You are on page 1of 1

เทคโนโลยีที่เจริญรุดหน้าในโลกปัจจุบันนี้ส่งผลอย่างมากต่อการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงทางความ

คิดในระยะเวลาที่รวดเร็ว ความเชื่อที่ถูกปลูกฝังมาตลอดชีวิตนั้นอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของคนรุ่นใหม่อีกต่อ
ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ของการที่จะทำให้สังคมไทยพัฒนาต่อไปข้างหน้าอย่างที่ควรจะเป็น ยุคของเทคโนโลยี นี้
พวกเขาได้เปิ ดประตูบานใหม่เพื่อเข้าไปค้นประวัติศาสตร์เดิม ๆ ด้วยมุมมองที่แตกต่าง คำกล่าวที่ว่า “หน้าที่หลัก
ของนิสิต นักศึกษาคือเรียนหนังสือ ประพฤติตนในโอวาทของผู้ปกครองและครูอาจารย์ ไม่ใช่ร่วมชุมนุม
ประท้วง” นั้นมิถูกไปเสียทั้งหมด นิสิต นักศึกษานั้นถือว่าเป็นกลุ่มชนที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวนำการ
เปลี่ยนแปลงทางการเมืองใน หลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักศึกษาจะเป็นกลุ่มที่มีบทบาทในการต่อต้าน
เผด็จการ การเรียกร้องประชาธิปไตย และการสร้างความชอบธรรมในสังคม ถ้าพิจารณาให้ดีแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้น
นั้นมาจากการที่เหล่านิสิต นักศึกษาได้เห็นถึงปัญหาของระบบจากการเรียนหนังสือ ผ่านกระบบวนการคิดและ
วิเคราะห์ จึงเห็นได้ว่าการเคลื่อนไหวมากมายในช่วงเวลานี้ก็ล้วนแต่มีหลักฐานบางอย่างที่เชื่อมกับ
ประวัติศาสตร์เดิมอย่างน่าแปลกใจ ยิ่งหาข้อมูล ยิ่งเห็นมิติที่หลากหลายมากขึ้น ได้แก่ ความเป็นมนุษย์ ความเท่า
เทียม สวัสดิการ และคุณภาพชีวิตมวลรวมของผู้คน คำจำกัดความของคำว่า “หน้าที่” ในแต่ละยุคสมัยนั้นอาจ
แตกต่างกัน อันเป็นผลมาจากการบ่มเพาะ การเลี้ยงดู รวมไปถึงการศึกษา นิสิต นักศึกษาในยุคปัจจุบันนี้มอง “ค
วามดี” กับ “ความถูกต้อง” เป็นคนละเรื่องกัน ทุกความดีนั้นควรมีจุดที่ตรวจสอบได้ จะเนิ่นนานแค่ไหน ก็ควร
ต้องนำมาตรวจสอบเพื่อความเที่ยงธรรม ด้วยเหตุดังกล่าว เมื่อไม่ได้รับคำตอบที่เป็นรูปธรรม จึงเป็นปัจจัยสำคัญ
ในการตั้งคำถามต่อระบบตลอดไปจนการชุมนุมประท้วงของนิสิต นักศึกษาในยุคใหม่ที่กำลังจะก้าวเข้าไปสู่การ
เป็นพลเมืองของสังคมโลก ในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ปกครองและอาจารย์จำนวนไม่น้อยนั้นเชื่อว่า ตัวแทนแห่ง
ความดี คือต้นแบบที่เราควรเคารพ จึงไม่ควรเข้าไปตั้งคำถามหรือตรวจสอบ คงไว้ซึ่งในความเชื่อและมุมมองที่
ได้รับมาโดยไม่มีการใช้เหตุผล และปฏิเสธทุกแนวความคิดความเป็นอื่น ข้าพเจ้าคิดเห็นว่าการที่นิสิต นักศึกษา
ออกมาชุมนุมประท้วงนั้น เป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมในอนาคต ในปัจจุบันที่มิอาจปฏิเสธ
ได้ว่าระบบการศึกษา คุณภาพชีวิต รวมไปถึงเศรษฐกิจในสังคมนั้นแย่ลง การอดทนยอมรับนั้นมิใช่หนทางที่จะ
เปลี่ยนแปลงได้ หาแต่ทางออกเดียวที่จะกลับมาแก้ปัญหาได้คือ การแก้ที่ระบบ เมื่อผู้ใหญ่ในปัจจุบันมองว่า
ระบบที่ดำเนินมาแต่ช้านานนั้นมิสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ การเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ใช่เรื่องของเรา หรือไม่ใช่
เรื่องที่เราควรยุ่งเกี่ยว ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตที่ดีขึ้นจึงกลายมาเป็นหน้าที่ของนิสิต นักศึกษาโดย
ปริยาย เราไม่อาจปฏิเสธเสียงแห่งยุคสมัย เสียงของความคิดเจตจำนงเสรี และเสียงแห่งอนาคตได้ ที่สำคัญ เราไม่
ควรมองข้ามความเที่ยงแท้ของโลกได้ว่า เด็กในวันนี้ คือผู้ใหญ่ในวันหน้า และไม่มีสิ่งใดยั่งยืนเสมอไป ทุกสิ่ง
แปรเปลี่ยนได้ตามกาลเวลา หากเราเลือกที่จะเปิ ดใจให้กว้างขึ้น รับรู้ข้อมูลที่หลากหลายขึ้น ยอมรับความคิด
การกระทำที่แตกต่างซึ่งกันและกัน ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ข้าพเจ้าเชื่อว่าเราจะมองเห็นถึงเหตุผลในการเรียก
ร้องของนิสิต นักศึกษา มากกว่าการมาตีกรอบว่าสิ่งใดคือหน้าที่ที่ควรทำ

You might also like