Professional Documents
Culture Documents
652 3573214
652 3573214
าวิท
ยาล
ัยสว
นดุส
ิต เพื่อ
กา ร
ศึกษ
าเท
่านั้น
"
เอกสารประกอบการเรียน
รายวิชาศิลปวัฒนธรรมไทยเพื่อการท่องเที่ยว
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
กา ร
เพื่อ
จิรานุช โสภา
สถ.ด.(การจัดการสถาปัตยกรรมเพื่อการท่องเที่ยว)
ิต
ศศ.ม.(ประวัติศาสตร์)
นดุส
อ.บ.(ประวัติศาสตร์)
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
โรงเรียนการทองเที่ยวและการบริการ
2557
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
กา ร
ิต เพื่อ
นดุส
เอกสารประกอบการเรียน
ัยสว
ศิลปวัฒนธรรมไทยเพื่อการท่องเที่ยว
ยาล
าวิท
ออกแบบปก : ศูนย์บริการสื่อและสิ่งพิมพ์กราฟฟิคไซท์
พิมพ์ที่ : ศูนย์บริการสื่อและสิ่งพิมพ์กราฟฟิคไซท์
โทร : 0-2244-5081
คำนำ
"
่านั้น
ได้แบ่งเนื้อหาในการเรียนการสอนไว้ 15 สัปดาห์ ได้แก่ ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของ
ศิลปะ วัฒนธรรมภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวไทยในท้องถิ่น ความสาคัญของท้องถิ่นถ่างๆ
าเท
อิ ท ธิ พ ลของศาสนาต่ อ วั ฒ นธรรมไทย ความเชื่ อ ดั้ ง เดิ ม ศาสนาพราหมณ์ ศาสนาพุ ท ธ
ศึกษ
วัฒนธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ของประเทศไทย วัฒนธรรมภาคกลาง : ประวัติศาสตร์และ
วัฒนธรรม วรรณคดีและแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของทั้ง 4 ภาค รวมถึงเทศกาลและงาน
กา ร
ประเพณี อาหาร ที่อยู่อาศัย สมุนไพรไทยและยารักษาโรค หัตถกรรมไทย : สิ่งทอ ผ้าไทย
การแสดงและการละเล่นไทย วัฒนธรรมไทย วิถีวัฒนธรรมกับการท่องเที่ยว
เพื่อ
ชื่อผู้แต่ง
าวิท
จิรานุช โสภา
7 สิงหาคม 2557
"มห
"มห
าวิท
ยาล
ัยสว
นดุส
ิต เพื่อ
กา ร
ศึกษ
าเท
่านั้น
"
สารบัญ
หน้า
คานา (1)
สารบัญ (3)
"
่านั้น
สารบัญภาพ (11)
สารบัญตาราง (13)
าเท
แผนบริหารการสอนประจารายวิชา (15)
ศึกษ
ชื่อรายวิชาความรูเ้ บือ้ งต้นเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและบริการ รหัสวิชา 3571311 (15)
จานวนหน่วยกิต กา ร (15)
เวลาเรียน (15)
คาอธิบายรายวิชา (15)
เพื่อ
จุดมุง่ หมายรายวิชา (15)
การพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักศึกษา (15)
ิต
เนือ้ หา (15)
นดุส
วิธีสอนและกิจกรรมการจัดการเรียนการสอน (17)
สื่อการเรียนการสอน (18)
ัยสว
การวัดและประเมินผล (18)
ยาล
บทที่ 1 ความหมายของศิลปะและวัฒนธรรม 1
ความหมายของศิลปะและวัฒนธรรม 1
าวิท
ลักษณะของวัฒนธรรม 1
ที่มาและความหมาย 1
"มห
ประเภทของวัฒนธรรม 2
ลักษณะวัฒนธรรมไทย 4
เอกลักษณ์ของประเพณีไทย 6
การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม 7
บทสรุป 8
แบบฝึกหัดท้ายบท 8
เอกสารอ้างอิง 9
(4)
หน้า
บทที่ 2 อิทธิพลศาสนาต่อวัฒนธรรมไทย 11
คานิยาม “ศาสนา” 11
อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ในสังคมและวัฒนธรรมไทย 12
"
อิทธิพลของศาสนาพุทธในสังคมและวัฒนธรรมไทย 14
่านั้น
บทสรุป 17
าเท
แบบฝึกหัดท้ายบท 17
เอกสารอ้างอิง 18
ศึกษ
บทที่ 3 วัฒนธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย 19
โบราณคดีในประเทศไทย กา ร 22
ยุคหินเก่า 22
ยุคหินกลาง 23
เพื่อ
ยุคหินใหม่ 23
ยุคโลหะ 23
ิต
นดุส
บทสรุป 24
แบบฝึกหัดท้ายบท 24
ัยสว
เอกสารอ้างอิง 25
บทที่ 4 วัฒนธรรมภาคกลาง: ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม วรรณคดีและ 27
ยาล
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในภาคกลาง
อาณาจักรสุโขทัย 33
าวิท
อาณาจักรกรุงศรีอยุธยา 39
"มห
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในภาคกลาง 43
บทสรุป 46
แบบฝึกหัดท้ายบท 46
เอกสารอ้างอิง 47
(5)
หน้า
"
ที่อยู่อาศัย 54
่านั้น
บทสรุป 56
าเท
แบบฝึกหัดท้ายบท 56
เอกสารอ้างอิง 57
ศึกษ
บทที่ 6 วัฒนธรรมภาคเหนือ: ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม วรรณคดี 59
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในภาคเหนือ
กา ร
โยนกนาคบุรีศรีเชียงแสน 59
เงินยางเชียงแสน 60
เพื่อ
พะเยา 60
หริภุญไชย 60
ิต
นดุส
ล้านนา 61
พระร่วง 63
ัยสว
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในภาคเหนือ 66
บทสรุป 67
ยาล
แบบฝึกหัดท้ายบท 68
เอกสารอ้างอิง 69
าวิท
เทศกาลและงานประเพณี 71
อาหารภาคเหนือ 73
บ้านที่อยู่อาศัย 75
บทสรุป 77
แบบฝึกหัดท้ายบท 77
เอกสารอ้างอิง 78
(6)
หน้า
"
วรรณคดีภาคอีสาน 82
่านั้น
นางอุสา ท้าวบารส 83
าเท
ท้าวปาจิต นางอรพิม 84
พระธาตุก่องข้าวน้อย 86
ศึกษ
แหล่งท่องเที่ยว 87
บทสรุป กา ร 92
แบบฝึกหัดท้ายบท 92
เอกสารอ้างอิง 93
เพื่อ
บ้านที่อยู่อาศัย 100
องค์ประกอบของบ้านหรือเรือนภาคอีสาน 102
ัยสว
บทสรุป 103
แบบฝึกหัดท้ายบท 103
ยาล
เอกสารอ้างอิง 104
บทที่ 10 วัฒนธรรมภาคใต้: ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม วรรณคดีและ 105
าวิท
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในภาคใต้
"มห
หน้า
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในภาคใต้ 114
บทสรุป 119
แบบฝึกหัดท้ายบท 119
"
เอกสารอ้างอิง 120
่านั้น
บทที่ 11 วัฒนธรรมภาคใต้: เทศกาลและงานประเพณี อาหาร ที่อยู่อาศัย 121
าเท
อาหาร 125
ที่อยู่อาศัย 126
ศึกษ
บทสรุป 128
แบบฝึกหัดท้ายบท กา ร 128
เอกสารอ้างอิง 129
บทที่ 12 การแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทย 131
เพื่อ
พัฒนาการทางการแพทย์แผนไทย 131
สุขภาพและความเจ็บป่วยในสังคมไทย 132
ิต
นดุส
ลักษณะการรักษา 133
สมุนไพรไทย 134
ัยสว
ตารับยาไทย 137
บทสรุป 139
ยาล
แบบฝึกหัดท้ายบท 139
เอกสารอ้างอิง 140
าวิท
วิธีการทอ 141
ผ้าพืน้ เมืองภาคต่าง ๆ 143
ผ้าพืน้ เมืองภาคเหนือ 143
ผ้าพืน้ เมืองภาคอีสาน 144
ผ้าพืน้ เมืองภาคกลาง 145
ผ้าพืน้ เมืองภาคใต้ 147
(8)
หน้า
บทสรุป 149
แบบฝึกหัดท้ายบท 149
เอกสารอ้างอิง 150
"
บทที่ 14 การละเล่นและการแสดงของไทย 151
่านั้น
ว่าว 151
าเท
ตะกร้อ 153
คลี 153
ศึกษ
สะบ้า 153
โขน กา ร 154
ละครรา 155
หุน่ 156
เพื่อ
ลิเก 156
ลาตัด 156
ิต
นดุส
ร็องเง็ง 157
หมอลา 157
ัยสว
กันตรีมและโปงลาง 157
วงสะล้อซอซึง 158
ยาล
บทสรุป 159
แบบฝึกหัดท้ายบท 159
าวิท
เอกสารอ้างอิง 160
"มห
หน้า
เอกสารอ้างอิง 174
บรรณานุกรม 175
ภาคผนวก 183
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
กา ร
เพื่อ
ิต
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
"มห
าวิท
ยาล
ัยสว
(10)
นดุส
ิต เพื่อ
กา ร
ศึกษ
าเท
่านั้น
"
(11)
สารบัญภาพ
ภาพที่ หน้า
"
2.1 อิทธิพลพุทธศาสนาในสังคมไทย 16
่านั้น
3.1 แหล่งโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์ที่บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี 24
4.1 พระพุทธรูปสมัยทวารวดี 30
าเท
4.2 ธรรมจักร 32
ศึกษ
4.3 พระปฐมเจดีย์ 33
4.4 วัดมหาธาตุสุโขทัย กา ร 36
4.5 ศิลปกรรมสุโขทัย 37
4.6 เครื่องสังคโลก 38
เพื่อ
4.7 วัดไชยวัฒนาราม 42
5.1 งานนมัสการหลวงพ่อพุทธโสธร 50
ิต
นดุส
5.4 เรือนไทยภาคกลาง 55
6.1 วัดพระธาตุลาปางหลวง จังหวัดลาปาง 65
ยาล
7.1 อาหารภาคเหนือ 74
7.2 ขันโตกอาหารของภาคเหนือ 75
"มห
7.3 เรือนกาแล 76
8.1 ปราสาทหินพิมาย 86
8.2 ปราสาทหินพนมรุง้ 89
9.1 ประเพณีแห่เทียนพรรษา 97
9.2 ประเพณีบุญบั้งไฟ 97
9.3 ประเพณีบุญบั้งไฟ 98
(12)
9.4 ก้อยไข่มดแดง 99
9.5 ก้อยไข่มดแดง 100
9.6 ลักษณะบ้านแบบภาคอีสาน 102
10.1 ถ้าผีหัวโต 115
10.2 วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร 117
10.3 วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช 118
"
11.1 งานประเพณีสารทเดือนสิบ จังหวัดนครศรีธรรมราช 122
่านั้น
11.2 พิธีลอยเรือของชาวเล 124
าเท
11.3 งานสมโภชเจ้าแม่ลิม้ กอเหนี่ยว จังหวัดปัตตานี 125
11.4 ลักษณะบ้านเรือนในภาคใต้ 126
ศึกษ
11.5 ลักษณะอาคารแบบซิโนโปรตุกีส 127
12.1 ตัวอย่างสมุนไพรไทย (กระชาย) กา ร 135
12.2 ตัวอย่างสมุนไพรไทย (ข่า) 137
13.1 วิธีการทอผ้าและอุปกรณ์การทอผ้า 143
เพื่อ
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้า
9.1 ฮีตสิบสอง 96
"
12.1 ตัวอย่างคุณสมบัติของผักพื้นบ้านด้านการรักษาโรค 136
่านั้น
15.1 มรดกโลกในประเทศไทย 163
15.2 ตารางแสดงโบราณสาคัญ ๆ ของศรีสัชนาลัย 165
าเท
15.3 ตารางแสดงโบราณสาคัญ ๆ ของศรีสัชนาลัย 167
ศึกษ
กา ร
ิต เพื่อ
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
"มห
าวิท
ยาล
ัยสว
(14)
นดุส
ิต เพื่อ
กา ร
ศึกษ
าเท
่านั้น
"
แผนบริหารการสอนประจารายวิชา
"
่านั้น
คาอธิบายรายวิชา
าเท
ศึกษาสังคมไทย พุทธศาสนาในประเทศไทย วรรณคดีไทย เทศกาลและงาน
ศึกษ
ประเพณีไทย อาหารไทย หัตถกรรมและมรดกทางภูมิปัญญาไทยอื่น ๆ เช่นเครื่องแต่งกาย ยา
รักษาโรคแบบพืน้ บ้านและพืน้ ฐานชีวิตของคนไทยและสร้างจิตสานึกทางวัฒนธรรมเพื่อการ
กา ร
อนุรักษ์
เพื่อ
จุดมุ่งหมายรายวิชา
1. นักศึกษาเข้าใจและเห็นความสาคัญของศิลปวัฒนธรรมไทยที่มี
ิต
บทบาทต่อการท่องเที่ยว
นดุส
2. นักศึกษาสามารถนาศิลปวัฒนธรรมไทยมาปรับใช้ในการท่องเที่ยว
ได้ตอ่ ไป
ัยสว
3. นักศึกษามีความเข้าใจในรูปแบบการท่องเที่ยวที่มคี วามเกี่ยวข้อง
ยาล
กับศิลปวัฒนธรรมของประเทศไทยและท้องถิ่น
4. นักศึกษาได้แนวคิดด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไปปรับใช้ใน
าวิท
การจัดการการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้
"มห
เนื้อหา
แผนการสอนประจาสัปดาห์ที่ 1 บทนา จานวน 4 ชั่วโมง
หัวข้อหลัก ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของศิลปะ วัฒนธรรม
ภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวไทยในท้องถิ่น ความสาคัญของท้องถิ่นต่างๆ
(16)
"
แผนการสอนประจาสัปดาห์ที่ 4 วัฒนธรรมภาคกลาง จานวน 4 ชั่วโมง
่านั้น
หัวข้อหลัก ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมวรรณคดี แหล่งท่องเที่ยวเชิง
าเท
วัฒนธรรมในเขตภาคกลาง
แผนการสอนประจาสัปดาห์ที่ 5 วัฒนธรรมภาคกลาง (ต่อ) จานวน 4 ชั่วโมง
ศึกษ
หัวข้อหลัก เทศกาลและงานประเพณี อาหาร ที่อยู่อาศัย
แผนการสอนประจาสัปดาห์ที่ 6 วัฒนธรรมภาคเหนือ
กา ร จานวน 4 ชั่วโมง
หัวข้อหลัก ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม วรรณคดี แหล่งท่องเที่ยวเชิง
วัฒนธรรมในเขตภาคเหนือ
เพื่อ
วัฒนธรรมในเขตภาคอีสาน
แผนการสอนประจาสัปดาห์ที่ 9 วัฒนธรรมภาคอีสาน (ต่อ) จานวน 4 ชั่วโมง
ยาล
วัฒนธรรมในเขตภาคใต้
แผนการสอนประจาสัปดาห์ที่ 11 วัฒนธรรมภาคใต้ (ต่อ) จานวน 4 ชั่วโมง
หัวข้อหลัก เทศกาลและงานประเพณี อาหาร ที่อยู่อาศัย
แผนการสอนประจาสัปดาห์ที่ 12 สมุนไพรไทยและยารักษาโรค จานวน 4 ชั่วโมง
หัวข้อหลัก สมุนไพรไทยและยารักษาโรค
แผนการสอนประจาสัปดาห์ที่ 13 หัตถกรรมไทย: สิ่งทอ ผ้าไทย จานวน 4 ชั่วโมง
หัวข้อหลัก สิ่งทอ ผ้าไทย
(17)
"
พระนครศรีอยุธยา
่านั้น
หัวข้อหลัก วัฒนธรรมไทย: มรดกโลกทางวัฒนธรรมของไทยกับการท่องเที่ยว
าเท
กรณีอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกาแพงเพชร และเมืองโบราณจังหวัด
พระนครศรีอยุธยาและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม รวมทั้งการอนุรักษ์
ศึกษ
วิธีสอนและกิจกรรม กา ร
1. อธิบ ายความเข้าใจในภาพรวมของเนื้อหาวิชาเรียน วิธีการเรียนการสอน
การวัดผล และเกณฑ์การประเมินผล
เพื่อ
2. บรรยายเนื้ อ หาส าคั ญ พร้อ มยกตั วอย่ างเพื่ อ ให้ เข้ าใจอย่ างชั ด เจน และ
กระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่ผู้สอนได้ยกขึ้นมา เพื่อให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมใน
ิต
นดุส
ซักถามโดยให้แสดงความคิดเห็น
4. อาจารย์ผู้สอนสรุปเนื้อหา
ยาล
5. ให้นักศึกษาทบทวนเนือ้ หาโดยทาแบบฝึกหัดท้ายบท
6. มอบหมายให้ผู้เรียนค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกั บเนื้อหาการเรีย น
าวิท
รวมถึงการหาข่าวหรือบทความที่เกี่ยวกับการเรียนการสอนในบทเรียน และนามาอภิปรายกัน
"มห
ในชั้นเรียน
7. ฝึ ก ฝนให้ นั ก ศึ ก ษาค้ น คว้ า หาข้ อ มู ล เพิ่ ม เติ ม จากระบบสารสนเทศของ
มหาวิทยาลัยหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์
8. ฝึกฝนให้นักศึกษาฝึกบรรยาย
9. การบูรณาการงานวิจัยของผู้สอนมาประกอบการสอน
(18)
สื่อการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน
2. สื่อสิ่งพิมพ์
3. Microsoft Power point
4. เอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
"
่านั้น
5. สื่อคอมพิวเตอร์หรือซีดี
าเท
การวัดและประเมินผล (ตาม มคอ.3)
1. การวัดผล (คือการกาหนดตัวเลขหรือคะแนนดิบ)
ศึกษ
1.1 คะแนนระหว่างภาครวม ร้อยละ 60
1.1.1 การทดสอบในชั้นเรียน ร้อยละ 20
กา ร
1.1.2 การทารายงาน ร้อยละ 20
เพื่อ
1.1.3 การนาเสนองาน ร้อยละ 20
1.2 คะแนนสอบปลายภาครวม ร้อยละ 40
ิต
นดุส
2. การประเมินผล
แบบอิงเกณฑ์
ัยสว
B+ 85-89 3.50
าวิท
B 75-84 3.00
C+ 70-74 2.50
"มห
C 60-69 2.00
D+ 55-59 1.50
D 50-54 1.00
E 0-49 0.00
บทที่ 1
ความหมายของศิลปะและวัฒนธรรม
ความหมายของศิลปะและวัฒนธรรม
วัฒ นธรรม หมายถึง รูป แบบการดาเนินกิจกรรมของมนุษ ย์ มีความสาคัญ
"
่านั้น
ต่อวิถีการดาเนินชีวิต ซึ่งเป็นพฤติกรรมและสิ่งที่คนในสังคมผลิต หรือสร้างขึ้น ด้วยการเรียนรู้
จากกันและกัน และร่วมใช้ในหมู่พวกพ้อ งของตน วัฒนธรรมสามารถแสดงออกโดยผ่านทาง
าเท
ศิลปะแขนงต่าง ๆ อาทิเช่น ดนตรี วรรณกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม อาหาร เทศกาล งาน
ประเพณีและหัตถกรรม
ลักษณะของวัฒนธรรม
ศึกษ
กา ร
วัฒนธรรมแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
เพื่อ
วั ฒ นธรรมทางวัต ถุ คื อ เครื่อ งมื อ เครื่อ งใช้ ที่ ม นุ ษ ย์ ส ามารถนามาใช้ ได้ ใน
ชีวิตประจาวันเพื่อความสุขทางกายภาพ ได้แก่ ยานพาหนะ ที่อยู่อาศัย เครื่องใช้ เครื่องมือที่ใช้
ิต
ที่มาและความหมาย
าวิท
แห่งชาติ พุ ท ธศัก ราช 2485) ส าหรับ พจนานุกรมฉบับ ราชบัณ ฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ได้ให้
นิ ย ามว่ า “สิ่ งที่ ท าความเจริญ งอกงามให้ แ ก่ ห มู่ ค ณะ เช่ น วัฒ นธรรมพื้ น บ้ า น วั ฒ นธรรม
ชาวเขา” ดังนั้น คาว่า “วัฒนธรรม” ในภาษาไทยตามความหมายนี้ใกล้เคียงกับคาว่ า “อารย
ธรรม” สาหรับคาว่า “วัฒนธรรม” ที่ตรงกับภาษาอังกฤษคือ Culture นั้นมาจากภาษาละดินคือ
คาว่า “Cultura” ซึ่งแยกมาจากคาว่า “Colere” ที่แปลว่าการเพาะปลูก (สานักงานราชบัณฑิตย
สภา,2542)
"
โดยสรุปแล้ว วัฒนธรรมคือ ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่แสดงออกถึงวิถีชีวิตของมนุษย์ใน
่านั้น
สังคมหนึ่ง ที่ได้มีการสร้างกฎระเบียบ หรือ กฏเกณฑ์ในการปฏิบัติ ตลอดจนความเชื่อ ค่านิยม
าเท
ความรู้และเทคโนโลยีต่าง ๆ ในการใช้ประโยชน์และควบคุมธรรมชาติ วัฒนธรรมจึงเป็นสิ่งที่
แสดงให้ เห็ น ถึ งความก้ าวหน้าของมนุ ษ ย์ และมนุ ษ ย์ แต่ ล ะกลุ่ ม ต้ องมี วัฒ นธรรม และย่ อ ม
ศึกษ
แตกต่างกัน
กา ร
ประเภทของวัฒนธรรม
เพื่อ
วัฒนธรรมอาจแบ่งได้เป็น 5 สาขาคือ
1. วัฒนธรรมทางภาษาและวรรณคดี
ิต
2. วัฒนธรรมทางวัตถุ
นดุส
3. วัฒนธรรมทางจิตใจ
4. วัฒนธรรมทางจารีตหรือขนบธรรมเนียมประเพณี
ัยสว
5. วัฒนธรรมทางสุนทรียะ
ยาล
สาหรับรายละเอียดแต่ละด้านมีดังนี้
าวิท
1. วัฒนธรรมทางภาษาและวรรณคดี
ภาษา คือ สิ่งที่สาคัญของวัฒนธรรม เพราะภาษาคือเครื่องมือในการสื่อ
"มห
ความหมายให้ ค นในกลุ่ ม หรื อ คนในชาติ เ ข้ า ใจกั น ได้ ภาษาเป็ น “ศาสตร์ ”และ “ศิ ล ป์ ”
เนื่องจากภาษามีหลักเกณฑ์และมีความไพเราะและมีวธิ ีสื่อความหมายได้อย่างเหมาะสม
ภาษาสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ ภาษาพูดและภาษาเขียน ภาษา
พูดคือการสื่อความหมายด้วยการเปล่งเสียงหรือใช้ในชีวิตประจาวัน ภาษาพูดเกิดก่อนภาษา
เขียน ส่วนภาษาเขียน คือ การใช้ตัวอักษรสื่อความ โดยมีหลักไวยากรณ์ในการเขียน ภาษา คือ
ความเจริญงอกงามที่มกี ารพัฒนาปรับปรุงตามยุคสมัยและมีการสืบทอดกันอย่างต่อเนื่อง
3
2. วัฒนธรรมทางวัตถุ
วัฒนธรรมทางวัตถุ ได้แก่ เครื่องมือเครื่องใช้ ในการดารงชีวิตของมนุษย์
ซึ่งมีความแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมและความนิยมของคนในแต่ละท้องถิ่น วัฒนธรรม
ทางวัตถุเป็นเครื่องมือที่ส่วนมากจะผลิตวัสดุที่ หาได้ง่ายในท้องถิ่น เช่น ไม้ไผ่ หวาย ย่านลิเพา
ใบตอง กะลามะพร้าว ปอ ฝ้าย เป็นต้น วัฒนธรรมทางวัตถุส่วนมากคืองานหัตถกรรมพื้นบ้าน
"
เพื่อนามาใช้ในชีวติ ประจาวัน เช่น ตะกร้า ตุ่ม ชะลอม เคียวเกี่ยวข้าว ผ้าทอต่าง ๆ เป็นต้น
่านั้น
3. วัฒนธรรมทางจิตใจ
าเท
วั ฒ นธรรมทางจิ ต ใจ คื อ เรื่ อ งที่ เกี่ ย วข้ อ งกั บ ความคิ ด ความเชื่ อ และ
ความศรัทธาของคนในสังคม โดยเฉพาะมักเกี่ยวข้องกับความศรัทธาในศาสนา ศีลธรรม และ
ศึกษ
จริยธรรม วัฒนธรรมทางจิตใจนี้เป็นสิ่งที่ทาให้มนุษย์มีความแตกต่างจากสัตว์อ่นื ๆ
4. วัฒนธรรมทางจารีต หรือขนบธรรมเนียมประเพณี
กา ร
ขนบธรรมเนียมประเพณี คือสิ่งที่ท าให้คนสังคมมีความผูกพัน ทั้งระดับ
กลุ่มใหญ่ คือ สั งคมระดั บ ชาติ และระดับ กลุ่มย่อย เช่น กลุ่ม ชาติพั นธุ์ในท้องถิ่นต่าง ๆ ซึ่ง
เพื่อ
ศีลธรรมของแต่ละท้องถิ่นหรือสังคมจะมีความแตกต่างกันไปตามค่านิยมของแต่ละท้องถิ่นหรือ
สังคม ขึ้นกับสภาพแวดล้อม ความเชื่อที่แตกต่างกันไป เช่น สังคมไทยยึ ดถือระบบอาวุโส แต่
ยาล
5. วัฒนธรรมทางสุนทรียะ
วัฒนธรรมทางสุนทรียะสามารถแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบคือ ด้านทัศนศิลป์
และด้านศิลปะการแสดง
(ก) ด้านทัศนศิลป์
ทัศนศิลป์ คือ ผลงานสร้างสรรค์ด้านสุนทรียภาพที่รับรู้ด้วยสายตา
"
จึงหมายรวมผลงานด้านจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ด้านประยุกต์ศิลป์
่านั้น
มากกว่าด้านวิจิตรศิลป์ นอกจากนีย้ ังรวมถึงงานหัตถศิลป์และประณีตศิลป์อกี ด้วย
าเท
(ข) ด้านศิลปการแสดง
ศิลปะการแสดง คือ งานที่เน้นงานสร้างสรรค์ที่แสดงออกหรือบรรเลง
ศึกษ
คื อ นาฏศิ ล ป์ การละครและการดนตรี อาทิ เ ช่ น ระบ า การร า หรื อ การฟ้ อ น คื อ
การแสดงออกด้วยท่าทางที่ประณีต โดยมีดนตรีประกอบ หรือโขน คือการแสดงที่ผู้แสดงต้อง
กา ร
สวมหน้ า กากและเครื่ อ งแต่ งกายที่ เฉพาะตามฐานะของตั ว ละคร มี ด นตรี บทพากย์ แ ละ
บทเจรจาด้ ว ย ส่ ว นดนตรี ข องไทยมี ห ลายประเภท อาทิ เช่ น เครื่ อ งดี ด เครื่ อ งสี เครื่ อ งตี
เพื่อ
ลักษณะวัฒนธรรมไทย
ัยสว
วัฒนธรรมไทยคือวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยที่อยู่ร่วมกัน มีการประกอบ
กิ จ กรรมการสั ง สรรค์ ด้ ว ยความมี ลั ก ษณะของความเป็ น ไทย เป็ น ผลรวมของการสั่ ง สม
ยาล
"
ได้แก่ประเพณีหลวง หรือราชประเพณี รัฐพิธี ธรรมเนียมประเพณี ขนบประเพณี และจารีต
่านั้น
ประเพณี
าเท
5. วัฒนธรรมไทยทางสุนทรียะ ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรค์ที่สามารถรับรู้ด้วย
ประสาทสั มผัส โดยเฉพาะทางสายตา เช่น งานศิลปะ การแสดง จิตรกรรม ประติมากรรม
ศึกษ
สถาปัตยกรรม งานประณีตศิลป์
ดังนัน้ ลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรมไทยอาจสรุปได้ ดังนี้ คือ
กา ร
(1) เป็นวัฒนธรรมที่ยึดถือสถาบันศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา คนไทย
มีความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมและ สังสารวัฎ นิยมการเข้าวัดทาบุญเพื่อความสุขทางกายและ
เพื่อ
ใจ และสะสมกรรมดี
(2) วัฒ นธรรมไทยเป็นวัฒ นธรรมที่เกี่ยวกั บ ความเป็นไท ความเป็นเอกราช
ิต
นดุส
อาหารที่มีการผสมผสานทั้งอาหารไทยและต่างประเทศได้อย่างลงตัว
"มห
เอกลักษณ์ของประเพณีไทย
ประเพณี ไทยหลายประเพณี เป็ น ที่ รู้ จั ก ไปทั่ วโลก เช่ น ประเพณี ส งกรานต์
ประเพณีลอยกระทง เนื่องจากเป็นประเพณีที่แสดงออกถึงความเป็ นไทยอย่างชัดเจน สิ่งที่ทา
ให้ป ระเพณี ไทยแตกต่างจากประเพณี ชาติอื่น (การท่องเที่ย วแห่งประเทศไทยและภาควิชา
อนุรักษ์วทิ ยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2553) คือ
1. พุทธศาสนา เนื่องจากคนไทยส่วนมากนับถือศาสนาพุทธ และศาสนาพุทธ
"
่านั้น
ได้มีอิทธิพลต่อความคิด ความเชื่อ และการดารงชี วิตประจาวันของคนไทยอย่างมาก จึงมีงาน
ประเพณี ที่ มี ค วามสั ม พั น ธ์ กั บ พุ ท ธศาสนาอย่างมากมาย เช่น การท าบุ ญ ในวั นส าคั ญ ทาง
าเท
ศาสนา งานทอดกฐิน ประเพณี ปอยส่างลอง ประเพณีตักบาตรเทโว ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ
ประเพณีตักบาตรดอกไม้ เป็นต้น
ศึกษ
2. ความเชื่อในเรื่องผี หรือ สิ่งศักดิ์สิ ทธิ์ พื้นฐานเดิมของคนไทยในสังคม คือ
ความเชื่ อ เรื่ อ งผี แ ละสิ่ งศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ประเพณี ที่ ส ะท้ อ นความเชื่ อ เดิ ม เหล่ านี้ เช่ น ประเพณี
กา ร
การบูชาเสาอินทขีล หรือเสาหลักเมือง ประเพณีแห่ผตี าโขน ประเพณีเลี้ยงผีฟ้า เป็นต้น
เพื่อ
3. พื้นฐานสังคมเกษตรกรรม เนื่องจากสังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม มี
งานเกษตรกรรมตามฤดูกาล ซึ่งการทางานร่วมกันที่เรียกว่า ลงแขก หรือการช่วยกันทางาน
ิต
การละเล่ น ที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ การท างานในภาคเกษตรผสมผสานกั บ ความสนุ ก สนาน เช่ น
การละเล่นเพลงฉ่อย เพลงเกี่ยวข้าว เป็นต้น
ัยสว
4. การแข่งขันตามแบบวิถีชีวิตคนไทย ประเพณีการแข่งขันของคนไทยนิยม
ความสนุกสนานควบคู่กับการประลองด้านฝีมอื ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันระหว่างคนกับคน หรือ
ยาล
การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม
วัฒนธรรมสามารถมีการเปลี่ยนแปลงได้เมื่อมีการสืบทอดผ่านยุคสมัย จากคน
รุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง โดยมีปัจจัย ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ทรัพยากรที่มากขึ้น
จากการเพิ่มขึน้ ของประชากร
การเปลี่ยนแปลงในความต้องการของมนุษ ย์ เช่น การคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ท าให้
"
่านั้น
วัฒนธรรมเปลี่ยนแปลงไป
การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม เช่น การติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ
าเท
ความประสงค์ของผู้มีอานาจ เช่น การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมสมัยยุคจอมพล
ป.พิบูลสงคราม เป็นต้น
ศึกษ
การมองเห็นประโยชน์และความจาเป็นของสิ่งนั้น เช่น การรับวัฒนธรรมนั้น ๆ
มาใช้ในการดาเนินชีวติ
กา ร
ิต เพื่อ
นดุส
ัยสว
ยาล
บทสรุป
วัฒนธรรม หมายถึง รูปแบบการดาเนินกิจกรรมของมนุษย์ มีความสาคัญต่อ
วิถีการดาเนินชีวิต ซึ่งเป็นพฤติกรรมและสิ่งที่คนในสังคมผลิตสร้างขึ้นโดยผ่านการเรียนรู้จาก
กันและกัน และร่วมใช้ในหมู่พวกพ้องของตน โดยที่วัฒนธรรมสามารถแสดงออกโดยผ่านศิลปะ
แขนงต่ าง ๆ วั ฒ นธรรมจะด ารงอยู่ ได้ ด้ วยการสื บ ทอด นอกจากนี้ วัฒ นธรรมยั งสามารถ
เปลี่ ย นแปลงได้ ขึ้น กั บ ยุ ค สมัย ความจาเป็น ความต้ องการของผู้ มีอ านาจและการมองเห็ น
"
่านั้น
ประโยชน์ของวัฒนธรรมนั้น ๆ
าเท
แบบฝึกหัดท้ายบท
ให้นักศึกษาค้นหาวัฒนธรรม ประเพณี ในแต่ละภูมิภาคมาใส่ในตารางข้างล่าง
ศึกษ
ต่อไปนี้ กา ร
ภาคเหนือ ภาคกลาง
ิต เพื่อ
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
ภาคอีสาน ภาคใต้
"มห
เอกสารอ้างอิง
หนังสือ และบทความในหนังสือ
"
่านั้น
นิตยา บุญสิงห์. (2554). วัฒนธรรมไทย.กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์พัฒนาศึกษา.
ส านั ก งานราชบั ณ ฑิ ต ยสภา. (2525). พจนานุ ก รมฉบั บ ราชบั ณ ฑิ ต ยสถาน. กรุงเทพฯ:
าเท
ราชบัณฑิตยสถาน.
ศึกษ
ส านั ก งานราชบั ณ ฑิ ต ยสภา. (2542). พจนานุ ก รมฉบั บ ราชบั ณ ฑิ ต ยสถาน. กรุงเทพฯ:
ราชบัณฑิตยสถาน. กา ร
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต
เพื่อ
บทที่ 2
อิทธิพลศาสนาต่อวัฒนธรรมไทย
"
่านั้น
ศาสนา นอกจากนี้ ศาสนายังมีอิทธิพลต่อศิลปะและวัฒนธรรมของมนุษยชาติอีกด้วย สาหรับ
สังคมไทยตั้งแต่อดีตนั้น มีความเชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามรูปแบบของธรรมชาติ จวบจนเมื่อ
าเท
ศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูได้เผยแพร่เข้ามายังประเทศไทย ดังปรากฏหลักฐานที่พบในหลาย ๆ
แห่ งของประเทศไทย สั นนิษ ฐานว่าศาสนาพราหมณ์ เข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยเมื่อ ราว
ศึกษ
2,000 กว่า ปี ก่ อ น ดั งเช่ น การพบเทวรู ป พระนารายณ์ ส วมหมวกทรงกระบอก ที่ จั ง หวั ด
สุราษฎร์ธานี ซึ่งเทวรูปนีม้ ีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 10 เป็นต้น (มหาวิทยาลัยศิลปากร,2544)
กา ร
เพื่อ
คานิยาม “ศาสนา”
ศาสนา คือ ลัทธิหรือความเชื่อของมนุษย์อันมีหลักคือ การแสดงการกาเนิด
ิต
อย่า งเคร่งครั ด ศาสดาคื อ บุ ต รของพระเจ้ า ได้ รับ การเผยแจ้ ง และมี นั ก บวชเป็ น ผู้ สื่ อ สาร
ระหว่างพระเจ้ ากั บ มนุ ษ ย์ และศาสนาที่ มี ก ารนั บ ถื อ พระเจ้ า (เทวนิ ย ม) ทุ ก ศาสนาจึ งเป็ น
Religion หากตามลักษณะคานิยามนี้ ศาสนาพุทธจึงแตกต่างไปจาก Religion
12
อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ในสังคมและวัฒนธรรมไทย
ศาสนาพราหมณ์มีอิทธิพลต่อสังคมและวัฒนธรรมไทยอย่างยิ่ง โดยควบคู่ไป
กับพุทธศาสนา สามารถจาแนกดังต่อไปนี้ (วาทิน ศานต์ สันติ,2556)
1. ด้านการเมืองการปกครองและฐานะกษัตริย์
ศาสนาพราหมณ์ ย กย่ อ งให้ เทพเจ้ า 3 พระองค์ เป็ น เทพเจ้ าสู ง สุ ด คื อ
พระพรหมเป็ น พระผู้ ส ร้ า ง พระนารายณ์ เป็ น ผู้ รั ก ษา พระศิ ว ะเป็ น ผู้ ท าลาย รวมเรี ย กว่ า
"
่านั้น
“พระตรีมูรติ” กษัตริย์ไทยนาความเชื่อแบบเทวราชาเข้ามา และยกฐานะกษัตริย์ให้อยู่ในสมมติ
เทพ เป็ น อวตารของพระนารายณ์ มี ก ารใช้ราชาศั พ ท์ การประกอบพระราชพิ ธี ที่ ซั บ ซ้ อ น
าเท
เครื่องสูงต่าง ๆ เช่น มหาเศวตฉัตร เป็นต้น
2. งานศิลปกรรม
ศึกษ
งานสถาปั ตยกรรม จากคติความเชื่อในศาสนาพราหมณ์เรื่อง “คติภูมิ
กา ร
จักรวาล” เชื่อว่า ศูนย์กลางของจักรวาลคือเขาพระสุเมรุอันเป็นที่สถิตของพระศิวะ ด้านล่าง
ลดหลั่นกันลงมาเป็นที่อยู่ของเหล่าเทวดาและสัตว์ในป่าหิมพานต์ มีทะเลล้อมรอบทั้งสี่ทิศ มี
เพื่อ
ทวีปทั้ง สี่ทิศ ดังนั้น งานสถาปัตยกรรมไม่ว่าในสถาบันพระมหากษัตริย์หรือในศาสนาต่างก็ใช้
คตินี้ ในการสร้างทั้งสิ้น ดังจะเห็นได้จากการสร้างหลังคาซ้อนกันเป็นชั้น การใช้เทวดาและสัตว์
ิต
อมนุษย์ในศาสนาพราหมณ์เป็นส่วนประกอบของอาคาร
นดุส
"
่านั้น
3. พระราชพิธี ดังที่ปรากฏอยู่ในพระราชพิธีสิบสองเดือน เป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่
เกี่ ยวกั บ เทพเจ้าที่ จัด ท าขึ้นเป็นประจาในแต่ละเดือนเพื่อจะคงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ และ
าเท
ความมั่นคงของบ้านเมือง และการสร้างความเชื่อมั่นทางจิตใจให้กับสังคมในยุคนั้น ๆ เช่น
พระราชพิธีถือนาพระพิพัฒน์สัตยา ในเดือนห้า เพื่อให้พระบรมวงศานุ
ศึกษ
วงศ์ และข้าราชการดื่มน้าสาบานว่าจะจงรักภักดีและซื่อตรงต่อพระมหากษัตริย์ เนื้อหาคา
กล่าวสาบานจะเป็นการกล่าวอ้างอานาจเทพเจ้าเพื่อความศัก ดิ์สิท ธิ์ โดยประพันธ์เป็นลิลิต
กา ร
เรียกว่า “ลิลิตโองการแช่งน้า”
เพื่อ
พระราชพิ ธี ส งกรานต์ วั น ขึ้ น 1 ค่ า เดื อ นห้ า ที่ ใ ช้ ค ติ ค วามเชื่ อ เรื่ อ ง
การเปลี่ยนราศีของอินเดีย เป็นเทศกาลขึ้นปีใหม่ของไทยแต่เดิม
ิต
เรี ย กว่ า “พิ ธี อุ ป นั ย นะ” เป็ น พิ ธี ม งคลส าหรั บ เด็ ก โดยมี ค วามเชื่ อ ว่ า “พรหมรั น ทร” หรื อ
“ขม่อม” นั้น เป็นที่ที่อาตมันหรือวิญญาณของคนเข้าออก ตอนเด็กต้องไว้จุกคลุมไว้ และเชื่อว่า
าวิท
ศาลพระภูมิ ซึ่งพราหมณ์จะมีบทบาทสาคัญในการตอบสนองความต้องการของประชาชนทุก
กลุ่มคนในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตอบสนองทางด้านจิตใจ
อิทธิพลของศาสนาพุทธในสังคมและวัฒนธรรมไทย
นอกจากศาสนาพราหมณ์ ห รือฮิน ดูแล้ ว ศาสนาที่ มีรากฐานมาจากอิน เดี ย
เช่นกัน และมีอิทธิพลอย่างมากในสังคมไทยคือพระพุทธศาสนา อิทธิพลของพระพุทธศาสนา
"
่านั้น
ไม่เพียงแต่มีอิท ธิพลต่อความเชื่อในหลั กธรรมคาสอนเท่านั้น แต่ยังมีอิท ธิพลที่เกี่ยวข้องกั บ
วัฒนธรรมอื่น ๆ ในสังคมไทยด้วย (ดนัย ไชยโยธา,2527)
าเท
สาหรับพระพุทธศาสนาได้เข้ามาสู่ประเทศไทยหลายระยะเวลาด้วยกัน ตั้งแต่
สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อ พ.ศ. 235 ได้ส่งพระสมณทูตไปเผยแพร่ศาสนาในที่ต่าง ๆ โดย
ศึกษ
พระโสณะและพระอุ ต ระได้ เดิ น ทางมายั งสุ ว รรณภู มิ ซึ่ งเชื่ อ ว่ าคื อ ศู น ย์ ก ลางในภู มิ ภ าค มี
นครปฐมเป็นศูนย์กลาง โดยมีหลักฐานปรากฏอยู่ที่ “พระปฐมเจดีย์” “เจดีย์พระประโทน” และ
กา ร
“เจดีย์จุลประโทน”
เพื่อ
ต่ อ มาเมื่ อ พ.ศ. 1300 พระพุ ท ธศาสนาแบบมหายาน ได้ แ ผ่ ม ายั ง แถบ
เกาะสุมาตรา และทางภาคใต้ของประเทศไทย และเมื่อ พ.ศ. 1600 พระพุทธศาสนาแบบพม่า
ิต
เถรวาท
ความแตกต่างระหว่างพระพุทธศาสนาแบบเถรวาทและมหายาน คือ เถรวาท
ยาล
การเกิด การตายอีกต่อไป
"มห
2. พระพุทธศาสนาเป็นรากฐานสาคัญของวัฒนธรรมไทย เนื่องจากชาวไทย
นับถือพระพุทธศาสนามาช้านาน จนหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาได้หล่อหลอมซึมซับลงใน
วิถี ไทย กลายเป็นรากฐานวิถี ชีวิตของคนไทยในทุก ด้าน ทั้งด้านวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ภาษา
ขนบธรรมเนียมประเพณีและศีลธรรม ดังนี้
1) วิถีชีวิตของคนไทย คนไทยมีวิถีการดาเนินชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ ได้แก่
การแสดงความเคารพ การมีน้าใจเอื้อเฟื้ อเผื่อแผ่ ความกตัญ ญู ก ตเวที การไม่อาฆาตหรือ
"
มุ่งร้ายต่อผู้อื่น ความอดทนและการเป็นผู้มีอารมณ์แจ่มใส รื่นเริง เป็นต้น ล้วนเป็นอิทธิพลจาก
่านั้น
หลั ก ธรรมทางพระพุ ท ธศาสนาทั้ ง สิ้ น ซึ่ ง ได้ ห ล่ อ หลอมให้ ค นไทยมี ลั ก ษณะเฉพาะตั ว
าเท
เป็นเอกลักษณ์ของคนไทยที่นานาชาติยกย่องชื่นชม
2) ภาษาและวรรณกรรมไทย ภาษาทางพระพุทธศาสนา เช่น ภาษาบาลี
ศึกษ
มี อิ ท ธิ พ ลต่ อ ภาษาไทยจ านวนมาก วรรณกรรมไทยหลายเรื่ อ งมี ที่ ม าจากหลั ก ธรรมทาง
พระพุ ทธศาสนา เช่ น ไตรภูมิก ถา ในสมัย สุโขทัย กาพย์มหาชาติ นันโทปนันทสูตรคาหลวง
กา ร
พระมาลัยคาหลวง ปุณโณวาทคาฉันท์ ในสมัยอยุธยา เป็นต้น
3) ขนบธรรมเนีย มประเพณี ไทย ประเพณี ไทยที่ ม าจากความเลื่ อ มใส
เพื่อ
ศรัท ธาในพระพุ ท ธศาสนามี อ ยู่ ม ากมาย เช่น การอุ ป สมบท ประเพณี ท อดกฐิ น ประเพณี
แห่เทียนพรรษา ประเพณีชักพระ เป็นต้น กล่าวได้ว่าขนบธรรมเนียมประเพณีที่เกี่ยวข้องกับ
ิต
นดุส
พระพุทธศาสนามีความผูกพันกับคนไทยตั้งแต่เกิดจนตาย
4) ศิลปกรรมไทย พระพุทธศาสนาเป็นบ่อเกิดของศิลปะแขนงต่าง ๆ วัด
ัยสว
"
่านั้น
ต่อพระพุทธศาสนา
จากการศึกษาประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย พบว่า ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่ง
าเท
ของดินแดนที่เรียกว่าสุวรรณภูมิ เป็นที่ตั้งมั่นของพระพุทธศาสนามาเป็นเวลายาวนาน คาสอน
ของพระพุ ท ธศาสนาได้เผยแผ่ไปทุ กภูมิภาคของประเทศและสัมพันธ์กับ วิถีชีวิตของผู้คนจน
ศึกษ
ก่ อ ให้ เ กิ ด ขนบธรรมเนี ย มประเพณี วั ฒ นธรรม ศิ ล ปกรรม สถาปั ต ยกรรมอั น เนื่ อ งด้ ว ย
พระพุทธศาสนา จนกลายมาเป็นสมบัติของชาติให้พุทธศาสนิกชนได้เกิดความภาคภูมใิ จ
กา ร
พระพุทธศาสนาจึงมีความสัมพันธ์กับชีวิตประจาวันอย่างใกล้ชิดอยู่ แล้วโดย
เพื่อ
ปริยาย แม้มรรยาทต่าง ๆ ที่คนไทยถูกสอนให้เคารพผู้มีอาวุโส มีการยืดมั่นและปฏิบัติตนให้
ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณีก็ล้วนมาจากหลักเกณฑ์ทางพระพุทธศาสนาทั้งสิน้
ิต
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
บทสรุป
สรุป วัฒ นธรรมไทย คือ วัฒ นธรรมที่มีการผสมผสานทั้งความเชื่อเดิมและ
อิ ท ธิ พ ลของศาสนาจากอิ น เดี ย ทั้ ง ศาสนาพรามหณ์ แ ละศาสนาพุ ท ธ และหล่ อ หลอมจน
กลายเป็นวัฒนธรรมไทยที่มีการสืบทอดและแยกออกจากกันไม่ได้ โดยส่งผลต่อวัฒนธรรม
หลายรูปแบบของไทย ทั้งในวิถีชีวิตประจาวันและขนบธรรมเนียมประเพณี ศาสนา และศิลปะ
แขนงต่าง ๆ จนทุกวันนี้
"
่านั้น
แบบฝึกหัดท้ายบท
าเท
ให้นักศึกษาหาภาพประเพณีที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาหรือความเชื่อมาติดใน
ใบงาน จากนั้นบรรยายใต้ภาพว่าประเพณีดังกล่าวคือประเพณีใด ได้รับอิทธิพลจากศาสนา
ศึกษ
หรือความเชื่อใด มีความสาคัญอย่างไร กา ร
เพื่อ
ภาพงานประเพณี
ิต
นดุส
ัยสว
ชื่อ งานประเพณี.............................................................................................
ยาล
ความสาคัญ/ได้รับอิทธิพลของศาสนา/ความเชื่อ.......... ดังนี
..................................................................................................................
าวิท
..................................................................................................................
"มห
..................................................................................................................
..................................................................................................................
..................................................................................................................
..................................................................................................................
..................................................................................................................
18
เอกสารอ้างอิง
หนังสือ และบทความในหนังสือ
"
ราชบัณฑิตยสภา. (2525). พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสภา.
่านั้น
มหาวิทยาลัยศิลปากร. (2544). คู่มือมัคคุเทศก์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
าเท
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต
ศึกษ
วาทิน ศานติ์ สันติ. อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ที่มีต่อศิลปกรรมและวัฒนธรรมไทย.
กา ร
[Online]. Available : http://www.gotoknow.org/post/551457 [2556, ตุลาคม 20].
Thaitrip. (2 557). ป ระเพ ณี อ ารย ธ รรม ไท ย . [Online]. Available : http://thaitrip.com/
เพื่อ
จากหลักฐานการค้นพบของนักโบราณคดีและนักมานุษยวิทยา ที่มีการสารวจ
แสดงให้เห็นว่า คนมีวิวัฒนาการมาอย่างเป็นลาดับขั้นตามช่วงเวลาต่าง ๆ วิวัฒนาการต่าง ๆ
"
่านั้น
พอสรุปได้ดังนี้
เมื่ อ 65 ล้ า นปี ก่ อ น มี สิ่ ง ที่ มี ชี วิ ต ที่ เ รี ย กว่ า “ไพรเมท” (Primate) ซึ่ ง เป็ น
าเท
ต้นกาเนิดหรือบรรพบุรุษของสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะแบบมนุษย์เกิดขึ้น ต่อมาอีก 25 ล้านปีก่อน
“ลิงใหญ่” หรือ Apes ได้มีวิวัฒนาการแยกออกมาจากไพรเมท โดยมีลิงอีกชนิดที่มีวิวัฒนาการ
ศึกษ
อย่ า งต่ อ เนื่ อ ง นั ก วิ ช าการได้ แ ยกลิ ง ใหญ่ ช นิ ด นี้ อ อกมาและเรี ย กว่ า Dry-Opithecines ซึ่ ง
นักวิชาการเชื่อว่าลิงชนิดนี้เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์และลิงใหญ่ชนิดต่าง ๆ ในปัจจุบัน (สุรพล
กา ร
นาตะพินธุ, 2550)
เพื่อ
ต่ อ มาเมื่ อ 14 ล้ า นปี ก่ อ น ลิ ง ใหญ่ หลายชนิ ด ที่ ไ ด้ วิ วั ฒ นาการมาจาก
Dry-Opithecines มีการพัฒนาเรื่องการยืนตัวตรง มี ขนาดของฟันและเขี้ยวเล็กลง ซึ่งลิงใหญ่
เหล่านี้มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องมาอีกจนมีลักษณะใกล้เคียงกับมนุษย์ยุคปัจจุบัน นักวิชาการ
ิต
นดุส
กะเทาะให้เกิดรอยแตกคมแล้วใช้เป็นเครื่องมือต่าง ๆ ถือได้ว่าเป็นการสร้างวัฒนธรรมทางวัตถุ
ของมนุ ษ ย์ ใ นยุ ค แรก ๆ ดั งนั้ น วั ฒ นธรรมของมนุ ษ ย์ ไ ด้ เริ่ม ปรากฏมาตั้ งแต่ ส มั ย ของโฮโม
าวิท
"
เช่น เครื่องมือ ของใช้ โครงกระดูกมนุษย์ กระดูกสัตว์ ภาพเขียนสีตามฝาผนังถ้า เครื่องประดับ
่านั้น
เป็นต้น
าเท
นอกเหนื อ จาก การใช้ ตั ว อั ก ษ รเป็ น ตั ว ก าห นดการแบ่ งช่ ว งยุ ค ก่ อ น
ประวั ติ ศ าสตร์แ ละยุ ค ประวั ติ ศ าสตร์ แ ล้ ว ยั ง ต้ อ งอาศั ย เกณฑ์ อ ย่ า งอื่ น มาประกอบ ได้ แ ก่
ศึกษ
พัฒนาการที่สาคัญของพฤติกรรมของมนุษย์ที่ก่อให้เกิดผลต่อสังคมโดยรวม หรืออารยธรรม
ของมนุษย์ในแต่ละช่วงเวลา อาจกล่าวโดยสรุปถึงเกณฑ์ในการแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ที่
กา ร
เป็นสากล ได้แก่
1) การรูจ้ ักประดิษฐ์อักษรขึน้ ใช้ในการบันทึกเรื่องราว
เพื่อ
2) พัฒนาการที่สาคัญของพฤติกรรมของมนุษย์ในแต่ละช่วงเวลา
3) การแบ่งยุคสมัยโดยใช้เกณฑ์การรูห้ นังสือของมนุษย์ แบ่งได้ดังนี้
ิต
นดุส
ในอดี ต ไม่ มี ดิ น แดนที่ เรี ย กว่ า ประเทศไทย เนื่ อ งจากยั ง ไม่ มี แ นวคิ ด เรื่ อ ง
"มห
"
สาหรับดินแดนประเทศไทยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสุวรรณภูมนิ ั้น ได้พบหลักฐานที่
่านั้น
มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งมีอายุมากกว่า 10,000 ปี ช่วงเวลาที่เริ่มมี
าเท
มนุษ ย์อาศัย ในดินแถบนี้ในยุค เริ่มแรก เรีย กว่า ยุ คหิ นเก่ า เป็นสมัย ที่ มนุษ ย์ดารงชีวิตด้วย
การเก็บของป่า ล่าสัตว์ ร่อนเร่ตามฤดูกาลเพื่อหาดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ อาศัยตามถ้าเพิงผา
ศึกษ
เครื่องมือที่ใช้ในการดารงชีพทาจากหินแล้วนามากะเทาะหยาบเพื่อให้เกิดความคม สาหรับใช้
ตัดหรือขูด มีอายุมากกว่า 10,000 ปี กา ร
ต่อมามนุษย์ได้เริ่มมีการพัฒนา แต่ยังคงวิถีชีวิตด้วยการล่าสัตว์ เก็บของป่า แต่
เริ่มหาปลาเก่งกว่ายุคหินเก่า เริ่มรู้จักการทาเครื่องปั้นดินเผาเป็นภาชนะ เครื่องมือที่ทาจากหินเริ่มมี
เพื่อ
เริ่มรู้จั ก การสร้างที่ อยู่ อ าศั ย เลิ ก เร่ ร่อน เริ่มรู้จั ก การท าการเพาะปลู ก ประดิษ ฐ์ เครื่องมื อ
เครื่องใช้ ทาเครื่องปั้นดินเผา ทาอาหารให้สุกโดยการใช้ไฟ การนาหินที่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้
ัยสว
"
่านั้น
โบราณคดีในประเทศไทย
สาหรับประเทศไทย การค้นหาหลักฐานของมนุ ษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้
าเท
เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2475 โดยนัก โบราณคดีชาวสวิตเซอร์แลนด์ได้มาสารวจหาร่องรอยของ
มนุษย์สมัยหินเก่าที่ จังหวัดเชียงราย ราชบุรีและลพบุรี ซึ่งได้พบเครื่องมือหินกรวดเพียงไม่กี่ช้ิน
ศึกษ
เท่านั้น ต่อมาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีการค้นพบครั้งสาคัญโดยเชลยศึกซึ่งถูกทหาร
ญี่ ปุ่นกวาดต้อนมาท าเส้นทางรถไฟสายจังหวัดกาญจนบุรี -มะละแหม่ง โดยเชลยศึก ที่เป็ น
กา ร
นักโบราณคดีชาวฮอลแลนด์ ชื่อนายเอช อาร์ ฟัน เฮเกอเรน (H.R. van Heekeren) ได้พบหินที่
เพื่อ
เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ของมนุษย์ยุคโบราณบริเวณริมฝั่งแม่น้าแควน้ อย ใกล้กับสถานีรถไฟ
บ้ า นเก่ า เมื่ อ สงครามสงบลง นายเฮเกอเรนได้ ส่ ง เครื่ อ งมื อ หิ น เหล่ า นั้ น ไปตรวจสอบที่
ิต
ยุคหินเก่า
าวิท
ยุคหินกลาง
เมื่อ พ.ศ. 2505 กลุ่มนักสารวจทางโบราณคดีไทย-เดนมาร์ก ได้มีการขุดพบ
โครงกระดู ก มนุ ษ ย์ในยุ ค หิ น กลางที่ ถ้ าพระ อ าเภอไทรโยค จั งหวัด กาญจนบุ รี และยั งพบ
โครงกระดูกสัตว์ เครื่องมือที่ทาจากหิน เปลือกหอยและเครื่องปั้นดินเผา ในจังหวัดกาญจนบุรี
ราชบุ รี ลพบุ รี แม่ ฮ่ อ งสอน และเชี ย งราย โดยเฉพาะการพบเครื่อ งปั้ น ดิ น เผาผิ ว เรี ย บที่ มี
ลักษณะผิวเรียบ เป็นมันที่มอี ายุเก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"
่านั้น
ยุคหินใหม่
าเท
สาหรับแหล่งโบราณคดีในยุคหินใหม่ของประเทศไทย มีการค้นพบหลายแห่ง
ในหลายพื้นที่ ซึ่งแต่ละแห่งมีการค้นพบหลักฐานมากมาย เช่น โครงกระดูกมนุษย์ เครื่องมือ
ศึกษ
เครื่องใช้ที่ทาด้วยกระดูก ลูกศรและเข็ม เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทาด้ว ยเครื่องปั้นดินเผา เช่น หม้อ
กา ร
จาน เครื่องประดับที่ทาจากเปลือกหอย กาไลหิน กาไลกระดูก เป็นต้น แหล่งค้นพบที่สาคัญ
คือ ที่บ้านเก่า จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งโครงกระดูกที่พบมีอายุมากกว่า 4,000 ปี
เพื่อ
ยุคโลหะ
ิต
"
่านั้น
าเท
ภาพที่ 3.1 แหล่งโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์ที่บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี
ศึกษ
ที่มา: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. 2557.
กา ร
บทสรุป
เพื่อ
ประเทศไทยมีร่องรอยการตั้งถิ่นฐานของผู้คนมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์
แสดงให้ เ ห็ น การมี อ ารยธรรมและวั ฒ นธรรมในดิ น แดนที่ เ ป็ น ที่ ตั้ ง ของประเทศไทยมา
ิต
การพัฒนาสืบเนื่องและสืบทอดต่อมา ความมีอารยธรรมและวัฒนธรรมของผู้คนในยุคก่อน
ประวัติศาสตร์เหล่านี้ยังมีเอกลักษณ์และแสดงให้เห็นการมีการพัฒนาอย่างสูงสุด อย่างเช่น
ัยสว
แหล่งอารยธรรมบ้านเชียง เป็นต้น
ยาล
แบบฝึกหัดท้ายบท
าวิท
1. ค าว่ ายุ ค ก่ อนประวั ติ ศาสตร์ แตกต่ างอย่ างไรกั บ ค าว่ ายุ คประวั ติ ศาสตร์
จงอธิบาย
"มห
2. เกณฑ์การแบ่งยุคก่อนประวัติศาสตร์กับยุคประวัติศาสตร์มีอะไรบ้าง
3. อธิ บ ายลั ก ษณ ะยุ ค หิ น เก่ า มาโดยละเอี ย ดพร้ อ มยกตั ว อย่ า งแหล่ ง
อารยธรรมยุคหินเก่าในประเทศไทย
4. อธิ บ ายลั ก ษณะยุ ค หิ น ใหม่ ม าโดยละเอี ย ดพร้ อ มยกตั ว อย่ า งแหล่ ง
อารยธรรมยุคหินใหม่ในประเทศไทย
5. หากต้องการศึกษาแหล่งวัฒ นธรรมยุคโลหะในประเทศไทย ควรไปที่ใด
มีลักษณะสาคัญอย่างไร
เอกสารอ้างอิง
หนังสือ และบทความในหนังสือ
ชิ น อยู่ ดี . (2529). สมั ย ก่ อ นประวั ติ ศ าสตร์ ในประเทศไทย (พิ ม พ์ ค รั้ ง 2). กรุ ง เทพฯ:
กรมศลปากร.
"
่านั้น
มหาวิท ยาลั ย ศิล ปากร. (2544). เอกสารประกอบการอบรมมั คคุ เทศก์ . คณะโบราณคดี
มหาวิทยาลัยศิลปากร.
าเท
สุ รพล นาตะพิ นธุ . โบราณคดีและวัฒ นธรรมสมัย ก่ อนประวัติศ าสตร์ของเอเชีย ตะวันออก
ศึกษ
เฉียงใต้. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต
กา ร
เพื่อ
ศู น ย์ ม านุ ษ ยวิ ท ยาสิ ริ น ธร. (2557). แหล่ ง โบราณคดี ท่ี ส าคั ญ ในประเทศไทย [Online].
Available: http://www.sac.or.th/ [2557, กรกฎาคม 31].
ิต
นดุส
ัยสว
Reference
White, Joyce C. (1982). Ban Chiang : Discovery of a Lost Branze Age. The University
ยาล
"
่านั้น
การปกครองและประชากร รวมถึงพื้นฐานทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรม จะแบ่งเป็น 4 ภูมิภาค
คื อ ภาคเหนื อ ภาคตะวั น ออกเฉี ย งเหนื อ ภาคกลาง และภาคใต้ ส าหรั บ ภาคที่ ถื อ ว่า เป็ น
าเท
ศูนย์กลางต่อการศึกษาวัฒ นธรรมของประเทศคือ ภาคกลางที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมา
อย่างสืบเนื่องยาวนาน
ศึกษ
วัฒ นธรรมทวารวดี ถื อ ว่าเป็ นวัฒ นธรรมยุ ค เริ่ม แรกที่ มี ก ารพบหลั ก ฐานที่
กา ร
แสดงให้ เห็ น ถึ งความเก่ าแก่ โดยเฉพาะดิ น แดนแถบลุ่ ม แม่ น้ าตอนกลางของประเทศไทย
เนื่องจากปรากฏหลักฐานเมืองโบราณหลายแห่ง อาทิ เมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เมือง
เพื่อ
นครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เมืองคูบัว จังหวัดราชบุรี เมืองศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี เป็นต้น
แต่ละเมืองเหล่านีม้ ีอิสระในการปกครองตนเอง แต่มีพัฒนาการทางวัฒนธรรมร่วมกัน เรียกว่า
ิต
1600
สาหรับชื่อทวารวดีนั้น ได้ปรากฏพบในหลักฐานของพระภิกษุชาวจีนนามว่า
ัยสว
เหี้ ย นจั ง โดยระบุ ว่ า มี แ คว้ น ที่ ตั้ งอยู่ ร ะหว่ า งอาณาจั ก รศรีเกษตร (พม่ า ) และอาณาจั ก ร
อิศานปุระ (เขมร) ซึ่งในบันทึกของหลวงจีนเหี้ยนจังเรียกว่า โถโลโปตี และระบุว่าเป็นแคว้นที่มี
ยาล
"
พระกฤษณะ ซึ่งเป็นอวตารหนึ่งของพระนารายณ์ โดยผู้นับถือศาสนาฮินดู ลัทธิไวษณพนิกาย
่านั้น
เชื่อว่าพระองค์เป็นผู้ทรงธรรมและใจบุญ ดังนั้นการมีชื่ออาณาจักรว่าทวารวดี ถือว่าเป็นมงคล
าเท
และเป็นสถานที่ชวนให้เชื่อว่าผู้นาปกครองราษฎรโดยธรรม เนื่องจากผู้ปกครองเปรียบเสมือ น
พระนารายณ์อวตารเช่นกัน (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและภาควิชาอนุรักษ์วิทยา คณะ
ศึกษ
วนศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์, 2553)
ในปัจจุบันมีการค้นพบโบราณสถาน โบราณวัตถุที่มีรูปแบบของศิลปะทวารวดี
กา ร
ในหลายจังหวัด ตั้งแต่ภาคเหนือ เช่น จังหวัดลาพูน ภาคตะวันออกเฉีย งเหนือ เช่น จังหวัด
นครราชสีมา บุรีรัมย์ ภาคกลาง เช่น จังหวัดปราจีนบุ รี สระแก้ว และจังหวัดตามลุ่มแม่น้า
เพื่อ
อิ ฐ ที่ มี ก ารเรี ย งอิ ฐ แบบที่ เก่ า แก่ ที่ สุ ด ที่ พ บในประเทศไทย คื อ วางด้ านยาวกั บ ด้ านสกั ด ใน
แนวเดียวกัน แล้วใช้ดินเป็นตั วประสานอิฐ ทับหลังและธรณีประตูทาด้วยศิลา มีรูปปั้นดินเผา
ัยสว
- พระเศียร เป็นกระพุ้งออกมาด้านข้าง
- พระเกตุมาลาหรือพระรัศมีเป็นต่อมกลมมน
- ขมวดพระเกศามีขนาดใหญ่และป้าน
- พระนลาฏเว้าลง
- พระเนตรโปน
- พระขนงยาวต่อกันเหมือนปีกกา
"
่านั้น
- พระพักตร์แบนกว้าง
- พระโอษฐ์แบะ
าเท
- พระหนุป้าน
การเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติและความเป็นมาของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและ
ศึกษ
บริการเป็นพื้นฐานที่สาคัญ เพราะพื้นฐานนีน้ าไปสู่ความรู้ความเข้าใจถึงหลักของอุตสาหกรรม
การท่องเที่ยวและบริการในสมัยปัจจุบันจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่าเกิดการเดินทาง
กา ร
มานานแล้ ว ตั้ ง แต่ ก่ อ นคริ ส ตกาล แต่ ก ารเดิ น ทางในยุ ค สมั ย ต่ า ง ๆ นั้ น มี วั ต ถุ ป ระสงค์ ที่
เพื่อ
หลากหลายแตกต่างกัน เฉกเช่นการเดินทางท่องเที่ยวในปัจจุบัน
ทวารวดีเป็ นอาณาจัก รใหญ่ มี ความเจริญ แผ่ออกไปกว้างขวาง ครอบคลุ ม
ดินแดนที่เป็นภาคเหนือและภาคกลางของราชอาณาจักรไทยในปัจจุบัน ตลอดจนถึงหัวเมือง
ิต
นดุส
มอญ ริ ม ฝั่ ง ทะเลอั น ดามั น ศู น ย์ ก ลางของอาณ าจั ก รทวารวดี อ ยู่ ที่ ใ ดไม่ ป รากฏชั ด
นักประวัติศาสตร์มีความเห็นแตกต่างกันเป็น 3 กลุ่ม (ชนัญ วงษ์วิภาค, 2548).
ัยสว
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
กา ร
เพื่อ
การมี ข้ อ สั น นิ ษ ฐานแตกต่ างกั น เช่น นี้ เป็ น เพราะบริเวณทั้ ง 3 แห่ งนี้ ต่ างก็ มี
ัยสว
จังหวั ด ราชบุ รี บริเวณลุ่ ม แม่ น้ าแม่ ก ลอง เมื อ งอู่ ท อง จั งหวัด สุ พ รรณบุ รี บริเวณลุ่ ม แม่ น้ า
สุ พ รรณบุ รี ตาบลพงตึก จังหวัด กาญจนบุ รี เมือ งพระรถ (อาเภอพนั สนิ คม) จังหวัด ชลบุ รี
าวิท
เมื อ งละโว้ จั งหวั ด ลพบุ รี เมื อ งศรีเทพ จั งหวัด เพชรบู รณ์ เมื อ งขีด ขิ น จั งหวัด สระบุ รี และ
เมื อ งการุ้ ง จั ง หวั ด อุ ทั ย ธานี เป็ น ต้ น นอกจากนี้ ยั ง ได้ พ บสิ่ ง ของโบราณสมั ย ทวารวดี อี ก
เป็นจานวนมากตกกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เช่น พระพุทธรูป ลูกปัด เหรียญเงิน ตราที่ทาจาก
ดินเผา หม้อดิน ตุ๊กตา ดินเผา ธรรมจักรศิลา สถูปขนาดเล็ก ลายปูนปั้นเป็นรูปคนรูปเทวดา
รูปยักษ์ รูปสัตว์ รูปพระโพธิสัตว์ เครื่องประดับตกแต่ง เป็นต้น กลุ่มเมืองสาคัญเหล่านี้ ล้วน
เป็นดินแดนเขตชายฝั่งที่มีการติดต่อทางทะเลกับโลกภายนอกได้สะดวก มีชาวต่างชาติ เช่น
อินเดียและจีนนาเรือเข้ามาค้าขายและตั้งถิ่นฐานชั่วคราว และยังเป็นเมืองที่ตั้งบนฝั่งแม่น้าสาย
31
"
ส าคั ญ ที่ ส่ ง ต่ อ ให้ แ ก่ อ าณ าจั ก รทวารวดี คื อ พระพุ ท ธศาสนาซึ่ ง มี บ ทบาทเชื่ อ มโยง
่านั้น
ความแตกต่ า งทางเชื้ อ ชาติ เผ่ าพั น ธุ์ ข องกลุ่ ม ชนในดิ น แดนนี้ ให้ ยึ ด ถื อ ในความเชื่อ เดี ย วกั น
าเท
การก าหนดแบบแผนของกษั ต ริย์ที่ เป็ น องค์ อุ ป ถั ม ภ์ พ ระพุ ท ธศาสนา ส่ งเสริม การเผยแพร่
พระพุ ท ธศาสนา เน้น ความส าคั ญ ของพิ ธีก ารท าบุ ญ การแบ่งช่วงชั้น ทางสั งคม เป็ นชนชั้น
ศึกษ
ปกครองและชนชั้ น ผู้ ใ ต้ ป กครอง โดยมี พ ระสงค์ เป็ น ผู้ ป ลู ก ฝั งความเชื่ อ ทางศาสนาให้ แ ก่
ประชาชนทั่ ว ไปใช้ภาษาบาลีป ระกาศค าสอนจากพระไตรปิ ฎ กและใช้ภาษาสั นสกฤตในค า
กา ร
ประกาศพิธีกรรม (ชนัญ วงษ์วิภาค, 2548).
ประชาชนส่ ว นใหญ่ นั บ ถื อ พระพุ ท ธศาสนานิ ก ายเถรวาท งานสร้า งสรรค์
เพื่อ
ศิ ล ปกรรมล้ ว นเกี่ ย วข้ อ งกั บ พระพุ ท ธศาสนา โดยรั บ รู ป แบบพุ ท ธศิ ล ป์ ข องอิ น เดี ย น ามา
ผสมผสานกั บ ความเชื่ อ ดั้ งเดิ ม ในท้ อ งถิ่ น แล้ ว พั ฒ นาเป็ น ลั ก ษณะเฉพาะตนเองที่ เรีย กว่ า
ิต
นดุส
สาหรับ ไว้เป็นที่ป ระดิษ ฐานพระพุท ธรูป เช่น เจดีย์วัดกู่กุ ด จังหวัดลาพูน (ชนัญ วงษ์วิภาค,
2548).
าวิท
พระพุทธรูปในสมัยทวารวดีมีพระเกตุมาลาเป็นต่อมสั้น ขมวดพระเกตุโตและป้านไม่มีไรพระศก
หลั ง พระเนตรนู น เรี ย บจนได้ ร ะดั บ กั บ พระนลาฏ พระขนงยาวโค้ ง ติ ด กั น เหมื อ น รูป ปี ก กา
พระพักตร์แบนกว้าง พระโอษฐ์แบะ พระหนุป้าน จีวรบางแนบติดกับพระองค์ พระบาทใหญ่
มัก นิยมทะเป็นพระพุ ท ธรูป ปางปฐมเทศนา ประทับ นั่งห้อยพระบาท เช่น พระพุ ท ธรูป สมั ย
ทวารวดีที่ถ้าฤษีเขางู จังหวัดราชบุรี ที่วัดหน้าพระเมรุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เหตุ ที่ ก ลุ่ ม ต่ า ง ๆ ในบริ เวณที่ ร าบลุ่ ม ในภาคกลางที่ มี ค วามสั ม พั น ธ์ ท าง
เศรษฐกิจกับดินแดนในภาคอื่น ๆ นั้น เป็นเพราะอิทธิพลของทวารวดีในด้านพระพุทธศาสนา
32
"
สถานที่สาคัญทางพระพุทธศาสนา เกิดเป็นคติและประเพณีการปักเสมาหินตามศาสนสถาน
่านั้น
และสถานที่ ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ต่ าง ๆ โดยที่ เมื อ งฟ้ าแดดสงยาง จังหวัด กาฬสิ น ธุ์ พบเสมาหิ น และ
าเท
พระพุทธรูปสมัยทวารวดีเป็นจานวนมาก (ชนัญ วงษ์วิภาค, 2548).
นอกจากพระพุ ท ธรูป แล้ ว ยั งพบงานประติ ม ากรรมอื่ น ที่ นิ ย มสร้างในสมั ย
ศึกษ
ทวารวดีคือ ธรรมจักรกับกวางหมอบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนพระธรรมในศาสนาพุทธ หมายถึง
สัญลักษณ์การเผยแพร่พระธรรมของพระพุทธเจ้าที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน นอกจากนี้ ยังนิยม
กา ร
สร้างพระพิมพ์ ที่มักจะมีรูปพระโพธิสัตว์ประกอบด้วย (ปิ่น บุตรี, 2556).
ิต เพื่อ
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"
่านั้น
าเท
ภาพที่ 4.3 พระปฐมเจดีย์
ศึกษ
ที่มา: ธรรมะไทย. 2556.
กา ร
อาณาจักรสุโขทัย
เพื่อ
การก่อตั้งกรุงสุโขทัย อาณาจักรสุโขทัยก่อตั้งขึ้นประมาณ พ.ศ. 1780 พ่อขุน
ศรีอิน ทราทิตย์ ทรงพระนามเดิม ว่า พ่อ ขุน บางกลางหาว ทรงสถาปนาสุโขทั ย ขึ้น มา สร้าง
ความเป็นปึกแผ่นให้กับชนชาติไทย โดยขยายเขตการปกครองออกไปอย่างกว้างขวาง สุโขทัย
ิต
นดุส
รายพระนามกษัตริย์ของกรุงสุโขทัย
1. พ่อขุนศรีอนิ ทราทิตย์
ยาล
2. พ่อขุนบานเมือง
าวิท
3. พ่อขุนรามคาแหง
4. พระยาเลอไทย
"มห
5. พระยางั่วนาถม
6. พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย)
7. พระมหาธรรมราชาที่ 2
8. พระมหาธรรมราชาที่ 3 (ไสยลือไทย)
9. พระมหาธรรมราชาที่4 (บรมปาล)
34
การปกครองกรุงสุโขทัย
1. แบบพ่ อปกครองลู ก พระมหากษั ตริย์ กั บ ประชาชนมี ค วามใกล้ชิด แบบ
เครือญาติ เรียกพระมหากษัตริย์ว่า พ่อขุน
2. แบบธรรมราชา พระมหากษั ต ริย์ เป็ น แบบอย่า งของธรรมราชา เรี ย ก
พระมหากษัตริย์ว่าพระมหาธรรมราชา
การจัดรูปแบบการปกครอง
"
่านั้น
1. การปกครองราชธานี กรุงสุโขทัยเป็นศูนย์กลางการปกครองในอาณาจักร
2. การปกครองส่ วนภู มิภ าค เป็น การปกครองเมืองต่ าง ๆ ที่ อยู่นอกเมือ ง
าเท
หลวงออกไป แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1) หัวเมืองชั้นใน (เมืองลูกหลวงหรือเมืองหน้าด่าน) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่รอบ
ศึกษ
ราชธานี ทั้ง 4 ทิศ
2) หัวเมืองชั้นนอก (เมืองพระยามหานคร) อยู่ไกลจากราชธานีมากกว่า
กา ร
เมืองลูกหลวง กษัตริย์ทรงแต่งตั้งพระราชวงศ์หรือขุนนางชั้นสูงไปปกครองดูแลดินแดน
เพื่อ
3) หัวเมืองประเทศราช เป็นเมืองที่อยู่ไกลราชธานีออกไปมาก เป็นเมือง
ของคนต่างชาติ ต่างภาษา ที่อยู่ใต้การปกครองของสุโขทัย (ชนัญ วงษ์วิภาค, 2548)
ิต
นดุส
เศรษฐกิจสมัยสุโขทัย
1. เกษตรกรรม การเพาะปลูกเป็นอาชีพหลักของประชาชน ประชาชนที่ดินที่
ัยสว
ทากินเป็นของตนเอง มีระบบชลประทานเข้าช่วยในการทาการเกษตร
2. หัตถกรรม เครื่องสังคโลก เป็นสินค้าส่งออกไปขายยังต่างประเทศ
ยาล
3. พาณิชยกรรม ระบบการค้าแบบเสรีไม่เก็บภาษี
าวิท
ความเจริญทางศิลปวัฒนธรรม
"มห
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
1. ความสัมพันธ์กับล้านนา และอาณาจักรพะเยา เป็นไมตรีกันตลอดมา
2. ความสัมพันธ์กับอาณาจักรมอญ มอญสวามิภักดิ์ต่อสุโขทัย ในสมัยพ่อขุน
"
่านั้น
รามคาแหงมหาราช เพราะทรงสนับสนุนมะกะโทราชบุตรเขยเป็นกษัตริย์
3. ความสัมพันธ์กับอาณาจัก รนครศรีธรรมราช สุโขทัยรับ เอาพุทธศาสนา
าเท
นิกายเถรวาท ลัทธิลังกาวงศ์ มาจากลังกา โดยผ่านเมืองนครศรีธรรมราช
4. ความสัมพันธ์กับลังกา สุโขทัยมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับลังกา ลังกา
ศึกษ
ได้ถวายพระพุทธสิหงิ ค์แก่สุโขทัย
5. ความสั มพั นธ์กั บ จีน สุโขทั ย ท าการค้ ากั บ จีน มาเป็ น เวลานาน จีน ได้ ส่ ง
กา ร
คณะทูตเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับไทย ซึ่งเป็นประโยชน์กับไทยทั้งการเมือง และการค้า
เพื่อ
ความเสื่อมของกรุงสุโขทัย
1. การแย่ ง ชิ ง ราชสมบั ติ ร ะหว่ า งเชื้ อ พระวงศ์ ข องสุ โ ขทั ย ท าให้ อ านาจ
ิต
นดุส
การปกครองอ่อนแอลง
2. พระมหากษั ตริย์ของสุโขทั ย สมัย ต่ อมา ทรงสนพระทั ย ทางด้านศาสนา
ัยสว
มากกว่าการป้องกันประเทศ
3. อาณาจั ก รอยุ ธ ยา สถาปนาขึ้ น ทางตอนใต้ มี ค วามเข้ม แข็ งมากขึ้ น จึ ง
ยาล
ผนวกอาณาจักรสุโขทัยเป็นอาณาเขตเดียวกัน
าวิท
ศิลปะสุโขทัย
"มห
เนื่องจากสุโขทัยเป็นยุคแรกเริ่มของการตั้งบ้านเมืองของชนชาติไทย นับตั้งแต่
อพยพเข้ามาในดิน แดนสุ ว รรณภู มิ งานศิ ลปะที่ รังสรรค์ ขึ้น และสะท้ อ นวัฒ นธรรมวิถี ชีวิต
ความเชื่อของชาวสุโขทัยจึงเป็นต้นแบบให้กับการสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมให้กับยุคต่อ ๆ มา
ในประวัติศาสตร์ไทย
สถาปัตยกรรมสุโขทัยเนื่องจากชาวสุโขทัยนับถือศาสนาพุทธ ดังนั้น รูปแบบ
สถาปัตยกรรมส่วนมากจึงเกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธ นั่นคือ การสร้างวัด การก่อสร้างวัดในสมัย
36
สุ โขทั ย จะให้ค วามส าคั ญ กั บ การสร้างสถู ป หรือ เจดี ย์เป็ น สิ่งแรก สาหรับ รูป แบบการสร้าง
สถาปัตยกรรมของสุโขทัยแบ่งออกเป็น 3 แบบใหญ่ คือ
- อุโ บสถ วิห าร ในสมั ย สุ โขทั ย นิ ย มสร้างวิห ารให้ มี ข นาดใหญ่ ก ว่าโบสถ์
ส่วนมากเป็นวิหารโถง คือวิหารที่ไม่มีผนัง มีเสากลม หลังคาซ้อนกันหลายชั้น มุงด้วยกระเบื้อ ง
สังคโลก ไม่มีช่อฟ้าและใบระกา
- มณฑป มั ก ก่ อ ด้ ว ยอิ ฐ หรื อ ศิ ล าแลง โดยหลั ง คาอาจเป็ น โครงสร้ า งไม้
"
่านั้น
ขนาดของมณฑปมักมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยม
เจดีย์ สมัยสุโขทัยมักนิยมสร้างเจดีย์ให้เป็นประธานของวัด ดังนั้น เจดีย์จึงมี
าเท
ความสาคัญ รูปแบบเจดีย์สมัยสุโขทัยมี 3 แบบ คือ
- เจดีย์แบบพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือดอกบัวตูม เจดีย์แบบนี้ คือ เจดีย์แบบสุโขทัย
ศึกษ
สร้างในคติที่หมายถึงสุขาวดี
- เจดีย์ทรงลังกา ซึ่งนารูปแบบมาจากลังกา โดยทาฐานให้สูงขึ้น องค์ระฆัง
กา ร
ท าเส้ น รอบนอกองค์ ระฆั งให้ สู งชะลู ด ขึ้น หรือ บางที่ อ าจนิ ย มสร้ างช้ างล้ อ มรอบองค์ เจดี ย์
ประธาน
เพื่อ
- เจดีย์แบบพม่า-พุกามและลังกาผสม เป็นเจดีย์ที่มีฐานสูงเป็นสี่เหลี่ยมมี
ซุ้มจระนา ยอดเจดีย์เป็นทรงกลมแบบลังกา มีมุมที่เจดีย์เล็ก ๆ เรือนธาตุท าเป็นเจดีย์ครึ่ง
ิต
นดุส
วงกลมซ้อนกันเป็นชั้น ๆ
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
ประติมากรรม
ประติมากรรมในสมัยสุโขทัยส่วนมากเกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธ เนื่องจากช่าง
ชาวสุ โขทั ยสร้างงานประติมากรรมตามความเชื่อในพุ ท ธศาสนา โดยเฉพาะลัท ธิลังกาวงศ์
ผลงานประติมากรรรมที่มีชื่อเสียงของสมัยสุโขทัย คือ พระพุทธรูป ที่นิยมสร้างพระพุทธรูปที่มี
4 อิริยาบถ ประกอบด้วย นั่ง นอน ยืน เดิน (ลีลา) ลักษณะพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยสามารถ
แบ่งได้ออกเป็น 4 หมวด คือ (มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2543).
"
่านั้น
- พระพุ ท ธรู ป แบบหมวดใหญ่ มี ลั ก ษณะเป็ น พระพุ ท ธรู ป แบบสุ โ ขทั ย
โดยเฉพาะ พระรัศมีเป็นเปลว เส้นพระเกศาขมวดเป็นปมขนาดเล็ก พระพักตร์รูปไข่ พระขนง
าเท
โก่ง พระนาสิกงุ้ม พระโอษฐ์อมยิ้มเล็กน้อย พระอังสาใหญ่ บั้นพระองค์เล็ก ครองจีวรห่มเฉียง
ชายจีวรยาวลงมาถึงพระนาภี ขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย
ศึกษ
- พระพุทธรูปแบบหมวดกาแพงเพชร มีพระนลาฏกว้าง พระหนุเสี้ยม
- พระพุท ธรูปหมวดพระพุทธชินราช พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระวรกาย
กา ร
ค่อนข้างอวบอ้วน นิว้ พระหัตถ์ทั้งสี่ (นิว้ ชี้ นิว้ กลาง นิว้ นางและนิว้ ก้อย) มีปลายเสมอกัน
เพื่อ
- พระพุทธรูปแบบหมวดวัดตะกวนหรือหมวดเบ็ดเตล็ด พุทธศิลป์แบบนี้ มี
ศิลปะเชียงแสนเข้ามาปะปน พบที่วัดตะกวน สันนิษฐานว่าอาจเป็นพุทธศิลป์รนุ่ แรกของสุโขทัย
ิต
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
หัตถกรรม
การทาหัตถกรรมที่มีชื่อเสียงของสุโขทัยทคือ การทาเครื่องปั้นดินเผาที่เรียกว่า
“เครื่องสังคโลก” ซึ่งมีทั้งแบบเคลือบน้ายาและไม่เคลือบน้ายา มีเนื้อค่อนข้างแกร่ง มีการทา
รูปแบบที่หลากหลาย อาทิ จาน ชาม ตุ๊กตา เป็นต้น นิยมตกแต่ งลวดลายด้วยการเขียนเส้น
แบบพู่กันจีน เป็นลวดลายต่าง ๆ เช่น ลายปลา ลายดอกไม้ เป็นต้น หากเครื่องสังคโลกมีสีเขียว
ไข่กา จะเรียกว่า “เซลาดอน”
"
่านั้น
สาหรับ แหล่งผลิตเครื่องสังคโลกที่สาคัญ จะอยู่ในเมืองศรีสัชนาลัย บริเวณ
บ้านเกาะน้อยและบ้านป่ายาง หรือบริเวณนอกกาแพงเมืองสุ โขทัย เครื่องสังคโลกมีการขาย
าเท
ส่ งออกไปยั ง ต่ า งประเทศ ตลาดที่ รั บ ซื้ อ ที่ นิ ย ม คื อ ญี่ ปุ่ น อิ น โดนี เซี ย ฟิ ลิ ป ปิ น ส์ เป็ น ต้ น
เนื่อ งจากเป็น เครื่องปั้ น ดิน เผาจึงมีก ารใช้ก รรมวิธีก ารเผา โดยจะน าเครื่องปั้น ดิ นเผาไปให้
ศึกษ
ความร้อนในเตา ซึ่งเรียกว่า “เตาทุเรียง”
ส่วนชื่อ “สังคโลก” นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า อาจมาจากคาว่า “สวรรค
กา ร
โลก” ซึ่ งเป็ น ชื่อ เรีย กอี ก ชื่อ ในการเรีย กเมื องศรีสัชนาลั ย นอกจากนี้ยั งมีนั ก ประวัติศ าสตร์
บางท่านสันนิษฐานว่า อาจมาจากคาว่า “ซ้องโกลก” แปลว่า เตาแผ่นดินซ้อง เนื่องจากสมัย
เพื่อ
เจริญศิลป์, 2555)
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
อาณาจักรกรุงศรีอยุธยา
พระเจ้าอู่ทองผู้นาคนไทยที่อยู่บริเวณตอนล่างของแม่น้าเจ้าพระยา ได้รวบรวม
ผูค้ นก่อตั้งราชธานีขึน้ ที่บริเวณหนองโสน หรือบึงพระราม ปัจจุบันอยู่ในเขตอาเภอเมือง จังหวัด
พระนครศรีอยุธยา
การปกครองในสมัยอยุธยา
"
่านั้น
พระเจ้าอู่ทอง (พระรามาธิบดีที่ 1) สถาปนากรุงศรี อยุธยาเป็นราชธานี โดย
กรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยาเป็ น ราชธานี ร ะหว่ า งปี พ.ศ. 1983 จนถึ ง พ.ศ.2310 เป็ น เวลา 417 ปี มี
าเท
พระมหากษัตริย์ทั้งสิน้ 34 พระองค์ มี 5 ราชวงศ์ คือ (มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย, 2542)
1. ราชวงศ์อู่ทอง (พ.ศ. 1893 ถึง พ.ศ. 1952)
ศึกษ
2. ราชวงศ์สุพรรณภูมิ (พ.ศ. 1952 ถึง พ.ศ. 2112)
3. ราชวงศ์สุโขทัย (พ.ศ. 2112 ถึง พ.ศ. 2172)
กา ร
4. ราชวงศ์ปราสาททอง (พ.ศ. 2172 ถึง พ.ศ. 2231)
เพื่อ
5. ราชวงศ์บ้านพลูหลวง (พ.ศ. 2231 ถึง พ.ศ. 2310)
ิต
การปกครองสมัยพระบรมไตรโลกนาถ
1. การปกครองส่วนกลาง แบ่งออกเป็น สมุหกลาโหม และสมุหนายก
"มห
ลักษณะสังคมสมัยอยุธยา
1. พระมหากษัตริย์ ทรงดารงตาแหน่งสูงสุดในสังคม ทรงมีพระราชอานาจ
เด็ดขาด
2. เจ้านาย เป็นชนชั้นสูงถัดจากพระมหากษัตริย์ลงมา
40
"
6. ทาส เป็ น บุ ค คลระดั บ ต่ าในสั งคมอยุ ธ ยา ไม่ มี อิ ส ระตกเป็ น สมบั ติ ข อง
่านั้น
นายเงิน
าเท
สภาพทางเศรษฐกิจสมัยอยุธยา
ศึกษ
เศรษฐกิ จสมัย อยุ ธ ยาขึ้น อยู่กั บ การเกษตรกรรม คือ การท านา และพื ชผล
อื่น ๆ สาหรับรายได้ของแผ่นดินอื่น ๆ มาจาก (www.vichakarn.triamudom.ac.th)
กา ร
1. จังกอบ คือ ภาษีผ่านด่านทั้งทางบก และทางน้า
2. อากร คือ การเก็บผลประโยชน์จากการประกอบอาชีพของราษฎร
เพื่อ
- ภาษีสนิ ค้าขาเข้า
- ภาษีสนิ ค้าขาออก
าวิท
- กาไรที่ได้จากการผูกขาดสินค้าของกรมพระคลังสินค้า
"มห
- การแต่งเรือสาเภาหลวงไปค้าขาย
ศิลปวัฒนธรรมไทยสมัยอยุธยา
วั ฒ นธรรมไทยในสมั ย อยุ ธ ยา ได้ รับ อิ ท ธิพ ลจากอิ นเดี ย เป็ น ส่ว นใหญ่ โดย
อินเดีย ถ่ายทอดมายังขอม แล้วไทยรับมาอีกต่อหนึ่ง โดยผสมผสานกับวัฒนธรรมเดิมในสมัย
สุโขทัย
41
ศิลปะในสมัยอยุธยา
1. ในระยะแรกอิทธิพลของศิลปะแบบเขมรปรากฏชัดมาก ได้แก่ การสร้าง
พระปรางค์ และพระพุทธรูปที่เรียกกว่าพระพุทธรูปสมัยอู่ทอง
2. ศิ ล ปะแบบสุ โ ขทั ย ได้ รั บ การฟื้ น ฟู ใ นสมั ย พระบรมไตรโลกนาถ เช่ น
การสร้างเจดีย์รูปดอกบัวตูม การสร้างพระพุทธรูปที่เรียกว่าพระพุทธรูปสมัยอยุธยา
3. ศิล ปะแบบจีน และแบบตะวันตกได้เผยแพร่เข้ามาในระยะหลัง สาหรับ
"
่านั้น
ศิลปแบบตะวันตกนั้น ปรากฏชัดมาก ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ มหาราช เช่น พระราชวัง
นารายณ์ราชนิเวศน์
าเท
ด้านศิลปกรรม
ศึกษ
1. สถาปัตยกรรม
- ศิลปะการก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นแบบขอม
กา ร
- วัสดุที่นามาใช้คล้ายคลึงกับในสมัยสุโขทัย
เพื่อ
- การก่อสร้าง ในระยะแรกเลียนแบบสมัยสุโขทัย แต่ต่อมาได้พัฒนาขึ้น
เป็นแบบฉบับของสมัยอยุธยาโดยเฉพาะ
- ในระยะที่มีการติดต่อกับชาวต่างประเทศ ได้เปลี่ยนเป็นการรับศิลปะ
ิต
นดุส
- ภาพจิตรกรรมฝาผนัง
- ภาพเขียนบุคคล ภาพบ้านเรือนตามแบบจีน แต่ดัดแปลงให้เป็นศิลปะ
ยาล
แบบไทย
าวิท
3. ประติมากรรม
- การหล่อพระพุทธรูปสัมฤทธิ์
"มห
- การสร้างพระพิมพ์
4. ประณีตศิลป์
- เครื่องจาหลักไม้ ได้แก่ ประตูจาหลัก ธรรมาสน์ ตู้ใส่หนังสือลายรดน้า
- เครื่ อ งมุ ก ได้ แ ก่ บานประตู อุ โ บสถวั ด พระศรี ม หาธาตุ จั ง หวั ด
พิษณุโลก
- เครือ่ งถม ได้แก่ เครื่องถมเมืองนครศรีธรรมราช
42
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
กา ร
ภาพที่ 4.7 วัดไชยวัฒนาราม
เพื่อ
ที่มา: วัดโบราณในพระนครศรีอยุธยา. 2550.
ิต
วรรณคดี
นดุส
พระเกียรติพ่อขุนรามคาแหงมหาราช
าวิท
"
อาศั ย ที่ เ ชิ ง เขาพระสุ เ มรุ และมี เ มื อ งของอสู ร หรื อ ยั ก ษ์ อ ยู่ ใ ต้ เ ขาพระสุ เ มรุ ส่ ว นด้ า น
่านั้น
สถาปั ตยกรรมไทย ทั้ งพระราชวังและวัด มีก ารจาลองรูป จัก รวาลในพระพุ ท ธศาสนา เช่น
าเท
วิ ห าร อุ โ บสถ ปราสาท มณเที ย ร บั ล ลั ง ค์ บุ ษ บก ซึ่ ง ถื อ เป็ น การจ าลองรู ป จั ก รวาลใน
พระพุทธศาสนาเอาไว้ (มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2543).
ศึกษ
รามเกียรติ์ วรรณคดีไทยที่มีต้นกาเนิดจากรามายณะของอินเดีย มหากาพย์ที่
แต่งขึน้ เพื่อสรรเสริญวีรกรรมของพระราม ซึ่งเป็นอวตารของพระนารายณ์ เทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ใน
กา ร
สามองค์ ข องพราหมณ์ โดยพระมหากษั ต ริ ย์ มี ส ถานะเปรี ย บเหมื อ นพระราม เมื่ อ นั บ ถื อ
พระมหากษัตริย์เป็นพระราม จึงนับพระองค์เป็นพระนารายณ์ดว้ ย ทาให้เกิดการสร้างสิ่งต่าง ๆ
เพื่อ
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในภาคกลาง
แหล่งท่องเที่ย วเชิงวัฒ นธรรมในเขตภาคกลางส่วนมากเป็ นโบราณ
ยาล
อุท ยานประวั ติ ศ าสตร์สุ โขทั ย ตั้ งอยู่ ที่ ต าบลเมื อ งเก่ า อ าเภอเมื อ ง จั งหวั ด
สุโขทัย มีโบราณสถานไม่น้อยกว่า 200 แห่ง โดยถือเป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งแรกของไทย
ใช้ชื่อว่า อุทยานประวัตศิ าสตร์สุโขทัย หรือ อุทยานประวัตศิ าสตร์รามคาแหง
มีโบราณสถานที่สาคัญ อาทิ วัดมหาธาตุ วัดศรีสวาย วัดศรีชุม วัดพระพาย
หลวง วัดสระศรี วัดตระพังเงิน วัดตระพังทองหลาง เป็นต้น
อุ ท ยานประวั ติ ศ าสตร์ ศ รี สั ช นาลั ย ครอบคลุ ม ตั ว เมื อ งเชลี ย งและเมื อ ง
ศรีสัชนาลัยเก่า จังหวัดสุโขทัยโบราณสถานส่วนมากอยู่ในเขตเมืองเก่าศรีสัชนาลัยเก่า โดยมี
44
"
มี โบราณสถานส าคั ญ อาทิ วั ด พระแก้ ว วั ด พระธาตุ วั ด พระศรีอิ ริย าบถ วัด พระนอน วั ด
่านั้น
ช้างรอบ เป็นต้น
าเท
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัยและกาแพงเพชร ได้รับการยกย่อง
จากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อ พ.ศ. 2534 (กระทรวงวัฒนธรรม, 2555)
ศึกษ
อุทยานประวัติศาสตร์พ ระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ที่อาเภอพระนครศรีอยุธยา
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่วนมากเป็นโบราณสถาน ประเภท วัด พระราชวังต่าง ๆ มากกว่า
กา ร
400 แห่ ง มี พื้ น ที่ ทั้งในเกาะเมื อ งและนอกเกาะเมือ งอยุ ธ ยา และได้ รับ การยกย่อ งจากองค์
การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อ พ.ศ. 2534 โบราณสถานที่สาคัญ อาทิ พระราชวังหลวง วัด
เพื่อ
"
เจ้ า อยู่ หั ว โปรดเกล้ าฯ ให้ ซ่ อ มแซมขึ้ น ใหม่ เมื่ อ พ.ศ. 2399 และพระราชทานนามว่ า พระ
่านั้น
นารายณ์ราชนิเวศน์
าเท
วั ด พระศรี รั ต นศาสดาราม หรื อ วั ด พระแก้ ว เป็ น ที่ ป ระดิ ษ ฐานพระพุ ท ธ
มหามณีรัตนปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต ภายในวัดมีสิ่งก่อสร้างสาคัญ ทางพุทธศาสนา คือ
ศึกษ
พระอุโบสถ พระมณฑป วิหารยอด ปราสาทพระเทพบิดร พระศรีรัตนเจดีย์ พระระเบียงที่มี
ภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ที่มจี านวน 178 ห้อง
กา ร
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ สันนิษฐานว่าเป็นวัดเก่าแก่สร้าง
ตั้งแต่ส มัย กรุงศรีอยุ ธ ยา เป็ น วัด ที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้ าฯ ให้ บู รณะและพระราชทานนาม
เพื่อ
บทสรุป
บริ เวณที่ ร าบลุ่ ม แม่ น้ าภาคกลาง เป็ น ตั้ ง และมี พั ฒ นาการของอาณาจั ก ร
โบราณตั้งแต่ทวารวดี สุโขทัยและอยุธยา ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องและหล่ อหลอมความสัมพันธ์
ทางวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง ดังจะพบว่าหลายเมืองหรือจังหวัดในเขตภาคกลางมีการพบซาก
เมืองโบราณทับซ้อนกันหลายแห่ง รวมไปถีงโบราณสถาน โบราณวัตถุที่พบเป็นจานวนมาก
"
่านั้น
แบบฝึกหัดท้ายบท
1. จงเขียนชื่อรัฐโบราณในเขตลุ่มแม่น้าเจ้าพระยา
าเท
2. จงบอกประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทวารวดี
3. จงบอกประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมสุโขทัย
ศึกษ
4. จงบอกประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอยุธยา
กา ร
5. จงยกตั ว อย่ างวรรณกรรมหรือ วรรณคดี ในท้ อ งถิ่ น ที่ ส ามารถเชื่ อมโยง
แหล่งท่องเที่ยวมา 1 เรื่อง
ิต เพื่อ
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
เอกสารอ้างอิง
หนังสือ และบทความในหนังสือ
"
เกษตรศาสตร์ .( 2553). คู่ มื อ ประกอบการฝึ ก อบรมยุ ว อาสาสมั ค รน าเที่ ย ว.
่านั้น
กรุงเทพฯ: มปท.
ชนัญ วงษ์วิภาค. ( 2548). ภูมิปัญญาท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์เขมพันธ์จากัด.
าเท
มหาวิทยาลัยศิลปากร.(2543). คู่มือมัคคุเทศก์. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ศึกษ
มูล นิธิ ส ารานุก รมวัฒ นธรรมไทยธนาคารไทยพาณิ ชย์. สารานุก รมวัฒ นธรรมไทย (ภาค
กลาง). (2542). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทยธนาคารไทยพาณิชย์.
กา ร
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต
เพื่อ
Available: http://www.thaiwhic.go.th/convention.aspx
[2555,กันยายน 15].
ัยสว
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
กา ร
ิต เพื่อ
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
บทที่ 5
วัฒนธรรมภาคกลาง: เทศกาลและงานประเพณี
อาหาร ที่อยู่อาศัย
"
่านั้น
วิถีชีวิต สายน้า และศาสนา รวมถึงมีความสืบเนื่องในทางประวัติศาสตร์ชาติ ถือได้ว่าเป็นศูนย์
รวมของวัฒ นธรรมชาติ ดังนัน ลักษณะทางวัฒ นธรรมประเพณี อาหารและที่อยู่อาศัย ของ
าเท
ภาคกลาง โดยมีลักษณะดังนี
ศึกษ
เทศกาลและงานประเพณี กา ร
ภาคกลางเป็นแหล่งที่มีการสั่งสมทางวัฒ นธรรม ความเชื่อ และศาสนาของ
ผู้ค นจากหลากหลายชาติ พั น ธุ์ ม าเป็ น เวลานาน มี ทั งความเชื่อ ดั งเดิ ม คื อ การนั บ ถือ ผี สิ่ ง
เพื่อ
ศักดิ์สิทธิ์ ศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู ศาสนาพุทธ ทังแบบเถรวาทและมหายาน ซึ่งปัจจัยเหล่านี
ล้วนมีส่วนท้าให้เกิดการหล่อหลอมวัฒนธรรมประเพณีที่มีลักษณะเฉพาะของภาคกลาง
ิต
ส้าหรับงานเทศกาลและงานประเพณีที่ส้าคัญ ในเขตภาคกลางจ้านวนหลาย
นดุส
และงานเทศกาลกลางเดือน 12
าวิท
"มห
50
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
ภาพที่ 5.1 งานนมัสการหลวงพ่อพุทธโสธร
กา ร
ที่มา: ประเพณีไทยดอทคอม. 2556.
เพื่อ
เดือน 11 ถึ งวั นขึน 14 ค่้ า เดือ น11 โดยจะมี ก ารแห่ หลวงพ่อ โตจ้าลองทั งทางบกและทางน้ า
ประชาชนจะโยนดอกบัวลงในเรือเพื่อถวายและท้าบุญ
าวิท
ส่วนตอนบ่ายจะมีการตักบาตรดอกไม้ที่วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร โดยประชาชนจะไป
เก็บดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายต้นขมินหรือต้นกระชาย เรียกว่า ดอกเข้าพรรษา ซึ่งมี
เฉพาะที่จังหวัดสระบุรีเท่านัน และน้าดอกเข้าพรรษาไปลอยในน้าเพื่อน้าไปรดเท้าของพระภิกษุ
ที่เดินขึนบันไดเพื่อไปนมัสการรอยพระพุทธบาท
งานเทศกาลวันไหล จังหวัดชลบุรี เนื่องจากวันที่ 19 เมษายนของทุกปี คือ วัน
ท้าบุญ ขึนปีใหม่ของชาวทะเล ดังนัน บริเวณหาดบางแสนและพัทยาจึงจัดให้มีการท้าบุญ ตัก
บาตร สรงน้าพระ ก่อเจดีย์ทราย กีฬาพืนบ้านและการสาดน้าตามประเพณี
51
"
โดยเชื่อตามประวัติสมัยพระพุทธกาลว่านางสุชาดาได้น้าข้าวทิพย์หรือข้าวมธุปายาธมาถวาย
่านั้น
พระพุทธเจ้าก่อนที่พระองค์จะตรัสรู้ในวันเพ็ญเดือนสิบสอง ดังนัน ชาวพุทธจึงถือว่าข้าวมธุปา
าเท
ยาธเป็นข้าวทิพย์และนิยมท้าถวายพระสงฆ์ในช่วงเดือนสิบสองนี
วันอาสาฬหบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญ เดือนอาสาฬหะ หรือเดือน 8
ศึกษ
วัน นี มีค วามส้ า คัญ คือ เป ็น วัน ที ่อ งค์ส มเด็จ พ ระสัม ม าสัม พุท ธเจ้า ท รงป ระกาศ
พระพุทธศาสนาเป็นครังแรก หลังจากตรัสรู้ โดยแสดงปฐมเทศนา คือ ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร
กา ร
เป็นผลให้ฤาษีโกณฑัญ ญะบรรลุโสดาปัตติผล ทูลขอบวชเป็นพระสาวก รูปแรก ท้าให้เกิดมี
พระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบเป็นแก้วอันประเสริฐ 3 ประการ
เพื่อ
วัน เข้า พรรษา การเข้า พรรษาเป็น พุท ธบัญ ญัติ ซึ่ง พระภิก ษุท ุก รูป จะต้อ ง
ปฏิบัติตามช่วงจ้าพรรษาจะอยู่ในระหว่างฤดูฝน คือ แรม 1 ค่้า เดือน 8 ถึงขึน 15 ค่้า เดือน 11
ิต
นดุส
งานตักบาตรเทโวหรือการท้าบุญวันออกพรรษา เป็นงานประเพณีที่ไทยที่นับ
ถือพุทธศาสนายึดถือปฏิบัติกันมา โดยเฉพาะการท้าบุญวันออกพรรษาหรือการตักบาตรเทโว
าวิท
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
ภาพที่ 5.2 ประเพณีตักบาตรเทโวโรหนะ วัดสังกัสรัตนคีรี จังหวัดอุทัยธานี
ที่มา: Thaitrip. 2541.
กา ร
เพื่อ
อาหารภาคกลาง
เนื่องจากลัก ษณะภูมิศาสตร์ของภาคกลางเป็นที่ราบลุ่ม มีฝนตกค่อนข้างชุก
ิต
จึงท้าให้มีพืนที่เหมาะส้าหรับการเกษตรกรรมมากที่สุด พืนที่ในเขตภาคกลางกล่าวได้ว่าเป็นอู่
นดุส
"
ของน้าและเนือในสัด ส่วนที่เท่า ๆ กัน นอกจากนี ยังมีแกงประเภทมีส่ วนของน้าค่อนข้างข้น
่านั้น
เรียกว่า “แกงฉู่ฉี่” เช่น ฉู่ฉี่ปลาทู เป็นต้น นอกจากนียังมีแกงเผ็ดที่มีความข้นของน้าแต่ไม่มาก
าเท
เท่าฉู่ฉี่ เรียกว่าแกงพะแนง เช่น แกงพะแนงหมู เป็นต้น
ส้าหรับแกงที่ไม่ใส่กะทิมี 2 ชนิด คือ แกงส้มและแกงป่า แกงส้มมีรสเปรียวน้า
ศึกษ
และมี รสเค็ ม ตาม มั ก นิย มใช้เนือปลาหรือเนื อกุ้งในการท้ าแกงส้ ม ส้ าหรับ ผัก ที่ นิ ย มคือ ผั ก
กระเฉด ผักบุ้ง มะละกอ ถั่วฟักยาวและกระเจี๊ยบ ซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นหามาประกอบอาหารได้
กา ร
ง่าย ส่วนบางฤดู หรือท้องถิ่นมีการน้าดอกแคมาเป็น ส่วนผสมในการท้าแกงส้ม โดยเชื่ อว่ามี
สรรพคุ ณ ทางยาในการเสริมสร้างเซลล์ให้ร่างกายสดใสเสมอ โดยคนไทยนิย มรับ ประทาน
เพื่อ
ในช่วงการเปลี่ยนผ่านของฤดูเพื่อเสริมสร้างภูมิคมุ้ กันของร่างกายเพื่อป้องกันไข้หวัด
ส่ ว นแกงป่ า มี ลั ก ษณะคล้ า ยแกงเผ็ ด แตกต่ า งที่ ก ารไม่ ใ ช้ ก ะทิ แ ละการผั ด
ิต
นดุส
นอกจากแกงป่าและแกงส้มแล้ว ยังมีอาหารไทยที่ได้รับอิทธิพลจากอาหาร
ต่างประเทศและน้ามาประยุกต์ปรับปรุงจนกลายเป็นอาหารไทย เช่น ต้มจับฉ่าย และแกงจืด
าวิท
ประเภทแกงกะหรี่แ ละแกงมั ส มั่ น ที่ มี ลั ก ษณะคล้ ายอาหารอิ น เดี ย หรือ อาหรับ ที่ เน้ น ด้ า น
เครื่องเทศเพื่อดับกลิ่นคาวของเนือที่ใช้ประกอบอาหาร เช่น พริกแห้ง ลูกผักชี ยี่หร่า กานพลู
อบเชย ลูกกระวาน เป็นต้น (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและภาควิชาอนุรักษ์วิทยา คณะวน
ศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์, 2553)
54
"
่านั้น
าเท
ภาพที่ 5.3 อาหารภาคกลาง
ศึกษ
ที่มา : วิไลภรณ์ สุจา. 2544.
กา ร
ที่อยู่อาศัย
ที่อยู่อาศัยในเขตภาคกลาง ได้รับอิทธิพลมาจากเรือนไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา
เพื่อ
ไทยในเขต ภาคกลาง
ลักษณะบ้านเรือนไทย มีการสร้างโดยใข้ระบบเสาคาน มีไม้เป็นส่วนประกอบ
ยาล
ของคน โดยมีลักษณะ ดังนี ส่วนของตัวเรือน: หลังคา 4 ส่วน ตัวเรือน 5 ส่วน ใต้ถุน 4 ส่วน
ความกว้างตัวเรือน: ขื่อ 5 ส่วน พืนเรือน 5 ส่วน หลุมเสา 5 ส่วน (บทความดี ดี มีสาระ, 2014)
หลั งคาเรือน มีลั กษณะยอดแหลมเส้นหลังคามีลัก ษณะเหมือนทรงจอมแห
วัสดุที่ใช้นิยมใช้แฝกหรือกระเบืองดินเผามุงหลังคา ไม่มีฝ้าเพดาน การลาดชันของหลังคาท้าให้
เกิดการระบายความร้อนไม่มาถึงตัวเรือน ท้าให้ตัวเรือนไม่ร้อน และในฤดูฝนหลังคาลาดชัน ท้า
55
"
แผงไม้ต่อกั นขนาดใหญ่ แต่ละฝาท้าช่องหน้าต่าง ประตูเป็นแผ่นส้าเร็จ มีความกว้างเท่ากั บ
่านั้น
ความกว้างของแต่ละช่วงเสา ท้าด้วยไม้หรือวัสดุอื่นที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น ใบจาก หรือไม่ไผ่
าเท
ชาน หรือ นอกชาน เป็นส่วนส้าคัญของตัวบ้าน เป็นที่โล่ง เปิดและโปร่ง เป็นที่
รับแสงแดดและลมพัดผ่านได้สะดวก ใช้เป็นสถานที่หลากหลายส้าหรับสมาชิกในบ้าน เช่น ตาก
ศึกษ
อาหาร รับแขก พักผ่อน หรือจัดงานพิธีต่าง ๆ เช่น การโกนจุก การแต่งงาน การท้ าบุญต่าง ๆ
เป็นต้น กา ร
ใต้ถุน เป็นใต้ถุนโล่ง ไม่มีฝากัน มีความสูงประมาณ 2-2.5 เมตร เนื่องจากมี
ความสู งและไม่มีฝากัน ท้าให้ลมพัดผ่ านได้สะดวกจึงท้าให้มีอากาศและเป็นพืนที่ที่เย็นกว่า
เพื่อ
2538)
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
บทสรุป
เนื่องจากสังคมไทยมีพุทธศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ดังนัน วัฒนธรรมงาน
ประเพณี จึ งมี ค วามสั ม พั น ธ์ กั บ ศาสนา และประกอบกั บ ภาคกลางเป็ น ภาคที่ มี ค วามอุ ด ม
สมบูรณ์ อันเนื่องจากที่ตังบนที่ราบลุ่ม แม่น้าเป็นภาคที่มีความเป็นศูนย์กลางมาตังแต่อดีต สิ่ง
เหล่านีล้วนส่งผลต่อวิถีชีวิต วัฒนธรรม ดังจะเห็นได้จากเทศกาล งานประเพณี ซึ่งล้วนแต่มี
พืนฐานบนพุทธศาสนา ภูมิศาสตร์ที่เป็นที่ราบลุ่มอุดมสมบูรณ์ ส่งผลต่อวัฒนธรรมอาหารของ
"
่านั้น
ภาคกลางที่มี ความหลากหลายของรายการอาหารและเน้นการน้าทรัพยากรที่มีในท้องถิ่นมา
ดัดแปลงและประยุกต์ นอกจากนีภูมิศาสตร์ยังส่งผลต่อการสร้างบ้านที่อยู่อาศัยที่เน้นลักษณะ
าเท
เสาสูง หลังคาจั่วแหลมเพื่อความสบายของผู้อาศัย
ศึกษ
แบบฝึกหัดท้ายบท กา ร
1. บ้านเรือนไทยภาคกลางมีกี่ลักษณะ
2. จงยกตัวอย่างประเพณีภาคกลางมาอย่างน้อย 1 งานประเพณี
เพื่อ
3. อาหารภาคกลางมีลักษณะอย่างไร
4. นักศึกษาจัดกลุ่มเลือกงานเทศกาลและประเพณีไทย ที่มีอาหารประจ้างาน
ิต
ประเพณี เพื่อน้าเสนอต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไทย
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
57
เอกสารอ้างอิง
หนังสือ และบทความในหนังสือ
ก า ร ท่ อ ง เที่ ย ว แ ห่ ง ป ร ะ เท ศ ไท ย แ ล ะ ภ า ค วิ ช า อ นุ รั ก ษ์ วิ ท ย า ค ณ ะ ว น ศ า ส ต ร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. (2553). คู่มือประกอบการฝึกอบรมยุวอาสาสมัครนา
"
่านั้น
เที่ยว. กรุงเทพฯ: มปท.
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (2533). งานเทศกาลประเพณีท่นี ่าสนใจทางการท่องเที่ยว.
าเท
กรุงเทพฯ: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย.
ศึกษ
ธนากิต. (2539). ประเพณี พิธีมงคล และวันสาคัญของไทย. กรุงเทพฯ: ชมรมเด็ก.
มหาวิ ท ยาลั ย ศิ ล ปากร. (2544). เอกสารประกอบการอบรมมั ค คุ เ ทศก์ . กรุ ง เทพฯ:
กา ร
มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สมภพ ภิ รมย์ . (2538). งานไทย. กรุงเทพฯ : บริ ษั ท แอดวานซ์ อิ น เตอร์เนชั่ น แนลพริ นติ ง
เพื่อ
เซอร์วสิ จ้ากัด.
สุวัฒนา เลียงวัน. (2550). อาหารท้องถิ่นไทยภาคกลาง. กรุงเทพฯ: บริษัทอัมรินทร์ พรินติง
ิต
นดุส
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต
ยาล
บท ความดี ดี มี ส าระ. (2014). เรื่ อ งน่ ารู้ เ รื อ นไท ย ภาคกลาง. [Online]. Available:
http://www.thaieditorial.com [2557, สิงหาคม].
าวิท
นดุส
ิต เพื่อ
กา ร
ศึกษ
าเท
่านั้น
"
บทที่ 6
วัฒนธรรมภาคเหนือ: ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม วรรณคดี
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในภาคเหนือ
"
่านั้น
ประวั ติศาสตร์ ซึ่ งต่อมาหลายแหล่งได้ พั ฒ นากลายเป็น เมืองหรือแคว้นโบราณ ซึ่งปรากฏ
หลั ก ฐานเป็นโบราณสถานในหลายพื้นที่มาจนทุก วันนี้ และมีพั ฒ นาการสืบ เนื่องจนเป็นอัต
าเท
ลักษณ์ทางวัฒนธรรมของภาคเหนือ ประวัติศาสตร์และความเจริญ ทางวัฒนธรรมที่ปรากฏ
ศึกษ
ร่อ งรอยมาจนทุก วั น นี้ ยั งมี ให้ พ บเห็ น อยู่ทั่ วไปในหลายเมื องในเขตภาคเหนือ ตอนบน จาก
หลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่ามีการก่อร่างสร้า งเมืองเป็นแว่นแคว้นในช่วงประมาณ พุทธ
กา ร
ศตวรรษที่ 11-12 มีความสืบเนื่องและพัฒนาการทางประวัติศาสตร์และอารยธรรมมาหลายยุค
สมัย โดยมีหลักฐานทั้งตานานและซากเมืองโบราณ รวมไปถึงประติมากรรม นอกจากนี้ ยังเชื่อ
เพื่อ
กันว่าหัวเมืองต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนมีความสัมพันธ์ ทางเครือญาติอย่างใกล้ชิด รวมถึงอาณาจักร
ล้านช้างอีก ด้วย สาหรับ เมืองหรือแคว้นโบราณในภาคเหนือที่สาคัญ คือ (ชนัญ วงศ์วิภาค,
ิต
2548)
นดุส
- โยนกนาคบุรีศรีเชียงแสน
- เงินยางเชียงแสน
ัยสว
- พะเยา
ยาล
- หริภุญไชย
- ล้านนา
าวิท
โยนกนาคบุรีศรีเชียงแสน
"มห
ตั้ ง อยู่ บ ริ เวณลุ่ ม แม่ น้ ากก จั ง หวั ด เชี ย งรายในปั จ จุ บั น เริ่ ม สถาปนาเป็ น
ศูนย์กลางช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 13 ตามตานานสิงหนวัติกุมารกล่าวว่าเจ้าชายสิงหนวัติ ได้นา
ไพร่พลมาสร้างเมืองโยนกนาคบุรีศรีเชียงแสน มีอาณาเขตจรดสิบสองปันนา เมืองหนองแส
หรือตาลีฟู และเมืองหริภุญชัย นักประวัติศาสตร์ได้มีการสารวจ โดยมีการพบซากเมืองและ
โบราณสถานจานวนมากในภาคเหนือ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงราย นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า
60
เงินยางเชียงแสน
"
่านั้น
ต่อมาได้มีการสร้างเมืองใหม่ โดยหัวหน้าของเมืองโยนกเชียงแสนก่อตั้งเมือง
ใหม่ขึ้น บริเวณแถบที่ ราบลุ่ม แม่ น้าสายและแม่ น้าโขง หรือบริเวณอ าเภอเชีย งแสน จั งหวัด
าเท
เชียงรายในปัจจุบัน มีชื่อว่า เงินยางเชียงแสน ดังที่พบในตานานเมืองเชียงแสนได้กล่าวถึงปู่เจ้า
ลาวจก หรือ ลวจังกราช ได้พาไพร่พลอพยพเคลื่อนย้ายมาจากดอยตุง และได้สร้างเมืองขึ้นมา
ศึกษ
ใหม่และสถาปนาเป็น “เมืองเงินยางเชียงแสน” หรือ “หิรัญนครเงินยาง” โดยโปรดให้โอรสไป
ปกครองเมืองน่าน เมืองยอง และพะเยา เมืองเงินยางเชียงแสนดารงความเป็นแว่นแคว้นมา
กา ร
จนถึงในสมัยพญามังราย จึงได้ย้ายราชธานีมาอยู่ที่เชียงราย และเชียงใหม่ตามลาดับ
เพื่อ
ส าหรับ ความเจริญ ทางวัฒ นธรรมของเมืองเงินยางเชีย งแสน ส่ วนมากเป็ น
ร่องรอยของโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา
ิต
นดุส
พะเยา
ในตานานเมืองเชียงแสนได้กล่าวถึง พ่ อขุนลาวเงินผู้ปกครองเมืองเงินยาง เชียง
ัยสว
มากในสมัยพ่อขุนผาเมือง
าวิท
ศาสนา
หริภุญไชย
หริภุญ ไชย ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้าปิง โดยมีเมืองหริภุญ ไชยหรือลาพูนเป็น
ศูนย์กลางอานาจ ตามตานานจามเทวีวงศ์ได้กล่าวว่า ฤาษีวาสุเ ทพ ได้ส่งสาสน์อัญ เชิญ พระ
นางจามเทวี พระราชธิดาแห่งลวปุระ (ละโว้) มาปกครองเมืองหริภุญไชย ซึ่งในเวลานั้น พระ
นางทรงเป็นพระมเหสีของเจ้าเมืองมอญและทรงพระครรภ์ได้ 3 เดือน ได้เสด็จไปครองเมือง
61
"
ส าหรับ ด้ านความเจริญ ทางวัฒ นธรรมของหริ ภุ ญ ไชยนั้ นมี การพบหลั ก ฐาน
่านั้น
มากมาย เช่น จารึกต่าง ๆ ที่จารึกด้วยภาษามอญ สถูปเจดีย์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเจดีย์เหลี่ยมที่วัดกู่
าเท
กุด พระสุวรรณเจดีย์ ส่วนโบราณวัตถุ เช่น พระพุทธรูป ใบเสมา เป็นต้น
ศึกษ
ล้านนา
นั บ ตั้ ง แต่ ปี พ.ศ. 1839 หลั งจากพญามั งรายหรื อ พ่ อ ขุ น มั ง ราย ได้ ท าการ
กา ร
รวบรวมหัว เมื องทางภาคเหนื อตอนบน ได้ แก่ เชีย งราย เชีย งใหม่ เชีย งแสน พะเยา ลาพู น
เพื่อ
ลาปาง แพร่ แม่ฮ่องสอน และน่าน ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว โดยได้สถาปนาอาณาจักร
ล้ า นนาขึ้ น และมี เมื อ งราชธานี ห รื อ ศู น ย์ ก ลาง ที่ มี ก ารขนานนามว่ า “นพบุ รี ศ รี น ครพิ ง ค์
ิต
"
จานวนมาก เช่น วัดบุปผาราม วัดพระธาตุศรีจอมทอง วัดเจดีย์เจ็ดยอด ซึ่งเป็นวัดที่สร้างเพื่อ
่านั้น
การฉลองการทาสังคายนาพระไตรปิฎกอีกด้วย
าเท
ด้านการปกครอง ล้านนามีประมวลกฎหมายที่ใช้เป็นแบบแผนทางการปกครอง
ของตนเอง เรียกว่า “กฎหมายมังรายศาสตร์” เป็นกฎหมายแบบราชศาสตร์ คือ แนวทางหรือ
ศึกษ
ข้อแนะนาในการพิพ ากษาคดี มีรากฐานมาจากคาตัดสินของกษัตริย์องค์ก่อน ๆ เพื่อนามา
พิจารณาประกอบ โดยมีกฎหมายมรดก กฎหมายที่ดนิ เป็นต้น กา ร
ด้านศิล ปกรรม เนื่องจากเป็นดินแดนที่มีความเคร่งครัดและศรัท ธาในพุ ทธ
ศาสนา จึงมีการสร้างสถูปเจดีย์และพระพุทธรูปเป็นจานวนมาก เช่น วัดพระธาตุดอยสุเทพ พระ
เพื่อ
วรรณคดี
วังบัวบาน อยู่ในบริเวณน้าตกห้วยแก้ว เป็นสถานที่เกิดนิยายรักอันแสนเศร้าที่
ัยสว
พระร่วง
"
่านั้น
“พระร่วง” เป็นพระนามของพระมหากษัตริย์ที่รู้จักกันทั่วไป แต่ “พระร่วง” คือ
ใครหรือหมายถึงใครนั้น ยังไม่อาจสรุปได้ แต่พอจะกล่าวได้ว่า พระร่วง มีหลายองค์ แต่ละองค์
าเท
ก็มีเรื่องราวบุญญาภินิหารแตกต่างกันไป
พระร่วงองค์แรก คือ พระร่วงอรุณ กุ ม ารเมือ งสวรรคโลก พระร่วงองค์นี้
ศึกษ
เป็นวงศ์กษัตริย์หริภุญไชยแห่งล้านนา มีเชื้อสายของนาคถือกาเนิดขึ้นเพราะพระยาอภัยคามินี
พระราชบิด าออกไปถือศีล บาเพ็ ญ ตบะ อยู่บ นเขาในป่าใหญ่ ใกล้เมือง โดยไม่ท ราบว่าเป็นที่
กา ร
อาศัยของนางนาค ที่สุดนางนาคเกิดร้อนอาสน์ ทนไม่ได้จึงขึ้นมาดูว่าเกิดเหตุอันใดบนแผ่นดิน
เพื่อ
และก็ได้สมสู่เป็นผัวเมียกับพระยาอภัยคามินีอยู่ได้ 7 วัน นางนาคทูลลากลับเมืองบาดาล พระยา
อภัยคามินีจงึ มอบแหวน และผ้ารัตกัมพลไปไว้ดูต่างหน้า ต่อมานางนาคมีครรภ์แก่และรู้ดีว่าลูก
ิต
เมื่อพระยาอภัยคามินีโปรดให้เกณฑ์ผู้คนมาสร้างพระมหาปราสาท พรานป่าผู้จึง
นาบุตรไปพร้อมกับ ตน ในยามกลางวันแสงแดดแรง พรานจะนาบุตรไปแอบใต้เงาพระมหา
ยาล
"
ไป พระยาตองอูท ราบความแค้นพระทัย มาก จึงให้นาตัวพระร่วงกลับมา แล้วสาวไส้ใส่พาน
่านั้น
ทองไว้แล้วปล่อยกลับ ต่อมาพระร่วงมีพระประสงค์จะเล่นน้าไปแก่งเมือง ทรงรับสั่งแก่เจ้าพสุจ
าเท
กุมาร พระอนุชาอีกพระองค์หนึ่งให้ค รองเมืองแทน หากไม่เห็นพระองค์ก ลับ มา และก็เป็ น
เช่นนั้นจริง ๆ พระร่วงอันตรธานหายไปในแก่งเมืองนั่นเอง
ศึกษ
ส าหรั บ สถานที่ ที่ เกี่ ย วข้ อ งกั บ เรื่ อ งพระร่ ว งลู ก นางนาคนี้ มี ส ถานที่ ต่ า ง ๆ
ปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐาน เช่น เขาหลวง ปล่องนางนาค แก่งหลวง ฯลฯ เป็นต้น
กา ร
“พระร่วง” อีกพระองค์หนึ่งที่รู้จัก คือ พระร่วงผู้มีวาจาสิทธิ์ ซึ่งมีหน้าที่ส่งส่วย
น้าจากกรุงละโว้ไปยังกรุงกัมพูชา โดยได้แสดงความเป็นผู้มีบุญให้เห็น ด้วยการตักน้าใส่ชะลอม
เพื่อ
ทั่วไปจึงเรียกกันว่า “พระร่วง”
ฝ่ายขอมได้สืบจนรู้ที่อยู่พระร่วง ก็ได้แปลงร่างดาดินมาโผล่ที่บริเวณวัด และได้
ัยสว
"
่านั้น
ร่วงเป็นราชบุตรพระยาลือ (คนละองค์กับพระยาลือพระอนุชาพระร่วงอรุณกุมาร) มารดาเป็นผี้
เสื้ อ ย่ อมมี ฤ ทธิ์ ม าก สามารถแปลงร่างเป็ นอะไรก็ ได้ จึงถามพระยาเม็ งรายว่าควรจะคื น
าเท
ทองค าให้ พระร่ว งดี หรือไม่ พระยาเม็ งรายตอบว่า ตามใจ พระยางาเมืองจึงคื นทองค า
จากนั้นก็เป็นมิตรดีกันสืบไป
ศึกษ
เรื่องพระร่วงลอบเป็นชู้กับพระมเหสีพระยางาเมืองนี้ คาดว่าเป็นพระร่วง “พ่อ
ขุนรามคาแหง” แห่งกรุงสุโขทัย เพราะมีเหตุการณ์พ้องอยู่ในตานานพงศาวดารของประเทศ
กา ร
เพื่อ นบ้านด้ว ย เช่น เมื่ อพระยาเม็งรายสร้างเมืองเชีย งใหม่และได้อัน เชิญ พระร่วงเจ้าเมือ ง
เพื่อ
สุโขทัยไปร่วมหารือด้วย ที่ปรากฏในตานานพระพุทธสิหิงค์ หรือเรื่องมะกะโทสร้างตนเองจนได้
เป็ น พระเจ้ า ฟ้ า รั่ ว ปกครองเมื อ งมอญ เมื่ อ เที ย บเคี ย งศั ก ราชแล้ ว ตรงกั บ รั ช กาลพ่ อ ขุ น
รามคาแหง (มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2543)
ิต
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในภาคเหนือ
สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของภาคเหนือมีหลากหลาย สามารถสะท้อน
วิถีชีวิตวัฒนธรรมและให้ความรู้ทางศิลปวัฒนธรรมหลายแห่ง (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และภาควิชาอนุรักษ์วทิ ยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2553) ที่สาคัญ คือ
พระธาตุดอยสุ เทพ จังหวัดเชีย งใหม่ เป็นที่ป ระดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
ตั้งแต่สมัยพระเจ้ากือนา สาหรับเจดีย์ที่เห็นในปัจจุบันสร้างในสมัยพระเกษเกล้า การสร้างพระ
"
่านั้น
บรมธาตุบนดอยสุเทพ ถือเป็นการสร้างตามคติความเชื่อเรื่องการบูชาเขาศักดิ์สิทธิ์ โดยในวันวิ
สาขบูชา จะมีประเพณีชุพระธาตุ (ขึน้ พระธาตุ)
าเท
พระธาตุ ด อยตุง จังหวั ด เชีย งราย เป็ นเจดีย์แห่งแรกของล้านนา สร้างสมั ย
พระเจ้าอชุตราช บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) ต่อมา
ศึกษ
สมัยพญามังรายได้มีการสร้างเจดียใกล้กับองค์เดิม ทาให้มพี ระเจดีย์สององค์มาจนทุกวันนี้
วัดพระบรมธาตุแช่แห้ง จังหวัดน่าน สร้างโดยผู้ครองนครน่านระหว่าง พ.ศ.
กา ร
1869-1902 เพื่อประดิษฐานพระมหาชินธาตุเจ้า 7 พระองค์ ที่ได้รับพระราชทานจากพระมหา
ธรรมราชาลิไท องค์พระธาตุเป็นทรงระฆัง และมีลักษณะคล้ายพระธาตุหริภุญชัย
เพื่อ
"
่านั้น
าเท
ภาพที่ 6.2 วัดพระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลาพูน
ศึกษ
ที่มา: ธรรมะไทย. 2556. กา ร
บทสรุป
เพื่อ
ภาคเหนือเป็นภาคที่มีประวัติศาสตร์และความเจริญที่ปรากฏร่องรอยมาจนทุก
วั นนี้ โดยมี พั ฒ นาการของการสร้างรัฐ หรือ แว่น แคว้น มาอย่ างต่ อ เนื่ อ ง โดยเฉพาะบริเวณ
ิต
นดุส
แบบฝึกหัดท้ายบท
1. ผูส้ ร้างเมืองเชียงใหม่คือใคร
2. กษัตริย์องค์แรกผู้สร้างเมืองหริภุญไชยคือใคร
3. ผูร้ วบรวมหัวเมืองทางเหนือเข้าเป็นอาณาจักรล้านนาคือผูใ้ ด
4. ชื่อเต็มของเมืองหลวงล้านนามีชื่อว่าอย่างไร
5. กษัตริย์ล้านนานิมนต์พระสงฆ์จากที่ใดไปเผยแพร่ในภาคเหนือ
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
กา ร
ิต เพื่อ
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
เอกสารอ้างอิง
หนังสือ และบทความในหนังสือ
"
่านั้น
เที่ยว. กรุงเทพฯ: มปป.
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (2545). หนังสือน้าเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ /ล้าพูน /ล้าปาง/
าเท
แม่ฮ่องสอน (พิมพ์ครัง้ ที่ 1). กรุงเทพฯ: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย.
ศึกษ
ชนัญ วงษ์วิภาค. (2548). ภูมิปัญญาท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์เขมพันธ์จากัด
มหาวิทยาลัยศิลปากร. (2543). คู่มือมัคคุเทศก์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
กา ร
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต
เพื่อ
มิถุนายน].
เว็ ป ไซ ต์ จั งห วั ด ล า ป า ง. (2555). วั ด พ ร ะ ธ า ตุ ล้ า ป า งห ล ว ง . [Online]. Available:
ยาล
"
่านั้น
ความยึดมั่นในพระพุทธศาสนา จึงทาให้เทศกาลและงานประเพณีส่วนมากมักเกี่ยวเนื่องกับ
ศาสนา ขณะเดียวกันยังสะท้อนอัตลักษณ์แห่งวัฒนธรรมประเพณีที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคโบราณ
าเท
สมัยอาณาจักรโบราณแห่งล้านนา ลักษณะภูมิศาสตร์ ที่มีสภาพพื้นที่และอากาศส่งผลต่อวิถี
ศึกษ
ชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งสะท้อนออกมาอย่างเด่นชัดในลักษณะของอาหารการกินและบ้านเรือนที่
อยู่อาศัย กา ร
เทศกาลและงานประเพณี
เพื่อ
ภาคเหนื อเป็ นภาคที่มี ป ระเพณี วัฒ นธรรมที่ เกี่ย วเนื่ องกั บ พุ ท ธศาสนาและ
โบราณสถานสาคัญ ๆ เทศกาลและงานประเพณีของภาคเหนือที่สาคัญมีดังนี้ (การท่องเที่ยว
ิต
แห่งประเทศไทย, 2533)
นดุส
ประชาชนได้สักการะและสรงน้า
ประเพณีการสรงน้าพระธาตุหริภุญไชย จังหวัดลาพูน จัดขึน้ ในวันเพ็ญเดือน 6
ของทุกปี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานน้าสรงเพื่อประกอบพิธี นอกจากนี้
ยังมีการนาน้าศักดิ์สิทธิ์จากดอยขะม้อมาสรงด้วย
ประเพณีจองพารา เป็นประเพณีของชาวไทยใหญ่หรือชาวชานหรือชาวไตใน
จังหวั ด แม่ ฮ่อ งสอน โดยจะจัด ในช่วงเทศกาลออกพรรษาหรืองานปอยเหลิน สิ บ เอ็ด ค าว่า
“จองพารา” ในภาษาไทยใหญ่ แปลว่า “ปราสาทพระ” การบู ช าจองพารา คื อ การสร้า ง
72
"
วันออกพรรษา ในวันขึ้น 15 ค่า เดือน 11 ตอนเช้าประชาชนจะไปทาบุญที่วัด มี
่านั้น
การตักบาตรเทโว และตอนเย็นจะมีก ารนาดอกไม้ ธูป เทียน และขนมข้าวต้มไปขอขมาบิดา
าเท
มารดา รวมถึ งญาติผู้ใหญ่ และผู้ที่ให้ความเคารพ ซึ่งการขอขมาจะมีไปจนถึงวัน แรม 8 ค่า
เดือน 11 จึงสิ้นสุดเทศกาลออกพรรษาของชาวไทยใหญ่
ศึกษ
ประเพณีลอยโคม (ยี่เป็ง) เป็นการบูชาพระอุปคุต ซึ่งเชื่อว่าได้บาเพ็ญบริกรรม
คาถาในสะดือทะเล คาว่า “ยี่” มีความหมายแปลว่า สอง ส่วนคาว่า “เป็ง” มีความหมายตรง
กา ร
กับคาว่า เพ็ญหรือพระจันทร์เต็มดวง เนื่องจากคนภาคเหนือจะนับเดือนทางจันทรคติเร็วกว่า
ภาคกลาง 2 เดือน จึงทาให้เดือนสิบสองของภาคกลางตรงกับเดือนยี่หรือเดือน 2 ของล้านนา
เพื่อ
หรือภาคเหนือ
ประเพณียี่เป็งเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 13ค่า ถือว่าเป็น “วันดา” หรือวันจ่ายของเพื่ อ
ิต
นดุส
ในกะลา โดยใช้เชือกฟั่นหรือขีไ้ ต้
ตานก๋วยสลาก หรืองานสารทเดือนสิบของภาคเหนือ เริ่มในวันเพ็ญ เดือน 12
(กันยายน) ถึงแรม 1 (พฤศจิกายน) เชื่อว่าตานก๋วยสลากเป็นการราลึกถึงนางยักษ์ที่ช่วยบอกให้
ชาวเมืองรู้ถึงสภาพดินฟ้าอากาศก่อนการเพาะปลูก ทาให้สามารถทามาหากินได้อย่างรุ่งเรือง
ชาวบ้านจึงนาเครื่องสักการะให้นางยักษ์ และนางได้นาเครื่องสักการะนั้นถวายให้พระภิกษุเป็น
สลากภัต ค าว่า “ก๋ ว ย” คือ ตะกร้าหรือชะลอม ที่สานด้วยไม้ไผ่ บรรจุข้าวสาร อาหารแห้ ง
73
อาหารภาคเหนือ
อาหารหลักของคนภาคเหนือ คือ ข้าวเหนียว ที่รับประทานกับพืชผักที่หาจาก
ท้องถิ่นและนามาปรุงเป็นอาหาร ส่วนมากอาหารภาคเหนือมีรสกลาง ๆ ไม่เผ็ดจัดและมีรสเค็ม
"
่านั้น
สาหรับความเผ็ดของอาหารเหนือจะไม่คอ่ ยจัดเท่ากับภาคอีสานหรือภาคกลางและภาคใต้ และ
อาหารเหนือไม่นิยมใส่น้าตาล ไม่มอี าหารรสเปรีย้ ว (อบเชย อิ่มสบาย, 2547)
าเท
อาหารภาคเหนือเป็นอาหารที่ได้รับวัฒนธรรมจากประเทศเพื่อนบ้านที่สาคัญ
คื อ พม่ า ลาว สิ บ สองปั น นา และฉาน อาหารภาคเหนื อ ที่ ส าคั ญ คื อ ข้ า วซอย แกงฮั ง เล
ศึกษ
แกงโฮะ น้าพริกอ่อง น้าพริกหนุ่ม เป็นต้น
สาหรับเครื่องปรุงของอาหารเหนือที่สาคัญ คือ
กา ร
ปลาร้า โดยการหมักปลากับเกลือเพื่อให้ได้นา้ เพื่อนามาปรุงประกอบอาหาร
เพื่อ
น้าปู๋ คือ น้าที่ได้จากการนาปูในท้องนามาโขลกและน้าไปเคี่ ยวกรองน้า และใส่
ข่า ตะไคร้ เคี่ยวจนมีสดี า เพิ่มรสเค็มให้อาหาร
ิต
จนแห้ง ใช้แทนกะปิ
การท าอาหารใช้วิธีการ แกง จอ นึ่ง ปิ้ง จี่ คั่ว ตา และยา แกง ภาษาเหนือ
ัยสว
แกงอ่อมไก่
จอ คือ การปรุงอาหารประเภทผัก โดยการนาน้าใส่หม้อตั้งไฟและปรุงด้วย
าวิท
"
ส่ว นประกอบหลั ก ได้แก่ เกลื อ กระเที ย ม หัวหอม พริก แห้งหรือพริก สด กะปิ ถั่ วเน่าแข็บ
่านั้น
(ถั่วเน่าแผ่น)
าเท
ย า คื อ การท าอาหารที่ ใช้กั บ ของที่ สุก แล้ ว เช่น ย าจิ๊ นไก่ ท าด้ วยไก่ ต้ ม ย า
ผักเฮือด (ผีผักเฮือดนึ่ง) ยาจิ๊นแห้ง (เนื้อต้ม) ปรุงเครื่องยา หรือเรียกว่า พริกยา ในน้าเดือด
ศึกษ
แล้วนาส่วนผสมที่เป็นเนือ้ หรือผักต้มลงไป
กา ร
ิต เพื่อ
นดุส
เนื่องจากสภาพอากาศในภาคเหนือช่วงฤดูหนาวมีอากาศค่อนข้างหนาวจัด
ทาให้ร่างกายต้องการสร้างความอบอุ่นเป็นอย่างมาก ดังนั้น ในฤดูหนาวมักรับประทานอาหาร
าวิท
"
บุญ หรืองานส าคั ญ เช่น การต้อนรับ แขก นิย มใช้ถ าดนามาใส่อ าหารหรือที่เรีย กว่าขัน โตก
่านั้น
(สานักหอสมุดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2007)
าเท
ศึกษ
กา ร
ิต เพื่อ
นดุส
ัยสว
บ้านที่อยู่อาศัย
าวิท
"
บ้านหรือเรือนของภาคเหนือในอดีตตามแบบฉบับ จะมีส่วนประกอบ ดังนี้
่านั้น
บันไดและเสาแหล่งหมา ลักษณะบ้านเรือนไทยจะมีตัวบันไดที่หลบอยู่ใต้ชายคา
าเท
บ้านด้านซ้าย ดังนั้น จึงต้องมีเสาลอยเพื่อรับโครงสร้างหลังคา เสานั้ นเรียกว่า “เสาแหล่งหมา”
เนื่องจากในอดีตอาจมีการนาหมาหรือสุนัขมาผูกไว้ที่เสานี้ เติน คือ บริเวณห้องโถงหรือที่เปิด
ศึกษ
โล่ง ใช้เป็นที่เอนกประสงค์ เช่น รับแขก รับประทานอาหาร นั่งเล่น ทาบุญ หรือที่แอ่วสาว
ร้านน้า บริเวณชานโล่งหน้าบ้าน จะมีห้ิงสาหรับ วางหม้อน้าดื่ม หิ้ งนี้เรียกว่า
กา ร
“ร้านน้า หรือ ฮ้างน้า”
ห้ อ งนอน เป็ น ห้ อ งส าคั ญ ของบ้ า นโดยเหนื อ ประตู ท างเข้ าจะมี ไม้ แ กะสลั ก
เพื่อ
เรีย กว่ าห ายนต์ ส่ ว นธรณี ป ระตู เรีย กว่ า ข่ม ประตู บุ ค คลอื่ น ที่ ไม่ ใ ช่ค นในครอบครัว หากมี
การข้ามข่มประตูเข้ามาในห้องนอนถือว่าผิดผี ต้องทาพิธีขอขมา
ิต
นดุส
เกษตรศาสตร์, 2553)
ยาล
าวิท
"มห
บทสรุป
ลั ก ษณ ะวั ฒ นธรรมและงานประเพณี ของภาคเหนื อ มี ค วามผู ก พั น กั บ
พระพุทธศาสนา ผสมผสานกับความเชื่อดั้งเดิมของท้องถิ่น หล่อหลอมให้กลายเป็นเทศกาล
และงานประเพณี ที่ ง ดงาม นอกจากนี้ สภาพสิ่ ง แวดล้ อ ม และภู มิ ศ าสตร์ ยั ง ส่ ง ผลต่ อ
การดารงชีวิตของคนในภาคเหนือ ลักษณะอาหารการกินจะพึ่งพิงกับทรัพยากรท้องถิ่น รวมไป
ถึงวัสดุและการออกแบบบ้านเรือนที่อยู่อาศัยที่ให้เกิดความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและ
"
่านั้น
ธรรมชาติ และปรับปรุงพัฒนาจนกลายเป็นวัฒนธรรมแห่งการดารงชีวิต
าเท
แบบฝึกหัดท้ายบท
1. ประเพณีทางภาคเหนือส่วนมากเกี่ยวข้องกับเรื่องใด
ศึกษ
2. วรรณกรรมท้องถิ่นที่สามารถนามาประยุกต์ใช้ร่วมกับการท่องเที่ยวมีเรื่อง
กา ร
ใดบ้าง
3. จงอธิบายลักษณะอาหารของภาคเหนือ
เพื่อ
4. จงอธิบายลักษณะบ้านเรือนของภาคเหนือ
5. จงร่วมกันอภิปรายถึงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมภาคเหนือต่อการท่องเที่ยว
ิต
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
78
เอกสารอ้างอิง
หนังสือ และบทความในหนังสือ
ก า ร ท่ อ ง เที่ ย ว แ ห่ ง ป ร ะ เท ศ ไท ย แ ล ะ ภ า ค วิ ช า อ นุ รั ก ษ์ วิ ท ย า ค ณ ะ ว น ศ า ส ต ร์
"
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2553
่านั้น
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (2533). งานเทศกาลประเพณีท่นี ่าสนใจทางการท่องเที่ยว.
กรุงเทพฯ: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย.
าเท
มหาวิทยาลัยศิลปากร. (2544). คู่มือมัคคุเทศก์. กรุงเทพฯ: คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัย
ศึกษ
ศิลปากร.
สารานุกรมวัฒนธรรมไทย (ภาคเหนือ). (2542). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรม
กา ร
ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์.
อบเชย อิ่มสบาย. (2547). อาหารไทย 4 ภาค (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แสงแดด
เพื่อ
จากัด.
ิต
นดุส
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต
ัยสว
สานัก หอสมุด มหาวิท ยาลั ย เชีย งใหม่ . (2550). อาหารพื้ นบ้ านล้ านนา [Online]. Available:
http://library.cmu.ac.th/ [2557, มีนาคม].
ยาล
บริเวณที่ราบสูงโคราชนับแต่เทือกเขาเพชรบูรณ์จนถึงแม่น้าโขง เป็นบริเวณที่มี
"
่านั้น
ประวัติศาสตร์อันยาวนาน จากหลักฐานในยุคประวัติศาสตร์ที่ปรากฏในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12
เมื่ออาณาจักรเจนละมีอ้านาจครอบคลุมดินแดนแถบลุ่มแม่น้าโขงและลุ่มแม่น้ามูลในตอนใต้
าเท
ของภาคตะวั น ออกเฉี ย งเหนื อ ดิ น แดนแถบลุ่ ม แม่ น้ า เจ้ า พระยา ซึ่ ง ปรากฏหลั ก ฐานทาง
ประวั ติศาสตร์และโบราณคดีว่า เป็นศูนย์ก ลางทางพระพุ ท ธศาสนาที่ ส้าคัญ ที่สุดแห่งหนึ่ ง
ศึกษ
สมเด็จกรมพระยาด้ารงราชานุภาพเรียกบริเวณนีว่า “รัฐทวารวดี” ซึ่งบริเวณที่พบศิลปกรรม
กา ร
สมั ย ทวารวดี น อกจากบริเวณลุ่ มแม่น้ าเจ้ าพระยาแล้ ว ยั งพบในบริเวณภาคเหนื อ ส้ าหรับ
ภาคอีสานพบซากเมืองโบราณแบบทวารวดีหลายเมือง ได้แก่ เมืองเสมา จังหวัดนครราชสีมา
เพื่อ
เมืองฟ้าแดดสงยาง จังหวัดกาฬสินธุ์ เมืองหนองหาน จังหวัดอุดรธานี เมืองโบราณบ้านตาดทอง
จังหวัดยโสธร เป็นต้น เมืองโบราณเหล่านีไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด เช่นเดียวกับภาคกลางและ
ิต
ต้ า นาจอุ รั ง คธาตุ ซึ่ ง กล่ า วถึ ง กษั ต ริ ย์ 5 นคร ได้ ม าร่ ว มกั น สร้ า งพระบรมธาตุ เพื่ อ บรรจุ
พระอุ รังคธาตุ คื อ กระดู ก หน้ าอกของพระพุ ท ธเจ้า ที่ พ ระมหากั ส สปเถระน้ ามาจากเมื อ ง
ัยสว
"
่านั้น
ความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม
ภาคอีสานเป็นภาคที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมเนื่องจากมีการสืบทอด
าเท
วัฒนธรรมจากบรรพบุรุษที่แตกต่าง ตัวอย่างวัฒนธรรมอีสาน ได้แก่
1. วัฒนธรรมบ้านเชียง
ศึกษ
วัฒนธรรมบ้านเชียง ได้แก่ วัฒนธรรมยุคโลหะซึ่งพบทั่วไปในภาคอีสาน ที่
ส้าคัญคือบ้านเชียง อ้าเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี บ้านพันนา อ้าเภอสว่างแดนดิน จังหวัด
กา ร
สกลนคร บ้านดอนตาล จังหวัดนครพนม โนนนกทา จังหวัดขอนแก่น วัฒนธรรมบ้านเชียงมี
เพื่อ
การส้ารวจค้นคว้าอย่างจริงจังในปี พ.ศ. 2509 หลังจากนันทังชาวไทยและชาวต่างประเทศก็
ตื่ น เต้ น สนใจบ้ า นเชี ย งในฐานะที่ เป็ น แหล่ ง เครื่ อ งปั้ น ลายเขี ย นสี ส มั ย ก่ อ นประวั ติ ศ าสตร์
ิต
มีการลักลอบขุดค้นหม้อลายเขียนสีออกจ้าหน่ายกันอย่างแพร่หลาย ในเวลาเดียวกันการขุดค้น
นดุส
เพื่อการศึกษาของกรมศิลปากรก็ด้าเนินไปจนส้าเร็จเรียบร้อย
การค้นพบวัฒ นธรรมบ้านเชียงได้ท้าให้ความรู้เกี่ยวกับ เอเชียตะวันออก
ัยสว
เฉี ย งใต้ส มัย ก่ อนประวั ติศาสตร์ต้ องเปลี่ย นไป ซึ่ งแต่ เดิมนัก โบราณคดี เชื่อว่าบริเวณเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้นีเป็นแหล่งล้าหลังความรู้ความสามารถ ในการใช้ส้าริดนันเกิดจากการรับ
ยาล
ในภู มิ ภ าคเอเชีย ตะวั น ออกเฉี ย งใต้ แต่ ห ลั งจากทราบอายุ เครื่ อ งมื อ ส้ าริ ด ที่ บ้ านเชี ย งแล้ ว
ชีให้เห็นว่าบริเวณภาคอีกสาน เป็นแหล่งเริ่มแรกในการท้าส้าริดก่อนแหล่งอื่น ๆ ของโลก เช่น
"มห
"
่านั้น
3. ด้านศิลปกรรม
เนื่อ งจากหลั ก ฐานทางประวัติ ศ าสตร์ที่ พ บส่วนใหญ่ เป็ น จารึก เกี่ ย วกั บ
าเท
พระพุ ท ธศาสนาไม่ มี เรื่อ งราวทางราชส้ านั ก หรือ เรื่อ งอื่ น ๆ เลย ท้ าให้ ค วามรู้ เกี่ ย วกั บ รั ฐ
ทวารวดีทางภาคอีสานหรือที่เรียกกันว่า “รัฐศรีโคตรบูร” แพร่หลายอยู่เฉพาะด้านศิลปกรรม
ศึกษ
เท่านัน
4. ด้านภาษา
กา ร
อาจจะจัดกลุ่มวัฒนธรรมตามภาษาพูดได้ 3 กลุ่ม คือ
เพื่อ
1) กลุ่ ม วั ฒ นธรรมไทย-ลาว คื อ กลุ่ ม ที่ พู ด ภาษาถิ่ น อี ส านอั น เป็ น
ภาษาไทยถิ่ น สาขาหนึ่ ง เป็ น กลุ่ ม ที่ มี วั ฒ นธรรมเด่ น กว่ า กลุ่ ม อื่ น ๆ นอกจากนี ยั ง มี
กลุ่มวัฒนธรรมที่แยกย่อยไปอีกหลายกลุ่ม เช่น ไทยแสก ไทยย้อ ไทยโย้ย ไทยพวน ผู้ไทย ชนก
ิต
นดุส
กลุ่มนีนิยมรับประทานข้าวเหนียว
2) กลุ่ม วั ฒ นธรรมเขมร-ส่ วย คื อ กลุ่ม ที่ พู ดภาษาตระกู ลมอญ-เขมร
ัยสว
ได้ แก่ เขมรและส่ ว ย (หรือ กุ ย ) ที่ ตั งหลั ก แหล่ งอยู่ ที่ จังหวัด สุ ริน ทร์ บุ รีรั ม ย์ และศรี ส ะเกษ
ชาวเขมรและส่ ว ยมี ภ าษาพู ด ของตนเองแตกต่ างไปจากภาษาไทย กลุ่ ม นี นิ ย มรับ ประทาน
ยาล
ข้าวเจ้าเป็นหลัก
3) กลุ่มวัฒ นธรรมไทยเบิ ง (ไทยโคราช) มีวัฒ นธรรมเหมือนภาคกลาง
าวิท
มากที่สุดแต่พูดส้าเนียงเพียนเหน่อไปบ้างเท่านัน ตังหลักแหล่งอยู่ในเขตจังหวัดนครราชสีมา
"มห
และบางส่วนของจังหวัดบุรีรัมย์
แม้ว่าชาวอีสานจะมีวัฒนธรรมแตกต่างกัน แต่วิถีชีวิตไม่แตกต่างกันมาก
ไม่ว่าจะเป็นประเพณีการเกิด การแต่งงานและการตาย รวมถึงความเชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณ แต่
อาจจะมีพธิ ีกรรมปลีกย่อยที่แตกต่างกันตามความเชื่อของกลุ่มนัน ๆ
82
วรรณคดีภาคอีสาน
วรรณคดี ภ าคอี ส านมี ลั ก ษณะเนื อหาที่ ส ะท้ อ นวิ ถี ชี วิ ต ความเชื่ อ และ
วั ฒ นธรรม รวมทั งยั ง มี ค วามเกี่ ย วข้ อ งกั บ สถานที่ ส้ าคั ญ ต่ าง ๆ ในท้ อ งถิ่ น (มหาวิท ยาลั ย
ศิลปากร, 2543)
ตานานหนองหาน มีการกล่าวถึงพญาขอมองค์หนึ่งที่ปกครองเมืองเอกธีตา
มีมเหสี และธิดาชื่อ “ไอ่ค้า” นางไอ่ค้าเป็นสตรีที่สวยงามมาก ความงามของนางล่้าลือไปถึง
"
่านั้น
เมือ งผาโผงที่ มี ท้ าวผาแดงปกครองเมือ งนี ซึ่งเมื่ อ ได้ฟั ง ก็ เกิด หลงรัก นางและคิด ถึงนางจน
ซูบ ผอม จึงตัด สิ น ใจเดิ น ทางไปหานางไอ่ ค้ า แม้ จะมี ผู้คั ด ค้ าน แต่ ท้ าวผาแดงก็ ไม่ ฟั ง และ
าเท
เดินทางไปจนถึงพบกับนางไอ่ค้าสมใจ
ขณะเดียวกันพญาขอมก็ต้องการให้นางไอ่ค้ามีคู่ครอง จึงประกาศไปยังเมือง
ศึกษ
ต่าง ๆ ให้มาเลือกคู่ โดยท้าบังไฟประกวดกัน ผู้ใดท้าบังไฟได้ใหญ่ที่สุดและจุด ได้สูงที่สุดจะได้
เป็นคู่ครองของนางไอ่ค้าและจะได้แบ่งเมืองให้ปกครองส่วนหนึ่งด้วย
กา ร
ในขณะที่ “ภังคี” พญานาคลูกพระยาสุทโธนาคราช เป็นเจ้าแห่งพญานาคอยู่
เพื่อ
แม่น้าโขง เมื่อทราบข่าวบุญบังไฟของพญาขอมก็อยากไปร่วมงานด้วย และเพราะได้ข่าวว่านาง
ไอ่ค้าสวยจึงอยากพบ พญานาคได้แปลงร่างเป็นมนุษย์ นางไอ่ค้าคิดว่าเป็นมนุษย์จึงไม่รังเกียจ
ิต
เห็นหน้านางไอ่ค้าอีก
พญาขอมได้เตรียมบังไฟใหญ่ เมื่อเริ่มงานก็มีการละเล่นพืนเมืองตามประเพณี
ัยสว
พญาขอมเห็นเครื่องบรรณาการ และบังไฟของท้าวผาแดงซึ่งประดับประดาสวยงามยิ่งกว่า
เมืองใด ๆ พญาขอมจึงชอบและอยากได้ผาแดงเป็นลูกเขย จึงให้บริวารน้าท้าวผาแดงไปพบ
ยาล
นางไอ่ค้า และทังสองต่างก็รักกัน
าวิท
"
ท้าวผาแดงพานางไอ่ค้าหนี เมื่อม้าวิ่งข้ามป่าจนหมดแรงแล้วล้มลงขาดใจตายตรงนัน กลายเป็น
่านั้น
ล้าห้วยชื่อ “ห้วยสามพาด” แหวนที่นิวมือนางไอ่ ค้ากระเด็นหลุดไป ตรงที่แหวนตกลงไปชื่อ
าเท
“บ้านหนองแหวน” ฆ้องที่กระเด็นไปชื่อ “หนองค้อน” ส่วนแฉ่ง (ฉาบ) ที่กระเด็นไปชื่อ “บ้าน
หนองแช่ง” ระยะทางที่ท้าวผาแดงขับม้าพานางไอ่หนีไปนัน บริวารนาคปลอมตัวเป็นขอนไม้
ศึกษ
ขวางทางอยู่ จึงเรียกว่า “หนองขอนขว้าง”
ในการแย่งตัวนางไอ่ค้านัน นาคได้เอาหางตวัดดึงตัวนางไอ่ ค้าออกจากหลังม้า
กา ร
นางกอดเอวท้ าวผาแดงไว้ แต่ สู้ แรงนาคไม่ ได้ต้ อ งหลุ ด ไปเป็ น ของนาค นาคจึ งอุ้ ม นางลงสู่
บาดาล
เพื่อ
ส่วนท้าวผาแดงหนีได้ปลอดภัยกลับบ้านเมืองของตน แต่ก็ไม่มีความสุขเพราะ
คิดถึงนางไอ่ค้า เมืองขอมจึงกลายเป็นเมืองร้างจมน้า เหลือแต่บ้านแม่หม้ายซึ่งเป็นเกาะอยู่
ิต
นดุส
ไปครอง
นางอุสา ท้าวบารส
บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ณ เชิงเทือกเขาภูพาน อ้าเภอบ้านผือ
จังหวัด อุด รธานี นอกจากจะเป็นที่ตังของพระพุ ท ธบาทบัวบกแล้ว ยังเป็นแหล่งธรรมชาติที่
ประกอบด้วย ถ้ า และเพิงหินรูป ร่างลัก ษณะต่าง ๆ สวยงาม ท้าให้เกิดเรื่องเล่าเพื่ออธิบาย
สถานที่ต่าง ๆ บริเวณนี ดังต่อไปนี
84
"
พระโคก้ าลั งอาบน้ าอยู่ก็ พ บกระทงนั น เมื่ อ อ่านข้ อความแล้ วก็ ออกติ ด ตามหานางด้ วยม้ า
่านั้น
พาหนะ ก่อนที่จะเข้าไปหานางอุสา ท้าวบารสก็ผูกม้าไว้ที่คอกม้าแล้วเข้าไปหานางอุสา ทังสอง
าเท
ก็อยู่ด้วยกัน เมื่อพระยากงพานรู้เข้าก็เกิดความไม่พอใจมาก จึงท้าท้าวบารสสร้างวัดแข่งกัน
ใครแพ้ก็ต้องถูกตัดศีรษะทังสองก็ลงมือสร้างวัดแข่งขันกัน ท้าวบารสอาศัยกลอุบายจึงเอาชนะ
ศึกษ
พญากงพานได้ พญากงพานก็ ถูกตัดศีรษะ นางอุสาและท้าวบารสก็ได้อยู่กินด้วยกันอย่างมี
ความสุข กา ร
จากต้านานอุสาบารสนีชาวบ้านจึงได้จินตนาการเพื่ออธิบายเพิงหินรูปต่าง ๆ
ที่ปรากฏที่ภูพระบาทนีขึนให้สอดคล้องกับเรื่อง เช่น คอกม้าท้าวบารส คอกม้าน้อย กู่นางอุสา
เพื่อ
ท้าวปาจิต นางอรพิม
ัยสว
ต้ า นานเรื่ อ งนี เป็ น ต้ านานเมื อ งพิ ม าย นานมาแล้ ว มี เจ้ า เมื อ งผู้ ค รอบครอง
นครธมซึ่ งเป็ น กษั ต ริย์ ข องเขมร มี พ ระราชโอรสทรงพระนามว่ า “ท้ า วปาจิ ต ” พระบิ ด ามี
ยาล
พระประสงค์ให้เจ้าชายอภิเษกก่อนที่จะขึนครองราชสมบัติ จึงให้ป่าวประกาศเรียกสาวทังหมด
ในเมืองมาให้เลือก แต่ท้าวปาจิตไม่สนใจใครเลยแม้แต่คนเดียว พระราชบิดาจึงให้โหรหลวงมา
าวิท
อยู่ในครรภ์ของหญิงชาวนา สังเกตได้โดยจะมีเงากลดกันบังหญิงนันอยู่
ท้าวปาจิตและทหารคนสนิทได้ปลอมตนเป็นชาวบ้าน ออกเดินทางตามหาจน
พบหญิงชาวนาคนหนึ่งตังครรภ์ใกล้คลอดมีลักษณะตรงตามค้าท้านาย จึงขออาศัยหญิงชาวนา
นามว่ า “นางบั ว” อยู่ ด้ วย โดยช่ วยนางท้ างานทุ กอย่ างจนนางบั วคลอดลู กออกมาเป็ นหญิ ง
หน้าตางดงามมาก มีชื่อว่า “อรพิม” ท้าวปาจิตได้ช่วยนางบัวเลียงดู และเรียกท้าวปาจิตว่า “พี”่
เมื่อเวลาผ่านไป 15 ปี อรพิมโตเป็นสาวสวย ความงามของนางเลื่องลือไปทั่ว
หมู่บ้าน ท้าวปาจิตจึงตัดสินใจเล่าความจริงทังหมดให้นางบัวทราบแล้วสู่ขอนางอรพิม นางบัว
85
"
นอกจากท้ าวปาจิ ต แล้ ว หากชายใดจะแตะต้ อ งตั วนางขอให้ ก ายของนางร้อ นเป็ น ไฟ เมื่ อ
่านั้น
ท้าวพรหมทัตเข้าใกล้ตัวนางอรพิมร่างกายของนางก็ร้อนเหมือนไฟ ท้าวพรหมทัตจึงแตะต้อง
าเท
ตัวนางไม่ได้ แต่นางอรพิมก็เกรงกลัวอ้านาจของท้าวพรหมทัต จึงบอกว่าตนไม่สบายขอผัดผ่อน
ไป 7 วัน โดยคิดว่าท้าวปาจิตจะยกขันหมากมาทันและช่วยนางได้
ศึกษ
เมื่อท้าวปาจิตยกขบวนขันหมากมาถึงล้าน้าแห่งหนึ่งจึงทราบข่าวจากชาวบ้ าน
ท้าให้ท้าวปาจิตโกรธท้าลายข้าวของเททิงน้าหมดแล้วเดินทางไปวิมานบุรี เมื่อไปถึงก็ปลอมตัว
กา ร
เป็นชาวบ้าน และบอกทหารยามเฝ้าประตูวังว่าจะขอเข้าเยี่ยมน้องสาวชื่ออรพิม นางดีใจมาก
ร้องทักมาว่าพี่มา ต่อมาจึงเพียนเป็น “พิมาย”
เพื่อ
นิทานเรื่องท้าวปาจิตกับนางอรพิมนี เป็นต้านานประวัติศาสตร์ของเมืองพิมาย
จังหวัดนครราชสีมา หลักฐานที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี ได้แก่ ชื่อสถานที่และหมู่บ้านหลายแห่ง เช่น
ยาล
เป็นบ้านส้าริด
"มห
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
ภาพที่ 8.1 ปราสาทหินพิมาย
กา ร
ที่มา: นครโคราชดอทคอม. 2007.
เพื่อ
พระธาตุก่องข้าวน้อย
ิต
นดุส
สร้างพระธาตุมีลักษณะคล้ายก่องข้าวที่แม่ใส่ข้าวเหนียวไปให้กินตรงบริเวณที่แม่ตายเพื่อเป็น
การอุทิศส่วนกุศลให้แม่ พระธาตุองค์นีจึงได้ชื่อว่า พระธาตุก่องข้าวน้อย ปัจจุบันเป็นสถานที่
ศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดยโสธรและเป็นอุทาหรณ์เตือนใจคนทั่วไป
แหล่งท่องเที่ยว
แห ล่ งท่ อ งเที่ ย วแล ะเรี ย น รู้ ยุ ค ก่ อ น ป ระวั ติ ศ าส ต ร์ ที่ ส้ าคั ญ ใน ภ าค
"
่านั้น
ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นอีกภูมิภาคหนึ่งที่มีการขุดค้นพบหลักฐาน
ทางโบราณคดี ซึ่งแสดงถึงการตังถิ่ นฐานของมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์มากมายด้วยกัน
าเท
หลายแห่ งบางแหล่ งมี ค วามส้ าคั ญ และได้ รับ ความสนใจในระดั บ โลก แหล่ งท่ อ งเที่ ย วทาง
โบราณคดีที่ส้าคัญของภาคนี (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและภาควิชาอนุรักษ์วิทยา คณะ
ศึกษ
วนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2553) ได้แก่
แหล่ งโบราณคดีบ้ านเชีย ง ในเขตอ้าเภอหนองหาน จังหวัดอุด รธานี เป็ น
กา ร
แหล่งขุดพบหลักฐานโบราณคดีของมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ในช่วงยุคโลหะที่ส้าคัญมาก
เพื่อ
ที่สุ ด แห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉี ยงใต้ หลัก ฐานที่ขุดพบมีทังภาชนะดินเผาที่เป็ น
เอกลักษณ์เฉพาะเรียกว่า ภาชนะดินเผาวั ฒนธรรมบ้านเชียง โบราณวัตถุที่ท้าด้วยหิน ส้าริด
ิต
ตังแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์มาจนถึงสมัยประวัติศาสตร์ ที่มีหลักฐานของกลุ่มวัฒนธรรมแบบ
ทวารวดีและแบบเขมรโบราณ ระยะเวลาอยู่ในช่วงระหว่าง 2,500-3,000 ปีมาแล้ว ที่น่ีคือที่ตัง
ชุ ม ชนต่ อ เนื่ อ งกั น มาโดยตลอด ภายในบริ เวณแหล่ งโบราณคดี บ้ า นปราสาทมี ทั งอาคาร
พิพิธภัณฑ์ หลุมโบราณคดี พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง
แหล่งโบราณคดีโนนนกทา อ้าเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ที่นี่มีการขุดพบ
หลักฐานทางโบราณคดีหลายประเภทจ้านวนมาก เช่น ภาชนะดินเผา และชินส่วนภาชนะดินเผา
ซึ่งสามารถน้ามาประกอบได้จ้านวนถึงเกือบ 500 ใบขณะที่พบโครงกระดูกมากกว่า 200โครง
88
"
่านั้น
ไข่ ล้อมรอบด้วยคูเมือง 2 ชัน พบใบเสมาหินทรายศิลปะสมัยทวารวดีปักอยู่ในเมืองและพืนที่
โดยรอบมีเศษภาชนะดินเผาชินไม่ใหญ่นักกระจายอยู่บนเนิน มีทังชนิดเขียนสีแดง ชนิดลายขูดขีด
าเท
และลายเชือกทาบ จากหลักฐานที่พบในเมืองโบราณแห่งนี สันนิษฐานว่าเคยมีชุมชนมาตังแต่
สมั ย ก่ อนประวั ติศ าสตร์ มีก ารขุด พบโครงกระดู ก มนุ ษ ย์ อายุ ราว 2,500 ปี รูป แบบการฝั ง
ศึกษ
โครงกระดู ก นันเป็ น การฝังตามแบบพิ ธี ฝั งศพ ตามประเพณี โบราณ ด้ วยการฝั งเครื่อ งมื อ
เครื่องใช้ลงไปพร้อมศพด้วย กา ร
แหล่ งโบราณคดี บ้ านสงเปื อ ย (ดงเมือ งเตย) อ้าเภอค้าเขื่อนแก้ ว จังหวัด
เพื่อ
ยโสธร เป็นชุมชนโบราณที่ตังอยู่ในลุ่มแม่น้าชีตอนปลาย ลักษณะของเมืองเป็นเนินดินรูปร่าง
ค่อนข้างมีคู น้าคันดินล้อมรอบ มีซากโบราณสถานก่ออิฐสมัยเจนละ และเศษภาชนะดินเผา
สมัยทวารวดีกระจายอยู่เป็นจ้านวนมาก จากหลักฐานที่พบสันนิษฐานว่าที่ นี่น่าจะเป็นชุมชน
ิต
นดุส
ประวั ติ ศ าสตร์ที่ ได้ รับ อิ ท ธิ พ ลจากวั ฒ นธรรมอิ น เดี ย แบบ คุ ป ตะและหลั งคุ ป ตะ มี อ ายุ อ ยู่
ประมาณพุทธศตวรรษที่ 11-12
ยาล
ปราสาทแห่งนีถูกสร้างขึนก่อนปราสาทนครวัดในประเทศกัมพูชา และก่อนปราสาทหินพนมรุ้ง
จัดเป็นโบราณสถานที่มีความสวยงามทังในด้านสถาปัตยกรรมและประติมากรรม ทังยังแสดง
ให้เห็นถึงความรู้ ความสามารถของคนในสมัยนันอีกด้วย
อุ ท ยานประวั ติ ศ าสตร์ พ นมรุ้ ง อ้ า เภอเฉลิ ม พระเกี ย รติ จั งหวั ด บุ รี รั ม ย์
ภายในบริเวณอุทยานฯ ประกอบด้วยโบราณสถานที่ส้าคัญ คือ ปราสาทหินพนมรุ้ง ตังอยู่บน
ยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว เป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีการบูรณะก่อสร้าง
"
่านั้น
ต่อเนื่องกันมาหลายสมัย ต่อมาในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้หันมานับถือ
พุทธศาสนาลัทธิมหายานเทวสถานแห่งนีจึงได้รับการดัดแปลงเป็นศาสนสถานในช่วงนัน
าเท
ปราสาทพนมรุ้ ง สร้ า งจากหิ น ทรายสี ช มพู อ งค์ ป ระกอบและแผนผั ง ถู ก
ออกแบบให้เป็นแนวเส้นตรงที่เน้นความส้าคัญเข้าหาจุดศูนย์กลาง คือ ปรางค์ประธานซึ่งหัน
ศึกษ
หน้าไปทางทิ ศตะวั นออก นอกจากปรางค์ ป ระธานแล้วสิ่งก่อสร้ างโดยรอบที่ เรีย งรายจาก
ทางเข้าขึนไปถึงปรางค์ประธาน ล้วนสะท้อ นถึงพลังแห่งศรัทธา และฝีมือในงานช่างแกะสลัก
กา ร
หินอันวิจิตรบรรจง สิ่งที่ผู้คนรู้จักและจดจ้าเป็นอย่างดีเกี่ยวกับปราสาทพนมรุ้ง คือ ทับหลัง
เพื่อ
นารายณ์ บ รรทมสิน ธุ์ ทับ หลั งที่ เป็น ภาพจ้าหลัก แสดงเรื่องราวเทพเจ้าในศาสนาฮินดู เป็ น
โบราณวั ตถุ ที่ มีชื่อเสีย งมากที่สุ ด ถู ก โจรกรรมไปเมื่อ ราว พ.ศ. 2503 และไปจัด แสดงอยู่ ที่
สถาบันศิลปะชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในที่สุดรัฐบาลและหม่อมเจ้าสุภัทรดิษ ดิศกุล ก็ได้
ิต
นดุส
ทั บ หลั ง ชิ นนี คื น มาทั น วั น พิ ธี เปิ ด อุ ท ยานประวั ติ ศ าสตร์ พ นมรุ้ ง ในปี 2531 (มหาวิ ท ยาลั ย
ศิลปากร, 2543)
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
"
่านั้น
ประณีต สวยงาม และมีโบราณสถานที่ส้าคัญหลายแห่ง
พระธาตุ พนม ประดิษ ฐาน ณ วัดพระธาตุพ นมวรมหาวิหาร ในเขตอ้า เภอ
าเท
ธาตุพนม จังหวัดนครพนม พระธาตุพนมเป็นศูนย์รวมจิตใจทังของชาวนครพนม ชาวไทยภาค
อื่น ๆ และชาวลาว ผลจากการขุด ค้น ทางโบราณคดีลงความเห็ นว่าพระธาตุ พ นมสร้างขึน
ศึกษ
ระหว่าง พ.ศ. 1200-1400 ลักษณะเป็นเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสก่อด้วยอิฐ มีก้าแพงล้อมองค์
พระธาตุ 4 ชัน องค์พระธาตุตังอยู่บนภูก้าพร้าคือเนินดินสูงจากพืนธรรมดาประมาณ 3 เมตร
กา ร
ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระอุรังคธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพื่อ
เมืองฟ้าแดดสงยาง อ้าเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นเมืองโบราณทีมี
คันดินล้อมรอบ 2 ชัน คูน้าจะอยู่ตรงกลางคันดินทังสอง บางคนเรี ยกเป็น เมืองฟ้าแดดสูงยาง
หรือเมืองเสมา เนื่องจากแผนผังของเมืองมีรูปร่างคล้ายใบเสมา จากหลักฐานโบราณคดีที่
ิต
นดุส
ค้ น พบท้ า ให้ ท ราบว่ า ที่ นี่ เป็ น ที่ ตั งถิ่ น ฐานของชุ ม ชนตั งแต่ ส มั ย ก่ อ นประวั ติ ศ าสตร์ และได้
เจริญรุ่งเรืองมากขึนในสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 13-15 มีการค้นพบหลักฐานทางพุทธ
ัยสว
มหาสารคาม มีการขุดพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์โบราณคดีแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองใน
อดี ต ที่ ส รุป ได้ว่าบริเวณนี ได้ เคยเป็ นที่ ตั งของนครจ้ าปาศรีม าก่ อน การค้ น พบที่ ส้าคั ญ คื อ
การขุดพบสถูปซึ่งมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ในตลับทองค้า เงิน และส้าริด ซึ่งสันนิษฐานว่า
มีอายุอยู่ในสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 13-15 จึงมีการก่อสร้างพระธาตุนาดูนขึน
โบราณสถานกลุ่ม ปราสาทตาเมือ น กิ่งอ้าเภอพนมดงรัก จังหวัดสุ รินทร์
เป็นโบราณสถานแบบขอม 3 หลัง ตังอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ติดแนวชายแดนประเทศไทย
และกัมพูชา ประกอบด้วย ปราสาทตาเมือน เป็นที่พักคนเดินทางแห่งหนึ่งใน 17 แห่งที่พระเจ้า
91
"
่านั้น
ด้วยศิลาแลงและหินทรายล้ อมรอบด้วยก้าแพงก่อศิลาแลง ปราสาทตาเมือนธม อยู่ถัดจาก
ปราสาทตาเมือนโต๊ด ไปทางทิศใต้ป ระมาณ 200 เมตร เป็นปราสาทขนาดใหญ่ ที่สุดในกลุ่ม
าเท
ปราสาทตาเมือนตามแนวเทือกเขาบรรทัด ประกอบด้วย ปรางค์สามองค์ที่สร้างด้วยหินทราย
หันหน้าไปทางทิศใต้ปรางค์ประธานมีลวดลายจ้าหลักที่งดงามสันนิษฐานว่าโบราณสถานแห่งนี
ศึกษ
คงจะสร้างขึนเนื่องในศาสนาฮินดู ราวพุทธศตวรรษที่ 16 ซึ่งเก่าแก่กว่าโบราณสถานอีกสอง
แห่งในกลุ่มปราสาทตาเมือน
กา ร
อุท ยานประวั ติ ศาสตร์ภู พ ระบาท อ้าเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ตังอยู่
เพื่อ
บริเวณเชิงเขาภูพาน อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเป็นสถานที่ที่ปรากฏหลักฐานของมนุษย์
ในยุ ค ก่ อ นประวั ติ ศาสตร์ ต่อ เนื่อ งมาจนถึ งยุ คประวัติ ศาสตร์ของภาคตะวันออกเฉีย งเหนื อ
ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นหินทรายที่ถูกกัดกร่อนทางธรรมชาติ ท้าให้เกิดเป็นโขดหิน
ิต
นดุส
สมั ย ก่ อ นประวั ติ ศ าสตร์ และได้ เขี ย นรูป ต่ าง ๆ ไว้ เช่น รูป คน รูป มื อ รูป สั ต ว์ และรูป ลาย
เรขาคณิต ถ้าที่ส้าคัญได้แก่ ถ้าลายมือ ถ้าโนนสาวเอ้ ถ้าคน ถ้าวัวแดง นอกจากนัน ยังมีลาน
หินโนนสาวเอ้ เป็นลานหินธรรมชาติที่มเี พิงหินรูปร่างแปลกตา
เมือ งโบราณที่ต าบลโคราช หรือ เมื อ งโคราชเก่ า อ้าเภอสูงเนิน จังหวัด
นครราชสีมา มีร่องรอยโบราณสถานหลงเหลื อให้เห็น 3 แห่ง คือ ปราสาทโนนกู่ ปราสาท
เมืองแขก และปราสาทเมืองเก่า ซึ่งมีความส้าคัญ ดังนี ปราสาทโนนกู่ เป็นโบราณสถาน
ขนาดเล็กก่อด้วยอิฐและหินทราย จากการขุดแต่งปราสาทแห่งนีใน พ.ศ. 2534 ได้พบหลักฐาน
92
ทางโบราณคดีเป็นจ้านวนมาก สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดูที่สร้างขึนตาม
แบบศิลปะเขมรโบราณ ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 15 ปราสาทเมืองแขก อยู่ถัดจากปราสาท
โนนกู่ไปประมาณ 600 เมตร เป็นโบราณสถานขนาดใหญ่ ก่อด้วยอิฐและหินทราย พบทับหลัง
ที่แกะสลักลวดลายต่าง ๆ ประติมากรรมรูปเทพเจ้า รวมทังศิลาจารึกที่ถูกน้า มาก่อเป็นฐาน
ประตูซุ้มชันนอกสุด สันนิษฐานว่าปราสาทแห่งนีน่าจะเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู อายุราว
พุทธศตวรรษที่ 15 ปราสาทเมืองเก่า อยู่เลยปราสาทเมืองแขกไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร
"
่านั้น
เป็นโบราณสถานขนาดเล็กในศาสนาพุทธลัทธิมหายาน ประเภทอโรคยาศาล (โรงพยาบาล) ที่
พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มหาราชองค์สุดท้ายแห่งราชอาณาจักรขอมทรงสร้างขึนระหว่าง พ.ศ.
าเท
1724-1763 ก่อด้วยศิลาแลง หินทราย แผนผังประกอบด้วยปรางค์ประธาน มีบรรณาลัยอยู่
ทางมุมขวาด้านหน้า ล้อมรอบด้วยก้าแพงแก้วซึ่งมีซุ้มประตูทางเข้าอยู่ด้านหน้า นอกก้าแพงมี
ศึกษ
สระน้ารูปสี่เหลี่ยมกรุด้วยศิลาแลง
กา ร
บทสรุป
เพื่อ
จากหลักฐานทางตังแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงยุคประวัติศาสตร์ระบุว่า
ภาคอี ส านเป็ น บริเวณที่ มี ผู้ ค นอาศั ย และสร้างสรรค์ วัฒ นธรรมมาเป็ น เวลายาวนานและมี
ิต
การอาศัยของผู้คนอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างสรรค์ความเจริญทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย จน
นดุส
เมื่อถึงยุคประวัติศาสตร์ภาคอีสานได้มีปฏิสัมพันธ์กับดินแดนใกล้เคียงอื่น ๆ ท้าให้ได้รับอิทธิพล
ทางพุทธศาสนา รวมถึงวัฒนธรรมของผู้คนที่หลากหลายที่เข้ามาอาศัยในดินแดนภาคอีสานจน
ัยสว
หลอมรวมเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นจนทุกวันนี
ยาล
แบบฝึกหัดท้ายบท
าวิท
1. วัฒนธรรมอีสาน ได้รับอิทธิพลจากที่ใดบ้าง
2. กลุ่มวัฒนธรรมเขมร–ส่วย สามารถพบได้ในบริเวณแถบใดของภาคอีสาน
"มห
3. ชื่อรัฐโบราณของภาคอีสานมีชื่อเดิมว่าอย่างไร
4. พระธาตุพนมองค์ปัจจุบันมีลักษณะของศิลปะแบบใด
5. จงยกตั ว อย่ างวรรณกรรมหรือ วรรณคดี ในท้ อ งถิ่ น ที่ ส ามารถเชื่ อมโยง
แหล่งท่องเที่ยวมา 1 เรื่อง
93
เอกสารอ้างอิง
หนังสือ และบทความในหนังสือ
"
่านั้น
ชนัญ วงษ์วิภาค. (2548). ภูมิปัญญาท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: ส้านักพิมพ์เขมพันธ์จ้ากัด.
มหาวิทยาลัยศิลปากร. (2543). คู่มือมัคคุเทศก์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
าเท
มูล นิธิ ส ารานุ ก รมวัฒ นธรรมไทยธนาคารไทยพาณิ ชย์ . สารานุ ก รมวัฒ นธรรมไทย(ภาค
ศึกษ
อีสาน). (2542). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทยธนาคารไทยพาณิชย์.
กา ร
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต
เพื่อ
นดุส
ิต เพื่อ
กา ร
ศึกษ
าเท
่านั้น
"
บทที่ 9
วัฒนธรรมภาคอีสาน: เทศกาลและงานประเพณี
อาหาร ที่อยู่อาศัย
"
่านั้น
เฉพาะตัว ที่แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น ประเพณีส่วนใหญ่จะเกิดมาจากความเชื่อ ค่านิยม
และสิ่งที่มีอิทธิพลต่อ การดารงชีวิต การประกอบอาชี พ และอิทธิพลของศาสนา ที่มีต่อคนใน
าเท
ท้ อ งถิ่ น ประเพณี ต่ าง ๆ ถู ก จัด ขึ้ น เพื่ อ ให้ เกิ ด ขวัญ ก าลั งใจในการประกอบอาชี พ และเพื่ อ
ถ่ายทอดแนวความคิด ค่านิยมที่มีอยู่ ในท้องถิ่นนั้น ๆ เช่น การสู่ขวัญ การแห่เทียนพรรษา
ศึกษ
การขอฝนจากพญาแถน กา ร
ภาคอีสานเป็นภาคที่มีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น มีลักษณะที่ผูกพัน
กับวิถีชีวิตความเป็นอยู่และอาชีพเกษตรกรรม ลักษณะภูมิศาสตร์รวมถึงทรัพยากรท้องถิ่น
เพื่อ
ซึ่งลักษณะทางวัฒนธรรมประเพณี อาหารและที่อยู่อาศัยของภาคอีสาน มีลักษณะ ดังนี้
งานเทศกาลและงานประเพณีของอีสานส่วนมากมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจาก
ิต
มีบางประเพณีที่มีลักษณะคล้ายกับประเพณีทางภาคเหนือ เนื่องจากมีความใกล้ชิดกันทาง
วัฒนธรรมมากกว่าภาคกลางและภาคใต้ (มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย, 2542)
ัยสว
ประเพณีข องภาคอีส านเรีย กว่า ฮีต หรื อ ฮีต สิบ สอง หมายถึง ประเพณีที่
ชาวอีส านปฏิบ ัติส ืบ ทอดต่อ กั นมาทั้งสิบ สองเดือน เนื่องจากคนอีสานมี คาคม สุภาษิต ไว้
ยาล
คาคมเหล่านี้ รู้จักกั นทั่วไป ในชื่อ "ผญา" หมายถึง ปัญ ญา, ปรัชญา, ความฉลาด, ความรู้
ไหวพริบ สติปัญญา ความเฉลียว ฉลาดปราดเปรื่อง ฮีตหรือจารีต หรืองานประเพณีทั้งสิบสอง
(การท่ อ งเที่ ย วแห่ งประเทศไทยและภาควิ ชาอนุ รั ก ษ์ วิ ท ยา คณะวนศาสตร์ มหาวิ ท ยาลั ย
เกษตรศาสตร์, 2553) มีดังนี้
96
"
่านั้น
- สาม (กุมภาพันธ์) - บุญข้าวจี่ - การทาบุญด้วยข้าวจี่ในวัน
มาฆบูชา
าเท
- สี่ (มีนาคม) - บุญเผวส - การทาบุญและฟังเทศน์มหาชาติ
- ห้า (เมษายน) - บุญสงกรานต์ - การทาบุญในวันปีใหม่ไทย
ศึกษ
- หก (พฤษภาคม) - บุญบั้งไฟ -
กา ร การบูชาพญาแถนและการขอฝน
- เจ็ด (มิถุนายน) - บุญซาฮะ - การทาบุญชาระล้างสิ่งไม่ดี ที่
เป็นอัปมงคลแก่ตัวและ
เพื่อ
บ้านเมือง
- แปด (กรกฎาคม) - บุญเข้าพรรษา - การทาบุญวันเข้าพรรษา
ิต
ล่วงลับและวิญญาณเร่รอ่ น
- สิบ (กันยายน) - บุญข้าวสาก - การทาบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผทู้ ี่
ัยสว
ล่วงลับโดยการให้พระจับสลาก
ยาล
พระภิกษุ
ที่มา: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, 2533
"มห
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
กา ร
เพื่อ
จังหวัดยโสธร
าวิท
"มห
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
กา ร
ภาพที่ 9.3 ประเพณีบุญบั้งไฟ
เพื่อ
เชื่อว่าการลอยเรือไฟเพื่อบูชารอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า หรือการบวงสรวงพระธาตุ
จุฬ ามณี บ นสวรรค์ หรือการขอขมาพระแม่คงคา เรือไฟในอดีตนิ ย มนาต้ นกล้วยหรือ ไผ่ม า
ยาล
ท าเป็ น โครงเพื่ อ ลอยน้ าและประดั บ ด้ ว ยดอกไม้ ธู ป เที ย น ตะเกี ย งหรื อ ขี้ ไ ต้ เพื่ อ ให้ เ กิ ด
ความสว่าง แต่ปัจจุบันมีการใช้เรือและนาไฟมาประดับเพื่อให้เกิดความสว่างไสวสวยงามยิ่งขึ้น
าวิท
อาหาร
ชาวอีสานมีวิถีการดาเนินชีวิตที่เรียบง่ายเช่นเดียวกับการที่รับประทานอาหาร
อย่างง่าย ๆ มักจะรับประทานได้ทุกอย่าง เพื่อการดารงชีวิตอยู่ให้สอดคล้องกับธรรมชาติของ
ภาคอีสาน ชาวอีสานจึงรู้จักแสวงหาสิ่งต่าง ๆ ที่สามารถรับประทานได้ในท้องถิ่น มาดัดแปลง
เป็นอาหารรับประทาน อาหารอีสานเป็นอาหารที่มีความแตกต่างจากอาหารของภาคอื่น ๆ
และเข้ากับวิถีการดาเนินชีวิตที่เรียบง่ายของชาวอีสาน อาหารของชาวอีสานในแต่ละมื้อจะเป็น
"
่านั้น
อาหารง่าย ๆ เพียง 2-3 จาน ซึ่งทุกมื้อจะต้องมีผักเป็นส่วนประกอบหลัก พวกเนื้อส่วนใหญ่จะ
เป็นเนื้อปลาหรือเนื้อวัวเนื้อควายอาหารอีสานมี 3 รสหลักคือเปรี้ยว เผ็ดและเค็ม ความเปรี้ยว
าเท
ได้มาจากมะนาว มะกอก ส้มมะขามหรือมดแดง ได้ความเผ็ดได้จากพริก รสเค็มได้จากน้าปลาร้า
จากการขุ ด ค้ น ทางประวั ติ ศ าสตร์ พบว่ า หากที่ ใ ดมี ก ารผลิ ต อาหารที่ มี
ศึกษ
การทาเค็มหรือหมักเกลือ ที่นั้นคือ แหล่งอาหารโลก (พจน์ สัจจะ, 2540) นั่นแสดงว่าท้องถิ่น
อีสานในอดีตมีความอุดมสมบูรณ์ มีแหล่งเกลือ และแหล่งอาหารที่มีการถนอมอาหารมาตั้งแต่
กา ร
สมั ย โบราณที่ เรี ย กว่า ปลาแดก ปลาแดก คื อ การอั ด ปลาในไหให้ แ น่ น โดยการน าปลาไป
เพื่อ
คลุกเคล้ากับเกลือ เป็นการถนอมอาหารที่มีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในอดีตชาวอีส านนิย มใช้เกลิอและปลาร้าเป็นส่วนประกอบหลักในการปรุง
ิต
อย่ างมากมาย คื อ ต าส้ ม หรื อส้ ม ต า ส าหรับ พื ชผั ก ที่ น ามาท าต าส้ ม หรือ ส้ ม ต าที่ นิ ย ม คื อ
มะละกอ หรือบักหุ่ง
ยาล
เครื่อ งจิ้ ม ตามมื อ อาหารที่ ค นอี ส านนิ ย มกิ น กั บ ข้าว คื อ แจ่ ว และน าไปจิ้ ม
อาหารประเภทเนื้อย่างต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีอาหารที่มีการดัดแปลงเพื่อเก็บรักษาหรือตาม
าวิท
ข้าวเหนี ย วเป็ น อาหารหลั ก ของคนอี ส าน นิ ย มกิ น เป็ น ส ารับ ที่ เรี ย กว่า โตก
การปรุงอาหารอีสานจะมีลักษณะเฉพาะตัว อาทิเช่น
ลาบ คือ การยาเนื้อสัตว์ที่สับละเอียดหรือหั่นเป็นชิน้ เล็ก ๆ ปรุงรสด้วยน้าปลา
พริก ข้าวคั่ว เป็นต้น
ก้อย คือ การยาเนื้อสัตว์ที่หั่นเป็นชิน้ ๆ กรรมวิธีคล้ายลาบ
ส่า คือ การยาหนังหมูหรือเนือ้ หมูย่างกับหัวปลี และวุ้นเส้น
"
หมก เป็นอาหารที่ใช้ใบตองในการห่อเนือ้ สัตว์ สาหรับเนื้อสัตว์ที่นยิ มมาทา
่านั้น
หมก คือ เนือ้ ไก่ ปลา กบ เขียด ผัก
าเท
หม่า คือ ไส้กรอกเนื้อวัวผสมตับ และเครื่องเทศต่าง ๆ
ตาซั่ว คือ อาหารประเภทส้มตาชนิดหนึ่ง โดยมีส่วนผสมของขนมจีน ผักดอง
ศึกษ
และมะเขือ
แจ่ว คือ น้าพริกของชาวอีสาน เป็นอาหารที่นิยมทุกบ้านเนื่องจากมีวิธีการทา
กา ร
ที่ไม่ยุ่งยาก (History 48, 2007)
ิต เพื่อ
นดุส
ัยสว
ยาล
บ้านที่อยู่อาศัย
ลักษณะหมู่บ้านทางภาคอีสานหรือ ตะวันออกเฉียงเหนือ มักนิยมอยู่ร่วมกัน
เป็นหมู่หรือกระจุก ในอดีตชาวอีสานเมื่อแต่งงานกันแล้ว ฝ่ายชายจะไปอาศัยอยู่กับบ้านของ
พ่อแม่ฝ่ายหญิง ต่อมาเมื่อมีลูกจึงจะขยับขยายไปอยู่ที่ใหม่เรียกว่า “ออกเรือน” เพื่อไปหักร้าง
ถางพงเพื่อทานาทาไร่ เมื่อพบว่าที่ใดเหมาะสมกับ การทานาหรือตั้งบ้านเรือนก็จะชักชวนกันไป
ตั้งบ้านเรือนกันต่อไป ทาให้เกิดการขยายตัวกลายเป็นหมูบ่ ้านขึน้
101
ลักษณะการตั้งถื่นฐาน ในการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนของชาวอีสานมักนิยมเลือก
ทาเลที่อานวยต่อการประกอบอาชีพ โดยทั่วไปมีดังนี้ คือ
1. นิยมตัง้ ใกล้แหล่งน้า เช่น หนองน้า แม่น้า ลาน้า ชื่อหมู่บ้านมักขึ้นต้นด้วย
คาว่า เลิง วัง ห้วย กุด หนองและท่า เช่น เลิงนกทา กุดนาคา หนองบัวแดง เป็นต้น
2. บริเวณที่เป็นโคกหรือที่สูงน้าท่วมไม่ถึงและมีทุ่งหญ้าสาหรับใช้เลีย้ งสัตว์ มี
ทั้งที่ดอนริมแม่น้าและที่ดอนตามป่าริมเขา ชื่อหมู่บ้านมักขึ้นต้นด้ว ยคาว่า โคก ดอน โพน และ
"
นน เช่น โคกสมบูรณ์ โพนยางคา เป็นต้น
่านั้น
3. บริเวณป่าดง เป็ นท าเลในการปลูก พื ชไร่และสามารถหาของป่ าได้ เมื่ อ
าเท
เข้ามาอยู่ห มู่บ้ านมัก เรีย กชื่อขึ้นต้ นด้ วย คาว่า ดง ป่ า และเหล่า เช่น โคกตาล ป่าต้นเปือ ย
เป็นต้น
ศึกษ
4. บริ เ วณที่ ร าบลุ่ ม เป็ น ที่ เหมาะสมส าหรั บ การท านาและเลี้ ย งสั ต ว์ ใ น
หน้าแล้ง ตัวหมู่บ้านมักตั้งบริเวณขอบหรือแนวของที่ราบติดชายป่า แต่น้าท่วมไม่ถึงในหน้าฝน
กา ร
บางท้องที่มนี ้าท่วมขังตลอดปี เช่น ป่าบุ่ง ป่าทาม เป็นต้น
5. ป่าละเมาะ มักเป็นที่สาธารณะใช้เลี้ยงสัตว์และหาของป่า รวมถึงสมุนไพร
เพื่อ
ในยามรักษาโรคและเป็นสถานที่ยกเว้นสาหรับเป็นดอนปู่ตา ตามความเชื่อของกลุ่มวัฒนธรรม
ไท-ลาว
ิต
นดุส
เนื่องจากในอดีตชาวอีสานนิยมโยกย้าย ไม่อยู่ติดที่เนื่องจากต้องหาพื้นดินที่
อุด มสมบูรณ์ ดั งนั้นบ้านเรือนในภาคอีสานจึงเป็นบ้านเรือแบบชั่วคราวจานวนมาก บ้านใน
ัยสว
เดี่ยวหรือมีสมาชิกไม่มาก มีหลายลักษณะ
o เรือ นถาวร เป็ น เรือ นเครื่อ งสั บ มี 3 แบบ คื อ เรือ นเกย เรือ นแฝด และ
เรือนโข่ง เรือ นเหล่ านี้ มี ลั ก ษณะใต้ ถุ นสู ง หน้ าต่ างท าเป็ นช่อ งแคบ ๆ เพื่ อป้ อ งกั นลมหนาว
หลังคามุงกระเบื้องดินเผา สาหรับบ้านของชาวอีสานนิยมหันด้านกว้างไปทางทิศตะวันออก
แบบตามตะวัน (ล่องตาเว็น)
102
"
่านั้น
าเท
ภาพที่ 9.6 ลักษณะบ้านแบบภาคอีสาน
ศึกษ
ที่มา: วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. 2557.
กา ร
องค์ประกอบของบ้านหรือเรือนภาคอีสาน
เพื่อ
เรือนนอนใหญ่ มักจะมีความยาว 3 ช่วงเสา นิยมเรียกว่า เรือนสามห้อง ใต้ถุน
โล่ง นิยมแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ห้องเปิงเป็นห้องนอนของลูกชาย ไม่นิยมทาฝากั้นห้อง ห้องพ่อ
ิต
มิดชิด
เกย คือ บริเวณชานโล่ง นิยมทาหลังคาคลุมเป็นพื้นที่ลดระดับลงมาจากเรือน
ัยสว
โครงสร้างพื้นและหลังคาจะติดกับเรือนนอนใหญ่
เรือนโข่ง แตกต่างจากเรือนแฝดตรงที่ สามารถทาการรื้อถอนไปปลูกใหม่ได้
าวิท
ด้วยไม้ไผ่สาน
ชานแดด เป็นบริเวณนอกชานเชื่อมระหว่างเรือนแฝดกับเรือนไฟ มีบันไดขึ้น
หน้าเรือน มีฮา้ งแอ่งน้า (ร้านหม้อน้า) ตรงขอบของชานแดด (วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, 2557)
103
บทสรุป
นอกเหนือไปจากการมีพุทธศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนในภาคอีสาน
แล้ว การแสดงทางวัฒนธรรมในรูปแบบงานเทศกาลและงานประเพณี ยังสะท้อนลักษณะของ
ความเชื่อดั้งเดิมและวิถีชีวิตของผู้คนในภาคอีสาน รวมถึงลักษณะรูปแบบอาหารการกินและ
การสร้างที่อยู่อาศัยที่เน้นวัตถุดิบที่สามารถหาได้ง่ายจากท้องถิ่น และสะท้อนการมีวีถีชีวิตที่
พึ่งพิงและปรับตัวไปกับธรรมชาติ
"
่านั้น
แบบฝึกหัดท้ายบท
าเท
1. ประเพณีทางภาคอีสานส่วนมากมีลักษณะอย่างไร
2. วรรณกรรมท้อ งถิ่ นที่ ส ามารถนามาประยุ ก ต์ใช้ร่วมกั บ การท่ องเที่ย วมี
ศึกษ
เรื่องใดบ้าง กา ร
3. จงอธิบายลักษณะอาหารของภาคอีสาน
4. จงอธิบายลักษณะบ้านเรือนของภาคอีสาน
เพื่อ
5. จงร่วมกันอภิปรายถึงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมภาคอีสานต่อการท่องเที่ยว
ิต
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
104
เอกสารอ้างอิง
หนังสือ และบทความในหนังสือ
"
่านั้น
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (2533). งานเทศการประเพณีท่ีน่าสนใจทางการท่องเที่ยว.
กรุงเทพฯ: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย.
าเท
พจน์ สัจจะ. (2540). โลกวัฒนธรรมของอาหาร. กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์แสงแดด.
ศึกษ
สารานุกรมวัฒนธรรมไทย (ภาคอีสาน). (2542). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรม
ไทยธนาคารไทยพาณิชย์. กา ร
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต
เพื่อ
สิงหาคม 11].
าวิท
"มห
บทที่ 10
วัฒนธรรมภาคใต้: ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม วรรณคดีและ
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในภาคใต้
หลักฐานทางโบราณคดีพบว่าดินแดนภาคใต้มีรัฐโบราณหลายรัฐที่สาคัญ คือ
"
่านั้น
1. อาณาจักรศรีวิชัย หรือรัฐทะเลใต้
2. รัฐนครศรีธรรมราช (ตามพรลิงค์)
าเท
การกล่าวถึงรัฐเหล่านี้จะกล่าวควบคู่กับความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมของแต่ละ
รัฐไปด้วย
ศึกษ
รัฐศรีวิชัย หรือรัฐทะเลใต้
กา ร
พื้นที่บริเวณของรัฐศรีวิชัย คือ แหลมมลายูและหมู่เกาะอินโดนีเซีย ซึ่งบริเวณ
เพื่อ
นี้เป็นศูนย์กลางการค้าที่พ่อค้าจีน อินเดีย และอาหรับ เดินทางเข้ามาแลกเปลี่ยนสินค้าตั้งแต่
สมัยโบราณชาวอินเดี ยเป็นชาติแรกที่ได้เดินทางเข้ามาค้าขายในแถบนี้เมื่อประมาณ 2,000 ปี
ิต
มลายูระหว่างเมืองไชนาทางภาคเหนือและปัตตานีทางภาคใต้ มีศูนย์กลางอยู่แถบบริเวณเมือง
นครศรีธรรมราช ในเวลาต่อมาได้เกิดมีรัฐเล็กๆ อีกมากมายในเกาะสุมาตรา และเกาะชวา เช่น
าวิท
"
ถวายแด่พระพุทธองค์ พระโพธิสัตว์ปัทมปาณี และพระโพธิสัตว์วัชรปาณี
่านั้น
รัฐศรีวิชัยเริ่มเสื่อมลงในปลายพุทธศตวรรษที่ 16 เมื่อถูกรุกรานจากกษัตริย์ที่
าเท
ปกครองรัฐในชวา ต่อมาในปี พ.ศ. 1568 พวกโจฬะจากอินเดียภาคใต้ได้ยกกองทัพเข้าโจมตี
รัฐศรีวิชัยเสียหายยับเยิน แต่การโจมตีของโจฬะไม่มีผลทางการเมืองเพราะโจฬะมิได้เข้ายึด
ศึกษ
ครองรัฐศรีวิชัย เมื่อโจฬะถอยกลั บไปแล้ วรัฐ ศรีวิชัย ได้ฟื้นตัวขึ้นมาอีก และเจริญ รุ่งเรื่องสืบ
ต่อมา ในขณะเดียวกันรัฐทางเกาะชวาก็เข็มแข็งขึน้ มาภายใต้การปกครองของพระเจ้าไอร์ลังคะ
กา ร
และเจริญ รุ่งเรืองเคียงคู่มากับรัฐศรีวิชัย ดังปรากฏในเอกสารจีน ซึ่งกล่าวถึงรัฐทั้งสองในปี
พ.ศ.1721 ว่า ส าหรับ ต่ างประเทศที่มีสิ นค้าอันมีค่ าเป็ นจานวนมากสุ ดแล้ว ไม่มี ป ระเทศใด
เพื่อ
เกินกว่ารัฐตาเซ (Ta-Che คือ อาหรับ) ไปได้ ต่อจากนั้น ก็คือ รัฐเชอโม (ชวา) รองลงมา ก็คือ
รัฐสันโฟซี (ศรีวิชัย)
ิต
นดุส
รั ฐ ศรี วิ ชั ย เริ่ ม เสื่ อ มลงตั้ ง แต่ ป ลายพุ ท ธศตวรรษที่ 18 ระยะปี พ.ศ. 1777
พระเจ้ า จั น ทรภานุ ก ษั ต ริ ย์ ข องรั ฐ ตามพรลิ ง ค์ ไ ด้ ตั้ ง ตั ว เป็ น อิ ส ระ ต่ อ มาในปี พ .ศ. 1818
าวิท
พระเจ้ากฤตนครแห่งชวาได้ยกกองทัพจากชวาเข้าโจมตีเมืองหลวงของศรีวิชัย กษัตริย์ศรีวิชัย
"มห
ความเจริญทางวัฒนธรรมรัฐศรีวิชัย หรือรัฐทะเลใต้
สาหรับศรีวิชัย เป็นรัฐที่มคี วามเจริญอย่างมากในหลาย ๆ ด้าน ได้แก่
1. ด้านการปกครอง
รัฐศรีวิชัยเป็นรัฐที่เริ่มต้นด้วยรัฐมลายูเล็ก ๆ ซึ่งได้รับอารยธรรมอินเดีย
เมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้นได้เข้าครอบครองบรรดาเกาะอินโดนีเซียและคาบสมุทรมลายู ซึ่งเป็นจุด
ยุทธศาสตร์สาคั ญและเป็นศูนย์กลางการค้า สามารถควบคุมเส้นทางการค้าระหว่างจีนและ
"
่านั้น
อิ น เดี ย พ่ อ ค้ า จากจี น อิ น เดี ย และอาหรั บ เข้ า มาติ ด ต่ อ ค้ า ขายไม่ ข าดสาย ศรี วิ ชั ย สร้ า ง
ความยิ่งใหญ่ ขึ้น มาได้ เพราะความมั่งคั่ งทางเศรษฐกิ จและแสนยานุ ภ าพด้านกองทั พ เรือ ที่
าเท
เกรียงไกร ประกอบกับการสร้างระบบการปกครองแบบเทวราชาตามแบบราชวงศ์คุปตะของ
อินเดียทาให้สถาบันกษัตริย์ของศรีวิชัยมีความเข้ มแข็งมั่นคง กษัตริย์ศรีวิชัยนอกจากจะขยาย
ศึกษ
อานาจ โดยการใช้กองทัพรุกรานแล้วยังขยายอานาจ โดยใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือด้วย รัฐเล็ก ๆ
ในแหลมมลายูและหมู่เกาะอินโดนีเซีย ถูกเชื่อมโยงให้เข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยศรัทธาใน
กา ร
ศาสนา ซึ่งแบบอย่างการปกครองของราชวงศ์ไศเลนทร์นี้ต่อมาพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ได้นาเอา
เพื่อ
ไปเป็นแบบอย่างในการสร้างเมืองพระนครหลวงจนยิ่งใหญ่และตกทอดมาจนถึงอาณาจักรกรุง
ศรีอยุธยาของไทย (ชนัญ วงษ์วิภาค, 2548)
ิต
2. ด้านศาสนา
นดุส
การเผยแพร่อารยธรรมอินเดียเข้าสู่รัฐศรีวิชัยนั้นนักปราชญ์เชื่อว่าเริ่มต้น
จากที่พ่อค้าชาวอินเดียเดินทางเข้ามาค้าขายเพื่อสร้างความเป็นมิตรซึ่งจะทาให้สะดวกในทาง
ัยสว
การค้าพ่อค้าอินเดียได้นานักปราชญ์จากอินเดียมาด้วย นักปราชญ์ได้ชักจูงให้ประชาชนหันมา
นับถือศาสนาฮินดูและพระพุทธศาสนา ทั้งนาคาสันสกฤตเข้ามาใช้ในชีวติ ประจาวันด้วย
ยาล
ทาให้ด้วยทองคาในไทรบุรีก็ได้พบจารึกทางพระพุทธศาสนาเขียนด้วยอักษรปัลละวะในราวปี
พ.ศ. 943 และจากเอกสารของจีนกล่าวว่า ในปี พ.ศ. 967 ได้มีพระภิก ษุจากอินเดีย 2 รูป
รูปหนึ่งมีนามว่าคุณวรมัน ได้เดินทางเข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนายังรัฐชวา
จากศิลาจารึกและเอกสารของจีนชี้ให้เห็นว่า ชาวอินเดียได้นาเอาศาสนา
ฮินดูและพระพุทธศาสนาเข้ามาเผยแผ่ในบริเวณที่ต่อมาเป็นอาณาเขตของรัฐศรีวิชัยนี้ ตั้งแต่
พุทธศตวรรษที่ 10 ศาสนาฮินดูและพระพุทธศาสนาได้เจริญควบคู่กันมาและผสมผสานกันเป็น
108
"
พุ ท ธศาสนาที่ แ พร่ ห ลายในบริ เ วณนี้ น อกจากลั ท ธิ ม หายานแล้ ว ยั ง มี
่านั้น
ลัทธิหินยานดังปรากกฎในศิลาจารึกที่เมืองปาเลมบังในปี พ.ศ. 1223 เป็นนิกายสรรวาสติวาท
าเท
อันเป็นลัทธิหินยายที่ใช้ภาษาสั นสกฤต นอกจากนั้น ก็มีนิกายตันตระซึ่งนับ ถือแพร่หลายใน
ชวาตะวันออก คือ ในรัฐสิงหะส่าหรีของพระเจ้าเคอร์ตานาการา ซึ่งครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ.
ศึกษ
1811-1835 พุทธศาสนาลัทธิหินยานจะกลับมารุ่งเรืองในคาบสมุทรมลายูอีกเมื่อใดไม่ทราบ แต่
จากศิล าจารึก วั ด หั ว เวีย งเมือ งไชยาซึ่งระบุ ศัก ราชไว้ว่าเป็น พ.ศ. 1773 มี ก ษั ต ริย์ ที่ยิ่ งใหญ่
กา ร
ผู้ครองรัฐตามพรลิงค์พระนามว่า “จันทรภานุ” ซึ่งพระนาม จันทรภานุ นี้ในหนังสือมหาวงศ์
กล่าวว่า ในปี พ.ศ. 1798 พระเจ้าจันทรภานุผู้ครองพวกชวาได้ยกทัพไปรบเกาะลังกา และใน
เพื่อ
เมื่ อ ได้ ติ ด ต่ อ กั บ ลั ง กาจึ ง ได้ เปลี่ ย นเป็ น เป็ น ลั ท ธิ หิ น ยาน และเพื่ อ ให้ แ ตกต่ า งจากผู้ ค รอง
รัฐศรีวิชัยด้วย เพราะผู้ครองรัฐตามพรลิงค์ได้ดาเนินการแยกตัวเป็นอิสระเหตุผลที่กล่าวว่า
ยาล
รัฐตามพรลิงค์ในยุคหลังนับถือพุทธศาสนาลัทธิหินยานนั้น ก็เพราะว่าเมื่อพ่อขุนรามคาแหง
ยกทัพ ไปตีได้เมืองนครศรีธ รรมราชและรัฐ ต่าง ๆ ในแหลมมลายู นั้น ได้นิ มนต์พ ระสงฆ์ จาก
าวิท
“บรรดาพระมหาเถระในเมืองสุโขทัยนั้นล้วนแต่มาจากนครศรีธรรมราช
3. ด้านศิลปกรรม
บรรดาโบราณสถานโบราณวั ต ถุ ส มั ย ศรี วิชัย ซึ่ งพบในทางภาคใต้ ข อง
ประเทศไทยลงไปตลอดแหลมมลายู และหมู่เกาะอินโดนีเซียในปัจจุบันยังคงเหลืออยู่มากมาย
อันแสดงถึงความรุง่ เรืองความมั่งคั่งของรัฐศรีวิชัย ศิลปกรรมศรีวิชัยที่สาคัญ คือ
3.1 ด้านสถาปัตยกรรม สถาปั ตยกรรมที่พบส่วนใหญ่ เป็นพุ ท ธสถาน
นิก ายมหายาน มีเทวสถานอยู่บ้างอย่างเช่นปรัมบานันในชวา พุท ธสถานที่สร้างเรียกกั นใน
109
"
และสมัยล้านนาไทยด้วย
่านั้น
3.2 ด้านประติมากรรม ประติมากรรมที่มีชื่อเสียงของศิลปะศรีวิชัย คือ
าเท
การสร้างพระพุทธรูป เทวรูป และการจาหลักภาพนูนต่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนาและ
วรรณคดี ข องอิ น เดี ย ตามพุ ท ธสถานต่ า ง ๆ ประติ ม ากรรมที่ พ บ ได้ แ ก่ รู ป พระนารายณ์
ศึกษ
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระโพธิสัตว์ปัทมปาณี และพระโพธิสัตว์วัชรปาณี นอกจากนั้น ก็มี
การสร้างพระพิมพ์ดินเผาแบบต่าง ๆ และการสร้างเหรีย ญเงินซึ่งเป็นภาพจาหลักนูนต่าบน
กา ร
เหรียญที่มคี วามประณีตงดงามมาก (ชนัญ วงษ์วิภาค, 2548)
เพื่อ
รัฐนครศรีธรรมราช (ตามพรลิงค์)
บริเวณเมืองนครศรีธรรมราชเคยเป็นเมืองเก่าที่เจริญรุ่งเรืองมานานตั้งแต่สมัย
ิต
นดุส
การติ ด ต่ อ กั บ รัฐ ทางลุ่ม แม่ น้ าเจ้าพระยา ในต านานพระพุ ท ธสิ หิ งค์ ก ล่าวว่า พระร่ว งโรจน
ราชกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยได้เสด็จไปเยือนนครศรีธรรมราช และกษัตริย์แห่งนครศรีธรรมราชก็
ได้ถ วายพระพุ ท ธสิ หิงค์แก่ พ ระองค์แต่ในคัมภีร์ชิ นกาลมาลีป กรณ์ กล่าวว่า กษัตริย์ผู้ครอง
นครศรีธรรมราชร่วมกับพระร่วงโรจนราชแห่งสุโขทัย ส่งสมณทูตไปทูลขอพระพุทธสิงหิงค์ยัง
ลังกาทวีป พระร่วมโรจนราชแห่งสุโขทัยพระองค์นี้น่าจะได้แก่พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ส่วนใน
ตานานเมืองนครศรีธรรมราชได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างนครศรีธรรมราชกับราชวงศ์อู่
"
ทองว่า ทั้งสองราชวงศ์ได้ ทาสงครามต่อกัน ต่อมาได้เจรจายุติสงคราม ทาสัตย์ปฏิญาณว่าจะ
่านั้น
เป็นพระญาติวงศ์กันสืบไป ได้แบ่งอาณาเขตปกครองซึ่งกันและกัน
าเท
รัฐนครศรีธ รรมราชในสมัย สุโขทัย คงตกอยู่ใต้อานาจของสุโขทัยตั้งแต่สมัย
พ่อขุนรามคาแห่งมหาราชเป็น ต้นมา ซึ่งในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคาแหงมหาราชกล่าวว่า
ศึกษ
รั ฐ สุ โ ขทั ย ได้ ข ยายลงไปปกครองดิ น แดนทางภาคใต้ ต ลอดจนถึ ง แหลมมลายู โดยรั ฐ
นครศรีธรรมราชถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐสุโขทัย มีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นเอกของไทยสืบ
กา ร
เรื่อยมา
ในสมัยอยุธยา จากการศึกษากฎมณเฑียรบาลที่ตราขึน้ ในสมัยสมเด็จพระบรม
เพื่อ
ไตรโลกนาถพบว่านครศรีธรรมราชเป็นเมืองหนึ่งในจานวนเมืองพระยามหานคร 8 เมืองที่ต้อง
ถือน้าพระพิพัฒน์สัตยา มีฐานะเป็นหัวเมืองเอกขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา นั่นหมายถึงรัฐอยุธยาได้
ิต
นดุส
เป็นหัวเมืองประเทศราช
ในสมั ย รั ต นโกสิ น ทร์ ยั ง คงมี เ จ้ า เมื อ งปกครอง แต่ ต่ อ มาในสมั ย ปฏิ รู ป
ยาล
การปกครองได้มีการจัดระเบียบโดยใช้ระบบเทศาภิบาล มีข้าหลวงเทศาภิบาลประจามณฑล
เป็ นผู้บังคั บ บั ญ ชา และข้าหลวงประจาบริเวณแขก 7 หัวเมือง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระ
าวิท
จึงยุบเลิกมณฑลมีฐานะเป็นจังหวัดมาจนทุกวันนี้ (คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและ
จดหมายเหตุ, 2542)
ความเจริญทางวัฒนธรรมรัฐนครศรีธรรมราช (ตามพรลิงค์)
เนื่องจากรัฐ นครศรีธ รรมราช เป็น ศูนย์ก ลางของระบบความเชื่อต่ าง ๆ ทั้ ง
ศาสนาฮินดู และพระพุทธศาสนามหายาน และหินยาน จึงปรากฏพบโบราณวัตถุโบราณสถาน
ของลัทธิความเชื่อดังกล่าวหลายยุคหลายสมัยปะปนกัน แสดงให้เห็น ว่านอกจากจะมีกลุ่มชน
111
"
พราหมณี นิกายไศวะยุคแรก ที่อาเภอท่าศาลา และโบราณสถานเทวดา อาเภอสิชล และใน
่านั้น
อ าเภอเมื อ ง สั น นิ ษ ฐานว่ า ศิ ว ลึ ง ค์ คื อ ที่ ม าของชื่ อ อาณ าจั ก รตามพระลิ ง ค์ ของ
าเท
นครศรีธรรมราช
4. หั วน ะโม ถื อ เป็ น เค รื่ อ งรางขอ งขลั ง ห รื อ วั ต ถุ ม งค ล ขอ งเมื อ ง
ศึกษ
นครศรีธรรมราช
5. เทวรู ป พระพิ ฆ เนศ ท าด้ ว ยศิ ล าขาว พบที่ วั ด พระพรหม อ.พระพรหม
กา ร
ปัจจุบันประดิษฐานอยู่วัดมหาธาตุวรมหาวิหาร
เทวรูปพระนารายณ์ศิลา อายุราวพุทธศตวรรษที่ 10 ประดิษฐานที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
เพื่อ
วรรณคดี
เจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว ในตัวเมืองปัตตานี มีศาลเจ้าแบบจีนอยู่แห่งหนึ่งเรียกว่า
ัยสว
ในองค์เจ้าแม่อย่างมาก เรื่องของเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยวเกิดขึ้นเมื่อประมาณสองร้อยปีมาแล้ว
สมัย นั้นเมืองตานีตั้งอยู่ตรงต าบลกรือเซะในปั จจุบัน ในเวลานั้นมีพ่อค้าจีน
าวิท
จนยอมแหวกประเพณีจีนแต่งงานกันแล้วอยู่ที่เมืองตานีต่อมา ทางฝ่ายมารดาของลิ่มโต๊ะเคี่ยม
ที่อยู่ประเทศจีนไม่ได้รับข่าวจากลูกชายเลย จึงให้บุตรสาวชื่อลิ่มกอเหนี่ยวอันเป็นน้องสาวของ
ลิ่มโต๊ะเคี่ยมเดินทางติดตามพี่ชายมาถึงเมืองตานี นางได้พยายามอ้อนวอนพี่ชายให้ทิ้งเมียกลับ
เมืองจีน แต่พี่ชายไม่ยอมคงอยู่ที่เมืองตานีต่อมา ล่วงมาไม่นานเจ้าเมืองตานีให้บุตรเขย คือ
ลิ่มโต๊ะเคี่ยมสร้างมัส ยิด สาหรับ ประกอบพิธีท างศาสนา ลิ่มโต๊ะเคี่ยมก็เริ่มสร้างโดยทันที ที่
กรือเซะนั่นเอง ลิ่มกอเหนี่ยวพยายามคัดค้าน แต่พี่ชายก็ไม่เชื่อ คืนหนึ่งนางจึงหนีไปผูกคอตาย
กับกิ่งมะม่วงหิมพานต์ที่หน้ามัสยิดซึ่งกาลังก่อสร้างนั้นเอง ก่อนหน้านั้นนางได้เขียนคาอาฆาต
112
"
ชาวบ้านกรือเซะพยายามสร้างโดมต่อ แต่ก็ถูกฟ้าผ่าอีกเป็นครั้งที่สาม จากนั้นก็ไม่มีใครกล้า
่านั้น
แตะต้องมัสยิดนี้อีกเลย คงปล่อยไว้ในสภาพนั้นจนปัจจุบัน กิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของลิ่มกอ
าเท
เหนี่ยวแพร่ไป เมื่อชาวเมืองมาบนบานสิ่งใดก็ได้ตามความประสงค์จึงมีผู้นากิ่งมะม่วงหิมพานต์
ที่นางผูกคอตายมาแกะเป็นรูปประดิษฐานไว้ในศาลเล็ก ๆ หน้ามัสยิดกรือเซะ
ศึกษ
ต่อมาจึงมีการสร้างศาลเจ้าเล่งจูเกียงขึ้นมาในเมืองปัตตานี และอัญ เชิญ รูป
เจ้าแม่มาประดิษฐานไว้ ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ชาวเมืองจีนจึงเรียกว่า เจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว ทุกปีจะ
กา ร
มี ก ารสมโภชเจ้ า แม่ ใ นกลางเดื อ น 3 โดยมี ก ารลุ ย ไฟ การเดิ น ในน้ าและอภิ นิ ห ารอื่ น ๆ
(มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2543)
เพื่อ
เขาตาม่องล่าย
ิต
นดุส
เวลาว่างทาประมงในแถบอ่าวน้อยเป็นเวลานาน
จนได้รู้จักทั้งนางราพึงและยมโดยต่อมาในที่สุดทั้งเจ้าลายและนางยมโดยต่างก็
าวิท
คนดีก็ตอบตกลงพร้อมทั้งได้นัดวันแต่งานกันไว้โดยมิได้บอกให้ตาม่องลายทราบ
ในระหว่างนั้นตาม่องล่ายก็ได้รู้จักกับเจ้ากรุงจีนซึ่งเดินทางมาค้าขายแถบนั้น
เจ้ากรุงจีนได้เห็นความงามของนางยมก็ติดใจ จึงสู่ขอกับตาม่องลาย และได้นัดวันแต่งงาน ซึ่ง
เป็นวันเดียวกับเจ้าลาย และตาม่องล่ายก็ไม่ได้บอกนางราพึงให้ทราบเช่นกัน
เมื่ อ ถึ งวั นส าคั ญ ทั้ งสองตายายก็ เตรีย มเชิญ แขกเหรื่อ ให้ ม าในงานแต่ งงาน
ลูกสาวมากมายพอได้ฤกษ์เจ้าลายก็ยกขบวนขันหมากมโหฬารพรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สินและ
สิ่ ง ของ ตลอดจนเพื่ อ นฝู งพี่ น้ อ งมาเพชรบุ รี ม าถึ ง พร้อ ม ๆ กั บ เจ้ า กรุ งจี น ซึ่ งยกขบวนเรื อ
113
ขัน หมากมาที่ อ่ าวหน้ าหมู่ บ้ านอ่ า วน้ อ ยนั่ น เอง เมื่ อ ตาม่ อ งล่ ายและนางราพึ งต่ า งได้ ท ราบ
ความจริงก็เกิดทะเลาะกันขึ้นต่างฝ่ายต่างก็จะยกลูกสาวให้คนที่ตนหมายมั่น นางราพึงโมโห
คว้าหมวกที่วางอยู่ใกล้ ๆ เหวี่ยงใส่หน้าตาม่องล่าย ตาม่องล่ายหลบทัน หมวกจึงปลิวไปตกที่
ริมหาดประจวบฯ ต่อมากลายเป็นเขารูปร่างคล้ายหมวก ชื่อ เขาล้อมหมวก ตาม่องล่ายก็โยน
กระบุงใส่นางราพึง กระบุงก็ลอยไปตกอยู่เป็นเกาะเรียกว่า เกาะกระบุง ที่จังหวัดตราด และได้
มีการขว้างปาสิ่งอื่น ๆ อีกมากจนไปเกิดเป็นเกาะมากมายเช่น สากตาข้าวปลิวไปถูกเขาลูกหนึ่ง
"
่านั้น
เป็นเกาะอยู่ที่อาเภอบางสะพาน คือ เกาะทะลุ และ เกาะสาก อยู่ที่ปากน้าจังหวัดชุมพร และ
ตอนที่สากไปถูกเกาะทะลุนั้น สากได้ถูกกระจงคอขาดหัวกระเด็นไปตก กลายเป็น เกาะหัว
าเท
กระจง อยู่ที่หน้าบ่อคาอาเภอสวี จังหวัดชุมพร ไส้พุงของกระจงก็พลอยติดไปตกอยู่ใกล้ ๆ กับ
หัวกระจงกลายเป็น เกาะไส้กระจง จากนั้นนางราพึงได้วิ่งหนีไปจนหมดแรงที่ อ่าวบางสะพาน
ศึกษ
และได้ ก ลายเป็ น ภู เ ขาใหญ่ อ ยู่ ที่ ริ ม อ่ า วชื่ อ เขาแม่ ร าพึ ง ตาม่ อ งล่ า ยไม่ รู้ จ ะท าอย่ า งไรดี
กา ร
ความเสียใจบวกกับความโกรธอย่างสุดขีด จึงตรงเข้าจับนางยมโดยลูกสาว ฉีกออกเป็นสองซีก
โยนไปให้เจ้าลาย ซีกหนึ่งกลายเป็น เกาะนมสาว ที่อาเภอปราณบุรี อีกซีกหนึ่งโยนออกไปทาง
เพื่อ
เจ้ากรุงจีนกลายเป็น เกาะนมสาว ที่จังหวัดชลบุรี เจ้าลายเห็นเช่นนั้นรู้สึกผิดหวังและอาลัยรัก
นางยมโดยมาก จึงทิ้งหมากพลูเครื่องขันหมากที่นาไป กลายเป็น ภูเขาสามร้อยยอด อาเภอ
ิต
จังหวัดเพชรบุรี จากนั้นเจ้าลายได้เดินทางกลับบ้านและในที่สุดก็เลยตรอมใจตายกลายเป็น
ภูเขาที่อาเภอชะอา จังหวัดเพชรบุรี คือ เขาเจ้าลาย
ัยสว
มวนพลูหมากกลายเป็นหอยหมากที่คนเอามาเล่นหมากรุกขนมจีนที่ตระเตรียมเอามาเลี้ยงแขก
ก็กลายเป็นสาหร่ายทะเล ปูทอดมันกลายเป็นปูหิน พวกเครื่องเพชรพลอยต่าง ๆ ก็กลายเป็น
าวิท
เกาะหนู เกาะแมว
นานมาแล้ว มี พ่ อ ค้ าชาวจีน คนหนึ่ งเดิ นทางมาค้ าขายในเมื อ งชายทะเลของ
ประเทศไทย โดยใช้เรือสาเภาเป็นพาหนะขนสินค้ามาจากเมืองจีนและได้มาแวะขายสินค้าที่
หน้าเมืองสงขลาเป็นประจา ชายชาวจีนผู้นี้มีแก้ววิเศษอยู่ดวงหนึ่งสามารถช่วยไม่ให้จมน้าได้
114
"
จะหนีขึ้นฝั่ง แต่จนปัญญาไม่รู้จะหนีได้อย่างไร เพราะเรือสาเภาจอดอยู่ไกลฝั่ง จะว่ายน้าไปคง
่านั้น
ต้องตายก่อน สัตว์ทั้งสองจึงคิดขโมยแก้ววิเศษของพ่อค้าชาวจีน แต่ไม่รู้ว่าจะขโมยได้อย่างไร
าเท
เพราะเก็บไว้ไว้ในกาปั่นติดกุญแจ แมวจึงออกความคิดว่า จะต้องจับหนูตัวเล็ก ๆ บังคับให้ลอด
รูกุ ญ แจเข้ า ไปในก าปั่ น แล้ ว ขโมยแก้ ว วิ เศษออกมา หนู ก็ ต กลง เพราะเบื่ อ ที่ จ ะอยู่ บ นเรื อ
ศึกษ
เช่นเดียวกัน เมื่อพ่อค้าชาวจีนนอนหลับหนูจึงเข้าไปขโมยลูกแก้ววิเศษออกมาได้ และหนูคาบ
ลูก แก้ วเดินนาหน้าลงทะเล มีแมวกั บ สุ นัขเดินบนผิวน้าตามหนูไป ครั้นพอจะถึงฝั่งแมวเกิด
กา ร
คิ ด ไม่ ซื่ อ อยากกิ น หนู จึ งตะครุบ หนู หนู ต กใจวิ่งหนี ไป ลู ก แก้ วจึ งหลุ ด จากปากจมทะเลไป
หนูว่ายน้าหนีจนเหนื่อยอ่อนและจมน้าตายกลายเป็น เกาะหนู ส่วนแมวก็เหนื่อยและจมน้าตาย
เพื่อ
(มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2543)
ัยสว
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในภาคใต้
ยาล
เป็นแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ที่สาคัญ เพราะเป็นแหล่งโบราณคดีที่เก่าที่สุดเท่าที่พบ
ในภาคใต้ย้อนกลับไปถึงเมื่อประมาณ 40,000–25,000 ปีมาแล้ว แหล่งโบราณคดีถ้าผีหัวโต
เป็นแหล่งโบราณคดีภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์อายุประมาณ 3,000–2,000 ปีมาแล้ว
เป็ น แหล่ ง โบราณคดี ที่ มี ชื่ อ เสี ย งของจั ง หวั ด ส่ ว น แหล่ ง โบราณคดี ถ้ าไวกิ้ ง เป็ น แหล่ ง
โบราณคดีภาพเขียนสีสมัยประวัติศาสตร์อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 3-17 มีรูปเรือของชาติ
ต่าง ๆ เช่น เรือใบยุโรป อาหรับ เป็นต้น นักโบราณคดีเชื่อว่าภาพวาดที่ถ้าแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่ง
ของหลักฐานเส้นทางการเดินเรือระหว่างตะวันตกกับตะวันออก
115
"
่านั้น
าเท
ภาพที่ 10.1 ถ้าผีหัวโต
ที่มา: แหล่งสารสนเทศทางศิลปะในประเทศไทย. 2542.
ศึกษ
คาบสมุทรไทยปรากฏหลักฐานชุมชนโบราณในช่วงต่อเนื่องของยุคสาริดกับยุค
กา ร
เริ่มแรกของการเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์ของประเทศไทยในแหล่งโบราณคดีชายฝั่งทะเลหลาย
แห่ งด้ ว ยกั น แหล่ งโบราณคดี เหล่ านั้ น ได้ พั ฒ นาอารยธรรมสื บ เนื่ องกั น ต่ อ มาด้ วยเวลาอั น
เพื่อ
เป็ น เมื อ งท่ า ถึ ง แม้ จ ะอยู่ ลึ ก เข้ า ไปในแผ่ น ดิ น แต่ มี เส้ น ทางน้ าที่ ป รากฏร่ อ งรอยว่ า ในอดี ต
"มห
สามารถใช้เป็นเส้นทางออกสู่ทะเลได้ โดยใช้ลาน้าท่าตะเภาที่มีเส้นทางออกไปสู่ทะเลอ่าวไทยที่
ปากน้าชุมพร
แหล่งโบราณคดีท่าชนะ อาเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเมืองโบราณ
บนสันทรายเก่าขนานกับชายฝัง่ ทะเลอ่าวไทย โบราณวัตถุที่ค้นพบที่นี่ ได้แก่ เครื่องมือเหล็กรูป
หงส์หรือห่านที่แกะจากผลึก หิน ลูกปัดหรือจี้สลักรูป สิงห์ ลูกปัดหินอะเกตและคาร์เนเลีย น
ต่างหูหยก เป็นต้น แสดงให้เห็นว่า ที่นี่เป็นแหล่งผลิตลูก ปัดและเป็นเมืองท่าการค้าที่สาคัญ
อีกแห่งหนึ่งบนคาบสมุทรสยาม
116
"
่านั้น
ใหญ่ที่ต่อจากทิศตะวันตกของเทือกเขาต้นน้าคลองท่อมในจังหวั ดกระบี่ แหล่งโบราณคดีนี้เป็น
อ่าวและเมืองท่าโบราณชายฝั่งทะเลตะวันตกของคาบสมุทรไทยติดต่อกับโลกตะวันตก อินเดีย
าเท
ชุมชนภาคกลางของไทยและแหล่งโบราณคดีออกแก้วที่เวียดนาม เมืองท่าแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งใน
เส้นทางการค้าโบราณทางทะเลระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตก เป็นแหล่งผลิตลูกปัดและ
ศึกษ
เครื่องประดั บ โบราณวั ตถุที่พ บ ได้แก่ ชิ้นส่วนคันฉ่องสาริดสมัย ราชวงศ์ฮั่ นของจีน เหรีย ญ
ทองแดง เหรียญสาริดที่มีรูปต่าง ๆ รวมถึงลูกปัดทาจากหิน แก้ว ทองคา เป็นต้น
กา ร
แหล่งโบราณคดีภูเขาทอง จังหวัดระนอง เป็นแหล่งโบราณคดีที่อยู่บนเชิงเขา
เพื่อ
บริเวณอ่าวกล้วยสันนิษฐานว่า เป็นอ่าวที่พ่อค้าในสมัยโบราณใช้เป็นเส้นทางในการค้าขาย พบ
เครื่องปั้นดินเผา และเศษเครื่องปั้นดินเผา ลูกปัดแก้วและลูกปัดหิน นอกจากนี้ ยังพบจารึก
ภาษาทมิฬสมัยพุทธศตวรรษที่ 7 หรือ 8 ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็ นว่า แหล่งโบราณคดีภูเขาทอง
ิต
นดุส
เป็นแหล่งผลิตสินค้าที่สาคัญ
วั ด พระบรมธาตุ ไ ชยาราชวรวิ ห าร อ าเภอไชยา จั ง หวั ด สุ ร าษฎร์ ธ านี
ัยสว
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร
บริเวณภายในวัดยังมีพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ไชยา ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดพระ
บรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จัด แสดงประติมากรรมศิ ลาและสาริดที่ ค้นพบในเมืองไชยาเก่ า
ได้แก่ เทวรูปพระนารายณ์ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร รวมถึงหลักฐานสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ตั้งแต่สมัยทวารวดี ศรีวิชัย ลพบุรี สุโขทัย อยุธยา
117
"
่านั้น
าเท
ภาพที่ 10.2 วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร
ศึกษ
ที่มา: ธรรมะไทย. 2556.
กา ร
วั ด พ ระม ห าธ าตุ วรม ห าวิ ห าร จั ด ห วั ด น ค รศ รี ธ รรม ราช เมื อ ง
เพื่อ
นครศรีธรรมราชเป็นเมืองที่สาคัญบนที่ราบฝั่งตะวันออกของคาบสมุทร เจริญรุ่งเรืองต่อเนื่อง
มาเป็นเวลานาน เป็นทั้งเมืองท่าการค้าและศูนย์รวมทางศาสนา พุทธสถานแบบสังกาวงศ์ที่
ิต
พระวิ ห ารหลวงซึ่ งเป็ น รู ป แบบสถาปั ต ยกรรมสมั ย อยุ ธ ยา วิห ารสามจอม มี พ ระพุ ท ธรู ป
พระเจ้าศรีธรรมโศกราช ทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ วิหารพระมหาภิเนษกรม (พระทรงม้า) ทาง
าวิท
โบราณวัตถุ
118
"
่านั้น
ภาพที่ 10.3 วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช
าเท
ที่มา: วัดพระธาตุ. 2554.
ศึกษ
วัดพะโคะ หรือ วัดพระราชประดิษฐาน จังหวัดสงขลา ตั้งอยู่บนคาบสมุทร
กา ร
สทิงพระ เดิมเป็นที่ตั้งของเมืองที่มีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12
ต่อเนื่องมาจนสมัยอยุธยาได้ขยายและเติบโตในฐานะเมือ งท่าการค้าของอยุธยา กษัตริย์สมัย
เพื่อ
อยุธยาส่งเสริมการสร้างและบูรณะวัดโดยให้วัดพะโคะเป็นศูนย์กลางในการดูแลผู้คนและวัด
อีกกว่า 200 แห่ง วัดนี้ยังเคยเป็นที่ทาพิธีถือน้าพระพิพัฒน์สัตยาของเมืองพัทลุงในสมัยอยุธยา
ิต
ถือเป็นวัดในภาคใต้ที่สาคัญอีกแห่งหนึ่งในสมัยอยุธยา นอกจากนี้วัดแห่งนี้ยังเป็นวัดจาพรรษา
นดุส
คอมมิวนิสต์ที่มาปฏิบัติการในเขตภาคใต้ โดยใช้เป็นที่ตั้งค่ายกองกาลังติดอาวุธและป้องกัน
การโจมตีท างอากาศ หลั งจากการสู้ รบกั บ ฝ่ายรัฐ บาลเกื อบ 40 ปี พรรคคอมมิ วนิ สต์แห่ ง
ประเทศไทยได้ประกาศยุติการต่อสู้ เข้าร่วมเป็นผู้รว่ มพัฒนาชาติไทยเมื่อ พ.ศ. 2530
เมื อ งโบราณยะรั ง อ าเภอยะรั ง จั ง หวั ด ปั ต ตานี เป็ น ชุ ม ชนสมั ย แรกเริ่ ม
ประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทย เชื่อว่าเป็นที่ตั้งอาณาจัก รโบราณ
ที่มีชื่อว่า ลังกาสุก ะ หรือ ลั งกาเสียว ตามที่มีหลักฐานปรากฏในเอกสารของจีน ชวา มลายู
และอาหรับ ลักษณะของเมืองโบราณยะรัง สันนิษฐานว่าเป็นเมืองที่มีการสร้างทับซ้อนกันถึง 3
119
"
่านั้น
ประวัติศาสตร์เมื่ออารยธรรมอินเดียเผยแพร่เข้ามา เรื่องราวของศึกถลาง ประวัติและวิธีการ
ทาเหมืองแร่ดีบุกและสวนยางพารา ศิลปะพื้นบ้านและชาติพันธุ์วิทยาของกลุ่มชนที่อาศัยอยู่
าเท
บริเวณคาบสมุท รมลายู ชีวิตความเป็นอยู่ป ระเพณี ที่น่าสนใจของชาวจีนในภูเก็ต รวมไปถึง
ความเป็นมา และถิ่นอาศัยของชาวเลในภูเก็ต
บทสรุป
ศึกษ
กา ร
บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้าภาคใต้ของประเทศไทย เป็นตั้งและมีพั ฒ นาการของ
เพื่อ
การอยู่ อ าศั ย ของผู้ ค นมาตั้ ง แต่ ยุ ค ก่ อ นประวั ติ ศ าสตร์ จนมี ค วามสื บ เนื่ อ งจากถึ ง ยุ ค
ประวัติศาสตร์ ดังเห็นได้จากการเป็นที่ตั้งของอาณาจักรโบราณตั้งแต่สมัยศรีวิชัย ตามพรลิงค์
ิต
รวมทั้ งลั ก ษณะพื้ น ที่ ซึ่ เป็ น ที่ ที่ มี ก ารสั ญ จรของการค้ า ทางทะเล ท าให้ มี ผู้ ค นหลากหลาย
นดุส
เผ่ า พั น ธุ์ เ ข้ า มาด ารง สิ่ ง ต่ า ง ๆ เหล่ า นี้ มี ส่ ว นหล่ อ หลอมความสั ม พั น ธ์ ท างวั ฒ นธรรม
อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นวัฒนธรรมของภาคใต้ที่มลี ักษณะเฉพาะตัวอย่างโดดเด่น
ัยสว
แบบฝึกหัดท้ายบท
ยาล
1. เรื่องราวของศรีวิชัยปรากฏในหลักฐานใด
าวิท
2. พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของนครศรีธรรมราชคือองค์ใด
3. ศาสนาประจาศรีวิชัยคือศาสนาใด
"มห
4. สถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงของศรีวิชัยในภาคใต้ของประเทศไทย มีชื่อว่า
อะไร
5. อาณาจักรตามพรลิงค์ปัจจุบันคือจังหวัดใด
120
เอกสารอ้างอิง
หนังสือ และบทความในหนังสือ
"
่านั้น
คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ. (2542). วัฒนธรรมพัฒ นาการทาง
ประวั ติ ศ าสตร์ เอกราชและภู มิ ปั ญ ญา จั ง หวั ด นครศรี ธ รรมราช. กรุ ง เทพฯ:
าเท
คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ.
ศึกษ
ชนัญ วงษ์วิภาค. (2548). ภูมิปัญญาท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์เขมพันธ์จากัด.
มหาวิทยาลัยศิลปากร. คู่มอื มัคคุเทศก์. (2543). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
กา ร
สารานุกรมวัฒนธรรมไทย(ภาคใต้). (2542). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย
ธนาคารไทยพาณิชย์.
เพื่อ
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต
ิต
นดุส
[2557,มิถุนายน].
วัด พระธาตุ. (2554). วัดพระธาตุ. http://mim-chadaporn.blogspot.com [2556,พฤศจิก ายน
ยาล
27].
แหล่ งสารสนเทศทางศิ ล ปะในประเทศไทย. (1999). ภาคใต้ . Available: www.era.su.ac.th
าวิท
ภาคใต้ดินแดนแห่งความงามตามธรรมชาติ โดยเฉพาะหมู่เกาะและทะเลที่มี
"
่านั้น
ความสวยงาม นอกจากนี้ ศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวภาคใต้ยังโดดเด่นมีเอกลักษณ์
และมีเสน่ห์เช่นกัน เนื่องจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เป็นชายฝัง่ ทะเลประกอบด้วยเทือกเขาสูง
าเท
ตรงกลาง ที่ราบจึงมีแนวแคบ ๆ แถบชายฝั่งทะเล ส่งผลต่อการตั้งถิ่นฐานและดึงดูดให้ผู้คนที่
ศึกษ
ต่างภาษา ศาสนาและวัฒนธรรมเดินทางมาอาศัยและตั้งถิ่นฐานที่ภาคใต้ ทั้งชาวพุท ธ อิสลาม
และรวมถึ งคนหลากหลายเชื้ อชาติ เช่น คนไทย คนจีน คนมาเลย์ คนอาหรับ รวมถึงชาวเล
กา ร
การที่ผู้คนหลากหลายวัฒนธรรม และเชื้อชาติ ศาสนา อาศัยร่วมกันมาเป็นเวลานาน จึงย่อมมี
การปรับ และยอมรับ ในวัฒ นธรรมที่แตกตางกัน การปรับ ตัวให้เข้ากับ สภาพของภูมิศาสตร์
เพื่อ
สิ่งเหล่านีล้ ้วนส่งผลต่อการสร้างสรรค์ประเพณี วัฒนธรรม
ดั ง นั้ น วั ฒ นธรรมภาคใต้ จึ ง มี รู ป แบบอั น เป็ น เอกลั ก ษณ์ ที่ แ ตกต่ า งกั น ไป
ิต
"
ญาติด้วย โดยจะมีขนมที่เป็นสัญลักษณ์ในงานนี้ คือ
่านั้น
ขนมพอง หมายถึง แพที่ให้บรรพบุรุษใช้เพื่อข้ามไปสู่สวรรค์
าเท
ขนมลา หมายถึง เครื่องนุ่งห่ม
ขนมบ้า หมายถึงสะบ้า การละเล่นเพื่อให้บรรพบุรษใช้เล่นในวันสงกรานต์
ศึกษ
ขนมกง หมายถึง หมายถึงเครื่องประดับ
ขนมดีซา หมายถึง เบีย้ หรือเงินสาหรับใช้สอย
กา ร
ิต เพื่อ
นดุส
ัยสว
ยาล
"
่านั้น
พร้อมดอกไม้ธูปเทียนที่เตรียมมาใส่ในย่ามพระเมื่อเสร็จแล้ว ชาวบ้านจะจุดเปรียง (เปรียง คือ
การนามันมะพร้าวใส่เปลือกหอยพร้อมด้ายดิบ และจุดไฟที่ดา้ ย) ตามหน้าพระพุทธรูป ลานเจดีย์
าเท
ประเพณีชักพระ เป็นประเพณีท้องถิ่นในเขตภาคใต้ตอนกลาง เป็นประเพณีที่
เกี่ยวกับศรัทธาในพระพุทธศาสนาและวิถีชีวิตที่มีความผูกพันกับสายน้า ประเพณีชักพระจัดขึ้น
ศึกษ
เนื่องในวัน ออกพรรษาของชาวใต้ ตรงกั บ วันแรม 1 ค่าเดือน 11 ส าหรับ ประเพณี นี้เกิดจาก
ความเชื่อว่าเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปจาพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อโปรดพุทธมารดา
กา ร
และเมื่อครบพรรษาจึงได้เสด็จกลับมายังโลกมนุษย์ บรรดาพุทธศาสนิกชนจึงได้ไปรอรับเสด็จ
เพื่อ
และอัญเชิญพระพุทธองค์แห่ไปรอบเมือง ดังนั้น ชาวภาคใต้จึงมีการจัดงานเพื่อแสดงความยินดี
มี ก ารอั ญ เชิ ญ พระพุ ท ธรู ป บนบุ ษ บกที่ ป ระทั บ และแห่ แ หนไปทางเรื อ ในงานประเพณี จ ะ
ประกอบไปด้วยขบวนเรือที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เรือที่เป็นที่ประทับของพระพุทธรูปเรียกว่า
ิต
นดุส
“เรือ ประทานหรือเรือพนมพระ” ที่ หั วเรือ จะมี สายเชือ กผู ก ส าหรับ ลาก เรือ พนมพระนิ ย ม
ทาเป็นตัวนาค บนเรือจะมีพระสงฆ์นั่งมาด้วย นอกจากนี้ ยังมีการทาสลากและนิมนต์พระวัด
ัยสว
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
ภาพที่ 11.2 พิธีลอยเรือของชาวเล
ที่มา: สมุดหน้าเหลืองออนไลน์. 2556.
กา ร
เพื่อ
ประเพณี แห่ พ ระ แข่งเรือขึ้นโขนชิงธง เป็ นประเพณี เก่ าแก่ของชาวอาเภอ
หลังสวน จังหวัดชุมพร คือ การแข่งเรือยาวที่ตัดสินด้วยการขึ้นโขนชิงธง ซึ่งมีมานานกว่า 100 ปี
ิต
"
่านั้น
าเท
ภาพที่ 11.3 งานสมโภชเจ้าแม่ล้ิมกอเหนี่ยว จังหวัดปัตตานี
ศึกษ
ที่มา: ปอเต็กตึง้ . 2009. กา ร
อาหาร
เพื่อ
อาหารภาคใต้ เป็ น อาหารที่ มี ร สชาติ โ ดดเด่ น มี เอกลั ก ษณ์ ทั้ งนี้ เนื่ อ งจาก
ภาคใต้เคยเป็นศูนย์กลางการเดินเรือค้าขายสินค้าทางทะเลของพ่อค้าจากอินเดีย จีน อาหรับ
ิต
ที่อยู่อาศัย
"
่านั้น
เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ที่มีทะเลขนาบทั้งสองด้าน และมีลมมรสุมพัดผ่าน
จึงมีผลต่อรูปแบบของที่อยู่อาศัยในภาคใต้ ในการสร้างบ้านของชาวภาคใต้ในสมัยก่อนจะมี
าเท
ลั ก ษณะเป็ น บ้ านหรือ เรือ น ซึ่ งภาษาใต้ เรีย กว่า เริน บ้ านเรือ นในภาคใต้ มี ลั ก ษณะร่วมกั บ
บ้านเรือนไทยในภาคอื่น ๆ คือ เป็นเรือนไม้ ยกพื้นสูง ฝาบ้านเป็นไม้ก ระดาน ใต้ถุนใช้เป็นที่
ศึกษ
พักผ่อนหรือกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการเก็บของ และประกอบอาชีพ เอกลักษณ์ของบ้านเรือน
ในภาคใต้ คือ การไม่ฝังเสาลงในดิน แต่จะวางเสาบนตีนเสา โดยใช้ท่อนไม้เนื้อแข็ง หรือก้อนหิน
กา ร
แล้วบากประกบ ใช้ข่ือแปและคานบังคั บเสาให้ตั้งรูปแล้ววาง การไม่วางเสาลงดินเนื่องจาก
เพื่อ
สภาพดินที่ยืดหยุ่นมาก ทาให้มโี อกาสทาให้บ้านทรุดได้ง่าย รวมถึงป้องกันเชื้อรา ปลวกที่จะกัด
กร่อนเสาบ้านให้ผุเร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายบ้านได้อีกด้วยประเภทของ
ิต
บ้านเรือนมีทั้งเรือนเครื่องผูกและเรือนเครื่องสับ
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
เนื่องจากภาคใต้มีผู้คนหลากหลายเผ่าพันธุ์อาศัย ซึ่งมีส่วนทาให้เกิดวัฒนธรรม
ด้านอาคารบ้านเรือนแบบอื่น คือ สถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส ซึ่งพบมากในเขตภาคใต้
ตอนล่าง เช่น ภูเก็ต ตรัง และสงขลา เป็นต้น มีลักษณะเป็นอาคารตึก ที่มี ความผสมผสาน
ระหว่างตะวันออกและตะวันตก เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอาณานิคม หรืออาคารแบบโค
โลเนียล มีการเจาะช่องอาคารเป็นช่อง ๆ มีเฉลี่ยงยื่นมาหน้าบ้าน ด้านหน้าอาคารมีช่องโค้ง
(arch) ต่อเนื่องเป็นระยะ เพื่อให้เกิดทางเดินเท้า หรือที่เรียกว่า “อาเขต” (arcade) บานประตู
"
และหน้าต่างนิยมกรุแบบยุโรป ตกแต่งขอบประตูด้วยลวดลายต่าง ๆ แบบศิลปะตะวันตกสมัย
่านั้น
กรีกและโรมัน เรียกว่า “สมัยคลาสสิก” เช่น หน้าต่างวงเกือกม้า หัวเสาแบบไอโอนิกหรือโคริน
าเท
เทียน (วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, 2557)
ศึกษ
กา ร
ิต เพื่อ
นดุส
ัยสว
ยาล
ส่วนบ้านชาวมุสลิมมีการนารูปแบบบ้านแบบหลังคาแบบตะวันออกกลาง คือ
ทรงปั้นหยาและบลานอ หรือมะนิลาเข้ามาผสมผสาน จนได้รับความนิยมในเขตภาคใต้ตอนล่าง
บ้ า นทรงปั้ น หยามี ลั ก ษณะเช่ น เดี ย วกั บ บ้ า นทรงไทยทางภาคใต้ ทั่ ว ไป แต่ แ ตกต่ า งที่ มี
ความแข็งแรงของโครงสร้างหลังคาเป็นพิเศษ ที่หัวและท้ายของหลังคาเป็นรูปลาดเอียงแบบ
ตัด เหลี่ย ม หลั งคามุงกระเบื้อ งสี่เหลี่ย ม ตรงรอยตัดเหลี่ย มของหลังคามีค รอบกั น น้าฝนรั่ว
หลังคาแบบนี้สามารถทานรับฝนและแรงลมได้ดี ส่วนมากพบทางจังหวัดสงขลา ส่วนบลานอ
128
คือ การผสมผสานระหว่างหลั งคาจั่ว ผสมกั บ หลั งคาปั้ นหยา คือ ส่ วนหน้ าจั่ วค่อ นข้างเตี้ ย
ส่วนล่างของจั่วค่อนข้างลาดเอียงลงมารับกับหลังคาด้านยาวซึ่งลาดเอียงตลอด ยกพื้นสูง มัก
พบแถบจังหวัดปัตตานี ส่วนมากบ้านที่มีหลังคาบลานอ หรือมะนิลาจะมีการเพิ่มเติมลายฉลุไม้
ที่ ส่ ว นยอด โดยเฉพาะพบมากในชุม ชนชาวไทยมุ ส ลิ ม ส่ วนลวดลายที่ ฉ ลุ จะเป็ น รูป พรรณ
พฤกษา และไม่นิยมฉลุรูปสัตว์ (บ้านจอมยุทธ์, 2543)
"
่านั้น
บทสรุป
วัฒนธรรมอันโดดเด่นของภาคใต้นอกเหนือจากการมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน
าเท
แล้ว ยังเป็นเพราะลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่ส่งผลต่อการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนทรัพยากรธรรมชาติ
การมีชัยภูมิที่มีการเดินทางติดต่อสัมพันธ์กับคนหลากหลายเชื้ อชาติ รวมถึงอิทธิพลคติความ
ศึกษ
เชื่อ ทางศาสนา ได้ ห ล่ อ หลอมรวมกั น และปรับ ตั ว พั ฒ นาปรับ ปรุง จนสะท้ อ นออกมาเป็ น
ลักษณะเฉพาะทั้งด้านประเพณี วัฒนธรรมอาหารการกินและสภาพบ้านเรือนที่อยู่อาศัยอีกด้วย
กา ร
เพื่อ
แบบฝึกหัดท้ายบท
1. ประเพณีทางภาคใต้มีลักษณะอย่างไร
ิต
2. จงยกตัวอย่างประเพณีภาคใต้ที่มลี ักษณะร่วมกับประเพณีในภาคอื่น
นดุส
3. จงอธิบายลักษณะอาหารของภาคใต้
4. จงอธิบายลักษณะบ้านเรือนของภาคใต้
ัยสว
5. จงร่วมกันอภิปรายถึงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมภาคต่อใต้การท่องเที่ยว
ยาล
าวิท
"มห
129
เอกสารอ้างอิง
หนังสือ และบทความในหนังสือ
"
่านั้น
ทวีพล หงส์วิวัฒน์.(2545). ครัวไทย. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แสงแดด จากัด.
มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทยธนาคารไทยพาณิชย์ . (2542). สารานุกรมวัฒนธรรมไทย
าเท
(ภาคใต้). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทยธนาคารไทยพาณิชย์.
ศึกษ
อาไพ โสรัจจะพันธุ์. (2544). อาหารท้องถิ่นภาคใต้. สงขลา: สถาบันราชภัฏสงขลา.
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต
กา ร
เพื่อ
ปอเต็ก ตึ้ง. (2552). เทศกาลเจ้ าแม่ ลิ้ ม กอเหนี่ ย ว. [Online]. Available: http://pohtecktung.
org/ [2557, สิงหาคม].
ัยสว
นดุส
ิต เพื่อ
กา ร
ศึกษ
าเท
่านั้น
"
บทที่ 12
การแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทย
การดูแลสุขภาพและการรักษาโรค เป็นพฤติกรรมของมนุษย์ที่สนองตอบต่อ
ความต้องการในปัจจัยสี่ มนุษย์ทุกแห่งในโลกตั้งแต่อดีตมีพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพและ
"
่านั้น
การรักษาโรคเมื่อป่วยไข้ตามสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและรูปแบบทางสังคมวัฒนธรรม
าเท
พัฒนาการทางการแพทย์แผนไทย
สาหรับประเทศไทยนั้น เดิมนั้นไทยมีแบบแผนการรักษาโรคด้วยวิธีการของ
ศึกษ
ตนเอง ต่อมาได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมอินเดียในราวพุทธศตวรรษที่ 7-10 โดยเฉพาะจาก
ศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธ ซึ่งได้มีการนาวิธีการรักษาโรคแบบอินเดียมาเผยแพร่ด้วย
กา ร
การรักษาโรคหรือความรู้ทางการแพทย์ของอินเดียมาจากคัมภีร์พระเวท เรียกว่ า การแพทย์
เพื่อ
แผนอายุรเวท เน้นการใช้สมุนไพรในการรักษาโรค
การรั ก ษาโรคแบบอายุ ร เวท จะต้ อ งมี ก ารกราบไหว้ ห มอชี ว กโกมารภั จ จ์
ิต
มนุษ ย์ป ระกอบไปด้ว ยธาตุ ทั้ง 4 คือ ดิน น้ า ลม และไฟ ในขณะที่ ก ารแพทย์แผนอายุ รเวท
เชื่อว่าร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยธาตุ 5 ธาตุ คือ ดิน น้า ลม ไฟ และอากาศ
"มห
การแพทย์แผนไทยถือเป็นความรู้เฉพาะและสืบทอดในสายตระกูล แต่ในสมัย
รัชกาลที่ 3 ได้โปรดให้มีการจารึกตาราแพทย์แผนไทยและตารายาไว้ที่วัดพระเชตุพนวิมลมัง -
คลาราม เมื่ อ ปี พ.ศ. 2375 จึ ง ท าให้ ป ระชาชนมี โ อกาสเรี ย นรู้ ก ารแพท ย์ แ ผนไท ย
อย่างกว้างขวางขึ้น
สาหรับความรู้ดา้ นการแพทย์แผนไทยประกอบไปด้วย
วิชาการบริหารกาย หรือ ฤษีดัดตน
132
"
ชวาและอินเดีย ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นวิชาการการแพทย์แบบตะวันตกในเมืองเหล่านี้ จึง
่านั้น
ทรงโปรดให้ จั ด ตั้ ง ศิ ริ ร าชพยาบาลเพื่ อ รั ก ษาผู้ ป่ ว ยทั้ ง การแพทย์ แ ผนไทยและการแพทย์
าเท
แผนตะวันตก เมื่อปี พ.ศ. 2431 การรักษาด้วยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนตะวันตก
ถู ก ยกเลิ ก ไปใน ปี พ.ศ. 2465 เหลื อ ไว้ แ ต่ ก ารรั ก ษาแบบการแพทย์ แ ผนตะวั น ตกเพี ย ง
ศึกษ
อย่างเดียว (สมพร หิรัญรามเดช, 2527)
ต่อมาการแพทย์แผนไทยได้รับ การส่งเสริมอีกครั้ง โดยเฉพาะด้านการผลิต
กา ร
ยาสมุ น ไพร ได้ รับ การส่ งเสริ ม ในแผนพั ฒ นาประเทศฯ ฉบั บ ที่ 6 (พ.ศ. 2530-2534) ทาง
กระทรวงสาธารณสุขได้กาหนดเป้าหมายให้ผลิตยาเชิงพาณิชย์จากพืช 5 อย่าง คือ ขมิ้นชัน
เพื่อ
สุขภาพและความเจ็บป่วยในสังคมไทย
ยาล
คือ
ประการที่ 1 เชื่อว่าโรคเกิดจากธรรมชาติในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลง
"มห
"
่านั้น
ลักษณะการรักษา
าเท
การรักษาโรคตามแพทย์แผนไทยนั้นขึ้นกับแนวคิดธาตุทั้ง 4 ที่ประกอบด้วย
ธาตุ ดิ น หมายถึ ง คุ ณ ลั ก ษณะที่ ค งตั วและสุ ขุม ได้ แก่ ผม ขน เล็ บ ฟั น หนั ง เนื้ อ เส้ น เอ็ น
ศึกษ
กระดู ก ม้ าม หัว ใจ ตับ ไต ปอด พั งผืด ลาไส้ใหญ่ ลาไส้ เล็ก มันสมองเป็ นต้น ธาตุน้า คื อ
องค์ประกอบที่มีคุณลักษณะอ่อนเหลว ได้แก่ น้าดี เลือด เสลด หนอง เหงื่อ น้าตา น้ามูก น้า
กา ร
ปัสสาวะ มัน เป็นต้น ธาตุลม องค์ประกอบที่มีคุณลักษณะเป็นพลัง สามารถขับดันให้สิ่งต่าง ๆ
เพื่อ
ไหลเวียนได้ ได้แก่ ลมที่พัดจากศรีษะสู่ปลายเท้ า ลมที่พัดจากปลายเท้าสู่ศรีษะ ลมหายใจเข้า
และออก ลมในล าไส้ แ ละกระเพาะ เป็ น ต้ น และธาตุ ไ ฟ หมายถึ ง พลั ง งาน ความอบอุ่ น
ิต
ความร้ อ น มี ห น้ า ที่ ใ นการย่ อ ยและเผาไหม้ ได้ แ ก่ ไฟส าหรั บ ให้ ร่ า งกายอบอุ่ น ไฟท าให้
นดุส
นอกจากนี้ มนุ ษ ย์ แ ต่ ล ะคนล้ ว นมี ธ าตุ เจ้ า เรื อ นเป็ น เอกลั ก ษณ์ เฉพาะตั ว ที่
แสดงออกมาเป็นรูปร่าง ผิวพรรณ บุคลิก การพูดและอุปนิสัยที่แตกต่างกัน ดังนั้น การเข้าใจ
"มห
ธรรมชาติ ใ นร่ า งกายจึ ง ส าคั ญ ต่ อ การรั ก ษาสุ ข ภาพด้ ว ย รวมถึ ง ลั ก ษณะการกิ น ที่ ต้ อ ง
รับประทานอาหารให้เหมาะกับธาตุเจ้าเรือน เพื่อหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วยจากโรคภัยต่าง ๆ ซึ่งมี
ลักษณะ ดังนี้
ผู้ที่มีธาตุลมเป็นธาตุเจ้าเรือน จะมีรูปร่างโปร่งถึงผอม น้าหนักตัวน้อย ผิวแห้ง
ไม่ค่อยอยู่นิ่ง ทาอะไรเร็ว ๆ มักมีอาการท้องผูก หิวและอยากอาหารไม่แน่นอน นอนหลับยาก
อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย เรียนรู้เร็วแต่ขีล้ ืม ชอบวิตกกังวล หวาดกลัว
134
"
ควบคุ ม น้ าหนั ก ได้ ดี มั ก ท้ อ งเสี ย มากกว่ า ท้ อ งผู ก นอนหลั บ ง่า ย ชอบวางแผนและสั่ งการ
่านั้น
อารมณ์เสียง่าย ขีร้ ้อน ชอบความเย็น
าเท
ดังนั้น คนธาตุไฟเหมาะกับอาหารที่มีรสหวาน ขมและฝาด ไม่ควรกินอาหารที่
มีรสเผ็ดร้อน เปรี้ยวและเค็ม อาหารที่เหมาะสมควรเป็นผลไม้ที่มีรสหวานและมีน้ามาก เช่น
ศึกษ
ส้ ม เขี ย วหวาน แตงโม อาหารที่ มี ผั ก ที่ มี ค วามเย็ น เช่ น ผั ก กาด มะระ บวบ ใบยอ สะเดา
มะเขือ เปราะ หลีก เลี่ ย งอาหารทะเล หลี ก เลี่ย งสถานที่ ร้อ น ๆ รู้จัก การปล่อ ยวาง ควบคุ ม
กา ร
อารมณ์
ผู้ที่มีธาตุดินและน้า จะมีรูปร่างใหญ่ น้าหนักตัวมาก ผิวนุ่ม ละเอียด ความหิว
เพื่อ
หลีก เลี่ย งอาหารที่มี รสเปรี้ย วหรือ หวาน ไม่ควรรับ ประทานเนื้อสัต ว์มากเกินไป เนื้ อสัตว์ที่
รั บ ประทานควรใช้ วิ ธี ปิ้ ง ย่ า ง หรื อ อบ ไม่ ค วรทอด หลี ก เหลี่ ย งการอยู่ กั บ ที่ น าน ควรมี
ยาล
เฉื่อยชาได้
"มห
สมุนไพรไทย
นอกเหนือจากการรักษาโรคแล้ว อาหารประเภทผัก ผลไม้และสมุนไพรหลาย
ชนิดยังมีสรรพคุณเป็นยา เนื่องจากมีการวิจัย พบว่า พืชผักสมุนไพรพื้นบ้านในท้องถิ่นหลาย
ชนิด มี ส ารต้ านอนุมูล อิส ระ เป็ นสมุนไพรรัก ษาโรค (ลลิตา ธีระสิ ริ , 2548) ดังคากล่าวที่ว่า
“สมุนไพรรู้ก็เป็นยา ไม่รู้ก็เป็นหญ้ า ” ดั งนั้น การเห็นคุณ ค่าของสิ่งที่อยู่รอบตัว จาเป็นต้องมี
การเรียนรู้ รวมถึงการรับประทานและการใช้พืชผักพื้นบ้านเช่นกัน เพราะส่วนต่าง ๆ ของพืชผัก
135
ล้ว นมี คุ ณ ค่ าและสรรพคุ ณ ทางสารอาหารและยาแตกต่ างกั น ไป การใช้พื ชผั ก เหล่ านั้ น ให้
เหมาะสมจึงจะกลายเป็นยาสมุนไพร
ส าหรับ การใช้ ส มุ น ไพรไทยที่ นิ ย มรั ก ษา คื อ โรคอนุ มู ล อิ ส ระ เป็ น โรคแห่ ง
ความเสื่อมทั้งหลายของร่างกาย เช่น ผิวหนัง ฝ้า กระ ข้อ หัวใจ หลอดเลือด ต้อและมะเร็ง ซึ่ง
การป้องกันเริ่มต้นด้วยการกินสารอาหารที่มีประโยชน์และมีสารที่ต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ
เช่น วิตามินเอ วิตามินอี และเซเลเนีย ม ในผัก พื้ นบ้ านหลายชนิด เช่น ยอดแค ใบกระเพรา
"
ใบขีเ้ หล็ก ผักกระเฉด ใบยอใบย่านาง ใบบัวบก ใบทองหลาง ผักกูด เป็นต้น
่านั้น
าเท
ศึกษ
กา ร
ิต เพื่อ
นดุส
"
่านั้น
ขิง ขับลม แก้น้าดี แก้ปวดท้อง ชะลอความชรา
ขีเ้ หล็ก ระงับประสาท ยาระบาย ช่วยให้นอนหลับ
าเท
ตะไคร้ ขับลม ขับปัสสาวะ
ตาลึง แก้ไข้
ศึกษ
บัวบก สมานแผล ลดความดันเลือด
ไพล รักษาหอบหืด
กา ร
พริกไทย กระตุน้ ประสาท
เพื่อ
มะเขือพวง ลดความดันเลือด
มะระขีน้ ก ถ่ายพยาธิ เสริมสร้างภูมติ ้านทาน ต้านการอักเสบ
ย่านาง ลดไข้
ิต
นดุส
ใบยอ แก้กระดูกพุรน
สะเดา ฆ่าเชื้อมาลาเรีย
ัยสว
สะระแหน่ ขับลมแก้ท้องอืด
ขมิน้ ต้านการอักเสบ ป้องกันมะเร็ง ต้านอนุมูลอิสระ
ยาล
พริก ป้องกันมะเร็ง
ถั่วพู รักษาสิว
าวิท
"
่านั้น
าเท
ภาพที่ 12.2 ตัวอย่างสมุนไพรไทย (ข่า)
ศึกษ
ที่มา: www.siam-herbs. 2557.
กา ร
ตารับยาไทย
เพื่อ
ตามสมุ ฏ ฐานโรคของต ารับ ยาไทยเชื่อ กั น ว่าเลื อ ดและน้ าดี เป็ น ส่ วนส าคั ญ
ดังนั้นยากลางบ้านทุกชนิดจึงต้องมีรสขมเจือไว้ และมักมีตัวยาที่มีรสเบื่อเมาปนอยู่ด้วยเพื่อให้
ิต
1. ยารสร้อน
ใช้ เ ป็ น ยาประเภทขั บ ลม แก้ จุ ก เสี ย ด แน่ น ท้ อ ง เช่ น จ าพวก ขิ ง ข่ า
ยาล
ประจาฤดูฝน
2. ยารสเย็น
"มห
"
4. ยาดอง คือ ยาที่แช่ดว้ ยเหล้า ส่วนใหญ่จะใช้เหล้าขาว กินเฉพาะส่วนที่เป็นน้า
่านั้น
5. ยาตั้ง คือ ยาที่ทาเป็นแท่ง ใช้วางทาบตรงปากบาดแผลเพื่อให้ยาดูดพิษ
าเท
ร้ายออก
6. ยาเหน็บ คือ ยาที่ทาเป็นก้อนหรือเป็นแท่ง ใช้เหน็บหรือรักษาแผลในช่อง
ศึกษ
ทวาร มักใช้ในการรักษาริดสีดวงทวารงอกเพื่อให้ยุบหรือหดตัว
7. ยาอม คือ ยาที่ทาเป็นเม็ด มักมีรสหวาน เมื่ออมแล้วจะค่อย ๆ ละลาย
กา ร
8. ยาชง คือ ยาที่ต้องชงด้วยน้าร้อน โดยมากใช้ด่มื เพื่อบารุง
9. ยาทา คือ ยาน้าหรือยาผงที่ใช้ทาภายนอก
เพื่อ
10. ยาดม คื อ ยาที่ มี ก ลิ่ น ระเหย อาจปล่ อ ยให้ ร ะเหย หรื อ ใช้ ผ้ า ห่ อ แล้ ว
ดมกลิ่น
ิต
นดุส
บทสรุป
การอาศัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อแก้ปัญหาความเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่มนุษย์
ทั่ ว โลกได้ ยึด ถื อ ปฏิ บั ติ กั น มานานรวมถึ งผู้ คนในสั งคมไทยด้ว ย การรัก ษาพยาบาลถือ เป็ น
วัฒนธรรมทางภูมิปัญญาของไทยที่มีการปรับปรุงผสมผสานจนกลายเป็นการแพทย์แผนไทย
อย่ างทุ ก วั น นี้ การรัก ษาพยาบาลตามแบบแผนดั้ งเดิ ม จ าด าเนิ น ไปด้ วยการหาสาเหตุ จาก
ธรรมชาติ อานาจเหนือธรรมชาติและพลังจักรวาล การรักษาอาจใช้ยาสมุนไพรไทย ประเภท
"
่านั้น
ผักพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยา ใช้ในการป้องกันและรักษาโรคจนได้รับความนิยมและพัฒนา
จนถึงทุกวันนี้
าเท
คาถามทบทวน
ศึกษ
1. การแพทย์แผนไทยหมายถึง กา ร
2. ตามแนวคิดเรื่องธาตุ สาเหตุของการป่วยคืออะไรบ้าง
3. นักศึกษามีความคิดเห็นอย่างไรต่อการนาสมุนไพรรักษาโรค
เพื่อ
4. จงร่วมกันอภิปราย “แพทย์แผนไทยกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ”
ิต
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
140
เอกสารอ้างอิง
หนังสือ และบทความในหนังสือ
โกมาตร จึ งเสถี ย รทรัพ ย์. (มปป.). แนวคิ ด ไทยเรื่อ งการเจ็ บ ไข้ ได้ ป่ วย. กรุงเทพฯ: ศู น ย์
ประสานงานการพัฒนาการแพทย์และเภสัชกรรมไทยแผนไทย กองแผนงานกระทรวง
"
่านั้น
สาธารณสุข.
ชนัญ วงษ์วิภาค. (2548). ภูมิปัญญาท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์เอมพันธ์จากัด.
าเท
ประทีป ชุมพล. (2541). ประวัติศาสตร์การแพทย์แผนไทย การศึกษาจากเอกสารตารา
ศึกษ
ยา. กรุงเทพฯ: บริษัทอาคีไทพ์ จากัด.
เพ็ ญ นภา ทรัพ ย์ เจริญ และคณะ. (2542). สถาบั น การแพทย์ แ ผนไทย. กรุงเทพฯ: กรม
กา ร
การแพทย์.กระทรวงสาธารณสุข 2542.
ลลิ ตา ธี ระสิริ. (2548). ผั ก พื้ น บ้ าน: อาหารต้ านโรค บทความในรวมบทความประชุ ม
เพื่อ
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต
ยาล
August 6].
"มห
บทที่ 13
หัตถกรรมไทย: สิ่งทอ ผ้าไทย
"
อย่างชัดเจน โดยสามารถแสดงออกมาในรูปแบบ ลวดลาย สีสัน ที่จะสามารถบ่งบอกได้ว่า
่านั้น
ชาติพันธุ์นั้น ๆ มาจากที่ใด หรือมีถิ่นฐานที่ใด เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มในสังคมไทยก็เช่นเดียวกันที่
าเท
เกิ ด จากการรั ง สรรค์ ข องบรรพบุ รุ ษ ไทยมาเป็ น เวลาเนิ่ น นาน สะท้ อ นถึ ง ภู มิ ปั ญ ญาทาง
วัฒนธรรม และการนาทรัพยากรธรรมชาติ มาดัดแปลงใช้สอยให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด
ศึกษ
การใช้ผ้าหรือเส้นใยในประเทศไทยมีหลักฐานมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์
เช่นการขุดค้นที่บ้านเชียง ลพบุรี รวมถึงหลักฐานในสมัยประวัติศาสตร์ เช่น ตามภาพจิตรกรรม
กา ร
ฝาผนังในสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย ที่แสดงให้เห็นว่า สังคมไทยมีการผลิตสิ่งทอ มาเป็น
เวลานาน นอกจากนี้ ยังมีสิ่งทอของกลุ่มชาติพันธุ์ย่อยต่าง ๆ ในสังคมไทย ที่ได้อพยพโยกย้าย
เพื่อ
วิธีการทอ
การทอผ้า คือ การผลิตผ้าโดยใช้เส้นด้ายตั้งแต่สองกลุ่มขึ้นไปมาขัดกันให้เป็น
มุมฉาก ด้ายเครือ คือ กลุ่มที่ขึงตึงอยู่ในเครื่องทอผ้าตามแนวยืน ขนานกับริมผ้าซึ่ งเป็นด้ายยืน
ส่วนด้ายทอคือกลุ่มเส้นใยที่ตั้งฉากกับด้ายเครือเป็นด้ายพุ่ง มีลักษณะเหมือนการสาน สลับ
สานกันตามจังหวะของการเหยียบไม้แป และมือที่พุ่งกระสวยไปมา การทอผ้ามี 6 วิธี คือ
142
"
่านั้น
ผืนผ้า ลวดลายแต่ล ะช่องจะซ้า ๆ และเป็ นสีเดีย วกั น เนื่องจากการทอผ้าชนิดนี้ ค่อนข้างมี
ขั้ น ตอนที่ ย ากกว่ า การทอธรรมดา ชาวบ้ า นจึ ง ไม่ นิ ย มทอผ้ า ชนิ ด นี้ ส าหรั บ เสื้ อ ผ้ า ที่ ใ ช้ ใ น
าเท
ชีวติ ประจาวันในการทานาทาไร่ แต่จะนาไปผลิตเป็นผ้าที่ใช้ในโอกาสพิเศษ เช่น ผ้าห่อคัมภีร์
3. การทอจก คือ การใช้วัสดุป ลายแหลม เช่น ขนเม่นแยกเส้นตามจานวน
ศึกษ
ลวดลายที่กากับไว้ โดยการใช้มือขวาแยกเส้นด้ายยืน ส่วนมือซ้ายสอดเส้นทอเป็นด้ายพุ่งลงไป
ขัดตามจังหวะของลวดลาย เมื่อสอดด้ายทอไปจนสุดขอบผ้าก็จะดึงด้ายทอให้ตึงเพื่อให้ผา้ แน่น
กา ร
และตัวลายเด่นชัด
เพื่อ
4. การทอเกาะ คือ การทอโดยใช้เส้นด้ายทอหลายสีท อพุ่งสลับ กันไปเป็น
ช่วง ๆ ตามลักษณะขนาดของลายที่กาหนดไว้ โดยแต่ละช่วงลายจะเกี่ยวผูกด้ายต่อ ๆ กัน กับ
ิต
ตัดเอาเชือกกล้วยออก แล้วนาเส้นใยเข้ากรอหลอดเพื่อเตรียมการทอต่อไป
าวิท
"มห
143
"
่านั้น
าเท
ภาพที่ 13.1 วิธีการทอผ้าและอุปกรณ์การทอผ้า
ศึกษ
ที่มา: สานักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. 2545.
กา ร
ผ้าพื้นเมืองภาคต่าง ๆ
ในการแต่งกายและการใช้ผ้าแต่ละภาคล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น สามารถ
เพื่อ
บ่งบอกเอกลักษณ์และภูมิปัญญาได้อกี ด้วย
ิต
นดุส
ผ้าพื้นเมืองภาคเหนือ
ตามลั กษณะภูมิศาสตร์นั้นภาคเหนือสามารถแบ่งได้เป็น ภาคเหนือตอนบน
ัยสว
และภาคเหนื อ ตอนล่ าง ซึ่ งส าหรับ ภาคเหนื อ ตอนล่ าง มี วิถี ชี วิต คล้ ายคลึ งกั บ ผู้ ค นในแถบ
ภาคกลางค่อนข้างมาก ส่วนภาคเหนือตอนบนคืออาณาเขตของอาณาจักรล้านนา ประชากร
ยาล
ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยล้านนาหรือที่เรียกตัวเองว่า “คนเมือง”
คนภาคเหนือ นิยมนุ่งหรือใช้ผ้าฝ้ าย ไม่นิยมใช้ผ้าไหมเนื่องจากมีความเชื่อใน
าวิท
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
ภาพที่ 13.2 ผ้าตีนจก
ทีม่ า: สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน ฯ. 2556. กา ร
ผ้าพื้นเมืองภาคอีสาน
เพื่อ
ภาคอี ส านเป็ น ภาคที่ มี ก ารทอผ้ า พื้ น เมื อ งที่ ส าคั ญ ที่ สุ ด ของประเทศไทย
เนื่ อ งจากมี ป ระชากรส่ ว นใหญ่ เป็ น กลุ่ ม ไทย-ลาว ที่ มี ฝี มื อ และชื่ อ เสี ย งในด้ า นการทอผ้ า
ิต
ใช้ท อผ้าขิด สามารถใช้ได้ ทั้ งผ้ าไหมและผ้ าฝ้าย ผ้ามั ดหมี่ ที่ มีชื่อ เสี ย งมี ก ารทออย่างมากที่
อาเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น อาเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
"
่านั้น
พุ่งและเส้นยืน
3.ผ้าหมี่ จองซิน เป็นลวดลายคล้ายมัดหมี่ของกลุ่มลาว ลายที่นิย มทอ คือ
าเท
ลายก้านแย่ง ลายโคม ลายขอ ลายกนก เป็นต้น (สมพงษ์ พิมแจ่มใส, 2543)
ในสมัยรัชกาลที่ 5 การแต่งกายข้าราชการคือการนุ่งผ้าโจงกระเบน ซึ่งเป็นผ้า
ศึกษ
ที่ทอจากจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นผ้าที่สวยที่สุดของผ้าปูมแบบเขมร
ซึ่งเดิมเป็นผ้าที่ใช้นุ่งในราชสานักเขมร นิยมย้อมด้วยสีพ้ืนซึ่งเป็นสีนาตาลแดง
้
กา ร
ิต เพื่อ
นดุส
ัยสว
ยาล
ผ้าพื้นเมืองภาคกลาง
เนื่องจากภาคกลางเป็นภาคที่มี คนหลากหลายเผ่าพั นธุ์เข้ามาอาศัย แต่ล ะ
เผ่าพันธุ์ลว้ นนาวัฒนธรรมการดารงชีวติ มาใช้ในชีวติ ประจาวันและเผยแพร่สืบต่ออีกด้วย
สมั ย อดี ต นั้ น ชาวบ้ า นในเขตภาคกลางจะนิ ย มทอผ้ าไว้ ใช้ ส อยในครัว เรื อ น
นอกเหนือจากการทาอาชีพหลักคือการเกษตร สาหรับแหล่งทอผ้าในเขตภาคกลางที่มีชื่อเสียง
ส่วนมากอยู่ในชุมชนชาติพันธุ์ลาว โซ่ง ยวน และกะเหรี่ ยง แถบจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี
146
"
ผ้ า ขิ ด เพื่ อ ทอผ้ า ห่ ม ผ้ า ย่ า ม ผ้ า ขาวม้ า และหมอนทรงสามเหลี่ ย มที่ เรี ย กว่ า “หมอนขิ ด ”
่านั้น
(สมพงษ์ พิมแจ่มใส, 2543)
าเท
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มลาวโซ่ง ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะด้านผ้าทอหรือเครื่องนุ่งห่ม
ชาวลาวโซ่งนิยมใส่เสือ้ ฮีหรือเสือ้ ที่มีความยาวคลุมหัวเข่า ใส่ในงานพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น พิธีเซ่นผี
ศึกษ
งานแต่งงาน งานศพ เสื้อฮีของผู้ชายและผู้หญิงจะแตกต่างกัน เสื้อฮีของผู้ชายจะตัดเข้ารูปพอดีตัว
ตัวยาวเหนือหัวเข่า คอเสื้อเป็นคอกลมผ่าหน้าตลอด คอเสื้อมีกระดุมติด ด้านข้างของเสื้อผ่า
กา ร
ทั้งสองข้างยาวถึงเอว แขนเสือ้ ทรงกระบอก กุ๊นรอบคอด้วยด้ายสีแดง ขาว หรือเขียว
ส่วนเสื้อฮีของผู้หญิง จะมีขนาดใหญ่กว่าผู้ชาย 2 เท่า ยาวเลยหัวเข่าเล็กน้อย
เพื่อ
การนุ่งซิ่นของชาวลาวโซ่งใช้ได้ทุกโอกาสทั้งในชีวิตประจาวันและงานพิธีกรรมต่าง ๆ ทั้งงาน
มงคลและอวมงคล แต่ส าหรับ การนุ่ งผ้าของผู้ หญิ งระหว่างผู้สูงอายุ กั บ หญิ งสาว ให้ ดูจาก
ยาล
"
่านั้น
ภาพที่ 13.5 ลายผ้าลาวโซ่ง
าเท
ที่มา: Ittirit. 2550.
ศึกษ
ผ้าพื้นเมืองภาคใต้ กา ร
สาหรับผ้าทอในภาคใต้ค่อนข้างได้รับอิทธิพลการทอแบบชาวไทรบุรี เนื่องจาก
ตามประวั ติ ศ าสตร์ ที่ พ บว่ า เมื่ อ พ.ศ. 2354 เจ้ า เมื อ งนครศรี ธ รรมราช มี ก ารกวาดต้ อ น
เพื่อ
โดยเฉพาะผ้ าที่ นิ ย มทอ คื อ ผ้ ายก และมี ก ารทอผ้ ายกทองซึ่ ง เป็ น ผ้ าเอกลั ก ษณ์ ข องเมื อ ง
นครศรีธรรมราช พบว่า มีการส่งมาถวายเจ้านายที่กรุงเทพฯ
ยาล
"
เครื่องมือที่เรียกว่า “จันติ้ง”
่านั้น
ในประเทศไทยมีก ารท าผ้าบาติก มาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในภาคใต้ของ
าเท
ประเทศไทย เช่น ยะลา ปัตตานี สงขลา ผ้าบาติกหรือปาเต๊ะของประเทศไทยได้รับอิทธิพลจาก
ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมาเลเซียก็ได้อิทธิพลจากประเทศอินโดนีเซียมาอีกทอดหนึ่ง คนในท้องถิ่น
ศึกษ
ภาคใต้ของประเทศไทยเรียกผ้าบาติกว่า ผ้าปาเต๊ะ ส่วนคนรุ่นเก่าเรียกผ้าปาเต๊ะหรือบาติกที่
ไม่ได้ผลิตในประเทศไทยว่า “ผ้ายาวอ หรือ จาวอ” (Java) ซึ่งหมายถึงผ้าชวานั่นเอง ผ้าปาเต๊ะ
กา ร
หรือบาติก มี 4 ชนิด คือ
1.จาวอตูเลส คือ ผ้าปาเต๊ะหรือผ้าบาติกที่ใช้เทคนิคการเขียนเทียนด้วยจันติ้ง
เพื่อ
ตลอดทั้งผืน
2.จาวอตูเก คือ ผ้าปาเต๊ะหรือผ้าบาติกที่มีคุณภาพสูง เนื้อดี บางเบา และมี
ิต
นดุส
ขนาดเพียง 1 กามือเท่านั้น
3.จาวอบือเละ หมายถึง ผ้าพันชวา ใช้เรียกผ้าบาติกที่มีความยาวตั้งแต่ 3-4
ัยสว
(หมาดา. 2551)
าวิท
"มห
บทสรุป
สิ่งทอ เสื้อผ้า ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องนุ่งห่มห่อหุ้มร่างกายไม่ให้ร้อนหรือหนาว
เท่ า นั้ น แต่ รู ป ทรง ลวดลาย และสี สั น ยั ง บ่ ง บอกนั ย ทางสั ง คมอี ก ด้ ว ย การผลิ ต ผ้ า
ความหลากหลายของเทคนิควิธีการทอผ้า ยังแสดงให้เห็นอัตลักษณ์และเสน่ห์ของสิ่งทอแต่ละ
ประเภทและเครื่องนุ่งห่มแต่ละภาคอีกด้วย
"
่านั้น
แบบฝึกหัดท้ายบท
1. จงบอกประเภทของผ้าในประเทศไทย มีกี่ประเภท
าเท
2. ผ้าจก มีลักษณะอย่างไร และสามารถพบผ้าชนิดนี้ที่ภาคใดมากที่สุด
3. จงบอกวิธีการทอผ้าแบบต่าง ๆ มาอย่างน้อย 3 วิธี
ศึกษ
4. ผ้าปาเต๊ะหรือบาติก มีกี่ประเภท
กา ร
5. นักศึกษาช่วยกันอภิปราย ประเด็น “สถานการณ์ผา้ ไทยกับวัฒนธรรมไทย
ในปัจจุบัน
ิต เพื่อ
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
150
เอกสารอ้างอิง
หนังสือ และบทความในหนังสือ
"
่านั้น
6 รอบ. กรุงเทพฯ: ผูแ้ ต่ง.
ชนัญ วงษ์วิภาค. (2548). ภูมิปัญญาท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์เอมพันธ์จากัด.
าเท
นุ กุ ล ชมพู นิ ช . (2532). ประเพณี ช าวไทยโซ่ ง หมู่ บ้ า นเกาะเชด. นครปฐม: เพชรเกษม
ศึกษ
การพิมพ์.
สมพงษ์ พิมแจ่มใส. (2543). ผ้าทอพื้นเมืองในภาคกลาง. โครงการพัฒนาผ้าพื้นเมืองในทุก
กา ร
จังหวัดของประเทศ มหาวิทยาลัยศิลปากร. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สมพงษ์ พิมแจ่มใส. (2543). ผ้าทอพื้นเมืองในภาคอีสาน. โครงการพัฒนาผ้าพื้นเมืองในทุก
เพื่อ
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต
ัยสว
"
่านั้น
และมี อุ ป กรณ์ ป ระกอบ เช่ น เครื่ อ งมื อ เครื่อ งดนตรี เครื่อ งประดั บ การแต่ ง กาย เป็ น ต้ น
การละเล่นมาแสดงเพื่อให้ผู้รับชมเกิดความสนุกและบันเทิงใจ การละเล่นหรือการแสดงเหล่านี้
าเท
บางที เรีย กว่า “มหรสพ” การละเล่ นและการแสดงของไทย มี ลัก ษณะที่ห ลากหลายและมี
การสืบทอดมาเป็นระยะเวลานาน การละเล่นและการแสดงบางประเภทมีการปรับเปลี่ยนให้
ศึกษ
เหมาะสมกับกาลเวลาและความนิยมของผู้คนในแต่ละยุคสมัย
ส าหรั บ ประเทศไทย มหรสพ หรื อ การแสดงมี ป รากฏในหลั ก ฐานมาเป็ น
กา ร
เวลานาน มีหลายประเภท และมีการพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง มีการละเล่นหรือมหรสพทั้ง
เพื่อ
แบบราชสานัก เช่น โขนหลวง หุ่นหลวง ละครใน และแบบที่แสดงในท้องถิ่น เช่น หุ่นกระบอก
ลิ เก ล าตั ด เพ ล งอี แซ ว เพ ล งฉ่ อ ย ใน เขต ภ าค ก ล าง ก ารเซิ้ ง ก ารล า ขอ งภ าค
ตะวันออกเฉียงเหนือ การฟ้อนแบบต่าง ๆ การขับซอ ของภาคเหนือ มโนราห์ หนังตะลุงของ
ิต
นดุส
ว่าว
การเล่นว่าว มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา นอกจากนี้ ยังเป็นพิธีกรรมสาหรับ
เสี่ยงทายพระเคราะห์ของบ้านเมืองตามความเชื่อแบบฮินดู เรียกว่า พิธีแคลงว่าวในเดือนอ้าย
และยังเป็นการละเล่นตลอดช่วงฤดูหนาวอีกด้วย ส่วนในสมัยรัตนโกสินทร์ไม่มีการกล่าวถึงพิธี
นี้ แต่การเล่นว่าวได้รับความนิยมในรูปแบบการแข่งขัน โดยเฉพาะการแข่งขันระหว่างว่าวจุฬา
และว่าวปักเป้า การเล่นว่าวในสมัยก่อนนิยมเล่นในฤดูหนาว ตัง้ แต่เดือนอ้ายหรือเดือนธันวาคม
152
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
กา ร
เพื่อ
ตะกร้อ
การละเล่นนี้ได้รับความนิยมทั้งในประเทศไทย พม่า อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
กีฬาชนิดนี้แพร่หลายในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่ามลายูจะทาตะกร้อด้วยหนังควาย
ก่อน ต่อมามีการใช้หวายซึ่งมีความเบากว่า
ในประเทศไทย นิ ย มการเล่ น ตะกร้อ กั น อย่ างกว้ างขวาง การเล่ น ตะกร้อ มี
การเล่นที่หลากหลาย วิธีการเล่นแบบเดิมที่นิยมเล่น คือ การเล่นติดตะกร้อ โดยจะเตะตะกร้อ
"
่านั้น
ให้ ไปติ ด ตามส่ ว นต่ าง ๆ ของร่างกาย เช่ น ศรีษ ะ ไหล่ หรือ แขนที ล ะหลาย ๆ ลู ก ต่ อ มามี
การพัฒ นา คือ เช่น ตะกร้อลอดห่วง ได้รับการพัฒ นาโดยหลวงมงคลแมน (สังข์ บูรณะศิริ)
าเท
สาหรับประเทศมาเลเซียได้มีการปรับปรุงกติกาการเล่ น เรียกว่า เซปักตะกร้อ และได้ถูกบรรจุ
เป็นการแข่งขันกีฬานับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 ในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 3 ที่ประเทศ
ศึกษ
มาเลเซีย (กรมศิลปากร, 2536)
กา ร
คลี
เพื่อ
การเล่ น คลี มี ป รากฏในกฎหมายตราสามดวงและวรรณคดี ข องไทย เช่ น
สั งข์ท อง การเล่ นคลี เป็ นการเล่ น ของพระมหากษั ต ริย์แ ละชนชั้ นสู งในสั งคมไทยในอดี ต มี
ิต
สะบ้า
าวิท
คนละฝั่งกับฝ่ายหญิงให้ตรงกันเป็นคู่ ๆ จากนั้นฝ่ายชายจะดีดลูกสะบ้าของฝ่ายหญิงที่เป็นคู่
ของตนกี่ครั้งก็ได้ โดยก่อนยิงฝ่ายชายต้องทาการขอฝ่ายหญิงด้วยวาจาสุภาพและนั่งต่อหน้า
ฝ่ายหญิงในขณะขอด้วย และระหว่างที่เล่นนั้นทั้งสองฝ่ายก็ต้องระมัดระวังในกิริยมารยาทไม่ให้
แสดงกิรยิ าที่ไม่สมควรด้วย (กรมศิลปากร, 2536)
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
ภาพที่ 14.3 วิธียิงสะบ้า กา ร
ที่มา: เทศบาลเมืองทุ่งสง. 2550.
เพื่อ
โขน
มหรสพชั้นสูงของไทย ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย มาตั้งแต่โบราณ นิยมเล่น
ิต
นดุส
"
โขนสด เริ่ ม มี ส มั ย หลั งสงครามโลกครั้งที่ 2 บางที เรีย กว่ า หนั งสด เพราะ
่านั้น
การแสดงที่ต้องใช้คนจริง การแต่งกายไม่วิจิตรประณีตแบบโขนประเภทอื่น ผู้แสดงต้องร้อง
าเท
และเจรจาเอง มุ่งเน้นความสนุกเป็นหลัก เนื่องจากคาว่า “หนังสด” มีความหมายไม่ค่อยดี จึง
เปลี่ยนมาเรียก “โขนสด” จนทุกวันนี้
ละครรา
ศึกษ
กา ร
ละครรา คือ การแสดงตามเรื่องวรรณคดีหรือวรรณกรรม โดยนักแสดงจะแสดง
เพื่อ
ด้วยการร่ายร า ประกอบเครื่องดนตรีและบทร้องประกอบ นักแสดงจะใส่เสื้อผ้าที่งดงามวิจิตร
ประณี ต โดยเฉพาะตัวพระ ตัวนางที่เป็นตัวเอก เช่น การใส่ปั้นเหน่ง กาไลข้อเท้า เสื้อปักดิ้น ทับ
ิต
เหตุที่ เรีย กว่า “ละครดึก ด าบรรพ์ ” เพราะมี ก ารแสดงครั้งแรกที่ โรงละครดึ ก ดาบรรพ์ ของ
เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์
ละครพันทาง เป็นละครที่ป รับปรุงมาจากละครนอก โดยเจ้าพระยามหินทร
ศักดิ์ธารง เป็นผู้คิดค้นและริเริ่ม โดยนิยมนาบทวรรณคดีหรือวรรณกรรมที่ดัดแปลงมาจาก
วรรณคดีของต่างชาติมาจัดแสดง เช่น ราชาธิราชของมอญ สามก๊กของจีน เป็นต้น
ละครเสภา คือ ละครที่นยิ มแสดงและดาเนินเรื่องด้วยการขับเสภา มักนิยมเล่น
"
เรื่องขุนช้างขุนแผน มีลักษณะการแสดงคล้ายละครพันทาง
่านั้น
าเท
หุ่น
การเล่นหุ่นในประเทศไทย มีการเล่นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา การเล่นหุ่น
ศึกษ
คือ การแสดงที่จาลองตัวละครของจริงมาชักหรือเชิดให้มีกิริยาสอดคล้องกับบทพากย์ มีทั้ง
หุน่ ไทย หุน่ มอญ หุน่ พม่า การแสดงหุน่ มีหลายแบบดังนี้ (สน สีมาตรัง, 2520)
กา ร
หุน่ หลวงหรือหุ่นใหญ่ เป็นหุ่นขนาดใหญ่มีความสูงประมาณ 1 เมตร มีการเล่น
เพื่อ
มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา นิยมเล่นเรื่องรามเกียรติ์ และอุณรุท
หุ่นกระบอก เป็นหุ่นที่ ม.ร.ว.เถาะ พยัฆเสนา เป็นผู้สร้าง โดยไม่ได้ทาเป็นหุ่น
ิต
หรือนิทานชาดก
หุน่ ละครเล็ก เป็นหุ่นคนเต็มตัวสูงประมาณ 2 ฟุต แต่งตัวแบบละครนอก
ัยสว
ลิเก
ยาล
ลาตัด
การแสดงล าตั ด เดิมเป็นของคนที่นับ ถือศาสนาอิสลาม ใช้ผู้ชายแสดง เล่น
เฉพาะในงานส าคั ญ ของชาวมุสลิม ต่อมีก ารพัฒ นาใช้ผู้แสดงมีทั้งผู้ชายและผู้หญิ ง มีดนตรี
ประกอบ คือ โทน รามะนา มีเนื้อหาสนุกสนาน เสียดสี ตลก จึงทาให้เป็นที่นิยมของชาวบ้าน
(กรมศิลปากร, 2536)
157
ร็องเง็ง
การละเล่ น ของชาวมุ ส ลิ ม ในภาคใต้ เป็ น การแสดงเพื่ อ รั บ รองแขกผู้ ใ หญ่
ลักษณะเด่น คือ ท่าทางลีลาการใช้เท้าที่เข้ากับจังหวะกลอง โดยที่มอื และลาตัวต้องสัมพันธ์กัน
(กรมศิลปากร, 2536)
หมอลา
"
่านั้น
การแสดงหมอล าเป็นการแสดงพื้นบ้านของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คาว่า ลา
หมายถึง การขับร้องหรือเรื่อง โดยจะนาวรรณคดีหรือวรรณกรรมพื้นบ้านมาลาหรือขับร้อง โดยผู้
าเท
ที่มีความชานาญในการขับร้องหรือเล่าเรื่องราวพื้นบ้าน เรียกว่า “หมอลา” ต่อมาเพื่อให้ผู้ฟังเกิด
ความสนุกมากขึ้นจึงมีการนาเครื่องดนตรีประกอบ เช่น ซอ แคน (กรมศิลปากร, 2536)
ศึกษ
กันตรีมและโปงลาง
กา ร
การแสดงดนตรี ที่เป็นวัฒ นธรรมจากอิท ธิพลเขมรคื อกั นตรึม เป็ นวงดนตรี
เพื่อ
พื้นบ้านแถบภาคตะวันออกเฉี ย งเหนือตอนใต้ หรืออีสานใต้ ตั้งชื่อตามจังหวะการตีโทน ใช้
บทร้องเป็นภาษาเขมร นิยมเล่นในงานมงคลต่าง ๆ เช่น งานบวช งานแต่งงานหรืองานเทศกาล
ิต
วงสะล้อซอซึง
วงดนตรีประเภทเครื่องสายของภาคเหนือหรือล้านนา คือ สะล้อและซึง พร้อม
กับเครื่องดนตรีประกอบจังหวะอื่น ๆ เช่น ขลุ่ยตาด หรือปี่จุ่ม มาร่วมบรรเลง วงสะล้อซอซึง
หมายถึง วงดนตรีที่นาเครื่องดนตรี ประเภทเครื่องสายของภาคเหนือ คือ ซึ งสะล่อ และเครื่อง
ประกอบจังหวะมาร่วมบรรเลงเป็นวง ซึ่งเป็นที่นิยมในภาคเหนือ มีการเรียกทั้ง “วงสะล้อ ซอ
ซึง” หรือ “วง ซึง สะล้อ” การเล่นไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน มีการนาขลุ่ยพื้นเมือง หรือ ขลุ่ยตาด
"
่านั้น
หรือ ปี่ จุ่ ม มาร่ ว มเล่ น บรรเลงด้ ว ย บางครั้งมี ก ารบรรเลงพร้อ มกั บ การขับ ร้ อ งเพลงหรือ ที่
เรียกว่าซอประกอบด้วย โดยใช้ทานองเพลงพื้นเมือง (มุสลิมเชียงใหม่ดอทเน็ต, 2554)
าเท
สะล้อ เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายที่ใช้การเล่นโดยการสี
ซอ เป็นภาษาพืน้ บ้านล้านนา หมายถึงการขับร้องเพลง
ศึกษ
ซึ ง เป็ น เครื่ อ งดนตรี ป ระเภทเครื่ อ งสาย ที่ ใช้ วิ ธี ก ารเล่ น โดยการดี ด
กา ร
เครื่องดนตรีที่ใช้ในวงสะล้อ ซอ ซึง มีดังนี้
ซึงใหญ่ กลองพื้นเมือง
เพื่อ
ซึงกลาง ขลุ่ยพืน้ เมือง
ซึงเล็ก ฉิ่ง
ิต
สะล้อกลาง ฉาบ
นดุส
สะล้อเล็ก
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
บทสรุป
สังคมไทยมีการละเล่น และการแสดงที่นิยมกันอย่า งแพร่หลาย การละเล่น
และการแสดงบางอย่ า งยั ง คงพบเห็ น ได้ ใ นปั จ จุ บั น และมี ก ารพั ฒ นาให้ เข้ า กั บ ยุ ค สมั ย ที่
เปลี่ยนแปลงไป การละเล่นบางประเภทมีการนามาประยุ กต์หรือปรับใช้ในเชิงการกีฬาหรือ
การแข่งขัน การละเล่นบางประเภทมีความหมายในการเสี่ยงทายได้อกี ด้วย
"
่านั้น
แบบฝึกหัดท้ายบท
1. การละเล่นของไทยมีลักษณะอย่างไร
าเท
2. การละเล่นของไทยที่นามาใช้ในการเสี่ยงทายบ้านเมืองคือการละเล่นชนิดใด
ศึกษ
3. การละเล่นลักษณะชาวไทยเชือ้ สายมอญคือการละเล่นชนิดใด
4. การละเล่นชนิดใดของไทยมีการเล่นแบบยุโรป
กา ร
5. จงร่วมกันอภิปราย หากต้องนาเอกลักษณ์การละเล่นไทย เผยแพร่ไปใน
สากล การละเล่นนั้นควรเป็นการละเล่นใด เพราะเหตุใด
ิต เพื่อ
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
160
เอกสารอ้างอิง
หนังสือ และบทความในหนังสือ
กรมศิ ล ปากร. (2536). สารพั น มรดกไทย. กรุ ง เทพฯ: กองพิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ ส ถานแห่ ง ชาติ
"
กรมศิลปากร.
่านั้น
กรุงเทพฯ ธนาคาร. (2532). นาฎศิ ล ป์ แ ละดนตรี ไทย ศู น ย์ สั งคี ต (พ.ศ. 2522-2525).
กรุงเทพฯ: เรือนแก้วการพิมพ์.
าเท
นงเยาว์ กาญจนจารี. (2523). “มหรสพ” สารานุ ก รมพระบาทสมเด็ จ พระมงกุ ฎ เกล้ า
ศึกษ
เจ้าอยู่หัว. กรุงเทพฯ: เจริญวิทย์การพิมพ์.
พลศึกษา,กรม. (2480). กีฬาพื้นเมือง. พระนคร: กระทรวงธรรมการ.
กา ร
สน สีมาตรัง. (2520). หุ่นไทย. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร (เอกสารอัดสาเนา).
เพื่อ
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต
ิต
นดุส
มุ ส ลิ ม เชี ย งใหม่ ด อทเน็ ต . (2011). รู้ เ รื่ อ งเครื่ อ งดนตรี ล้ า นนา. [Online]. Available:
http://www.muslimchiangmai.net/ [2557,สิงหาคม].
ยาล
https://www.gotoknow.org [2557,เมษายน].
Wordpress.( 2 0 1 2 ) . ว่ า ว ไ ท ย . [Online]. Available: https://welcomlife.wordpress.com
"มห
[2557,พฤษภาคม].
บทที่ 15
วัฒนธรรมไทย: มรดกโลกทางวัฒนธรรมของไทยกับ
การท่องเที่ยว กรณีอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย
และกาแพงเพชร และเมืองโบราณจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
"
่านั้น
ในปัจ จุบัน การแข่งขันในได้ ให้ ความส าคั ญ ต่ อสิ นค้ าหรือการบริก ารที่ สร้าง
คุณค่าหรือมูลค่าทางวัฒนธรรม นั่นก็คือ แนวคิดเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ (Creative Economy)
าเท
ซึ่ ง การท่ อ งเที่ ย วเชิ ง วั ฒ นธรรมเป็ น อุ ต สาหกรรมหนึ่ ง ที่ ไ ด้ น าวั ฒ นธรรม มรดกทาง
ศึกษ
ประวั ติศ าสตร์ ความเป็ น อยู่ วิถี ชีวิต ของคนในท้อ งถิ่ น ชุม ชนหรือ ประเทศ รวมถึ งงานฝี มื อ
สินค้าหัตถกรรมมาสร้างสรรค์ ในลักษณะการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ โดยการใช้วัฒนธรรม
กา ร
การท่ อ งเที่ ย วเชิ ง วั ฒ นธรรม คื อ การท่ อ งเที่ ย วเชิ ง ศึ ก ษา เพื่ อ ชื่ น ชมกั บ
เอกลักษณ์ความงดงามทางวัฒนธรรมของกลุ่มชนอื่น ทั้งนี้จะต้องเคารพในวัฒนธรรมของกัน
เพื่อ
และกั น เพื่ อ ก่ อ ให้ เกิ ด มิ ต รภาพ ความรู้ ความเข้ า ใจและซาบซึ้ ง ตรึง ใจในวั ฒ นธรรมและ
สิ่ ง แวดล้ อ มในชุ ม ชน (บุ ญ เลิ ศ จิ ต ตั ง วั ฒ นา, 2548) ซึ่ ง การท่ อ งเที่ ย วเชิ ง วั ฒ นธรรมเป็ น
ิต
นดุส
การศึกษาในสิ่งต่อไปนี้
1. ด้านประวัติศาสตร์และร่องรอยทางประวัติศาสตร์
ัยสว
2. โบราณคดีและพิพิธภัณฑ์
3. งานสถาปัตยกรรม
ยาล
6. ดนตรี การแสดง
7. ภาษาและวรรณกรรม
"มห
เกี่ยวเนื่องทางวัฒนธรรม ซึ่งสามารถสะท้อนความเป็นอยู่ของผู้คนแต่ละยุคสมัยได้เป็นอย่างดี
นอกเหนื อ จากสถานที่ แ ล้ ว งานเทศกาล ประเพณี หั ต ถกรรมท้ อ งถิ่ น เป็ น ส่ ว นหนึ่ ง ของ
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมทั้งสิน้
"
่านั้น
ส ห ป ร ะ ช า ช า ติ ห รื อ ยู เน ส โ ก (United Nations Educational, Scientific and Cultural
Organization) ได้ ให้ ค าจ ากั ด ค วาม ค าว่ า “ม รด ก ท างวั ฒ น ธ รรม ” (Cultural Heritage)
าเท
ในการประชุมสามัญ ณ กรุงปารีส เมื่อ พ.ศ. 2515 ประกอบด้วย
อนุสรณ์สถาน (Monuments) อันรวมไปถึงผลงานทางสถาปัตยกรรม ผลงาน
ศึกษ
ประติมากรรมหรือจิตรกรรม ส่วนประกอบหรือโครงสร้ างของโบราณคดี ธรรมชาติ จารึก ถ้า
ที่อยู่อาศัยและร่องรอย ซึ่งมีคุณค่าโดดเด่นในระดับสากลทางด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะศาสตร์
กา ร
หรือวิทยาศาสตร์
เพื่อ
กลุ่มอาคาร (Groups of Buildings) อันรวมไปถึงกลุ่มของอาคารไม่ว่าจะแยก
จากกันหรือเชื่อมต่อกันโดยลักษณะทางสถาปัตยกรรม หรือโดยความสอดคล้องกลมกลืนหรือ
ิต
โดยสภาพภูมิทัศน์ซึ่งมีคุณค่าโดดเด่นในระดับสากลทางด้านประวัติศาสตร์ ศิลปศาสตร์หรือ
นดุส
วิทยาศาสตร์
แหล่งอันรวมไปถึงผลงานที่เกิดจากมนุษย์ (Sites) หรือผลที่เกิดจากมนุษย์และ
ัยสว
วัฒนธรรมทางธรรมชาติของโลกขึ้น เพื่อปกป้องพิทักษ์สมบัติทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของ
"มห
"
่านั้น
1. เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร 1. เขตรักษาพันธุ์สัต ว์ป่าทุ่งใหญ่ –ห้วยขา
(พุ ท ธ ศั ก ร า ช 2534) (Historic Town of แข้ ง (พุ ท ธศั ก ราช 2534) (Thungyai–
าเท
Sukhothai and Associated Historic Towns, Huai Kha Khang Wildlife
1991) Sanctuaries, 1991)
ศึกษ
2. นครประวั ติ ศ าสตร์ พ ระนครศรี อ ยุ ธ ยา 2. ผื น ป่ า ด ง พ ญ า เ ย็ น –เ ข า ใ ห ญ่
(พุ ท ธ ศั ก ร า ช 2534) (Historic City of (พุท ธศั ก ราช 2548) (Dong Phayayen
กา ร
Ayutthaya, 1991) –Khao Yai Forest Complex, 2005)
เพื่อ
3. แหล่ ง โบราณคดี บ้ า นเชี ย ง (พุ ท ธศั ก ราช
2535) (Ban Chiang Archaeological Site,
ิต
1992)
นดุส
สร้างสรรค์อันชาญฉลาดของมนุษย์
เกณฑ์ ข้อที่ 3 เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลัก ฐานของวัฒ นธรรม หรืออารยธรรมที่
ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
มรดกโลกของป ระเท ศไท ยเหล่ า นี้ นอกจากจะสร้ า งความภู มิ ใ จใน
ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่งดงาม ยาวนานและทรงคุณค่าแล้ว ยังนามาซึ่งรายได้เข้าประเทศ
จากการท่องเที่ยวและทาให้ประชาชนในท้องถิ่นมีอาชีพ มีการส่งเสริมการพัฒ นาเศรษฐกิจ
ชุมชน และประเทศผ่านทางการท่องเที่ยวอีกด้วย
164
"
่านั้น
ภาพที่ 15.1 แผนที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
าเท
ที่มา: สานักโบราณคดี กรมศิลปากร. 2546.
ศึกษ
กา ร
ิต เพื่อ
นดุส
"
่านั้น
อิทธิพลศิลปะจากที่ต่าง ๆ หลายแห่ง เช่น ลังกา และพุกามฐาน
เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมจัตุรัส ยอดเป็นทรงกลมและมีภาพจิตรกรรมใช้สี
าเท
แบบเอกรงค์เป็น ภาพอดีตพระพุท ธเจ้าและเหล่ าเทวดากษัตริย์
ที่มาแวดล้อมถวายดอกไม้
ศึกษ
วัดนางพญา วิหารก่อด้วยศิลาแลงมีมุขหน้าและมุขหลัง ผนังวิหารเจาะช่องแสง
ผนังด้านทิศใต้ยังมีลวดลายปูนปั้นที่สวยงาม ลวดลายปูนปั้นที่วัด
กา ร
นางพญามีลักษณะเด่นคือ ลวดลายปูนปั้นที่เป็นกึ่งมนุษย์กึ่งวานร
เพื่อ
กาลังวิ่ง
วัดเขาพนมเพลิง อยู่บนยอดเขาพนมเพลิงภายในกาแพงเมือง โบราณสถานที่สาคัญ
ิต
พังทลายหมด มณฑปก่อด้วยศิลาแลง
วัดเขาสุวรรณคีรี โบราณสถานที่ส าคัญ คือเจดีย์ป ระธานทรงกลมองค์ระฆั งขนาด
ัยสว
ลีลา
าวิท
โบราณสถาน ลักษณะเด่น
วัดชมชื่น โบราณสถานที่สาคัญ คือ เจดีย์ประธานทรงกลมก่อด้วยศิลาแลง
วิหารอยู่ด้านหน้าเจดี ย์ประธานก่อด้วยศิลาแลงขนาด 6 ห้องจาก
การขุดค้นบริเวณด้านหน้าพระวิหารพบหลักฐานโครงกระดูกมนุษย์
จานวน 15 โครง ในระดับ ลึก 7-8 เมตร ก าหนดอายุ ได้ป ระมาณ
พุทธศตวรรษที่ 9 เป็นต้นมา และพัฒนาจนถึงสมัยทวาราวดี พุทธ
"
่านั้น
ศตวรรษที่ 12-16 พบกลุ่มโบราณสถานก่อด้วยอิฐที่มีขนาดใหญ่ 2
กลุ่ม และพบเครื่องถ้วยเชลียงจานวนมาก
าเท
วัดเจ้าจันทร์ โบราณสถานที่ ส าคั ญ ประกอบด้ ว ย ปรางค์ ป ระธานก่ อ ด้ ว ย
ศิลาแลง รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นศิลปะแบบเขมรพบหลักฐาน
ศึกษ
โบราณวั ต ถุ ส มั ย ทวารวดี เครื่ อ งถ้ ว ยหริภุ ญ ชั ย ลู ก ปั ด แก้ ว และ
ชิน้ ส่วนโครงกระดูกมนุษย์
กา ร
กลุ่มเตาเผาทุเรียง พบประมาณ 200 เตาและกลุ่มที่สาคัญ คือ กลุ่มเตาเผาหมายเลข
เพื่อ
บ้านเกาะน้อย 61 ภาชนะที่พบส่วนใหญ่เป็นไหขนาดใหญ่สาหรับบรรจุน้าหรือของ
แห้งกลุ่มเตาเผหมายเลข 42 เป็นแหล่งโบราณคดีที่ทาให้ทราบถึง
พัฒนาการเตาเผาและสิ่งผลิตจากเตาเพราะภายในใต้ดินนั้นขุดพบ
ิต
นดุส
ส่วนนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยามีแหล่งโบราณสถานทั้งหมด 359
แหล่ง สามารถแบ่งได้ 7 กลุ่ม ดังนี้ คือ
าวิท
"มห
167
"
่านั้น
วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดสาหรับประกอบพระราชพิธี ต่าง ๆ โดยภายในพระวิหาร
าเท
หลวงจะประดิษฐาน “พระศรีสรรเพชญ์”
วัดมหาธาตุ
ศึกษ
เป็น วัดที่สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 โปรดฯ ให้สถาปนาขึ้น
กา ร
มีปรางค์ประธานเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
เพื่อ
ภายในวัดประกอบด้วยปรางค์ประธาน ภายในกรุปรางค์มีภาพ
นดุส
จานวนมาก
ยาล
วัดพระราม
สถาปนาขึ้ น บริ เ วณที่ ถ วายพระเพลิ ง พระบรมศพสมเด็ จ
าวิท
"
่านั้น
วัดสุวรรณดาราราม เป็นวัด ส าคั ญ ประจาราชวงศ์จัก รี เดิมให้ชื่อว่า “วัดทอง ชื่อใหม่
าเท
คือ “วัดสุวรรณดาราราม” ภายในวัดมีพระอุโบสถและพระวิหาร
ตั้ ง อยู่ คู่ กั น ภายในพระอุ โ บสถมี ภ าพจิ ต รกรรมฝาผนั ง สมั ย
ศึกษ
รัตนโกสินทร์ตอนต้น
เขต 3 พื้นที่นอกเกาะ
กา ร
ลักษณะเด่น ๆ
เมืองด้านทิศตะวันออก
เพื่อ
วัดพนัญเชิง พระเจ้าพนัญ เชิงสร้างขึ้น ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา 26 ปี เป็น
พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย สูง 19 เมตร พระบาทสมเด็จพระ
ิต
วัดใหญ่ชัยมงคล เป็น วัด ที่ส มเด็ จพระรามาธิบ ดีที่ 1 โปรดฯให้ส ร้างขึ้นที่ บ ริเวณที่
ยาล
วัดมเหยงคณ์
เป็นวัดที่สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 โปรดฯ ให้สร้างขึ้นภายใน
วั ด ประกอบด้ ว ยเจดี ย์ ป ระธานทรงระฆั งบนฐานประทั ก ษิ ณ ซึ่ ง
ประดับด้วย ประติมากรรมรูปช้างรอบฐาน
169
"
วัดวรเชษฐาราม
่านั้น
เป็ นวัดที่สมเด็จพระเอกาทศรถสร้างขึ้น เพื่ อบรรจุอัฐิของสมเด็ จ
พระนเรศวรมหาราช เคยเป็น ที่ตั้งค่ ายรอบกรุงของพม่ าทางด้าน
าเท
ตะวันตกเรียกว่า “ค่ายวัดวรเชษฐ์ ค่ายบ้านป้อม”
ศึกษ
เขต 5 พื้นที่นอก ลักษณะเด่น ๆ
เกาะทิศเหนือ
กา ร
วัดภูเขาทอง สมเด็จพระราเมศวร โปรดฯ ให้สร้างวัดนี้ขึ้นเมื่อพุทธศักราช 1930
เพื่อ
ครั้นถึง พุทธศักราช 2112 พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองยกทัพเข้ามาตี
กรุงศรีอยุธยาได้ จึงสร้างเจดีย์องค์ใหญ่ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานถึง
ิต
ชัยชนะ
นดุส
ประกอบด้วยพระอุโบสถเป็นที่ประดิษ ฐานพระพุทธรูปทรงเครื่อง
ใหญ่ ปางมารวิชัย มีพระนามว่า “พระพุท ธนิมิตรวิชิตมารโมลีศรี
ยาล
สรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ”
าวิท
"มห
170
"
เรื่องสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
่านั้น
หมูบ่ ้านโปรตุเกส ชาวโปรตุเกสได้เข้ามาติดต่อกับกรุงศรีอยุธยาและได้สร้างหมู่บ้าน
าเท
อยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้าเจ้าพระยา ปัจจุบันบนพื้นที่บริเวณนั้นปรากฏ
โบราณสถานจานวน 3 แห่ง คือ ซานเปาโล ซานโดมิงโก และซานเป
ศึกษ
โตรซึ่งเป็นโบสถ์คริสต์แห่งแรกที่สร้างขึ้นในแผ่นดินไทย
ที่มา: www.thaiwhic.go.th/images/ayudthaya/. 2554. มกราคม 11.
กา ร
เพื่อ
เขต 7 พื้นที่นอกเหนือจากที่ระบุ ไว้แล้ว ในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เช่น ปราสาทนครหลวง วัดใหม่ประชุมพลวัดชุมพลนิกายาราม เป็นต้น
ิต
ทั้งนี้แหล่งท่องเที่ยวเมืองมรดกโลกเหล่านี้หากขาดการศึกษา การจัดการจาก
นดุส
ทางการท่ อ งเที่ ย ว เพราะเป็ น แหล่ งที่ ก าหนดเนื้ อ หาทางประวัติ ศ าสตร์ องค์ ป ระกอบทาง
สถาปั ต ยกรรม วิ ศ วกรรม รวมทั้ งสภาพแวดล้ อ มที่ ม นุ ษ ย์ ส ร้างขึ้น และธรรมชาติ ที่ ม นุ ษ ย์
นามาใช้ที่น่าสนใจ มีเรื่องราวความเป็นมาที่สาคัญ ถือเป็นแหล่งที่มีคุณค่ าทางประวัติศาสตร์
และวั ฒ นธรรมระดั บ โลก จนได้ รั บ การขึ้ น ทะเบี ย นเป็ น มรดกโลกจากองค์ ก ารการศึ ก ษา
วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ เช่นเดียวกับอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย
และกาแพงเพชรที่มีโบราณสถานสาคัญ ๆ สะท้อนงานด้านศิลปะสถาปัตยกรรม มีศิลปกรรมที่
"
เป็ น แบบแผนของคนไทย และการจั ด ระเบี ย บสั ง คมที่ ดี ถื อ เป็ น สิ่ ง ที่ มี คุ ณ ค่ า ทั้ ง ทาง
่านั้น
ประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมระดับโลก
าเท
ปัญ หาการบริหารจัดการพื้นที่ทั้ง 2 แหล่งมีปัญ หาแตกต่างกันไป ในอุทยาน
ประวัติศาสตร์สุโขทัย ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชน คือ ปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้ อน ส่วนปัญหา
ศึกษ
ของอุท ยานประวั ติศาสตร์พ ระนครศรีอยุธ ยาเป็นปัญ หาด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากอุท ยาน
ประวัติศาสตร์อยุธยาอยู่ในเขตที่เป็นเมืองที่มีทั้งนิคมอุตสาหกรรมและชุมชน มีการขยายตัว
กา ร
ทางกายภาพ เพื่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยต่าง ๆ การสร้างอาคารที่บดบังทัศนียภาพที่สวยงาม
เป็นการทาลายคุณค่าของโบราณสถาน ตลอดจนการพัฒนาของถนนหนทางภายในเขตเมือง
เพื่อ
เพื่อรองรับการคมนาคมสาหรับนักท่องเที่ยวที่เป็นไปอย่างไร้ทิศทางของการอนุรักษ์มรดกทาง
วัฒนธรรม
ิต
นดุส
วิถปี ฏิบัติต่อวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยว
ัยสว
เมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม”
"มห
การเรี ย นรู้ ก ารท าหั ต ถกรรมในแหล่ ง งานหั ต ถกรรม การเรี ย นรู้ ขั้ น ตอน
การผลิตจะทาให้เข้าใจถึงความยากง่ายในชิ้นงาน และคุณค่าของสิ่งของชิ้นนั้น การท่องเที่ยว
เชิงวัฒ นธรรม การสัมผัส ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อ ภาษาถิ่น การแต่งกายซึ่งเป็น
ความแตกต่างของผูค้ นแต่ละชาติพันธุ์
การท่ อ งเที่ ย วทางวั ฒ นธรรม ก็ เหมื อ นเหรี ย ญที่ มี ส องด้ า น ด้ า นหนึ่ ง คื อ
การเรี ย นรู้ ส่ ว นอี ก ด้ า นนั้ น การท่ อ งเที่ ย วอาจก่ อ ให้ เ กิ ด ผลกระทบด้ า นลบแก่ วิ ถี ชี วิ ต
"
สภาพแวดล้อม วัฒนธรรมและคนในชุมชนได้ ทุกวันนีแ้ หล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในประเทศ
่านั้น
ไทยได้เกิดปัญ หาหลายด้าน ปัญ หาเหล่านั้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อวิถีชีวิต วัฒนธรรมของ
าเท
ผู้คนในชุมชนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ปัญหาที่ส่งผลต่อภาพรวมของสภาพสังคม
ปัญ หาที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อวิถีชีวิต วัฒนธรรมของผู้คนในชุมชนในแหล่งท่องเที่ยวทาง
ศึกษ
วัฒนธรรม ได้แก่
ปัญ หาค่านิยมที่ไม่ถูกต้ อง การเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวจานวนมาก
กา ร
จากหลากหลายที่มาอาจ ทาให้ผู้คนในท้องถิ่นมีทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปจากรากเหง้าหรือ
วั ฒ นธรรมดั้ งเดิ ม คื อ ให้ ค วามส าคั ญ กั บ การบริโภคนิ ย ม เศรษฐกิ จ และเงิน ตราเพื่ อ ตาม
เพื่อ
วัฒ นธรรมนั้นส่งต่อสั งคมท้องถิ่ น อาจท าให้วัฒ นธรรม ประเพณี ดังกล่าวถู ก บิดเบื อนและ
เปลี่ยนแปลงไป
าวิท
พฤติ ก รรมบางอย่ า งของนั ก ท่ อ งเที่ ย ว แม้ จ ะเป็ น การกระท าอั น รู้ เ ท่ า ไม่ ถึ ง การณ์ ข อง
นักท่องเที่ยว พฤติกรรมเหล่านี้จะก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างนักท่องเที่ยวกับคนในท้องถิ่น
เนื่องจากความแตกต่างด้านขนบธรรมเนียมและประเพณี
ปัญหาการลดคุณค่าของงานศิลปหัตถกรรม คุณค่าของงานศิลปหัตถกรรม
อาจได้รับ ผลกระทบกระเทือนจากการพัฒ นาการท่องเที่ยว เนื่องจากผู้ผลิตและผู้จาหน่าย
สินค้าหัตถกรรมอาจลดมาตรฐานสินค้าลงเพื่อให้ได้กาไรสูงสุด อาจเกิดการลอกเลียนแบบ
173
"
่านั้น
ปั ญ หาการหลองลวงเอารั ด เอาเปรี ย บนั ก ท่ อ งเที่ ย ว อาจเกิ ด จาก
ผู้ประกอบการบางรายที่เอารั ดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว เล็งเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน ค้ากาไร
าเท
เกิ น ควร เช่ น มั ค คุ เทศก์ เถื่ อ น แท็ ก ซี่ ป้ ายดา ร้านขายอาหาร ร้านขายของที่ ระลึ ก เป็ น ต้ น
(การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและภาควิชาอนุรักษ์วทิ ยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2552)
บทสรุป
ศึกษ
กา ร
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้คนต่างวัฒนธรรมได้เรียนรู้
เพื่อ
วิถีชีวิตที่แตกต่างกั น เพื่อให้เกิ ดความเข้าใจกันมากขึ้น แต่ขณะเดียวกั นหากไม่มีก ารศึก ษา
การจัดการที่ดี อาจส่งผลด้านลบต่อวัฒนธรรมได้
ิต
คนในชุ ม ชนที่ ให้ ยั งคงอยู่ จึ งควรมี ก ารสร้างความตระหนั ก ร่วมกั น ในการตั้ งใจที่ จะรัก ษา
เอกลักษณ์ และความงดงามทางวัฒ นธรรมให้คงอยู่ตลอดไปการให้ความเคารพหรือการให้
ัยสว
ท้ อ งถิ่ น หรื อ ชุ ม ชน เคารพสิ ท ธิ และไม่ ท าในสิ่ งที่ ขั ด แย้ ง กั บ ข้ อ ปฏิ บั ติ ข องชุ ม ชน ไม่ ล บหลู่
าวิท
ความเชื่อของผู้คนในท้องถิ่นจะนาไปสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
"มห
แบบฝึกหัดท้ายบท
1. การอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยเพื่อการท่องเที่ยวมีความสาคัญอย่างไร
2. ข้ อ ควรปฏิ บั ติ ในการอนุ รั ก ษ์ แ ละน าวั ฒ นธรรมมาประยุ ก ต์ ใช้ เพื่ อ
การท่องเที่ยว
3. จงร่ว มกั นอภิ ป รายและแสดงความคิ ดเห็ นต่ อ “ศิล ปวัฒ นธรรมกั บ
การท่องเที่ยวไทย”
174
เอกสารอ้างอิง
หนังสือ และบทความในหนังสือ
"
่านั้น
ประเทศไทย.
จิรานุช โสภา. (2554). ศักยภาพการจัดการแหล่งท่องเที่ยวเมืองมรดกโลกของประเทศ
าเท
ไทย กรณีศึกษา: อุ ทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย -ศรีสัชนาลัย-กาแพงเพชรและ
ศึกษ
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่าง
ยั่งยืน. กรุงเทพฯ: คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต.
กา ร
บุ ญ เลิ ศ จิ ต ตั้ ง วั ฒ นา. (2548). อุ ต สาหกรรมการท่ อ งเที่ ย ว ธุ ร กิ จ ที่ ไม่ มี วั น ตายของ
ประเทศไทย. กรุงเทพฯ: ส่านักพิมพ์ ซี.พี. บุ๊ค สแตนดาร์ด.
เพื่อ
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต
ัยสว
ประภั ส สร์ ชู วิเชี ย ร. (2555). ตรีบู ร ?หรื อ ก าแพงเมื อ งสุ โขทั ย [Online]. Available: http://
www.sujitwongthes.com. [ธันวาคม, 2555].
อุทยานประวัติศาสตร์กาแพงเพชร. (2554). อุทยานประวัติศาสตร์กาแพงเพชร. [Online].
Available: http://th.wikepedia.org/wiki/ [2554, ธันวาคม 27].
Thaiwhic.go.th. (2554). โบ ร า ณ ส ถ า น พ ร ะ น ค ร ศ รี อ ยุ ธ ย า . [Online]. Available:
http://www.thaiwhic.go.th/ images/ayudthaya/ [2554, มกราคม 11].
บรรณานุกรม
หนังสือ และบทความในหนังสือ
กรมศิ ล ปากร. (2536). สารพั น มรดกไทย. กรุ ง เทพฯ: กองพิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ ส ถานแห่ ง ชาติ
"
กรมศิลปากร.
่านั้น
. (2557). ผ้าทอพันเมือ งภาคเหนือ(ล้านนา). จัดพิมพ์เพื่อเฉลิมพระสมเด็จ พระ
าเท
นางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 6
รอบ. กรุงเทพฯ: ผูแ้ ต่ง.
ศึกษ
กรุงเทพฯ ธนาคาร. (2532). นาฎศิ ล ป์ แ ละดนตรี ไทย ศู น ย์ สั งคี ต (พ.ศ. 2522-2525).
กรุงเทพฯ: เรือนแก้วการพิมพ์. กา ร
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และภาควิชาอนุรักษ์วิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. (2552).
เพื่อ
คู่มือประกอบการฝึกอบรมยุ วอาสาสมัครนาเที่ยว. กรุงเทพฯ: การท่องเที่ยวแหง
ประเทศไทย.
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (2533). งานเทศการประเพณีท่ีน่าสนใจทางการท่องเที่ยว.
ิต
นดุส
กรุงเทพฯ: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย.
. (2545). หนังสือนาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่/ลาพูน/ลาปาง/แม่ฮ่องสอน (พิมพ์ครั้งที่
ัยสว
กรุงเทพฯ: มปท.
โกมาตร จึงเสถี ย รทรัพ ย์. (มปป.). แนวคิ ด ไทยเรื่อ งการเจ็ บ ไข้ไ ด้ ป่ วย. กรุงเทพฯ: ศู น ย์
"มห
ประสานงานการพัฒนาการแพทย์และเภสัชกรรมไทยแผนไทย กองแผนงานกระทรวง
สาธารณสุข.
คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ. (2542). วัฒนธรรมพัฒ นาการทาง
ประวั ติ ศ าสตร์ เอกราชและภู มิ ปั ญ ญา จั ง หวั ด นครศรี ธ รรมราช. กรุ ง เทพฯ:
คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ.
176
"
่านั้น
กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงการตาราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์.
ชิ น อยู่ ดี . (2529). สมั ย ก่ อ นประวั ติ ศ าสตร์ ในประเทศไทย (พิ ม พ์ ค รั้ ง 2). กรุ ง เทพฯ:
าเท
กรมศลปากร.
ศึกษ
ดนัย ไชยโยธา. (2527). ประวัติศาสตร์เอเชียใต้ยุคโบราณ. กรุงเทพฯ: อักษรเจริญทัศน์.
ทวีพล หงส์วิวัฒน์.(2545). ครัวไทย. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แสงแดด จากัด.
กา ร
ธนากิต. (2539). ประเพณี พิธีมงคล และวันสาคัญของไทย. กรุงเทพฯ: ชมรมเด็ก.
ธนิต อยู่โพธิ์. (2530). หนังสือเครื่องดนตรีไทย. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร.
เพื่อ
นงเยาว์ กาญจนจารี. (2523). “มหรสพ” สารานุ ก รมพระบาทสมเด็ จ พระมงกุ ฎ เกล้ า
เจ้าอยู่หัว. กรุงเทพฯ: เจริญวิทย์การพิมพ์.
ิต
การพิมพ์.
บุ ญ เลิ ศ จิ ต ตั้ ง วั ฒ นา. (2548). อุ ต สาหกรรมการท่ อ งเที่ ย ว ธุ ร กิ จ ที่ ไม่ มี วั น ตายของ
ยาล
"
่านั้น
(ภาคเหนือ). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์.
มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิ ชย์. (2542). สารานุกรมวัฒนธรรมไทย
าเท
(ภาคอีสาน). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์.
ศึกษ
มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์. (2542). สารานุกรมวัฒนธรรมไทย
(ภาคใต้). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์.
กา ร
ราชบัณฑิตยสภา. (2525). พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน.. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสภา.
ลลิ ตา ธี ระสิริ. (2548). ผั ก พื้ น บ้ าน: อาหารต้ านโรค บทความในรวมบทความประชุ ม
เพื่อ
จัดการผักพื้นบ้านและอาหารพื้นบ้าน 4 ภาค. สถาบันการแพทย์แผนไทย.กรมการ
แพทย์กระทรวงสาธารณสุข. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์เอมพันธ์จากัด.
ิต
โรงพิมพ์พิฆเนศ.
"มห
สมภพ ภิ รมย์ . (2538). งานไทย. กรุงเทพฯ: บริ ษั ท แอดวานซ์ อิ น เตอร์เนชั่น แนลพริ้น ติ้ ง
เซอร์วสิ จากัด.
ส านั ก งานราชบั ณ ฑิ ต ยสภา. (2525). พจนานุ ก รมฉบั บ ราชบั ณ ฑิ ต ยสถาน. กรุงเทพฯ:
ราชบัณฑิตยสถาน.
ส านั ก งานราชบั ณ ฑิ ต ยสภา. (2542). พจนานุ ก รมฉบั บ ราชบั ณ ฑิ ต ยสถาน. กรุงเทพฯ:
ราชบัณฑิตยสถาน.
178
"
่านั้น
อบเชย อิ่มสบาย. (2547). อาหารไทย 4 ภาค (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แสงแดด
จากัด.
าเท
อาไพ โสรัจจะพันธุ์. (2544). อาหารท้องถิ่นภาคใต้. สงขลา: สถาบันราชภัฏสงขลา.
ศึกษ
อุทิศ นาคสวัสดิ์. (มปป.). ดนตรีไทย. กรุงเทพฯ: (มปท.).
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต
กา ร
เพื่อ
[2557, มิถุนายน].
นครโคราชดอท คอม. (2 550). ป ราสาท หิ น พิ ม าย . [Online]. Available: http://www.
nakhonkorat.com [2557, เมษายน 11].
บทความดี ดี มี ส าระ. (2014). เรื่ อ งน่ า รู้ เ รื อ นไทยภาคกลาง. [Online]. Available:
http://www.thaieditorial.com [2557, สิงหาคม].
บ้ า น จ อ ม ยุ ท ธ์ . (2 5 55). วั ฒ น ธ ร ร ม แ ล ะ ป ร ะ เพ ณี ไท ย . [Online]. Available:
http://www.baanjomyut.com/ [2555, เมษายน 30].
179
"
่านั้น
ประภั ส สร์ ชู วิเชี ย ร. (2555). ตรีบู ร ?หรื อ ก าแพงเมื อ งสุ โขทั ย [Online]. Available: http://
www.sujitwongthes.com. [2555, ธันวาคม].
าเท
ป่ อ เต็ ก ตึ้ ง . (2552). เท ศ ก า ล เจ้ า แ ม่ ลิ้ ม ก อ เห นี่ ย ว . [Online]. Available: http://
pohtecktung.org/ [สิงหาคม, 2557].
ศึกษ
พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ วั ฒ น ธ ร ร ม แ ห่ งช า ติ พุ ท ธ ศั ก ร า ช 2 4 8 5 . [Online]. Available:
http://www.m-culture.go.th/ [2555, เมษายน 30].
กา ร
มุส ลิม เชี ย งใหม่ ด อทเน็ ต. (2554). รู้เรื่อ งเครื่อ งดนตรีล้ านนา. [Online]. Available: http://
เพื่อ
www.muslimchiangmai.net/ [2557, สิงหาคม].
มู ล นิ ธิ ไ ท ย . (2 557). ป ร า ส า ท เ ข า พ น ม รุ้ ง . [Online]. Available: http://www.
ิต
วรสิ ท ธิ์ เจริ ญ ศิ ล ป์ . (2555). เครื่ อ งสั ง คโลก ของดี เ มื อ งสุ โ ขทั ย . [Online]. Available:
http://www.stou.ac.th/ [2556, สิงหาคม]. .
ัยสว
27].
วาทิน ศานติ์ สันติ. อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ที่มีต่อศิลปกรรมและวัฒนธรรมไทย.
"มห
เว็ ป ไซต์ จั ง หวั ด ล าปาง. (2555). วั ด พระธาตุ ล าปางหลวง. [Online]. Available: http://
lampang.go.th/ [2555, เมษายน].
ศู น ย์ ม านุ ษ ยวิ ท ยาสิ ริ น ธร. (2557). แหล่ งโบราณคดี ท่ี ส าคั ญ ในประเทศไทย. [Online].
Available: http://www.sac.or.th/ [2557, กรกฎาคม 31].
สมุ ด หน้ า เหลื อ งออนไลน์ . (2556). ลอยเรื อ ชาวเลแบบฉบั บ ภู เก็ ต . [Online]. Available:
http://www.yellowpages.co.th/ [2556, มกราคม 16].
"
่านั้น
สารานุกรมไทยส าหรับเยาวชนฯ. (2556). ศิล ปะการทอผ้าพื้ นเมือ งของไทยในปั จจุบั น .
[Online]. Available: http://www.lib.ubu.ac.th/ [ธันวาคม, 2556].
าเท
ส านั ก วิ ท ยบริ ก าร มหาวิ ท ยาลั ย อุ บ ลราชธานี . (2545). โครงการรวบรวมฐานข้ อ มู ล
วั ฒ นธรรมการทอผ้ าไหมจั งหวัด อุ บ ลราชธานี . [Online]. Available: http://www.
ศึกษ
lib.ubu.ac.th/ [6 สิงหาคม 2557]. กา ร
สานักหอสมุด มหาวิท ยาลัย เชียงใหม่. (2550). อาหารพื้นบ้ านล้านนา. [Online]. Available:
http://library.cmu.ac.th/ [2557, มีนาคม].
เพื่อ
สุจิตต์ วงษ์เทศ. (2557). พระมหาธาตุกลางเมืองสุโขทัย. [Online]. Available: http:// www.
sujitwongthes.com/ [2557, มกราคม 29].
ิต
"
่านั้น
Siam-Herbs. (2557). ส มุ น ไพ รไท ย .[Online]. Available: http://www.siam-herbs.com/ [6
August 2014].
าเท
Thaiculturebuu. (2553). เดินทางสู่วิถีไทย: กาแล. [Online]. Available: http://thaiculturebuu.
wordpress.com [2557, สิงหาคม].
ศึกษ
Thaitrip. (2541). ประเพณี ไทย อารยธรรมไทย. [Online]. Available: http://thaitrip.com/
culture/oct.html [2557, มกราคม].
กา ร
. (2557). ประเพณีอารยธรรมไทย. [Online]. Available: http:// thaitrip.com/culture
เพื่อ
/dec.htm [2556, ธันวาคม 20].
Thaiwhic.go.th. (2554). โบราณสถานพระนครศรีอยุธยา. [Online]. Available: http://www.
ิต
เมษายน].
Wordpress.com. (2 555). ว่ า วไท ย . [Online]. Available: https://welcomlife.wordpress.com
าวิท
[2557, พฤษภาคม].
"มห
References
White, Joyce C. (1982). Ban Chiang : Discovery of a Lost Branze Age. The University
Museum, University of Pennsylvania and the Smithsonian Institute.
"มห
าวิท
ยาล
ัยสว
182
นดุส
ิต เพื่อ
กา ร
ศึกษ
าเท
่านั้น
"
"มห
าวิท
ยาล
ัยสว
นดุส
ิต
ภาคผนวก
เพื่อ
กา ร
ศึกษ
าเท
่านั้น
"
"มห
าวิท
ยาล
ัยสว
นดุส
ิต เพื่อ
กา ร
ศึกษ
าเท
่านั้น
"
185
๑. แผนการสอน
"
่านั้น
การทดสอบ การวัดผล ภาคปฏิบัติและ ให้ กั บ นั ก ศึ ก ษ า พ ร้ อ ม
ความหมายของศิลปะและวัฒนธรรม ข้อตกลงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ 1
าเท
ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของ การเรี ย นการสอนและการ
ประเมินผล
ศึกษ
ศิลปะ วัฒนธรรมภาพลักษณ์ของการ
ท่องเที่ยวไทยในท้องถิ่น กา ร - บรรยายเพื่อให้ความรู้ตาม
ความสาคัญของท้องถิ่นต่างๆ เนือ้ หาที่กาหนดพร้อม
นาเสนอกรณีศึกษาร่วมสมัย
เพื่อ
- มอบหมายงานกลุ่มเพื่อ
นาเสนอหน้าชัน้ เรียนจากการ
ิต
และนาเสนอในสัปดาห์
นดุส
สุดท้ายของการจัดการเรียน
การสอน
ัยสว
2 อิทธิพลของศาสนาต่อวัฒนธรรมไทย 4 - บรรยายเพื่อให้ความรู้ตาม
- ความเชื่อดั้งเดิม เช่น ผี ชั่วโมง เนือ้ หาที่กาหนด
ยาล
- ศาสนาพราหมณ์ - อภิปราย/ซักถามเพื่อความ
าวิท
ศาสนาพุทธ เข้าใจและฝึกการคิดวิเคราะห์
- อาจารย์ผู้สอนสรุปเนื้อหา
"มห
ให้นักศึกษาทบทวนเนือ้ หาโดย
ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
186
"
่านั้น
วัฒนธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ - อาจารย์ผู้สอนสรุปเนื้อหา
าเท
ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
ศึกษ
4 วัฒนธรรมภาคกลาง
กา ร4 -บรรยายเพื่อให้ความรูต้ าม 29
ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ชั่วโมง เนือ้ หาที่กาหนด
เพื่อ
วรรณคดี -อภิปราย/ซักถามเพื่อความ
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เข้าใจและฝึกการคิดวิเคราะห์
ิต
ในภาคกลาง พร้อมหยิบยกประเด็นปัญหาที่
นดุส
เกี่ยวกับวัฒนธรรมและการ
ท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยว
ัยสว
สาคัญต่างๆ ในประเทศไทย
ยาล
-มอบหมายงานเดี่ยวให้
นักศึกษาค้นคว้าเพื่อนาเสนอ
าวิท
หน้าชั้นเรียน
- อาจารย์ผู้สอนสรุปเนื้อหา
"มห
ให้นักศึกษาทบทวนเนือ้ หาโดย
ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
5 วัฒนธรรมภาคกลาง 4 - บรรยายเพื่อให้ความรู้ตาม 51
เทศกาลและงานประเพณี ชั่วโมง เนือ้ หาที่กาหนด
อาหาร -อภิปราย/ซักถาม พร้อมหยิบ
ที่อยู่อาศัย ยกประเด็นร่วมสมัยที่เกี่ยวกับ
187
"
่านั้น
6 วัฒนธรรมภาคเหนือ 4ชั่วโมง - บรรยายเพื่อให้ความรู้ตาม
าเท
ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เนือ้ หาที่กาหนด
วรรณคดี -นาเสนองานหน้าชั้นเรียนจาก
ศึกษ
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม งานที่ได้มอบหมายให้ค้นคว้า
ในภาคเหนือ และศึกษาด้วยตนเอง
กา ร
- เน้นการอภิปรายและการ
เพื่อ
เรียนรู้แบบมีสว่ นร่วม
(Participation Learning)
พร้อมทั้งอภิปรายและแสดง
ิต
นดุส
ความคิดเห็น ในประเด็นที่
เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและ
ัยสว
การท่องเที่ยว
- อาจารย์ผู้สอนสรุปเนื้อหา
ยาล
ให้นักศึกษาทบทวนเนือ้ หาโดย
ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
าวิท
"มห
188
"
่านั้น
-อภิปราย/ซักถาม พร้อมหยิบ
ยกประเด็นร่วมสมัยที่เกี่ยวกับ
าเท
วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว
- อาจารย์ผู้สอนสรุปเนื้อหา
ศึกษ
ให้นักศึกษาทบทวนเนือ้ หาโดย
ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
กา ร
8 วัฒนธรรมภาคอีสาน 4 - บรรยายเพื่อให้ความรู้ตาม 81
เพื่อ
ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ชั่วโมง เนือ้ หาที่กาหนด
วรรณคดี - เน้นการอภิปรายและการ
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เรียนรู้แบบมีสว่ นร่วม
ิต
นดุส
ความคิดเห็น ในประเด็นที่
เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและ
ยาล
วัฒนธรรมในภาคอีสาน
"มห
- อาจารย์ผู้สอนสรุปเนื้อหา
ให้นักศึกษาทบทวนเนือ้ หาโดย
ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
189
"
่านั้น
- อภิปราย/ซักถามเพื่อความ
- การเรียนรู้แบบกรณีศกึ ษา
าเท
(Case Study) โดยนักศึกษาได้
ฝึกคิดวิเคราะห์อภิปรายใน
ศึกษ
ลักษณะ Critical thinking เพื่อ
สร้างความเข้าในเนื้อหา
กา ร
- อาจารย์ผู้สอนสรุปเนื้อหา
เพื่อ
ให้นักศึกษาทบทวนเนือ้ หาโดย
ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
วัฒนธรรมภาคใต้ 4 - บรรยายเพื่อให้ความรู้ตาม 109
ิต
10
นดุส
- อาจารย์ผู้สอนสรุปเนื้อหา
"มห
ให้นักศึกษาทบทวนเนือ้ หาโดย
ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
190
"
่านั้น
วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว
- อาจารย์ผู้สอนสรุปเนื้อหา
าเท
ให้นักศึกษาทบทวนเนือ้ หาโดย
ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
ศึกษ
12 การแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทย 4 - การบรรยายเพื่อให้ความรู้ 137
การแพทย์แผนไทย ชั่วโมง ตามเนือ้ หาที่กาหนดและ
กา ร
สมุนไพรไทยและยารักษาโรค ยกตัวอย่างสถานการณ์
เพื่อ
ปัจจุบัน
- สอดแทรกคุณธรรม
จริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับการ
ิต
นดุส
ดูแลนักท่องเที่ยว
- อภิปราย/ซักถาม พร้อมหยิบ
ัยสว
ยกประเด็นร่วมสมัยที่เกี่ยวกับ
วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว
ยาล
- อาจารย์ผู้สอนสรุปเนื้อหา
ให้นักศึกษาทบทวนเนือ้ หาโดย
าวิท
ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
"มห
"
่านั้น
14 การละเล่นและการแสดงของไทย 4 - บรรยายสาระสาคัญพร้อม 159
ประเภทและลักษณะการละเล่น ชั่วโมง ยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจ
าเท
ของไทย - อาจารย์ผู้สอนสรุปเนื้อหา
ประเภทและลักษณะการแสดงของ - ให้นักศึกษาทบทวนเนือ ้ หาโดย
ศึกษ
ไทย ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
15 วัฒนธรรมไทย: มรดกโลกทาง 4 ชั่วโมง - บรรยายเพื่อให้ความรู้ตาม
กา ร
วัฒนธรรมของไทยกับการท่องเที่ยว เนือ้ หาที่กาหนด 171
เพื่อ
กรณีอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย - การอภิปรายและการเรียนรู้
ศรีสัชนาลัย และกาแพงเพชร และเมือง แบบมีสว่ นร่วม (Participatory
ิต
มรดกโลก ร่วมในการอภิปรายแสดงความ
มรดกโลกทางวัฒนธรรมของไทย คิดเห็นในประเด็นร่วมสมัยที่
ัยสว
พระนครศรีอยุธยา
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หน้าชั้นเรียน
"มห
รวมทั้งการอนุรักษ์ - การสอดแทรกคุณธรรม
จริยธรรม แนวทางการ
อนุรักษ์ ที่เกี่ยวข้องกับการ
ท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม
192
"
่านั้น
5.1,5.2 การค้นคว้าด้วยตนเอง 4,6,15 10%
4.1,4.2,5.1,5.2 การทาโครงงานพิเศษ 15 10%
าเท
2.1,2.2 การสอบ 16 40%
ศึกษ
กา ร
ิต เพื่อ
นดุส
ัยสว
ยาล
าวิท
"มห
"
่านั้น
าเท
ศึกษ
กา ร
ถึงนักศึกษาและผูอานทุกทาน
เพื่อ
ขอบคุณที่สนับสนุนหนังสือของ ศูนยบริการสื่อและสิ่งพิมพ กราฟฟคไซท
หากคุณพบหนังสือที่ชำรุดจากการพิมพหรือเขาเลม
โปรดติดตอเรา เพื่อรับหนังสือเลมใหม
ิต