Professional Documents
Culture Documents
บทคัดย่อ/Abstract
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังเป็ นสาเหตุที่สำคัญของการเจ็บป่ วยและการ
ตายทั่วโลก โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เป็ นโรคเรื้อรังชนิดที่ไม่สามารถทำให้
กลับคืนมาเป็ นปกติได้ เมื่อสมรรถภาพปอดลดลงผู้ป่ วยจะทำงานได้ลดลง
หรือเหนื่อยง่าย แม้เพียงแต่ทำกิจวัตรประจำวัน ทำให้ผู้ป่ วยต้องมารับ
การรักษาที่แผนกผู้ป่ วยนอกอย่างต่อเนื่อง และหากผู้ป่ วยปฏิบัติตัวไม่ถูก
ต้อง จะมีอาการกำเริบบ่อยๆ ทำให้ผู้ป่ วยต้องมารับการรักษาที่ห้อง
ฉุกเฉิน และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล การเตรียมความพร้อมของผู้
ป่ วยให้สามารถดูแลและจัดการกับอาการที่กำเริบด้วยตนเองได้ ก่อน
จำหน่ายออกจากโรงพยาบาลจึงมีความจำเป็ นอย่างยิ่ง
การวิจัยครั้งนี้เป็ นการวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและ
หลังการทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนความ
รู้และการปฏิบัติตัวของผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ระยะก่อนและหลังได้
รับแนวปฏิบัติการวางแผนจำหน่ายและ 2) เพื่อศึกษาอัตราการกลับมา
รักษาซ้ำภายใน 28 วันกลุ่มตัวอย่าง เป็ นผู้ป่ วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็ น
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่ วยอายุรกรรมชายและ
อายรุกรรมหญิง โรงพยาบาลสุโขทัย เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะ
เจาะจง จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แนว
ปฏิบัติการวางแผนจำหน่ายผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ตามรูปแบบของ
D-METHOD แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบสอบถามความรู้เกี่ยวกับโรค
ปอดอุดกั้นเรื้อรัง และแบบสอบถามการปฏิบัติตัวของผู้ป่ วยโรคปอดอุด
กั้นเรื้อรัง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติที
ผลการวิจัย พบว่า ความรู้และการปฏิบัติตัวของผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้น
เรื้อรัง ภายหลังใช้แนวปฏิบัติการวางแผนจำหน่ายผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้น
2
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
5
1. เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้และการปฏิบัติตัวของผู้
ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ระยะก่อนและหลังได้รับแนวปฏิบัติการ
วางแผนจำหน่าย
2. เพื่อเปรียบเทียบอัตราการกลับมารักษาซ้ำภายใน 28 วัน ภาย
หลังการจำหน่ายผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังออกจากโรงพยาบาลที่ได้รับ
แนวปฏิบัติการวางแผนจำหน่าย
ขอบเขตของการวิจัย
ขอบเขตเชิงพื้นที่ การวิจัยครั้งนี้เป็ นการวิจัยกึ่งทดลอง ศึกษาที่หอผู้
ป่ วยอายุรกรรมชายและหอผู้ป่ วยอายุรกรรมหญิง โรงพยาบาลสุโขทัย
ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2563 – เมษายน 2564
ขอบเขตเชิงประชากรเป้ าหมาย การวิจัยครั้งนี้ ศึกษาในกลุ่มผู้ป่ วย
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลสุโขทัย
กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ป่ วยที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็ นโรค
ปอดอุดกั้นเรื้อรัง และให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเลือกกลุ่ม
ตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (purposive sampling) โดยเก็บรวบรวม
ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 15 เมษายน พ.ศ.
2564
ตัวแปรในการวิจัย
ตัวแปรต้น ได้แก่ แนวปฏิบัติการวางแผนจำหน่ายผู้ป่ วยโรคปอดอุด
กั้นเรื้อรัง
ตัวแปรตาม ได้แก่ ความรู้ และการปฏิบัติตัวของผู้ป่ วยโรคปอดอุด
กั้นเรื้อรัง และอัตราการกลับมารักษาซ้ำในโรงพยาบาลภายใน 28 วันหลัง
จำหน่าย
กรอบแนวคิดการวิจัย
แนวปฏิบัติการวางแผน
จำหน่ายผู้ป่ วยโรคปอดอุด ความรู้ของผู้ป่ วยโรคปอดอุด
กั้นเรื้อรัง กั้นเรื้อรัง
การปฏิบัติตัวของผู้ป่ วยโรค
6
นิยามศัพท์เฉพาะ
แนวปฏิบัติการวางแผนจำหน่ายผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
หมายถึง รูปแบบกิจกรรมการดูแลผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ผู้วิจัยสร้าง
ขึ้นใหม่จากการทบทวนวรรณกรรม ตำรา เอกสาร บทความและงานวิจัย
ที่เกี่ยวข้องโดยบูรณาการแนวคิดการวางแผนจำหน่ายผู้ป่ วยโรคปอดอุด
กั้นเรื้อรัง ตามรูปแบบ D-METHOD (กฤษดา แสวงดี, 2547) ในการดูแล
ช่วยเหลือผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังตั้งแต่แรกรับจนกระทั่งจำหน่ายออก
จากโรงพยาบาลให้มีความรู้การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเหมาะสมอย่างต่อ
เนื่องจากโรงพยาบาลสู่สิ่งแวดล้อมใหม่ของผู้ป่ วยหลังการจำหน่ายออก
จากโรงพยาบาล โดยแบ่งแนวปฏิบัติการวางแผนจำหน่ายเป็ น 3 ระยะ
คือ ระยะที่ 1 วันแรกประเมินสภาพปั ญหาจากการซักประวัติ ตรวจ
ร่างกาย เพื่อวางแผนการพยาบาลและวางแผนจำหน่ายด้วยรูปแบบ D-
7
ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยใช้แบบวัดมาตรประมาณค่า
3 ระดับ คือ ปฏิบัติเป็ นประจำ ปฏิบัติบางครั้ง และไม่เคยปฏิบัติ
วิธีดำเนินการวิจัย
การศึกษาครั้งนี้เป็ นการวิจัยกึ่งทดลอง (quasi-experimental
research) แบบ 1 กลุ่มก่อนและหลังการทดลอง (one-group pretest-
posttest design) เพื่อศึกษาผลการใช้แนวปฏิบัติการวางแผนจำหน่าย
โดยใช้รูปแบบ D-METHOD สำหรับผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรง
พยาบาลสุโขทัย
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร คือ ผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่เข้ารับการรักษาในโรง
พยาบาลสุโขทัยระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2563 – เมษายน 2564
จำนวน 105 คน
กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่ วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็ นโรคปอดอุดกั้น
เรื้อรัง และเข้ารับการรักษาตัวในหอผู้ป่ วยอายุรกรรมชายและอายรุกรรม
หญิง โรงพยาบาลสุโขทัย จำนวน 30 คน เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะ
เจาะจง (purposive sampling) จนครบตามจำนวนขนาดตัวอย่างที่
คำนวณได้ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
9
2. ผู้ป่ วยมีภาวะแทรกซ้อนต้องใส่ท่อช่วยหายใจ
3. ผู้ป่ วยได้รับการส่งต่อไปรับรักษาที่โรงพยาบาลอื่น
4. ผู้ป่ วยที่เสียชีวิตก่อนเสร็จสิ้นโครงการ
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง
แนวปฏิบัติการวางแผนจำหน่ายผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังผู้วิจัย
พัฒนาแนวปฏิบัติการวางแผนจำหน่ายตามรูปแบบของ D-METHOD
(สำนักการพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข, 2550) ร่วมกับงานวิจัยที่
เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย โรคที่เป็ น (disease: D) การใช้ยา (medication:
M) สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ (environment & economic: E)
แผนการรักษา (treatment: T) ภาวะสุขภาพและข้อจำกัดของผู้ป่ วย
(health: H) ความต่อเนื่องในการรักษา (outpatient referral: O) และ
การรับประทานอาหาร (diet: D) นำมาใช้ปฏิบัติการวางแผนจำหน่ายผู้
ป่ วยตามขั้นตอนของกระบวนการพยาบาล ได้แก่ 1) ประเมินปั ญหาและ
ความต้องการ 2) การวินิจฉัยปั ญหา 3) การกำหนดแผนการจำหน่ายผู้
ป่ วย 4) ลงมือปฏิบัติตามแผนการจำหน่าย และ 5) การประเมินผล
ติดตามต่อเนื่องผู้วิจัยจัดทำเป็ นแผนการสอน และแบบบันทึกการวางแผน
11
2. เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล
ส่วนที่ 2 แบบสอบถามความรู้เกี่ยวกับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังผู้
วิจัยพัฒนาขึ้นจากการทบทวนงานวิจัย ประกอบด้วย ความรู้เรื่องโรค
สาเหตุอาการของโรคและภาวะแทรกซ้อนจำนวน 5 ข้อ (ข้อ 1-3, 5,9)
อาหารที่ควรรับประทานหรือหลีกเลี่ยงจำนวน 1 ข้อ (ข้อ 4) ยารับ
ประทานและยาพ่นจำนวน 2 ข้อ (ข้อ 6,8) แนวทางการรักษาพยาบาล
จำนวน 1 ข้อ (ข้อ 7) การตรวจตามแพทย์นัด จำนวน 1 ข้อ (ข้อ 10)
รวมทั้งหมด 10 ข้อ ลักษณะคำถามเป็ นแบบเลือกตอบ ใช่ หรือ ไม่ใช่
การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. ตรวจสอบความตรงตามเนื้อหา (content validity) โดยผู้
วิจัยได้นำแบบสอบถามไปให้ผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คนประกอบด้วย
อายุรแพทย์ 1 ท่าน อาจารย์พยาบาลด้านการพยาบาลผู้ใหญ่ 2 ท่าน
พยาบาลวิชาชีพผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการวิจัยและสถิติทาง
วิทยาศาสตร์สุขภาพ 1 ท่าน และนักวิชาการสุขศึกษา 1 ท่าน ตรวจสอบ
ความครอบคลุม ความชัดเจน ความเหมาะสมถูกต้องของเนื้อหาและ
ภาษาที่ใช้ โดยใช้เกณฑ์ในการตัดสินความตรงตามเนื้อหาตามความเห็น
สอดคล้องของผู้ทรงคุณวุฒิมาคำนวณหาค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหา
(CVI) ได้ความตรงตามเนื้อหาเท่ากับ 0.83
วิธีดำเนินการวิจัยและการเก็บรวมรวมข้อมูล
ความร่วมมือในการรวบรวมข้อมูล และชี้แจงให้ทราบถึงการพิทักษ์สิทธิ์
กลุ่มตัวอย่างว่า ผู้ป่ วยจะได้รับการบริการพยาบาลตามมาตรฐานการ
พยาบาล ภายหลังการชี้แจงผู้วิจัยสอบถามความสมัครใจในการเข้าร่วม
โครงการวิจัย พร้อมระบุว่าผู้ป่ วยสามารถถอนตัวออกจากการโครงการ
วิจัยได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งเหตุผลใดๆ และจะไม่มีผลต่อการรักษา
พยาบาลที่ได้รับทั้งในปั จจุบันและอนาคต
7.การดำเนินการทดลองใช้แนวปฏิบัติการวางแผนจำหน่าย
7.1 ระยะที่ 1 วันแรกของกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็ นผู้ป่ วยโรคปอดอุด
กั้นเรื้อรังที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่ วยอายุรกรรมชายและอายุรกรรม
หญิง พยาบาลวิชาชีพทำการตรวจวัดสัญญาณชีพของผู้ป่ วย ซักประวัติ
ตรวจร่างกายเบื้องต้น สอบถามพฤติกรรมการสูบบุหรี่หรือดื่มสุราและ
ระยะเวลาที่ป่ วยเป็ นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังชี้แจงข้อมูลการปฏิบัติตัวขณะ
อยู่โรงพยาบาล อีกทั้งสัมภาษณ์ผู้ดูแลหรือญาติของผู้ป่ วยเพื่อประเมิน
ความพร้อมในการดูแลผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่บ้าน แจกแบบ
ประเมินความรู้เกี่ยวกับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จำนวน 10 ข้อและประเมิน
การปฏิบัติตัวของผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จำนวน 20 ข้อ ใช้ระยะเวลา
ประมาณ 15-20 นาที นำข้อมูลที่ได้มาจากซักประวัติผู้ป่ วยและข้อมูล
ทางสุขภาพของผู้ป่ วยจากญาติ และผลการประเมินความรู้และการปฏิบัติ
ตนเองของผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง นำมาวางแผนกระบวนการ
พยาบาลร่วมกับการวางแผนการจำหน่ายผู้ป่ วยด้วยรูปแบบ D-METHOD
ต่อไป ที่สอดคล้องอาการและอาการแสดง และความต้องการของผู้ป่ วย
และญาติ ครอบคลุมเรื่อง 1) โรคที่เป็ นและปั จจัยที่ส่งเสริมให้เกิดอาการ
หายใจลำบากกำเริบ 2) การใช้ยาโดยเฉพาะยาขยายหลอดลม 3) สิ่ง
แวดล้อมและเศรษฐกิจ 4) แผนการรักษาของแพทย์ 5) ภาวะสุขภาพและ
15
วิชาชีพทบทวนความรู้ความเข้าใจของผู้ป่ วยและญาติผู้ดูแลเกี่ยวกับโรค
ปอดอุดกั้นเรื้อรัง สาเหตุ ปั จจัยเสี่ยง วิธีการจัดการกับกลุ่มอาการของ
ตนเอง การใช้ยาพ่น และการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง เหมาะสม และให้ผู้ป่ วย
สาธิตย้อนกลับอีกครั้งเกี่ยวกับทักษะต่างๆ ที่ได้ฝึ กไป ใช้เวลาประมาณ
30-45 นาทีพร้อมให้ทำแบบประเมินวัดความรู้เกี่ยวกับโรคปอดอุดกั้น
เรื้อรัง จำนวน 10 ข้อขออนุญาตผู้ป่ วยโทรศัพท์ติดตามการปฏิบัติตัวของ
กลุ่มตัวอย่างภายหลังการจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล 2 สัปดาห์
สัปดาห์ที่ 2 ภายหลังการจำหน่ายกลุ่มตัวอย่างออกจากโรง
พยาบาล ผู้วิจัยโทรศัพท์ติดตามการปฏิบัติตัวของผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้น
เรื้อรัง และวิธีการจัดการกับอาการต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
สัปดาห์ที่4 ภายหลังการจำหน่ายกลุ่มตัวอย่างออกจากโรง
พยาบาล ผู้วิจัยติดตามการปฏิบัติตัวของกลุ่มตัวอย่างภายหลังการ
จำหน่ายออกจากโรงพยาบาล 1 เดือนที่หน่วยตรวจผู้ป่ วยนอกอายุรกรรม
เพื่อให้กลุ่มตัวอย่างทำแบบประเมินการปฏิบัติตัวของผู้ป่ วยโรคปอดอุด
กั้นเรื้อรัง จำนวน 20 ข้อ และผู้วิจัยเก็บข้อมูลจากสถิติการกลับมารักษา
ซ้ำของผู้ป่ วยที่ได้รับแนวปฏิบัติการวางแผนจำหน่ายภายใน 28 วันภาย
หลังการจำหน่ายด้วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
ผู้ป่ วย COPD
ทบทวนความรู้ความเข้าใจของผู้ป่ วยและญาติเกี่ยวกับโรคปอดอุดกั้น
18
การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ในการวิจัย
1.วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่เพศ อายุ สถานภาพ
สมรส อาชีพ ระดับการศึกษา รายได้ สิทธิการรักษา ลักษณะที่อยู่อาศัย
ผู้ที่คอยช่วยเหลือดูแลขณะอยู่บ้าน พฤติกรรมการสูบบุหรี่/ดื่มสุราและ
ระยะเวลาที่ป่ วยเป็ นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังโดยใช้สถิติพรรณนา
(descriptive statistic) นำเสนอเป็ นความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วน
เบี่ยงเบนมาตรฐาน
2.การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยตัวแปร ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับโรคปอดอุด
กั้นเรื้อรัง และการปฏิบัติตัวของผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังโดยเปรียบ
เทียบค่าเฉลี่ยของผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังก่อนและหลังใช้แนวปฏิบัติ
การวางแผนจำหน่ายผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังด้วยสถิติ paired
sample t-test ซึ่งก่อนการวิเคราะห์ได้ตรวจสอบข้อตกลงเบื้องต้น คือ ผู้
วิจัยวิเคราะห์การกระจายตัวของตัวแปรทั้งหมดด้วยสถิติ Shapiro-Wilk
test พบว่าความรู้เกี่ยวกับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและการปฏิบัติตัวของผู้
ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังมีการแจกแจงแบบไม่เป็ นโค้งปกติ (p<.05) แต่
เมื่อพิจารณาจากค่าความเบ้ (skewness) พบว่าอยู่ในช่วง 3 ดังนั้น
ข้อมูลมีการกระจายแบบโค้งปกติ (Howell, 2013)
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลและอภิปรายผล
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็ นเพศชาย (ร้อยละ 70.00) และเป็ นผู้สูง
อายุมีอายุเฉลี่ย 71.63 (SD 11.63) ปี มีช่วงอายุตั้งแต่ 70 ปี ขึ้นไปมาก
ที่สุด (ร้อยละ 56.67) ส่วนใหญ่มีสภานภาพสมรส (ร้อยละ 83.33) และมี
19
พยาบาลทางโทรศัพท์ต่ำกว่ากลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ อย่างมีนัย
สำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
สรุป
การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบค่าเฉลี่ย
คะแนนความรู้และการปฏิบัติตัวของผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ระยะ
ก่อนและหลังได้รับแนวปฏิบัติการวางแผนจำหน่ายและ 2)เพื่อศึกษา
อัตราการกลับมารักษาซ้ำภายใน 28 วัน ภายหลังการจำหน่ายผู้ป่ วยโรค
ปอดอุดกั้นเรื้อรังออกจากโรงพยาบาลที่ได้รับแนวปฏิบัติการวางแผน
จำหน่าย ข้อค้นพบจากการศึกษาครั้งนี้พบว่า ค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้และ
การปฏิบัติตัวของผู้ป่ วยโรคปปอดอุดกั้นเรื้อรัง ภายหลังได้รับแนวปฏิบัติ
การวางแผนจำหน่าย มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าก่อนได้รับแนวปฏิบัติอย่างมีนัย
สำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และอัตราการกลับมารักษาซ้ำภายใน 28 วัน
พบว่า มีอัตราการกลับมารักษาซ้ำภายใน 28 วัน คิดเป็ นร้อยละ 6.67
ข้อเสนอแนะสำหรับนำผลงานวิจัยไปใช้
1.พัฒนาแนวปฏิบัติการวางแผนจำหน่ายผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
ตั้งแต่ผู้ป่ วยมารับบริการที่แผนกผู้ป่ วยนอก โดยประสานความร่วมมือ
ภายในทีมสหสาขาวิชาชีพ และครอบครัวของผู้ป่ วย ซึ่งจะมีบทบาท
สำคัญในการช่วยเหลือและส่งเสริมผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ให้สามารถ
ดูแลตนเอง และควรมีการติดตามผลการปฏิบัติตัวของผู้ป่ วยอย่างต่อเนื่อง
จากบุคลากรทางด้านสาธารณสุข เพื่อเป็ นการกระตุ้นและสนับสนุนให้ผู้
25
ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง คงพฤติกรรมการดูแลตนเองที่เหมาะสมอย่าง
ต่อเนื่อง อันจะส่งผลให้ผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ไม่ต้องกลับมารักษาซ้ำ
ในโรงพยาบาล
2.สามารถนำรูปแบบ D-MEDTHOD ไปบูรณาการร่วมกับการ
พัฒนาโปรแกรมการวางแผนจำหน่ายผู้ป่ วยกลุ่มโรคเรื้อรังอื่นๆได้
ประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย
ประโยชน์เชิงวิชาการ
1. งานวิจัยนี้ทำให้พยาบาลได้ความรู้และทักษะการพัฒนาแนว
ปฏิบัติการวางแผนจำหน่ายผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังโดยใช้งานวิจัยหรือ
หลักฐานเชิงประจักษ์รองรับที่มีความน่าเชื่อถือ
2. งานวิจัยนี้ทำให้พยาบาลมีแนวปฏิบัติการพยาบาลทางคลินิกที่อิง
หลักฐานเชิงประจักษ์หรืองานวิจัยที่มีคุณภาพ
ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป
1. ควรมีการศึกษาเชิงทดลองแบบมีกลุ่มควบคุม เพื่อศึกษาผลลัพธ์
ของดูแลผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เช่น อัตราการมารับบริการซ้ำภายใน
48 ชั่วโมง (re-visit rate) อัตราการมานอนโรงพยาบาลซ้ำใน 28 วัน (re-
admit rate) และค่าใช้จ่าย
2. การทำวิจัยครั้งต่อไปอาจพิจารณาเพิ่มตัวแปรอื่น ๆ ร่วมด้วย
เช่น ความสามารถในการจัดการอาการหายใจลำบาก สภาวะอาการ
หายใจลำบาก ความสามารถในการทำปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน เป็ นต้น
บรรณานุกรม
กรกนก แสนสุภา, ลัดดาวัลย์ แดงเถิน, และปกรณ์ ประจัญบาน. (2559).
ผลของโปรแกรมพัฒนาการวางแผนจำหน่ายผู้ป่ วยโรคปอดอุดกั้น
26