเล่นได้

ฉ. การราดาบและหอก (ศิลปกการป้องกันตัว)

ศิลปะการร่ ายราดาบและหอกจะมีลายหลายแบบทังง่
้ ายและยาก บางคนร่ ายราได้ สองสามลาย
แต่บางคนที่เก่งสามารถร่ ายราได้ หลายลายและใช้ ดาบถึงสามสี่เล่ม ลายการร่ ายราดาบและหอกเรี ยกชื่อ
หลายอย่าง เช่น ลายหมี ลายป้องกันตน และลายฟั นคู่ต่อสู้ เป็ นต้ น การฝึ กร่ ายราดาบและหอกต้ องไปฝึ ก
กับอาจารย์ใหญ่ที่มากด้ วยวิชาความรู้ในด้ านนี ้ ผู้ฝึกจะต้ องอยูใ่ นระเบียบกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด และต้ อง
เสียค่าฝึ กตามขันที
้ ่ผ้ ฝู ึ กตังไว้
้ ซึง่ ปกติจะตังไว้
้ ไม่แพงมากนัก เพราะจะไม่ถือว่าเป็ นเรื่ องธุรกิจการค้ า แต่เป็ น
วิชาความรู้ที่จะต้ องถ่ายทอดให้ คนรุ่นหลังต่อ ๆ ไป

ระบบความเชื่อและศาสนา
ระบบความเชื่อและศาสนาของชนเผ่าปกาเกอะญอ มีความสัมพันธ์ กบั วิถีชีวิตและความเป็ นอยู่
ของชนเผ่า ชนปกาเกอญอมีความเชื่ อว่าพระเจ้ าเป็ นผู้สร้ างโลกและสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่ อยู่บนโลก จะมี
เจ้ าของปกปั ก ดูแลรักษา เช่น ภูเขาแต่ละลูก สายน ้าแต่ละสาย ผืนป่ าแต่ละผืน จะมีเจ้ าของอยู่ ชนปกา
เกอะญอจะเรี ยกว่า “ที เก่อ จ่า” (เจ้ าของน ้า) “ก่อ เกอ จ่า” (เจ้ าของแผ่นดิน/ประกาศอาณาเขต)[36]

1. ความเชื่อเกี่ยวกับการเกิดมาของมนุษย์

ชนปกาเกอะญอเชื่อว่าคนแต่ละคนจะมีวิญญาณ ก่อนจะเกิดมาบนโลกวิญญาณจะมีอยู่ก่อนแล้ ว
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

โดยอาศัยอยูใ่ นโลกวิญญาณ เมื่อถึงเวลาจะเกิดมาในโลกมนุษย์คน ๆ นันต้


้ องไปนัดหมาย

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
41

วันเวลากับ (นางพญาประจาต้ นโพธิ์ต้นไทร) “หมื่อ ฆะ เขลอะ” ว่าจะมาบังเกิดแล้ วนะ และบอกว่า


จะมาอาศัยอยูบ่ นโลกนานเท่าใด นางพญาต้ นโพธิ์ต้นไทรบันทึก เมื่อนัดหมายกันแล้ ววิญญาณจะมาอยู่กบั
ฝ่ ายชายก่อนเป็ นเวลา 3 เดือน จากนันก็
้ ไปอยูก่ บั ฝ่ ายหญิง (ผู้ให้ กาเนิดหรื อพ่อแม่)

อีกสามเดือน ระหว่างเวลานี ้จะแสดงออกมาโดยวิญญาณเข้ าฝั นผู้ให้ กาเนิดฝ่ ายหญิงหรื อฝ่ ายชาย


หรื อทังสองฝ่
้ ายฝั นว่าได้ มาซึง่ สิง่ ของเหล่านี ้เช่น แหวน มีด เงิน เป็ นต้ น จากนันฝ่
้ ายหญิงก็จะเริ่มตังครรภ์

ช่วงเวลาที่แม่ตงครรภ์
ั้ จะต้ องงดอาหารหลายประเภทที่จะเป็ นอันตรายต่อทารกในครรภ์ เช่น สัตว์
ถูกยิงด้ วยปื นหรื อลูกดอกเคลือบยาพิษ พืชผักมียาง สัตว์ป่าบางชนิดได้ แก่ ลิง หมี ด้ วยเกรงว่าหากกินแล้ ว
ทารกที่เกิดจะมีบคุ คลิกและรู ปร่างหน้ าตาคล้ ายกับสัตว์เหล่านี ้ สาหรับพ่อก็มีข้อห้ ามด้ วยเช่นกัน เช่น ห้ าม
หามศพ ห้ ามไกล่เกลี่ยคดีความ ห้ ามขึ ้นต้ นไม้ ห้ ามทะเลาะวิวาทกับคนอื่น ห้ ามดุด่าภรรยา เมื่อถึงเวลา
คลอดก็จะไปเรี ยกหมอตาแยมาช่วยทาคลอด

เมื่อทารกเกิดแล้ วจะนาด้ ายสีดาผูกสายรกสองช่วง ช่วงแรกผูกห่างจากท้ องเด็กราวหนึ่งนิ ้ว ช่วงที่


สองห่างจากท้ องเด็กราวสามนิ ว้ จากนันก็
้ จะตัดสายรกทิ ้งด้ วยเปลือกไม้ ไผ่ดิบ จะไม่ตดั สายรกด้ วยโลหะ
เพื่อป้องกันบาดทะยัก จะนาทารกล้ างคราบเลือดและน ้าคร่ าออก แล้ วนากลับไปให้ แม่ซงึ่ นอนพักอยู่ที่เตา
ไฟเพื่อให้ ทารกดูดน ้านม แม่จะพักอยู่ไฟนานประมาณหนึ่งเดือน ช่วงเวลาที่ทารกดูดนมอยู่แม่จะต้ องงด
อาหารหลายอย่างที่จะแสลงท้ องของทาร

2. โลกมนุษย์ (ปกา ซู โค่ โพ)

คาว่าโลกมนุษย์หรื อปกา ซู โค่ โพ หมายถึงมนุษย์ที่อยูบ่ นโลกที่ประกอบด้ วยวิญญาณและร่างกาย


ซึง่ สามารถพบเห็นกันเหมือนทุกวันนี ้
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

3. โลกวิญญาณ ( ปลือ ปู)

ปลือ ปู หรื อโลกวิญญาณ (ยมโลก) ก็คือสถานที่อนั เป็ นที่อยู่อาศัยของเหล่าวิญญาณที่หลุดออก


จากร่างกายของผู้ตายแล้ ว เป็ นสถานที่วิญญาณรอคอยว่าตนเองจะขึ ้นสูส่ วรรค์หรื อลงนรกต่อไป

4. วิญญาณบรรพบุรุษ (ซิโค่ หมื่อฆา)


Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย
ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
42

ชนปกาเกอะญอเชื่อว่าบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ ว วิญญาณของพวกท่านเหล่านี ้ที่ยงั มีความเป็ น


ห่วงเป็ นใยและคอยคุ้มครองป้องกันภัยแก่ลกู หลานอยู่ ดังนันเมื
้ ่อเจ็บไข้ ได้ ป่วยลูกหลานที่อยู่บนโลกมนุษย์
จะทาพิธีบก๊ ะและเรี ยกวิญญาณบรรพบุรษมาร่ วมพิธีและรับประทานอาหาร ทังนี
้ ้เพื่อขอพวกท่านมาช่วย
เยียวยารักษาให้ พวกเขาหายจากโรค

5. เปรต (นาจิ๊ นา จิ๊ เทาะ)

คือดวงวิญญาณของหนุ่มสาวที่เสียชีวิ ตก่อนโดยที่ยงั ไม่แต่งงาน หรื อคนเฒ่าคนแก่ที่พลาดหวัง


จากการแต่งงาน เนื่องจากพวกเขาไม่มีลกู หลานอยูบ่ นโลก ทาให้ พวกเขาไม่ได้ กินข้ าวปลาอาหารและไม่ได้
กิ น ดี อยู่ดี ซึ่ง มี สภาวะที่ ต รงกัน ข้ า มกับวิ ญ ญาณบรรพบุรุษ ที่ ลูก หลานจะท าพิ ธีบ ก๊ ะ และเรี ย กท่ า นมา
รับประทานอาหารอยู่เสมอ ด้ วยเหตุนี ้นาจิ๊ซินาจิ๊เทาะจึงใช้ อานาจชัว่ ของตนไปรบเร้ ารบกวนและบีบบังคับ
เหล่าวิญญาณบรรพรุรุษให้ กลับไปหาลูกหลานของตน ด้ วยความจาใจยอมวิญญาณบรรพบุรุษก็กลับไปหา
และหยอกล้ อลูกหลานของตน การกระทาเช่นนี ้ทาให้ ลกู หลานล้ มป่ วยลง โดยลูกหลานเชื่อว่าการล้ มป่ วยลง
การล้ มป่ วยมีสาเหตุมาจากวิญญาณบรรพบุรุษกลับมาหาเพื่อขออาหาร ลูกหลานจึงทาพิธี “บก๊ ะ” เรี ยก
วิญญาณบรรพบุรุษมาร่ วมรับประทานอาหาร เมื่อรับประทานเสร็ จแล้ วก็นาอาหารส่วนหนึ่งกลับไปให้ นาจิ๊
ซินาจิ๊เทาะด้ วย ฝ่ ายลูกหลานเมื่อเสร็จพิธีอาการป่ วยก็หายจากไป

6. สวรรค์ (ดู เตอะ วอ)

ดูเตอะวอหรื อสวรรค์เป็ นสถานที่เปี่ ยมด้ วยความสงบสุขอย่างสมบูรณ์ในโลกวิญญาณ ผู้ที่อยู่บนโลกและ


ประกอบแต่คณ
ุ งามความดีเมื่อเสียชีวิตแล้ ววิญญาณของพวกเขาก็จะกลับไปอยู่ ณ สวรรค์แห่งนี ้[42]

7. นรก (ดู ลอ หร่ า)

ดูลอหร่าหรื อนรกหมายถึงสถานแห่งการทนทุกข์ทรมาน บุคคลใด ๆ ที่ประกอบความชัว่ ช้ าขณะที่มี


ชีวิตอยู่บนโลก เมื่อเสียชีวิตลงดวงวิญญาณก็ออกจากร่างกายแล้ วก็จะกลับไปอยู่ในนรกนี ้ตลอดชัว่ นิรันดร์
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

ชนปกาเกอะญอเป็ นชนกลุ่มน้ อยที่อยู่ตามป่ าเขาเป็ นส่วนใหญ่ วิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรมจึงมีความ


เกี่ยวข้ องกับธรรมชาติอย่างแยกจากกันไม่ออก ด้ วยเหตุนี ้การแสดงออกทางพิธีกรรมต่าง ๆ ของชนปกา
เกอะญอจะแสดงความเคารพ ให้ เกียรติ อนุรักษ์ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้ อมเป็ นหลัก วิถีชีวิตจึงต้ องพึ่งพาอาศัย
ธรรมชาติ ใ นการด ารงชี วิ ต จึ ง ต้ อ งเข้ า ใจธรรมชาติ และที่ ส าคัญ ต้ อ งด ารงชี วิ ต อย่ า งรู้ คุณ ค่า และให้
Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย
ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline
43

ความสาคัญกับธรรมชาติ หากขาดธรรมชาติแล้ วชีวิตของชนปกาเกอะญอก็ไม่อาจดารงอยู่ตอ่ ไปได้ อย่างที่


เคยเป็ นอยู่ การแสดงออกซึง่ ความเชื่อ ความศรัทธา ความรัก ความเป็ นหนึ่ งเดียวกับธรรมชาติ จึงอยู่ในวิถี
ชีวิตทุกกระบวนการการดารงชีวิตของชนปกาเกอะญอด้ วยเหตุตามข้ างต้ น
ประวัตขิ องปกาเกอะญอ

Facebook:ขายเสื ้อกะเหรี่ ยงแห่งประเทศไทย


ติดตามเพจ: https://www.facebook.com/karenstoreonline

You might also like