Professional Documents
Culture Documents
ผลการวิจัย
สวนที่ 1 ผลการวิเคราะหเนื้อหา
ในส ว นของการวิ เ คราะห เ นื้ อ หาจากเอกสารนี้ ผู วิ จั ย ได วิ เ คราะห ก รณี ศึ ก ษาอั น
ประกอบดวยบริษัทผลิตเพลงที่มีรูปแบบการปรับตัวในภาวะการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเพลงใน
ประเทศไทยที่ แ ตกต า งกั น 3 กรณี จํ า นวน 4 บริ ษั ท การบริ ห ารจั ด การอุ ต สาหกรรมบั น เทิ ง เป น
กรณีศึกษาเพื่อศึกษานโยบายระดับมหภาค และการบริหารจัดการอุตสาหกรรมภาพยนตรในประเทศ
ไทยเพื่อศึกษาอุตสาหกรรมใกลเคียง โดยแบงออกตามหัวขอดังนี้
1. การปรับตัวของบริษัทเพลงในภาวะการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเพลงในประเทศไทย
1.1 กลยุทธการจัดตั้งบริษัทของผูเขามาใหมในอุตสาหกรรมเพลงในขณะที่ตลาดถูก
ครอบครองโดยบริษัทเพลงหลักของบริษัทขนาดเล็ก กรณีศึกษา : บริษัท เบเกอรี่ มิวสิค จํากัด และ
บริษัท สหกรณดนตรี เลิฟอีส จํากัด
1.2 กลยุทธการปรับนโยบายองคกรของบริษัทเพลงหลักเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงใน
อุตสาหกรรมเพลง กรณีศึกษา : บริษัท อารเอส จํากัด (มหาชน) และ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จํากัด
(มหาชน)
1.3 กลยุ ท ธ ก ารจั ด ตั้ ง บริ ษั ท ของผู เ ข า มาใหม ใ นขณะที่ อุ ต สาหกรรมเพลงเกิ ด การ
เปลี่ยนแปลง กรณีศึกษา : บริษัท ทรู คอรปอเรชั่น จํากัด (มหาชน)
94
95
1. การปรับตัวของบริษัทเพลงในภาวะการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเพลงในประเทศไทย
1.1 กลยุ ท ธ ก ารจั ด ตั้ ง บริ ษั ท ของผู เ ข า มาใหม ใ นอุ ต สาหกรรมเพลงในขณะที่ ต ลาดถู ก
ครอบครองโดยบริษัทเพลงหลัก ของบริษัทขนาดเล็ก กรณีศึกษา : บริษัท เบเกอรี่ มิวสิค
จํากัด และ บริษัทสหกรณดนตรี เลิฟอีส จํากัด
1.1.1 การนําเสนอทางเลือกใหมใหกับผูบริโภค
ในชวงเวลารุงเรืองของอุตสาหกรรมเพลงในประเทศไทยป พ.ศ. 2526 – 2540 กลไก
การตลาดเปนระบบผูกขาดการคาโดยบริษัทเพลงหลักเนื่องจากการเปนเจาของสื่ออยางครบวงจร
สอดคลองกับแนวคิดเรื่องการควบรวมสื่อ ที่นําเสนอโดย เบ็น เอ็ช แบ็กดิเคียน (2543) ที่มีแนวคิดวา
ระบบผูกขาดการคาโดยบริษัทเพลงหลัก นอกจากจะเปนการครอบงําความคิดของผูบริโภคใหนิยม
บริโภคเฉพาะเพลงจากบริษัทเพลงหลักแลว ยังทําใหบริษัทเพลงขนาดเล็กไมมีพื้นที่ในการแขงขันใน
ตลาด จึงไมมีบริษัทเพลงอื่นๆ เกิดขึ้นในตลาดไดอีก
การสื่อสารทางเดียวของบริษัทเพลงหลักนั้น เปนไปตามแนวคิดของคณาจารยประจํา
สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศสหรัฐอเมริกา (2483) เรื่องอิทธิพลของสื่อสาร
มวลชนวา ประชาชนทั่วไปอยูในสถานะมวลชนซึ่งไดรับผลกระทบทางสังคมไปในทิศทางเดียวกัน
ดังนั้นการสื่อสารที่ผานสื่อจึงถือวามีสวนผลักดันทําใหเกิดการยอมรับ และนําไปสูพฤติกรรมเหมือน
หรือคลายคลึงกันของเหลามวลชน
อย างไรก็ต าม อั ศวิ น เนตรโพธิ์แกว (2549) ไดก ลา วในหนังสือชื่ อ “อิท ธิพลของ
สื่อสารมวลชน” วา นักวิชาการดานสื่อสารมวลชนระยะหลังมีความเห็นวา ประชาชนไมใชมวลชนที่ไม
มีพลังขัดขืนหรือปราศจากทางเลือกอื่น เนื่องจากในความเปนจริงสิ่งที่มีอิทธิพลตอพฤติกรรมและ
ความเชื่อของมนุษยนอกเหนือไปจากสารและสื่อคือความเปนตัวตนของผูรับสารแตละคนเอง ฉะนั้น
การเลือกเปดรับสื่อของแตละบุคคลจึงเปนการสะทอนอัตลักษณของตน จากแนวความคิดนี้แสดงให
เห็นวา ถาหากมีทางเลือกใหกับผูบริโภค ผูบริโภคยอมตองการเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตน และสามารถ
สะทอนอัตลักษณของตนเองไดมากที่สุด และเมื่อ บริษัท เบเกอรี่ มิวสิค จํากัด ไดนําเสนอทางเลือก
ใหกับผูบริโภคโดยเฉพาะการเนนที่กลุมคนวัยทํางานในเมืองซึ่งตองการแสดงความเปนตัวเอง ผูบริโภค
กลุมนี้จึงพรอมที่จะเปดรับสิ่งใหมๆ ที่นําเสนอโดยบริษัท เบเกอรี่ มิวสิค จํากัด
100
1.1.2 การใหความสําคัญกับตัวผลิตภัณฑมากกวาการทําการตลาด
ในชวงเวลารุงเรืองของอุตสาหกรรมเพลงในประเทศไทย เมื่อมีการแขงขันทางการตลาด
สูงขึ้น บริษัทผูผลิตจึงตองจัดสรรงบประมาณเพื่อทําการสงเสริมการขาย สงผลใหกวารอยละ 70 ของ
ตนทุนการผลิตเทปเพลงแตละชุดถูกใชไปในการสงเสริมการขายและกลยุทธการใชสื่อ ดังที่พัชริดา
วัฒนา (2536) กลาววา “คุณภาพของเพลงที่ผลิตออกมาในชวงป พ.ศ. 2528-2536 นั้น เปนบทเพลง
ไร คุ ณ ภาพ เนื่ องจากบริ ษัท ผูผลิ ตมุ ง ทํา การโฆษณาประชาสั ม พั น ธเ พื่ อ สร า งยอดจํา หนา ยสิ น ค า
มากกวาผลิตผลงานที่มีคุณภาพ”
อยางไรก็ตาม ยังคงมีกลุมผูบริโภคที่ตองการผลงานเพลงที่มีคุณภาพ และเมื่อ บริษัท
เบเกอรี่ มิวสิค จํากัด ไดผลิตผลงานเพลงที่เนนคุณภาพของเพลงมากกวาการขายภาพลักษณภายนอก
ของศิลปนดังที่เปนอยูในตลาดกระแสหลักขณะนั้น ผูบริโภคกลุมดังกลาวจึงยอมรับผลงานของบริษัท
เบเกอรี่ มิวสิค จํากัด อยางงายดาย ซึ่งสอดคลองกับแนวคิดเรื่องกลยุทธนานน้ําสีคราม ของดับเบิ้ลยู
ชาน คิม และ เรเน มัวเบิรก (2548) ที่มีหลักการโดยสรุปคือ ไมมุงเนนการตอบสนองอุปสงคที่มีอยู แต
เนนการสรางอุปสงคขึ้นใหม โดยไมสนใจและใหความสําคัญกับคูแขงเดิมที่มีอยูในอุตสาหกรรม เปน
การสรางความตองการของลูกคาและอุตสาหกรรมขึ้นใหม กอใหเกิดประโยชนและคุณคาทั้งตอลูกคา
และองคกรเอง โดยลูกคาจะไดรับคุณคาที่กอใหเกิดความแตกตาง ในขณะที่องคกรสามารถลดตนทุนที่
ไมจําเปน และนําไปสูการเติบโตขององคกร ซึ่งกลยุทธของบริษัท เบเกอรี่ มิวสิค จํากัดนี้ นอกจากจะ
สรางชองทางการตลาดของตนเองขึ้นใหมโดยไมตองไปแขงขันกับผูครองตลาดสวนใหญในขณะนั้น
แลว ยังสามารถจําหนายในราคาที่สูงกวาผลิตภัณฑในทองตลาดทั่วไปอีกดวย
1.1.3 การทําการตลาดเฉพาะกลุม
จากทั้ง 2 ขอที่กลาวมาขางตน แสดงใหเห็นวา บริษัท เบเกอรี่ มิวสิค จํากัด ไดเจาะจง
กลุมเปาหมายผูบริโภควัยทํางานในเมืองที่ตองการแสดงอัตลักษณของตน เปนการตองการความ
แตกตางเพื่อใหไดรับการยอมรับจากกลุมทางสังคมที่ตนเองสังกัด ตามแนวคิดเรื่องวัฒนธรรมของชาว
เอเชีย ของ เฮลมุท ชุทท (2548) ที่กลาววา ชาวเอเชียมีแนวโนมกําหนดสถานภาพและบทบาทของ
ตนเองตามกรอบของสังคมหรือลักษณะความสัมพันธภายในสังคม และอับราฮัม เอ็ช. มาสโลว (2486)
กลาวในทฤษฎีลําดับขั้นของความตองการ (Hierarchy of Needs) วาความตองการทางสังคมของ
ผูบริโภคชาวเอเชียระดับแรกคือ ความตองการการยอมรับจากสังคม (Affiliation Needs) คือการ
ยอมรับบุคคลหนึ่งวาเปนสมาชิกของกลุมโดยบุคคลผูนี้จําเปนตองมีคุณสมบัติบางประการตรงตามที่
กลุมกําหนดจึงจะสามารถเขารวมกลุมได
101
1.1.4 การใชนวัตกรรมในการบริหารจัดการ
เมื่อ ชีวิน โกสิยพงษ ลาออกจากบริษัท โซนี่ บีเอ็มจี มิวสิค เอ็นเตอรเทนเมนต จํากัดและ
เปดบริษัท สหกรณดนตรี เลิฟอีส จํากัด ไดใชวิธีการบริหารจัดการบริษัทดวยรูปแบบของสหกรณ
กลาวคือ บริษัทไมมีศิลปนในสังกัดแตใชวิธีการผลิตผลงานมาจําหนายและจัดสรรผลประโยชนรวมกัน
วิธีการนี้บริษัทไมตองใชเงินลงทุนสูง และศิลปนมีความเปนอิสระในการสรางสรรคผลงาน แมวาการ
102
ความสําเร็จทางดานรายไดจึงไมไดเปนปจจัยสําคัญของการสรางเว็บไซตทรูเวิรลด
ตอมาบริษัทเพลงหลักตางเขาเปนพันธมิตรทางธุรกิจกับผูใหบริการโทรศัพทเคลื่อนที่
ทั้งสิ้น ซึ่งการใชกลยุทธพันธมิตรทางธุรกิจนี้มีผลดีหลายประการตอผูประกอบการทั้ง 2 ฝาย ดังที่
ชลธิศ แกวประเสริฐสม (2549) ไดนําเสนอวากลยุทธพันธมิตรทางธุรกิจเปนกลยุทธที่ไดรับความนิยม
อยางสูงในอุตสาหกรรมการสื่อสารมวลชนในปจจุบัน เนื่องจากอุตสาหกรรมดังกลาวเปนธุรกิจที่ตองใช
ตนทุนสูง มีโครงสรางการบริหารงานใหญและซับซอน มีการแขงขันสูง อีกทั้งการกอตั้งบริษัทขึ้นใหมก็
ไมสามารถทําไดในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งรูปแบบการรวมมือกันของบริษัท สหกรณดนตรี เลิฟอีส จํากัด
และ บมจ. ทรู คอรปอเรชั่นนี้ถือไดวาเปนรูปแบบการสรางพันธมิตรเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน และ
สรางพันธมิตรเพื่อการประหยัดจากขนาด
1.2 กลยุ ท ธ ก ารปรั บ นโยบายองค ก รของบริ ษั ท เพลงหลั ก เมื่ อ เกิ ด การเปลี่ ย นแปลงใน
อุตสาหกรรมเพลง กรณีศึกษา : บริษัท อารเอส จํากัด (มหาชน) และ บริษัท จีเอ็มเอ็ม
แกรมมี่ จํากัด (มหาชน)
บริษัท อารเอส จํากัด (มหาชน) และบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จํากัด (มหาชน) เปนคาย
เพลงกระแสหลัก 2 คาย ที่มีอิทธิพลสูงสุดในตลาดเพลงกระแสหลักของประเทศไทย เปนกรณีศึกษาที่
นาสนใจยิ่ง เนื่องจากบริษัททั้ง 2 มีกระบวนการตอบสนองตอสถานการณความเปลี่ยนแปลงที่เกิด
ขึ้นกับอุตสาหกรรมเพลงแตกตางกัน และมีผลลัพทที่แตกตางเชนกัน
2. ธุรกิจสื่อ แบงออกเปน
- สื่อโทรทัศน
- รายไดจากการขายโฆษณาในชวงเวลาออกอากาศรายการโทรทัศนของ
บริษัท ประกอบดวยรายการประเภทที่ไมใชรายการเพลง (Non-MV) ไดแก ละคร รายการ
ปกิณกะ (Variety Show) และรายการเด็ก จํานวน 4 รายการ และรายการเพลงจํานวน
21 รายการ
- รายไดจากการรับจางผลิต
- สื่อวิทยุ
บริษัท สกาย-ไฮ เน็ตเวิรค จํากัด เปนบริษัทในเครือ บริษัท อารเอส จํากัด
(มหาชน) ดําเนินการผลิตรายการวิทยุเพื่อธุรกิจสถานีวิทยุจํานวน 4 สถานี โดย
คลื่นความถี่ 93 เม็กกะเฮิรส สถานีวิทยุทหารเรือ เปนสถานีที่ บริษัท อารเอส จํากัด
(มหาชน) เขาประมูลและไดรับสัมปทานในป พ.ศ. 2546 ตามนโยบายการขยาย
เครือขาย
105
- สื่อสิ่งพิมพ
เปนธุรกิจใหมที่เริ่มขึ้นในป พ.ศ. 2546 ผลิตนิตยสารผูหญิง “ฟรอนต” และ
ผลิตและจําหนายพอคเก็ตบุค
3.ธุรกิจภาพยนตร
เปนธุรกิจที่ไมทํารายไดมากนัก ในป พ.ศ. 2546 บมจ.อารเอส มีภาพยนตรออก
ฉาย 7 เรื่อง และผลิตภาพยนตรเพื่อฉายในป พ.ศ. 2547 รวม 7 เรื่อง
ตารางที่ 4.1
โครงสรางรายได บริษัท อารเอส จํากัด (มหาชน)
ป พ.ศ. 2546 – 2549
“เลิกพูดถึงเรื่องซีดี เลิกพูดเรื่องจํานวนเพลงจํานวนอัลบั้มที่ออกสูตลาด
โฟกัสของธุรกิจอารเอสในวันนี้ มุงการเปนผูผลิตและจัดจําหนายคอนเทนทบันเทิง
และกีฬาผานทุกชองทางที่ตอนนี้เปดใหซื้อขายได บนพื้นฐานของการคอนเวอร
เจนซคอนเทนททุกอยางที่มีในมือ เพื่อตอยอดสูรายไดจากชองทางอื่นๆ” (สุรชัย
เชษฐโชติศักดิ์, 2550)
รูปที่ 4.1
ภาพแสดงโครงสรางการบริหารจัดการ บริษัท อารเอส จํากัด (มหาชน)
หลังการปรับโครงสรางทางธุรกิจ
ที่มา : www.rs.co.th
109
รูปที่ 4.2
กราฟแสดงสัดสวนรายได บริษัท อารเอส จํากัด (มหาชน)
•เนื้อหาเพลง
•ทีวี •เนื้อหาดิจิตอล
•วิทยุ •ภาพยนตร
•สื่อสิ่งพิมพ •การจัดการแสดง
•สื่อในโมเดิรนเทรด •กีฬา
รวมรอยละ 40 รวมรอยละ 60
สื่อ
เนื้อหา
รูปที่ 4.3
กราฟแสดงโครงสรางรายได บริษัท อารเอส จํากัด (มหาชน)
โครงสรางรายได
450
13
400 33
47 18
350 26
42
10 49 34
300
31 7 58 39 19
31 34 37
250 45 อื่นๆ
54 48 58
52 58 ลิขสิทธิ์
200 69
59 53 43 52 นิวมีเดีย
150
261 คอนเสิรต
207 เทป ซีดี วีซีดี
100 162
151 149 146 140
50
0
1 2 3 4 1 2 3
2548 2549
รูปที่ 4.4
กราฟแสดงผลประกอบการงวด 9 เดือน ป พ.ศ.2550 ของ บริษทั อารเอส จํากัด (มหาชน)
สิ่งพิมพ, 5
วิทยุ, 16 ผลิตภัณฑเพลงและลิขสิทธิ์, 28
ทีวี, 7
ดิจิตอล, 8
ภาพยนตร, 14
กิจกรรมการแสดง, 21
ตารางที่ 4.2
รายไดรวมประจําป 2550 -2551 ของ บริษัท อารเอส จํากัด (มหาชน)
2550 2551
ประเภทรายได จํานวน สัดสวน จํานวน สัดสวน
(ลานบาท) (%) (ลานบาท) (%)
กลุมธุรกิจเพลง 699.2 28 460.6 19
กลุมธุรกิจดิจติ อล 209.1 8 297.2 13
กลุมธุรกิจโชวบิซ 540.0 21 51.6 25
กลุมธุรกิจภาพยนตร 296.3 12 118.1 5
กลุมธุรกิจกีฬา - - 214.9 9
กลุมธุรกิจสื่อ 685.2 27 644.6 27
กลุมธุรกิจบริการและสนับสนุน 26.8 1 16.8 1
อื่น ๆ 59.2 2 27.3 1
รวม 2,515.8 100 2,371.4 100
ที่มา : รายงานประจําป บริษัท อารเอส จํากัด (มหาชน) ป พ.ศ. 2550 – 2551
“เรายังใหความสําคัญกับธุรกิจเพลงที่เปนธุรกิจตนน้ําที่นําไปผนึกกําลัง
เชิงกลยุทธกับธุรกิจอื่นเพื่อเสริมความแข็งแกรง โดยจะรุกตลาดสตริงใหมเพื่อเติม
เต็มชองวางทางการตลาดดวยดนตรีในแนวร็อคและเพลงฟงงายๆ สบายๆ เอาใจ
114
กลุมผูฟงที่เปนผูใหญมากขึ้น หลังจากประสบผลสําเร็จในการเปดคายเพลงกามิ
กาเซเจาะตลาดวัยรุน และคายเพลงอารสยามเตรียมบุกตลาดเพลงลูกทุงภาคเหนือ
และอี ส านมากขึ้ น พร อ มตอกย้ํ า ความเป น ผู นํ า ตลาดเพลงลู ก ทุ ง ภาคใต อ ย า ง
ตอเนื่อง” (สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์, 2551)
ตารางที่ 4.3
ผลประกอบการป พ.ศ. 2548 – 2551 ของ บริษัท อารเอส จํากัด (มหาชน)
การปรับองคกรใหเปนผูใหบริการดานเนื้อหาบันเทิงนาจะเปนรูปแบบธุรกิจที่เปนกลยุทธ
ที่เหมาะสมในการแกไขปญหาพฤติกรรมผูบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามพัฒนาการของเทคโนโลยี
เนื่องจากเปนรูปแบบธุรกิจที่ใหผลตอบแทนในรูปแบบของกําไรไดดีกวาการทําธุรกิจคายเพลงที่ผานมา
เพราะไมตองใชบุคลากรจํานวนมาก ไมตองมีคลังสินคาเพื่อเก็บวัตถุดิบและสินคาคงคลัง นอกจากนี้
ยังมีการกระจายรายไดมาสูธุรกิจอื่น เชน ธุรกิจกีฬา แตผลประกอบการที่ยังไมดีขึ้นมากนัก อาจมี
สาเหตุมาจากปจจัยดานเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบกับภาวะเงินเฟอทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีบริบท
ทางสังคมที่สงผลโดยตรงตออุตสาหกรรมบันเทิงคือ การเสด็จสูสวรรคาลัยของสมเด็จพระเจาพี่นางเธอ
เจ าฟ ากั ลยาณิ วัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร ในวัน ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2551 โดยทาง
ราชการขอความรวมมืองดจัดงานรื่นเริงทุกประเภทเปนระยะเวลา 100 วัน และบริบททางการเมืองที่
สงผลตอเศรษฐกิจของประเทศคือเหตุการณความไมแนนอนทางการเมืองจนกระทั่งเกิดการชุมนุม
ประทวงตั้งแตเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 รวมทั้งบริบททางเศรษฐกิจระดับมหภาคคือราคาน้ํามันที่
116
สู ง ขึ้ น อย า งต อ เนื่ อ ง และป ญ หาหนี้ เ สี ย จากธุ ร กิ จ อสั ง หาริ ม ทรั พ ย (Supprime) ของประเทศ
สหรัฐอเมริกาที่สงผลตอเศรษฐกิจทั่วโลก เหลานี้ลวนเปนปจจัยหลักที่สงผลตอการประกอบธุรกิจของ
บริษัท
ถึ ง แม ว า บริ ษั ท อาร เ อส จํ า กั ด (มหาชน) ได ป ระมาณการว า ป พ.ศ. 2551 จะเป น
ชวงเวลาเก็บเกี่ยวผลประโยชนจากการปรับตัวของบริษัทในชวงเวลา 3-4 ปที่ผานมา โดยคาดวา
ผลงานจะมีเสถียรภาพในไตรมาสแรก แตบริษัทตองเผชิญกับสถานการณที่ไมคาดคิดมากอน รวมทั้ง
การกําหนดนโยบายของบริษัท จากการพิจารณาภาพรวมของอุตสาหกรรมเพลงเพียงดานเดียวโดย
มิไดพิจารณาถึงสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศและของโลก สงผลใหการปรับเปลี่ยนกลยุทธ
การบริหารงานจากธุรกิจคายเพลงที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญมาสูธุรกิจบันเทิงที่เนนดานจัดการแสดง
ไมประสบความสําเร็จตามที่คาดการณไว นอกจากนี้ผลประกอบการของธุรกิจใหมที่บริษัท ไดตั้งขึ้น
หลังการปรับโครงสรางการดําเนินงานนั้นก็ยังไมดีเทาที่ควร
ตารางที่ 4.4
ตารางแสดงกําไรสุทธิป พ.ศ. 2546 – 2551 ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จํากัด (มหาชน)
ตารางที่ 4.5
รายไดของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จํากัด (มหาชน) ชวงป พ.ศ. 2548 - 2551
3. การบริหารความเสี่ยง แบงออกเปนการเสริมกําไรและการลดความผันผวนของกําไร
ทั้งนี้ สิริชัย ตันติพงศอนันต รองกรรมการผูอํานวยการสายบัญชีการเงิน กลาววา “บริษัทไดเริ่มทําการ
ควบคุมตนทุนการผลิตใหเหมาะสม ดวยการลดตนทุนของมาสเตอรเอ็กซเรยลงประมาณ 150 ลาน
บาท พรอมทั้งลดงบประมาณการโฆษณาประชาสัมพันธลงดวย ซึ่งสามารถชวยลดตนทุนลงไดอีกไม
ต่ํากวา 50 ลานบาท”
“เราเชื่ อ วา คลั ง คอนเทนท ข องแกรมมี่ ทํ า เงิ น ได จ ริง เพราะสิ่ ง ที่ เ ราผลิ ตขึ้ น มามี
คุณภาพเปนตัวนํา คอนเทนทไหนที่หาไมไดในตลาดแลวก็จะหามาทําใหมใหได
ดังนั้น สินคาเราจึงตองเรียกวาตํานานที่ผานไปกี่ปก็ยังดี ยังเพราะอยู ไมไดเปนแค
การออกสินคาตามกระแสแฟชั่นเทานั้น ...แกรมมี่จะยังคงเปนบริษัทที่ทําธุรกิจ
เพลงเปนหลัก โดยปนี้จํานวนอัลบั้มที่จะออกสูตลาดแมจะไมไดเพิ่มขึ้นจากปกอน
คื อ ประมาณ 200 อั ล บั้ ม แต ด ว ยแผนที่ รั ด กุ ม ขึ้ น จึ ง เชื่ อ ว า จะเติ บ โตได โดย
เปา หมายรายไดข องป 2550 ตั้ง ไวที่ 6,500 ลา นบาท” (ไพบูลย ดํา รงชัยธรรม
,2550)
121
เพื่อตอบสนองรูปแบบการดําเนินชีวิตและความตองการของผูบริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยางรวดเร็ว ทั้ง
สามปจจัยดังกลาวสงผลใหรายไดจากการขายผลิตภัณฑบันทึกเสียงและจากลิขสิทธิ์เพลงใกลเคียงกับ
ป พ.ศ. 2549 ในขณะที่รายไดจากธุรกิจดิจิตอล ธุรกิจบริหารศิลปนและธุรกิจโชวบิซเพิ่มมากขึ้นและมี
กําไรสูงขึ้นดวย เพราะตนทุนการดําเนินงานของธุรกิจเหลานี้ต่ํากวาธุรกิจหลัก
รายไดรองลงมา คือ รายไดที่มาจากธุรกิจสื่อ มีมูลคาเทากับ 533 ลานบาท หรือเพิ่มขึ้น
รอยละ 22 เมื่อเทียบกับปที่ผานมา โดยธุรกิจโทรทัศนและธุรกิจจัดกิจกรรมการตลาดเปนธุรกิจหลักที่
ทํารายไดสูงสุด ทั้งนี้รายไดจากธุรกิจโทรทัศนมาจากละครจบในตอนที่ไดรับความนิยมตอเนื่อง ละคร
หลังขาว รายการวาไรตี้ และเกมสโชว ที่เน นผูบริโ ภคกลุมวัยรุน สวนรายไดของธุรกิจจัดกิจกรรม
การตลาดเพิ่มขึ้นตามปจจัยภายในประเทศที่ดีขึ้น
รายไดจากธุรกิจภาพยนตร มีมูลคาเทากับ 141 ลานบาท หรือเพิ่มขึ้นรอยละ 54 จากปที่
ผานมา โดยเปนรายไดที่มาจากภาพยนตร 5 เรื่อง สงผลใหรายไดเฉลี่ยตอเรื่องสูงเปนอันดับ 2 ของ
ภาพยนตรไทยที่เขาฉายทั้งหมดตลอดป
ในป พ.ศ. 2551 บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จํากัด (มหาชน) ตั้งเปาหมายวาจะมีรายไดรวม
ทั้งหมดเทากับ 8 พันลานบาท หรือเพิ่มขึ้นรอยละ 7 จากป พ.ศ. 2550 โดยรายไดหลักประมาณ 4
พันลานบาท จะมาจากธุรกิจเพลง และคาดวาอัตรากําไรของบริษัทจะเพิ่มขึ้นรอยละ 50 จากป พ.ศ.
2550
ไพบูลยกลาวอีกวา แนวโนมรายไดจากเพลงในรูปแบบดิจิตอล (Digital Music) ของโลก
จะมาจากการเปนเครื่องมือสนับสนุนกลยุทธทางการตลาดของพันธมิตร ดวยการสรางสรรเนื้อหาแบบ
พิเศษ และเนนสิ่งที่ไมสามารถซื้อไดดวยเงิน จะเห็นวาธุรกิจสื่อสารและธนาคารในประเทศไทยกําลัง
นิยมนําเพลงมาเปนเครื่องมือทางการตลาดเชนกัน จึงคาดวาธุรกิจเพลงในรูปแบบดิจิตอลจะมีรายได
หลายรอยลานบาทจากกลยุทธนี้
สําหรับเปาหมายของบริษัทในเครือคือ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จํากัด (มหาชน) คาดวาจะ
มีรายไดเทากับ 3.5 พันลานบาท หรือเพิ่มขึ้นรอยละ 8 จากป พ.ศ.2550 และมีกําไรสุทธิทรงตัวอยูที่
496 ลานบาท โดยธุรกิจโทรทัศนยังคงเปนแหลงสรางรายไดหลัก เนื่องจาก บริษัท เอ็กซแซ็กท จํากัด
เปนบริษัทที่มีจุดแข็งดานละครจบในตอน (Situation Comedy) และไดเริ่มตอยอดไปสูละครเวที สวน
บริษัท จีเอ็มเอ็ม ทีวี จํากัด เปนบริษัทที่มีจุดแข็งดานรายการวาไรตี้โทรทัศน ซึ่งจะขยายไปสูละครวัยรุน
ตอไป ในขณะที่ บริษัท ดีทอลค จํากัด เปนผูนําดานรายการเรียลลิตี้ ทอลคโชว และบริษัท อินเด็กส
จํากัด เปนบริษัทที่โดดเดนในการจัดกิจกรรมการตลาด ซึ่งไดเริ่มตอยอดจากงานรับจางผลิตไปสูการ
สรางงานของตัวเองในรูปแบบเทรดแฟร (หนังสือพิมพโพสตทูเดย)
123
“ผมไมรูจะขอบคุณพระเจาอยางไรดี ที่โลกนี้ไดพยายามดีไซนสรางสรรค
สิ่ ง ใหม ๆ ให เ กิ ด ขึ้ น เทคโนโลยี ใ หม ๆ โมบายโฟน โมบายคอนเทนท มิ ว สิ ค
อินเทอรเน็ต แซทเทิลไลท ลวนแตเปนพาหนะที่นําพาสินคาเราไปไดทั่วโลก ตอจาก
นี้เทคโนโลยีคงจะเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ กฏหมายในดานสื่อก็มีแนวโนมเปดกวาง
อยางอิสระ บรอดแบนดขยายตัวอยางมากมาย ทั้งหมดนี้เปนเรื่องของโอกาสที่เรา
จะขยายธุรกิจในเชิงดิจิตอลออกไปไดอีกในอนาคต” (ไพบูลย ดํารงชัยธรรม, 2551)
1.2.1 วิสัยทัศนในการขยายธุรกิจขององคกร
จากการปรับกลยุทธทางการตลาดของคายเพลงกระแสหลักของประเทศไทยหลังการเกิด
การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม จะเห็นไดวากลุมบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ใชวิธีการขยายธุรกิจใน
แนวดิ่ง ในขณะที่ บมจ.อารเอส ใชวิธีการขยายธุรกิจในแนวกวาง โดยกลุมบริษัท จีเอ็มเอ็ม ยังคง
ดําเนินธุรกิจเพลงเปนธุรกิจหลัก แตขยายชองทางการสรางรายไดใหหลากหลายยิ่งขึ้น โดยแยกธุรกิจ
หลักออกเปน 2 ประเภท คือ
(1) บมจ. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ประกอบธุรกิจเพลง ซึ่งสามารถขยายชองทางการสรางรายได
ออกเปน รายไดจากการจําหนายผลิตภัณฑบันทึกเสียง รายไดจากการบริหารศิลปน รายไดจากการจัด
กิจกรรมและคอนเสิรต และรายไดจากชองทางดิจิตอล เปนตน
(2) บมจ. จีเอ็มเอ็ม มีเดีย ประกอบธุรกิจสื่อ สามารถขยายชองทางการสรางรายได
ออกเปน สื่อโทรทัศน สื่อวิทยุ สื่อภาพยนตร และสื่อสิ่งพิมพ เปนตน
ทั้งสองธุรกิจตางเกี่ยวพันและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และใชวัตถุดิบหลัก อันไดแก เพลง
ศิลปน และชองทางสื่อ รวมกัน สิ่งเหลานี้เปนตนทุนที่มีมูลคาสูง เมื่อนํามาตอยอดสรางชองทางการ
สรางรายไดใหมจึงเกิดกําไรเพิ่มขึ้นโดยเกือบจะไมตองลงทุนเพิ่ม แมยอดจําหนายจะเพิ่มขึ้นไมมากแต
มีกําไรเพิ่มขึ้น
ในขณะที่การขยายธุรกิจของ บมจ. อารเอส คือการเริ่มตนธุรกิจใหมซึ่งบริษัทกลาววาเปน
การกระจายความเสี่ยง แตตองประสบกับปญหาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง กลาวไดวา บมจ. อาร
เอส ลงทุนสูงในภาวะที่ไมเหมาะสม การฟนตัวในฐานะทางการเงินของบริษัทจึงเปนเรื่องยาก
1.2.2. วิสัยทัศนในการผลิตเนื้อหาอันเปนสินคาหลักของธุรกิจ
สาเหตุที่กลุม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่มีนโยบายที่จะคงอยูในธุรกิจเพลงเปนธุรกิจหลัก
ตอไป เนื่องจากบริษัทมองวาในปจจุบันเทคโนโลยีเปนสิ่งที่ทุกบริษัทสามารถใชเงินซื้อได แตสิ่งที่
สําคัญที่สุดและกําลังขาดแคลนในอุตสาหกรรมบันเทิงในปจจุบันคือเนื้อหา (Content) ซึ่งกลุม
บริษัท จีเอ็มเอ็ม เห็นวา เนื้อหาของบริษัททั้งงานเพลงและตัวศิลปนเปนเนื้อหาที่มีคุณภาพและมี
ปริมาณมากกวาบริษัทอื่น ๆ
หากมองยอนกลับไปในยุคเริ่มตนของอุตสาหกรรมเพลง บริษัทที่ผลิตผลงานเพลงอยาง
เปนระบบบริษัทแรกๆ คือ บริษัท นิธิทัศน โปรโมชั่น จํากัด ซึ่งมีศิลปนที่ประสบความสําเร็จอยางสูง คือ
126
คุณภาพออกมาอยูตลอดเวลา เชน นิโคล เทริโอ ปนัดดา เรืองวุฒิ คริสตินา อากิเรลา มาลีวัลย เจมีนา
วิยะดา โกมารกุล ณ นคร สุนิตา ลีติกุล เปนตน
ดังนั้นในชวงเวลาปจจุบัน การทําการตลาดในอุตสาหกรรมเพลงจะตองใชวิธีการขาย
เพลงในรูปแบบดิจิตอล และการขายการแสดงสด กลุมบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จึงยังคงมีเพลงที่มี
คุณภาพอยูในคลังเพลง และมีนักรองที่มีคุณภาพที่สามารถจัดการแสดงคอนเสิรตได ในขณะที่ บมจ.
อารเอส ยังคงตองสรางศิลปนใหมตามกระแสอยูตอไป
1.2.3. วิสัยทัศนในการบริหารจัดการศิลปน
กลุมบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มีวิสัยทัศนในการทําการตลาดดวยวิธีการยืดอายุวงจร
ผลิตภัณฑ (Product Life Cycle) ตัวอยางที่เห็นไดชัดเจนคือ ธงไชย แมคอินไตย ซึ่งสามารถกลาวได
วาเปนซูเปอรสตารเพียงคนเดียวของประเทศไทย เพราะนับตั้งแตผลิตและจัดจําหนายผลงานชุดแรก
“หาดทราย สายลม สองเรา” ในป พ.ศ. 2529 แลว ก็มีผลงานที่ประสบความสําเร็จออกมาอยาง
ตอเนื่องเปนจํานวนทั้งสิ้น 16 ชุด และผลงานชุดพิเศษ 15 ชุด โดยผลงานชุด “ชุดรับแขก” สามารถ
จําหนายไดถึง 3 ลานมวน โดยเฉพาะการจัดแสดงคอนเสิรตครั้งใหญ “แบบ เบิรด เบิรด โชว” ที่จัดขึ้น
ครั้งแรกในป พ.ศ. 2529 และจัดตอเนื่องอีก 8 ครั้ง รวมจํานวนรอบทั้งสิ้น 129 รอบ และคอนเสิรตอื่นๆ
อีกมากกวา 100 รอบ และเมื่อความนิยมเริ่มลดลงบริษัทก็มีกลยุทธในการใหศิลปนที่มีชื่อเสียงใน
ขณะนั้นซึ่งมีแนวทางการรอง การแสดง และแนวเพลงที่แตกตางจากแนวเพลงปอปของธงไชยอยาง
สิ้นเชิง เชน ศิลปนลูกทุง จินตรา พูนลาภ ศิลปนร็อค เสกสรร สุขพิมาย วงดนตรีโลโซ มารวมเปนศิลปน
รับเชิญ ซึ่งเหมือนกับวาธงไชยซึ่งเปนซูเปอรสตารใหเกียรติเชิญศิลปนรุนหลัง แตในความเปนจริงแลว
บริษัทไดใชศิลปนเหลานี้ใหเปนผูดึงยอดจําหนายผลิตภัณฑบันทึกเสียงใหกับธงไชยนั่นเอง
กลุมศิลปนที่บริษัทไดวางตําแหนงใหเปนซูเปอรสตาร เชน ธงไชย แมคอินไตย คริสตินา
อากิเ รลา มาชา วัฒนพาณิ ช จะไมปรากฏตัวในที่สาธารณะในชวงเวลาที่ไมมีการประชาสัมพัน ธ
ผลงานชุดใหม และไมไดรับอนุญาตใหออกรายการโทรทัศนใดๆ เพื่อสรางภาพลักษณความเปนซูเปอร
สตารใหกับศิลปน
นอกจากนี้ยังมีการรวมกลุมศิลปน เชน จัดจําหนายผลงานรวมผลงานที่ไดรับความนิยม
ไปจนกระทั่งการรวมผลงานและจัดแสดงคอนเสิรต และแสดงผลงานของนักแตงเพลงที่มีชื่อเสียง เชน
สีฟา นิติพงษ หอนาค เปนตน โดยใหศิลปนหลากหลายมาขับรอง รวมไปถึงการรวมกลุมศิลปนเพื่อการ
จัดการแสดงคอนเสิรต เชน “กลุมดีวา” (Diva; ศิลปนหญิงที่มีความสามารถในการรองเพลงอันโดด
เดน) เชน เสาวลักษณ ลีละบุตร ฐิติมา สุตะสุนทร นันทิดา แกวบัวสาย เปนตน โดยกลุมนี้สามารถจัด
128
แสดงคอนเสิรตไดทุกปเปนระยะเวลายาวนานเชนกัน
จากนโยบายการบริหารจัดการศิลปนที่ไดดําเนินการมาเปนระยะเวลายาวนาน แมบริษัท
จะไมไดคาดหมายถึงวิกฤตการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยที่เกิดขึ้นในขณะนี้ แตเมื่อเกิดวิกฤตการณขึ้น
คุณคาของศิลปนที่ไดสั่งสมเอาไวเปนระยะเวลายาวนานจึงสงผลใหกลุมบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่
สามารถเปลี่ยนวิกฤตใหเปนโอกาส โดยบริษัทมีวิสัยทัศนวา เทคโนโลยีเปนสิ่งที่ทุกบริษัทสามารถใช
เงินซื้อได แตเนื้อหาที่มีคุณภาพกลับเปนสิ่งที่หายาก บริษัทจึงมีนโยบายดําเนินธุรกิจเพลงตอไป โดย
ขยายชองทางการประชาสัมพันธและการจัดจําหนายใหสอดคลองกับภาวะการณที่เปลี่ยนไป และไม
ขยายธุรกิจไปสูธุรกิจประเภทอื่น ซึ่งนโยบายนี้ทําใหกลุมบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ สามารถกลับมามีผล
ประกอบการเปนที่นาพอใจในป พ.ศ. 2550 และ ป พ.ศ. 2551
1.2.4. วิสัยทัศนในการวางตําแหนงผลิตภัณฑในตลาด
บริษัททั้งสองมีการวางตําแหนง (Positioning) ในตลาดอยางชัดเจน คือ กลุมบริษัท
จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เปนตลาดระดับกลางคอนขางสูง และระยะหลังเริ่มมีภาพลักษณที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะเมื่อกอตั้งบริษัทในเครือเอ็กแซ็กทเพื่อผลิตละครและละครสั้นจบในตอน โดยมี ถกลเกียรติ
วีรวรรณ เปนกรรมการผูจัดการ ซึ่งถกลเกียรติเองมีภาพลักษณเปนบุคคลในวงสังคมชั้นสูงและจบ
การศึกษาทางดานการละครโดยตรงจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา เมื่อผลิตละครก็
มักจะใชนักแสดงจากวงสังคมชั้นสูง มีการศึกษาและมีภาพลักษณที่ดี ในปจจุบันบริษัทเอ็กแซ็กทได
ขยายธุรกิจไปสูการผลิตละครเวทีซึ่งนับเปนงานศิลปะชั้นสูง และเมื่อ สุทธาสินี พุทธินันท (ลูกสาว
เรวัตร พุทธินันท ผูรวมกอตั้งบริษัท) เขามารวมงานจึงเปนการย้ําภาพลักษณใหชัดเจนยิ่งขึ้น แมกระทั่ง
ศิลปนลูกทุงก็ยังไดรับการกําหนดภาพลักษณที่ชัดเจนเชนกัน
ในขณะที่ บมจ. อารเอส วางตําแหนงเปนสินคาสําหรับผูบริโภคกลุมลางและกลุม
ตางจังหวัด ซึ่งในชวงเวลารุงเรืองของอุตสาหกรรมผูบริโภคกลุมนี้เปนกลุมที่บริโภคสินคางาย ไม
จําเปนตองผลิตสินคาที่มีคุณภาพมากนัก เนื่องจากผลิตภัณฑบันทึกเสียงเปนความบันเทิงราคาถูก
สําหรับกลุมผูบริโภคที่มีรายไดนอย
สว นรูป แบบการบริ ห ารจั ด การองค ก รนั้ น กลุ ม บริษั ท จีเ อ็ม เอ็ ม แกรมมี่ ใช ร ะบบการ
บริหารแบบมืออาชีพ ผูบริหารทั้งหมดจบการศึกษาดานนิเทศศาสตรจากสถาบันชั้นนําของประเทศไทย
มีการบริหารจัดการองคกรอยางเปนระบบ สวน บมจ. อารเอส ใชรูปแบบการบริหารจัดการระบบ
ครอบครัวโดยอํานาจการตัดสินใจทั้งหมดอยูที่ เกรียงไกร และ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ การปรับเปลี่ยน
นโยบายองคกรจึงสามารถทําไดรวดเร็วกวา ดังจะเห็นไดจากในชวงเวลาที่อุตสาหกรรมเพลงรุงเรือง
129
เลิฟอีส บมจ. อารเอส และ บมจ. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ในป พ.ศ. 2550 จะเห็นไดวาทุกบริษัทลวนยกเลิก
นโยบายการตอตานการบริโภคสินคาละเมิดลิขสิทธิ์ดังกลาว ในทางกลับกัน ทุกบริษัทตางมีนโยบายใน
การสงเสริมระบบการดาวนโหลด และจัดสรรใหเปนไปอยางสะดวกและไดผลงานที่มีคุณภาพสูงมาก
ยิ่งขึ้น โดยมีคาใชจายที่ต่ําลงเนื่องจากตนทุนการผลิตที่ต่ําลงเชนกัน จึงสามารถสรุปภาพรวมของ
บริษัทเพลงในการปรับกระบวนทัศนเพื่อใหเหมาะสมกับพฤติกรรมผูบริโภคที่เปลี่ยนไป ดังนี้
1. ยกเลิกการผลิตผลงานเพื่อสนองความตองการของคนสวนใหญ (Mass Production)
เปลี่ยนเปนการผลิตรูปแบบที่สามารถปรับเปลี่ยนสินคาเพื่อสนองความตองการของผูบริโภคแตละกลุม
(Mass Customization)
2. ยกเลิกการทําประชาสัมพันธโดยใชสื่อกระแสหลัก (Mass Media) เปลี่ยนเปนทําการ
ประชาสั ม พั น ธ แ บบเจาะจงกลุ ม เป า หมาย โดยเฉพาะการสร า งสั ง คมผู บ ริ โ ภคเฉพาะกลุ ม
(Community)
3. ยกเลิ ก ทํ า การประชาสั ม พั น ธ โ ดยมุ ง เน น ไปที่ ก ารสร า งฐานลู ก ค า ใหม แต ต อ งให
ความสําคัญกับฐานลูกคาเดิมดวย ดวยการใชกลยุทธการสรางความสัมพันธกับลูกคา (Customer
Relationship Management)
4. ยกเลิกคาดหวังรายไดจากยอดจําหนายเทป โดยใชเนื้อหาที่มีอยูแลวและที่ผลิตขึ้น
ใหมใหเกิดประโยชนสูงสุด ดวยการใชนโยบายผสานธุรกิจ (Convergence)
5. ยกเลิกตอตานการดาวนโหลด แตเปนผูใหบริการดาวนโหลดเอง
6. ใชกลยุทธพันธมิตรทางธุรกิจ โดยเฉพาะการรวมมือกับผูใหบริการโทรศัพทเคลื่อนที่
7. สรางชองทางการสื่อสารกับผูบริโภคทางอินเทอรเน็ต
8. ผลิตและจําหนายสินคาที่มีคุณภาพดี ราคาเหมาะสม ใชงานงาย เสาะหาไดอยาง
สะดวก และเลือกไดตามความตองการเฉพาะตัว
1.3 กลยุทธการสรางบริษัทของผูเขามาใหมในขณะที่อุตสาหกรรมเพลงเกิดการเปลี่ยนแปลง
กรณีศึกษา บริษัท ทรู คอรปอเรชั่น จํากัด (มหาชน)
พ.ศ. 2544 โดยใชตราสินคา (Cooperate Brand) คือ ทีเอ ออรเรนจ (TA Orange) แตเนื่องจากใน
ขณะนั้นในธุรกิจใหบริการเครือขายโทรศัพทเคลื่อนที่มีผูใหบริการรายใหญอยูแลวถึง 2 บริษัท คือ
บมจ. ชิน คอรปอเรชั่น ใหบริการโดยใชชื่อ เอไอเอส (AIS) และ บมจ. โทเทิล แอสเซส คอมมูนิเคชั่น
ใหบริการโดยใชชื่อ ดีแทค (DTAC) ทําใหไมสามารถขยายตลาดไดมากนัก สงผลให บริษัท ฟรานซ
เทเลคอม จํากัด ขายหุนคืนใหกับบริษัท เทเลคอมเอเชีย จํากัด ในป พ.ศ. 2547 ในราคาเพียงหุนละ 1
บาท และอนุญาตให บริษัท เทเลคอมเอเชีย จํากัด ใชตราสินคา ออรเรนจ ตอไปไดอีกเปนเวลา 3 ป
หลังจากนั้น บริษัท เทเลคอมเอเชีย จํากัด ไดเปลี่ยนชื่อเปนบริษัท ทรู คอรปอเรชั่น จํากัด
และไดตัดสินใจเปลี่ยนตราสินคาเปน ทรูมูฟ (True Move) ในเดือนกุมภาพันธ พ.ศ. 2549 กอน
กําหนดเวลากวา 1 ป เพื่อใหการพัฒนาตราสินคาเปนไปอยางสะดวกและชัดเจนมากยิ่งขึ้น (ธันยวัชร
ไชยตระกูลชัย, อาทิตย โกวิทวรางกูร, 2549)
ตารางที่ 4.6
ตารางแสดงผลประกอบการบริษัท ทรู คอรปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) ป พ.ศ. 2545-2551
ที่มา : ตลาดหลักทรัพยแหงประเทศไทย
133
ตารางที่ 4.7
ตารางแสดงสวนแบงการตลาดในธุรกิจโทรศัพทเคลื่อนที่ทกุ ระบบ
ที่มา : บริษัทหลักทรัพยนครหลวงไทย
“การนําเสนอนวัตกรรมและระบบสื่อสารแบบไรสาย เพื่อใหผูคนสามารถ
ติดตอสื่อสารถึงกันและกัน ตลอดจนเขาถึงความรู ขอมูล และสาระบันเทิง ทุกที่ ทุก
134
ในช ว งเวลาที่ บมจ. ทรู คอร ป อเรชั่ น ซื้ อ กิ จ การของ บริ ษั ท ยู ไ นเต็ ด บรอดคาสติ้ ง
คอรปอเรชั่น จํากัด (มหาชน)นั้น ยูบีซี เคเบิ้ล ทีวี ไดซื้อลิขสิทธิ์รายการรูปแบบรายการ ลา อะคาเดเมีย
(La Academia) จากบริษัทในประเทศเม็กซิโก และไดนํามาผลิตเปนรายการ ยูบีซี อะคาเดมี
แฟนเทเชีย โดยออกอากาศไปแลว 2 ฤดูกาล สรางผลประกอบการใหกับบริษัทและสรางการรับรูสู
ผูบริโภคสูงเกินความคาดหมาย (องอาจ ประภากมล, 2548) บมจ.ทรู คอรปอเรชั่น จึงใชรายการ
ดังกลาวเปนฐานการผลิตเนื้อหาหลัก รวมถึงใชระบบการโหวตใหคะแนนผูเขาแขงขันเปนฐานดึงให
ผูบริโภคทดลองใชเครือขายโทรศัพทเคลื่อนที่ระบบของทรู หลังจากจบการแขงขัน ผูเขาแขงขันได
ผลิตผลงานเพลง ซึ่งนอกจากมีการประชาสัมพันธและจัดจําหนายดวยวิธีการทางการตลาดแบบเดิม
แลว ยังมีการใชนวัตกรรมในการประชาสัมพันธและจัดจําหนายทางอื่นดวย เชน สงเสริมการขายทาง
ทรู วิชั่นส ใหบริการ ทีวี ออน ดีมานด ทางเว็บไซต เพื่อใหผูบริโภคดาวนโหลดเพลง มิวสิกวิดีโอ และ
135
4. ทรู ไลฟ (True Life) สังคมออนไลน (Online Community) เพลง ภาพยนตร และกีฬา
5. ทรู วิชั่นส (True Visions) ใหบริการและผลิตรายการทางเคเบิ้ลโทรทัศน
ตารางที่ 4.8
ตารางแสดงจํานวนการใหคะแนนผูเขาแขงขันในรายการทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ฤดูกาลที่ 1-5
- แนวคิดเรื่องการสรางชุมชนเครือขาย
ในป จจุ บั น นั ก การตลาดไม ส ามารถมองผู บริ โ ภคเปน ป จ เจกบุ ค คลได เพราะสื่อ ใหม
โดยเฉพาะอินเทอรเน็ตไดสรางผูบริโภคใหกลายเปนชุมชนเครือขายตามที่มารค ชิลเลอร อธิบายวา
ชุมชนเครือขายมีสังคมของตนเอง มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตราสินค า และมีผูเ ชี่ยวชาญ
เกี่ยวกับผลิตภัณฑเปนของตนเองที่ใหความใสใจตอการสนับสนุนที่ผลิตภัณฑหรือตราสินคามอบใหแก
คุณคาทางวัฒนธรรมของพวกเขาอยูเสมอ ดวยเหตุนี้ผูนําชุมชนจึงมักสงเสริมผลิตภัณฑและตราสินคา
ดวยเหตุผลที่มีความสัมพันธกับคุณคาทางสังคม มากกวาคุณประโยชนที่พวกเขาไดรับการสื่อสารมา
อยางชัดเจนจากสวนประกอบตางๆของผลิตภัณฑ สภาพแวดลอมดังกลาว ทําใหการติดตอสื่อสารไป
ยังชุมชนประเภทนี้ ตองแตกตางจากการติดตอสื่อสารอยางกวางขวางผานทางสื่อมวลชน
บมจ. ทรู คอรปอเรชั่น มีวิสัยทัศนในการสรางผูบริโภคใหเปนชุมชนเครือขายเพราะจะมี
ความยั่งยืนและภักดีสูงกวา ดวยการสรางกิจกรรมปฏิสัมพันธใหเกิดขึ้นระหวางผลิตภัณฑและผูบริโภค
ซึ่งมีเครื่องมือที่สําคัญ 2 สิ่งคือ สื่อ (Media) โดยการหลอมรวมเทคโนโลยีที่มีใหเกิดการสื่อสารทาง
ชองทางตางๆ อยางสัมพันธและเกื้อกูลกัน และเนื้อหาซึ่งทรูไดสรางทรูมิวสิคและรายการ ทรู อะคาเดมี่
แฟนเทเชีย ใหเปนแหลงเนื้อหาสงผานสื่อปฏิสัมพันธกิจกรรมตางๆ นับเปนการสรางชุมชนเครือขายที่
ใชศักยภาพขององคกรไดอยางมีประสิทธิภาพ
148
รูปที่ 4.5
แผนภาพแนวคิดในการสรางชุมชนเครือขายของ บมจ.ทรู คอรปอเรชั่น
เนื้อหา สื่อ
(Content) ( Media)
กิจกรรม
( Activities)
ชุมชนเครือขาย = ผูบริโภค
(Community) (Consumer)
- แนวคิดเรื่องพันธมิตรทางธุรกิจ
งานวิจัยเรื่อง “การบริหารสื่อวิทยุ-โทรทัศนดวยกลยุทธพันธมิตรทางธุรกิจ” ของ ชลธิศ
แกวประเสริฐสม (2549) กลาววา กลยุทธพันธมิตรทางธุรกิจเปนกลยุทธที่ไดรับความสนใจอยางสูงใน
อุตสาหกรรมสื่อสารมวลชนในป จจุ บั น เนื่อ งจากอุ ตสาหกรรมดังกล า วโดยเฉพาะสื่ อวิทยุและสื่อ
โทรทัศนเปนธุรกิจที่ตองใชตนทุนสูง มีโครงสรางการบริหารงานที่ใหญและซับซอน มีการแขงขันสูง อีก
ทั้งการกอตั้งบริษัทขึ้นใหมก็ไมสามารถทําไดในระยะเวลาอันรวดเร็ว พันธมิตรทางธุรกิจมีรูปแบบตางๆ
คือ การสรางพันธมิตรกับคูแขงขัน การสรางพันธมิตรเพื่อขยายกิจการ การสรางพันธมิตรเพื่อ
แลกเปลี่ยนผลประโยชน การสรางพันธมิตรเพื่อการประหยัดจากขนาด (Economies of Scale) และ
กลยุทธพันธมิตรทางธุรกิจที่ผูกพันระหวางสถานีกับผูผลิตรายการ ซึ่งเปนแนวคิดที่ตรงกันกับการ
บริหารจัดการ บริษัท ทรู แฟนเทเชีย ตามที่คุณกิตติกร เพ็ญโรจน เสนอทัศนะวา บริษัท ทรู แฟนเทเชีย
ไมสามารถเปนคายเพลงเองได เนื่องจากธุรกิจหลักของ บมจ.ทรู คอรปอเรชั่น คือธุรกิจการสื่อสาร จึง
ตองเปนพันธมิตรกับผูผลิตเนื้อหา (Music Provider) ทุกบริษัท ไมสามารถทําธุรกิจบันเทิงเพราะจะทํา
ใหเปนคูแขงขันทางธุรกิจกับบริษัทพันธมิตรของตนเอง และเนื่องจากไมใชธุรกิจหลักความสามารถใน
การแขงขันจึงต่ํากวา
นอกจากนี้จากนโยบายการผลิตผลงานเพลงของศิลปนในสังกัดทรู แฟนเทเชีย ที่บริษัท
ไมไดผลิตเพื่อการสรางรายได แตเปนสวนหนึ่งของการลงทุนประชาสัมพันธและสรางกิจกรรมใหกับ
ศิลปนนั้นๆ การลงทุนในการผลิตผลงานจึงใชวิธีการวาจางบุคคลภายนอก (Out-Source) ทั้งสิ้น เพื่อ
ลดคาใชจายในการจางพนักงานประจําและการลงทุนดานเครื่องมือและขนาดของบริษัท บริษัท ทรู
แฟนเทเชีย จึงใชกลยุทธพันธมิตรทางธุรกิจนับตั้งแตขั้นตอนการผลิตรายการ ทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย
การผลิตผลงานใหกับศิลปน ไปจนกระทั่งการประชาสัมพันธและการสรางกิจกรรมใหกับแฟนคลับ ซึ่ง
รวมไปถึงภาพใหญของ บมจ.ทรู คอรปอเรชั่น ที่ใชแนวคิดพันธมิตรทางธุรกิจในองคกรรวม เชน การ
เปนพันธมิตรกับ บริษัท สหกรณดนตรี เลิฟอีส จํากัด เปนตน
- การใหความสําคัญกับเนื้อหา (Content)
บมจ.ทรู คอรปอเรชั่น มีวิสัยทัศนวา เมื่อถึงจุดหนึ่งหากมีทุนทุกองคกรมีความสามารถใน
การเขาถึงเทคโนโลยีไดเทากัน แตเทคโนโลยีทางดานการสื่อสารมีไวเพื่อใหบริการเนื้อหา ดังนั้นในที่สุด
แลวองคกรที่มีเนื้อหาที่จะใหบริการผูบริโภคไดดีกวาจึงเปนองคกรที่จะไดเปรียบในการแขงขัน บมจ.ทรู
จึงมีนโยบายในการสรางเนื้อหาเฉพาะ (Exclusive Content) เพื่อบริการแกลูกคาของบริษัทเทานั้น
150
เชน การเปนพันธมิตรกับ บริษัท สหกรณดนตรี เลิฟอีส จํากัด การผลิตรายการ ทรู อะคาเดมี่ แฟนเท
เชีย เปนตน
แนวคิดเรื่องเนื้อหานี้เปนแนวคิดเดียวกับ กลุมบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ แตตางกันตรงที่
กลุ ม บริ ษั ท จี เ อ็ ม เอ็ ม แกรมมี่ เป น บริ ษั ท ที่ มี อ ายุ ย าวนานมี ก ารสั่ ง สมเนื้ อ หาที่ มี คุ ณ ภาพมาเป น
ระยะเวลาหนึ่ง ในขณะที่ บมจ.ทรู คอร ปอเรชั่น เปน บริษัทใหม จึงมีนโยบายการจัดการเนื้อ หาที่
แตกตางกัน
บมจ. ทรู คอร ป อเรชั่ น ใช ก ลยุ ท ธ ก ารรวบเนื้ อ หา (Content Wrap) ซึ่ ง รายการ ทรู
อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย เปนกรณีตัวอยางของการรวบเนื้อหาของทรูวิชั่นส โดยทําความเขาใจถึงความ
ตองการผูบริโภคแลวจึงนํามาปรับใชกับการผสานสื่อผานทุกเทคโนโลยีและหนวยงานหลายฝายที่
บริษัทมีอยู
แนวคิดการใชเนื้อหาเพื่อการสรางความแตกตางในธุรกิจการสื่อสารโทรคมนาคมของ
บมจ. ทรู คอรปอเรชั่น จึงสอดคลองกับกลยุทธนานน้ําสีครามของ ดับเบิ้ลยู ชาน คิม และ เรเน มัวเบิรก
ซึ่งเปรียบเทียบการทําการตลาดรูปแบบเกาวาเปนนานน้ําสีแดง เพราะมีการกําหนดขอบเขตของ
อุตสาหกรรม และรูปแบบการทําการตลาดไวอยางชัดเจน บริษัทลวนตองการสวนแบงของตลาดใน
อุตสาหกรรมนั้นๆ แตเมื่อพื้นที่ในตลาดมีประชากรหนาแนน ขึ้น โอกาสในการเติบโตและสรางผล
ประกอบการจึงถดถอย อีกทั้งเทคโนโลยีที่เจริญกาวหนาทําใหผลผลิตมีความแตกตางกันนอยลง ใน
ที่สุดผูประกอบการจึงตองใชความแตกตางดานราคามาเปนกลยุทธในการแขงขัน ในทางกลับกัน
นานน้ําสีครามคือพื้นที่ในตลาดที่ยังไมมีการจับจอง เปนการสรางความตองการและโอกาสเติบโตของ
ธุรกิจ
จากสถิติระบุวาประเทศไทยเปนประเทศที่ประชากรใชเวลาในการชมโทรทัศนสูงที่สุด
โดยเฉพาะละครโทรทัศน ซึ่งสามารถวิเคราะหไดวา เรื่องราวเกินจริงในละครจะสามารถกระทบ
ความรูสึกของผูชมชาวไทย
บมจ. ทรู คอรปอเรชั่น จึงใชรายการเรียลลิตี้โชว ซึ่งมีรูปแบบเชนเดียวกับละครโทรทัศน
เปนเครื่องมือหนึ่งในกระบวนการบริหารความสัมพันธกับผูบริโภค เปนกลยุทธการตลาดระยะยาวที่
ไมไดตองการขายสินคาเพียงหนึ่งครั้ง แตเปนการพัฒนาความผูกพันทางอารมณระหวางผูบริโภคกับ
สินคา จากการเปนผูสนับสนุนซื้อสินคา (Supporter) มาเปนผูที่มีความชื่นชมสินคา (Admirer)
จนกระทั่งนําไปสูขั้นตอนการเกิดความลุมหลง (Obsession) ตามกระบวนการดังตอไปนี้
1.) การสรางความสัมพันธทางอารมณดวยการลงคะแนนเสียง (Vote)
ในชวงเริ่มตนประมาณ 3 – 4 สัปดาหแรก การใหผูชมไดลงคะแนนเสียงใหกับผูเขา
แขงขันเปนการสรางระดับอารมณของผูชมใหพุงสูง เนื่องจากการลงคะแนนเสียง
เปน การสรา งภาระกิจใหกั บผูชม แตกต า งจากการเป น เพีย งผูรับชมอยา งที่เ คย
เปนมา
2.) การสรางจุดสัมผัส (Contact Point)
กระบวนการสรางใหรายการ ทรู อะคาเดมี แฟนเทเชีย ใหอยูในชีวิตประจําวันของ
ผูชม โดยการสรางจุดสัมผัสผานสื่อตางๆ โดยเฉพาะการออกอากาศตลอดเวลา ทํา
ใหผูชมตองติดตามตลอดเวลาจนเกิดความรูสึกรวม และผูกพันและยังมีจุดสัมผัสอื่น
ที่อยูรอบตัว เชน การสงขอความสั้น อินเทอรเน็ต โทรศัพทเคลื่อนที่ เปนตน
3.) มี ก ารสร า งแก น ของเรื่ อ งราวให เ ป น การเรี ย น เพื่ อ ให มี ก ารดํ า เนิ น เรื่ อ งและเกิ ด
เรื่องราวระหวางทาง นอกจากผูชมจะคอยเอาใจชวยผูเขาแขงขันใหฝาฟนอุปสรรค
ในดานการเรียน และการแสดงสดในแตละสัปดาหแลว ยังมีการนําเอาชีวิตสวนตัว
เขามาเกี่ยวของ กอใหเกิดอารมณความรูสึกที่เปนสวนตัวตอผูเขาแขงขัน เชน ชอบ
เกลียด หมั่นไส สงสาร เปนตน
4.) เมื่อจบการแขงขัน บริษัท ทรู แฟนเทเชีย จะตองดําเนินการหริหารจัดการศิลปน ทรู
อะคาเดมี แฟนเทเชีย ตอทันที เพื่อรักษาระดับความนิยมในตัวศิลปน เพราะหาก
ทอดเวลาออกไปจะทําใหอารมณผูกพันลดลง
ความสําเร็จในการสงออกอุตสาหกรรมบันเทิงของประเทศสาธารณรัฐเกาหลีเกิดจากการ
ดําเนินนโยบายอยางเปนระบบ และการบูรณาการสินคาและบริการทุกประเภทเขาดวยกันของรัฐบาล
สาธารณรัฐเกาหลี รัฐบาลไดกําหนดใหสินคาบันเทิง เชน ภาพยนตร ละครชุด ดนตรี หนังสือการตูน
เกมส เปนตน เปน “สินคาวัฒนธรรม” โดยมีวิสัยทัศนวา การที่ผูบริโภคในตางประเทศซื้อหนังสือเกาหลี
หนึ่งเลม หมายถึง ผูบริโภคไดซื้อโทรศัพทเคลื่อนที่ เครื่องใชไฟฟา เครื่องสําอาง การทองเที่ยว ฯลฯ ของ
เกาหลีไปดวย เนื่องจากสินคาวัฒนธรรมมีความสัมพันธกับอารมณความรูสึกของผูบริโภค ผูบริโภคจึง
ไมใชเหตุผลประกอบการตัดสินใจซื้อมากนัก สินคาวัฒนธรรมเกาหลีดังกลาวนิยมเรียกวา “เค-เวฟ”
(K-Wave ; Korean Wave) ซึ่งหมายถึงคลื่นที่อยูในใจของผูบริโภคนั่นเอง ไพบูลย ปตะเสน ผูเขียน
หนังสือเรื่อง ประวัติศาสตรเกาหลี กลาววา
ในชวงศตวรรษที่ 20 กระแสความนิยมของโลกไดเริ่มกลับมาใหความสนใจวัฒนธรรม
เอเชียมากขึ้น โดยมีจุดเริ่มตนที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งทางรัฐบาลไดปรับปรุงสถานี
โทรทัศน CCTV ใหมีชองภาษาครบทั้ง 5 ภาษาหลัก คือ ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน รัสเซีย และ
อาหรับ และปรับปรุงเว็บไซตของสํานักขาวซินหัวเพื่อใชเปนสื่อประชาสัมพันธภาพลักษณของตนตอ
ชาวโลก นอกจากนี้ยังเผยแพรวัฒนธรรมของตนผานสถาบันขงจื๊อ ที่เปดสอนทั้งภาษาจีน ศิลปะจีน
และวั ฒนธรรม อื่ น ๆ ซึ่ง สถาบั น นี้ มีส าขารวม 295 แห ง ใน 78 ประเทศ จะเห็ น ว า วิธีก ารส ง ออก
วัฒนธรรมของสาธารณรัฐประชาชนจีนเปนไปอยางตรงไปตรงมา ไมมีการสอดแทรกไวในความบันเทิง
ใดๆ ต อ จากนั้ น วัฒ นธรรมญี่ ปุ น ได รั บความนิ ย มไปทั่ ว โลก จนเกิ ด เป น กระแสที่ เ รี ย กว า เจ ป อ ป
(J-pop; กระแสความนิยมวัฒนธรรมญี่ปุน) ซึ่งสามารถสรางมูลคาและคานิยมอันดีตอภาพลักษณ
ของประเทศญี่ปุนไดมาก แตก็ยังไมสามารถเชื่อมโยงกับมูลคาเศรษฐกิจไดอยางเปนรูปธรรม
จนกระทั่งปลายศตวรรษที่ 20 กระแสความนิยมญี่ปุนลดลง สาเหตุหนึ่งคือเปนไปตาม
ชวงเวลา แตปจจัยที่สําคัญคือวัฒนธรรมของญี่ ปุนเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น เกินกวาวัยรุน และผู
155
ความสําเร็จของธุรกิจบันเทิงเกาหลียังมาจากการเตรียมพรอมตั้งแตขั้นตอนกอนการผลิต
(Pre-production) ทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชน โดยวิเคราะหรสนิยมของผูบริโภคแตละประเทศ
สําหรับในประเทศไทยก็ไดมีการรวมมือระหวางบริษัทเพลงในเกาหลีและบริษัทเพลงในประเทศไทย
ดวย เนื่องจากเกาหลีเล็งเห็นวาหากทําการตลาดในประเทศไทยประสบความสําเร็จ ก็จะสามารถขยาย
ไปสูประเทศตางๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใตไดดวย
จากการวิ เ คราะห ผ ลทางเศรษฐกิจ ของสิน ค า ฮั ลหยู โ ดย สถาบั น วิ จั ย สมาคมการค า
นานาชาติแหงเกาหลี (Korea International Association’s Trade Research Institute) แสดงวา ป
พ.ศ. 2547 สินคาฮัลหยูทั้งหมดสงผลตอเศรษฐกิจภายในประเทศสาธารณรัฐเกาหลีถึง 1 พันลาน
เหรียญสหรัฐ และนํารายไดเขาสูประเทศเกาหลีสูงถึง 1.87 พันลานเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ ขั้นตอนการกําหนดสินคาที่เรียกวา “สินคาวัฒนธรรม” ของประเทศสาธารณรัฐ
เกาหลีมีดังตอไปนี้
1. สรางการรับรูในตราสินคาเกาหลีเปนภาพรวม
รั ฐ บาลของประเทศสาธารณรั ฐ เกาหลี มี ก ารสร า งสร า งการรั บ รู ใ นตราสิ น ค า เกาหลี
(Brand Perception) เปนภาพรวม ใชวิธีการทําการตลาดเชิงจิตวิทยา เชน ดานการกีฬา โดยการเปน
เจ า ภาพกีฬ าโอลิ ม ป ค การส ง เสริ ม ให ที ม ฟุ ต บอลเกาหลี เ ข า ถึ ง รอบสุด ท า ยของฟุ ต บอลโลก ด า น
157
เทคโนโลยี โดยการจั ด งาน เวิ ร ล ด เอ็ ก ซ โ ป และด า นบั น เทิ ง โดยการส ง ออกสิ น ค า บั น เทิ ง เช น
ภาพยนตร ละครชุด ดนตรี หนังสือ การตูน เกมส เปนตน
เมื่ อ สิ น ค า จากประเทศสาธารณรั ฐ เกาหลี เ ป น ที่ รู จั ก แพร ห ลายในประเทศเป า หมาย
หมายความว า สิ น ค า เหล า นั้ น ได ก ลายเป น สิ น ค า วั ฒ นธรรมไปแล ว เนื่ อ งจากการที่ ผู บ ริ โ ภคใน
ตางประเทศชมภาพยนตรเกาหลีหนึ่งเรื่อง หมายถึงผูบริโภคไดรับขอมูลเกี่ยวกับโทรศัพทเคลื่อนที่
เครื่องใช ไฟฟา เครื่องสําอาง การทองเที่ยว ฯลฯ ของเกาหลีไปดวย เชนเดียวกับความนิยมสินคา
วัฒ นธรรมอเมริกั น ที่ เ กิดขึ้นมาแล ว ทั่ วโลก เนื่อ งจากสิน คา วัฒนธรรมมี ความสั มพัน ธ กับอารมณ
ความรูสึกของผูบริโภค สินคาทางวัฒนธรรมจึงเปนสินคาที่ผูบริโภคไมไดซื้อเพื่อสินคา แตซื้อเพื่อ
คุณคาทางวัฒนธรรม จึงเปนการทําการตลาดที่ยั่งยืนกวาการขายผลิตภัณฑสินคาทั่วไป เพราะ
สามารถตอยอดไปสูสินคาอื่นๆ ไดอยางตอเนื่อง
2. รัฐบาลของประเทศสาธารณรัฐเกาหลีมีนโยบายการสงเสริมสินคาวัฒนธรรมอยางมี
ระบบ
นโยบายการสงเสริมสินคาวัฒนธรรมของรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีมีการดําเนินการอยาง
เปนระบบ มีการวิเคราะหผูบริโภคอยางจริงจังเพื่อการพัฒนาคุณภาพสินคาใหเหมาะสมกับความ
ตองการของผูบริโภค เชน การกําหนดใหมีหลักสูตรวิชาฮัลหยูศึกษาในระดับมหาบัณฑิต ซึ่งเปนวิชา
ที่วาดวยการวิเคราะหวัฒนธรรมเกาหลีในบริบทของวัฒนธรรมอื่นๆ ของประเทศเพื่อนบาน เพื่อทํา
ความเขาใจความสัมพันธระหวางวัฒนธรรมเกาหลี และชนชาติอื่นๆ อันจะนําไปสูการพัฒนาเนื้อหา
ของภาพยนตร ละคร และเพลง
นอกจากนั้น ยังมีการจัดตั้งองคกรสงเสริมการคาและการลงทุนแหงประเทศเกาหลีใน
ประเทศกลุมเปาหมาย โดยมีหนาที่วิเคราะหกระแสนิยมสินคาวัฒนธรรมเกาหลีในประเทศที่สาขาของ
ตนประจําอยู เพื่อหาชองทางสรางรายไดจากการขายสินคา และสงขอมูลกลับประเทศแม เปนตน
นโยบายทั้งสองประการที่รัฐบาลประเทศสาธารณรัฐเกาหลีใช สอดคลองกับแนวคิดเรื่อง
วัฒนธรรมของผูบริโภคทั่วโลกของ เฮลมุท ชุทท (2548) ที่กลาววา แมประเทศตางๆ ในภูมิภาคเอเชีย
จะมีกระแสการพัฒนาประเทศใหมสูความเปนสากลเชนเดียวกับนานาชาติ แตวัฒนธรรมพื้นบานของ
ภูมิภาคนี้ก็ยังคงเปนปจจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดตอพฤติกรรมผูบริโภค ดังที่รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีได
ทําการวิเคราะหวิจัยผูบริโภคในแตละประเทศ เพื่อการทําความเขาใจความสัมพันธระหวางวัฒนธรรม
ของเกาหลี และชนชาติอื่นๆ
ระดับจุลภาค เมื่อรัฐบาลไดสรางภาพลักษณที่ดีของประเทศแลว ภาคเอกชนไดนําไปตอ
ยอดดวยการเขาไปวิจัยและพัฒนาความตองการของผูบริโภคในแตละประเทศ เชน เปดรานอาหาร
158
เกาหลี เปดโรงเรี ย นเอกชน เปดหลัก สูตรเกาหลีศึกษาในระดั บมหาวิ ท ยาลัย เป นตน นอกจากนี้
ผูประกอบการในอุตสาหกรรมดนตรีบางรายยังไดจัดการประกวดรองเพลงเกาหลีในประเทศตางๆ เพื่อ
นําตัวผูชนะไปเขารวมวงดนตรีชั้นนําของประเทศเกาหลี ตัวอยางเชน คายเพลง JYP Entertainment
ซึ่งเปนบริษัทตนสังกัดของจอง จี ฮุน หรือ เรน (Rain) นักรองและนักแสดงชื่อดังแหงเกาหลี ไดจัดการ
ประกวดรองเพลงเกาหลีในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายป พ.ศ. 2548 เพื่อคนหาผูที่มีความสามารถ
ในการรองเพลงและการแสดงไปเขารวมงานกับคายเพลง โดยที่ นิชคุณ หรเวชกุล เปนคนไทยเพียงคน
เดียวที่สามารถผานการประกวดไดจากผูเขารวมทั้งหมด 11 ประเทศ ทําใหนิชคุณไดเซ็นสัญญาเปน
นักแสดงของคายเพลงดังกลาวเปนเวลา 8 ป
หลังจากเขารับการฝกฝนดานการรอง การเตน การแสดง และ ภาษาเกาหลีที่ประเทศ
เกาหลีแลว นิชคุณก็ไดเขารวมเปนหนึ่งในสมาชิกวงดนตรีทูพีเอ็ม (2PM) ของเกาหลี ตอมาในป พ.ศ.
2550 นิชคุณไดออกอัลบั้มแรกกับวงดนตรีทูพีเอ็ม มีชื่ออัลบั้มวา “Hottest Time of the Day” และออก
อัลบั้มที่สองชื่ออัลบั้มวา “2:00 PM Time for change” ในปตอมา
อีกหนึ่งตัวอยางก็คือการประกวดเพื่อหานักรองเขารวมเปนสมาชิกวงดนตรีเบบี้ วอกซ
(Baby Vox) ที่จัดขึ้นในประเทศไทย โดยผูชนะคือ ดรัลชรัส ศุขีวิริยะ อายุ 19 ป เปนนิสิตคณะ
ศิลปกรรมศาสตร เอกวิชาดุริยางคศิลป จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ในฐานะผูชนะเลิศการแขงขันใน
กิจกรรม Baby Vox New Generation Audition ดรัลชรัสจะไดรับเงินรางวัลจํานวนหนึ่งแสนหาหมื่น
บาท รวมทั้งไดไปเก็บตัวฝกซอมการรองเพลง การเตนรํา และการพัฒนาบุคคลิกภาพที่ประเทศเกาหลี
กอนจะออกอัลบั้มเพลงตอไป
จากตัวอยางของ นิชคุณ และ ดรัลชรัส ขางตน อาจกลาวไดวาประเทศเกาหลีแผขยาย
วัฒนธรรมของตนเขาไปยังประเทศเปาหมายโดยอาศัยธุรกิจบันเทิงเปนเครื่องมือหลัก นอกจากนี้ยัง
เปนการสะทอนใหเห็นถึงแนวคิดเรื่อง “Asia in One” ซึ่งหมายความวา คนเอเชียคือคนเอเชีย ถึงจะมี
ความแตกตางดานภูมิประเทศและสภาพแวดลอม แตรสนิยมนั้นไมแตกตางกัน ซึ่งหมายรวมถึงรสนิยม
ดานการฟงเพลงดวย ดังนั้นผูประกอบการในอุตสาหกรรมดนตรีของประเทศเกาหลีจึงใชวิธีจัดการ
ประกวดรองเพลงเกาหลีในประเทศตางๆ เพื่อหาตัวแทนของคนในประเทศที่บริษัท ตองการเปดตลาด
ดานธุรกิจดนตรี เขาไปเปนสมาชิกของวงดนตรีที่โดงดังของเกาหลี โดยหวังผลทางธุรกิจวาแฟนเพลง
ของนั ก ร อ งจากประเทศนั้ น ๆ จะให ก ารสนั บ สนุ น และซื้ อ ผลงานเพลงที่ จ ะส ง มาขายในประเทศ
เปาหมายตอไป
159
สวนที่ 2 ผลการสัมภาษณเชิงลึก
เพื่ อใหทราบข อมู ลเกี่ยวกับอุ ตสาหกรรมเพลงในปจจุบันและแนวโนม ที่จะเกิดขึ้น ใน
อนาคตของอุตสาหกรรมเพลงในประเทศไทย ผูวิจัยจึงสัมภาษณผูประกอบการในอุตสาหกรรมซึ่ง
ประกอบดวย กรรมการผูจัดการและอดีตนายกสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งบันทึกเสียงไทย อดีตนักจัด
รายการวิทยุและประธานเจาหนาที่บริหารฝายธุรกิจจัดงานแสดง ประธานเจาหนาที่บริหารการตลาด
บริษัทผูใหบริการเครือขายโทรศัพทเคลื่อนที่ หัวหนาฝายการผลิต (Head of Production) และ
กรรมการผูจัดการบริษัทผูบริหารจัดการศิลปนของผูใหบริการเครือขายโทรศัพทเคลื่อนที่ ซึ่งผูวิจัย
คัดเลือกผูใหขอมูลหลักจากการควบคุมคุณลักษณะของกลุมเปาหมาย (Control Characteristics)
รวมกลุมตัวอยางที่สัมภาษณทั้งสิ้น 5 คน
ผลที่ไดจากการสัมภาษณผูวิจัยไดนํามาประมวลเปนหมวดหมูตามกลุมคําถามที่ใชใน
การสัมภาษณ ไดแก ภาพรวมของอุตสาหกรรมเพลงไทยในกรอบเวลา 20 ป กรอบเวลา 10 ป และใน
ปจจุบัน สาเหตุของปญหาที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมเพลงไทยในปจจุบัน พฤติกรรมผูบริโภคสินคาเพลง
ในประเทศไทย การปรับตัวของอุตสาหกรรมเพลงในตางประเทศ และขอเสนอแนะในการปรับกระบวน
ทัศนสําหรับอุตสาหกรรมเพลงในประเทศไทย โดยแตละกลุมจะมีการแบงหัวขอยอยเพื่อใหงายตอการ
นําไปวิเคราะหในบทตอไป ผลการสัมภาษณเชิงลึกมีดังนี้
ภาพรวมของอุตสาหกรรมเพลงไทย
ในช ว งเวลารุ ง เรื อ งของอุ ต สาหกรรมเพลงไทยป พ .ศ.2526-2540 ภาพรวมของ
อุตสาหกรรมตามทัศนะของผูใหขอมูลหลักมีลักษณะสําคัญคือ แบบจําลองธุรกิจ (Business Model)
163
มีรูปแบบเปนการสรางศิลปนและสรางรายไดจากผลิตภัณฑบันทึกเสียง โดยความสําเร็จของธุรกิจวัด
จากยอดจําหนายผลิตภัณฑบันทึกเสียงประเภทตางๆ ธุรกิจมีรูปแบบตามอยางอุตสาหกรรมเพลง
สากล แตมีการละเมิดลิขสิทธิ์สูงมากเนื่องจากในประเทศไทยไมมีกฎหมายรองรับ คุณวินิจกลาวถึง
เรื่องนี้วา “บานเราเปนพวกการดนตรีเดินตามสากลอยูแลว แตมันเปนระบบการทําตามตนแบบเลย
สวนใหญแลวในชวงยุคตนๆ เปนยุคที่ของเราไมใชรับอิทธิพลแตเอาของฝรั่งมาทําซะมากกวา เชน
เพลงฮิตฝรั่งมีอะไร เพลงไทยก็จะมาใสเนื้อเปนภาษาไทย”
ผลงานเพลงและศิลปนในชวงเวลาดังกลาวไมมีความหลากหลาย เนื่องจากบริษัทผลิต
สินคาตามกระแสความนิยมของตลาดหลัก นอกจากนี้ยังมีปญหาดานกลไกการตลาด ศิลปนไมไดรับ
ความเปนธรรมเพราะระบบตลาดถูกผูกขาดโดยนายทุน โดยเฉพาะการถูกเอาเปรียบในเรื่องการถือ
ครองลิขสิทธิ์ความเปนเจาของบทเพลง และปญหาการครอบงําสื่อโดยบริษัทเพลงหลัก ดังที่คุณวินิจ
แสดงความเห็นวา “ที่สําคัญระบบของมาตรฐานการทําลิขสิทธิ์บานเราก็เปนเรื่องแปลกดวยเหมือนกัน
คือการตั้งกติกาในยุคนั้น เปนการตั้งกติกาซึ่งเอาเปรียบศิลปนมากๆ ยกตัวอยางเชน ลิขสิทธิ์เพลงจะ
ไมไดอยูกับเจาของ ผลงานจะเปนของบริษัทไปทั้งหมดเลย ซึ่งเปนเรื่องพิสดารมากของโลกนะครับ
ตางประเทศคือ คุณเขียน ถึงคุณจะตาย ครอบครัวคุณก็จะรับมรดกไป แตนี่ถาคุณทําปุปโอกาสเปน
ของบริษัทไปเลย เพราะฉะนั้นมันก็เลยเปนเรื่องที่เหมือนยุคสมยอม”
สวนในชวงเวลาปจจุบันซึ่งนับเปนชวงถดถอยของอุตสาหกรรมเพลง คือชวงป พ.ศ.2541-
2550 ซึ่ ง รู ป แบบ (Format) ของเพลงได เ ปลี่ ย นเป น ระบบดิจิ ต อลแล ว คุ ณนั ดดามองภาพรวม
อุตสาหกรรมเพลงในปจจุบันวา ศิลปนและผลงานเพลงมีคุณภาพมากขึ้น สงผลใหผูบริโภคเปลี่ยน
พฤติกรรมมาใหความสําคัญกับบทเพลงมากกวาตัวศิลปน คุณนัดดากลาววา “ถาเกิดเพลงไมฮิต
ศิ ล ป น ก็ อ าจจะขายไม ไ ด ทั้ ง ๆ ที่ อั ล บั ม ที่ แ ล ว ศิ ล ป น เป น ศิ ล ป น ที่ ดั ง มาก ก็ คื อ พู ด ง า ยๆ ว า ความ
จงรักภักดีจะคอนขางหายไป”
นอกจากนี้คุณนัดดายังมีความคิดเห็นตรงกับคุณสรรคชัยวา แบบจําลองธุรกิจเพลงใน
ปจจุบันไมสามารถมองการสรางรายไดจากการจําหนายผลิตภัณฑบันทึกเสียงเพียงอยางเดียวได มวล
ของธุรกิจจะตองประกอบดวยรายไดจากทุกสวน ทั้งผลิตภัณฑบันทึกเสียง ชื่อเสียงของศิลปน การ
ปรากฏตัว เปนตน เรียกวาสามรอยหกสิบองศา คุณสรรคชัยกลาววา “เพราะถางั้นสุดทายแลว
อุตสาหกรรมพวกนี้มันอินทิเกรตหมดเปนตัวเดียวกัน การทําอุตสาหกรรมเพลงนี่ แคเพลงอยางเดียว
ไมไดอีกตอไป แตมันตองคิดแบบคอนเทนทแบบครบวงจร”
คุณวินิจกลาววา “อารเอสกําลังแตกไลนธุรกิจออกไป ก็คือวาการปรับตัวที่จะทําภาค
บันเทิงที่จะออกไปในหลายชองทาง ขยายไปในเรื่องกีฬาบาง ขยายไปในเรื่องของกิจกรรมสงเสริม
การตลาดอื่นๆ บางก็เปนการปรับตัวในวิธีการหนึ่ง”
164
แนวคิดนี้ไดถูกนําเสนอโดยคุณกิตติกรในฐานะผูบริหารจัดการศิลปนดวยเชนกัน คุณ
กิตติกรมีมุมมองในฐานะผูมาใหมในอุตสาหกรรมวาไดมองเห็นปญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ผลิตภัณฑ
บันทึกเสียงที่เกิดขึ้น คุณกิตติกรกลาววา “ปญหาที่สําคัญก็คือปญหาพวกเทปผีซีดีเถื่อนนะ เรารูอยู
แลววามิวสิคคอนเทนทขายปกติไมได คราวนี้บริษัทที่เปนคายเพลงที่ผานมาที่ประสบปญหานี่ ก็คือวา
การที่ตลาดมันเปลี่ยนโดยที่ปรับไมทัน สมัยกอนเทปหรือซีดีขายหลักแสนเปนเรื่องปกติ หลักลานนี่
โอเคถือวามีเยอะ สมัยนี้ขายไดแสนถือวายอดเยี่ยมมาก เพราะฉะนั้นมันก็เลยเปนจุดที่คายเพลงสวน
ใหญประสบปญหาเรื่องการเงินเพราะมีคนเยอะ มีคนเปนพันแลวก็รายไดซีดี รายไดการขายที่เปนเมน
บิสสิเนสมันไมสามารถคัฟเวอรแลว” ดังนั้นเมื่อ บมจ.ทรู จัดตั้ง บริษัท ทรู แฟนเทเชีย จํากัด และ สราง
เว็บไซต ทรู มิวสิค เพื่อใหเปนแหลงเนื้อหาสําหรับ บมจ.ทรู นั้น บริษัท ทรู แฟนเทเชีย จํากัด จึงมี
นโยบายการบริหารจัดการศิลปน โดยสรางใหมีธุรกิจตอยอดที่หลากหลาย ดังที่คุณกิตติกรยกตัวอยาง
วา “ธุรกิจของทรูแฟนเทเชียตองบอกวาเปน อารทิส เมเนจเมนท ก็จะมีลิงคกับทรูมิวสิคเรื่องสราง
คอนเทนทตรง ทรู แฟนเทเชีย ก็เอาศิลปนมาสรางใหเกิดธุรกิจ ธุรกิจมันก็จะมีหลากหลาย มีธุรกิจ
เพลง ธุรกิจอีเวนท คอนเสิรต ธุรกิจสเปเชียลโชว มีธุรกิจโมเดลลิ่ง ธุรกิจเบ็ดเตล็ดอะไรตางๆ ดิจิตอล
คอนเทนทเขาไปอีก อันนั้นก็แตกของมันไป” โดยมีแผนธุรกิจในการผลิตและจัดจําหนายผลงานเพลงที่
เปนผลิตภัณฑบันทึกเสียงวาเปนสวนหนึ่งของการลงทุน เปนการสรางงานเพื่อการสรางรายไดใหกับ
ธุรกิจอื่นๆ การยืดอายุศิลปน (Product Life Cycle) และการสรางตราสินคา อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ให
ยั่งยืน ดังที่คุณกิตติกรอธิบายวา “เราตีบิสสิเนสแพลนทุกปวาไมไดกําไรเลย ตีเปนศูนย บางอัลบั้มเรา
ตีเปนลบ เราตีการสรางคอนเทนทคืออินเวสทเมนต คราวนี้เราอินเวสทเมนตทําไม เราอินเวสเมนตเพื่อ
สองสวน หนึ่งเราอินเวสทเพื่อใหเกิดเอ็กซคลูสีฟ คอนเทนท ทรูมิวสิค เพื่อให ทรูมิวสิค แข็งแรงในเรื่อง
ของคอนเทนทที่คนอื่นไมมี อันที่สองเราอินเวสทเพื่อเราตองการใหเด็กที่เขาบานมาแลวเมื่อออกจาก
บานแลวมีการผลักดันอยางจริงจัง เปนการสรางแบรนดของรายการทีวีอะคาเดมี่แฟนเทเชีย ถามวา
เปน อินเวสทเมนตปบแลวเราไดรายไดจากไหน คือที่เราอินเวสทไปในดานของเพลงผมมองวาการออก
อัลบั้มเนี่ยถือเปนการรีลอนชแบรนดใหกับศิลปน เหมือนกับเปนการรีแบรนดใหม ใหความเฟรชเขาไป
ในโปรดั ก ซ เพราะฉะนั้ น อายุ ไ ลฟ ไ ซเคิ ล ของศิ ล ป น แต ล ะคนจะยาวขึ้ น เมื่ อ เราทํ า เยอะขึ้ น นั้ น
หมายความวาเราโพรลองชีวิตของศิลปนไปเรื่อยๆ ก็จะทําใหศิลปนมีแวลู(Value) มากขึ้น ตอนนี้เราก็มี
ศิลปนที่ออกมาสี่รุนที่มีแวลูสามารถที่จะทําคอมเมอรเชียลไดเกินครึ่ง คอมเมอรเชียลในที่นี้ จุดที่สําคัญ
ที่สุดคือการทําอีเวนท ตรงนี้จะเปนจุดที่เปนรายไดหลักของแฟนเทเชีย คือโชวบิท ไมวาจะการจัด
คอนเสิรตก็ดี การทําพวกมิวสิคัลโชว หรือวาการไปแตกไลนธุรกิจเปนทราเวลอะไรตางๆ นี้ เราก็ไดจาก
การที่เราอินเวสทในศิลปน ใหศิลปนมีอายุที่ยาวขึ้น แลวเราก็เอาศิลปนเหลานั้นมารวมตัวเพื่อสรางใน
สวนตางๆ รายไดจะมาจากตรงนั้น”
165
ในชวงเวลาถดถอยนี้ คุณเทียนชัยไดแสดงทัศนะในมุมมองของผูผลิตเกี่ยวกับภาพรวม
ของอุตสาหกรรมเพลงวา อุตสาหกรรมเริ่มมีระบบที่ดีขึ้น มีการจัดแบงลิขสิทธิ์ (Royalty) ที่ชัดเจน
ศิ ลป น เริ่ ม มี ค วามรู ใ นการทํา การตลาดของตนเอง มี ก ารทํ า การบริ ห ารความสัม พั น ธกั บผู บริ โ ภค
(Customer Relationship Management : CRM) โดยคุณเทียนชัยอธิบายวา “ศิลปนพวกกรุงเทพ
เรา พวกวงวัยรุนหรืออะไรนี่เจงไมเทากับลูกทุง เพราะศิลปนลูกทุงหรือวากลุมลิเกนี่มีการเหมือนกับทํา
ซีอารเอ็มหมด มีแมยก นั่นคือพฤติกรรมพื้นฐานขององคกรเอนเตอรเทนเมนตนะครับ”
ปญหาที่เกิดขึ้นในปจจุบันเปนเพราะอุตสาหกรรมเพลงกําลังอยูในชวงของการเปลี่ยน
ถาย (Transfer) ไมใชจุดดับสูญ เมื่ออุตสาหกรรมมองเห็นปญหาก็จะสามารถแกไขไดอยางมีทิศทางที่
ชัดเจนขึ้นและเวลานั้นใกลจะมาถึงแลว คุณเทียนชัยกลาววา “ผมไมเชื่อวาอยางพี่เบิรดจะไมมีอีกแลว
ผมเชื่อวาเราทุกคนอยูในชวงทรานเฟอร เรากําลังจะตองทรานสเฟอรไปสูอะไรสักอยาง ซึ่งเราอยู
ในชวงภาวะกําลังเปลี่ยนแปลงเทานั่นเอง ไมใชภาวะโลกรอนจุดดับอะไรนั่น พอเราจับจุดไดเราก็จะมี
ทิศทางที่ชัดเจน แนนอนฮะ ตองมีออกมาฮะผมวา ผมเชื่อวากําลังเกือบๆ จะออกละ”
ส ว นคุ ณ วิ นิ จ มี ค วามเห็ น ในเรื่ อ งของการจั ด การทรั พ ย สิ น ทางป ญ ญาว า ป จ จุ บั น
อุตสาหกรรมเพลงในประเทศไทยเริ่มใหความสําคัญตอเรื่องลิขสิทธิ์ เริ่มมีการจัดสรรสวนแบงการ
จัดเก็บลิขสิทธิ์ใหกับผูผลิต แตอยางไรก็ตามการถือครองสิทธิ์เพลงสวนใหญยังคงเปนของบริษัทผูผลิต
เชนเดิม
สาเหตุของปญหา
หากมองโดยมวลรวม มู ล ค า การเติ บ โตของอุ ต สาหกรรมเพลงเติ บ โตขึ้ น เนื่ อ งจาก
ผูบริโภคมีการบริโภคเพลงมากขึ้น แตสิ่งที่ทําใหมองเห็นวาภาพรวมของอุตสาหกรรมเกิดปญหา คือ
การหดตัวของอุตสาหกรรมในสวนที่เปนผลิตภัณฑบันทึกเสียง มีสาเหตุสําคัญมาจากการเปลี่ยน
รูปแบบการจัดเก็บเพลงจากระบบอะนาล็อกไปสูระบบดิจิตอล กอใหเกิดปญหา คือ
1. อินเทอรเน็ตทําใหวิธีการทําการตลาดเพลงเปลี่ยนไป ในอดีตการผลิตผลงานเพลง
จะตองมีบริษัทเพลงหลักรองรับ เนื่องจากมีคาใชจายในขั้นตอนตางๆ รวมถึงการประชาสัมพันธสูง แต
ใ น ป จ จุ บั น สื่ อ อ อ น ไ ล น เ ช น เ ว็ บ ไ ซ ต ยู ทู ป ( www.youtube.com) เ ว็ บ ไ ซ ต ม า ย ส เ ป ซ
(www.myspace.com)เปนสื่อกลางที่ทําใหเกิดวงดนตรีที่มีชื่อเสียงเปนจํานวนมาก สงผลใหวงดนตรี
อิสระไดรับความนิยมมากขึ้น ผูที่มีความสามารถจึงมีชองทางผลิตผลงานเพลงและนําเสนอสูผูบริโภค
ไดสะดวก และมีคาใชจายต่ํากวาในอดีตมาก ทั้งนี้คุณนัดดากลาววา “สื่อออนไลนมีสวนสําคัญในการ
ที่ทําใหศิลปนเกิด คือถาเผื่อจะใหยกตัวอยางปที่ผานมา (พ.ศ. 2550) จะมีศิลปนที่ทั้งในตางประเทศ
และก็ในประเทศที่เปนศิลปนที่เกิดขึ้นไดเพราะอินเทอรเน็ต เพราะ ยูทูป มายสเปช นี่เกิดขึ้นเยอะ”
166
ชัยแสดงทัศนะในฐานะผูผลิตในบริษัทเพลงหลักที่เปนเจาของสื่อกระแสหลักวา “วงที่อยูในยูทูปเคาจะ
เอายูอารแอลเคาไปทํายังไงใหคนเจ็ดสิบลานคนรูละ ก็ตองผานสื่ออยูดีใชมั้ยครับ ตองผานแมสมีเดีย
อยูดีใชมั้ยครับ”
8. ในทางกลับกัน การผลิตผลงานเพลงของบริษัทเพลงหลักมีขอกําหนดทางการตลาด
มากเกินไป ทําใหผลงานเพลงไมมีความสดใหมและหลากหลาย สงผลใหผลงานของวงดนตรีอิสระ
ไดรับความนิยมมากกวา
9. ผูบริโภคมีชองทางการใชเงินที่หลากหลายกวาในอดีตจึงมีการกระจายการใชจาย คุณ
เทียนชัยกลาววา “ผูบริโภคมีชองทางการใชเงินที่มากขึ้น เราก็ยอมรับความเปนจริงนะวาเดี๋ยวนี้สนิ คา
มันหลากหลาย เมื่อกอนไมมีกาแฟแกวละ 100 บาท ไมมีมือถือรุนใหมทุกเดือน ไมมีหนังใหมใหดู
ความหลากหลายของสินคามันมากขึ้นนะครับ” คุณนัดดากลาววา “อุตสาหกรรมลืมคิดอยูตลอดเวลา
วาเดสติเนชั่นของคําวาพ็อคเก็ตมันนี่ คือเงินที่พอแมใหใชกินขนมนี่ คนในอุตสาหกรรมเพลงลืมนึกไป
วาคูแขงที่สําคัญที่สุดของเด็กวัยรุนคือแอรไทมบนโทรศัพท”
10. วัฒนธรรมไทยไมมีการปลูกฝงเรื่องการเคารพในลิขสิทธิ์ทั้งผูผลิตและผูบริโภค คุณ
วินิจกลาววา “บริษัทใหญพวกเมเจอรเรคคอรดคอมพานี พวกนี้ก็อูฟูร่ํารวยกันจากสติปญญาของเหลา
บรรดาศิลปน โดยที่ทุกวันนี้คิดวามันเปนเรื่องที่ไมยุติธรรมเลย ทุกวันนี้มีการจัดเก็บลิขสิทธิ์ ก็เปนการ
จัดเก็บโดยที่ลิขสิทธิ์สวนใหญก็จะเปนของเจาของก็โอเค ก็อาจจะมีการแบงรอยัลตี้ไป แตคนถือสิทธิ์
จริงๆ มันไมไดเปนตัวศิลปน” คุณนัดดากลาววา “ตรงนี้เปนสิ่งที่นาเศราที่สุด ในโลกนี้มีอยูแคสอง
ประเทศ ซึ่งคนเนี่ยมองวาวัฒนธรรมลิขสิทธิ์ทางปญญาเปนสิ่งที่สําคัญ ประเทศแรกก็คือ อังกฤษ
อังกฤษยังมีตลาดที่โตอยู ตลาดซีดีเนี่ยตกลงนอยมาก ตลาดดาวนโหลดก็คอยๆ เขยิบขึ้น แตตลาดที่
แบบเอาทสแตนดิ้งเลยเปนญี่ปุน คนญี่ปุนอยูกับไอพี คือลิขสิทธิ์ทางปญญามา 70 กวาปแลว กอน
อเมริกาดวยซ้ําไป ถาเกิดเปนเมืองไทยอาทิตยหนาก็จะมี(ของเลียนแบบ)ที่จตุจักรอีก 20 เจา ซึ่งอันนั้น
คือผลของการที่ไมเคารพกันไง” คุณเทียนชัยกลาววา “ผมรูสึกวาเมืองนอกเคามีแบรนรอยัลตี้สูงกวาเรา
ครับ” คุณกิตติกรแสดงทัศนะวา “ตราบใดที่คนยังมีความรูสึกวาของฟรีดีกวา มันรณรงคยังไงก็ไมมี
ประโยชน มันตองบังคับ ตองมีบทลงโทษที่ชัดเจน”
พฤติกรรมผูบริโภคสินคาเพลงในประเทศไทย
ผูใหขอมูลหลักไดแสดงทัศนะในเรื่องพฤติกรรมผูบริโภคตามหัวขอที่ไดสัมภาษณคือ การ
จํา แนกกลุม ผูบริโภคสิน คาเพลงในประเทศไทย วิธี การสื่อสารกับผูบริโภคในปจจุ บันโดยยกกรณี
ตัวอยาง ทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย บทบาทของวัฒนธรรมตางชาติในการกําหนดการเปลี่ยนแปลง
169
การจําแนกกลุมผูบริโภค
คุณนัดดาแบงกลุมผูบริโภคเพลงในประเทศไทย ออกเปน 4 กลุม คือ กลุมวัยรุน กลุม
คนทํางาน กลุมคนเมือง และกลุมตางจังหวัด กลุมศิลปนที่สรางยอดจําหนายในอดีตคือกลุมศิลปน
ประเภทเพลงไทยรวมสมัย (Popular Music) ซึ่งมีกลุมวัยรุนเปนกลุมเปาหมายหลัก ปจจุบันกลุมวัยรุน
ดังกลาวลดปริมาณการซื้อผลิตภัณฑบันทึกเสียงลงอยางมาก ในขณะที่กลุมคนตางจังหวัดซึ่งเปน
กลุมเปาหมายหลักของศิลปนประเภทลูกทุง ยังคงบริโภคผลิตภัณฑบันทึกเสียงเชนเดิม คุณนัดดา
กลาววา “อันนี้คือตัวนึงที่เคาเรียกวาโลกเปลี่ยนสีของอุตสาหกรรมเพลงไทย เมื่อกอนนักรองปอป
นักรองลูกกรุงเนี่ยจะเดินอยูในคายเพลงดวยความเทมากๆ แตตอนนี้พวกกลุมศิลปนเหลานั้นตัวจะ
เหลือเล็กนิดเดียว คนที่เดินเทอยูในคายคือนักรองลูกทุง คือลูกทุงไมตกนะครับ แลวมีโอกาสที่จะโต
ดวยซ้ําไปเพราะวาตอนนี้ถาเกิดเรามาดูพฤติกรรมผูบริโภคเราจะเห็นวา ชวงนี้เปนจุดที่ชาวบานเคาจะ
เพิ่งเปลี่ยนจากเครื่องเลนเทปตามบานมาเปนเครื่องเลนวีซีดี มันเปนลักษณะของการกระโดดขามขั้น ก็
คือวาชาวบานเคาไมเลนซีดี เคากระโดดไปซื้อเครื่องเลนที่มันเลนไดทั้งซีดีและวีซีดี ทีนี้ตามบานของคน
170
ทั่วไปเคาก็อยากมีความบันเทิง เพราะฉะนั้นฟอรแมตเดียวที่เวิรคในโลกและเปนฟอรแม็ตที่ใหญมาก
ในประเทศไทยคือ วีซีดีคาราโอเกะกับวีซีดี”
คุณนัดดากลาววา รูปแบบของผลิตภัณฑบันทึกเสียงที่ประสบความสําเร็จสูงและเปน
รูปแบบที่ใหญที่สุดในประเทศไทยคือวีซีดีคาราโอเกะ ซึ่งในปจจุบันยอดขายมวลรวมอยูที่ประมาณ
รอยละ 70 ในขณะที่สัดสวนแผนคอมแพ็คดิสกมีเพียงรอยละ 30 ในกลุมเพลงลูกทุงและเพลงเพื่อชีวิต
คุณนัดดากลาววา “สามารถกลาวไดวาเพลงปอปตาย ในขณะที่เพลงลูกทุงและเพลงเพื่อชีวิตแข็งแรง
ซึ่งเปนปรากฏการณที่แตกตางจากที่อื่นในโลก”
คุณนัดดากลาวถึงพฤติกรรมผูบริโภคตอวา ผูบริโภคกลุมคนในเมืองอายุ 35 ปขึ้นไป
ยังคงซื้อแผนคอมแพคดิสกของศิลปนเฉพาะกลุม ยอดจําหนายเพลงประเภทแจสซและคลาสสิคไม
ลดลง เนื่องจากกลุมเปาหมายกลุมนี้เปนกลุมที่มีกําลังซื้อและมีเครื่องเสียงที่มีคุณภาพสูง จึงตองการ
รูปแบบของเพลงที่มีคุณภาพสูงตามไปดวย ซึ่งรูปแบบของเอ็มพีทรีใหคุณภาพของเสียงไมดีพอ ศิลปน
ที่ผูบริโภคกลุมนี้ฟงจึงมักเปนศิลปนตางประเทศ สวนศิลปนไทยแบงออกไดเปน 2 กลุมคือ หนึ่ง ศิลปน
ที่ผูบริโภครูจักเปนอยางดีอยูแลว และสอง ศิลปนที่นําเพลงที่ผูบริโภคกลุมนี้รูจักและชื่นชอบมารองใหม
กลาวไดวาผูบริโภคกลุมนี้มีความภักดีในตัวศิลปนทั้งไทยและตางประเทศ มีพฤติกรรมเชนเดียวกันกับ
ผูบริโภคในอดีต คือหากเปนศิลปนที่ชื่นชอบเมื่อมีผลงานชุดใหมก็จะซื้อทุกชุดโดยไมพิจารณาถึงตัว
เพลง อุตสาหกรรมสามารถสรางรายไดจากผูบริโภคกลุมนี้จากการแสดงสดและเพลงที่เปนที่รูจักอยู
แลว นอกจากนี้ผูบริโภควัยทํางานเปนกลุมที่มีเวลานอยจึงยอมเสียเงินแทนการเสียเวลา คุณนัดดา
กลาววา “ตอนนี้ถาเกิดไปเดินรานที่ขายซีดี ขายเทปใหญๆ ตลาด 35 ปขึ้นไปคือตลาดโชว ดีวีดี และก็
เพลงที่เรารูจักแลว คือเวลาเคานอยเพราะฉะนั้นการซื้อซีดีซึ่งไมไดเปนเรื่องที่หนักกระเปามากนัก คือ
เสียเงินดีกวาเสียเวลา”
คุณเทียนชัยแสดงความคิดเห็นในมุมมองตรงกันขามวา ผูบริโภคกลุมอายุ 35 ปข้ึนไป
เปนกลุมที่ไมคอยใหความสนใจตออุตสาหกรรมบันเทิงแลว แตจะใหความสําคัญกับขอมูลขาวสาร
มากกวา คุณเทียนชัยไดยกตัวอยางกรณีของ พลพล พลกองเส็ง ศิลปนในสังกัด บริษัท จีเอ็มเอ็ม
แกรมมี่ จํากัด (มหาชน) วา ฐานผูบริโภคของพลพลเปนกลุมผูมีอายุประมาณ 30 ป เมื่อเวลาผานไป
และผูบริโภคกลุมนี้มีอายุมากขึ้นก็จะเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคไป สงผลใหผูบริหารจัดการศิลปนพล
พลจะตองสรางฐานผูบริโภคที่มีอายุ 30 ปกลุมใหมขึ้นมาเพื่อยืดวงจรอายุของศิลปน คุณเทียนชัย
กลาววา “สามสิบหาอัพเนี่ยไมแอคทีฟแลว ดูขาวมากกวา ผมทําพลพลอยู พลพลเนี่ยตอบโจทยกลุม
นี้อยู ไมแอคทีฟแลวนะเดี๋ยวนี้ ผมตองพยายามเปลี่ยนใหลงมาใหได ถาหากวาดึงลงมาไมไดเนี่ย
ศิลปนก็จะเอ็กซไซดไปเลย เพราะวาฐานของพลพลเนี่ยเปนคนอายุ 30 เมื่อ 5 ปที่แลว”
171
สวนปญหาที่เกิดขึ้นในการทําการตลาดผูบริโภคกลุมวัยรุนในเมืองคือ ในปจจุบันผูบริโภค
มีชองทางการใชเงินที่หลากหลายขึ้น สิ่งหนึ่งที่อุตสาหกรรมไมไดคํานึงถึงคือผูบริโภคกลุมนี้มีรายไดที่
ไดรับจากผูปกครองจํานวนหนึ่ง คูแขงที่สําคัญที่สุดของเพลงที่วัยรุนจะใชจายคือคาโทรศัพทเคลื่อนที่
(Air time) คุณนัดดายกตัวอยางวา “เมื่อกอนสมมติที่ลูกยังไมมีโทรศัพทมือถือ พอแมใหเงินเปนคา
ขนมเดือนละ 2,000 ทั้งซื้อซีดีทั้งดูหนังแตตอนนี้แอรไทมโทรศัพทเนี่ยมันมาฉกกอนเลย อาจจะ 500 -
1,000 เพราะวาเด็กก็อยากคุยกับเพื่อน อยากที่จะสงเอสเอ็มเอสในภาษาของเคา” ผูประกอบการใน
อุตสาหกรรมบันเทิงมักจะคิดแขงขันแตกับคูแขงที่เปนคูแขงโดยตรง โดยลืมคํานึงถึงโทรศัพทเคลื่อนที่ที่
เปนคูแขงขันทางออม
สวนกลุมเปาหมายตางจังหวัดซึ่งเปนผูบริโภคเพลงลูกทุงมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชา
กวาคนในเมือง นอกจากปจจัยดานการเขาถึงเทคโนโลยีแลว ผูบริโภคตางจังหวัดยังมีความภักดีในตัว
ศิลปนสูงกวาคนในเมืองดวย คุณนัดดาแสดงทัศนะวา “ลูกทุงไมตกนะครับแลวมีโอกาสที่จะโตดวยซ้ํา
ไป...ซึ่งตอนนี้ยอดขายมวลรวมเนี่ยมัน 70 เปอรเซ็นตโดยที่มีซีดีเหลืออยูแค 30 เปอรเซ็นตในกลุม
ประเภทของเพลงลูกทุง เพลงเพื่อชีวิต”
อยางไรก็ตามคุณเทียนชัยไดแสดงทัศนะเกี่ยวกับกลุมเปาหมายเพลงลูกทุงจากมุมมอง
ของคายเพลงหลักวา กลุมผูบริโภคไดเปลี่ยนพฤติกรรมไปเปนกลุมยอย มีสาเหตุมาจากการเกิดวิทยุ
ชุมชน ซึ่งคายเพลงหลักกําลังอยูในชวงการศึกษาและหากลยุทธการบริหารจัดการอยู คุณเทียนชัย
กลาววา “คือพฤติกรรมของคนฟงเพลงลูกทุงเนี่ยมันเริ่มเปลี่ยนไปแลววิทยุเนี่ยมันเริ่มกระจายไปทุกๆ
ชุมชน คนมันจะไปฟงยอยๆ ลงไปอีก ลูกทุงก็ลูกทุงเล็กๆ ลงไปแตกไปเยอะมาก ตอนนี้กําลังหาวิธีการ
จัดการอยูครับ”
คุณนัดดาสรุปวา “กรุงเทพจะเปนอะไรที่ไฮเทค ตางจังหวัดก็จะเปนอะไรที่โลวเทค บวก
กับมีความชื่นชอบในศิลปน มีรอยัลตี้มากกวาสําหรับศิลปนลูกทุงหรือศิลปนเพื่อชีวิตที่เคาชอบ”
วิธีการสื่อสารกับผูบริโภคในปจจุบัน
ในอดีตการสื่อสารกับผูบริโภคเปนการสื่อสารทางเดียว (One Way Communication) ซึ่ง
สามารถใชการบริหารจัดการสื่อกระแสหลักในการทําการประชาสัมพันธไดสะดวก คุณนัดดาอธิบายวา
“การสื่อสารกับผูบริโภค มักเปนการสื่อสารแบบวันเวยนะครับ ก็คือวา มีสื่อ สื่อบอกวาอัลบั้มนี้ออก
แลวกรุณาไปซื้อซะนะครับ สื่อไปล็อบบี้หนังสือพิมพ แลวหนังสือพิมพก็บอกวาอัลบั้มนี้ ศิลปนคนนี้
เปนศิลปนใหมเปนดาวรุงที่นาจับตาดูที่สุดนะครับ เมื่อกอนมันเวิรคไง”
อยางไรก็ตามในปจจุบันการสื่อสารแบบเกาใชไมไดผลเนื่องจากไมไดรับความเชื่อถือจาก
ผูบริโภคอีกตอไป คุณนัดดากลาววา “เชื่อผมไมมีใครสนใจ มันเหมือนกับวาไอโม ชั้นไมเชื่อเธอ ทุกคน
172
วงอินดี้มีผลงานที่เตะตาขึ้นมาก็เพราะวานองเคาไมคิดตรงนั้น นองเคาคิดวาสนุกกับการที่จะมีชีวิต
แลวพูดออกมาแรงๆ ซึ่งตางกัน”
คุณเทียนชัยไดเสนอแนวทางแกไขวา ในสภาวะที่มีการแขงขันสูงเชนในปจจุบัน ผูผลิต
จะตองแสดงเอกลักษณของศิลปนใหชัดเจน และตองเพิ่มความถี่ในการปรากฏตัว คุณเทียนชัยอธิบาย
ดังนี้ “ศิลปนตองพูดใหชัดขึ้น ชิ้นงานตองพูดใหชัดขึ้น บอกความเปนตัวเองใหชัดขึ้นแลวก็ตองขยันขึ้น
เพราะความหนาแนนของขอมูลในปจจุบัน ตองทําการบานมากขึ้น ดูการทํางานของตัวเองเสมอเปน
ระยะๆ ศิลปนเมื่อกอนนี้ กอนที่จะหมดอายุเนี่ยหายไปจากวงการสักสองปกลับมายังรูสึกวาเออ แต
เดี๋ยวนี้ลองหายจากวงการไปสักป ก็มีวงใหมเยอะแยะเลย อยางเมื่อกอนลิเกตองเลนทุกคืนเนี่ยเลนทั้ง
เดือนเลย ศิลปนจะคิดวาปนึงออกคอนเสิรตสักครั้งเดียวพอ คงจะลําบากครับถาไมใหญพอจริงๆ หรือ
อาจจะออกอะไรสักอยางที่หาวิธีพีอารตัวเองใหมันผานสื่อตลอดเวลา หรือทําเว็บมารเก็ตติ้งก็ยังเปน
วิธีนึง”
ดี มันเปนสวนสรางคอนเทนททั้งนั้นเลย เพราะฉะนั้นไมวาเทคโนโลยีไหนออกมาถาไมมีคอนเทนท
เหลานี้ มันก็ไมมีประโยชน แตถามวาคูแขงสรางคอนเทนทไดไหม ก็สรางไดถามีเงิน ขึ้นอยูกับวาใคร
สรางไวกวากัน ใครมีฐานที่มั่นที่ดกี วากัน” ซึ่งเนื้อหาเหลานี้นับเปนเครื่องมือทางการตลาด (Marketing
Tools) ของบมจ.ทรูดังที่คุณกิตติกรกลาววา “ตองพูดตรงๆ วาทรูมิวสิคมันคือมารเก็ตติ้งทูลของทรูกรุป
ที่จะ ครีเอทสิทธิประโยชนตางๆ ที่ใหกับลูกคาทรูมูฟทางดานดนตรี แอคทิวิตี้ มีเดีย อินเทอรแอคทีฟ
อยางที่วา การที่จะเขามาเอาสิทธิพิเศษตรงนี้ไดเขาไดอยางไร อันที่หนึ่งเขาผานเว็บไซต อันที่สองเขา
ผาน กิจกรรมตางๆ ที่เราจัด แตจุดที่สําคัญเนี่ยคือทรูมวิ สิคซิมก็คือการเขาของทรูมูฟ ลูกคาทรูมูฟ
ถาคุณมีทรู มิวสิคซิมคุณสามารถเอ็นจอยพวกคอนเทนทตางๆ แอคทิวิตี้ตางๆ ไดงายกวา สามารถ
ดาวนโหลดไดฟรี สามารถที่จะริงแบล็คโทนอะไรตางๆ ไมมีคาบริการรายเดือน ก็คือเขามาแอสเสสเขา
กับทรูโดยใชทรูมิวสิคซิมเปนเหมือนกับการด เหมือนแกรมมี่การด” คุณกิตติกรยกตัวอยางกระบวนการ
สรางฐานลูกคาของทรูมิวสิคดังนี้ “ทรูเนี่ยมันก็มีเซอรวิสหลายอยาง มันมีทรูวิชั่นส ทรูมูฟอินเทอรเน็ต
ทรูมิวสิคมันก็จะเปนกอนคอนเทนทที่เซอรวิสตางๆ เขามาใชได อินเทอรเน็ตมาใชได ทรูมูฟมือถือก็
ใชได ทรู วิชั่นสมาใชได เพื่อจะใหเบเนฟตลูกคาในแตละธุรกิจ รายไดของทรูมิวสิคมันก็คือวาไดรับ
เงินจาก โอเปอรเรเตอรเหลานี้ ไดรับเงินจากทรูมูฟถาดาวนโหลดก็แบงกัน ทรูวิชั่นสก็มีการจาย
ตังคใหทรูมิวสิคถาเอาคอนเทนทไปใช อยางเชนทรูมิวสิคทีวี ถาเอาคอนเทนทไปใชอินเทอรเน็ตก็จาย
คาคอนเทนทกลับมาที่ทรูมิวสิค”
สวนธุรกิจของทรูแฟนเทเชีย เปนบริษัทบริหารจัดการศิลปนซึ่งเชื่อมโยงกับทรูมิวสิคใน
สวนการสร างเนื้อหา คุ ณกิตติก รอธิบายวา “ธุรกิจของทรูแ ฟนเทเชีย ตองบอกว าเปน อารท ติส
เมเนจเมนท จะมีลิงคกับทรูมิวสิคเรื่องสรางคอนเทนทตรงทรูแฟนเทเชียก็เอาศิลปนมาสรางใหเกิด
ธุรกิจ ธุรกิจมันก็จะมีหลากหลาย มีธุรกิจเพลง ธุรกิจอีเวนท คอนเสิรต ธุรกิจสเปเชียลโชว มีธุรกิจ
โมเดลลิ่ง มีธุรกิจเบ็ดเตล็ดอาทิ ไปเที่ยวแฟนเทเชียทราเวล เมอชันไดซิ่งอะไรตางๆ ก็เปนธุรกิจสี่หา
อยาง ดิจิตอลคอนเทนทเขาไปอีก อันนั้นก็แตกของมันไป”
คุณกิตติกรสรุปการทํางานของทรูแฟนเทเชียดังนี้ “แฟนเทเชียเคาทําหนาที่ในการเปน
คอนเทนทเอ็กซคลูซีฟใหกับทรูมิวสิค ในขณะเดียวกันก็จะครีเอทแอคทิวิตี้ในชวงแอคทิวิตี้ใหกับ ทรู
มิวสิค อันที่สามก็คือวาทําหนาที่ทําใหคนเปนศิลปนเปนอีกหนึ่งแอคทิวิตี้ใหกับทรูมิวสิค”
ในฐานะที่ เ ป น ผู เ ข า มาใหม ใ นธุ ร กิ จ เพลง คุ ณ กิ ต ติ ก รแสดงมุ ม มองต อ ป ญ หาของ
อุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นวาเมื่อจะเขามาในอุตสาหกรรม ทรูไดมองเห็นปญหาที่เกิดขึ้นคือ “ปญหาเทปผี
ซีดีเถื่อน” อยูแลว และเห็นวาหากทําการตลาดแบบเกาโดยการพึ่งพารายไดจากการขายผลิตภัณฑ
บันทึกเสียงบริษัทก็จะไมสามารถอยูรอดได คุณกิตติกรอธิบายวา “ปญหาที่สําคัญก็คอื ปญหาพวกเทป
ผีซีดีเถื่อนนะ เรารูอยูแลววามิวสิคคอนเทนทขายปกติไมได คราวนี้บริษัทที่เปนคายเพลงที่ผานมาเนี่ย
176
การเปนพันธมิตรกับบริษัทตางๆ นี้คุณกิตติกรกลาวถึงความไดเปรียบในการแขงขันทาง
ธุรกิจวา นอกจากบริษัทจะไมตองใชงบประมาณลงทุนดานอุปกรณการผลิต ดังที่คุณกิตติกรอธิบายวา
“การทําวิธีนี้มันคืออยางที่ผมเรียนวามันสวนทางกับที่เปนสมัยกอน ถาสมัยกอนมันตองลงทุนเรื่องคน
เรื่องเครื่องไมครื่องมือเต็มไปหมด แตตอนนี้เนื่องจากเรามีมีเดียดวยเรา ก็แคสรางใหศิลปนมีแวลูที่
เหลื อมั น แตกของมั น เอง คอสจะน อ ยกวา ” คุ ณกิ ตติ ก รยั ง เห็น วา เป น การลดงบประมาณการจา ง
บุคลากรลงเปนจํานวนมากอีกดวย คุณกิตติกรกลาววา “อยางเชนถาอยากจะเปดคายเพลงก็เริ่มจาก
การสรรหานักแตงเพลงมาเปนพนักงาน การสรรหาครีเอทีฟเขามาเปนพนักงาน แลวก็หาศิลปนมารอง
แลวก็ลอนช คนอยากเปดคายละครก็ไปหาทีมโปรดักซชั่นละครเตรียมพรอมหาดาราเขามาใส คือเวิรค
จากการเปดธุรกิจกอน แตของเราจะมองสวนทาง เราจะมองวาเราเริ่มจากคนกอน เราเริ่มจากศิลปน
กอนแลวเราคอยเอาศิลปนเนี่ยแตกออกเปนธุรกิจตางๆ นั่นหมายความวาความคลองตัวในการทําจะ
สูงในขณะเดียวกันคอสจะต่ํา เราไมตองมานั่งสรางทีม บริษัทเราเนี่ยจริงๆ แลวหนวยงานที่สําคัญคือ
ครีเอทีฟ คือมารเก็ตติ้งเปนตัวสําคัญ” คุณกิตติกรกลาวเสริมวา “ผมวาทุกคนปรับตัวหมด แตวาการที่
เขา(บริษัทเพลงกระแสหลัก)มีรากฐานมาเปนสิบกวาป มีคนอยูพันกวาคนเกือบสองพันคน อยูดีๆ ให
เขาปลดออกเหลือยี่สิบคนมันเปนไปไมได เราเขามาตรงนี้เราเห็นปญหา เราเห็นเราถึงเขามาแบบนี้ แต
ถาธุรกิจใหญๆ เขาทําไมไดเขาตองหาเลี้ยงคน ของเราไมตอง เรามีคนอยูยี่สิบคนหายังไงก็พอ สวน
ใหญ จ ะเป น คนคิ ด กั บ คนหาสปอนเซอร ที่ เ หลื อ ที่ เ ป น โปรดั ก ซ ชั่ น เราเอาท ซ อร ส หมด จ า งเป น
วาไรเอเบิลคอสไมเปนฟกซคอส โอเวอรเฮดต่ํา แลวคนทํางานในธุรกิจเนี่ยตกงานเยอะมากที่เกงๆ
ดวย มันก็สามารถที่จะสงเปนฟรีแลนซไดหมด”
สวนรายไดจากการดาวนโหลดเพลงนั้นคุณกิตติกรมีทัศนะวา อยางไรก็ตามผูบริโภคได
เปลี่ยนพฤติกรรมไปดาวนโหลดเพลงจากเว็บไซตที่ไมเสียคาลิขสิทธิ์เกือบทั้งหมด คุณกิตติกรกลาววา
“พวกดาวนโหลดผานเว็บจริงๆ แลวมันนอยมาก สวนใหญดาวนโหลดเคาก็ไปดาวนโหลดเถื่อนทั้งนั้น”
การทําการตลาดของรายการ ทรู อะคาเดมี่ แฟเทเชีย นับไดวาเปนกรณีศึกษาที่นาสนใจ
เนื่องจากนักการตลาดไดทําความเขาใจผูบริโภครุนใหมและใหอํานาจการมีปฏิสัมพันธทั้ง 4 ขอ ที่คุณ
นัดดาไดกลาวขางตนแกผูบริโภค ทั้งใหอํานาจในการแสดงความคิดเห็น มีสวนรวมเปนสวนหนึ่งของ
ชุมชน ใหอํานาจในการตัดสินใจ ใหอํานาจในการคนหาขอมูลเพิ่มเติม และใหอํานาจในการมีทางเลือก
มากขึ้น คุณนัดดากลาววา “มารเก็ตติ้งของเอเอฟคือคนที่เขาใจในเจเนอรเรชั่นใหม คือพวกนี้เคาได
ตัดสินใจเลือกพวกที่อยูอีก 12 คน เพราะฉะนั้นเคาไดมีอารมณรวมตั้งแตวันที่หนึ่งจนกระทั่งวันที่ไฟ
นอล ไออารมณรวมเนี่ยทําใหเคามีความรูสึกวานับญาติแหละ พอนับญาติมันก็เลยเปนแฟนที่แข็งแรง
นะครับ” คุณนัดดามีมุมมองที่สอดคลองกับกลยุทธของคุณกิตติกรวา “แตอันนึงถาเกิดสังเกตก็คือวา
อัลบั้มเอเอฟไมไดขายดีนะ แตวา ถาเกิดพัดชาจะมาปรากฏตัวใตตึกนี้ ก็คงจะขอลงไปดูนิดนึง ถาเกิด
178
บทบาทของวัฒนธรรมตางชาติในการกําหนดการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเพลงไทย
ในทัศนะของผูใหขอมูลหลักไดจําแนกวัฒนธรรมตางชาติที่มีบทบาทในอุตสาหกรรมเพลง
ในประเทศไทยออกเป น ศิ ล ป น จากประเทศตะวั น ตก ซึ่ ง ได แ ก ประเทศอั ง กฤษและประเทศ
สหรัฐอเมริกา และศิลปนจากประเทศในทวีปเอเชีย ไดแก ประเทศญี่ปุน และประเทศเกาหลี
คุณนัดดาในฐานะกรรมการผูจัดการบริษัทเพลงเครือขายจากประเทศสหรัฐอเมริกาใน
ประเทศไทยไดแสดงทัศนะวา ปจจุบันวัยรุนไทยเริ่มมีระยะหางกับวัยรุนตะวันตกมากขึ้น เนื่องจาก
รสนิยมแตกตางกัน วัยรุนในเอเชียรวมทั้งประเทศไทยยังตองการใหศิลปนมีหนาตาดี กิริยาเรียบรอย มี
ภาพลักษณแบบอุดมคติ แตวัยรุนในประเทศตะวันตกตองการศิลปนที่มีเอกลักษณเปนตัวของตัวเอง
เกินกวาจุดที่วัยรุนในเอเชียจะรับได ศิลปนชายกลุม (Boy Band) ที่ไดรับความนิยมที่สุดในประเทศ
อังกฤษ ไมสามารถประสบความสําเร็จในประเทศสหรัฐอเมริกาได และชวงเวลาเดียวกันนั้นในประเทศ
สหรัฐอเมริกายังเกิดแนวดนตรีฮิพฮอพ ที่ขยายความนิยมเขาไปในประเทศอังกฤษแทน สงผลใหดนตรี
ตะวันตกมีภาพลักษณรุนแรง มีการเจาะจมูก สักตามรางกาย ซึ่งวัยรุนไทยที่เติบโตมาดวยการอบรมที่
แตกต า งไปไม ส ามารถเขา ใจและยอมรับ ได แตกต า งจากศิล ปน เกาหลีแ ละญี่ปุ น ที่มีวั ฒนธรรมที่
คลายคลึงกันวัยรุนไทยจึงยอมรับไดงายกวา
คุณนัดดายกตัวอยางวา “สมมติถาเกิดมีสังคมวัยรุนและคุณมีวงสองวง วงหนึ่งมาบอก
ว า ที่ รั ก ผมรั ก คุ ณ กั บ อี ก คนมาร อ งแบบว า อี อ ว นมึ ง สวยจั ง เลย อั น นี้ มั น จะถู ก ใจมากกว า ใช มั้ ย
179
เพราะฉะนั้นมันก็คือเกิดกระแสที่วาภาษาหรือวัฒนธรรมที่เหมือนกับวาแรง มันลามกลับไปอังกฤษ
แลวมันก็เลยเปนเทรนดเวสเทิรนที่แบบจะเปนอะไร จะเปนวงร็อคตองเจาะจมูก นักรองตอนนี้ไมมีใคร
ไมสักไมได ใชมั้ยครับ ทีนี้วัยรุนไทยเริ่มไมเขาใจตรงนั้นเพราะวาพอแมอบรมมาอีกอยาง ก็เลยเริ่มซึม
ซับ วัฒนธรรมจากตะวันออก ซึ่งก็ยังเปนหนาตาดี ผิวใส แตงตัวหลอ ใชเจลวันละครึ่งหลอดอยูอะไร
แบบนี้ ซึ่งมันก็เลยทําใหทุกคนมองวาเกาหลีมา”
คุณนัดดาอธิบายตอวา สําหรับประเทศไทย กลุมเปาหมายของศิลปนเกาหลีคือกลุม
วัยรุน ชวงอายุระหวาง 12-16 ป และอาจรวมไปถึงกลุมแมบานที่ดูละครเกาหลีอายุในชวง 30 ป แต
เมื่อโตขึ้นมาจนถึงระดับมหาวิทยาลัย เริ่มไดฟงเพลงจากตะวันตกมากขึ้น กลุมเปาหมายนี้จะเริ่ม
เปลี่ยนไปชื่นชมศิลปปนร็อคไทย เชน วงดนตรีบอดี้แสลม วงดนตรีบิ๊กแอสส เปนตน ซึ่งเปนศิลปนที่มี
ความสามารถทางดนตรีและเปนตัวของตัวเอง คุณนัดดากลาววา “คือพอโตขึ้นชอบอะไรที่เปนพูด
งายๆ ตัวจริงเสียงจริง ใชมั้ย มันจะไปทางนั้นไง ซึ่งก็เปนธรรมดาคือ ถามวาถาเกิดเรามีลูกหลานอายุ
12 แลวบอกวา โห หนูชอบแดกบิ๊กแอสมากเลย เราอาจจะเครียด แตถาเกิดหลานเราอายุ 12 เดิน
มาแลวบอกวาชอบเรนมากเลย เราก็ยังมีความรูสึกวาปกติ”
แตวัฒนธรรมเหลานี้เปนเรื่องไมยั่งยืน ในความเห็นของคุณนัดดาคิดวาวัฒนธรรมเกาหลี
จะได รั บ ความนิ ย มอี ก เพี ย งไม น าน เนื่ อ งจากอย า งไรก็ ต ามความสามารถในการแข ง ขั น ทั้ ง ด า น
เทคโนโลยีและการออกแบบของประเทศเกาหลียังไมสามารถเทียบเคียงกับประเทศญี่ปุนได วัฒนธรรม
ญี่ปุนจะกลับมาไดรับความนิยมอีกครั้งหนึ่ง ในปจจุบันศิลปนญี่ปุนมีรูปแบบการนําเสนอตนเองและ
การแสดงคลายศิลปนตะวันตก คือเลนดนตรีรุนแรงและมีความเปนตัวของตัวเอง ในขณะที่ศิลปน
เกาหลีไดรับความนิยมเนื่องจากความสามารถในการทําการตลาด และจะหมดอายุการทํางานเมื่ออายุ
25 ป คุณนัดดากลาววา “ผมมีความรูสึกวาเกาหลีเนี่ยจะอยูอีกไมนาน เพราะเอสเซนสที่จริงของเกาหลี
ความเดิรนทางเทคโนโลยี ความเกงเรื่องดีไซนทั้งหลายยังไงก็สูญี่ปุนไมได ผมเชื่อวาวันนึงญี่ปุนจะ
กลับเขามา แตปญหาหนึ่งของญี่ปุนคือ ญี่ปุนไมบีลีฟในไอดอลแลวไง ตอนนี้ถาเกิดไปอยูในมิวสิคซีน
ญี่ปุนจะเปนแตงตัวทั้งวง ทาคอสเมติค แตวาเปนวงที่เลนดนตรีแรงๆเกือบหมด จะไมคอยมีแบบ
กองแกงๆ คือเคาก็ไปตามวัฒนธรรมตะวันตกมาก ก็คือวาญี่ปุนตอนนี้ก็เปนตัวจริงเสียงจริงแตวามี
เมคอัพ ทาลิปสติค แตเลนแรงคือจะเปนไปทางเกรย ไปทางเอ็กซแจแปน จะไปทางอยางนั้นมากกวา
เกาหลีมารเก็ตติ้งลวนๆ พออายุเกิน 25 ก็ตกกระปอง”
คุณเทียนชัยแสดงทัศนะเรื่องความนิยมศิลปนเกาหลีของวัยรุนไทยในปจจุบันในมุมมอง
ของผู ผลิ ตว า เป น สิ่ง ที่ ดี เพราะเป น ทางเลือ กใหม ใหกั บผูบริ โภค กระแสความนิ ย มดนตรี มี ค วาม
เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเชนเดียวกับกระแสความนิยมดานการแตงกาย ดังนั้นกระแสความนิยมศิลปน
เกาหลีอาจจะมีอยูอีกไมนาน และจะมีกระแสความนิยมอื่นๆ มาแทนที่ “เกาหลีมาเกาหลีก็ดีก็ขาย
180
การใหความสําคัญตอลิขสิทธิ์ทางปญญา
การไมใหความสําคัญตอลิขสิทธิ์ทางปญญาเปนสาเหตุสําคัญที่กอใหเกิดปญหาการ
บริโภคสินคาละเมิดลิขสิทธิ์และการดาวนโหลดเพลงผิดกฏหมายทางอินเทอรเน็ต คุณนัดดาอธิบายวา
ประเทศที่ประชาชนใหความเคารพลิขสิทธิ์ทางปญญา เชน ประเทศอังกฤษและประเทศญี่ปุน รายได
จากการจําหนายผลิตภัณฑบันทึกเสียงลดลงนอยมาก คุณนัดดายกตัวอยางวา “คนญี่ปุนอยูกับไอพี
คือลิขสิทธิ์ทางปญญามา 70 กวาปแลว ตั้งแตกอนอเมริกาดวยซ้ําไป อังกฤษนะเปนประเทศที่คนชอบ
เพลงมาก เปนประเทศเดียวที่เอเวอเรจ คนซื้อซีดี 2 แผนตอหัวประชากรเยอะมากๆ ของพวกเราเนี่ย
ประมาณ 0.2 แผนตอประชากรหรืออะไรสักอยางเนี่ย ของเคา 2 แผนเพราะเคาจะมีความรูสึกวาฉัน
ชอบคนนี้ฉันตองอุดหนุน แลวการไดฟงเพลงในวิทยุแลวเดินเขาไปในรานทาวเวอรเร็คคอรดหรือวา
เวอรจิ้น เมคกาสโตรเนี่ย เปนอุปนิสัยประจําอาทิตยเมื่อวันหยุด”
คุณสรรคชัยกลาววา “ผลก็คือวาวันนี้เนี่ยอุตสาหกรรมเพลงทั่วโลกในอเมริกาหรือวา
ญี่ปุนที่ไหนตอไหนตลาดลดลง เชน ในญี่ปุนซึ่งเปนประเทศที่คอนขางจะไมมีปญหาในเรื่องของการ
183
การปรับตัวของอุตสาหกรรมเพลงในตางประเทศ
คุณสรรคชัยไดอธิบายถึงพัฒนาการของเทคโนโลยีที่กอใหเกิดปญหาตออุตสาหกรรม
เพลงทั่วโลกวา ปญหาที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมเพลงที่มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนรูปแบบของเพลงจาก
รูปแบบอะนาล็อกมาสูรูปแบบดิจิตอล (MPEG) สงผลใหผูบริโภคสามารถดาวนโหลดเพลงจากเว็บไซต
ไดโดยไมเสียคาใชจาย เมื่อเกิดปญหาขึ้นอุตสาหกรรมเพลงจึงผลิตโปรแกรมปองกันสิทธิ์เพลงดิจิตอล
(DRM: Digital Right Management) ขึ้น ซึ่งมีแนวคิดคือทําใหผูบริโภคไมสามารถเปดไฟลเพลงใน
เครื่องคอมพิวเตอรที่ไมมีซอฟแวรลิขสิทธิ์ และไมสามารถทําซ้ําไฟลเพลงดังกลาวได คุณสรรคชัย
อธิ บ ายว า “ลั ก ษณะของเพลงของไฟล เ อ็ ม เพ็ ค ทั้ ง หมดเนี่ ย มั น ไม ส ามารถจะล็ อ กอะไรได เ ลย
เพราะฉะนั้นพอไอตัวนี้เกิดปบมันก็เลยเกิดซอฟแวรที่จะเอนดโคดพวกเว็บไฟลที่มันอยูบนซีดีหรือวีดีโอ
ไฟลที่จะใหมาเปนไฟลทั้งหมด ก็ทําใหเกิดการแชรฟรีหรือการดาวนโหลดบนเว็บมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะ
ที่มันเกิดอันนี้ขึ้นเนี่ยอุตสาหกรรมเพลงก็คิดแบบเกา ก็คือจะใชวิธีการในการที่วาจะตองปองกันการ
ก็อบป โดยการที่แตละคายก็เสียเวลาและเสียเงินทองไปมหาศาล ในการคิดสิ่งที่เรียกวาดีอารเอ็ม”
184
คุณสรรคชัยอธิบายถึงปญหาที่เกิดขึ้นจากการสรางโปรแกรมปองกันลิขสิทธิ์เพลงดิจิตอล
ขางตนคือแตละบริษัทตางผลิตโปรแกรมของตนเอง เชน โปรแกรมของบริษัทโซนี่ บริษัทแอปเปล เปน
ตน สงผลใหผูบริโภคจะตองซื้อโปรแกรมหลายโปรแกรมสําหรับใชงานกับเพลงของบริษัทเพลงแตละ
แหง นับเปนการริดรอนสิทธิของผูบริโภคที่ฟงเพลงลิขสิทธิ์ ในขณะที่ผูที่ดาวนโหลดเพลงจากเว็บไซตไม
มีคาใชจายใดๆ ในที่สุดผูบริโภคจึงไมบริโภคสินคาลิขสิทธิ์ คุณสรรคชัยกลาววา “คนที่ซื้อโปรแกรมกับ
คนที่ซื้อเพลงเนี่ยกลับกลายเปนวาเปนคนที่ถูกจํากัด ในขณะที่คนที่ไมซื้อเพลงเนี่ยและดาวโหลดพวก
เอ็มเปกสาม (MPEG3) อะไรตออะไรพวกนี้ที่เปนอันล็อค ไฟลอะไรที่ไมสามารถจะล็อคไดกลายเปน
คนที่ไดรับประโยชนมากที่สุด ผลที่มันเกิดขึ้นก็คือวาผูบริโภคก็ไมยอมที่จะไปซื้อเครื่องใหมและก็ไมเสีย
เงินในการซื้อดวย”
คุณสรรคชัยอธิบายตอวาประมาณป พ.ศ. 2549-2550 จึงไดมีการรวมมือกันระหวาง
บริษัทเพลงในสหรัฐอเมริกาบางบริษัทกับเว็บไซตยาฮู (www.yahoo.com) เริ่มจําหนายเพลงโดยไมมี
การปองกันลิขสิทธิ์ จนกระทั่งในปจจุบันอุตสาหกรรมเพลงจึงจําเปนจะตองจําหนายเพลงระบบดิจิตอล
โดยไมมีการปองกันลิขสิทธิ์ สงผลใหบริษัทเพลงทุกบริษัทตองรวมตัวกันเกิดเปนแบบจําลองธุรกิจใหม
คุณสรรคชัยยกตัวอยางวา “มีการเอ็กซเทอเมนกันระหวางคายเพลงในอเมริกาบางคายกับยาฮูเริ่มขาย
เพลงโดยที่ ไ ม มี ดี อ าร เ อ็ ม ตรงนั้ น เนี่ ย มั น เกิ ด การกระจายตั ว ออกมาหมด จนกระทั่ ง วั น นี้ เ นี่ ย
อุตสาหกรรมเพลงจําเปนที่จะตองขายเพลงบนอินเทอรเน็ตโดยไมมีดีอารเอ็มแลว แอปเปลที่ทําไอจูนก็
ไมสามารถที่จะประสบความสําเร็จไดเมื่อเทียบกับขนาดตลาด ไมวาจะเปนญี่ปุนหรือที่ไหนก็ตาม ผลก็
คือวาเมื่ออุตสาหกรรมเพลง หรืออารเอเอเร็คคอรดส เปนชื่อของอเมริกาเนี่ย สมาคมไมสามารถ
ปรับตัวได ก็ทําใหคายเพลงทุกคายรวมกันหมด บิสสิเนสโมเดลวันนี้มันก็ถูกเปลี่ยนใหม”
คุณสรรคชัยเสนอแนวคิดวา ผูประกอบการในปจจุบันจะตองเปลี่ยนมุมมองที่มีตอธุรกิจ
ใหมวา อุตสาหกรรมนี้เปนอุตสาหกรรมของเนื้อหาไมใชอุตสาหกรรมเพลง สิ่งที่จะแปรเปนรายได
ประกอบดวย 4 ปจจัยคือ หนึ่งตัวเพลง แบงออกเปน 2 รูปแบบคือ ผลิตภัณฑบันทึกเสียงและระบบ
ดิจิตอล สองตัวของศิลปน สามเนื้อหา เชน มิวสิควิดีโอ และสุดทายคือการแสดง ซึ่งผูประกอบการ
จะตองจัดการใหสอดคลองกันเพื่อใหอุตสาหกรรมฟนตัว คุณสรรคชัยอธิบายวา “อุตสาหกรรมเพลง
เนี่ยเราตองมองวาคืออุตสาหกรรมคอนเทนท สิ่งที่มันขายไดจากนั้นก็คือมี 4 อยาง อันที่หนึ่งคือตัว
เพลงมันเองซึ่งตอนนี้แบงออกเปนสองฟอรแมต คือเปนดิจิตอลฟอรแมตกับอีกอันคือซิงเกิ้ลซีดีหรือดีวีดี
อันที่สองมันสามารถจะขายพวกเมอรเทนไดซิ่งที่เกี่ยวกับตัวของศิลปนได อันที่สามเนี่ยมันสามารถที่จะ
เอามาปดเปนคอนเทนทเชนพวกมิวสิควีดีโอ หรืออะไรตออะไรมาขายได อันที่ สี่เนี่ยมันสามารถขาย
โชวไดนะ เพราะฉะนั้นสี่ตัวนี้ก็ถูกอิมมิเกรทเขาหากันเพื่อทําใหอุตสาหกรรมเพลงเกิดการฟนตัว”
185
นอกจากนี้ผูประกอบการในอุตสาหกรรมยังมีการสรางมูลคาจากคลังเพลงเกา (Music
Library) ที่มีอยู โดยการรวมมือกับผูใหบริการเครือขายโทรศัพทเคลื่อนที่ คุณสรรคชัยกลาววา “คาย
เพลงไมมีตนทุนและเพราะวา แบ็คคะตาล็อกของคุณไดถูกสรางรายไดไปหมดแลว คุณสามารถขาย
เคาไดในราคาเดียวกับลูกคาของคุณแลวคุณไดกําไรมาเต็มๆ เลย แลวคุณจะไปสนใจอะไร” คุณ
สรรคชัยยกตัวอยางดังนี้ “เหมือนอยางวันนี้โนเกียเคาออกมาแพ็คเกจชื่อ โอวี่ เปนผลิตภัณฑของเคา
เคาไปจายเงินใหยูนิเวอรซัลเรคคอรดเปนจํานวนหลายสิบลานเหรียญเลย เพื่อจะเอาไลบรารี่ของเคา
มาใหลูกคาไดฟงฟรีเปนเวลา 2 เดือน หลังจากนั้นก็จะตองเสียตังคเพราะฉะนั้นจะเห็นไดวาตอนนี้
มิวสิคแคมปตางๆ ซื้อไรทเพื่อจะเอาไอพวกเพลงไปขายบนมือถือแลว คายเพลงอื่น คายมือถือตางๆ ก็
เริ่มทํากันหมด พวกโอเปอรเรเตอรตางๆ ก็ทํากันหมด ซึ่งสุดทายแลวคายเพลงที่จะทําเงินไดก็จะเอา
แบ็คคะตาล็อกที่มีมูลคาไปขายสิทธิ์ใหกับคนพวกนี้”
คุณสรรคชัยกลาววาในปจจุบันผูใหบริการดาวนโหลดเพลงและผูใหบริการเครือขาย
โทรศั พ ท เ คลื่ อ นที่ ต า งซื้ อ ลิ ข สิ ท ธิ์ เ พลงเพื่ อ สร า งคลั ง เพลงของตน ทั้ ง นี้ ก ารที่ ผู ใ หบ ริ ก ารเครื อ ข า ย
โทรศัพทเคลื่อนที่ตางใหความสําคัญตอการสรางรายไดจากการดาวนโหลดเพลงเพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก
การทํ า วิ จั ย พบว า ผู ใ ช โ ทรศั พ ท เ คลื่ อ นที่ แ บบสมาร ท โฟนมี ก ารใช ง านด า นอื่ น ๆ มากกว า
โทรศัพทเคลื่อนที่ปกติถงึ รอยละ 30 สาเหตุเพราะการออกแบบใหมีการใชงานที่งายและมีความเสถียร
จึงทําใหผูบริโภคดาวนโหลดเพลงมากขึ้น คุณสรรคชัยกลาววา “สมัยกอนโทรศัพทมือถือมีเมมโมรี่นอย
มีความสามารถนอย เพราะฉะนั้นมันยากที่จะเอาเพลงเปนริงโทนไดก็ตองมีการทําแบบโมโนโฟนิคแลว
ก็มาเปนโพลี โฟนิคมันก็ยังยากอยู แตมาในวันนี้เนี่ยเครื่องมันมีความสามารถสูงขึ้นเอ็มพีทรีเนี่ยมัน
สามารถเปน ริงโทนไดละ เพราะฉะนั้นวันนี้ตลาดริงโทนเมื่อกอนนี้สิบบาทวันนี้ซื้อริงโทน 39 บาท
คนใชไอโฟนเนี่ยพบวามีการใชดาตามากกวาโทรศัพทปกติ 30 เปอรเซ็นตเพราะวายูไอมันงายมากใน
การที่จะทําใหคุณกดนูนกดนี่ และดาวนโหลดของไดตลอดเวลา”
คุณนัดดากลาวถึงการปรับตัวของอุตสาหกรรมเพลงในตางประเทศวา ผูประกอบการใน
ประเทศไทยไดมีการปรับตัวกอนอุตสาหกรรมในตางประเทศมาเปนเวลานาน เนื่องจากกอนหนานี้
บริษัทเพลงในตางประเทศประกอบธุรกิจดวยการผลิตและจัดจําหนายผลงานเพลงเทานั้น แตใน
ปจจุบันเริ่มขยายธุรกิจไปสูธุรกิจอื่นๆ อยางครบวงจรที่เรียกวา 360 องศา คุณนัดดากลาววา “เราปรับ
กอนเคา ก็คือถาเกิดพูดกันจริงๆ ฝรั่งตอนนี้มาเที่ยวพูดปาวๆ วาฉันจะเปน 360 องศา เมื่อกอนเนเจอร
ของคําวาคายเพลงมันมีหนาที่แคขายเทปซีดีกับดิจิตอล แลววันนึงก็มาบอกวาฉันเปน 360 องศา
เพราะฉะนั้นฉันจะมีโชว ฉันจะทําคอนเสิรต ฉันจะทําอะไรดวย ซึ่งจริงๆ แกรมมี่กับอารเอสทํามาตั้ง
นานละ ฉะนั้นถาเกิดถามวาในอุตสาหกรรมเราเปลี่ยนมากกอนเคาตั้งนานแลว แต เวิรลดวายดตอนนี้
คือทุกคนอยากจะเซ็นศิลปน ก็จะตองเซ็นวาขอใหฉันไดโชวดวย ขอใหฉันไดโฆษณาดวยนะ”
186
ขอเสนอแนะในการปรับกระบวนทัศนสําหรับอุตสาหกรรมเพลงในประเทศไทย
การปรับกระบวนทัศนของอุตสาหกรรมเพลงในประเทศไทยที่ไดเริ่มปรับไปแลวที่เห็นได
ชัดเจน คือ
1. ทุกบริษัทปรับลดขนาดขององคกรลง
2. เริ่มทําความเขาใจกับสถานการณที่เกิดขึ้น เปลี่ยนมุมมองในการทําการตลาด ใช
งบประมาณในการประชาสัมพันธวงดนตรีลูกทุงมากขึ้นเพื่อเขาถึงกลุมผูฟงระดับ
รากหญาซึ่งยังเปนฐานรายไดสําหรับสินคากลุมผลิตภัณฑบันทึกเสียง
3. มีการทําการบริหารจัดการศิลปนมากขึ้น เชน จัดการแสดงในรานอาหาร ผับ บาร
เปนพรีเซ็นเตอรสินคา เปนตน เพื่อเปนการสรางชองทางรายไดดานอื่นๆ ทดแทน
รายไดจากการจําหนายผลิตภัณฑบันทึกเสียง ซึ่งเรียกวา สามรอยหกสิบองศา
187
สวนการแกปญหาอยางยั่งยืนคือ จะตองเกิดความรวมมือกันทั้งในสวนของผูประกอบการ
ในอุตสาหกรรมเพลงเอง และอุตสาหกรรมเพลงกับชองทางอื่นๆ เพื่อใหเกิดแบบจําลองธุรกิจใหมที่มี
ความชัดเจนทั้งรูปแบบวิธีการและการจัดสรรรายได คุณนัดดาเสนอวา “ผมวาการแกปญหาที่ยั่งยืน
ที่สุดก็คือตองเปลี่ยนดิจิตอลโมเดลใหเปนแฟรโมเดลใหได คือผมกําลังบอกวาจริงๆ เนี่ย ตลาดไทยเนี่ย
โตขึ้นตั้ง 20-30% ตอนนี้มูลคาเนี่ย 8,000 ลานแลวเนี่ยก็คือ เทป-ซีดี 4,000 ดิจิตอล 4,000 แตเผอิญ
ทุกคนดูเหมือนกับตกเนี่ยเพราะวา 4,000 ที่เปนดิจิตอลเนี่ยเราไมไดมีสิทธิ์มีสวนเลย เพราะฉะนั้นก็คง
เปนหนาที่ของคายเพลงที่จะตองไปนั่งคุยกับโอเปอรเรเตอรไปโกรวไอ 4,000 นี้เนี่ยใหมันเปน 6,000
แตวาคัดใหมันแฟรขึ้น อันนั้นแหละจะเปนเรื่องจีรัง ไอสปอนเซอรอะไรทั้งหลายเนี่ยมันไมจีรังหรอก
เพราะวาคือคุณก็มีสตารของคุณอยูในมือไมเกิน 5 ไมเกิน 10 หรอก”
คุณสรรคชัยไดเสนอวิธีการสรางรายไดแกอุตสาหกรรม ดังนี้
1. การจัดจําหนายเพลงระบบดิจิตอลโดยการใหผูบริโภคสมัครสมาชิกทางอินเทอรเน็ต
คุณสรรคชัยกลาววา “วงดนตรีวงหนึ่งสามารถจะทําเพลงเพลงนึงออกมาแลวเปลี่ยนทุกวันหรือเปลี่ยน
ดนตรี เปลี่ยนเนื้อรอง เปลี่ยนเวอรชั่น เปลี่ยนอะไรตออะไรเนี่ยแลวก็โพสตมาบนเว็บไซตเพื่อใหคน
สามารถจะล็อกอินเขาไปและสามารถดาวนโหลดมาฟงได และก็ไดรับงานเปนสมาชิกก็ไดงานอาจจะ
ไดรับงานทั้งปของเคาหรือของวงๆ นั้นไป อาจจะมีวิธีที่ตอนสุดทายสามารถจะไดดิจิตอลซีดีที่ตัวเอง
สามารถคอมบายเวอรชั่นที่ตองการและก็สงมาใหทางเมลก็ได หรือจะสงไปเปนไอเอสโออิมเมจ แลวให
คุณเบิรนซีดีดวยตนเองก็ได” “การขายซับสคริบชั่นเนี่ยมันจะเปนอะไรที่แบบคุณไดแฟนจริงๆ ที่วาเคา
ยินดีที่จายเพื่อใหศิลปนของเคาเนี่ยสามารถที่จะสรางสรรคงานไดออกมาตอเนื่อง ซึ่งในวันนี้โมเดลนี้ยัง
ไมไดถูกทําอาจจะมีคนทําไปแลวก็ไดแตเราไมรู”
2. การจัดจําหนายเพลงระบบดิจิตอลโดยการจําหนายเปนเพลงเดี่ยว “อันนี้เนี่ยตอไปใน
อนาคตมันก็จะเกิดมากขึ้นเพราะวา ไมวามิวสิคแมททหรือวาเปนพวกลักซัวรี่หรือวาเปนไอทูนพวกเนี้ย
ตอไปนี้ตองปลดดีอารเอ็มหมดแลว แลวมันตองขายกันเปนเพลงซึ่งวิธีการขายนั้นก็ขายไดสองอยาง
ขายในเอ็มพีกับการเปนตัวเพลงเอง ซึ่งมันก็ตองมีแวลูเอชั่นก็คือวาอาจจะมีแวลูเอชั่นคุณซื้อเปนเอ็ม
เพ็กทรีอยางเดียว หรือคุณซื้อเปนอิมเมจไฟลซึ่งคุณสามารถจะมาไรทไอเอสโอควอลิตี้ไฟลเดียวที่เปน
เวบเนี่ยไดดว ย อาจจะราคาแตกตางกัน”
3. ลดคาใชจายโดยการลดขนาดขององคกร “กอนนี้เนี่ยคายเพลงคายเพลงนึงอาจจะมี
คน 400 คน ตอนนี้เนี่ยดวยบิสสิเนสโมเดลใหมที่เกิดขึ้นเนี่ยเชนการขายซับซิสเต็มบนเว็บหรือวาการ
ขายเพลงกันเปนเพลงๆ ก็จะตองเปลี่ยนวิธีใหมโดยการที่วาคุณจะตองลดคนใหมากที่สุด โดยการที่วา
188