Professional Documents
Culture Documents
ป่ำชุมชนบ้ำนห้วยสะพำนสำมัคคี
ชื่อเจ้ำของแผนธุรกิจเพื่อชุมชน :
นำงสมพร ปำนโต
หลักสูตร
กำรจัดทำแผนธุรกิจเพื่อชุมชน
(Community Business Model Canvas : CBMC)
ระหว่ำงวันที่ 24 กุมภำพันธ์ – 3 มีนำคม 2565
กำรเตรียมตัวก่อนเรียน “เรำจะมีควำมเป็นเอกภำพบนควำมหลำกหลำย”
1. ศึกษากาหนดการ อย่างละเอียด
2. เตรียมสินค้าของท่าน ตัวที่คิดว่าโดดเด่นที่สุดไว้ประกอบการเรียน เป็นสินค้าตัวเอกของท่านเพียงตัวเดียวก่อนส่วน
สินค้าตัวอื่นๆทุกตัวของท่านจะถูกนามาใช้ในวันที่ 2 ของการเรียน
3. การเรียนการสอนออนไลน์ผ่านกลุ่มไลน์ใช้ “ห้องเรียนรวม CBMC ”เป็นห้องเรียนกลาง การเรียนเน้นที่การอ่านคา
บรรยายพร้อมโจทย์การบ้านของแต่ละวัน ได้ตั้งแต่ 6-8 โมงเช้าที่ห้องเรียนกลาง หลังจากนั้น ท่านสะดวกเวลาไหน
ก็เขียนคาตอบส่งเข้าในห้องเรียนย่อยของท่าน โดยจะมีพี่เลี้ยงคอยอยู่ดูแล และให้คาแนะนาท่านตลอดทั้งวัน และ
ท่านจะมีเพื่อน 40 กว่าท่านในห้อง มีครูพี่เลี้ยงประจากลุ่มประมาณ 3 - 5 ท่าน
ท่านต้องเข้าห้องเรียนกลาง เพื่อทาความรู้จักมักคุ้นทาความเข้าใจวิธีเรียน ตารางการเรียน ให้เสร็จอย่างช้า ตอนเย็น
ก่อนวันเรียน 1 วัน ทุกคนต้องเข้ากลุ่ม อ่านกติกา ทาความเข้าใจ หลักสูตร พร้อมเรียนในเช้าวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565
ลักษณะเฉพาะของ cbmc
1) ชาวบ้านทาได้ ใช้เป็น
2) ใช้สิ่งรอบตัวมาเป็นสินค้าและบริการ เพื่อเพิ่มรายได้ขยายกิจการ (cbmc ข้อ 5 7 และ 8)
3) ใช้โทรศัพท์มือถือ ให้เกิดประโยชน์ (cbmc ข้อ 1-4)
4) ใช้หนึ่งสมองสองมือ การร่วมแรงร่วมใจ เป็นการลดรายจ่าย ขยายกิจการ (cbmc ข้อ 7 และ 8)
5) มีแผน5 ช่อง เป็นตัวกากับ ให้เกิดการบริหารแบบมืออาชีพ
6) เหมาะสาหรับคนที่ เอาจริง ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่ท้อแท้ ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง ใส่ใจความผาสุกร่วมกันถึง
รุ่นลูกรุ่นหลาน และ
7) ทั้ง 9 ข้อ กับ 5 ช่อง ทุกข้อล้วนมีความสัมพันธ์เชิ่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็จะเหมือน
รถไฟตกราง
บรรยำย 1.2 แนวทำงกำรตลำด บันได 4 ขั้นสู่ "ติดใจ ซื้อซ้ำ บอกต่อ" (cbmc ข้อ 1 - 4)
เรื่องเล่าก่อนเข้าเรื่อง การเป็นสาวคู่แฝดหน้าตาดีไปไหนใครเห็นก็โดดเด่นสะดุดตาคนพี่นิสัยออกหวานๆเรียบร้อย
คนน้องออกไปทางสาวเปรี้ยว คนพี่มี 'ความอ่อนหวาน' เป็นเสน่ห์ คนน้องมี 'ความเปรี้ยว'เป็นเสน่ห์ ความมีเสน่ห์ที่ "แตกต่าง"
กันนี้เอง ย่อม 'โดนใจ' ชายหนุ่มที่มี 'รสนิยมต่างกัน' กลุ่มหนึ่ง ชอบสาวหวาน อีกกลุ่มชอบสาวเปรี้ยวผู้ชายกลุ่มที่ชอบสาว
หวาน ก็มีสเปค (spec) แบบหนึ่ง เช่น ทางาน office ชอบอ่านหนังสือ เป็น family man อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับสาว
หวาน ฯลฯ ผู้ชายที่ชอบสาวเปรี้ยวก็มีสเปคเป็นอีกแบบหนึ่ง เช่น ชอบเที่ยว ชอบดนตรี แต่งตัวตามแฟชั่น ออกเจ้าชู้ อายุ 20
- 60 (เฒ่าหัวงู) ฯลฯ จะเห็นว่า
1) สองสาวโดดเด่นเหมือนกัน
2) แต่เสน่ห์ 'แตกต่าง' กันชัดเจน
3) จึง 'โดนใจ'กลุ่มเป้าหมาย ที่มีรสนิยม ต่างกัน
ความมีเสน่ห์ที่แตกต่างกาหนด 'ความโดนใจ' ต่อกลุ่มชายหนุ่มที่มีรสนิยมแตกต่างกันตามไปด้วย ถ้าเป็นสินค้า ก็
เรียกว่า 'กลุ่มลูกค้าเป้าหมายคนละกลุ่มกัน' ถ้าเราค้นหาจนพบว่า
- สินค้าตัวเด่นหรือตัวเอกของเรามีเสน่ห์ที่แตกต่างจากสินค้าแบบเดียวกันของร้านอื่นอย่างไร และ
- เราค้นจนเจอความแตกต่างนั้นอย่างละเอียดเท่ากับ เราได้ล้าหน้าคู่แข่งไปก้าวหนึ่ง โอกาสที่ลูกค้าจะสนใจ
เรามากกว่าร้านอื่นจึงสูง
แต่..แต่ ! ถ้าลืมนึกว่าเสน่ห์คนละแบบย่อม โดนใจกลุ่มลูกค้า คนละกลุ่ม ถ้าเผลอเอาสินค้าเสน่ห์สาวหวาน ไปขายให้กลุ่มลูกค้า
ที่ชอบเสน่ห์แบบสาวเปรี้ยว แบบนี้ก็คงตกม้าตาย แต่ถ้าเอาสินค้าเสน่ห์สาวเปรี้ยวเสนอขายกลุ่มลูกค้าที่ชอบเสน่ห์สาวเปรี้ยว
แบบนี้ เจอปุ๊บ ซื้อปั๊บแน่นอน การค้นหา เสน่ห์ที่แตกต่างของสินค้า 'อย่างละเอียด' และการค้นหารสนิยมเฉพาะ 'อย่าง
ละเอียด' ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จึงเป็น สองจุดเริ่มต้นของควำมสำเร็จที่สำคัญ ของกิจกำรเล็กๆ แบบบ้ำนนอกอย่ำงเรำ
เรำ
เข้าเรื่องแนวทางการตลาด cbmc มีบันได 4 ขั้นเพื่อผูกใจให้เกิดกลุ่มลูกค้าประจาเพิ่มขึ้นๆ
ขั้นที่ 1ค้นหาเสน่ห์สินค้าตัวเอกของเรา เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมาเป็นลูกค้าประจา (cbmc ข้อที่ 1)
ขั้นที่ 2 ค้นหาสเปคของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อเจอปุ๊บซื้อปั๊บ (cbmc ข้อที่ 2)
ขั้นที่ 3 ช่องทางสื่อสารถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้สนใจเสน่ห์สินค้าตัวเอก เปิดการขาย ปิดการขาย
(cbmc ข้อที่3)
ขั้นที่ 4 บริการประทับใจ ก่อนและหลังการขาย เพื่อได้ใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ให้มาเป็นลูกค้าประจาหรือแฟนคลับ
แบบ 'ติดใจ ซื้อซ้า บอกต่อ' (cbmc ข้อที่ 4)
ข้อคิดชวนคุย
ข้อคิดชวนคุย 1 กลยุทธ์กำรตลำดสำหรับปลำเล็ก
วันนี้ เราลงมือทาแนวทางการตลาด 4 ขั้นกัน เราลองมาทบทวนชีวิตจริงของเราดูกันไหม (???) ว่า ทาไมเราขาย
อะไรมันก็ไม่รุ่ง พอหน่วยงานมาสนับสนุน ก็พอขายได้ พอเขาถอนตัวเราก็ 'ร่วง' หนึ่งในความไม่รุ่งของพวกเรา คือคาว่า
"ตลาดหรือเปล่า?" เราคงคุ้นกับเสียงบ่น "ไม่มีตลาดๆ...." หน่วยงานก็ออกเงินออกทองให้เรา ขนของไปขายที่โน่นที่นี่ พอ
กลับมาบ้านก็ได้ยินเสียงเดิม ไม่มีตลาดๆ .... ของก็กองอยู่เต็มบ้าน หรือแท้จริง ตลาดมันมี แต่ไม่ใช่ตลาดของธุรกิจเพื่อชุมชน
อย่างเราเรา
เอาละ (!) ลองอ่านต่อไปดูครับ อาจมีคาตอบ! ตลาดมี 2 แบบ
1) ขายให้กับคนทั่วไป เอาปริมาณมากๆ ไว้ก่อน เรียกว่า mass market หรือกลุ่มลูกค้าทั่วไป การตลาดแบบนี้
ธุรกิจเอกชนทั่วไปเก่ง ชาวบ้านอย่างพวกเราก็คุ้นชิน ถ้านึ กถึงคาว่า 'ตลาด' เราก็จะนึกว่า ตลาดมีแบบนี้แบบเดียว อีกอย่าง
เราก็ถูกสอนให้ทาตลาดแบบนี้มาตลอด (?) Mass market ภาคเอกชนใหญ่เขาจะรู้ว่า คนส่วนใหญ่ต้องการอะไรก็
ผลิตทีละมากๆ มาขาย ต้นทุนเขาก็ถูก ราคาก็จูงใจกว่าพวกเราชาวบ้านเบี้ยน้อยหอยน้อย แต่อยากรวยก็ทาตามผลิ ตตาม
ขายตาม "เห็นช้างขี้ ก็ขี้ตามช้าง" อะไรทานองนั้นก็แพ้แน่นอน และแพ้พังมาตลอด เช่น ทายาสระผม สบู่ น้ายาล้างจาน
ฯลฯ มารู้จักตลาดอีกแบบกัน
2) ตลาดอีกแบบ เรียกว่า "ตลาดเฉพาะกลุ่ม" เรียกว่า Niche Market 'ตลาดลูกค้าเฉพาะกลุ่มตามรสนิยม' คือรู้ว่า
ลูกค้ากลุ่มนี้มีรสนิยมแบบไหน ชอบอะไร เราก็ผลิตสินค้าที่มีเสน่ห์ตรงกับความต้องการตามรสนิยมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
เหมือนที่เรากาลังฝึกทากันอยู่วันนี้ ไม่ต้องผลิตจานวน มากๆ ไม่ต้องยิงปืนทาตลาดแบบสะเปะสะปะ คือ ยิงนัดเดียวเข้าเป้า
เลย
กิจการเล็กๆ แบบชาวบ้าน มีลักษณะเฉพาะถิ่น ทาให้สินค้ามีความโดดเด่นแตกต่างตามไปด้วย บ้านนอกมีอัธยาศัย
ไมตรี ทาให้ เด่นเรื่องการบริการ เมื่อนาภูมิปัญญาพื้นถิ่น ซึ่งแน่นอนว่าต่างจากถิ่นอื่นมาใช้ ก็สามารถสร้างความแตกต่าง
เฉพาะลงไปได้อีก มีโทรศัพท์มือถือ นาความรู้สากลมาเพิ่มเสน่ห์ สินค้าพื้นถิ่นได้ มีหน่วยงานมากมายมาส่งเสริมด้านเทคนิค
วิทยาการที่หลากหลายเหล่านี้ คือจุดแข็งของบ้านนอก ตลาดเฉพาะกลุ่มจึงเป็นช่องทางชนะของธุรกิจเพื่อชุมชน cbmc จึง
เน้น ผลิตสินค้าที่ "เราถนัดขายให้กับกลุ่มลูกค้าขาประจาเป็นสาคัญ " โดยเน้นเสน่ห์ที่ตอบโจทย์ ตอบใจรสนิยมเฉพาะของ
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าที่จะเพิ่มเติมมาในอนาคตนี่ใช่ทางรอด ทางรวยของบ้านนอกใช่หรือเปล่า (!)
ข้อคิดชวนคุย 2 เสน่ห์ของสินค้ำในสำยตำลูกค้ำ
ย่อมต่างจากสายตาคนขายลูกค้าจะซื้อสินค้าหรือบริการที่โดนใจรู้สึกคุ้มค่าจึงยอมจ่ายผู้ขายมักเข้าข้างตัวเองว่าของ
เราดีอย่างโน้น ดีอย่างนั้น คนซื้อต้องซื้อแน่ๆ เพราะของฉัน เจ๋ง การหลงตนเอง มักจะพาเจ๊ง!
การจะค้นหาเสน่ห์ของสินค้าและบริการของเรา ต้อง มองจากผู้ซื้อแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา คือ ถ้าเราเป็นเขา
(ลูกค้า) เราจะซื้อไหม! ถ้าตอบว่าน่าจะซื้อ น่าจะซื้อเพราะอะไร จุดไหน (จดไว้ แสดงว่า สินค้าเรามีจุดเด่นบางส่วนแล้ว) ถ้า
ตอบว่า น่าจะไม่ซื้อ จุดไหนตรงไหนที่ทาให้ไม่น่าซื้อ (จดไว้ เพื่อแก้ไข) ถ้าทาแบบนี้ได้ โอกาสจะโดนใจผู้ซื้อ ก็มีสูงกว่าการ
เข้าข้างตัวเอง ขณะเดียวกัน สินค้าแบบเดียวกับเราก็มีมากมาย ผู้ซื้อมีทางเลือกซื้อสินค้าหรือบริการที่แตกต่างกว่าสินค้าของ
เจ้าอื่นๆ การสร้างความแตกต่าง จะช่วยให้เรานาหน้าคู่แข่ง ขายได้ ขายดี ดังนั้น เสน่ห์ของสินค้าเราจึงต้องโดดเด่น "ใน
สายตาผู้ซื้อ" "แตกต่างจากคู่แข่ง" ลูกค้าจึงจะรู้สึกคุ้มค่า น่าติดใจ ซื้อซ้า บอกต่อ
การบ้าน 1 (วันแรก) ค้นหาแนวทางการตลาด 4 ขั้นด้วยสินค้าตัวเอกของท่านเอง ตามขั้นตอนต่อไปนี้
ขั้นที่ 1 การบ้าน (1). (1) จัดทาแนวทางการตลาดข้อที่ 1 ค้นหาเสน่ห์สินค้าตัวเอกของท่าน
วิธีการ
1.นาสินค้าตัวเอกของท่านมาพิจารณา (ย้า!ตัวเอกตัวเดียว)
ให้ท่านสมมุติว่า สินค้าตัวเอกเป็นหญิงสาว และสมมุติ ตัวท่านเป็นชายหนุ่ม ลองมองหาเสน่ห์ของสินค้าสาวตัวเอกซิ
ว่า โดดเด่นอย่างไร? แตกต่างจากสินค้าแบบเดียวกันของเจ้าอื่นอย่างไร? จดไว้
2.ค้นหาต่อไปว่า เสน่ห์แบบนี้ เหมาะกับคนรสนิยมแบบไหน? จดไว้
3.นาที่จดไว้ ทั้งข้อ มาพิจารณาอย่างละเอียดจนมั่นใจว่า ใช่เลย
จะหำพวกเขำเจอได้อย่ำงไร?
ตอบ ประชาสัมพันธ์ปากต่อปาก ติดต่อโดยตรง สื่อต่างๆ ได้แก่ สื่อออนไลน์ เพจเฟสบุค สื่อสิ่งพิมพ์ รายการทีวีเกือบทุก
สถานี คลิปวีดีโอ ช่องยูทูปและช่องต่างๆ
เจอแล้ว จะแนะนำให้รู้จักเสน่ห์ของสินค้ำเรำได้อย่ำงไร ?
ตอบ เล่าประวัติความเป็นมาของผืนป่าแห่งนี้ซึ่งกว่าจะได้กลับคืนมาต้องแลกกับอะไรมาบ้าง? การบริหารจัดการที่ทากันมา
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันและได้พัฒนากิจกรรมเชื่อมโยงกับชุมชน หน่วยงานองค์กรในท้องถิ่นและภาคีที่เกี่ยวข้องอย่างไร? การ
ขยายพื้นที่การทางานไปสู่ป่าชุมชนอื่นๆจนเกิดเป็นเครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดกาญจนบุรี ครบ13 อาเภอ จานวน 144 ชุมชนที่
ขึ้นทะเบียนกับกรมป่าไม้แล้ว (ที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนอีกประมาณ 44 ชุมชน) ทาให้ป่าชุมชนบ้านห้วยสะพานสามัคคีเป็นต้นแบบ
ให้แก่ป่าชุมชนของจังหวัดกาญจนบุรี รับโล่รางวัลจานวนมาก และขยายผลไปสู่เครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดกาญจนบุรีให้ได้รับ
โล่รางวัลประเภทต่างๆเช่นกัน นอกจากนี้ยังส่งผลให้เครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดกาญจนบุรีได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณให้เป็น
เครือข่ายป่าชุมชนต้นแบบ ระดับภาคกลาง เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเรียนรู้ศึกษาดูงานตลอดมา
จ่ำยเงินอย่ำงไรให้สะดวกสบำย
ตอบ 1.จ่ายโดยการโอนเข้าบัญชี “ท่องเที่ยวชุมชนตาบลหนองโรง”
2.จ่ายโดยการสแกน คิวอาร์โค้ด
3.จ่ายเงินสดในกรณีที่จาเป็น เช่นไม่สะดวกที่จะใช้วิธีการโอน
การบ้าน 2 (วันที่สองของการเรียน)
การบ้าน(2)
ชื่อ สมพร ปานโต
ผลิตภัณฑ์ตัวเอก การท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านห้วยสะพาน
กลุ่ม ที่ 6
จังหวัดกาญจนบุรี
ให้ท่านตอบคาถามต่อไปนี้
กำรเรียนวันที่ สำม
บรรยำย 3 จำกแนวคิดสู่กิจกรรมเพื่อทำแผน (cbmc ข้อที่ 6)
ชวนท่านลองทบทวนความคิด เรื่องการทามาหากินทามาค้าขาย 2 วันที่ผ่านมาของตัวท่าน เป็นคล้ายๆ แบบนี้ไหม?
ก่อนมาเรียน cbmc "คิด"อะไรได้ก็ทาไปตามนั้น แบบมวยวัด
จบเรียนวันแรก เริ่ม"คิด"เป็นขั้นเป็นตอน จับต้นชนปลายเรื่องบันได 4 ขั้นการตลาดได้
เรียนวันที่ สอง ก็ได้คิดเป็นขั้นเป็นตอนยิ่งขึ้นว่า จะค้าจะขายมีรายได้เพิ่ม มีกิจการที่ขยายตัวออกไป ต้อง "คิด" ทา 4
เรื่อง จะสังเกตเห็นการ "คิด" ของตัวเรา ก่อนเรียน "คิด" แบบหนึ่ง
เรียนวันแรก "คิด" เป็นขั้นเป็นตอน
เรียนวันที่ สอง "คิด" เป็นขั้นเป็นตอนยิ่งขึ้น
จะพบว่า วันที่ 1 ก็เป็น"ความคิด" วันที 2 ก็เป็น "ความคิด" เอาละ! วันนี้ เราจะมาแปลงความคิดให้ ออกมาเป็น ตัว
กิจกรรมกัน เพื่อที่เราจะจับต้องได้มากขึ้น นาไปปฏิบัติได้ง่ายขึ้น
จากความคิดวันแรกและวันที่สอง เราจัดเป็นหมวดหมู่กิจกรรมได้ 5 หมวด คือ
กิจกรรมการตลาด "ใช้เสน่ห์ดึงดูดใจให้เกิดลูกค้าประจาเพิ่ม"
กิจกรรมการเพิ่มเสน่ห์สินค้าตัวเอก "ให้ลูกค้ายิ่งติดใจซื้อซ้าบอกต่อ"
กิจกรรมการขายสินค้าตัวรอง "ให้กับลูกค้าประจา"
กิจกรรมการทาสินค้าใหม่มาขาย "ตามรสนิยมลูกค้าประจา"
กิจกรรมการนาสินค้าดีดีของเพื่อนมาขาย "ตามรสนิยมของลูกค้าประจา"
ถึงตอนนี้ เราก็ได้กิจกรรมสาคัญ 5 หมวดแล้ว ลองจินตนาการตามนะครับ น้ามี 3 สถานะ หรือ 3 หมวดคือ ไอน้า
น้า น้าแข็ง
คิดก่อนเรียน "เหมือนเมฆหมอกละอองน้า" สัมผัสได้แต่จับต้องไม่ได้
เรียนวันที่ 1 เริ่มจับต้องได้เหมือนหยดน้า
เรียนวันที่ 2 จับต้องได้มากขึ้น เหมือนน้าใน โอ่ง
วันนี้ น้าจาก 5 โอ่ง ถูกทาเป็นน้าแข็ง 5 ก้อนได้แล้วข้างต้น และท่านกาลังจะนาน้าแข็งแต่ละก้อน มาทุบย่อยให้พอดี
คา เพื่อกินได้ง่ายขึ้น
ต่อไปนี้ เชิญแต่ละท่านมาทาน้าแข็ง พอดีคากันครับทาอย่างไร(?) เพียงตอบคาถามว่า
กิจกรรมหมวดที่ 1 ต้องทากิจกรรมย่อยอะไรบ้าง
กิจกรรมหมวดที่ 2 - 5 ต้องทากิจกรรมย่อยอะไรบ้าง นี่คือกิจกรรมของวันนี้
กำรบ้ำน 3 (วันที่สำมของกำรเรียน)
กำรบ้ำน (3)
ชื่อ สมพร ปานโต
ผลิตภัณฑ์ตัวเอก การท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านห้วยสะพาน
กลุ่ม ที่ 6
จังหวัดกาญจนบุรี
แปลงแนวคิด เป็นกิจกรรม เพื่อทาแผน (เขียนกิจกรรมย่อยให้มากข้อ เพื่อให้ครอบคลุมมากที่สุด)
(1) กิจกรรมการตลาด
ต้องทากิจกรรมย่อยๆ อะไรบ้าง?
ตอบ
1.1ประชาสัมพันธ์ปากต่อปาก ประชาสัมพันธ์ผ่านหน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้องได้แก่ททท. ทกจ. อพท.7 เป็นต้น
1.2ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างทั่วถึง
1.3 ติดต่อประสานงานโดยตรง
1.4 สื่อวิทยุ โทรทัศน์ คลิปวีดีโอ ช่องยูทูปและช่องต่างๆ
1.5 ออกบู้ทประชาสัมพันธ์ ร่วมกับหน่วยงานองค์กรต่างๆได้แก่กรมป่าไม้ กองทุนสิ่งแวดล้อม ททท. ทกจ. เป็นต้น
1.6 จัดกิจกรรมโปรโมทสินค้า ลด/แลก/แจก/แถม ผ่านสื่อและช่องทางต่างๆ
(2)กิจกรรมการเพิ่มเสน่ห์สินค้าตัวเอก ต้องทากิจกรรมย่อยๆอะไรบ้าง?
ตอบ
2.1 พัฒนาสินค้าให้ผ่านการรับรองมาตรฐานในทุกๆด้าน เช่นมาตรฐานการท่องเที่ยวโดยชุมชน มาตรฐานความปลอดภัยด้าน
สุขอนามัย SHA และSHA Pius มาตรฐานไทยสตอบโควิดและมาตรฐานโควิดพลัส เป็นต้น เพื่อสร้างความเชื่อถือให้ลูกค้า
เกิดความมั่นใจในการมาใช้บริการ อย่างต่อเนื่อง
2.2 รักษาคุณภาพของสินค้าให้คงที่
2.3 จัดกิจกรรมโปรโมทสินค้า โดยมีโปรโมชั่น ลด/แลก/แจก/แถม
ชวนคิดชวนคุย 9 ภาพรวมสองวันที่ผ่านมานี้
1) ผู้เรียนทุกท่านที่ทาการบ้านส่ง ทาขั้นตอนการตลาดได้ทั้ง 4 ขั้น ถือว่าเป็นความสาเร็จเบื้องต้น แต่ จุดอ่อนที่
สำคัญคือ บำงส่วนไม่ได้อ่ำน บรรยำย รวมทั้งอ่ำนโจทย์ไม่ละเอียด แต่ถ้าได้อ่าน (กระจกบานที่ 4) ข้อคิดชวนคุย "กลยุทธ์
การตลาด ของปลาเล็ก" ข้อคิดชวนคุย "เสน่ห์ของสินค้า มองแบบคนขาย แพ้ มองจากมุมคนซื้อ ชนะ" ข้อคิดชวนคุย
"เศรษฐกิจบ้านนอก เศรษฐกิจคนเมือง" อ่านแล้วนากลับไปย้อนทบทวนที่เราเขียนมา (กระจกบานที่1) เราจะ
ปรับ เสน่ห์ ของสินค้าเราให้ โดดเด่น แตกต่าง และโดนใจได้ดีขึ้นแน่นอน ถ้าจะเปลี่ยนจาก "ขายเยอะกาไรน้อย เป็นขายน้อย
กาไรเยอะ" ต้องเพิ่มความพิถีพิถัน การค้าการขายเปรียบได้กับกีฬา พลาดนิดเดียวถึงแพ้ได้ เช่นมวย ฟุตบอล วิ่ง 100 เมตร
ฯลฯ ดังนั้นความพิถีพิถัน ในแต่ละขั้นตอนจึงสาคัญ cbmc ข้อที่ 1 เสน่ห์ของสินค้า ผู้ตอบส่วนใหญ่ เขียนจากมุมมองของ
คนขาย เช่น รสชาดอร่อย ปลอดสาร เป็นของดี ตั้งใจทา ฯลฯ ถ้าตอบแบบนี้ ผมเป็นคนซื้อ ก็จะบอกว่า "คุณป้าครับผมไม่
เคยเห็นมีแม่ค้าเจ้าไหนบอกว่า สินค้าฉันไม่อร่อย ไม่ดี สักราย" แบบนี้ ขายเยอะกาไรน้อย แต่ถ้าบอกว่า รสเปรี้ยวจากมะนาว
มะพร้าวคั้นเอง พริกจากไร่ไม่ใช้เคมี เป็นสูตรเฉพาะของคุณย่า ฯลฯ แบบนี้เรียกว่า "อร่อยแบบแตกต่าง" แบบนี้ ok. เป็นการ
มองจากหัวจิตหัวใจของคนซื้อ แบบนี้ ขายน้อยกาไรเยอะเป็นไปได้ cbmc ข้อที่ 2 หา สเปคลูกค้า แบบ "เห็นปุ๊บ ซื้อปั๊บ"
เพื่อขยายลูกค้าประจา ให้เป็นแบบ ตลาด สินค้ารสนิยมเฉพาะกลุ่ม เราจะขายได้ราคาดีกับคนกลุ่มนี้ ถ้าเขาติดใจ เขาจะซื้อ
ซ้า ซื้อสินค้าทุกตัวที่เขาชอบ จากร้านเรา และเขาก็จะพากันบอกต่อให้คนรสนิยมเดียวกันในแวดวงของเขา มาเป็นลูกค้า
ประจาของเราเพิ่มขึ้นๆ ข้อนี้บางส่วนตอบแบบกว้างๆ เหมือนทอดแหในทะเล เช่น ลูกค้าทั่วไป แม่บ้าน ฯลฯ แบบนี้คงจะหา
" ลูกค้ารสนิยมเฉพาะกลุ่มมาเป็นลูกค้าประจาได้ลาบาก " (niche market) ลองพิถีพิถันเรื่อง สเปค ลูกค้าขึ้นอีกจะดีมากๆ
ครับ คล้ายๆ ทาให้สินค้าเราควรมี "Fanclub" อะไรประมาณนั้น
2) กิจการเล็กๆ อย่างเรา ใช้อัตลักษณ์เฉพาะถิ่น สร้างความแตกต่าง ได้มากมาย ค้นหาให้เจอ เช่น บุรีรัมภ์ เป็น
จังหวัดเดียวที่มีดินภูเขาไฟมากที่สุด จุดนี้เป็นความแตกต่างสามารถนามาใช้เพิ่มfanclub ได้แน่นอน
3) ครูพี่เลี้ยงไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องสินค้าของเรา และต้อ งอ่านของทุกคน ไม่สามารถแนะนาได้ละเอียด ทาได้แค่เป็น
"ความเห็นหนึ่ง" คล้ายๆที่เพื่อนๆแต่ละคนเขียน ก็เป็นอีกหลากความเห็น เราจึงเรียกว่า ครูพี่เลี้ยงเป็นกระจกบานที่ 3 เพื่อนๆ
เป็นกระจกบานที่ 2 ท่านต้องพึ่งตนเองโดยการอ่านของเพื่อน (กระจกบานที่ 2) ให้มากๆ อ่านบรรยาย อ่านข้อคิดชวนคุย
แล้วนามาปรับปรุงคาตอบให้คมชัดลึกขึ้น เพราะมันคือแผนที่ท่านทาขึ้นมาเพื่อการลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ ขยายกิจการของ
ท่านเอง
วันที่สอง "แนวทางการเพิ่มรายได้ ขยายกิจการ" ส่วนใหญ่ผู้เรียนทาทั้ง 4 หมวด ได้ดีและชัดเจน จนเกิดแนวคิดการ
สร้าง เครือข่ายการตลาด cbmc (ชวนคิดชวนคุย 6) และได้มีการริเริ่มหารือระหว่างผู้เรียนระหว่างกลุ่มและพี่เลี้ยงระหว่าง
ภาค เพื่อทาให้ข้อเสนอข้างต้นถูกนาไปทาให้เป็นจริง
พรุ่งนี้ เราจะต่อ ยอดจากสองวันนี้ ด้วยการ "แปลงแนวคิด (การตลาดและการเพิ่มรายได้ขยายกิจการ) เป็นกิจกรรม
เพื่อเตรียมจัดทาแผนดาเนินงาน 5 ช่อง ถ้าการบ้านสองวันแรกของท่านนี้ไม่คม ชัด ลึก พรุ่ง นี้อาจออกทะเลได้ เพราะ
cbmc เชื่อมร้อยกันเป็นลูกโช่ “ติดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็พากันผิดยกแผง”
มีเวลาขอให้ทบทวน ข้อ 1 เสน่ห์ ข้อ 2 สเปคให้คมชัดลึก โดยอ่านบรรยายและข้ อคิดขวนคุย ไตร่ตรอง แล้วเขียน
ใหม่ให้ดีที่สุด เพื่อพรุ่งนี้ที่งดงามครับ
กำรเรียนวันที่สี่
บรรยำย 4 กำรจัดทำตำรำงแผนดำเนินงำน 5 ช่อง (Operation Plan)
เมื่อวาน เราได้ย่อยักษ์ ลงมาเป็นก้อนน้าแข็งได้แล้ว ยักษ์คือ การบ้านที่ท่านทาในวันที่ 1 และ 2 ของการเรียน
(25,26 กุมภาพันธ์ 2565) ได้แก่แนวทางการตลาดกับแนวทางการเพิ่มรายได้ขยายกิจการ มี 5 ข้อ
ข้อ1 ค้นหาเสน่ห์สินค้า
ข้อ2 ค้นหากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ข้อ3 สร้างช่องทางการสื่อสาร
ข้อ4 บริการก่อนและหลังการขาย ข้อ5 ทาแนวทางการเพิ่มรายได้ขยายกิจการ
ก้อนน้าแข็งคือ การบ้านที่ท่านทาเมื่อวาน เรียกว่า กิจกรรมสาคัญที่ต้องทา (cbmc ข้อ 6) มี 5 ก้อนหรือ 5 หมวด
ได้แก่
กิจกรรมการตลาด
กิจกรรมเพิ่มเสน่ห์
กิจกรรมขายตัวรอง
กิจกรรมทาตัวใหม่ และ
กิจกรรมนาของดีจากเพื่อนมาขาย
เมื่อวานก็ได้ย่อยกิจกรรมสาคัญทั้ง 5 หมวดเป็นกิจกรรมย่อยๆ เพื่อพร้อมให้นาไปใส่ในตะเกียงวิเศษแล้ว วันนี้ เราจะ
นายักษ์ที่ย่อลงมาเป็นน้าแข็ง ใส่ลงในตะเกียงวิเศษ ตะเกียงวิเศษ มี 2 ชื้นส่วน หรือ 2 ตาราง
1) ตารางแผนดาเนินงาน มี 5 ช่อง คือการบ้านวันนี้ (Operation Plan)
2) ตารางแบบจาลองธุรกิจที่เราทา (Business Model) มี 9 ข้อ ท่านจะได้ทาพรุ่งนี้
เราจึงมักเรียกตะเกียงวิเศษนี้ว่า 9 ข้อ 5 ช่อง หรือแผนลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ขยายกิจการ ชื่อจริงคือ แผนธุรกิจเพื่อ
ชุมชน ชื่อฝรั่ง คือ Community Business Model Canvas เรียกย่อๆ ว่า cbmc นั่นเอง
ตาราง 5 ช่อง เป็นเหมือนเลขาส่วนตัวของท่านหรือเลขาประจากลุ่มของท่าน คอยเตือนว่า วันนี้ต้องทาอะไรให้เสร็จ
ถ้าไม่เสร็จจะต้องแก้ไขอย่างไร ใครรับผิดชอบ อันไหนเราทาเอง ใช้เงินเท่าไหร่ ร่วมมือกับหน่วยงานไหน อย่างไร
ถ้าท่านทาตามแผน 5 ช่องนี้อย่างมีวินัยก็เหมือนขึ้นบันไดไปถึงเป้าหมายใน 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปีตามที่ตั้งไว้
ตาราง 9 ข้อเป็นเหมือนแผนที่ลายแทงและเข็มทิศของกิจการของท่าน ถ้าท่านเดินตามแผน 5 ช่องแล้วหลงทาง ท่าน
ก็ดูลายแทง 9 ข้อว่า ตรงไหนที่มันเพี้ยนไม่สอดคล้องกับเส้นทาง ท่านก็ปรับเส้นทางใน 5 ช่อง ท่านก็จะเดินต่อไปสู่เป้าหมาย
ได้อย่างไม่หลงทาง ตะเกียงวิเศษ เป็นแผนที่รายแทงการทาธุรกิจที่มีขั้นมีตอนกากับจนบรรลุเป้าหมายนั่นเอง ถึงเวลานี้ ท่าน
เห็นหรือยังว่า ท่านกาลังจะมียักษ์ในตะเกียงวิเศษคอยช่วยท่านทามาหากินทามาค้าขาย ลดรายจ่าย เพิ่ม
รายได้ขยายกิจการ ในวันนี้และพรุง่ นี้ ท่านอยากเห็นตะเกียงวิเศษของท่านหรือยัง! เรามาทาตะเกียงวิเศษเริ่มจากตาราง 5
ช่องกันวันนี้เลยครับ (!)
กำรบ้ำน 4 (วันที่สี่ของกำรเรียน)
ทาตาราง 5 ช่อง กิจการของท่าน
วิธีการ ดูตัวอย่างตาราง 5 ช่องตามที่ส่งมา กดคาว่า คัดลอกที่แผ่นตาราง 5 ช่องด้านล่าง เพื่อนามา กรอกข้อความ
กรอกคาว่า
กิจกรรมการตลาดในช่องที่ 1 กรอกกิจกรรมย่อย การตลาดจากการบ้านที่ท่านทาไว้เมื่อวาน ลงในช่องที่ 2 เรียงทีละ
ข้อๆ จนครบ ใส่ชื่อผู้รับผิดชอบในช่องที่ 3 ล้อกับกิจกรรมย่อยจนครบ ใส่ วันที่ เดือน ปี ที่กาหนดเสร็จ ล้อกับกิจกรรมย่อย
จนครบ อ่ำนบรรยำย 4.1 เพื่อทำควำมเข้ำใจ เรื่องทุน และใส่เลข 7 หรือ 8 หรือ 9 ในช่องที่ 5 ล้อกับกิจกรรมย่อยจนครบ
ย้อนกลับมาช่องที่ 1 ดาเนินการกิจกรรมหมวดที่ 2 ถึง 5 ตามขั้นตอนจนครบได้ตะเกียงวิเศษที่มียักษ์บรรจุอยู่ครึ่งหนึ่งแล้ว
หมำยเหตุ กิจกรรมย่อยสำมำรถเพิ่มเติมได้ตำมควำมจริง
บรรยำย 4.1 กำรบริหำรทุน
การบริหารทุน ประกอบการจัดทา "แผน 5 ช่อง" cbmc แบ่งทุนเป็น 3 หมวด
1) ทุนที่เราทาเองได้ด้วย หนึ่งสมองสองมือของเรำ หรือการร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชน ไม่ต้องจ่ายตังค์ เป็น
การลดรายจ่าย ด้วยการรู้จักใช้จุดแข็งบ้านนอกของเราให้เกิดความผาสุกร่วมกัน ในการลงตาราง แทนทุนนี้ด้วยเลข 7
2) ทุนที่เรียกว่า "ทุนความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีรัฐ วิชาการ เอกชน NGOs" นี่ก็ไม่ต้องจ่ายตังค์ ทุนความร่วมมือ
นี้ จะช่วยให้เราขยายกิจการได้ง่ายขึ้น เช่น งานวิจัยสินค้า เครื่องจักรอุปกรณ์ วิชาความรู้เฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับสินค้าของเรา
ฯลฯ แทนด้วยเลข 8
การมีตาราง 9 ข้อ 5 ช่อง ช่วยให้เราใช้บริการของรัฐ วิชาการ เอกชน NGOs ได้อย่างถูกเรื่อง ถูกที่ ถูกเวลา
3) ทุนที่เป็นตัวเงิน แทนด้วยเลข 9 ทั้งที่เป็นเงินเก็บ เงินกู้ หรือเงินที่เป็นภาระการลงทุนกับสินค้าของเรา (ซึ่งทุน
เลข 9 นี้เราจะพิจารณาใช้ให้น้อยที่สุดและจะพิจารณาเป็นตัวสุดท้ายจาเป็นที่ต้องใช้เท่านั้นจึงจะใช้)
ก่อนหน้านี้เราลงตาราง 5 ช่อง ไปได้ 4 ช่องแล้ว เหลือช่องที่ 5 ที่เขียนว่า 'ทุนที่ใช้ ' (ใส่เลข 7 หรือ 8 หรือ 9 และ
กรณีเป็นทุนเลข 8 จะใส่หน่วยงำนนั้นด้วยก็ได้ วิธีใส่ทุนในตาราง ดูช่องที่ 2 "กิจกรรมย่อย" ว่าต้องใช้ทุนเลข 7 หรือ 8
หรือ 9 เราก็ใส่เลขนั้นๆ ล้อไปกับตารางช่องที่ 2 จนครบ เราก็จะรู้ทันทีว่า ใน 3 เดือน 6 เดือน เราต้องใช้ตังค์เท่าไร ต้อง
ร่วมมือกับหน่วยงานไหนบ้าง และอะไรที่เราทากันเองเพื่อลดรายจ่าย
กำรเรียนวันที่ห้ำ
บรรยำย 5 Community Business Model Canvas: cbmc (แบบจำลองธุรกิจบ้ำนนอก 9 ข้อ)
เป็นการย่อการบ้านตั้งแต่วันแรกถึงเมื่อวานทั้งหมดมาใส่ในตาราง 9 ข้อ หรือพายักษ์เข้าตะเกียงวิเศษ ตัวอย่าง
การบ้านวันแรก
ข้อที่ 1 เสน่ห์สินค้า ให้ท่านคิด ประโยคหรือวลีสั้นๆ ที่คนอ่านปุ๊บ รู้ปั๊บว่า นี่แหละเสน่ห์สินค้าของเรา เช่น หิวเมื่อไร
ก็แวะมา เราจะนึกถึง 7-11, ความสุขที่ดื่มได้ จะนึกถึงเบียร์ยี่ห้อหนึ่ง, รีเจนซี่บรั่นดีไทย จะนึกถึง บรั่นดีไทยยี่ห้อหนึ่ง, ทุเรียน
ภูเขาไฟ คุ้มค่า..ทุกนาที...ดูทีวี ช่องไหนครับ ฯลฯ
สร้างคาสั้นๆ กระชับจับใส่ลงในตารางข้อที่ 1 หรือวันที่ 4 คือเมื่อวาน วิธีการการนาทุนที่ใช้จากตาราง ช่องที่ 5 ทุน
ทาเอง (ข้อ 7) ทุนร่วมมือภาคี (ข้อ 8) ทุนเงิน (ข้อ 9) ให้ท่าน รวบรวมกิจกรรมที่เป็นเลข 7 ทั้งหมดมาใส่ตาราง "ทาเอง"
รวบรวมกิจกรรมที่เป็นเลข 8 ทั้งหมดมาใส่ตาราง "ร่วมมือภาคี" พร้อมชื่อย่อ หน่วยงาน ดูเลข 9 รวบรวมกิจกรรมและตัวเงิน
ที่ใช้ทั้งหมด มาใส่ตาราง "ใช้เงินลงทุน" ท่านก็จะเห็น
1)กิจกรรมทั้งหมดที่เราทาเอง
2) กิจกรรมที่ต้องร่วมมือกับหน่วยงาน และร่วมมือกับหน่วยงานไหนบ้าง
3) ใช้ตังค์ทั้งหมดเท่าไร
นี่คือการบริหารทุนเพื่อลดรายจ่าย ใช้เงินน้อย คือจุดเด่นทามาหากินทามาค้าขายแบบ 9 ข้อ 5 ช่อง ใช้เงินน้อย ความ
เสี่ยงก็น้อย ใช้เงินน้อย เราก็ขายของคุณภาพดี ราคาสู้คู่แข่งได้ ของดีราคาถูกใจ บริการประทับใจ เราก็จะมี แฟนคลับ หรือ
ลูกค้าประจาที่ติดใจ ซื้อซ้า บอกต่อ เมื่อมีแฟนคลับเราก็ขายได้ตลอด ขายสินค้ารองได้ ขายสินค้าตัวใหม่ถูกใจลูกค้าได้
ขายสินค้าดีดีของเพื่อนได้ แบบนี้แหละ "ขายน้อยได้มาก" แบบนี้แหละ ความผาสุกของครอบครัว ชุมชนบ้านนอกเราจะอยู่คู่
ลูกคู่หลาน แบบนี้แหละที่ เรียกว่า ธุรกิจเพื่อชุมชน
ลงตารางเสร็จ ท่านก็จะได้ Community Business Model Canvas; cbmc คล้ายๆ ได้โฉนดหรือแผนที่ บอก
ขอบเขต ขนาดของกิจการของเรา ใช้สาหรับกากับทิศทางการทามาหากินทามาค้าขายของเรา ให้ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้
ขยายกิจการได้จริง ไม่ต้องหลงทางเข้าสู่วงจรอุบาท ขายมากได้เงินน้อย มีของแต่ขายไม่ได้ เหนื่อยแทบตายได้หนี้ท่วมตัว การ
ได้ตาราง 9 ข้อและตาราง 5 ช่องก็เหมือนว่า ท่านได้สร้างตะเกียงวิเศษที่มียักษ์ใจดีแอบอยู่ในตะเกียง คอยช่วยท่านทามาหา
กินทามาค้าขายแบบมืออาชีพได้ด้วยตัวท่านเอง นั่นเอง แบบนี้แหละที่แผนธุรกิจเพื่อชุมชน 9 ข้อ 5 ช่อง ช่วยให้บ้านนอกยังคง
เป็นสวรรค์บนดินได้ต่อไป เรามาสร้างตะเกียงวิเศษต่อจากเมื่อวานกันเถอะ
📖อ่านบรรยาย
โลกกาลังใสใจการพัฒนาเศรษฐกิจแนวใหม่ได้แก่
เศรษฐกิจชีวภำพ Bioeconomy (B)
คือ การต่อยอดทรัพยากรพืช และสัตว์ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้เกิดการพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น
เศรษฐกิจหมุนเวียน Circular Economy (C)
คือ การใช้ทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด มีการหมุนเวียนใช้ซ้านากลับมาใช้ใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดของเหลือทิ้ง ไม่เกิดขยะ
ทุกกระบวนการ ลดปริมาณของเสียให้เป็นศูนย์
เศรษฐกิจสีเขียว Green Economy (G)
คือ การพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่ได้สนใจเพียงรายได้เท่านั้น แต่ ยังต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อม มลพิษ และความยั่งยืน อาทิ การไม่ใช้
สารเคมี
เรียกย่อๆรวมกันว่า BCG
BCG เป็นแนวทางการพัฒนาที่สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ 5 เป้าหมาย ได้แก่
- การผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน
- การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- การอนุรักษ์ความหลากหลาย
- ความร่วมมือการพัฒนาที่ยั่งยืน
- การลดความเหลี่อมล้า
อีกทั้งสอดรับกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นหลักสาคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย
BCG เป็นการเปลี่ยนรูปแบบจากการ "ผลิตมากแต่สร้างรายได้น้อย (More for Less)"ไปสู่การผลิตที่ "ผลิตสินค้าน้อย แต่
สร้างรายได้มาก (Less for More)"
ข้อสอบ (3)
ท่านรู้สึกว่า CBMC มีส่วนคล้ายกับ BCG บ้างหรือไม่ อย่างไร (เอ๊ะ)
ตอบ คล้ายกัน เป็นแนวทางพัฒนาที่สอดรับกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นหลักสาคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมของประเทศไทย มีแนวทางที่เหมือนกันคือ ผลิตสินค้าน้อย แต่สร้างรายได้มาก (Less for More)
ข้อคิดชวนคุย 13 "จบแต่ไม่จาก"
6 วันที่ "ครอบครัว cbmc" ที่สมัครเข้ามาในระบบ 390 กว่าคน ถึงวันนี้ที่เราส่งการบ้านและพร้อมทาข้อสอบเพื่อจบ
นั้นยังไม่ชัดว่าจะมีกี่คน แต่ที่แน่ๆทุกห้องได้แลกเปลี่ยน ได้พูดคุย ได้คุ้นเคยกับครูพี่เลี้ยงที่มาจากทั่วประเทศ "แบบรู้ใจซึ่งกัน
และกัน" กิจกรรมการอบรมแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีโอกาสเช่นนี้ เมื่อเป็นความคุ้นเคยที่มีคุณค่าและหาได้ยาก การรักษา
คุณค่านี้ไว้อย่างเป็นธรรมชาติและเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน รวมทั้งได้เอื้อประโยชน์ต่อส่วนรวมตามจริง ย่อมดีงามต่อชีวิต
cbmc 9 ข้อ 5 ช่อง ได้เปิดช่องทางที่เอื้อต่อคุณค่าดังกล่าวคือ 1) ข้อที่ 8 ทุนความร่วมมือ เป็นช่องทางให้แต่ละคนนา"จุด
แข็งที่แตกต่างหลากหลาย"ของแต่ละคน ไป เติมเต็มเพื่อนๆ แบบ "เพื่อนช่วยเพื่อน" 2) ข้อที่ 5 นาสินค้าดีดีของเพื่อนมาขาย
3) ข้อที่ 3 ช่องทางการสื่อสารถึงลูกค้าเป้าหมาย ความเชี่ยวชาญในยุค digital ของคนต่าง gen (Generation)จะช่วยเติมเต็ม
กันได้ เช่น blockchain ที่คนรุ่นใหม่เป็น คุ้นชิน(native) แต่คนรุ่นพี่ป้าน้าอา (ล้ม) อ่อนด้อย การเกื้อหนุนจึงมีคุณค่า ขณะที่
ข้อที่ 1 เสน่ห์ของสินค้า ที่ต้องการความแตกต่าง อันเป็นอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น คนรุ่นพี่ป้าน้าอา จะคุ้นเคย และค้นหามาให้คน
รุ่นใหม่ ใช้ digital /blockchain เพิ่มคุณค่าและมูลค่าได้ ข้างต้นแค่เป็นตัวอย่างที่ 6 วันนี้จัดก่อประโยชน์ระยะยาวได้ยิ่ง ขึ้น
ถ้าเรา "จบแล้วไม่จาก"
หลักสูตร "นักจัดกระบวนกำรเรียนรู้ cbmc" หลักสูตร 1 วัน 3 มีนำคม 2565 (หมำยเหตุ หลักสูตรพี่เลี้ยง ถ้ำผู้เรียน
ไม่ได้สมัครเรียนต่อหลักสูตรนี้สำมำรถตัดส่วนนี้ออกได้)
คุณสมบัติ
1. ผ่านหลักสูตร cbmc 6 วัน
2. มีเวลาอ่านบรรยาย 1 หัวข้อ และส่งการบ้าน 5 ข้อ
3. ร่วมนาเสนอ 1 นาทีกับ "วลีโดนใจ" ในวงเสนา 1 ทุ่ม ตารางเรียน บรรยายและให้การบ้าน 6.00 น. การบ้าน
ประกอบด้วยหัวข้อ
บทบาทพี่เลี้ยง
การพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน
หัวใจของการพัฒนาที่ยั่งยืน
กระบวนการสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
หัวใจนักจัดกระบวนการเรียนรู้ cbmc
4. 19.00 -20.30 เสวนา 1 นาทีกับวลีโดนใจ
“สะพำนวัฒนธรรม บนผืนป่ำชุมชนบ้ำนห้วยสะพำนสำมัคคี”
ป่ำชุมชนบ้ำนห้วยสะพำนสำมัคคี เป็นป่ำชุมชนต้นแบบระดับประเทศ
เป็นซุปเปอร์มำร์เก็ตและเป็นแหล่งศึกษำเรียนรู้ดงู ำน
เป็นสะพำนวัฒนธรรมและภูมปิ ัญญำ บนป่ำผืนใหญ่
กิจกรรม นั่งรถอีแต๋นเข้ำป่ำกันจ้ำ......
เล่ำประวัติควำมเป็นมำป่ำชุมชนบ้ำนห้วยสะพำนสำมัคคี
กิจกรรมอำบป่ำ
นั่งพักเหนื่อยดื่มน้ำสมุนไพรกันก่อนจ้ะ มีน้ำสมุนไพรเช่นน้ำตะโก,น้ำตะไคร้,น้ำอัญชัญมะนำว,น้ำมะม่วง
หำวสำมรสและอีกหลำยน้ำ จ้ะ
กิจกรรมที่เกี่ยวกับกำรใช้ประโยชน์จำกป่ำชุมชนบ้ำนห้วยสะพำนสำมัคคี
กำรถักแหวน/กำไล/ปลอกฝักมีด
อำหำรว่ำงช่วงบ่ำยจ้ะ....น้ำสมุนไพรเย็นๆกับวุ้นลูกตำลสดแช่เย็น(อำหำรจำกผลตำลมีตำมฤดูกำลจ้ะ)
กิจกรรม ประดิษฐ์ดอกไม้จำกต้นปอเต่ำร้องไห้
ได้เวลำกลับเข้ำชุมชนแล้วจ้ะ...แวะไปกรำบไหว้พระที่โบสถ์เก่ำวัดเขำจำศีลกันก่อนจ้ะ
เป็นโบสถ์สมัยอยุธยาตอนปลาย เราเรียกโบสถ์มหาอุตม์ เนื่องจากมีประตูเข้าออกช่องทางเดียว
ปัจจุบันได้ทาการบูรณะซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว
ได้เวลำชม..ชิม..ช้อป กันแล้วจ้ะ
แวะไปเยี่ยมชมกลุม่ ทอผ้ำพื้นบ้ำนด้วยกี่กระตุกมือ..ด้วยจ้ะ
ไปเยี่ยมชมกลุ่มแปรรูปข้ำวเกรียบสมุนไพร(สีรุ้ง) กันสิจ้ะ
ไปเยี่ยมชม”สวนมำสุข” พื้นที่ 1 ไร่ ไร้จนกันจ้ะ
ของฝำกจำกชุมชน (นามาให้ชมเพียงบางส่วนจ้ะ)
เหนื่อยนัก..พักก่อน เรำแนะนำที่พักของ “ห้วยสะพำนโฮมสเตย์จ้ะ”
กิจกรรมภำคกลำงคืน (จัดให้ตามความประสงค์ของลูกค้าจ้ะ)
ร้องและรำเพลงเหย่ย
ประวัติผู้เขียน