You are on page 1of 1

การลองผิดลองถูก

1. กฎแห่งความพร้อม (Law of Readiness)

2. กฎแห่งการฝกหัด(Law of Exercise)

3. กฎแห่งความพอใจ(Law of Effect)

ธอร์นไดค์(Thorndike)

การประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู ้
1.ความแตกต่างระหว่างบุคคลของนั กเรียน
2.ผู้สอนสามารถทําให้นักเรียนชอบหรือไม่ชอบในวิชานั นได้ เวอร์ไธเมอร์ (Wertheimer) โคห์เลอร์ (Kohler)
คอฟฟกา (Koffka) และเลวิน (Lewin) 1.เน้ นการเรียนรู เ้ ปนภาพรวมก่อนทีจะมาสอนเปนส่วนย่อย

กลุ่มเกสตัลท์(Gestalt) 2.การรับรู ้ (Perception)ด้วยอวัยวะสัมผัสทัง 5 ส่วน

3.การหยังเห็น (Insight)
วัตสัน(Watson)

ทฤษฎีการวางเงือนไขแบบ Operant

การเสริมแรงทางบวก เสริมแรงทางลบ พฤติกรรมนิ ยม (Behaviorism) มาสโลว์ (Maslow)


การลงโทษทางบวก การลงโทษทางลบ
มนุษยนิ ยม
(Humanism)

สกินเนอร์(Skinner)

โรเจอร์(Rogers)

พาฟลอฟ (Pavlov) กลุ่มนั กจิตวิทยา 6 กลุ่ม

1.กฎแห่งการลดภาวะ (Law of extinction)


2.กฎแห่งการฟนคืนสภาพ (Law of spontaneous
recovery)
3.กฎแห่งการสรุ ปกฎเกณฑ์โดยทัวไป (Law of
generalization)
การสัมผัส (Sensation)
4.กฎแห่งความแตกต่าง (Law of discrimination) วิลเฮล์ม วุนต์ (Wilhelm Woundt)

จิตวิเคราะห์(Psychoanalysis) กลุ่มโครงสร้างของจิต
การรูส
้ ก
ึ (Feeling)
(Structuralism)
1.จิตสํานึ ก (Conscious mind)

2.จิตใต้สํานึ ก (Subconscious mind) ซิกมันด์ ฟรอยด์(Sigmund Freud) มโนภาพ (Image)


3.จิตไร้สํานึ ก (Unconscious mind)
การวางเงือนไขแบบ Classic

1. อิด (Id) กลุ่มหน้าทีทางจิต (Functionalism)


2. อีโก้ (Ego)

3. ซุปเปอร์อโี ก้ (Superego)
จอห์น ดิวอี (John Dewey),วิลเลียม เจมส์ เรียนรู จ
้ ากการลงมือปฏิบัติ Learning by Doing
William James เน้ นประสบการณ์ (Experience) เปนสิงสําคัญ

You might also like