Professional Documents
Culture Documents
RSUDr Kanokporn ODT
RSUDr Kanokporn ODT
วัตถุประสงค
เพื่อใหผูอาน
1. เขาใจวิธีการผลิตและองคประกอบในตํารับของยาเม็ดชนิดแตกตัวเร็วในชองปากที่ผลิตดวยวิธีตาง ๆ
2. เขาใจลักษณะเฉพาะ ขอดี และขอเสียของยาเม็ดชนิดแตกตัวเร็วในชองปากที่เตรียมโดยวิธีตางกัน
บทคัดยอ
ยาเม็ดชนิดแตกตัวเร็วในชองปากเปนยาเม็ดที่ออกแบบขึ้นเพื่อ ใหสามารถแตกตัวหรือละลายไดอ ยาง
รวดเร็วในน้ําลายและผูปวยสามารถกลืนไดโดยไมตองดื่มน้ําตาม จึงเพิ่มความรวมมือในการใชยาในผูปวยบางกลุม
ได การเตรียมยาเม็ดชนิดแตกตัวเร็วในชองปากสามารถทําไดหลายวิธีการ ซึ่งแตละวิธีอาศัยหลักการที่แตกตางกัน
ในการทําใหยาเม็ดมีการแตกตัวอยางรวดเร็ว เชน การใชสารชวยแตกตัวชนิดที่เหมาะสม การใชสารชวยชนิดที่
ละลายน้ําไดดีมากในตํารับ และการเตรียมยาเม็ดที่มีความพรุนมาก ในปจจุบันมียาเม็ดชนิดแตกตัวเร็วในชองปาก
ที่ไดรับการขึ้นทะเบียนและมีขายในทองตลาดมากขึ้น ซึ่งมีทั้งยาเม็ดที่ผลิตไดโดยเทคนิควิธีพื้นฐาน เชน การตอก
อัดเปนเม็ดโดยตรงหรือการทําแกรนูลเปยก และการผลิตโดยใชเครื่องมือหรือเทคนิคพิเศษเขามาชวยในการผลิต
เชน การทําแหงแบบเยือกแข็ง หรือ การพิมพ 3 มิติ บทความนี้จะกลาวถึงเทคนิควิธีตาง ๆ ในการเตรียมยาเม็ด
แตกตัวเร็วในชองปากที่มีการศึกษาและจดสิทธิบัตรแลว
เทคโนโลยีที่ใชในการเตรียมยาเม็ดชนิดแตกตัวเร็วในชองปาก
การเตรียมตํารับยาเม็ดชนิดแตกตัวเร็วในชองปากสามารถทําไดหลายวิธี โดยหลักการเบื้องตนที่ใชในการ
เตรียมสามารถแบงไดเปน 3 รูปแบบ ไดแก การใชสารชวยแตกตัวชนิดที่เหมาะสม การใชสารชวยชนิดที่ละลายน้ํา
ไดดีมากในตํารับ และการเตรียมเม็ดยาที่มีความพรุนมาก โดยสรุปการเตรียมยาเม็ดแตกตัวเร็วในชองปากสามารถ
แยกตามเทคนิคที่ใชเตรียมได ดังตอไปนี้
2. การทําแหงแบบเยือกแข็ง (Lyophilization)
การทําแหงแบบเยือกแข็งเปนกระบวนการที่ตัวทําละลายถูกกําจัดออกจากสารละลายยา (solutions)
หรือสารแขวนตะกอนของตัวยา (suspensions) โดยการระเหิดของตัวทําละลายที่อุณหภูมิต่ํากวาจุดเยือกแข็ง
เมื่อนํามาประยุกตใชในการเตรียมยาเม็ดชนิดแตกตัวอยางรวดเร็วในชองปากจะมีการเติมสารที่กอใหเกิดโครงสราง
ลงไปในตํารับดวย ยาเม็ดที่ไดจะมีน้ําหนักเบาและมีรูพรุนมากจึงทําใหเกิดการแตกตัวหรือละลายไดอยางรวดเร็ว
เมื่อวางยาเม็ดลงบนลิ้น วิธีการทําแหงแบบเยือกแข็งนี้เหมาะกับตัวยาที่ไมทนความรอนเนื่องจากไมมีการใชความ
รอนในกระบวนการ และยังอาจทําใหตัวยาเกิดการจัดเรียงโครงรางแบบอสัณฐาน (amorphous structure) ทําให
ตัวยามีการละลายเพิ่มขึ้นได อยางไรก็ตามยาเม็ดแตกตัวเร็วในชองปากที่เตรียมโดยวิธีนี้มักมีปญ
หาดานความคง
สภาพมื่อเก็บในสภาวะที่มีอุณหภูมิและความชื้นสูง และสามารถเกิดการยุบตัวไดงายเมื่อมีแรงกด จึงตองบรรจุใน
บรรจุภัณฑที่แข็งแรงและสามารถปองกันความชื้นไดดี
โดยทั่วไปตํารับยาเม็ดชนิดแตกตัวอยางรวดเร็วในชองปากที่เตรียมโดยวิธีการทําแหงแบบเยือกแข็ง มี
สวนประกอบดังนี้
- พอลิเมอร (polymers) ทําหนาที่เปนโครงรางและเพิ่มความแข็งแรงของยาเม็ด พอลิเมอรที่เลือกใช
ควรละลายไดดี ใ นน้ํ า เพื่อ ใหย าเม็ด ที่ เ ตรีย มขึ้ น สามารถแตกตัว ได อ ย างรวดเร็ว เช น gelatin,
alginate, polyvinyl alcohol, polyvinyl pyrrolidone
- พอลิแซคคาไรด (polysaccharides) ทําหนาที่เพิ่มความแข็งแรงใหกับยาเม็ด และแตงรสของยาเม็ด
ได เชน mannitol และ sorbitol
- สารปองกันการยุบตัว (collapse protectants) ปองกันไมใหยาเม็ดเกิดการยุบ ตัวเนื่อ งจากความ
พรุนของยาเม็ดหลังกระบวนการทําแหงแบบเยือกแข็ง เชน glycine
- สารปองกันการเกิดผลึกน้ําแข็ง (cryoprotectants) เชน trehalose, sorbitol, sucrose, glycerol
และ sugar alcohol
- สารกระตุนการเกาะกลุมกันของอนุภาค (flocculating agents) เพื่อชวยใหตัวยาและสารชวยอื่น ๆ
สามารถกระจายตัวไดอยางสม่ําเสมอ เชน xanthan และ acacia gum
- สารกันเสีย (preservative) ปองกันการเจริญเติบโตของเชื้อจุลชีพ เชน parabens
- สารชวยปรับความเปนกรดดาง (pH adjuster) ทําหนาที่ปรับความเปนกรดดาง ทําใหตัวยาในตํารับมี
ความคงสภาพดีขึ้น เชน citric acid และ sodium hydroxide
- สารชวยเพิ่มการดูดซึม (permeation enhancer) เชน sodium lauryl sulfate
- สารแตงกลิ่นรส
- น้ํา ซึ่งเปนสวนที่ทําใหเกิดรูพรุนในยาเม็ด
กระบวนการเตรียมยาเม็ดชนิดแตกตัวอยางรวดเร็วในชองปากที่เตรียมโดยวิธีการทําแหงแบบเยือกแข็งทํา
ไดดังนี้
1. เตรี ย มสารประกอบทั้ ง หมดในตํ า รั บ ให อ ยู ใ นรู ป สารละลาย (solution) หรื อ ยาแขวนตะกอน
(suspension) ในน้ํา แลวเทใสล งใน blister pack ซึ่ง ทําหนาที่เ ปนบรรจุภัณฑและเปนสวนที่จะ
กําหนดรูปรางของยาเม็ดที่เตรียมได
2. นํา blister pack ที่มีสารละลายหรือยาแขวนตะกอนเขาสูกระบวนการทําแหงแบบเยือกแข็ง โดยตอง
ควบคุมขนาดผลึกน้ําแข็งที่อาจเกิดขึ้น เพื่อใหไดยาเม็ดที่มีขนาดรูพรุนเหมาะสม
3. ปดผนึก blister pack หลังจากเม็ดยาแหงสนิทดวยความรอน (heat-seal process)
ตัวอยางเทคโนโลยีการเตรียมยาเม็ดแตกตัวเร็วในชองปากโดยวิธีการทําแหงแบบเยือกแข็งที่ไดรับการจด
สิทธิบัตรแลว ไดแก
Zydis® ตัวยาสําคัญกระจายอยูในเมทริกซของพอลิเมอร (gelatin) และน้ําตาล เชน mannitol หรือ
sorbitol ผลิตภัณฑที่เตรียมไดอยูในรูปของแข็งอสัณฐานซึ่งมีความแข็งและความยืดหยุนพอเหมาะ ยาเม็ดที่เตรียม
ขึ้นละลายไดดี โดยใหความรูสึกที่ดีในชองปากจากผลของ mannitol และ sorbitol สําหรับตํารับที่เตรียมเปน
suspension อนุภาคที่แขวนตะกอนอยูควรมีขนาดไมเกิน 50 µm เพื่อปองกันไมใหเกิดการระคายเคืองในชองปาก
โดยตํารับที่เตรียมเปน suspension สามารถจุตัวยาสําคัญไดถึง 400 mg ในขณะที่ตํารับที่เตรียมเปน solution
สามารถจุตัวยาไดสูงสุด 60 mg เนื่องจากตัวยาที่ละลายน้ําดีทําใหเกิด eutectic mixture จึงสามารถทําแหงได
ยาก ยาเม็ดแตกตัวเร็วในชองปากที่เตรียมโดยเทคนิคนี้สามารถแตกตัวไดอยางรวดเร็ว แตไวตอความชื้นสูง จึงตอง
บรรจุในบรรจุภัณฑที่สามารถปองกันความชื้นไดเปนอยางดี [6]
QuicksolvTM เตรียมโดยกระจายตัวยาสําคัญในน้ําแลวนําไปทําใหแข็งเชนเดียวกับ Zydis® แตทําใหแหง
โดยใชก ารทําแหง แบบเยือ กแข็ง หรือการสกัดน้ําออกโดยใชแอลกอฮอล (solvent extraction) กลาวคือ นํา
สารละลายในน้ําที่ทําใหแข็งตัวแลวไปใสในแอลกอฮอลที่สามารถเขากันไดกับน้ํา น้ําจะแพรออกมาสูแอลกอฮอล
สวนสารอื่น ๆ จะยังคงรูปเปนของแข็ง ทําใหเกิดเปนรูพรุนในยาเม็ด [7]
Lyoc® เปนเทคโนโลยีในการเตรียมยาเม็ดแตกตัวเร็วในชอ งปากที่คลายคลึงกับ Zydis® โดยมีความ
แตกตางคือสารที่จะนําไปทําใหแหงแบบเยือกแข็งจะอยูในรูปแบบยาน้ําแขวนตะกอน (suspensions) หรืออิมัลชัน
ชนิดน้ํามันในน้ํา (oil-in-water emulsions) ในตํารับจะตองมีสารเพิ่มความหนืดปริมาณมากเพื่อปองกันไมใหเกิด
การแยกชั้นของน้ําและน้ํามัน ความหนืดที่เพิ่มขึ้นนี้สงผลใหความพรุนของยาเม็ดลดลง จึงทําใหเวลาที่ตองใชใน
การทําใหแหงเพิ่มขึ้น และทําใหเวลาในการแตกตัวเพิ่มขึ้นดวย [8]
4. การขึ้นรูป (Molding)
การเตรียมยาเม็ดแตกตัวเร็วในชองปากโดยวิธีการขึ้นรูปจะทําใหตัวยาสําคัญกระจายตัวอยูในสารชวยใน
ลักษณะเมทริกซ สารชวยที่นํามาใชมักมีคุณสมบัติสามารถละลายไดดีในน้ําและรสชาติดี ขอดีของการเตรียมยาเม็ด
ดวยวิธีนี้คือ ไดเม็ดยาที่ละลายดี และสามารถผลิตในโรงงานไดงายกวาวิธีการทําแหงแบบเยือกแข็ง แตอยางไรก็
ตามยาเม็ดที่เตรียมไดมักจะกรอนงาย และการเพิ่มความแข็งมักจะมีผลตอเวลาในการแตกตัวของยาเม็ด
การเตรียมยาเม็ดแตกตัวเร็วในชองปากโดยวิธีการขึ้นรูปสามารถเตรียมไดดวยวิธีดังตอไปนี้
Compression molding เตรี ย มโดยผสมตั ว ยาสํ า คั ญ กั บ สารช ว ยแล ว ทํ า ให ผ งยาชื้ น โด ยใ ช
hydroalcoholic solvent นํ าผงยาที่ เ ป ยกชื้นไปตอกอัดในแมพิม พ แลวระเหยใหแหง ที่สภาวะหอ ง ยาเม็ดที่
เตรียมไดจะมีแรงยึดเกาะกันที่นอยกวายาเม็ดที่เ ตรียมโดยการตอกอัดเปนเม็ดและมีความพรุนมากกวา ทําให
สามารถละลายไดอยางรวดเร็ว
ตัวอยางเทคโนโลยีการเตรียมยาเม็ดแตกตัวเร็วในชองปากโดยเทคนิค compression molding ที่ไดรับ
การจดสิทธิบัตรแลว ไดแก
Wowtab® ประกอบด ว ยน้ํ า ตาล 2 ชนิ ด ในตํ า รั บ ได แ ก low moldable sugar ซึ่ ง มี จุ ด
หลอมเหลวต่ําและมีการละลายน้ําที่ดี เชน mannitol, lactose และ glucose รวมกับ high moldable
sugar ซึ่งทําใหโครงสรางของยาเม็ดความแข็งแรงสูง เชน maltose, sorbitol และ maltitol ตัวยาสําคัญ
และสารชวยอื่นๆจะถูกทําใหเปนแกรนูลรวมกับสารละลายของน้ําตาลทั้งสองชนิดใน fluidized bed
granulator จากนั้นนําแกรนูลที่ไดมาผสมกับสารหลอลืน่ และสารแตงกลิ่น แลวจึงตอกอัดดวยความดันต่ํา
ไดเปนยาเม็ด นํายาเม็ดที่ไดไปใหความรอนจนกระทั่งน้ําตาลหลอมเหลวแลวใหความชื้นและทําใหแหง จน
ไดยาเม็ดที่มีความพรุนสูง ยาเม็ดที่ไดตองเก็บรักษาในสภาวะควบคุมอุณหภูมิและความชื้นโดยอาจบรรจุ
ใน blister pack หรือบรรจุขวดก็ได [10]
Heat molding เตรียมโดยการหลอมดวยความรอ น ตั วยาสําคัญ จะถูก ผสมกับ agar solution และ
น้ําตาลชนิดตาง ๆ (เชน mannitol หรือ lactose) หลอมและเทลงใน blister pack ทําใหกลายเปนของแข็ง ที่
อุณหภูมิหอง ลักษณะยาเม็ดที่ไดจะคลายเจลลี่ แลวนําไปทําใหแหงสนิทที่อุณหภูมิ 30 °C ในสภาวะสุญญากาศ
Molding by vacuum evaporation without lyophilization ทํ า โดยเตรี ย มเทสารละลายหรื อ
แขวนตะกอนของยาลงในแมพิมพ จากนั้นนําไปแชแข็งกอนนํามาทําใหแหงในสภาวะสุญญากาศ วิธีนี้แตกตางจาก
การทําใหแหงแบบเยือกแข็งคือการกําจัดน้ําออกจากตํารับจะทําโดยการระเหยไมใชการระเหิด ทําใหเม็ดยาที่
เตรียมไดอาจเกิดการยุบตัวบางสวน แตจะมีความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้นเพราะเมทริกซมีความหนาแนนมากขึ้น และ
มีรูพรุนนอยลง
5. การระเหิด (Sublimation)
การเตรียมยาเม็ดแตกตัวเร็วในชองปากโดยวิธีการระเหิดเปนการทําใหเกิดรูพรุนโดยการใชสารที่สามารถ
ระเหิ ด ได ใ นตํ า รั บ ได แ ก ammonium bicarbonate, ammonium carbonate, benzoic acid, camphor,
naphthalene, urea, urethane, phthalic anhydride, cyclohexane และ benzene รวมกับสารชวยชนิดอื่น
ในการตอกยาเม็ด หลังจากทําการตอกอัดเปนเม็ด สารที่ระเหิดไดเหลานี้จะถูกกําจัดออกไปโดยการทําใหระเหิด
โดยใหความรอนในสภาวะสุญญากาศ กอใหเกิดรูพรุนในยาเม็ดทําใหยาเม็ดสามารถแตกตัวไดอยางรวดเร็ว [11]
6. การทําแหงแบบพนฝอย (Spray-drying)
การทํ า แห ง แบบพ น ฝอยเป น วิ ธี ที่ ใ ช เ พื่ อ ระเหยน้ํ า ออกจากของเหลวอย า งรวดเร็ ว โดยใช ล มร อ น
กระบวนการนี้ประกอบไปดวยการพนของเหลวออกมาจนเปนละอองขนาดเล็ก ซึ่งน้าํ จะระเหยออกไปอยางรวดเร็ว
เมื่อสัมผัสกับลมรอน จึงไดผลิตภัณฑที่อยูในรูปของผงแหง การทําแหงแบบพนฝอยใชในการเตรียมผงยาที่จะ
นํามาใชตอกอัดเปนยาเม็ดแตกตัวเร็วในชองปาก เนื่องจากผงยาที่ไดจะมีรูพรุนสูงจึงสามารถละลายน้ําไดงาย ใน
ตํารับจะประกอบดวยสารกอเมทริกซหรือสารที่ทําใหเกิดโครงราง เชน เจลาติน สารเพิ่มปริมาณ (bulking agent)
เชน mannitol และสารชวยแตกตัวชนิดตาง ๆ หลังจากทําการทําแหงแบบพนฝอยแลวจึงนําผงสารที่ไดมาตอกอัด
เปนยาเม็ด [11]
7. การพิมพ 3 มิติ (3D-printing)
ยาเม็ดแตกตัวเร็วในชองปากที่เตรียมโดยการนําเทคโนโลยีการพิมพ 3 มิติมาใชและไดรับอนุญาตใหวาง
จําหนายในทองตลาด คือ Spritam® ซึ่งมีตัวยาสําคัญคือ levetiracetam ผลิตโดย Aprecia Pharmaceuticals
Company โดยใชเทคโนโลยี ZipDose® ถือเปนยาเม็ดชนิดแรกที่เตรียมโดยการพิมพ 3 มิติแลวไดรับอนุญาตให
วางจําหนายโดยองคการอาหารและยาของประเทศสหรัฐ อเมริกา ยาเม็ดแตกตัวเร็วในชอ งปากที่เตรียมโดย
เทคโนโลยี ZipDose® มีขอดีคือสามารถบรรจุตัวยาสําคัญไดมากและยังคงสามารถแตกตัวไดอยางรวดเร็ว โดยยา
เม็ด Spritam® มีขนาดยาสูงสุดถึง 1,000 มิลลิกรัม ซึ่งเปนขนาดยาสูงสุดสําหรับยาเม็ดแตกตัวเร็วในชองปากที่มี
จําหนายอยูในปจจุบัน [12]
กระบวนการเตรียมยาเม็ดแตกตัวเร็วในชองปากโดยเทคนิคนี้แบงไดเปน 3 ขั้นตอน ไดแก
- Blending ผสมยาสําคัญ และสารชวยต าง ๆ ในรูป ผงแหง เขาดวยกันโดยกระบวนการ dry
blending, dry granulation หรือ wet granulation เหมือนในการผลิตยาเม็ดทั่วไป แตผงยา
หรือ แกรนูล ที่ทําการผสมแลวจะมีความพรุนสูง กวาในกระบวนการผลิตยาเม็ดปกติ เตรียม
printing fluid เชนเดียวกับกระบวนการเตรียมสารละลายสารชวยยึดเกาะ (binding solution)
หรื อ ยาน้ํ า ใส โดย printing solution ที่ เ ตรี ย มขึ้ น จะต อ งสามารถสเปรย อ อกจากหัวพิม พ
(printhead) ไดอยางสม่ําเสมอ
- Spreading and printing นําผงยาที่ผสมแลวมากระจายลงบน building plate ซึ่งมีพื้นผิวเรียบ
โดยใช powder feeder เกลี่ยผงยาใหเรียบเปนชั้นบาง ๆ แลวสเปรย printing liquid ลงบนผง
ยาตามพื้นที่และรูปรางที่ตองการ จากนั้นกระจายผงยาทับลงผงยาชั้นแรกและสเปรย printing
liquid ทั บ ซ้ํ าลงไป ดัง แสดงในภาพที่ 2 บริเ วณที่มีก ารสเปรย printing liquid จะเปยกและ
สามารถยึดเกาะผงยาแตล ะชั้นเขาดวยกันได กระบวนการนี้เ รียกวาขั้นตอนการพิมพ หรือ
“printing” ซึ่งจะทําซ้ําอยางตอเนื่องจนกระทั่งไดระดับความสูงของชั้นผงยาที่มีปริมาณตัวยา
สําคัญตามตองการ จากนั้นจึงนําเขาสูกระบวนการทําใหแหง
- Drying and harvesting ผงยาที่ ก ระจายอยู บ น building plate จะถู ก ทํ า ให แห ง ที่อุณหภูมิ
ความชื้นและเวลาที่เหมาะสม ผงยาสวนถูกสเปรยทับดวย printing liquid จะเกาะกันแนนได
เปนยาเม็ดตามที่ออกแบบไว สวนผงยาสวนที่ไมถูกสเปรยจะเปนสวนแหงที่ถูกแยกออกไปโดย
rotary shaker เพื่อนําไปผานเขาสูกระบวนการ printing ใหมอีกครั้ง
ภาพที่ 2 กระบวนการ spreading and printing ในเทคโนโลยี ZipDose® [12]
สรุป
ในปจจุบันมีวิธีการเตรียมยาเม็ดแตกตัวเร็วในชองปากหลากหลายวิธีที่ไดรับสิทธิบัตรและมีการผลิตเพื่อ
จําหนายในทองตลาด ซึ่งแตละวิธีสามารถเตรียมยาเม็ดที่มีลักษณะเฉพาะ ขอดีและขอจํากัดที่แตกตางกันไป ดัง
แสดงในตารางที่ 1 นอกจากนี้ ยังคงมีการศึกษาวิจัยอยางตอเนื่องเพื่อพัฒนาเทคนิควิธีใหม ๆ ในการเตรียมยาเม็ด
แตกตัวเร็วในชองปาก ซึ่งสวนใหญจะมุงเนนไปที่การทําใหผลิตภัณฑที่ไดแตกตัวในของเหลวปริมาณนอยไดอยาง
รวดเร็วที่สุด อยางไรก็ตามในการพัฒนาตํารับยาเม็ดแตกตัวเร็วในชองปากควรตองคํานึงถึงปจจัยดานอื่น ๆ เชน
การกลบรสของตัวยาสําคัญ ความคงสภาพของยาเม็ดที่เตรียมไดระหวางการขนสง บรรจุภัณฑที่เหมาะสม รวมถึง
เครื่องมือและตนทุนในการผลิต ซึ่งปจจัยเหลานี้จะตองทําการศึกษาควบคูไปกับการพัฒนาตํารับ เพื่อใหไดยาเม็ด
แตกตัวเร็วในชองปากที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดีตอไป
ตารางที่ 1 เทคโนโลยีที่ใชในการเตรียมและสมบัติดานตาง ๆ ของยาเม็ดแตกตัวเร็วในชองปากที่เตรียมได [11]
เอกสารอางอิง
1. U.S. Food and Drug Asministration, Center for Drug Evaluation and Research (CDER). (2008).
Guidance for Industry: Orally Disintegrating Tablets. Retrieved January 4, 2021, from
https://www.fda.gov/media/70877/download
2. Council of Europe. (2010) European pharmacopoeia. 7th Strasbourg: Council of Europe.
3. Cousin G., Bruna E., Gendrot E. (1995) Rapidly disintegratable multiparticular tablet.
U.S.Patent No. 5,464,632. Washington, DC: U.S. Patent and Trademark Office.
4. Khankari R., Hontz J., Chastain S., Katzner L. (2000) Rapidly dissolving robust dosage form.
U.S.Patent No. 6,024,981. Washington, DC: U.S. Patent and Trademark Office.
5. Pather S.I., Khankari R.K., Moe D.V. (2003) Orasolv and Durasolv: efficient technologies for
the production of orally disintegrating tablets. In Rathbone M.J., Hadgraft J., Roberts M.S.
(Eds.). Modified-release drug delivery technology. (pp. 203-216). Marcel Dekker.
6. Yarwood R.J., Kearney P., Thompson A.R. (1998) Process for preparing solid pharmaceutical
dosage forms. U.S.Patent No. 5,837,287. Washington, DC: U.S. Patent and Trademark Office.
7. Janssen Pharmaceutica NV. (1976) 3-Phenoxypropylamine derivatives, their preparation
and use. U.S.Patent No. 4,962,115. Washington, DC: U.S. Patent and Trademark Office.
8. L Lafon Laboratories. (1973) Process for the production of lyophilized pharmaceutical
composition. U.S.Patent No. 3,767,807. Washington, DC: U.S. Patent and Trademark Office.
9. Fuisz R., Misra T.K., Sanghvi P.P. (2001) Easily processed tablet compositions U.S.Patent No.
6,277,406. Washington, DC: U.S. Patent and Trademark Office.
10. Mizumoto T., Masuda Y., Kajiyama A., Yanagisawa M., Nyshadham R. (2003) Tablets quickly
disintegrating in oral cavity and process for producing the same. U.S.Patent No. 6,589,554.
Washington, DC: U.S. Patent and Trademark Office.
11. Saigal N., Baboota S., Ahuja A., Ali J. (2008) Fast-dissolving intra-oral drug delivery systems.
Expert Opinion on Therapeutic Patents, 18(7), 769-781.
12. West T.G. and Bradbury T.J. (2018) 3D Printing: A case of ZipDose® technology –world’s
first 3D printing platform to obtain FDA approval for a pharmaceutical product. In
Maniruzzaman M. (Eds.). 3D and 4D Printing in Biomedical Applications: Process
Engineering and Additive Manufacturing (1st ed., pp. 53-79) Wiley.