Professional Documents
Culture Documents
World War II
(ค.ศ. 1939 – 1945)
สาเหตุของสงครามโลกครั้งที่ 2
1. ความไม่ยุติธรรมของสนธิสัญญาหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยเฉพาะสนธิสัญญาแวร์ซายส์
(Versailles Treaty) ซึ่งได้ระบุให้เยอรมนีต้องรับผิดชอบจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามจานวนมาก ถูกลดกาลังทหาร
และอาวุธ เยอรมนีต้องสูญเสียดินแดนของตนคือ อัลซาสลอเรน(Alsace Larraine)ให้แก่ฝรั่งเศส ต้องยอมยก
ดินแดนภาคตะวันออกให้โปแลนด์ไปหลายแห่ง ต้องยอมให้สันนิบาตชาติเข้าดูแลแคว้นซาร์เป็นเวลา 10 ปี
เกิดฉนวนโปแลนด์(Polish Corridor) ผ่านดินแดนภาคตะวันออกของเยอรมนี เพื่อให้โปแลนด์ มีทางออกไปสู่
ทะเลบอลติกที่เมืองดานซิก ซึ่งเยอรมนีถูกบังคับให้ยกดินแดนดังกล่าวให้โปแลนด์ เพื่อใช้ประโยชน์ทาง
เศรษฐกิจ ยังผลให้ปรัสเซียตะวันออกถูกแยกออกจากส่วนอื่นของเยอรมนี ซึ่งฮิตเลอร์ถือว่าเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจ
ยอมรับได้
เมื่อฮิตเลอร์(Adolf Hitler) ได้ก้าวขึ้นสู่อานาจในช่วงนี้ สร้างกระแสชาตินิยม ฉีกสนธิสัญญาแวร์
ซายส์ และพัฒนาอุตสาหกรรมและการทหาร จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ สงครามโลกครั้งที่ 2 (World War II)
2. ความขั ดแย้ ง ทางด้า นอุ ดมการณ์ ท างการเมือ งระหว่ างระบอบประชาธิ ปไตยกั บ
ระบอบเผด็จการ ปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทาให้หลายประเทศหัน
ไปใช้ระบอบเผด็จการเพื่อแก้ปัญหาภายใน เช่น เยอรมนีและอิตาลีนาไปสู่การแบ่งกลุ่มประเทศ
เพราะประเทศที่มีระบอบการปกครองเหมือนกันจะรวมกลุ่มกัน
ความแตกต่ า งทางด้ า นการปกครอง กลุ่ ม ประเทศฟาสซิ ส ต์ มี ค วามเข้ ม แข็ ง มากขึ้ น
ได้รวมกันเป็นมหาอานาจอักษะ โรม – เบอร์ลิน – โตเกียว (Rome-Berlin-Tokyo Axis) จุดประสงค์
แรก คือเพื่อต่อต้านรัสเซีย ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์ ต่อมาได้ขยายไปสู่การต่อต้านชนชาติ ยิวและนาไปสู่
ความขัดแย้งกับประเทศฝ่ายสัมพันธมิตร
3. ลัทธิชาตินิยมในประเทศเยอรมนีอิตาลีและญี่ปุ่น เนื่องจากความไม่เป็นธรรมของสนธิสัญญา
แวร์ซายส์ และเยอรมนีพัฒนาตนเองจนแข็งแกร่งเป็นอาณาจักรเยอรมนีที่ 3 และมีนโยบาย บุกรุกดินแดน
(นโยบายสร้างชาติภายใต้ระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ในอิตาลี นาซีในเยอรมัน และเผด็จการทหารในญี่ปุ่น
4. ลั ท ธิ นิ ย มทางทหาร ได้ แ ก่ การสะสมอาวุ ธ เพื่ อ ประสิ ท ธิ ภ าพของกองทั พ ท าให้ เ กิ ด
ความเครียดระหว่างประเทศมากขึ้น และเกิดความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน
5. ความล้มเหลวขององค์การสันนิบาตชาติ สหรัฐอเมริกาไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก การไม่มีกอง
กาลังประจาของตัวเอง การไม่สามารถจัดการกับประเทศที่ฝ่าฝืนกฎบัตรของสันนิบาตชาติได้ เช่น
- กรณีญี่ปุ่นรุกรานแมนจูเรีย ใน ค.ศ. 1931 เมื่อญี่ปุ่นส่งทหารเข้าไปในแมนจูเรียของจีน แล้วตั้ง
รัฐแมนจูกัวขึ้น ทาให้จีนร้องเรียนต่อสันนิบาติชาติ ดังนั้นสันนิบาติชาติจึงสั่งให้ญี่ปุ่นถอนกาลังทหารออกจาก
แมนจูเรีย แต่ญี่ปุ่นไม่ปฏิบัติตามและยังได้ประกาศถอนตัวจากการเป็นสมาชิกองค์การสันนิบาตชาติในเดือน
มีนาคม ค.ศ. 1933 อิตาลี เยอรมนีและการที่เยอรมนีไม่ยอมปฏิบัติตามสนธิสัญญาแวร์ซายส์
- กรณีอิตาลีรุกรานเอธิโอเปีย เป็นการปฏิบัติในลักษณะเดียวกับที่ญี่ปุ่นรุกรานแมนจูเรีย โดยใน
ปี ค.ศ. 1935 มุสโสลินี ได้ส่งกาลังทหารเข้าไปในเอธิโอเบีย โดยองค์การสันนิบาตชาติดาเนินการด้วยการให้
มาตรการบีบบังคับทางเศรษฐกิจ จึงทาให้อิตาลีลาออกจากการเป็นสมาชิกขององค์การสันนิบาตชาติ อีกทั้ง
มาตรการทางเศรษฐกิจดังกล่าว ก็ล้ มเหลวเพราะไม่ไ ด้ควบคุมไปถึงผลผลิตทางน้ามันและสิ่ งอื่นๆ ที่ มี
ค ว า ม ส า คั ญ ต่ อ อิ ต า ลี ใ น ที่ สุ ด เ อ ธิ โ อ เ ปี ย จึ ง ต ก เ ป็ น ข อ ง อิ ต า ลี
นอกจากนี้ สันนิบาตชาติล้มเหลวในเรื่องนโยบายลดกาลังอาวุธในบรรดาชาติสมาชิกอีกด้วย
6. สภาวะเศรษฐกิจตกต่่าทั่วโลก ซึ่งเป็นผลจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ทั้งประเทศผู้แพ้และ
ชนะสงคราม ต้องประสบปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนัก ต่างฝ่ายต่างแข่งขันกันฟื้นฟูเศรษฐกิจและใช้
มาตรการต่างๆ กีดกันประเทศอื่นๆ ทาให้เศรษฐกิจโลกทรุดต่าลงไปอีก จนเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่า
ทั่วโลก ในปี ค.ศ. 1929 – 1933
คู่สงคราม
ฝ่ ายอักษะ (Axis Powers) ฝ่ ายพันธมิตร
ฝ่ ายทีก่ ่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ ายพันธมิตร ประกอบไปด้วย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหภำพโซเวียต
ฝ่ ายอักษะ ประกอบไปด้วย แกนนำหลัก คือ เยอรมนี อิตำลี จีน และ สหรัฐอเมริ กำซึ่ งประเทศทั้ง 5 นี้ต่อมำได้เป็ นสมำชิก
และญี่ปุ่นในนำมของกลุ่มอักษะ โรม – เบอร์ ลิน – โตเกียว ถำวรของคณะมนตรี ควำมมัน่ คงแห่ งสหประชำชำติ (UN)
(Rome-Berlin-Tokyo Axis)ที่มีกำรแถลงวัตถุประสงค์หลัก
ในตอนต้นว่ำ เพื่อต่อต้ำนขบวนกำรคอมมิวนิสต์สำกล
ประเทศแกนนา แกนนาหลัก
อิตำลี (นำโดย เบนิโต มุสโซลินี) - สหรำชอำณำจักร(อังกฤษ) นำโดยวินสตัน เชอร์ชิลล์
นำซี เยอรมนี (นำโดย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ) - สหภำพโซเวียต (รัสเซี ยในปัจจุบนั )
ญี่ปนุ่ (นำโดย สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ) - ฝรั่งเศส
- สหรัฐอเมริ กำ
- สำธำรณรัฐประชำชนจีน
ประเทศอื่นทีส่ นับสนุน ประเทศอื่นทีส่ นับสนุน
- โรมำเนีย - ออสเตรเลีย
- ฮังกำรี - แคนำดำ
- บัลแกเรี ย - สเปน
- ลิเบีย - โปรตุเกส
ประเทศอื่นทีใ่ ห้ ความร่ วมมือ - ฟิ ลิปปิ นส์
- โครเอเชีย
- ฟิ นแลนด์
- ไทย (น ำโดย จอมพล ป. พิบูลสงครำม)
- อินเดีย
วิกฤตการณส่าคัญก่อนสงคราม
1. เยอรมนียกเลิกสนธิสัญญาแวร์ซายส์ ค.ศ. 1936 และสนธิสัญญาโลคาร์ โดยการเข้า
ครอบครองแคว้นไรน์ และ การเพิ่มกาลังอาวุธของเยอรมัน
2. สงครามอิตาลีรุกรานเอธิโอเปีย ค.ศ. 1936 (พิพาทระหว่างอิตาลีกับอังกฤษ ในกรณีที่
อิตาลีบุกเอธิโอเปีย)
3. สงครามกลางเมืองสเปน ค.ศ. 1936 – 1939
4. เยอรมนีรวมออสเตรีย ค.ศ. 1938
5. เยอรมนีรวมเชคโกสโลวาเกีย ค.ศ. 1938
6. อิตาลียึดครองแอลเบเนีย ค.ศ. 1939
7. ปัญหาฉนวนโปแลนด์ค.ศ. 1939
8. การขยายอานาจของญี่ปุ่นในเอเชีย ค.ศ. 1931 – 1939 (ปุ่นรุกรานแมนจูเรีย แล้วตั้ง
เป็นรัฐแมนจูกัว เพื่อเป็นแหล่งอุตสาหกรรมและแหล่งลงทุนใหม่สาหรับตลาดการรค้าของญี่ปุ่น)
ชนวนระเบิดของสงครามโลกครั้งที่ 2
ฉนวนโปแลนด์ (Polish Corridor) มีชาวเยอรมนีอาศัยอยู่มาก เยอรมนีเสียดินแดนส่วนนี้
ให้แก่โปแลนด์ตามสนธิสัญญาแวร์ซาย์ และฉนวนโปแลนด์ยังแบ่งแยกดินแดนเยอรมนี เป็นสองส่วน
คือ ส่วนปรัสเซียตะวันตกและปรัสเซียตะวันออก ฮิตเลอร์ ขอสร้างถนนผ่านฉนวนโปแลนด์ไปปรัสเซีย
ตะวันออก อังกฤษและฝรั่งเศสคัดค้าน
ฮิตเลอร์จึงยกเลิกสัญญาที่เยอรมนีจะไม่รุกรานโปแลนด์ และทาสัญญาไม่รุกรานกับสหภาพ
โซเวียต เยอรมนีเริ่มสงครามด้วยการบุกโปแลนด์ 1 กันยายน ค.ศ. 1939 แบบสายฟ้าแลบ (Blitzkrieg)
กองทัพเยอรมนีบุกโปแลนด์ เมื่อ 1 กันยายน ค.ศ.
1939 เนื่ องจากโปแลนด์ ปฏิ เสธที่ จ ะยกเมื องท่ า ดานซิ ก
และฉนวนโปแลนด์ ในเยอรมนี อั งกฤษและฝรั่งเศส ซึ่ งมี
สัญญาค้าประกันเอกราชของโปแลนด์ อังกฤษและฝรั่งเศส
จึงยื่นคาขาดได้เยอรมันถอนทหารออกจากโปแลนด์ เมื่อฮิต
เลอร์ไม่ปฏิบัติตาม ทั้งสองประเทศ จึงประกาศสงครามกับ
เยอรมนี ในวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1939
เยอรมนีทาการรบแบบสายฟ้าแลบ ได้ชัยชนะอย่างรวดเร็วได้ดินแดนโปแลนด์เนเธอร์แลนด์
เบลเยี่ยม เดนมาร์ก และฝรั่งเศส โจมตีอังกฤษ รัสเซีย ทางอากาศ ซึ่งเป็นการทาสงครามทางอากาศที่
ยิ่งใหญ่ที่สุด
ในระยะแรกของสงครามฝ่ายอักษะได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด แต่หลังจากวัน D-Day (Decision -
Day) ซึ่งเป็นวันที่สัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่มอร์มังดี (Nomandy) ประเทศฝรั่งเศสด้วยกาลังพลนับล้านคน
เครื่องบินรบ 11,000 เครื่อง เรือรบ 4,000 ลา วิถีของสงคราม จึงค่อย ๆ เปลี่ยนด้าน กลายเป็นฝ่าย
สัมพันธมิตรได้เปรียบ
ด้านมหาสมุทรแปซิฟิก
ญี่ปุ่นบุกแมนจูเรีย(จีน)ในปีค.ศ.1931 และเสนอ
แผนการที่ จ ะสถาปนา “วงไพบูลย์ แ ห่งมหาเอเชีย บูรพา”
เพื่อผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ ญี่ปุ่นโจมตี
ฐานทัพเรือสหรัฐอเมริกาที่อ่าวเพิ รล์ฮาร์เบอร์ เมื่อวันที่ 7
ธันวาคม ค.ศ. 1941 สหรั ฐ จึ งเข้ า สู่ ส งครามโลกครั้ งที่ 2
โดยปร ะกาศส งคร ามเข้ า ร่ ว มกั บ ฝ่ ายสั มพั น ธมิ ต ร
ขณะเดี ย วกั น ญี่ ปุ่ น เปิ ด สงครามในเอเชี ย
ตะวันออกเฉียงใต้หรือที่เรียกว่า“สงครามมหาเอเชียบูรพา”
เรือรบยูเอสเอสเวสต์เวอร์จิเนียที่ถูกปกคลุมด้วยควันไฟและเปลวเพลิง
หลังถูกกองทัพญี่ปุ่นโจมตีโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1941
(AFP PHOTO / THE NATIONAL ARCHIVES)
กองทัพเรือสหรัฐที่เสียหายจากการที่ญี่ปุ่นเข้าโจมตีอ่าวเพิร์ล 7 ธันวาคม 1941 เรือพิฆาตแฮมแมนน์ (USS Hammann) ขณะเกิดระเบิดจากตอปิโดของเรือดาน้าญี่ปุ่น
https://www.silpa-mag.com/history/article_40872 ข้างกันคือเรือบรรทุกเครื่องบินยอร์กทาวน์ (USS Yorktown)
(ภาพจาก www.history.navy.mil)
การรบในแปซิฟิก
ญี่ปุ่นเป็นค่สูงครามกับสหรัฐอเมริกา สงครามก็ยุติลงอย่างเป็นรูปธรรมด้วยชัยชนะของฝ่าย
สัมพันธมิตร โดยการทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรกชื่อลิตเติลบอย ที่เมืองฮิโรชิมา เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1945
และลูกที่ 2 ชื่อแฟตแมน ที่เมืองนางาซากิ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1945
และวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ประเทศญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ โดยเซ็นสัญญาสงบศึกที่เรือรบ
มิสซูรี