Professional Documents
Culture Documents
ข้อสอบย่อความ
ข้อสอบย่อความ
ตอนที่ ๑ ให้นักเรียนเขียนย่อความบทความต่อไปนี้
วิ่งเปี้ยว
วิ่งเปี้ยวเป็นการละเล่นพื้นบ้านของเด็กไทยอย่างหนึ่งที่เด็ก ๆ นิยมเล่นกันมายาวนาน เป็นการละเล่น
ที่ต้องใช้กาลังความแข็งแรงของร่างกายในการวิ่งให้เร็วที่สุด วิธีเล่นง่ายและไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไรมีเพียงผ้าผืน
เล็ก ๆ ๒ ผืนเท่านั้น มีวิธีการเล่น ดังนี้ จานวนผู้เล่นไม่จากัด โดยแบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ ฝ่าย ๆ ละเท่า ๆ กัน
อาจมีผู้เล่นประมาณ ๕ - ๑๐ คน ไม่ควรมากหรือน้อยไปกว่านี้ เพราะจะทาให้ไม่สนุกเท่าที่ควร โดยเตรียม
กรวยหรือปักหลัก ๒ ข้างหรือใช้คนนั่งเป็นหลัก ข้างละหลักระยะห่างประมาณ ๘ - ๑๐ เมตร
มีกรรมการตัดสิน ๑ คน เริ่มต้นพร้อมกันทั้งสองข้างยืนต่อแถวกันที่กรวยหรือหลักของฝ่าย
ตนเอง ต้องวิ่งอ้อมหลักให้ทันกัน ให้คนแรกมือถือผ้าคนละผืน เมื่อถึงฝ่ายของตนก็ส่งผ้าให้คนต่อไป เป็นเช่นนี้
จนวิ่งทันกัน ฝ่ายไล่ทันต้องใช้ผ้าที่ถืออยู่ตีอีกฝ่ายหนึ่ง ถือว่าฝ่ายนั้นชนะ ข้อห้ามในระหว่างเล่น คือ ห้ามทาผ้า
ตกพื้นหากทาตกต้องวิ่งกลับไปเก็บผ้าแล้วจึงวิ่งต่อไป ห้ามวิ่งขวางฝ่ายตรงข้าม ห้ามจงใจเตะกรวยหรือหลัก
ของฝ่ายตรงข้าม
ชื่อนั้นสาคัญไฉน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว อาจารย์ทิศาปาโมกข์ อยู่ในเมืองตักกสิลา มีลูกศิษย์คนหนึ่งชื่อว่า นายบาป
เขาคิดว่าชื่อของเขาไม่เป็นมงคล จึงเข้าไปหาอาจารย์ และขอให้อาจารย์ตั้งชื่อให้ใหม่ อาจารย์จึงบอกให้ไ ป
เที่ยวแสวงหาชื่อที่ตนเองชอบใจมาแล้วจะทาพิธีเปลี่ยนชื่อให้
วันรุ่งขึ้นเขาจึงเดินทางไปแสวงหาชื่อใหม่ จนถึงเมืองหนึ่ง เดินผ่านขบวนญาติหามศพไปป่าช้า จึงถาม
ถึงชื่อคนตาย พวกญาติจึงบอกชื่อว่า นายบุญรอด เขาถามว่า “ชื่อบุญรอดก็ตายหรือ” พวกญาติจึงกล่าวว่า
“จะชื่ออะไร ๆ ก็ตายทั้งนั้น ชื่อเป็นเพียงสาหรับเรียกกันเท่านั้น”
เดินเข้าไปในเมือง พบเห็นเศรษฐีกาลังให้ลูกน้อ งจับผู้หญิงคนหนึ่ง มัดด้วยเชือกอยู่ จึงถามความนั้น
ทราบว่านางยืมเงินแล้วไม่ยอมคืน จึงถามถึงชื่อผู้หญิงคนนั้น ทราบว่าชื่อนางรวย จึงถามว่า “ชื่อรวย ยังไม่มี
เงินหรือ” เศรษฐีจึงตอบว่า “จะชื่อรวยหรือจน เป็นคนยากจนได้ทั้งนั้น ชื่อเป็นเพียงสาหรับเรียกกันเท่านั้น ”
เขาเริ่มรู้สึกเฉย ๆ ในเรื่องชื่อยิ่งขึ้น
เขาได้เดินทางออกจากเมืองไป ในระหว่างทางพบคนหลงทางคนหนึ่ง จึงเข้าไปถามชื่อ ทราบว่าชื่อ
นายชานาญทาง จึงถามว่า “ขนาดชื่อชานาญทางยังหลงทางอยู่หรือ ” คนหลงทางจึงตอบว่า “จะชื่อชานาญ
ทางหรือไม่ชานาญทาง ก็มีโอกาสหลงทางได้เท่ากัน เพราะชื่อเป็นเพียงสาหรับเรียกกันเท่านั้น”
เขาจึงวางเฉยในเรื่องชื่อ เดินทางกลับไปพบอาจารย์ แล้วเล่าเรื่องที่ตนพบเห็นมาให้ฟัง และขอให้ชื่อ
นายบาปเช่นเดิม