Professional Documents
Culture Documents
และโซ่อปุ ทาน
หัวข้อการอบรม
ความสาคัญและวัตถุประสงค์ของโลจิสติกส์
ต้นทุนโลจิสติกส์
กิจกรรมโลจิสติกส์
ความสาคัญของโลจิสติกส์ในโซ่อุปทาน
การจัดการโซ่อุปทาน เพือ ่ เพิม่ ประสิทธิภาพและลดต้นทุน
ห่วงโซ่คุณค่า
SCOR Model
การชีว้ ด
ั ศักยภาพ (Performance) ของโซ่อุปทาน
โลจิสติกส์ กับ AEC
การรวมกลุ่มเป็ นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic
Community : AEC) จะนาอาเซียนไปสูก่ ารเป็ นตลาดและฐานการผลิต
ร่วมกัน (Single Market and Production Base) ซึงหมายถึงการทาให้
เกิดการเคลื่อนย้ายอย่างเสรีใน 5 สาขา ประกอบด้วยสินค้าบริการ
การลงทุน แรงงานฝีมอื และเงินทุน ซึง่ แน่นอนว่าการเปิดเสรีดงั กล่าว
ย่อมมีทงั ้ ผูท้ ไ่ี ด้ประโยชน์และเสียประโยชน์มาก น้อยแตกต่างกันตาม
ศักยภาพของผูป้ ระกอบการในแต่ละประเทศ
ธุรกิจโลจิสติกส์ จะเป็ นหนึ่งในธุรกิจทีจ่ ะมีการเปิ ดเสรี ภายใต้ขอ้ ตกลง
ของ AEC ด้วย
การปรับตัวของธุรกิจภายใต้ AEC
พัฒนาศักยภาพทางธุรกิจ ผ่านการโดยการจัดสรรแหล่งวัตถุดบิ และเติมเต็มห่วงโซ่การผลิต
ด้วยทรัพยากรและวัตถุดบิ จากประเทศทีม่ ศี กั ยภาพในการผลิตสินค้าแต่ละกลุ่ม ซึง่ จะช่วยให้
ธุรกิจสามารถบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้มปี ระสิทธิภาพมากยิง่ ขึน้
ปรับปรุงขัน้ ตอนการทางานให้เป็ นระบบ โดยการลดขัน้ ตอนการทางานทีไ่ ม่จาเป็ นลง
โดยเฉพาะขันตอนเอกสาร
้ ซึง่ ถือเป็ นต้นทุนสาคัญประการหนึ่งของธุรกิจ เพือ่ เพิม่
ประสิทธิภาพในการดาเนินงานของธุรกิจ
นาเทคโนโลยีมาใช้…เพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ การนาเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจจะช่วย
ปรับปรุงประสิทธิภาพการดาเนินงาน
หาช่องทางทางการตลาด สร้างพันธมิตรทางธุรกิจและเพิ่มพืน้ ที่ในตลาดผ่านเครือข่าย
พันธมิตร โดยเฉพาะการขยายการลงทุนไปในอาเซียน โดยอาจพิจารณาการร่วมทุนกับ
ธุรกิจท้องถิน่ ในประเทศอาเซียน ซึง่ จะช่วยสร้างตลาดและขยายลู่ทางธุรกิจได้มากขึน้
โลจิสติกส์ กับ AEC
การรวมกลุ่มเป็ นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic
Community : AEC) จะนาอาเซียนไปสูก่ ารเป็ นตลาดและฐานการผลิต
ร่วมกัน (Single Market and Production Base) ซึงหมายถึงการทาให้
เกิดการเคลื่อนย้ายอย่างเสรีใน 5 สาขา ประกอบด้วยสินค้าบริการ
การลงทุน แรงงานฝีมอื และเงินทุน ซึง่ แน่นอนว่าการเปิดเสรีดงั กล่าว
ย่อมมีทงั ้ ผูท้ ไ่ี ด้ประโยชน์และเสียประโยชน์มาก น้อยแตกต่างกันตาม
ศักยภาพของผูป้ ระกอบการในแต่ละประเทศ
ธุรกิจโลจิสติกส์ จะเป็ นหนึ่งในธุรกิจทีจ่ ะมีการเปิ ดเสรี ภายใต้ขอ้ ตกลง
ของ AEC ด้วย
ผลกระทบของ AEC ต่อธุรกิจ
โอกาส
ส่งออกไปตลาดอาเซียนเพิม่ ขึน ้ : ภาษีนาเข้าในกรอบอาเซียนทีล่ ดลง ช่วยสร้างความได้เปรียบ
ด้านราคาของสินค้าไทยเทียบกับสินค้านอกกลุ่มอาเซียน
ต้นทุนด้านภาษีนาเข้าตา่ ลง: ผูป ้ ระกอบการมีตน้ ทุนการนาเข้าสินค้าจากประเทศอาเซียน
ด้วยกันต่าลง ซึง่ ช่วยเพิม่ ส่วนต่างกาไร
ช่วยเพิม่ ศักยภาพในการจัดหาวัตถุดบ ิ : ผูป้ ระกอบการ มีโอกาสนาเข้าวัตถุดบิ จากแหล่งวัตถุดบิ
ทีม่ คี ุณภาพเหมาะกับความต้องการ และเติมเต็มห่วงโซ่การผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึน้
ผลกระทบ
สินค้าส่งออกของไทยอาจเผชิญการแข่งขันรุนแรงขึน ้ ในตลาดประเทศที ่ 3 จากคูแ่ ข่งในอาเซียน
ทีส่ ามารถผลิตสินค้าได้คล้ายคลึงกับสินค้าไทย
สินค้าชาติอาเซียนอืน่ มีแนวโน้มเข้ามาตีตลาดภายในประเทศมากขึน ้ โดยเฉพาะสินค้าจาก
ประเทศเพือ่ นบ้าน
ผลกระทบของ AEC ต่อธุรกิจ
โอกาส
ธุรกิจ SMEs ไทยมีโอกาสจ้างแรงงานต่างชาติทม ี ่ คี ุณสมบัตติ ามต้องการได้สะดวกขึน้
แรงงานวิชาชีพไทยอาจได้รบ ั แรงกระตุน้ ให้มกี ารพัฒนาคุณภาพแรงงานและมาตรฐานมากยิง่ ขึน้
เอื้อโอกาสการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศอาเซียนด้วยกันเองเพิม่ ขึน ้
ผลกระทบ
การเปิ ดเสรีแรงงานฝีมอื อาจทาให้มก ี ารเคลือ่ นย้ายแรงงานจากประเทศทีใ่ ห้คา่ ตอบแทนตา่ ไปยัง
ประเทศทีใ่ ห้คา่ ตอบแทนสูงกว่า
การแข่งขันของตลาดแรงงานในประเทศจะมีทวีความเข้มข้นมากขึน ้ เนือ่ งจากการไหลเข้าของ
แรงงานต่างชาติทเ่ี พิม่ ขึน้
ภาวะการแข่งขันจากธุรกิจต่างชาติรน ุ แรงขึน้ : เนื่องจากการเปิดเสรีการลงทุนภายใต้กรอบ
อาเซียนน่าจะมีสว่ นดึงดูดให้นกั ลงทุนจากชาติอาเซียนขยายการลงทุนภายในอาเซียนมากขึน้
การจัดการโซ่อปุ ทาน
โซ่อปุ ทาน (Supply Chain)
กระบวนการต่างๆทีท่ างานประสานกันโดยมีเป้าหมายเพือ่ สร้างความพอใจให้กบั
ลูกค้า โดยเริม่ ต้นตัง้ แต่กระบวนการจัดซือ้ จัดหา การผลิต การเคลื่อนย้าย การ
ขนส่ง การจัดเก็บ การจัดจาหน่าย การขาย รวมถึงการนาเทคโนโลยีสารสนเทศ
มาใช้ในการสนับสนุนกระบวนการต่างๆ ให้สามารถดาเนินการประสานกันได้
อย่างคล่องตัว
Components of Supply Chains
Upstream Supply Chain (ห่วงโซ่อปุ ทานที่เข้าสู่ผผู้ ลิต)
ประกอบด้วยกระบวนการทีเ่ กีย่ วกับการจัดหาโดยมีผเู้ กีย่ วข้องหลักคือ
Supplier
Internal Supply Chain (ห่วงโซ่อปุ ทานภายในกระบวนการผลิต)
ประกอบด้วยกระบวนการทีเ่ กีย่ วกับการเปลีย่ น Input ให้เป็ น Output โดยมี
ผูเ้ กีย่ วข้องหลักคือ ผูผ้ ลิต (Manufacturer).
Downstream Supply Chain (ห่วงโซ่อปุ ทานที่เข้าสู่ลกู ค้า)
ประกอบด้วยกระบวนการทีเ่ กีย่ วกับการจัดส่งสินค้าให้สมู่ อื ผูบ้ ริโภค
การจัดการโซ่อปุ ทาน
การจัดการโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) คือการรวบรวมการ
วางแผน และการจัดการของกิจกรรมทัง้ หมดทีม่ คี วามเกีย่ วข้องกับการจัดหา
การจัดซือ้ การแปรสภาพ และกิจกรรมการจัดการทัง้ หมด ทีส่ าคัญการจัดการ
โซ่อุปทานยังรวมถึงการประสานงาน (Coordination) และการทางานร่วมกัน
(Collaboration) กับหุน้ ส่วนต่างๆในโซ่อุปทานซึง่ จะเป็ นผูจ้ ดั ส่งวัตุดบิ ตัวกลาง
ผูใ้ ห้บริการ ผูใ้ ห้บริการลอจิสติกส์และลูกค้า แก่นสาคัญก็คอื การจัดการโซ่
อุปทานจะบูรณาการ (Integrate) ทัง้ การจัดการอุปสงค์และอุปทาน ซึง่ รวมถึง
ทัง้ ภายในและภายนอกบริษทั
Three Primary Flow
Information Flow
Raw
Materials Distributor Customer
Parts
Supplier
Raw
Manufacturer Distributor Retailer Customer
Materials
Parts
Supplier
Raw Distributor Customer
Materials
Manufacturer
CDC
consumers
Farms Produce Wholesaler
Concessionaire
customers
Components
Suppliers
customers
14 Manisra Baramichai School of Engineering UTCC Manisra
School Baramichai UTCC
of Engineering
Components of Supply Chains
Upstream
Internal
Downstream
Horizontal Integration
มีความสะดวก และสามารถอาศัยความรู้ ความสามารถขององค์กรอื่นๆ มา
สร้างความแข่งแกร่งให้กบั องค์กรตนเองได้
องค์กรสามารถ Focus ในสิง่ ทีต่ นเองถนัด และมีความสามารถมากสุด
ไม่ตอ้ งมีการลงทุนมากในการขยายกิจการ
Logistics
กิจกรรมหรือการกระทาใดๆ เพือ่ ให้ได้มาซึง่ สินค้าและบริการ รวมถึงการเคลือ่ นย้าย ,
จัดเก็บ และกระจายสินค้า จากแหล่งทีผ่ ลิต จนสินค้าได้มกี ารส่งมอบไปถึงแหล่งทีม่ ี
ความต้องการ โดยกิจกรรมดังกล่าว จะต้องมีลกั ษณะเป็ นกระบวนการแบบบูรณาการ
โดยเน้นประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยมีเป้าหมายในการส่งมอบแบบทันเวลา (Just
in Time) และเพือ่ ลดต้นทุน โดยมุง่ ให้เกิดความพอใจแก่ลกู ค้า (Customers Satisfaction)
และส่งเสริมเพือ่ ให้เกิดมูลค่าเพิม่ แก่สนิ ค้าและบริการ
โลจิสติกส์ 25
ตัวอย่างกิจกรรมโลจิสติกส์
เมือ่ รถขนส่งถึงร้านค้าเหล่านี้ พนักงานจะทาการขนสินค้าลง และจัดเข้าร้าน
ต่างๆ(กิจกรรมการกระจายสินค้า ช่องทางการกระจาย)
เมือ่ เครือ่ งดื่มเหล่านี้ถกู จาหน่ายออกไป ก็มกี ารคิดเงินโดยใช้ Barcode ข้อมูล
ของเครือ่ งดื่มทีข่ ายไปจะวิง่ กลับมายังบริษทั ผลิตเครือ่ งดื่ม ทาให้บริษทั ทราบว่า
เครือ่ งดื่มแต่ละประเภทได้จาหน่ายออกไปแล้วเท่าไร ต้องนาไปส่งเพิม่ หรือไม่
(กิจกกรมด้านการจัดการข้อมูลสารสนเทศ)
ความสาคัญของโลจิสติกส์
โลจิสติกส์เป็ นรายจ่ายทีส่ าคัญสาหรับธุรกิจต่างๆ และจะส่งผลกระทบและได้รบั
ผลกระทบจากกิจกรรมอื่น ในระบบเศรษฐกิจ การปรับปรุงประสิทธิผลของ
กระบวนการด้านโลจิสติกส์ จะส่งผลโดยตรงต่อการปรับปรุงสภาพเศรษฐกิจ
โดยรวมให้ดขี น้ึ ได้
การจัดการโลจิสติกส์ทด่ี จี ะส่งเสริมการพัฒนาประสิทธิภาพและผลิตภาพการผลิต
ของภาคอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ตลอดห่วงโซ่คุณค่าเพือ่ เพิม่
มูลค่าเพิม่ ให้สนิ ค้าอุตสาหกรรม
โลจิสติกส์เป็ นการเพิม่ อรรถโยชน์ทางด้านเวลาและสถานที่ โดยให้มกี ารนาสินค้า
ทีล่ กู ค้าต้องการเพือ่ บริโภคหรือเพือ่ การผลิตไปยังสถานทีท่ ต่ี อ้ งการ ในเวลาที่
ต้องการ ในสภาพทีต่ อ้ งการ และในต้นทุนทีต่ อ้ งการ
วัตถุประสงค์ของการบริหารจัดการโลจิสติกส์
ทาให้กจิ กรรมโลจิสติกส์มตี น้ ทุนทีต่ ่าลง (Low Cost)
ทาให้กจิ กรรมโลจิสติกส์สามารถจัดหาวัตถุดบิ ส่งสินค้าตรงตามเวลาที่
ต้องการ (Time Deliveries)
ทาให้ระยะเวลาในการตอบสนองคาสังซื
่ อ้ และส่งมอบสินค้าให้กบั ลูกค้า
ลดลง (Shorten Lead Time)
ทาให้กจิ กรรมโลจิสติกส์สามารถตอบสนองความต้องการต่างๆ ของลูกค้า
ได้เป็ นอย่างดี (Meeting Customer Requirement/ Expectation)
วัตถุประสงค์ของการบริหารจัดการโลจิสติกส์
ทาให้กจิ กรรมโลจิสติกส์มศี กั ยภาพและขีดความสามารถสูงสุด ยืดหยุน่ และ
ปรับเปลีย่ นได้ตามสถานการณ์ตลาด (Being Flexibility and
Responsiveness)
ทาให้กจิ กรรมโลจิสติกส์สามารถรองรับความต้องการของฝา่ ยต่างๆ ใน
บริษทั ได้โดยเฉพาะอย่างยิง่ ฝา่ ยผลิตและฝา่ ยการตลาด (Good Supportive
Roles)
ทาให้กจิ กรรมโลจิสติกส์เป็ นกิจกรรมทีเ่ พิม่ มูลค่าให้กบั ผลิตภัณฑ์หรือ
บริการ (Adding Product / Service Value)
Logistics and Supply Chain
ข้อแตกต่างประการสาคัญระหว่างความหมายของการจัดการโซ่อุปทานและโลจิ
สติกส์ตรงที่การจัดการโซ่อุปทาน เป็ นการจัดการกระบวนการทางธุรกิจหลักทุก
ประเภทที่เชื่อมโยงระหว่างสมาชิกทุกหน่วยที่อยูภ่ ายใต้โซ่อุปทานและเป็ น
แนวทาง การจัดการธุรกิจหลักทุกประเภทที่เชื่อมระหว่างสมาชิกทุกหน่วยที่อยู่
ภายใต้โซ่อุปทานและเป็ นแนวทางการจัดการธุรกิจที่ค่อนข้าง ใหม่กว่า อีกทั้งมี
ขอบเขตที่กว้างกว่าโลจิสติกส์
Supply Flow
Pull Supply chain
Demand Flow
Pull Process
Supply Flow
Mass Customization
การมุง่ เน้นความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่
หลากหลายได้ในขณะทีส่ ามารถรักษาต้นทุนการผลิตได้ดว้ ยการผลิต
ปริมาณมาก ด้วยหลักการใหญ่ๆ คือ
- Modularity คือ การออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึง่ สามารถประกอบ
กันได้หลากหลายชนิด หากแต่ประกอบมาจากชิน้ ส่วนมาตรฐาน
(limited set of standard modules)
- Postponement คือ การเลื่อนการประกอบผลิตภัณฑ์ให้ชา้ ไป
ทางปลายสายการผลิตเท่าทีท่ าได้ เพือ่ จะรองรับความต้องการของ
ลูกค้าได้ตามทีล่ กู ค้ากาหนด
ปัญหาในการจัดการโซ่อปุ ทาน
ขาดการประสานงาน และการทางานร่วมกันของบุคคลในองค์กร โดยเฉพาะใน
ระดับการวางแผนและตัดสินใจ ทาให้แผนของแต่ละแผนกไม่มคี วามเชื่อมโยงกัน
ทัวทั
่ ง้ องค์กร
ไม่มรี ะบบสารสนเทศทีด่ ที าให้ขาดข้อมูลทีถ่ กู ต้องและทันสมัย เมือ่ ข้อมูลไม่
ถูกต้องและการตัดสินใจจึงได้ผลลัพธ์กไ็ ม่ถูกต้อง ทาให้ความสามารถในการ
ตอบสนองความต้องการของลูกค้าลดลง
ขาดกลไกในการตัดสินใจร่วมกัน การประสานงาน ระหว่างสมาชิกในโซ่อุปทาน
ทัง้ ภายในและภายนอก
การสร้างพันธมิตรธุรกิจไม่สามารถทาได้อย่างแท้จริง เนื่องจากขาดความไว้เนื้อ
เชื่อใจกัน
โซ่ อุปทานแบบเก่ า: Functional Enterprise
Information
Material, Product
Payments
Service
Bullwhip Effect
Bullwhip Effect เป็ นปรากฏการณ์ทเ่ี กิดขึน้ ในห่วงโซ่อุปทานเนื่องจากการขาด
การสือ่ สารทีด่ วี า่ อุปสงค์ของลูกค้าทีแ่ ท้จริงเป็ นเท่าใด ทาให้เกิดความเข้าใจคาสังซื
่ อ้
ของลูกค้าตนเองผิดไป
สาเหตุของการเกิด Bullwhip Effect
Lead Time Variability ระยะเวลานาไม่แน่นอนทาให้ลกู ค้ากลัวว่าจะไม่ได้รบั
สินค้าในเวลาทีต่ อ้ งการ จึงมีการสังสิ
่ นค้าเผื่อไว้แล้วเก็บเป็ นสินค้าคงคลัง
Order Batching - อุปสงค์ของลูกค้าอาจะไม่ได้มมี ากครบตามจานวน batch ที่
ตกลงไว้กบั Supplier แต่เนื่องจากเป็ นข้อกาหนดว่าต้องสังสิ
่ นค้าทีละ Batch จึง
ทาให้อุปสงค์ของลูกค้าทีแ่ ท้จริงดูมากขึน้
Price Fluctuation - ความแปรปรวนของราคาทาให้เกิดการซือ้ เพือ่ กักตุนสินค้า
Rationing and Shortage Gaming - และการจัดส่วนส่งเสริมการขาย ทาให้เกิด
การซือ้ เพือ่ กักตุนสินค้าหรือซือ้ มากกว่าความต้องการทีแ่ ท้จริง
โซ่ อปุ ทานแบบใหม่ : Integrated Enterprise
ฐานข้ อมูลกลาง
มีการเชื่อมโยงของโซ่อุปทานภายในองค์กร มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล
(Information Sharing) และร่ วมมือกัน (Collaboration) ระหว่าง
แผนกต่างๆ ในองค์กร
โซ่ อปุ ทานแบบใหม่ : Extended Enterprise
Networked Information Flow
มีการเชื่อมโยงของโซ่อุปทานทั้งภายในและภายนอกองค์กร มีการ
แลกเปลี่ยนข้อมูล (Information Sharing) และร่ วมมือกัน (Collaboration)
ระหว่างแผนกต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เช่นผูผ้ ลิตสิ นค้ามีการ
แลกเปลี่ยนข้อมูลของความต้องการลูกค้ากับ Supplier โดยอาศัย
เทคโนโลยี Internet
Supply Chain Integration
ความสาเร็จในการบริหารโซ่อุปทานเพือ่ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของ
ลูกค้าได้อย่างยืดหยุน่ และ รวดเร็ว ขณะทีต่ น้ ทุนลดต่าลงอยูท่ ค่ี วามสามารถใน
การบูรณาการของกระบวนการหลักทางธุรกิจทัง้ ภายในและภายนอก ให้สามารถ
ร่วมกันวางแผนและดาเนินธุรกิจเป็ นหนึ่งเดียวโดยให้ความสาคัญกับผลประโยชน์
โดยรวมของทัง้ โซ่อุปทานมากกว่าบริษทั ใดบริษทั หนึ่งโดยเฉพาะ ความร่วมมือกัน
เป็ นหนึ่งนี้อาจจะเกิดขึน้ ได้ในหลายรูปแบบ เช่น
การบูรณาการกระบวนการภายในของบริษทั รวมถึงการบูรณากระบวนการของลูกค้าผูจ้ ดั หา
วัตถุดบิ และ พันธมิตรทางธุรกิจทีส่ าคัญเข้ากับกระบวนการภายในของบริษทั
การบูรณาการเทคโนโลยีการสือ่ สารและสารสนเทศ เพือ่ ให้การแลกเปลีย่ นและประสานข้อมูล
ข่าวสารภายในองค์กรและระหว่างองค์กรเป็ นไปอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
การบูรณาการวางแผนรวมกันทัง้ ภายนอกและภายใน เป็ นการรวมมือกันของทุกๆองค์กรในโซ่
อุปทาน
Supply Chain Operation
Reference Model (SCOR)
Supply Chain Reference Model (SCOR)
เป็ นการรวบรวมกระบวนการมาตรฐานในโซ่อุปทาน 5 ส่วน คือ การ
วางแผน การจัดหาแหล่งวัตถุดบิ สินค้าและบริการ การผลิต การ
จัดส่งและส่งมอบ การส่งคืนสินค้าจากลูกค้า กระบวนการมาตรฐานจะ
ถูกแบ่งในลักษณะเป็ นกลุ่ม ซึง่ ใช้อธิบายความสัมพันธ์ภายในโซ่
อุปทานได้ ในอุตสาหกรรมทีต่ ่างกันหรือเป็ นอุตสาหกรรมคนละ
ประเภทกัน ก็สามารถทีจ่ ะเชื่อมต่อกันได้หรือสามารถแสดง
ความสัมพันธ์กนั ได้ภายใต้แบบจาลองโซ่อุปทาน และสามารถทีจ่ ะนา
แบบจาลองโซ่อุปทานนี้มาอธิบายและเป็ นพืน้ ฐานในการพัฒนาและ
ปรับปรุงโซ่อุปทาน
Supply Chain Reference Model (SCOR)
Plan
Deliver Source Make Deliver Source Make Deliver Source Make Deliver Source
Customer’s
Suppliers’ Supplier Your Company Customer
Customer
Supplier
Internal or External Internal or External
SCOR Model
61
6
SCOR Level 1
Supply Chain Operations
Supply Chain
่ ป
การปฏิบ ัติการในโซอ ุ ทาน
Customer processes
Plan
processes
Supplier processes
Return Return
Standard Processes
Process, arrow indicates material flow direction
Process, no material flow Information flow
62
62
SCOR Level 2
Manisra Baramichai
SCOR Level 3
S1 Source
Stocked Product
P2.4 แผนการจัดซือ้
ES2 ข้อมูลผูผ้ ลิต
D1.3 รับสัญญาณของใกล้หมด
D1.4 รวบรวมคาสังซื ่ อ้
ES4 ทีว่ าง ES9 เครดิตการค้า
สินค้าจากผูข้ าย
S1.1 S1.2 S1.3 S1.4 S1.5
ตารางการรับ
ตรวจสอบ
สินค้าจาก รับสินค้า จัดเก็บ สังจ่
่ ายเงิน
สินค้า
ผูผ้ ลิต
ES1,ES2 ตรวจ D1.8 เตรียมส่งของ ใบรับสินค้า
ส่งสัญญาณให้ผขู้ าย ES6 รับสินค้าเข้า ประเมิน
P2.2 เลือกผูข้ าย
D1.8 ส่งข้อมูลให้เตรียมรถ
ทีม
่ ก
ี ารเปลีย
่ นแปลง
Cost (CO) ต ้นทุนในการบริหารจัดการกระบวนการในโซ่
อุปทาน
Assets (AM) ความสามารถและประสท ิ ธิผลในการจัดการ
ิ ทรัพย์ เพือ
สน ่ สนับสนุนการตอบสนองคาสงั่ ซอ
ื้
ของลูกค ้า
65
ตัวชี้วดั ศักยภาพของโซ่อปุ ทาน
Reliability
Line Item On Time and In จานวนการส่งสินค้าตามคาสังซื
่ อ้ ทีม่ กี ารจัดส่งสินค้าเต็มจานวนตามคาสังซื
่ อ้
Full และตรงเวลา
จานวนคาสังซื
่ อ้ ทัง้ หมด
จานวนคาสังซื
่ อ้ ทัง้ หมด
Responsiveness
Order Fulfillment Cycle Time รอบเวลาตัง้ แต่ได้รบั คาสังซื
่ อ้ จากลูกค้าจนกระทัง้ ลูกค้าได้รบั สินค้า
ตัวชี้วดั ศักยภาพของโซ่อปุ ทาน
Agillity
Upside Supply Chain กรณีทม่ี คี าสังซื
่ อ้ ทีไ่ ม่ได้สงตามเวลาปกติ
ั่ หรือลูกค้าของเพิม่ คาสังซื
่ อ้
Flexibility กะทันหัน (เช่นเพิม่ ขึน้ 20%) บริษทั ของท่านจะสามารถตอบสนองคา
สังซื
่ อ้ ได้ภายในเวลากีว่ นั
ตัวชี้วดั ศักยภาพของโซ่อปุ ทาน
Cost
ร้อยละของต้นทุนสินค้าขายต่อยอดขาย
Cost of Goods Sold
ต้นทุนสินค้าขาย= ต้นทุนวัตถุดบิ + ต้นทุนแรงงานทางตรง+ ค่าใช้จา่ ยอื่นๆ
ต้นทุนของสินค้าขาย ในการผลิต
Total Supply Chain ร้อยละของต้นทุนการจัดการโซ่อุปทานต่อยอดขาย.
management Cost ต้นทุนการจัดการโซ่อุปทาน=ต้นทุนของกระบวนการวางแผน + ต้นทุนการ
ต้นทุนการจัดการโซ่อุปทาน จัดซือ้ + ต้นทุนการผลิต+ต้นทุนการส่งมอบ + ต้นทุนการส่งคืน + ค่าความ
ทัง้ หมด เสีย่ ง
Warranty or Return
Processing Cost
ต้นทุนของกระบวนการส่งคืนสินค้าต่อยอดขาย
ต้นทุนกระบวนการรับประกัน
หรือการส่งคืน
ตัวชี้วดั ศักยภาพของโซ่อปุ ทาน
Cost
ใช้บ่งบอกจานวนวัสดุหรือสินค้าคงคลังทีเ่ ก็บในคลังสินค้า ว่าสามารถ
Inventory Days of Supply ตอบสนองความต้องการได้เป็ นจานวนกีว่ นั แบ่งเป็ น วัตถุดบิ ) สินค้าคงคลัง
จานวนวันทีส่ นิ ค้าคงคลังพร้อม ระหว่างการผลิต(WIP), สินค้าสาเร็จรูป
ขาย จานวนวันทีส่ นิ ค้าคงคลังพร้อมขาย =มูลค่าของสินค้าคงคลังเฉลีย่ / ต้นทุน
สินค้าขาย
ตัวชีว้ ดั รอบกระแสเงินสดซึง่ ใช้บง่ บอกว่าบริษทั มีการจัดการการหมุนเวียน
ของเงินสดได้ดเี พียงใด โดยนับจากเวลาทีมก่ี ารชาระเงินให้กบั ผูส้ ง่ มอบ
Cash to Cash Cycle Time
จนกระทังลู ่ กค้าชาระเงินค่าสินค้าให้บริษทั
รอบเวลากระแสเงินสด รอบเวลากระแสเงินสด= ระยะเวลาเฉลีย่ ในการจัดเก็บสินค้า + ระยะเวลาทีจ่ ะ
ได้รบั เงินจากลูกค้า – ระยะเวลาทีต่ อ้ งจ่ายเงินให้กบั ผูส้ ง่ มอบ
ใช้บ่งบอกความรวดเร็วในการหมุนเวียนวัสดุหรือสินค้าคงคลัง ไปเป็ นรายได้
Inventory Turn over หรือไปใช้งานแบ่งเป็ นวัตถุดบิ , สินค้าคงคลังระหว่างการผลิต(WIP), สินค้า
จานวนรอบหมุนเวียนของสินค้า สาเร็จรูป
อัตราการหมุนเวียนของสินค้า = ต้นทุนขาย ( Cost of Good Sold) / มูลค่า
คงคลัง สินค้าคงคงคลังเฉลีย่
สายโซ่แห่งคุณค่า (Value chain)
สายโซ่แห่งคุณค่า (Value chain)
เป็ นแนวคิดทีว่ า่ ด้วยคุณค่าหรือราคาของสินค้าทีล่ กู ค้าหรือผูซ้ อ้ื ยอม
จ่ายให้กบั สินค้าตัวใดตัวหนึ่ง ซึง่ คุณค่าของสินค้าเหล่านี้เป็ นผลจาก
กิจกรรมในกระบวนการดาเนินงานของบริษทั ต่างๆทีอ่ ยูม่ นห่วงโซ่
อุปทาน เพือ่ สร้างให้สนิ ค้านัน้ มีคุณค่าต่อเจ้าของ สินค้า ซึง่ มี
กิจกรรมต่าง ๆ เกิดขึน้ มากมายระหว่างการดาเนินงาน และกิจกรรม
เหล่านี้มคี วามสัมพันธ์กนั คล้ายลูกโซ่ทต่ี ่อเนื่อง
Value: Basic Equation
กิจกกรมหลักใน Value Chain
กิจกรรมหลัก 5 กิจกรรมทีม่ สี ว่ นช่วยในการเพิม่ คุณค่าให้กบั สินค้าและบริการเป็ นกิจกรรมที่
เกีย่ วข้องกับการผลิตหรือสร้างสรรค์สนิ ค้าหรือบริการ การตลาดและการขนส่งสินค้าหรือ
บริการไปยังผูบ้ ริโภค ประกอบด้วย
Inbound Logistics กิจกรรมทีเ่ กีย่ วข้องกับการได้รบั การขนส่ง การจัดเก็บและการ
แจกจ่ายวัตถุดบิ
Operations กิจกรรมทีเ่ กีย่ วข้องกับการเปลีย่ นหรือแปรรูปวัตถุดบิ ให้ออกมาเป็ นสินค้า เป็
นขันตอนการผลิ
้ ต
Outbound Logistics กิจกรรมทีเ่ กีย่ วข้องกับการจัดเก็บ รวบรวม จัดจาหน่ายสินค้าและ
บริการไปยังลูกค้า
Marketing and Sales กิจกรรมทีเ่ กีย่ วกับการชักจูงให้ลกู ค้าซือ้ สินค้าและบริการ
Customer Services กิจกรรมทีค่ รอบคลุมถึงการให้บริการเพือ่ เพิม่ คุณค่าให้กบั สินค้า
รวมถึงการบริการหลังการขาย
กิจกรรมสนับสนุนใน Value Chain
กิจกรรมสนับสนุน เป็ นกิจกรรมทีช่ ว่ ยส่งเสริมและสนับสนุนให้กจิ กรรมหลักสามารถทางาน
ประสานงานกันได้ดจี นก่อให้เกิดคุณค่า ซึง่ นอกจากกิจกรรมสนับสนุ นจะทาหน้าทีส่ นับสนุน
กิจกรรมหลักแล้ว กิจกรรมสนับสนุนยังทาหน้าทีส่ นับสนุนซึง่ กันและกันอีกด้วย ประกอบด้วย
Procurement กิจกรรมในการจัดซือ้ -จัดหา input เพือ่ มาใช้ในกิจกรรมหลัก
Technology Development กิจกรรมเกีย่ วกับการพัฒนาเทคโนโลยีและระบบสารสนเทศที่
ช่วยในการเพิม่ คุณค่าให้สนิ ค้าและบริการหรือกระบวนการผลิต
Human Resource Management กิจกรรมทีเ่ กีย่ วข้องกับการบริหารทรัพยากรบุคคล ตัง้ แต่
วิเคราะห์ความต้องการ สรรหา และคัดเลือก ประเมินผล พัฒนา ฝึกอบรม ระบบเงินเดือนค่าจ้าง
และแรงงาน
Firm Infrastructure โครงสร้างพืน้ ฐานขององค์กร ได้แก่ ระบบบัญชี ระบบการเงิน การ
บริหารจัดการขององค์กร
Value Chain –Value Adding
Stage of Production Value Value of
Added Product
Farmer produces and $0.25 $0.25
harvests wheat
Wheat transported to mill $0.08 $0.33
75
การจาแนกประเภทกิ จกรรม
Value Chain –Value Adding
76
การจาแนกประเภทกิ จกรรม
Value Chain –Value Adding
77
Value Chain –Value Adding
กิจกรรมที่ กิจกรรม ก
สร้ างมูลค่ า
ความสูญเสีย กิจกรรม ข
Demand Forecasting
Material Planning Demand Planning
แผนจัดซื ้อ แผนจัดซื ้อ
Production
แผนจัดการวัสดุคงคลัง
Plan
แผนจัดการวัสดุคงคลัง แผนจัดการวัสดุคงคลัง
Order Management
การจัดการคลังสินค้า
93 กรมอุตสาหกรรมพื ้นฐานและการเหมืองแร่
หัวข้อการอบรม
1. การจัดการคลังสินค้า
2. ตัวชี้วดั ประสิทธิภาพของการจัดการคลังสินค้า
3. การออกแบบและวางผังคลังสินค้า
4. อุปกรณ์ที่ใช้ในคลังสินค้า
5. การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้า
ความสาคัญของคลังสินค้า
สนับสนุนการให้บริการลูกค้า
ความสะดวก ถูกต้อง รวดเร็ว และต้นทุนต่า
สนับสนุนการผลิตให้เป็ นไปอย่างราบรื่น
ลดเวลานา ป้องกันวัตถุดบ ิ ขาดแคลน ป้องกันปญั หาจากฤดูกาล ปญั หาการขนส่ง
เพื่อรองรับสินค้าจากการผลิต
การผลิตเป็ นล็อตขนาดใหญ่ (mass production) เพือ ่ ความคุม้ ค่า
การผลิตไว้จาหน่ ายตามฤดูกาล
การผลิตและจัดเก็บเพือ ่ เก็งกาไร
เพื่อจัดเก็บวัตถุดิบจากการจัดซื้อ
การจัดซือ ้ เป็ นล็อตขนาดใหญ่ เพือ่ ได้สว่ นลดจากราคา คุม้ ค่าการขนส่ง
เพือ ่ รองรับปญั หาด้านราคาวัตถุดบิ
เพื่อเก็บสินค้าที่ใช้ในการส่งเสริมการขาย
ของแถม ของแจก
คลังสินค้า และกิจกรรมในคลังสินค้า
ความสัมพันธ์ของคลังสินค้ากับกิจกรรมอื่นๆ
การจัดการคลังสินค้ากับการผลิต
คลังสินค้ากับการผลิตมีความสัมพันธ์กนั มาก กล่าวคือ การผลิตทีผ่ ลิตเป็ นปริมาณ
น้อยแต่ทาการผลิตบ่อยๆ หรือการผลิตทีผ่ ลิตตามคาสังซื ่ อ้ ของลูกค้า หรือทีเ่ รียกว่า
ระบบการผลิตแบบตามคาสังซื ่ อ้ (Make to order) นัน้ จะทาให้ตน้ ทุนด้านพัสดุคง
คลังน้อย แต่ตน้ ทุนการตัง้ สายการผลิตสูง (Setup cost) ซึง่ อาจจะสูงมาก จนทาให้
ต้นทุนรวมของการผลิตสูง ในทางตรงกันข้ามในระบบการผลิตทีผ่ ลิตต่อครัง้ เป็ น
ปริมาณมาก (Make to stock) ซึง่ จะทาให้ตน้ ทุนการตัง้ สายการผลิตต่า แต่ตอ้ งมี
ต้นทุนพัสดุคงคลังสูง (Inventory carrying cost) ซึง่ มีความจาเป็ นต้องสร้าง
คลังสินค้ารองรับ และมีระบบการจัดการคลังสินค้าทีม่ ปี ระสิทธิภาพ
ความสัมพันธ์ของคลังสินค้ากับกิจกรรมอื่นๆ
การจัดการคลังสินค้ากับการขนส่ง
คลังสินค้ากับการขนส่งมีความสัมพันธ์กนั มาก กล่าวคือ ในการขนส่งทีต่ อ้ งการ
รวบรวมสินค้าก่อนการขนส่ง(Consolidate) เพือ่ ประโยชน์ของการขนส่งทีเ่ ป็ น
ปริมาณมาก นัน้ จาเป็ นต้องใช้คลังสินค้าเป็ นจุดรวบรวมและกระจายสินค้า
(Consolidate point) ทัง้ นี้เพือ่ เป็ นการประหยัคค่าขนส่ง (Transportation cost)
ถึงแม้วา่ การขนส่งบางประเภทจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งลงได้โดยไม่ตอ้ งใช้
คลังสินค้าช่วย เช่น ระบบการขนส่งแบบ Milk run แต่กต็ อ้ งใช้ระบบการจัดการ
ผลิตทีม่ ปี ระสิทธิภาพและต้องอาศัยการแบ่งปนั ข้อมูลทีม่ าก และยังต้องการระบบ
การจัดการทีม่ ปี ระสิทธิภาพสูงด้วย
ความสัมพันธ์ของคลังสินค้ากับกิจกรรมอื่นๆ
การจัดการคลังสินค้ากับการบริการ
คลังสินค้ากับการบริการมีความสัมพันธ์กนั มาก กล่าวคือ ในกิจการบาง
ประเภทต้องการระดับการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทีร่ วดเร็วและ
แม่นยา เช่น ระบบ Quick response ในธุรกิจสินค้าอุปโภค บริโภค
(Consumable product) นัน้ จาเป็ นต้องใช้คลังสินค้าและระบบการจัดการ
คลังสินค้าทีม่ ปี ระสิทธิภาพเพือ่ ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่าง
รวดเร็ว ซึง่ เป็ นการเพิม่ ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ
99 กรมอุตสาหกรรมพื ้นฐานและการเหมืองแร่
ประเภทของคลังสินค้า
คลังสินค้าสาหรับเก็บรักษา (Storage)
คลังสินค้าสาหรับกระจายสินค้า (Distribution Center) เป็ น
คลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse)
คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ ได้แก่คลังสินค้าซึง่ ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิ เช่น
Frozen Storage , คลังสินค้าเก็บเคมีหรือคลังสินค้าเก็บไวน์
คลังยุทธ์ปจั จัย เป็ นคลังสินค้าทีม่ ไี ว้เพือ่ การทหาร
คลังสินค้าเทกอง มักจะเป็ นคลังสินค้าทีไ่ ม่มหี ลังคา ใช้ในการเก็บพืชไร่ , แร่ธาตุ
คลังสินค้าประเภทไซโลและถัง (Silo & Tank) ซึง่ มีลกั ษณะปิดมิด
คลังสินค้าสาหรับกระจายสินค้า
(Distribution Center)
วัตถุประสงค์ของคลังประเภทกระจายสินค้า
เพือ่ ความรวดเร็วในการกระจายสินค้าโดยรวม การกระจายสินค้าต้องสอดคล้องกับการ
ประชาสัมพันธ์สนิ ค้า ในด้านการผลิตต้องมีการกระจายสินค้าไปสูค่ ลังสินค้าต่างๆ ได้ตรง
ตามแผนการผลิตของลูกค้า
ประหยัดต้นทุนรวมของสินค้า โดยการผลิตทีเ่ รียกว่า Zero Stock
ใช้เป็ นกลยุทธ์ในการกระจายสินค้า เพือ่ ให้ได้เปรียบคูแ่ ข่งขัน โดยอาจไปตัง้ คลังสินค้าใกล้
กับลูกค้า
ใช้เป็ นศูนย์รวบรวมสินค้า เพือ่ ให้มปี ริมาณพอเพียงกับการจัดส่ง เช่น การบรรจุสนิ ค้าแบบ
Consolidate คือรวบรวมสินค้าของแต่ละผูส้ ง่ หรือผูข้ าย ซึง่ มีจานวนไม่พอเพียงทีจ่ ะจัดส่ง
ให้เต็มตู้ Container
คลังสินค้ากับศูนย์กระจายสินค้า
คลังสินค้า (Warehouse) ศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center)
เก็บสินค้าทุกประเภท เก็บสินค้าน้อยประเภทโดยเน้นเฉพาะสินค้าทีอ่ ยูใ่ นความ
ต้องการของตลาด
ดาเนินงานส่วนใหญ่ประกอบด้วยการรับ การดาเนินงานส่วนใหญ่ประกอบด้วยการรับ จัดส่ง
จัดเก็บ เลือกหยิบและการจัดส่ง กระจาย คัดแยก เปลีย่ นถ่ายสินค้า และบริการโลจิสติกส์
ไม่มกี จิ กรรมทีท่ าให้เกิดมูลค่าเพิม่ แก่ มีกจิ กรรมทีส่ ามารถทาให้เกิดมูลค่าเพิม่ แก่สนิ ค้ามากซึง่
สินค้า รวมทัง้ การประกอบสินค้าขัน้ สุดท้าย (บรรจุ ติดฉลาก)
มีการเก็บข้อมูลทีเ่ กีย่ วข้องทีละงวด การเก็บข้อมูลทีเ่ กีย่ วข้องทันทีทเ่ี กิดขึน้ จริง
เน้นการส่งสินค้าตามทีต่ อ้ งการโดยให้ เน้นการจัดส่งสินค้าให้ลกู ค้าตามทีต่ อ้ งการโดยให้เกิด
ต้นทุนการดาเนินงานต่าสุด กาไรสูงสุด
กิจกรรมหลักของการคลังสินค้า
1. การรับสินค้า (Goods Receipt)
2. การตรวจพิสจู น์ทราบ (Identify goods)
3. การตรวจแยกประเภท (Sorting goods)
4. การจัดเก็บสินค้า (Put away)
5. การดูแลรักษาสินค้า (Holding goods)
6. การนาออกจากทีเ่ ก็บ (Picking)
7. การบรรจุ (Packaging) และ การให้บริการหลังหารผลิต (Post Manufacturing
Service)*
8. การเตรียมการจัดส่งสินค้า (Staging goods)
9. การจัดส่ง (Shipping)
Warehousing Process and Activities
Order
Management
ERP
Inbound Warehouse System Transportation
Management Outbound
Products Management
Products
Identifying
Put-away Picking Packaging
Sorting
Traditional
Post-Mfg
Storage Services
Receiving
ข้อควรระวังในการใช้ Cross Docking
Demand ควรจะมีความแน่นอน (Demand Stability)
ต้องมีการประสานงานอย่างใกล้ชดิ กับผูส้ ง่ มอบ (Supplier) รวมถึงผูส้ ง่ มอบต้อง
เชื่อถือได้มฉิ ะนัน้ จะรวนทัง้ ระบบ (มักมีคา่ ปรับเข้ามาใช้หากนาส่งสาย)
ต้องใช้คอมพิวเตอร์ชว่ ยสนับสนุนในการรับ ส่ง ข้อมูลและประสานงาน
ไม่เหมาะสมกับสินค้าทีต่ อ้ งใช้เวลาในการตรวจสอบคุณภาพหรือมาตรฐานสินค้านาน
เนื่องจากมีการส่งสินค้าถีข่ น้ึ ดังนัน้ อาจเกิดปญั หาสินค้าอาจจะถูกส่งในระวางทีน่ ้อย
กว่าปริมาณเต็มหนึ่งพาเล็ตได้งา่ ย และมักมีปริมาณไม่ถงึ หนึ่งคันรถ ทาให้คา่ ขนส่ง
เพิม่ ขึน้
ต้องมีพน้ื ทีส่ าหรับการขนถ่ายสินค้าพอประมาณในคลังสินค้าสาหรับกิจกรรมการคัด
แยกสินค้า
กิจกรรมหลักของการคลังสินค้า
1. การรับสินค้า (Goods Receipt)
2. การตรวจพิสจู น์ทราบ (Identify goods)
3. การตรวจแยกประเภท (Sorting goods)
4. การจัดเก็บสินค้า (Put away)
5. การดูแลรักษาสินค้า (Holding goods)
6. การนาออกจากทีเ่ ก็บ (Picking)
7. การบรรจุ (Packaging) และ การให้บริการหลังการผลิต (Post Manufacturing
Service)*
8. การเตรียมการจัดส่งสินค้า (Staging goods)
9. การจัดส่ง (Shipping)
งานรับสินค้า (Goods Receipt)
รายละเอียดของการปฏิบตั งิ านรับสินค้ามีความแตกต่างกัน ขึน้ อยูก่ บั
แบบสินค้า และสิง่ อานวยความสะดวกในการเก็บรักษา
นอกจากนัน ้ สินค้าทีร่ บั เข้ามา ก็มาจากแหล่งต่างกัน การขนส่งใช้
ยานพาหนะทีแ่ ตกต่างกัน ภาชนะ หรือหีบห่อบรรจุมลี กั ษณะแตกต่าง
กัน
สิง่ เหล่านี้มผี ลต่อรายละเอียดในการปฏิบตั งิ านรับสินค้า ทาให้แตกต่าง
กันออกไปด้วย
การจัดทาเอกสารในการรับสินค้า และการดาเนินกรรมวิธแี รกรับที่
รวดเร็วมีความสาคัญต่อการดาเนินงานคลังสินค้าทีม่ ปี ระสิทธิผล
การตรวจพิสจู น์ ทราบ (Identify and Sort Goods)
เป็ นกระบวนการในการตรวจสภาพ จานวน และคุณสมบัตขิ องสินค้าที่
จะได้รบั เข้ามานัน้ ว่าถูกต้องตรงตามเอกสารการส่งหรือไม่เพือ่ รับรอง
ความถูกต้องในเรือ่ งของ ชื่อ แบบ หมายเลข หรือข้อมูลอื่นๆ ซึง่ เป็ น
ลักษณะเฉพาะของสินค้ารายการนัน้
เป็ นกระบวนการแยกประเภทสินค้า ออกเป็ นหมวดหมู่ เพือ ่ ความ
สะดวกในการเก็บรักษา เช่น เป็ นของดี ของชารุด ของเก่า ของใหม่
ความจาเป็ นในเรือ ่ งเหล่านี้อาจไม่เหมือนกันกับคลังสินค้าแต่ละ
ประเภท
งานจัดเก็บสินค้า (Put away)
การขนย้ายสินค้าจากพืน้ ทีร่ บั สินค้าเข้าไปยังตาแหน่งเก็บทีไ่ ด้ไว้
กาหนดไว้ล่วงหน้า และจัดวางสินค้านัน้ ไว้อย่างเป็ นระเบียบ
บันทึกเอกสารเก็บรักษาทีเ่ กีย ่ วข้องเช่น บัตรตาแหน่งเก็บ ป้ายประจา
กอง
ต้องมีการวางแผน เพือ ่ ให้สามารถจัดเก็บสินค้าอย่างเป็ นระเบียบ และ
ประหยัดเนื้อทีเ่ วลาแรงงาน ง่ายแก่การดูแลรักษา และง่ายต่อการนา
ออกเพือ่ การจัดส่งในโอกาสต่อไป
งานจัดเก็บสินค้า (Put Away)
ระบบการจัดเก็บที่ไม่ได้กาหนดตาแหน่ งตายตัว (Random Location System)
เป็ นการจัดเก็บทีไ่ ม่ได้กาหนดตาแหน่ งตายตัว ทาให้สน ิ ค้าแต่ละชนิดสามารถถูก
จัดเก็บไว้ในตาแหน่งใดก็ได้ในคลังสินค้า แต่รปู แบบการจัดเก็บแบบนี้จาเป็ นต้อง
มีระบบสารสนเทศในการจัดเก็บและติดตาม ข้อมูลของสินค้าว่าจัดเก็บอยูใ่ น
ตาแหน่งใดโดยต้องมีการปรับปรุงข้อมูลอยู่ ตลอดเวลาด้วย
ข้อดี: สามารถใช้งานพืน ้ ทีจ่ ดั เก็บได้อย่างเกิดประโยชน์สงู สุด มีความยืดหยุน่ สูง
ง่ายต่อการขยายการจัดเก็บ ง่ายในการปฏิบตั งิ าน ระยะทางเดินหยิบสินค้าไม่ไกล
ข้อเสีย: ต้องมีการบันทึกข้อมูลการจัดเก็บสินค้าอย่างละเอียดและมีประสิทธิภาพ
ต้องเข้มงวดในติดตามการบันทึกข้อมูลการจัดเก็บ
งานจัดเก็บสินค้า (Put Away)
ระบบจัดเก็บโดยกาหนดตาแหน่ งตายตัว (Fixed Location System)
แนวความคิดในการจัดเก็บสินค้ารูปแบบนี้ สินค้าทุกชนิดหรือทุก SKU นัน ้ จะมี
ตาแหน่งจัดเก็บทีก่ าหนดไว้ตายตัวอยูแ่ ล้ว ซึง่ การจัดเก็บรูปแบบนี้เหมาะสาหรับ
คลังสินค้าทีม่ ขี นาดเล็ก มีจานวนพนักงานทีป่ ฏิบตั งิ านไม่มากและมีจานวน
สินค้าหรือจานวน SKU ทีจ่ ดั เก็บน้อยด้วย
ข้อดี: ง่ายต่อการนาไปใช้ ง่ายต่อการปฏิบต ั งิ าน
ข้อเสีย: ใช้พน ้ื ทีจ่ ดั เก็บไม่ได้ไม่เต็มที่ ต้องเสียพืน้ ทีจ่ ดั เก็บโดยเปล่าประโยชน์ใน
กรณีทไ่ี ม่มสี นิ ค้าอยูใ่ นสต็อก ต้องใช้พน้ื ทีม่ ากหลายตาแหน่งในการจัดเก็บสินค้า
ให้มากทีส่ ดุ ยากต่อการขยายพืน้ ทีจ่ ดั เก็บ ยากต่อการจดจาตาแหน่งจัดเก็บ
สินค้า
งานจัดเก็บสินค้า (Put Away)
ระบบการจัดเก็บแบบผสม (Combination System)
เป็ นรูปแบบการจัดเก็บทีผ่ สมผสานหลักการของรูปแบบการจัดเก็บในข้างต้น โดย
ตาแหน่งในการจัดเก็บนัน้ จะมีการพิจารณาจากเงือ่ นไขหรือข้อจากัดของสินค้า ชนิด
นัน้ ๆ เช่น หากคลังสินค้านัน้ มีสนิ ค้าทีเ่ ป็ นวัตถุอนั ตรายหรือสารเคมีต่างๆ รวมอยูก่ บั
สินค้าอาหาร จึงควรแยกการจัดเก็บสินค้าอันตราย และสินค้าเคมีดงั กล่าวให้อยูห่ า่ ง
จากสินค้าประเภทอาหาร และเครือ่ งดืม่ เป็ นต้น ซึง่ ถือเป็ นรูปแบบการจัดเก็บแบบ
กาหนดตาแหน่งตายตัว สาหรับพืน้ ทีท่ เ่ี หลือในคลังสินค้านัน้ เนื่องจากมีการคานึงถึง
เรือ่ งการใช้งานพืน้ ทีจ่ ดั เก็บ ดังนัน้ จึงจัดใกล้ทเ่ี หลือมีการจัดเก็บแบบไม่ได้กาหนด
ตาแหน่งตายตัว (Random) ก็ได้โดยรูปแบบการจัดเก็บแบบนี้เหมาะสาหรับ
คลังสินค้าทุกๆแบบ โดยเฉพาะอย่างยิง่ คลังสินค้าทีม่ ขี นาดใหญ่และสินค้าทีจ่ ดั เก็บ
นัน้ มีความ หลากหลาย
งานจัดเก็บสินค้า (Put Away)
ระบบการจัดเก็บสินค้าตามประเภทของสินค้า (Commodity System)
เป็ นรูปแบบการจัดเก็บสินค้าทีม่ กี ารจัดวางสินค้าในกลุม่ เดียวกันหรือประเภท
เดียวกันไว้ ตาแหน่งทีใ่ กล้กนั โดยอาจจัดเป็ น โซน โดยสินค้าทีจ่ ดั เก็บอยูภายใน
โซนเดียวกัน อาจมีการใช้พน้ื ทีร่ ว่ มกันได้ ซึง่ จะช่วยในการเพิม่ ประสิทธิภาพใน
การจัดเก็บสินค้า เนื่องจากการใช้งานพืน้ ทีจ่ ดั เก็บ มากขึน้ และยังง่ายต่อ
พนักงาน pick สินค้าในการทราบถึงตาแหน่งของสินค้าทีจ่ ะต้องไปหยิบ
ข้อดี สินค้าถูกแบบ่งตามประเภททาให้พนักงานผูป้ ฏิบตั งิ านเข้าได้ได้งา่ ย การ
หยิบสินค้าทาได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความยืดหยุน่ สูง
ข้อเสีย ในกรณีทส่ี นิ ค้าประเภทเดียวกันมีหลายรุน่ /ยีห่ อ้ อาจทาให้หยิบสินค้าผิด
รุน่ /ยีห่ อ้ ได้ จาเป็ นต้องมีความรูใ้ นเรือ่ งของสินค้าแต่ละชิดหรือแต่ละยีห่ อ้ ทีจ่ ะ
หยิบ การใช้สอยพืน้ ทีจ่ ดั เก็บดีขน้ึ แต่ยงั ไม่ดที ส่ี ดุ
งานดูแลรักษาสินค้า (Holding Goods)
หลังจากทีไ่ ด้จดั เก็บสินค้าในพืน้ ทีเ่ ก็บรักษาของคลังสินค้า จะต้องเอา
มาตรการต่างๆของการดูแลรักษามาใช้ เพือ่ ป้องกันไม่ให้สนิ ค้าทีเ่ ก็บ
รักษาอยูใ่ นคลังสินค้าเกิดความเสียหายสูญหายหรือเสือ่ มคุณภาพ
สินค้านี้ตอ้ งได้รบั การป้องกันจากการถูกขโมย ป้องกันจากสภาพ
อากาศ งานดูแลรักษาสินค้าอาจประกอบด้วยงานย่อยต่างๆ เช่น
การตรวจสภาพ
การถนอม สินค้าบางประเภทย่อมต้องการถนอมตามระยะเวลา
การตรวจสอบ หมายถึงการตรวจตรานับสินค้าในทีเ่ ก็บรักษาเพือ่ สอบยอด
กับบัญชีคลุมในคลังสินค้าไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครัง้
การนาออกจากที่เก็บ (Picking)
เป็ นการเลือกเอาสินค้าจากพืน้ ทีต่ ่างๆ ในคลังเก็บสินค้ามารวมกันไว้ยงั พืน้ ที่
จัดส่ง และตรวจสอบความถูกต้อง และพิสจู น์ให้แน่นอนว่าเป็ นไปตามหลักฐาน
การสังจ่
่ าย หรือตามความต้องการของผูร้ บั หรือตามละจุดหมาย
ปลายทางทีจ่ ะส่ง
การเลือกหยิบสินค้า สามารถแบ่งเป็ น 3 วิธ ี ดังนี้
Discreet Picking การเลือกหยิบสินค้าทีละคาสังซื
่ อ้ แล้วดาเนินการตัง้ แต่ตน้ จนจบ
Batch Picking การเลือกหยิบสินค้าในแต่ละครัง้ เป็ นการหยิบสาหรับหลายคาสังซื ่ อ้
Zone Picking การเลือกหยิบของตามโซนทีเ่ ลือกไว้ในคลังเก็บ
งานจัดส่งสินค้า (Dispatch Goods)
เป็ นกิจกรรมในการจัดส่งพัสดุหรือสินค้าให้กบั ผูร้ บั ในสภาพทีพ่ ร้อม
สาหรับการใช้งาน เช่นการการแยกประเภทสินค้า และการจัดบรรจุ
ภัณฑ์ตามคาสังซื่ อ้ ซึง่ สินค้าจะถูกจัดเก็บในกล่อง หีบห่อ พาเลทหรือตู้
คอนเทนเนอร์ และมีการติดสลาก ระบบบาร์โค้ด การบันทึกข้อมูลเพือ่
เตรียมส่งสินค้าออกจากคลัง เช่น ต้นทาง ปลายทาง ผูส้ ง่ ผูร้ บั และ
รายละเอียดสินค้าทีส่ ง่ ก่อนดาเนินการจัดส่งให้กบั ลูกค้า
การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์
กิจกรรมคลังสินค้าสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กบั สินค้าได้เช่น
การติดฉลาก (Label) ให้กบ ั สินค้าเพือ่ แยกประเภทส่งให้กบั ลูกค้า
การบรรจุหบ ี ห่อ (Packaging)การบรรจุใหม่ (Repacking)
การเปลีย ่ นแปลงหีบห่อเป็ นลักษณะพิเศษตามความต้องการของลูกค้า
การเพิม่ เติมชิน้ ส่วนอุปกรณ์บางประเภทให้กบั สินค้า
การจัดการสินค้าส่งคืนให้สมบูรณ์โดยไม่ตอ ้ งกลับไปทีฝ่ า่ ยผลิต
การชะลอส่งมอบเพือ ่ ให้สนิ ค้านัน้ เพิม่ มูลค่าขึน้ เช่น การควบคุมอุณหภูมใิ ห้
ผลไม้สามารถสุกได้ทก่ี ่อนส่งมอบ
ช่วยรักษาความลับของลูกค้าไม่ให้ทราบแหล่งกาเนิดของสินค้า (ตัวอย่าง
Free Zone ของคลังสินค้าสนามบินสุวรรณภูม)ิ
ตัวชี้วดั การดาเนินงานในคลังสินค้า
ตัวชี้วดั แยกตามกิจกรรมภายในคลังสินค้า
กิจกรรม Cycle Time Utilization Quality
ด้านรอบเวลา
รอบเวลาของคลังสินค้า
= รอบเวลาการรับ + รอบเวลาการนาไปวาง
+ รอบเวลาในการหยิบ + รอบเวลาในการส่งมอบ
% ของการตอบสนองความต้องการของลูกค้าทีส่ มบูรณ์
จานวนครัง้ ของการตอบสนองทีส่ มบูรณ์
X 100
จานวนครัง้ การร้องขอบริการจากลูกค้า
% การประโยชน์ของพนักงาน และอุปกรณ์ภายในคลังสินค้า
เวลาปฏิบตั งิ านจริงของพนักงาน หรือเวลาใช้งานจริงของอุปกรณ์ X 100
เวลาการทางานทัง้ หมดของคลังสินค้า
ตัวชี้วดั ประสิทธิภาพรวม
ต้นทุน
ต้นทุนการดาเนินงานในคลังสินค้า
= ต้นทุนการดาเนินงานภายในคลังสินค้า ต่อใบสังสิ
่ นค้า หรือต่อหน่วย หรือ
ต่อมูลค่าสินค้าคงคลัง
การออกแบบคลังสินค้า
การออกแบบ และจัดวางผังคลังสินค้า
การกาหนดเส้นทางการไหลของวัสดุ
• กาหนดหน่ วยสินค้า (Unit Loads) ทีม ่ กี ารเคลื่อนย้ายในคลัง
• พืน
้ ทีจ่ ดั วางสินค้าเพือ่ เตรียมส่งมอบ (forward area)
• พืน้ ทีส่ ารองสินค้าสาหรับเติมเต็ม (backward area)
• กาหนดโซน และขนาดของพืน ้ ที่
การเลือกชนิดและขนาดของอุปกรณ์ ภายในคลังสินค้า
• อุปกรณ์สาหรับการจัดเก็บ (storage modes)
• อุปกรณ์สาหรับการหยิบ และเคลื่อนย้ายสินค้า
• ระบบสารสนเทศในคลังสินค้า และอุปกรณ์บ่งชีส ้ ถานะของสินค้าในคลัง
การออกแบบ และจัดวางผังคลังสินค้า
ประเด็นที่ต้องตัดสินใจ
การวางผังและจัดสรรพืน ้ ทีใ่ นคลังสินค้า (Layout: Allocation of Storage
Capacity)
การคัดเลือกความชานาญและจานวนพนักงานในคลัง
การปรับปรุงการหยิบ (Picking Improvement)
การหยิบสินค้าจากทีเ่ ก็บ (Pick-from Storage) ในการหยิบสินค้า
หัวใจคือจะทาอย่างไรถึงจะหยิบสินค้าได้รวดเร็วและถูกต้อง การหยิบ
สินค้าจากทีจ่ ดั เก็บมักขึน้ กับวิธกี ารจัดชัน้ วางสินค้าตัง้ แต่แรกว่า
ต้องการมีรปู แบบการหยิบอย่างไร แต่ในการปรับปรุงบางทีเรา
สามารถออกแบบให้พน้ื ในการหยิบเล็กลงโดยการจัดคลังสินค้าเป็ น
ส่วนๆ เช่น ทีเ่ ก็บสินค้าเป็ นพาเล็ต, ทีเ่ ก็บสินค้าเพือ่ การหยิบเต็มลัง, ที่
เก็บสินค้าสาหรับการหยิบไม่เต็มลัง
การปรับปรุงผังคลังสินค้าและการออกแบบ
ในการจัดผังคลังสินค้า ผูบ้ ริหารจะพบคาถามสาคัญว่าจะจัดเก็บสินค้าไว้ทใ่ี ดใน
คลังสินค้า ซึง่ การจัดเก็บสินค้าเหล่านี้สามารถมีผลกระทบต่อประสิทธิผลและ
ผลิตภาพของแต่ละธุรกิจ คลังสินค้าทีด่ คี วรมีการจัดผังโดยมีวตั ถุประสงค์ดงั นี้
สามารถเพิม ่ ความสามารถในการเก็บสินค้า
ปรับปรุงการไหลของสินค้า
ลดต้นทุน
ปรับปรุงการให้บริการลูกค้า
ปรับปรุงบรรยากาศการทางาน
การปรับปรุงผังคลังสินค้าและการออกแบบ
การจัดผังการจัดเก็บสินค้าตามปริมาณความต้องการหยิบสินค้า
(Volume-based Storage)
เป็ นเทคนิคการจัดเก็บสินค้า ทีม ่ คี วามต้องการสูงไว้อยูใ่ กล้กบั ประตูเข้าการ
จัดเก็บแบบ Volume-based Storage นัน้ จะช่วยลดเวลาและระยะทางในการ
หยิบสินค้า แต่ขอ้ เสียคือทาให้เกิดความแออัดในช่องทางเดินทีเ่ ก็บสินค้าและทา
ให้เกิด ความไม่สมดุลในการใช้พน้ื ทีใ่ นการจัดเก็บสินค้า สาหรับจัดเก็บแบบซุ่ม
(Random Storage) นัน้ จะเป็ นวิธที ม่ี กี ารใช้ประโยชน์ของพืน้ ทีจ่ ดั เก็บได้ทวทั
ั ่ ง้
คลังสินค้าซึง่ จะช่วยลดความแออัดของช่องทางเดินลงไปได้ แต่ขอ้ เสียคือ ทาให้
เสียเวลาในการหยิบสินค้ามาก เนื่องจากสินค้าทีม่ กี ารหยิบบ่อยนัน้ อาจมีพน้ื ที่
จัดเก็บทีอ่ ยูไ่ กลจากประตู เป็ นต้น
การปรับปรุงผังคลังสินค้าและการออกแบบ
หลักเกณฑ์ในการจัดกลุ่มสินค้าที่จดั เก็บ 3 ประเภท
สินค้าทีเ่ ข้ากันได้ (Compatibility) สินค้าทีเ่ ก็บไว้ใกล้กน ั ควรมีความกลมกลืนกัน
หรือไม่มขี อ้ ห้ามในการเก็บไว้ดว้ ยกัน เช่น ทีเ่ ก็บยาไม่ควรอยูใ่ กล้กบั ทีเ่ ก็บปุ๋ย
ทัง้ นี้เป็ นไปตามข้อกาหนดขององค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา
สินค้าทีใ่ ช้ประกอบกัน (Complementarily) สินค้าทีม ่ กี ารสังควบคู
่ ก่ นั ควรเก็บไว้
ใกล้กนั เช่น จอคอมพิวเตอร์กบั ดิสไดรส์ โต๊ะและเก้าอี้ ฯลฯ
สินค้าทีไ่ ด้รบั ความนิยม (Popularity) โดยพิจารณาจากอัตราการหมุนเวียนของ
สินค้าคงคลัง หรืออัตราความต้องการสินค้าของลูกค้า ซึง่ สินค้าทีม่ คี วาม
ต้องการมากสุดควรจัดเก็บไว้ใกล้ประตูทางออกมากทีส่ ดุ ส่วนสินค้าทีม่ คี วาม
เคลื่อนไหวน้อยควรจัดเก็บไว้ในทีไ่ กลออกไป
การปรับปรุงการใช้พืน้ ที่ (Space Utilization)
พืน้ ทีเ่ ป็ นส่วนทีท่ าให้เกิดต้นทุนสูงถึง 25% ดังนัน้ จึงเป็ นการดีทจ่ี ะมีการพัฒนา
ปรับปรุงการใช้พน้ื ที่ ตลอดจนการทาการ Re-slotting ดังนัน้ ในการตรวจสอบพืน้
ทีว่ า่ มีการใช้พน้ื ทีท่ เ่ี หมาะสมหรือไม่
พืน้ ทีท่ ใ่ี ช้งาน = พืน้ ทีท่ ใ่ี ช้ / พืน้ ทีท่ เ่ี ก็บทัง้ หมด
เนื้อทีว่ า่ ง พิจารณา ความสูง และในแนวราบ
ความสูง = จะถูกใช้พน้ื ทีใ่ ห้มากทีส่ ุดหรือเต็มเนื้อที่
แนวราบ = ต้องลดช่องทางเดินของสินค้าได้น้อย เท่าทีจ่ ะขนถ่ายลาเลียงสินค้าได้สะดวก
ดังนัน้ เราต้องรูว้ า่ ในชัน้ เก็บแต่ละชนิดมีขอ้ ดี/ข้อเสีย และมีอตั ราส่วนพืน้ ทีว่ า่ ง
เพียงใด ในหลาย กรณีพบว่าเรามักสูญเสียพืน้ ทีเ่ หนือชัน้ วางสินค้าไปดังนัน้ เรา
อาจใช้ชนั ้ ลอย (Mezzanine) ได้ หรือในพืน้ ทีท่ อ่ี ยูเ่ หนือประตูทว่ี า่ ง เราสามารถทา
เป็ นชัน้ เก็บกล่อง หรือ พาเล็ตทีย่ งั ไม่ใช้งานก็ได้
การปรับปรุงการใช้พนื้ ที่ (Space Utilization)
การปรับปรุงการใช้พืน้ ที่ (Space Utilization)
การจัดผังคลังสินค้าจะมีการนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาช่วยในการจัดกลุ่มสินค้า
โดยมีประเด็นในการพิจารณาดังนี้
สินค้าทีม ่ คี วามเคลื่อนไหวเร็วทีส่ ดุ ควรจัดเก็บไว้ใกล้ประตูทางออกมากทีส่ ดุ
ซึง่ จะช่วยลดระยะทางและเวลาในการลาเลียงสินค้าออก ในขณะทีส่ นิ ค้าทีม่ ี
ความเคลื่อนไหวช้าทีส่ ดุ ควรจัดเก็บไว้ให้ไกลจากประตูทางออกมากทีส่ ดุ
พืน ้ ทีส่ ว่ นทีเ่ หลือในคลังสินค้าควรเก็บสินค้าบางอย่าง เช่น สินค้าทีต่ อ้ งมีการ
ทาใหม่ หรือสารองไว้สาหรับสินค้าทีม่ คี วามเคลื่อนไหวเร็วส่วนเกิน
ควรออกแบบทางเดินซึง่ ช่วยสนับสนุ นการเคลื่อนย้ายของสินค้าให้มากทีส ่ ดุ
พืน ้ ทีจ่ ดั เก็บแต่ละส่วนควรจะออกแบบให้เหมาะสมกับประเภทสินค้า และการ
หมุน เวียนของสินค้าแต่ละประเภทซึง่ จะดีกว่าการออกแบบให้รองรับการเก็บ
สินค้าทุกประเภท
การปรับปรุงการหยิบ (Picking Improvement)
จัดคลังสินค้าโดยใช้หลัก Pareto และ ABC analysis โดยจัดเรียงให้สนิ ค้าทีเ่ ป็ น
A (Fast move) อยูใ่ กล้จุดหยิบมากทีส่ ดุ และเก็บสินค้าทีเ่ ป็ น Slow move ไว้
ด้านหลัง
อุปกรณ์ที่ใช้ในคลังสินค้า
พาเลท (Pallet)
พาเลท (Pallet) หรือไม้รองรับสินค้า เป็ นอุปกรณ์ทส่ี าคัญอย่างหนึ่งในการ
รวบรวมสินค้าเพือ่ การขนส่ง และขนถ่ายสินค้า ในปจั จุบนั
พาเล็ทส่วนใหญ่จะทาจาก ไม้ กระดาษ พลาสติก โดยนอกจากจะให้ความสะดวก
รวดเร็วในการขนส่งและขนถ่ายสินค้าแล้ว ยังสามารถลดความเสียหายของ
สินค้า ประหยัดพืน้ ทีใ่ นการเก็บสินค้า และยังช่วยทาให้การจัดเก็บสินค้าเป็ น
ระเบียบสวยงามอีกด้วย โดยขนาดของพาเล็ทนี้จะเกีย่ วพันโดยตรงกับอุปกรณ์
ในการขนส่งอื่นๆ เช่น รถยก ( Forklift ) รถบรรทุก ตูข้ นส่งสินค้า
ขนาด Pallet ทีเ่ หมาะสมและทีใ่ ช้กนั มากใน US คือ 48 x 40 นิ้ว (27% of all
pallets) และ ขนาด Pallet ทีเ่ หมาะสมและทีใ่ ช้กนั มากใน Euro-Pallet คือ 1200
x 800 mm
Pallet
ปัจจัยที่สาคัญในการวางสินค้าบน Pallet
น้าหนักของสินค้า เช่น การวางแป้งในกระสอบ, ข้าวในกระสอบ, หรือเม็ด
พลาสติกในกระสอบ เป็ นต้น
ความสามารถในการเรียงซ้อนกัน (ตามสภาพของการบรรจุภณ ั ฑ์ดว้ ย เช่น ความ
แข็งแรงของกล่อง)
ระดับความปลอดภัยทีย่ อมรับได้ในทุกๆความสูงทีซ่ อ้ นกัน เพราะในหลายๆครัง้
พบว่าการซ้อนกันมักทาให้สนิ ค้าชัน้ บนๆเอียงออกมาซึง่ อาจก่อให้เกิดอันตรายได้
ความสามารถในการยกพาเล็ตของอุปกรณ์ยกสินค้าต่อความสูงทีต่ อ้ งการ
ความสามารถในการรองรับน้าหนักของพืน้ ทีต่ ่อตารางเมตร
ระยะความสูงของตัวอาคาร
สภาพของพาเล็ต
ระบบการจัดเก็บสินค้า
การวางกองเป็ นตัง้ (Block Stacking)
ชัน้ วางพาเล็ตแบบปรับได้ (Adjustable pallet racking, APR)
ชัน้ วางพาเล็ตชนิดความลึกหนึ่งพาเล็ต (Single-deep Pallet Rack/Selective Rack)
ชัน้ วางพาเล็ตชนิดความลึกสองพาเล็ต (Double-deep Pallet Rack)
ชัน้ วางพาเล็ตชนิดขับรถเข้าเก็บ (Drive-in Rack)
ชัน้ วางพาเล็ตชนิดขับรถผ่าน (Drive-through Rack)
ชัน้ วางพาเล็ตชนิดลาดเอียง (Pallet Flow Rack/Gravity Flow Rack)
ชัน้ วางพาเล็ตชนิดดันไปด้านหลัง (Push-back Rack)
ชัน้ หมุนในแนวราบ (Horizontal Carousel)
ชัน้ หมุนในแนวดิง่ (Vertical Carousel)
การวางกองเป็ นตั้ง (Block Stacking)
ชัน้ วางพาเล็ตแบบปรับได้
จะคล้ายคลึงกับประเภทก่อนหน้า
นี้ แต่วา่ จะทางานด้วยแบตเตอรี่
รถยกนี้อาจจะควบคุมจากฐาน
หรืออาจจะมีแท่นควบคุมหรือทีน่ งั ่
ทีพ่ นักงานจะยืนหรือนังได้
่
รถหัวลาก (Tow vehicle)
ใช้สาหรับการเคลื่อนทีแ่ นวราบ
ระยะไกลๆ เราสามารถใช้รถลากทีจ่ งู
รถลาก (trailers)จานวนหนึ่งได้ การ
ลากจูงแบบนี้จะช่วยลดจานวนเทีย่ วที่
ต้องเดินทางได้
Counterbalanced Truck (CB)
รถยกแบบมีน้าหนักถ่วงจะยกน้าหนักในช่วงด้านหน้าของล้อหน้า ดังนัน้ เพือ่ ทีจ่ ะให้
สมดุล จะมีการติดตัง้ น้าหนักถ่วงทีด่ า้ นท้ายของเครือ่ งจักร ซึง่ เป็ นทีม่ าของชื่อมัน
ด้วย ส่วนประกอบทีม่ นี ้าหนักเช่นเครือ่ งยนต์และแบตเตอรีก่ จ็ ะถูกวางไว้ให้อยู่
ด้านหลังทีส่ ดุ เท่าทีจ่ ะทาได้เพือ่ ช่วยถ่วงโมเมนต์ดา้ นหน้านี้
เครือ่ งจักรเหล่านี้จะมีความสามารถในการยกตัง้ แต่ 1,000 กิโลกรัมจนถึง 45,000
กิโลกรัม โดยทีเ่ ครือ่ งขนาดใหญ่จะถูกใช้สาหรับงานนอกคลังสินค้า เช่น การขนถ่าย
คอนเทนเนอร์
รถบรรทุกขนาดเล็กทีม่ คี วามสามารถในการยก 1,000-1,500 กิโลกรัม บางแบบจะมี
สามล้อแทนทีจ่ ะมีสล่ี อ้ เพือ่ ให้เคลื่อนทีไ่ ด้คล่องตัวขึน้ และแบบทีม่ ขี นาดเล็กบาง
แบบจะถูกสร้างมาเพือ่ ควบคุมจากพืน้ ด้วย
Counterbalanced Truck (CB)
Counterbalanced Truck (CB)
รถเอื้อมหยิบ (Reach Truck )
รถเอือ้ มหยิบถูกออกแบบให้มขี นาดเล็กและเบากว่ารถถ่วงน้าหนักเพือ่ ให้ใช้งาน
ได้ในพืน้ ทีข่ นาดเล็ก ดังนัน้ จึงสามารถใช้ในชัน้ วางทีม่ ขี นาดแคบได้ (Narrow
Aisle) เมือ่ กาลังหยิบหรือกาลังวางระวางสินค้าลง รถจะหันหน้าไปยังชัน้ วาง
สินค้าและตัวทีย่ ดึ พาเล็ตงวงช้างทีม่ ลี กั ษณะคล้ายกรรไกรจะยืน่ ออกไปได้ จึง
สามารถหยิบในชัน้ วางพาเล็ตลึกได้
ขีดความสามารถโดยทัวไปของรถเอื
่ อ้ มหยิบคือตัง้ แต่น้าหนัก 1,000 กิโลกรัมถึง
3,500 กิโลกรัม โดยมีความสูงทีย่ กได้สงู สุด 11 เมตร
รถเอื้อมหยิบ (Reach Truck )
Turret Truck
เป็ นรถขนถ่ายสินค้าทีส่ ามารถยืดได้สงู โดยปกติสามารถเข้าขนถ่ายสินค้าโดย
ใช้กบั ชัน้ วางสินค้าทีช่ นั ้ วางแคบมากๆได้ (Very Narrow Aisle) ส้อมทีใ่ ช้ขนจะ
อยูท่ างด้านข้าง และถ้าใช้กลับด้านได้โดยสามารถขนไม่วา่ จะเป็ นทางซ้ายหรือ
ขวาของรถก็ได้จะเรียกว่าเป็ น Swing Mast และถ้ายืดได้จะเป็ น Swing Reach
การขนส่งโดยปกติจะรับน้าหนักได้ ตัง้ แต่ 1,000-2,500 กก.
Turret Truckจะยืดได้สงู จึงใช้เก็บสินค้าในชัน้ เก็บชนิดความหนาแน่นสูงได้
(High Density Storage) ดังนัน้ เมือ่ รถวิง่ ในซอยแคบการบังคับจึงยาก ในทาง
ปฏิบตั มิ กั ทารางหรือใช้เส้นลวดเป็ นอุปกรณ์นาทางเพือ่ ให้เกิดความปลอดภัยใน
การขับเคลื่อน
Turret Truck
171
School of Engineering UTCC Manisra Baramichai
Side Loader Truck
เป็ นชนิดรถยกทีข่ นถ่ายทางด้านข้าง จะใช้สาหรับวัตถุทม่ี คี วามยากมากกว่า
สินค้าทัวไป
่ เช่น ไม้, ท่อน้า, กระจก เป็ นต้น
รถเหล่านี้จะมีเสาโครงทีห่ มุนได้ 90 องศากับทิศทางการเคลื่อนทีข่ องรถ ความ
ยาวของระวางสินค้าทัวไปอาจยาวได้
่ ถงึ 6 ถึง 7เมตร โดยขนถ่ายในแถวทางเดิน
แคบระหว่างชัน้ สินค้า เพือ่ ทีจ่ ะเข้าถึงระวางสินค้าทีว่ างตามแนวขวางด้านใดด้าน
หนึ่งของแถว รถเหล่านี้จะต้องเข้าไปในแถวทางเดินด้วยกลไกเอือ้ มหยิบหันไป
ในแนวขวางของแถวทางเดิน รถยกเหล่านี้มกั จะมีขนาดยาวและต้องมีขนาดแถว
ทางเดินในแนวขวางกว้างถึง 7 เมตรเพือ่ ให้สามารถเคลื่อนทีร่ ะหว่างแถว
ทางเดิน
Side Loader Truck
เปรียบเทียบความต้ องการพืน้ ที่สาหรับรถขนถ่ าย
เปรียบเทียบความต้ องการพืน้ ที่สาหรับรถขนถ่ าย
พาหนะนาทางอัตโนมัติ
(Automated guided vehicles, AGVs)
พาหนะเหล่านี้เป็ นรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าทีไ่ ม่ตอ้ งใช้คนขับ และควบคุมด้วย
คอมพิวเตอร์
เราสามารถส่งข้อมูลต่างๆ ถึง AGV ได้ดว้ ยสัญญาณคลื่นวิทยุ ในขณะที่
สามารถนาทางรถบรรทุกได้หลายทาง วิธกี ารหนึ่งคือการฝงั สายไฟใต้พน้ื ซึง่ จะ
มีกระแสไฟฟ้ากระแสสลับทีส่ ร้างสนามแม่เหล็กรอบๆ สายไฟอยู่ อุปกรณ์จบั
สัญญาณบนพาหนะจะวัดพืน้ เพือ่ จับสัญญาณว่าพาหนะเคลื่อนทีอ่ อกจาก
เส้นทางทีก่ าหนดไว้หรือไม่ นอกจากนี้ยงั มีระบบสมัยใหม่คอื ระบบนาทางด้วย
เลเซอร์ พาหนะจะมีอุปกรณ์ตรวจจับสิง่ กีดขวางติดตัง้ อยูเ่ พือ่ ทีจ่ ะหยุดได้ถา้
ตรวจจับพบคน รถบรรทุก หรือสิง่ กีดขวางอื่นๆ ในเส้นทางของมัน
พาหนะนาทางอัตโนมัติ
(Automated guided vehicles, AGVs)
Automated Storage/Retrieval Systems
Storage Module
S/R Machine
Pickup-and-deposit Station
ระบบ Bar Code และการประยุกต์ใช้ในคลัง
สามารถขนส่งได้จานวนมาก ในราคา
ต่า สามารถขนส่งสินค้าทีม่ นี ้าหนัก
มากได้ เหมาะกับการขนส่งระยะไกล
ข้ามประเทศ
ข้อจากัด คือ ล่าช้ามากๆ มีเส้นทาง
ขนส่งจากัด เช่น ทะเล แม่น้า คลอง
ทาให้เข้าถึงเป้าหมายยากลาบาก จึง
ต้องมีการขนส่งร่วมกับวิธกี ารอื่นๆ
Container Ship
ที่มา: http://www.sepo.go.th/highspeedrail/
ข้อดี/ข้อเสียของการขนส่งทางท่อ
นิยมใช้เฉพาะกับสินค้าประเภทก๊าซ น้ า
และน้ ามัน ข้อดีคอื ปลอดภัย ต้นทุนต่ า
และสามารถเคลื่อนย้า ยสินค้า จานวน
มากได้ สามารถขนส่งไปยังสถานที่ท่ี
ต้องการได้ ตลอด 24 ชม.
การขนส่ ง ทางท่ อ มีผู้ใ ห้บ ริก ารจ ากัด
ไม่กร่ี าย เพราะการลงทุนสูงมาก
มีอายุการทางานค่อนข้างนาน แต่ก็ม ี
ค่าบารุงรักษาท่อค่อนข้างสูงพอสมควร
ข้อดี/ข้อเสียของการขนส่งทางถนน
รถบรรทุก เป็ นวิธกี ารขนส่งที่ดที ส่ี ุด
ส่งถึงจุ ดหมายได้ใกล้ท่ีสุด มีค วาม
ยืด หยุ่น สูง ส่ง ของรวดเร็ว ควบคุ ม
เวลาได้ดี และมีจานวนเที่ยวขนส่ง
มากตามความต้ อ งการ สามารถ
ขนส่งสินค้าได้หลากหลายประเภท
เหมาะกับธุรกิจทีเ่ น้นความเทีย่ งตรง
ของเวลาในการขนส่งสินค้า
มีข้อ จ ากัด ด้า นปริม าณขนส่ง และ
ต้นทุนสูงกว่าการขนส่งโดยรถไฟ
การขนส่งสินค้าทางถนน
การขนส่งสินค้าทางถนนเป็ นรูปแบบการขนส่งทีไ่ ด้รบั ความนิยมใช้ขนส่งสินค้า
ภายในประเทศมากทีส่ ดุ ทัง้ นี้สาเหตุทก่ี ารขนส่งสินค้าทางถนนได้รบั ความนิยม
มากเนื่องจากมีขอ้ ได้เปรียบเมือ่ เปรียบเทียบกับการขนส่งรูปแบบอื่น ๆ คือ
ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งผลิตและแหล่งบริโภคได้โดยตรง (door-to-
door) เนื่องจากมีโครงข่ายถนน ทีเ่ ชื่อมต่อภูมภิ าคต่าง ๆ ครอบคลุมทัวประเทศ
่
มีหน่วยบรรทุก (unit load) ขนาดเล็ก และสามารถจัดหาพาหนะ ได้สะดวก ทา
ให้สามารถขนส่งสินค้าไปทีจ่ ุดหมายปลายทางทีแ่ ตกต่างกันได้สะดวก
การขนส่งทางถนนจัดเป็ น Feeder ให้กบั การขนส่งด้านอื่น
การเลือกรูปแบบการขนส่ง
การเลือกวิธกี ารขนส่ง มีเกณฑ์กาหนดการเลือก คือ
ลักษณะสินค้า ขนาดและน้ าหนักของสินค้า
ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ประกอบด้วย
ค่าระวางการขนส่ง
ค่าใช้จ่ายในการยกขนสินค้า และขนถ่ายสินค้า
ค่าประกันภัยขนส่ง
ระยะทางการขนส่ง และระยะเวลาทีใ่ ช้ในการขนส่ง
บริการและอัตราความเสียหายหรือสูญหายของสินค้าในระหว่างการ
ขนส่ง
การเลือกรูปแบบการขนส่ง
ประเภทของการขนส่ง
Multimodal Transport เป็ นการผสมผสานการขนส่งสินค้า จากทีห่ นึ่งทีใ่ ด
(One Point) หรือจากประเทศหนึ่งประเทศใด ไปสูอ่ กี ทีห่ นึ่งหรืออีกประเทศ
หนึ่งซึง่ เป็ นอาณาบริเวณทีเ่ ป็ นจุดพบสุดท้าย (Interface Final Point) โดยใช้
รูปแบบการขนส่งตัง้ แต่ 2 รูปแบบขึน้ ไป ภายใต้การบริหารจัดการของผูข้ นส่ง
รายเดียว และมีสญ ั ญาขนส่งฉบับเดียวหรือเป็ นวิธกี ารขนส่งสินค้าแบบเบ็ดเสร็จ
ทีค่ รอบคลุมการขนส่งทุกประเภท โดยผูป้ ระกอบการเพียงรายเดียว ในการ
สนองความต้องการของกระบวนการในส่วนทีเ่ กีย่ วข้องกับโลจิสติกส์ โดย
Multimodal Transport เป็ นการผสมผสานการขนส่งสินค้า เช่น ทางถนน ทาง
รถไฟ ทางน้า
Intermodal Transportation
แนวคิดและเป้าหมายในการใช้การขนส่งต่อเนื่องหลาย
รูปแบบ มุง่ เน้นไปทีก่ ารทดแทนการขนส่งทางถนน
เพียงอย่างเดียว ซึง่ การขนส่งรูปแบบนี้จะสามารถลด
ต้นทุนขนส่งทางถนนได้ต่อเมือ่ มีระยะทางในการขนส่ง
ไม่น้อยกว่า 500 กิโลเมตร เพราะการเปลีย่ นโหมด
ขนส่งจะมีตน้ ทุนค่า Lift On / Lift Off คือค่าขนลงและ
ขนขึน้ นอกจากนี้ การขนส่งต่อเนื่องส่งหลายรูปแบบที่
เกิดประสิทธิภาพด้านต้นทุน และระยะเวลาในการ
ขนส่งทีร่ วดเร็ว จะต้องดาเนินการในลักษณะทีไ่ ม่มกี าร
ถ่ายเปลีย่ นสินค้า เข้า-ออกจากตูค้ อนเทนเนอร์
ในการขนส่งจะมุง่ เน้นไปทีก่ ารขนส่งทางรถไฟ ทางแม่น้า และทางทะเลเป็ นหลัก เพราะเป็ น
โหมดทีป่ ระหยัดทีส่ ุด ถ้าจาเป็ นจะต้องมีการใช้การขนส่งทางถนนก็จะจากัดระยะทางทีใ่ ช้ให้
น้อยทีส่ ุด โดยอาจจะใช้การขนส่งทางถนนเพียงระยะทางสัน้ ๆ ทีต่ น้ ทางหรือปลายทางในการ
ขนส่งสินค้าเท่านัน้
Container Transportation
ความรับผิดชอบ (Liability)
ผลิตภัณฑ์ทจ่ี ะถูกความกระทบกระเทือนได้งา่ ย การเน่าเปื่อย การถูก
ขโมย ระเบิด ผูร้ บั ขนส่งควรจะทาประกันสินค้า และผูส้ ง่ ออกสามารถ
ลดความเสีย่ ง และค่าขนส่งได้โดยการปรับปรุงบรรจุภณ ั ฑ์ให้สามารถ
ป้องกันหรือลดการสูญหายหรือเสียหาย
ต้นทุนของผูป้ ระกอบการขนส่ง
ประเภทของต้นทุนของผูป
้ ระกอบการขนส่ง
ต้นทุนคงที่
ต้นทุนผันแปร
ต้นทุนเทีย่ วเปล่า
ต้นทุน
ต้นทุนรวม
ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost)
เป็ นต้นทุนหรือค่าใช้จา่ ยทีไ่ ม่มกี ารเปลีย่ นแปลงใดๆตามปริมาณงานทีท่ า
ในแง่การขนส่งไม่วา่ จะทาการขนส่งหรือไม่ผลิตก็ตาม ต้นทุนนี้จะเกิดขึน ้ เป็ น
จานวนคงที่
ต้นทุนนี้ถงึ แม้จะมีการขนส่งมากหรือน้อยเพียงใด ก็จะต้องเสียค่าใช้จา่ ยใน
อัตราเท่าเดิมอยูต่ ลอดเวลา
ตัวอย่าง ค่าเช่า ทีด ่ นิ อาคารสาหรับยานพาหนะ ค่าประกันภัย ค่าทะเบียน
ยานพาหนะ ค่าเสือ่ มราคา เงินเดือนประจา ค่าใบอนุญาตเช่าสถานที่ เป็ นต้น
ในบางครัง้ ต้นทุนประเภทนี้อาจเรียกชื่อได้อย่างอื่นอีก เช่น Constant Cost
หรือ Overhead Cost ต้นทุนชนิดนี้แม้จะให้บริการมากน้อยเพียงใดหรือไม่ได้
ให้บริการเลย ก็ตอ้ งเสียเป็ นจานวนเท่ากัน เป็ นต้น
ต้ นทุนผันแปร (Variable Cost)
เป็ นต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายทีจ่ ะมีการเปลีย่ นแปลงไปตามปริมาณของงานที่
ทา
ในแง่การขนส่งถ้ามีการขนส่งมากต้นทุนชนิดนี้กม ็ ากด้วย ถ้าขนส่ง
น้อยต้นทุนนี้กน็ ้อย
อาจเรียกชื่อเป็ นอย่างอื่นได้อก ี คือต้นทุนดาเนินงาน (Operation
Cost)
ต้นทุนผันแปร ได้แก่ ค่าน้ ามันเชือ้ เพลิง ค่าซ่อมแซม ค่าน้ ามันหล่อลื่น
ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง เป็ น
ต้นทุนเที่ยวกลับ (Back Haul Cost)
เป็ นต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายทีไ่ ด้รวมเอาลักษณะของค่าเสียโอกาส
(Opportunity Cost) ในการทีต่ อ้ งบรรทุกผูโ้ ดยสาร สินค้าหรือ
บริการ ไปส่งยังจุดหมายปลายทางแล้ว ในเทีย่ วกลับนัน้ ไม่ได้
บรรทุกอะไรกลับมาเลย กรณีน้ีจงึ ต้องมีการคิดถึงต้นทุนเทีย่ วกลับ
รวมไว้ในการคิดต้นทุนค่าบริการขนส่งด้วย ซึง่ ในบางครัง้ ลักษณะ
เช่นนี้ ถือว่าการสูญเปล่าได้เกิดขึน้ และถือเป็ นการขนส่งทีไ่ ม่ทาให้
เกิดการประหยัดอีกด้วย
ต้นทุนอื่นๆ
ต้นทุนในการ loading / unloading orders
ต้นทุน Inventory in Transit
ต้ นทุนรวม (Total Cost หรือ Joint Cost)
เป็ นต้นทุนหรือค่าใช้จา่ ยต่างๆ โดยรวมเอาต้นทุนคงทีแ่ ละต้นทุนผันแปรมารวมกันถือเป็ น
ต้นทุนของการบริการทัง้ หมด
ในการขนส่งถือว่าเป็ นต้นทุนหรือค่าใช้จา่ ยทีเ่ กิดขึน้ สาหรับการขนส่งสินค้า โดยไม่สามารถ
จะแยกออกได้วา่ ต้นทุนของการขนส่งสินค้าหรือบริการแต่ละอย่างแต่ละประเภทนัน้ เป็ น
เท่าใด เช่น การขนส่งทางรถไฟ โดยรถขบวนหนึ่งอาจมีทงั ้ ผูโ้ ดยสารสินค้าและบริการอยู่
ในขบวนเดียวกัน ค่าใช้จา่ ยทีเ่ กิดขึน้ จะเป็ นต้นทุนร่วมกัน เพราะไม่สามารถจะแยกออกได้
ว่าเป็ นต้นทุนในการขนส่งผูโ้ ดยสาร หรือเป็ นต้นทุนสาหรับการขนส่งสินค้าและบริการ
ต้นทุนทีเ่ กิดขึน้ ในการขนส่งเทีย่ วนัน้ ก็ควรจะแบ่งสรรไปยังสินค้าแต่ละชนิดทีข่ นส่งใน
เทีย่ วนัน้ การทีต่ อ้ งแบ่งสรรต้นทุนเช่นนี้กจ็ ะเป็ นประโยชน์แก่ธุรกิจ เพือ่ จะได้ทราบว่า
สินค้าแต่ละประเภททีด่ าเนินการอยูน่ นั ้ มีตน้ ทุนและให้กาไรเพียงใด ต้นทุนร่วมทีส่ ามารถ
แยกแยะได้ชดั เจน เช่น ค่าน้ ามันซึง่ อาจคิดเฉลีย่ ค่าน้ ามันแต่ละเทีย่ วไปตามน้ าหนัก
บรรทุกสินค้า เป็ นต้น
การลงทุนเพือ่ การขนส่ งทางถนนในกรณีลงทุนทาเอง
ในกรณีที่ทาเองค่าใช้ จ่ายในการขนส่ง ประกอบด้ วย
การลงทุนเพื่อการขนส่งทางถนนในกรณี ลงทุนทาเอง
ต้นทุนเบือ้ งต้น (Initial Cost) ซึง่ เกิดขึน้ เมือ่ มีการซือ้ รถบรรทุก การต่อตัวถังหรือติดตัง้ เครือ่ งมือ
อุปกรณ์บนรถ
ต้นทุนดาเนินงาน (Operating Cost) ส่วนใหญ่จะเป็ นต้นทุนคงทีแ่ ละลดได้ยาก เช่น เงินเดือน
ค่าประกันภัย ภาษีรถ ค่าใช้จา่ ยสานักงาน ค่าเช่า ค่าเสือ่ มราคาต่างๆ เป็ นต้น
ต้นทุนการวิง่ ขนส่ง หรือRunning Costเช่น ค่าน้ามันเชือ้ เพลิง ค่าซ่อมบารุง และค่ายาง
Running Cost นัน้ เป็ นต้นทุนสาคัญ ธุรกิจขนส่งจะกาไรหรือขาดทุนก็ขน้ึ กับการบริหารจัดการ
Running Cost และขึน้ อยูก่ บั ว่ามีพนักงานทีด่ มี ปี ระสิทธิภาพเพียงใด ปจั จัยทีเ่ กีย่ วข้องต่อการ
เพิม่ ขึน้ หรือลดลงของ Running Cost คือ สภาพรถ สมรรถนะ การจัดการด้านต่างๆ ระบบการ
บริหารงาน แต่ปจั จัยทีส่ าคัญมากทีส่ ดุ คือบุคลากร โดยเฉพาะพนักงานขับรถ
การลงทุนเพื่อการขนส่งทางถนน ทาเอง หรือ ว่าจ้าง?
การลงทุนเพื่อการขนส่งในกรณี ว่าจ้าง
HUB
เพื่อประหยัดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและ ลดค่าใช้จ่ายใน
การดาเนินการและค่าใช้จ่ายในการขนส่ง โดยจะเน้ นการเชื่อมโยง
ระหว่าง HUB & SPOKE เท่านัน้ SPOKE
แนวทางการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง
การจัดเส้นทาง (Vehicle Routing) และตารางการวิง่ รถ ให้เหมาะสม เพือ่ ให้
่ ได้คมุ้ ค่าทีส่ ดุ โดยมี ปจั จัยทีต่ อ้ งคานึงได้แก่
สามารถใช้รถขนส่งได้ 24 ชัวโมง
ความสามารถในการรับระวางบรรทุกของยานพาหนะ (Vehicle Capacity)
ความถีข ่ องการหยุดรถเพือ่ ส่งหรือรับ สินค้า (Density of stops)
เวลาทีใ่ ช้ในกิจกรรมต่างๆ เช่นเวลาในการเดินทาง (Transit Time) เวลาใน
ยกสินค้าขึน้ และลง (Loading-Unloading Time) รวมถึงเวลาทีม่ ใี นการ
ทางาน
ต้นทุนทีเ่ กีย
่ วข้องในการวิง่ รถในแต่ละเส้นทาง เช่นค่าธรรมเนียมผ่านทาง
ค่าน้ามัน เป็ นต้น
แนวทางการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง
การเพิม่ ประสิทธิภาพการขนส่งด้วยการลดการวิง่ เทีย่ วเปล่าโดยจัดให้มสี นิ ค้าในรถ
เทีย่ วกลับ เรียกว่าการทา Back Haul) เพือ่ ให้ เกิดการใช้ประโยชน์สงู สุดจาก
ยานพาหนะ เพราะการขนส่งโดยทัวไปเมื ่ อ่ ส่งสินค้า เสร็จ จะตีรถวิง่ เทีย่ วเปล่ากลับมา
ซึง่ ทาให้เกิดต้น ทุนของการประกอบการเพิม่ สูงขึน้ โดยเปล่าประโยชน์ ซึง่ ต้นทุนที่
เกิดขึน้ มานี้นบั เป็ นต้นทุนทีไ่ ม่ก่อให้เกิดมูลค่า (Non-value added cost) ต้อง
พยายามใช้ประโยชน์ของจากรถบรรทุก (Truck utilization) ให้เต็มที่
มีการบริหารจัดการคาสังซื ่ อ้ การเลือกเส้นทางและการวางแผนการขนส่งทีม่ ี
ประสิทธิภาพ เช่น จัดส่งหลายรายในเส้นทางเดียวกัน การจัดระบบแบบ Milk Run
เป็ นต้น
แนวทางการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง